ตอนที่ 43ปึก!
ปึก!
ปึก!
“นี่พี่ คิดถึงก็ไปหาเฮียสิ จะมานอนทำหน้าเบื่อโลกอยู่นี่ทำไม ไม่เข้าใจเลย”
ผมหยุดมือที่กำลังกำมือถือเคาะกับโต๊ะแล้วเหลือบมองบิ้วที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวข้างๆ
“ไม่ไป” ผมตอบพลางโยนมือถือออกไปให้ห่างจากระยะที่มือเอื้อมถึง แล้วคว้าหมอนมากอดไว้แนบอก “เขายังไม่คิดจะโทรมา แล้วพี่จะไปหาทำไม”
“ก็พี่เล่นปิดมือถืออย่างนี้ เฮียเขาโทรหาได้ก็แปลกแล้ว”
“เอ...ทำไมน้องไปเข้าข้างคนอื่นนะ” ผมปรายตามองบิ้วที่ทำหน้าเซ็งๆ ส่งมาให้ “โทรหาไม่ได้ก็มาหาสิ ยากนักรึไง”
“พี่นี่อารมณ์เหมือนคนท้องจริงๆ”
จะท้องหรือไม่ท้องไม่เห็นเกี่ยวเลย ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ในเมื่อเขาติดต่อผมไม่ได้ทำไมไม่มาหาสักทีล่ะ จะปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปอีกกี่วันถึงจะพอใจ
เขาไม่คิดถึง ไม่อยากเห็นหน้าผมบ้างเหรอ?
ผมมาอยู่บ้านได้เกือบสัปดาห์แล้ว แต่ก็เป็นเกือบสัปดาห์ที่ระหว่างผมกับพี่ทองไม่มีอะไรก้าวหน้า หรือเป็นเพราะพวกเราก้าวกันมาจนถึงทางตันแล้วกันแน่นะ
“โอ้ยยย พอๆ ไปข้างนอกกัน” จู่ๆ บิ้วก็โวยวายขึ้นมา แถมยังเดินมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้นจากโซฟาอีก
“ไปไหน ไม่ไปอ่ะ ไม่มีอารมณ์”
“ไปเถอะ ไปเป็นเพื่อนหน่อย จะพาน้องแป้งไปตรวจด้วย”
ผมสำรวจทั่วใบหน้าเนียนของบิ้ว ก่อนจะมองไปทางน้องแป้งที่นอนขดตัวหลับอยู่บนโซฟาอีกตัว
“แป้งป่วยเหรอ”
“อะ...อืม”
น้องแป้งที่ว่าคือแมวเปอร์เซียของพี่ตั้ม ตัวอ้วน ขนนุ่ม น่ากอดมาก พี่ตั้มหวงสุดๆ แต่เพราะต้องไปทำงานทุกวันก็เลยให้บิ้วเป็นคนรับผิดชอบดูแลให้อาหาร ทั้งๆ ที่บิ้วไม่ใช่คนรักสัตว์นะ แต่กับน้องแป้งคงเป็นข้อยกเว้นล่ะมั้งครับ เห็นดูแลดีปรนนิบัติพัดวีเกินจำเป็นไปหน่อย
“แล้วจะไปตรวจที่ไหนล่ะ”
“เฮียฝึกงานที่ไหนอ่ะ”
ผมมองหน้าคนที่ตั้งคำถามแทนคำตอบนิ่งๆ
“คลินิกแถวนี้ก็มีไม่ใช่รึไง”
“ก็ใช่...แต่บิ้วไม่ไว้ใจใครเท่าเฮียนี่นา ไปเถอะนะพี่นะ คิดซะว่าไปเปลี่ยนบรรยากาศ”
ผมน่ะไม่อยากไปหรอกนะ...แต่ในเมื่อน้องชายยืนกรานอย่างนี้ก็คงจะขัดไม่ได้ เลยต้องขึ้นมาหาเสื้อแขนยาวมีฮู้ดมาใส่ทับเสื้อกล้าม เพราะถ้าพี่ทองเห็นผมใส่แต่เสื้อกล้ามบางๆ ออกไปร่อนข้างนอกคงได้โดนว่าอีก ไม่ได้กลัวนะครับ แค่ไม่อยากทะเลาะด้วยเฉยๆ
บิ้วจับน้องแป้งใส่กรงแล้วก็พามาขึ้นรถที่ผมติดเครื่องรออยู่แล้ว ซึ่งน้องแป้งก็ดูท่าจะไม่สบายจริงๆ เพราะไม่ร่าเริงมาสองสามวันแล้ว เอาแต่นอนอย่างเดียวเลย หรือเป็นกิจวัตรของแมวอ้วนอันนี้ก็ไม่ทราบได้
“ตอนแรกก็เหมือนไม่อยากไป แล้วไหงตอนนี้กรีดตาทาแป้งด้วยอ่ะ แถมยังแต่งตัวเอาซะบิ้วเหมือนคนใช้ไปเลย -*-”
“ก็ธรรมดานี่”
บิ้วทำหน้าหมั่นไส้ใส่ผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้มากความอีก
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะมาถึงโรงพยาบาลสัตว์ของมหาวิทยาลัยที่พี่ทองฝึกงานอยู่ ผมลงจากรถแล้วยกฮู้ดมาสวมทับหมวกที่ใส่เพื่อบังแดดอีกชั้น บิ้วเหล่ตามองมาเล็กน้อยแล้วก็เดินนำผมเข้าไป
“คนเยอะเหมือนกันแฮะ วันนี้มีตรวจรักษาฟรีรึไงกันนะ” บิ้วที่เดินนำอยู่ข้างหน้าพูดขึ้น ผมที่เดินตามก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แถมหลายๆ คนยังมองมาที่ผมด้วย สงสัยผมจะแต่งตัวเด่นเกินไป -_-
“พี่รออยู่นี่นะ บิ้วไปกดบัตรคิวก่อน” บิ้วส่งกรงน้องแป้งมาให้ผมแล้วก็รีบเดินไปที่ตู้กดบัตรคิว
เฮ้อ...มาถึงนี่กันจนได้สิน่า ทั้งๆ ที่ผมคิดไว้แล้วเชียวว่าจะไม่เป็นฝ่ายมาหาเขาก่อน... เอ...แต่นี่ก็คงไม่ได้เรียกว่ามาหามั้ง ก็แค่พาน้องแป้งมาหาหมอ แล้วบังเอิญว่าเป็นโรงพยาบาลเดียวกับที่เขาฝึกงานอยู่พอดี
อืม...เพราะความบังเอิญต่างหาก
“ทอง เที่ยงนี้ฝากเราซื้อข้าวอีกไหม” เสียงหวานๆ ใสๆ ไม่ได้ทำให้ผมสนใจเท่ากับชื่อที่ถูกเรียกขึ้นมา
ทองเหรอ...โรงพยาบาลนี้จะมีสักกี่ทองกันนะ...
“อืม เอาเหมือนเดิมนะฟ้า”
แต่โทนเสียงแบบนี้คงมีอยู่ทองเดียว...ทองคำเอกของผม
“ค่ะ งั้นทองไปนั่งรอฟ้าที่เดิมนะ”
“ขอบคุณครับ”
ผมดึงปีกหมวกลง ขยับฮู้ดให้ชิดขึ้น พลางก้มหน้าลงต่ำเพื่อไม่ให้กลุ่มนักศึกษาฝึกงานที่กำลังเดินผ่านไปได้เห็น หรืออันที่จริงแล้ว...ผมไม่อยากเห็นหน้าใครบางคนในกลุ่มนั้นมากกว่า
เขา...ไม่เจอผมก็ยังดูปกติดี ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนเลย อาจจะยิ้มแล้วสดใสกว่าเดิมด้วยซ้ำ แล้วผู้หญิงที่ชื่อฟ้านั่น...ก็ดูจะเข้าอกเข้าใจกันซะเหลือเกิน
ผมไม่เคยเห็นโลกของเขาในมุมอื่นเลย เห็นแค่ตอนพี่ทองอยู่กับครอบครัว อยู่กับเพื่อนสนิทที่ชื่อพี่หมอโปรดกับพี่โน แต่ไม่เคยเห็น...เขาที่กำลังหัวเราะพูดคุยกับเพื่อนคนอื่น ไม่เคยได้เห็น...เขาในตอนที่กำลังจริงจังอยู่กับการฝึกงาน
เขา...ในมุมที่ไม่เคยเห็นแบบนี้...ทำให้ผมเกิดความกังวลใจขึ้นมา
พรึ่บ!
จู่ๆ ฮู้ดก็ถูกดึงลง แถมหมวกก็ยังถูกถอดออกไป เงยหน้าขึ้นจะด่าคนที่กล้าลองดีก็ต้องชะงักเมื่อเจอกับตาคมๆ ของพี่ทองจ้องมองมา
“คิดว่ากูจะจำเมียตัวเองไม่ได้รึไง” เขาถามเสียงนิ่งๆ เพื่อนๆ ของเขาที่หยุดรอก็มองมาทางผมอย่างสนใจ “มาทำอะไรที่นี่”
“พาแมวของพี่ตั้มมาหาหมอ” ผมตอบกลับก่อนจะดึงหมวกคืนมาจากมือเขา พี่ทองรั้งไว้เพียงเล็กน้อยแล้วจึงยอมปล่อยแต่เปลี่ยนมาดึงคอผมให้ขยับเข้าไปใกล้แทน
“จะทำอะไร!”
“รู้ตัวไว้ด้วยนะว่าทำให้กูไม่พอใจมาก”
อะไร...นี่เขาไม่พอใจที่ผมมาที่นี่ใช่ไหม...ผมไม่ได้จะมาหาเขาซะหน่อย...ก็แค่พาน้องแป้งมาหาหมอ
“ผมแค่พาแมวมาหาหมอ!” ผมตอบกลับเสียงดัง
“ไม่ใช่เรื่องนี้! มึงรู้ชงโค มึงรู้ดี” แต่พี่ทองเสียงดังกว่า ริมฝีปากของเขาเม้มเป็นเส้นตรง ตาคมดุที่จ้องมองมาทำให้ผมต้องเบือนหลบ
“ทอง มีเรื่องอะไรกันเหรอ” เสียงหวานๆ ที่ผมชักเริ่มเกลียดดังขึ้น พี่ทองยอมปล่อยมือจากต้นคอผม ก่อนจะหันไปตอบพี่ผู้หญิงรูปร่างดีที่ยืนอยู่ไม่ไกลว่า “ไม่มีอะไรครับฟ้า”
“แล้วน้องคนนี้เป็น...”
“ชื่อชงโค ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมตอบพลางยกมือสอดแขนของพี่ทองไว้ เขาไม่ได้สะบัดออก แค่นี้พี่ฟ้าก็น่าจะรู้แล้วนะครับว่าผมกับพี่ทองเป็นอะไรกัน หรือกิริยากอดแขนตัวแนบชิดกันนั้นสมัยนี้เรียกว่าพี่ชายน้องชาย?
“ค่ะ น้องชงโค พี่ชื่อฟ้านะคะ เป็นบัดดี้กับทอง”
“ครับ”
บทสนทนาชะงักค้างไว้เท่านั้นเมื่อน้องชายของผมเดินแทรกเข้ามาในฉาก บิ้วยกมือไหว้พี่ทอง ถามไถ่กันพอประมาณ พี่ฟ้าก็บอกว่าเธอกับพี่ทองต้องรีบไปเอาผลเอ็กซเรย์กับผลปัสสาวะ พวกเขาเลยเดินแยกไป
“ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกน่า พี่อย่าทำหน้ากังวลไปเลย อีกอย่างนะพี่ ถ้าเฮียเขาจะเอาเจ้หน้าเยิ้มนั่นเขาเอาไปนานแล้วล่ะ ก็เรียนด้วยกันมาตั้งหกปี ถ้าเจ้แกเอาอยู่มีหรือว่าเฮียจะมาคบกับพี่ได้”
ก็จริงของบิ้ว แต่ผมก็ไม่ชอบเวลาที่เห็นพี่ทองอยู่กับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ อาม่า ม๊า น้องเพชร น้องพลอย หรือญาติๆ ของเขานี่นา มันแย่นะที่ต้องมาหงุดหงิดอยู่ฝ่ายเดียวโดยที่อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ได้รู้เลยว่าผมเป็นอะไร -_-
“พี่ไปเข้าห้องน้ำนะ เดี๋ยวมา”
“อืม ถ้ากลับมาแล้วไม่เจอบิ้ว พี่รออยู่หน้าห้องจ่ายตังค์ก็ได้นะ เพราะเดี๋ยวจะถึงคิวตรวจของน้องแป้งแล้ว”
“โอเค”
เฮ้อ...หงุดหงิดจริงๆ ไม่ชอบใจเลยที่เห็นพี่ทองถูกผู้หญิงดึงแขนให้เดินไปอย่างนั้น อยากจะเข้าไปกระชากออกมาแรงๆ แล้วบอกว่านี่ของผมนะ ห้ามยุ่งห้ามแตะ แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะมันคงเป็นการกระทำที่งี่เง่าเกินไป
กำลังยืนล้างมืออยู่ที่อ่างล้างมือ ก็ถูกมือใครบางคนปิดปากแล้วลากให้เข้ามาในห้องส้วม ผมไม่ได้ขัดขืนเพราะเห็นผ่านกระจกแล้วว่าเขาเป็นใคร
“เฮียทำบ้าอะไร!”
พี่ทองขมวดคิ้วมองผม ตาคมๆ ฉายแววดุ แต่ผมไม่กลัวหรอก ผมหงุดหงิดจนเห็นช้างตัวเท่ามดแล้วตอนนี้
“ปล่อยผม”
“ห้ามดิ้น ไม่งั้นกูตบ”
ผมชะงักไปทันทีกับคำพูดที่ได้ยินก่อนจะมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา พี่ทองดูโกรธจัดและไม่น่าเข้าใกล้ แต่ผมก็จ้องตากับเขาโดยไม่เบือนหลบไปไหน
“มึงคิดว่ามึงโกรธเป็นคนเดียวรึไง กูก็คนนะชงโค มึงทำอะไรไว้ รู้ตัวบ้าง!”
“ผมทำอะไร...เฮียต่างหาก เฮียต่างหากที่ทำ!”
“เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะกูใช่ไหม! คิดให้ดีๆ ชงโค กูไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มึงหลบหน้ากู หนีกู ปิดมือถือใส่กู มันหมายความว่ายังไง!”
“ผมไม่ได้หลบ ไม่ได้หนี เฮียต่างหากที่ไม่ยอมมาหาเลย!”
“ถ้าแค่อยากให้กูไปหา ทำไมไม่พูดออกมา กูจำเป็นต้องตรัสรู้ความต้องการของมึงทุกๆ เรื่องไหม!”
ก็ถ้าผมบอกพี่ว่าอยากให้มาหา มันก็จะเป็นแค่ความต้องการของผมฝ่ายเดียว พี่ไม่อยากมาเจอผมบ้างเลยเหรอ ทำไมต้องให้ผมร้องขอทุกที เคยมีสักนาทีไหมที่จะคิดถึงผม ผมรักพี่ข้างเดียวรึไง...เราไม่ได้คบกันเพราะว่าเราต่างฝ่ายต่างก็รักกันหรอกเหรอ...
“กูเหนื่อยนะชงโค กูไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนอย่างมึง ไปคิดทบทวนตัวเองซะ ว่าที่ทำแบบนี้มันดีกับเราแล้วรึไง ถ้าคิดว่ามันดี กูก็จะเคารพการตัดสินใจของมึง”
เคารพการตัดสินใจของผมเหรอ...พี่ต่างหากที่บอกว่าเหนื่อยแล้ว พี่ต่างหากที่บีบให้ผมต้องตัดสินใจแบบนี้
ผมจับมือของพี่ทองแล้วดึงออกจากไหล่ของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้น...ก็อย่าเหนื่อยอีกเลย เฮียพักเถอะครับ”
“ชงโค!”
มันไม่ได้หมายความว่าเราเลิกกันหรอกนะ ผมรู้ว่ากว่าผมกับพี่จะมาถึงวันนี้เราผ่านอะไรกันมาบ้าง แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเรามันตึงเกินไป ซึ่งคงจะเป็นผมที่ทำให้มันตึงขึ้นมาเอง หากเราไม่ถอยและยังฝืนอยู่อย่างนี้มันคงแย่ลง
ผมรู้ดี...ผมรู้ว่าผมเป็นคนสร้างปัญหา แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องแก้มันยังไง ผมไม่สามารถทำให้ทุกอย่างยังคงอยู่ในกรอบของเหตุและผลได้ในเมื่อความน้อยใจมันคอยก่อกวนอยู่อย่างนี้
“โธ่เว้ย!”
ตึง!
ผมได้ยินเสียงตึงตังดังตามหลัง พี่ทองคงระบายอารมณ์กับประตูหรืออะไรสักอย่าง แต่ผมก็ไม่ได้หันกลับไปมอง
.
.
.
“พาแป้งไปหาหมอมาเหรอ” พี่ตั้มถามเมื่อเห็นผมกับบิ้วเดินเข้ามาในบ้าน
“อืม” บิ้วตอบแล้วเดินไปนั่งข้างๆ พี่ตั้ม “เป็นหวัดน่ะ ก็ว่าอยู่ว่าซึมๆ ไปหลายวัน”
พี่ตั้มพยักหน้าแล้วอุ้มน้องแป้งออกจากกรง มือใหญ่ๆ นั่นลูบคางน้องแป้งเบาๆ มีบิ้วนั่งมองด้วยสีหน้าเคลิ้มอยู่ด้วย
“พี่อย่าเพิ่งแกล้งสิ เพิ่งโดนฉีดยามาเองนะ”
“ไม่ได้แกล้ง แล้วนั่นเป็นไรไปล่ะ” เห็นพี่ตั้มพยักพเยิดหน้ามาทางผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเขามากนัก
“เป็นโรคคิดมากระยะสุดท้าย อย่าไปสนใจ”
“อืม”
ก็อยากจะขัดหรอกนะ แต่สองคนนี้นานๆ จะคุยกันดีๆ สักที เลยว่าอยู่มองบรรยากาศสีชมพูอมม่วงต่อไปคงดีกว่า
ผมนอนปล่อยให้เวลาผ่านไป ฟังเสียงบิ้วกับพี่ตั้มคุยกันผ่านน้องแป้งก็เพลินดีเหมือนกัน พวกปากไม่ตรงกับใจเวลามีใจให้กันนี่น่าสนใจดีนะ เพราะช่างสรรหาวิธีอ้อมค้อมมาได้หลากหลายวิธี ฟังไปนานๆ ก็เหมือนเสียงของสองคนนั้นจะค่อยๆ เบาลง
อืม...รู้สึก...อึดอัดจังเลย
เหมือนกำลังถูกงูตัวใหญ่ๆ รัดแน่น
“อืมมมม”
ลิ้นใคร...ทั้งนุ่มทั้งร้อน เข้ามาสำรวจโพรงปากผมได้ไม่นานก็ผละออกไปอย่างน่าเสียดาย ผมเผยอริมฝีปากตาม แต่ก็สัมผัสได้แต่เพียงอากาศ
“ตื่นได้แล้ว” เสียงเข้มๆ ที่คุ้นเคยทำให้ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าของพี่ทองลอยวนอยู่ใกล้ๆ ผมผลักเขาให้ออกห่างเล็กน้อย ก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆ
ไม่ใช่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ไม่มีพี่ตั้มกับบิ้ว แต่กลับมีใครอีกคนที่ไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่นั่งหน้าบึ้งอยู่แทน
“ลุกมาคุยกัน หรืออยากจะนอนคุย”
ผมรีบลุกขึ้นนั่ง ขยับตัวออกห่างพี่ทองเล็กน้อย “มาทำไม”
“มึงคิดว่าหลังจากที่มึงพูดแบบนั้นกูจะปล่อยให้ผ่านไปรึไง”
“ทุกทีก็ไม่เห็นสนใจนี่”
“อย่ามารวนชงโค”
“ผมพูดความจริง”
พี่ทองแยกเขี้ยว ถ้าเขาเป็นเสือคงจะตะบบผมไปแล้ว
“พูดมา ว่าหลายวันนี้มึงเป็นอะไร”
“เฮียไม่รู้เลยเหรอ”
ผมมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา นึกอยากจะยันโครมให้ตกเตียงจริงๆ
“รู้แค่ว่ามึงโกรธ แต่กูไม่รู้ว่าเพราะอะไร”
ผมถีบเข้าที่ข้างเอวของพี่ทองไปหนึ่งที เขาถลึงตามองผม พร้อมกับจับเท้าผมไว้แล้วตีแรงๆ ไปหลายที
“ผมเจ็บนะ!”
“กูแก่กว่ากี่ปี ทำอย่างนี้มันดีแล้วใช่ไหม” เขาถามเสียงดุ สีหน้าเหมือนกับพ่อที่กำลังดุผมเรื่องที่เล่นซนจนทำแจกันใบโปรดของแม่แตก
“ขอโทษ”
พี่ทองคลายแรงที่บีบข้อเท้าของผมลงแล้วยกมืออีกข้างขึ้นลูบตรงรอยแดงให้เบาๆ แต่ผมก็สะบัดออก เขาเลยไม่ยื่นมือมาอีก
“เออ! ถ้าคิดว่าดีมึงก็ทำต่อไป”
ผมมองเขาอย่างน้อยใจ “เฮียพูดดีๆ ไม่เป็นรึไง”
“ก็ดูที่มึงทำ มึงเป็นบ้าอะไรวะชงโค!”
“ใช่ ผมบ้าไปแล้ว! แล้วใครล่ะที่ทำให้ผมบ้า ถ้าไม่ใช่เฮีย!”
หลังจากเสียงตะโกนของผม ภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ พี่ทองไม่พูดอะไรเลย เขามองหน้าผมเนิ่นนานหลายนาที ก่อนจะหลุดเสียงแผ่วเบาและใบหน้าตัดพ้อให้ได้เห็น
“ที่มานี่ไม่ได้ตั้งใจจะมาทะเลาะด้วย แต่ถ้ามึงไม่พร้อมจะคุย กูกลับก่อนก็ได้”
“ถ้ากลับไปก็ไม่ต้องมาหาผมอีก”
“มึง...”
“...”
“กูต้องทำยังไง มึงบอกกูมาว่ากูต้องทำยังไง”
“...”
“เราถึงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
ทุกอย่างมันเป็นเพราะผม มันเกิดขึ้นเพราะผม เพราะผมที่ทำให้มันแย่ลง พี่ทองเขาไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่ความไม่พอของผมเอง ความโลภที่อยากได้โดยไร้เหตุผล
“ขอผม...อยู่คนเดียวสักพักนะครับ”
พี่ทองวางมือลงบนหัวของผม เขาไม่ได้ยิ้มและไม่ได้พูดอะไร แต่ตาคมนั้นกำลังตัดพ้อผม
“อะไรที่มึงขอ ถ้าให้ได้...กูก็ไม่มีวันปฏิเสธ”
“...”
“แล้วถ้ารู้ตัวว่าขาดกูไม่ได้ อยู่คนเดียวต่อไม่ไหวก็โทรมา กูจะรีบมาหาทันที”
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความจริงแล้วตัวเองต้องการอะไรจากเขากันแน่...
ทำไมถึงไม่ดีใจเลยที่เขาทำตามคำขอของผม...
..............................................To be continue...................................................
อยู่บ้านค่ะ มีเน็ตแต่ไม่สะดวกเท่าไหร่ เพราะคนเยอะ เดี๋ยวไปนั่นไปนี่ ตอนต่อไปคงช้าหน่อยนะคะ ไม่เกินห้าตอนก็จะจบแล้วค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้เลยนะคะ
http://ask.fm/TCHONG_K << ถามได้ค่า