“ชงโค โบติดต่อมาบ้างรึเปล่า”
ผมชะงักมือที่กำลังยกแก้วขึ้นจิบ หันไปมองแมวน้อยที่หลายเดือนมานี้ดูไม่มีความสุขกับชีวิตเลย แม้จะไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ แต่แมวก็ไม่ร่าเริงเหมือนก่อน
“อืม เมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะ”
“แล้วเป็นไงบ้าง”
“ก็สบายดีนะ”
“อืม”
“เอาเบอร์ติดต่อไหม ถ้าแมวอยากจะโทรไป ผมคิดว่าโบคงไม่ว่าอะไรหรอก”
“ไม่เอาดีกว่า รู้ว่าสบายดีก็ดีแล้วล่ะ”
ทั้งความกังวลความน้อยใจ แมวแสดงมันออกมาทางสีหน้าทั้งหมด ผมเข้าใจว่าแมวรู้สึกยังไง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
“แล้วหลินไปไหน” ผมถามถึงเพื่อนอีกคนที่ยังไม่เห็นเลยตั้งแต่มาถึง วันนี้ผมขับรถมาเอง ส่วนพี่ทองเดี๋ยวก็คงมากับพี่โน เราแยกกันตอนเย็นเพื่อให้การมาเจอกันที่นี่เป็นเรื่องบังเอิญตามความคิดของเขา
“ออกไปสูบบุหรี่ข้างนอกน่ะ”
“อือ”
“ชงโค”
“ว่า?”
“โบจะกลับมาไหม” แมวใช้ตาโตๆ จ้องมาที่ผม แต่คำตอบของผมก็ยังคงเป็นคำเดิมว่า “ไม่รู้”
“อือ”
“อยากให้กลับมาเหรอ”
“...”
“ถ้าโบกลับมา แล้วหลินล่ะ แมวจะทำยังไง”
คำถามของผมคงยากเกินไป ผมรู้ว่าแมวไม่ใช่คนโลเล แต่เพราะแมวกำลังหลอกตัวเองว่ารักหลินอยู่ต่างหาก หลายเดือนมานี้ผมไม่เคยเห็นความรักความร่าเริงของแมวเวลาอยู่กับหลินเหมือนที่อยู่กับโบเลย แมวอาจจะไม่รู้ตัว แต่เพื่อนอย่างผมก็มองออก
“ผมคิดว่าหลินคงเข้าใจ ถ้าแมวบอกหลินไปตรงๆ ว่ารู้สึกยังไง ความรู้สึกดีที่แมวเคยบอกผมเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนี้มันเป็นความรักขึ้นมาไหม แล้วถ้ามันไม่ใช่...ผมว่าแมวเลิกกับหลินดีกว่านะ ไม่ใช่แค่หลินหรอกที่เจ็บ เพราะตอนนี้แมวก็กำลังเจ็บเหมือนกัน”
ผมปล่อยไว้นานเกินไป ทั้งๆ ที่ไม่อยากก้าวก่ายเลย แต่ในฐานะเพื่อนผมก็อยากแนะนำ ผมไม่ได้เชี่ยวชาญ ไม่ได้เก่งเรื่องการจัดการความรู้สึกตัวเอง แต่คนนอกที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องของพวกเขาอย่างผมก็อาจจะมองเห็นเรื่องราวได้ชัดเจนกว่า
“แมว...ขอเลิกกับหลินไปเกือบสิบครั้ง แต่หลินไม่ยอม แล้วแมวก็ทำใจร้ายกับหลินไม่ได้ เพราะตอนที่แมวเสียใจ ก็มีแต่หลินที่คอยอยู่ข้างๆ แมวก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงลืมโบไม่ได้ โบเป็นรักแรกของแมว จากรักข้างเดียวสุดท้ายก็สมหวัง ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ ใครก็แทนที่โบไม่ได้เลย แมวคงรักใครอีกไม่ได้แล้ว แต่จะทำยังไงกับคนที่รักแมวดีล่ะชงโค แมวรู้ว่าหลินเจ็บเพราะแมว แต่หลินก็ยังทนอยู่อย่างนี้ แมวไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว”
ผมเคยคุยกับหลินในเรื่องนี้ หลินรู้ความรู้สึกของแมว แต่ก็ไม่เคยยอมแพ้
‘ผมน่ารังเกียจมากเหรอชงโค ทำไมเวลาที่ผมแตะต้องตัวเขา เขาถึงเอาแต่ร้องไห้ ผมไม่ได้จะทำร้าย...ผมก็แค่อยากให้เขารู้สึกดี แต่ทำไมถึงทำหน้าเจ็บปวดขนาดนั้นด้วย แม้แต่ตอนที่กอดผม...เขาก็ยังเผลอเรียกชื่อโบออกมา ทำไมถึงได้โง่นัก เอาแต่คิดถึงคนที่ทิ้งไป...ไม่ยอมมองผมบ้างเลย’
คำพูดกับสีหน้าเจ็บปวดของหลินยังคงอยู่ในความทรงจำของผม แมวน้อยที่แค่โดนจูบก็ร้องไห้คงไม่เต็มใจเกินเลยกับหลินไปมากกว่านั้นแต่ตอนเมานี่ผมว่าคงเป็นอีกเรื่อง ต้องวัดกับการห้ามอกห้ามใจของหลินล่ะครับ ถึงอย่างนั้นแมวคงเหมือนกับผมที่เกลียดการทับรอย แค่นึกว่าคนที่กอดจูบหรือสัมผัสร่างกายตัวเองไม่ใช่คนที่รัก แค่นั้นก็รู้สึกไม่ดีจนอยากร้องไห้
“ดื่มนี่ให้สดชื่นหน่อยละกัน อย่าไปคิดอะไรมากเลย” ในเมื่อผมให้คำแนะนำไม่ได้ ก็เลยต้องหาเครื่องดื่มมาช่วยให้ลืมแทน แค่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ยังดี แต่หลายทีแล้วที่ไม่ได้ผล เพราะแมวเวลาเมาจะดราม่าหนักมาก เอาแต่ร้องไห้เพ้อหาโบ
สักพักหลินก็เดินกลับมาที่โต๊ะ แมวที่แค่ดื่มเบียร์ไม่ใส่น้ำแข็งไปสามแก้วก็เริ่มคอพับคออ่อน
“แมวเหมียวเมาแล้วไง รู้ว่าคออ่อนยังจะกินเยอะ” หลินบ่น แต่มือก็รั้งศีรษะของแมวให้พิงอยู่กับอกตัวเอง
“ขี้บ่น” แมวย่นจมูกใส่ เลยถูกหลินดึงแก้ม “เจ็บอ่ะ ฮื้อออ ห้ามแกล้งนะ”
“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว ตาลายก็หลับตาซะ ชงโค เอาหน่อยไหม” หลินพูดพลางก้มลงหอมแก้มแมวที่หลับตาซุกหน้าลงกับอก ก่อนจะหันมาถามผมแล้วยื่นบุหรี่มาให้
“ขอไฟด้วย”
ที่จริงผมไม่ค่อยได้สูบนะ แต่เวลากินเหล้ากินเบียร์ เพื่อความฟินก็เลยต้องเอาบ้าง พี่ทองก็เห็นครับ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่กลับไปที่บ้านผมน่วมทุกทีเลย ตื่นเช้ามานี่หุบขาแทบไม่ลง
“อ้าว มากับใคร” จู่ๆ เสียงร้องทักของใครสักคนก็ดังขึ้น ผมที่กำลังนั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่ หลังพิงโซฟาต้องเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเล้งกับผู้ชายที่จำได้ว่าไม่ใช่คนเดียวกับเมื่ออาทิตย์ก่อนยืนอยู่ใกล้ๆ
“กับเพื่อน เพิ่งมาร้านนี้เหรอ ปกติไม่เห็น” ผมถามตอบกลับไป
“อืม แล้วนั่น...เพื่อนเหรอ”
เล้งเป็นคนเจ้าชู้ครับ ไม่เจ้าชู้ธรรมดานะ ต้องเรียกว่าเจ้าชู้มาก เปลี่ยนแฟนบ่อย คบใครได้ไม่นานก็เลิก แถมเวลาถูกอกถูกใจใครนี่ก็ตามตื้อจนอีกฝ่ายรำคาญไปข้าง เป็นคนประเภทถ้าไม่ได้ก็ไม่ยอมหยุดน่ะครับ ผมถึงได้กลัวเวลาที่สายตาเชื่อมๆ นั่นกำลังมองไปที่หลิน แม้ว่าจะมีแมวน้อยนั่งซุกอกอยู่ แต่ผมรู้ว่าเล้งมองไม่เห็นหรอก เพราะเวลาที่คนๆ นี้ถูกใจใครแล้ว ก็จะมองแค่เหยื่อของตัวเองเท่านั้นแหละ
“ใช่ ชื่อหลิน หลิน นี่เล้ง ลูกพี่ลูกน้องของเฮียทอง”
“สวัสดีครับ”
“สวัสดี บูมไปรอที่โต๊ะนะ เดี๋ยวเล้งตามไป” เล้งบอกกับผู้ชายคนข้างๆ ที่พยักหน้าอย่างว่าง่ายแล้วเดินจากไป ก่อนจะหันมาแนะนำตัวกับหลินด้วยรอยยิ้มหวานที่มองยังไงก็เคลือบยาพิษ “ชื่อเล้งนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ครับ”
“ดื่มด้วยได้ไหม”
ผมหัวเราะเบาๆ ให้กับท่าทีของเล้งที่เชิญชวนหลินอย่างเปิดเผย ร่างเล็กๆ นั่นเข้าไปนั่งเบียดข้างๆ หลิน
“ได้สิ น้องๆ” หลินตอบพลางหันไปเรียกพนักงาน แต่เล้งก็รั้งมือที่ยกขึ้นของหลินไว้ ก่อนจะเอียงคอเล็กน้อยแล้วยิ้มหวานให้
“ดื่มแก้วเดียวกับหลินได้ไหมล่ะ”
“ก็ไม่ขัดข้อง”
เห็นได้ตามร้านเหล้าทั่วไปล่ะครับสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักและแสดงท่าทางสนใจกันออกนอกหน้าขนาดนี้ ถึงหลินจะยังดูเฉยๆ แต่เล้งนี่ผมว่าคืนนี้เขาเกาะติดเพื่อนผมเป็นตังเมแหงๆ
ผมมองคนสองคนที่ป้อนเบียร์ให้กันในระยะประชิด ความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ผมกลัวว่าหลินจะทำเพื่อลองใจคนที่เพิ่งจะสะลึมสะลือตื่นมากกว่า มันก็น่าสนุกดีอยู่หรอกที่ได้เห็นเล้งขยับเข้าใกล้หลินมากขึ้น แก้วแล้วแก้วเล่าที่ป้อนให้กันคงทำให้อารมณ์หลายๆ อย่างบังเกิด แต่หลินที่มีแมวอยู่ในอ้อมแขนกำลังจูบกับเล้งอยู่นั้นเป็นภาพที่หาดูได้ยากจริงๆ ผมสังเกตการณ์อยู่สักพัก บุหรี่หมดไปสามมวน เล้งกับหลินก็ยังคงจูบกันอยู่
“ก็ไม่อยากจะขัดหรอกนะ แต่ผู้ชายที่พามาด้วยน่ะจะเอายังไง ขืนปล่อยให้ส่งสายตามาโต๊ะนี้บ่อยๆ ทั้งเหล้าทั้งเบียร์คงจืดกันหมด ไปเคลียร์ให้เรียบร้อยแล้วอยากจะมานั่งโต๊ะนี้ก็ตามสบาย” ผมวางแก้วเบียร์ลง ในขณะที่เล้งถอนริมฝีปากออกจากหลินแล้วหันมามองผม
“โอเค งั้นเดี๋ยวมา”
ขืนไม่เตือน เพื่อนผมคงได้วางมวยกับแฟนของเล้งแหงๆ
เล้งลุกขึ้น ทอดสายตามองหลินแล้วคลี่ยิ้ม ในขณะที่หลินทำหน้านิ่งสนิท
“รอนะ”
“อืม”
เล้งเดินไปอีกโต๊ะ ผมมองตาม ก่อนจะหันมามองหลิน แต่หลินกำลังยกมือลูบหัวแมวอยู่
“แมวเหมียว รู้นะว่าตื่นอยู่ หิวไหม อยากกินอะไรรึเปล่า”
“ไม่หิว”
“แกล้งหลับทำไม”
“กลัวขัดจังหวะ”
“ไม่ขัดนี่ ถ้าไม่ชอบก็บอกได้”
“ไม่ได้ไม่ชอบนะ แมวไม่อยากขัดจริงๆ”
“งั้นเหรอ...ถ้าหลินจะอยู่กับเขาคืนนี้ แมวก็ไม่ว่าใช่ไหม”
“อือ เดี๋ยวให้ชงโคไปส่งก็ได้ ชงโคเอารถมา”
“อืม”
ความโล่งใจของแมวกับความเจ็บปวดของหลิน คงมีแต่เพียงผมเท่านั้นที่เห็นเพราะทั้งสองคนต่างเบือนหน้ากันไปคนละทาง
เฮ้อ...มันอะไรกันนะบรรยากาศอึมครึมแบบนี้
ไม่นานเล้งก็กลับมา แมวย้ายมานั่งโซฟาตัวเดียวกับผม ปล่อยให้เล้งนั่งกับหลินไป
“ดีใจอะไรนักหนาแมวเหมียว” ผมถามพลางยกมือกดศีรษะของแมว
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“ถ้าหลินเลิกกับแมวไปคบกับคนอื่น ลองคิดดูนะว่าจะเสียใจไหม”
“ทำไมต้องเสียใจด้วยล่ะ หลินเจอคนที่รักหลิน แมวก็ดีใจด้วย”
ลองใจคนที่ไม่รัก ยังไงก็เจ็บเองอยู่ดี แต่ผมก็หวังให้หลินแน่ใจได้สักทีนะว่า ควรยอมแพ้
“ชงโค...ขอแมวอ่านที่ชงโคคุยกับโบหน่อยได้ไหม”
ผมเลิกคิ้วมองแมวที่ขออ่านบทสนทนาของผมกับโบเป็นครั้งที่ร้อยแล้วก็ว่าได้ แต่ผมก็ปฏิเสธทุกครั้ง เพราะส่วนใหญ่ผมกับโบจะคุยเรื่องอาการป่วยของโบ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ และเล่าเรื่องของแมว ซึ่งถ้าแมวได้อ่าน ผมก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“นะชงโค ไม่ได้ยินเสียง แต่ได้อ่านข้อความของโบก็ยังดี” ผมคิดว่าหลินคงได้ยิน ถึงได้คว้าตัวเล้งไปจูบ
“ผมทำสัญญากับโบไว้ เลยไม่อยากจะผิดสัญญา แต่ว่า ผมจะเผลอทำเป็นลืมมือถือไว้ตรงนี้ก็แล้วกัน แมวก็ไปหารหัสเข้าเครื่องเอาเองนะ จะไม่บอกหรอกว่ามันเป็นวันเกิดของแฟนผม”
แมวยิ้มกว้างพลางเข้ามากอดตัวผมไว้แน่น “ขอบคุณนะชงโค น่ารักที่สุดเลย”
หลังจากนี้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของแมวแล้วกันครับ
“อู้ยยยย น้องเล้งน้องชายมึงนี่ครับ” เสียงของพี่โนดังขึ้นใกล้ๆ ผมหันไปมองก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าพี่ทองยืนอยู่ใกล้กว่า แล้วเขาก็กำลังมองญาติผู้น้องจูบกับเพื่อนของผมอยู่
“เออ ปล่อยมันเถอะ” พี่ทองว่าพลางเดินมานั่งเบียดอีกข้างของผม แมวรีบลุกไปนั่งโซฟาอีกตัวอย่างเต็มใจ ส่วนผมก็ยกมือไหว้พี่ยิมกับพี่โนที่วันนี้มาแพ็คคู่
“กางเกงนี่จะขาดไปถึงไหน ไม่ใส่กางเกงในมาเลยวะ” พี่ทองว่าหน้าบึ้ง ผมก็เลยสอดมือเข้าไปกอดแขนเขา แล้วยิ้มอย่างเอาใจ
“มันเป็นเทรนครับเฮีย ว่าแต่มาถึงเมื่อไหร่”
“เมื่อกี้”
“แล้วหาโต๊ะผมเจอได้ไง”
“ไอ้เทพบอกว่าแฟนเฮียนั่งอ่อยอยู่โต๊ะนี้”
พี่เทพคงแค่บอกว่าผมนั่งอยู่ที่นี่เฉยๆ แต่คำว่าอ่อยน่ะเขาคงเติมเอง
“สูบไปกี่มวนแล้ววะ”
“สาม”
“งั้นคืนนี้จัดไปสาม”
“ผมให้หกเลยเป็นไง แถมร้องเพลงให้ด้วยสามเพลง”
“ใจถึงว่ะ นี่กะรีดน้ำเฮียหมดตัวเลยป่ะ”
“แน่นอน”
“ชงโคกับพี่ทองคุยอะไรกันก็ไม่รู้อ่า” แมวพูดพลางหน้าแดง
“แมวคิดลึกเหรอ ผมแค่บอกจะร้องเพลงให้เฮียฟัง”
“แมวรู้หรอกว่าชงโคหมายถึงอะไร ไม่ได้ใสนะ”
“ฮ่าๆๆ น้องแมวน้อยอายใหญ่แล้ว” พี่โนพูดล้อๆ ก่อนจะหันไปชนแก้วกับหลินที่ตอนนี้ริมฝีปากเป็นอิสระแล้ว
“หวัดดีครับเฮียทอง” เล้งพูดพลางยกมือไหว้
“เออดี มึงเปลี่ยนแฟนใหม่อีกแล้วไง”
“ยัง แต่กำลังจะเปลี่ยน”
“เขายอม?”
“ไม่ยอมก็ไม่เป็นไรนี่ อั๊วไม่ซีเรียส” เล้งพูดพลางเหลือบมองหลิน “คืนเดียวก็ได้ เจอคนถูกใจ ใครก็อยากทำความรู้จัก”
“เออ อยากทำไรก็ทำไป อย่าให้เสียมาถึงที่บ้านเป็นพอ”
“รู้น่า”
เมื่อจำนวนคนเยอะขึ้น ก็ต้องเรียกพนักงานมาขอเหล้าขอเบียร์ขอแก้วเพิ่ม ผมจะคุยกับพี่ยิมซะเป็นส่วนใหญ่ พี่โน หลิน พี่ทองก็คุยอะไรไม่รู้กัน มีเล้งแทรกเสริมขึ้นมาบ้าง แต่โดยมากแล้วเล้งก็นั่งมองหน้าหลินอย่างเดียว ในขณะที่แมวก็จดจ้องอยู่กับโทรศัพท์มือถือของผม
“เฮีย ไปเต้นไหม” ได้ยินเพลงจังหวะสนุกผมเลยหันไปชวนพี่ทองที่ยกแก้วเป็นรอบที่แปดได้แล้ว เออนะ รู้ว่าตัวเองเมาแล้วรั่วก็ยังจะกินเยอะ ถ้าเกิดเมาแล้วพยายามปลุกปล้ำโซฟาอีกผมจะทำเป็นไม่รู้จักแล้วทิ้งไว้ที่นี่จริงๆ ด้วย
“เอาสิ อยากวาดลวดลายอยู่พอดี” พี่ทองตอบกลับมายิ้มๆ แต่คราวนี้พี่ไม่ได้วาดลวดลายหรอกครับ เพราะถ้าออกไปกับผม จังหวะเพลงเร็วยังไงผมก็ซบพี่ได้ หึหึ
ผมจูงมือพี่ทองมาที่ฟลอร์เต้น ดีเจบนเวทีกำลังจัดเพลงมันส์ๆ ส่งท้ายก่อนที่วงดนตรีจะขึ้นมาเล่นเพลงสดๆ ให้ฟังกัน ที่จริงถ้าปล่อยพี่ทองมาเต้นคนเดียวนี่เขาต้องการเนื้อที่เท่าสนามฟุตบอลเลยครับ เพราะท่าเต้นเขากวนตีนมาก เสี่ยงโดนตีนสุดๆ แต่ก็มีหลายคนบอกว่าผมเต้นกวนตีนกว่าพี่ทองอีก ก็ไม่รู้นะครับ หน้าผมแค่ไม่มันส์ไปตามเพลง เพราะโดยส่วนใหญ่ถ้าไม่อยู่กับพี่ทองผมก็ไม่ค่อยแสดงอารมณ์อยู่แล้ว
“เด้งเอวสุดยอดอย่างนี้ ไปห้องน้ำกับเฮียเลยป่ะ”
“ไอ้หื่น” ผมตีไหล่พี่ทอง ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้เขาที่กำลังโยกตัวไปมาตามจังหวะ
“ชิดมาอีกดิ อย่าให้สะโพกไปโดนคนอื่น หวงนะเว้ย”
นี่ก็ชิดจนไม่รู้จะชิดยังไงอยู่แล้ว ถ้าให้ชิดกว่านี้รวมร่างกันเลยไหมครับ -_-
“ชงโค มือน่ะมือ” พี่ทองว่าเสียงเครียดพลางซี๊ดปากอยู่ข้างๆ หูของผม ลิ้นร้อนๆ ของเขาไล้เลียที่ติ่งหูของผมเบาๆ “อย่าเพิ่งซนดิวะ รู้ว่ามีแฟนหื่นก็อย่ายั่ว”
“ฮ่าๆๆ ไม่แกล้งๆ เพราะงั้นก็สงบลงนะครับเด็กดี” ผมยิ้มใส่ตาพี่ทองพลางลูบจุดกลางลำตัวของเขา เลยโดนแยกเขี้ยวตอบกลับมา
“เดี๋ยวจะโดน”
“อยากโดนมากกกก”
“หึหึ เด็กบ้า”
“เฮียก็บ้า บ้ามากด้วย”
“ถ้าไม่บ้าเอาชงโคไม่อยู่”
“เฮียบ้ามาก่อนแล้วเหอะ อย่ามาโทษผม อื้อออ”
จูบนี้แม้จะขมเพราะเหล้ากับคลุ้งไปด้วยกลิ่นบุหรี่ แต่ผมก็รู้สึกดีสุดๆ พี่ทองจูบผมท่ามกลางคนมากมายที่ต่างไม่มีใครสนใจใครเลย แต่ละคนก็เต้นกันหัวฟัดหัวเหวี่ยง และไม่ได้มีแค่คู่ผมที่ทำอย่างนี้ โลกกลางคืนท่ามกลางแสงสีก็มักจะเป็นอย่างนี้ล่ะครับ
“พอแล้วเหรอ...อีกสิครับเฮีย ผมชอบให้เฮียดูดตรงนี้” ผมแลบลิ้น มองพี่ทองด้วยสายตาที่บอกถึงความต้องการ เขายิ้มแล้วส่งลิ้นมาสะกิดที่จิวของผมเบาๆ ก่อนจะดูดแรงๆ จนผมต้องจิกเล็บลงบนไหล่ของเขา
“แค่นี้เฮียก็หลงจะแย่อยู่แล้ว อย่าทำตัวน่ารักไปมากกว่านี้เลย”
“ยังไม่พอหรอก...ผมจะทำให้หลงมากกว่านี้อีก เอาให้ขาดผมไม่ได้ หายใจเข้าออกก็เป็นผม นอนหลับก็คิดถึงแต่ผม ดีไหมเฮีย”
“ถ้าหนักกว่านี้เฮียคงบ้า ไม่เคยรู้เลยว่าดอกชงโคกลิ่นมันหอมจนทำให้เสพติด เลิกไม่ได้ ขาดไม่ได้”
“งั้นก็ทำให้พอใจเฮียสิครับ ดอกชงโคอยู่ในมือเฮียแล้ว จะขยี้ หรือดอมดมให้ถึงใจยังไงก็ได้ทั้งนั้น ไม่มีทางช้ำหรอก”
“ปากหวานจริงๆ”
ผมยิ้มตอบกลับไป พร้อมกับเป็นฝ่ายเริ่มจูบเขาก่อน
เสพติดผมไปนานๆ เลยนะครับ เพราะผม...ก็ขาดพี่ไม่ได้เหมือนกัน
...............................................To be continue.........................................................

แป๊บเดียวก็มาถึงตอนนี้แล้ว หูยยยยยย ตอนหน้าจบแล้วนะ อุว่ะฮ่าๆๆๆ
http://ask.fm/TCHONG_Kปล. ยาวนะตอนนี้ พูดจริงๆ