วังสวาท
ตอนที่26
[/size]
เช้านี้ผมตื่นมาตาบวมเพราะร้องไห้หนักจากเมื่อคืน ผมมองตัวเองในกระจก สัมผัสหน้าตัวเอง เลื่อนลงมาเรื่อยๆจนมาถึงท้อง ในท้องผมกำลังมีหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นมา หนึ่งชีวิตที่กำลังจะฝากความหวังไว้ที่ผม หนึ่งชีวิตที่ผมจะต้องดูแลเขาในฐานะแม่ ผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุด เช้านี้ผมออกจากบ้านเร็วกว่าปกติจนแม่ยังทัก แต่ผมไม่ได้พูดอะไรท่านก็คงรู้ว่าผมมีเหตุผลของผม ผมไม่อยากเจอหน้าวิน ไม่อยากเถียง เลยเลี่ยงที่จะออกจากบ้านให้เร็วขึ้น จะได้ไม่ต้องพบเจอกันให้อารมณ์เสียแต่เช้า
ผมนั่งรถเมล์มาโรงเรียน เพราะผมตื่นเช้ามาก ทำให้คนไม่เยอะนัก ผมนั่งปล่อยให้สายลมกระทบหน้า ปล่อยความคิดไปเรื่อยๆ เมื่อถึงโรงเรียนผมได้พบกับความสงบอีกแบบ วันนี้เป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้าย ไม่มีใครมาโรงเรียนเช้าขนาดนี้หรอก ผมก้มลงมองดูนาฬิกาตอนนี้เพิ่งจะ 06.30น. ไม่แปลกที่จะเงียบ ลมพัดเย็นสบาย ผมรู้สึกมีความสุขกับการได้อยู่กับตนเอง ได้อยู่กับลูกผมแค่สองคน
“สอบเสร็จแล้วโว้ยยยยยย !!!”
ไอ้อาร์มตะโกนหน้าห้องสอบอย่างดีใจ ผมหันไปยิ้มกับมัน หมดเวลาการเป็นนักเรียนสำหรับผมแล้วหรอเนี้ย ทำไมถึงเร็วขนาดนี้ หันไปมองเพื่อนผมทั้งสามคน ระหว่างเดินลงจากตึกเรียน เราสนิทก็มาตั้งแต่ม.1 อยู่ห้องเดียวกันมาตลอด พอจะจากกันแบบนี้ก็รู้สึกใจหายไม่น้อยเหมือนกัน
“ไม่ต้องมามองพวกกูหน้าเศร้าเลย ถึงมึงจะลาออกแต่มึงก็ยังเป็นเพื่อนกู กูสัญญากับมึงนะเว้ย ว่ากูจะไปเยี่ยมมึงบ่อยๆ ไม่ปล่อยให้มึงเหงาหรอก”
ไอออยหันมาพูดกับผม มันพยายามปลอบใจผมแม้ว่ามันจะหน้าเศร้าไม่แพ้ผม
“กูขอบใจพวกมึงนะ”
ผมเข้าไปกอดพวกมันทั้งสาม พวกเรายืนกอดกันกลมหน้าตึกเรียน คนที่เดินผ่านไปมาหันมามองพวกเรา แต่พวกเราไม่สนใจหรอก ยืนกอดกันสักพักก็ผละออกจากกัน
“เลิกขี้แยได้แล้วมึง กำลังจะเป็นแม่คนแล้วนะ”
ไอ้โต้งยืนมือมายีผมของผม
“เออ”
ผมตอบมันแกล้งๆ ไม่นานพวกเราทั้งสี่คนก็หัวเราะ
“ฮ่าๆ”
...
เราสี่คนตัดสินใจมากินเอ็มเคกันในห้างใจกลางเมือง มาให้ไกลกว่าโรงเรียนนิดนึง เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เราสี่คนทานไปพลางคุยไปพลางอย่างสนุกสนาน
“เพชรมึงจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยไหม”
ไอออยที่นั่งข้างผมหันมาถาม
“เรียนสิ ตอนนั้นลูกกูก็คงขวบกว่าๆแล้ว คงจะให้แม่ช่วยเลี้ยงได้ กูคงลองแอดมิดชั่นดู เพราะเด็กจบ กศนก็แอดมิดชั่นได้นี้ กูไม่ทิ้งเรียนอยู่แล้ว ถ้ากูไม่จบให้สูงๆกูจะเอาอะไรเลี้ยงลูกละ”
“เออดีแล้ว แอดมาเรียนที่เดียวกับพวกกูนะ พวกเราจะได้รวมกลุ่มกันเหมือนเดิม”
ไอโต้งแทรกเข้ามา
“ฮ่าๆ ไม่รู้กูจะแอดได้รึเปล่า”
ผมตอบพวกมันยิ้มๆ อนาคตคาดเดายากจะตาย
“มึงเป็นคนฉลาด มึงทำได้อยู่แล้ว พวกกูเอาใจช่วย”
ผมยิ้มตอบพวกมัน
หลังจากทานกันเสร็จพวกเราก็เดินเล่นอีกนิดหน่อย ผมเดินเข้าไปในโซนเสื้อผ้าเด็ก ผมลูบเสื้อเด็กน่ารักๆ ถ้าลูกผมใส่จะน่ารักไหมนะ แม่อยากเห็นหน้าลูกเร็วๆจังเลย
“น่ารักเนอะมึงเสื้อผ้าเด็ก มึงเตรียมไว้บ้างยัง”
ไออาร์มหันมาถามผม คงเห็นผมกำลังสนใจ
“ยังเลย เดี๋ยวให้รู้เพศลูกก่อนแล้วค่อยซื้อ”
“มึงรู้ไหม มึงเปลี่ยนไปเยอะนะตั้งแต่ท้อง”
ไออาร์มพูดจบทำเอาผมหันไปหามัน
“กูเปลี่ยนไปยังไง”
ผมถามมันอย่างสงสัย
“มึงดูใจเย็นขึ้น ไม่ใจร้อนเหมือนเมื่อก่อน แล้วมึงดูอ่อนโยนขึ้นเยอะ”
“ฮ่าๆ สงสัยสัญชาตญาณความเป็นแม่มั้ง”
ผมตอบมันยิ้มๆ สงสัยจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ผมได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากอีกมุมของโซนเด็ก ผมเลยหันไปมองเจอวินกับเพื่อนๆเขายืนดูรถของเด็ก แล้วก็พวกอุปกรณ์หันเดินของเด็ก
“มึงว่าลูกกูเอาแบบไหนดีว่ะ”
วินหันไปถามเพื่อนๆเขา
“ไอ้วิน ลูกมึงเพิ่งจะ4เดือนนะเว้ย แถมยังอยู่ในท้องแม่อีก ไม่ใช่4ขวบที่จะขับรถเด็กได้”
พี่แอมหันมาตอบ พร้อมส่ายหน้าระอา
“ก็กูตื่นเต้นนิ ไม่รู้ต้องเตรียมตัวไรบ้าง อยากจะเหมาแม่งให้หมดร้านเลย”
วินตอบเขินๆ
“ฮ่าๆ ขี้เห่อนะมึง นี้ขนาดยังไม่คลอดนะ”
“แน่นอน พวกมึงอิจฉากูละเซ่ที่ไม่มีลูกเหมือนกู”
วินเกทับเพื่อนทันที
“กูไม่รีบเหมือนมึงหรอก กูรอแม่ของลูกก่อน”
พี่แอมหันไปตอบวิน
“ไอ้เพชร !”
ผมชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง สงสัยจะแอบดูพวกเขาเพลินไปหน่อย
“มีไรว่ะ”
ผมหันไปตอบไอ้โต้งที่เรียก
“พวกกูจะกลับละ กลับเลยเปล่า”
“อื้ม กลับเลยก็ได้ไป”
ผมเดินตามไอ้โต้งออกมาแต่ไม่วายหันไปมองวิน เขากำลังพูดกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน เลือกดูของเล่นอย่างสนุก เขาคงมีความสุขกับการเป็นพ่อคนสินะ
รอบนี้ไอ้ออยมาส่งผมที่บ้านแทนไอ้อาร์มเพราะไอ้อาร์มรีบกลับบ้านมัน ผมเลยต้องลงรถที่หน้าบ้านไอ้ออยที่ติดถนนใหญ่ก่อนแล้วรอให้มันเอารถมอไซต์มาส่งผม ผมจะเดินเองก็ไม่ยอม มันบอกว่ามันเป็นห่วงผม ผมเห็นหน้ามันแล้วปฏิเสธไม่ลงเลยยอมมัน
“ขอบใจนะมึงที่มาส่ง”
ผมหันไปพูดกับไอ้ออยที่นั่งคร่อมอยู่บนรถมอไซต์
“เออ ไม่เป็นไร ปิดเทอมเดี๋ยวกูมาเยี่ยมมึงบ่อยๆ บ้านไม่ไกลกัน”
“ฮ่าๆ โอเค แต่บ้านนี้ไม่ใช่บ้านกูนะเว้ย”
“แหม ยังไงมึงก็หลายสะใภ้เขาแล้วก็คล้ายๆกับเจ้าชองบ้านละว่ะ”
ผมถลึงตาใส่มันเล่น มันหัวเราะร่า แล้วขับรถกลับไป จริงๆแล้วเรื่องนี้ผมเล่าให้พวกมันฟังแล้ว พวกมันไม่ออกความคิดเห็น มันบอกว่าแล้วแต่ผม พวกมันอยากให้ผมทำอะไรก็ได้ที่ทำแล้วคิดว่าตัวเองมีความสุขและดีต่อลูกของผม นั้นสิ สิ่งที่พวกมันพูดถึงคืออะไรกัน
ผมเดินเข้าบ้านแล้วตรงไปเก็บของในห้องแล้วเดินออกมานั่งเล่นในครัวในขณะที่ทุกคนเริ่มทำอาหารเย็นกันแล้ว ผมมานั่งที่นี้รู้สึกมีความสุขกว่านั่งฟุ้งซ่านคนเดียวในห้อง
“เพชรเป็นไงบ้าง สอบวันสุดท้าย”
พี่ส้มหันมาถามผมไปด้วยล้างผักไปด้วย
“ก็ดีครับ พอทำได้”
ผมตอบพี่ส้มแล้วเดินไปช่วยพี่ส้มล้างผัก
“ไม่ต้องช่วยพี่หรอกเพชร ท่านหญิงท่านห้ามไว้ไม่ใช่หรอว่าไม่ให้เพชรทำอะไร”
พี่ส้มปรามผมทันทีที่ผมจะช่วย
“ให้เพชรทำอะไรบ้างเถอะพี่ส้ม อยู่เฉยๆเบื่อจะตาย แล้วแค่งานเล็กๆน้อยๆแค่นี้คงไม่เป็นไรหรอก”
“แต่ว่า เพชรเป็นแฟนคุณวินไม่ใช่หรอ”
ผมหันไปมองพี่ส้มตาขวางจนพี่ส้มตกใจ ผมเลยเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ
“ใครบอกพี่ส้มกัน ผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ก็เพชรท้องกับคุณวินนี่”
“การที่เพชรท้องกับเขาไม่จำเป็นว่าเพชรต้องเป็นแฟนเขานิ”
ผมพูดจบพี่ส้มก็ไม่ได้ซักต่อคงเห็นว่าไม่ควรถาม
หลังจากทำกับข้าวเสร็จจัดไปที่เรือนใหญ่ อีกส่วนหนึ่งพวกเราก็กินกันเอง ผมนั่งกินข้าวในครัวจนอิ่ม ก็เลยปลีกตัวออกมาเดินเล่นข้างนอก เป็นการย่อยไปในตัว
“เพชร”
วินเรียกผม ผมไม่อยากสนใจเลยนั่งที่ม้านั่งกลางสวน วินเลยมานั่งข้างๆ
“เพชรเป็นไงบ้าง กินข้าวอิ่มไหม”
ผมมไม่ตอบแล้วไปสนใจอย่างอื่นแทน
“เพชรไม่ตอบก็ไม่เป็นไร วินพูดคนเดียวก็ได้ วันนี้วินไปเดินห้างมาวินเดินไปดูเสื้อผ้าเด็กน่ารักๆทั้งนั้นเลย ไหนจะของเล่นเด็กอีก เพชรว่าลูกของเราจะผู้หญิงหรือผู้ชายนะ เราจะได้ซื้อเสื้อผ้าซื้อของเล่นถูก ถ้าเป็ผู้หญิงคงต้องซื้อชุดน่ารักๆสีมชมพูๆ ถ้าผู้ชายก็คงต้องชุดเท่ๆสีไรดี สีฟ้า สีเขียว ฮ่าๆ”
วินพูดเองเออเองคนเดียว แถมยังหัวเราะตบท้ายอีก ท่าจะบ้าละ ผมขี้เกียจนั่งกับคนบ้าก็เลยลุกขึ้นหนี แต่โดยวินจับมือไว้ซะก่อน ผมปรายตาไปมองเขม็ง บ่งบอกว่าให้เขาปล่อยเดี๋ยวนี้ วินคงจะรับรู้เลยปล่อย
“เพชร เรื่องโอกาสที่วินเคยขอเพชรยังไม่ให้วินตอนนี้ไม่เป็นไรนะ วินรอได้ วินรอได้ตลอดชีวิต”
วินมองผมด้วยสายตามั่นคง ผมจะเชื่อสายตาของเขาได้ไหม
“ตลอดชีวิตเลยหรอ นายกล้าหรอ ถ้าฉันเกลียดนายไปตลอดชีวิตล่ะ”
ผมยอมเปิดปากพูดกับเขา
“ถ้าเพชรจะเกลียดวินตลอดชีวิตวินก็คงยอม แต่เพชรจำไว้นะวินจะไม่ทิ้งเพชรและลูก วินจะรอสักวัน วันที่เราจะได้เป็นครอบครัว”
ผมไม่พูดอะไรตอบ เดินออกมาจากตรงนั้น ทำไมนะ ทำไมต้องสับสน ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ ไหนเคยบอกว่าเกลียดไงเพชร แล้วทำไมต้องหวั่นไหวกับสายตา คำพูดและท่าทางที่จริงจังแบบนั้น แล้วทำไมต้องอ่อนลงทุกครั้งที่ได้ยินคำว่าครอบครัวของเรา
“เพชรมานั่งคุยกับแม่ตรงนี้หน่อยสิลูก”
แม่เรียกผมให้ไปนั่งคุยกันที่ม้านั่งแถวห้องพัก
“มีอะไรหรอครับแม่”
“ทุกวันนี้เพชรมีความสุขไหมลูก”
ผมหันไปมองแม่ฉงนใจ ทำไมแม่ถามแบบนี้
“ก็มีความสุขนิครับ”
“ท่านทางของเพชรพยายามแสดงให้แม่เห็น ให้ทุกๆคนเห็นว่าเพชรมีความสุข แต่จริงๆแล้วข้างในเพชรเศร้า สับสน วุ่นวายขนาดไหนแม่รู้ แม่เลี้ยงเพชรมาเองนะลูกทำไมแม่จะไม่รู้”
ผมมองแม่น้ำตาซึม นี้สินะความเป็นแม่
“แม่ครับ เพชรสับสน”
ในที่สุดผมก็ยอมเอ่ยปากพูด บางทีผมก็ต้องการคำปรึกษา ผมคงเด็กเกินไปที่จะตัดสินใจคนเดียว
“สับสนอะไรลูก”
“สับสนทุกอย่าง สับสนกับท่าทีของวิน สับสนกับการเอาใจใส่ การดูแล การกระทำที่เขาแสดงออกว่าเขาอยากจะดูแลผมและลูก สับสนกับคำว่ารักของเขา เขาทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรครับแม่ เขาแค่รู้สึกผิดที่ทำกับผมใช่ไหม แค่อยากจะรับผิดชอบใช่ไหม”
“เพชร เพชรลองคิดนะลูก คนเราถ้าไม่รักไม่รู้สึกอยากจะดูแลจริงๆเขาไม่จำเป็นต้องยอมรับผิดทุกอย่าง เพชรจำวันที่คุณวินกราบขอโทษพ่อกับแม่ได้ไหม เขาไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แต่นี้เขาทำ คุณวินออกโรงรับผิดชอบเพชรตลอด คุณวินไม่เคยปัด เขาพยายามหาหลักฐานทำทุกวิถีทางให้เพชรยอมรับ เขาอาจจะรู้สึกผิด อยากรับผิดชอบ ถ้าเขารู้สึกแค่นั้นเขาไม่จำเป็นต้องง้อเพชรเลยนิลูก เขาแค่ให้เงินส่งเสียเลี้ยงดูเราก็จบ ไม่จำเป็นต้องมาใส่ใจอะไร เพราะเขารู้สึกดีกับเพชร เขาอยากจะอยู่ใกล้ๆเพชร เขาอยากจะสร้างครอบครัวกับเพชร”
แม่พูดจบผมก็คิดตาม แต่ มันมีบางอย่างในใจผมที่ติดอยู่ตลอดเวลา
“แต่เพชรรับเขาไม่ได้ วินเคยข่มขืนเพชร ทำลายชีวิตเพชร ความฝัน อนาคตทุกอย่าง เขาสร้างตราบาปให้เพชร เพชรไม่มีวันลืมมัน ไม่มีวันลืมในสิ่งที่เขาทำไว้กับเพชร”
แม่มองผมด้วยสายตาสงสารแล้วเอื้อมมือมาลูบหัวผม ทำให้ผมน้ำตาไหล ผมน้ำตาไหลทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ บางครั้งผมก็คิดว่าผมเป็นคนที่คอยเก็บมันมาคิดเอง แล้วทำให้ตัวเองเจ็บเอง
“เพชรฟังแม่นะลูก อดีตที่มันเลวร้ายเพชรลืมมันไปซะบ้าง อดีตที่ฝังใจลูกถ้าลูกลืมมันไปได้มันก็ตายไปกับลูก ไม่มีใครขุดขึ้นมาอีกหรอก วันๆนึงมีเรื่องมากมายให้เราจดจำแล้วจะมีสักกี่คนที่มาจดจำเรื่องเราจนต้องขุดมาคิด ไม่มี ทุกคนต่างมีวิถีของตนเอง เพราะงั้นก็มีแต่เพชรแหล่ะลูกที่เก็บมันมาคิด เก็บมันมาทำร้ายตนเอง แล้วเพชรจะทำร้ายตนเองทำไม คนที่เครียดก็คือลูกคนเดียว ปล่อยวางมันบ้าง อย่าจมอยู่กับอดีตนัก มองไปอนาคตสิ อนาคตของลูกของเพชร มองสิว่าทำยังไงให้เขามีความสุข ทำแบบนั้นดีกว่าไหมลูก”
“ครับแม่”
ผมปาดน้ำตาที่ไหลออกมา
“เพชรเติบโตมาในครอบครัวที่มีครอบ พ่อ แม่ ลูก เพชรจึงไม่รู้สึกขาด แต่เพชรลองมองไปที่คนที่เขาขาดสิ ไม่มีใครบนโลกหรอกลูกที่อยากจะให้ครอบครัวตัวเองไม่มีพร้อมหน้าพร้อมตา เพชรคิดดูว่าลูกของเพชรจะมีความสุขหรอถ้าให้เขาโตมาเจอกับแม่ที่จมอยู่แต่กับอดีตอันเลวร้าย เกลียดชังพ่อของเขา กีดกันไม่ให้เขาได้พบหน้ากัน เพชรคิดว่าลูกของเพชรจะมีความสุขไหม”
ผมคิดตามที่แม่พูด นั้นสินะ ผมควรทำยังไงดี ผมอยากให้ลูกที่เกิดมามีความสุขที่สุด
“บางทีเพชรก็ควรลดทิฐิให้กับคุณวินบ้าง ให้โอกาสเขาสักครั้งสิ ลองให้ดู ให้เขาพิสูจน์ตนเองว่าเขาพร้อมจริงๆ สิ่งที่เขาทำมามันมาจากใจเขาไม่ใช่การแสดง เพชรต้องหัดให้โอกาสคนอื่นบ้าง ดูสิตอนนี้ท่านหญิงท่านยังให้โอกาสเพชรที่จะอยู่ในวังต่อ ท่านมีสิทธิที่จะไล่เพชรออกจากวัง แล้วแค่ส่งเสียเงินไม่จำเป็นต้องคอยดูแลเพชรเลย เพราะท่านให้โอกาสเพชรไง โอกาสที่เพชรจะทำให้ท่านเห็นว่าเพชรเหมาะกับการเป็นแม่ของเหลนของท่าน แล้วแบบนี้เพชรจะไม่ให้โอกาสคุณวินหน่อยเหรอ โอกาสที่คุณวินจะสร้างครอบครัวกับเพชร”
ผมฟังแล้วคิดทุกคำที่แม่พูด ผมควรให้โอกาสเขาจริงๆใช่ไหม ที่เขาแสดงออกมาไม่ใช่ละครใช่ไหม ไม่เหมือนกับที่ผมเคยทำกับเขาใช่ไหม
“เพชรลองคิดให้ดี วางทิฐิลง ปล่อยอดีตให้เป็นแค่อดีต แล้วมองอนาคต ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะเลยลูก”
แม่พูดจบแล้วหอมแก้มผม ท่านยิ้มให้ผมแล้วเดินเข้าห้องไป ผมนั่งคิดที่ม้านั่งสักพักแล้วเดินตามท่านไปในห้อง
...........................................................
วันนี้มาเร็วมาต่อให้ก่อนคนเขียนกลับต่างหวัด เอาไปอีก2ตอน ตุนไว้ ฮ่าๆ หลังจากนี้คนเขียนอาจจะหายไปสัก2-3วัน
เมื่อทุกอย่างลงตัวจะกลับมาต่อให้นะครับ แต่คนเขียนไม่ได้หายไปไหน วนเวียนอยู่ในบอร์ดอ่านนิยายคนอื่น ฮ่าๆ
แต่ที่ไม่ได้ต่อเพราะไม่มีอินเตอร์เน็ตนั้นเอง มีแต่เน็ตในโทรศัพท์ซึ่งอ่านนิยายได้ แต่ถ้าให้พิมนิยายเลยไม่สะดวกจริงๆครับ
รอกันหน่อยนะ สัญญาว่าไม่ทิ้งกันครัย
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นและทุกคนที่อ่านครับ