“ชงโครออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวผมไปซื้อป๊อบคอร์นให้” หลินยังเป็นผู้ชายที่ยิ้มเก่งเหมือนเดิม ตอนนี้ผมกับหลินอยู่ที่หน้าโรงหนัง หลังจากซื้อตั๋วจากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติแล้ว ก็ถึงเวลาสำหรับเลือกซื้อเสบียงเข้าไปนั่งกินระหว่างดู แต่เพราะคนเยอะมาก คิวยาวเหยียด หลินเลยให้ผมนั่งรอในขณะที่เขาไปยืนต่อแถว เขาปฏิบัติราวกับผมเป็นสาวน้อยที่ต้องได้รับการดูแล และการเทคแคร์แบบนี้...ผมก็รู้สึกได้ว่า หลินคงไม่ได้คิดเหมือนกับผม
นั่งรออยู่เกือบสิบนาที หลินก็เดินมาพร้อมป๊อบคอร์นกล่องใหญ่และเป๊บซี่สองแก้ว ผมรีบช่วยถือ ในขณะที่หลินก็เอาแต่ส่งยิ้มมาให้
“ดีใจนะที่มาตามนัด” หลินบอก “ผมนึกว่าชงโคจะมาไม่ได้”
‘นัดไว้แล้ว ยังไงก็ต้องมา’ ผมพิมพ์ใส่มือถือแล้วชูให้หลินอ่าน
“อืม...แล้วได้บอกพี่คนนั้นรึเปล่าว่ามาดูหนังกับผม” หลินถาม พอผมพยักหน้าเขาก็ถามต่อว่า “เขาไม่ว่าอะไรเหรอ”
‘ว่าทำไม...ก็ผมมาดูหนังกับเพื่อน หรือหลินคิดว่าเขาจะต้องว่าอะไร’
“เปล่า ไปกันเถอะ ใกล้ได้เวลาแล้วล่ะ”
ก่อนจะเข้าไปในโรง ผมก็ส่งไลน์ไปบอกพี่ทอง ‘ผมอยู่ที่โรงหนังแล้วนะ ไว้ดูเสร็จแล้วผมจะคอลไปหา’ มีแค่สถานะข้อความที่ขึ้นว่าอ่านแล้วเท่านั้น แต่ไม่มีการตอบกลับ ผมรออยู่เกือบห้านาที จนหลินเร่งให้เข้าไปข้างในอีกครั้ง ผมถึงได้ตัดใจเก็บมือถือลงในกระเป๋าเสื้อ
พี่ทองคงกำลังยุ่ง...ถึงไม่ว่างตอบกลับ
หนังที่เลือกดูวันนี้ก็คุ้มกับเงินที่จ่ายไปจริงๆ มันส์มาก ฉากที่ระทึกก็ทำเอาหัวใจแทบหยุดเต้น แต่พอฉากซึ้งก็ทำเอาน้ำตาคลอเบ้า ในระหว่างนั้นหลินก็จับมือผมไว้ แต่ผมก็ค่อยๆ ดึงออกมาอย่างรักษามารยาท เห็นรอยยิ้มเศร้าๆ ของเขาแค่ชั่วไม่กี่นาทีที่มีแสงสว่างมาจากหน้าจอ
หลังจากหนังจบ ผมก็รีบเดินออกมา หลินเดินตามมาอย่างเงียบๆ เขาเหมือนจะไม่สนุกเลย ทั้งๆ ที่หนังก็ออกจะมันส์ขนาดนี้ ตอนที่คนทั้งโรงหัวเราะ ผมก็ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาเลย เพราะผม...ไม่ยอมให้เขาจับมือรึเปล่านะ...แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น ผมคิดได้รึเปล่าว่า...หลินชอบผม
“กินข้าวกันก่อนไหม หรือชงโครีบกลับ” หลินถาม
‘ขอโทษนะ ผมรีบกลับ’
“อืม ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งที่รถนะ”
เห็นหลินทำหน้าซึมๆ แล้วผมไม่สบายใจเลย ผมทำแบบนี้ดีแล้วใช่ไหม...ถ้าเขาชอบผมจริงๆ ผมก็ไม่ควรให้ความหวัง เพราะไม่ว่ายังไง...ผมก็คงไม่มีทางชอบเขาแน่นอน
‘หลิน วันนี้ขอบคุณนะ หนังสนุกมาก แต่ถ้าครั้งหน้าหลินชวนผมอีก เราชวนโบกับแมวมาด้วยนะ มาด้วยกันเยอะๆ คงสนุก’
หลินอ่านข้อความจากผม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มให้
“อืม แน่นอนอยู่แล้ว”
‘ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกับคนอย่างผม ผมไปก่อนนะ แล้วเจอกันที่มอ’
“ครับ แล้วเจอกัน ขับรถดีๆ นะชงโค”
ถ้าชอบผม...ก็อยากให้ตัดใจให้ได้ไวๆ เพราะผมไม่อยากให้เพื่อนต้องเสียใจ
ขับรถกลับบ้านมาก็เจอพี่กระแตกำลังทำความสะอาดบ้านให้ ผมเลยช่วยทำ เพราะบ้านนี้ถึงจะไม่ใหญ่โตนักแต่ก็มีพื้นที่ที่ทำคนเดียวทั้งวันคงไม่เรียบร้อยเท่าไหร่
“วันนี้สุดหล่อคนนั้นไม่มาเหรอคะ” พี่กระแตเคยเจอพี่ทองแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ก็เก็บเอาไปเพ้อมาจนถึงทุกวันนี้ ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ ก่อนจะเดินเอาแจกันไปเปลี่ยนน้ำ
“คุณผู้ชายไปต่างประเทศกับเมียใหม่ตั้งสามเดือนแหน่ะค่ะ ตอนนี้ลูกเมียใหม่ก็เลยพาเพื่อนมาเที่ยวเล่นที่บ้านได้ ปาร์ตี้กันเกือบทุกคืน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่บ้านของตัวเองแท้ๆ พี่อยากให้คุณชงโคกลับไปอยู่ที่บ้านนะคะ ยังไงบ้านนั้นก็เป็นของคุณ ให้พวกกาฝากมาอยู่ จะทำให้บ้านของคุณผู้หญิงแปดเปื้อนเปล่าๆ”
ผมเพิ่งรู้ว่าพ่อไปต่างประเทศ คงพาแม่ของบิ้วไปเที่ยวละลายทรัพย์อีกตามเคย จะว่าไปผมก็ไม่ได้รู้ความเคลื่อนไหวของคนบ้านนั้นมานานแล้ว ผมถือว่าไม่รับรู้ชีวิตคงมีความสุขมากกว่า การมามัวพะวงว่าคนพวกนั้นจะผลาญสมบัติของแม่ไปเท่าไหร่ก็รังแต่จะทำให้ชีวิตไม่มีความสุข ปล่อยให้พวกเขาทำไปเถอะ อย่างน้อยก็เป็นค่าจ้างที่ยังรักษาธุรกิจของแม่ไว้ได้ ลำพังตัวผมตอนนี้...คงไม่มีปัญญาทำได้หรอก
หลังจากทำความสะอาดบ้านเสร็จ พี่กระแตก็เข้าครัวทำอาหารง่ายๆ ไว้ให้สองสามอย่าง ก่อนจะขอตัวกลับไปบ้านใหญ่ ส่วนผมก็ลงมารดน้ำต้นไม้ดอกไม้เหมือนอย่างเคย ถึงช่วงนี้ตอนเย็นๆ จะไม่ได้ทำเพราะติดกิจกรรมของคณะ แต่วันหยุดแบบนี้ก็อยากจะดูแลพวกเขาหน่อยครับ แล้วที่พวกมันยังคงสุขภาพดีกันอย่างนี้ก็คงต้องยกความดีความชอบให้กับลุงมีคนสวนที่รดน้ำ พรวนดิน ให้ปุ๋ยไม่ได้ขาด
ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ได้ไม่นาน ก็เห็นบิ้วเดินผ่านประตูเล็กระหว่างบ้านผมกับบ้านใหญ่เข้ามา ในมือมีกล่องขนมร้านดังมาด้วย
“ชงโค กลับมาเมื่อไหร่เหรอ เมื่อเช้าบิ้วมาหาก็ไม่อยู่”
ผมเอาบัวรดน้ำไปเก็บ ในขณะที่บิ้วเดินตามมา
‘บ่ายสามน่ะ มีธุระอะไรรึเปล่า’
“เอาขนมมาให้ บิ้วรู้ว่าชงโคชอบกิน ร้านอยู่ใกล้ๆ มอที่บิ้วเรียนอยู่ เลยตั้งใจซื้อมา”
‘เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยชอบแล้ว มันหวานไป’
“อย่างงั้นเหรอ” เห็นหน้าบิ้วที่สลดลงไปแล้วผมก็อดใจอ่อนไม่ได้
‘ยังไงก็ขอบใจนะ มานั่งกินด้วยกันสิ’
“กินด้วยได้เหรอ!” บิ้วถามด้วยท่าทางดีใจสุดขีด ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าบิ้วนิสัยดีขึ้น การพูดจาก็เปลี่ยนไป อยู่ที่มหาลัยก็คงลำบากอยู่ไม่น้อยเลยล่ะมั้ง
“ชงโค เรียนที่นั่นสนุกไหม” บิ้วถามพลางยื่นชูครีมมาให้ผม ผมรับไว้แล้วกัดหนึ่งคำ
อืม...ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย
ตอนนี้ผมกับบิ้วมานั่งเล่นที่ศาลากลางสวน บิ้วคอยเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟัง ในขณะที่มือก็เช็ดครีมออกจากปากให้ผม
“บิ้วขอโทษนะที่วันนั้นเมาแล้วทำอะไรขาดสติ” จะว่าไปเรื่องวันนั้นคนที่น่าสงสารมากที่สุดก็คือบิ้ว
‘ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมต่างหากที่ต้องขอโทษแทนพี่เขา’
“บิ้วผิดเอง ไม่เกี่ยวกับพี่คนนั้นหรอก ว่าแต่ชงโคมีเพื่อนเยอะไหม ว่างๆ ก็แนะนำให้บิ้วรู้จักบ้างนะ”
‘อืม ก็มีอยู่สองสามคน แล้วบิ้วล่ะ เรียนเป็นไง’
“ก็แย่ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ที่ที่ไม่มีชงโคน่ะ...ไม่มีความสุขหรอก”
ผมเสมองไปทางอื่น เลี่ยงที่จะสบกับแววตาเศร้าๆ ของบิ้ว
“ชงโค...ขออะไรหน่อยได้ไหม” บิ้วยื่นมือมากุมมือผมไว้ ผมอยากจะดึงมือออกแต่พอหันไปสบกับดวงตากลมโตคู่นั้น...ก็ทำเอานิ่งงันไป ผมทำให้คนๆ หนึ่ง...เจ็บปวดขนาดนี้เลยเหรอ
“อย่าเกลียดบิ้วเลยนะ บิ้วรู้ว่าแม่ของบิ้วทำเรื่องไม่ดี แล้วบิ้วก็เคยทำไม่ดีกับชงโคไว้มาก แต่ชงโคอย่าเกลียดบิ้วเลยนะ ขอร้องล่ะ”
บอกไม่ถูกหรอกว่าเกลียดรึเปล่า เพราะเห็นบิ้วเป็นอย่างนี้ผมก็สงสาร
‘บิ้วควรจะตัดใจจากผมนะ...จะได้ไม่ต้องเจ็บอย่างนี้อีก’
“บิ้วกำลังพยายาม...เพราะบิ้วไม่อยากให้ชงโคลำบากใจ”
‘ไม่ต้องทำเพื่อผมหรอก...ที่บอกให้ตัดใจ ผมแค่อยากให้บิ้วทำเพื่อตัวเอง’
บิ้วร้องไห้อีกแล้ว ครั้งนี้ก็เข้ามากอดผมไว้ แต่ผมไม่ได้ผลักออก ปล่อยให้บิ้วร้องไห้จนพอใจแล้วก็ผละออกไปเอง
“บิ้วต้องไปแล้วล่ะ นัดเพื่อนไว้”
ผมพยักหน้า ในขณะที่บิ้วลุกขึ้นแล้วพยายามส่งยิ้มมาให้
‘อย่ากินเหล้าบ่อย มันไม่ดีต่อสุขภาพ’
“จ่ะ อะไรที่ชงโคว่าไม่ดี บิ้วก็จะไม่ทำ ว่าแต่บิ้วมาหาอีกได้ไหม”
‘ถ้าว่างก็มาได้ แต่อย่ามาบ่อย’
“อืม ขอบคุณนะ” บิ้วยิ้มอีกครั้ง ก้มลงมาหอมแก้มผมอย่างรวดเร็ว “บิ้วรักชงโคนะ อย่าลืมล่ะ”
‘ก็บอกอยู่ว่าให้ตัดใจ’
“กำลังพยายามอยู่ไง แต่ตอนนี้ก็ยังรัก เพราะฉะนั้น...ขอบอกก่อน อิอิ ไปจริงๆ ละ”
ก็ดีแล้วที่พูดง่ายกว่าครั้งก่อนๆ ผมมองบิ้ววิ่งกลับไปที่ประตูเล็ก ก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจไปมาสองสามที กำลังก้าวขาออกจากศาลา สายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งยืนมองผมจากที่ประตูรั้ว คงยืนมองอยู่นานแล้วและเห็นว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เพราะสีหน้าเขา...ดูไม่ดีเลย
ผมรีบเดินเข้าไปหา เดินเร็วจนเกือบเป็นวิ่ง แต่คนๆ นั้นก็เดินไปขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว ผมยืนค้างอยู่อย่างนั้น ความคิดกำลังวิ่งวนว่าจะทำยังไงต่อ ผมควรตามไป...แล้วจะตามไปที่ไหน จะโทรถามใครในเมื่อผมมันเป็นไอ้ใบ้อย่างนี้
ผมกลับขึ้นบ้าน มานั่งกระวนกระวายอยู่ในห้องรับแขก ส่งไลน์ไปหาก็ไม่ได้รับคำตอบ โทรไปก็ไม่รับสาย โทรไปมากๆ ก็ปิดเครื่อง เขาคงโกรธผมมาก แต่ผม...โกรธตัวเองมากยิ่งกว่า โกรธที่ทำให้เขาต้องทำหน้าเจ็บปวดแบบนั้น...ผมไม่ได้ตั้งใจเลย
โอเค...ตอนนี้ผมควรไปหาเขาที่หอพัก ถึงไม่เจอพี่ทองแต่ถ้าพี่โนอยู่เขาคงจะช่วยอะไรผมได้บ้าง ตัดสินใจได้ก็รีบขับรถไปที่หอพักของพี่ทองทันที ใช้เวลานานกว่าจะมาถึงเพราะระยะทางมันไกลเกินไป แต่พอมาถึงหอพักก็ต้องคว้าน้ำเหลวเพราะไม่มีใครอยู่ ไม่มีแม้แต่เงาของพี่โน ผมจึงเดินคอตกมาขึ้นรถและรีบคิดหาวิธีต่อ ถ้าผมมีเบอร์ของพี่โปรดคงจะดี เพื่อนของเขาอีกคนที่น่าจะช่วยได้ผมก็นึกถึงแต่พี่คนนี้ แต่แล้วผมจะไปหาเบอร์เขามาได้จากที่ไหน ได้มาแล้วจะคุยยังไง เฮ้อ...ทำยังไงดีนะ
“อ้าว มาทำไรที่นี่ ไอ้ทองบอกจะไปหาชงโคไม่ใช่เหรอ คลาดกันรึไง” พี่โนที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนเดินมาเคาะกระจกแล้วพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ผมรีบพิมพ์ข้อความใส่มือถือแล้วยื่นให้พี่โนอ่าน
‘มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย พี่พอจะรู้ไหมว่าพี่ทองไปไหน เขาปิดเครื่อง ผมติดต่อไม่ได้เลย’
“เดี๋ยวนะ ให้พี่คิดก่อน” พี่โนบอก เขาทำหน้าครุ่นคิดอยู่นานทีเดียว “ลองไปดูที่บ้านมันก่อนไหม มันอาจจะไปหาเดซี่ก็ได้ แต่ปกติถ้ามันมีเรื่องกลุ้มใจ ไม่ค่อยแบกหน้าไปที่บ้านหรอก งั้นเอางี้ พี่จะช่วยหา ถ้าเจอแล้วจะส่งข้อความไปบอกนะ”
‘ขอบคุณมากครับ’
“ไม่เป็นไร คนคบกันก็อย่างงี้แหละ กระทบกระทั่งกันบ้างเรื่องธรรมดา”
พี่โนตบไหล่ผมเบาๆ แล้วเดินไปขึ้นรถตัวเอง ส่วนผมก็ขับรถไปที่บ้านของพี่ทองตามที่พี่โนบอก ระยะทางจากหอพักของพี่ทองกับที่บ้านของเขาก็ไม่ใช่ใกล้ๆ เหมือนกัน กว่าผมจะมาถึงก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว บวกระยะทางและรถติดก็ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงพอดี แต่มาที่นี่ก็ไม่เจอพี่ทอง เจอแค่เตี่ยที่ร้องเพลงของลุงสุรพลกล่อมเดซี่อยู่ที่คอก ที่จริงก็อยากจะถามหรอกว่าประธานบริษัทนำเข้ารถอย่างเตี่ยนี่มีเวลาว่างมานอนเปลร้องเพลงกล่อมเดซี่ด้วยเหรอ แต่เอาเข้าจริงเห็นหน้าเดซี่แล้วก็จุกจนไม่กล้าไปรบกวนเตี่ย เหมือนเดซี่จะรู้ว่าผมทำให้พ่อของมันเสียใจ มันถึงจ้องผมแล้วทำหน้าเชิดใส่...หรือผมคิดมากไปเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน -*-
“ทำไมลื้อมาอยู่ที่นี่ล่ะอาชงโค ลูกชายอั้วบอกว่าจะไปหาลื้อนี่นา แล้วนี่มาด้วยกันรึเปล่า” เตี่ยที่หลังจากจิบน้ำมะนาวไปอึกใหญ่หันมาถามผมด้วยความแปลกใจ
ผมส่ายหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปลูบหัวเดซี่ มันร้องมอๆ แล้วสะบัดหน้าใส่ผมนิดๆ
“วันนี้เดซี่งอแงนิดหน่อย ไม่ต้องไปถือสาหรอก แล้วนี่พวกลื้อทะเลาะกันรึเปล่า สีหน้าลื้อดูไม่ดีเลยนะ”
ผมส่ายหน้าอีกครั้ง ยังไม่ทันทะเลาะด้วยซ้ำ เขาแค่เข้าใจผมผิด เมื่อกี้พี่โนก็ส่งข้อความมาบอกว่าไม่เจอเขาเหมือนกัน
เฮ้อ...ไปอยู่ที่ไหนกันนะ
เตี่ยกำลังจะพูดอะไรขึ้นมาอีก แต่ก็หยุดไปเมื่อเสียงเตือนข้อความเข้าจากมือถือของผมดังขึ้น ผมรีบเปิดอ่านข้อความที่ส่งมาด้วยเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ ข้อความบอกแค่ว่าให้ไปรับพี่ทองที่คลับแห่งหนึ่งก็เท่านั้น ผมอ่านรายละเอียดที่ตั้งของคลับที่มีส่งมาด้วยจนแน่ใจแล้วว่าอยู่ใกล้ๆ มหาลัยที่ผมเรียนอยู่ จึงบอกกับเตี่ยว่าผมต้องไปธุระแล้วก็รีบขับรถออกมา
ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึง ชื่อคลับอ่านแล้วคุ้นๆ เหมือนเจ้ยิ้มเคยบอกว่าต้องมาให้ได้สักครั้ง แล้วรับรองจะติดใจ ว่าแต่ว่า...พี่ทองมาทำอะไรที่นี่ คนอย่างเขากินเหล้าด้วยเหรอ นึกภาพไม่ออกจริงๆ
ส่งข้อความไปบอกพี่โนว่าผมรู้ที่อยู่พี่ทองแล้วก่อนจะเดินไปถึงที่ประตู แต่ก็เข้าไปข้างในไม่ได้เพราะไม่มีบัตรสมาชิก ใครจะรู้ล่ะว่าที่นี่ต้องเป็นสมาชิกก่อนถึงจะเข้าไปได้ ผมเลยส่งข้อความไปบอกเจ้าของเบอร์ปริศนานั้นว่าผมมาถึงแล้วแต่เข้าไปไม่ได้ รออยู่สักพักผมก็ได้รู้ว่าเจ้าของเบอร์ปริศนานั้นเป็นใครเมื่อได้เห็นพี่หมอโปรดเดินออกมา
“ให้เข้าไป เขาเป็นแขกผม” พี่หมอบอกเสียงเรียบ ในขณะที่การ์ดหน้าประตูค้อมหัวหนึ่งที
“ครับเสี่ย น้องครับ เชิญครับ”
สะ...เสี่ย อืม...ท่าทางกระเป๋าหนักอย่างนี้ก็คงจะเป็นเสี่ยจริงๆ แถมลูกน้องที่ยืนรออยู่รอบโต๊ะนั่นก็บอกได้อีกว่าเสี่ยคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา
“มันเมามากน่ะ คิดว่าให้กลับไปนอนคงดีกว่า” พี่หมอหันมาบอกกับผม
มองคนที่พี่หมอบอกว่าเมามากแล้วก็อยากจะถอนหายใจออกมาเป็นร้อยรอบ เขากำลังนั่งชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นบนโซฟา มือทั้งสองข้างก็ยกขึ้นปิดแก้มตัวเอง ตาก็หวานเยิ้ม แถมยังยิ้มอยู่ตลอดเวลา ท่าทางน่าเอ็นดูซะไม่มี ข้างๆ มีผู้ชายตัวเล็กๆ แก้มป่องๆ ตาโตใส่แว่นเลนส์หนานั่งชงเหล้าให้อยู่
“ปลื้ม พอแล้ว จะเอาให้มันกินอะไรนักหนา เดี๋ยวแม่งก็อ้วกเป็นภาระพนักงานให้ทำความสะอาดอีก” พี่หมอพูดเสียงห้วน ดึงแก้วออกจากมือพี่ผู้ชายตัวเล็กแล้วทำหน้าดุๆ
“นี่ก็ดุตลอด ขู่ตลอด”
“ก็จะไปแกล้งมันทำไม ทำตัวไม่รู้จักโต แล้วนี่ชงโค แฟนไอ้ทอง ชงโค นี่พี่ปลื้ม เป็น...” พี่หมอยังพูดไม่ทันจบ พี่ปลื้มก็พูดสวนขึ้นมาว่า “เป็นน้องชายครับ”
“น้องพ่อง!” อืม...ตั้งแต่รู้จักพี่หมอมา ผมนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำเสียงดุหน้าดุได้ขนาดนี้ “ไอ้เด็กนี่ เมียพี่”
“แค่แฟนก็พอป่ะล่ะ เมียเมออะไร พ่อยังไม่ยอมสักหน่อย ว่าแต่ชงโคมารับพี่ทองเหรอครับ”
ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินไปหาพี่ทองที่นั่งพูดงึมงำอยู่คนเดียว
“พี่ทอง แฟนมารับกลับบ้านแล้วนะครับ ปะแป้งก่อนกลับหน่อยไหม หึหึหึ” พี่ปลื้มสะกิดแขนพี่ทองที่ฉีกยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ
“น้องงงงมหา ปะแป้งไม่เอา สวดมนต์ให้พี่ทองฟังสักสามรอบ คืนนี้คงฝันดี”
“ไอ้ทอง เอาหน้าไปไกลๆ เมียกู เดี๋ยวกูยันหน้าหงายไอ้สัด แล้วนี่ก็ไม่ต้องไปใกล้มันมาก จะแกล้งเพื่อนพี่ไปถึงไหน” พี่หมอช่วยมาแยกพี่ทองออกจากพี่ปลื้มที่กำลังหัวเราะหน้าดำหน้าแดง
“ไม่ได้แกล้ง ก็พี่ทองน่ารักนี่ครับ เวลาเขาเมาแล้วเหมือนเด็กๆ เลย อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับพี่โปรด ปลื้มไม่ได้คิดอะไรกับพี่ทองสักหน่อย อย่ามาบ้าหึงแม้แต่เพื่อนตัวเองสิครับ ไม่เท่เลยนะ” ผมมองพี่ปลื้มที่ตอนนี้นั่งอยู่บนตักพี่หมอโปรดแล้วพูดเสียงนุ่มๆ จนพี่หมอคลี่ยิ้มออกมา ในขณะที่มือข้างซ้ายของผมก็พยายามล็อคคอพี่ทองจากทางด้านหลัง เขาดิ้นพล่าน แถมแรงก็เยอะ นี่ถ้าผมตัวเล็กเหมือนพี่ปลื้มคงได้ตกโซฟาไปแล้วล่ะ
“เอาเหล้ามาอีกกกกกกกกกก เอามาอีกกกกก ไอ้โปรด เอามาๆๆๆๆ”
พี่หมอที่กำลังคลอเคลียอยู่กับพี่ปลื้มส่งสายตาดุๆ มาให้พี่ทอง
“พอเลยไอ้เหี้ย แฟนมารับแล้วก็กลับไปสิวะ”
“ไหนแฟนง่ะ ไหนล่ะ แฟนกูอยู่ไหนล่ะ!! ไม่มีหรอก...เขาไม่สนใจกูหรอก แฟนกูทั้งฮอต ทั้งสวย มึงก็พูดได้ดิ น้องมหาของมึงไม่สวยนี่ ถึงไม่มีใครมาแย่ง แต่แฟนกูสวยอ่ะ มีแต่คนอยากได้ แล้วกูจะทำยังไง ขายเดซี่ไปสู่ขอเขาเหรอ ไม่หรอก กูเป็นคนเลี้ยงวัว ขายวัวแล้วจะให้ไปเลี้ยงแรดเหรอ มึงไม่เข้าใจกูหรอก หัวอกคนเป็นพ่ออย่างกู ลูกสาวที่น่ารักของกู เอิ๊กกกก เดซี่จ๋า คิดถึงจังเลย แม่หนูใจร้ายจังเลยลูก เอื้อกกกก เอาเหล้ามาสิไอ้โปรด! เอามา! ถ้ามึงไม่เอามา กูจะใช้กำลังในครอบครัว!”
พี่โปรดแยกเขี้ยว ทำท่าเหมือนจะเข้ามาถีบพี่ทอง ดีที่พี่ปลื้มรั้งไว้ได้ทัน “ไม่เอาน่าพี่โปรด พี่ทองเขาเมานะ”
“ก็มันว่าปลื้มไม่สวยอ่ะ ไอ้ตาถั่ว! เมียกูสวยหลบในโว้ย! แค่หลบจนมิดจนคนอื่นไม่เห็นแค่นั้นเอง มึงอย่ามาว่าไม่สวยนะ ไม่งั้นเจอกู -*-”
พี่ทองตาถั่วจริงๆ นั่นแหละ ผมไม่ได้สวยตรงไหนเลย พี่ปลื้มถึงจะไม่เรียกว่าสวย แต่มันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ พี่เขาเป็นผู้ชาย แต่ผู้ชายคนนี้น่ะ น่ารักกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก เขาตาโต แก้มป่อง ตัวเล็ก ริมฝีปากก็สวยน่าจูบ เห็นแล้วก็อิจฉาพี่หมอนิดๆ แฮะ -*-
“ชงโค...ชงโคอยู่ไหนจ้ะ” พี่ทองเมาเลอะเทอะใหญ่แล้ว ตอนนี้กำลังกอดขวดเหล้าถามหาผมอยู่ ทั้งๆ ที่ผมก็ล็อคคอเขาอยู่อย่างนี้มาตั้งนาน ไม่ได้จะรู้สึกเลยว่าผมก็อยู่ตรงนี้ด้วย ทีนี้ผมจะเอาพี่ทองกลับยังไงโดยที่เขาไม่โวยวายแล้วลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าๆ หรือจะตีหัวให้สลบแล้วลากกลับดี
“เด็กบ้า...ใจร้ายกับเฮียสุดหล่อคนนี้ได้ยังไง”
“ถุ้ยยย สุดหล่อ กูจะอ้วก” พี่หมอเหมือนจะยังเคืองไม่หาย เขาเอาเท้ามายันพี่ทองแต่ก็โดนพี่ปลื้มตีเข้าให้
“ไอ้โปรดมันขี้อิจฉา รู้ใช่ไหมล่ะ ตอนประกวดเดือนมันก็เล่นใต้โต๊ะกับกรรมการจนชนะ ที่จริงความหล่อมันสู้เฮียไม่ได้หรอก สักนี๊ดดดดก็เทียบกันไม่ติด นี่เดซี่เคยบอกด้วยนะว่ามันน่ะชอบเดซี่ แต่เดซี่ไม่เล่นด้วย ลูกสาวคุณพ่อนี่ฉลาดจริงๆ น่าย๊ากกกกกก”
พี่ปลื้มหัวเราะจนตัวงอ ในขณะที่พี่โปรดแทบจะอดกลั้นรังสีฆ่าฟันไว้ไม่อยู่ เอ่อ พี่หมอครับ อย่าถือสาคนเมาเลยนะครับ แค่เวลาปกติก็ติ๊งต๊องอยู่แล้ว ตอนเมาจนขาดสตินี่...เละเทะมากจริงๆ ความคิด -*-
“พี่ว่าชงโครีบๆ พามันกลับไปเถอะ ก่อนที่พี่จะทนไม่ไหว กลายเป็นฆาตกร -*-”
ผมก็อยากทำอย่างนั้น ถ้าไม่ติดว่าพี่ทองเกาะติดโซฟาเหมือนตุ๊กแกเกาะติดผนังอยู่อย่างนี้ ผมคงพาเขากลับไปตั้งนานแล้วล่ะครับ
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ พี่ทองเขาพูดความจริงทำไมพี่โปรดต้องโกรธด้วยล่ะครับ”
“หุบปากไปเลยปลื้ม! เดี๋ยวคืนนี้น้องโดนขึ้นขี่แน่”
“เฮ้ยๆ เกี่ยวไรกับปลื้ม ไปขึ้นขี่เดซี่สิครับ ปลื้มไม่เกี่ยวนะ”
ผมปล่อยให้พี่โปรดกับพี่ปลื้มเขาเคลียร์กันไป ก่อนจะพยายามดึงพี่ทองให้ลุกขึ้นจากโซฟา แต่เขาก็ม้วนตัวเหมือนเด็กๆ ที่ไม่อยากกลับ
โอย ขอร้องล่ะครับพี่ กลับกันเถอะนะ ผมเหนื่อยแล้ว -*-
แต่จู่ๆ พี่ทองก็เด้งตัวขึ้น ลุกพรวดไปยืนบนโต๊ะตัวเตี้ยที่ใช้วางกับแกล้ม ผมกับพี่ปลื้มเก็บจานหนีแทบไม่ทัน สาเหตุที่พี่ทองกระทำการไม่แคร์สื่อแบบนี้เพราะได้ยินเสียงเพลงที่ดีเจกำลังเปิด เป็นเพลงของเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีที่ฮิตมานานแล้ว แถมท่าเต้นของพี่ทองนี่ก็เรียกเสียงผิวปากจากแขกโต๊ะอื่น ผู้หญิงบางคนส่งเสียงกรี๊ดออกมา เขาเต้นได้น่ารัก หน้าหล่อๆ ที่ขึ้นสีระเรื่อนั้นก็น่ามอง เอวอ่อนแถมยังเด้งได้ถูกจังหวะ เห็นพี่หมอโปรดตบหน้าผากตัวเองไปหนึ่งที ในขณะที่พี่ปลื้มหัวเราะจนกลิ้งตกโซฟาไปแล้ว
ผมพยายามดึงพี่ทองลงมา แรงสะกิดที่แทบไม่เป็นผลไม่ได้ช่วยอะไรเลย จนผมต้องหยิกเขาแรงๆ จนร้องโอ้ยเสียงดังนั่นแหละ เขาถึงจะยอมก้มลงมามองสักที พอเห็นว่าเป็นผม เขาก็ยอมลงมานั่งบนโซฟาตามเดิม แต่ที่แปลกไปคือ...เขาไม่ยอมหันมามองผมเลย
“หายบ้าแล้วก็กลับไปนอน น้องอุตส่าห์มารับ” พี่หมอพูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งๆ “กูจะได้พาเมียไปนอนบ้าง ดึกแล้ว เด็กต้องนอนให้ครบสิบชั่วโมง”
เห็นพี่ปลื้มมองค้อน แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร ผมดึงแขนพี่ทองเบาๆ เขายอมลุกตามมาแต่โดยดี ก่อนเขาจะหันไปบอกพี่หมอว่า “ค่าเหล้ามึงจ่ายนะ กูไม่มีตังค์”
“เออ กระเป๋ามึงไม่เคยมีเงินเกินสองร้อยหรอก กูรู้ ไปได้ละ ชงโค ถ้ามันเกิดบ้ากลางทางก็โทรหาพี่ เบอร์ที่ส่งข้อความไปนั่นแหละ”
ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่หมอ ก่อนจะพาพี่ทองเดินออกมาจากร้าน เขาเงียบมาตลอดทาง ไม่พูด ไม่หือไม่อืออะไรสักอย่าง ขับรถพาเขามาที่บ้านแล้ว...ก็ยังไม่มีคำพูดใดๆ ระหว่างเรา
ขึ้นมาบนบ้าน จูงมือเขาเข้ามาในห้องนอน ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเอามายื่นให้ แต่พี่ทองก็ปัดทิ้ง
“มึงใจดีอย่างนี้กับทุกคนสินะ...ทำแบบนี้โดยไม่ได้คิดอะไรเลยใช่ไหม”
ผมเงียบ ก้มลงเก็บผ้าเช็ดตัวขึ้นมาแล้วยื่นให้อีกครั้ง อยากให้ไปอาบน้ำ คืนนี้จะได้นอนหลับสบาย
“พูดสิ! บอกกูว่ามึงคิดอะไร! มึงทำให้กูเป็นบ้า...ทำแบบนี้ได้ยังไง! ไม่แคร์กูเลยเหรอ...มึงสงสารคนอื่นแต่ไม่สงสารกูเลยรึไง! กูเจ็บนะ มึงได้ยินรึเปล่า!”
ผมเข้าไปกอดพี่ทองไว้ กอดเขาไว้แน่น ให้รู้ว่าผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจ ทั้งเรื่องบิ้วและเรื่องหลิน ทำไมผมจะไม่เห็นสายตาที่พี่ทองมองผมก่อนที่ผมจะขับรถออกมาจากหอพักของเขา เขาบอกว่าเข้าใจ...แต่ก็คงเพราะผมขอให้เขาเข้าใจ แล้วเรื่องของบิ้ว...มันก็ไม่ทันตั้งตัว รู้อีกที...ก็ทำเขาเจ็บปวดไปซะแล้ว
“อย่าปั่นหัวกูได้ไหม...กูคิดเรื่องของมึงจนจะบ้าอยู่แล้ว อย่าทำแบบนี้เลยนะชงโค กูขอร้อง”
ผมน่ะเหรอปั่นหัวเขา...ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าทำแบบนั้น ผมไม่ชัดเจนพอเหรอครับพี่ ที่ผมบอกว่าคิดถึง ที่ผมบอกให้มาหา ที่ผมเป็นห่วง...มันยังไม่พออีกงั้นเหรอ แล้วเราควรต้องทำยังไง ให้ทุกอย่างมันชัดเจนเสียที ผมควรจะทำมากกว่านี้ไหม...ในเมื่อพี่ก็ยังมีคนอื่นเป็นเจ้าของอยู่
.....................................To be continue.............................................
เจอกันวันพุธนะคะ
http://ask.fm/TCHONG_K << มีอะไรถามได้นะคะ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นเลยค่ะ ถ้าเผื่อว่าใครคิดถึง ก็ไปอ่านบทสนทนาไลน์ของพี่ทองและชงโคในเพจได้นะคะ
ขอบคุณที่รอค่ะ
