[28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า  (อ่าน 129969 ครั้ง)

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     เช้าวันนี้ผมกะจะตื่นตามนาฬิกาปลุกครับ ตั้งไว้ตอนหกโมง จะได้ตื่นมาเก็บของแล้วก็จัดการบ้านให้เรียบร้อยก่อนออก ไม่รู้เมื่อคืนเจ้าพวกนั้นมันทำรกอะไรไว้บ้าง แต่เอาเข้าจริงผมตาสว่างตั้งแต่ตีห้าครึ่งแล้ว มันปวดหัวจนนอนต่อไม่ไหวครับ เลยลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาดีกว่าจะได้สดชื่นขึ้น ก็ไม่เชิงว่าแฮงค์หรอกนะครับแต่ก็มึนพอสมควร
     ถ้าพวกคุณสงสัยว่าทำไมผมถึงดื่มเป็นละก็ แม่น้ำของผมยังไงละครับ สมัยก่อนแม่ผมชอบดื่มมาก พวกไวน์หรือเบียร์นี่แทบทุกอาทิตย์เวลาที่แม่ผมนึกครึ้มทำอาหาร ตอนที่ผมสอบเข้ามัธยมต้นได้ แม่ผมทำอาหารสไตล์ฝรั่งเศษฉลองแล้วก็มีไวน์แกล้มด้วยครับ ท่านเคยให้ผมลองชิมดู แม่ผมบอกว่าอยากให้รู้รสไว้ แล้วก็บอกให้ผมคอยสังเกตขีดจำกัดของตัวเองว่าดื่มแค่ไหนถึงเมา
     แต่ผมไม่ได้ลองจนเมาหรอกครับ ชิมแค่คำเดียวก็ไม่เอาแล้ว ผมไม่ชอบไวน์ มันขมครับ เบียร์ก็ไม่ชอบ แต่บางครั้งแม่ผมเปิดวิสกี้ ผมกลับรู้สึกว่ามันรสดีสำหรับผมมากกว่า แต่ผมก็ไม่เคยดื่มมากกว่าหนึ่งหรือสองแก้ว คนที่ทำให้ผมรู้ขีดจำกัดของตัวเองก็คือแม็กซ์ ครั้งแรกที่ผมไปที่ห้องแม็กซ์ตอนเขาจัดปาร์ตี้ผมโดนแม็กซ์แกล้งเพราะตอนนั้นแม็กซ์ยังเกรียนใส่ผมอยู่
     วันนั้นแม็กซ์หลอกผมให้ไปหา ผมนึกว่าคงให้ไปช่วยงานเหมือนทุกทีก็เลยไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่กลายเป็นว่าแม็กซ์เรียกผมไปปาร์ตี้ครับ เพื่อนของแม็กรวมแม็กซ์ด้วยก็ห้าคน ผมสังเกตว่าเพื่อนพวกนี้ไม่ใช่เพื่อนในโรงเรียนของพวกเราแน่ๆ ครับ แถมในปาร์ตี้ยังมีผู้หญิงด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะทำอะไรกันซองถุงยางวางเป็นแผงขนาดนั้น ผมตกใจจะกลับแล้วแต่โดนแม็กซ์แกล้ง แม็กซ์ให้ผมช่วยงานจริงๆ ทั้งๆ ที่คนอื่นในห้องกำลังมั่วกันสุดฤทธิ์
     แม็กซ์แกล้งผมชัดๆ แล้ววิธีของแม็กซ์ที่หามาครั้งนั้นก็ทำเอาผมเกือบคุมสติตัวเองไม่อยู่ แม็กซ์ชวนให้อยู่ค้างด้วยกันแต่ผมปฏิเสธแม็กซ์ก็เลยขู่ผมแทนว่าถ้าทำไม่เสร็จไม่ให้กลับแต่ถ้าผมทำเสร็จแล้วจะมาส่งให้ถึงห้อง แต่พอผมทำเสร็จแล้วแม็กซ์กลับไม่ยอมไปส่งผม พอผมจะกลับเองแม็กซ์ก็แกล้งรั้งผมไว้ชวนดื่มด้วยกัน พอผมปฏิเสธไม่ดื่มแม็กซ์ก็อ้างบอกว่ายังมึนขับรถไปส่งผมไม่ไหว เล่นตัวสุดๆ เลยครับ
     ผมไม่อยากเสี่ยงเลยตั้งใจจะหนีกลับ ปรากฏว่าโดนแม็กซ์จับกรอกเหล้าซะงั้น ผมสำลักจนแสบคอไปหมดแล้วก็มึนมากๆ ด้วย ผมถูกเพื่อนของแม็กซ์ล้อ แถมยัยผู้หญิงคนนั้นยังทำท่าอยากเปิดซิงผมซะอีกพอได้ยินจากแม็กซ์ว่าผมยังบริสุทธิ์อยู่ ผมขยะแขยงมากๆ แถมกลัวด้วย ก็เมื่อกี้ยัยนั่นพึ่งสวิงกิ้งกับผู้ชายอีกสามคนในห้องไปแบบสดงดถุง! ผมกลัวเอดส์นะครับ!
     ตอนนั้นผมกลัวมากจริงๆ แต่พอแม็กซ์เห็นผมหน้าซีดทำท่าจะไม่ไหวก็เลยชวนพวกนั้นไปต่อกันที่อื่นแล้วทิ้งให้ผมอยู่ในห้องคนเดียว แต่ผมอยากกลับบ้าน ใครจะไปอยากนอนบนเตียงที่สกปรกเต็มไปด้วยคราบอะไรต่อมิอะไรจากคนอื่นละครับ ผมก็เลยนั่งพักบนโซฟาแทน แต่แม็กซ์บอกว่าพวกนั้นทำกันไปรอบนึงตรงนั้นด้วย ผมเลยรีบลุกทันทีแต่หน้ามืด เดือดร้อนแม็กซ์ต้องเอาที่นอนเฉพาะกิจมาปูให้ผม ซึ่งก็เป็นที่นอนปิคนิคที่แม็กซ์ซื้อให้ผมนั่นแหละ แม็กซ์บอกว่ามีแต่ผมคนเดียวแหละครับที่ใช้ คนอื่นก็นอนกันบนเตียงเดียวกับแม็กซ์นั่นแหละ แล้วพวกเขาก็ออกไปเที่ยวต่อ
     ผมนอนอยู่ที่ห้องแม็กซ์จนเผลอหลับ จริงๆ ผมแค่มึนนิดหน่อย แต่มันแสบคอไปหมดจนอยากหลับไปเลยดีกว่า
     กว่าแม็กซ์จะกลับก็เกือบเที่ยงคืน แต่สภาพแม็กซ์เองก็ใช่ว่าจะดูดี ผมเลยตัดสินใจว่าคงต้องค้างที่ห้องแม็กซ์ ใครจะอยากให้คนเมาขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งล่ะครับ แต่แม็กซ์ดันเดินมานอนบนเบาะผมด้วยกันซะงั้น
     “ไม่ไปนอนบนเตียงตัวเองล่ะ?”
     “ขี้เกียจเปลี่ยนผ้าปู”
     “ทีงี้รังเกียจทีเมื่อกี้ เฮอะ! ถ้ารังเกียจแล้วจะชวนมาทำที่ห้องแต่แรกทำไม”
     “กูไม่ได้ทำเว้ย กูแค่นั่งกินเหล้า พวกมันอยากทำกันเอง”
     “แล้วนายก็ไม่ห้าม?”
     “คนจะเอากันมึงห้ามได้เหรอ แล้วมึงอ่ะ ไม่เคยดื่มเลยดิ ไอ้คออ่อนเอ้ย”
     “ใครบอก! เราเคยนะ แม่เราเคยให้ลอง แต่นายแหละจับเรากรอกเหล้าแบบนั้นเป็นใครก็ต้องสำลัก”
     “หน้าอย่างมึงเนี่ยนะดื่มเป็น กูไม่เชื่อหรอก”
     “เราไม่ชอบดื่มไม่ได้แปลว่าเราดื่มไม่เป็น!”
     “งั้นดวลเหล้ากะกูป่ะ?”
     “แข่งกันเรื่องไร้สาระ ทำไมต้องทำ”
     “ไม่กล้าดิ”
     “เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้ความกล้า”
     แต่แล้วแม็กซ์กลับลุกขึ้นไปเปิดไฟแล้วลากผมไปนั่งตรงที่เคยเป็นที่ตั้งวง ณ. ที่ตรงนั้นยังมีขวดเหล้าที่เหลืออยู่อีกครึ่งกับแก้วเปล่าๆ วางไว้หลายใบ เพราะผมมึนก็เลยยังไม่ได้เก็บกวาดห้องให้แม็กซ์ แม็กซ์เดินไปดูในตู้เย็นแล้วก็หันมาสั่งผม
     “เปลี่ยนผ้าปูให้กูด้วย ถ้าขึ้นมามึงไม่ทำให้กู โดนเตะแน่”
     “เฮ้ย! แม็กซ์”
     แล้วแม็กซ์ก็หายไปครู่นึงครับ พอกลับมาอีกทีก็ถืออุปกรณ์ก๊งเหล้าติดมือมาด้วยเพียบ
     “เราง่วงแล้วอยากนอน”
     “มาดื่มกับกูนี่”
     “ทำไมต้องดื่ม นายกินไปเยอะแล้วไม่พออีกรึไง”
     “กูอ่ะกินเยอะ แต่มึงอ่ะยัง”
     “เกี่ยวไรกับเรา?”
     “เกี่ยวดิ มึงอ่ะไม่เคยเมาใช่ป่ะล่ะ มาดื่มกับกูซะวันหลังจะได้ไม่โดนคนอื่นแกล้งเอาง่ายๆ อีกไง”
     “หมายความว่าไง?”
     “กูจะสอนมึงดื่มไง อยู่กับกู มึงต้องแดกเหล้าให้เป็น”
     “เรื่องแบบนี้ไม่เห็นต้องฝึก”
     “เออน่า ดื่มกับกูกลัวไรกูไม่ทำไรมึงหรอก แต่ลองมึงไปเมาที่อื่นดิมึงแน่ใจเหรอว่าจะรอด หน้าอ่อนๆ อย่างมึงก็เป็นแค่เหยื่อเขาละว้า”
     เหยื่ออะไรไม่ทราบ! ผมเคืองแม็กซ์ที่พูดแบบนั้นกับผมนะครับ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าแม็กซ์หมายความว่าอะไร ก็ไม่ใช่แม็กซ์รึไงที่ทำให้เหยื่ออย่างผมรู้จักระวังผู้ล่า สอนให้ผมรู้จักเอาตัวรอดเป็น!
     คืนนั้นผมโดนแม็กซ์มอมเหล้าไปหลายขวด หลังจากหมดขวดแรกที่เปิดไปแล้ว แม็กซ์ก็ยังเอาพวกเหล้าขาวมาให้ผมลองด้วย รสชาติมันบาดคอมากเลยครับ ผมที่มึนๆ อยู่แล้วเบ้หน้าทำท่าจะคายทิ้งด้วยซ้ำแต่แม็กซ์แกล้งผมปิดปากไม่ยอมให้คายซะงั้น รู้ตัวอีกทีตื่นขึ้นมาก็นอนอยู่บนเบาะนอนตัวเอง ส่วนแม็กซ์ก็นอนสลบอยู่ข้างๆ กว่าที่ผมกับแม็กซ์จะฟื้นแล้วคลานออกไปหาอะไรทานได้ก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็นแล้วครับ แม็กซ์พาผมไปหาอะไรทานก่อนจะขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งผมที่คอนโด ผมละกลัวแม็กซ์กลับไม่ถึงห้องตัวเองจนต้องโทรเช็คเลยครับ
     แล้วผมก็ได้ใช้วิชาที่แม็กซ์สอนผมจริงๆ ใครจะไปคิดว่าสิ่งที่แม็กซ์พูดถูกทุกอย่าง หน้าอย่างผมนี่มันน่าแกล้งมากรึไงครับถึงได้ถูกคนอื่นจ้องจะเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา จะว่าไปแม็กซ์ก็เป็นคนที่สอนให้ผมรู้จักอะไรหลายๆ อย่างเลยครับ ทั้งขี่มอเตอร์ไซค์ เล่นกีต้าร์ เล่นกีฬาบางอย่าง รวมทั้งเรื่องงี่เง่าของวัยรุ่นบางอย่างด้วย แต่อะไรที่แม็กซ์ดูแล้วว่าไม่โอเคสำหรับผม แม็กซ์ก็จะกันผมไว้นอกวงครับ แค่พาผมไปเปิดหูเปิดตาเฉยๆ ให้รู้ไว้จะได้ไม่โดนคนอื่นหลอกเอาง่ายๆ
     ส่วนตัวผมเองถึงจะรู้ว่าสิ่งที่แม็กซ์ทำมันไม่ดี แต่ในความรู้สึกของเด็กวัยรุ่นที่ทั้งชีวิตไม่เคยเดินออกนอกกรอบของตัวเองมาก่อนผมเลยแอบสนใจอยากรู้อยากเห็นเหมือนกันครับ เพราะผมรู้ดีว่าอยู่กับแม็กซ์ผมปลอดภัยผมถึงได้กล้าก้าวเท้าเข้าไปในโลกสีเทาพวกนั้น เพราะฉะนั้นตอนที่ผมทะเลาะกับแม็กซ์ผมถึงได้เสียใจมากๆ เพราะแม็กซ์เป็นเพื่อนคนสำคัญเพียงคนเดียวของผมในตอนนั้น

     ผมเดินลงมาข้างล่างแล้วก็จัดการทำเมนูข้าวต้มตามที่เตรียมไว้เมื่อวาน การทำข้าวต้มไม่ได้ลำบากอะไรผมก็เลยทำคนเดียวไม่ต้องให้ใครมาช่วย ยังไงซะก็แค่รองท้องกันนิดๆ หน่อยๆ อยู่แล้วละครับ เดี๋ยวสายๆ ก็คงแวะหามื้อเที่ยงทานระหว่างทางอีกอยู่ดี
     ผมจัดการมื้อเช้าของตัวเองอยู่เงียบๆ คนเดียวในครัว คงเพราะว่าเมื่อคืนคงจัดเต็มกันพวกนั้นถึงได้สลบไม่ตื่นแบบนี้ ผมเก็บกวาดชั้นล่างแล้วก็เช็คดูของที่เรายืมเขามา โชคดีที่ไม่มีอะไรแตกหักเสียหายมากนัก พอใกล้ๆ เจ็ดโมงพวกนั้นก็ทยอยตื่นกัน เพราะผมได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากชั้นบน ผมก็เลยกะขึ้นไปเก็บสัมภาระของผมบ้าง ตอนที่รถมารับจะได้ไม่ฉุกละหุกครับ
     ที่นอนของโอมว่างแล้ว ประตูห้องน้ำปิดอยู่ ผมเดาเอาว่าคงเป็นโอมที่อาบน้ำอยู่ ผมได้ยินเสียงนันบ่นอะไรเบาๆ กับพัทที่กำลังลุกขึ้นมาท่าทางเหมือนคนยังไม่ตื่นดี ไปป์เองก็ตื่นแล้ว แต่ยังไม่ยอมลุก ผมเลยเดินไปนั่งข้างๆ เก็บของที่ผมวางไว้บนฟูก
     “ตื่นเช้าจังต้น”
     ไปป์ทักทายผมด้วยเสียงงัวเงีย เมื่อคืนไปป์ขึ้นมานอนพร้อมๆ กับผมนั่นแหละครับ แต่ดันขี้เซากว่าผมซะได้
     “อืม”
     “เช้านี้มีไรกินมั่งอ่ะ?”
     “ข้าวต้ม ทำไว้ให้แล้วอยู่ข้างล่างโน่น”
     “ต้นโคตรเทพเลย ดื่มไปขนาดนั้นยังตื่นก่อนคนแรกแล้วก็ทำข้าวเช้าเสร็จแล้วด้วย”
     ไปป์มักจะชมผมด้วยเรื่องไร้สาระเสมอ เหมือนเด็กๆ เลยครับ
     “ลุกไปอาบน้ำกินข้าวแล้วเก็บของรอไว้ก่อนก็ดีนะ ถ้าจะหลับแล้วเพลินตอนรถมาจะได้ไม่ฉุกละหุก”
     “อือๆ ขออีกสามนาที เดี๋ยวลุก”
     ไปป์พูดแบบนั้นแล้วก็มุดผ้าห่มนอนต่อ ผมเก็บของเสร็จแล้วก็เลยว่าจะลงไปดูข้างล่าง ยังต้องเอามอเตอร์ไซค์ไปคืนอีกครับ ผมแวะไปเคาะห้องสามสาว บอกเรื่องข้าวต้มแล้วก็กำชับให้สามคนนั้นช่วยดูแลเรื่องเช็คของในบ้านอีกรอบนึงด้วย พอลงไปถึงก็เห็นพวกรุ่นพี่ตื่นแล้ว กำลังนั่งทานข้าวต้มกันอยู่
     ผมเลยแวะคุยกับพี่เบียร์เรื่องคืนรถเช่า พี่เบียร์เลยบอกว่าเดี๋ยวเขาจะไปกับผมเองสองคน เพราะขากลับต้องนั่งรถรับจ้างกลับ ไปกันน้อยๆ สะดวกกว่า
     “ต้นนี่ อึดเหมือนกันเนอะ เมื่อคืนดื่มไปขนาดนั้นแล้วยังตื่นเช้ามาทำข้าวต้มให้คนอื่นได้อีก”
     พี่ณตชวนผมคุยระหว่างที่ผมนั่งรอพี่เบียร์ทานข้าว เอ่อ... ผมไม่ชอบสายตาแบบนั้นเลยให้ตายสิ หวังว่าพี่เขาคงไม่รุกผมหนักมากกว่าเดิมนะครับ ตั้งแต่รู้ว่าผมเป็นพวกเดียวกันแล้วผมรู้สึกพี่เขาเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิมพิกล อุตส่าห่างๆ กันไปแล้วแท้ๆ แต่ยังไงซะตรงนี้ก็มีพวกรุ่นพี่อยู่ตั้งสามคน ผมก็คงต้องไว้หน้าเขาหน่อยนึง ก็เลยจำใจต้องหันไปยิ้มตอบ
     “คงงั้นมั้งครับ”
     “งั้นวันหลังไปดื่มกับพี่ป่าว?”
     “ไม่ดีกว่าครับ ผมดื่มได้ ไม่ได้แปลว่าชอบดื่มครับ”
     “หึ ฮ่าๆ”
     อะไรกัน ผมว่าผมอุตส่าตอบปฏิเสธอย่างสุภาพแล้วนะครับ แต่ทำไมพี่เบียร์กับพี่โอถึงได้หลุดขำแบบนั้นละครับ โดยเฉพาะพี่เบียร์หัวเราะเสียงดังมากเล่นเอาพี่ณตหน้าเจื่อนไปเลย ผมทำตัวไม่ถูกเลยครับแต่ก็นั่งคุยกับพวกพี่เขาไปเรื่อยจนกระทั่งพี่เบียร์ทานเสร็จ พวกเราก็ขี่มอเตอร์ไซค์คนละคันกลับไปคืนร้านเช่ากันแล้วก็ขึ้นรถรับจ้างกลับครับ
     ตอนที่เรากลับมาถึงกันคนที่เหลือก็ตื่นกันเกือบหมดแล้ว ไปป์ก็ตื่นแล้วครับ กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับโอมและสามสาว เหลือแต่พวกตื่นยากไม่กี่คน แล้วก็พวกที่แฮงค์จนลุกไม่ขึ้น ผมเห็นว่ายังพอมีเวลาเพราะพึ่งจะแปดโมงกว่าเลยไม่ได้ไปเร่ง แค่ขนของลงมากองรอไว้ข้างล่างแล้วก็นั่งเล่นกีต้าร์อยู่กับพัทที่มานั่งทำมิวสิคหน้าชายหาดส่งท้าย
     ผมคิดไว้แล้วเชียว รถตู้มาถึงพวกเราตอนเก้าโมงครับ แต่ก็มีบางคนยังไม่ตื่น อย่างมิวนิคกับโค่แล้วก็อัฐ ก็เลยต้องไปสะกิดกันซักเล็กน้อย พอตื่นแล้วก็วิ่งวุ่นกันใหญ่เลยครับ ไหนจะแย่งห้องน้ำกันไหนจะเก็บข้าวเก็บของ ผมเองก็ยังต้องตรวจดูความเรียบร้อยขั้นสุดท้ายอีก กว่าพวกเราจะพร้อมขึ้นรถกันได้ครบขบวนก็เหนื่อยเหมือนกันครับ
     แต่คราวนี้มีการเปลี่ยนผู้โดยสารเล็กน้อยพี่ณตลากพี่เบียร์ขึ้นมานั่งคันพวกผมแทนแล้วให้เอกกับนนไปนั่งอีกคัน บอกว่าจะคุยเรื่องเคลียร์งบกองกลางส่วนที่เหลือกับผม โชคดีที่ผมนั่งแถวกลางอยู่แล้ว พอคุยเสร็จผมก็เลยแกล้งหลับเกือบตลอดการเดินทางครับ ยกเว้นตอนที่รถจอดแวะพักตามปั้มข้างทาง
     พวกเราพักทานข้าวกันระหว่างทางแล้วก็ขับกลับยาวๆ จนถึงกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่พวกเราลงกันที่มหาวิทยาลัยนั่นแหละครับ มีไม่กี่คนที่ขอลงระหว่างทางเพราะใกล้บ้านมากกว่า แต่คนที่สบายที่สุดเห็นจะเป็นเป้ที่เป็นลูกเจ้าของกิจการรถเช่าโชคดีชะมัดเลยครับ นี่ดีนะที่ผมไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาเยอะ ไม่งั้นคงพะรุงพะรังน่าดู แต่เอาเถอะครับถ้าผมเหนื่อยมากๆ ก็อาจจะขึ้นแท็กซี่กลับก็ได้
     แต่ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆ ไปป์ก็เอนตัวมาซบไหล่ผมซะงั้น
     “ทำไรอ่ะไปป์”
     “ง่วง”
     “เอนไปทางโน้นไป หัวเหม็นอ่ะ”
     “ต้นใจร้าย”
     นอกจากไปป์จะไม่ยอมเลิกพิงไหล่ผมแล้วยังคว้าแขนผมไปกอดอีก ไปป์นี่หาเรื่องจริงๆ เลย อย่าคิดนะครับว่าผมไม่รู้ว่าไปป์ตั้งใจทำอะไร ไปป์ตั้งใจยั่วโมโหพี่ณตชัดๆ เพราะว่าตอนพักทานข้าวกลางวัน ที่นั่งปกติของผมอยู่ข้างๆ ไปป์หรือไม่ก็โอมอยู่แล้ว แต่ผมดันโดนพี่เบียร์ดึงไปนั่งตรงหัวโต๊ะเพราะเป็นคนคุมเงินกองกลาง ก็เลยกลายเป็นว่าผมถูกขนาบด้วยพี่ณตกับพี่โอแทน
     มื้อกลางวันที่ผ่านมาพี่ณตทานข้าวอร่อยครับ แต่ผมเซ็ง เลยทานอะไรไม่ค่อยลง พี่ณตแกเล่นคอยตักอาหารเสิร์ฟผมตลอด แถมยังโดนพวกมิวนิคแซวอีกทอด อึดอัดครับ
     “แขนต้นเนี๊ยนนียน กลิ่มก็หอมด้วย”
     ไปป์พูดแบบนี้จงใจประกาศศึกชัดๆ แต่ผมไม่พูดอะไรหรอกครับ อยู่เฉยๆ ดีกว่า ไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งไปมากกว่านี้
     “ไปป์ แกเป็นหมาเหรอ อ้อนต้นอย่างกับลูกหมา”
     “จะหมารึคนก็ช่าง ลองถามต้นดูดิว่าถ้าเราเป็นลูกหมาแล้วต้นจะรับเลี้ยงรึเปล่า?”
     “แหวะ ลูกหมาแบบแกให้ฟรีแถมเงินฉันยังไม่เอาเลย ใช่มั้ยต้น?”
     “ไม่แน่นะ ถ้ารู้จักฉี่ให้เป็นที่เป็นทาง ไม่เห่าจนน่ารำคาญ รู้อาณาเขตของตัวเอง เลี้ยงง่ายไม่ทำให้เราเดือดร้อน เราก็อาจจะรับเลี้ยง หึๆ”
     “เห็นป่าว”
     หลังจากนั้นพวกเราก็เลยแซวกันไปมาในรถอีกพักใหญ่ครับ ก่อนที่ข้าวเที่ยงในกระเพาะพวกเราจะเริ่มออกฤทธิ์ทำให้ง่วงจนหลับกันเกือบหมดทั้งคัน

     กว่าพวกเราจะฝ่ารถติดถึงกรุงเทพก็บ่ายคล้อยแล้วครับ พอรถตู้วนมาจอดในมหาลัยใกล้ๆ ตึกภาคได้ พวกเราก็ขนของลงจากรถ คนอื่นๆ ไปหมดแล้วเหลือแต่ผมที่ต้องอยู่เคลียร์เรื่องค่ายใช้จ่ายก่อน ไปป์ช่วยแบกกระเป๋ากีต้าร์ผมไปให้ ตอนแรกผมว่าจะเอากีต้าร์กลับวันอื่น เพราะวันนี้เหนื่อยมากแล้วขี้เกียจแบกของหนักๆ กลับ อยากกลับคอนโดเร็วๆ ครับเลยว่าจะขึ้นรถไฟฟ้าเอา หวังว่าวางทิ้งไว้ในห้องภาคไม่น่าหายนะครับ
     ผมเดินไปตกลงกับเป้และพี่คนขับเรื่องเงิน ปรากฏว่าเหลืออยู่นิดหน่อยครับ ก็เลยต้องไปเคลียร์กันว่าจะเอายังไงกับเศษสองร้อยที่เหลือนี่ แต่ตอนที่ผมเดินกลับไปที่โต๊ะม้าหินใต้ตึกภาคที่เพื่อนๆ ผมน่าจะอยู่กันแถวนั้น ผมกลับเห็นผู้ชายคนนึงนั่งรอผมอยู่ พี่ชัชมารับผม!
     พี่ชัชคงแวะมารับผมหลังเลิกงานมั้งครับ เพราะใส่ชุดทำงานตามปกติแต่พับแขนเสื้อขึ้นพร้อมทั้งปลดกระดุมคอถอดเนคไทใส่ไว้ในกระเป๋า พี่ชัชกำลังเล่นแท็บเลตเพลินเลยครับ พึ่งจะเงยหน้ามามองก็ตอนที่ได้ยินเสียงไปป์ตะโกนเรียกชื่อผมนั่นแหละ พี่ชัชเห็นผมแล้วและก็กำลังส่งยิ้มให้ผมด้วย ให้ตายสิผมไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี เขินชะมัด!
     ในตอนที่ผมกำลังตัดสินใจว่าจะเดินเข้าไปเลยดีหรือแกล้งเดินหนีก่อนนั้น พี่ชัชก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาผมครับ พี่ชัชตรงเข้ามาแย่งกระเป๋าเสื้อผ้าผมไปถือไว้ให้แทน แถมยังเอามือขยี้หัวผมอีก
     “ไง ไปเที่ยวมาหนุกป่าวต้น”
     น้ำเสียงขี้เล่นเป็นกันเองแต่ฟังแล้วอบอุ่นใจแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกดีเป็นบ้าเลย! ผมคิดถึงพี่ชัชชะมัด อ๊ะ! ไม่ได้สิ เพื่อนผมอยู่ตรงนั้นเพียบเลย!
     “สนุกครับ พี่ชัชเลิกงานเร็วเหรอครับวันนี้?”
     “เออ กลับกันเลยป่าว?”
     “เอ่อ ผมขอไปเคลียร์เรื่องเงินกับเพื่อนอีกแปปนึงได้มั้ยครับ”
     “เอาดิ ให้พี่ไปด้วยป่าว”
     “มะ ไม่ต้องครับ! พี่ชัชรอผมตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวผมมาครับ”
     แล้วผมก็เดินเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเดินไปหาป่านแล้วก็ฝากเงินที่เหลือไว้ให้ เสร็จแล้วก็คว้ากระเป๋ากีต้าร์ได้กะจะเผ่นให้เร็วที่สุดครับ ตอนนี้ยังโชคดีที่พวกมิวนิคไปเข้าห้องน้ำเหลือกันแค่ไม่กี่คนตรงโต๊ะ ถ้าให้คนอื่นๆ มาเห็นเข้าละก็ผมอายครับ แต่ไปป์ดันพูดมากอีกแล้ว
     “ต้น ใครมารับอ่ะ?”
     น้ำเสียงของไปป์ฟังดูก็รู้ว่าอยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด แถมยังฟังแล้วน่าหงุดหงิดด้วยครับ ผมมั่นใจว่าตอนนี้หน้าของผมต้องแดงมากอยู่แน่ๆ
     “รู้แล้วยังจะถามอีกเหรอ คิดว่าใครก็คนนั้นแหละ”
     ผมจำได้ว่าตอบไปแบบนั้นแล้วก็รีบเผ่นออกมาเลยครับ ผมอาย แต่โชคร้ายมิวนิคเดินออกมาพอดี เสียงตะโกนเลยดังไล่หลังผมมา
     “เฮ้ยต้น ใครมารับมึงวะ?”
     โคตรเขินเลยครับ พี่ชัชที่หันมามองผมอยู่ก็ทำท่ากลั้นหัวเราะเต็มที่เลย
     “พี่ค้าบ พี่เป็นแฟนต้นป่าวค้าบ”
     นายจะยุ่งมากเกินไปแล้วไปป์! พอผมเดินมาถึงตัวพี่ชัชผมก็รีบคว้ามือพี่ชัชกะจะลากหนีจากพวกบ้าพวกนั้นครับ แต่พี่ชัชกลับชิงขยี้หัวผมก่อนแล้วก็ดึงตัวผมมาโอบไหล่ไปซะงั้น ถึงท่าทางการโอบไหล่ของพี่ชัชมันไม่ได้โอบแบบคนรักกันหวานชื่นอะไรแบบนั้นดูเหมือนการเอาแขนพาดไหล่กันซะมากกว่า แต่พวกข้างหลังที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ส่งเสียงเป่าปากแซวผมซะดังลั่นเลยครับ
     การไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนในรุ่นครั้งนี้มันจะดีเกินไปแล้วครับ อะไรจะแกรนด์โอเพ่นนิ่งผมได้ดีมากไปกว่านี้อีก ตอนไปเที่ยวความลับเรื่องที่ผมเป็นเกย์ถูกเปิดเผย ตอนกลับจากไปเที่ยวเปิดตัวแฟนผม ให้ตายสิ!

     พอขึ้นรถได้ด็ขอบ่นหน่อยเถอะ!
     “พี่ชัชอ่ะ ถ้าจะมารับผมทำไมไม่บอกกันก่อนละครับ เกิดผมลงรถไปกลางทางแล้วจะทำยังไง?”
     “ก็พี่รู้อ่ะดิว่าต้นไม่ทำงั้นหรอก ต้นถือเงินใช่มั้ยล่ะ? ยังไงก็ต้องอยู่ถึงที่สุดอยู่แล้ว”
     “รู้ได้ยังไงครับ? ผมอาจจะไม่ได้เป็นคนจัดการเรื่องนี้ก็ได้”
     “หึ ไม่มีทางหรอก เมียพี่งกจะตาย ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชบ้า! ดูสิครับทำให้ผมโดนคนอื่นแซวใหญ่เลย”
     “แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาไม่ใช่เหรอ? ท่าทางเพื่อนเข้าใจต้นดีนี่”
     “รู้ได้ยังไงครับ?”
     “ก็หน้าต้นมันบอกว่าอายมากกว่าลำบากใจนี่”
     อีกแล้ว ตอนที่พี่ชัชพูดแบบนี้ก็หันมายิ้มแล้วก็ขยี้หัวผมอีกแล้ว แต่ผมชอบนะครับ พี่ชัชของผมรู้ใจผมที่สุด
     “แล้วถ้ากลับกัน ผมมีปัญหากับเพื่อนๆ ละครับจะทำยังไง?”
     “หือ ไม่หรอก ถ้าคนอื่นยังไม่รู้นะ เมียพี่ก็จะทำหน้านิ่งๆ ใส่หน้ากากแล้วบอกคนอื่นว่าพี่เป็นผู้ปกครอง คนที่บ้าน อะไรก็ว่าไป นี่ดันมัวแต่เขินแถมยังกันพี่ไม่ให้เข้าไปหาเพื่อนเราอีก แปลว่ามันต้องมีอะไรซักอย่างดิ”
     “ทำเป็นพูดดีไป ความลับผมแตกเพราะใครละครับรู้ตัวรึเปล่า?”
     “หือ? หมายความว่าไง พี่ทำไรเหรอครับ?”
     “ฮึ๊! ยังไม่รู้ตัวเหรอครับว่าพี่ชัชลืมลบไฟล์วันที่พี่ชัชลองกล้อง”
     “เฮ้ยจริงดิ!”
     “โอ๊ย!”
     พี่ชัชตกใจมากจนเผลอเหยียบเบรคสะดุดกึ๊กเลยครับ ผมเชื่อแล้วล่ะ ลืมจริงๆ ด้วยสินั่น
     “แล้วอย่าบอกว่าว่าพวกนั้นมันเห็น?”
     “แล้วไม่งั้นคิดว่าเขารู้กันได้ยังไงละครับ มีหลักฐานขนาดนั้นจะให้ผมปฏิเสธยังไง”
     “แล้วไม่มีใครมาทำอะไรแปลกๆ กับต้นใช่มั้ย? ไม่มีใครมามองเมียพี่ด้วยสายตาลามกนะ? พวกมันคงไม่ได้เก็บคลิปพวกนั้นไว้ใช่ป่ะ?”
     เชื่อเขาเลย ในเวลาแบบนี้ดันสนใจหึงผมมากกว่าอีก!
     “ผมลบไปหมดแล้วครับ โชคดีที่คนที่เห็นเป็นเพื่อนสนิทผู้หญิงผม”
     ผมไม่บอกเขาหรอกว่าไปป์เองก็เห็นด้วย เพื่อความสงบสุข บอกแค่นี้ดีกว่าครับ
     “ผมไม่ได้ดูหรอกครับ แต่เพื่อนผมบอกว่ามันมีแต่เสียง ไม่เห็นภาพอะไรนอกจากภาพโต๊ะก็แค่นั้น”
     “เฮ้อแล้วไป”
     “แหม แต่แค่เสียงก็มากพอจะทำให้คนอื่นรู้แล้วนะครับว่าอะไรเป็นอะไร เป็นเพราะพี่ชัชนั่นแหละ”
     “หึๆ นั่นสิขอโทษนะครับที่ทำให้ต้นครางดังมากๆ”
     ยังมีหน้ามาเล่นมุขใส่ผมอีก!
     “พี่ชัชบ้า! ไม่ตลกนะครับ”
     “ฮ่าๆ”
     แฟนผมนี่จริงๆ เลย ให้ตายสิ! อยากโกรธอยู่หรอกนะครับ แต่ไหนๆ เรื่องก็ผ่านไปแล้ว แถมดูท่าแล้วพี่ชัชก็ไม่ได้ตั้งใจ ครั้งนี้ผมจะไม่เอาเรื่องพี่ชัชก็ได้ครับ
     “ทีหลังแบบนี้ไม่เอาแล้วนะครับ จะมารับกันก็บอกกันหน่อย เกิดเซอร์ไพรส์แล้วพลาดขึ้นมา มันเสียเวลาครับ”
     “น่าๆ ก็พี่คิดถึงต้น อยากเจอหน้าอยากได้ยินเสียงอยากสูดกลิ่นต้นเร็วๆ นี่นา”
     พอพูดจบพี่ชัชก็เอี้ยวตัวมาหอมแก้มผมซะงั้น!
     “พี่ชัช! แบบนี้มันอันตรายนะครับ!”
     “อันตรายไร ถนนออกจะโล่ง”
     “ถึงงั้นก็เถอะ”
     “ก็พี่คิดถึงต้นจริงๆ นี่นา อยากโทรไปหาใจจะขาด แต่ไม่กล้ากลัวต้นกำลังสนุกกับเพื่อนอยู่”
     “สำหรับพี่ชัชโทรมาได้เสมอแหละครับ”
     “คร้าบๆ แต่ถ้าต้นไม่ว่าง ติดธุระ หรือยุ่งอยู่ ต้นก็แค่ไม่รับ ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชบ้า!”
     พี่ชัชนี่รู้ทันผมไปซะหมดเลย ไม่รู้จะเถียงกลับยังไงแล้วครับ
     พวกเราขับรถกลับบ้านกันแบบไม่แวะที่ไหนครับ เพราะในรถยังมีอาหารเหลือจากเลี้ยงหมออยู่ ผมทานง่ายอยู่แล้ว เราอุ่นอะไรนิดๆ หน่อยๆ ทานแล้วผมก็ขอตัวหลับยาวเลยครับ เพลียจริงๆ ไว้พรุ่งนี้ผมค่อยเล่าให้พี่ชัชฟังก็ได้ว่าผมไปเที่ยวมาสนุกมากแค่ไหน เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่คงต้องเป็นตอนเย็นนั่นแหละครับ เพราะพี่ชัชของผมต้องไปทำงาน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ไปป์เนียนอีกแล้ว เริ่มมีคนหลงรักหนุ่มน้อยคนนี้รึยังน้า? แต่สุดท้ายพี่ชัชก็แย่งซีนทุกคน หึๆ  :impress2:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 4

"...มีปัญหา ใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่"

      สายธารกำลังจะออกไปธุระข้างนอกพอดีกับที่เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น เธอจึงเดินไปเปิดประตูเชื้อเชิญแขกเจ้าประจำให้เข้ามาในห้อง
     “ดีครับพี่น้ำ”
     ชัยชัชกล่าวสวัสดีแม่ยายคนสวยพลางก้าวเข้ามาในห้องของสองแม่ลูกอย่างคุ้นเคย
     “แหม ลมอะไรหอบมาจ้ะ มาหาลูกชายพี่แต่หัววัน”
     “โหพี่ พูดซะเสียเลย วันนี้ผมเสร็จเร็วไม่ได้รึไงคร้าบ”
     “ก็ทุกทีพี่เห็นถ้าฟ้าไม่มืดเราไม่ถึงห้องไม่ใช่รึไงนายชัช”
     สายธารว่าพลางค้อนอย่างมีจริต ส่วนชายหนุ่มเองก็อ้อนกลับอย่างมีชั้นเชิง
     “โธ่ ที่ผมกลับช้าก็เพราะว่าไปทำงานนะคร้าบ ไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหนซักหน่อย เก็บเงินจะมาขอลูกบ้านนี้เนี่ยแหละ คุณแม่คนสวยจะลดค่าสินสอดให้ผมมั้ยละคร้าบ”
     “ให้มันจริงเถ้อ สินสอดพี่ไม่เอาหรอกย่ะ แต่ถ้านายทิ้งลูกชายพี่ล่ะ น่าดู”
     “ฮ่าๆ”
     ว่าแล้วคนทั้งสองก็หัวเราะร่วน ชัยชัชวางขนมที่หิ้วมาฝากสองแม่ลูกลงบนโต๊ะก่อนจะถามหาคนรัก
     “ต้นละครับ?”
     “อยู่ในห้องแน่ะ หลับรึเปล่าก็ไม่รู้นะ เงียบเชียว”
     “เหรอครับ ละนี่พี่น้ำจะออกไปไหนครับเนี่ย แต่งตัวสวยเชียว”
     ชัยชัชมองสายธารแล้วยิ้มกริ่ม วันนี้คุณแม่คนสวยใส่เสื้อเปิดไหล่ตัวสั้นสีเหลืองอ่อนช่วยขับผิวขาวๆ นั่นให้วิ้งโดนใจเขาสุดๆ ลูกชายยังขาวไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าคนแม่จะโอโม่ขนาดไหน แถมกางเกงพอดีตัวสีขาวก็ช่วยเน้นทรวดทรงองค์เอวเสียจนเขาใจสั่น เมื่อเธอเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นไหล่ชายเสื้อจึงเลิกขึ้นเล็กน้อยโชว์หน้าท้องขาวเนียนวับๆ แวมๆ ยิ่งมองตอนสายธารเยื้องย่างไปมาบนรองเท้าส้นสูง สะโพกกลมมนของเธอยักย้ายไปมาดึงดูดสายตาเขาเสียจนลืมไปเลยว่าผู้หญิงตรงหน้ามีลูกชายโตจนเป็นเมียเขาได้ ชายหนุ่มถูกใจรูปร่างหน้าตาผู้หญิงตรงหน้าคนนี้จริงๆ สวยสะเด่าหุ่นน่าฟัดจริตจก้านชวนโลม มองเพลินที่สุด!
     “อยากได้คนขับรถมั้ยครับ”
     “ปากหวานอีกแล้วนายชัชก็ แต่ไม่ต้องหรอกย่ะ นายมาหาตาต้นไม่ใช่เหรอ พี่จะไปธุระนิดหน่อยจ้ะ เดี๋ยวค่ำๆ ก็กลับ”
     “แหม ไปนานๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมดูแลต้นให้”
     “ไม่มีทางย่ะ ถ้านายทำอะไรลูกชายพี่ล่ะน่าดู!”
     พอคาดโทษชายหนุ่มไว้แล้วสายธารก็เดินนวยนาดออกไปจากห้อง ชัยชัชจึงตรงไปยังห้องนอนเล็ก เขาผลักประตูเข้าไปเบาๆ เพราะกลัวคนรักจะหลับอยู่ ภาพของต้นน้ำที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงคร่ำเคร่งเขียนอะไรสักอย่างอยู่ในสมุดชวนให้เขาเอ็นดู ชัยชัชยืนพิงประตูมองดูเด็กหนุ่มอย่างรักใคร่ ต้นน้ำหน้านิ่วคิ้วขมวดก้มหน้าลงเขียนยุกยิกในสมุดไม่รับรู้ถึงการมาเยือนของเขา
     “ก๊อกๆ”
     “พี่ชัช!”
     ต้นน้ำที่กำลังบวกเลขเพลินๆ ต้องตกใจเมื่อเห็นแฟนยืนยิ้มอยู่หน้าห้องนอนตนเอง ชัยชัชจึงหลุดขำเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาในห้องพลางเอ่ยถาม
     “กำลังทำอะไรอยู่ครับ ท่าทางเครียดเชียว”
     “ไม่มีอะไรหรอกครับ”
     ต้นน้ำปิดสมุดลงแล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่ง กระเถิบเว้นที่ให้ชัยชัชหย่อนก้นลงบนเตียง
     “ไม่มีไรได้ไง พี่เห็นเรากำลังคร่ำเคร่งอยู่เลย พี่มาตั้งนานเราก็ไม่รู้ตัวซักที”
     “ผม...”
     “ไหนดูซิ เขียนอะไรอยู่ครับ”
     ชัยชัชพูดจบก็แย่งสมุดโน้ตมาจากเด็กหนุ่ม
     “พี่ชัช!”
     ต้นน้ำหน้ามุ่ยทันทีที่ถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เขาไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร แต่ก็ยังไม่อยากให้ใครมารับรู้ด้วยเช่นกัน
     “โหไรเนี่ย? บัญชีรายรับรายจ่าย เงินออม งานพิเศษ ข้อมูลเรื่องทุน”
     ชัยชัชต้องทึ่งเมื่อเห็นสมุดวางแผนอนาคตทางการเงินของต้นน้ำ เด็กหนุ่มเขียนรายละเอียดเอาไว้อย่างละเอียดยิบไปจนถึงอีกสี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาต่างๆ ในระดับปริญญาโท
     “โหไรกันต้น พึ่งจะเป็นเฟรชชี่ไม่ทันไรก็คิดเรื่องต่อโทแล้วเหรอ?”
     “ก็ทุนบางตัวมันมีเงื่อนไขเยอะแยะนี่ครับ ผมก็ต้องเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ สิ”
     “เอาตรีให้จบก่อนดีกว่ามั้ง อีกตั้งสี่ปี คิดมากเกินไปรึเปล่า?”
     อาจจะเพราะน้ำเสียงท้วงติงไม่ได้เจือแววขี้เล่นตามปกติ ต้นน้ำจึงเผลอทำหน้างอขมวดคิ้วอย่างขัดใจ
     “พี่ได้ยินพี่น้ำบอกว่าต้นยืนยันจะขอทุน เรื่องนี้พี่ไม่ค้านเราหรอกนะ แต่ถ้าจะมามัวคร่ำเคร่งล่วงหน้าขนาดนี้ พี่ว่าเราไปสบายๆ ทีละเสต็ปดีกว่ามั้ยครับ บางทีต้นอาจจะทำงานไปเรียนไปหรือไปต่อเมืองนอกหลังจบตรีก็ได้”
     “ไม่ไปหรอกครับ ผมจะอยู่เมืองไทย!”
     ต้นน้ำกระแทกเสียงพูดอย่างหงุดหงิด แต่ชัยชัชก็ยังพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบอย่างมีเหตุผล
     “แต่อนาคตไม่แน่ไม่นอนนะต้น”
     “ถ้าผมไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วพี่ชัชจะดีใจเหรอครับ?”
     “เฮ้ย! พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น”
     สีหน้าสับสนของต้นน้ำส่งผลให้ชัยชัชต้องถอนหายใจ ชายหนุ่มได้แต่ยกมือยอมแพ้ให้กับทิฐิของคนตรงหน้า แฟนเขาเจ้าทิฐิเป็นที่หนึ่ง ดราม่าควีนกำลังแผลงฤทธิ์เสียแล้ว พระเอกอย่างเขาคงต้องทำงานซะหน่อยแล้ว เรื่องปลอบนางเอกเขาถนัดนักแหละ
     “บอกพี่ได้มั้ยครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
     ชายหนุ่มพูดพลางดึงตัวคนรักเข้ามากอด ต้นน้ำไม่ขัดขืน เขาปล่อยตัวเองให้ถูกชัยชัชโอบก่อนจะเปิดปากเล่า
     “แม่... แม่เลื่อนกำหนดบินไปอยู่กับเดนส์เร็วขึ้นครับ เพราะต้องไปจัดการธุระที่โน่นด้วย ก็เร็วขึ้นเกือบๆ สามเดือน”
     “แล้ว?”
     “ผมก็ต้องอยู่คนเดียว ถึงแม่บอกว่าจะส่งเงินมาให้ผมใช้ แต่ผมกลัวมันจะไม่พอครับ ค่าส่วนกลางกับค่าน้ำค่าไฟอีก ผมกลัวตัวเองจะจัดการไม่ได้ แล้ว.. แล้วผมก็อยากเรียนต่อสูงๆ ด้วย ถ้าผมจบออกมาแล้วหางานไม่ได้จะทำยังไง ผมก็เลยอยากเก็บเงินไว้ตั้งแต่วันนี้ เอาไว้เป็นทุนครับ ละถ้าผมหางานพาร์ทไทม์ทำด้วยก็น่าจะพอ”
     “แล้วเรื่องนี้ต้นปรึกษาพี่น้ำแล้วยังครับ?”
     “คุยแล้วครับ แม่บอกว่าจะส่งผมเรียนเอง ผมอยากเรียนแค่ไหนก็ได้ แต่ผม... ผมเกรงใจแม่ ไปอยู่โน่นแม่ก็มีร้านที่ต้องลงทุน จะให้แม่มาเลี้ยงผมไปเรื่อยๆ ได้ยังไง”
     “คิดมาก แฟนพี่น้ำรวยจะตาย ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก”
     “ไม่ดีหรอกครับ เกิดเขาคิดว่าแม่ผม เฮ้อ... ฝรั่งเขาเลี้ยงลูกถึงสิบแปดกันไม่ใช่เหรอครับ ลำพังส่งเสียจนมหาวิทยาลัยผมก็เกรงใจแม่กับเดนส์จะแย่”
     “เพราะงี้ต้นเลยแอบไปขอทุนเหรอ?”
     เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ต้นน้ำก้มหน้าลงไม่ยอมตอบอะไร เขากับบิดามีปากเสียงกันพอสมควรเรื่องนี้ ส่วนมารดาไม่เคยว่าอะไรเขาอยู่แล้วไม่ว่าเขาอยากทำอะไร แม่ภูมิใจในความเก่งของเขา แต่ก็ไม่พอใจพอสมควรที่ถูกว่ากระทบกระเทียบเมื่อบิดาของเขาทราบเรื่องนี้
     “เฮ้อ... เอาเถอะ ในฐานะคนทำงาน พี่ขอบอกอะไรเราอย่างนะ แต่ละเดือนพี่น้ำหาเงินได้ไม่ใช่น้อยๆ ถึงตัวเลขในสลิปเงินเดือนจะน้อย แต่ต้นรู้มั้ยรวมๆ แล้วพี่น้ำหาเงินได้เดือนนึงเท่าไหร่ ... ห้องนี้พี่ก็ได้ยินว่าผ่อนหมดแล้ว ผู้หญิงอย่างพี่น้ำหาเงินเก่งจะตายไป พี่ยังซูฮกเลย”
     ชัยชัชเชยคางของเด็กหนุ่มให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับตนก่อนจะเอ่ยสอนอีกฝ่าย
     “ต้นรู้มั้ยครับว่าพี่น้ำทำเพื่อใคร พี่น้ำทำทุกอย่างก็เพื่อต้นนะครับ แล้วแบบนี้แค่ค่าเทอมลูกคนเดียวทำไมจะไม่มีปัญญา แล้วเรื่องบางเรื่องมันก็เป็นศักดิ์ศรีของคนเป็นพ่อเป็นแม่ด้วยนะต้น พี่น้ำไม่มีวันปล่อยต้นไว้คนเดียวละให้อยู่อย่างลำบากหรอก”
     ต้นน้ำฟังแล้วก็ยิ่งเงียบ เด็กหนุ่มเม้มปากจนเริ่มซีด ไม่ยอมตอบโต้อะไร ชัยชัชจึงถือโอกาสพูดต่อ
     “แล้วไหนตอนนี้ ต้นจะยังมีญาติเพิ่มขึ้นมาอีก พี่ว่าทางนั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ต้นลำบากหรอกครับ เผลอๆ จะถือโอกาสให้เราไปอยู่ด้วยกันด้วยซ้ำ”
     “แต่ผมไม่อยากได้อะไรจากพวกเขา!”
     “คร้าบๆ งั้นเอางี้มั้ยล่ะ เกรงใจแม่ ไม่อยากยุ่งกับทางนั้น งั้นก็มาให้พี่เลี้ยง”
     “อื้อ! ได้ยังไงครับ ผมจะกล้าไปรบกวนพี่ชัชได้ยังไงกัน ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย”
     “ใครบอก ก็เราเป็นแฟนกันไง”
     “ก็เป็นแฟนกันเฉยๆ นี่ครับ คบกันเฉยๆ แล้วผมจะให้พี่ชัชเลี้ยงได้ยังไง น่าเกลียดตายเลย”
     “ต้นเป็นแฟนพี่ๆ เลี้ยงดูส่งเสียต้น มันแปลกตรงไหน”
     “แปลกสิครับ คนที่ทำแบบนั้นน่ะ ... อย่างกับ... อย่างกับเลี้ยงอีหนูเลย”
     “ฮ่าๆ คิดมากนะเรา”
     ชัยชัชหัวเราะเสียงดังด้วยความขำ เขานึกรักแฟนเด็กของตนจนล้นหัวใจ ยิ่งมองหน้าแดงระเรื่อที่งอจนคิ้วผูกโบว์ของคนรักแล้ว เขาก็ยิ่งเอ็นดู ชายหนุ่มก้มลงไปหอมแก้มต้นน้ำฟอดใหญ่ก่อนจะยวนต่อ
     “เป็นเด็กพี่ไม่ดีตรงไหน ป๋าชัชคนนี้ออกจะหล่อแถมไม่หัวล้านลงพุงด้วย”
     “พี่ชัชก็ พูดเล่นอีกแล้ว”
     “พี่ไม่ได้พูดเล่น พี่พูดจริง ถ้าผู้ชายจดทะเบียนกันได้นะ พี่จะพาต้นไปจดเลยอ่ะ เสร็จแล้วทุกอย่างของพี่ก็จะเป็นของต้นครึ่งนึงไง”
     “พี่ชัชก็...”
     ต้นน้ำรู้สึกถึงหัวใจที่พองโตด้วยความปลื้มปิติยินดีในความรักของชัยชัชจนล้นอก หัวใจของเขาเต้นระรัวเพื่อนำพาเอาความร้อนขึ้นมาแผ่ซ่านบนใบหน้า
     “ต้นเป็นเมียพี่นะครับ เมียคนเดียวทำไมพี่จะเลี้ยงไม่ได้ ไม่งั้นแล้วคิดว่าทำไมพี่น้ำถึงได้กล้าทิ้งต้นไว้คนเดียวล่ะ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอครับว่าเกือบได้ไปเรียนเมืองนอกแล้ว”
     “พี่ชัชหมายความว่ายังไงครับ?”
     “ก็หมายความว่า เรื่องบางเรื่องก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ไง เด็กอย่างต้นไม่จำเป็นต้องคิดมากหรอก ขยันเรียนเอาเกรดสวยๆ มาอวดพี่กับพี่น้ำก็พอ ว่างๆ ก็ทำกับข้าวให้พี่กิน หรือจะให้ดีกว่านั้นตอนกลางคืนจะมาเป็นหมอนข้างให้พี่ด้วยก็ได้นะ แต่บอกไว้ก่อนพี่ไม่นอนกอดเฉยๆ แน่”
     เพราะคำเย้าของชัยชัชต้นน้ำเลยยิ่งหน้าแดง แต่ก็เป็นอาการเขินอายระคนดีใจ เขารู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีที่ได้รักกับชายหนุ่มแสนดีอย่างชัยชัช
     “พี่ชัชก็... พูดอะไรก็ไม่รู้ แกล้งแซวผมเล่นอีกแล้วนะ”
     “พี่ไม่ได้แซว พี่เอาจริง พี่กำลังชวนเราอยู่เนี่ย ต้นไม่อยากไปอยู่กับพี่เหรอครับ? บอกตามตรงพี่อยู่คนเดียวเหงาจะแย่ ถึงจะเป็นแฟนกันได้ใกล้ชิดกันแบบนี้ แต่พี่อยากได้มากกว่านี้อ่ะ พี่ต้องกอดหมอนข้างแล้วคิดว่าเป็นเราอยู่ทุกคืน ต้นไม่เห็นใจพี่เหรอครับ ดูดิพี่น่าสงสารจะตาย”
     ต้นน้ำฟังแล้วได้แต่ขำแอบอมยิ้มไปกับมุขของชัยชัช เด็กหนุ่มดีดลูกคิดบางอย่างในใจอย่างรวดเร็วแล้วก็เอ่ยถามแฟนของตน
     “จะดีเหรอครับ นั่นห้องของพี่ชัชกับพี่ฟ่าง”
     “โอ้ย เรื่องนั้นจิ๊บๆ พี่เคลียร์ได้ ฟ่างไม่ว่าไรหรอกถ้าเป็นต้น อีกอย่างเอาจริงๆ นะ คนผ่อนมันก็พี่ชัดๆ ฟ่างช่วยก็จริงแต่พี่ออกเยอะกว่า พี่ไปตกลงกันเองได้ครับ”
     “แต่ว่า... มันดูไม่ดีนะครับ อยู่ๆ จะให้ผมหอบเสื้อผ้าไปอยู่ห้องพี่ชัช ถ้าทางบ้านพี่ชัชรู้เข้า...”
     “เราผูกข้อมือกันแล้วนะต้น แม่พี่ไม่ว่าอะไรต้นหรอก”
     “แต่ผมยังไม่ได้ปรึกษาคุณแม่เลยครับ ไม่รู้ว่าคุณแม่จะอนุญาตมั้ย?”
     “เดี๋ยวพี่ช่วยพูดให้ ไงพี่น้ำก็ต้องยอม เชื่อดิ พี่กับพี่น้ำสนิทกัน”
     ต้นน้ำนึกหมั่นไส้แฟนของตนขึ้นมาทันทีจึงรีบขัดขึ้น
     “แต่นั่นน่ะ คุณแม่ของผมนะครับพี่ชัช แล้วแม่ที่ไหนจะส่งเสริมให้ลูกตัวเองหอบเสื้อผ้าไปอยู่กับแฟน”
     “หืม รู้จักพี่น้ำน้อยไป ลองพี่ไม่รับผิดชอบต้นดูสิ พี่จะโดนเชือดเอา อย่างพี่น้ำน่ะเหรอ ถ้าจะกลัวก็กลัวต้นจับพี่ไม่อยู่มากกว่า เผลอๆ พี่น้ำดีใจรีบประกาศขายห้องทิ้งเลยด้วยเอ้า! หอบเสื้อผ้าไปอยู่กับผู้ชาย แม่เราเขาถนัดนักแหละ ตอนสาวๆ ทำบ่อย”
     “บ้า! พี่ชัชก็ เห็นแม่ผมเป็นอะไร”
     เพราะถูกว่ากระทบถึงมารดาต้นน้ำจึงมีน้ำโหเล็กๆ
     “ก็รู้แล้วกันน่า ต้นก็รู้ว่าพี่กับแม่ต้นซี้กันจะตาย นะ นะ ตกลงนะ ไปอยู่กับพี่นะ”
     นอกจากไม่สำนึกในความจาบจ้วงของตนแล้วชัยชัชยังหน้าด้านเติมลูกอ้อนต่ออย่างไม่แคร์สื่อ ส่งผลให้ต้นน้ำได้แต่อ่อนใจกับนิสัยของคนตรงหน้า เขาก็รู้อยู่หรอกว่าแม่ของตนกับชัยชัชนั้นเข้ากันได้ดีขนาดไหน ทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนสนิทที่ถูกใจกันทั้งนิสัยใจคอและรสนิยมความเห็นต่างๆ แถมยังชวนกันร่ำสุราจิบแอลกอฮอล์บ่อยๆ เพียงแต่ถึงจะสนิทกันแค่ไหนก็ไม่มีใครหรอกที่ชอบเห็นคนอื่นมาพูดจาไม่ดีกับแม่ของตน
     แต่ถ้าเป็นคนตรงหน้า เขาคงทำอะไรไม่ได้กับนิสัยแบบนี้ของชัยชัช ความขี้เล่นบวกกับคารมของคนกะล่อน ลูกตื้อของมนุษย์หน้าด้าน ถึงอยากจะโกรธก็โกรธไม่ลง เด็กหนุ่มได้แต่ปลงกับนิสัยของแฟนตน ต้นน้ำถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ย
     “อืม... ขอคิดดูก่อนแล้วกันครับ”
     ว่าแล้วต้นน้ำก็ทำท่าอมยิ้ม เด็กหนุ่มเอียงคอน้อยๆ พลางทำแก้มป่องแสดงสีหน้าคิดหนัก กิริยาของเขาแลดูน่ารักเสียจนชัยชัชแทบอดใจไม่ไหว
     “โอเคคร้าบ แต่อย่าคิดนานนะ ไม่งั้นเดี๋ยวพี่เพิ่มงานให้”
     “งาน? งานอะไรเหรอครับ?”
     ต้นน้ำหลุดปากถามด้วยความสงสัย จากที่เคยแกล้งทำสีหน้าคิดหนักเขาเผลอแสดงสีหน้าสงสัยจากใจจริง
     บางครั้งเด็กหนุ่มก็ซื่อจนเกินไป … เด็กเลี้ยงแกะอย่างไรเสียก็ไม่มีวันเจ้าเล่ห์ทันเกมของหมาป่า
     “ไม่บอก อย่าลืมนะ มีปัญหาใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่ หล่อ สปอร์ต ใจดี กทม. อยู่ตรงนี้แล้วต้น ฮ่าๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ปากพี่ชัชยิ่งกว่าหมา แต่พอพิจารณาลึกๆ แล้วเฮียแกเข้าข้างพี่น้ำสุดๆ บทพูดของพี่ชัชพยายามเขียนให้มันสื่อถึงมิตรภาพระหว่างคุณแม่กับพี่เขา ทั้งเข้าใจทั้งนับถือทำนองนั้น แต่ลงท้ายก็แอยกวนสไตล์เฮียแกนั่นแหละ

พรุ่งนี้อาจไม่ได้อัพเน้อ ไม่รู้จะมีเน็ทใช้มั้ย ถ้ามาไม่ได้ต้องขออภัยจ้า

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5

ออฟไลน์ เกลียวคลื่น

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
จริงๆ ในเรื่องนี้ต้นน้ำก็ไม่ได้ดราม่าอะไรมากมายนะ
เพราะมันก็มีเหตุและผลอยู่แล้ว
ถ้าเทียบกับเรื่องอื่น ต้นน้ำ ก็ไม่ได้วีนเหวี่ยงใครมากขนาดนั้น
แต่เห็นตัวละครในเรื่องก็บ่นจุกจิก ทั้งๆที่ตัวเองก็ผิดเอง
เห้อ ยังไงก็เป็นแม่ยกต้นน้ำอยู่ตรงนี้นะ 5555

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
วันรวมญาติของหมาป่า

ต้นน้ำ

     ผมกำลังทำความสะอาดห้องอยู่ครับ อันที่จริงผมทำความสะอาดเก็บกวาดห้องตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว แต่ว่ายังไงก็ไม่มั่นใจครับ วันนี้ผมก็เลยลุกขึ้นมาเก็บกวาดบ้านแต่เช้าอีกรอบ ผมพยายามตรวจดูทุกซอกทุกมุมให้แน่ใจว่าไม่มีเศษผงหรือฝุ่นเกาะติดอยู่ โดยเฉพาะในห้องนอนเล็กที่พี่ชัชวางโซฟาเบดกับโต๊ะทำงานเอาไว้ ปกติแล้วมันจะรกมากๆ เพราะพี่ชัชชอบเอาของแจกหมอมากองสุมๆ กัน พวกถุงกับโบรชัวร์ลายบริษัทยาก็ด้วย ผมถือวิสาสะเข้าไปรื้อเก็บใส่ตู้หมดแหละครับ แต่เพื่อความมั่นใจผมก็เลยต้องจัดในตู้อีกหน่อย ไม่อยากให้สวยแต่ภายนอก ในตู้ผมก็อยากให้ดูเป็นระเบียบด้วย
     ผมว่าผมล้างห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ทั้งห้องน้ำในห้องนอนแล้วก็ห้องน้ำเล็กด้านนอก ในห้องนอนผมก็เป็นระเบียบแล้ว ผมว่าผมไปเช็คในครัวอีกรอบดีกว่า
     โอเค ไม่มีจานชามวางทิ้งไว้ ใบไหนที่แห้งผมก็เก็บเข้าตู้แล้ว เมื่อวานผมเช็ดหน้าเตาซะสะอาดเลยครับ โชคดีที่ห้องพี่ชัชใช้เป็นเตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบที่ผิวหน้าเป็นกระจกเลยทำความสะอาดง่าย อ๊ะนั่นไง! ผมว่าละผมพลาดจริงๆ ด้วย ตรงมุมของเครื่องดูดควันยังมีคราบอยู่นิดหน่อย สงสัยเมื่อวานผมเช็ดไม่สะอาดพอ
     นี่ผมยังเหลือตรงไหนอีกมั้ยนะ? ให้ตายสิ ตื่นเต้นชะมัดเลยครับ!
     “พอเหอะต้น เชื้อโรคมันจะไม่มีที่อยู่แล้วครับ”
     ผมหันไปค้อนให้พี่ชัชที่นั่งเอกเขนกดูทีวีอยู่ตรงโซฟาด้วยความหงุดหงิด จะไม่ให้ผมเครียดได้ยังไงละครับ ก็ครอบครัวพี่ชัชจะไปเที่ยวทะเลกัน แต่จะแวะมานอนที่นี่ก่อนหนึ่งคืน และเขาก็จะมาวันนี้แล้วด้วย ถ้าเกิดแม่พี่ชัชมาแล้วเห็นบ้านช่องห้องหับไม่สะอาดแล้วตำหนิผมๆ จะทำยังไง มันกลัวนะครับแม่พี่ชัชยิ่งดุๆ อยู่ ผมไม่ยอมเสียตำแหน่งสะใภ้คนเล็กบ้านพรหมโรจน์หรอก!
     “โห พี่แซวแค่นี้ต้องทำหน้าหงิกขนาดนั้นเลย?”
     คงเพราะเห็นผมคิดมากพี่ชัชก็เลยเดินมากอดปลอบผม โอ๋ผมเหมือนเด็กๆ เลย ผมไม่ใช่เด็กซักหน่อย!
     “อย่าเครียดน่าต้น สบายๆ”
     “ก็กลัวถูกแม่พี่ชัชดุนี่ครับ”
     “น่า แม่พี่ถึงจะขี้บ่นแต่ก็ไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดจะให้พี่เลิกกับต้นเพราะบ้านมีฝุ่นหรอก อย่าเครียดสิครับ”
     “ก็ผมกลัวนี่ครับ มากันตั้งเยอะ ไม่รู้ที่หลับที่นอนจะพอรึเปล่า? แล้วไหนจะยังห้องนี้อีก ทุกคนอยากมาดูห้องพี่ชัชเต็มแก่ ถ้ามาแล้วผิดหวังจะทำยังไง เกิดมีตรงไหนไม่เรียบร้อยแล้วผมถูกดุว่าทำไมไม่รู้จักเก็บกวาดบ้านผมก็แย่สิครับ”
     ครั้งแรกตอนที่พี่ชัชพาผมไปรู้จักกับที่บ้าน ผมยังเป็นแค่เด็กน่าสงสารคนนึงที่กำลังจะต้องอยู่คนเดียวเพราะแม่จะไปเมืองนอก พี่ชัชพาผมไปกราบแม่ของพี่ชัชและขอให้อนุญาตให้เราคบกัน ถึงแม่พี่ชัชจะจัดพิธีผูกข้อไม้ข้อมือให้ผม แต่เวลามันผ่านมานานแล้วครับ ผมอยู่กับพี่ชัชมาเกือบสองปีแล้วไม่ใช่เด็กๆ อีกต่อไป แถมยังอยู่ด้วยกันในสภาพที่พี่ชัชเลี้ยงดูผมทุกอย่าง ผมมีหน้าที่แค่เรียนหนังสืออย่างเดียวไม่ได้ช่วยออกค่าใช้จ่ายอะไรเลย เงินเดือนที่พี่ชัชหามาได้ก็ไม่ต่างอะไรกับสินสมรส ซึ่งทางบ้านพี่ชัชก็รู้เรื่องนี้ด้วย มันก็คือๆ กันกับผมแต่งเข้าบ้านพี่ชัชแล้วเป็นแม่บ้านอย่างเดียวนั่นแหละครับ ต่างกันแค่ผมมีลูกให้พี่ชัชไม่ได้ ทางนั้นก็พอทราบเรื่องผมกับญาติฝั่งพ่อเลยไม่ว่าอะไรที่พี่ชัชจะตัดสินใจแบบนี้ แต่ผมกังวลนะครับ ไม่อยากให้ใครคิดไม่ดีว่าผมมาหลอกพี่ชัชหรืออาศัยความรักของพี่ชัชแลกกับเงินและที่ซุกหัวนอน ผมอยากแสดงให้ทุกคนรู้ว่าผมรักพี่ชัชจริงๆ แล้วก็ตั้งใจจะดูแลพี่ชัชเต็มที่ด้วย ผมอยากเป็นภรรยาที่เพียบพร้อม ผมไม่อยากมีปัญหากับแม่สามี ผมยังอยากให้พี่ๆ เอ็นดูผมอยู่
     “คิดมากน่าต้น พี่ศักดิ์ซกมกกว่าพี่อีก ต้นเป็นสะใภ้อันดับหนึ่งของแม่พี่แล้ว”
     “แต่อย่างน้อยๆ พี่นาก็มีหลานให้แม่พี่ได้ ส่วนผมนอกจากอยู่ด้วยกันแล้วก็ทำอะไรไม่ได้เลย”
     “คิดมากเรื่องนี้อีกแล้ว แม่พี่แกมีครบแล้วทั้งหลานสาวหลานชาย เผลอๆจะได้เหลนเร็วๆ นี้อีก ลูกชายลูกสาวแต่งงานแต่งการแฮปปี้ขนาดนั้น ลูกชายคนเล็กจะเป็นเกย์ไปซักคนแกไม่ถือหรอก บ้านแกก็มีอยู่แก่ตัวก็มีคนเลี้ยง ชีวิตแกไม่คิดไรแล้วละต้น”
     “แล้วพี่ชัชละครับ ไม่คิดเรื่องอนาคตบ้างเหรอ?”
     ผมแอบเครียดเหมือนกันนะครับ ชีวิตวันนี้ผมมีความสุข แต่ว่าถ้าแก่ตัวไปล่ะ? ผมนึกถึงลุงพลของผมที่นานๆ ครั้งเราจะโทรคุยกันบ้างเพราะตั้งแต่ที่คุณพ่อคุณแม่ของลุงพลเสีย ลุงพลก็ย้ายไปอยู่เมืองนอกซะเป็นส่วนใหญ่ ลุงพลเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของแม่น้ำครับ ท่านเปรียบเสมือนพ่อแท้ๆ ของผมเลย นอกจากจะช่วยดูแลผมตอนเล็กๆ แล้วยังมีพระคุณที่ท่านช่วยเตือนสติให้แม่น้ำเลิกคิดเอาผมออกทำให้ผมได้มีโอกาสเกิดมาบนโลกใบนี้ด้วย ท่านเอ็นดูผมมากรักผมเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเองจนเคยจะรับผมเป็นลูกบุญธรรม เคยอยากแต่งงานกับแม่ของผมเพื่อที่ผมจะได้มีพ่อเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่แม่น้ำไม่ยอมครับ แม่รับไว้แค่น้ำใจและยอมให้ท่านดูแลพวกเราในฐานะเพื่อนสนิทของครอบครัว เพราะไม่อยากเอาเปรียบลุงพลมากไปกว่านั้น ลุงพลเป็นคนดีมากๆ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของแม่ผม และลุงพลท่านเป็นเกย์
     ดังนั้นชีวิตของลุงพลจึงค่อนข้างจะโดดเดี่ยวและทุ่มเทกับงานซะเป็นส่วนใหญ่ ผมเคยได้ยินท่านเปรยกับคุณแม่ของผมว่า “ความรักของเกย์มันไม่ยั่งยืน พลก็ต้องทำงานเก็บเงินไว้เยอะๆ สิ ไม่งั้นอีกหน่อยแก่ตัวไปไม่มีลูกใครจะมาดูแลพล เพราะน้ำนั่นแหละ ไม่ยอมให้ตาต้นมาเป็นลูกพล” ตอนนั้นผมยังเด็ก ก็เลยตอบออกไปว่า “งั้นผมจะเลี้ยงดูลุงพลเองครับ อีกหน่อยถ้าลุงพลกับแม่น้ำแก่ ผมจะดูแลลุงกับแม่เอง” ผมจำได้ว่าแม่น้ำกับลุงพลหัวเราะแล้วกอดผมด้วยความเอ็นดู แต่ผมคิดจริงจังนะครับ ถ้าลุงพลไม่มีใครดูแลผมจะดูแลลุงพลเอง แต่ตอนนี้ลุงพลกับแม่น้ำอยู่เมืองนอกสบายดีกันทั้งคู่ แล้วผมก็ยังรับผิดชอบตัวเองไม่รอดด้วย ผมเลยตั้งใจว่าอยากจะดูแลพี่ชัชให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกลัวครับ ผมจะอยู่กับพี่ชัชแบบนี้ไปได้ถึงเมื่อไหร่?
     “คิดดิครับ ถึงต้องส่งตังค์ให้ที่บ้านทุกเดือนแบบนี้ไง พี่นาเป็นข้าราชการก็จริง โชคดีใช้สิทธิ์เบิกได้ แต่เงินเดือนก็น้อย พี่รงค์ทำนาก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ เตอร์มันโตแล้วจะเข้าโรงเรียนดีๆ พี่ศักดิ์ก็ต้องใช้เงินเยอะ ไหนจะยังเงินหมุนในอู่อีก โชคดีที่พี่ปลูกบ้านให้แม่ได้แล้ว เลยไม่ต้องส่งตังค์กลับไปเยอะๆ เหมือนเมื่อก่อน พี่น้องคนอื่นก็รับผิดชอบครอบครัวของตัวเองไป ส่วนพี่ก็มีหน้าที่ดูแลส่งเสียแม่”
     พี่ชัชเล่าให้ฟังพลางโอบกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นแล้วก็หอมแก้มผมเบาๆ ก่อนจะเล่าต่อ
     “ตอนแรกพี่คิดว่าตัวเองจะหาเมียไม่ได้ซะแล้ว เคยคิดถึงขนาดว่าพอแก่แล้วจะกลับไปทำนากับพี่รงค์ด้วยซ้ำรู้ป่าว ถึงได้ปลูกบ้านหลังใหญ่แบบนั้น แม่แกก็ดีใจนึกว่าพี่จะกลับไปอยู่โน่น แต่พอดีพี่จีบฟ่างติด อะไรๆ มันก็ยากว่ะ พี่เริ่มอยากมีครอบครัวเป็นของตัวเอง แล้วพี่ก็คิดว่าฟ่างคงไม่กลับไปอยู่โน่นกับพี่แน่ ไหนจะยังห้องนี่อีก เรื่องใช้เงินมันโคตรเยอะพี่ต้องทำงานหัวหมุนแทบตาย รู้ตัวอีกทีก็โดนทิ้งซะละ”
     “เพราะแบบนี้รึเปล่าครับ เลยทำให้มีปัญหากับพี่ฟ่าง?”
     “อืม ก็นิดหน่อย แต่พี่ดีใจนะที่ต้นเข้าใจพี่ ขอบคุณนะครับที่รักญาติๆ พี่เหมือนครอบครัวของตัวเอง”
     “ทำไงได้ละครับ ผมผูกข้อมือเป็นสะใภ้บ้านพรหมโรจน์แล้วนี่ แล้วอีกอย่างผมต่างหากที่กลายมาเป็นภาระเพิ่มให้พี่ชัช แค่ที่บ้านพี่ไม่รังเกียจผมๆ ก็ดีใจแล้วครับ”
     “ภาระไรกัน ต้นไม่ใช่ภาระพี่นะครับ ต้นแบ่งเบาภาระพี่ได้เยอะเลย”
     ว่าแล้วพี่ชัชก็หอมผมอีกแถมยังแกล้งเอาจมูกไซ้หูผมด้วย มันจั๊กกะจี้นะครับนั่น! แต่อ๊ะ... ไปๆ มาๆ ผมว่ามือพี่ชัชเริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว
     “พี่ชัช ปล่อยนะครับ”
     “ซักรอบหน่อยเป็นไง?”
     พี่ชัชถามผมด้วยเสียงทะเล้นเชียว แถมยังทำสายตาหื่นวิบวับอีก ผมเลยต้องย้ำกับตัวเองว่าต้องใจแข็งเข้าไว้
     “เราเพิ่งทำไปเมื่อสองวันก่อนเองนะครับ”
     “ก็ตุนไว้ไง ต้นอนุญาตเตอร์ให้อยู่ยาวใช่มั้ยล่ะ พี่ก็อดอีกนานดิ”
     “แต่เขาจะมากันแล้วนะครับ”
     “แป็บเดียว รับรอง”
     พี่ชัชบ้า! ผมละเคืองจริงๆ เลย ถ้าแป็บเดียวพี่เสร็จแล้วผมละครับ? แต่จะให้ผมถามแบบนั้นมันก็น่าอายจะตาย
     “ไม่เอา ปล่อยผมเลย ไปจัดการเองคนเดียวเลยครับอย่ามากวนผม”
     “หน่า ไปเที่ยวสวรรค์ชั้นเจ็ดกับพี่หน่อยนะ เดี๋ยวพี่ตีตั๋วเครื่องบินเจ็ทด่วนพิเศษให้ รับรองดูแลตลอดเส้นทางการบินไม่มีทิ้งอ่ะ พี่เคยทิ้งต้นไว้กลางทางเหรอ? แล้วที่สำคัญพี่รู้ แฟนพี่ชอบแบบตื่นเต้นใช่มั้ยล่ะครับ เวลาเร่งๆ แบบนี้ทีไรต้นไวกว่าปกติทุกครั้งนั่นแหละ”
     โอ้ยเขินครับ! แฟนผมหื่นเกินไปแล้ว พี่ชัชรู้ทันผมตลอด อายจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้วครับ เขินก็เขินอยู่นะครับแต่มันก็... ดังนั้นพอพี่ชัชรุกผมมากๆ แล้วอุ้มผมไปทางห้องนอนผมก็เลยไม่ดิ้น

     ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองตอบรับสัมผัสของพี่ชัชอย่างเร่าร้อนต่างจากตอนปกติ พี่ชัชหัวเราะผมนิดหน่อยก่อนจะถอดเสื้อตัวเองแล้วเลื่อนตัวมาจูบผมต่อ ปกติแล้วผมมักจะเป็นฝ่ายถูกสัมผัสเพราะพี่ชัชมือปลาหมึกมากกว่าผม แล้วผมก็อายด้วยครับ แต่วันนี้ผมบอกตัวเองให้กล้าๆ หน่อยแล้วเอามือไปไว้ตรงอื่นนอกเหนือจากการโอบรอบคอพี่ชัชบ้าง ผมไล้มือไปตามแผ่นหลังของพี่ชัชตอนที่พี่ชัชพรมจูบลงบนหน้าอกผม มือพี่ชัชซนจนผมต้องยอมแพ้จริงๆ
     แต่ในตอนที่พี่ชัชกำลังจะถอดเสื้อผม จู่ๆ โทรศัพท์มือถือพี่ชัชก็ดังขึ้น ตอนแรกพี่ชัชไม่สนใจมันเลยดังจนเงียบไป แต่แล้วมันก็ดังอีกติดๆ กัน พี่ชัชเลยหลุดสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดจนผมสะดุ้ง!
     “แม่งเอ้ย!”
     พี่ชัชโมโหอีกแล้ว ผมตกใจเหมือนกันนะ ก็เวลาที่พี่ชัชโมโหมันน่ากลัวมากนี่ครับ จากที่ลูบหลังพี่ชัชด้วยอารมณ์ใคร่เมื่อตะกี้ผมเลยต้องเปลี่ยนมาลูบแขนปลอบอารมณ์พี่ชัชให้เย็นลงแทน
     “รับหน่อยดีกว่ามั้งครับ?”
     พี่ชัชนิ่วหน้ามองผมเล็กน้อยก่อนจะขยับลุกออกไปหยิบมือถือที่วางไว้ในห้องนั่งเล่น ผมเลยขยับตัวจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วลุกตามไปดู
     “คับๆ หาเถิงละก๊ะปี้! ตางใดกะ? ตังลุ่ม!”
     เสียงซาวด์แทร็คแบบนี้ บ้านพี่ชัชแน่ๆ ครับ พอพี่ชัชหันมาเห็นผมก็หันกลับไปคุยต่ออีกนิดหน่อย
     “คับๆ เดวหื้อต้นลงไปฮับเน้อ เอ่อ... บ่อได้ก่าเปิ้นลุต้อง รอเปิ้นแหมน้อยก่า คับๆ”
     อย่าบอกนะครับว่ามาถึงกันแล้ว? ทักษะภาษาเหนือผมดีขึ้นเยอะครับ พอฟังออกแม้จะยังพูดไม่ได้เลยก็ตาม
     “ต้น เขามาถึงกันแล้ว ลงไปรับให้พี่ทีดิ พี่... เดินไม่ไหวว่ะ”
     แหงละครับ พร้อมรบขนาดนั้นพี่ชัชคงไหวหรอก! ดีนะครับที่ผมยังไม่... ยังไม่ได้รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่เลยพอจะสงบๆ ลงได้เร็วกว่า แล้วคงเพราะผมใจเย็นกว่าพี่ชัชด้วยมั้งครับ ผมเลยควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีกว่า
     “พี่ชัชเข้าห้องน้ำก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมลงไปรับให้เอง”
     “อืม ฝากด้วยนะครับที่รัก พี่ขอจัดการตัวเองแปป”
     พี่ชัชยิ้มแห้งๆ ให้แล้วก็หอมแก้มผมตอนเดินผ่านไปทางห้องน้ำในห้องนอน ผมเดินกลับไปจัดเตียงให้เข้าที่ก่อนจะสำรวจดูตัวเองหน้ากระจก หัวผมยุ่งนิดหน่อยแต่นอกนั้นไม่มีอะไรผิดสังเกตถ้าไม่นับหน้าที่กำลังแดงๆ อยู่นี่ผมก็ดูปกติครับ ดูไม่ออกเลยว่าเมื่อกี้ผมเพิ่งจะโรมรันอยู่กับแฟนบนเตียง ผมสางหัวตัวเองลวกๆ แล้วก็หยิบกุญแจเดินลงไปรับญาติพี่ชัชที่หน้าล็อบบี้คอนโด
     หวังว่าหน้าผมคงจะเลิกแดงก่อนที่จะลงไปถึงข้างล่างนะครับ!

     ผมมองเห็นพวกเขาแล้วครับ แม่พี่ชัชกับพี่นานั่งรออยู่บนโซฟาตรงล็อบบี้ ส่วนพี่นันเดินตามน้องรันที่วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ ผมไม่เห็นพี่ศักดิ์ แต่แล้วเสียงของเตอร์ก็ดึงดูดความสนใจผมไปซะก่อน
     “พี่ต้น!”
     เตอร์วิ่งเข้ามาหาผมที่เดินออกจากลิฟต์พลางเรียกชื่อผมซะดังเลย จนผมต้องเอ็ดเข้าให้
     “เบาๆ ครับเตอร์ คนมองใหญ่แล้ว”
     “ขอโทษคร้าบ”
     เตอร์แลบลิ้นให้ผมแล้วก็กอดคอผมซะงั้น เหมือนจะอวดๆ ไม่เจอกันแปปเดียว สูงขึ้นอีกแล้ว บ้านนี้ผู้ชายสูงกันทั้งบ้านรึไงนะ เตอร์พึ่งจะสิบสี่เอง แต่ดูท่าคงเกินร้อยเจ็ดสิบห้าแล้วแน่ๆ เพราะเลยหัวผมไปแล้วนิดหน่อย เห็นแล้วก็อดไม่ได้เลยเอาศอกถองไปเบาๆ ทีนึงครับ ได้ผลเตอร์รีบเอาแขนลงจากคอผมทันที สาบานเลยนะครับว่าไม่ได้ทำเพราะหมั่นไส้เด็ก ผมแค่จะสอนให้เตอร์รู้จักมารยาทครับ ยังไงผมก็แก่กว่าเตอร์ตั้งห้าปี
     “โห! พี่ต้นอ่ะ แค่นี้ต้องศอกกันด้วย”
     “พี่แก่กว่าตั้งเยอะเอาแขนมาพาดคอพี่แบบนี้ได้ไง”
     “ดุจัง”
     “งั้นก็อย่ามาอยู่กับพี่”
     “คร้าบๆ”
     เหมือนกันทั้งอาทั้งหลาน พี่ศักดิ์ก็ไม่ใช่คนกระล่อนซะหน่อย ทำไมเตอร์ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ สองปีก่อนยังเงียบๆ ขี้อายวิ่งตามผมอยู่เลย ผมเดินเข้าไปยกมือไหว้แม่พี่ชัชก่อนเป็นอันดับแรกแล้วค่อยหันไปทักทายพี่นากับพี่นัน
     “สวัสดีครับแม่ มาถึงนานแล้วยังครับ?”
     “เออๆ ดีก่ะ เพิ่งเถิงได้กำเดียว ท่าบ่อเมินเตื้อ”
     “แล้วพี่ศักดิ์ไปไหนละครับ?”
     “บ่าศักดิ์มันไค่เยี่ยว วิ่งไปพู้นละเลาะ”
     “พ่อไปเข้าห้องน้ำทางโน้นครับ เดี๋ยวก็มา”
     โชคดีจังเลยครับที่เตอร์พูดกลางเก่งขึ้นมาก ไม่งั้นผมคงปวดหัวกว่านี้ ถึงผมจะพอฟังออกแต่สำเนียงของแม่พี่ชัชก็ฟังยากมาก แถมแกยังพูดเร็วอีก ปกติแล้วเวลาคุยกับผมทุกคนจะพูดภาษากลางด้วยครับ ถึงจะปนๆ คำเมืองบ้างแต่ก็ยังมีภาษากลางให้จับใจความได้ แต่แม่พี่ชัชนี่ไม่ไหวจริงๆ ครับ แกเล่นซาวด์แทร็คซะรัวเลย ผมเลยยังมีงงๆ บ้างนิดหน่อย
     พอพี่ศักดิ์มาผมก็พาทุกคนขึ้นมาบนห้องครับ แม่พี่ชัชขนของฝากมาเยอะแยะเลย ผมเลยช่วยแกถือ เป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ต้องขี้ประจบและต้องขยันครับ ขืนทำตัวนิ่งๆ ไม่ยอมหยิบจับช่วยอะไรใครแม่พี่ชัชไม่ปลื้มหรอกครับ แต่ปัญหาใหญ่ที่ผมกังวลก็คือพี่ชัช ผมได้แต่หวังว่าตอนที่ผมพาทุกคนเข้าไปในห้องแล้วพี่ชัชจะจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วนะครับ
     โชคดีที่มันไม่เป็นอย่างที่ผมกังวล พี่ชัชเปิดประตูรับพวกเราแล้วก็ช่วยผมถือของไปเก็บ แม่พี่ชัชดีใจมากที่เห็นลูกชายตัวเอง ส่วนพี่ชัชก็ยิ้มประจบเต็มที่ไม่เหลือแววหื่นเมื่อตะกี้เลยครับ
     แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ นอกจากเตอร์ที่ดูแค่ตื่นเต้นเฉยๆ ตามประสาเด็กแล้ว ทั้งแม่พี่ชัช พี่นัน พี่ศักดิ์ แม้แต่พี่นา ทุกคนเดินสำรวจห้องของเราแทบทุกซอกทุกมุมเลยครับ เรียกว่าตู้มีกี่บานก็ถูกเปิดออกมาดูหมด โชคดีชะมัดที่ผมรอบคอบทำความสะอาดไว้แล้วทุกซอกทุกมุม
     “ห้องงามเน่อ ตั๋วผ่อบ้านดีขนาด บ่อมีขี้เปอะเหี่ยซักเตื้อ”
     “เอ่อ... ครับ?”
     เอาละสิแม่พี่ชัชหันมาพูดกับผม แต่ว่าประโยคหลังนั่นมันแปลว่าอะไรละครับนั่น? ยังดีที่พี่นันคงเห็นสีหน้างงๆ ของผมก็เลยช่วยอธิบายให้ฟัง
     “แม่แกชมว่าห้องสวยดีน่ะต้น สะอาดเรียบร้อยดี แกนึกว่าที่ชัชมันไม่ยอมให้มาดูห้องซักทีก็เพราะห้องคงรกเป็นรังหนู”
     “ครับ”
     ผมจะพูดอะไรได้นอกจากยิ้มละครับ ต้องขอบคุณตัวเองจริงๆ ที่ผมลุกขึ้นมาทำความสะอาดอีกรอบตอนเช้า
     “ยะหยังไปจุ๊เปิ้นจะอั้นก่ะอีปี้ อีแม่บ่าได้ว่าเปิ้นซักกำ”
     “ฮึ๊ บ่าวอก! ถ้าตั๋วบ่อมีต้นบ้านตั๋วตึงมีขี้เหยื้อเหี่ยเต๋มบ้านละเลาะ”
     ผมควรจะทำตัวยังไงดี? ผมพอแปลออกจากบริบทนะครับ แต่เอาตรงๆ ก็ไม่เข้าใจนักหรอก รู้แต่พี่ชัชกับพี่นันเถียงอะไรกันซักอย่าง แต่อย่างพี่ชัชโดนซะบ้างก็ดีครับ พอพี่ชัชอยู่ต่อหน้าพี่ๆ คนอื่นก็โดนข่มอยู่ตลอดคงเพราะเป็นน้องคนเล็ก เลยค่อนข้างเกรงใจพี่ศักดิ์แล้วก็มักจะเถียงสู้พี่นันไม่ได้ โดนซะบ้างก็ดีครับ แต่ถึงผมจะแอบสะใจแค่ไหนก็ห้ามแสดงออกยังคงต้องปั้นหน้ายิ้มอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ดี ปล่อยให้พี่ๆ น้องๆ เขาเถียงกันไป จนได้ยินเสียงเตอร์เรียกนั่นแหละครับ
     “พี่ต้นๆ ตรงนี้เห็นสระด้วย มาดูสิครับ ผมไปว่ายน้ำได้ป่าว?”
     ผมเดินไปหาเตอร์ที่ยืนชะเง้อมองสระว่ายน้ำอยู่ตรงระเบียง โดยมีน้องรันวิ่งตามมาติดๆ ปีนี้น้องรัน 4 ขวบแล้วครับกำลังซนเลย ผมเลยต้องรีบคว้าตัวแกไว้ก่อนกลัวแกจะไปปีนระเบียงแล้วจะเกิดเรื่อง พอน้องรันแกเห็นสระก็ตาโตตื้ออยากลงสระซะเดี๋ยวนั้น แถมเจ้าเตอร์ก็ด้วย พรุ่งนี้ก็จะไปทะเลแล้วแท้ๆ สรุปว่าเลยต้องเป็นหน้าที่ผมพาเด็กๆ ลงไปว่ายน้ำ โดยปล่อยให้พี่ชัชรับมือกับคนอื่นๆ ไป
     แต่ทางผมเองก็ใช่ย่อยนะครับ เด็กตั้งสองคน! ถึงเตอร์จะโตแล้วก็เถอะ แต่ซนอย่างกับอะไรดี ชอบดื้อตาใสอีกต่างหากถอดแบบอาตัวเองมาเปี้ยบเลย ส่วนน้องรันรายนี้ก็เหลือเกิ๊น ผมนึกมาตลอดว่าเด็กผู้หญิงคงจะเรียบร้อยไม่ค่อยซน แต่น้องรันนี่ทำเอาผมปวดหัวเลย เผลอแป๊ปเดียววิ่งไปไหนแล้วไม่รู้ ผมต้องคอยจับไว้ตลอด แถมยังช่างพูดด้วยครับ ดีว่ามีเตอร์มาด้วยเลยพอช่วยเป็นล่ามให้ได้บ้าง แล้วคงเพราะผมกลับลำปางกับพี่ชัชบ่อยๆ น้องรันเลยพอฟังภาษากลางได้บ้างและรู้ว่าต้องพูดกลางกับผม
     เพราะมีแต่ผมที่ลงมาดูแลเด็กๆ ผมก็เลยต้องลงสระด้วย คอนโดไม่มีส่วนของสระเด็กครับ ถึงจะโชคดีที่น้องรันว่ายน้ำเก่งแล้วก็เถอะ ผมก็ยังกลัวอยู่ดี ไม่อยากประมาทครับ พี่นันมาคนเดียวเพราะสามีของพี่นันต้องอยู่เฝ้าบ้านที่โน่น และตอนนี้พี่นันก็กำลังวุ่นวายกับพี่ชัชอยู่ ก็เลยปล่อยให้ผมพาน้องรันลงมาเอง พี่นันคงไว้ใจผมมาก แต่ผมไม่ไว้ใจตัวเองเลยซักนิด ถึงน้องรันจะใส่พวกเสื้อชูชีพกับห่วงยางเตรียมพร้อมสุดๆ ก็เถอะ แกดื้อจะปล่อยมือผมให้ได้เลยโดนผมดุไปนิดหน่อย ดีนะครับ ผมยังปรามน้องแกได้บ้าง ส่วนเตอร์น่ะเหรอครับ? ว่ายไปน้ำไปกลับเพลินได้เกือบสิบรอบแล้ว ไม่รู้มันสนุกตรงไหน สระก็เล็กๆ เอง วิวก็ไม่ได้สวยซักหน่อย
     “จะไปตางพู้น”
     “ไม่ได้ครับ ทางนั้นลึก ไหนน้องรันสัญญาว่าจะเล่นน้ำกับพี่ตรงขอบสระนี่ไงครับ”
     “ทีอีปี้ยังไปได้เลาะ”
     “พี่เตอร์ไปได้เพราะโตแล้วครับ น้องรันยังเด็กอยู่กับอาต้นตรงนี้ดีกว่า”
     “เปิ้นจะไปหาอีปี้”
     “ไม่ให้ไปครับ”
     “น้าต้นใจ๋ฮ้าย”
     “อย่าดื้อสิครับ ถ้าดื้อน้าพาขึ้นห้องนะ ไม่ให้เล่นน้ำแล้ว”
     คงเพราะน้องรันโวยวาย คนเลยเริ่มมองเราสองคน คุณแม่ที่พาลูกชายวัยประถมมาว่ายน้ำยังส่งยิ้มมาให้กำลังใจผมเลยครับ รวมถึงผู้ชายคนนั้นด้วย นักศึกษาที่เช่าห้องของผมอยู่ ผู้ชายคนนั้นหันมายิ้มให้ผม เขาคงมาว่ายน้ำเหมือนกัน
     ตอนแรกที่รู้ว่าคนที่จะมาเช่าห้องที่ผมเคยอยู่กับแม่เป็นนักศึกษาผมยังแปลกใจเลยครับ คิดว่าคงเป็นลูกคนมีเงินถึงได้จ่ายค่าเช่าเดือนละหมื่นไหว ผมมารู้ทีหลังว่าเขาแบ่งหารค่าห้องกับเพื่อนอีกสองคน หารค่าเช่ากันสามคนก็ตกคนละสี่พัน อยู่ในห้องกว้างๆ มีพื้นที่นั่งเล่น แถมมีครัว นอกจากนั้นคอนโดยังมีสาธารณูปโภคครบอีกผมว่าคุ้มครับ
     “จะไปหลึกนักก่ะ เดวอิอาบ่อหื้อสูว่ายน้ำละหนา”
     โชคดีจังที่เตอร์มาช่วยผมอีกแรง
     “นายแหละ อยู่เล่นน้ำกับน้องตรงนี้ ไปว่ายตรงอื่นแบบนั้นน้องก็จะตามไปสิ”
     “อ้าว ทำไมผมซวยงี้ล่ะ?”
     “ก็ยังอยู่อีกนานไม่ใช่เหรอ ไว้วันอื่นเถอะ พี่ไม่อยากลงสระ อยากขึ้นแล้ว”
     “อ่ะแนะๆ พี่ต้นไม่อยากลงสระหรืออายคนอื่นครับ ผมเห็นผู้ชายคนนั้นมองพี่ต้นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ส่งยิ้มให้พี่ตลอดเลย อาชัชรู้มั้ยเนี่ย”
     “บ้า! ดูน้องไปเลยเตอร์”
     ผมดุเตอร์ไปแบบนั้นแล้วก็หนีไปนั่งใกล้ๆ คุณแม่ที่มานั่งเฝ้าลูกชายดีกว่าครับ ได้ผล! พอผมไปนั่งใกล้ๆ เธอก็ชวนผมคุยทันที
     “พาน้องมาเล่นน้ำเหรอจ้ะ?”
     “ครับ”
     “แหม เป็นพี่ชายที่ดีจังเลยนะ อีกคนก็ดูซนๆ แต่ก็ช่วยดูน้องด้วย นี่ป้าว่าสระที่นี่ไม่ดีเลยเนอะ น่าจะมีสระเด็กด้วย ตอนป้าซื้อที่นี่ป้าก็ลืมดูไป ว่าแต่หนูอยู่ห้องไหนละลูก”
     ผู้หญิง! สิ่งมีชีวิตที่อัธยาศัยดีเป็นเลิศ ผมทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ ผมคุยไม่เก่งซักหน่อย แต่ทำไมใครต่อใครชอบหาว่าผมเหมือนผู้หญิงนะ? ถ้าผมคุยเก่งแบบเมษก็ว่าไปอย่าง สรุปแล้วผมก็เลยนั่งคุยกับคุณป้าแกสลับกับหันไปดูสองพี่น้องนั่นเป็นระยะๆ
     พี่นันแต่งงานช้าเพราะกว่าพี่รงค์แกจะเก็บเงินมาสู่ขอพี่นันได้ก็นานพอดู พี่นันต้องร้องห่มร้องไห้ว่าตัวเองจะสามสิบแล้วถ้าไม่รีบแต่งงานรีบมีลูกอีกหน่อยจะอันตรายแม่ของพี่ชัชถึงใจอ่อนยอมให้แต่งครับ โชคดีที่พี่รงค์เป็นคนขยันขันแข็งถึงจะไม่รวย มีที่นาทำให้พอได้ข้าวกินในแต่ละปีเหลือขายได้ไม่มาก แต่สุดท้ายความดีก็ชนะใจแม่ยายได้ไม่ยาก ผมถึงได้รู้ยังไงละครับว่าแต่งเข้าบ้านพรหมโรจน์ต้องขยันเท่านั้น! เพราะแบบนั้นเตอร์กับรันก็เลยอายุห่างกันเกือบสิบปี ส่วนพี่ชัชของผมน่ะเหรอครับ แม่แกเล่าว่าตั้งใจจะมีแค่สองคนแต่พี่ชัชดันหลงมาซะได้ เพราะแบบนั้นพี่ชัชก็เลยห่างกับพี่ศักดิ์ตั้งห้าหกปี ดังนั้นถึงผมจะเรียกพี่นันว่า“พี่”แต่ความจริงแล้ว พี่นันอ่อนกว่าแม่ผมปีเดียวเองครับ แต่ก็นะ... ผู้หญิง แกไม่ยอมให้ผมเรียกอย่างอื่นครับ ผมก็เลยต้องเป็น“น้าต้น”ของน้องรันไป ส่วนพี่ศักดิ์นี่เป็น“ลุง”ผมได้เลยด้วยซ้ำ
     เพราะแบบนี้รันเลยเป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนครับ ผมก็เลยต้องดุหน่อย ไม่งั้นจะซนจนได้เรื่องเอา จะว่าไปเด็กสองคนนั้นก็เล่นน้ำนานแล้วนะครับ ไม่เหนื่อยบ้างรึยังไง เล่นน้ำมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว ไม่ได้การละ ผมชวนเด็กๆ ขึ้นห้องดีกว่า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



สงสารน้องต้นเนอะ นางซินชัดๆ ฟังน้องต้นบ่นแล้วเหนื่อยแทน ฮีต้องทำงานบ้านทุกอย่างเลย ฮ่าๆ
บทใหญ่นี้เปิดตัวฮาเรมน้องต้นอีกคนแล้ว นายมอเตอร์ลูกหมาป่าหลานแท้ๆ ของอาชัช ได้เชื้ออาไปมิใช่น้อย จับตาดูให้ดี เหอๆ

บางคนอาจจะรำคาญว่าทำไมตัวละครขี้บ่น เราใช้วิธีเขียนแบบนี้เพื่อจะได้เหมือนมีตัวละครมาเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง อยากให้รู้สึกใกล้ชิด เราคิดว่าวิธีแบบนี้จะทำให้คนอ่านสัมผัสได้ว่า"ตัวละครเป็นคนยังไง" บางคนไม่คิดมาก บางคนคิดแต่ไม่แสดงออก บางคนในหัวไม่ได้คิดอะไรปากตรงกับใจ เราอยากให้คนอ่านสัมผัสเนื้อแท้ของความเป็นมนุษย์หลายๆ แบบเพราะเราพยายามเขียนเรื่องนี้ให้เรียล
โอเคมันอาจจะมีอะไรแอบเวอร์บ้างนิดหน่อย แต่เราพยายามไม่ใส่อะไรที่มันเป็นไปได้ยากในชีวิตจริงเข้าไป ปมทุกปมที่เรายัดเข้าไปในเรื่องถ้าสังเกตดีๆ เราจะล้อพล็อตพิมพ์นิยมแต่วิธีเล่าเราพยายามทำให้คนอ่านเกิดความรู้สึกบางอย่างกับตัวละคร กะว่าถ้าไม่อินจนรักก็จะเกลียดเลยแหละ หึๆ

นิสัยของตัวละครในเรื่องนี้จะชอบคิดเข้าข้างตัวเอง แบบใครๆ ก็คิดว่าตัวเองถูกกันทั้งนั้นแหละ เหมือนที่ไม่มีคนบ้าที่ไหนยอมรับว่าตัวเองบ้าหรอก
อย่างต้นเองจริงๆ ชีวิตดีมาก ไม่ได้ดราม่ามากมายเล้ยแต่ทำตัวเองทั้งนั้น อยากให้ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ ว่าคนแบบต้นน้ำจะรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตยังไง
ส่วนพี่ชัชก็จะให้อิมเมจของผู้ชายลั้นลาที่ไม่เคยสำนึกอะไรเลย หึๆ ยังมีตัวละครอีกหลายตัวที่ผลุบๆ โผล่ๆ มาเป็นระยะ เช่นน้องไปป์ผู้สดใสเป็นต้น หลงรักลูกหมาตัวนี้แล้วยางฮ่าๆ

ที่แอบขู่คนอ่านแบบนี้เพราะอยากย้ำกันอีกครั้ง นี่มันนิยายดราม่าจริงๆ นะ ความดราม่ากับปัญหามันฝังอยู่ในทุกอณูของเรื่องนี้เลย
การรักใครมันไม่ยาก การคบกับใครซักคนมันก็ง่าย แต่ทำไมนิยายทั่วไปชอบจบตรงที่คบแล้วแฮปปี้เอ็นดิ้ง ไม่งั้นก็ใส่ปัญหามือที่สามโผล่มากวนใจกลายเป็นแนวแก้แค้นแล้วหาคู่รักคนใหม่ให้ตัวเอก ทำไมไม่มีใครเล่านิยายที่กล่าวถึงการประคับประคองความรักของคนสองคนที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคจากตัวตนของแต่ละคนเลยน้า ขั้นตอนการปรับตัวนี่มันสำคัญนะ มันคือตัวตัดสินเลยว่าคนสองคนจะรักกันยืดมั้ย นิยายเรื่องนี้อยากจะเล่าเรื่องนี้แหละ ความรักอย่างเดียวมันไม่พอหรอก ต่อให้รักมากแต่ถ้าปฏิบัติห่วย ปัญหามันก็เกิด หึๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     จากตรงระเบียงนี่ผมมองเห็นต้นกับเด็กๆ ได้ไม่ยาก แฟนผมนี่หุ่นดีจริงๆ ก้นงอนๆ นั่นชวนมองชะมัด คงเพราะวันนี้ว่ายน้ำเล่นในคอนโดเฉยๆ ต้นก็เลยใส่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นแบบปกติมั้งครับ รอยสักของต้นบนผิวขาวๆ ตรงเนินสะโพกดูเด่นมาก เมียผมขาวไปทั้งตัว เห็นแล้วเสียดายเป็นบ้า พี่ผมน่าจะขับรถช้ากว่านั้นซักชั่วโมง! ไม่ได้การละ ผมต้องสงบสติอารมณ์ตัวเองด่วนก่อนมันจะตื่นมาทำให้ผมลำบากอีกรอบ
     ว่าแต่ต้นมันเอาหลานผมสองคนอยู่ด้วยแฮะ ขนาดผมเองยังรับมือหนูรันไม่ไหวเลย พี่สาวผมตามใจลูกจนเสียคนแล้ว!
     ไอ้ความคิดตอนแรกที่ว่าผมอยากมีลูกสาวตัวเล็กๆ น่ารักซักคนเพราะเข็ดกับหลานชายจอมซนอย่างไอ้เตอร์นี่เปลี่ยนเป็นผมคิดถูกแล้วครับที่ผมเป็นเกย์ ผู้ชายอย่างผมคงเป็นพ่อคนไม่ได้แน่ๆ ผมรับมือเด็กเล็กไม่ไหวจริงๆ ไม่เห็นมีใครเคยบอกผมเลยว่าเด็กผู้หญิงเวลาจะดื้อจะซนหรือเวลางอแงก็อิทธิฤทธิ์แรงไม่แพ้เด็กผู้ชายเหมือนกัน
     หลายปีก่อนที่ผมกลับไปเยี่ยมบ้าน หนูรันยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่โคตรน่ารักครับ แต่ปีที่แล้วดิ พอผมกลับไปเยี่ยมบ้าน เธอโตขึ้นช่างพูดช่างคุยมากขึ้น ถอดแบบแม่มันมาเลยครับ! ซึ่งก็คือพี่สาวผมนี่แหละ แต่ไม่รู้ทำไมดันติดนิสัยทะโมนๆ ซนๆ มาด้วย พี่รงค์ก็ไม่ได้นิสัยแบบนั้นซะหน่อย คิดแล้วก็แปลกใจ ทำไมหลานผมสองคนทะโมนชะมัด
     “ผ่อเปิ้นกะ?”
     “อื่อ”
     “แฟนตั๋วนี่ดีขนาด เอาไอเตอร์มันอยู่ก่ะ ล่นตามเปิ้นติกๆ เลาะ สวกจะอั้นตั๋วตึงบ่อกล้าหือใจ้ก่อ?”
     “อู้ไปเรื่อย ฮาเกรงใจเปิ้นตึงบ่ายะเลาะ”
     เวร! ผมโดนพี่ชายแซวซะละว่ากลัวเมีย ผมเนี่ยนะกลัวไอ้ต้น? เปล่าซะหน่อย ผมรักไอ้ต้นมันต่างหาก ไม่อยากทำมันเสียใจ ไม่ได้กลัวเมียซักหน่อย
     “วอกอย่างตั๋วตึงต้องเจอสวกอย่างเปิ้นเลาะ”
     “ว่าหื้อเปิ้นเน้ออีปี้ ตั๋วดีนักกะ”
     ไม่ใช่เพราะไปทำสาวเขาท้องรึไงผมถึงได้มีหลานนั่นน่ะ พี่ชายผมถึงจะดูเอาการเอางานแต่ก็ไวไฟพอกันครับ จีบกันได้ไม่เท่าไหร่พี่นาก็ท้องซะแล้ว แต่พี่ผมเป็นคนขยันทำมาหากินพ่อตาเลยไม่หวงลูกสาวยกให้ง่ายๆ เพราะยังไงข้าวสารมันก็กลายเป็นข้าวสุกไปแล้ว แถมไม่เรียกสินสอดซักบาทขอแค่ให้พี่ผมดูแลลูกเมียให้ดี ทุกฝ่ายแฮปปี้ยกเว้นแม่ผมนี่แหละ แกโกรธพอสมควรเลยที่พี่ผมทำอะไรข้ามขั้นตอนแบบนั้น ยังดีที่พี่นาเป็นผู้หญิงน่ารักแล้วก็อุ้มหลานให้แกแล้วด้วยแกเลยทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นคนของเราที่ไปทำเขาก่อน จะหาเรื่องติก็หาไม่เจอ พอคลอดไอ้เตอร์ออกมาแล้วแกก็ยิ่งเห่อหลายชายคนแรกไปกันใหญ่ เลยสงบหน่อย
     เหลือแต่ผมกับพี่นันนี่แหละที่ซวย เพราะพี่ชายคนโตสร้างเรื่องแล้วชิงตัดช่องน้อยไปก่อน พี่นันที่กำลังดูใจกับพี่รงค์เลยรับเคราะห์ พี่รงค์ตามจีบพี่สาวผมมาตั้งแต่ผมจำความได้ แต่พี่รงค์แกจนครับ บ้านไม่มีสมบัติอะไรนอกจากที่นาไม่กี่แปลง หมดหน้านาแกก็รับจ้างไปเรื่อย แม่ที่ไหนจะอยากให้ลูกสาวไปตกระกำลำบากกับผู้ชายที่มีแต่ตัวกับหัวใจ โดยเฉพาะเมื่อพี่ผมเรียนจบปริญญาได้เป็นครูโก้ไม่หยอกแบบนั้น กว่าจะฝ่าฟันแต่งงานกันได้พี่สาวผมต้องไฟท์กับแม่แทบตาย ดีที่ว่าช่วงนั้นผมเริ่มทำงานแล้วส่งเงินให้ทางบ้านได้พอสมควร แอบช่วยพี่นันกับพี่รงค์ไปเยอะครับ พี่แกเลยถอยที่นาเพิ่มมาขอพี่สาวผมได้เพราะนอกจากทำนาแล้วพี่รงค์แกก็ทำอย่างอื่นไม่เป็น
     แล้วเรื่องมันก็เลยมาลงที่ผมเต็มๆ ผมล่ะไม่กล้าเปิดตัวแฟนซักคนทั้งๆ ที่ผมไม่เคยโสดอ่ะ แถมผมไม่ได้เป็นคนดีมีความอดทนเป็นเลิศแบบพี่เขยผมด้วย คบกี่คนผมก็ได้หมดแหละ ขนาดที่ไม่ได้คบถ้ามองตาแล้วโอเคผมยังได้เล้ย จนมาเจอฟ่างนี่แหละเอาผมอยู่ แต่พอเปิดตัวแล้วแม่ผมดันไม่ปลื้ม แม่แกคงไม่ชอบผู้หญิงที่ยอมอยู่ก่อนแต่งกับผมมั้งครับ โชคดีที่แม่แกแก่มากแล้วเลยปลงได้ ต้นเลยไม่ซวยมากเท่าไหร่ ไม่งั้นถ้าแม่แกโกรธผมแล้วไม่ยอมรับต้นขึ้นมาวันนั้นผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไง เพียงแต่อะไรบางอย่างมันบอกผมว่าต้นจะต้องผ่านด่านแม่ผมไปได้แน่ๆ แล้วต้นก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังครับ ต้นชนะใจแม่ผมได้ไม่ยาก เรื่องเดียวที่แกบ่นก็คือแกเสียดายที่ต้นไม่ใช่ผู้หญิง นอกนั้นแกมีแต่ชมสะใภ้คนเล็กสุดๆ อ่ะ
     ตอนนี้คนอื่นในห้องกำลังช่วยกันทำอาหารเย็น แม่ผมกำลังเห่อครัวในห้องเลย แกทำไปบ่นไปว่าไม่สะใจแต่ก็ยังเพลินกับการทำอาหารซะงั้น ลาภปากผมล่ะของชอบทั้งนั้นเลย พี่นากับพี่นันผมเป็นลูกมือให้แม่ พี่ศักดิ์ก็เลยมายืนชมวิวตรงระเบียงกับผมนี่แหละถึงได้มาปากหมาใส่ผมได้ แต่ไม่กล้าเถียงมันหรอกครับ เดี๋ยวโดนเตะ ลูกถีบพี่ชายผมนี่โหดเอาการนะ ตอนเด็กๆ โดนบ่อยครับ
     ผมเห็นไอ้ต้นพาเด็กๆ ขึ้นจากสระ อีกเดี๋ยวคงขึ้นห้องแล้วมั้ง เห็นต้นมันดูแลหลานผมอย่างกับเป็นญาติตัวเองแบบนี้แล้วก็รู้สึกดีเป็นบ้า ผมเห็นภาพซ้อนเลยนะว่าถ้าต้นมีลูกให้ผมได้จะเป็นยังไง ยิ่งมองตอนที่มันช่วยอาบน้ำให้หนูรันละเช็ดตัวให้แล้ว... คิดอีกทีถ้าผมมีลูกกับต้นได้คงวิเศษไปเลยครับ ผมเองก็เคยฝันบ่อยๆ ด้วยซ้ำ ในฝันของผมต้นมันกลายเป็นผู้หญิงผมยาวท่าทางเรียบร้อยต่างกับลุคเปรี้ยวๆ ของพี่น้ำลิบลับ สวยเชียวอ่ะ แต่ในความจริงต้นมันก็เป็นผู้ชายเหมือนเดิมนั่นแหละครับ ผมก็เลยได้แต่ฝันเพราะผมเปลี่ยนความจริงไม่ได้
     คิดแล้วก็เสียดายครับ แต่ก็เป็นแค่ความเสียดาย ขอแค่มีต้นอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมก็พอใจแล้ว ตั้งแต่ที่เคยจริงจังกับคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมทั้งหมดอยู่กับต้นแล้วผมสบายสุดละ ต้นมันให้ผมได้ทั้งความสบายกายและสบายใจ ทำงานเหนื่อยๆ กลับมาเห็นหน้ามันก็หายเหนื่อยละ มันเอาอกเอาใจผมสารพัดไม่เคยขัดไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามต้นมันไม่เคยทำให้ผมเคือง ถึงพักหลังจะขี้บ่นไปหน่อยแต่ก็ดูแล้วงุ้งงิ้งน่ารักมากกว่าน่ารำคาญครับ มันทำให้ผมมีกำลังใจสู้งานต่อไปในแต่ละวัน ทุกครั้งที่ผมพยายามปิดยอดผมก็จะท่องไว้ว่าหาตังค์ค่าเทอมให้เมีย ผมรู้ดีว่าไอ้ต้นมันอยากเรียนต่อ ถึงจะไม่ต้องเก็บเงินหาค่าทำคลอดลูกแต่ก็ต้องหาตังค์ส่งเมียเรียนแทน
     "เมียผมคนเดียว ผมเลี้ยงได้" ผมอยากจะพูดแบบนั้นนะ แต่พอต้นมันคืนดีกับพ่อมันแล้วผมก็แอบกลัวเหมือนกัน คนพวกนั้นเขาก็มีสิทธิ์ในการดูแลต้น แฟนผมไม่ใช่เด็กไร้ญาติขาดมิตรอีกต่อไป พ่อมันเป็นถึงระดับรองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ มีพี่สาวเป็นว่าที่คุณหมอ มีปู่เป็นเจ้าของร้านเพชรเชียวนะครับ แถมต้นมันยังเป็นหลายชายคนเล็กอีก ถึงนามสกุลจะไม่ดังมาก ไม่ได้ขึ้นหน้าข่าวไฮโซเป็นเซเลบ แต่ญาติฝ่ายพ่อมันก็มีทั้งฐานะและหน้าตาในสังคม ผมไม่มีอะไรไปสู้คนพวกนั้นได้เลย แต่ต้นมันก็ยังเลือกที่จะอยู่กับผม เคยอยู่ด้วยกันยังไงก็อยู่อย่างนั้น ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่เรียกร้องอะไร ผมรู้สึกโชคดีมากๆ ที่ผมได้รักมัน
     ผมได้แต่หวังว่าต้นมันจะไม่เปลี่ยนใจไปจากผม ผมจะยังเป็นผู้ชายที่มันรักมากที่สุดในโลก แต่พูดไปแล้วก็กลัวครับ เมื่อสองปีก่อนโลกของต้นอาจจะเล็กนิดเดียว แต่ตอนนี้โลกของต้นกว้างขึ้น ต้นมันเจอกับผู้คนมากมาย มันจะยังมีแต่ผมคนเดียวแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ผมจะต้องทำยังไงถึงจะขังมันไว้ให้อยู่ในโลกของผมแบบนี้ไปเรื่อยๆ สายสัมพันธ์ที่ปราศจากพันธะแบบนี้มันช่างเปราะบางเหลือเกินครับ ตอนที่ผมคบกับฟ่าง ผมรู้ว่าผมผูกพันธะกับเธอได้ แต่ผมก็ไม่ทำเพราะผมยังไม่พร้อม จนเราเลิกกันในที่สุด แต่ตอนนี้พร้อมไม่พร้อมผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าผมจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งตัวต้นให้อยู่กับผมแม้ว่าเราสองคนจะไม่สามารถสร้างพันธะใดๆ มาผูกมัดกันไว้นอกจากความผูกพันเลยก็ตาม ผมรักต้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



มุมคิดมากของพี่ชัช พวกราศีเมษนี่สปอร์ตนะ มีความเป็นผู้นำอยู่เต็มเปี่ยม ความรับผิดชอบมาเต็ม เขาต้องการใครสักคนที่ยอมตามตัวเอง คิดว่าพี่ชัชก็รู้แหละว่าเขาได้อะไรจากต้นน้ำบ้างเลยรักต้นมากแบบนี้
ความรักไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเอง แต่เป็นเรื่องของครอบครัวด้วย  :เฮ้อ:
เราเบื่อนิยายวายที่ชอบเล่นแต่ประเด็นแม่ผัวเฮี้ยบลูกสะใภ้เคะแสบ เบื่อนิยายวายที่ญาติพี่น้องเป็นสาววายเลยผ่านฉลุย เราเลยเขียนนิยายวายทื่อๆ แบบนี้ขึ้นมา ปัจจัยที่ทำให้แม่สามีไม่ชอบลูกสะใภ้บางทีมันก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่คำว่า"เข้ากันไม่ได้"เท่านั้นแหละ
คนอ่านคงตกผลึกเองได้ว่าทำไมฟ่างถึงไปกับชัชไม่รอด ผู้หญิงบางคนอยากแต่งงานกับผู้ชายแต่ดันไม่เอาครอบครัวเขา ส่วนอีพี่ชัชก็นะ แบกภาระเต็มบ่า ถ้าเราเจอผู้ชายแบบนี้เราก็เพลียนะ นอกจากแม่แล้วยังมีพี่มีหลานอีกเหรอ?
ซึ่งตรงนี้บางทีมันไม่ได้แปลว่าไม่รักกันนะ แต่นี่แหละที่เขาเรียกว่า"เข้ากันไม่ได้/ความคิดไม่ตรงกัน" หลายคู่ไปกันไม่รอดเพราะแบบนี้
แต่สำหรับต้นน้ำมนุษย์หน้ากากผู้แอ๊บได้โล่ ก็เนียนสิจ้ะ น้องต้นมีความอดทนเป็นเลิศ
ตั้งแต่บทเที่ยวทะเลละจะเห็นว่าไอ้ที่บ่นๆ ไปนี่คือความจริงฮีก็เซ็งแม่พี่ชัชนะ แต่ฮียอมไง ฮียอมปรับเข้าหาครอบครัวพี่ชัชสุดๆ เลยไปรอด มันอาจจะไม่แซ่บ แต่ผลของมันทำให้ฮียังมีปั๊วอยู่นะจ้ะ อยู่แบบสบายๆ ด้วย แล้วพวกลูกสะใภ้แซ่บๆ นี่ชีวิตจริงจบสวยแบบแม่สามีนั่งร้องไห้ขออภัยหรือแม่ผัวตายทางใครทางมันมั้ย? คิดสิคิด อย่าเอาแต่สะใจเข้าว่า
อยากได้ความมันความสะใจต้องไปที่อื่น เราไม่มีให้ แต่ถ้าอยากได้ความจริงจุกอกแบบจี๊ดๆ นิยายเรื่องนี้จัดเต็ม ฮ่าๆ เป็นนิยายวายสายเสียดสีสังคมน่ะ หยิบจับพล็อตธรรมดาๆ มาเขียน มันเลยเรียบๆ ไม่หวือหวา ตัวละครก็สีเทาๆ พระเอกเลว ตัวเอกแหล หึๆ
ก็ไม่รู้คนอ่านจะเก็ทรึเปล่า หรือเป็นเพราะนักเขียนมือใหม่อย่างเราเล่าไม่เก่งคนอ่านเลยตกผลึกไม่ได้เห็นแค่ตัวละครพล่ามไร้สาระ จริงๆ เราว่าสาระมันมีนะ คนอ่านก็แค่ดูชีวิตของตัวละครในนี้แล้วอย่าเดินพลาดเหมือนคนพวกนี้ก็พอ "เขาคิดเขาทำแบบนี้ไงเขาถึงได้..." ทำนองนั้นอ่ะ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

ต้นน้ำ

     สิ่งแรกที่ผมรู้สึกได้เมื่อขึ้นมาถึงห้องพักก็คือกลิ่นปลาร้าเหม็นหึ่งครับ เอ่อ... อันที่จริงผมก็ไม่ได้รังเกียจปลาร้าอะไรขนาดนั้น แต่จะให้พูดว่าปลาร้าหอมมันก็ฟังดูแปลกๆ ไม่ใช่เหรอครับ?
     ผู้หญิงในบ้านสามคนกำลังยุ่งกับการทำกับข้าว ส่วนผู้ชายสองคน... แค่เห็นกองกระป๋องเบียร์บนโต๊ะผมก็เซ็งแล้ว ว่าแล้วก็ต้อนเด็กๆ ไปอาบน้ำดีกว่า อ๊ะ! พูดแบบนี้แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองแก่เลย เอาเป็นว่าผมพาน้องรันไปอาบน้ำก็แล้วกัน แต่ผมคงไม่ไปดูแลอะไรเตอร์แน่ๆ โตขนาดนั้นแล้วเผลอๆ อะไรต่อมิอะไรอาจจะโตกว่าผมอีก บ้านนี้กรรมพันธุ์รึยังไงนะ!
     พออาบน้ำน้องรันเสร็จผมก็ให้น้องรันออกไปรอข้างนอกเพราะผมยังไม่ได้อาบเลยครับ เมื่อผมเดินออกมาอีกทีกับข้าวก็เสร็จแล้ว พวกเขาปูเสื่อบนพื้นห้องแล้วก็ล้อมวงกันทานแบบบ้านๆ และเมื่อผมเหลือบไปมองบนโต๊ะ กระป๋องเปล่ามันเพิ่มจำนวนอีกแล้ว พอผมนั่งลงข้างๆ พี่ชัชได้ก็เลยต้องขอซะหน่อยครับ
     “พี่ชัชครับ อย่าเยอะนัก พรุ่งนี้พี่ยังต้องขับรถอีกนะครับ”
     พี่ชัชหันมายิ้มทะเล้นให้ผมท่ามกลางเสียงหัวเราะของพี่ศักดิ์ พี่น้องคู่นี้นี่! แต่ผมไม่กล้าพูดอะไรกับพี่ศักดิ์หรอกครับ ขอรับผิดชอบดูแลเฉพาะแค่แฟนตัวเองก็พอ ส่วนพี่ศักดิ์พอแกเห็นผมเตือนพี่ชัชแบบนั้นก็เอาแต่ยิ้มแล้วก็หัวเราะในคอ ผมว่าสองพี่น้องนี่แปลกๆ แล้วล่ะ
     “กิ๋นข้าวก่อ อีแม่ยะแก๋งบะหนุนกะแก๋งผักกาดใส่จิ้น มีแก๋งสะแลตี้ตั๋วมักโตยหนา”
     “น่าทานจังเลยครับแม่”
     “มักก็กิ๋นเยอะๆ เลาะ”
     แม่พี่ชัชอุตส่าห์ทำของโปรดให้ผมด้วย ดีจังเลยครับ ผมเลยขอบคุณแกแล้วก็ยืนยันด้วยการเติมข้าวอีกจาน เล่นเอาแม่แกยิ้มแก้มปริเลย พี่ชัชเคยเล่าให้ฟังว่าพี่ฟ่างไม่ค่อยชอบอาหารพื้นเมืองแบบนี้ แม่แกเลยไม่ปลื้ม อันที่จริงตอนแรกๆ ผมก็ไม่ชอบนะครับ บอกตามตรงว่าเวลาที่แม่แกทำกับข้าวแกใส่ปลาร้าเยอะมาก กลิ่นมันจะหึ่งสุดๆ เลยครับ แต่พอลองทานดูแล้วมันก็ไม่ได้เหม็นอะไรมากมาย คงเพราะปลาร้าของทางเหนือมันไม่เหมือนกับของทางอีสานด้วยมั้งครับ บางอย่างก็อร่อยดี ยกเว้นพวกน้ำพริกหรือลาบเลือดที่มันจะเผ็ดแล้วก็ขมมากๆ ผมทานไม่ได้ แล้วพอนานๆ ไปผมก็ชินกับกลิ่นอาหารพวกนี้ครับ เลยเฉยๆ ไม่นึกรังเกียจ จะรังเกียจของอร่อยทำไมละครับ
     ส่วนพี่ชัชไม่ต้องบอกก็เดาได้ใช่มั้ยครับว่าต้องอิ่มหนำสำราญสุดๆ ซัดข้าวนึ่งไปเยอะมากครับ เห็นพี่ชัชเจริญอาหารแบบนี้แล้วก็แอบขำเหมือนกัน อย่างกับชูชกแน่ะ คงเพราะนานๆ ทีจะได้ทานอาหารเหนือแบบนี้ ผมยังหัดทำไม่เก่งเลยครับ ถึงทำได้รสชาติก็ยังไม่เหมือนที่แม่แกทำ ความจริงแล้วพี่ชัชก็ทำอาหารเป็นนะครับ แต่ขี้เกียจ... แล้วส่วนมากก็จะทำแต่พวกเมนูขี้เหล้าทั้งนั้นเลย เวลาตั้งวงกับพี่ศักดิ์กรึ่มๆ ได้ที่ก็ทำกับแกล้มทานกันทุกทีแหละครับ แต่ผมเห็นแล้วขนลุกอ่ะ ส่วนมากมักเป็นเมนูแปลกๆ ไปขุดแมลงมาคั่ว ไม่ก็ทำลาบดิบเลือดแดงๆ ผมไม่กล้าทานด้วยหรอกครับ
     พอทานกันเสร็จผมก็ช่วยพี่นาเก็บล้างจานชาม น่าสงสารชีวิตสะใภ้บ้านนี้ชะมัดเลยครับ พี่นันพาน้องรันเข้าไปปูผ้านอนในห้องแล้ว แม่พี่ชัชก็นอนในห้องนั้น ถึงผมจะเคลียร์ที่แล้วแต่มันก็แคบอยู่ดีผมเลยบอกให้เขาแบ่งๆ กันมานอนที่ห้องนอนใหญ่ด้วยก็ได้ แต่พี่ๆ แกบอกว่าไม่เป็นไรครับ ผมรู้สึกดีนะที่พวกแกให้ความเป็นส่วนตัวผมกับพี่ชัชขนาดนี้ แต่พอเข้านอนได้ไม่นาน เตอร์ก็หอบหมอนกับผ้าห่มพุ่งตัวเข้ามาในห้อง
     “พี่ต้น นอนด้วยคนข้างนอกร้อน”
     “เออ เอาดิ จะนอนตรงไหนก็เอาเลย ตามสบาย”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับชี้ไปที่พื้นซึ่งปูผ้าไว้แล้ว
     “บนเตียงไม่ได้เหรออาชัช เตียงตั้งกว้าง”
     “ไม่ดีมั้งเตอร์ นอนข้างล่างเถอะ จะได้สบายๆ ไม่ต้องเบียดกัน”
     ผมขัดขึ้นทันทีเพราะไม่อยากให้เตอร์เจอวิบากกรรมไปทั้งคืน
     “ผมไม่เป็นกอขอคอพี่ต้นหรอก”
     “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น เชื่อพี่เถอะเตอร์ นอนข้างล่างดีที่สุด”
     “ไม่เอา”
     เตอร์พูดพร้อมกับพุ่งมาแย่งที่ประจำผมตรงริมเตียงด้านขวา คงตั้งใจจะให้ผมนอนตรงกลางจริงๆ ส่วนพี่ชัชก็ประจำที่ตัวเองแล้วทางด้านซ้าย ไม่ได้การละ! ผมต้องรีบปกป้องอาณาเขตของตัวเองก่อน ผมเขี่ยเตอร์ออกไปพร้อมกับออกปากไล่
     “ไปทางโน้นเลยเตอร์ ถ้าจะนอนก็ไปตรงกลางโน่น ริมนี้มันที่พี่”
     “อะหยังก่ะปี้ต้น!”
     เตอร์บ่นหน่อยๆ ก่อนจะย้ายไปตรงกลางเตียงแบบงงๆ แล้วผมก็หลับสบายทั้งคืนครับ ตอนเช้าผมตื่นมาก็เห็นเตอร์ระเห็จลงไปอยู่ข้างล่างเรียบร้อย หน้าเตอร์หลับอย่างไม่ค่อยสงบสุขซักเท่าไหร่ ขมวดคิ้วซะยุ่งเชียว เห็นแล้วก็สงสารครับ ผมเลยปลุกเตอร์ให้ขึ้นไปนอนบนเตียงตรงที่ผมแทน
     ผมลุกไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ออกไปดูในครัว แต่ต้องเบาๆ นะครับ เพราะพี่ศักดิ์ยังไม่ตื่น เมื่อคืนพี่ศักดิ์แกนอนตรงโซฟาครับ แต่แม่พี่ชัชกับพี่นาตื่นแล้ว กำลังช่วยกันหุงข้าวอยู่ ผมก็เลยเข้าไปช่วยสองคนนั้น พอพี่นาเห็นแบบนั้นก็เลยปลุกพี่ศักดิ์ให้เข้าไปนอนต่อในห้องเล็กแทน พวกเราช่วยกันทำกับข้าวอยู่พักหนึ่งพี่นันกับน้องรันก็ออกมาครับ ผู้ชายบ้านนี้มัน... ให้ตายสิ! นอนขี้เกียจทั้งพี่ทั้งน้องยันหลาน! ผมละเชื่อเค้าเลย!
     พอสายๆ พี่ศักดิ์ก็ตื่นออกมานั่งทานข้าวเหลือแต่ผู้ชายในห้องผมสองหน่อ ผมก็เลยละมือจากการเล่นลูกบอลเป่าลมเป็นเพื่อนน้องรันไปปลุกพี่ชัชกับเตอร์ ให้ตายเหอะครับถอดแบบกันมาเป๊ะ!
     “พี่ชัชครับตื่นเถอะครับ คนอื่นเขาตื่นกันหมดแล้ว”
     พอเตอร์ได้ยินเสียงผมปลุกพี่ชัชก็เริ่มขยับตัวแล้วครับ ท่าทางสลึมสลือแต่ก็ทำท่าจะตื่น ส่วนพี่ชัชของผมนะเหรอขยับเหมือนกันครับ แต่ขยับปากนะ
     “ขอพี่อีกสิบนาที”
     แล้วก็มุดหนีไปใต้ผ้าห่มกับหมอนต่อ สมกับเป็นลูกคนเล็กมากๆ ครับ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพี่ชัชถูกเลี้ยงมาแบบตามใจมากแค่ไหน!
     เพราะแบบนั้นผมก็เลยหันไปจัดการเตอร์ต่อ พอส่งเตอร์เข้าห้องน้ำไปได้ผมก็ออกไปห้องนั่งเล่นเตรียมข้าวของต่อครับ วันนี้เราจะไปเที่ยวทะเลกัน แต่ถึงจะบอกว่าทะเลก็เป็นทะเลใกล้ๆ แค่พัทยา พวกเราเอารถไปสองคันคือกระบะสี่ประตูของพี่ศักดิ์และเก๋งของพี่ชัช พี่ชัชจองโรงแรมไว้สามห้อง พวกเราตั้งใจว่าจะนอนกันสองคืน แต่ขากลับพี่ศักดิ์จะขับรถกลับลำปางยาวเลยครับ ไม่มาแวะกรุงเทพฯ แล้ว ส่วนเตอร์ก็จะกลับมาพร้อมผมกับพี่ชัชอยู่จนเกือบเปิดเทอมโน่นแน่ะครับ ค่อยส่งขึ้นรถทัวร์กลับไปเอง
     ตอนที่ผมกำลังเก็บแกงที่แม่พี่ชัชทำให้ใส่กล่องฟรีซในตู้เย็นไว้เพื่อที่มันจะได้ไม่เสียแล้วก็อยู่ได้อีกหลายวันพี่ชัชก็ตื่นพอดีครับ แฟนผมเดินยิ้มออกมาจากห้องนอน มาถึงก็อ้อนแม่ตัวเองใหญ่ โดนเอ็ดไปตามระเบียบครับ แต่ทั้งๆ ที่แม่แกเอ็ดพี่ชัชแกก็ตักข้าวตักกับใส่จานให้ลูกชายคนเล็กของแก คนอย่างพี่ชัชนี่ใครก็โกรธไม่ลงครับ กะล่อนขนาดนั้น
     พอพวกเราเตรียมตัวเสร็จก็พร้อมเดินทาง ผมตรวจเช็คดูเรียบร้อยแล้วว่าไม่ได้ลืมอะไร เรื่องปิดน้ำปิดไฟนี่ต้องรอบคอบครับประมาทไม่ได้เด็ดขาด ถือเป็นการทำเพื่อส่วนรวมด้วย อยู่คอนโดแบบนี้เกิดอะไรขึ้นมาจะลำบากกันทั้งตึกครับ
     ผมหนีไปนั่งคันกระบะกับเตอร์และพี่ศักดิ์ปล่อยให้ผู้หญิงเด็กและคนแก่ที่เหลือนั่งไปกับพี่ชัช พี่น้องสำเนาถูกต้องครับ พี่ศักดิ์กับพี่ชัชขับรถใจร้อนพอกันเลย ส่วนเตอร์ก็คุยใหญ่ว่าขับรถเก๋งเป็นแล้ว ผมนั่งอยู่กับสองพ่อลูกสบายๆ ครับ ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร ถึงแม้พี่ศักดิ์แกจะดูท่าทางดุๆ ออกแนวคุณพ่อมาดเข้มเงียบๆ แต่ความจริงแล้วแกใจดีมากแล้วก็ขี้อำพอสมควรครับ พี่ศักดิ์เอ็นดูผมราวกับเป็นลูกหลานแกคนนึง เพียงแต่ เอ่อ... ยังไงเสียผมก็อยู่ในฐานะแฟนของน้อง แกก็เลยปฏิบัติกับผมแบบน้องมากกว่าแบบลูกหลานครับ แม้ว่าความจริงแล้วพี่ศักดิ์แกจะอายุมากกว่าคุณแม่ของผมซะอีก
     ผมกับพี่ศักดิ์คุยกันเยอะพอสมควรโดยเฉพาะเรื่องของเตอร์ เรียกว่าช่วยกันปรามดีกว่าครับ พี่ศักดิ์อนุมัติผมเต็มที่ว่าถ้าเตอร์ดื้อก็ให้เตะได้เลย เล่นเอาเตอร์บ่นใหญ่ นอกนั้นก็มีนินทาพี่ชัชนิดหน่อยที่ป่านนี้คงโดนสาวๆ ทั้งหลายซักจนสะอาดแล้วมั้ง
     ว่าไปแล้วทั้งๆ ที่เป็นพี่น้องกันแต่พี่ชัชกับพี่ศักดิ์นิสัยต่างกันลิบลับเลยครับ พี่ชัชมีบุคลิคดูเข้าหาง่าย ท่าทางดูกะล่อนนิดๆ สบายๆ ส่วนพี่ศักดิ์ไงดีละครับ... อืม ... พี่ศักดิ์ทำให้ผมแอบอิจฉาเตอร์นิดหน่อยที่มีพ่อแบบนี้ พี่ศักดิ์ดูแว๊บแรกก็รู้ว่าเป็นคนจริงจัง ท่าทางสุขุมแต่ใจดี ดูอบอุ่นละมั้งครับ ผมก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน นี่ถ้าแฟนผมลดความกะล่อนลงซักครึ่งนึงแล้วใส่ความเคร่งขรึมแบบพี่ศักดิ์ไปแทนบ้างก็คงจะดีนะครับ
     ด้วยความเร็วระดับฟาสแอนด์ฟีเรียสของสองพี่น้อง พวกเราถึงชลบุรีกันในเวลาไม่ถึงชั่วโมง พวกผมก็เลยขับรถตระเวนเที่ยวแถวนั้นก่อนจะเข้าที่พักในตอนเย็น นัดกันว่าอาบน้ำอาบท่าก่อนแล้วจะออกไปหาอะไรทานกันตอนมื้อค่ำ ไม่ไหวครับ แม่แกเที่ยวเก่งมาก ทั้งๆ ที่อายุเกือบหกสิบแล้วแท้ๆ แต่แกยังแข็งแรงอยู่เลย แล้วไหนจะยังลิงจิ๋วกับลิงตัวโตอีก ผมเหนื่อยนะเนี่ย หมดแรงครับ
     ผมได้นอนห้องเดียวกับพี่ชัชอยู่แล้วครับ ส่วนที่เหลือก็แยกไปตามบ้านพอดีห้องสาวสามวัยกับครอบครัวพี่ศักดิ์ งานนี้พี่ศักดิ์กับพี่นันทุ่มทุนครับ พี่ชัชไม่ต้องควักตังค์ซักแดง เพราะแบบนั้นพี่ชัชเลยโทรจองโรงแรมขนาดกลางที่อยู่ในย่านท่องเที่ยวให้ โชคดีมากครับที่จองได้เพราะพวกเราตัดสินใจกันฉุกละหุกจากความอยากของเตอร์
     โรงแรมที่พวกเราพักแม้จะเป็นโรงแรมขนาดกลางแต่ก็มีนักท่องเที่ยวเยอะเหมือนกันครับ ทั้งกรุ๊ปทัวร์จีนทั้งฝรั่งเต็มเลย แต่เตอร์บ่นอุบเพราะว่าสระว่ายน้ำที่โรงแรมเล็กมาก บอกว่าที่คอนโดยังใหญ่กว่า แต่ผมว่ามันก็มีข้อดีนะครับ คือผมมีข้ออ้างไม่ต้องลงไปว่ายน้ำเป็นเพื่อนเตอร์แล้ว
     พวกเราแยกย้ายกันเข้าห้องพัก ส่วนผมกับพี่ชัชพอเข้าห้องพักแล้วผมก็จัดของให้พี่ชัชตามปกติแต่พี่ชัชพุ่งลงไปหาหมอนบนที่นอนแล้วครับ ขับรถมาเหนื่อยๆ พี่ชัชคงอยากพัก
     “จะนอนก่อนหรืออาบน้ำก่อนดีครับ?”
     “ขอพี่นอนซักตื่นก่อนละกัน ไม่ไหวว่ะ หูชาชะมัด”
     “แล้วไปทำอะไรให้แม่แกบ่นละครับ”
     “เปล่านะ พี่ยังไม่ได้ทำไรเลยต้น แม่แกแหละบ่นไปเรื่อย นิดๆ หน่อยๆ แกก็สรรหามาบ่น”
     ผมยิ้มให้พี่ชัชที่กลิ้งอยู่บนเตียง
     “สีหน้าเรานี่สะใจโคตรๆ เลยนะต้น หัวเราะเยาะพี่เหรอ?”
     ว่าแล้วพี่ชัชก็ดึงผมไปจูบ อื้อ! พาลจริงๆ เลย ผมยังไม่ทันทำอะไรแท้ๆ มาหาว่าผมสมน้ำหน้าตัวเองซะงั้น
     เพราะปกติเราอยู่ด้วยกันแค่สองคนแต่สองวันนี้ดันมีคนอื่นมาอยู่ด้วยรึเปล่านะ พอได้กลับมาอยู่กันสองคนเงียบๆ แบบนี้ผมรู้สึกดีเป็นบ้าเลย!
     “ต่อจากเมื่อวานกันมั้ยต้น?”
     “ไว้คืนนี้ไม่ดีกว่าเหรอครับ”
     “ก็เบิ้ลไง ออเดริฟเบาๆ ก่อนตอนเย็นแล้วมื้อดึกก็จัดหนัก”
     ทะเล้นจริงๆ พี่ชัชของผม
     “ไม่เอาครับ เหนื่อยจะตายตากแดดมาทั้งวัน เหม็นเหงื่อครับ”
     “ไหนใครเหม็น ไม่เห็นเหม็นซักหน่อย ต้นของพี่หอมจะตาย”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับซุกจมูกมาดมผมใหญ่เลย แกล้งผมชัดๆ กวนกันละแบบนี้
     “ไม่เอาน่ะ หยุดนะครับ อื้อ ผมจั๊กจี้นะ! อื้ม พอเลยๆ พี่ชัชแหละตัวเหม็น”
     ผมผลักพี่ชัชออกไปสำเร็จจนได้ แต่พี่ชัชกลับหัวเราะซะงั้น
     “ฮ่าๆ”
     “ยังจะมาหัวเราะอีก จะนอนพักก็นอนไปเลยครับ ไม่งั้นก็ไปอาบน้ำไป จะได้สดชื่น”
     “ขี้เกียจ ขอพี่นอนก่อนดีกว่า นอนกับพี่เปล่า”
     ผมล้มตัวลงนอนข้างๆ พี่ชัชแทนคำตอบ
     “หือ ว่าพี่ตัวเหม็นแต่มานอนซุกพี่นะไอ้ต้น หึๆ”
     “ผมบอกว่าเหม็นแต่ไม่ได้บอกว่ารังเกียจนี่ครับ”
     “ฮ่าๆ”

     ตอนที่ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องน้ำ พี่ชัชกำลังอาบน้ำอยู่ครับผมปรับสติสตังของตัวเองซักพักแล้วก็ลุกไปเปิดทีวีในห้อง ละครเย็นกำลังฉายอยู่เลย แปลว่าผมยังพอมีเวลาอีกพักหนึ่ง เพราะตราบใดที่ละครเย็นยังไม่จบ แม่พี่ชัชก็ไม่ออกจากห้องแน่ๆ ครับ
     ผมนั่งดูละครเพลินๆ ได้แป็บเดียวแฟนผมก็เดินออกจากห้องน้ำในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ผมว่าพี่ชัชต้องแอบไปทำอะไรมาแน่ๆ เพราะถึงเมื่อก่อนพี่ชัชจะไม่มีพุงแต่ก็ไม่มีกล้าม แต่ตอนนี้ผู้ชายที่กำลังเดินเช็ดหัวออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างไว้หลวมๆ คนนี้ดูเซ็กซี่เป็นบ้าเลยครับ! กล้ามท้องที่ขึ้นมานิดๆ นั่นดูดีจัง ชวนให้...
     “อ้าว ตื่นละเหรอต้น?”
     “ครับ”
     ผมยิ้มแล้วรับผ้าผืนเล็กจากมือพี่ชัชมาเช็ดหัวให้พี่เขา พี่ชัชก้มลงให้ผมเช็ดให้อย่างชอบใจ พอผมเช็ดเสร็จ แทนที่พี่ชัชจะไปแต่งตัวกลับจับมือผมไว้แล้วยิ้มกริ่ม เจอสายตาแบบนี้ของพี่ชัชทีไรผมเขินทุกทีเลยครับ ไม่ไหวจริงๆ
     “อะ อะไรครับ? จับมือผมแล้วยิ้มอยู่ได้”
     “เปล๊า ... พี่ก็แค่นึกถึงตอนที่ต้นเช็ดหัวให้พี่ครั้งแรก ตอนนั้นก็ในโรงแรมเหมือนกันเนอะ ใครจะไปนึกว่าต้นจะกลายเป็นเมียพี่จริงๆ”
     เขินชะมัดเลยครับ ผมไม่รู้จะตอบอะไรก็เลยได้แต่เสมองไปทางอื่น ปล่อยให้พี่ชัชพล่ามต่อไปคนเดียว
     “หูย ตอนนั้นนะต้นของพี่ทั้งน่ารัก ทั้งขี้อาย พี่โคตรชอบเลย แต่ตอนนี้ดูดิ ผ่านไปสองปีเอง ไม่ทันไรก็...”
     อ้าวพูดแบบนี้หาเรื่องกันชัดๆ
     “แล้วตอนนี้ผมทำไมเหรอครับ?”
     ผมถามเสียงเย็น
     “ก็เปล่า... แค่จะบอกว่าตอนนี้พี่โคตรรักเลย ฮ่าๆ”
     “แล้วไป นึกว่าจะหาว่าผมขี้บ่นซะอีก!”
     “ฮ่าๆ เอาน่าๆ ถึงจะขี้งก ขี้บ่นแต่พี่ก็ร้ากน้า ก็ต้นของพี่น่ารักขนาดนี้นี่”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับรวบตัวผมไปนั่งตัก อืม... ผมก็หายงอนอยู่นะครับ แต่ว่าพี่ชัชครับ ใต้ผ้าเช็ดตัวนั่นได้ข่าวว่าไม่ได้ใส่อะไรไม่ใช่เหรอครับ!
     เพราะถูกพี่ชัชกอดอยู่ ร่างกายของเราถึงได้แนบชิดกัน ผมสัมผัสได้ถึงกล้ามท้องลูกเล็กๆ ของพี่ชัช อืม... กล้ามที่แขนก็แน่นขึ้นด้วย พี่ชัชของผมแอบไปเฟิร์มหุ่นมาแน่ๆ ครับ
     “ปล่อยเถอะครับ ผมจะได้ไปอาบน้ำบ้าง”
     “ทำไมอ่ะ ขอกอดแฟนนิดเดียวเอง”
     “ไม่รีบใส่เสื้อผ้า เดี๋ยวเป็นหวัดหรอกครับ”
     “ไม? เขินเหรอต้น หึๆ ไม่อยากดูหุ่นพี่นานๆ เหรอ? เห็นตะกี้แอบมองพี่ตาค้างเชียว”
     พี่ชัชหัวเราะเจ้าเล่ห์ชะมัดเลยครับ รู้ได้ยังไงเนี่ยว่าผมแอบมองอยู่ โอ้ยเขิน!
     “บ้า แอบมองอะไรกันครับ เปล่าซะหน่อย!”
     “ปากแข็งอีกละ มองแฟนตัวเองจะอายทำไมเล่าต้น พี่ก็ฟิตมาให้เราดูนั่นแหละ”
     เพราะผมปากแข็ง ก็เลยถูกพี่ชัชลงโทษด้วยการจูบเบาๆ ทีนึง
     “พี่อ่ะแก่แล้ว สู้เด็กๆ เพื่อนต้นไม่ไหวหรอก พี่เลยไม่กล้าปล่อยตัวเอง กลัวเมียเปลี่ยนใจไปหลงรักคนอื่น”
     “ผมไม่ได้รักพี่ชัชที่รูปร่างหน้าตาซะหน่อย!”
     “คร้าบ พี่รู้ แต่ถ้าพี่ขึ้นอืดเป็นหมู ต้นก็บ่นใช่ป่ะ ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชบ้า!”
     “แล้วชอบแบบนี้ป่ะครับ”
      พี่ชัชถามพร้อมๆ กับเชยคางผมให้เงยหน้าสบตากับพี่เขา แล้วผมจะตอบอะไรได้ละครับ เขินขนาดนี้ ไม่น่าถามเลย
     “อื้ม”
     “อื้มนี่แปลว่าไรครับ แปลว่าชอบเปล่า?”
     “ครับ”
     “หึๆ”
     แล้วผมก็ถูกจูบ

     พอพวกเรารวมตัวกันที่ล็อบบี้ครบพวกเราก็ออกไปหามื้อค่ำทานกันครับ เหลือเชื่อเลย น้องรันไปเล่นน้ำมาอีกรอบตอนที่ผมหลับ เด็กๆ นี่ดีจังเลยครับ แต่ดูเหมือนเตอร์จะไม่ได้ลงสระด้วย พี่นันเล่าให้ผมฟังว่าเตอร์เขินแหม่มฝรั่งที่นุ่งบิกินนี่อยู่ริมสระครับ
     หลังจากพวกเราทานมื้อเย็นเสร็จก็ไปเที่ยวรอบดึกกันนิดหน่อย มาถึงพัทยาทั้งทีก็ต้องไปดูโชว์กัน พี่ชัชจองโชว์ไว้แล้ว แม่พี่ชัชดูจะถูกใจครับ เห็นแกชอบอกชอบใจไปถ่ายรูปกับนักแสดงใหญ่เลย แต่น้องรันดูง่วงๆ คงจะเพราะเล่นซนมาทั้งวัน ร้องงอแงจะหาพ่อ พี่ชัชเลยถูกพี่นันสั่งให้โอ๋หลานแทนเพราะตัวเองต้องไปถ่ายรูปให้แม่อยู่ สองแม่ลูกทิ้งหลานซะแล้วครับ
     ผมดูพี่ชัชรับมือกับน้องรันแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ พี่ชัชนี่รักเด็กจริงๆ เลยครับ โอ๋น้องรันใหญ่เลย ภาพของพี่ชัชที่อุ้มน้องรันราวกับพ่อลิงกระเตงลูกลิงทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปลบในใจ ผมมีลูกกับพี่ชัชไม่ได้
     “พี่ต้นไม่ได้ถ่ายรูปเหรอ?”
     “ไม่เอาอ่ะ คนเยอะจะตาย”
     “ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยน้า”
     “ทำไมไม่ไปเองล่ะ โตแล้วนะเตอร์”
     “ผมอาย ผมอยากได้รูปพี่คนนั้น แต่ไม่กล้าไปคนเดียว”
     ผมมองไปทางที่เตอร์ชี้ให้ผมดู อืม... หลานผม หื่นตั้งแต่เด็กเชียวครับ แล้วผมก็ถูกเตอร์ลากไปถ่ายรูปกับนักแสดงจนได้ พอเสร็จพวกเราก็ตรงออกจากที่นั่นกลับโรงแรมพักผ่อนเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน พวกเราเอารถกระบะมาคันเดียวครับ ผมกับพี่ชัชและเตอร์เลยนั่งกระบะหลังกัน
     ผมชักชินกับทัวร์ลุยๆ แบบนี้แล้วละครับ ปีที่ผ่านมาช่วงปีใหม่บ้านพี่ชัชลากผมไปขึ้นดอย แม่แกอยากพาผมไปดูแม่คะนิ้ง เห็นแม่พี่ชัชแก่อายุเยอะแบบนั้นแต่แกยังแข็งแรงสุดๆ แล้วก็ชอบเที่ยวมากๆ ยิ่งพอแกเห็นผมไม่ค่อยมีปากมีเสียงแกยิ่งถูกใจเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียผมก็ต้องบอกพี่ชัชให้เอาใจแก สองปีที่ผ่านมาผมก็เลยได้ไปเที่ยวกับบ้านพี่ชัชเยอะมาก สนิทกับเตอร์สุดๆ เลยแหละครับ ถึงเตอร์กับไปป์จะขี้อ้อนคล้ายๆ กัน แต่ผมว่าเตอร์กะล่อนกว่าครับ ได้เชื้ออามาเต็มๆ
     ระหว่างทางกลับโรงแรมพี่เขาแวะร้านสะดวกซื้อให้เตอร์ เจ้าตัวร่ำๆ จะตุนขนมไว้ทานอีกเพราะของที่ซื้อมาหมดแล้ว อื้อหืม! เตอร์กินจุจังเลยครับ แล้วผมกับพี่ชัชจะเลี้ยงเตอร์ไหวมั้ยเนี่ย? ผมลงไปซื้อของเป็นเพื่อนเตอร์ คนอื่นๆ รออยู่ในรถแต่พี่ชัชกลับกระโดดตามผมลงมาด้วย
     “ต้น พี่ไม่ได้ติดถุงมาว่ะ ลากเตอร์ไปซื้อขนมนานๆ เลยนะ”
     พี่ชัชเอียงมากระซิบกับผมแบบนั้นเล่นเอาผมร้อนไปทั้งหน้า เขินนะครับมาบอกอะไรตอนนี้ ทำอย่างกับจำเป็น ปกติชอบสดกับผมจะตาย
     แล้วพี่ชัชก็เดินไปหยิบของที่ตัวเองต้องการตรงหน้าเคาท์เตอร์ ผมหวังว่าพี่ชัชคงจะจ่ายเงินให้เสร็จก่อนที่เตอร์จะหอบขนมไปฝากจ่ายนะครับ แต่แถวยาวจัง ลูกค้าในร้านค่อนข้างเยอะทั้งคนไทยและชาวต่างชาติครับ จนกระทั่งเตอร์หอบขนมไปยืนข้างๆ พี่ชัชนั่นแหละ ผมถึงได้เห็น“เอ็กซ์ไซตา”ที่พี่ชัชจะซื้อ ผมตายแน่!
     “เอาอันนี้ดีกว่าครับ”
     ผมหยิบอีกอันที่เป็นแบบผิวเรียบให้
     “สตรอเบอร์รี่ ชอบแบบนี้เหรอต้น?”
     ผมไม่ได้ชอบแบบนี้ซะหน่อย! แต่ในร้านนี้มันเหลือแต่แบบนี้ต่างหากละครับ อะไรจะขายดีขนาดนั้น เหลือแต่สองแบบนี้ ผมก็เลยจำใจหยิบอันที่มันปลอดภัยกับผมมากที่สุดน่ะสิ
     “ผมชอบอะไรก็ได้ครับที่มันเรียบๆ”
     ผมตอบพี่ชัชไปแบบนั้นแต่พี่ชัชกลับเบ้หน้าแล้วปฏิเสธ
     “ไม่เอาอ่ะ อันนั้นพี่ใส่แล้วคับว่ะ”
     “อย่ามาแหลครับพี่ชัช ต่างกันแค่มิลเดียวมันไม่ต่างกันมากนักหรอก”
     “ต้นไม่เคยใช้ต้นไม่รู้หรอก”
     “อะแฮ่ม! ผมไม่ว่าไรหรอกนะคร้าบถ้าอาชัชกับพี่ต้นจะเถียงกัน แต่พนักงานเค้ารอคิดเงินอยู่นะคร้าบ ถึงคิวแล้วจะจ่ายพร้อมกันเลยมั้ย?”
     เสียงเตือนของเตอร์ทำให้ผมรู้สึกตัว ให้ตายสิ! พนักงานคิดเงินมองผมแล้วหัวเราะด้วย เพราะพี่ชัชแท้ๆ เลย ต่อหน้าหลานตัวเองแท้ๆ ไม่รู้จักอายบ้างเลย!
     “เอาสองอันนี้ด้วยครับ”
     พี่ชัชหยิบทั้งสองกล่องส่งไปคิดเงินรวมกับขนมของเตอร์ ส่วนผมด้วยความอายก็เลยลากตัวเตอร์เดินออกมารอที่ด้านนอกร้าน
     “เอ้า! ไม่รออาชัชเหรอพี่ต้น?”
     ผมไม่ตอบอะไรนอกจากลากเตอร์เดินตามผมมาเงียบๆ จะอยู่ให้อับอายขายหน้าต่อรึยังไงครับ! ผู้ชายสองคนซื้อถุงยางอนามัย โอ๊ย! ผมเขินจนอยากจะมุดดินหนี แต่ติดที่พี่ชัชยังจ่ายเงินไม่เสร็จนี่ล่ะ พวกเราก็เลยต้องยืนรอพี่ชัชอยู่หน้าร้านครับ
     “คืนนี้โดนอาชัชจัดหนักแน่พี่ต้น ฮ่าๆ”
     “ทะลึ่งแล้วเตอร์! เป็นเด็กเป็นเล็ก”
     “เด็กอะหยัง ผมอ่อนกว่าพี่ต้นแค่ห้าปี๋เลาะ แถมผมยังสูงกว่าแหม เห็นก่อๆ”
     ทำมายืดตัวข่มผม ทะเล้นทั้งอาทั้งหลาน ผมเลยต่อยไปเบาๆ ที่อกนั่น เตอร์ทำโอดโอยใหญ่เชียว
     “อ่ะแนๆ ทำมาตีเปิ้น เขินก๊ะ?”
     “อย่ามาล้อพี่นะ!”
     แต่ในระหว่างที่เรากำลังคุยเล่นกันอยู่ก็มีฝรั่งคนนึงเดินเข้ามาหาผมกับเตอร์
     “ทาวราย”
     “Excuse me What did you say?”
     “How much?”
     เขาถามพร้อมกับใช้สายตาน่ารังเกียจมองมาที่ผม ทุเรศจริงๆ เลยครับ ผมไม่ใช่พวกอย่างว่านะ!
     “Sorry, you’ve got the wrong person.”
     “Don't play cocky. I'm rich.”
     “I say I'm not a rentboy!”
     ฝรั่งพวกนั้นตรงเข้ามาพยายามจะดึงแขนผม เตอร์ที่ดูงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนแรกพอเห็นแบบนั้นก็เข้ามาบังผมไว้ทันทีและตะโกนเรียกพี่ศักดิ์ที่รออยู่ในรถ
     “อีป้อๆ”
     “Let go of my hand! You're Drunk!”
     พี่ศักดิ์เห็นแบบนั้นเลยวิ่งเข้ามาเป็นเวลาเดียวกับที่พี่ชัชซื้อของเสร็จออกมาจากร้านพอดีครับ
     “เกิดไรขึ้นต้น?”
     “พี่ชัชช่วยผมด้วย!”
     “อาชัช! ฝรั่งหมู่นี่ยะหื้อปี้ต้น”
     “What happened?”
     พี่ชัชตรงมาทางผมแล้วก็ดึงมือฝรั่งคนนั้นออก ผมรีบหลบหลังพี่ชัชทันทีครับ ก็มันกลัวนี่นา ฝรั่งพวกนี้เมาทั้งนั้น พวกมันโวยวายกันนิดหน่อย ตอนนี้พี่ชัชรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เขาก็เลยของขึ้นพอสมควร ผมเห็นสีหน้าพี่ชัชแล้วยังกลัวแทนเลยครับ แต่โชคดีที่พี่ชัชยังคุมสติตัวเองได้อยู่
     “My apologies Sir, But you're mistaken. My brother is not a whore!”
     พี่ศักดิ์เดินมาถึงตรงพวกเราพอดี พอมีพี่ศักดิ์กับพี่ชัชมายืนขนาบข้างผม ฝรั่งพวกนั้นก็ไม่กล้ายุ่งอะไรกับผมอีก พี่ชัชเคลียร์เรื่องเข้าใจผิดลงอย่างราบรื่นโดยที่ตัวเองไม่หลุดโมโหต่อยคนพวกนั้น พอพวกมันไปกันแล้วผมก็เลยถอนหายใจด้วยความโล่งอก พี่ชัชกอดผมซะแน่นเลยครับ ผมกอดพี่ชัชตอบด้วยความโล่งใจ เมื่อตะกี้มันน่ากลัวจริงๆ นะครับ พูดแล้วก็ไม่เข้าใจเลย ให้ตายเหอะ! ตั้งแต่เด็กๆ แล้วทำไมผมถึงมักจะเจออะไรแบบนี้ตลอดเลยนะ!
     “พี่ว่าเรากลับรถกันก่อนเถอะ ชัช สูพาต้นปิ๊กรถก่อนเต๊อะ หมู่อื่นผ่อสูติ๊กๆ เลาะ”
     “เออ แต้ก่ะ โทษๆ ไปต้น เรากลับกันเหอะ”
     เขินชะมัดเลยครับ พี่ศักดิ์เอาแต่ยืนยิ้มจนแม้แต่พี่ชัชยังเขิน ส่วนเตอร์ก็หัวเราะร่วนเลยครับ
     “ฮ่าๆ”
     “พอเลยเตอร์ ทำมาเป็นหัวเราะพี่นะ ทีเมื่อกี้ไม่ช่วยกันเลยนะเรา”
     “ก็ตะกี้เปิ้นบ่อฮู้ว่ามันอู้อะหยังเลาะ”
     ผมค้อนเจ้าเด็กบ้านี่แทนคำตอบ แล้วพวกเราก็ขึ้นรถกลับโรงแรมพักผ่อนกันครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว


ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     ผมกับพี่ชัชกลับมาถึงห้องพักซะที เหนื่อยเป็นบ้าเลยครับ แต่ทันทีที่เข้าห้องได้พี่ชัชก็รวบตัวผมไปกอดซะแน่นเลย
     “อื้อ พี่ชัช!”
     “ขอโทษนะครับที่พี่ไม่ได้อยู่กับเราตอนเกิดเรื่อง ตกใจรึเปล่า?”
     “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ช่างมันเถอะครับ ใครจะไปนึกว่าผมจะซวยแบบนั้น”
     “เป็นความผิดพี่เอง ไม่น่าปล่อยให้ต้นอยู่คนเดียวเลย พี่น่าจะระวังมากกว่านี้”
     “ผมไม่ได้อยู่คนเดียวซะหน่อย เตอร์ก็อยู่”
     “ก็นั่นแหละ เตอร์มันจะทำไรได้ พี่น่าจะเตือนเราให้ระวังตัวด้วย แถวนั้นมันดงทั้งนั้น แต่พี่ดันลืมซะสนิท”
     ผมลูบแก้มพี่ชัชเบาๆ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอกครับ ใครจะไปนึกว่าห่างกันแปปเดียวก็เป็นเรื่องซะแล้ว ผมเองก็ชะล่าใจเพราะนึกว่าแค่รอหน้าร้านสะดวกซื้อไม่น่ามีอะไร แต่พวกเราลืมไปว่าคนเมามันมีได้ทุกที่ ผมไม่รู้ว่าควรจะโทษความซวยของผมเองที่ชอบเจอกับอะไรแบบนี้หรือโทษภาพลักษณ์ของประเทศเราดีครับ ที่มันมีแต่เรื่องพรรณนี้ โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้ที่เต็มไปด้วยแก๊งค์เด็กขายตัวที่ตั้งกลุ่มกันเป็นมาเฟียในถิ่น แถมยังพากันออกตระเวรหาลูกค้ากันไม่เกรงกลัวตำรวจ
     ผมเกลียดมันจริงๆ ไม่ชอบเลยครับ ขายตัวเนี่ย...
     “ผมต่างหากละครับที่ไม่ดีเอง ผมไม่น่างอนพี่ชัชด้วยเรื่องงี่เง่าแบบนั้นเลย ขอโทษนะครับ”
     “อื้อ พี่ไม่โกรธต้นหรอก”
     พี่ชัชว่าพร้อมกับจูบผม
     แต่อืม... เพราะตอนนี้อยู่กันสองคนในห้องส่วนตัวแถมไม่มีอะไรมารบกวนพวกเราจนกว่าจะเช้ามั้งครับ เราเลยจูบกันนานขึ้น แล้วก็หนักหน่วงขึ้น ไม่ใช่แค่จูบแบบสัมผัสริมฝีปากกันเบาๆ
     “พอ พอก่อนเถอะครับพี่ชัช”
     “ไมอ่ะ”
     พี่ชัชประท้วงผมด้วยเสียงที่แทบจะคราง แฟนผมจุดติดง่ายไปหน่อยแล้ว
     “ไปอาบน้ำก่อนเถอะครับ ไม่งั้นก็... ขอผมไปอาบน้ำก่อนก็ยังดี ผมยัง..”
     ผมยังไม่ได้เตรียมความพร้อมตัวเองเลยนะครับ ให้ตายสิ! ผมลงสนามตอนนี้เลยไม่ได้หรอก!
     “หึๆ พึ่งอาบน้ำก่อนออกไปไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นต้นจะมีเหงื่อเลย”
     “พี่ชัชบ้า! พี่ก็รู้ว่าผมไม่ได้... ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”
     “งั้นอาบพร้อมกันป่ะ?”
     แฟนผมทะเล้นเกินไปแล้ว เขินนะครับ น้ำเสียงซนๆ กับแววตาหื่นๆ นั่นทำเอาผมไม่กล้ามองหน้าพี่ชัชเลย
     “ให้พี่ช่วยมั้ยล่ะ ฮ่าๆ”
     “บ้า! ผมทำเองได้ครับ”
     “หืม ไม่อยากให้พี่ช่วยจริงๆ เหรอ? น่านะ นานๆ ทีพี่อยากทำให้เราบ้าง”
     “นานๆ ทีอะไรละครับ ออกจะบ่อย ไม่เอาอ่ะผมเขิน”
     ผมพูดพลางซุกอกพี่ชัช สบตาด้วยไม่ไหวแล้วครับ เขินสุดๆ เลย เรายืนกอดกันอยู่แบบนั้นที่หน้าประตูห้อง นี่ผมยังไม่ได้ขยับไปจากจุดแรกที่ผมก้าวเท้าเข้าห้องมาเลยนะครับ แฟนผมใจร้อนจริงๆ เลย
     “แต่พี่สดกับเราบ่อยกว่าไง นานๆ ทีเลยอยากช่วยเราบ้าง ต้นจะได้ไม่ต้องมาบ่นพี่อีกเวลาพี่ทำเลอะ ฮ่าๆ”
     “บ้า! พี่ชัชอ่ะลามก มันน่าอายจะตาย ผมไม่ชอบนี่นา มัน... สกปรกอ่ะ”
     “อายไรเล่า พี่ไม่ถือ ต้นก็รู้ว่าพี่รักทุกๆ อย่างที่เป็นต้น พี่ไม่รังเกียจหรอก นะให้พี่ช่วยนะ”
     พี่ชัชพูดพร้อมๆ กับกดคางลงบนศีรษะของผม เวลาอยู่ในอ้อมกอดของแฟนตัวเองแบบนี้แล้วรู้สึกดีจังครับ พี่ชัชนี่ขี้อ้อนชะมัดเลย
     และเพราะถูกลูกตื้อของหมาป่าจอมกะล่อนเข้าไป ผมก็เลยต้องยอมตามใจเจ้าหมาป่าตัวนี้แหละครับ   
     นานแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้อาบน้ำพร้อมพี่ชัช ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะผมเขิน พี่ชัชของผมตื่นตัวได้ง่ายมากๆ แถมทั้งสีทั้งขนาดของมันก็น่ากลัวมากด้วย แค่เห็นก็ใจสั่นลามไปถึงขาแทบยืนไม่อยู่แล้วครับ ต้องมาเห็นอะไรแบบนั้นแถมยังถูกเห็นไปทั้งตัว ผมเขินเป็นบ้า!
     แฟนของผมยิ้มกริ่มเดินเข้ามากอดผมพลางเปิดฝักบัวรดเราทั้งคู่ แย่ชะมัดเลยครับ เพราะเป็นโรงแรมขนาดกลาง ในห้องน้ำเลยไม่มีอ่างอาบน้ำมีแต่ฝักบัว ถึงจะมีน้ำอุ่น แต่ผู้ชายสองคนยืนเบียดกันใต้ฝักบัวเล็กๆ นี่มันก็หนาวนะครับ
     “หน้าแดงใหญ่แล้วต้น หึๆ”
     ชอบล้อผมอยู่เรื่อย ผมอายนะครับ อุตส่าพยายามไม่คิดแล้วเชียว เพราะแบบนั้นผมเลยเลี่ยงไปถูสบู่ให้พี่ชัชแทน แต่พี่ชัชกลับดึงมือผมไว้
     “บอกแล้วไง วันนี้พี่ทำให้”
     เขินนะครับ!
     ผมถูกพี่ชัชทำความสะอาดไปทั่วทั้งร่าง ผมเกลียดมือของพี่ชัชชะมัดเลย อื้อ!
     “เขินก็หลับตาไปก็ได้ครับที่รัก”
     ผมได้แต่ยืนหลับตาปล่อยให้พี่ชัชทำตามใจชอบ จนกระทั่งสายน้ำอุ่นๆ ล้างคราบสบู่ออกไปจากตัวผมเรียบร้อยแล้ว แต่มือของพี่ชัชกลับป้วนเปี้ยนอยู่บนตัวผมไม่ยอมหยุด
     “อื้อ พี่ชัช”
     ผมขาสั่นจนแทบยืนไม่ไหวเลยต้องเอนตัวพิงผนังห้องน้ำเอาไว้ นิ้วของพี่ชัชหยอกเล่นอยู่ตรงจุดนั้นของผมไม่ยอมห่างอย่างกับจะแกล้งกัน ไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากเป็นลม!
     “พิงผนังไว้หน่อยก็ดีครับ พี่กลัวต้นลื่นล้ม ฮ่าๆ”
     พี่ชัชพูดขึ้นพร้อมกับย่อลงตรงหน้าผม สัมผัสอุ่นๆ จากริมฝีปากที่พรมจูบลงมาทำให้ผมรู้สึกอ่อนแรง แถมนิ้วของพี่ชัชยังกลั่นแกล้งผมมากขึ้นด้วย ถูกรุมแบบนี้ผมทำอะไรไม่ถูกเลยครับได้แต่ยืนพิงผนังห้องน้ำแล้วหลับหูหลับตาปล่อยให้ร่างกายตัวเองถูกพี่ชัชรังแก พอผมเผลอก็ถูกพี่ชัชรุกรานซะแล้ว
     “พี่ชัชบ้า อื้อ
     เพราะถูกรุกล้ำผมเลยเผลอจิกหัวพี่ชัชไปเต็มแรง แต่ผมไม่ขอโทษหรอกนะ พี่ชัชแหละผิด!
     อื้ม... นิ้วของพี่ชัชค่อยๆ รุกคืบเข้ามาช้าๆ แล้วจากหนึ่งก็เพิ่มเป็นสอง แต่แค่นิ้วผมก็จะยืนไม่ไหวแล้วครับ คนบ้าอะไร เก่งไปหมดทุกอย่าง!
     ตอนนี้ผมบอกไม่ถูกว่าอะไรทำให้ผมคลั่งได้มากกว่ากัน ทั้งนิ้วทั้งสายน้ำอุ่นๆ จากฝักบัว ผมแทบจะต้องกัดปากตัวเองเอาไว้เพราะกลัวเผลอส่งเสียงประหลาดออกมา อายครับ! กลัวห้องข้างๆ ได้ยินเพราะผนังห้องน้ำมันบาง
     “อย่าเกร็งสิครับต้น ผ่อนคลายหน่อยนะ”
     พี่ชัชพูดแบบนั้นแล้วก็ทั้งจูบทั้งเลีย ผมถูกยกขาขึ้นเพื่อที่พี่ชัชจะได้ทำความสะอาดผมได้ลึกมากขึ้น ผมบอกพวกคุณรึยังว่าพี่ชัชนิ้วยาวมากครับ มือใหญ่กว่าผมอีก อ้า! ไม่ไหวแล้วครับ จะกี่นิ้วก็ช่างมันละ ผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว!
     “อดทนหน่อยนะคนดี รับรองพี่จะทำความสะอาดเราให้เกลี้ยงเลย หึๆ”
     ผมรู้แค่ว่าผมได้แต่ส่งเสียงประท้วงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนพี่ชัชก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้ายจนผมได้แต่หลับตาปี๋ด้วยความเขิน   

     เป็นแบบนี้ทุกที! กว่าผมจะสะอาดผมก็ถูกพี่ชัชล้างซะเกลี้ยงทุกซอกทุกมุม ถูกพี่ชัชแกล้งไปก่อนหนึ่งตาทุกที ทำเอาผมขาสั่นแทบยืนไม่อยู่ เสร็จแล้วก็ถูกอุ้มออกจากห้องน้ำมานอนแผ่อยู่บนเตียง  เขินชะมัดเลยครับ
    พี่ชัชตามขึ้นมานอนเคียงข้างผม ผมก็เลยพลิกตัวไปหนุนแขนของพี่ชัช ส่วนพี่ชัชก็จูบผมเบาๆ ที่กระหม่อม ผมสัมผัสได้ว่าพี่ชัชพร้อมรบแบบสุดๆ ไปเลยครับ แต่พี่ชัชก็ยังรอผม ไม่ใจร้อน ผมชอบจัง พี่ชัชเวลาอ่อนโยนกับผมแบบนี้น่ารักที่สุดเลย
     เรานอนจับมือกัน กอดกัน ผมประสานมือเล่นกับพี่ชัช ฝ่ามือของพี่ชัชทั้งใหญ่แล้วก็ยาว เพราะผมตัวเล็กหรือพี่ชัชของผมตัวใหญ่กันแน่นะ ทั้งๆ ที่ผมก็ว่าผมนิ้วเรียวยาวพอสมควรแล้วน้า ผมเล่นกีตาร์จับคอร์ดได้ทุกคอร์ดแท้ๆ แต่พี่ชัชของผมโครงร่างใหญ่ไปทั้งตัว ไหล่กว้างๆ นั่นก็ดูสมชายชะมัด แถมช่วงนี้ยิ่งไปเฟิร์มมาอีก กล้ามเนื้อบนตัวพี่ชัชเลยดูดีจัง
     “ยั่วพี่แบบนี้เดี๋ยวพี่ก็จัดเลยซะหรอกต้น”
     อ๊ะ! ผมชะงักมือทันทีแต่พี่ชัชจับนิ้วของผมไว้แล้วดึงไปจูบเบาๆ ผมไม่รู้ตัวเลยนะครับว่าเมื่อกี้เผลอไล้ไหล่ของพี่ชัชอยู่ อืม... สายตาของแฟนผมนี่ระอุจนแทบจะเผาผลาญผมให้มอดไหม้ไปด้วยไฟราคะแล้วครับ ผมว่าผมรอดไม่เกินสิบนาทีหรอก
     “แอบไปเฟิร์มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
     “ก็ช่วงก่อนหน้านี้แหละ พอดีมีช่วงนึงว่างๆ เลยลองไปเข้าฟิตเนสดู ชอบป่ะครับ”
     “ครับ”
     พอถูกผมชมแบบนั้นพี่ชัชก็ยิ้มดีใจเหมือนเด็กเลยครับ แต่แล้วก็ต้องหน้ามุ่ยเพราะผมแกล้งแซวพี่ชัชว่า
     “แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ลดเบียร์กับแอลกอฮอล์ด้วยจะดีมากๆ ครับ”
     “โธ่ ต้นก็...”
     ผมเผลอยิ้มออกมาด้วยความสะใจที่ได้เอาคืนเลยถูกพี่ชัชลงโทษนิดหน่อย แต่พอดีว่าอะไรๆ มันพร้อมอยู่แล้ว จากบทลงโทษด้วยจุ๊บเบาๆ เลยเริ่มเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นตามลำดับ
     พี่ชัชพลิกตัวมาคร่อมผมแทน เราประกบปากกันอยู่แบบนั้น ผมพยายามตอบโต้พี่ชัชบ้าง แต่ไม่ไหวครับ ลิ้นของพี่ชัชพริ้วกว่าผมเยอะ สุดท้ายผมก็เลยได้แต่โอนอ่อนตอบรับสัมผัสตามที่พี่ชัชนำผมไป พี่ชัชหัวเราะเบาๆ ในคอ แล้วก็หยุดจูบหันมาจ้องหน้าผมแทน ถูกหยามกันแบบนี้ผมก็เลยหน้ามุ่ยนิดหน่อย
     “ยิ้มอะไรครับ”
     “เปล๊า พี่ก็แค่ดีใจ”
     “ดีใจ?”
     “ดีใจที่วันนี้เมียพี่มีอารมณ์ไง”
     บ้า! พูดอะไรก็ไม่รู้ แต่ไม่ได้หรอกครับ จะให้ยอมรับก็น่าอายจะตายไป ผมเลยพยายามทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ
     “ผมก็คนปกตินะครับ มีอารมณ์ตลอดทุกครั้งนั่นแหละ”
     ผมย้ำกับพี่ชัชไปแบบนั้นแต่พี่ชัชกับหัวเราะแล้วจูบผมต่อพลางพึมพำอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมร้อนซู่ไปด้วยความอาย
     “ก็ทุกทีเห็นเอาแต่เขินอายแล้วก็ปล่อยเลยตามเลยให้พี่รังแกเรานี่นา แต่วันนี้ดูยั่วพี่เป็นพิเศษ พี่ก็ดีใจสิ”
     “บ้า ผมไม่ได...”
     “คร้าบ ต้นของพี่เรียบร้อย ไม่มีทางทำไรแบบนั้นหรอก”
     พี่ชัชบ่นงึมงัมๆ พร้อมกับเลื้อยลงต่ำมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยนัวเนียอยู่ตรงริมฝีปากผมก็ย้ายไปประทับรอยตั้งแต่ซอกคอ ติ่งหู หน้าอก แล้วก็สะดือ อืม... พี่ชัชหยุดแปปนึงก่อนจะจับขาผมขยับให้ได้ที่แล้วมองสบตากับผม เขินเป็นบ้าเลยครับ ผมหลับตาดีกว่า!
     “ต้นของพี่เรียบร้อยเสมอครับ เพียงแต่... เราไม่รู้ตัวหรอกว่าเวลาเราทำท่าอายๆ แบบนี้แหละ โคตรยั่วเลย! ทำเป็นหลับตานะต้น แต่ก็อ้าขาให้พี่ แบบนี้ไม่ให้พี่เรียกว่ายั่วแล้วจะให้เรียกว่าอะไรครับ สมยอมดีป่ะ?”
     พี่ชัชบ้า!
     “หึๆ”
     แล้วผมก็ถูกหมาป่าละเลงลิ้น อื้ม รู้สึกดีเป็นบ้าเลยครับ มันทั้งเสียวทั้งสยิวสุดๆ ไปเลย เทคนิคของพี่ชัชทำเอาผมแทบขาดใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นมันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นด้วยครับ พี่ชัชไม่ได้รังเกียจผม แม้ผมจะเป็นผู้ชาย มีอะไรเหมือนๆ กับเขา แต่พี่เขาก็ยังปฏิบัติกับผมด้วยความรัก ผมโชคดีจังที่ได้เป็นแฟนกับพี่ชัช
     “อื้ม พี่ชัช อ๊า
     ผมถูกรุกรานอีกครั้งด้วยลิ้นของพี่ชัช ไม่ไหวแล้วครับ คิดอะไรไม่ออกแล้ว ผมได้แต่ครางด้วยความเสียว ชอบแบบนี้ที่สุดเลยครับ!
     พอพี่ชัชเห็นผมเป็นแบบนั้นก็เลยดันก้นผมขึ้นแล้วฝังหน้าลงไป ลิ้นของพี่ชัชหลอกล่อจนผมเผลอแอ่นตัวตาม ผมถูกแทงเข้าแทงออกแล้วคว้านไปรอบๆ จนครางไม่เป็นภาษา แถมพี่ชัชยังแกล้งเป่าลมอุ่นๆ ใส่อีก อึ้อ! เสียวครับ ใจจะขาดแล้ว!
     “ตอดใหญ่เลยนะต้น หึๆ”
     “อื้อ!
     เพราะพี่ชัชผละออก ผมก็เลยเผลอประท้วงไปนิดหน่อย
     “เสียดายอะไรครับ ไม่อยากได้อะไรที่มันอร่อยกว่านั้นเหรอ หื้ม?”
     พี่ชัชจุ๊บผมเบาๆ ที่หน้าผาก ปกติผมเขินนะ ผมมักจะบ่นพี่ชัชบ่อยๆ เวลาที่พี่ชัชทำแบบนั้นแล้วมาจูบผม มันน่าอายออกครับ ก็ตรงนั้นมัน... แต่ครั้งนี้... เอาเป็นว่าผมเป็นฝ่ายดึงพี่ชัชเข้ามาจูบก็แล้วกัน พี่ชัชหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะแลกลิ้นกับผม
     “ใจเย็นครับที่รัก ให้พี่ใส่ถุงก่อนนะ”
     “วันนี้จะสดผมก็ไม่ว่าแล้วครับ พี่ชัชล้างผมซะสะอาดขนาดนั้นแล้วนี่”
     “ไม่เอา อยากใส่ถุงอ่ะ อุตส่าซื้อมา ไม่ใช้เสียของแย่”
     รอยยิ้มแผลงๆ บนหน้าพี่ชัชทำให้ผมขนลุก!
     “สตรอเบอร์รี่!”
     “แต่พี่จะใช้ เอ็กซ์ ไซ ต้า!
     พี่ชัชยียวนผมด้วยการเน้นทีละคำช้าๆ ชัดๆ แถมยังทำหน้าแบ๊วใส่ผมอีก จงใจชัดๆ พี่ชัชตั้งใจแกล้งผม!
     “ไม่เอาครับ!”
     “ทำไมอ่ะ นะ นะ”
     “ไม่เอาครับ ผมไม่ชอบ”
     “ไม่ชอบไร คราวก่อนเห็นครางลั่น”
     “ก็... ก็ผมเจ็บ”
     “เจ็บรึเสียวต้น อย่าปากแข็งน่า นะ นะ นานๆ ที เอาแบบสุดๆ ซักหน่อยนะ”
     ผมเขินนะ...
     “แบบธรรมดาๆ ก็พอมั้งครับ ผม...”
     “ก็พี่อยากเห็นอ่ะ พี่ชอบเวลาเห็นเราเป็นแบบนั้นอ่ะ นานๆ ที ขอพี่ดูเราแบบนั้นอีกไม่ได้รึไง ร่านดี พี่ชอบ”
     “พี่ชัช!”
     “งั้นพี่ไม่ต่อนะเออ ถ้าวันนี้มีคนอารมณ์ค้างก็ค้างมันทั้งคู่เนี่ยแหละ ฮ่าๆ”
     ... แล้วจะให้ผมทำไรได้ละครับ ก็เลยต้อง... เลยตามเลย ยอมๆ พี่ชัชไป

     ผมมองพี่ชัชจัดการสวมถุงยางให้ตัวเองแล้วก็ต้องแอบกลืนน้ำลาย ผมเกลียดไอ้ริ้วเส้นรอบๆ นั่นชะมัด! พี่ชัชของผมใหญ่ไปทั้งตัวครับ พี่ชัชเลยชอบบ่นเรื่องไซส์ถุงยางนิดหน่อย เพราะขนาดของพี่เขาหาซื้อยาก ก็เลยกลายเป็นข้ออ้างที่พี่ชัชชอบมาสดกับผม เพราะผมสะอาดปลอดภัยอยู่แล้ว แหม มันก็แน่อยู่แล้วนี่ครับ ผมมีแต่พี่ชัชคนเดียว ส่วนพี่ชัชแน่นอนว่าไม่มีโอกาสได้ไปซนที่ไหนหรอกครับ ลองไปซนดูสิ ผมเอาตาย!
     ตั้งแต่ครั้งนั้นที่ผมถูกพี่ชัชทำแบบนั้นเป็นครั้งแรก ตอนนั้นผมก็กลัวนะครับ คิดมากไปหมดเลย แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่าพี่ชัชทำงานด้านนี้ยังไงก็ต้องรู้จักดูแลตัวเองอยู่แล้ว น่าจะปลอดภัย แล้วผมก็ประสบอุบัติเหตุก่อนที่จะได้คืนดีกับพี่ชัชด้วยซ้ำ! ผมแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็รอดมาจนได้ หมอที่รักษาผมบอกว่าร่างกายผมปกติดีทุกอย่าง ส่วนพี่ชัชก็ปลอดภัยเช่นกันเพราะมีแค่บาดแผลเล็กๆ กับช้ำใน ผมเองก็สบายใจนะครับ ... ก็ตอนนั้นผมก็ไม่กล้าไปถามพี่ชัชตรงๆ หรอกว่าพี่เขาเป็น...รึเปล่า? แต่ว่าหลังจากนั้น เพื่อความสบายใจของผม พี่เขาก็พาผมไปตรวจสุขภาพนะครับ โชคดีที่พี่ชัชมีเพื่อนสนิทเป็นหมอ หมอเอกเลยช่วยยืนยันความสบายใจให้ผมได้อีกหนึ่งเสียง
     แต่บางครั้ง... บางทีมันก็มีบ้างครับ ที่พี่ชัชใช้ถุงยาง ส่วนผม... ตั้งแต่เกิดมานอกจากช่วยใส่ให้พี่ชัชบางครั้งแล้วยังไม่เคยลองใส่เองหรอก ครับ ก็ผมเป็นคนโดนนี่นา มันก็เลยไม่จำเป็น... ผมก็เลยไม่เคยรู้ความรู้สึกเวลาที่ถูกถุงยางอนามัยห่อหุ้มไว้หรอกครับ ไม่เข้าใจด้วยว่าแต่ละยี่ห้อมันต่างกันยังไง ถ้าใส่ผิดขนาดแล้วจะอึดอัดจริงรึเปล่า? ผมรู้แต่ว่าพี่ชัชชอบบ่นแล้วก็เรื่องมากเรื่องไซส์ครับ ปกติแล้วพี่ชัชจะชอบสั่งจากเว็บเจ้าประจำของพี่เขา เป็นยี่ห้อแปลกๆ มาจากญี่ปุ่น บอกว่ามันบางดี แต่ผมว่ามันแพงอ่ะ แต่เพราะพี่ชัชของผมหื่นแล้วก็ชอบสดบ่อยๆ พวกเราก็เลยไม่ค่อยเปลืองค่าถุงยางมั้งครับ
     พี่ชัชจัดการเตรียมตัวเองพร้อมแล้ว แต่ผมยังไม่พร้อมเลยครับ!
     “ไง หน้าซีดเชียวต้น ไม่ต้องกลัวน่าเดี๋ยวพี่พาขึ้นสวรรค์”
     “พี่ชัชบ้า!”
     “คร้าบๆ พี่ก็บ้าตั้งแต่หลงรักเรานั่นแหละ”
     พี่ชัชพูดแบบนั้นพร้อมกับเข้าประจำที่ พี่ชัชจับขาของผมแยกออกจากกันแล้วก็คุกเข่าลงแทบชิดตัวผม โอ้ยผมอยากตาย! ผมต้องตายแน่ๆ ผมหลับตาเบือนหน้าหนีกะจะเอนตัวลงนอนราบอย่างจำยอม แต่ว่าพี่ชัชไม่ยอมครับ แม้ว่ามือข้างขวาของพี่ชัชจะจับเจ้าสิ่งนั้นจ่ออยู่ตรงนั้นของผม แต่มือซ้ายของพี่ชัชดันเอื้อมมาคว้าข้อมือขอผมไว้ซะนี่!
     “กลัวอะไรต้น พี่ไม่ได้จะฆ่าเรานะ มองพี่เดี๋ยวนี้เลย”
     “ไม่เอา!”
     “น่า มองผัวหน่อยนะครับคนดี”
     “ไม่เอา ก็ผมเขินนี่!”
     “ไม่มองพี่ไม่ใส่นะ เอ้า! เร้ว! จะใส่อยู่ละเนี่ย”
     พี่ชัชพูดพร้อมๆ กับเอาเจ้านั่นถูไถไปมารอบๆ ปากทางเข้าของผม สัมผัสเย็นๆ ของเจลแบบธรรมดาให้ความรู้สึกต่างจากเจลหล่อลื่นสูตรร้อนแบบพี่ชัชชอบใช้
     ไม่ไหวแล้ว อยากก็อยากนะครับแต่ผมรู้ดีมันไม่ได้แค่เสียวอย่างเดียวนี่สิ ไอ้รุ่นนี้นะทำผมแทบตายเลยคราวที่แล้ว!
     ผมนอนกัดปากด้วยแรงทิฐิ กะว่าจะขอทำใจอีกซักหน่อย แต่พี่ชัชกลับหัวเราะขึ้น
     “หึๆ ต้นเอ้ย”
     พร้อมๆ กับที่หัวเราะพี่ชัชก็แทงพรวดเข้ามาในตัวผมแบบรวดเดียวมิดด้าม! ผมเลยเผลอกรี๊ดสุดเสียงเลยครับ ผมเจ็บนะ! ด้วยความโมโหเลยทุบพี่ชัชไปสองสามที
     “พี่ชัชบ้า! ผมเจ็บนะ”
     “เจ็บไรกัน อย่ามาแหลน่าต้น โดนเข้าไปแค่นี้ไม่ตายหรอก มันไม่ได้เจ็บขนาดนั้นซักหน่อย สดกว่านี้เราก็เคยมาแล้ว นี่พี่ใส่เจลเยอะจะตายเห็นป่ะลื่นปรื้ดเลย”
     อื้อ... พูดอย่างเดียวไม่ต้องสาธิตก็ได้ครับ พี่ชัชดันขาผมติดหน้าอกและเริ่มขยับเอวแล้ว ขอบเส้นๆ ของถุงยางมันทำให้ผมแทบตาย! ผมก็รู้นะว่าพี่ชัชพูดถูกแล้วผมก็ดราม่าไปหน่อย แต่ว่าจะให้ยอมรับง่ายๆ ได้ยังไงละครับ
     “อื้อ! ก็บอกกันก่อนซักนิดสิครับ ไม่ใช่ใส่เข้ามาไม่ให้ผมตั้งตัวแบบนี้ ฮ่า...
     “ไม่ตั้งตัวไรล่ะครับที่รัก เด่ขนาดนี้แล้วเนี่ย หึๆ”
     พี่ชัชบ้าผมเขินนะครับ!
     “ถ้าพี่มัวแต่รอเราแล้วพี่จะได้เราทำเมียมั้ยคร้าบ ลีลาสุดๆ อ่ะต้น ทำเป็นอิดออด แต่สุดท้ายก็ยอมให้พี่พาขึ้นสวรรค์ทุกทีอ่ะ”
     “ก็เพราะผมถูกหมาป่าเจ้าเล่ห์อย่างพี่ชัชหลอกน่ะสิครับ!”
     “หลอกที่ไหน พี่ก็แค่ยั่วให้เราอยาก สุดทายคนที่ยอมถูกพี่งาบ มันก็เราเองไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชบ้า!”
     “คร้าบ พี่ทั้งบ้าทั้งหื่น พอใจยัง ฮ่าๆ”
     ถึงเราจะเถียงกันแบบนั้นแต่ว่าพี่ชัชไม่ได้อยู่เฉยๆ หรอกนะครับ ขยับอยู่ตลอดเวลา แต่พอหมดสถานการณ์ปะทะคารมแบบนี้แล้วมันก็เขินอ่ะ ผมเลยได้แต่หลับตาไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง อ๊ะ อื้อ ...
     “หายเขินยังครับ?”
     “พี่ชัชบ้า...”
     “เอ้า! ว่าพี่อีก พี่อุตส่าช่วยเราแล้วนะ”
     พี่ชัชพูดแบบนั้นพร้อมกับขยับมาจูบผมเบาๆ ก่อนจะยกขาผมขึ้นอ้าออกแลวซอยต่อ ท่านี้มันลึกชะมัดเลยครับ ไม่ไหวแล้ว อื้อ อื้ม...
     “ลืมตาหน่อยเร้ว ดูดิ ของพี่กำลังเข้าไปในตัวต้นอยู่นะครับ”
     พี่ชัชพูดพร้อมๆ กับดันเจ้านั่นเข้ามาในตัวผมช้าๆ อื้อ! สัมผัสขรุขระบนถุงยางครูดกับปากทางของผมแบบเน้นๆ เลย พี่ชัชบ้า! พี่ชัชจงใจแกล้งกันชัดๆ
     “มองหน่อยเร้ว ผัวกำลังเอาเมียอยู่นะครับ เมียจ๋า”
     “ไม่เอา ผมไม่มอง ผมเขิน!”
     ผมพยายามจะประท้วงพี่ชัชแต่เสียงผมหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ มันทั้งเสียวทั้งจุกแล้วก็เจ็บนิดๆ จนแทบขาดใจเลยครับ แต่เป็นความทรมานที่สุขสมมากกว่าจะเจ็บปวดรวดร้าว หวิวจนผมใจจะขาด
     “หึๆ”
     พี่ชัชหัวเราะขึ้นพร้อมกับดึงตัวผมให้เงยหน้าขึ้นมองภาพที่ตัวเองต้องการ ผมเห็นพี่ชัชกำลังขยับเจ้านั่นออกจากตัวผมช้าๆ จนหลุดออกมา ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก็มันรู้สึกโล่งจริงๆ นี่นา แต่แล้วพี่ชัชก็ขยับเจ้านั่นมาประชิดผมอีกรอบแล้วค่อยๆ ใส่เข้าไปในตัวผมแบบเน้นๆ โอ้ย! ผมอยากตาย มันทั้งเสียวทั้งอายเลยครับ การที่ต้องมามองว่าตัวเองกำลังถูกสอดใส่แบบนี้เนี่ย! แถมยังมีสายตาวิบวับหื่นกามของพี่ชัชจ้องผมอยู่อีกทอด พอพี่ชัชดันเข้ามาจนสุดแล้วปล่อยมือจากแขนผมเท่านั้นแหละ ผมหลับตาลงล้มแผ่บนเตียงทันที ไม่อยากรับรู้อะไรแล้วครับ ภาพเมื่อกี้ติดค้างอยู่ในความทรงจำผมจนความเสียวที่กำลังได้รับอยู่นี่มันเพิ่มทวีคูณ ผมได้ยินพี่ชัชหัวเราะนิดหน่อย ก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบผม
     “ก็พี่รู้ว่าราขี้อายไง เลยจัดชุดใหญ่ให้เราแบบนี้ พี่อยากได้ยินต้นบอกชอบพี่บ้างนะครับ พี่อยากรู้ว่าเราชอบอะไร”
     “ผมก็บอกรักพี่ชัชตามปกติอยู่แล้วนี่ครับ”
     “พี่หมายถึงพี่อยากได้ยินเราบอกว่าเราชอบแบบไหนต่างหาก”
     “ถึงผมไม่บอกพี่ชัชก็รู้อยู่แล้วนี่ อึ๊
     พี่ชัชกระแทกเข้ามาสุดแรงจนผมสะดุ้ง! ให้ตายเหอะ! ไม่อยากเล่นสงครามประสาทตอนกำลังทำอะไรแบบนี้เลยครับ ผมไม่มีสมาธิจะคิดอะไรเลย
     “ไม่เอา บอกพี่ทีสิครับที่รัก นะ นะ พี่อยากได้ยิน”
     พี่ชัชว่าแบบนั้นพลางรุกผมหนักขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ช้าๆ ก็เร่งจังหวะจนผมกลั้นเสียงไว้ไม่อยู่
     “อื้อ พี่ชัช”
     “คร้าบ?”
     “อื้อ ฮ่า..
     “ชอบแบบนี้มั้ยครับ?”
     “อื้ม เบาๆ ครับ ผม อ๊า
     “ครับ ว่าไงครับที่รัก?”
     “ช้าหน่อยครับ ผม อึ๊ม ม่ะ ไหว”
     “ทำไมไม่ไหวละคร้าบ  ถ้าไม่บอก พี่ทำเราขาดใจตายจริงๆ ด้วย ฮ่ะ
     ผมไม่รู้แล้วว่าพี่ชัชแกล้งผมหรือตัวเองติดลม ผมรู้แต่ว่าผมเสียว และพี่ชัชเองก็กำลังรู้สึกอย่างเดียวกับผมอยู่ เพราะพี่ชัชเริ่มส่งเสียงคำรามต่ำๆ ในคอด้วยลมหายใจที่ผิดจังหวะ อะไรบางอย่างในตัวผมมันทำลายหน้ากากใบนี้จนป่นปี้! ผมเลยเผลอครางจนลืมอาย
     “อื้อ พี่ชัช อ๊า ช้า อื้อ ช้าๆ หน่อยครับ อื้ม ผม อ๊า ต้นเสียวครับพี่ชัช อ๊า
     “แล้วเสียวๆ แบบนี้เราไม่ชอบเหรอครับ หื้ม
     “อ๊า พี่ชัชใจร้าย อื้อ
     ผมถูกพี่ชัชรังแกอย่างหนักหน่วง พี่ชัชบ้า! ทั้งๆ ที่อยากให้ผมพูดผมก็พูดแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่ฟังกันเลย ใจจะขาดแล้วครับ มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมรู้สึกอาการบีบรัดของตัวเองที่มันเกิดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ อย่างกับผมจะถึงแน่ะ ผมครางดังลั่นด้วยความเสียว แต่พี่ชัชกลับไม่ยอมผ่อนปรนให้ผมเลย แต่ละจังหวะที่กระแทกเข้ามามันทั้งหนักแน่นรุนแรงแถมยังเร็วอีกต่างหาก ถ้าเอวเคล็ดผมจะสมน้ำหน้าจริงๆ ด้วย!
     โดนแบบนั้นเข้าไปไม่นานผมก็ถูกพี่ชัชพาไปเที่ยวสวรรค์เป็นรอบที่สองครับ ส่วนพี่ชัชก็เร่งสปีดตัวเองจนตามผมมาติดๆ เหมือนกัน พี่ชัชย้ำแรงกระแทกรอบสุดท้ายมาหนักจนผมกลัวห้องเครื่องตัวเองพัง! ผมรู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ในตัวผมมันกระตุกแรงมากทั้งๆ ที่ถูกห่อหุ้มไว้ ข้างหน้าก็ฟินข้างหลังก็เสียว ผมไม่องไม่อายอะไรอีกแล้วได้แต่ร้องลั่นแทบขาดใจ มันเหมือนจะตายซะให้ได้เลยครับ
     พี่ชัชไม่ได้เอาออกไปทันทีแต่ทิ้งน้ำหนักลงมาทับผมแล้วก็จูบซับน้ำตาให้ผมไปหัวเราะไป ผมทั้งเขินทั้งอายเลยทุบๆ พี่เขาไปนิดหน่อย พี่ชัชก็โอ๋ผมไปตามเรื่องนั่นแหละครับ แต่ก็แป็บเดียวเพราะต้องรีบเอาออกก่อนที่มันจะเลิกแข็งตัวไม่งั้นเดี๋ยวถุงหลุดแล้วจะยุ่ง ผมไม่อยากไปให้หมอคีบซากถุงยางออกจากก้นตัวเองหรอกนะครับ!
     ตอนที่พี่ชัชถอนออกไปจากตัวผมแล้วผมรู้สึกอย่างกับตายแล้วเกิดใหม่เลยครับ มันโล่งไปหมดทั้งตัวเลย สบายตัวครับ


ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     พี่ชัชจัดการตัวเองก่อนจะมาช่วยเช็ดทำความสะอาดให้ผมที่ยังลุกไม่ขึ้น เราจูบกันเบาๆ แต่เพราะผมงอนก็เลยนอนคว่ำมุดหมอนหนีครับ ก็ผมอายนี่นา เมื่อกี้ผมต้อง...มากแน่ๆ โอ๊ยอายครับ! แต่พี่ชัชแกล้งจับตรงนั้นของผม แถมยังแหย่นิ้วเข้าไปด้วย! ผมเลยหันไปปาหมอนใส่พี่ชัช
     “หึๆ เป็นรูโบ๋เลยต้น”
     “แล้วมันเพราะใครละครับ!”
     ผมยังพาลเลยทุบพี่ชัชไปอีกสองสามที
     “บอกให้เบาๆ ก็ไม่ยอม บอกให้ช้าๆ ก็ไม่ฟัง”
     “แล้วเราแน่ใจอ่ะว่าเราชอบแบบเนิบๆ มากกว่าแบบเร็วๆ”
     พี่ชัชพูดพร้อมๆ กับเอนตัวลงมานอนข้างๆ ผม ส่วนผมที่ถูกพูดแทงใจดำแบบนั้นก็เลยได้แต่เงียบ
     “บอกผัวซักคำว่าชอบว่าเสียวมันจะเป็นไรไปครับต้น อยากให้พี่เน้นตรงไหนใส่ลึกๆ แรงๆ ก็บอกสิ พี่ทำให้ได้ครับ”
     ผมเขินนะ พี่ชัชตรงเกินไปแล้ว! ผมกะจะมุดหนีโดยการซุกอกพี่ชัชตามเสต็ป แต่พี่ชัชกลับถอยห่างออกไปแล้วขึ้นมาคร่อมทับตัวผม จับผมเผชิญหน้ากันแทน พอหนีไปไหนไม่ได้ผมก็เลยจำใจต้องตอบ
     “ก็มันน่าอายออกนี่ครับ”
     “มีเซ็กกับพี่มันน่าอายเหรอต้น?”
     “ไม่ใช่นะครับ!”
     “งั้นแล้วจะอายอะไรล่ะ? พี่เห็นต้นมาทั้งตัวแล้ว ทำให้ทุกอย่าง พี่แค่อยากให้ต้นเปิดใจกับพี่อีกนิดไง เหมือนที่เรากล้าบ่นกล้าวีนพี่นั่นแหละ”
     “ก็มันไม่เหมือนกันนี่ ผมไม่กล้าพูดแบบนั้นหรอกครับ”
     มันน่าอายออกครับ จะให้ผมพูดอะไรแบบนั้นได้ยังไง เขินอ่ะ
     “แต่พี่อยากฟังนี่นา พี่อยากให้เราพูดแบบนั้นให้พี่ฟังคนเดียวนี่ครับ”
     พี่ชัชมองผมด้วยสีหน้าจริงจังแล้วก็จูบผมก่อนจะพูดต่อ
     “พี่รู้ว่าเรารักพี่ พี่รู้ว่าเราเต็มใจเป็นของพี่ พี่รู้ว่าพี่ทำให้เรามีความสุขได้ทุกครั้งที่พี่กอดเรา แต่พี่ก็รู้ว่าตัวเองเอาเปรียบเราไว้เยอะ อย่างน้อยๆ พี่ก็อยากบริการเราให้เต็มที่บ้าง พี่อยากให้ที่รักของพี่มีความสุขไปพร้อมๆ กับพี่ทุกครั้งนะครับ ถ้าต้นต้องการอะไรพี่ทำให้ได้หมดแหละ ไม่ต้องเขินหรอก พี่ขอแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่พี่ให้ไม่ได้”
     “ผมก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนั้นซักหน่อย!”
     “พี่รู้คร้าบ ก็เราโดนปรนเปรอซะจนติดใจแบบนี้แล้วนี่ ฮ่าๆ”
     “แล้วใครเป็นคนขอผมไว้ว่าให้ผมทนละครับ แถมยังทำแบบนั้นตั้งแต่ครั้งแรกอีก!”
     “อ้าว! สรุปว่าคืนนั้นเราก็โอเคกับพี่ใช่มั้ย? ติดใจก็ไม่บอกนะต้น ฮ่าๆ”
     “โอเคบ้าอะไรละครับ! ผมคิดอะไรไม่ออกหรอกตอนนั้น นอกจากโกรธพี่ชัชแล้วก็เสียใจ เจ็บจะตาย ผมกลัวพี่ชัชจริงๆ นะนั่น!”
     “คร้าบพี่รู้ครับว่าพี่ผิด พี่ถึงได้พยายามแก้ตัวอยู่นี่ไง ถ้าที่รักของพี่ชอบแบบไหนพี่ก็จะได้จัดให้”
     “เรื่องแบบนั้นผมจะไปรู้ได้ยังไงละครับ ไม่ได้เชี่ยวชาญซะหน่อย”
     “ก็ผู้เชี่ยวชาญอยู่ตรงหน้านี้ไงละครับที่รัก บอกผัวสิครับ อยากได้ท่าไหนผัวจะจัดให้ ไม่รู้ว่าอยากได้แบบไหนเอาง่ายๆ ก็ได้ ว่าแรง เร็ว เน้น หนัก ชอบแบบสุดๆ หรือสั้นๆ ถี่ๆ หึๆ”
     “พี่ชัชทะลึ่ง!”
     “ไม่ได้ทะลึ่งซักหน่อย พี่กำลังติวบทเรียนบนเตียงให้เราต่างหาก นี่มันเรื่องปกติของชีวิตคู่นะครับต้น พี่เป็นผัวต้น แถมโตกว่าพี่ก็ต้องสอนสิ เรื่องอะไรจะปล่อยให้เมียไปเรียนวิชากามสูตรจากคนอื่น เสียศักดิ์ศรีหมด ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์อยู่ตรงนี้ทั้งคน ฮ่าๆ”
     “ผมก็ไม่ได้อยากรู้อะไรเพิ่มซะหน่อย”
     “คร้าบๆ พี่รู้ ต้นของพี่ไม่กล้าขยับทำอะไรก่อนทั้งนั้นแหละ แค่จะสะกิดพี่ตรงๆ ว่าคืนนี้เราจะทำกันมั้ยต้นของพี่ยังไม่กล้าพูดเล้ย เอาแต่ส่งสัญญานให้พี่แปลเอาเอง ถ้าพี่แปลผิดหรือไม่เข้าใจมันจะแย่เอานะครับ เรื่องแค่นี้บอกกันตรงๆ ก็ได้ เพราะบางทีพี่ก็เดาใจต้นไม่ถูกหรอก เรื่องบางเรื่องต้นต้องบอกพี่ตรงๆ นะครับ
     เขินนะครับ พี่ชัชรู้ทันผมไปหมดทุกอย่างเลย!
     “ก็แฟนผมฉลาดนี่ครับ ไม่เห็นเป็นไรเลย”
     “หือ! เล่นงี้เลยนะไอ้ต้น ฮ่าๆ เอาเถอะๆ พี่ยอมแพ้ เมียพี่น่ารักที่สุดเลยครับ”
     พี่ชัชพูดแบบนั้นแล้วก็จูบผม เราสองคนยิ้มให้กันท่ามกลางแสงสลัวๆ ของโคมไฟ ถึงผมจะถูกพี่ชัชนอนกอดอยู่แบบนั้นแต่คืนนี้ของเราไม่จบง่ายๆ หรอกครับ พี่ชัชของผมรอบเดียวพอซะที่ไหน
 
     เป็นอันว่านอกจากคืนนั้นพี่ชัชจะพาผมไปเที่ยวสวรรค์ตั้งสามรอบแล้ว บรรดาสิงสาราสัตว์ทั้งหลายผมก็ถูกพาไปเรียนรู้หมดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเบสิคแบบหมาหรือม้าไปจนถึงเอ็กโซติกอย่างลิงหรือกวาง เกือบตายครับ! ดีที่ว่ารอบสองพี่ชัชยอมอึดอัดนิดหน่อยตอนที่ให้ผมชิมสตรอเบอร์รี่ กว่าจะนอนกันได้ก็เกือบตีสาม หมดแรงกันทั้งคู่ พรุ่งนี้ผมคงไม่เท่าไหร่ แต่พี่ชัชของผมจะขับรถไหวรึเปล่า?
     พูดแล้วก็เพลียจังเลยครับ ขอผมนอนก่อนก็แล้วกัน... ราตรีสวัสดิ์

     เช้านี้ผมตื่นสายกว่าปกติ ตอนที่ผมกับพี่ชัชลงไปทานบุฟเฟ่มื้อเช้าก็เกือบแปดโมงแล้วครับ
     วันนี้พี่ชัชกุลีกุจอบริการผมใหญ่เชียว คงเพราะเรื่องเมื่อคืนถึงได้เอาใจผมขนาดนี้ แต่อันที่จริงผมก็ไม่อยากเดินนักหรอกครับ มันยังแปล๊บๆ อยู่เลย พี่ชัชนั่นแหละผิด! บอกให้ทำแบบธรรมดาๆ ก็ไม่ฟัง ทำเอาผมระบมไปทั้งตัว!
     ผมนั่งรอพี่ชัชที่โต๊ะกับเตอร์ที่ยังทานไม่อิ่ม เพราะคนอื่นๆ หนีไปเดินเล่นกันหมดแล้ว เตอร์ลุกลี้ลุกลนมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าพี่ชัชอยู่ไกลก็เริ่มกวนผมทันที
     “พี่ต้นๆ”
     “หืม?”
     ผมจิบน้ำส้มเย็นๆ ที่พี่ชัชกดมาให้ พี่ชัชกำลังไปตักข้าวต้มให้ผมอยู่ครับ ปกติแล้วเวลาไปไหนด้วยกันแบบนี้ผมมักเป็นฝ่ายบริการพี่ชัช แต่เพราะวันนี้ผมเพลีย ทำอะไรไม่ค่อยไหว พี่ชัชเลยเป็นฝ่ายบริการผมแทน
     “ตกลงเมื่อคืน พี่ต้นกับอาชัชใช้กล่องไหน?”
     ให้ตายเถอะ! ผมแทบสำลัก เตอร์มาถามอะไรแบบนี้! ผมพูดอะไรไม่ถูกได้แต่หน้าแดงเมื่อคิดถึงคำตอบว่า “ใช้ทั้งคู่” แต่เอ๊ะ! แล้วผมจะไปตอบคำถามเตอร์ทำไม? ยิ่งคิดก็ยิ่งเขินครับ ไม่ใช่สิ! ผมควรจะดุเตอร์ต่างหาก ผมควรจะนึกคำพูดดีๆ ซักประโยคเอามากำราบเจ้าเด็กบ้านี่!
     “มันใช่เรื่องของเด็กมั้ย?”
     พี่ชัชโผล่มาจากไหนไม่รู้แล้วก็เคาะหัวเตอร์เบาๆ
     “ป๊าดโธ่! อาชัชเปิ้นก็เป๋นป้อจายเน้อ จะอายอะหยัง”
     “สูเป๋นละอ่อนน่อย บ่าดีอู้เฮื่องนี้ก่ะ”
     “ทำเป๋นอู้ก่ะ เปิ้นฮู้เน้อ อีป้อตึงเล่าหื้อเปิ้นฟังเลาะ อาชัชไปแอ่วหาแม่ญิงบ้านแม่ยิ่งต๋อนอายุได้สิบสี่คือกั๋น ป้อแม่เปิ้นตึงมาเอาเฮื่องถึงบ้าน ดีว่าแม่ญิงเปิ้นสลิดนัก แหมบ่อนานเปิ้นก็เอาผัวใหม่อาชัชเลยบ่อต้องไปขอเปิ้นมาแต่ง”
     ผมฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ข้อมูลใหม่นี่ก็ทำให้ผมส่งยิ้มเย็นๆ ให้แฟนผม พี่ชัชเลยได้แต่ยืนเหงื่อตกส่งยิ้มแหยๆ ให้ผมก่อนจะวางชามข้าวต้มให้อย่างเอาใจ
     “อู้ไปเรื่อยก่ะ ทานนี่ดีกว่าครับต้น กำลังร้อนๆ เชียว”
     ผมยังคงส่งยิ้มเย็นๆ ให้พี่ชัชอยู่ ส่วนเตอร์ก็หัวเราะคิกคักยักคิ้วหลิ่วตาให้อาตัวเอง
     “อยากได้อะไรเพิ่มมั้ยครับ น้ำส้ม! น้ำส้มจะหมดแก้วแล้ว พี่ไปกดมาเพิ่มให้เราดีกว่าเนอะ”
     “ไม่ต้องหรอกครับ แค่นี้ก็พอแล้ว ผมทานอะไรไม่ลงครับ”
     “โธ่ ที่รักก็...”
     “ฮ่าๆ”
     “เราก็ด้วยนะเตอร์ ไม่ต้องมาหัวเราะเลย พี่ไม่ถือเรื่องที่เตอร์แกล้งแซวพี่แบบนั้นเพราะเราสนิทกัน แต่เตอร์ไม่ควรไปล้อเล่นกับใครแบบนี้อีก เข้าใจมั้ยครับ? มันเป็นเรื่องส่วนตัว แล้วก็เรื่องพวกนั้นก็ด้วย พี่รู้ว่าเราเป็นผู้ชาย เริ่มโตแล้วก็ต้องสนใจเรื่องอย่างว่าเป็นธรรมดา แต่ว่าพี่ว่ายังไม่ถึงเวลาที่เราจะไปทำอะไรแบบนั้นกับใครนะ ยังเด็กอยู่เลย ควรจะตั้งใจเรียนมากกว่า จะเที่ยวเล่นมีแฟนบ้างพี่ไม่ว่า แต่อย่าถึงขั้นหมกมุ่นกับเรื่องอย่างว่าตั้งแต่เด็กเลย มันยังเร็วเกินไป”
     ท้ายประโยคผมหันไปจิกตาใส่พี่ชัชนิดหน่อย เล่นเอาพี่ชัชหน้าเสีย
     “ทีหลังรบกวนคุณอาชัชช่วยทำตัวดีๆ ด้วยนะครับ ผมไม่อยากให้เตอร์เสียคนเพราะเลียนแบบพฤติกรรมแย่ๆ ของคุณอา!”
     “ฮ่าๆ”
     แทนที่จะสลด พี่ชัชกลับหัวเราะผมซะงั้น แถมเตอร์ก็ผสมโรงด้วย
     “หัวเราะอะไรกัน สองอาหลานนี่”
     “ปล๊าว! พี่ก็แค่ดีใจที่ต้นเอ็นดูหลานพี่ขนาดนี้”
     “พี่ต้นๆ ขนาดแม่ยังไม่เคยพูดงี้เลยรู้เปล่า มีแต่ย่าอ่ะที่ชอบดุผมแบบนี้ หาว่าผมเหมือนอามากกว่าพ่อ บ่นผมทุกทีเลย มิน่าล่ะ ย่าถึงชอบพี่ต้นทั้งๆ ที่พี่ต้นเป็นผู้ชาย พี่ต้นโคตรเหมือนย่าเลย!”
     “บ้า อย่ามาว่าพี่แบบนี้นะเตอร์!”
     “แฟนอาชัชคนนี้น่าฮักขนาด อย่าหื้อเปิ้นหลุดมือไปเน้อ เปิ้นมักอาสะใภ้คนนี้คนเดียวหนา”
     “สูบ่าต้องอู้อะหยังอากะคึดจะอั้นอยู่ละเลาะ”
     หัวเราะชอบใจอย่างเดียวไม่พอสองคนนี้ยังทำท่าแปะมือใส่กันอีก ทะเล้นถอดแบบกันมาเปี๊ยป!
     “สองอาหลานนี่พูดอะไรก็ไม่รู้ พอเลยครับ รีบทานจะได้รีบไปเที่ยวกันต่อ ออกสายเดี๋ยวแดดร้อนหรอกครับ เราก็ด้วยเตอร์ เสร็จแล้วก็ไปตามพ่อเราได้แล้ว”
     ผมละหวั่นใจจริงๆ คิดถูกหรือคิดผิดครับเนี่ยที่อนุญาตให้เตอร์มาอยู่ด้วย เกิดมาอยู่แล้วได้นิสัยแย่ๆ ของพี่ชัชไปเพิ่มอีกผมจะทำยังไง ผมจะเอาเตอร์อยู่เหรอครับ ทะเล้นขนาดนี้ แถมคุณอาตัวดีก็ดูจะให้ท้ายหลานอีก น่ากลัวจริงๆ ครับ
     ผมตัดสินใจแล้ว เพื่อพี่ศักดิ์กับพี่นา ผมจะต้องดัดนิสัยเตอร์ให้ได้ จะต้องไม่ให้เตอร์โตไปเหมือนพี่ชัชเด็ดขาด!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



 :mew3: ปิดหน้าปิดตาแล้วพูดกับคนอ่านว่า "อายจัง ขออภัย มือใหม่หัดเขียนนิยายวาย เลยบรรยายฉากกินตับไม่เก่ง"  :ling2:
เค้าพยายามแล้ว แต่ไม่ถนัดอ่ะ ไม่ไหวจริงๆ ยิ่งเขียนแบบบรรยายผ่านตัวละครด้วย มันก็เลยต้องเล่าแบบต้นน้ำ แล้วพอองค์ต้นน้ำลง จะให้มาพูดอะไรชัดๆ เล่าทุกอย่างมันก็เลยเป็นไม่ไม่ได้เพราะฮีแอ๊บ ฮีขี้อายอ่ะ เลยเขียนได้แค่นี้

แต่พยายามสื่อถึงความอบอุ่นของคนรักกันเวลาเมคเลิฟมากเลยนะ อยากให้คนอ่านๆ แล้วได้อารมณ์ของคู่รักจริงๆ อ่ะ อยากให้เป็นฉากคู่รักบ้านๆ มากกว่าฉากขายความเรท อ่านแล้วชอบกันมั้ย? ได้อารมณ์พอยัง? หรือมันยังไม่หวานพอ? คนแต่งกลัวเขียนออกมาไม่ดี
ปมเรื่องเซ็กทอล์ก พี่ชัชก็พยาย๊ามพยายามสอน น้องต้นก็ยังเขินอยู่นั่นแหละ เฮียแกชอบแบบนั้นแหละแต่เมียดั๊น... แล้วมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น หึๆ จะปราบเสือได้แค่ความดีอย่างเดียวมันไม่พอหร้อก!
แต่น้องเตอร์แสบมาก ฉายแววหื่นตั้งแต่เด็ก พี่ต้นระวังน้า เฮียชัชอย่าเผลอ!  :-[


***เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย***

   
"เอ็กซ์ไซตา" คือถุงยางอนามัยรุ่นหนึ่งของ D---x
มุขที่พี่ชัชพูด "ไม่เอาอ่ะ ยี่ห้อนั้นพี่ใส่แล้วคับว่ะ" แล้วน้องต้นพูดว่า "อย่ามาแหลครับพี่ชัช ต่างกันแค่มิลเดียวมันไม่ต่างกันมากนักหรอก" นั่นก็เพราะเอ็กซ์ไซตามันขนาด 53 มม. ส่วนสตรอเบอรี่อีกยี่ห้อขนาด 52 มม. และเป็นยี่ห้อที่ขายใน 7 ทั้งคู่ (จริงๆ เริ่มมียี่ห้อเพลย์บอยมาขายแล้วด้วยแต่มีเฉพาะขนาดปกติ)

ส่วนยี่ห้อที่พี่ชัชชอบใช้สั่งจากเน็ทบ่อยๆ แต่น้องต้นบ่นว่าแพงก็คือยี่ห้อที่มีสโลแกนว่า 003 ส่วนยี่ห้อที่มีตัวย่อว่า SO นั้นโฆษณาว่าบางที่สุดในโลก 0.02  (ถ้าอยากลองสามารถซื้อได้ตามร้านดรักสโตรใหญ่ๆ อย่างบูทส์ วัตสัน ซูรูฮะ โลตัส)
เฮียแกใส่สบายๆ ที่ไซส์ 53-54 มม. (49 มม.พี่ชัชแกบอกว่าไม่ได้จริงๆ) แต่ปลื้มสองยี่ห้อด้านบนเพราะความบาง ซึ่งขนาดไซส์ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับความยาวนะ มันเกี่ยวกับความอ้วน! แต่คนเข้าใจผิดกันเยอะ การแอ๊บใส่ถุงขนาดใหญ่กว่าอุปกรณ์จนหลวมไม่ดีหรอก มันไม่ได้ช่วยป้องกันอะไรเลย สารคัดหลั่งในร่างกายมีโอกาสหลุดรอดแลกเปลี่ยนกันได้นะ ดีไม่ดีหลุดทิ้งไว้ในร่างกายอีกฝ่ายอีก ซวยนะเธอว์!
แถมรูปที่เราถ่ายได้จากสนามบินตอนไปรับคน มันหล่นอยู่ตรงนั้น แม่บ้านคงนึกว่าถ้วยปีโป้ยี่ห้อใหม่ที่มีคนกินทิ้งไว้เลยไม่เก็บ แบบว่า เปิดใช้แล้วด้วยนะเออ ทำไมมันไปหล่นอยู่ตรงนั้นวะ!
*แพ็กเก็จของS-----O------- ไม่ใช่ซองนะจ้ะ แต่มาเป็นถ้วย เปิดฝาครอบได้เลย เขาบอกว่าใช้สะดวกอารมณ์ไม่สะดุด*


แล้วคนแต่งมานั่งพล่ามอะไรเนี่ย? ไหนบอกนิยายดราม่าไง!  :katai1:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 5

ขอบคุณที่รักกัน

     ปีใหม่นี้แทนที่จะได้ฉลองการคบกันครบรอบหนึ่งปีตามลำพังแค่สองคน ชัชชัยกลับต้องลำบากจองตั๋วเครื่องบินพาต้นน้ำบินไปเที่ยวปีใหม่กับญาติจากบ้านเกิดตามคำสั่งโดยฝีมือบงการของมารดา แม้ตอนแรกชายหนุ่มตั้งใจจะบ่ายเบี่ยงอ้างงานยุ่ง แต่ขึ้นชื่อว่าแม่มีหรือจะไม่รู้ทันลูก นางรู้ไต๋บุตรชายคนเล็กหันไปล็อบบี้เอากับสะใภ้คนเล็กที่ได้แต่ก้มหน้าก้มตารับคำไม่กล้าหือไม่กล้าอือ
     ต้นน้ำไม่เคยขัดใจมารดาของเขาสักอย่าง แม้ใจหนึ่งจะรู้สึกดีที่เห็นทั้งคู่ปรองดองกัน แต่อีกใจหนึ่งชัยชัชก็เริ่มรับรู้ถึงความลำบากที่ก่อตัวขึ้น แม่กุมจุดอ่อนของเขาไว้ได้เสียแล้ว!

     ดังนั้นโปรแกรมฉลองในปีนี้จึงกลายเป็นโปรแกรมเที่ยวไปแทน ทั้งคู่แพ็คกระเป๋าไปแต่ตัวแล้วไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ เอาดาบหน้า นัดให้พรรคพวกมารับพวกเขาที่สนามบินแล้วมุ่งหน้าสู่แหล่งท่องเที่ยว พวกเขาตั้งใจว่าจะไปเที่ยวภูกัน เพราะมารดาของเขาเกิดอยากจะไปสัมผัสแม่คะนิ้งกับสายหมอกบนยอดดอย แต่เพราะฉุกละหุกจึงจองได้แต่ลานกางเต็นท์ ทว่านั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ครอบครัวเขาเป็นขาเที่ยวอยู่แล้ว ทุกชีวิตพร้อมลุยเต็มที่ทุกรูปแบบ จะมีก็แต่เด็กหนุ่มคนข้างตัวนี่แหละที่เขาห่วง เขาไม่อยากพาคนรักไปลำบากแต่ขัดใจแม่ไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าที่ต้นน้ำยิ้มๆ แล้วตอบตกลงไปเที่ยวปีใหม่กับมารดาของเขานั้นเด็กหนุ่มเต็มใจจริงๆ หรือเพียงเพราะแค่อยากเอาใจ
     แต่แล้วสีหน้ายิ้มแย้มสดใสของต้นน้ำในยามที่นั่งกระบะท้ายเคียงคู่กับเขาและญาติคนอื่นๆ ก็ทำให้เขาหมดห่วง เด็กหนุ่มคุยเล่นกับหลานชายเขาอย่างอารมณ์ดี ส่วนพี่เขยของเขาก็นั่งหลับไม่แคร์แรงปะทะจากสายลม แม้ในตอนแรกเขาจะเป็นห่วงแต่ดูท่าต้นน้ำชินกับทัวร์ทรหดของแม่เขามากขึ้นเรื่อยๆ ชัยชัชมองเด็กทั้งสองคุยเล่นกันเพลินๆ โดนแรงลมขับกล่อมได้สักพักก็เริ่มอยากจะไปเฝ้าพระอินทร์ตามพี่เขยของเขา

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     “คิดอะไรอยู่เหรอครับ?”
     “ยังไม่นอนเหรอต้น”
     “แล้วพี่ชัชละครับทำไมยังไม่นอนอีก นั่งอยู่คนเดียว คนอื่นเขาเข้าเต็นท์นอนกันหมดแล้วครับ”
     ชัยชัชยิ้มให้กับต้นน้ำที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เขามองคนรักที่หนาวจนหายใจเป็นควันแล้วก็นึกเอ็นดู เขากับต้นน้ำอาศัยอยู่ร่วมกันได้สักพักแล้ว มารดาของต้นน้ำย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศแล้วเรียบร้อย การได้อยู่ร่วมกันทำให้เขาหลงรักเด็กหนุ่มมากยิ่งขึ้น เด็กหนุ่มช่วยเติมเต็มชีวิตคนโสดของเขาให้อบอุ่นด้วยความรัก ถ้าเพียงแต่... ชัยชัชได้แต่ทำใจยอมรับความขี้อายของแฟนตน ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ ไล่ความคิดพิเรณท์ในหัว แล้วยกมือที่ถือกระป๋องเบียร์ค้างไว้ก่อนจะตอบ
     “พี่จัดการนี่อยู่ ต้นจะมาช่วยพี่มั้ยล่ะ หึๆ”
     “ไม่เอาด้วยหรอกครับ”
     ต้นน้ำทิ้งตัวลงนั่งเคียงข้างเขาพลางตอบปฏิเสธ ชัยชัยรู้อยู่แล้วจึงหัวเราะขึ้นเบาๆ พลางเย้าต่อ
     “ไม่เอาซะหน่อยเหรอ หนาวนะ จะได้หลับสบายๆ ไง”
     “ไม่เอาหรอกครับ อื้อพี่ชัช!”
     “จุ๊ๆ ดึกแล้ว คนอื่นเขานอนกันหมดละต้น”
     ชัยชัชว่าพลางรวบตัวคนรักเข้ามากอด
     “ก็ ... ก็พี่ชัชก็อย่าเล่นอะไรแบบนี้สิครับ เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก ปล่อยนะครับ”
     “ก็มันหนาวนี่ ขอกอดหน่อย”
     ชัยชัชกระชับวงแขนพลางจรดจมูกลงบนแก้มขาวๆ สูดดมกลิ่นพีชอ่อนๆ ที่ทำให้เขาแทบคลั่ง ต้นน้ำต่อต้านเขาด้วยความเขินอายตามเคย
     “พี่ชัช ผมอายคนเขา”
     “ดึกป่านนี้จะมีใครมาเห็น แถวเต็นท์ดิคนตรึม”
     “ดึกก็ไปนอนเถอะครับ พรุ่งนี้แม่เขาบอกว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันไม่ใช่เหรอครับ”
     “อ๋อ ที่มาตามพี่นี่เพราะไม่อยากนอนคนเดียว? หึๆ”
     แม้จะมืดมีเพียงแสงไฟจากตะเกียงวับๆ แวมๆ แต่ชัยชัชก็สังเกตเห็นใบหน้าขึ้นสีระเรื่อของต้นน้ำได้ แฟนเขาทั้งเรียบร้อยทั้งขี้อายแถมยังปากหนักอีกด้วย เห็นแล้วก็พาลอยากแกล้งแหย่ไม่อยากหยุด
     “เดินออกมาตามพี่คนเดียวค่ำๆ มืดๆ ระวังเถอะงูมันจะฉกเอา”
     ได้ผล ต้นน้ำตาโตหน้าตื่นหันมาถามเขาเสียงสั่น
     “ที่นี่มีงูด้วยเหรอครับ!”
     “มีสิ นี่ป่านะต้น มีงูอยู่แล้ว พิษร้ายแรงด้วย”
     “จริงเหรอครับ แล้วแบบนี้ไม่อันตรายแย่เหรอ พวกเรานอนเต็นท์กันด้วย ถ้าเกิดมันกัดแล้วจะทำยังไงละครับ เจ้าหน้าที่เขามีเซรุ่มเหรอ ทางขึ้นลงเขาก็ลำบาก”
     เอาอีกแล้ว แฟนเขาสติแตกอีกแล้ว พอได้เห็นอาการกังวลจนเกิดเหตุของต้นน้ำแล้วชัยชัชก็อดนึกขำไม่ได้ การอาศัยอยู่ด้วยกันทำให้เขารู้ว่าเด็กหนุ่มเป็นมากยิ่งกว่าคำว่ารอบคอบ ย้ำคิดย้ำทำน่าจะเหมาะ แฟนเขาขี้กังวลจนเกิดเหตุ วิตกจริตสุดๆ นี่ละมั้งสัญชาตญาณของเหยื่อ น่าแกล้งเป็นที่สุด
     “งูชนิดนี้ไม่ต้องใช้เซรุ่มหรอกต้น”
     “เอ๊ะ? แต่เมื่อกี้พี่ชัชบอกผมว่างูมีพิษร้ายแรงไม่ใช่เหรอครับ ตกลงมันคืองูอะไรเหรอครับ เป็นพวกสัตว์ประจำถิ่นรึเปล่า?”
     ต้นน้ำถามเสียงซื่อพลางเงยหน้ามองรอคอยคำตอบจากเขาอย่างจริงจัง ชัยชัชจึงแย้มยิ้มแล้วจรดริมฝีปากลงไปเฉลยคำตอบแทนเสียงพูด ในขณะที่ส่วนล่างของเขาก็บดเบียดเข้าแนบชิดกับด้านหลังของเด็กหนุ่ม แม้อากาศจะเย็นหนาวจนจับขั้วหัวใจแต่ตรงอวัยวะกลางหว่างขาของเขากลับขยายขนาดสวนทางกับสภาพอากาศเสียนี่ และทั้งหมดนั้นมันก็เกิดขึ้นเพราะคนตรงหน้านี้แท้ๆ เลย มีลูกแกะน่างาบอยู่ตรงหน้า หมาป่าอย่างเขามีหรือจะไม่กระหาย
     “งูยักษ์ตัวนี้ไงครับ ต้นจะยอมให้งูฉกรึเปล่าล่ะ?”
     ชัยชัชจงใจถามเสียงกระเส่า ต้นน้ำไม่ยอมตอบอะไรนอกจากก้มหน้าลงซ่อนความเขินอาย แต่เด็กหนุ่มก็ยอมให้เขากอดอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มจึงหอมแก้มเนียนๆ นั่นอีกฟอดก่อนจะยกของเหลวที่เหลือในกระป๋องขึ้นจิบ
     “อีกแปปนะครับที่รัก ขอพี่ดื่มนี่ให้หมดก่อนนะ แล้วเราไปนอนกัน”
     “ครับ”
     ต้นน้ำเชื่อฟังอย่างว่าง่ายนั่งเป็นเพื่อนเขาทั้งๆ ที่เด็กหนุ่มหนาวจนตัวสั่น ชัยชัชจึงกอดแฟนของตนแน่นขึ้นแล้วเอ่ยถามเบาๆ
     “หนาวเหรอ?”
     “ก็นิดหน่อยครับ”
     “โทษนะครับ แทนที่จะได้ฉลองกันสองคน พี่กลับพาเรามาลำบาก”
     “ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่ครับ ก็สนุกไปอีกแบบ ผมยังไม่เคยดูพระอาทิตย์ขึ้นบนดอยเลย แล้วยิ่งได้มาดูตอนปีใหม่แบบนี้ด้วย”
     “เหรอ ดีจัง พี่นึกว่าต้นจะโกรธซะอีกที่พี่ไม่ได้พาต้นไปฉลองแบบสองต่อสอง”
     “แหม ผมไม่เอาแต่ใจขนาดนั้นหรอกครับ ไม่ได้เจาะจงว่าต้องฉลองปีใหม่กับพี่ชัชสองคนซะหน่อย ถ้าพี่ชัชติดงานหรือมีธุระผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ”
     เพราะอาการกระเง้ากระงอดของต้นน้ำ ชัยชัชจึงหัวเราะเบาๆ หนึ่งขี้เหล้า หนึ่งจอมดราม่า คนทั้งสองแลกเปลี่ยนถ้อยคำรักกันอย่างแผ่วเบาในยามราตรี
     “พี่หมายถึงเรื่องของเราต่างหาก สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งปี ดีใจที่ได้รักต้นนะครับ”
     ต้นน้ำทำตาโตมองหน้าชัยชัชอย่างไม่เชื่อสายตา และแล้วเด็กหนุ่มก็หน้าแดงปลั่งไปทั้งใบหน้าด้วยความเขินอาย ชัยชัชสัมผัสได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจอีกฝ่ายที่รัวขึ้นเร็วจนเขาเองก็รู้สึกได้ผ่านวงแขนที่กอดรัดกันอยู่อย่างแนบแน่น
     “ยะ ยังไม่ถึงเวลาซักหน่อย พี่ชัชจำผิด ยังไม่เที่ยงคืนเลยครับ”
     “อ้าว เรานับตอนเที่ยงคืนเหรอ? พี่นับตั้งแต่ตอนเที่ยงวันละว่ะ ฮ่าๆ”
     “กะก็พี่ชัชเรียกผมว่าแฟนตอนนั้นนี่ครับ ก็ต้องเป็นแฟนกันวันที่หนึ่งสิ”
     แม้จะปากสั่น เขินจนหน้าแดงและไม่กล้าสบสายตาแต่ต้นน้ำก็ยังคงพยายามเถียงชัยชัชอย่างไม่ยอมแพ้
     “หือ? ไรกัน พี่บอกรักเราตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วนะ ต้นแหละเล่นตัวไม่ยอมรับรักพี่เอง ต้องให้พี่มัดมือชก”
     “พี่ชัชบ้า! ไม่เอาแล้วผมไม่อยากเถียงกับพี่ชัชแล้ว ไปนอนเถอะครับ ดึกแล้ว”
     “คร้าบๆ”
     ชัยชัชว่าพลางกระดกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวแล้วจูงมือแฟนสุดที่รักของตนเดินกลับไปยังเต็นท์ที่ทั้งสองจะใช้ซุกหัวนอนคืนนี้
     ไม่ว่าตอนนี้เข็มนาฬิกาจะชี้อยู่ที่เลขอะไรก็ตาม ชัยชัชมีความสุขที่สุดที่ได้จับมือของเด็กหนุ่มข้างกายเดินทางฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนครบหนึ่งปี แม้อากาศจะหนาวและนิ้วเรียวๆ ในอุ้งมือเขาก็เย็นเฉียบไม่แพ้กัน แต่ทว่าไออุ่นที่แพร่มาจากหัวใจเขานั้นหลอมละลายอุณหภูมิรอบตัวจนชัยชัชแทบไม่รู้สึกถึงละอองน้ำค้างเย็นจัดรอบกาย นอกจากนี้ชายหนุ่มยังส่งผ่านคลื่นความรักอันร้อนแรงนี้ไปแผดเผาต้นน้ำให้ร้อนซู่ไปทั้งใบหน้าด้วยเช่นกัน เด็กหนุ่มมัวแต่เขินจนลืมหนาว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     ภายในเต็นท์ ยังไม่ทันที่ต้นน้ำจะได้ล้มตัวลงขดในถุงนอนก็ถูกชัยชัชคว้าไปกอด ชัยชัชจัดการเปิดซิบถุงนอนออกแล้วปูคลุมทับด้วยผ้านวมอีกหลายชั้นก่อนจะกอดแฟนของตนเอนตัวนอนอยู่ภายใต้บรรดาสารพัดผ้ากันหนาวที่ทับอยู่
     “กอดกันอุ่นกว่าต่างคนต่างนอนนะ”
     “เอางั้นเหรอครับ”
     “ครับ ตัวต้นอุ่นจะตายขอพี่กอดเราหน่อยนะครับคนดี ไม่เคยได้ยินในหนังเหรอ เวลาหนาวๆ เขาต้องใช้ร่างกายให้ความอบอุ่นกันน่ะ”
     “พี่ชัชก็ เลอะเทอะแล้วครับ”
     ถึงต้นน้ำจะพูดแบบนั้นแต่ก็ขยับเข้าไปซุกอยู่ในอ้อมกอดของคนรักอย่างว่าง่าย เด็กหนุ่มนอนอิงแอบอาศัยไออุ่นจากชัยชัชอย่างเป็นสุข แต่ไม่นานนักก็ต้องมีอันต้องตื่นตระหนกเมื่อฝ่ามือของคนรักไม่ได้ตระกองกอดเขาไว้เฉยๆ แต่กลับขยำเฟ้นเนื้อเนินสะโพกของเขาอย่างได้ใจพลางเบียดแก่นกายเข้ามาถูไถอย่างบ้าคลั่ง!
     “พี่ชัช?”
     “คร้าบ”
     “ไม่เอานะครับ ไหนบอกจะนอนกันไง”
     “ตอนแรกพี่ก็ว่าจะนอนแต่มันไม่ไหวแล้วอ่ะ”
     ชัยชัชว่าพลางประกบจูบลงมาส่งลิ้นร้อนๆ คละกลิ่นแอลกอฮอล์เข้ารุกราน ต้นน้ำได้แต่อ้าปากยอมถูกชายคนรักจู่โจมเพราะไม่กล้าเอะอะเสียงดัง ชายหนุ่มจึงได้ใจจากเดิมที่ละเลงลิ้นพัวพันกันแต่ในปากก็รุกหนักลามไปขยำตรงส่วนอื่นของร่างกายอีกฝ่ายเล่นอย่างมันมือ
     “อึ๊! ไม่เอานะครับพี่ชัช นะผมขอ”
     ต้นน้ำตกใจทันทีที่ปลายนิ้วเย็นเฉียบสัมผัสเข้ากับส่วนไวความรู้สึกตรงกลางร่าง เขาอ้อนวอนชัยชัชด้วยเสียงสั่นสะท้านขอความเห็นใจ
     “แต่พี่ก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันอ่ะ ทั้งหนาวทั้งปวด โคตรทรมานเลย นะ นะครับ ต้นช่วยมันหน่อยนะ ไม่งั้นคืนนี้พี่นอนไม่ได้แน่ๆ”
     “แต่ แต่ว่า เต็นท์มันใกล้กันมากเลยนะครับ ผมกลัว...”
     “ต้นก็เงียบๆ ดิครับ”
     ต้นน้ำเม้มปากอย่างขัดใจ เสียงที่เงียบไปส่งผลให้ชัยชัชรู้ว่าแฟนของตนกำลังงอน
     “เดี๋ยวพี่ปิดให้ก็ได้ มา จูบกับพี่รับรองปากเราไม่ว่างครางแน่ๆ”
     ว่าแล้วชัยชัชก็บดจูบลงมาขนานใหญ่พลางบี้นิ้วลงบนส่วนปลายของต้นน้ำอย่างเมามัน ปลายนิ้วโป้งถูไถไปมาจนเริ่มสัมผัสได้ถึงน้ำลื่นๆ ส่งผลให้เด็กหนุ่มได้แต่ร้องอู้อี้ดิ้นพล่านก่อนจะรวบรวมกำลังผลักคนรักออก เสียงสูดจมูกสะอื้นทำให้ชัยชัชรู้ตัวว่าตนทำเสียเรื่องอีกแล้ว
     “โอ๋ ขอโทษนะคร้าบ พี่ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ มันหน้ามืดไปติ๊ด”
     พูดพลางกอด จูบพลางปลอบ ชัยชัชใช้ไม้อ่อนเต็มที่เพื่อง้อสุดที่รักของตน แม้ต้นน้ำจะแสนงอนทำสะบัดสะบิ้ง แต่ก็ยอมให้เขาโอ๋แต่โดยดี
     “นะ น้า ขอโทษนะต้น เราเองก็รู้สึกเหมือนพี่ไม่ใช่เหรอครับ เราทำกันเบาๆ ก็ได้นะ นะ”
     “แต่ผมกลัวคนอื่นได้ยินนี่”
     คำที่ออกจากปากคือกลัวคนรู้เห็น หาใช่คำว่าไม่ยอม ชัยชัชจึงแอบยิ้มอย่างยินดี เขาคิดว่าตนเองมีโอกาส
     “ก็ทำเบาๆ ไงครับ พี่สัญญาว่าพี่จะเบาที่สุดเลยเอ้า คนอื่นไม่รู้หรอกเต็นท์เราทำอะไรกัน”
     “แต่ในนี้มันไม่สะดวกนี่ครับ จะทำได้ยังไง ผม.. ผม...”
     เสียงงุ้งงิ้งของต้นน้ำที่ตอบปฏิเสธบ่ายเบี่ยงไปมาทำให้ชัยชัชชักหมดความอดทน เวลานี้เขาหน้ามืดเกินกว่าจะยอมถอย!
     “โอเคต้น งั้นเราไปห้องน้ำกันเลย ไปไกลๆ จุดกางเต็นท์ก็ได้ ไม่ค่อยมีคนด้วย รับรองไม่มีใครตามไปเห็น”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     ภายในห้องน้ำชายอันคับแคบ ชัยชัยและต้นน้ำอยู่ด้วยกันตามลำพัง นอกจากพวกเขาที่ขังตัวเองอยู่ในห้องลึกสุดแล้ว ห้องอื่นๆ ก็ไม่มีผู้คน ดึกดื่นแบบนี้เงียบฉี่ร้างคนจริงดั่งที่ชัยชัชว่า
     “ให้ผม... ให้ผมใช้ปากช่วยพี่ชัชไม่ดีกว่าเหรอครับ”
     ต้นน้ำชิงพูดขึ้นก่อนอย่างกล้าๆ กลัวๆ หากแต่ชัยชัชร้องประท้วงขึ้นอย่างเสียอารมณ์
     “โหยต้น! พี่พาเราเดินมาตั้งไกลขนาดนี้เพื่อได้แค่ปากเราเนี่ยนะ อยู่ที่เต็นท์ก็ทำได้ครับ!”
     “แต่ แต่ว่า...”
     “นะครับ พี่ขอล่ะ ยังไงวันนี้พี่ก็ต้องได้ตัวเรา อุตส่าเอามาทั้งเจลทั้งถุงแล้วเนี่ย ต้นจะกลัวไรอีก”
     “แต่ผม....”
     “นะ ต้นเองก็ต้องการเหมือนพี่ไม่ใช่เหรอครับ อย่าทรมานตัวเองเลย มีความสุขกับพี่ดีกว่า”
     ว่าแล้วชัยชัชก็ดึงร่างของต้นน้ำให้เข้ามาแนบชิดตนเองมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มเริ่มรุกต้นน้ำอีกครั้งด้วยจูบที่แผ่วเบาซึ่งแปรเปลี่ยนเป็นรุกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เขาใช้มือซ้ายโอบเอวคนรักในขณะที่ส่งมือขวาไปจัดการกับซิบกางเกงยีนส์ของเด็กหนุ่ม
     “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่นะครับ ทุกอย่างพี่จัดการเอง เชื่อใจพี่นะ”
     เพราะถูกบังคับด้วยร่างกายแถมอารมณ์ยังถูกโน้มน้าวจนต้องคล้อยตาม ต้นน้ำที่ทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่ยกมือโอบรอบคอของคนรัก เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น เขาทั้งตกใจ ทั้งกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อาจปฏิเสธความตื่นเต้นที่สั่นระริกอยู่ในอก
     คนทั้งสองคลอเคลียกันไม่นาน ชัชชัชก็รูดซิบของตัวเอง ปลดกางเกงลงเล็กน้อยพลางสวมถุงยางอย่างเร่งรีบ
     “ไม่ไหวละว่ะต้น พี่ขอใส่เลยนะ”
     แม้จะพูดแบบนั้นแต่ชัยชัชก็ยังมีสติพอจะคิดถึงคนรัก เขาดึงกางเกงของต้นน้ำลงต่ำจนเห็นบั้นท้ายขาวๆ ชายหนุ่มจับต้นน้ำหันหน้าเข้าหากำแพงก่อนจะชโลมเจลหล่อลื่นให้ สัมผัสที่เย็นยะเยือกส่งผลให้ต้นน้ำสะดุ้ง
     “อดทนหน่อยนะครับ เย็นนิดนึง แต่จากนี้ไปพี่รับรองต้นได้อะไรอุ่นๆ แน่ ของพี่มันร้อนจนจะระเบิดอยู่แล้ว!”
     เพราะต้นน้ำเริ่มครางด้วยสัมผัสจากปลายนิ้ว ชัยชัชจึงประกบปากลงไปอุดเสียงจนต้นน้ำได้แต่ร้องอู้อี้พลางแลกลิ้นเป็นพัลวัน จนกระทั่งเขารู้สึกว่าต้นน้ำพร้อมแล้วที่จะรับการสอดใส่ ชัยชัชจึงค่อยๆ ดันตัวเคลื่อนเข้าไปในร่างต้นน้ำช้าๆ จากส่วนหัวรุกคืบเข้าไปลึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบมิดโคน และทันทีที่ชายหนุ่มทำเช่นนั้นต้นน้ำก็สะบัดหน้าออกผละจากการจูบไปหายใจหอบพลางกัดริมฝีปาก เด็กหนุ่มขาสั่นจนเกือบยืนไม่อยู่ เขาไม่เคยร่วมรักกับชัยชัชแบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยถูกกระทำในท่าไม่ปกติเช่นนี้ และยิ่งไม่เคยถูกรังแกนอกสถานที่แบบนี้ด้วย!
     “อื้อ อื้ม
     ทั้งๆ ที่พยายามกัดปากแล้วแต่ต้นน้ำกลับหยุดเสียงครางเอาไว้ไม่ได้ เสียงแห่งความสุขสมเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่ถูกกัดจนห้อเลือด
     “อย่ากัดปากแบบนั้นสิครับ มาจูบกับพี่ต่อดีกว่ามาที่รัก”
     ชัยชัชรั้งเอวของต้นน้ำเอาไว้อย่างกระแทกกระทั้นพลางเชยคางบังคับให้เด็กหนุ่มหันมาจูบตอบตน ใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่พยายามกล้ำกลืนเสียงสะอื้นนั่นทำเอาอารมณ์เขาปั่นป่วนจนแทบคลั่ง
     “อา อืม
     ต้นน้ำพยายามหันหน้าหนีแต่ก็ไม่พ้น ชัยชัชส่งลิ้นอุ่นๆ เข้ามาคว้านในปากของเขาอย่างบ้าคลั่งเช่นเดียวกับที่ด้านล่างเขาก็ถูกชายหนุ่มรุกล้ำอย่างเมามัน สองขาเลยอ่อนระทวยแทบประคองตัวไว้ไม่อยู่ ร่างกายสั่นระริกอย่างไร้ซึ่งการควบคุม
     “อืม พี่ชัช ผม ผม ไม่ อ๊า
     ทันทีที่ต้นน้ำหลุดเสียงร้องออกมาร่างกายของเขาก็สั่นกระตุกตามด้วยเสียงสะอื้น เด็กหนุ่มได้รับการปลดปล่อยจากความทรมานของตนแล้ว แต่ทว่าความทรมานที่ชัยชัชจะมอบให้มันพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น!
     “อะไรกันต้น! ถึงแล้วเหรอครับ พี่เพิ่งใส่ได้แปปเดียวเองนะ”
     เสียงตกใจของชัยชัชสร้างความเขินอายให้กับต้นน้ำ เด็กหนุ่มได้แต่หน้าแดงหอบหายใจแรงพลางกลั้นเสียงสะอื้น เมื่อถูกสุดที่รักงอนหันหน้าหนี ชัยชัชจึงหอมแก้มอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
     “โอ๋ๆ พี่ขอโทษครับ พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น เรามาต่อกันดีกว่านะ”
     ชายหนุ่มอ้อนพลางจูบง้อคนงอน แต่เพราะต้นน้ำอยู่ด้านหน้าและชัยชัชอยู่ด้านหลัง เด็กหนุ่มจึงมองไม่เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายที่อีกฝ่ายเผลอทำ ชัยชัชตัดสินใจดึงเกมให้ยื้ดเยื้อ เขาต้องการมองสภาพนี้ของสุดที่รักไปนานๆ

     ต้นน้ำรู้สึกเหมือนทั้งขึ้นสวรรค์แล้วก็ลงนรกไปพร้อมๆ กัน ความเสียวที่ได้รับมันทำให้เขาแทบขาดใจ แผ่นหลังของเขาถูกดันติดกับผนังห้องน้ำอันเย็นเฉียบ ขาของเขาเกาะเกี่ยวไว้กับร่างของชัยชัชส่วนมือก็โอบรัดแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างตื่นกลัว แม้บทรักที่เกิดขึ้นจะทุลักทุเลแต่ชัยชัชก็กำลังจะพาเขาไปสวรรค์อีกรอบแล้ว เสียงครางต่ำๆ สลับกับเสียงดูดปากดังขึ้นเป็นระยะบ่งบอกให้รู้ว่าชัยชัชเองก็กำลังใกล้ฝั่งเต็มที สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ไม่มีใครเงียบได้สักคน
     “อื้ม พี่ชัช ผม อ้า
     “ครับ ที่รัก รอพี่แปปนะครับ”
     แม้จะถูกบอกให้รอแต่ทว่าก็สายไปเสียแล้ว นิ้วเย็นเฉียบจิกลงบนแผ่นหลังของชัยชัชอย่างรุนแรง ต้นน้ำซบหน้าลงกับไหล่ของชายหนุ่มพลางสะอื้นอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเห็นดังนั้นชัยชัชจึงเร่งเครื่องเต็มที่โยกจนต้นน้ำสั่นไปทั้งร่าง เด็กหนุ่มเงยหน้าวิงวอนขอความเห็นใจจากชายคนรักด้วยดวงตาฉ่ำวาว แต่กลับได้รับรอยยิ้มเป็นการตอบแทน
     “สุขสันต์วันปีใหม่นะต้น แล้วก็ขอบคุณที่รักพี่ พี่ดีใจนะครับที่เราคบกัน หนึ่งปีที่ผ่านมาพี่มีความสุขมากๆ ครับ”
     ชัยชัชจูบเบาๆ ที่กระหม่อมของต้นน้ำพลางเอ่ยอย่างอ่อนโยนโดยไม่ลดแรงกระแทกอันหนักหน่วงด้านล่างเลยแม้แต่น้อย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องต้นสมัยยังขี้อาย คาดว่าพี่ชัชคงคิดถึงเมียคนนี้หน่อยๆ
บทนี้ตอนต้นเหมือนจะหวาน ตอนกลางๆ เริ่มเลว แต่ลงท้ายก็รักเมียแหละน่ะ เหอะๆ พี่ชัชเอาแต่ใจเนาะ งี่เง่าสุดๆ เป็นตัวเอกที่ให้อิมเมจผู้ชายงี่เง่าของแท้เลย ไม่ใช่แค่ตัวละครที่ถูกเขียนให้เลวแบบแบนๆ ส่วนดีก็มีแต่ส่วนแย่ๆ ดันแย่มากจนไม่น่าให้อภัย ฮ่าๆ

แม้จะเป็นตอนพิเศษแต่ก็มีปมสะสมนะ เหอๆ  :a5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เด็กเลี้ยงแกะและลูกหมาป่า

ต้นน้ำ

      คิดไว้ไม่ผิดเลยครับว่าเตอร์ถอดแบบพี่ชัชมาเปี๊ยบ แค่สองวันที่ได้อยู่ด้วยกันหลังจากที่พี่ศักดิ์กลับไปแล้วผมก็รู้ซึ้ง เพราะพี่ชัชยกห้องอีกห้องให้ แล้วในนั้นก็มีโน้ตบุ๊คเครื่องเก่าที่พี่ชัชไม่ใช้แล้ววางอยู่ เตอร์โหลดเกมมาเต็มเลยครับ พอตอนกลางคืนก็ไม่ยอมหลับยอมนอนเอาแต่เล่นเกม ส่วนตอนกลางวันถ้าไม่หลับก็เอาแต่ดูทีวี เอาแต่ขี้เกียจอ้างว่าเหนื่อย นี่มันพี่ชัชเวอร์ชั่นเด็กกว่าที่ไม่ได้หน้าด้านเท่าต้นฉบับชัดๆ
     วันแรกก็ยังดีๆ ครับ ผมกับพี่ชัชอยู่ด้วย แต่วันที่สองนี่สิ พี่ชัชไปทำงานส่วนผมก็เอาของฝากไปให้เมษที่บ้าน เลยไม่มีใครอยู่กับเตอร์ กลับมาอีกทีกองซากขนมบนโต๊ะรับแขกเละเทะเชียวครับ วันนั้นผมเลยองค์ลง ผมดุเตอร์ไปเยอะเหมือนกัน เตอร์ก็ทำท่าสำนึกผิดนะครับ ไม่ดื้อไม่ซนไม่ต่อต้าน รีบเก็บขยะไปทิ้งตามที่ผมสั่ง แล้วก็มาอ้อนผมใหญ่ คงกลัวผมไม่พาไปงานเกมมั้งครับ
     ให้ตายเถอะ! พรุ่งนี้ผมมีนัดกับพี่ษาด้วย คงต้องพาไปด้วยกันซะละ ผมจะไม่ยอมให้เตอร์อยู่ห้องคนเดียวแล้วก็เอาแต่เล่นเกมเด็ดขาด!

     แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เตอร์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมออกมากับผม จนผมต้องเอาพาราก้อนมาล่อ บอกว่าจะพาไปเลี้ยงหนังแล้วก็ซื้อขนมให้ด้วย เตอร์เลยยอมตามผมออกมา ส่วนผมก็ต้องโทรไปขอเปลี่ยนสถานที่นัดกับพี่ษาครับ จากห้างแถวบ้านเป็นพาราก้อน
     เพื่อความสะดวกในการเดินทางผมเลยเลือกที่จะใช้บริการสาธารณะ ก็ที่พาราก้อนจอดรถลำบากจะตายครับ รถก็ติด ค่าจอดรถก็แพง เตอร์เลยบ่นใหญ่เรื่องที่ผมไม่ยอมขับรถมา ทำให้เขาต้องโหนสองแถว แต่พอผมพาขึ้นรถไฟฟ้าเท่านั้นแหละ เจ้าตัวก็ทำเป็นเก๊กทันที ทั้งๆ ที่จริงแอบตื่นเต้นพอสมควร แย่งผมหยอดเหรียญซื้อบัตรด้วย เพราะเตอร์ยังไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้าเลยครับ เจ้าตัวเลยเห่อนิดหน่อย เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำนั่นแหละครับ
     พี่ษาดูจะแปลกใจเมื่อเห็นผมพาคนอื่นมาด้วย แต่พอบอกว่าเตอร์เป็นหลานชายพี่ชัช เธอก็ยิ่งทำสีหน้าแปลกเข้าไปอีก แต่ก็สมกับเป็นคนที่ได้รับการอบรมมาดีครับ เธอยื่นไมตรีให้กับผู้อื่นอยู่เสมอ ส่วนคนที่มีปัญหาน่ะมันหลานผมต่างหาก!
     “โห เค้กก้อนหน้อยนึงอะหยังมันแปงปะหล้ำปะเหลือ!”
     “เตอร์!”
     ผมเอ็ดเตอร์ที่เผลออุทานภาษาบ้านเกิดซะดัง อายคนอื่นจังเลยครับ ผมขอย้ำว่าขณะนี้เราอยู่กันที่พาราก้อน ในร้านเค้กชื่อดังจากฝรั่งเศษ ถึงผมจะเห็นด้วยว่าเค้กที่นี่แพงมาก แต่ยังไงเราก็ควรรักษามารยาทครับ
     “ไม่เป็นไรหรอก พี่เลี้ยงเอง อยากทานอะไรก็สั่งได้เลยนะ”
     “ผมอยากกินหมดทุกอันเลยครับ แต่แพงขนาดนี้เกรงใจพี่สาวคนสวยแย่”
     “ปากหวานจังนะ ตัวแค่นี้”
     “หวานบ่อเต้าปี้สาวคนสวยหรอกคับ อยากฟังเพลงเหนือก่อ ผมฮ้องหื้อฟังได้หนา เอาเพลงพี่สาวครับของจรัลกะได้”
     ผมอยากจะบ้าตาย หลานชายผม อายุสิบสี่! แต่เริ่มออกลายเหมือนอามันเปี๊ยบเลย!
     “พี่ให้นายสั่งได้แค่สองชิ้น เค้กผลไม้ที่นี่รสอมเปรี้ยว นายติดหวานไม่ชอบหรอกเตอร์”
     คงเพราะผมเผลอพูดเสียงห้วนไปหน่อย เตอร์ที่กำลังออกอาการหลีหญิงเลยหันมามองหน้าผมแบบค้างๆ แต่พอเห็นสายตาเย็นๆ ของผมเข้าไป เตอร์ก็รีบเปลี่ยนมาอ้อนผมแทน
     “โห พี่ต้นใจร้าย ผมเป็นเด็กกำลังโตหนา”
     “สั่งเสร็จแล้วก็นั่งรอเงียบๆ เราเสียงดังจนพี่อายคนอื่นเขา”
     เตอร์ทำหน้าเซ็งนิดหน่อยก่อนจะเดินไปเลือกเค้กที่ตู้ พี่ษาเลยชวนผมคุยด้วยคำถามที่ทำให้ผมแปลกใจปนดีใจ
     “ดูต้นสนิทกับน้องเขาจังเลยนะ น่าอิจฉาน้องเขาจัง พี่เป็นพี่แท้ๆ ของต้นยังสนิทกับต้นไม่ได้ขนาดนั้นเลย”
     “สนิทอะไรกันครับ ออกแนวบ่นซะมากกว่า”
     “แต่ต้นก็บ่นเพราะห่วงไม่ใช่เหรอ ต้นเปิดใจให้ครอบครัวของแฟนต้นแล้วพวกเขาก็ยอมรับต้น แฮปปี้จะตาย พี่อิจฉาจริงๆ นะ”
     คำพูดของพี่ษาทำให้ผมรู้สึกผิดนิดหน่อย ผมควรจะทำดีกับเธอให้มากกว่านี้สินะครับ
     “คงเพราะระหว่างผมกับพวกเขาไม่มีเงื่อนไขอะไรมั้งครับ”
     “จ้ะ พี่เข้าใจ”
     เพราะผมเผลอหลุดปากไปแบบนั้น พี่ษาเธอเลยทำหน้าเศร้าๆ ตอบผม ผมนี่แย่จังเลยครับ ก็เรื่องนั้นน่ะ... มันแก้ไขอะไรไม่ได้ซักหน่อย แล้วถ้าคิดดูดีๆ ผมต่างหากที่เป็นตัวปัญหา ไม่ใช่พี่ษากับแม่ของเธอ
     “คือ ผมหมายถึงว่า คงเป็นเพราะผมกับเตอร์เป็นผู้ชายเหมือนกันมั้งครับ เลยสนิทกันง่าย พี่ษาเป็นผู้หญิง ผมเลยทำตัวไม่ค่อยถูก”
     “ไม่ต้องปลอบใจพี่หรอก ต้นยังไม่ยอมรับพี่ๆ เข้าใจ รวมถึงเรื่องที่เราเกรงใจคุณแม่พี่ก็เลยไม่ค่อยเข้าหาคุณพ่อก็ด้วย แต่วะ-”
     “มาแล้วคร้าบ”
     เตอร์เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมพนักงานเสิร์ฟกับจานที่มีเค้กชิ้นเล็กๆ เรียงกันสามก้อน ผมมองหน้าเตอร์
     “อันนั้นผมสั่งมาให้พี่ต้นไง พี่ต้นชอบสตรอเบอร์รี่ใช่ม้า”
     “บ้า!”
     ให้ตายสิ! เขินชะมัดเลยครับ เตอร์เล่นมุขซะผมพูดอะไรไม่ออกเลย จะพูดเรื่องนั้นขึ้นมาทำไมนะ
     “อ่ะแน่ะๆ อยากกินจนหน้าแดงเลยก๊ะพี่ต้น มาๆ ผมป้อนหื้อ”
     “เล่นอะไรน่ะเตอร์อายเค้า!”
     ใครจะไปรับขนมเค้กที่จ่อปากผมไว้แบบนี้ละครับ ผู้ชายสองคนมานั่งป้องเค้กกัน น่าอายจะตาย คนอื่นมองกันใหญ่แล้ว พี่สาวผมทำหน้างงไปไม่เป็น ส่วนผมก็เขินจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยครับ พอเห็นผมไม่ทาน เตอร์ก็ตักเข้าปากตัวเองหน้าตาเฉย เฮ้อ... หลานผมเจ้าเล่ห์เป็นบ้า คอยดูนะถ้าสั่งมาแล้วทานไม่หมดผมจะจัดการแน่!
     “ว่าแต่ พี่ษานัดผมมามีอะไรรึเปล่าครับ?”
     “คือ คุณแม่พี่ไปสัมนาที่สวิสมาจ้ะ แล้วก็เลยซื้อของกลับมาฝากต้นด้วย ต้นลองดูสิว่าชอบรึเปล่า?”
     พี่ษาเธอส่งถุงของฝากมาให้ผมถุงใหญ่ ในนั้นนอกจากจะมีพวกขนมกับช็อกโกแลตแล้วก็ยังมีถุงเล็กๆ ด้วยอีกหนึ่งถุง ปั้มตราโลโก้อะไรซักอย่าง หรูเชียวครับ พอผมเปิดถุงดูของข้างในแล้วก็เห็นนาฬิกาผู้ชายเรือนนึง สวยทีเดียว ถึงจะเป็นสายหนังกับตัวเรือนเรียบๆ แต่รายละเอียดบนหน้าปัดก็ประณีตมาก และคงจะแพงมากด้วย
     “มันแพงเกินไปมั้งครับ เด็กอย่างผมคงไม่เหมาะจะใส่ของหรูๆ ขนาดนี้”
     “ไม่หรอก เหมาะกับเธอดีออก ไม่แพงหรอกนะ แม่พี่ซื้อกลับมาเยอะเลยเพราะคุณพ่อก็ชอบนาฬิกาเหมือนกัน”
     “ผมใส่เรือนนี้ก็ดีอยู่แล้วครับ”
     “แต่เรือนนั้นมันเก่าแล้วนี่นา แถมยังใหญ่กว่าข้อมือเธอเยอะด้วย หน้าปัดก็ดูเทอะทะไปสำหรับข้อมือเธอ แขนต้นเล๊กเล็ก พี่ว่าเธอใส่แล้วไม่สวยเลย พี่อุตส่าห์บอกให้คุณแม่ซื้อกลับมาเผื่อเธอนะ”
     จะไม่ให้ใหญ่ได้ยังไงละครับ ก็นี่มันของเก่าของพี่ชัชที่ผมหยิบมาใส่นี่นา ข้อมือผมกับข้อมือพี่ชัชมันก็ต้องต่างไซส์กันอยู่แล้ว
     ความจริงหลังจากที่ได้ทำความรู้จักกันแล้ว ผมพบว่าพี่สาวผมเป็นแฟชั่นนิสต้าตัวแม่ครับ แม้จะไม่ถึงขนาดว่าต้องใช้ของหรูแบรนด์เนมทั้งตัวหัวจรดเท้า แต่ก็ต้องมีเทรนด์ตลอดเวลา อะไรอินอะไรเก๋พี่สาวผมเธอรู้ทุกอย่าง น่าทึ่งนะครับ ได้ข่าวว่าพวกหมอนี่เรียนกันหนักไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมพี่สาวผมยังมีเวลาไปนั่งอัพเดทเรื่องแฟนชั่นอีก? หรือเป็นเพราะว่าเรียนหมอมันเครียดครับ พี่ผมเลยต้องหาของสวยๆ งามๆ มาผ่อนคลายขนาดนี้
     “นาฬิกามันมีไว้ใช้ดูเวลาครับพี่ษา ถ้ามันบอกเวลาได้ก็โอเคแล้วครับ”
     “ใครบอก บางคนเขาก็ใส่นาฬิกาเป็นเครื่องประดับด้วยนะ ต้นเป็นเกย์แท้ๆ น่าจะใส่ใจเรื่องแต่งตัวบ้าง”
     ให้ตายสิตรรกะอะไรของเขาเนี่ย! แล้วแบบนี้ผมจะสนิทกับคุณเธอได้ยังไงละครับ ไม่ทันไรก็มาวุ่นวายเรื่องส่วนตัวผมซะแล้ว!
     “ผมแค่รักพี่ชัชแล้วบังเอิญเราสองคนเป็นผู้ชายเหมือนกันครับ ถึงการที่ผมเป็นแบบนั้นมันจะทำให้ผมเป็นเกย์ แต่ก็ใช่ว่าผมจะต้องชอบแต่งตัวอะไรทำนองนั้นเหมือนเกย์คนอื่นๆ”
     “พี่ขอโทษ พี่ก็แค่...”
     “ครับ ผมเข้าใจครับ พวกคุณอยากชดเชยให้กับผม อาจจะคิดว่าผมคงต้องลำบากมากเพราะพี่ชัชเป็นแค่เซลล์ขายยา ส่วนคุณแม่ของผมก็ไม่อยู่ที่เมืองไทยแล้ว แถมผมยังขอทุน แต่ผมขอยืนยันเลยนะครับว่าผมไม่ได้ลำบากอะไร พี่ชัชดูแลผมดีมากๆ เพียงแต่ผมไม่ชอบข้าวของฟุ่มเฟือยเองครับ”
     “แต่พี่ว่าต้นก็น่าจะแต่งตัวซะหน่อยนะ เสียดายออก ต้นออกจะหล่อ ถ้า-”
     “แล้วเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ที่ผมใส่นี่มันดูแย่มากเหรอครับ? ผมว่านัดกับคนกันเองเสื้อผ้าชุดลำลองแบบนี้ก็พอแล้วมั้งครับ หรือผมดูโทรมมากจนพี่ษาอายที่จะนั่งคุยกับผม!”
     “เปล่านะ พี่ได้ไม่... พี่ขอโทษนะต้น พี่ก็แค่... คือพี่ไม่ได้ตั้งใจ!”
    เพราะผมเผลอขึ้นเสียง พี่ษาเลยตกใจ เธอทำหน้าเลิกลั่กแล้วรีบขอโทษผม เหมือนเธอจะรู้ตัวว่าตัวเองล้ำเส้นเลยเงียบไปแล้วใช้สายตามองผมอย่างน่าสงสารแทน เจอแบบนี้ถึงผมจะยังหงุดหงิดอยู่แต่ก็โกรธไม่ลงแล้วครับ พักหลังๆ ทุกคนรู้แกวผมหมดเลย แค่ทำหน้าน่าสงสารใช้น้ำเสียงอ้อนๆ แล้วขอโทษผมก็ความโกรธหายไปกว่าครึ่งแล้วครับ
     “เอาเถอะครับ ผมเองก็ผิดเหมือนกัน ขอโทษนะครับที่เผลอขึ้นเสียงใส่พี่”
     “จ้ะ ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นพี่น้องกัน เถียงกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดาจะตาย”
     เธอพูดแบบนั้นแล้วก็ยิ้มให้ผมใหญ่ แล้วก็ลงมือหว่านล้อมผมต่อ
     ใส่เสื้อยืดของแจกจากบริษัทยามันผิดตรงไหนครับ? ก็แฟนผมเป็นผู้แทนนี่นา บางทีพี่ชัชก็มีพวกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ปั้มโลโก้บริษัทยาเอาไว้แจกหมอ ผมก็แค่... หยิบมาใช้บ้าง ไม่เป็นเป็นอะไรเลย มันมีเยอะนี่ครับ ตั้งแต่ปากกายันเสื้อผ้าเลย แล้วทำไมผมจะต้องสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุด้วย!
     ตลอดเวลานั้นเตอร์นั่งทานเค้กไปฟังผมเถียงกับพี่ษาไปโดยไม่กล้าแทรก อย่างน้อยก็ยังนับว่ารู้จักกาลเทศะครับ
     จนกระทั่งผมเถียงกับพี่ษาเสร็จนั่นแหละ ซึ่งก็ปรากฏว่าผมแพ้ลูกตื้อของเธอ ต้องรับเอานาฬิกาเรือนนั้นมาใส่จนได้ พี่ษาเธอยิ้มจนตาหยีเชียวที่ผมรับของฝากของเธอ พอเราคุยกันเสร็จเราก็แยกกัน เธอมีธุระของเธอต่อส่วนผมก็ต้องพาเตอร์ไปดูหนังตามสัญญา ผมตามใจให้เตอร์เป็นคนเลือกเรื่องและรอบ
     ผมยังแอบหงุดหงิดอยู่นิดหน่อยครับ ไม่เคยมีใครมาว่าผมเรื่องนี้เลยนะ ผมเชยจริงๆ น่ะเหรอ? เพื่อนที่คณะก็ไม่เห็นมีใครพูดอะไร... ไม่สิ ส่วนใหญ่เวลาผมไปมหาวิทยาลัยผมมักจะใส่แต่ชุดนักศึกษา หรือไม่ก็กางเกงขายาวกับเสื้อยืดโปโล เพราะมันดูสุภาพเหมาะกับสถานที่ นอกนั้นเวลาที่ผมไปไหนกับแม็กซ์ อืม... ไม่เห็นแม็กซ์จะว่าอะไรผมซักคำ ผมไม่ได้แต่งตัวแย่หรือมีสภาพเป็นลุงเชยมากขนาดนั้นซักหน่อย ถ้าผมดูแย่มากขนาดนั้นจริงๆ เมษก็ต้องพูดอะไรบ้างแหละครับ แม้แต่เมษยังไม่เห็นว่าอะไรผมเลย ผมเผลอคิดวกวนในสมองจนเกือบได้เวลาเข้าโรงเลยครับ เตอร์ต้องสะกิดผมบอกว่าได้เวลาแล้ว ผมถึงจะรู้สึกตัวแล้วก็เดินตามเตอร์เข้าโรง
     เตอร์ท่าทางดูหนังสนุกมากแต่ผมนี่สิครับเบื่อจะตายอยู่แล้ว ผู้ชายคนข้างๆ ดันคุยกับผู้หญิงที่มาด้วยกันตลอด สปอยจนน่ารำคาญสุดๆ นับถือเตอร์เลย สมาธิสูงจริงๆ เวลาที่ทำอะไรซักอย่างโดยตั้งใจมากๆ แล้วจะปิดกั้นโลกภายนอกหมดแบบนี้นี่เหมือนพี่ชัชชะมัดเลยครับ แฟนผมน่ะนะ เวลาเช่าDVDมาดูที่ห้องถ้าหนังยังไม่จบพ่อคุณไม่ยอมขยับหรอกครับ นอนอืดเป็นผีจอมขี้เกียจน่าหงุดหงิดที่สุด! แล้วพอผมเรียกละก็ พ่อเจ้าประคุณมักจะชอบอ้างหนังยังไม่จบเลย เดี๋ยวขาดตอน สารพัดสารพันจะอ้าง ทำอย่างกับเครื่องเล่นดีวีดีที่ห้องไม่มีปุ่มสต็อปซะอย่างงั้น!
     แล้วผมก็ต้องนั่งหงุดหงิดดูหนังไม่รู้เรื่องตลอดเกือบๆ สองชั่วโมง!
     “สนุกจังเลยพี่ต้น”
     “ขนาดนั้นเลย?”
     เตอร์เดินออกจากโรงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เห็นเตอร์ยิ้มแบบนี้แล้วก็อดรู้สึกสดใสตามไปด้วยได้ไม่ยากครับ ผมลืมเรื่องงี่เง่าเมื่อตะกี้ไปหมดแล้วแหละ
     “อื้ม เสียงก็กระหึ่มกว่า ภาพสามมิติก็แจ๋ว แอร์ก็เย็น ที่นั่งก็สบาย”
     เด็กน้อ... เด็ก
     “แหงสิ ราคาตั๋วแพงขนาดนั้นนี่”
     “โห ยังบ่นอีก เลี้ยงน้องแค่นี้เอง แต่ว่า ผมหิวแล้วอ่ะพี่ต้น ไปหาไรกินกัน”
     “ไร? เราน่ะทานเค้กไปตั้งสามชิ้นนะ!”
     “ก็ผมเป็นเด็กกำลังโตนี่”
     เตอร์พูดพร้อมกับทำหน้าอ้อนๆ ขอความเมตตา
     “เฮ้อ... เอาสิ ไปดูละกันว่าเราอยากทานอะไร แต่บอกไว้ก่อนนะ แพงมากพี่ไม่มีเงินหรอก”
     “เย้! ฮ่าๆ”
     “เบาๆ อายเค้า”
     เตอร์ทำท่าดีใจซะโอเวอร์จนผมอายคนแถวนั้น แถมยังเอาหัวมาไถไหล่ผมอีก เตอร์นี่ติดนิสัยชอบเดินกอดคอผมจริงๆ เลย เพราะผมตัวเตี้ยกว่าแล้วมันพอดีมือรึยังไงนะเตอร์ถึงได้ชอบลืมตัว แป็บๆ ก็กอดคอผมอีกแล้ว แรกๆ ผมก็ขยันตีแขนไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่นั่นอยู่หรอกนะครับ แต่หลังๆ ไม่ไหวครับ เดี๋ยวเผลอๆ จนผมเซ็ง เลยยอมๆ เด็กมันไป
     “พี่ต้นใจดีที่สุดเลยคร้าบ”
     ผมเดินนำเตอร์ลงไปยังชั้นล่างที่มีอาหารขาย เตอร์เดินวนดูร้านต่างๆ ด้วยความสนใจก่อนจะสะกิดผม
     “อะไร จะเอาร้านนี้เหรอ?”
     “เปล่า พี่ต้น คือ... ผมรู้สึกเหมือนมีคนตามเรามา”
     “พูดบ้าๆ”
     “จริงๆ ไม่เชื่อพี่ลองหันไปดูสิ ผู้ชายสามคนนั้นเดินตามพี่ต้นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
     พอผมหันกลับไปดูก็พบว่าเป็นคนรู้จักจริงๆ ด้วยครับ
     “ใช่พี่ต้นจริงๆ ด้วย กูบอกพวกมึงแล้ว”
     รุ่นน้องในภาคผมเองครับ ผมเคยคุยด้วยบ่อยๆ แต่เด็กพวกนี้สนิทกับแก๊งของมิวนิคมากกว่าแก๊งผม
     “หวัดดีคร้าบพี่ต้น”
     “ดี มาเที่ยวกันเหรอ”
     ผมทักตอบเด็กๆ ที่เดินมาทักทายผม แต่ละคนทำสีหน้าสงสัยสุดๆ เลยครับ สายตาทุกคู่มองไปทางเตอร์แบบไม่เก็บอาการเลย ผมว่าดูท่าข่าวเรื่องผมเป็นอะไรคงแพร่ไปไกลเกินควบคุมแล้วละครับ
     “ครับพี่ พอดีนัดกันทำงานนิดหน่อย เสร็จแล้วเลยมาหาไรกินแถวนี้ แล้วพี่ต้นละครับ”
     “พี่พาน้องชายมาดูหนังน่ะ”
     ผมเห็นพวกเด็กๆ มองไปทางเตอร์แบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ให้ตายสิ เดี๋ยวได้มีข่าวอีกแน่ๆ งี่เง่าที่สุด! รีบหนีดีกว่าครับ
     “พี่ขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกัน”
     “ครับพี่”
     พวกเราแยกออกมาซักพักแล้ว แต่เตอร์กลับมองผมด้วยสายตาประหลาดๆ แทน
     “มีอะไรเหรอเตอร์?”
     “เอ๊อะ! บ่อมีอะหยัง”
     ผมนิ่วหน้าตีแขนเตอร์เบาๆ ด้วยความหมั่นไส้
     “ทะเล้นนะเรา ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องจงใจพูดคำเมือง แถมยังแกล้งทำเสียงสูงอีก”
     “เวลาพี่ต้นอยู่กับคนอื่นเป็นงั้นตลอดเลยก๊ะ?”
     “ยังไง?”
     “ก็ไม่ยิ้ม ดูเย็นชายังไงก็ไม่รู้”
     “ก็ไม่ได้สนิทกันนี่”
     “แต่กับพี่สาวคนสวยตะกี้ก็ด้วย เขาเป็นพี่สาวแท้ๆ ของพี่ต้นไม่ใช่เหรอ? ทำไมดูห่างเหินกับเขาจัง”
     ตรงเกินไปแล้วเตอร์ แล้วผมควรจะแก้ตัวว่ายังไงดีครับ?
     “อยู่กับคนอาวุโสกว่าพี่ก็ต้องสุภาพด้วยสิ”
     “เอ๊อะ ม่ายจริงอ่ะ เวลาพี่ต้นอยู่กับแม่รึอานัน พี่ต้นยังดูผ่อนคลายมากกว่านั้นเลย แล้วทำไมพี่ต้นไม่เคยบอกเลยว่ามีพี่สาว?”
     “เรื่องมันยาวน่ะเตอร์ ไว้ว่างๆ พี่จะเล่าให้ฟัง หิวไม่ใช่เหรอ หาอะไรทานกันก่อนเถอะ อยากซื้อเค้กกลับไปด้วยรึเปล่า? ที่นี่มีเค้กอร่อยๆ หลายเจ้านะ”
     “แหมเลาะ จุ๊เปิ้นแหมเลาะ”
     ท่าทางตอนยิ้มๆ แล้วทำตาวิบวับว่ารู้ทันผมแบบนี้เหมือนพี่ชัชเลยครับ ให้ตายเถอะ! แบบนี้ผมจะเหลืออะไรให้เด็กมันเกรงใจละเนี่ย
     “จะเอาเค้กกลับมั้ย?”
     “อ๊ะ เอาคร๊าบ พี่ต้นอย่างอนดิ ไม่ล้อแล้วก็ได้ อ่ะๆ”
     งี้แหละครับเรื่องกินเรื่องใหญ่ แล้วผมก็ต้องควักเงินเกือบพันซื้อเค้กก้อนใหญ่ให้ลูกหมายักษ์ตัวนี้ แถมยังต้องพาไปเลี้ยงชุดอาหารญี่ปุ่นอีกแถมด้วยโดนัทเทพที่เจ้าตัวอยากทานนักหนาเป็นของหวานล้างปาก เชื่อเค้าเลย! เด็กอะไรกินจุจริงๆ เอาไปไว้ตรงไหนหมดเนี่ย? เตอร์แฮปปี้แต่ผมนี่สิครับ ซีด! สงสัยต้องกลับไปเบิกเงินพี่ชัชเพิ่มซะแล้ว แต่เตอร์ก็มีส่วนน่ารักเหมือนกันนะครับ ขากลับเตอร์ขอถือกล่องเค้กเอง ยิ่งตอนที่ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วรถแน่นๆ นี่เตอร์ยิ่งตลกสุดๆ ไปเลยครับ มือนึงเกาะที่จับ อีกมือประคองเค้กท่าทางระมัดระวังกล่องเค้กตัวเองสุดชีวิต กลัวหน้ามันเละ ดูแบบนี้ก็สมเป็นเด็กดีครับ เด็กที่หลอกง่ายๆ เลี้ยงง่ายแบบนี้แหละ ผมชอบ

      หลังจากวันนั้น แม้ว่าผมจะบ่ายเบี่ยงไปได้หลายวันแต่ผมก็ติดสัญญาที่ให้ไว้กับเตอร์ จำใจต้องเล่าออกไปจนได้ อย่างไรเสียเตอร์ก็เป็นหลานแท้ๆ ของแฟนผม ถือเป็นครอบครัวเดียวกันกับผมแล้ว ตอนที่เตอร์พูดแบบนั้นผมรู้สึกตื้อในอกยังไงก็ไม่รู้ครับ เกือบน้ำตาไหลแน่ะ ครอบครัวของพี่ชัชดีกับผมมากทุกคน ผมโชคดีจริงๆ
     ถึงแม้ว่าตอนที่ผมเกิดจะลำบากแต่ผมก็ยังโชคดีที่มีคุณลุง แล้วก็โชคดีที่ได้เจอพี่ชัช ได้พบกับครอบครัวของแฟนที่น่ารัก โชคดีที่พวกเขาไม่รังเกียจเกย์แบบผม แล้วตอนนี้ผมก็โชคดีที่ได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วผมยังมีคุณพ่อและญาติคนอื่นๆ อยู่อีก แล้วพวกเขาก็พยายามรับผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ผมรู้สึกดีมากๆ ครับ
     เตอร์ดูไม่แปลกใจเท่าไหร่เมื่อผมเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง เตอร์เพียงแค่มองผมแล้วก็ยิ้มอยู่นาน จนในที่สุดเมื่อผมถามเข้ามากๆ เขาก็แค่พูดออกมาว่า “สมกับเป็นพี่ต้น” ผมไม่เข้าใจเลยครับว่าเตอร์หมายถึงอะไร แต่ช่างมันเถอะครับ คิดไปก็ปวดหัว ผมเลิกคิดดีกว่า
     ผมเลิกคิดเรื่องไร้สาระแล้วหันมาตั้งใจทำกับข้าวแทน วันนี้พี่ชัชเลิกงานกลับมาเร็วครับ กลับมาตั้งแต่บ่าย แต่พี่ชัชบ่นอยากทานแกงเลียงฝีมือผม พวกเราก็เลยออกไปช็อปปิ้งกัน ได้ของสดมาเยอะเหมือนกัน สองคนนั่นน่ะสบายครับ แต่ลำบากผมนี่แหละ ไหนจะแกงเลียงของพี่ชัช ปลาเก๋าทอดของเตอร์ ผักคะน้าหมูกรอบของผม เมนูเพียบเลยครับ เพราะงั้นตอนนี้ผมก็เลยง่วงอยู่ในครัว มีเตอร์คอยเป็นลูกมือช่วยนิดๆ หน่อยๆ ส่วนพี่ชัชเข้าห้องทำงานไปแล้วครับ
     ขณะที่ผมกำลังปอกก้านคะน้าอวบๆ อยู่ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์มาจะรับแต่แล้วก็เห็นชื่อคนโทรเข้ามา เอาอีกแล้ว...  คุณปู่
     “สวัสดีครับคุณปู่”
     “อาตี๋เล็ก อาษาอีบอกว่า ลื้อไม่มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่เหรอ?”
     ทำไมมันถึงได้กลายเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะครับ? ดูท่าผมคงต้องใช้เวลาแก้ไขเรื่องเข้าใจผิดของคุณปู่ซักพัก ผมหันไปบอกเตอร์ให้ช่วยหันผักแทนผมไปก่อน เพราะผมจะขอตัวไปคุยโทรศัพท์ซักครู่ เตอร์พยักหน้าให้ผมแล้วก็จัดการกับผักบุ้งกำใหญ่นั้นต่อ ส่วนผมก็เดินเข้าห้องไปคุยโทรศัพท์ครับ
     “ใครบอกคุณปู่แบบนั้นครับ ไม่ใช่ซักหน่อย”
     แล้วผมก็ต้องแก้ตัวยาว คุณปู่ผมท่านจะให้พี่ซิกส์มารับผมไปช็อปปิ้งให้ได้ อี๋! ไปกับพี่ซิกส์น่ะเหรอครับ ไม่เอาหรอก! ขืนไปด้วยกันมีหวังถูกแกล้งแน่ๆ ครับ แต่พอผมปฏิเสธ คุณปู่ก็บอกว่าอยากให้ผมแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูดีเพราะเป็นถึงหลายชายเจ้าของร้านเพชร ถ้าแต่งตัวไม่ดีมันก็ดูไม่น่าเชื่อถือลูกค้าก็ไม่เข้าร้าน ทำอย่างกับวางแผนว่าจะให้ผมไปช่วยขายของหน้าร้านบ่อยๆ ซะงั้นแหละ ไหนยังจะอ้างเรื่องที่เวลาคุณปู่ลากผมไปด้วยเวลามีสังสรรคกับเพื่อนๆ มาบังคับผมอีก สรุปว่าอยู่ๆ ผมก็ได้เงินช็อปปิ้งเสื้อผ้ามาสามหมื่นครับ ตั้งสามหมื่น! คุณปู่บอกให้ผมซื้อสูทชุดใส่ไปงานทำนองนั้นไว้ซักตัวสองตัวด้วย พอคุณปู่วางสายไปแล้วก็เป็นพี่ษาโทรมาติดๆ กันทันที เอ๊ะ! นี่พี่ษารู้ได้ยังไงครับเนี่ย แถมพี่สาวผมยังตรงประเด็นมาก นี่เซ้นส์เรื่องเสื้อผ้าผมมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ใครต่อใครถึงได้อยากพาผมไปช็อปปิ้งจัง
     “ต้นไปซื้อเสื้อผ้ากับพี่มั้ย พี่จะได้ช่วยเราเลือกเสื้อผ้าไง”
     “ไม่เป็นไรหรอกครับ ไว้ผมไปดูเองก็ได้”
     “แต่ว่า...”
     “คือช่วงนี้ผมติดธุระน่ะครับ ยังไม่แน่ใจว่าจะว่างเมื่อไหร่ ไว้-”
     “อ๊าก!
     เสียงเตอร์ที่ร้องขึ้นดังลั่นทำเอาผมตกใจ ผมเลยตัดบทพี่ษาแล้ววางสายเธอก่อนจะรีบออกมาดูเตอร์ในห้องนั่งเล่น
     “แค่นี้ก่อนนะครับพี่ษา ผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้แล้วเดี๋ยวผมจะโทรกลับอีกที”
     แต่ตอนที่ผมมาถึงห้องนั่งเล่น พี่ชัชก็อยู่กับเตอร์แล้วครับ
     “เตอร์เป็นไรเปล่า?”
     ผมเห็นเตอร์ยืนกุมนิ้วที่มีเลือดอาบ ส่วนพี่ชัชก็กำลังห้ามเลือดให้ พี่ชัชดูไม่ตกใจเท่าไหร่ แต่เตอร์กับผมนี่สิ หน้าซีดแล้ว เลือดมันเยอะมากครับ เต็มมือเลย หยดลงบนเขียงด้วย
     “สูยะอะหยัง ยะหยังเป๋นจะอี้เลาะ?”
     พี่ชัชเอ็ดเตอร์เบาๆ แต่ก็กดผ้าก็อซลงบนบาดแผลของเตอร์ไปด้วย ผมเกลียดเลือดสีแดงแบบนี้จังเลยครับ มันชวนให้ผมนึกถึงความทรงจำที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
     “ก็เปิ้นอยากจ่วยปี้ต้นเลาะ เลยลองหั่นคะน้าดูบ่อดาย ละมันกะผะเลิดเป๋นจะอี้ โอ้ยๆ อาชัชเบาๆ ก่ะ!”
     “สำออยก่ะ ไปๆ สูไปหื้อต้นใส่ยาเต๊อะ”
     “เลือดหยุดแล้วเหรอครับพี่ชัช?”
     “ยัง แต่ไม่มากแล้วล่ะ ต้นกดไว้ก่อนนะ รีบพาเตอร์ไปทำแผลในห้องเหอะ เดี๋ยวพี่เคลียร์ตรงนี้ให้เอง”
     “แต่...”
     “ไปเถอะครับ แค่หั่นผักใช่มั้ยล่ะ เดี๋ยวพี่ทำเตรียมไว้ให้แล้วต้นค่อยมาผัดก็ได้ พาน้องไปทำแผลก่อน ตรงนี้พี่จัดการเอง”
     “ครับ”
     แล้วผมก็พาเตอร์ไปทำแผลในห้องนอน โชคดีที่แผลเรียบสนิท ถึงจะลึกแต่ก็ติดกันง่าย พอเลือดหยุดไหล ผมก็เช็ดแอลกอฮอล์ให้เตอร์ก่อนจะตามด้วยใส่ยาให้ เตอร์ร้องโวยวายนิดหน่อยเพราะความแสบ แต่นอกนั้นแล้วก็ไม่มีปัญหาครับ ดูเหมือนเขาจะหายตกใจแล้ว นิ้วชี้ข้างซ้ายของเตอร์เลยมีผ้าพันแผลแปะไว้
     พอผมออกมาจากห้อง พี่ชัชก็จัดการเคลียร์บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ไม่เหลือคราบเลือดให้ผมเห็นอีก ค่อยยังชั่วครับ เห็นแบบนั้นผมก็เลยเร่งมือทำกับข้าว ส่วนพี่ชัชก็หายาให้เตอร์ทานกันแผลอักเสบ พอทานข้าวกันเสร็จผมก็บังคับให้เตอร์รีบอาบน้ำเข้านอนโดยให้เตอร์สวมถุงมือไว้หนึ่งข้าง แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ตกดึกเตอร์ก็ปวดแผลมากจนหงุดหงิด พี่ชัชเลยแอบจัดยาที่มีฤทธิ์ง่วงนอนให้เตอร์ทานอีกหนึ่งชุด
     พวกเราผ่านคืนนั้นไปอย่างทุลักทุเลครับ ผมเองก็ถูกพี่ชัชโอ๋พอสมควรเหมือนกัน พี่ชัชกอดผมทั้งคืน ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่ความผิดของพี่ชัช เพียงแต่... ยังไงผมก็ยังกลัวอยู่ดีครับ ผมเกลียดเลือด!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     สีหน้าไอ้ต้นตอนที่เห็นเลือดดูแย่มาก ผมเห็นแล้วรู้สึกผิดชะมัดเลยครับ ถ้าไม่ใช่เพราะวันนั้นผมขาดสติต้นก็คงไม่ต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ ตั้งแต่วันนั้นผมสาบานกับตัวเองว่าจะดูแลต้นอย่างดีที่สุด
     เกือบสองปีที่อยู่ด้วยกันผมก็ไม่รู้ว่าผมดูแลมันดีที่สุดแล้วรึเปล่า? ผมพยายาม เพียงแต่... ผมเต็มที่แล้วหรือยัง? แม้แต่ตัวผมเองยังไม่กล้าสำรวจคำตอบในใจ
     ผมอาจจะเห็นแก่ตัวก็ได้ ผมรักต้นเพราะต้นมันรักผม อยู่กับมันแล้วผมสบาย ผมชอบความรู้สึกนั้น ต้นมันพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจผม แล้วผมล่ะ ผมทำอะไรเพื่อต้นบ้าง?
     เอาแค่เรื่องใกล้ตัวนอกจากตัวมันที่อยู่กับผมแล้วผมแทบไม่สนใจเรื่องเพื่อนหรือเรื่องครอบครัวมันด้วยซ้ำ ผมคิดว่าขอแค่ต้นเลือกอยู่กับผมๆ ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง เรื่องอื่นผมขี้เกียจคิด ยังไงต้นก็ไม่มีวันทิ้งผมไปไหน ต้นเป็นของตายสำหรับผม ผมกำลังเหลิงเพราะเป็นฝ่ายถูกรัก
     ถ้าวันหนึ่งมีคนที่พร้อมจะทุ่มเทให้ผมปรากฏตัวขึ้น คนที่ผมเองก็ถูกใจไม่น้อยไปกว่าต้น คนที่ตอบสนองความต้องการของผมได้มากกว่าต้น ถึงตอนนั้นผมจะยังรักต้นอยู่ไหม? ผมยอมรับว่ากลัวครับ เพราะผมรู้ว่าตัวเองเลวแค่ไหนผมถึงได้กลัว
     ยิ่งมองภาพที่ต้นช่วยทำแผลให้เตอร์ ภาพนั้นมันตอกย้ำอะไรในใจผมหลายอย่าง ต้นมันดีกับทุกคน ต้นมันรักครอบครัวผมอย่างกับครอบครัวตัวเอง แล้วตัวผมล่ะ รักทุกๆ อย่างที่ต้นมันเป็นจริงเหรอ? หลายวันมานี้ผมอดคิดไม่ได้ ยิ่งได้ใกล้ชิดกับหลานๆ ผมก็ยิ่ง... ผมอยากให้ต้นเป็นผู้หญิง
     ผมรู้ครับว่าผมเห็นแก่ตัวที่มานั่งเซ็งข้อเสียไอ้ต้นเอาป่านนี้ ไหนจะยังเรื่องความฝันของผมอีก ต้นมันทำให้ผมสบายทั้งกายและใจ มันเปรียบเสมือนบ่อน้ำเย็นชื่นใจดับร้อนให้ผม ทำให้ผมไม่ต้องกระเสือกกระสนอะไรแค่นั่งพักอยู่ตรงนั้นไปเรื่อยๆ ก็มีความสุขแล้ว แต่ผู้ชายอย่างผมบางครั้งก็อยากลองพยายามเพื่อไขว้คว้าความฝันของตัวเองนะครับ แต่ต้นมันตอบรับความฝันของผมไม่ได้สักอย่าง เพราะต้นมันไม่ใช่ผู้หญิง
     ถ้าผมอยู่กับต้น ความท้าทายต่างๆ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายในชีวิตมันก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะต้นมันไม่เคยเรียกร้องอะไร ผมยอมรับว่าบางครั้งมันก็น่าเบื่อ ชีวิตมันขาดสีสัน ดูมีความสุขไปวันๆ ขาดความเร้าใจ เพราะถึงแม้ผมจะมีกำลังใจเต็มเปี่ยม แต่ผมจะเอากำลังใจพวกนั้นไปทำอะไรละครับ ในเมื่อผมไม่ต้องกระเสือกกระสนอะไรสักอย่าง
     ผมกำลังเบื่อต้น ผมรู้ดีว่ามันฟังดูเลว ผมอยากบอกว่าผมไม่ได้เลิกรักต้น เพียงแต่... ผมเองก็ตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไรผมถึงเริ่มเบื่อชีวิตแบบนี้ ผมรู้ว่ามันฟังดูบัดซบที่มาเริ่มหวั่นไหวกับอนาคตของตัวเองเอาตอนนี้แต่ผมไม่อยากแก่ตายโดยที่ไม่มีใคร ผมอยากมีลูกมีหลาน ผมอยากมีครอบครัวที่เป็นเลื้อดเนื้อเชื้อไขของผมเอง
     ถ้าเพียงแต่ต้นจะเป็นผู้หญิงจริงๆ
     ผมนอนกอดมันทั้งคืน ผมรู้ว่าต้นมันคงอึดอัด มันไม่ชอบโดนนอนกอดแบบนี้ แต่ถ้าผมไม่กอดมันเอาไว้แล้วย้ำกับตัวเองว่ามันเป็นเมียผม ผมกลัวผมจะทำร้ายมันมากไปกว่านี้
     ความรักที่ไม่มีพันธะผูกมัดกันแบบนี้น่ากลัวเหมือนที่คนเขาว่า ผมอยากให้ต้นเอาเชือกมาล่ามผมไว้ก่อนที่ผมจะเตลิดไปไกลมากกว่านี้ ต้นดีกับผมมาก ผมไม่ควรจะทิ้งต้น แต่ผมจะห้ามตัวเองไว้ได้แค่ไหนกัน ถ้าผมเผลอวิ่งหนีแล้วต้นจะตามผมไหม? ต้นจะรั้งผมไว้รึเปล่า? เพื่อตัดปัญหาของคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ผมเลยกอดต้นให้แน่นขึ้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

      ช่วงนี้พี่ชัชยุ่งๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ อาจจะเพราะใกล้ช่วงเทศกาลแล้วด้วย ปีที่แล้วพวกเราขึ้นไปเที่ยวดอยกับบ้านพี่ชัช แต่ปีนี้เราหนีคนไปทะเลกันเรียบร้อยแล้ว พี่ชัชเลยอาจจะยุ่งเพราะต้องกลับมาทำงานชดเชยวันที่ลาหยุดไป โชคดีที่ผมยังมีเตอร์อยู่ด้วย ก็เลยไม่เหงาเท่าไหร่
     คุณปู่อยากให้ผมไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ใส่แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะซื้อแบบไหนดี ก็ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องแฟชั่นนี่ครับ แล้วก็ไม่อยากรบกวนพี่ษาด้วย ผมไม่อยากเป็นตุ๊กตาให้เธอเล่นแต่งตัวนี่นา ผมเลยชวนเมษไปช็อปปิ้งด้วยกันแทน แน่นอนว่าผมต้องหนีบเตอร์ติดไปด้วย เตอร์ที่กำลังเซ็งๆ ดีใจใหญ่เลยครับ เพราะนอกจากวันที่ผมมีธุระที่มหาวิทยาลัยกับวันที่ต้องไปหาพวกคุณพ่อแล้ววันอื่นๆ ผมมักจะอยู่ห้องอ่านหนังสือตลอด เลยทำให้เตอร์ไม่ได้ไปไหนอยู่แต่ในคอนโด ก็ผมจะพาไปด้วยได้ยังไงละครับ มันไม่ค่อยเหมาะสมนี่นา จะให้พาเตอร์ไปพบพวกคุณพ่อกับคุณปู่ด้วยมันก็แปลกๆ อยู่นะครับ แค่หน้าพี่ชัชคุณพ่อกับคุณปู่ยังไม่อยากจะมองเลย ส่วนวันที่ผมไปมหาวิทยาลัยผมก็ไปทำแต่ธุระ ทำให้เตอร์บ่นว่าเบื่อทุกวันเลยครับ แต่พอผมบอกว่าถ้าเบื่อก็ให้กลับลำปางเจ้าตัวก็ไม่ยอม จะอยู่รอไปงานเกมให้ได้ เฮ้อ เด็กน้อเด็ก...
     วันที่เรานัดกัน ผมนัดกับเมษที่สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ จะได้นั่งรถตรงเข้าไปประตูน้ำเลย ผมบอกเมษแล้วว่าหลานของพี่ชัชจะไปด้วย เมษก็ไม่ได้ว่าอะไรบอกว่าถ้าผมสะดวกเขาก็โอเค แต่พอเมษเห็นเตอร์เท่านั้นแหละครับ มารยาทันที
     “นังต้น ทำไมแกไม่บอกฉันว่าหลานผัวแกหล่อขนาดนี้!”
     “น้อยๆ หน่อย เตอร์ยังเด็กอยู่เลยนะเมษ ยังไม่สิบห้าเลย!”
     “โอ๊ย ฉันอยากเลี้ยงต้อย หล่อกว่าอาอีก รู้งี้วันนี้ฉันน่าจะแต่งตัวมาสวยๆ กว่านี้ แกนะแก บอกว่าเด็กฉันก็เลยนึกว่าตัวกะเปี๊ยก ที่ไหนได้ หล่อล่ำเสป็กเลย! สิบสี่ยังขนาดนี้โตเต็มที่จะขนาดไหนโอ้ย ไม่อยากจะคิด”
     เมษพูดพลางใช้สายตากวาดไปทั่วตัวเตอร์โดยเฉพาะตรงแถวเป้ากางเกง เพื่อนผมน่าเกลียดมาก! ออกหน้าออกตามากไปแล้ว!
     “มากไปแล้วเมษ พอๆ”
     เมษโอเวอร์แอคติ้งมากครับ เล่นเอาเตอร์หัวเราะใหญ่เลย ผมทั้งขำทั้งหมั่นไส้เมษแล้วก็หน่ายเตอร์ด้วยครับ โดนแซวแรงๆ ขนาดนั้นแทนที่จะเขินอาย ดันหัวเราะชอบใจคิกคัก ทีเมื่อสองปีก่อนยังเป็นเด็กขี้อายเดินตามผมต้อยๆ ไม่ค่อยพูดอยู่เลย พอโตแล้ว... เฮ้อ! เซ็งครับ นึกถึงหน้าอาของเตอร์ขึ้นมาทันที
     “โอ้ย คุณน้องขรา พี่รู้สึกวิงเวียนจังเลย สงสัยอากาศมันร้อน ขอยืมไหล่ซบหน่อยนะคะ”
     “พี่สาวไม่สบายเหรอครับ ให้ผมอุ้มไปนั่งม้านั่งตรงโน้นมั้ย”
     เพราะเมษตัวเล็กกว่าผมซะอีก พอไปยืนพิงอกซบไหล่เตอร์ที่สูงกว่าผม ภาพนั้นมันเลยดูเหมาะสุดๆ ผมมองเมษที่แกล้งเนียนเป็นสาวน้อยขี้โรคซบไหล่เตอร์ แล้วก็มองเตอร์ที่รับมุขทำเป็นห่วงเมษแล้วก็ยิ่งขำครับ บ้าพอกันทั้งคู่เลย แต่ก็ดีนะครับ ผมยังคิดอยู่เลยว่าเตอร์จะคิดยังไงกับเมษ โชคดีจังที่เตอร์ไม่ได้รังเกียจเมษ
     “แหม เรียกพี่สาวด้วย แบบนี้น่าให้รางวัลจังเลย”
     แน่ะ! มีเอามือเลื้อยไปลูบๆ คลำๆ หลานผมอีก แม้แต่เด็กก็ไม่เว้น! เตอร์เลยแอบสะดุ้งนิดหน่อยครับ ฮ่าๆ สมน้ำหน้ำ
     “โอ้ย ผมไม่อยากได้รางวัลอะไรหรอกคร้าบ ขืนเล่นมากกว่านี้เดี๋ยวพี่ต้นจะโกรธเอา มองตาเขียวแล้ว ฮ่าๆ”
     “ไม่มองได้ไง ก็ดูพวกนายสองคนสิ เล่นบ้าอะไร อายคนอื่นเค้า ดูสิ คนมองกันใหญ่แล้ว แรดเกินไปละนะเมษ”
     “แหม! ถึงฉันจะแรดก็แรดเปิดเผยย่ะ ไม่ได้แรดเงียบแบบแก ต๊าย! หมั่นไส้ ชาติก่อนทำบุญด้วยอะไรย๊ะ เกิดมาชาตินี้ถึงมีแต่คนหล่อๆ มาพัวพัน! เชอะ!”
     ผมจิกกัดเมษตามปกตินิดหน่อย ส่วนเมษก็ตอบโต้ผมเล็กน้อย พวกเรามักจะแซวกันแรงๆ แบบนี้เป็นประจำนั่นแหละครับ พอไปถึงประตูน้ำ พวกเราตกลงกันว่าจะไปเดินแพลตตินั่มครับ เพราะใกล้ๆ นั้นมีเซ็นทรัลเวิร์ดด้วย เผื่อหาของถูกสวยๆ ไม่ได้จะได้ไปหาของแพง
     แล้วผมก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เมษลากผมเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ได้เสื้อผ้าวัยรุ่นมาเพียบเลยครับ ผมชอบสไตล์ของเมษจังเลย ดูไม่หวือหวามาก เป็นแบบเรียบๆ แต่ก็ดูเท่ดีครับ ทั้งเสื้อยืดกับเชิ้ตแฟชั่นแล้วก็กางเกงยีนส์ด้วย ปกติผมใส่แต่ยีนส์ขากระบอกเรียบๆ แต่คราวนี้เมษซื้อพวกยีนส์ที่มีลูกเล่นแปลกๆ ให้ผมด้วย แต่ทรงมันค่อนข้างพอดีตัว เพราะเมษบอกว่าผมมีของดีก็ควรโชว์ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าหมายความว่าอะไร ของดีอะไร? เกี่ยวตรงไหนกับกางเกงยีนส์ฟิตๆ นี่? แต่ก็สวยไปอีกแบบนะครับ เอาไว้ใส่วันที่ไปเที่ยวกับเพื่อนหรือไม่ก็วันที่ไปหาพี่ษาก็แล้วกัน จะได้ไม่โดนหาว่าเชยอีก
     เพื่อเป็นการขอบคุณเมษ ผมก็เลยซื้อเดรสให้เมษด้วยชุดนึง ถึงจะราคาแพงไปหน่อย แต่แบบน่ารักมากเลยครับ พอเมษลองแล้วอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะ เพราะเมษหน้าตาน่ารักอยู่แล้ว เลยใส่ขึ้นมาก แม้ว่าพนักงานที่ร้านจะมองพวกเราแบบแปลกๆ นิดหน่อยตอนที่เมษขอลองชุด แค่เพราะเมษเป็นกระเทย แต่ไม่มีกฏว่าห้ามกระเทยลองชุดนี่ครับ ถ้าผู้หญิงคนอื่นลองได้เพื่อนผมก็ต้องลองได้สิ ลูกค้าเหมือนกันแท้ๆ
     ผมไม่เข้าใจว่าเป็นกระเทยแล้วจะใส่เสื้อผ้าน่ารักๆ ไม่ได้รึยังไงครับ เพื่อนของผมชอบสีชมพู ชอบชุดที่ติดโบว์กับระบาย ชอบผ้าลูกไม้ แล้วถึงเมษจะปากจัดนิดหน่อยแต่อันที่จริงก็นิสัยเรียบร้อยมากครับ ถ้าไม่นับร่างกายที่เกิดมาผิดเพศแล้วผมว่าเพื่อนของผมก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึงเช่นกัน เวลาที่ผมอยู่กับเมษก็ไม่เห็นจะรู้สึกว่าแตกต่างอะไรกับเวลาที่ผมอยู่กับพวกป่านเมย์แก้วเลย
     ส่วนเตอร์ก็ได้เสื้อยืดลายแปลกๆ ไปสองสามตัวครับ ก็แหม เงินมันเยอะนี่ครับ แล้วเมษก็แบบว่าต่อราคาเก่งด้วย พวกเราเลยยังใช้ไปไม่ถึงหมื่น แต่เมษก็บอกให้เก็บไว้ราวๆ สองหมื่นครับ เพราะเสื้อผ้ามียี่ห้อตัวนึงก็หลายพันอยู่ เดินจนเกือบบ่ายพวกผมก็เริ่มหิว แต่ที่ฟู๊ดฮอลคนเยอะมากๆ เลยตกลงกันว่าจะเดินไปหาอะไรทานเย็นๆ สบายๆ ในเซ็นทรัลกันดีกว่า พวกเราเดินทางไปหาของกินกันโดยไม่รู้ตัวเลยครับว่าจะเจอกับโจทย์เก่าของพวกเราที่นั่น
     ตอนที่พวกเรากำลังเดินเลือกว่าจะทานอะไรดี แถวๆ โซนร้านอาหาร ผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองกับเมษครับ ผมกับเมษสะดุ้งพร้อมกันเลย พวกเราอยากจะรีบลากเตอร์เดินหนีแต่ก็ทำไม่ทัน เพราะผู้ชายคนนั้นตรงเข้ามาหาพวกเราเร็วกว่า ผมกับเมษมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับไปยกมือสวัสดีแบบเซ็งๆ
     “สวัสดีครับพี่ซิกส์”
     “สวัสดีค่ะ”
     ถึงเมษจะยกมือไหว้แต่เสียงก็ออกอาการมากครับ แถมยังทำหน้าเบะปากอีกต่างหาก ผิดกับผมที่ยังพอคุมเสียงตัวเองให้สงบได้อยู่ ส่วนเตอร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ยกมือไหว้พี่ซิกส์ตามผมกับเมษ พี่ซิกส์ยิ้มร่าเลยครับ พี่เขารับไหว้พวกผมก่อนจะเอ่ยปากทักทาย
     “มาทำไรกันแถวนี้ แล้วนี่ใครเนี่ย? แฟนน้องเมษเหรอครับ”
     “เตอร์ นี่คนรู้จักของพี่ เขาเป็นพี่ชายของเพื่อนพี่สมัยมัธยม พี่ซิกส์ครับ นี่เตอร์หลานชายผม”
     ตอนแรกพี่ซิกส์ทำหน้างงเมื่อได้ยินคำพูดของผม แต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแปลกๆ อีกแล้ว แต่คราวนี้ผมไม่ยอมหรอกนะครับ ลองทำอะไรเตอร์ดูสิ!
     “อ๋อ หลานแฟนเราเหรอ ต้นพูดซะพี่งงเลยว่าลุงไกรแอบไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่”
     “ผมรักเตอร์เหมือนหลานชายแท้ๆ ของผมครับ รักมากด้วย”
     ผมพยายามกดน้ำเสียงลงไปเพื่อย้ำไม่ให้พี่ซิกส์คิดลองดี พี่ซิกส์อมยิ้มให้ผมก่อนจะยอมถอย
     “อิจฉาจัง อยากนับญาติกับต้นบ้างอ่ะ”
     “ถ้าไม่มีธุระแล้วพวกผมขอตัวนะครับ”
     “เดี๋ยวสิต้น อุตส่าห์เจอไม่อยู่คุยกันหน่อยเหรอ”
     “โอ๊ย คุณพี่ขา พวกหนูหิวข้าวจะตายอยู่แล้ว ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลยค่ะ ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะคะ ไปเหอะต้น น้องเตอร์”
     เป็นเมษที่ทนไม่ไหวเลยแทรกขึ้นมาตัดบทก่อนจะพยายามดึงพวกเราเดินหนีมา แต่ผมกลับถูกพี่ซิกส์ยื้อไว้ มือของพี่ซิกส์ที่จับอยู่บนแขนของผมมันแน่นอย่างกับคีม ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร พี่ซิกส์ก็ลากผมติดมือกลับไปทางที่ตัวเองเดินมาซะแล้ว
     "ดีเลย พี่กำลังทานข้าวอยู่กับเพื่อนพอดี พวกเราไปทานกับพี่ก็แล้วกัน เดี๋ยวมื้อนี้พี่เป็นเจ้ามือเอง"
     พี่ซิกส์พล่ามอย่างดีใจว่าโชคดีที่บังเอิญมาเจอกันเลยจะขอเลี้ยงข้าวผมซักมื้อ แล้วก็จะพาผมไปร้านอาหารที่ตัวเองนั่งทานอยู่กับเพื่อนโดยไม่สนใจความต้องการของผมกับคนที่มาด้วย ผมมองหน้าเมษหวังจะให้เมษช่วย แต่เมษเองก็จนปัญญาไม่รู้จะทำอะไรได้แต่เดินตามพวกเรามา เตอร์ดูงงๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า แต่พอเห็นสีหน้าของผมกับเมษก็เลยดึงแขนผมไว้อีกข้างแล้วเรียกให้พี่ซิกส์หยุด
     “ผมว่าพี่ชายปล่อยพี่ต้นดีกว่าครับ พวกผมมีร้านที่อยากกินอยู่ตรงโน้น ไม่อยากไปกับพี่ชาย”
     “อ้าว แล้วก็ไม่บอก ไม่เป็นไร ไปร้านที่พวกน้องอยากไปก็ได้ เดี๋ยวพี่โทรบอกเพื่อนพี่เอง”
     “แต่พี่ต้นเขาไม่อยากกินข้าวกับพี่นะครับ แล้วผมก็ไม่อยากให้พี่ไปกับพวกเราด้วย”
     เกิดขั้วอำนาจสองขั้วเข้าปะทะกันแบบไม่มีใครยอมใครโดยมีผมอยู่ตรงกลาง และมีเมษเป็นกองเชียร์ช่วยลุ้นอยู่ ฟังดูดีเหรอครับที่เป็นตัวเอกโดนคนมาแย่งกันแบบนี้ ใครจะชอบก็ชอบไปเถอะครับ ผมไม่ชอบ! ถูกยื้ออยู่กลางที่สาธารณะแบบนี้ผมอายเขา!
     “พี่ว่าน้องปล่อยพี่ต้นของน้องก่อนดีกว่ามั้ยครับ พี่ต้นของน้องหน้าแดงใหญ่แล้ว ยกเว้นว่าน้องอยากจะให้คนมองเราสามคนต่อไปนานๆ”
     เตอร์รู้ตัวแล้วรีบปล่อยมือจากแขนของผมแถมยังทำท่าขอโทษขอโพยผมอีก แต่พี่ซิกส์กลับยืนยิ้มอย่างสะใจในชัยชนะแล้วก็ไม่ยอมปล่อยแขนผม
     “ต้นอยากทานอะไรเหรอครับ?”
     “ผมแล้วแต่เตอร์กับเมษครับ”
     พร้อมๆ กับที่ผมตอบพี่ซิกส์ เมษก็พูดขึ้นเหมือนกันกับผม
     “หนูก็แล้วแต่เด็กมันค่ะ”
     “พี่ต้นคร้าบ ผมไม่ค่อยรู้จักร้านในห้างเลย พาผมไปดูหน่อยสิครับ”
      เตอร์เดินเข้ามาแทรกระหว่างกลางผมกับพี่ซิกส์ แถมยังเอาแขนพาดคอผมอีก ปกติผมจะดุนะครับ แต่วันนี้ผมยอม ดีกว่าต้องอยู่ใต้เงื้อมมือพี่ซิกส์ โดนเตอร์แทรกเข้ามาเนียนๆ แบบนั้นพี่ซิกส์ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยมือจากผม แล้วก็ยอมให้ผมถูกเตอร์เดินกอดคอประหนึ่งเพื่อนซี้ลากไปดูร้านต่างๆ พวกเราแกล้งเดินหาร้านอาหารไปเรื่อยๆ แต่พี่ซิกส์ก็เดินตามเรามาเรื่อยๆ เช่นกัน ผมเห็นพี่ซิกส์โทรศัพท์คุยกับเพื่อนเรื่องธุระด่วน ใจคอพี่เขาจะตามป่วนพวกผมจริงๆ ใช่มั้ยครับ!
      จนในที่สุด พวกเราก็ทนหิวกันไม่ไหวพากันเข้าร้านอาหารกระทะร้อนแบบฟาดฟู๊ดแห่งหนึ่ง เตอร์ที่ดูตื่นเต้นมากสั่งอาหารด้วยท่าทางมีความสุข ส่วนผมกับเมษบอกตามตรงว่าทานไม่ลงครับ ผมรำคาญพี่ซิกส์ ส่วนเมษก็เกลียดพวกควันเหล่านั้นเพราะมันทำให้หัวเหม็น แต่สุดท้ายพวกเราก็ตามใจเตอร์ พี่ซิกส์โชว์ป๋าเป็นเจ้ามือเลี้ยงพวกเรา ผมเองก็ไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธซะด้วยสิครับ แต่พอถึงตอนเลือกกที่นั่งเท่านั้นแหละ การแบ่งฝ่ายที่ชัดเจนที่สุดในโลกก็อุบัติขึ้น โต๊ะที่นั่งกันได้หกคนถูกพวกเราเลือกแล้วก็อัดอยู่ฝั่งเดียวกันทั้งสามคน ทิ้งให้พี่ซิกส์นั่งคนเดียวที่ฝั่งตรงข้าม พี่ซิกส์ไม่สะทกสะท้านเลยซักนิด โซฟาฝั่งผมเลยแออัดกันนิดหน่อย เพราะเตอร์เองก็ตัวโตไม่ใช่น้อยๆ ผู้ชายสองคนกับ... กับเมษอีกหนึ่งนั่งอัดกันแบบนี้ก็เกะกะกันนิดหน่อยครับ ดูเตอร์ไม่สะทกสะท้านอะไรผัดเนื้อในจานอย่างสนุกสนานเต็มที่ ส่วนผมกับเมษก็ค่อยๆ ทานกันเพราะกลัวมือไปโดนขอบร้อนๆ ของจาน
     "โอ้ย!"
     นั่นไง ไม่ทันขาดคำ เตอร์ซุ่มซ่ามซะแล้ว
     "ไหน เอามาให้พี่ดูสิ"
     "ไม่เป็นไรมากหรอกพี่ต้น"
     "งี้ทุกทีอ่ะเรา ไม่เคยระวังตัวเลย พี่บอกแล้วไงว่าอย่าใจร้อน"
     “เป็นอะไรมากมั้ย นังต้นแกรีบเอาน้ำแข็งไปประคบไว้ก่อน”
     ผมรับน้ำแข็งก้อนมาจากเมษแล้วเอาห่อกระดาษทิชชู่ก่อนประคบกับมือของเตอร์ ดีนะครับที่จานมันไม่ได้ร้อนมากจนเตอร์มือพอง พี่ซิกส์นั่งมองพวกเราแล้วก็เอาแต่ยิ้ม เตอร์เลยรู้สึกเสียหน้านิดหน่อย นี่ผมทำกับเตอร์เหมือนเด็กเกินไปรึเปล่าครับ? ก็ผมไม่เคยมีน้อง พออยู่กับเตอร์ผมก็เลยเผลอบ่อยๆ
     "พอๆ พี่ต้น ไม่ได้เป็นไรซักหน่อย กินเหอะ ผมหิว"
     เตอร์ชักมือออจากการปฐมพยาบาลของผมแล้วก็ทานอาหารหน้าตาเฉย แต่ผมเห็นนะ นิ้วชี้ที่โดนจานแอบสั่นหน่อยๆ ตอนจับตะเกียบ
     พอพวกเราทานกันเสร็จก็ได้เวลาช็อปปิ้งต่อครับ แม้ว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญอยย่างพี่ซิกส์ติดสอยห้อยตามมาด้วยก็เถอะ พวกเราเดินดูเสื้อผ้าไปเรื่อยๆ โดยพยายามเมินเสียงนกเสียงกาบางคนที่ช่วยออกความเห็นแนะนำร้านช่วยเลือกแบบและยุ่งวุ่นวายอื่นๆ โชคดีที่พวกเราเจอร้านที่เซลล์ช่วงสิ้นปีพอดี เลยได้เสื้อผ้าแบรนด์มาเยอะกว่าที่คิด
     แต่ตอนที่พวกเราจะกลับ พี่ซิกส์เป็นคนอาสามาส่งพวกเราครับ ตอนแรกพวกเราไม่มีใครอยากรบกวนพี่เขาแต่ว่าพี่แกเล่นมัดมือชกเอาของไปถือให้พวกเราซะงั้น มีของที่อุตส่าช็อปปิ้งเป็นตัวประกันอยู่ในมือพี่แกก็เลยต้องยอมให้พี่ซิกส์ไปส่งครับ ต้องเป็นตอนที่ผมให้เมษช่วยดูขนาดเสื้อให้แน่ๆ เลย ตอนนั้นเมษคงเผลอวางถุงช็อปปิ้งไว้พี่ซิกส์ก็เลยอาสามาถือของให้ ซวยเลยครับ
     แต่โชคดีที่คราวนี้ผมมีเตอร์มาด้วย แล้วในรถก็ยังมีเมษอีกคน ผมเลยบอกให้พี่ซิกส์ไปส่งเมษต่อด้วย พี่ซิกส์ก็เลยจำใจจอดให้ผมกับเตอร์ลงจากรถเฉยๆ อดตามผมขึ้นมาถึงในห้อง เป็นอันว่าจบวันอันยาวนานที่เหนื่อยแสนเหนื่อยของผมครับ จะว่าไปวันนี้ผมซื้อเสื้อผ้าใหม่เยอะเหมือนกันนะเนี่ย พอถือกันสองคนกับเตอร์แล้วพะรุงพะรังเชียว ตอนเดินช็อปมีเมษกับพี่ซิกส์ช่วยถือมันเลยดูไม่เยอะมั้งครับ อยากรู้จังว่าถ้าพี่ชัชเห็นผมใส่เสื้อผ้าพวกนี้แล้วจะคิดยังไง จะว่าไปผมไม่เคยช็อปปิ้งใช้เงินสุดเหวี่ยงแบบนี้มาก่อนเลยครับ เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ของผมเลยล่ะ
     ดังนั้นพอผมกับเตอร์ถึงห้องได้พวกเราก็เลยแยกย้ายกันพักผ่อน พอเตอร์ถึงห้องก็รีบกระโดดขึ้นเตียงนอนหลับไปแล้วละครับ เด็กอะไรขี้เกียจจริงๆ แต่ผมเองก็รู้สึกเหนื่อยๆ ขอพักซักครู่ก่อนแล้วกัน ไว้ค่อยลุกมาทำอาหารเย็นอีกทีตอนค่ำๆ เพราะว่าตอนกลางวันเตอร์ทานไปขนาดนั้นแถมพี่ซิกส์ยังเลี้ยงไอศกรีมก่อนกลับอีก หวังว่าเตอร์คงยังไม่หิวง่ายๆ หรอกนะครับ
     วันนี้เราอยู่ตามลำพังกันสองคนครับ พี่ชัชออกต่างจังหวัดอีกแล้ว ผมอดยอมรับไม่ได้นะว่าการมีเตอร์มาอยู่ด้วยมันก็ช่วยให้ผมคลายเหงาไปพอสมควร อยากให้พี่ชัชกลับมาเร็วๆ จัง ถึงยังไงเตียงนี่มันก็กว้างเกินไปสำหรับนอนคนเดียวจริงๆ แม้ปลอกหมอนกับผ้าปูจะมีกลิ่นของพี่ชัชอยู่แต่ความรู้สึกมันก็ไม่เหมือนกับการได้สัมผัสตัวกันจริงๆ หรอกครับ ผมคิดถึงอ้อมแขนแข็งๆ ของพี่ชัชเป็นบ้าเลย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ Sbatandty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
พี่ชัชเลวไปมั้ย ขออย่าให้มีอะไรเลย ต้นรับไม่ไหวหรอ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     ในที่สุดก็ถึงวันที่เตอร์รอคอยครับ เด็กขี้เกียจอย่างเตอร์ยอมลุกตั้งแต่หกโมง เกือบจะลากผมออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงดี ให้ตายเถอะ ในงานเกมมันมีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นครับ ปกติงานพวกนี้เขาเปิดกันสิบโมงสิบเอ็ดโมงไม่ใช่หรือไง? แถมเพราะงานมันจัดไกลมาก เดินทางลำบาก ผมก็เลยต้องขับรถพาเตอร์ไป ผมไม่ได้ขับรถนานแล้ว แอบกลัวเหมือนกันนะครับเนี่ย ไม่มั่นใจเลยครับ
     ลงท้ายผมก็ถึงสถานที่จัดงานได้โดยสวัสดิภาพ แม้ว่าจะเสียเวลาหลงทางอยู่เป็นชั่วโมง เดือดร้อนเตอร์ต้องโทรหาเพื่อนรุ่นพี่เพื่อถามทาง แต่ตอนที่เตอร์ส่งโทรศัพท์ให้ผมคุย ผมว่าผมคุ้นๆ เสียงนั้นนะครับ
     ผมอุตส่าคิดว่าตัวเองเตรียมพร้อมดูเส้นทางมาจากในเน็ทแล้วเชียว แต่ผมลืมไปว่าบางทีเส้นทางมันก็ปรับเปลี่ยนกันได้ โดยเฉพาะพวกแยกที่ห้ามเลี้ยวห้ามยูเทิร์นบังคับเลี้ยวทำนองนั้น เดาใจจราจรไม่ถูกหรอกครับ เพราะฉะนั้นกว่าผมจะมาถึงงานได้ก็รู้สึกแย่พอสมควร อกสั่นขวัญแขวนไปหมดเลยครับ แต่ผมไม่กล้าบอกเตอร์หรอกนะ กลัวเตอร์ตกใจถ้ารู้ว่าผมพาหลง ก็ผมไม่ได้ขับรถบ่อยๆ จนเชี่ยวชาญเรื่องถนนหนทางเหมือนพี่ชัชนี่ครับ แต่ต้องนับถือเตอร์เลยที่ฉลาดและแก้ปัญหาเก่งมากๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเตอร์บอกให้ผมจอดรถแล้วตัดสินใจโทรถามทางป่านนี้คงหลงไปไกลกว่านั้นแล้ว
     พอผมหาที่จอดรถได้ เตอร์ก็แทบจะลากผมตรงไปยังทางเข้างาน เตอร์ยื่นบัตรเข้างานให้ผมหนึ่งใบ แล้วก็ขอตัวไปซื้อบัตรเข้างานของตัวเอง ผมพึ่งรู้ว่างานแบบนี้ต้องซื้อบัตรเข้างานด้วย ราคาแพงเอาเรื่องเหมือนกันนะนั่น กับอีแค่งานเกมทำไมถึงเก็บค่าเข้างานเป็นร้อย? แต่ผมไม่กล้าบ่นหรอกครับ แต่เห็นสีหน้าเตอร์ที่ยิ้มจนแก้มปรินั่นก็ดุไม่ลงแล้ว แต่หน้าบานได้ไม่นานเท่าไหร่ก็จ๋อยครับ ผมเห็นเตอร์บ่นเซ็งที่ไปลงทะเบียนอะไรซักอย่างไม่ทัน ผมมารู้ทีหลังว่าเขามาลงทะเบียนซื้ออุปกรณ์เกมราคาชิ้นละหนึ่งบาทกัน ก็น่าเสียดายจริงๆ นั่นแหละครับ เห็นเขาว่ากันว่าคนที่มาคนแรกมารอตั้งแต่ตีสี่แน่ะครับ เชื่อเขาเลย! แต่สิ่งที่เหลือเชื่อมากไปกว่านั้นคือเม้าส์กับคีย์บอร์ดบ้าอะไรราคาอันละหลายพัน! ผมจะเป็นลม!
     ในงานเสียงดังมากจนผมรู้สึกรำคาญ แสงสีเสียงดังสนั่นวูบวาบลายตาไปหมดเลยครับ พวกแต่งตัวแปลกๆ เดินกันให้ควั่ก ผมนึกว่ามีแต่พวกพริตตี้งานเกมซะอีก แต่เตอร์บอกผมว่าเขามีประกวดคอสเพลย์ด้วย ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจกลุ่มคนที่เรียกว่าคอสเพลย์มากเท่าไหร่ คงประมาณคนที่แต่งตัวเลียนแบบการ์ตูนใช่มั้ยครับ? เพราะเสียงมันดังมาก ผมก็เลยฟังที่เตอร์อธิบายรู้เรื่องบ้างไม่ได้ยินบ้าง แต่ที่ผมรู้แน่ๆ ก็คือระดับความโป๊ของพริตตี้งานเกมนี่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่างานมอเตอร์โชว์เลยครับ แต่ละบูธขนพริตตี้ในชุดวาบหวิวมาเรียกลูกค้ากันสุดๆ ตากล้องหื่นกามก็ทั้งถ่ายช้อนถ่ายซูมน่าเกลียดเป็นบ้าเลยครับ แถมหลานผมยังทำเนียนเอามือถือไปยืนถ่ายกับเขาด้วยเหมือนกัน! ถ้าผมรู้ว่างานเกมมีอะไรแบบนี้นะ ผมไม่พาเตอร์มาหรอก!
     ผมได้แต่เดินตามเตอร์เข้าบูธโน้นออกบูธนี้ไปเรื่อยๆ บางบูธก็มีคนต่อแถวกันยาวมากครับ คนแน่นมากๆ แน่นอนว่าหลานชายผมก็เป็นหนึ่งในนั้น มีของแจกกี่บูธกี่แถวหลานผมเก็บหมด! ถุงปั้มตราโลโก้ลายเกมต่างๆ มีกี่แบบเตอร์ไม่พลาดซักแบบ พอผมถามว่าจะเอาไปทำไมเยอะแยะ เตอร์ก็บอกว่ามันเป็นของพรีเมี่ยมครับ ต้องสะสม ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าจะสะสมไปทำไม? จะถุงไหนๆ ถ้ามันใช้ใส่ของได้ก็คือถุงน่ะแหละครับ แล้วถุงกระดาษอาบมันแบบนี้ใช่ว่าจะใช้ทน ผมว่ามันก็คือๆ กันกับถุงแจกของบริษัทยานั่นแหละ
     ระหว่างที่ยืนรอต่อแถวเป็นเพื่อนเตอร์ผมก็มองไปเรื่อยๆ จนสะดุดตาเข้ากับป้ายโปรโมชั่นในบูทของเกมนี้ พอดูรายการแล้วผมก็ต้องตกใจ ทำไมแพงจังเลยครับ? บางอันเกือบพันแน่ะ! ขายได้เหรอครับนั่น? ผมเห็นบางคนยังเป็นแค่เด็กประถมด้วยซ้ำ เด็กพวกนั้นเอาเงินมาจากไหนกันนะ แล้วพวกคนที่กล้าเติมเงินในเกมเป็นพันๆ นี่คิดยังไง เป็นผมๆ ไม่กล้าทำแน่ๆ ครับ ตอนเด็กๆ แม่ผมทำงานเหนื่อยแทบตายกว่าจะได้เงินมาผมไม่กล้าใช้สุรุ่ยสุร่ายหรอก ยิ่งตอนนี้ผมอยู่กับพี่ชัช ผมก็เห็นว่าพี่ชัชต้องทำงานหนักขนาดไหน ผมไม่กล้าใช้เงินไปกับเรื่องไร้สาระหรอกครับ
     “เตอร์ เราเติมเงินในเกมด้วยรึเปล่า?”
     เตอร์ดูจะแปลกใจที่ผมชวนคุย สีหน้าของเตอร์เลยดูประหลาดๆ ทั้งแปลกใจ ทั้งอึดอัด จนในที่สุดก็อ้อมแอ้มตอบออกมา
     “ก็มีบ้าง นิดหน่อยน่ะพี่ต้น”
     “แล้วเราเอาเงินมาจากไหน”
     “ก็เก็บจากค่าขนมที่เหลือไง”
     เตอร์รีบชิงตอบผมก่อนที่ผมจะเทศน์ยาว
     “โห พี่ต้นไม่ต้องห่วงหรอกคร้าบ ผมไม่ได้เติมเยอะถ้าจะเติมก็เก็บตังค์เอง แถมส่วนใหญ่ผมเล่นฟรีมากกว่า ไม่ทำให้พ่อเดือดร้อนหรอก”
     เตอร์กอดผม ตอนที่แก้ตัวเตอร์ก็อ้อนผมไปด้วย คงเพราะเรายืนอยู่ใกล้กันเตอร์ก็เลยเผลอยกแขนขึ้นโอบผมแล้วก็อ้อนเอาหัวมาไถผมตามปกติ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ปกตินี่ครับ ผมอายเขา! ผมเลยเอาศอกถองเตอร์ไปเบาๆ
     “โอ๊ย! พี่ต้น แค่นี้ไม่เห็นต้องโกรธจนศอกผมเลย!”
     “ก็เล่นให้มันดูหน่อย คนตั้งเยอะ พี่อายเขา”
     เตอร์ทำหน้าเหมือนพึ่งนึกได้แล้วก็รีบแก้ตัวทันทีครับ แต่ไม่ทันแล้วล่ะ ผมเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังผมกับเตอร์มองพวกเราแปลกๆ แล้ว
     “ก็อ้อนพี่ชายนิดเดียว มันจะเป็นไรไป ผมยังเป็นเด็กอยู่ ไม่น่าเกลียดหรอก”
     ก็ถ้าเตอร์เป็นเด็กตัวเล็กๆ น่ะไม่น่าเกลียดหรอกครับ แต่ดูสิ เด็กที่ผมเห็นนี่ถึงจะอายุสิบสี่ย่างสิบห้ายังเป็นเด็กชายอยู่แต่ว่าตัวสูงชะมัดเลย สูงตั้งร้อยเจ็ดสิบแปดเซ็นติเมตร ตัวโตกว่าผมอีก แถมไม่ใช่แค่สูงอย่างเดียวด้วยนะครับ ทั้งกล้ามทั้งไหล่ดูบึกบึนกว่าผมอีก แล้วแบบนี้มันดูเหมือนเด็กตรงไหนกันครับ? ผมไม่คิดว่าคนอื่นจะมองเราเป็นพี่กับน้องหรอก เพราะผมกับเตอร์หน้าก็ไม่ได้คล้ายกัน
     กว่าผมจะกับเตอร์จะเสร็จธุระตรงนั้นหลุดจากการต่อแถวยาวๆ แบบนั้นมาได้ก็ยืนจนเมื่อยครับ ใกล้เที่ยงแล้วด้วย ผมตั้งใจว่าจะชวนเตอร์ไปหาอะไรกิน แต่เตอร์บอกว่าในฮอลก็มีของกินขายครับ เตอร์พาผมเดินไปทางซุ้มที่ขาย... มาม่า?
     “ผมไม่ค่อยหิวอ่ะพี่ต้น อีกเดี๋ยวคอสจะขึ้นเวทีแล้วด้วย ผมนัดกับเพื่อนไว้แล้วว่าตอนเย็นจะไปกินบุฟเฟ่กัน พี่ต้นกินนี่ก่อนนะ”
     ผมหงุดหงิดนะ ทำไมผมจะต้องมาทนลำบากลำบนในงานไร้สาระแบบนี้แล้วก็อดทานข้าวกลางวันด้วยครับ!
     “น่านะ นะ พี่ต้น เพื่อนผมบอกว่ามื้อเย็นจะไปร้านอาหารญี่ปุ่นกัน อร่อยมากๆ ผมอยากเก็บท้องไว้กินมื้อเย็นรวดเดียวเลยอ่ะ”
     “แล้วทำไมไม่บอกพี่ก่อน พี่อยากไปทานบุฟเฟ่กับกับเราซะที่ไหน”
     “โหย ผมไปไหนพี่ต้นก็ต้องไปกับผมอยู่แล้ว น่านะ นะคร้าบ พี่ต้น ตามใจหลานหน่อยน้า”
     ผมจะทำอะไรได้อีกละครับ นอกจากเลยตามเลย ก็เตอร์มัดมือชกผมแบบนี้แล้ว ผมว่าผมคุ้นๆ วิธีแบบนี้นะครับ
     “ทีหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ พี่ไม่ชอบ บอกกันก่อนซักคำก็ได้”
     “ผมรู้อยู่แล้วว่าลงท้ายพี่ก็ต้องตามใจผม รักพี่ต้นที่สุดเลยคร้าบ ฮ่าๆ”
     ลงท้ายผมก็เลยต้องทานอะไรแถวๆ นั้นแหละครับ โชคดีจังที่มีพวกแซนวิชขายด้วย ผมชอบแซนวิชมากกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพวกนั้นครับ
     “แซนวิชพี่ต้นน่ากินจัง ขอคำดิ”
     “แย่งพี่ แล้วไส้กรอกกับมาม่าเราล่ะ”
     “มันไม่อิ่มอ่ะ”
     ผมยิ้มออกมาทันทีครับ เตอร์เนี่ยน้า
     “ไหนบอกจะเก็บท้องไว้กินบุฟเฟ่ตอนเย็นไง”
     “โหย ได้ที ข่มใหญ่เลยนะพี่ต้น ใจร้ายอ่ะ”
     เพราะเห็นเตอร์ทำหน้ามุ่ยแล้วก็แกล้งงอนผมแบบนั้น ผมก็เลยอารมณ์ดี ผมยื่นแซนวิชไปทางเตอร์ ส่วนเตอร์ก็ไม่รอช้ารีบงับแซนวิชผมเข้าปากไปคำเบ่อเร่อ กลัวผมเปลี่ยนใจรึไงครับนั่น
     “ทูน่าไม่อร่อยเลยพี่”
     “กินของคนอื่นไปตั้งเยอะแล้วยังพูดมากอีก”
     พวกเราสองคนนั่งทานมื้อกลางวันง่ายๆ กันอยู่ในงานตรงซุ้มขายอาหารนั่นแหละครับ พอทานกันเสร็จแล้วเตอร์ก็ลากผมไปดูบูธต่างๆ อีกนิดหน่อย ก่อนที่จะชวนผมไปยืนรอดูพวกคอสเพลย์ขึ้นเวที เป็นอย่างที่เตอร์พูดไว้เลยครับ คนแน่นมากๆ เบียดกันจนผมแทบฝ่าเข้าไปไม่ไหวแน่ะ เตอร์เลยจับมือผมแล้วลากผมเดินตามแทน ข้อดีของคนตัวใหญ่สินะครับ กว่าเราจะไปถึงหน้าเวทีได้เตอร์ก็โดนสายตาไม่พอใจจากคนอื่นไปเยอะเหมือนกัน แต่หลานชายผมไม่สะทกสะท้านเลยซักนิด มีแต่ผมนี่แหละที่กลัวคนอื่นเขาจะเอาเรื่อง แต่ละคนท่าทางน่ากลัวทั้งนั้นเลยครับ บางคนก็มากันเป็นกลุ่มเลย โชคดีนะครับที่ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
     ผมที่ไม่ค่อยรู้จักการ์ตูนได้แต่ยืนอุดหูอยู่ข้างๆ เตอร์ที่ส่งเสียงเชียร์ร้องตะโกนเย้วๆ อยู่ข้างเวทีครับ อะไรจะขนาดนั้นหลานผม ท่าทางสนุกขนาดนั้น ต่อให้ผมเบื่อแค่ไหนก็ว่าไม่ลงหรอกครับ เพื่อให้ได้มางานเกมนี้เตอร์ยอมเชื่อฟังผมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งช่วยผมทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เวลาที่ผมตำหนิหรือตักเตือนอะไร เตอร์จะรีบจัดการเดี๋ยวนั้นไม่มีอิดออดเลยครับ ไม่อยากจะยกความดีให้สักเท่าไหร่ แต่นี่สินะพลังของงานเกมที่มีต่อเด็กติดเกมอย่างเตอร์ แต่เอาเถอะครับได้เห็นเตอร์มีความสุขท่าทางสนุกสนานขนาดนี้ แถมผมเองก็ได้มาเปิดหูเปิดตา บางทีพวกเกมออนไลน์กับกิจกรรมทำนองนี้มันก็อาจจะไม่ได้แย่เท่าไหร่ก็ได้
     พอเราดูพวกคอสเพลย์เสร็จ เตอร์ก็ลากผมไปเล่นกิจกรรมต่อที่บูธเกมครับ เพราะมากันสองคนผมก็เลยได้รับแจกใบเล่นเกมกับเขาด้วย พวกเรานั่งเล่นบิงโกกัน ในขณะที่พิธีกรบนเวทีประกาศเลขตัวที่หก ผมกำลังจะกาตัวเลขตัวที่สามในกระดาษของผม เตอร์ก็ยกมือขึ้นอย่างสะใจ เตอร์ได้รางวัลที่หนึ่งของเกมไปแล้ว ผมเห็นเตอร์ยิ้มหน้าบานวิ่งขึ้นไปรับรางวัลอย่างดีใจ ท่ามกลางเสียงนินทาด้วยความอิจฉาของคนอื่น มีแต่คนแปลกๆ ทั้งนั้น ขนาดคนที่นั่งข้างๆ ผมกับเตอร์ยังมาสะกิดคุยกับผมเลยว่าเตอร์โชคดีมากแล้วก็ถามว่าพวกเราชื่ออะไรในเกม เล่นเอาผมไม่กล้าสบสายตากับใคร
     แต่แล้วผมก็ต้องเขินมากกว่าเดิมเมื่อผมกาได้บิงโกด้วยเช่นกัน เตอร์ดีใจใหญ่เร่งให้ผมขึ้นไปบนเวทีรับรางวัล แต่รอบนั้นได้กันหลายคนครับ ส่วนรางวัลที่สามมีอยู่สามอันเราก็เลยต้องเป่ายิ้งฉุบกัน เตอร์ส่งเสียงเชียร์ผมดังลั่นตะโกนบอกให้ผมชนะให้ได้เพราะอยากได้ของรางวัลในรอบนั้นจนพิธีกรแซวว่าพวกเราโชคดีทั้งคู่ พิธีกรถามผมว่าอยากได้อะไรผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะผมไม่ได้เล่นเกมเลยได้แต่บอกไปว่าอยากได้ตัวที่เตอร์อยากได้ ผมถูกล้อว่าเป็นพี่ชายตัวอย่างด้วย ผมอยากจะมุดดินหนีจังเลยครับ ไม่ชอบเป็นเป้าสายตาแบบนี้เลย
     ลงท้ายผมก็ชนะได้ของที่เตอร์อยากได้จนได้ละนะ เตอร์เลยได้กำไรสุดๆ ไปเลยครับ ได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านเพียบ ยิ่งตอนที่ผมกับเตอร์ไปลงชื่อหลังเวทีแล้วมีคนมาถามเตอร์ว่าขายรางวัลนั้นมั้ย ผมได้ยินราคาที่เขาเสนอเตอร์แล้วจะเป็นลม! ของแบบนั้นมันขายได้หลายพันเลยเหรอครับ? แต่เตอร์ไม่ยอมขายครับ บอกว่าจะเก็บไว้เล่นเอง
     พอเสร็จกิจกรรมนี้ เตอร์ก็บอกว่าจะไปรวมตัวกับเพื่อนเพราะเสร็จธุระแล้ว เลยขอตัวไปโทรถามเพื่อนว่าอยู่ที่ไหน ผมก็ได้แต่เดินตามเตอร์ไปเรื่อยๆ แหละครับ เตอร์พาผมเดินออกมาด้านนอกแถวที่มีพวกคอสเพลย์ชุมนุมกันอยู่เยอะๆ หันซ้ายหันขวาอยู่พักหนึ่งเพราะหากันไม่เจอ พอโทรหากันอีกรอบซักพักก็มีคนเดินมาทางเราครับ
     “ใช่ท่านนอร์ทบอยป่ะขอรับ?”
     “ใช่ครับ”
     คนที่มาทักเตอร์ดูโตกว่าเตอร์เยอะเลยครับ น่าจะอายุพอๆ กับผมด้วยซ้ำ ว่าแต่ นั่นมันภาษาอะไรกันละครับนั่น?
     “แล้วท่าน?”
     “กระผมริวเซย์สตาร์ขอรับ”
     “อ้าว ดีครับท่านริวรั่ว ฮ่าๆ”
     ผมไม่เข้าใจครับ! คงเพราะเตอร์เห็นสีหน้าแปลกๆ ของผม เตอร์ก็เลยหันมาแนะนำผมด้วย
     “เออ นี่พี่ชายผมครับ”
     “โอ้ สวัสดีขอรับท่านพี่!”
     เตอร์หันมาแนะนำผมให้เพื่อนเขารู้จัก แต่... ผมควรจะตอบกลับไปว่าอะไรดีครับ เพื่อนเตอร์คนนี้ประหลาดเกินไปแล้ว! ลงท้ายผมก็เลยได้แต่เดินตามเตอร์กับเพื่อนคนนั้นไปจนถึงที่ๆ พวกเขานั่งกัน พอเตอร์เดินไปถึง คนในกลุ่มก็ลุกขึ้นแล้วส่งเสียงประหลาดใหญ่เลยครับ ผมตกใจแทบแย่นะ
     “โอ้ส! ตบมือต้อนรับละอ่อนเหนือของพวกเราหน่อยคร้าบ ท่านผู้นี้ของแรร์สุดๆ อ่ะ”
     แล้วคนที่นั่งอยู่กลุ่มนั้นก็ตบมือกันจริงๆ ครับ แต่ละคนแซวเตอร์อย่างกับรู้จักกันมานาน ทั้งๆ ที่ทุกคนยังต้องแนะนำตัวด้วยซ้ำว่าใครเป็นใครบ้าง แต่บรยากาศกลับดูเป็นกันเองสุดๆ ผมแอบเหวออยู่หน่อยๆ นะครับ ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ แต่แล้วก็มีเสียงเรียกชื่อผมดังขึ้น
     “อ้าว นั่นต้นมนุษย์น้ำแข็งภาคฟิสิกส์ไม่ใช่เหรอ?”
     นั่นมันฉายาอะไรกันละครับ? แต่ข้อมูลถูกต้องแบบนั้นก็ทำให้ผมหันไปตามเสียงเรียก
     “พี่เปา?”
     “พี่ต้นรู้จักด็อกเตอร์บาคุด้วยเหรอ?”
     “อะไรนะ? ด็อกเตอร์บาคุ?”
     “เอ่อ นั่นชื่อล็อกอินในบอร์ดของกระผมเอง”
     ผมมองผู้ชายใส่ชุดแปลกๆ แต่คุ้นหน้าคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็งง นี่มันอะไรกันครับ? เตอร์รู้จักกับพี่เปารุ่นพี่ภาคเคมีที่มหาลัยของผมด้วย ถึงผมกับพี่เปาจะไม่สนิทกันเท่าไหร่แต่ก็คุ้นเคยกันพอสมควรครับ เพราะผมอยู่กลุ่มเดียวกับพี่เขาตอนรับน้องคณะวิทย์ พี่เขาเป็นคนที่มีเอกลักษณ์แปลกๆ บางอย่างแกเลยจำง่าย ผมไม่มีทางลืมอยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่คิดนะครับว่าพี่แกจะจำผมได้ รุ่นน้องมีตั้งเยอะแล้วผมก็ไม่ใช่เด็กในภาคแกด้วย
     หลังจากที่คนอื่นรู้ว่าผมกับพี่เปาอยู่มหาลัยเดียวกัน ทุกคนก็เผื่อแผ่บรรยากาศเป็นกันเองมาถึงด้วย ผมนั่งฟังพวกเขาคุยกันรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง นั่งมองอะไรไปเรื่อยๆ บ้าง ไม่รู้จะทำอะไรเพราะเตอร์มัวแต่ไปวิ่งถ่ายรูปอยู่ ผมก็เลยเลือกนั่งอยู่ใกล้ๆ กลุ่มของพวกเขาแถวๆ นั้นรอ เพราะบางคนต้องรอขึ้นเวทีตอนเย็นอีกรอบ พอเตอร์ถ่ายรูปเสร็จก็กลับมานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนแล้วก็เฮฮากันต่อ ตอนที่พวกเขาคุยกันมีพยักพเยิดมาทางผมเล็กน้อย จากนั้นผมก็ถูกมองแปลกๆ  ผมมองเตอร์ที่กำลังคุยกับคนอื่นอย่างออกรส แต่ดูท่าทางเตอร์เขินๆ ครับ มีสาวน้อยในกลุ่มสองสามคน พวกเธอแต่งคอสเพลย์ด้วย ผมเห็นเตอร์คุยๆ แล้วก็แอบหน้าแดง พูดมากน้อยกว่าปกติ ชักยังไงๆ ซะแล้วสิ
     ผมนั่งรอเตอร์อยู่ใกล้ๆ เขากับเพื่อน ดูอะไรไปเพลินๆ แต่แล้วผมก็ถูกเพื่อนของเตอร์คนนึงสะกิด
     “น้องๆ สนใจคอสมั้ย?”
     “เอ่อ... ครับ?”
     “พอดีมีน้องคนนึงเขากลับไปแล้ว เลยมีชุดเหลือชุดนึง น้องคนนั้นเขาตัวเท่าน้องพอดีเลย ลองแต่งดูมั้ย? น้องเอวเท่าไหร่อ่ะ”
     ผู้ชายคนที่ทักผมนี่ดูยังไงก็ไม่ใช่วัยรุ่นครับ อายุเกินยี่สิบห้าแน่ๆ จู่ๆ เขาก็มาถามอะไรผมแปลกๆ เตอร์ที่ฟังอยู่ก็เลยแทรกขึ้นมาคุยกับพี่เขาซะเอง แล้วคุยกันอีท่าไหนไม่รู้เตอร์ก็หันมาบอกผมว่าให้ไปเปลี่ยนชุดซะงั้น
     “ไม่ดีมั้งเตอร์”
     “ไม่เป็นไรหรอกพี่ต้น ก็แค่กางเกงกับเสื้อคลุม น่า ลองดูหนุกๆ พี่ต้นต้องใส่แล้วเท่มากแน่ๆ เลย”
     “พี่ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้”
     “ได้โปรดเถอะ ถือว่ากระผมขอร้อง อยากเห็นท่านต้นคอสมากเลยขอรับ”
     อ้าว ไหงพี่เปาร่วมวงด้วยแบบนั้นล่ะ? แล้วทำไมต้องพูดภาษาประหลาดๆ แบบนั้นด้วย?
     “ไม่ดีกว่าครับ ผมใส่ไปก็ไม่เท่หรอกครับ”
     “เท่สิคะพี่ พี่เคะจะตาย พี่หน้าใสอยู่แล้วด้วย หนูมีเครื่องสำอางค์ เดี๋ยวหนูแต่งหน้าให้อีกนิดรับรองเกิดค่ะพี่!”
     “นะพี่นะ เนี่ยทีมหนูจะได้คนครบๆ พี่ช่วยพวกหนูหน่อยนะคะ”
     สาวน้อยสองคนนั้นหันมาร่วมวงกดดันผมซะแล้ว แถมคนอื่นๆ ยังช่วยกันเชียร์อีก ทำไมจู่ๆ ทุกคนถึงจับมือกันมายุส่งผมแบบนี้ล่ะ?
     และแล้วก็เลยกลายเป็นว่าผมถูกเตอร์กับพี่เปาลากไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำครับ แบบเสื้อน่ะไม่เท่าไหร่ แต่... กางเกงมันเป็นสีขาวเนี่ยสิครับ แล้วก็ค่อนข้างพอดีตัวด้วย รู้สึกมันคับๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ แถมพอออกมาแล้วยังถูกจับใส่สายรัดอะไรแปลกๆ อีกก็ไม่รู้ตรงต้นขา แต่ดีที่ว่าผมใส่รองเท้าคนละเบอร์ เลยไม่ต้องใส่บูทคู่นั่น แถมเสื้อแจ็กเก็ตนี่ก็สั้นเลยเอวด้วย ไม่ปิดด้านหลังผมเลย ดีนะครับที่ปกติผมไม่ได้ใส่ชั้นในสีเข้มอยู่แล้ว ไม่งั้นคงน่าเกลียดแน่ๆ ให้ตายเถอะ ผมไม่เคยใส่ชุดประหลาดๆ แบบนี้มาก่อนเลย รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ ไม่มั่นใจเลย!
     “โห ขาสวยมากเลยพี่ต้น กะแล้วว่าพี่ต้นต้องใส่ชุดนี้ขึ้น”
     “หมายความว่าไง?”
     “เปล๊า ไม่มีไรพี่ ไปเหอะๆ เพื่อนผมรออยู่”
     แล้วผมก็ถูกลากออกจากห้องน้ำ พอเห็นผมคนแถวนั้นฮือฮากันใหญ่ ผมชักกลัวแล้วสิครับ นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ย? แต่ละคนมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ทั้งนั้นเลย เขินนะครับ
     ผมถูกสาวน้อยสองคนนั้นจับแต่งหน้า อุตส่าหนีไม่ไปช็อปปิ้งกับพี่ษาเพราะไม่อยากเป็นตุ๊กตาถูกจับแต่งตัว แล้วผมก็ต้องมาโดนเพื่อนของเตอร์จับแต่งหน้า เกิดมาก็พึ่งจะโดนเขียนอายไลน์เนอร์นี่แหละครับ ถ้าเมษรู้ผมต้องโดนล้อแน่ๆ แถมน้องคนนึงยังเอาแว็กซ์มาใส่หัวของผมอีก รู้สึกเหมือนหัวตัวเองถูกขยำจนมึนเลยครับ อยากส่องกระจกจังเลยไม่รู้ว่าผมจะกลายเป็นตัวประหลาดแค่ไหนแล้ว!
     พอทุกคนหยุดมือลงแล้ว ผมก็ได้โอกาสส่องกระจก ไม่อยากจะเชื่อเลยครับว่าคนในกระจกคือผม! น้องๆ เขากรี๊ดกร๊าดดีใจกันใหญ่ ลากผมไปถ่ายรูปเยอะแยะเชียว ผมเองก็ทำตัวไม่ถูก เขินเป็นบ้าเลยครับ ผมถูกน้องๆ กับบรรดาตากล้องสั่งให้ทำท่าประหลาดๆ ตั้งหลายท่า ถูกให้ไปถ่ายรูปคู่กับคนอื่นๆ แบบ... เอ่อ... เอาเป็นว่าถูกจับให้อยู่ใกล้ๆ กันจนผมอึดอัดก็แล้วกันครับ แต่พอผมเรียกเตอร์ว่าให้พอเถอะผมอายเขา เตอร์กลับไม่ยอมแถมยังรวมกลุ่มกับเพื่อนยุผมให้แอ๊คท่าต่อไป สรุปผมกลายเป็นของเล่นให้คนอื่นไปแล้ว? แม้แต่พี่เปายังแกล้งผมทั้งถ่ายรูปทั้งแซวสนุกสนานเป็นการใหญ่เลยครับ มีเอาความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องมาแกล้งบังคับผมด้วย! กว่าผมจะหลุดจากนรกตรงนั้นมาได้แล้วได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดของตัวเอง แทบตาย! ยังดีที่น้องเขาขอสละสิทธิ์รอบบ่าย ไม่งั้นถ้าผมต้องขึ้นเวทีไปยืนแอ๊คท่าโชว์ตัวแบบนั้นจริงๆ ผมต้องบ้าตายแน่ๆ ครับ!
     ส่วนรางวัลปลอบใจของผมก็คืออาหารญี่ปุ่นมื้อเย็นสุดอร่อย ซึ่งเหลือเชื่อว่างานนี้เตอร์เป็นคนจ่ายให้ผม อร่อยสมราคาคุยจริงๆ ครับ งานนี้ผมก็เลยได้เพื่อนแปลกๆ เพิ่มขึ้นเยอะเลย เพราะพี่เปาแท้ๆ ดูท่าพี่แกจะติดใจผมมาก เพราะได้ข่าวว่าแกกับเตอร์สนิทกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วในกลุ่ม ยิ่งพอรู้ว่าเตอร์เป็นน้องผมแกก็เลยตี้ซี้ผมใหญ่พลางชวนให้คนอื่นๆ มาคุยกับผมมากขึ้นด้วย ผมก็พึ่งรู้นะครับว่าในกลุ่มมีเด็กมหาลัยเดียวกับผมหลายคนเหมือนกัน แถมยังอยู่ชมรมเกมกระดานกันด้วย พี่เปาชวนผมเข้าชมรมด้วยแหละครับ แต่ผมก็ยิ้มๆ ตามสไตล์แล้วก็บอกว่าขอคิดดูก่อน
     พวกเขาคุยกันสนุกมากๆ แซวด้วยมุขแปลกๆ ที่ผมไม่รู้จัก แต่ว่าบรรยากาศเฮฮาแบบนี้ก็แปลกไปอีกแบบนะครับ แม้ว่าจะเสียงดังไปหน่อยก็เหอะ ดีที่พวกเราจ้องห้องพิเศษไว้เลยไม่ต้องทนกับสายตาไม่พอใจของแขกโต๊ะอีกๆ ผมไม่เคยไปทานข้าวกับเพื่อนๆ แล้วเฮฮาขนาดนี้มาก่อนเลย พี่เปานี่คุยสนุกจริงๆ พอจะแยกย้ายกันผมก็เลยแลกเบอร์ติดต่อกับพี่เปาไว้ครับ จะได้เอาไว้แอบสอดส่องเตอร์ด้วย ดูท่าพี่แกรู้อะไรดีๆ เกี่ยวกับหลานผมคนนี้เยอะเหมือนกัน
     ส่วนเตอร์หลานชายผมน่ะเหรอครับ? ทานเข้าไปขนาดนั้นจนจะเดินแทบไม่ไหวแล้ว สมน้ำหน้า! แถมเจ้าตัวยังมีหน้ามาบอกว่าเพราะผมกินไม่คุ้มค่าหัวอีกนะครับตัวเองถึงต้องกินแทนผม แต่ผมว่าดีไม่ดีร้านเขาจะขาดทุนน่ะสิ เพื่อนๆ เตอร์แต่ละคนทานจุกันทั้งนั้นเลย ขากลับผมขับรถกลับสบายๆ เพราะมีคนช่วยบอกเส้นทางมาให้เรียบร้อย ผมก็ว่าแล้วว่าทำไมผมคุ้นๆ เสียง ก็เสียงพี่เปานั่นแหละครับ พี่แกใจดีช่วยอธิบายทางให้ผม เพราะงั้นผมก็เลยขับรถกลับถึงคอนโดได้อย่างสวัสดิภาพ ติดก็ตรงเตอร์นี่แหละครับ หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ให้ตายสิขี้เกียจจริงๆ กินอิ่มแล้วก็นอน เหมือนใครนะ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องต้นไปงานเกม ฮ่าๆ  o13
คนแต่งชอบเล่นเกม เลยไปงานเกมบ่อยๆ ไม่อยากจะอวดสรรพคุณงี่เง่าของตัวเองว่าเติมเงินเป็นหมื่นๆ ก็ทำมาแล้ว ผีเข้าสิงล่ะ เคยคอสเพลย์ด้วย สมัยก่อนอยู่บอร์ดการ์ตูน มีมีทติ้งกับเพื่อนๆ ก็สนุกดี เลยแอบเอาบรรยากาศแบบนั้นมาเขียน

ต้นที่ค่อนข้างใช้ชีวิตอึดอัดไปเจอพลพรรคโอตาคุบ้าๆ ก็แปลกไปอีกแบบ โดนจับคอสด้วยฮ่าๆ แต่บรรยายไปชัดแบบนั้นคนอ่านคงเดาได้แหละว่าต้นโดนบังคับให้คอสตัวอะไร ฮ่าๆ ได้แมะๆ? ท่าทางในกลุ่มจะมีสาววายด้วยนะนั่น หึๆ

เนื้อเรื่องเหมือนจะไหลออกทะเลอีกแล้ว... ไม่หรอก ทุกอย่างมันมีเหตุผลและที่มาที่ไปนะ ตอนนี้ผู้กล้าต้นน้ำกำลังสะสมสมัครพรรคพวกเพื่อไปต่อกรกับจอมมารอยู่จ้า เริ่มจากเคลียร์เสต็จคนใกล้ตัวเสร็จแล้วก็ปราบคนในหมู่บ้าน ต่อมาอาจจะต้องยกระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงเป้าหมายสุดท้ายนั่นแหละ
แต่ระหว่างนั้นคนแต่งแอบอยากใส่ประเด็นต่างๆ ลงไปเองแหละ ฮ่าๆ สถานการณ์มันเหมาะเจาะพอดีน่ะ

จะได้ทิ้งระยะด้วยไง นึกดูตามจริงแล้วมันก็จะราวๆ นี้แหละ ช่วงที่คู่รักเริ่มเบื่อกันขึ้นมา บางคู่แย่ลง บางคู่ก็ผ่านมันไปได้ พี่ชัชเลยอาจจะสับสนอยู่มั้ง  :really2: ว่าแต่มีอะไรทำให้พี่ชัชสับสนน้า?

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เรื่องราวของ NorthBOY & Dr.BAKU

     NorthBOY : หวัดดีขอรับท่านด็อกเตอร์
     Dr.BAKU : โอ้ ถึงบ้านแล้วหรือขอรับ
     NorthBOY : ถึงละพี่ โคตรอิ่มเลยหลับตลอดทาง 55
     Dr.BAKU : แล้วหลงทางหรือไม่ขอรับ
     NorthBOY : ม่ายเลย ดีนะที่พี่ช่วยบอกทางให้ ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่ต้นโคตรเอ๋อเรื่องแผนที่อ่ะ
     Dr.BAKU : ว่าพี่ชายตัวเองไม่ดีนะขอรับ ฮ่าๆ
     NorthBOY : ไม่ได้ว่าครับ ผมชมว่าพี่ผมโมเอ้โคตรๆ
     Dr.BAKU : หึ หึ แล้วท่ายอายาเสะล่ะขอรับ? เห็นท่านอายาเสะตัวจริงแล้วคิดไง
     NorthBOY : …. พูดยากว่ะพี่ ตัวจริงก็น่ารักอยู่ แต่ไม่ได้น่ารักอะไรเท่ากับในรูป อวบกว่าคล้ำกว่าแล้วก็หน้าไม่ใส โบ๊ะโคตร
     Dr.BAKU : พูดเหมือนเลิกชอบเขาแล้วเลยนะขอรับ
     NorthBOY : ก็ตัวจริงกับในแชทมันไม่เหมือนกันเลยนี่พี่ ในแชทโคตรน่ารักเลย ตัวจริงแรงไปอ่ะ ผมรับไม่ได้
     Dr.BAKU : ผมก็เคยเตือนท่านแล้วว่าอย่าหวังมาก ทีนี้ท่านก็เชื่อที่ท่านบันเคยพูด ถอนตัวได้แล้วสินะขอรับ
     NorthBOY : อือ รู้สึกโง่ยังไงก็ไม่รู้ ทะเลาะกันเรื่องจีบหญิงเนี่ย ในมีทก็แทบไม่ได้คุยกันเลย พี่บอกมันให้ผมหน่อยดิว่าผมขอโทษที่เคยด่ามันไปหาว่ามันจะกั๊กไว้เอง ผมเชื่อละว่ามันพูดจริง
     Dr.BAKU : แล้วผมจะบอกให้นะขอรับ แต่ผมว่างานนี้ท่านระวังตัวเองไว้หน่อยดีกว่า ผมว่าท่านอายาเสะเธอต้องเข้าหาท่านแน่ๆ
     NorthBOY : อ้าว ไมอ่ะพี่?
     Dr.BAKU : ก็ท่านพี่ของท่านหล่อเกินไปน่ะสิขอรับ ท่านอายาเสะคลั่งพี่ชายท่านสุดๆ ไปเลย ในกระทู้ที่เธอเขียนวันนี้ชมแต่พี่ชายท่านทั้งนั้น
     NorthBOY : พี่ต้นเนี่ยนะ?
     Dr.BAKU : ขอรับ ใช่คนนี้ป่าวขอรับที่เคยพูดถึง
     NorthBOY : ใช่ คนนี้แหละแฟนอาผม
     Dr.BAKU : ดีนะครับที่ท่านเป้กลับไปก่อน ไม่งั้นมีหวังพี่ชายท่านโดนจีบแน่ๆ
     NorthBOY : พี่ชายผมหล่อใช่มั้ยล่ะ 55
     Dr.BAKU : หล่อขอรับ หล่อจนเด็กคณะกระผมตามจีบตรึมทั้งหญิงทั้งชาย แถมยังมีเด็กวิศวะมาม่ออีกเพียบ
     NorthBOY : จริงดิ พี่ต้นไม่เคยเล่าไรให้ผมฟังเลย
     Dr.BAKU : จริงขอรับ พี่ชายท่านมีข่าวลือไม่ดีเพียบ แต่ที่แน่ๆ เรื่องที่เป็นเกย์ก็ไม่ใช่ข่าวลือแล้วสินะขอรับ
     NorthBOY : พี่ต้นรักอาผมโคตรๆ ไม่มีทางนอกใจอาผมหรอก
     Dr.BAKU : แต่มีคนมารับกลับบ้านบ่อยๆ นะขอรับ ท่าทางรวยมาก อาท่านรู้เรื่องนี้รึเปล่าขอรับ
     NorthBOY : โหยพี่พูดไรเนี่ย ผมกลัวนะ พี่ต้นไม่มีทางทำไรงั้นหรอก เพื่อนกันมั้งพี่
     Dr.BAKU : มีข่าวลืออีกเรื่องด้วยนะขอรับ เด็กเคมีลือกันว่าพี่ชายท่านกิ๊กกับอาจารย์ภาคเรา พี่ชายท่านถึงได้มีเกรดอันงดงาม
     NorthBOY : อาจารย์คนที่ว่าชื่อต้นเหมือนกันป่ะพี่?
     Dr.BAKU : ขอรับ
     NorthBOY : ….
     Dr.BAKU : เป็นอะไรหรือขอรับ
     NorthBOY : ผมมีไรจะบอก แต่พี่ต้องสัญญานะว่าห้ามบอกใคร ถ้าพี่ต้นรู้ว่าผมบอกพี่ พี่ต้นฆ่าผมแน่
     Dr.BAKU : เรื่องอะไรหรือขอรับ?
     NorthBOY : เดี๋ยวผมโทรหาดีกว่าพี่ แป็บ

     “มีอะไรรึขอรับ ถึงกับต้องโทรมา”
     “เรื่องพี่ต้นอ่ะแหละพี่”
     “ทำไมรึขอรับ?”
     “ความจริง... จารย์คนที่ว่าเป็นพ่อพี่ต้น”
     “จริงหรือขอรับ!”
     “จริงดิ ละผมหมายถึงพ่อลูกกันแท้ๆ เลยนะพี่ ผมเคยเจอพี่สาวคนละแม่พี่ต้นมาแล้ว แต่เรื่องนี้พี่ต้นไม่อยากบอกใครเพราะพี่ต้นเขาไม่ได้อะไรกับทางนั้น เขาอยู่กับอาผมเนี่ย อาผมเป็นคนส่งเสียพี่ต้นมาตั้งนานแล้ว อาผมกับพี่ต้นรักกันตั้งแต่พี่ต้นยังไม่จบม.ปลายเลย พาพี่ต้นกลับมาเที่ยวบ้านย่าทุกปีอ่ะ”
     “เช่นนั้นท่านต้นก็รักกับอาของท่านมาตั้งนานแล้วสินะขอรับ งี้ข่าวพวกนั้นที่บอกว่าพี่ของท่านกิ๊กเยอะก็มั่วอ่ะดิ”
     “แหงดิพี่ พี่ก็เห็นแล้วว่าพี่ต้นขี้อายจะตาย แถมดุโคตรๆ ด้วย บางทีก็เอ๋อๆ ไม่ทันตอนถูกพวกเราแกล้งด้วยซ้ำ พี่คิดว่าอย่างพี่ต้นจะเป็นแบบที่เขาลือกันได้เหรอ? นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ต้นโดนคนอื่นเข้าใจผิดๆ ผมไม่บอกพี่หรอก ความลับพี่ต้นเลยนะเนี่ย เกิดพี่ต้นรู้ว่าผมเอาเรื่องนี้มาบอกพี่มีหวังโกรธผมตาย พี่รู้ป่ะเวลาว่างนอกจากทำงานบ้านแล้วพี่ต้นอ่านหนังสือทบทวนตลอดเลยนะ แถมพี่ต้นยังเคยเล่าให้ผมฟังเลยว่าแค่อยู่ชมรมดนตรีก็โดนพ่อว่าแล้ว หาว่าไร้สาระ ตั้งแต่มาอยู่กับพี่ต้นนี่ผมยังไม่เห็นพี่ต้นจะจับกีต้าร์เลยซักวันอ่ะ นอกจากจับตำรากับไม้กวาดแล้วก็มีแต่ทำงานบ้านงานครัวอ่ะ คอมก็แตะโคตรน้อย ทำไมคนชอบเข้าใจพี่ผมผิดเยอะจัง ถึงพี่ต้นจะนิ่งๆ ดูเย็นชาแต่ใจจริงพี่เขาเป็นคนน่ารักมากนะพี่ พี่คุยกับพี่ต้นแล้วไม่รู้สึกเหรอว่าพี่ต้นโมเอ้จะตาย อย่างกับเรียวมะเลย”
     “ขอรับ หลังจากได้คุยกับท่านต้นผมก็เห็นด้วยกับท่านขอรับ ถึงที่ผ่านมาผมจะไม่ค่อยชอบหน้าท่านต้นก็เถอะ แต่ตอนนี้เอาใจผมไปเลยขอรับ โมเอะมาก”
     “อ้าว? ไมเป็นงั้นอ่ะ”
     “ก็เพราะพี่ชายท่านเป็นมนุษย์น้ำแข็งโคตรหยิ่งขอรับ ทำตัวเหมือนมาเรียนอย่างเดียวไม่เอาสังคมเลย ไม่ยอมเปิดใจให้ใคร รุ่นพี่รุ่นน้องภาคตัวเองยังบ่นเลยขอรับ ใครชวนไปไหนก็ไม่ไป กิจกรรมก็ไม่ค่อยเข้าร่วม เพราะท่านต้นหน้าตาดีคนเลยสนใจเยอะแต่หลังๆ ก็ถอดใจบอกว่าท่านต้นหยิ่งกันเพียบ”
     “เป็นงั้นไป พี่ต้นไม่ไปกับไอ้พวกขี้หลีก็ดีแล้วนี่พี่ จะหาเรื่องให้อาผมโดนตีท้ายครัวรึไง”
     “ถ้าเป็นงั้นก็น่าจะบอกกันไปเลยสิขอรับว่ามีแฟนแล้ว เด็กภาคผมอกหักกันเพียบ”
     “ก็มันบอกได้ที่ไหนเล่า ไอ้เรื่องเป็นเกย์อ่ะไม่เท่าไหร่ แต่บอกได้ไงว่ามีแฟนแก่กว่าแถมอยู่ด้วยกัน พี่ต้นไม่กล้าหรอก คงกลัวโดนถามเรื่องครอบครัวด้วยแหละ พี่ต้นกลัวคนอื่นรู้สุดๆ ไปเลยนะพี่ว่าเป็นลูกอาจารย์คนนั้นอ่ะ พึ่งดีกันได้ไม่นานนี้เอง ก่อนหน้านั้นเขาทะเลาะกันจะตาย”
     “มิน่าล่ะ อาท่านขี้หึงรึขอรับ ผมเห็นท่านต้นตรงดิ่งกลับบ้านทุกวันเลย เรียนเสร็จก็รีบกลับบ้านไม่ค่อยไปเที่ยวไหนต่อกับเพื่อนแม้แต่คนในกลุ่มตัวเอง”
     “อาผมอ่ะขี้หึงเยอะอยู่ แต่พี่ต้นงกเป็นนิสัยอยู่แล้วพี่ ไอ้เรื่องใช้ตังค์ฟุ่มเฟือยอ่ะไม่มีหรอก บ้านผมไกลด้วยมั้งเลิกเรียนเลยรีบกลับบ้านกลัวรถติด ไหนจะต้องกลับมาทำกับข้าวให้อาผมอีก พี่รู้ป่าวแม้แต่ซักรีดเสื้อผ้าพี่ต้นก็ทำเองนะ ไม่ยอมส่งร้านอ่ะ โคตรประหยัด ละนิสัยแบบพี่ต้นอ่ะเหรอจะให้ไปเดินเที่ยวดูหนังกับเพื่อน ผมว่าไม่มีทางอ่ะ พี่ต้นแกไม่ได้หยิ่งหรอก แต่แกเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว”
     “นั่นสิขอรับ พอได้คุยแล้วแตกต่างจากที่ผมคิดไว้มากเลย แต่วันนี้ผมทราบความจริงแล้วขอรับ พี่ชายท่านโมเอะมาก เคะสุดๆ ไปเลยขอรับ”
     “ใช่ป่ะ ถ้าจับพี่ต้นแต่งหญิงต้องแจ่มแน่ๆ สายแทรปสุดๆ อ่ะ พี่ชายผมติดสกิลแม่บ้านขั้นสุดยอดเลย”
     “ขนาดไม่แต่งหญิงยังสวยเลยขอรับ พี่ชายท่านหน้าสวยมากๆ”
     “ฮ่าๆ พูดตรงใจผมเลยพี่”
     “เตอร์ ดึกแล้วทำไมยังไม่นอกอีก?”
     “เฮ้ย! แป็บนะพี่ พี่ต้นมา”
     “ขอรับ”
     “คร้าบๆ พี่ต้น แค่โทรไปบอกเพื่อนว่าถึงบ้านแล้วเองครับ เดี๋ยวก็นอนแล้ว”
     “อืม ก่อนนอนอย่าลืมปิดโน้ตบุ๊คแล้วเก็บให้เรียบร้อยด้วยล่ะ อย่าวางทิ้งไว้บนเตียงเดี๋ยวปัดตกแล้วจะเจ๊งเอา อย่าให้พี่รู้นะว่าเราไม่ยอมนอนแอบเล่นเกมทั้งคืน”
     “คร้าบๆ”
     “แค่นี้ก่อนนะพี่ พี่ต้นด่าแล้ว บอกให้ผมปิดคอมนอนแล้วเนี่ย กำลังคุยมันๆ เลย”
     “ฮ่าๆ ไทป์คุณแม่สินะขอรับ”
     “ใช่เลยพี่ โดนว่ะ!”
     “ฮ่าๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



นี่มันโอตาคุตัวพ่อ! เพื่อนใหม่น้องต้นเป็นโอตาคุ เหอะๆ  :hao7: สนุกล่ะสิงานนี้
สาววายบางคนก็น่ารัก แต่บางคนที่เป็นฟุโจชิก็น่ารังเกียจจริงๆ นั่นแหละ แต่สาววายมักจะภูมิใจกับความเป็นสาววายของตัวเอง คำนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ แต่กับโอตาคุ เคยเกิดประเด็นร้อนแรงมาแล้ว
บางคนพอใจในความคลั่งการ์ตูนของตัวเอง พฤติกรรมของเขามันก็เข้าขั้นโอตาคุจริงๆ นะ แต่ไม่ถึงกับไม่อาบน้ำอาบท่าคุยกับคนอื่นในสังคมไม่ได้หรอก แต่บางคนก็WannaBeมากๆ น่ารำคาญ พยายามเป็น พวกนี้แหละคิโม่ยอย่างแรง คิดว่าคำนี้มันเท่เลยพยายามเป็น แสดงออกแบบกร่างๆ จนดูน่ารังเกียจ คนบางกลุ่มที่มีปัญหากับอีพวกโอตาคุตรรกะเพี้ยนเลยเหมารวมด่าว่าโอตาคุเสียๆ หายๆ ทั้งๆ ที่โอตาคุบางคนก็น่ารักนะ เขาแค่บ้า แค่ชอบจนคลั่งไคล้ แต่พฤติกรรม จิตใจ ตรรกะไม่ได้แย่
เดี๋ยวนี้ผู้ชาย 25+ ไร้คู่มากขึ้น เราพบชายหนุ่มวัยทำงานนั่งทานข้าวเย็นคนเดียวกับการ์ตูนในมือบ่อยขึ้น บางคนเซ็งผู้หญิงเลยหันไปทุ่มเทให้ของพวกนี้แทน ส่วนผู้หญิงก็ชอบบ่นผู้ชายกินกันเอง พวกที่เป็นฟุโจชิก็บอกไม่แคร์ไม่สนชอบใจ โลกมันเปลี่ยนไปละ ฮ่าๆ

แต่ว่าชื่อเสียงน้องต้นในมหาลัยไม่ดีเลยน้า ... ข่าวไม่ดีเยอะน้อ ตัวเอกผู้บอบบาง(ทางจิตใจ)ของเราจะต้านทานไหวมั้ยนะ?  :ling3:


**โหมดโฆษณาแฝง**

พอดีลงเรื่องสั้นไว้จ้า 5ตอนจบ+2ตอนพิเศษ สั้นแบบสั้นมาก แนวอบอุ่นหัวใจใสกิ๊งไร้มลพิษ ตัวเอกแตกต่างกับคุณน้องต้นลิบลับ ขานั้นซึ่นพิมพ์นิยมมุ้งมิ้งงุ้งงิ้งบรรยากาศฟรุ้งฟริ้งมาก ใครอยากพักตับที่ปวดระบมจากเรื่องนี้แนะนำเลย พี่รุกข์น้องขุน
          เรื่องสั้นของคนที่บังเอิญผ่านมาเจอกันในวันเจอโจร ท่ามกลางเงาไม้บรรยากาศเป็นใจในซอยเปลี่ยว มิตรภาพกวนๆ ก็เลยถือกำเนิด ก่อเกิดเป็นความคำนึงโดยไม่รู้ตัว
น้องขุนกับพี่รุกข์ คนสองคนที่บังเอิญแวะมาคุยกันใต้ต้นไม้
ขุน:ทำไมคุณถึงชอบทำผมตกใจนะ อย่าโผล่มาแบบนี้บ่อยๆ สิ
รุกข์:เพราะใครบางคนทำให้ข้าเผลอใจก่อนทำไมล่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2014 13:08:20 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เก๊าอยากให้อิพี่ชัช สติแตกตอนเห็นเมียหล่อมีคนจีบเป็นล้าน

เหอๆๆ ถึงจะตกปลาตัวนี้ได้แล้ว แต่ถ้าไม่เลี้ยงให้ดีก็โดดน้ำหนีได้นะ
แถมยังมีคนจ้องปลาตามันมันอีกล้านเจ็ด

อยากเห็นคอสหน่วยบุกเบิกจัง

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 6

พี่ต้น น้องเตอร์

     ตอนที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือ อยู่ๆ เตอร์ก็เปิดประตูห้องวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
     ดึกมากแล้ว แต่เพราะผมยังเพลินกับการพิสูจน์สมการทางฟิสิกส์อยู่ผมก็เลยยังไม่นอน ความจริงผมก็รู้นะว่าเตอร์เองก็คงยังไม่ยอมนอนง่ายๆ เช่นกัน แต่เพราะเป็นปิดเทอมผมก็เลยหยวนๆ ให้ แต่การที่เตอร์วิ่งหน้าซีดมาหาผมถึงในห้องนอนกลางดึกโดยไม่เคาะประตูก่อนแบบนี้มันทำให้ผมแปลกใจพอสมควร
     “พี่ต้นๆ แย่แล้ว!”
     “อะไร?”
     เตอร์ยืนจังก้าอยู่ตรงประตูที่เปิดค้างไว้ มือขวาของเตอร์กำอยู่ตรงเป้าเกางเกงส่วนอีกมือยังจับลูกบิดประตูอยู่เลยครับ ผมเพิ่งเคยเห็นท่าทางแบบนี้ของเตอร์เป็นครั้งแรก อะไรทำให้หลานผมออกอาการหน้าซีดได้ถึงขั้นนี้ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยเห็นเตอร์กลัวอะไร
     “เลือดออก”
     “เลือด? เป็นแผลเหรอเตอร์?”
     “ผม....”
     “เป็นอะไรล่ะ? เจ็บตรงไหน?”
     เพราะเห็นเตอร์นิ่งไปไม่ยอมพูดอะไร ผมเลยขยับตัวลุกออกจากเตียงตรงไปหาเตอร์ แต่เพิ่งจะสะบัดผ้าห่มออกได้เท่านั้นแหละ เตอร์ก็พูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ เบาราวกับกระซิบ
     “ไอ้นั่นผมเลือดออก”
     .....
     ผมจนปัญญาถึงขั้นนึกคำอุทานไม่ออกเลยครับ “ไอ้นั่น” ของเตอร์คงไม่ใช่... เพื่อความชัวร์ ผมตัดสินใจถามย้ำไปชัดๆ
     “เตอร์มีแผลเลือดออกตรงไหนนะ?”
     “ตรงนั้นพี่ ไอ้นั่นผมเลือดออก”
     “อย่าล้อพี่เล่นน่า ตรงน้ะ-”
     “ก็ค.วยแหละพี่! ช่วยผมก่อนเลือดมันไม่ยอมหยุดไหลเลย มันจะอันตรายมั้ยพี่ ผมกลัว”
     เตอร์พูดด้วยสีหน้าคล้ายคนจะร้องไห้ หน้าก็ซีดเผือด คงกลัวมากจริงๆ แต่ผมสิ อยากเป็นลม!
     “โอเค! แล้ว... เตอร์จะให้พี่ช่วยอะไร”
     “ทำยังไงก็ได้ให้เลือดมันหยุดไหลอ่ะพี่! ผมกลัว”
     “งั้นไปหาหมอมั้ย เดี๋ยวพี่พาไปเอง”
     “ไม่เอาพี่! ผมอาย”
     ผมตั้งใจว่าจะพาเตอร์ไปหาหมอแต่เตอร์กลับรีบขัดผมซะก่อน ผมก็เข้าใจความรู้สึกเตอร์นะ ตอนนั้นผมก็กลัวเหมือนกัน แต่ยังไงซะความอายก็ชนะความกลัว ผมก็เลยไม่กล้าบอกใคร ถ้าตอนนั้นไม่ได้เมษช่วยเอาไว้ผมคงแย่แน่ๆ
     เตอร์ทำท่าอย่างกับคนจะร้องไห้ ไม่รู้ว่าเจ็บมากรึเปล่า แต่ผมเกลียดเลือด แถมเลือดยังออกตรงนั้นอีก... ผม...
     “พี่ต้น...”
     โอเค! ผมตัดสินใจแล้ว หวังว่าเลือดมันคงไม่เยอะเท่าไหร่นะครับ ยังไงผมก็เกลียดเลือดอยู่ดี
     “โอเค งั้นให้พี่ดูแผลหน่อย ถอดกางเกงแล้วไปนั่งที่เตียงไป”
     ผมสั่งเตอร์แล้วก็เดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่พี่ชัชเก็บไว้ตรงตู้เสื้อผ้า เตอร์ทำตามที่ผมสั่งอย่างว่าง่าย ถลกพรืดเดียวก็มานั่งล่อนจ้อนโชว์... เอ่อ ... โชว์บาดแผลชี้หน้าผม เอ้ยไม่สิ!
     ให้ตายสิ! ชอบไม่ใส่กางเกงในตอนอยู่บ้านเหมือนกันทั้งอาหลาน แต่ของพี่ชัชใหญ่กว่า อ๊ะ! แล้วผมจะคิดบ้าอะไรเนี่ย นี่เป็นอันที่สามที่ผมเห็น ให้ตายเหอะ! ผมจะบ้าตาย! สติครับสติ! ของผมก็มีผมไม่ควรตื่นเต้นกับของคนอื่น!
     ผมคุกเข่าลงหน้าเตอร์แล้วก็พยายามดุเตอร์เพื่อเปลี่ยนเรื่อง
     “แล้วทำยังไงถึงได้มีแผลจนเลือดออกฮึ๊?”
     “มันจะอันตรายมั้ยพี่ต้น มันจะยังใช้ได้เหมือนเดิมรึเปล่า? ผมกลัว”
     “บ้า! คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง”
     ผมพยายามให้กำลังใจเตอร์ ก็เข้าใจนะครับ เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่สำหรับผู้ชายนี่นา แต่ความจริงแล้วผมเองก็ไม่รู้หรอกครับ
     โชคดีที่แผลไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แถมเลือดไม่ได้เยอะมากเหมือนคราวที่เตอร์โดนมีดบาด ผมเลยไม่ค่อยกลัว
     ผมค่อยๆ จับอวัยวะที่เกิดบาดแผลอย่างเบามือ เพราะจุดเกิดเหตุมันอยู่ด้านล่างตรงเส้นสองสลึง ผมเลยต้องดันมันขึ้นให้เห็นบาดแผลได้ชัดๆ
     “อู้ย! พี่ต้นเบาๆ ผมเจ็บ”
     “เลือดออกมากเลยนะเตอร์”
     ผมมองซากทิชชู่ที่เตอร์เอากดห้ามเลือดไว้ก่อนจะเปิดแผลให้ผมดู สีแดงเข้มกระจายเป็นหย่อมๆ ทั้วแผ่นเลยครับ แล้วพอเอาทิชชู่ออกเลือดก็เริ่มปริ่มๆ ไหลออกมาอีกแล้ว
     คงเพราะอยู่ใกล้กัน แล้วผมก็ต้องคุกเข่าก้มมาดูแผลให้ชัดๆ ผมถึงได้รู้สึกถึงกลิ่นเลือดแล้วก็กลิ่นอะไรบางอย่าง ผมใจคอไม่ดีเลยครับ สีแดงสดแบบนี้ ทั้งสีทั้งกลิ่น อยากเป็นลมเป็นบ้าเลย!
     ผมกดผ้าก็อซลงบนบาดแผลอย่างเบามือแล้วขอความเห็นเตอร์
     “เอาน้ำแข็งประคบดีมั้ย?”
     “จะดีเหรอพี่?”
     “แต่เค้าว่ากันว่าเวลาเลือดไหลก็ให้หาอะไรเย็นๆ ประคบนี่ เลือดจะได้หยุดเร็วๆ ไง เพราะเอ่อ... ตรงนี้คงรัดแผลไม่ได้ด้วย”
     “แต่มันเย็นนะพี่ต้น”
     “แต่นี่เราก็กดแผลตั้งนานแล้วนะ มันยังไม่ยอมหยุดเลย ถ้าไม่อยากเลือดไหลทั้งคืนก็น่าจะ...”
     “พี่ต้น ฮึกๆ ผมกลัวอ่ะพี่”
     เตอร์ร้องไห้! เตอร์น้ำตาไหลต่อหน้าผม แถมยังเสียงสั่นเครือใหญ่เลย เตอร์สะอื้นเหมือนเด็กเลยครับ
     “ไม่เป็นไรนะเตอร์ อย่าร้องน่า รอพี่อยู่นี่นะ กดไว้ก่อน เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำแข็งมาประคบให้ แป็บเดียว”
     ผมสั่งเตอร์แบบนั้นแล้วก็รีบเดินออกมาเอาน้ำแข็ง พอกลับเข้าไปในห้องผมก็เอาผ้าขนหนูผืนเล็กๆ มาห่อน้ำแข็งไว้แล้วประคบลงไปแถวๆ นั้น
     “โอ้ยเย็นอ่ะพี่!”
     “น้ำแข็งก็ต้องเย็นสิ”
     เตอร์เงียบไปพักนึง เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกัน ผมก็มีสมาธิกับการทำหน้าที่ปฐมพยาบาลเต็มที่โดยไม่วอกแว่ก แต่แล้วจู่ๆ เตอร์ก็เรียกผมอีกครั้ง
     “พี่ต้นๆ”
     “อะไร?”
     “มัน... มันจะยังใช้งานได้อยู่ใช่มั้ยพี่”
     “ไม่รู้สิ ให้เลือดหยุดไหลก่อนเถอะ”
     “แต่ผมกลัวนี่พี่ต้น ถ้า... ถ้ามันเป็นไรไปอีกหน่อยผมไม่มีใช้แล้วจะทำยังไง”
     “สมน้ำหน้า ทำอะไรไม่คิด”
     “ผมเปล่านะพี่! ผมแค่... ผมก็แค่ชักตามปกตินั่นแหละ”
     “ปกติอะไรจะขาดแบบนี้ หื่นไม่บันยะบันยังน่ะสิ”
     “ทำเบาๆ ก็ไม่มันดิพี่”
     “แล้วทำแรงๆ ทำเอามัน แต่เจ็บตัวเลือดอาบแบบนี้มันคุ้มมั้ย?”
     “ก็มัน... ก็มันเพลินไปหน่อยอ่ะ เลยเผลอ แล้วก็เป็นงี้อ่า”
     “อะไรจะเพลินขนาดนั้น แอบเปิดเว็บโป๊อีกแล้วล่ะสิ”
     “เปล่านะพี่! ผมเจอดีวีดีที่ซ่อนไว้ในตู้หนังสือต่างหาก เลยเอามาเปิดดูเล่น ของอาชัชมีแต่แจ่มๆ ทั้งนั้น อาชัชชอบแต่แบบแรงๆ ทั้งนั้นเลย สามรุมหนึ-”
     “พอแล้ว! ไม่เจ็บแล้วหรือไง”
     ให้ตายเถอะ! เจ็บอยู่แท้ๆ จากเดิมที่มันออกอาการคอพับคออ่อนเพราะถูกกดไว้ ตอนนี้มันดันตื่นมาชูคอหน้าสลอนให้ผมซะงั้น มีแต่เรื่องหื่นๆ ในสมองทั้งอาทั้งหลาน!
     “ขอโทษครับ ผมเล่าเพลินไปหน่อย”
     “ช่างมันเถอะ แล้วหายเจ็บรึยังล่ะ?”
     “อืม ก็ค่อยยังชั่วแล้วครับ ตะกี้โคตรเจ็บเลย แต่ตอนนี้ไม่มากแล้วอ่ะ มันชาๆ”
     “แหงสิ เจอน้ำแข็งเข้าไปนี่ เหมือนเลือดจะหยุดไหลแล้วนะ”
     ผมลองแง้มผ้าออกดู เลือดหยุดไหลแล้วจริงๆ ด้วยครับ
     “ทายามั้ยเตอร์?”
     “ยาอะไรพี่? มันจะดีเหรอ แล้วอันตรายป่าว?”
     “แล้วไม่งั้นให้พี่ทำไงล่ะ ว่าแต่จะไม่ไปให้หมอดูซักหน่อยเหรอ?
     “แต่ผมอายอ่ะ”
     “อายกับไม่มีใช้จะเอาอย่างไหน?”
     “วะไว้พรุ่งนี้นะพี่ต้น คืนนี้ดึกแล้ว รอดูก่อนเหอะ”
     “งั้นก็ทายาไว้หน่อยมั้ย?”
     “อืม เอางั้นก็ได้ครับ”       
     สุดท้ายเตอร์ก็ยอมตามใจผม สารภาพว่าความจริงผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าทายาแล้วจะหายรึเปล่า ตอนนั้นที่ผมเอ่อ... นั่นแหละ เอาเป็นว่าตอนครั้งแรกของผมที่ได้เลือดเหมือนกัน ผมก็หายเองตามธรรมชาติครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหายได้ยังไง เพราะวันต่อมาผมก็รถคว่ำไปนอนอยู่โรงพยาบาลแล้ว กว่าจะออกจากโรงพยาบาลก็เป็นเดือน แต่ว่าแผลของเตอร์มันก็ไม่ใช่เล็กๆ นี่ครับ ผมก็เป็นห่วงเตอร์นะ ถึงเลือดจะหยุดไหลแล้วก็เถอะ ผมเองก็กังวลเหมือนกันแหละ เคยเจอเรื่องแบบนี้ซะทีไหน
     “งั้นเดี๋ยวพี่ทายาแล้วจะพันแผลไว้ เตอร์ก็... ก็อย่าไปยุ่งกับมันซักพักล่ะ”
     “แต่...”
     เตอร์ดูอึกอักไม่กล้าพูด ทำท่าเหมือนมีอะไรบางอย่าง
     “อะไรเหรอ?”
     “แล้วพี่จะพันแผลยังไง มัน.. มันจะไม่หลุดเหรอพี่? ขนาดตอนนี้กับตอนปกติมันไม่เหมือนกันซักหน่อย พี่จะเปิดหัวมันไว้ตลอดเหรอ แล้วผมจะ... จะฉี่ได้ไง”
     “.....”
     ผมอึ้งนะครับ บอกตามตรงผมเองก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลยเหมือนกัน
     “ไม่รู้แหละ ก็ทำให้มันหลับสิ”
     “มันทำได้ที่ไหนเล่าพี่ คนยิ่งค้างๆ อยู่”
     “นั่งสมาธิมั้ย?”
     “ไม่เอาอ่ะพี่ พี่ต้นช่วยผมหน่อยดิ”
     “บ้า! จะให้พี่ช่วยยังไงฮึ๊ เรื่องแบบนี้!”       
     เด็กบ้า! ให้ตายเถอะ อยู่ๆ เตอร์ก็พูดอะไรน่าเกลียด ผมรู้สึกว่าตัวเองต้องกำลังหน้าแดงทั้งหน้าแน่ๆ
     “ด่าไรก็ได้หน่อย ฟังเสียงพี่ต้นบ่นแว้ดๆ เดี๋ยวผมก็สงบเองแหละ”
     ถ้าเมื่อกี้ผมกำลังหน้าแดงเพราะเขิน ตอนนี้ผมกำลังหน้าแดงเพราะโมโหครับ ใช้ได้ที่ไหนเด็กคนนี้! เรื่องอะไรมาว่าผม!
     “ใจร้าย พี่ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ ว่าพี่ขี้บ่นเหรอ นิสัยไม่ดี ทีหลังเป็นไรไม่ต้องมาให้พี่ช่วยเลยนะ”
     “โห พี่ต้นอ่ะ สุดยยอด เอาอีกๆ กำลังเซ็งเลยพี่ เริ่มละๆ”
     เด็กบ้า! เตอร์แกล้งผม! เจ้าเด็กนี่กำลังหาเรื่องแกล้งผมอยู่!
     “งี่เง่าน่ะ! โน่นเลย ห้องน้ำ ไปจัดการให้เรียบร้อยเลย ไปสงบสติอารมณ์ในโน้นเลยไป๊ สงบแล้วค่อยออกมาให้พี่ทำแผล เดี๋ยวพี่ไปเอากางเกงตัวใหม่มาให้”
     ผมพูดพร้อมกับดันเตอร์ไปทางห้องน้ำ ให้ตายสิ! ยังมีหน้ามาหัวเราะผมอีกครับ เด็กอะไร! แต่ก็ดีครับ เห็นเตอร์หัวเราะก็ดีกว่าตอนนั่งร้องไห้แบบเมื่อกี้เยอะเลย คงหายเจ็บแล้วมั้ง เพราะเตอร์คงต้องใช้เวลาพักใหญ่ในห้องน้ำ ผมเลยกะจะเดินไปหยิบกางเกงที่ห้องของเตอร์ให้ แต่ขอคว้าโทรศัพท์ซะหน่อย ยังไงก็คงต้องโทรสินะครับ เรื่องแบบนี้ถามหมอดีที่สุด แล้วระหว่างรื้อกองเสื้อผ้าของเตอร์หากางเกงให้ ผมก็กดโทรศัพท์หาหมอเอกไปด้วย
     “เอกดนัยรับสายครับ”
     พอปลายสายรับ ผมก็แนะนำตัวก่อน เพราะปกติเราไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก ยกเว้นเวลาผมติดสอยห้อยตามพี่ชัชไปไหนนั่นแหละครับ ถึงจะได้เจอแก
     “หมอเอกเหรอครับ ผมต้นน้ำนะครับ”
     “อ้าวต้นเหรอ มีอะไรรึเปล่า? โทรมาดึกเชียว”
     “ขอโทษที่โทรมารบกวนตอนดึกนะครับ คือ.. พอดีผมมีเรื่องจะปรึกษาหมอนิดหน่อยครับ”
     “โรคเหงาใจรึไง นายชัชไม่อยู่บ่อยๆ กังวลล่ะสิ” 
     เพราะเป็นคนประเภทเดียวกันสินะครับ ถึงได้คบกันได้...
     เบอร์สายด่วนในโทรศัพท์ของผมที่พี่ชัชบอกให้เมมเบอร์ไว้เผื่อเวลาฉุกเฉินที่พี่ชัชไม่อยู่แล้วผมต้องการความช่วยเหลือมีอยู่สองเบอร์ครับ เบอร์แรกเป็นเบอร์หมอเอกเพื่อนสนิทของพี่ชัช ส่วนอีกเบอร์เป็นเบอร์พี่ฟ่าง ความจริงแล้วผมกับพี่ฟ่างก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ นะครับ เราส่งข้อความทักกันบ้างนิดๆ หน่อยๆ หรือบางครั้งเวลาที่มีเรื่องอะไรที่ผมไม่อยากให้ใครรู้ ผมก็มักจะไปขอความช่วยเหลือจากพี่ฟ่าง โดยเฉพาะเรื่องพี่ชัชนี่แหละครับ มันแปลกรึเปล่านะที่แฟนใหม่กับแฟนเก่าของผู้ชายคนนึงจะคุยกัน แต่ถ้าผมไม่ได้พี่ฟ่างคอยส่งข่าวให้ผมก็ไม่สบายใจหรอกครับ ก็พี่ชัชน่ะ... ไม่สิ ตอนนี้ผมควรจะตั้งสมาธิเรื่องของเตอร์
     “หมอแซวเล่นนิดหน่อย งอนเลยเหรอ หึๆ”
     “เปล่าครับ ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะพูดยังไงดี”
     “เอาๆ มีไรก็ว่ามา มีไรจะถามหมอ จะถามเรื่องกิ๊กไอ้ชัชมันรึไง”
     ผมพูดอะไรไม่ออกนอกจากถอนหายใจ พอหมอเอกได้ยินเสียงผมถอนหายใจยาวเหยียดก็หัวเราะลั่น ผมเลยต้องพยายามสุดชีวิตที่จะทำน้ำเสียงจริงจัง อยากรู้จริงๆ เลย คนๆ นี้เป็นหมอได้ยังไงนะ!
     “พอดีเพื่อนผมมีแผลน่ะครับ แต่บริเวณเกิดเหตุมัน... มันอยู่ใกล้ตรงนั้น ตอนนี้เลือดหยุดแล้ว แต่เพื่อนผมเขากังวลมาก... เอ่อ เราจะทำยังไงได้บ้างครับ”
     ผมพยายามจริงจังแล้วนะ แต่... พอพูดไปแล้วมันก็... ให้ตายเถอะ! ยังไงผมก็ไม่กล้าพูดอยู่ดีครับ มันน่าอายจะตาย
     “เอาใหม่ดีๆ ซิต้น หมอฟังไม่เข้าใจ”
     “เอ่อ... เพื่อนผมเป็นแผลตรงนั้น”
     “ตรงนั้นมันตรงไหนล่ะ ต้นพูดแบบนี้หมอจะรู้เรื่องมั้ย”
     “เอ่อ...”
     “เอ้า มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่นั่นล่ะ อายหมอไม่หายนะต้น เพื่อนรึเรากันแน่เนี่ย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น”
     “ไม่ใช่นะครับ เพื่อนจริงๆ!”
     “แล้วเพื่อนเราน่ะเป็นอะไร”
     “เพื่อน... เพื่อนผม”
     เอาล่ะ ตายเป็นตายครับ!
     “เพื่อนผมช่วยตัวเองแรงไปจนเส้นสองสลึงขาดครับ ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว แต่เพื่อนผมเขากลัวมาก จะทำยังไงดีครับ คือ... เขาโทรมาถามผมน่ะครับ”
     “เพื่อนแน่เหรอต้น”
     “ครับ เพื่อนครับ”
     “เอาเถอะ หมอก็ว่าไม่ใช่เราหรอก ไอ้ชัชมันบ่นประจำว่าสะกิดยากสะกิดเย็น หึๆ”
     “คุณหมอ!”
     “เอาล่ะๆ หมอไม่กวนแล้ว ก็ไม่ต้องทำอะไร เลือดหยุดก็ปลอดภัยแล้ว ทายาหน่อย จะพันแผลด้วยก็ได้ถ้าไม่รำคาญ แต่ต้องรักษาเรื่องความสะอาดแล้วก็ระวังอย่าให้อับชื้น เออ! แล้วก็บอกเพื่อนเราให้พักการใช้งานสักระยะด้วยนะ”
     “แล้วแผลแบบนี้ต้องไปให้หมอดูมั้ยครับ”
     “อยากให้หมอดูเพื่อความแน่ใจก็ไปได้ แต่เท่าที่ฟังเลือดหยุดแล้วก็แปลว่าแผลไม่น่าจะแย่มาก ถ้านิดเดียวแล้วอายหมอก็ไม่ต้องมาหรอก แต่ถ้าเลือดไหลไม่หยุดหรือแผลเหวอะหวะมากก็รีบไปหาหมอเถอะ อาจจะต้องเย็บ”
     “ถึงขั้นเย็บเลยเหรอครับ!”
     “ใช่ แล้วแผลมันเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
     “ก็ไม่ลึกมากนะครับ ขาดนิดหน่อย แต่ไม่ได้เหวอะหวะอะไร”
     “พูดเหมือนเห็นเลยนะต้น หึๆ”
     “มะไม่ใช่นะครับ! ก็... ก็ผมฟังเพื่อนผมเล่ามา”
     “เพื่อนคนไหนล่ะเนี่ย คุยเรื่องแบบนี้กันด้วย แล้วนี่ไอ้ชัชมันรู้รึเปล่า?”
     “ผมผู้ชายนะครับหมอ จะคุยเรื่องแบบนี้กับเพื่อนก็ไม่แปลกอะไร”
     “ฮ่าๆ ช่ายๆ ไม่แปลก หึๆ อุ๊บ ... ขอให้เพื่อนหายเร็วๆ ละกันต้น อ้อ! ถ้าคืนนี้เพื่อนเรานอนไม่หลับก็เอายาแก้ปวดให้เพื่อนเรากินด้วยล่ะ ซีลีเบรกซ์น่ะ รู้จักใช่มั้ย? ไอ้ชัชมันน่าจะมีติดบ้านไว้อยู่”
     ผมพูดอะไรไม่ออกแล้วครับ!
     “ขอบคุณหมอเอกมากนะครับ ผมรบกวนแค่นี้แล้วกันครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ”
     พอผมพูดจบก็กดตัดสายทันทีครับ ก็รู้นะครับว่าทำแบบนี้มันไม่ดีเท่าไหร่ แต่... ให้ตายเถอะ! ผมพยายามสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะคลายมือออกจากการขยำกางเกงของเตอร์ที่หยิบติดมือมา ยับหมดเลย แต่เตอร์คงไม่สังเกตหรอกมั้งครับ?
     ตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป เตอร์ยังไม่ออกจากห้องน้ำเลยครับ ผมก็เลยหยิบโน่นหยิบนี้มารอทำแผลให้เตอร์ แล้วก็เตรียมยากับน้ำไว้ให้ด้วย แต่พอเตอร์ออกจากห้องน้ำมา ได้เลือดอีกแล้ว ผมส่ายหัวแบบปลงๆ แล้วนิ่วหน้าให้เตอร์ ส่วนเตอร์ก็ยิ้มแหยๆ ให้ผม แล้วก็มานั่งประจำที่เดิมให้ผมทำแผลแต่โดยดี โชคดีนะครับ ที่รอบนี้มันสลบเหมือดหมอบราบคาบจริงๆ
     ผมทำความสะอาดแผลใหม่ก่อนจะป้ายยาให้เตอร์อย่างเบามือที่สุดครับ แต่ระหว่างนั้นจู่ๆ เตอร์ก็ขอโทษผม
     “ขอโทษนะครับพี่ต้น ต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้ผม”
     คงเพราะเห็นสีหน้าเซ็งๆ ของผม เตอร์ก็เลยอ้อนผมใหญ่ ผมเลยเงยหน้ามองสบตาเตอร์นิดนึงก่อนจะตอบ
     “ช่างเถอะ ผู้ชายเหมือนกัน พี่ไม่คิดมากหรอก”
     “อื้อ พี่ต้นใจดีที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่ว่าพี่ต้นอย่าบอกอาชัชนะ”
     “อืม พี่ไม่บอกหรอก”
     ให้ผมบอกว่าผมจับไอ้นั่นของผู้ชายคนอื่นเหรอครับ! อี๊ ไม่เอาหรอก ขืนพูดไปมีหวังพี่ชัชอาละวาดบ้านแตก เรื่องบางเรื่องพี่ชัชก็ไร้สาระมากๆ ผมไม่กล้าเสี่ยงหรอกครับ ผมไม่อยากให้เตอร์มีปัญหากับพี่ชัชด้วย
     “ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าพี่ต้นจะฟ้องอาชัชซะแล้ว”
     “พี่จะฟ้องทำไม?”
     “ก็ผมแอบเอาหนังโป๊อาชัชมาดูไง กลัวอาชัชเตะอ่ะ”
     “แล้วที่เอาคอมลงเกมจนเต็มเครื่องนั่นล่ะ ไม่กลัวเหรอ”
     “ม่ายอ่ะ เดี๋ยวพอผมจะกลับก็ลบออก เกลี้ยง เรียบร้อย!”
     “อย่าไปเผลอลบงานพี่ชัชเข้าล่ะ”
     ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้เตอร์ เด็กคนนี้นี่ เจ้าเล่ห์จริงๆ เลย
     “เอาล่ะ เสร็จแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาดูแผลอีกทีแล้วกัน แต่ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว”
     “มันจะโอเคจริงๆ เหรอพี่ต้น?”
     “อืม ไม่เป็นไรหรอก เลือดก็หยุดแล้ว รอบหลังก็ออกนิดเดียว ทายาแบบนี้ซักสองสามวันก็คงหาย แต่เตอร์ต้องดใช้งานซักระยะนะ”
     “แล้วผมจะฉี่ยังไงอ่ะ?”
     “ไม่เกี่ยวกันนี่ ก็ทำธุระของเราไปสิ แต่ระวังอย่าให้แผลเปียกก็พอ”
     “แต่พี่ต้นบอกงดใช้งาน”
     “บ้า! พี่หมายถึง...”
     “อ๋อ ห้ามชักว่าว ฮ่าๆ”
     “นั่นแหละๆ เข้าใจแล้วก็ใส่กางเกงแล้วไปนอนได้แล้ว”
     “ไม่ถอกแล้วผมจะฉี่ได้ไง พี่ก็เห็น”
     เออจริงด้วย! ผมลืมไปซะสนิทเลยว่าของเตอร์ไม่เหมือนของผม เตอร์ไม่ได้ขลิบครับ ทุกอย่างยังอยู่ครบ
     “ก็... ไม่รู้สิ ดึงเบาๆ มั้ง”
     “แล้วถ้าเลือดมันออกล่ะ”
     “โอ้ยพี่ไม่รู้แล้ว! งั้นพรุ่งนี้ก็กินน้ำน้อยๆ ละกันจะไม่ได้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ นอนเหอะเตอร์ ดึกแล้ว”
     “แต่ว่า...”
     “ไม่มีแต่! พี่ง่วง!”
     ผมก็รู้นะว่าตัดบทเตอร์แบบนี้มันไม่ดี แต่... ไม่ไหวแล้วครับ มาถามอะไรผมแบบนั้นล่ะ ผมจนปัญญาแล้วครับ ก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้แล้ว ที่เหลือผมไม่รู้แล้ว
     “พี่ต้นใจร้ายอ่ะ ผมกลุ้มจริงๆ นะพี่”
     “พี่ก็รู้ แต่เตอร์จะให้พี่ทำยังไงล่ะ ก็พี่ไม่รู้นี่ ของเตอร์ไม่เหมือนของพี่นี่นา พี่จะไปรู้ไงได้”
     “ไม่เหมือนได้ไง ผู้ชายเหมือนกัน”
     “ก็... ก็...”
     “ไม่เหมือนยังไง?”
     “พี่ พี่ ... พี่ไม่มี... แม่พี่ให้หมอเอาออกให้ตั้งแต่เกิดแล้ว!”
     เตอร์เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะทำหน้ากระจ่าง แต่รอยยิ้มของเตอร์นี่สิ ผมหวั่นๆ ใจยังไงไม่รู้แฮะ
     “อ๋อ! พี่ต้นขลิบ งั้นขอผมดูหน่อย”
     “บ้า! มาดูอะระ-
     ตอนที่ผมพูดได้แค่นั้นก็โดนเตอร์ผลักลงกับเตียงซะแล้ว แรงเตอร์เยอะใช่เล่น เพราะไม่ทันตั้งตัวผมเลยเสียหลักล้มลง พอตั้งหลักได้ กำลังจะลุกเตอร์ก็ดึงกางเกงนอนผมลงไปกองที่ต้นขาแล้ว
     “พี่ต้นไม่ใช่อิสลามแท้ๆ ขลิบด้วยเหรอพี่ อ้าว? พี่จะใส่กางเกงในนอนทำไมเนี่ยไม่อึดอัดเหรอ”
     เตอร์พูดแบบนั้นแล้วก็ดึงกางเกงในผมออก
     ผมกำลังถูกเตอร์ลวนลาม ไม่สิเตอร์ไม่ได้ลวนลามผมหรอก แต่สิ่งที่เตอร์ทำมันก็ไม่ควร ผม... ฮึก
     “โอ้โห! จริงด้วยแฮะ เอาออกหมดเลยจริงๆ ด้วย แบบนี้ไม่เจ็บเหรอพี่ต้น มันไม่สีกับกางเกงในเหรอ อ้าวพี่ต้น?”
     ตอนที่เตอร์เงยหน้าหันมามองผมน้ำตาผมก็ไหลแล้ว ผมอายนะครับ รู้สึกไม่ดีด้วยที่เตอร์ทำแบบนี้กับผม ผมรู้... ถึงเตอร์จะไม่ได้คิดอะไร แต่ว่า... แต่ว่า
     เพี๊ยะ!
     เพราะเตอร์ดูไม่แคร์ความรู้สึกผมซักนิด ผมก็เลยเผลอตบเตอร์ไป ผมเองก็ช็อก เตอร์ก็ตกใจ พอมาถึงขั้นนี้ผมเลยเผลอร้องไห้ออกมา
    “พี่ต้น ผมขอโทษ ผมแค่จะดู”
    “อย่ามายุ่งกับพี่! กลับไปห้องโน้นแล้วไปนอนซะ”
    “โหพี่ต้นอ่ะ อย่าโกรธน้องดิ น้องไม่ได้ตั้งใจอ่ะ”
     ผมรู้ครับว่าเตอร์ไม่ได้ตั้งใจ แต่เพราะความที่เตอร์ไม่คิดอะไรนั่นแหละ เรื่องแบบนี้กับคนอื่นอาจเฉยๆ แต่ผมไม่ชอบนะครับ ถึงสนิทกันแค่ไหนแต่ก็ควรมีขอบเขตบ้าง ผมได้แต่นั่งด่าเตอร์อยู่ในใจเพราะยังกลั้นสะอื้นไม่ได้ น่าอายสุดๆ ไปเลย ผมต้องไปช่วยทำอะไรแบบนั้นให้เตอร์ และก็ถูกเตอร์ทำแบบนี้กับผมอีก ผมทั้งโกรธทั้งอาย แล้วก็เสียใจด้วย
     “โอ๋ๆ อย่างอนนะ”
     เตอร์พูดแบบนั้นแล้วก็เข้ามากอดผม เตอร์ปลอบผมเหมือนปลอบเด็ก แถมยังเอามือมาเช็ดน้ำตาให้ผมอีก แต่ผมเบี่ยงตัวออกหันหน้าหนี
     “สกปรก!”
     “สกปรกไร ก็จับของพี่ต้นแหละ ทีพี่ต้นเอามือมาตบหน้าผมๆ ยังไม่ถือเลย”
     “บ้า!”
     “แน่ะๆ อมยิ้มแล้ว หายโกรธน้องแล้วใช่ม๊า ผมขอโทษนะพี่ต้น ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ ไม่รู้ว่าพี่ต้นจะคิดมาก”
     “ช่างเถอะ ดึกแล้ว ไปนอนได้แล้ว”
     ผมขืนตัวแล้วก็ผลักเตอร์ออกไปเบาๆ วันนี้ผมเหนื่อยเหลือเกินครับ ไม่ไหวแล้ว อยากนอน
     “งั้นนอนด้วยคนนะ ยังไม่ได้นอนกอดพี่ต้นซักคืนเลย”
     “จะมากอดพี่ทำไม”
     “น่า ขอนอนด้วยคนนะ ผมนอนไม่ดิ้นเหมือนอาชัชหรอก พี่ต้นก็รู้ ว่าแต่พี่ต้นใจร้ายจังอ่ะ ไม่ยอมบอกซักคำว่าอาชัชนอนโคตรดิ้น พี่ทนได้ไงอ่ะ”
     เตอร์พูดแบบนั้นแล้วก็เอนตัวลงเอกขเนกบนหมอนแล้วก็ตลบผ้านวมขึ้นมาห่มซะแล้ว ดูท่าคงปักหลักนอนห้องนี้กับผมจริงๆ ผมก็เลยได้แต่ทำใจแล้วเดินไปปิดไฟพลางตอบเตอร์
     “แฟนเก่าพี่ชัชถึงได้ซื้อเตียงคิงไซส์ไง แต่ถ้าวันไหนพี่ชัชงี่เง่ามากๆ ก็โดนไล่ไปนอนห้องทำงาน”
     “โห พี่ต้นใจร้ายจัง”
     “บ้า ไม่ใช่พี่! แฟนเก่าพี่ชัชโน่น พี่ไม่เคยไล่พี่ชัชไปนอนห้องโน้นนะ”
     “แต่ก็นอนซะสุดขอบเตียง มานี่ เขยิบมาใกล้ๆ ผมนี่ ผมนอนไม่ดิ้นหรอก”
     “ไม่เอา จะนอนก็นอนไปสิ หลับได้แล้ว”
     “น่านะ ขอน้องกอดหน่อย วันนี้ถ้าผมไม่ได้พี่ต้นช่วยไว้ผมตายแน่ๆ”
     เตอร์พูดแบบนั้นแล้วก็กลิ้งมานอนชิดผมแทน แถมยังเอาแขนมาพาดกอดผมไว้อีก แต่ที่ผมนึกไม่ถึงคือเตอร์หอมแก้มผมด้วย!
     “แล้วยังทำแบบนั้นกับพี่อีกนะ”
     “ก็มันอยากรู้นี่ ของพ่อก็ไม่ได้ขลิบ เพื่อนๆ ผมก็ไม่มีใครขลิบ ผมเลยอยากเห็นว่าขลิบแล้วเป็นไง ใครจะไปรู้ว่าพี่ต้นถือล่ะ แค่ขอดูเฉยๆ นี่ เวลาเข้าห้องน้ำกับเพื่อนผมก็ไม่ถือ ยังคุยกันเลยว่าของใครหัวเปิดแล้วบ้าง บางทีก็รูดหนังแข่งกันว่าของใครรูดได้สุดกว่า ผมชนะตลอดแหละ”
     “เล่นบ้าอะไรกัน”
     “อ้าว พี่ต้นไม่เคยแข่งกับเพื่อนเหรอ?”
     “ไม่รู้สิ พี่ไม่ค่อยมีเพื่อนมั้ง เลยไม่เคยเจออะไรแบบนั้น”
     ต่อให้ผมมีเพื่อนผมก็ไม่เล่นอะไรบ้าๆ แบบนี้หรอกครับ!
     “อื้ม ผมก็พอรู้อยู่ ขอโทษน้า พี่ต้น”
     “อืม พี่ไม่โกรธแล้ว แต่ทีหลังอย่าทำแบบนี้กับพี่อีกนะ”
     “คร้าบ ไม่ทำแล้ว”
     เพราะว่าเตอร์รับคำเสียงใสท่าทางสำนึกผิดเต็มที่ผมก็เลยใจอ่อน หลานผมถึงจะแปลกๆ ไปบ้างชอบเล่นอะไรแผลงๆ แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ผมเลยหันไปยิ้มให้เตอร์แล้วก็ขยี้หัวโตๆ นั่นนิดหน่อย เตอร์เลยเอาหัวมาไถอ้อนผมแรงกว่าปกติก่อนจะเอาหัวมาหนุนที่หน้าอกผมซะงั้น ผมโดนเตอร์กอดล็อคอย่างกับลูกหมีโคอาล่าเลยครับ
     “ราตรีสวัสดิ์นะพี่ต้น ฝันดีครับ”
     “อื้ม ฝันดี”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


มองซ้าย มองขวา คนอ่านคงไม่บอกว่าคนแต่งโรคจิตใช่มั้ย ตอนพิเศษบ้าอะไร หื่นแบบแปลกๆ  :o8:
ไม่คิดว่ามันมุ้งมิ้งดีหรอกเหรอ คุณพี่ทำแผลดูเอ็นน้อง เอ้ย! เอ็นดูคุณน้อง ฮ่าๆ  :m10:

สำหรับตอนนี้สาระที่แฝงอยู่คือการขลิบ ขออันเชิญคนอ่านที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับการขลิบอวัยวะเพศชายเปิดสกิลวาบไปที่ บล็อกคุณหมอสาลิกาโบยบิน สาระนะจ้ะไม่หื่นนะอันนี้
ถ้าให้อธิบายก็คือของน้องต้นขลิบตั้งแต่เกิด โดนเจี๋ยนออกหมด ไม่มีอะไรเหลือ แต่ของเตอร์ทุกอย่างยังอยู่ครบ พอมันมีหนังมันก็เลยต้องมีพิธีกรรมเบิกหัว ไม่งั้นหัวไม่เปิดทรมานนะ สกปรกซกมกด้วย คราบขี้เปียกอ่ะ มีกระทู้ฮาๆ เกี่ยวกับพิธีกรรมเปิดหัวในพันติ๊บเยอะเชียว
พวกเด็กทะโมนมันชอบคุยอวดกันว่าของใครเปิดแล้วบ้าง รูดหนังแข่งกันบ้าง บางทีคนธรรมดาอย่างเราก็อย่าไปเข้าใจผู้ชายพวกนี้เลย บทจะปั่นแล้ววัดขนาดบลัพกันยังมี ไม่เกย์ด้วยนะ ชายแท้ทั้งแท่งนี่แหละ อะไรจะภูมิใจแท่งตัวเองขนาดน๊าน
ในบทนี้พอต้นบอกว่าไม่มีของที่มีมันไม่เหมือนเตอร์เลยงงจับกดซะ ฮ่าๆ เด็กมันก็อยากรู้อยากเห็นอะนะต้นน้า ยอมๆ เด็กมันซ้า!

คนอ่านอย่าถามว่าแล้วคนแต่งไปรู้ข้อมูลมาได้ไง แบบว่า ถ้าโกหกว่ามโนแล้วตะเองจะเชื่อมั้ย?  :-[

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 7

เด็กเลี้ยงแกะและสาวน้อยราศีเมษ

     เมษ : ฮัลโหลว์
     ต้นน้ำ : อือ ว่าไง
     เมษ : ผัวแกอยู่รึเปล่าย๊ะ?
     ต้นน้ำ : ไม่ เราอยู่ห้องคนเดียว มีไร?
     เมษ : ละนี่ทำไรอยู่ย๊ะ?
     ต้นน้ำ : พับผ้า ผ้าที่ซักพึ่งแห้ง
     เมษ : ต๊าย! แม่บ้านอีกละ แกนี่น่าเบื่อจริง
     ต้นน้ำ : ... แล้วตกลงเมษโทรมาหาเรามีธุระอะไร? ถ้าไม่มีเราจะวางละนะ เหลือชุดทำงานพี่ชัชที่ต้องรีดอีกตั้งหลายตัว!
     เมษ : โอ๊ยแก! อย่าพึ่งกริ้วสิยะ ฉันก็แค่แซวเฉยๆ ฉันมีเรื่องจะเม้าย่ะ
     ต้นน้ำ : เรื่อง?
     เมษ : ก็หลานแกนั่นไง น้องเค้าน่ารักดีอ๊ะ โสดป่าวแก?
     ต้นน้ำ : ห้ามนะ! คนนี้เราขอเถอะ
     เมษ : แหมๆ กับเพื่อนกับฝูงแบ่งๆ กันชื่นชมบ้างจะเป็นไร
     ต้นน้ำ : ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ... ก็... ก็บ้านพี่ชัชก็เหลือแต่เตอร์นี่แหละ เราไม่อยากรู้สึกผิดกับแม่พี่ชัชมากไปกว่านี้อ่ะ
     เมษ : เอ๊าะ! กลัวบ้านผัวไม่มีผู้สืบสกุล โถๆ นังลูกสะใภ้ดีเด่น จะไปยากอาไร๊ ลองปล่อยผัวแกไปเที่ยวซักคืนสิ เผลอๆ แกจะได้อุ้มลูกชู้ โฮะๆ
     ต้นน้ำ : บ้า! ไม่เอาหรอก เราหวงของเรา พี่ชัชเป็นของเราคนเดียว ไม่มีทาง! เพราะงั้นเหลือเตอร์ไว้น่ะแหละดีแล้ว เตอร์เจ้าชู้เงียบจะตาย นี่เราแอบถามรุ่นพี่เราที่สนิทๆ กับเตอร์อ่ะ พี่เค้าเล่าว่าเตอร์แอบชอบคนอื่นในกลุ่มไปทั่วเลย เรายังกลุ้มอยู่เลยเนี่ย กลัวเตอร์เอาหลานมาให้เลี้ยงก่อนวัยอันควร
     เมษ : โอ๊ะตายละ! จริงอ่ะแก?
     ต้นน้ำ : อื้อ เรื่องจริงเลย คอนเฟิร์ม เรายืนยัน!
     เมษ : เชอะ! งั้นฉันไม่สนละ ฉันเกลียดพวกมักมากหลายใจที่สุด ต๊าย... เสียดายอ่ะแก เห็นหน้าใสๆ ท่าทางซื่อๆ เหมือนเด็กขี้อ้อน ไม่น่าเลย ฮึ! เสียความรู้สึก!
     ต้นน้ำ : กรรมพันธุ์แน่เลยเมษ เตอร์เห็นแบบนั้นนะ แต่ความจริงแล้วขี้หลีตัวพ่อเลย นิสัยลามกมากกก ชอบแกล้งทำเป็นเปิ่นๆ หลอกคนอื่นหน้าตาย แต่ความจริงแล้วแสบสุดๆ อ่ะ เห็นแล้วนึกถึงพี่ชัชทุกที!
     เมษ : ฮะๆ แล้วไม่ใช่เพราะโดนผัวหลอกทำดีด้วยรึไง แกถึงได้เสร็จเขาไปไหนไม่รอดแบบนี้อ่ะ
     ต้นน้ำ : บ้า! อย่ามาว่าพี่ชัชของเรานะ พี่ชัชไม่ได้หลอกเราซะหน่อย เรารู้แต่แรกแล้วว่าพี่เขาซน ฮึ่ย! พูดแล้วหงุดหงิดชะมัดเลย นี่ยังดีนะ เราคุมทุกอย่างอ่ะ กลัวพี่เขาแอบไปซนอีก
     เมษ : จ้าๆ แหม พี่เขาไม่ได้หลอกแก แต่เป็นแกแอ๊บหลอกพี่เขาใช่ป่ะ โฮะๆ แบบ แกล้งทำตัวเรียบร้อยแต่ก็แอบอ่อย ให้ท่าหลอกว่าโดนผัวงาบ เสร็จแล้วก็ร้องไห้กระซิกๆ ให้ผัวรับผิดชอบ
     ต้นน้ำ : จิ๊! เมษอ่ะ จะพูดเรื่องนี้ทำไมเนี่ย! ทีหลังมีไรจะไม่เล่าให้ฟังแล้ว ชอบเอามาล้อเรา!
     เมษ : ย่ะๆ ก็ดูดีๆ ละกันแก ยังไงผัวแกก็ไม่ใช่เกย์ ระวังเถอะ ผัวแกจะเบื่อหมอนทองอยากกลับไปรับประทานชะนี
     ต้นน้ำ : บ้า! แต่... ก็... ก็กลัวอยู่นะ เลยต้องมานั่งซักผ้าทำงานบ้านให้พี่เขานี่ไง อย่างน้อยๆ ถึงเรื่องอื่นเราจะทำให้พี่เขาไม่ได้แต่เวลามีอะไรพี่เขาจะได้คิดถึงความดีเรื่องนี้ของเราบ้าง
     เมษ : โอ๊ยตายแล้วนังต้น! แกจะเป็นแม่ศรีเรือนไปไหนย๊ะ สมัยนี้เสน่ห์ปลายจวักอย่างเดียวมันใช้ไม่ได้หรอกย่ะ หัดไปบริหารเสน่ห์บนเตียงมั่งนะแก ขึ้นชื่อว่าผู้ชายโดยเฉพาะแบบพี่ชัชน่ะนะ ฉันว่ายังไงๆ ก็มีเปอเซ็นต์หน้ามืดสูงย่ะ เกิดไปเผลอพลาดที่ไหนขึ้นมาแล้วผู้หญิงเค้าอุ้มลูกมานั่งบีบน้ำตา แกว่าระหว่างความดีทั้งหลายที่แกทำมากับลูก ผัวแกจะเลือกอะไรละยะ? เพราะงั้นจัดการไปเถอะนังต้น เอาให้ไม่มีแรงเหลือไปทำกับคนอื่นน่ะแหละแก ดีที่สุด
     ต้นน้ำ : บ้า... เรา เราไม่ไหวอ่ะ นายไม่เคยซักหน่อย อย่ามาทำเป็นพูดดีเลย
     เมษ : โอ๊ะอินี่! ถึงฉันจะไม่เคย เป็นสาวบริสุทธิ์ แต่ฉันก็มั่นใจว่าตัวเองเป็นสาวไฟแรงสูงย่ะ ไม่ได้จืดชืดเป็นท่อนไม้เหมือนแกแน่ๆ ระวังเถอะจะโดนเบื่อ หัดลุกขึ้นมาปรนเปรอผัวบ้างนะแก ชีวิตรักจะได้ซาบซ่า
     ต้นน้ำ : ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ?
     เมษ : อื้อ เชื่อฉัน ฉันฟังคนอื่นมาเยอะ ขนาดอิพวกชะนีสวยๆ ในคณะนะ มันยังโดนผัวทิ้งเล้ย
     ต้นน้ำ : อ้าวทำไมอ่ะ?
     เมษ : ก็ผู้ชายมันไม่รู้จักพอไงแก แล้วประมาณว่าอิเพื่อนฉันมันสวยก็จริง แต่ไม่ถึงใจไง แถมยังดัดจริตอ้อนผู้ชายไม่เป็น เอะอะก็งอน อิผู้ชายมันก็เลยเบื่อ พอมีของฟรีมาเสนอตัวถึงปากมันก็เลยแอบไปซดแก้เซ็ง ทีนี้พอนังเพื่อนฉันมันรู้ก็บ่อน้ำตาแตกสิแก เสือกทำงอน หยิ่ง รับไม่ได้ เล่นตัวให้ผู้ชายมาง้ออยู่นั่นแหละ ผู้ชายมันก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้วไง เจองี่เง่าใส่บ่อยๆ ก็เบื่อสะสม แถมทางนั้นแซ่บกว่า เพื่อนฉันมันเลยโดนทิ้งถาวร นี่ทุกวันนี้มันยังนั่งร้องไห้อยู่เลยรู้มั้ย แกบริหารเสน่ห์แค่ด้านเดียวไม่พอหรอกนังต้น สมัยนี้มันต้องครบเครื่องทุกอย่างย่ะ ไม่งั้นระวังจะเผลอทำผัวหลุดมือให้คนอื่นคาบไปรับประทาน
     ต้นน้ำ : แย่ชะมัดเลยอ่ะ ถ้ารู้ว่าไปกันไม่ได้เลิกกันก่อนก็ว่าไปอย่าง ทำไมผู้ชายมักง่ายมันเยอะจัง ผู้ชายดีๆ หายากขึ้นทุกวันเนาะ
     เมษ : ย่ะ ประชากรผู้ชายมีน้อย ส่วนนึงถ้าไม่เข้าป่าไปกับแกก็กลายพันธุ์มาเป็นแบบฉันเนี่ย อิพวกที่เหลือมันเลยได้ใจมั้งแก เลยทำตัวเล๊วเลว อารมณ์ประมาณว่า กูหล่อ เลว เลือกด้ายย! คิดว่าผู้หญิงทุกคนต้องวิ่งเข้าหามันรึยังไง!
     ต้นน้ำ : ... นี่นายกำลังด่าใครอยู่รึเปล่าเนี่ย?
     เมษ : อื้อ ก็เรื่องนี้แหละที่จะโทรมาเม้า
     ต้นน้ำ : อ้าว ไหนบอกจะเม้าเรื่องเตอร์?
     เมษ : โอ๊ย! อันนั้นก็พูดเล่นไปงั้นแหละแก แหม หลานเพื่อนฉันไม่สนใจหรอก
     ต้นน้ำ : อะๆ งั้นมีอะไรก็ว่ามา
     เมษ : ละแกไม่ต้องไปรีดผ้าแล้วรึไงย๊ะ?
     ต้นน้ำ : เดี๋ยวค่อยทำต่อก็ได้ ยังไงคืนนี้เราก็อยู่คนเดียว
     เมษ : อีกแล้ว? จะปีใหม่แล้วนะแก ผัวแกไม่หยุดเหรอ?
     ต้นน้ำ : หยุดไปเยอะแล้ว พี่ชัชต้องทำงานถึงสิ้นปีโน่น
     เมษ : อดไปฉลองอ่ะสิ?
     ต้นน้ำ : อื้อ ก็คงทำอะไรง่ายๆ กินกัน ในคอนโดมั้ง? แล้วก็... เราอาจจะไปหาคุณปู่ด้วย
     เมษ : เออ ก็ยังดีนะ แกจะได้ไม่เหงา อ๊ะ! รึแกจะไปกับฉันก็ได้นะ เดี๋ยวฉันบอกเพื่อนให้ พวกมันไม่ถือหรอก
     ต้นน้ำ : บ้า! ไม่เอาหรอก เมษไปกับเพื่อนเมษ เราเกรงใจ ไม่ต้องห่วงเราหรอก เราอยู่ได้ อีกอย่างพี่ชัชบอกว่าทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ นี่แหละ ไงก็กลับมานอนห้อง
     เมษ : ย่ะ แฟนแกนี่ก็บ้างานดีเนอะ ขยันหาเงินให้แกใช้ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ประเภทแมลงปีกทองอ่ะ
     ต้นน้ำ : อย่ามาว่าพี่ชัชของเรานะ!
     เมษ : แหม ฉันไม่ได้ว่าจ้ะ ฉันชม ก็ปกติแล้วแบบแกกับแฟนมันไม่ค่อยมีนี่นา ส่วนมากสลับสถานะกันซะมากกว่า แล้วลงท้ายก็มีแต่พวกเรานี่แหละที่ต้องนั่งร้องไห้เพราะผู้ชาย กลายเป็นมิสเปรู เฮ้อ... แกนี่มันน่าอิจฉาชะมัดเลยอ่ะนังต้น เมื่อไหร่ฉันจะเจอผู้ชายดีๆ บ้างนะแก
     ต้นน้ำ : ทำไมอ่ะ? แล้วคนที่เมษเคยชอบคนนั้นล่ะ?
     เมษ : โอ๊ย! เลิกชอบมันแล้ว!
     ต้นน้ำ : อ้าว! ทำไมล่ะ?
     เมษ : เชอะ!
     ต้นน้ำ : อื้อ?
     เมษ : ก็... ก็แบบว่า ฉันไม่อยากเป็นของเล่นของใครนี่นา แกก็รู้ คนแบบฉันน่ะจะหาคนมาทำดีด้วยก็ยากจะตาย พอมีคนมาทำดีด้วยมันก็อดปลื้มไม่ได้แหละแก แต่ที่ไหนได้ ไอ้พวกที่เข้ามาหาคนจริงใจซักคนไม่มี! มีแต่พวก... จิ๊ พวกเห็นเราเป็นของเล่น! มันเห็นว่าฉันเป็นกระเทยแล้วฉันจะง่ายรึไง ถึงจะเป็นดอกไม้ตัดแต่งพันธุกรรมแต่ฉันก็มีศักดิ์ศรีนะแก ไม่ใช่ดอกไม้ริมทางที่ใครนึกจะเด็ดดมก็ทำได้ง่ายๆ
     ต้นน้ำ : แล้ว?
     เมษ : ก็นั่นแหละแก เป็นแกๆ จะยังชอบคนที่มาทำดีกับแกเพราะแค่อยากลองนอนกับกระเทยมั้ยล่ะ! ขนาดฉันโมโหด่ามันไปบอกฉันยังไม่ได้เฉาะ อิเวรนั่นมันยังบอกเลยมันไม่ถือ ทำมาเป็นพูดมันชอบฉันจริงๆ ถ้ามันชอบฉันจริงมันก็ต้องรู้สิว่าเพราะอะไรฉันยังไม่ยอมเสียเวอร์จิ้นตัวเอง มันก็แค่อยากลองของแปลกแค่นั้นแหละแก ฉันไม่โง่พอจะหลวมตัวไปกับคำพูดหลอกเด็กของมันหรอก ดีไม่ดีคงเอาฉันไปนินทากันสนุกปากในกลุ่มมัน ผู้ชายนิสัยหมาๆ แบบนี้มันมีเยอะ
     ต้นน้ำ : ขนาดนั้นเลยเหรอ?
     เมษ : อื้อ ขนาดวันนั้นนะแก ที่มันชวนฉันไปกินข้าวอ่ะ แล้วฉันก็เผลอดีใจนึกว่ามันมาชอบฉันจริงๆ เลยยอมไปกินข้าวกับมัน แกรู้มั้ย มันเอาไปพูดว่าไง มันเลวมากเลยนะแก มันเอาไปพูดกับคนอื่นว่าอีกไม่นานเดี๋ยวฉันก็เสร็จมัน โชคดีที่มีน้องคนนึงเขาได้ยินแล้วเอามาบอกฉัน ฉันเฮิร์ทมากเลยนะ แกนึกออกมั้ยอ่ะ อารมณ์แบบอยู่ๆ ความรู้สึกดีๆ ทุกอย่างมันก็พังทลายไปต่อหน้าต่อตาอ่ะ ฉันโคตรเกลียดมันเลยตอนนี้
     ต้นน้ำ : เมษใจเย็นๆ นะ นายเสียงไม่ดีเลย ไม่ได้กำลังร้องไห้อยู่ใช่มั้ย
     เมษ : แค่เป็นหวัดนิดหน่อยย่ะ ฉันไม่เสียน้ำตาให้ผู้ชายพรรณนั้นหรอก!
     ต้นน้ำ : อื้อ
     เมษ : ฟืด... ฮึก... ฟืดดด...
     ต้นน้ำ : โล่งยัง?
     เมษ : อื้อ ค่อยยังชั่ว แกรู้มั้ย ฮึก! ขนาดกับเพื่อนในกลุ่มฉันเองนะ บางคนมันยังด่าว่าฉันโง่เลย มันหาว่าฉันหยิ่ง ฮึก มีผู้ชายมาให้กินฟรีทำเป็นเล่นตัว ฉันผิดเหรอแกที่ฉันเกิดมาเป็นกระเทยแล้วไม่ร่าน? ฮือ ถ้าฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ แล้วทำแบบนี้คงไม่มีใครว่าอะไรฉันใช่มั้ย ก็แค่ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว แต่เพราะฉันเกิดมาเป็นแบบนี้ใช่มั้ย ฮือๆ เป็นกระเทยแล้วต้องแรดต้องร่านผู้ชายเหรอแก ฉันอยากเป็นผู้หญิงนะแกไม่ได้อยากมีผัวเยอะๆ ฉันอยากเป็นผู้หญิงที่มีผู้ชายดีๆ ซักคนมารักก็พอ
     ต้นน้ำ : ไม่หรอก แค่เพื่อนคนนั้นกับเมษอาจจะคิดกันคนละแบบมั้ง เขาอาจจะเป็นพวกรักสนุกก็ได้ เมษอย่าคิดมากนะ
     เมษ : รักสนุกบ้านมันสิ เอดส์จะถามหาเอา! น่ากลัวจะตาย ฮึก ฉันรู้หรอก ที่จริงมันอิจฉาฉัน! ฉันสวยกว่า น่ารักกว่า นิสัยดีกว่า แล้วก็เรียนเก่งกว่ามัน! มันเลยหาเรื่องมาด่าฉัน ฉันก็เข้าใจนะว่าเป็นธรรมดาที่จะมีการอิจฉากันเองบ้าง จิกกัดบ้างไรบ้าง แต่ถูกว่าแบบนั้นมันก็เจ็บอ่ะแก ฉันอยากให้โลกนี้เห็นฉันเป็นผู้หญิงอ่ะแกเข้าใจมั้ย ฉันยอมไม่มีผัวตลอดชีวิตได้แต่ขอให้ตอนตายฉันมีจิมิ๊อ่ะ!
     ต้นน้ำ : อย่าพึ่งพูดเรื่องตายสิเมษ ใจเย็นๆ นะ
     เมษ : ฮือๆ
     ต้นน้ำ : ให้เราไปหามั้ย? อยู่บ้านรึเปล่า?
     เมษ : ไม่ต้องมาหรอกแก ฮึก ฉันโอเค ขอเวลาแปปนึง
     ต้นน้ำ : อือ...
     เมษ : ฟืด... ฮึก ฟืดดด... ฮึก!
     ต้นน้ำ : ..... แต่เราชอบเมษนะ เราชอบที่เมษเป็นแบบนี้ แล้วเราก็คิดว่าที่เมษเป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วด้วย จำตอนมอห้าได้มั้ย ถ้าไม่ใช่เพราะเมษเรียบร้อยแม็กซ์จะเลือกนายเหรอ?
     เมษ : บ้า! นังต้นนี่ โอ้ย! อย่าพูดเรื่องนั้นนะแก ดูซิฉันไม่มีอารมณ์จะดราม่าเลย! แล้วไงยะ ลงท้ายอิแม็กซ์ก็เสร็จแก
     ต้นน้ำ : น่าเกลียด! เรากับแม็กซ์ไม่ได้มีอะไรกัน!
     เมษ : ก็มากกว่าฉันหน่อยนึง
     ต้นน้ำ : เออๆ ไม่เถียงแล้ว คนเขาอุตส่าปลอบ
     เมษ : ปลอบได้ห่วยมากอ่ะแก แทนที่แกจะเชิดชูฉันว่าเป็นกระเทยเรียบร้อยแห่งชาติ มีศักดิ์ศรีไม่ง้อผู้ชาย รึอะไรก็ว่าไป แกพูดเรื่องอิแม็กซ์เนี่ย!
     ต้นน้ำ : ก็มันนึกไม่ออกนี่
     เมษ : อื้อ แต่ก็ขอบใจนะแก ฉันสบายใจขึ้นตั้งเยอะ
     ต้นน้ำ : ดีแล้วไว้พอนายกลับมาจากไปเที่ยววันไหนว่างๆ พวกเราไปกินข้าวด้วยกันมั้ยล่ะ เราจะได้ไปสวัสดีปีใหม่พ่อกับแม่นายด้วย
     เมษ : แกจะมาบ้านฉัน?
     ต้นน้ำ : อื้อ
     เมษ : ไว้ค่อยดูหลังฉันกลับมาละกัน เนี่ยโคตรเซ็งเลย ไอ้ที่จะไปนี่ก็มีมันไปด้วยอ่ะแก ฉันกลัว
     ต้นน้ำ : หมายถึงคนนั้นอ่ะเหรอ?
     เมษ : อื้อ
     ต้นน้ำ : งั้นก็รักษาระยะห่างไว้สิ อย่าไปไหนกับเขาสองต่อสอง
     เมษ : ไอ้นั่นมันแน่อยู่แล้วย่ะ แต่แบบ... ฉันหงุดหงิดอ่ะ เห็นหน้ามันก็หงุดหงิดแล้ว กลัวพลาดด้วย
     ต้นน้ำ : บ้า ก็ไปกันตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ จะพลาดได้ไง
     เมษ : เอ๊า! ก็ไม่แน่ ก็กลัวไว้ก่อนไง กันไว้ดีกว่าแก้ ฉันน่ะ อยากไปนอนถ่างขาให้หมอดูว่าฉันน่ะรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองเอาไว้ได้จนวันผ่าตัดนะแก แบบความฝันเล็กๆ อะไรทำนองนั้นอ่ะ สวย สง่า บริสุทธิ์ งดงามราวกับแม่พระ คอนเซ็ปฉัน
     ต้นน้ำ : ฮ่าๆ เวอร์ไปแล้วเมษ
     เมษ : เอ้าอินี่ ถ้าฉันไม่ใช่แม่พระวันนั้นฉันไม่หอบแกกลับบ้านหรอกย่ะ!
     ต้นน้ำ : อื้อออ เมษใจดีที่สุดอยู่แล้วล่ะ ว่าแต่สนใจหมอมั้ยล่ะ เดี๋ยวถามพี่ชัชให้ พี่ชัชรู้จักหมอโสดๆ หลายคนอยู่ ฮ่าๆ
     เมษ : บร้า! แหม เรื่องแบบนี้เขินนะแก แต่ถ้าได้แบบ หล่อ รวย โสด ไม่แก่เท่าแฟนแกก็โออยู่นะ
     ต้นน้ำ : อีกแล้วเมษอ่ะ! ชอบว่าพี่ชัช
     เมษ : เอ้า! ก็จริงนี่แก ถามจริงเหอะ มีมั่งป่ะแบบว่าทำๆ อยู่แล้วแบบว่า อ๊ะ ต้น พี่ปวดหลัง อิๆ บอกแฟนแกด้วยนะว่าแก่แล้วอย่าหักโหม ลดท่ายากลงบ้าง
     ต้นน้ำ : เดี๋ยวเหอะ!
     เมษ : อ๊ายๆ มาทำเป็นเขิน
     ต้นน้ำ : พอสบายใจแล้วก็กัดคนอื่นเขานะ รู้งี้ไม่ช่วยปลอบหรอก
     เมษ : โอ๊ะๆ งอน จ้า คุณเพื่อน ขอประทานโทษค่ะ พอดีอิฉันหมั่นไส้แกกับสามีมากไปหน่อย ก็อยากมาเลิฟๆ ให้ฉันตาร้อนทำไม เชอะ!
     ต้นน้ำ : ตัวเองก็มีคนมาจีบตั้งเยอะ ทำเป็นพูด
     เมษ : ก็ไอ้ที่มามันมีดีๆ แบบแฟนแกซักคนมั้ยล่ะนังต้น! เฮ้อ... เอาเถอะ ฉันทำใจไว้ละ ฉันจะงามอย่างมีคุณค่า ไม่ลดศักดิ์ศรีตัวเองเพื่อแลกกับการได้กอดผู้ชายชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็ต้องหาถังมารองน้ำตาตัวเองตอนพวกมันตีจาก
     ต้นน้ำ : อื้อดีแล้ว
     เมษ : ย่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะแก หายหัวมานานละ ต้องไปช่วยแม่ผัดข้าวขายแล้ว เย็นๆ แบบนี้ลูกค้ายิ่งเยอะๆ อยู่
     ต้นน้ำ : อื้อ สู้ๆ นะเมษ
     เมษ : ย่ะ ละฉันจะโทรมาแฮปปี้นิวเยียร์แกจากบนยอดดอยนะย๊ะ
     ต้นน้ำ : อื้ม บาย
     เมษ : บ๊ายบายจ้ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ผู้ชายไม่คงทน เพื่อนสาวนั้นไซร้อยู่ยั้งยืนยง สาวๆ เขาเม้ากันแหละ คาดว่าคนอ่านคงจะชินกับคาแรคเตอร์แล้ว น้องเมษเป็นกระเทย แต่น้องต้นคำจำกัดความที่ใกล้เคียงที่สุดคงหนีไม่พ้นตุ๊ด หาอะไรนะ? นิยายวายเรื่องนี้ตัวเอกเป็นตุ๊ด! ฮ่าๆ

จริงๆ เรื่องนี้มันมีปมนะ แต่ปมมันจะเฉลยตอนท้ายของเรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้นๆ ถึงได้เป็นแบบนี้ คือไม่สามารถมองผู้หญิงได้ หลักๆ เพราะแม่เขานั่นแหละ บวกกับปมเรื่องพ่อด้วย เลยทำให้ต้นชอบผู้ชาย
แต่เราไม่อยากได้เคะสาวแตก ไม่อยากได้เคะแอ๊บแมนล่อลวงคนอ่านว่าเมะชนเมะแต่โคตรมุ้งมิ้งกลิ่นนางเอกโชโจลอยหึ่ง! เคะสาวน้อยพวกนั้นคนอื่นแต่งเยอะแล้ว มาลองเจอตัวเอกฝ่ายรับแบบน้องต้นบ้างจะเป็นไรไป หึๆ
ต้นไม่สาว แต่จะให้อารมณ์แบบผู้หญิงไปเลย ไม่งั้นแล้วพี่ชัชกับแม็กซ์จะหลงได้ไงล่ะคุณขา เป็นตัวเอกที่มีความเป็นผู้หญิงสูงแต่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายต้องพยายามทำตัวให้สมกับเป็นผู้ชายตลอดเวลา ดูสับสนเนาะ นั่นแหละน้องต้นตัวเอกของเรื่องนี้ เราถึงชอบใช้คำว่าตัวเอกแทนนางเอกไง ไม่ค่อยใช้คำว่าเคะด้วย เพราะอยากให้ต้นดูเรียลอ่ะ แต่น้องต้นก็ไม่สาวมากน้า ออกแนวหยิ่งๆ มากกว่า แล้วก็แอ๊บ เหอๆ

ยืนยันว่าคนแต่งไม่ได้เก็บกดจริงจริ๊ง ตอนนี้เขียนเพื่ออวยน้องเมษและแอบใบ้ปมจริงๆ นะ ไม่ได้เก็บกดเลยด่าผู้ชายเล่น เหอๆ  o18 แต่คนแต่งราศีเมษเหมือนพี่ชัชกับน้องเมษเลยแหละ หึๆ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ต้นสาวจริงๆ นะ เราอ่านรวดเดียว 2วันจบ
อยากรับต้นเป็นน้องสาวเลย
คือ แนว สวยหยิ่ง(ไม่หยิ่งจริงหรอก) ถ้าเอาตามไทป์น่าจะ ซึน(แนวปากไม่ตรงกับใจ ไม่กล้าพูด ขี้อาย) และเดเระ สุดพลัง(น่ารักน่าจับกด)

เป็นไทป์ที่ทำให้แฟนตายได้ เพราะถึงจะไม่อ้อนเอาใจ แต่ตามใจแฟนสุดๆ
เฮ่ยยยยยยยย อิพี่ชัช จะน่าอิจฉาเกินไปแล้ว
เมียครบเครื่องมาก

สวย แสนดี แม่บ้านแม่เรือน เอาใจ ไม่งี่เง่า ดูแลตัวเองได้


ถ้าแกทำให้ต้นเสียใจชั้นจะจับตอน!!

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นสาวจริงๆ นะ เราอ่านรวดเดียว 2วันจบ
อยากรับต้นเป็นน้องสาวเลย
คือ แนว สวยหยิ่ง(ไม่หยิ่งจริงหรอก) ถ้าเอาตามไทป์น่าจะ ซึน(แนวปากไม่ตรงกับใจ ไม่กล้าพูด ขี้อาย) และเดเระ สุดพลัง(น่ารักน่าจับกด)

เป็นไทป์ที่ทำให้แฟนตายได้ เพราะถึงจะไม่อ้อนเอาใจ แต่ตามใจแฟนสุดๆ
เฮ่ยยยยยยยย อิพี่ชัช จะน่าอิจฉาเกินไปแล้ว
เมียครบเครื่องมาก

สวย แสนดี แม่บ้านแม่เรือน เอาใจ ไม่งี่เง่า ดูแลตัวเองได้


ถ้าแกทำให้ต้นเสียใจชั้นจะจับตอน!!

อ่าตรงใจมาก ใจจริงที่พิมพ์ไปว่า "แต่น้องต้นก็ไม่สาวมากน้า ออกแนวหยิ่งๆ มากกว่า แล้วก็แอ๊บ เหอๆ" มันควรจะพิมพ์ว่า "แต่น้องต้นก็ไม่เกย์สาวแตกมากน้า ออกแนวหยิ่งๆ มากกว่า แล้วก็แอ๊บ เหอๆ" แต่กลัวโดนสาวๆ แถวนี้กระโดดตบ

ดีใจที่มีคนอ่านรักน้องต้น  :hao5: ปลาบปลื้มมากอ่ะ ดีใจที่พอมาภาคสองแล้วเริ่มมีคนรักตัวเอกคนนี้หลังจากภาคหนึ่งโดนด่าไปเยอะ ฮ่าๆ
ภาคหนึ่งเขียนส่งประกวดเลยแอบตามเทรนพิมพ์นิยม ใส่ความมุ้งมิ้งลงไปแบบแอ๊บๆ พอมาภาคสองเลยปล่อยของสะดวกหน่อย แต่ยังไงความต่อเนื่องมันก็มี เลยเปลี่ยนได้เล็กน้อย ได้ออกมาเป็นตัวเอกแอ๊บๆ แบบนี้ มันจะมุ้งมิ้งก็ไม่สุด จะซึนก็ไม่สุด จะแรงจะร้ายก็ไม่สุด คงคอนเซ็ปอึดอัดใส่หน้ากากเช่นเดิม แล้วแต่ว่าเจอมอสเตอร์แบบไหน เพราะน้องต้นเป็นดอลมาสเตอร์สายเชิดหุ่น มีสกิลหน้ากากเยอะ ฮ่าๆ

ดีใจจนแอบมาคาระวะคนอ่าน อยากบอกว่ารักคนอ่านทุกคนเลยน้า  :mew1: ขอบพระคุณจริงๆ ที่อยู่ด้วยกัน

คืนนี้ยังมีตอนพิเศษอีกสองตอนแหละ(กำลังอัพ) ให้คนอ่านเลือกเอาเองว่าจะฟินกับตอนไหนมากกว่ากัน ระหว่างพี่ชัชกับแม็กซ์ ปั๊วรึเพื่อน? หวานทั้งคู่แต่คนละแบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 8

ขอให้เรามีกันและกันตลอดไป

     ผมกับแฟนรู้จักกันได้สองปีกว่าแล้ว อันที่จริงวันนี้เป็นวันครบรอบสองปีที่ผมกับมันคบกันแบบแฟน แต่ผมกลับต้องมาเลี้ยงฉลองปีใหม่นั่งนับถอยหลังอยู่กับบรรดาลูกค้าและเพื่อนร่วมงานในผับแห่งหนึ่ง ปีแรกที่ผมขอมันเป็นแฟนผมหิ้วมันไปสัมนาด้วยกันที่โรมแรงสุดหรู ซึ่งก็คือผมไปทำงานอยู่ดีแหละ ส่วนปีที่แล้วผมโดนแม่ตัวเองมัดมือชกสั่งให้ไปนั่งแหกขี้ตาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันกับญาติๆ แน่นอนว่าแฟนผมก็ต้องไปด้วยในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัว ตำแหน่ง“สะใภ้เล็ก”ของบ้าน เพราะฉะนั้นปีนี้ผมเลยหาข้ออ้างอีกไม่ได้ ผมหยุดไปเยอะแล้ว ถึงทีให้น้องๆ คนอื่นในทีมได้หยุดไปฉลองกันบ้าง ผมเลยต้องรับหน้าที่พาลูกค้ามาเฮฮานั่งอยู่ท่ามกลางแสงสีเสียงแบบนี้
     อันที่จริงผมก็ไม่มีปัญหาหรอกเพราะผมก็บ้างานพอสมควร ยิ่งงานเอนเตอร์เทนแบบนี้จะให้น้องผู้หญิงคนอื่นมาก็น่าเกลียด ถึงจะมีบางคนที่ชอบเสนอตัวรับงานแบบนี้ก็เถอะ พวกนางเมรีขี้เมาที่ชอบดื่มฟรีน่ะนะ แต่ยังไงๆ มันก็ต้องมีเซลล์ผู้ชายมาด้วยอยู่ดี เผื่อลูกค้าอยากได้อะไรที่มันมากกว่าแอลกอฮอล์ แล้วก็เป็นอันรู้กันว่านั่นมันหน้าที่ผม
     ให้นั่งดื่มฟรี บิลเบิกได้ เฮฮากับลูกค้า นั่งตะล่อมเหยื่อให้รับข้อเสนอบริษัทเรา มีสาวๆ สวยๆ นาบซ้ายขวา มีอาหารตาเต้นให้ดู ผมทำได้อยู่แล้ว โชคดีที่แฟนผมไม่ใช่พวกชอบทำตัวมีปัญหา ผมกับมันฉลองล่วงหน้ากันไปแล้วเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ... โดยฝีมือแม่ผมอีกแล้ว มันก็เลยกลายเป็นฉลองพร้อมหน้าในเครือญาติไปซะชิบ! และก็อย่างที่คุณรู้ รอบนี้พี่ผมยังส่งตัวแถมมาให้ผมเลี้ยงอีกโคตรนาน ผมกับแฟนเลยไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวกัน แถมพอกลับจากไปเที่ยวทะเลผมก็ต้องหัวหมุนกับงานต่อ แม่งเอ้ย! ลำบากชิบหาย เหนื่อยนะครับ ทำงานแบบนี้ใช่ว่าไม่เหนื่อย บางอารมณ์ผมก็อยากกลับบ้านไปนอนพักสงบๆ บ้าง พออายุขึ้นเลขสามแล้วสังขารผมเริ่มไม่ไหวแล้วล่ะ ละนี่ผมพล่ามห่าไรวะเนี่ย? ผมว่าผมเมาแล้วล่ะ แม่ง... ไอ้ต้นต้องด่าผมเช็ดอีกแน่ๆ ที่ผมดื่มจนเมาแบบนี้ แล้วผมจะขับรถกลับไหวมั้ยวะ? ไม่ดิ ไงก็ต้องไหว เดี๋ยวต้องไปส่งหมออีก เวร!

     “แหวะ...
     “ชัช!”
     ใครเรียกผมวะ?
     “ไหวมั้ยเนี่ย? น้ำตาลเห็นหายมานานเลยมาดู หืม...เละเทะเลยเนี่ย”
     น้ำตาล? .... น้ำตาลมาอยู่นี่ได้ไงวะ? อ้อใช่! น้ำตาลพึ่งย้ายเข้ามาทำงานในบริษัทเดียวกับผม แล้วก็บังเอิญเราได้อยู่ทีมเดียวกัน ผมเลยต้องพาน้ำตาลมางานนี้ด้วย ช่วยฝึกเด็กใหม่... ฮ่าๆ  อย่างยัยน้ำตาลเนี่ยนะใหม่ จิ้งจอกชัดๆ ใหม่บริษัทผมแต่เก่ามาจากที่อื่นอ่ะดิ นโยบายดูดคน แม่ง! เอาใครไม่เอาเสือกเอายัยน้ำตาลมา เวรเอ้ย!
     “ชัช ได้ยินที่น้ำตาลพูดมั้ย?”
     “ได้ยินคร้าบ แป็บนะ ขอล้างหน้าอีกแป็บ แหวะ!
     “ชัช! ค่อยๆ”
     “ดีขึ้นมั้ย?”
     ผมรับผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำที่ยัยน้ำตาลส่งให้มาเช็ดหน้าตัวเอง กลิ่นหอมอ่อนๆ กระจายออกมาจากตัวเธอตอนที่เข้ามาใกล้ผม ...แบบเดียวกับที่แฟนเก่าผมใช้เลย น้ำหอมยี่ห้อเดียวกันเป๊ะ แต่จะว่าไปยัยนี่ก็กิ๊กเก่าผมเหมือนกันนี่หว่า แถมยังเก่าตั้งแต่สมัยเรียนด้วย
     “อือ”
     “ดื่มจนเมาเละเลยนะชัช”
     “โล่งแล้ว ออกหมดท้อง โล่งถึงหัวเลย”
     น้ำตาลยิ้มขำๆ ให้กับมุขแปกของผม เราออกมาสูดอากาศกันด้านนอก ส่วนข้างใน ปล่อยให้เด็กคนอื่นมันดูไปครับ
     “หมอวีกับหมอแก้วอ่ะ?”
     ต่อให้คืนอันตรายโรงพยาบาลจะยุ่งขนาดไหน เชื่อเถอะครับ ยังไงมันก็ต้องมีพวกที่แลกเวร โดดเวร พวกรักแต่ตัวเองหนีเที่ยวได้อยู่ดี แล้วหน้าที่ผมก็คือหลอกล่อหมอไม่รักดีพวกนี้แหละให้ตกลงธุรกิจกับผมง่ายๆ อย่ามาโทษผมเลยถ้าค่ายามันจะแพงขึ้น เราอยู่ในโลกของธุรกิจนะครับ ถ้าไม่อยากเจ็บปวดกับค่ารักษาพยาบาลที่ไม่สมเหตุสมผลก็อย่าป่วย ทำงานมาเป็นสิบปีความดำมืดทั้งหลายของระบบสาธารณสุขนี่ผมเห็นจนชินชาแล้ว แต่ถ้าผมไม่ทำ ผมจะเอาที่ไหนกินอ่ะ?
     “แจนพาหมอแก้วไปส่งแล้ว เหลือแต่หมอวีอยู่ข้างใน ร้านไม่ปิดแกคงไม่กลับหรอก”
     “เหรอ ตาลกลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวชัชเข้าไปดูต่อเอง”
     “สภาพแบบนี้จะไหวเหรอ?”
     “ไหวดิ หายเมาแล้ว ตาลรีบกลับบ้านไปเหอะ ป่านนี้ลูกตาลรอแย่”
     กิ๊กเก่าผมกลายเป็นซิงเกิ้ลมัมไปแล้ว แต่ตอนที่ผมพูดน่ะผมไม่ได้นึกถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักคนนั้นหรอกนะ แทนที่ผมจะนึกถึงหน้าลูกเพื่อน ผมกลับนึกถึงเจ้าของดวงตาเรียวรีเศร้าๆ คนนั้น คนที่ไม่ว่าอะไรก็มักจะตามใจผมอยู่เสมอ แล้วก็ชอบเผลอยิ้มแบบเศร้าๆ ป่านนี้มันคงรอผมอยู่ที่ห้อง เข็มนาฬิกาเลยเวลาเที่ยงคืนมานานโข ผมยังไม่ได้โทรหามันซักแอะ มันจะรอผมอยู่รึเปล่า?
     “เอางั้นก็ได้ ขอบใจมากนะชัช”
     “อื้อ”
     เดี๋ยวไงหมอแกก็ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือไปเปิดโรงแรม งานแบบนี้ให้ผู้ชายทำดีกว่าครับ ถ้าผมไม่อยากให้มีปัญหาหมอเสร็จคนในทีม เกิดอะไรขึ้นมันจะพาลซวยไปทั้งหมด ไล่ยัยน้ำตาลกลับแหละดีแล้ว ที่เหลือผมน่าจะจัดการเองได้ไม่ยาก
     “ชัชเองก็ดูแลตัวเองด้วยนะ ถ้าไม่ไหวก็-”
     “เออน่ะ ชัชดูแลตัวเองได้”
     หลังจากร่ำลากันเสร็จแล้ว ผมก็ต้องเข้าไปเมาต่อ ไอ้หมอนี่มันคอแข็งชิบเป้ง เวร! คืนนี้ผมจะถึงห้องมั้ยวะ?

     โชคดีชะมัดที่ระบบเผลาผลาญผมมันดี แถมยังอ้วกไปเกือบหมดท้องเลยโล่งขึ้นเยอะ คิดแล้วยังงงตัวเองไม่หาย เพราะอะไรผมถึงได้เมาเละแบบนั้นวะ? ผมเครียดเรื่องอะไรอยู่กันแน่ ชีวิตผมก็มีความสุขดีนี่หว่า... ดีนะครับที่ผมสร่างเมาแล้วจริงๆ เลยขับรถกลับมาถึงคอนโดได้ เกือบซวยเจอให้นั่งพักกับจ่าที่ป้อมแล้ว แต่ผมมีเสื้อในรถไว้เปลี่ยน สภาพเลยดูไม่แย่มาก ตอนลงไปเป่าเลยพอกล้อมแกล้มผ่านมาได้
     โถงทางเดินในคอนโดผมเงียบสงบไร้ผู้คน ผมยกข้อมือขึ้นดูเวลา เกือบตีสี่ ป่านนี้ต้นคงนอนไปแล้ว
     แต่ภาพแรกที่ผมเห็นหลังจากไขกุญแจเข้าห้อง คือ... ไอ้ต้นหลับคาโซฟาหน้าทีวีที่เปิดไว้ แฟนผมคู้ตัวซุกอยู่ในผ้าคลุมไหล่ผืนที่แม่มันเคยใช้ ต้นนอนหลับตาพริ้มทั้งๆ ที่ไฟในห้องก็ไม่ได้ปิด ผมบอกมันแล้วแท้ๆ ว่าให้นอนได้เลยไม่ต้องรอ เด็กดื้อเอ้ย...
     “อื้อ พี่ชัช”
     แฟนผมสะดุ้งตื่นเพราะน้ำหนักของผมที่กดลงบนโซฟา ต้นมันกระพริบตาปริบๆ สองสามทีก่อนจะถามผม
     “กลับมาเมื่อไหร่ครับ?”
     “พึ่งถึงครับ ทำไมไม่นอน รอพี่ทำไม บอกแล้วว่าคืนนี้พี่อาจกลับเช้า”
     พอถูกผมดุมันก็หน้าเสียนิดหน่อย ต้นมันหลบตาผม ผมลูบหัวมันเบาๆ ให้รู้ว่าไม่ได้โกรธ ผมไม่ได้โกหกมันนะครับ ถ้าคืนนี้ผมเมามาก ขับรถกลับไม่ไหว ผมอาจจะหาโรงแรมนอนแถวนั้นก็ได้ ผมไม่อยากให้มันต้องลำบากรอผมแบบนี้เลย แฟนผมแสนดีเกินไปจริงๆ
     “ขอโทษครับ”
     “ขอโทษพี่ทำไม พี่สิต้องขอโทษเรา”
     ผมรักมันนะ แล้วผมก็ไม่ได้โกรธมันจริงๆ แต่... เมฆหมอกในใจผมนี่มันคืออะไรกัน? ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีก็เลยจูบหน้าผากมันไปเบาๆ
     “อื้อ! กลิ่นหึ่งเลยครับ พี่ชัชเมามากรึเปล่าเนี่ย แล้วนี่กลับมายังไงครับ ขับมาเองหรือว่าแท็กซี่ ถ้าพี่ไม่ไหวไม่ต้องผืนก็ได้นี่ครับ”
     มันบ่นผมอีกแล้ว บ่นผมทั้งๆ ที่ตัวเองก็มานอนรอผมกลับเนี่ยนะ? อะไรบางอย่างมันอุ่นวาบในอกข้างซ้ายของผม ผมคิดว่านั่นคือความเอ็นดู ผมแพ้ทางเจ้าเด็กคนนี้จริงๆ สินะ ฮ่าๆ ผมยิ้มให้กับคิ้วยุ่งๆ ของมัน ต้นมันทำหน้างง ผมเลยเฉลยให้มันฟัง
     “ก็พี่รู้ไงว่ามีคนรอ เลยพยายามกลับมาหา ขอโทษนะครับ นอกจากจะไม่ได้ฉลองด้วยกันแล้วพี่ยังไม่ว่างโทรมาอีก”
     ต้นมันเขิน อยู่กันมาตั้งสองปีแล้วมันยังเขินเพราะคำพูดของผม หน้าที่แดงขึ้นนิดหน่อยแล้วก็ทำท่าหลบตาผมแบบนั้นน่ารักจริงๆ เลย ...
     ความจริงแล้วผมอาจจะเมานิดหน่อยก็ได้ เพราะอย่างนั้นผมก็เลยสวมบทคนเมาทิ้งน้ำหนักกอดมันเอาไว้ ต้นมันตัวเล็กจริงๆ ไซส์แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงที่ผมเคยกอดเลย กลิ่นหอมพีชอ่อนๆ คุ้นจมูกจากตัวมันช่วยทำให้อารมณ์ผมผ่อนคลาย ความรู้สึกนี้เองที่บอกผมว่าผมกลับถึงบ้านแล้ว
     “ผมก็แค่มานั่งดูทีวีแล้วเผลอหลับ ...”
     “อะไรกัน ผัวอุตส่ากลับมา ไม่ดีใจให้พี่ชื่นใจซักนิดเลยเหรอ”
     ผมพูดไปงั้นแหละ รู้อยู่แล้วว่ายังไงมันก็ต้องดีใจ ผมเดาว่ามันต้องกำลังหน้าแดงจัดแล้วก็แอบเม้มปากเพราะความเขินอยู่แน่ๆ แต่ผมอ่ะแบตหมดแล้วครับ โคตรเหนื่อยเลย ชักไม่ไหวแล้ว
     “พาพี่เข้าห้องหน่อยดิ ไม่ไหวแล้วว่ะ”
     “อื้อ... ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
     “เออ กว่าจะขึ้นมาถึงห้องได้ก็แทบคลานละว่ะ”
     อ้อนเมีย มีความสุขครับ ผมว่าผมจำได้แล้วล่ะว่าผมรักไอ้ต้นเพราะอะไร คิดแล้วทุเรศตัวเองเป็นบ้าเลย ผมจะสับสนไปหาพระแสงอะไรกันวะ?
     ผมคงเมามาก สมองผมเบลอไปหมดแล้ว ผมจำไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ รู้แต่ว่าก่อนหน้านี้เหมือนมีปัญหาอะไรสักอย่างรบกวนใจผม ซึ่งผมเองก็ตอบไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมคงเซ็งมากจริงๆ นั่นแหละ เลยเผลอซัดเข้าไปซะขนาดนั้น โชคดีชะมัดที่ยังไม่ตายกลับมาหาไอ้ต้นได้ครบสามสิบสอง ดูท่าผมคงต้องเลิกดื่มหนักแบบนั้นจริงๆ จังๆ ซะแล้ว นิสัยเครียดแล้วกอดขวดนี่แก้ไม่หายซะที ... แค่ได้กลับมานอนเมาให้เมียดูแลแบบนี้ผมว่าจะเรื่องอะไรก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ ผมรักต้น ขอแค่ยังมีต้นอยู่ข้างๆ ผมก็พอ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำมันหอมระเหยอะไรสักอย่างในห้องกับสัมผัสอุ่นๆ จากผ้าขนหนูที่บรรจงเช็ดหน้าให้ผมอย่างเบามือ มีกี่คนกันที่จะแหกขี้ตามาเช็ดตัวให้ผมตอนเมาแบบนี้ ผมรู้ครับว่าผมมันแย่ แต่ช่างแม่งเหอะ ขอแค่พรุ่งนี้ผมยังมีต้นอยู่ข้างๆ ผมก็พอแล้ว

     ปวดหัวครับ ผมรู้จักอาการแบบนี้ดี “แฮงค์” นี่ผมมานอนบนเตียงได้ไงวะเนี่ย? อ้อใช่! เมื่อคืนผมเมามาก แต่ก็ยังลากสังขารกลับห้องได้อยู่ พอมาถึงห้องแล้วที่เหลือก็เป็นหน้าที่ไอ้ต้นละ แฟนผมนอนซุกอยู่ข้างๆ กันนี่แหละ สงสัยเมื่อคืนมันก็ไม่ได้นอนเหมือนกัน ...
     ผมจำได้ละ! ต้นมันไม่ยอมนอน รอผมกลับห้องเกือบถึงเช้า แถมยังต้องช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมอีก เพราะตอนนี้ผมใส่ชุดนอน เสื้อผ้าคนละชุดกับตอนผมออกไปทำงานเมื่อวาน
     ถ้าจำไม่ผิดเมื่อคืนผมอ้วกแตกด้วยนี่หว่า? ผมเปลี่ยนเสื้อก่อนกลับ ละผมเก็บเสื้อตัวนั้นไว้ไหนนะ? ท้ายรถหรือในรถ? ต้องเอารถไปล้างอีกแหง๋ๆ เฮ้อ... เซ็งครับ มีหวังปีนี้ผมได้เมาเละทั้งปีแน่ๆ เริ่มต้นวันที่หนึ่งแบบนี้แล้วรู้สึกทุเรศตัวเองเป็นบ้าเลย!
     ผมหันไปมองไอ้ต้น ... มันหลับ ปกติต้นมันรู้สึกตัวง่ายมาก ตื่นก็ง่าย แต่วันนี้มันหลับลึกผิดปกติ สงสัยเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนจริงๆ ความผิดผมสินะ? ความรู้สึกผิดกับความเอ็นดูผสมกันจนผมเผลอไล้แก้มมันเล่น พอเห็นมันเริ่มย่นคิ้วนิดหน่อยผมก็เลยจูบรับอรุณมันไปหนึ่งที และแล้วเจ้าหญิงก็ตื่นจากนินทรา
     “พี่ชัช... อรุณสวัสดิ์ครับ”
     เมียผมบอกอรุณสวัสดิ์ผัวทุกเช้า กล่าวราตรีสวัสดิ์ผมทุกคืน ขาดแค่ไม่ได้กราบเช้ากราบเย็นนะครับเนี่ย ตื่นมาแล้วได้ฟังคำทักทายแบบนี้ทำให้รู้สึกดีเป็นบ้า! แต่ผมยังไม่ได้บอกปีใหม่มันเลยนี่หว่า...
     “แฮปปี้นิวเยียร์ครับ”
     พอได้ยินคำทักทายของผมแล้วต้นมันก็ทำหน้างงๆ อยู่สองวิก่อนจะยิ้มออกมา ต้นมันยิ้มให้ผมแบบโคตรละลายใจอ่ะ! เมียผมน่ารักที่สุด ขอพี่แลกขี้ฟันอีกซักทีสองทีก็แล้วกัน
     “อื้อ อี้อั๊ด!”
     ต้นมันได้แต่ร้องอู้อี้ เพราะถูกผมแลกลิ้นด้วยแต่เช้า ผมก็ไม่ได้กะจะนัวเนียเอาจนฟินอะไรขนาดนั้นหรอกนะ รู้แต่อยากทำ อยากจูบมัน พอผละออกจากกันได้ ต้นมันหน้ามุ่ยเชียว ย่นคิ้วนิ่วหน้าเตรียมอ้าปากด่าผมชัวร์
     “พี่ชัชอ่ะ!”
     ว่าแล้ว... อีแก่ขี้บ่นของพี่เอ้ย! อารมณ์อิ่มเอมใจมันปะทุขึ้นมาจนแทบทะลัก ถึงจะถูกด่าแบบนี้แต่ผมรู้สึกดีเป็นบ้า ผมนึกถึงขายหัวเราะจริงๆ นะ อยากอยู่กับต้นไปนานๆ แบบนั้นจัง โดนมันบ่นทุกวันผมก็ยอม ให้มันเป็นอีแก่ของผมแล้วผมจะเป็นไอ้แก่ให้มันเอง
     “ไม รังเกียจผัวเหรอ? ฮ่าๆ”
     “ก็... เมื่อคืนพี่เมามาฟันก็ไม่แปรง ผมเหม็นอ้วก”
     “ก็เราอยากมายั่วพี่ทำไมล่ะ”
     “ผมไม่ได้ยั่ว!”
     “แค่ยิ้มก็ยั่วแล้วต้น ไม่รู้ตัวเหรอครับว่าพี่รักเราขนาดไหน แค่เห็นต้นยิ้มพี่ก็ของขึ้นแล้ว”
     เจอมุขเลี่ยนๆ ของผมเข้าไปแบบนี้แฟนผมก็หน้าแดง มันเขินจนเฉไฉหันไปมองโน่นมองนี่ก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอน เสียงพึมพัมเบาๆ ลอดออกมาพอให้ผมได้ยินว่า “พี่ชัชบ้า!” ขี้อายจริง... แต่แบบนี้แหละ น่ารักสุดๆ!
     แฟนผม... คุณสมบัติภรรเมียดีเด่นมันผ่านหมดทุกอย่าง ขาดก็แค่อุ้มท้องได้แบบผู้หญิง นอกนั้นผมว่ามันไม่แพ้คนอื่นหรอก แต่สิ่งที่มันน่ารักจริงๆ ก็คือตอนที่มันเขินนี่แหละ เวลาอายแล้วทำหน้าแดงๆ หรือแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้นี่สุดยอด ผมลืมความน่ารักของมันไปได้ยังไงนะ ถึงมันจะไม่ค่อยมีจริตมารยาแบบที่ผมชอบ ถึงเรื่องบนเตียงมันจะไม่ค่อยสะใจผมเท่าไหร่ แต่ไอ้เรื่องทำหัวใจผมเต้นอย่างกับเด็กวัยรุ่นนี่ไอ้ต้นกินขาดจริงๆ
     แม้พวกผมจะไม่มีพันธะอะไรมาผูกพัน ไม่มีโซ่มาคล้อง ไม่มีห่วงให้ผูก แต่ผมได้ไอ้ต้นมันแล้วผมควรรับผิดชอบมัน ยิ่งไอ้ต้นมันรักผมขนาดนี้ผมก็ควรจะเสียสละความฝันของตัวเองเพื่อมันบ้าง ยอมมีความสุขเท่าที่ผมจะคว้าเอาไว้ได้แบบนี้จะเป็นไรไป ผมนี่มันโง่จริงๆ ถ้ามัวแต่ยังดิ้นรนไขว่คว้ามองว่ามันยังไม่พอสำหรับผม อยากได้มากกว่านี้ เผลอๆ ความสุขที่ผมมีอยู่นี่ก็อาจจะเล็ดลอดหลุดจากมือผมไปเหมือนเม็ดทรายก็ได้ ผมควรจะรักและทะนุถนอมมันสิ งั้นก็เอาใจมันหน่อยดีกว่า
     “วันนี้ไปเที่ยวกันป่าว”
     “หยุดเหรอครับ?”
     “หยุดดิ สภาพงี้จะไปทำงานไหวได้ไง”
     “ทำงานไม่ไหวแล้วจะไปเที่ยวเนี่ยนะครับ?”
     “ก็ทำงานกับเที่ยวมันคนละเรื่องกัน ครบรอบสองปีทั้งที ไม่อยากไปฉลองด้วยกันหน่อยเหรอครับ?”
     พอได้ยินผมพูดแบบนั้นแล้วไอ้ต้นก็หน้าแดง... มันขยับตัวเข้ามากระแซะผมก่อนจะพูดคำพูดติดปากของมันว่า
     “แล้วแต่พี่ชัชสิครับ”
     ไอ้แบบเนี้ยะ! คนอื่นไม่เคยมีให้ผมจริงๆ นะ สักวันผมต้องเป็นเบาหวานตายเพราะมัน เมียผมหวานไปทั้งตัว น่ารักจริงๆ แฟนผม เพราะอารมณ์หวานๆ ที่เกิดขึ้นกระทันหัน คนน่ารักเลยโดนผมระดมจูบไปเยอะเหมือนกันครับ กว่าผมจะปล่อยให้มันลุกไปอาบน้ำได้ ส่วนผมน่ะเหรอ? ขอพี่ต่ออีกสักห้านาทีนะครับที่รัก...

     ผมอาบน้ำแต่งตัวออกมานั่งกินอาหารเที่ยงแบบง่ายๆ แต่จัดเต็ม ต้นมันแอบทำเค้กนมสดแบบที่ผมชอบไว้ด้วย ผมว่าละว่าต้องมีอะไร ตอนที่มันอุ่นข้าวผัดอเมริกันให้ผมเสร็จแล้วมันก็ทำท่าเขินๆ ถามผมว่า “พอดีเมื่อวานผมอยากทานเค้กก็เลยทำไว้ พี่ชัชอยากรับของหวานหน่อยมั้ยครับ?” ไม่บอกล่ะครับว่าทำให้พี่? อยากทานบ้านมันดิ ยังไม่ได้ตัดแบ่งสักชิ้น ทำไว้ให้ผมชัดๆ ผมรู้น่ะ
     แต่เพื่อไม่ให้เมียเขินจนมาพาลด่าผม ผมก็เลยต้องเก็กๆ ซะหน่อย ทำเป็นไม่รู้แล้วก็นั่งซัดเค้กของโปรด ผลก็คือแค่มื้อเที่ยงก็ทำเอาผมอิ่มแปล้ แต่ก็คุ้มครับ ได้เห็นสีหน้าท่าทางมีความสุขของไอ้ต้น นึกแล้วก็ขำชิบ ท่าทางรอลุ้นให้ผมกินอาหารที่มันทำละพอผมกินเสร็จมันก็จะนั่งยิ้มหน้าบานแบบนี้คล้ายกับแม่ผมจริงๆ นั่นแหละ เหมือนที่ไอ้เตอร์พูดไว้เลย
     เวลาที่ผมชอบอะไร ถ้าไอ้ต้นมันรู้มันจะพยายามทำให้ผมกินบ่อยๆ ยิ่งโอกาสพิเศษนี่ของชอบผมมีไม่เคยขาดอ่ะ ต้นมันเตรียมไว้ให้ผมตลอด ละพอผมชมมันที่อุตส่าทำเพื่อผมขนาดนั้นมันก็จะดีใจยิ้มจนแก้มปริ ไอ้ท่าทางพยายามเอาใจผมแบบนี้นี่เหมือนเด็กเลยครับ เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่อยากได้คำชมจากพ่อแม่เลย คงเป็นปมของมันมั้ง? แต่ผมไม่ลำบากหรอกที่จะเล่นบทคุณพ่อขายาวแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ถ้าทำแล้วได้เห็นรอยยิ้มสดใสแบบนี้อีก ให้ผมทำอะไรก็ยอมครับ รักเมียหลงเมีย!
     พอเราเตรียมตัวเสร็จก็สตาร์ทรถขับออกจากคอนโดไปวัดกัน ต้นมันอยากไปทำบุญ มันก็จริงที่ผมให้ไอ้ต้นเป็นคนเลือกว่าอยากไปเที่ยวไหน แต่ที่ไหนได้มันดันบอกให้ผมพามันไปวัด พวกเราเลยเลือกวัดใกล้ๆ คอนโดนั่นแหละครับ ต้นมันชวนผมลงไปซื้อชุดสังฆทานแล้วก็ไปหาเจ้าอาวาสที่กุฏิท่าน พวกเราถวายสังฆทานกันอย่างเรียบง่าย พอมันกรวดน้ำเสร็จ ก็ชวนผมไปให้อาหารปลา สบโอกาสแล้วผมก็เลยถามมันสักหน่อย อดใจไม่ไหวอ่ะครับ
     “ทำไมอยู่ๆ ถึงชวนพี่มาทำบุญละครับ?”
     “ก็... เป็นห่วงพี่ชัชมั้งครับ”
     “ห่วง? ห่วงพี่เนี่ยนะ เกี่ยวอะไรกับทำบุญ?”
     “ก็ปีใหม่ทั้งทีผมก็เลยอยากทำอะไรดีๆ บ้าง”
     ต้นมันบิขนมปังออกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะโยนออกไปให้บรรดาปลาที่แห่กันมารอรับอย่างแออัด วันนี้แฟนผมใส่ชุดใหม่ด้วยเว้ยเฮ้ย สงสัยเป็นชุดที่ไปซื้อกับน้องเมษคราวก่อนที่เคยเล่าให้ผมฟังแหง๋ๆ กางเกงยีนส์เข้ารูปหน่อยๆ ไม่ถึงกับเดฟ แต่ต้นใส่แล้วขึ้นมากครับ การเกงทรงพอดีตัวแบบนี้ช่วยให้ต้นมันดูเพรียวขึ้นเยอะเลย แถมยังเห็นก้นงอนๆ นั่นชัดอีกต่างหาก เสื้อแขนยาวสีเทานั่นถึงจะเรียบๆ แต่ก็ใส่แล้วขึ้นเป็นบ้า เห็นไหปลาร้าดูเซ็กซี่หน่อยๆ มันถลกแขนเสื้อขึ้นเพื่อให้สะดวกในการให้อาหารปลาดูทะมัดทะแมงดีไม่หยอก เสียดายแว่นนั่นบังตาสวยๆ ของมันไปหมด เพราะมันไม่ยอมใส่คอนแทคเลนส์ เมื่อก่อนมันก็น่ารักอยู่แล้วนะ แต่พอแต่งตัวนิดๆ หน่อยๆ แบบนี้แล้วผมว่ามันหล่อเลยล่ะ ผมไม่แปลกใจเลยถ้ามีผู้หญิงมาชอบมัน แต่ยังไงผมก็ไม่ปล่อยให้เมียผมโดนผู้หญิงคนไหนคว้าไปหรอกครับ ผมรักของผม
     “ละอีกอย่าง ผมเป็นห่วงพี่ชัชนะครับ เมาแล้วก็ขับรถแบบนั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมจะทำยังไง ผมไม่สบายใจนี่นา เลยอยากชวนพี่ชัชมาทำบุญ... เผื่อ... กุศลจะได้ช่วยคุ้มครองพี่ชัชมั้งครับ”
     ตอนแรกผมก็เซ็งนะ ไอ้ต้นบ่นผมอีกแล้ว แต่ท้ายๆ ประโยคนั่นผมซึ้งครับ! ยิ่งเห็นไอ้ต้นมันงุ้งงิ้งงึมงัมแล้วก็แอบเหลือบตามามองผมก่อนจะเฉไฉไปโยนขนมปังให้ปลา โอ้ย อยากลากเมียกลับบ้านชะมัด! หนีเขตวัดกันเถอะน้องเอ้ย! พี่ไม่อยากบาปหนักข้อหาคิดเรื่องหื่นๆ ในเขตสงฆ์
     ผมพูดอะไรไม่ออกนอกจากยิ้ม พอต้นมันเห็นผมยิ้มมันก็เลยยิ้มตาม มันยิ้มอายๆ แล้วก็ให้อาหารปลาต่อ ระหว่างเราสองคนไม่ต้องพูดอะไรกันแต่ผมว่ามันก็รับรู้ได้เหมือนผมนะ ไอ้อารมณ์หวานๆ อุ่นๆ สุขใจยิ่งกว่ากินไก่ลุงเคนเนี่ย แฟนผมแม่งน่ารักที่หนึ่งเลย เพราะแบบนั้นผมก็เลยลูบๆ ขยี้หัวมันไปสองที แปลกแฮะคราวนี้มันไม่บ่นหาว่าผมแอบเช็ดมือกับหัวมัน
     “ให้อาหารปลาเสร็จละต้นอยากไปไหนต่อป่ะครับ?”
     “ไม่รู้สิครับ”
     “เราอยากทำไรรึเปล่าละ? มีโปรแกรมมั้ย”
     “อืม... นึกไม่ออกอ่ะครับ ละพี่ชัชล่ะ? พี่ชัชอยากทำอะไรรึเปล่าครับ? ผมแล้วแต่พี่ชัชละกัน”
     “พี่เหรอ? พี่อยากงาบเมียว่ะ”
     ต้นมันอึ้งไปหน่อยๆ ก่อนจะหน้าแดงแปร๊ด มันขมุบขมิบปากอ่านได้ใจความว่า “พี่ชัชบ้า” หึๆ น่ารักชิบเป๋ง!
     ปีใหม่แบบเรียบง่ายอย่างนี้ก็ดีไปอีกแบบนะครับ สงบสุขดี ถึงจะไม่มีแสงสีเสียงอลังการณ์ละลานตา แต่แค่ได้อยู่กับคนที่เรารัก ทำบุญทำทานเพิ่มความเป็นศิริมงคลกับชีวิต มีคนรู้ใจคอยเตือนสติกัน ชีวิตแบบนี้ก็เรียบง่ายดี ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก ผมลืมไปได้ยังไงนะ ว่าอีกข้อที่ผมชอบไอ้ต้นก็เพราะว่าเวลาที่อยู่กับมันแล้วผมไม่เหนื่อย
     พูดแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองพึ่งโผล่พ้นน้ำเลยครับ ผมมัวแต่หลงอยู่ในตมตั้งนาน คิดมากเรื่องไอ้ต้น มัวแต่เปรียบเทียบมันกับคนอื่นอยู่ได้ นั่งคิดข้อดีข้อเสียของมันแล้วก็นั่งเซ็งที่มันตอบโจทย์ความฝันของผมได้ไม่ครบ โดยเฉพาะมันขาดในสิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุด โดยที่ผมลืมมองไปว่าต้นมันมีอะไรให้ผมบ้าง แล้วสิ่งที่มันทำให้ผมได้พวกนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมากแค่ไหน แถมยังหาไม่ได้จากคนอื่นอีก ผมนี่แม่งโง่ชะมัด!
     เพราะต้นมันเขิน ก็เลยบิขนมปังแล้วโยนให้ปลารัวๆ ไม่นานขนมปังก้อนใหญ่ก็เกลี้ยง เป็นอันว่าผมหมดอุปสรรคไปอย่าง
     “กลับคอนโดกันป่ะ?”
     ผมเอื้อมไปกุมมือของต้นแล้วทำเสียงทะเล้นถามมัน หน้าที่แดงอยู่แล้วของต้นก็เลยยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ ลามไปทั้งคอจนถึงหู ต้นมันพยักหน้าหน่อยๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่เป็นอันว่าเข้าใจกันนะครับ ว่าผมจะกลับคอนโดไปงาบเมีย ฮ่าๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     ถ้าหากพวกคุณอยากรู้ละก็ ผมไม่ได้กลับคอนโดทันทีหรอก อุปสรรคเยอะชิบ! แต่ต่อให้มีฟ้าถล่มมาตรงหน้าผมก็จะพาไอ้ต้นกลับไปงาบให้ได้วันนี้ ... คืนนี้ก็ได้วะ!
     คือตอนที่เรากำลังจะเดินกลับไปที่รถดันมีโทรศัพท์ด่วนมาบ่นน้อยใจน่ะครับ ผมก็เลยต้องมานั่งใช้โหมดโปรเฟสชันแนลปั้นหน้ายิ้มอยู่บ้านปู่ไอ้ต้นมัน คุณปู่ขี้เหงาบ่นน้อยใจโวยวายว่าปีใหม่ทั้งทีทำไมหลายชายไม่มาเยี่ยม ทั้งๆ ที่ต้นมันพึ่งไปหาปู่มันมาเมื่ออาทิตย์ก่อน แกบ่นโวยวายน้อยใจใหญ่ ไอ้ต้นยิ่งขี้ใจอ่อนอยู่ด้วย มันก็เลยหันมาอ้อนผมขอให้พามันไปกินข้าวเย็นกับปู่ ผมก็เข้าใจความหมายแฝงนะ มันอยากให้ผมไปกับมันด้วยไม่ใช่แค่ไปส่ง เอาก็เอาวะ!
     แล้วผมก็คิดไว้ไม่ผิด อึดอัดโคตร... ถึงเงินเดือนผมมันจะน้อยจนซื้อสร้อยเพชรสักเส้นในร้านปู่แกไม่ได้แต่ก็เลี้ยงไอ้ต้นได้ก็แล้วกันครับ ผมน่ะชนชั้นกลางธรรมดาๆ นะครับ อยู่แบบพอมีพอกิน ไหนเลยจะรวยอู้ฟู่มีเงินเหลือกินเหลือใช้แบบเจ้าสัวแก
     แต่ได้มาเห็นแบบนี้ก็ดีครับ ผมถึงได้รู้ว่าต้นมันเข้ากับญาติๆ ฝั่งพ่อได้แล้ว แถมมันยังสนิทกับลุงมันมาก แต่ทำไมผมเสียวๆ ยังไงก็ไม่รู้ เห็นสายตาเทิดทูนที่ต้นมองลุงมันแล้วผมแปล๊บในใจแปลกๆ ดีนะครับที่สองคนนั้นเขาเป็นญาติกัน แล้วในระหว่างที่ผมนั่งอิจฉาอยู่ก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรมกับผมด้วยเหมือนกัน พ่อไอ้ต้นนั่งงอนลูก ผู้ชายอายุเกือบห้าสิบกำลังหมั่นไส้พี่ชายตัวเองข้อหาลูกปลื้มลุงมากกว่าพ่อ แต่ถึงยังไงก็มีแต่ผมนี่แหละที่หัวเดียวกระเทียมลีบ ก็พ่อไอ้ต้นพกมาทั้งเมียทั้งลูกสาว ส่วนผม... เมียผมดันกำลังปฏิบัติหน้าที่ลูกหลานกตัญญูอยู่ ไม่ว่างมาเทคแคร์
     ผมเคยคิดว่าถ้าผมแต่งงานผมอยากได้เมียที่เข้ากับแม่ผมได้ แต่ที่ผมไม่ได้คิดก็คือญาติเมียผมจะเกลียดผม ออกแนวรังเกียจหน่อยๆ เลยด้วยเอ้า! นี่สินะครับความแตกต่างของชนชั้น ปู่ไอ้ต้นเกลียดผมเพราะผมเสือกทำหลานชายคนเดียวที่เหลืออยู่ของแกเป็นเกย์ พ่อไอ้ต้นเกลียดผมเพราะผมเสือกพาลูกเขาไปรถคว่ำเกือบเอาชีวิตไม่รอด พี่ไอ้ต้นเกลียดผมเพราะเพื่อนไอ้ต้นคงรายงานเรียบร้อยว่าผมข่มขืนไอ้ต้น เวร! โคตรอึดอัดเลยคร้าบ อยากกลับคอนโดอ่ะ
     “เติมชาหน่อยมั้ยจ้ะ”
     “ไม่ดีกว่าครับ ผมอิ่มแล้ว”
     “ลำบากหน่อยนะ ต้องมาเฝ้าคนแก่แทนที่จะได้ไปสนุกสนานประสาเด็กๆ”
     คนเดียวที่ดูจะไม่อคติกับผมมากก็คือป้าสะใภ้ไอ้ต้นนี่แหละครับ ส่วนลุงรองของไอ้ต้น ผมไม่ค่อยได้คุย เคยได้ยินชื่อรู้จักหน้าค่าตากันเฉยๆ
     บ้านหลังนี้มีคนอยู่กันสามคน รวมแม่บ้านกับคนขับรถสองผัวเมียก็เป็นห้า ลุงใหญ่กับลูกพี่ลูกน้องไอ้ต้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียไปพร้อมกันเมื่อ ราวๆ สี่ห้าปีก่อนครับ ก่อนที่คนบ้านนี้จะรู้ว่ามีไอ้ต้นอยู่บนโลกนี้ซะอีก ทั้งบ้านนอกจากปู่ไอ้ต้นแล้วก็เหลือแต่ลุงรองที่ไม่ได้แต่งงานกับป้าสะใภ้ที่ยังคงอยู่ดูแลพ่อสามี ส่วนพ่อไอ้ต้นแยกบ้านไปอยู่กันประสาครอบครัวเดี่ยวพ่อแม่ลูก เพราะไม่ค่อยลงรอยกับพ่อตัวเองที่หัวโบราณ แล้วก็มีปัญหาไม่กินเส้นกับพี่ชายคนอื่นๆ เห็นแล้วผมว่าผมโชคดีกว่าเยอะเลยแหละ อย่างน้อยๆ ถึงพี่ผมจะดุชอบไล่เตะผม แต่พี่ศักดิ์กับผมก็รักกันดีไม่ค่อยมีอีโก้โง่ๆ แบบนี้เท่าไหร่ เพราะบ้านผมจนมั้งครับ ทุกคนเลยต้องช่วยกันทำมาหากิน ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น ช่วยกัน ไม่มีเรื่องแก่งแย่งว่าใครดีกว่ากัน
     เฮ้อ... เห็นแล้วเซ็ง ดีนะครับที่ผมตอแหลเนียนพอ ว่าแล้วก็เอาซะหน่อย ผมปรับสีหน้าเป็นโหมดทำงานก่อนจะยอคนแก่
     “ไม่หรอกครับ ผมเองก็ไม่เด็กแล้วเหมือนกัน”
     “อุ๊ยตายจริง ขอโทษนะ ฉันก็ลืมไปสนิทเลย เห็นตาต้นเด็กๆ เลยชอบลืมไป เห็นแฟนต้นเป็นเด็กไปด้วย แต่เราก็ยังดูไม่แก่เท่าไหร่เลยนี่ ไม่น่าเชื่อนะว่าจะสามสิบกว่าแล้ว ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย”
     “คุณณีจะทำให้ผมตัวลอยนะครับเนี่ย ฮ่าๆ”
     “ตอนอั๊วะสามสิบน่ะ ไอ้ตี๋ใหญ่ก็สิบขวบแล้ว”
     นั่นไงเสียงสวรรค์ นรกส่งมาแทรกชัดๆ ไอ้ต้นมันหน้าเหวอเลยครับ มันก็พอรู้อยู่ว่าปู่มันไม่ค่อยชอบหน้าผมแล้วมันยังจะขอให้ผมพามันมาอีก ฮือๆ เพื่อเมีย ชัชทนด๊าย!
     “คุณพ่อคะ!”
     ดูเหมือนปู่แกจะรู้ตัวว่าเผลอตีวัวกระทบคราด ไอ้ผมเจ็บอ่ะไม่เท่าไหร่ แต่มันไปโดนหลานแกเต็มๆ เลย พอเห็นต้นหน้าเจื่อนแบบนั้นแกถึงพึ่งรู้ตัว
     “ไอหย๋า! อั๊วะไม่ได้ว่าลื้อน้าอาตี๋เล็ก ถึงลื้อจาเป็นอาไรอากงก็รักลื้อน้า มีเหลนให้อั๊วะไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวอาษาอีก็มีเอง ลื้ออยู่เป็นหลานชายอั๊วะไปนานๆ นะ ไม่ต้องไปรักคนอื่นหรอก”
     “คุณพ่อคะ หนูยังไม่อยากให้ลูกรีบคิดเรื่องนั้นเลยค่ะ ยัยษาพึ่งเข้ามหาวิทยาลัยเอง”
     แม่เลี้ยงไอ้ต้นรีบเบรคปู่แกทันที ตอนแรกผมก็นึกสงสัยนะว่าผู้หญิงแบบไหนที่ปล่อยให้ผัวไปซนได้จนไอ้ต้นเกิด แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเองแล้วผมก็รู้ทันทีเลยว่าเพราะอะไรผู้ชายคนนั้นถึงได้เกรงใจและรักเธอมากจนไม่สนใจพี่น้ำกับลูก สั่งให้พี่น้ำไปเอาเด็กออก ถึงจะแก่แต่ก็ยังดูสวยอยู่เลยครับ ทั้งสวยทั้งสง่ามีราศีน่าเกรงขามเป็นอาจารย์ซะด้วย แถมยังฉลาด วางตัวเก่งเป็นบ้า ถ้าผมเจอลูกค้าแบบนี้บอกได้เลยครับว่าเคี้ยวยาก
     จากที่ผมประเมินท่าทีระหว่างไอ้ต้นกับแม่เลี้ยง ทั้งสองคนต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง อยู่ร่วมกันแบบไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ไม่แสดงท่าทางหมางเมินแต่ก็ไม่ได้รักใคร่อะไรกันขนาดนั้น พูดคุยยิ้มรับทักทายกันตามปกติ แต่เห็นแล้วผมสงสารแฟนครับ ในใจไอ้ต้นนี่คงอึดอัดจนแทบบ้า ผู้หญิงคนนั้นเองก็ด้วย เธอเข้มแข็งน่าดูถึงได้วางเฉยได้ขนาดนี้ มิน่าพ่อไอ้ต้นถึงได้ไม่กล้าทำอะไรมากเพราะเกรงใจเมีย ผมก็เข้าใจนะว่ามันกระทบเต็มๆ โน่นก็ลูก นี่ก็เมีย มันวางตัวลำบาก นี่ดีนะที่พี่ไอ้ต้นมันรักน้อง ไม่งั้นคงดราม่ากว่านี้
     “จะคบคนมันต้องดูนานๆ ลูกๆ หลานๆ เพื่อนอั๊วะเยอะแยะ ลื้อถูกใจคนไหนก็จะได้ลองดูใจกันก่อนงาย พอเรียนจบก็แต่งพอดี”
     โดน! ผมโดนอีกแล้ว.... เซ็งครับ เพราะทำอะไรไม่ได้ผมเลยยกแก้วชาในมือขึ้นจิบ ชิบหาย! คุณณีแกเติมชาให้ผมตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย ร้อนชิบ! ลวกปากเลย
     “แค่กๆ”
     “พี่ชัช!”
     พอเห็นผมสำลักไอ้ต้นก็ปราดเข้ามาดูผมทันที มันหยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้ผม สีหน้ารู้สึกผิดของมันทำให้ผมใจอ่อน มันทำปากว่าขอโทษผมเบาๆ แต่ผมแอบเห็นปู่แกทำหน้าสะใจเต็มแก่
     “ฮึ ดื่มชาก็ดื่มไม่เป็น ชาชั้นดีแบบนี้มันต้องค่อยๆ จิบ”
     “อย่าไปถือพ่อแกเลยนะคุณ คงเพราะผมอยู่เป็นโสดไม่ยอมแต่งงานซักที แถมพี่อาจกับตาธีร์เสียไปพร้อมๆ กัน แกคงเหงา อยากมีลูกหลานเพิ่ม แกเลยมาพาลเอากับคุณ”
     ลุงของไอ้ต้นแอบกระซิบคุยกับผมในระหว่างที่ปู่แกกำลังหันไปคุยกับสะใภ้เล็กแล้วก็หลานสาว ชอบจับคู่ให้คนโน้นคนนี้ซะจริง แต่ได้ข่าวว่าสำเร็จไปแค่คู่เดียวเท่านั้นแหละครับ แต่ผลก็คือลูกชายอีกสองคน คนหนึ่งอยู่เป็นเพลย์บอยยันห้าสิบกว่า อีกคนแหกกฏยอมถูกตัดออกจากกองมรดกไม่ยอมรับการคลุมถุงชนหนีไปเมืองนอกแต่งงานกับสาวที่เลือกเอง แล้วตอนนี้ไอ้ต้นก็เสร็จผมไปละ เลยเหลือแต่หลานสาวคนเดียวนี่แหละ แต่ก็ดูท่าจะยากครับ เพราะฝ่ายสะใภ้เองก็ถือที่ว่ามีเกียรติพอสมควร มาสายวิชาการกันทั้งบ้าน แถมยังหัวสมัยใหม่หยิ่งในศักดิ์ศรี คงไม่ยอมให้ลูกสาวตัวเองโดนคลุมถุงชนแน่ๆ ผมเห็นอาการคนแก่เอาแต่ใจแล้วก็แอบขำหน่อยๆ ยีนส์หัวแข็งนี่เหมือนกันทั้งบ้าน ของเขาแรงจริงๆ
     “ผมไม่ถือหรอกครับ”
     “รบกวนคุณหน่อยนะ ต้องให้ต้นมาค้างกับพวกเราบ่อยๆ”
     “ไม่เลยครับ ดีซะอีก ต้นจะได้ไม่เหงาเวลาที่ผมไม่อยู่”
     “เป็นเซลล์นี่ท่าทางยุ่งนะ เห็นต้นบอกว่าคุณไม่อยู่บ่อยๆ ไม่สนใจงานประจำอยู่กับที่บ้างหรือคุณ? ท่าทางคล่องแคล่วแบบนี้น่าจะขายของเก่ง เปลี่ยนมาขายเพชรมั้ยล่ะ?”
     “ฮ่าๆ อย่าดีกว่าครับ ผมไม่ถนัดทางนั้น”
     “ไม่ดีเหรอคุณ น่าจะสบายกว่านะไม่ต้องเหนื่อยขับรถไปมาต่างจังหวัดบ่อยๆ ต้นเขาห่วงคุณมากทีเดียว”
     “ก็เฉพาะช่วงที่ผมได้เขตต่างจังหวัดแหละครับ นอกนั้นก็วนๆ ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล สลับๆ กันไป อีกอย่างผมจบเภสัชมา เกรงว่าจะดูเพชรไม่เป็นครับ ฮ่าๆ”
     “ฮึ๊ ตาไม่มีแวว!”
     น่าน! ผมโดนอีกหนึ่งดอก ปู่แกคุยอยู่กับแม่ลูกคู่นั้นแท้ๆ แต่ไหงยังมีอารมณ์มาแอบฟังแล้วแขวะผมได้อีกล่ะ แต่คราวนี้ผมมีพวกแล้วเว้ยเฮ้ย! ฮ่าๆ
     “ป๊าก็พูดเกินไป อั๊วะกับอาต้นก็ไม่มีแววเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ใครจะสู้พี่อาจได้ล่ะ แต่อีตาดีออกอั๊วะว่า ไม่งั้นอีจะคว้าต้นไปทำเมียได้ยังไง”
     “คุณลุงก็!”
     “โอ้ยไม่ต้องเขินหรอกต้น เรื่องแบบนี้เดี๋ยวนี้เขาไม่ถือกันแล้ว ดีซะอีกคบกันเป็นเรื่องเป็นราวอย่างเปิดเผย วันนี้วันปีใหม่ต้นก็พาเขยเข้าบ้าน เรื่องพ่อตากับลูกเขยไม่ถูกกันมันก็เรื่องธรรมดา ปล่อยพ่อกับปู่เราเขาไปเถอะ ไม่ต้องคิดมาก”
     “พี่ไกรจะพูดอะไรก็เกรงใจผมบ้าง ต้นยังเด็กอยู่ ยังเรียนไม่จบ เขาแค่อยู่กับคนที่แม่เขาฝากไว้”
     “ยอมรับความจริงเถอะอาต้น ลูกมันไม่เอาลื้อ ฮ่าๆ เด็กเดิกอะไรกัน อีกเดือนเดียวต้นมันก็จะยี่สิบแล้ว ดูสิว่าต้นมันจะยอมเปลี่ยนไปใช้นามสกุลลื้อมั้ย ฮ่าๆ”
     เกิดบรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันทีครับ ผมรู้แล้วล่ะว่าทำไมปู่แกถึงได้ไม่เอาลูกที่เหลือสักคน ทั้งๆ ที่ก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ คนหนึ่งก็หัวแข็ง อีกคนก็ชอบกบฏ เห็นแล้วผมสงสารต้นชะมัด
     “นามสกุลอาต้นก็นามสกุลลื้อนั่นแหละอาไกร นามสกุลอั๊วะมันไม่ดีตรงไหนฮ่ะ!”
     “เออ ผมลืมไป ว่าไงละต้น เราอยากใช้นามสกุลเดียวกับลุงรึเปล่า?”
     เอาละสิ เมียผมตกที่นั่งลำบาก นี่ถ้าผู้ชายจดทะเบียนกันได้ต้นมันจะไม่ต้องเดือดร้อนกับปัญหางี่เง่าแบบนี้เลย เพราะต้นมันต้องใช้นามสกุลผมอยู่แล้ว เห็นเมียตัวเองอึกอักน้ำท่วมปากก้มหน้าเม้มปากกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนั้นแล้วสงสารครับ เอาวะ! ไอ้ชัชตายเพื่อเมียอีกแล้ว
     “แหม ต้นเป็นเมียผมก็ต้องใช้นามสกุลผมสิครับ น่าเสียดายผู้ชายจดทะเบียนกันไม่ได้ หรือต้นจะมาเป็นลูกบุญธรรมแม่พี่ดีครับ? ทุกวันนี้ก็เป็นลูกรักแม่พี่ไปแล้วนี่”
     ผมลูบหัวมันเบาๆ ไอ้ต้นมันเลยเงยหน้าขึ้นมามองผมน้ำตาคลอ อืม... ร้องไห้ให้พี่เถอะคนดี เพราะพี่กำลังพลีชีพเพื่อเราเลย
     “เฮอะ! อาตี๋เล็กจะไปใช้นามสกุลลื้อได้ยังงาย นามสกุลอะไรก็ไม่รู้ อั๊วอยู่มาเจ็ดสิบปีไม่เคยได้ยิน!”
     อืม เป็นไปตามแผน ทุกคนหันมาเล็งเป้าที่ผมแทน โดยเฉพาะสายตาจากคุณพ่อตานี่แทบฆ่าผมได้เลยพอได้ยินว่าต้นสนิทกับแม่ผมมาก ถ้าอยากให้ลูกรักก็หัดทำตัวให้มันดีๆ หน่อยสิครับ มัวแต่ใส่หน้ากากทำตัวเย็นชาแล้วใครที่ไหนมันจะกล้า พอเห็นแบบนี้แล้วก็พาลหงุดหงิดแฮะ ต้นมันเหมือนพ่อมันพอสมควรเลยนะเนี่ยเวลาทำตัวงี่เง่าไม่พูดไม่จาเอาแต่เงียบทำตัวเย็นชา เฮ้อ... รักลูกเขาหลานเขาก็ต้องทน ครับ... ทนครับ เพื่อต้น เพื่อเมีย! สู้เว้ย!

     กว่าผมกับต้นจะกลับถึงคอนโดก็เกือบสามทุ่ม รู้สึกหมดพลังงานครับ ไอ้ฟีลลิ่งดีๆ เมื่อเช้าตอนไปทำบุญหายเกลี้ยง ทำไมเจ้ากรรมนายเวรผมมันเยอะจังเลยวะ?
     เพราะพวกเราทานมื้อเย็นกันมาแล้วจากบ้านปู่ไอ้ต้น พอกลับมาถึงบ้านแล้วผมก็เลยอาบน้ำเตรียมตัวนอนเพราะพรุ่งนี้ผมต้องรีบเข้าออฟฟิสแต่เช้า หมดแรงครับ หมดอารมณ์ด้วย
     ไอ้ต้นมันทำอะไรจุกจิกของมัน ปล่อยให้ผมพักผ่อนเต็มที่ มันคงรู้ว่าผมเหนื่อย กว่ามันจะอาบน้ำคลานขึ้นมาบนเตียงผมก็เกือบหลับแล้ว แต่สัมผัสเบาๆ ที่ปากผมนี่สิ ... ตื่นทันตาเห็นเลยครับเมียจ๋า
     ผมลืมตาขึ้นมองมัน สีหน้าต้นไม่ค่อยดี ดูมันกลัวๆ ยังไงก็ไม่รู้ ต้นมันคลานมานอนแปะอยู่ข้างๆ ผม ท่าทางเตรียมอ้อนเต็มที่ เห็นแบบนี้แล้วผมก็เลยลูบหัวมันเบาๆ รอดูว่ามันจะว่าไงต่อ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด
     “ขอโทษนะครับ”
     “ขอโทษเรื่องอะไร?”
     “อืม... ขอโทษที่ผมทำให้พี่ชัชเหนื่อยมั้งครับ วันนี้พี่ชัชคงเหนื่อยมาก ... ขอบคุณนะครับ”
     ต้นมันเว้นจังหวะไปนิดหน่อยก่อนจะซบลงบนอกผม ไม่บ่อยนะครับที่มันจะทำตัวเป็นผีอำผมแบบนี้ ปกติมีแต่ผมนี่แหละเป็นฝ่ายอำมัน อาการที่มากกว่าซุกแบบนี้อ้อนเต็มขั้นเลยนี่หว่า มันคงกลัวผมโกรธมากจริงๆ ผมเลยลูบหลังมันไปเรื่อยเพื่อปลอบว่าผมไม่ได้โกรธ ผมไม่โกรธมันหรอกที่มันอยากให้ผมไปเยี่ยมญาติกับมัน ผมจะโกรธได้ยังไง ถึงผมไม่ชอบแต่ก็เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทำนี่ครับ ผมทำใจได้แล้วล่ะ อ้าว... สัมผัสแบบนี้... เสื้อยืด เลื้อยมือต่ำไปอีกนิด... แถมยังบ็อกเซอร์ด้วย ... ขาเนียนมากเลยที่รัก ไม่ตื่นก็ต้องตื่นครับ เมียผมน่ารักขนาดนี้ ถ้าผมไม่ตื่นตอนนี้ผมก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว!
     “พี่ไม่ได้เหนื่อยมากขนาดนั้นหรอก”
     ผมพูดจริงๆ นะ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนแต่ถ้าเจอแบบนี้ก็หายเหนื่อยครับ ต้นมันอุตส่าอ่อยมาขนาดนี้ ผมเลยเลิกเหนื่อยหันมาหื่นแทน
     เพราะผมเว้นจังหวะไปนิดหน่อยก่อนจะพูดต่อ ไอ้ต้นมันเลยยุกยิกไถหน้ากับเสื้อผม ชอบจริงๆ เลยเวลามันอ้อนแบบนี้เนี่ย ไอ้ลูกแกะเอ้ย!
     “ไม่โกรธเราด้วย... ถึงจะเหนื่อยนิดหน่อยก็เถอะ แต่ทำไงได้ละครับ ก็รักหลานชายคนเล็กของตระกูลนี่ แถมพี่ยังทำพวกเขาไร้คนสืบสกุลอีก ทางนั้นเขาจะเกลียดขี้หน้าพี่ก็ไม่แปลก”
     ผมดึงตัวต้นให้เงยหน้ามาสบตากับผม จังหวะเดียวกับที่ต้นเองก็ชันศอกพอดี โอ้ย! ซี่โครงผมเต็มๆ ... เจ็บนะเนี่ย กัดฟันไว้ครับ บรรยากาศกำลังดี
     “พี่ชัชไม่ควรต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้เลย... เรื่องวุ่นวายส่วนตัวของผมแท้ๆ”
     “ไม่ส่วนตัวนะครับ เราเป็นเหมือนคนๆ เดียวกันแล้วนะต้น ต้นมีปัญหาอะไรก็เหมือนพี่มีด้วยนั่นแหละ”
     ขอผมเนียนหน่อยละกัน ผมขยับตัวเอนพิงหัวเตียงเอาไว้แล้วดึงต้นมากอดแทน เฮ้อ... ค่อยสบายผมหน่อย ต้นมันนอนซุกอยู่ในอ้อมแขนผมแบบนี้น่าปกป้องชะมัดเลยครับ ผมจะทะนุถนอมมันให้ดีที่สุดเลย หัวมันอยู่ใกล้ๆ แก้มผมพอดี พอลูบๆ ไปแล้วผมเลยหอมไปด้วยตามความเคยชิน ชอบกลิ่นตัวไอ้ต้นมันจัง อารมณ์พี่เริ่มมาแล้วน้องเอ้ย...
     “แล้วต้นจะตัดสินใจยังไงละครับ?”
     “ไม่รู้สิครับ... ผม... ผมกลัวแม่น้อยใจ แต่ก็ไม่อยากให้ทางนั้นคิดว่าผมไม่รักด้วย”
     “ห่วงความรู้สึกของพี่น้ำ แต่ก็กลัวพ่อน้อยใจเหรอครับ? ต้นนี่เป็นคนดีจังเลยนะ คิดถึงแต่คนอื่นตลอดเลย”
     ต้นมันเขินชัวร์ เพราะมันมุดหน้าอกผมอีกแล้ว เวลามันเขินทีไรทำตัวเป็นนกกระจอกเทศทุกที
     “รู้มั้ยครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต้นไม่มีวันพูดแบบนี้หรอก ต้นของพี่จะเชิดหน้าแล้วพูดว่า ผมไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาซักหน่อย ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชก็! ผม....”
     ทีงี้ล่ะเงยหน้ามาประท้วงพี่เชียวนะ ฮ่าๆ นิสัยไอ้ต้นนี่ชอบเถียงจริงๆ หัวคิ้วที่ย่นเข้าหากันแสดงออกถึงความดื้อรั้นของมัน แต่แก้มป่องๆ นั่นหมายถึงมันเขิน ต้นมันอายที่ผมรู้ทัน หึๆ
     “แล้วตกลง ต้นอยากทำแบบไหนละครับ?”
     ต้นมันเขินไม่ยอมตอบ แต่กลับเอนลงซบผมแทน
     “น่านะ บอกพี่หน่อย รับรองว่าพี่ไม่แอบเอาไปบอกพี่น้ำหรอก”
     “ผม... ผม ผมอยากใช้นามสกุลพี่ชัชครับ”
     “ต้องแบบนี้สิเมียพี่ ฮ่าๆ”
     มีความสุขนะครับ ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกดีเป็นบ้าเลย จะมีอะไรที่ทำให้ผมมีความสุขได้มากกว่านี้อีก ผมรัดตัวไอ้ต้นมันด้วยความอิ่มเอมใจ ผมว่าผมเจอคำตอบที่ผมตามหาแล้วล่ะ เมฆหมอกในใจผมสลายไปแล้ว ต้นมันเงยหน้าขึ้นมามองผม ท่าทางอายๆ ตอนที่มันช้อนตาขึ้นมองผมงี้นะผมแทบคลั่ง ถึงจะอยู่ในห้องนอนแต่ผมก็เห็นดวงดาวสว่างไสวอยู่ในดวงตาของมัน สีหน้าที่บ่งบอกว่ารักผมสุดๆ แบบนี้เห็นแล้วฟินเป็นบ้า หวังว่าปีนี้คงมีแต่เรื่องดีๆ ระหว่างผมกับต้นนะครับ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     เรามองตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ต้นมันจะค่อยๆ เบียดตัวเข้าหาผม พอร่างของเราแนบชิดกันมันก็ค่อยๆ แตะริมฝีปากของตัวเองเข้ากับปากของผม ท่าทางขัดเขินแบบนี้น่าเอ็นดูชะมัด มันพยายามจะยั่วผมเหรอเนี่ย? น่ารักสุดๆ
     แต่เพราะอยากแกล้งเมีย ผมเลยทำเป็นนิ่งไม่ขยับ ดูสิว่ามันจะทำอะไร พอต้นมันเห็นผมยังนิ่ง ไม่จูบตอบมันเหมือนทุกที มันเลยพยายามมากขึ้น น่ารักเป็นบ้า! ต้องแบบนี้ดิครับพี่ชอบ
     มันบดจูบผมเบาๆ ส่งลิ้นของมันแตะกับริมฝีปากผมก่อนแล้วค่อยๆ เม้มเอาริมฝีปากล่างผมไปงับแล้วขบเบาๆ หือ... ยั่วเก่งขึ้นมากเลยน้องเอ้ย ไม่เสียแรงได้วิชาจากพี่ไปเยอะ ดีใจนะครับที่เห็นเมียได้รับการถ่ายทอดวิชาเอาไปใช้ได้ดีขนาดนี้
     พอถูกต้นดูดริมฝีปากแบบนั้น ผมก็เฉยไม่ไหวละ มือของผมเริ่มไล้ไต่ไปตามตัวมัน ผมเปิดปากให้ไอ้ต้นส่งลิ้นเข้ามาสำรวจ อ้าว... วิชาแลกลิ้นยังไม่ผ่าน ดูต้นเองก็เขินๆ ลิ้นมันเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ค่อยถูก แถมยังคุมจังหวะหายใจไม่ได้เรื่อง เพราะงั้นผมก็เลยติวให้มันอีกรอบ พอถูกผมสอนวิชาชิวหาพาเพลินเข้าให้ต้นมันก็เริ่มครางออกมา เพราะเรากอดกันแบบแนบติดระยะประชิดแถมต้นยังกองอยู่บนตัวผม ผมถึงรู้ว่าอะไรบางอย่างในตัวมันเริ่มตื่น ผมเว้นช่วงหยุดจูบมันก่อนจะถามสุดที่รักของผม
     “อยากเหรอครับ?”
     ต้นมันดูอายๆ แต่ก็พยักหน้าตอบผม
     “ไม่ได้ยินเลย”
     อื้อหือ.. ไอ้ต้นมันเขินจัดเลยนี่หว่า เมียผมหลุบตาต่ำ แดงเถือกไปทั้งหน้า ต้นมันลีลาอิดออดอยู่สี่ห้าวิก็เงยหน้าขึ้นมาช้อนตาอ้อนผม
     “ผมอยากครับคืนนี้ พี่ชัชกอดผมหน่อยนะครับ”
     “จัดให้ตามคำขอครับ แต่ต้นก็ต้องช่วยพี่ด้วยนะ ทำให้มันตื่นเต็มที่ทีสิครับ”
     เมียผมก้มหน้าลงก่อนจะพยักหน้าตอบเบาๆ
     “ครับ”
     ได้แกล้งให้มันเขินอายแบบนี้แล้วสุขใจชะมัดเลยครับ ว่าแล้วต้นมันก็เลื่อนตัวลงไปปลุกผมตามคำขอ ต้นมันค่อยๆ ดึงขอบกางเกงนอนผมออกแล้วเริ่มปฏิบัติการปลุกมังกร
     ทีงี้อ่ะไม่ลีลาเลยนะครับ ชอบอ่ะดิ พี่ก็ชอบคร้าบ... โคตรชอบเลยปากเมียเนี่ย ลิ้นอุ่นๆ ของต้นค่อยๆ เล็มที่ส่วนหัวก่อนจะจูบเบาๆ แล้วอมเข้าปากไปดูดทั้งอัน แถมมันยังใช้มือรูดให้ผมอีก เสียวสิครับ แค่สัมผัสแรกจากปลายลิ้นพี่ก็ตื่นเต็มที่แล้วน้องเอ้ย!
     เพราะของมันขลิบแบบเอาออกหมด ส่วนของผมไปทำตอนโต ก็ยัยฟ่างแหละ บังคับผมไปขลิบ ตอนนั้นผมกลัวเลยบอกหมอเหลือไว้นิดหน่อย ไม่ได้เอาออกหมดเกลี้ยง ผมกลัวมันตายด้านอ่ะ แหะๆ
     พอของตัวเองไม่มีแล้วก็ชอบมารูดของผมเล่น เวลามันมาเล่นของผมทีไรมันรูดซะเพลินทุกทีอ่ะ ไอ้ต้นอ่ะเพลินมือมัน ส่วนผมอ่ะเสียว แต่โดนทั้งอมทั้งรูดพร้อมๆ กันแบบนี้พี่โคตรเสียวเลยคร้าบ ยิ่งเวลามันเอาลิ้นมาขยี้ตรงรูนี่ โอ้ย... แทบคราง
     เพราะเป็นผู้ชายเหมือนๆ กัน เวลาที่ผมทำอะไรให้มันแล้วมันรู้สึกดี มันก็จำมาทำกับผมนั่นแหละ บอกตามตรงตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอก ว่าต้องทำยังไง ทำตรงไหนถึงรู้สึกดีก็อาศัยหาข้อมูลจากเด็กที่มันเป็นเกย์แล้วเชี่ยวชาญ ถามๆ มันเอา โคตรอายอ่ะ แต่ก็กัดฟันถามนะ เพื่อเมีย โชคดีที่ไอ้แตมมันรู้เรื่องผมกับต้นอยู่แล้ว
     ปกติเวลาผมมีอะไรกับผู้หญิงผมก็เลียให้ได้อยู่แล้ว ผมไม่ถือ ของเมียเรานี่ครับจะรังเกียจไปทำไม ยิ่งเจอสวยๆ น่าลงลิ้นผมก็เลียดิ ผมชอบด้วยซ้ำนะ ยิ่งเวลาเห็นผู้หญิงเสร็จเพราะลิ้นเรานี่แบบว่า มันสะใจนิดๆ มั้งครับ เมื่อยก็ยอม ผู้หญิงติดใจผมกันทุกคนแหละ เพราะผมไม่ได้มีดีแค่ดุ้น
     พอมาทำกับไอ้ต้น ไอ้ตรงไหนที่เคยมีคนทำให้แล้วผมรู้สึกดีผมก็จำมาทำ ตรงไหนที่เขาบอกว่าดีผมก็ทำเพิ่ม แล้วผลก็คือไอ้ต้นครางลั่น ท่าทางชอบมาก แล้วพอได้รับการถ่ายทอดวิชาไปนานๆ เข้า มันก็จำมาปรนนิบัติผม อื้อหือ คุ้มครับ ทั้งเสียวทั้งคุ้ม!

     ภาพของต้นที่ตั้งอกตั้งใจบริการให้ผมโคตรเซ็กซี่ ยิ่งมองตอนที่ลิ้นมันลากลงไปบนดุ้นผมนะ กล้องอยู่ไหนวะครับ? มันทั้งดูดทั้งเลียอมดุ้นผมยังไม่พอ มันยังเม้มปากดูดไข่ให้ผมอีก โคตรฟินครับ แก้มป่องๆ ของมันตอบเข้าตามแรงดูดชวนให้อยากปล่อยคาปากมันเป็นบ้า! ทำไมวันนี้เมียผมเอ็กซ์จังวะ จัดผมซะหนักเลย บริการเต็มที่แบบนี้พี่จะไม่ไหวเอานะน้อง!
     เพราะกลัวตัวเองจะไม่ไหวผมก็เลยต้องเบรคมันไว้ก่อน ผมดึงมันขึ้นมาจูบแลกลิ้นกัน ต้นมันโอบรอบคอผมแล้วก็จูบตอบผมแบบมีอารมณ์เต็มที่ ผมก็เลยเอื้อมไปบีบก้นมันเล่น บีบไปบีบมาผมก็ดึงบ็อกเซอร์ลงมาครึ่งก้น เพราะตอนนี้ผมเอนตัวพิงพนักอยู่ส่วนต้นก็คุกเข่าคร่อมอยู่บนตัวผม นี่ขนาดผมยังไม่ได้ทำอะไรมากนะ ไอ้ต้นมันพร้อมพอๆ กับผมเลย เพราะผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ค้ำบ็อกเซอร์ของมันเอาไว้
     ก้นเมียผมนิ่มมาก ลื่นมือสุดๆ ลูบเพลินครับ เพราะมือผมนวดเฟ้นอยู่แถวนั้นถ้ามันจะแฉลบไปลงรูบ้างก็คงห้ามกันไม่ได้ ตอนที่ผมสอดนิ้วเข้าไปไอ้ต้นมันสะดุ้งเลยครับ เกือบกัดลิ้นผมแน่ะ มือหนึ่งผมก็เพลินกับการแหย่รูไอ้ต้น อีกมือก็เล่นปูไต่ ไอ้ต้นมันสะดุ้งแล้วก็แอบดิ้นนิดหน่อย มันไม่รู้ตัวหรอกว่าท่าดีดดิ้นแบบนี้อ่ะโคตรโดนใจเลย แต่ถึงจะดีดดิ้นยังไงไอ้ต้นมันก็ยังแอ่นตัวโอบรอบคอผม แลกลิ้นรับจูบกับผม รอให้ผมเล่นกับร่างกายของมัน
     ตอนที่ผมเลื่อนมือมาเล่นกับด้านหน้าของมันบ้างของมันก็แข็งเต็มที่แล้วครับ น้ำหล่อลื่นไหลเยิ้มจนเปียกบ็อกเซอร์ที่ยังไม่ได้ถอด ผมก็เลยใช้นิ้วโป้งถูกส่วนหัวของมันผ่านเนื้อผ้า ผลคือไอ้ต้นครางซะเสียงหวาน จูบกับผมต่อไม่ไหวสะบัดหน้าหนีเอนไปซบไหล่ผมแทน พอผมเลื่อนมือเข้าไปใต้เนื้อผ้า สัมผัสลื่นๆ นั่นก็เหมือนจะเปียกมากขึ้น
     ไอ้ต้นชักหายใจหนักขึ้นทุกที ผมว่าผมช่วยเมียก่อนดีกว่าก่อนที่มันจะไม่ไหว ผมละมือจากการบดขยี้ต้นน้อย ส่งนิ้วที่เปียกคราบน้ำหล่อลื่นไปป้ายแก้มมันเล่นแล้วยัดนิ้วเข้าปากไปกดลิ้นมัน ก็ปากแดงๆ ที่อ้าออกเพราะกำลังหอบมันน่าแกล้งนี่ครับ
     “อื้อ พี่ชัชอ่ะ”
     “หึๆ ก็ของเรานั่นแหละ เยิ้มเชียว อยากมากเหรอครับ?”
     ต้นมันเขินจัดจนกอดผมแน่นเชียว ถูกไอ้ต้นนั่งทับแล้วกอดแบบนี้ก็มีความสุขไปอีกแบบนะครับ ลูกแกะน้อยของผมแปลงร่างเป็นโคอาล่าซะแล้ว ผมเลยลูบหลังมันเล่น เรากอดกันอยู่แบบนั้นพอให้อารมณ์ไอ้ต้นมันลดลง ไม่งั้นมันต้องไปก่อนอีกแน่ๆ แล้วต้นมันก็จะอายผมอีก ความจริงผมว่าต้นมันก็ไม่ได้ล่มปากอ่าวหรือนกกระจอกไม่ทันกินน้ำอะไรทำนองนั้นหรอก เด็กวัยรุ่นมันก็มักจะเร็วงี้แหละ เพราะตื่นเต้นมันก็ออกง่าย ละยิ่งมันเป็นคนโดน ผมว่าไม่ใช่หน้าที่มันเล้ยที่ต้องเครียดเรื่องนี้ เกิดเป็นผมที่หลั่งเร็วเด่ะ งานเข้าแน่ครับ เสียหมาชัวร์! พูดตรงๆ ละผมชอบจะตายเวลาเห็นต้นมันเสร็จง่ายๆ แบบนั้น เพราะมันแปลว่าต้นเสียวมากจนทนไม่ไหว ผมรู้สึกดีออก มันเป็นความภูมิใจเล็กๆ ของผู้ชายครับ ทำให้คู่ของเราเสร็จได้เนี่ย
     “ขยับหน่อยนะครับที่รัก พี่จะได้จัดให้ตามคำขอไง”
     ผมอุ้มไอ้ต้นพลิกตัวนอนลงกับเตียงแล้วระดมจูบมันอีกรอบ พอผมบดจูบลงบนปาก ไอ้ต้นมันพยายามจะจูบตอบผม เราแลกลิ้นกันนัวเนีย แต่ต้นมันพันลิ้นกับผมได้ไม่นานก็อ้าปากหอบ ต้นมันจูบไม่เก่งผมรู้ ถึงลีลาของมันจะพัฒนาจากคำว่าจูบไม่เป็นมาเป็นจูบไม่เก่งก็เหอะ เรื่องบนเตียงอย่างเดียวที่ไอ้ต้นมันทำได้ดีก็คือร้องตอนโดนกระแทกนี่แหละ ได้อารมณ์ชะมัด ได้ยินแล้วอยากทำให้มันร้องอีก ร้องให้ผมฟังคนเดียว
     เพราะไอ้ต้นมันหอบผมเลยละจากริมฝีปากไปจูบตรงอื่น ผมชอบหมดนะไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษหรอก อยากจูบตรงไหนก็จูบ แล้วแต่อารมณ์ จะที่ปาก ตา แก้มจมูก หู ซอกคอ ตรงไหนทำแล้วรู้สึกดีผมก็เลื่อนไปจูบหมดแหละ ตามแต่อารมณ์จะพาไป ตอนนี้ผมอารมณ์อยากเอาจริงซะด้วยสิ หึๆ
     “ยกแขนหน่อยนะคนดี”
     ต้นมันเข้าใจความหมายของผม มันเลยยกแขนขึ้นแอ่นตัวให้ผมถอดเสื้อมัน แถมยังเอื้อมมือมาช่วยดึงเสื้อผมออกไปด้วย หน้าแดงๆ นั่นว้อนท์จัดแล้วครับ ตางี้เยิ้มเชียว พอไม่มีเสื้อมาเป็นอุปสรรคแล้วผมก็ลงลิ้นสะดวกหล่ะ ตรงไหนจูบได้ ตรงไหนขบได้ผมทำหมด แต่ผมไม่ได้ซาดิสถึงขนาดต้องทิ้งรอยจ้ำไว้ทั่วตัวแสดงความเป็นเจ้าของขนาดนั้นหรอกนะครับ เมียผมไม่ได้ไปถอดเสื้อโชว์คนอื่นอยู่แล้ว ผมชอบทำอย่างอื่นมากกว่า วิธีแสดงความเป็นเจ้าของไอ้ต้นน่ะ
     ผมลากลิ้นมาถึงหน้าท้องแบนราบของมัน ผมเม้มจูบลงบนท้องมันอยู่นาน ถ้าหากท้องนี้นูนขึ้นได้เพราะเชื้อผมคงดีไม่น้อย ผมรู้ว่ามันต้องคิดว่าผมหื่น โดยเฉพาะเรื่องที่ผมชอบสด แต่มันไม่รู้หรอกว่าทุกครั้งที่ผมทำผมคิดอะไรกับมัน ทำไมผมถึงชอบปล่อยใน ผมอยากให้มันท้อง ผมอยากมีลูกกับมัน แม้ผมจะรู้ดีว่าต่อให้ผมทำแบบนั้นจนผมแห้งตาย ต้นมันก็ไม่ท้องหรอก เพราะมันไม่ใช่ผู้หญิง ต้นมันมีมดลูกซะที่ไหน นี่เป็นเรื่องเดียวที่ผมขัดใจไอ้ต้นมากที่สุด ทำไมมันต้องเป็นผู้ชาย?
     แต่ช่างมันเถอะ ผมตัดใจแล้วนี่ ถึงต้นจะเป็นผู้ชายแล้วยังไง ผมรักต้น ไม่มีลูกด้วยกันก็ช่าง แค่มีต้นก็พอ
     ผมเลื่อนต่ำลงไปอีก ดึงกางเกงบ็อกเซอร์ลง แล้วฉกลิ้นไปแกล้งมันเบาๆ ต้นมันครางใหญ่เลยครับ เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกดีเป็นบ้า ความรู้สึกมันไม่ต่างอะไรกับตอนผมเลียให้ผู้หญิงเลย ผมไม่ได้รังเกียจไอ้ต้น แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น แค่คิดว่าต้องแลกลิ้นกันผมก็จะอ้วกแล้วครับ
     บอกกันตรงๆ เลยก็ได้ว่าครั้งแรกที่ผมได้ไอ้ต้น ผมข่มขืนมัน ไม่มีเล้าโลมอะไรกันทั้งนั้นแหละ อารมณ์ตอนนั้นผมรู้อย่างเดียวว่าผมต้องทำให้ต้นเป็นของผม ผลก็คือยับเยินสิครับ ได้เลือดเลยแหละ แต่ผมก็ทำจนผมเสร็จนะ ยอมรับครับว่าโคตรเห็นแก่ตัว ผมโคตรโกรธที่ไอ้ต้นตอแหลกับผม เลยอยากจะเอาคืนมันให้สาสม ที่ไหนได้ มันไม่เคยจริงๆ พอผมรู้ตัวผมก็ทำร้ายไอ้ต้นไปซะแล้ว แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ มันก็อยู่ระหว่างดำเนินการ จะให้ผมหยุดเนี่ยนะ? ผมก็เลยต่อจนเสร็จ กะว่าเดี๋ยวค่อยปลอบ ปรากฏว่าต้นมันโกรธผมมากหนีผมไปซะงั้น แล้วพอผมไปง้อผมเสือกพามันไปรถคว่ำ ดีที่ยังไม่ตายกัน
     ส่วนครั้งต่อมา ผมรู้แค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้ไอ้ต้นมันอยากสุดๆ จะได้ยอมผม ผมก็เลยตั้งหน้าตั้งตาละเลงลิ้นกับมัน ไม่ได้คิดอะไรในหัวมากไปกว่านั้น พอทำบ่อยๆ มันก็เลยชิน ไม่นึกรังเกียจที่ต้องใช้ปากกับของที่ผู้ชายคนอื่นก็มีเหมือนผม เพราะผู้ชายคนที่ว่ามันเป็นเมียผม แถมของเมียผมก็สวยซะด้วยสิครับ ไม่ดิ ต้องบอกว่าน่ารักเชียว ฮ่าๆ แต่ต้นมันชอบคิดมาก ใครให้มันเอาขนาดมาเทียบกับผมล่ะ ไม่ได้จะอวดนะครับ ถึงไม่ได้ใหญ่มากเลขสองหลัก แต่ก็สัญลักษณ์อินฟินิตี้นะคร้าบ ฮ่าๆ ละก็อย่างที่ผมบอก มันจะคิดมากไปทำไม ก็คนเสียบอ่ะมันผม ส่วนมันน่ะนะ... แค่นิ้วผมมันก็ถึงได้แล้วด้วยซ้ำ
     “พร้อมรึยังครับ?”
     มันไม่ตอบอะไรผมนอกจากทำหน้าอายๆ แล้วก็ยกก้นขึ้นให้ผมถอดกางเกงมันออก น่ารักจริงเมียพี่ ผมเลยดึงบ็อกเซอร์มันออกแล้วก็ถอดกางเกงตัวเองด้วย จะได้ลงมือปฏิบัติภารกิจหลักกันซะที ว่าแต่ผมเอาเจลหล่อลื่นไปไว้ไหนวะ!
     เหมือนไอ้ต้นมันจะรู้ มันพลิกตัวไปหยิบขวดเจลจากลิ้นชักโต๊ะข้างหัวเตียงมาส่งให้ผม มันเม้มปากซะแน่น ท่าทางเขินๆ ผมมองเมียที่เปลือยทั้งร่าง ในมือยังถือขวดเจลหล่อลื่นส่งให้ผมแล้วมันก็เกิดอารมณ์แปลกๆ ขึ้นในใจครับ ทั้งขำ ทั้งเอ็นดู แต่ที่รู้ๆ คือรักมันมาก ยิ่งเห็นผมมองจ้องมันแบบนั้นไอ้ต้นก็ยิ่งเขิน ผมเลยต้องเลิกแกล้งมัน ผมหอมแก้มขอบคุณก่อนจะรับเจลขวดนั้นมาชโลมมันนั่นแหละ
     ผมดันขาต้นขึ้นเป็นรูปตัวเอ็มแล้วใช้สองมือแหกก้นของมันออกจากกันจนเห็นทางเข้าอย่างชัดเจน ผมจูบเบาๆ ลงลิ้นให้มันนิดหน่อยก่อนจะผละออกมาแล้วบีบเจลชโลมลงไป ต้นมันครางซะหวานเชียว ชอบลิ้นพี่ล่ะสิ หึๆ ผมค่อยๆ ถูนวดปากทางของมันไปเรื่อย ต้นมันดูเขินๆ แต่หน้าที่แดงหน่อยๆ นอนเม้มปากเหมือนเฝ้ารออะไรสักอย่างนั่นผมว่าได้เวลาแล้วล่ะ ผมสอดนิ้วเข้าไปผ่อนคลายให้ต้นมันอย่างไม่รีบร้อน ความจริงแล้วผมก็สุดๆ ละนะ แล้วก็รู้ด้วยว่าต้นมันก็พร้อม มันทำความสะอาดตัวเองมาซะขนาดนี้ แต่ผมตั้งใจจะแกล้งมันนั่นแหละ ไม่รู้เป็นไร ชอบดูเวลามันเว้าวอนผมด้วยท่าทางอายๆ แบบว่าฟินครับ เพราะผมรู้ว่าผมเป็นคนเดียวที่ได้เห็นท่าทางแบบนี้ของต้นมัน
     ผมมองนิ้วเปียกชุ่มไปด้วยเจลของตัวเองเข้าๆ ออกๆ รูไอ้ต้นได้ไม่นานก็ทนไม่ไหวเอง ขอพี่ซะทีเหอะน้องเอ้ย! พี่อยากเปลี่ยนจากนิ้วเป็นอย่างอื่นแล้วว่ะ กัดฟันไว้ครับ รอเมียว้อนท์จัดๆ ก่อน ภาพไอ้ต้นตอนแบบนั้นหาดูยากจะตาย กัดฟันไว้ครับ!
     เพราะเมียผมความอดทนสูงทั้งๆ ที่หน้าแดงนอนกัดปากครางไม่ได้ศัพท์ผมเลยต้องลงทุนเพิ่มด้วยลิ้นตัวเอง ผมถอนนิ้วออกมายกขาไอ้ต้นดันขึ้นจนมันตัวงอเพื่อจะได้เห็นวิวชัดๆ แล้วฉกลิ้นลงไป โชคดีที่ผมลงทุนซื้อเจลแบบเลียได้มาใช้ แบบว่าบางอารมณ์ก็อยากเล่นเอาลิ้นนวดตัวเหมือนในหนังนี่ครับ แหะๆ แต่เสียดายยังไม่เคยได้ลองกับไอ้ต้นซักที... เพราะงั้นผมเลยลงลิ้นได้สะดวกไม่เซ็งกับรสชาติของเจล ได้ผลครับ จากเสียงครางงุงงิ้งเริ่มกลายเป็นเสียงแหกปาก
     “โอ๊ะ พี่ชัชครับ!”
     เมียผมแหกปากได้แรดมาก เร้าอารมณ์ผมดีจัง ไม่นานผมก็ได้ในสิ่งที่ผมต้องการ ไอ้ต้นมันกระตุกมือผมใหญ่เลย ไม่ไหวแล้วอ่ะดิ พอเห็นสีหน้าวิงวอนของมันแล้วผมก็รู้สึกผิดนิดหน่อยนะ แต่ทำไงได้ ผมชอบอ๊ะ! หน้าแดงๆ ตาเยิ้มๆ ลอยๆ เสียงหายใจหนักๆ ปากยิ้มหน่อยๆ ยิ่งท่าตอนที่มันชันตัวขึ้นมามองผมแบบอายๆ งี้นะ โคตรฟินเลยคร้าบ แรดดีจังเลยต้นเอ้ย พี่ชอบ!
     “อยากเต็มที่แล้วเหรอครับ”
     ต้นมันพยักหน้าหน่อยๆ โคตรน่ารัก
     “งั้นอยากได้แบบไหนดีครับ พี่จะได้จัดให้”
     ต้นมันทำหน้าเขินๆ งึมงัมตอบผมว่า “แล้วแต่พี่ชัชสิครับ” แต่เสือกพลิกตัวนอนคว่ำให้ ไอ้ต้นเอ้ย... พี่จะขาดใจตายก็เพราะความน่ารักของเราเนี่ยแหละ เมียผมส่งซิกแนลขนาดนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืนนี้มันอยากได้แบบไหน
     “งั้นยกก้นขึ้นมานิดนึงครับ พี่เข้าไม่ถนัด”
     ผมบอกพร้อมกับยกสะโพกไอ้ต้นขึ้น ต้นมันให้ความร่วมมือกับผมเต็มที่ คุกเข่าแอ่นโก้งโค้งรอรับผมเป็นอย่างดี เห็นตูดงอนๆ ขาวๆ แล้วหมั่นเขี้ยวเป็นบ้า ยิ่งมองรอยสักที่เป็นชื่อผมกับมันด้วยแล้ว เห็นแล้วโคตรปลื้มครับ อารมณ์ผมมันปั่นป่วนปะปนกันทั้งรักทั้งอยาก ใจหนึ่งอยากทะนุถนอมแต่อีกใจก็อยากทะลวงรูมันให้สะใจ อยากรังแกมันแรงๆ ให้สมกับที่ผมรู้ว่ามันเป็นของผมคนเดียว เพราะเลือกไม่ได้ ผมเลยงับไปเบาๆ บนรอยสักนั่นจนต้นมันสะดุ้งหลุดเสียงอุทาน
     “อื้อ พี่ชัช!”
     อา... สวรรค์อยู่ตรงหน้าผมละ ผมมองปากทางเข้าที่ฉ่ำเยิ้มเพราะเจลหล่อลื่นแล้วเงี่ยนมาก สีของมันคล้ำขึ้นจากวันแรกๆ ที่ผมจำได้ ผมเป็นคนทำเองแหละ อะไรที่ใช้งานบ่อย โดนเสียดสีบ่อยมันก็คล้ำขึ้นเป็นธรรมดา ความรู้สึกบางอย่างมันบอกผมว่า นี่แหละเมียผม ของผมคนเดียว!
     ผมจับของตัวเองไปจ่อให้ตรงรูแล้วค่อยๆ ดันส่วนหัวเข้าไป เสียวโคตร ตรงหัวมันไปครูดกับข้างในของต้น ความอุ่นกับสัมผัสแบบเนื้อๆ เน้นๆ โคตรชอบเลยครับ!
     “อ๊ะ!”
     ต้นเองก็เสียวไม่แพ้กันกับผม มันหลุดเสียงครางออกมานิดหน่อยก่อนจะเงียบไปเพราะเอาหน้าซุกลงกับหมอนแล้วแอ่นก้นรอให้ผมสอดใส่อย่างตั้งใจแทน น่ารักที่สุด! แต่ยังหรอกน้องเอ้ย แค่นี้ยังไม่สะใจพี่หรอก ขอพี่เห็นเราครางแบบร่านๆ อีกทีเหอะ พี่ชอบ! ผมค่อยๆ ดันเข้าไปจนมิดลำ ต้นเงียบไปเลยครับ แต่ผมรู้ เมียผมนอนกัดฟันเม้มปากอยู่ชัวร์ ผมเองยังเผลอขบกรามเลย ฟินครับ รูไอ้ต้นโคตรฟิตแถมยังตอดชิบหาย ความรู้สึกอุ่นๆ ผสมกับความเสียวจนผมแทบแตก ผมต้องแช่คาไว้แล้วพยายามตั้งสติคิดถึงเรื่องที่โดนเจ้านายด่าเพื่อลดความเสียวลง ผมไม่อยากให้เกมนี้จบเร็วเกินไป
     ผมเริ่มจากจังหวะสโลว์ ด้วยการสาวออกมาจนเกือบสุด คาไว้ตรงรอยหยักก่อนจะดันเข้าไปช้าๆ จนมิดโคนแบบเน้นๆ ต้นร้องอู้อี้แล้วครับ ผมรู้นะว่ามันชอบตอนที่ตรงขอบหยักครูดกับปากทางของมัน เพราะมันเผลอขมิบรัดดุ้นผมทุกครั้งที่ผมสาวออกมาใกล้สุดเหมือนจะเสียดาย แต่พอผมดันสวนกลับเข้าไปมันก็จะหลุดครางอือครางอาออกมา ฟังแล้วน่ารักเป็นบ้า!
     จากจังหวะเนิบๆ ผมก็เริ่มเพิ่มเสต็บให้เร็วขึ้นนิดหน่อย แต่ผมยังแทงแบบเน้นๆ อยู่ เวลาเข้าสุดผมชอบกระแทกครับฟังเสียงเมียคราง “อ๊ะๆ” เวลาโดนกระแทกแล้วมันได้อารมณ์ดี ยิ่งท่านี้ยิ่งกระแทกถนัด เพราะท่านี้ผมชอบก็ตรงที่ผมได้จับสะโพกไอ้ต้นให้ขยับมาชนกับตัวผมนี่แหละ แล้วบางทีก็จะได้เห็นด้วยว่ามีคนแอบมันขยับเอวเองเวลาที่ผมเร่งจังหวะไม่ทันใจ หึๆ
     ว่าแต่ชิบหาย กี่โมงละวะ? พรุ่งนี้ผมเข้าออฟฟิสแต่เช้าด้วย จะมีแรงมั้ยวะนี่ สงสัยคืนนี้คงได้แค่รอบเดียว งั้นต้องจัดแบบเน้นๆ หน่อยละ ไม่ได้ปริมาณผมเอาคุณภาพก็ได้อ่ะ
     ผมดันตัวต้นเอนลงก่อนจะพลิกให้เราทั้งคู่ตะแคงขวา แขนขวาผมต้องรับน้ำหนักตัวไอ้ต้น ส่วนแขนซ้ายผมสอดเข้าใต้ขามันแล้วยกชี้ฟ้า พอจัดท่าทางได้ถนัดแล้วผมก็เริ่มรัว โดนผมจับแหกขาซอยแบบนี้ไอ้ต้นก็ทนไม่ไหวแล้วครับแหกปากครางลั่นแล้ว ท่าทางมันเสียวสุดๆ ผมเองก็เสียว
     กระแทกได้พักนึงผมก็ปล่อยขามันลง สงสารเมียครับ ไม่อยากให้มันเมื่อยขา กลัวมันด่า คราวที่แล้วเจอท่ายากไปแล้วมันบ่นระบมไปทั้งตัว ทีปล่อยให้ผมขยับทำให้อยู่ฝ่ายเดียวตัวเองนอนครางสบายๆ มันไม่ยักจะบ่น ไอ้ต้นแม่งกินแรงจริงๆ ไม่ได้การละ ผมต้องแกล้งมันหน่อยละ เพื่อความสะใจ คราวนี้ผมจะนอนกินแรงมันบ้าง ฮ่าๆ
     ผมพลิกตัวนอนหงายแล้วจับไอ้ต้นนอนทับอยู่บนตัวผมก่อนจะดันหลังมันให้ลุกขึ้นนั่งโดยที่ของผมยังคาไว้อยู่ในตัวมัน ดูไอ้ต้นมันงงๆ หันกลับมาถามผมด้วยสายตา
     “ขย่มตอผัวทีสิคร้าบ เมียจ๋า ผัวเพิ่งนึกได้พรุ่งนี้เข้าออฟฟิสแต่เช้าเดี๋ยวไม่มีแรง”
     ฮ่าๆ หน้าไอ้ต้นเหวอไปแล้ว สะใจชิบ มันจะลุกหนีแต่ก็หนีไม่ได้เพราะผมจับแขนมันไว้ทั้งสองข้าง แถมของผมยังคาอยู่ในรูมันอีก
     “พี่ชัชอ๊ะ! ไม่เอา เล่นบ้าอะไรครับ!”
     “ขี่ม้ากลับหลังไง หรือต้นอยากหันหน้ามาหาพี่”
     “ไม่เอา ผมเขินอ่ะ ทำดีๆ สิครับ”
     “ก็นี่ไง ทำอยู่ ต้นก็ช่วยพี่ด้วยสิคร้าบ”
     “อ๊า!”
      เพราะถูกผมเด้งสวนขึ้นไปมันเลยร้องครางออกมา มันดื้อได้อีกแปปเดียวก็เริ่มเด้งสู้ผมละ แหง๋ดิ ความมันติดลม แถมถูกผมจับไว้แบบนี้หนีไม่ได้ถ้าไม่ขยับก็โดนผมกระแทกรัวๆ งี้ สุดท้ายก็ต้องเลยตามเลยให้ความร่วมมือกับผมอยู่ดีนั่นแหละครับ
     ผมขยับได้ซักพักก็เหนื่อย เด้งท่านี้ปวดเอวนะครับ แถมสงสารต้นมันด้วย เมื่อกี้ผมดันมันนั่งกระทันหันมันไม่ได้ตั้งหลักดีๆ ป่านนี้คงเมื่อยขาหมดแล้ว ผมบอกมันให้ลุกขึ้นก่อนจะจับมันนอนหงายลงบนเตียงแล้วคุกเข่าเข้าประจำที่ ได้เวลาปิดเกมแล้วครับ ไม่งั้นพรุ่งนี้ผมไปทำงานไม่ไหวแน่ๆ คืนนี้พี่ขอโทษนะครับที่รัก ไว้วันหยุดเดี๋ยวพี่ชดเชยต่อให้เอง
     “วันนี้ต้นน่ารักมากครับ เดี๋ยวที่เหลือพี่บริการเองนะ”
     ผมจูบมันที่กระหม่อม เปลือกตา ก่อนจะลากมาที่ข้างแก้มแล้วก็วนไปแลกลิ้นกับมัน หลังจากนั้นก็ถึงคราวผมต้องออกแรงละ ผมผละออกมาแล้วดันของผมกลับเข้าไปในตัวต้นอีกครั้ง ผมเสียบเข้าไปแบบเน้นๆ กะให้เนื้อครูดเนื้อเต็มที่ ต้นมันนอนครางใหญ่เลย มันหลับตาย่นคิ้วนอนสูดปากครางอือๆ ด้วยความเสียว ทีงี้อ่ะไม่มีประท้วงผมซักแอะ โดนผมบริการจนเคยชิน กินแรงคนแก่จริงๆ เลยไอ้เด็กคนนี้ ขอพี่จัดหนักสักหน่อยก็แล้วกัน!
     เพราะความเอ็นดูปนหมั่นไส้ผมก็เลยจับมันแหกขาเป็นรูปตัววีแล้วเริ่มซอยแบบไม่ยั้ง แต่ละครั้งผมจงใจกระแทกเต็มแรงเน้นๆ ไอ้ต้นตกใจแหกปากครางใหญ่สองมือมันจิกผ้าปูแน่นด้วยความเสียว ผมก็โคตรเสียวเลย ยิ่งผมมองฟองขาวๆ จากทั้งเมือกทั้งเจลที่เกิดขึ้นเพราะการเสียดสีสอดใส่ระหว่างผมกับต้นแล้วผมก็ยิ่งฟินครับ ผมกำลังจะสำลักความสุขตาย
     ผมรู้ว่าต้นมันชอบแบบเน้นๆ เลยเผลอทะลวงไปแบบไม่ยั้ง ผมสาวของตัวเองออกมาแล้วกระแทกกลับเข้าไปแบบเน้นๆ ได้อีกไม่กี่ทีก็รู้สึกถึงแรงบีบรัดจากในตัวของไอ้ต้น มันเริ่มกรี๊ดออกมา ครางเรียกชื่อผมไม่เป็นภาษา
     “จะถึงแล้วเหรอครับ รอพี่แปปนะที่รัก”
     ผมบอกไปแบบนั้นแต่ต้นมันไม่รอผมแล้วล่ะ ภาพตอนที่มันกระฉูดออกมาพอดีกับตอนที่โดนผมกระแทกเข้าไปแม่งโคตรเร้าใจ มันสั่นหงึกๆ ไปทั้งตัว กระฉอกไปถึงหน้าอกมันแน่ะ ผมเองก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกันเลยเร่งเครื่องอัดส่งท้ายก่อนจะตามมันไปติดๆ ผมรู้สึกถึงแรงกระตุกสองสามครั้งก่อนที่อะไรบางอย่างจะถูกฉีดออกมาในตัวต้น เป็นอันว่ามิชชั่นคอมพลีทครับ ผมงาบเมียเสร็จแล้ว
     เฮ้อ... เหนื่อยครับ แทบหน้ามืด เล่นเอาหมดแรง ผมเลยทิ้งน้ำหนักลงทับไอ้ต้นแล้วจูบมัน ไอ้ต้นมันนัวเนียกับผมเพลินเลยแหละ จนของผมอ่อนตัวลงแล้วเริ่มหลุดนั่นแหละ ผมเลยชักออกมา น้ำผมก็เลยทะลักไหลออกมาด้วย ผมก้มลงมาดูให้มันทุกครั้งแหละ เพราะบางทีผมก็ทำแรงเกินไป กลัวมันได้เลือดอีก ดีที่รอบนี้ไม่มีเลือด แต่... มองแบบนี้แล้วชื่นใจจัง รูของไอ้ต้นอ้าออกนิดหน่อยยังไม่หุบสนิท สีของมันแดงก่ำจากการถูกกระทำ มีคราบน้ำของผมเยิ้มคารู ส่วนบนตัวมันก็มีคราบของตัวเองที่เลอะเทอะจากการที่ผมนอนทับตัวตะกี้ ดูเอ็กซ์เป็นบ้า เห็นแล้วอยากต่ออีกรอบชะมัด!
     แต่เสร็จแล้วก็หมดแรง เหนื่อยครับ แถมพรุ่งนี้ต้องเข้าออฟฟิสแต่เช้า อยากนอนไปทั้งแบบนี้เป็นบ้า แต่ไม่ได้หรอก ต้องทำหน้าที่ผัวที่ดีก่อน
     “ลุกไหวมั้ยครับ ให้พี่ช่วยมั้ย?”
     “พอไหวครับ”
     ต้นมันยิ้มให้ผมแบบอายๆ ผมเลยดึงตัวมันมาจูบอีกทีก่อนจะประคองมันเข้าไปล้างตัวในห้องน้ำ เสร็จแล้วเราก็ออกมานอนกอดกันโดยไม่ได้ใส่เสื้อผ้า เนื้อสัมผัสเนื้อ ไออุ่นจากตัวมันทำให้ผมรู้สึกดีชะมัด ต้นมันนอนซุกผม ผมก็นอนกอดมัน เมียอ้อนผัว ผัวโอบเมีย ความสุขแบบเรียบง่ายของคำว่าครอบครัวมั้งครับ
     ยิ่งเห็นสายตาที่ไอ้ต้นมองผม นอกจากความรักที่ล้นปรี่ของมันแล้วก็เจือไปด้วยความเทิดทูนบูชา ผมเป็นทุกๆ อย่างของมัน ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในใจผมอย่างห้ามไม่อยู่ ผมไม่ควรเผลอใจคิดลังเลแบบนั้นเลย ผมควรจะหนักแน่นให้มากกว่านี้!
     “คิดอะไรอยู่เหรอครับ?”
     “ก็คิดว่า ทำไมเมียพี่ถึงได้น่ารักชะมัดเลยไง”
     ผมพูดพร้อมกับไล้แก้มไอ้ต้นมันเล่นก่อนจะขโมยหอมไปทีหนึ่ง มันทำท่าอายแล้วก็ขยับเข้ามาเบียดผมซะชิด
     ต้นมันดีกับผมขนาดนี้ละผมจะทิ้งมันได้ยังไง ผมไม่โง่พอที่จะปล่อยมือจากคนที่รักผมขนาดนี้หรอก ไม่รวมถึงว่าผมเองก็รักมันด้วยนะ ผมแม่งโง่ชะมัดเลย พึ่งมาตาสว่างจำความรู้สึกของตัวเองได้ก็ตอนนี้ น้ำตาลมีผลกระทบต่อผมมากจริงๆ แต่ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็ไม่หวั่นไหวแล้วล่ะ น้ำตาลทำอะไรผมไม่ได้แล้ว เพราะผมมีต้นอยู่เคียงข้างผม
     “พี่รักต้นนะครับ”
     ผมพูดพร้อมกับกระชับอ้อมแขนกอดมันเอาไว้ในอกให้แน่นขึ้น ต้นมันไม่ได้ตอบอะไรผม แต่ผมก็รู้คำตอบของมันได้จากการที่มันมุดหน้าลงบนหน้าอกผม จั๊กจี้แฮะ แต่ที่มากกว่าจั๊กจี้คือความรักของมันที่ผมสัมผัสได้ ต้นรักผมมาก และผมก็รักต้นมากด้วยเช่นกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



*อนึ่ง พระเอก(ของเรื่อง) แปลว่า "ผัวของตัวเอก" เฉยๆ นะ ไม่ได้แปลว่ามีความเป็นพระเอก ฮ่าๆ  :katai3:
เป็นบทอัศจรรย์ที่กวนตี๊ดนิดๆ ตามสไตล์พี่ชัช ไม่เน้นหื่นมากแต่เน้นชัยชัชสไตล์ ถ้าน้องต้นเป็นคนบรรยายก็จะอีกแนว หวังว่าคงจะอบอุ่นหวานละมุนมุ้งมิ้งกู้คะแนนให้เฮียแกได้บ้าง ไม่งั้นเจอตอนพิเศษหน้าเข้าไปเฮียแกจะตกกระป๋องแน่ๆ ขานั้นเขามาแรงแฟนคลับเยอะ ของเฮียแกนี่มีแต่แฟนขับ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 9

ขอแค่ได้รัก

      “คิดไงถึงอาสาไปช่วยแม็กซ์ทำรายงาน?”
     แม็กซเอ่ยถามเพื่อนร่วมทางที่กำลังนั่งมองวิวนอกรถเพราะความไม่คุ้นทาง เขากำลังขับรถกลับบ้านโดยมีผู้โดยสารเพิ่มอีกหนึ่งจากปกติที่เขามักจะกลับบ้านตามลำพัง เขาไม่ชอบพาใครไปบ้าน แต่ถ้าบ้านที่ว่าหมายถึงห้องพักที่เขาอยู่ตามลำพังก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
     “ก็แม็กซ์ไม่มีคนช่วยไม่ใช่เหรอ?”
     เพื่อนของเขาตอบพร้อมกับหันมายิ้มให้ แม็กซ์รู้สึกได้ถึงอัตราเร่งของหัวใจตัวเอง พักนี้เพื่อนของเขาชักจะน่ารักมากไปแล้ว ... รอยยิ้มสดใสที่มีให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งที่เขาเคยต้องการมาตลอดแต่กลับได้มาง่ายๆ เมื่อยอมถอดใจ จากเดิมที่พอจะทำใจได้เลยกลายเป็นเขาไม่รู้ว่าตนเองจะเผลอตบะแตกเมื่อไหร่ และที่สำคัญเขาไม่ได้ทำแบบนั้นกับใครมานาน! เขากลัวใจตัวเองจริงๆ
     เมื่อตั้งสติได้แม็กซ์จึงพยายามสนใจหัวข้อสนทนาแทน เขามองกระจกข้างก่อนจะเปิดไฟเลี้ยวแล้วเปลี่ยนเลนส์เพื่อใช้ความเร็ว เขาบอกตัวเองให้มีสมาธิกับการควบคุมรถแทนที่จะมัวแต่มองรอยยิ้มของเพื่อนรัก
     “มันก็ใช่ แต่คนละคณะ คนละมหาลัย จะไหวเหรอ?”
     “ก็แค่ช่วยสรุปแล้วพิมพ์ คงไม่ยากมากขนาดนั้นหรอกมั้ง แค่วิชาของปีหนึ่ง ที่เหลือแม็กซ์ก็ค่อยตรวจดูอีกรอบก็ได้นี่”
     “โหย! พูดงี้มีเคืองอ่ะ ใช่ดิ ต้นฉลาดนี่”
     “บ้า! ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ที่จริงถ้าแม็กซ์ไม่มัวแต่เถลไถลเดี๋ยวก็เสร็จ เพราะไม่ยอมทำแต่เนิ่นๆ แหละ แล้วก็มาเร่งเอาวันท้ายๆ จนไม่ยอมนอน ถ้าไม่ถึงที่สุดนี่ไม่โทรมาเลื่อนนัดใช่มั้ย แทนที่จะบอกกันให้เร็วกว่านี้ เราจะได้ไปช่วยแต่แรก”
     “ขี้บ่นชะมัดเลยอ่ะ”
     “อย่ามาว่าเรานะ ละที่จริงอ่ะ บอกทางมาแล้วเดี๋ยวเราไปบ้านแม็กซ์เองก็ได้ ไม่เห็นต้องย้อนไปมาเลย ลำบากแม็กซ์เปล่าๆ ต้องไปรับเราก่อน เสียเวลาอ่ะ”
     “ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ต้นจะมาช่วยทั้งทีก็ต้องบริการให้เต็มที่ดิ ขึ้นทางด่วนแปปเดียวก็ถึงแล้ว”
     แม็กซ์ตอบเพื่อนของเขาด้วยความจริงใจหาใช่การพูดไปเรื่อยตามมารยาท ถ้าเป็นเพื่อนคนนี้ต่อให้ลำบากมากกว่านี้เขาก็ยอม
     “ว่าแต่ต้นเหอะ ค้างกับแม็กซ์ได้แน่นะ”
     “ได้สิ”
     “แล้วแฟนต้นจะไม่ว่าอะไรเหรอ มาค้างกับแม็กซ์ แม็กซ์ไม่อยากให้ต้นมีปัญหากันทีหลัง”
     “พี่ชัชไปต่างจังหวัดน่ะ ช่วงนี้พี่เขายุ่งๆ คงไม่ว่าอะไรเราหรอก”
     จู่ๆ เสียงของเพื่อนเขาก็แผ่วไป แม็กซ์จับความรู้สึกบางอย่างได้ในน้ำเสียงนั้น
     “ไม่ได้บอกเหรอต้น?”
     “ไม่เป็นไรหรอก บางทีเราก็ไปค้างบ้านคุณปู่บ่อยๆ ตอนพี่ชัชไม่อยู่”
     “เหงาเหรอ?”
     เพราะอะไรบางอย่างแม็กซ์จึงถามออกไปตรงๆ เขาอยากเอื้อมไปจับมือของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่กล้า เลยได้แต่จับเกียร์ไว้แล้วกำเสียแน่นจนเจ็บมือ ต้นน้ำเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะยอมรับ
     “อืม ... ก็ นิดหน่อยน่ะ แต่เราก็เข้าใจนะว่ามันเป็นงาน ชินแล้วล่ะ เมื่อก่อนตอนอยู่กับแม่ก็เป็นงี้บ่อยๆ”
     “อย่าพูดว่าชินนะต้น ถ้าเหงาเมื่อไหร่บอก เดี๋ยวแม็กซ์พาไปทำเรื่องหนุกๆ เอง จะดูหนังกินข้าวซ้อมดนตรี หรือต้นอยากทำอะไรแม็กซ์ได้หมดแหละ”
     “ขอบใจนะ”
     ต้นน้ำแย้มรอยยิ้มที่แสนจะสดใสส่งมากระแทกใจแม็กซ์เต็มๆ แม็กซ์รู้สึกถึงขีดจำกัดของความอดทนที่มันจะทะลุปรอทอยู่รอมร่อ เขาพยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้คิดอยากจูบคนข้างๆ โดยการนึกถึงงานยุ่งๆ ที่กำลังรอเขาอยู่แทน
     “อืม แต่เตรียมตัวไว้เหอะ คืนนี้ต้นไม่ได้นอนแน่ๆ”
     “จัดมา จะจัดการให้เสร็จก่อนเช้าให้ดู ถ้าเราทำได้นายต้องเลี้ยงเราด้วยนะ”
     “โหย พูดอย่างกับแม็กซ์ไม่เคยเลี้ยงต้นงั้นอ่ะ ก็เลี้ยงตลอดแหละ”
     “ไม่เอา เอาที่เราอยากทานสิ ไม่ใช่ที่นายอยากทาน”
     “มีเรื่องมากอีก โอเคๆ แล้วต้นอยากกินไรอ่ะ”
     “ร้านยากินิคุแถวๆ สุขุมวิท เค้าว่าอร่อยมาก คนเต็มทุกคืนเลย แต่หัวเป็นพันแน่ะ”
     “หูย ไม่ให้แฟนพาไปล่ะ มาไถแม็กซ์”
     “ไม่เอา แพงจะตาย พี่ชัชจนแถมต้องเก็บเงินไว้ให้เราใช้ ให้นายเลี้ยงนี่แหละ แม็กซ์รวยจะตายแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก เลี้ยงข้าวเราดีกว่าเอาเงินไปดื่มเหล้าอีก เราอุตส่าช่วยงานนายทั้งที”
     “ฮ่าๆ ต้นนี่ร้ายว่ะ ได้เลยคร้าบ ตามแต่ต้นจะบัญชาเลย เดี๋ยวแม็กซ์จัดให้”
     และเมื่อถึงที่หมาย แม็กซ์ก็เลี้ยวรถเข้าไปอย่างคุ้นเคย แต่ต้นน้ำนี่สิแอบช็อก บ้านหลังใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้นั้นราวกับคฤหาสในละคร! เขารู้ว่าแม็กซ์รวย แต่ก็ไม่คิดว่าแม็กซ์จะรวยขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาแม็กซ์ทำตัวธรรมดากับเขามาตลอด และบอกว่าครอบครัวของตนแค่ทำธุรกิจส่งออกเล็กๆ อยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูกกับคนใช้อีกหนึ่ง แม็กซ์กดรีโมทเปิดประตูอัตโนมัติก่อนจะเลี้ยวรถเข้ามาจอดยังโรงจอดรถ
     “เออ รถป๋าจอดอยู่ สงสัยวันนี้พ่อแม็กซ์อยู่ว่ะ”
     “แล้วแม่แม็กซ์ล่ะ”
     “ไปเที่ยวเกาหลีกับเพื่อน กลับอาทิตย์หน้าโน่น”
     “เข้าบ้านกัน บอกไว้ก่อนนะ ปกติแม็กซ์ไม่เคยพาใครมาบ้าน ถ้าป๋าแม็กซ์ถามอะไรแปลกๆ ต้นอย่าถือนะ”
     “ทำไมเหรอ?”
     “เอาน่า อย่าถามมาก เข้าบ้านกัน”
     แม็กซ์ตัดบทพลางหอบข้าวของลงจากรถเดินนำหน้าไปลิ่วๆ ทำให้ต้นน้ำต้องรีบตามลงไป แม็กซ์หันมายิ้มกวนๆ ให้อย่างผู้ชนะก่อนจะกดรีโมทล็อกรถแล้วหยุดรอเพื่อนของตน และเมื่อเข้าไปในบ้านก็เจอกับชายสูงวัยนั่งอยู่ในห้องรับแขก ท่าทางเหมือนกำลังจะออกจากบ้าน
     “ดี ป๋า”
     “เออดี กลับมาแต่หัววันเลยนะ”
     “แล้วป๋าอ่ะ จะออกไปไหนตั้งแต่ยังไม่ค่ำ หนีเที่ยวอีกอ่ะดิ”
     “ป๋าไปงานแต่งลูกเพื่อนโว้ย ว่าแต่แกเหอะจะออกไปไหนอีกรึเปล่า?”
     “ไม่อ่ะ เออป๋า นี่ต้นเพื่อนผม เขาจะมาช่วยผมทำงานนะ”
     ผู้อาวุโสของบ้านมองเด็กหนุ่มใส่แว่นท่าทางเรียบร้อยแล้วก็แปลกใจ เครื่องแบบที่ใส่อยู่ทำให้รู้ว่าเพื่อนคนที่ว่านี้อยู่คนละมหาวิทยาลัยกับลูกของตนแน่ๆ เด็กหนุ่มยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อมแล้วเอ่ยคำสวัสดีอย่างกล้าๆ เกรงๆ ท่าทางประหม่าของเด็กหนุ่มทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย
     “ไหว้พระเถอะ แล้วนี่ไปไงมาไงถึงมาช่วยเจ้าแม็กซ์มันได้ล่ะ? เรียนคนละที่กันไม่ใช่เหรอ?”
     “ก็เพื่อนแท้ไงป๋า ไปก่อนนะ งานผมเยอะ ไปเหอะต้นไปห้องแม็กซ์กัน ป๋าบอกป้าจิตให้เอาน้ำกับขนมขึ้นไปให้ผมด้วยนะ”
     แม็กซ์ตอบบิดาของตนแทนต้นน้ำอย่างกวนส้น ก่อนจะลากแขนเพื่อนเดินขึ้นชั้นสองไปอย่างไม่ใส่ใจ เล่นเอาต้นน้ำหน้าเหวอได้แต่ทำท่าเหลอหลาไม่รู้จะเอายังไงต่อดี เขาหันมาก้มหัวเป็นเชิงขออนุญาตบิดาของเพื่อนก่อนจะเดินตามแม็กซ์ไปติดๆ
     พออยู่กันสองต่อสองตามลำพังในห้องแล้วต้นน้ำก็เปิดปากพูด
     “พ่อแม็กซ์ท่าทางดุจัง ทำแบบนั้นจะดีเหรอ?”
     “ไม่ดุหรอก ถ้าดุแม็กซ์จะเป็นงี้ได้ไง ถ้าอะไรที่มันไม่หนักเกินไปพ่อไม่ว่าไรแม็กซ์หรอก”
     แม็กซ์พูดพลางเริ่มถอดเสื้อผ้าตามความเคยชิน เขาปลดเปลื้องชุดนักศึกษาออกพลางคุ้ยหากางเกงขาสั้นมาใส่ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าต้นน้ำยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ที่เดิม ไม่ยอมขยับ
     “เอ้า ไม่เก็บของอ่ะ จะเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำก่อนก็ได้นะ”
     “แล้วจะให้เราวางกระเป๋าตรงไหนล่ะ?”
     ต้นน้ำมองไปรอบๆ ถึงห้องนอนจะกว้างแต่บรรดาชั้นต่างๆ ก็เต็มไปด้วยข้าวของวางระเกะระกะ ฝั่งหนึ่งของห้องเต็มไปด้วยคอลเล็คชั่นกีต้าร์จำนวนเกือบสิบตัว บนโต๊ะทำงานที่มีคอมพิวเตอร์วางไว้ก็ยิ่งรก และแม็กซ์ยังคงไม่ทิ้งนิสัยเดิม ชอบถอดเสื้อผ้าวางทิ้งไว้เต็มไปหมด บรรดาหนังสือรวมไปถึงนิตยสารต่างๆ ที่อ่านแล้วก็วางเกลื่อนเอาไว้ไม่เคยเก็บเข้าที่
     “เออ ลืมไปว่าต้นพึ่งมาบ้านแม็กซ์ครั้งแรก ขอโทษ”
     แม็กซ์เดินไปเขี่ยข้าวของบนโต๊ะออกไปกองอยู่มุมหนึ่งก่อนจะหันมาบอก
     “อ่ะ ตรงนี้ก็ได้ เสื้อแม็กซ์อยู่ในตู้ หยิบตามสบาย ถ้าตัวไหนยังพับอยู่หรือแขวนไว้อ่ะแปลว่ายังไม่ได้ใส่ ป้าจิตแกซักแล้ว สะอาดแน่นอนไม่ต้องห่วง”
     “แล้วพวกนั้นล่ะ?”
     ต้นน้ำว่าพลางพยักพเยิดไปทางหนึ่งที่มีกองเสื้อผ้าถอดวางพาดไว้เต็มไปหมด
     “เออน่า บางทีมันก็ลืมๆ บ้าง ต้นก็รู้ไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพอมันวางไว้ครบอาทิตย์ป้าแกก็มาเก็บไปซักให้เองแหละ”
     “แล้วทำไมไม่เอาลงตะกร้าดีๆ แม็กซ์อ่ะทุกทีเลย”
     ต้นน้ำพูดพลางหยิบตะกร้าผ้ามาเดินเก็บเสื้อผ้าที่แม็กซ์วางทิ้งไว้ใส่ลงไป
     “เฮ้ย! จะมาช่วยแม็กซ์ทำรายงานหรือมาบ่นเนี่ย”
     “ก็มันสกปรกนี่ เห็นแล้วรำคาญตา”
     “ก็ถ้ารู้ว่าต้นจะมานะ แม็กซ์จะรีบเก็บห้องรอล่วงหน้าเลย”
     “ก็อกๆ”
     เสียงเคาประตูดังขึ้นพร้อมกับที่ป้าจิตแม่บ้านของแม็กซ์เปิดประตูนำน้ำกับขนมเข้ามาเสริฟให้ ส่งผลให้คนทั้งคู่หยุดทะเลาะกัน
     “ขนมค่า อุ๊ยคุณหนู! เดี๋ยวป้าเก็บให้เองค่ะ คุณหนูมาช่วยคุณแม็กซ์ไม่ใช่เหรอคะ ไปค่ะ ไปนั่งทานขนมพักให้หายเหนื่อยจะได้มีแรงทำงานกัน เดี๋ยวตรงนี้ป้าจัดการเองค่ะ”
     เมื่อป้าจิตเห็นตะกร้าผ้าในมือต้นน้ำกับเสื้อผ้าใช้แล้วที่เด็กหนุ่มเดินเก็บ เธอก็อุทานขึ้นยาวเหยียดก่อนจะแย่งงานไปทำ
     “เห็นมะ”
     “นิสัยไม่ดี แค่เอาเสื้อผ้าใส่ตะกร้าเอง ซักก็มีคนซักให้อยู่แล้วยังจะ...”
     “อ่ะๆ กินคุ๊กกี้ไปต้น ป้าครับเดี๋ยวเคลียร์บนโต๊ะให้ผมหน่อย ผมจะใช้โต๊ะทำงานครับ”
     “ได้ค่า”
     ว่าแล้วเธอก็จัดการกองหนังสือและข้าวของต่างๆ บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว แม็กซ์เลยหันไปยักคิ้วให้เพื่อน ต้นน้ำจึงได้แต่ทำหน้างอ เพื่อนเขาคนนี้มีคนทำทุกอย่างให้จนเคยตัว
     แม็กซ์เห็นแล้วขำกับท่าทางเจ้าระเบียบของเพื่อนที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เมื่อก่อนเขาก็โดนบ่นแบบนี้บ่อยๆ แล้วก็จบลงด้วยการที่ต้นน้ำทำทุกอย่างให้เขาเพราะทนไม่ได้เอง
     คนทั้งคู่นั่งทานขนมรอเงียบๆ ไม่นานนักป้าจิตก็จัดการงานของเธอเสร็จ พอป้าแกออกไป แม็กซ์ก็เริ่มถอดกางเกงเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อ เขาสลัดกางเกงที่เคยใส่ไปวางพาดไว้บนราวตากผ้าเช็ดตัวตามนิสัยเดิมก่อนจะหยิบเอากางเกงขาสั้นมาใส่ ต้นน้ำเลยได้แต่ทำหน้าเซ็งให้กับนิสัยของเพื่อน เขาหยิบกางเกงตัวนั้นโยนลงตะกร้า ก่อนจะเลือกมุมเหมาะๆ วางของแล้วปลดชายเสื้อออกจากกางเกงให้สบายตัว
     เพราะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วต้นน้ำจึงไม่ขัดเขินเมื่อแม็กซ์เปลือยท่อนบนใส่แต่กางเกงปิดบังเฉพาะท่อนล่าง ต้นน้ำเคยเห็นแม็กซ์เปลือกอกแบบนี้จนชินตา อีกฝ่ายเคยโป๊ต่อหน้าเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง โดยเฉพาะนิสัยที่ชอบใส่แต่ท่อนล่างเวลาอยู่ในห้องส่วนตัว เพราะเห็นบ่อยนานวันเข้าเขาจึงชิน ขอเพียงแค่อย่ามาแกล้งเขาก็เท่านั้นแหละ ต่อให้แม็กซ์เปลือยกายทั้งตัวต้นน้ำก็ไม่รู้สึกอะไร
     เมื่อคนทั้งคู่จัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว แม็กซ์ก็เริ่มจ่ายงานให้ต้นน้ำ
     “อ่ะ นี่โน๊ตบุ๊คแม็กซ์ ตัวอย่างงานของเพื่อนแม็กซ์อยู่ในนั้นแหละ แม็กซ์ก็อปไว้ในเดสทอปนะ ต้นเขียนบทนำให้หน่อยดิ อันอื่นๆ ด้วย ลอกเอาจากตัวอย่างของเพื่อนแม็กซ์แหละ แต่เดี๋ยวแม็กซ์สรุปข้อมูลพวกนี้ก่อน เสร็จทั้งหมดแล้วแม็กซ์ค่อยตรวจอีกที”
     “หัวข้อเดียวกันเหรอ?”
     “อืม แต่ของแม็กซ์เปลี่ยนกลุ่มแซมเปิ้ลอ่ะ ที่เหลือคล้ายๆ กัน”
     “งั้นทำแบบเดิมเลยนะ”
     “อือ”
     แบบเดิมที่ทั้งคู่หมายถึงก็คือการที่แม็กซ์ให้ต้นน้ำเขียนรายงานให้แล้วค่อยมาตรวจแก้ใส่ความเป็นตัวเองลงไปทีหลังเพื่อไม่ให้เนื้อหาของงานดูแปลกจนเกินไปไม่เหมือนงานที่เขาทำ พวกเขาใช้วิธีแบบนี้มาตั้งแต่ตอน ม.5 และต้นน้ำก็ใกล้ชิดกับแม็กซ์มากพอที่จะสรุปรายงานเป็นความเห็นแบบแม็กซ์โดยไม่ถูกจับได้ว่าแม็กซ์ไม่ได้เป็นคนทำ ไม่เหมือนเวลาที่แม็กซ์ให้คนอื่นทำให้ หรือเวลาที่แม็กซ์ไปก็อปปี้รายงานของคนอื่นไปส่ง และที่สำคัญต้นน้ำนั้นฉลาดทั้งทางด้านเนื้อหาวิชาการและเนื้อภาษาที่ใช้เขียน แม็กซ์จึงปล่อยให้ต้นน้ำช่วยจัดการงานให้อย่างวางใจ
     ฝ่ายต้นน้ำเมื่อได้รับทราบหัวข้อแล้วก็นั่งอ่านเนื้อหาจากหนังสือและบทความที่แม็กซ์คัดลอกมาให้ก่อนที่จะสรุปแล้วเริ่มลงมือพิมพ์รายงาน
     คนทั้งคู่ต่างทำหน้าที่ของตนอย่างจริงจังจนลืมเวลา กระทั่งป้าจิตมาเคาะประตูห้องอีกครั้งนั่นแหละว่าทั้งคู่จะรับอาหารเย็นเลยไหมเธอจะได้ยกขึ้นมาให้ แม็กซ์และต้นน้ำจึงรู้ตัวว่าเวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงและขณะนี้ก็เกือบสองทุ่มแล้ว
     “เดี๋ยวพวกผมลงไปกินข้างล่างดีกว่าครับ ป้าตั้งโต๊ะไว้เลยก็ได้”
     ต้นน้ำมองแม็กซ์ขยับตัวบิดขี้เกียจแล้วก็ยิ้ม
     “ยิ้มไร?”
     “ก็นานๆ ทีถึงจะเห็นแม็กซ์โหมดจริงจังแบบนี้มั้ง เมื่อก่อนใช้เราทำคนเดียวตลอดอ่ะ”
     พอนึกถึงสมัยก่อนที่แม็กซ์มักจะเรียกเขาให้ไปทำรายงานให้โดยที่ตัวเองก็เอาแต่เล่นเหลวไหลแกล้งกวนสมาธิเขาเล่นแล้วต้นน้ำก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ แม็กซ์ชอบสรรหาสารพัดวิธีมาป่วนเขาจริงๆ เวลาผ่านไปไม่นานผู้ชายคนนั้นกลับกลายมาเป็นคนจริงจังท่าทางเอาการเอางานได้ถึงขนาดนี้เชียว
     “ขืนไม่จริงจังก็ร่วงดิ ตอนนี้ไม่มีคนคอยช่วยแม็กซ์แล้ว ก็ต้องขยันเอง”
     “อ้าว แล้วทำไมไม่ให้บรรดาแฟนๆ ของนายช่วยเหมือนทุกทีล่ะ”
     “มีที่ไหน ตอนนี้ไม่ได้จีบใครนี่หว่า”
     “ทำไมไม่จีบล่ะ?”
     “ขี้เกียจ”
     แม็กซ์ตอบออกมาด้วยถ้อยคำตัดบทง่ายๆ ก่อนจะเฉไฉไปเรื่องอื่นแทน
     “ไปเหอะ หิวข้าวแล้ว ลงไปกินข้าวกัน”
     “อื้อ”
     ทั้งคู่ทานอาหารเย็นที่ประกอบไปด้วยกับข้าวง่ายๆ สองสามอย่างกันอย่างเร่งรีบ รายงานของแม็กซ์หมดเขตส่งเช้าวันจันทร์นี้แล้ว งานที่คั่งค้างอยู่ทำให้พวกเขาไม่มีแก่ใจนั่งละเลียดซึมซับความอร่อยของอาหาร และเมื่อทานเสร็จแล้วทั้งคู่ต่างก็พากันขึ้นไปคร่ำเคร่งกับงานต่อ ปล่อยให้ป้าจิตจัดการดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะขอตัวไปพักผ่อนยังเรือนหลังเล็กทางด้านหลัง บ้านหลังใหญ่จึงเสมือนคล้ายมีแต่พวกเขาสองคนตามลำพังเนื่องด้วยบิดาของแม็กซ์ออกไปงานสังสรรค์แล้ว ต้นน้ำนั่งทำงานอยู่ครู่ใหญ่ก็ชักจะไม่ไหวจึงตัดสินใจชาร์ตพลังตนเองด้วยการอาบน้ำ
     “แม็กซ์ เราอาบน้ำก่อนนะ ไม่ไหวแล้วอ่ะ”
     แม็กซ์เงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำอยู่มาสบตากับต้นน้ำแล้วถามด้วยน้ำเสียงแสดงความห่วงใย เขาไม่อยากทรมานเพื่อนรักด้วยความเห็นแก่ตัวของตนเอง
     “เอาดิ ไหวป่าว ง่วงก็นอนได้นะต้น เดี๋ยวแม็กซ์ทำต่อเอง”
     “ไหวๆ อาบน้ำแล้วคงสดชื่นขึ้นเองแหละ”
     “เออ ตามใจ”
     แม็กซ์พูดพลางหันหลังกลับไปยุ่งกับงานของตนต่อ แต่เสียงของต้นน้ำก็รบกวนสมาธิแม็กซ์อีกจนได้
     “เดี๋ยวสิ หาเสื้อผ้าให้เราก่อน”
     “เรื่องมากน่า อยากใส่ตัวไหนก็หยิบๆ ไปเหอะ”
     “แล้วผ้าเช็ดตัวล่ะ?”
     “ของแม็กซ์นั่นไง วางอยู่ตรงนั้นอ่ะ”
     แม็กซ์พูดพลางชี้ไปยังผ้าขนหนูที่วางพาดไว้บนราวตากผ้า ทำเอาต้นน้ำขมวดคิ้วเม้มปากไม่พอใจ
     “ไม? ทำหน้าไม่พอใจไม ใช้ของแม็กซ์ไม่ได้เหรอ”
     “ผ้าเช็ดตัวมันไม่ควรใช้ร่วมกันนะแม็กซ์”
     “ใช้ไปเหอะน่าต้น อย่าเรื่องมาก”
     “แต่...”
     “รู้นะว่าถ้าเป็นของแฟนต้นๆ ไม่บ่นหรอก ใช้ของร่วมกับแม็กซ์ซักวันเหอะน่า แม็กซ์ไม่ถือหรอก”
     “ก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นซักหน่อย เราก็แค่รักความสะอาด เกิดนายมีโรคอะไรล่ะ เฮอะ!”
     “หืม... พูดแบบนี้จะดูมั้ย? มันก็เหมือนๆ กับที่ต้นเคยเห็นนั่นแหละ”
     เพราะแม็กซ์เงยหน้าขึ้นมามองต้นน้ำอย่าเอาเรื่องพลางทำท่าจะควักอะไรบางอย่างออกมาโชว์ ต้นน้ำเลยยอมลดทิฐิเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แต่เพราะท่าทางงอนๆ สุดท้ายแม็กซ์ก็เลยละมือจากงานตามไปหยุดยืนเคียงข้างกันหน้าตู้เสื้อผ้าแล้วลงมือหาเสื้อผ้าให้เพื่อนรักของตน
     “อ่ะ เสื้อกับกางเกงขาสั้น ใส่ได้ใช่ป่ะ”
     “อืม”
     “จะยื้มกางเกงในแม็กซ์ด้วยมะ?”
     “บ้า! ใครจะไปยืม”
     “อ้าวงั้นคืนนี้ต้นก็โล่งอ่ะดิ ฮ่าๆ”
     “เราไม่ได้มีนิสัยชอบใส่ซ้ำแบบนายนี่”
     “เออๆ อ่ะ เอาผ้าขนหนูผืนนี้ไปใช้ก่อนละกัน ผืนเล็กหน่อยแต่รับรองว่าใหม่ ยังไม่เคยใช้เลย”
     “ขอบใจนะ”
     ต้นน้ำเอ่ยขณะรับผ้าขนหนูผืนเล็กที่แม็กซ์ส่งให้ ในที่สุดต้นน้ำก็หายหน้างอส่งยิ้มให้แม็กซ์ ลงท้ายแม็กซ์ก็ตามใจเขาแบบนี้ตลอดแหละ
     “ต้นเรื่องมากชิบอ่ะ ทีหลังเอาเสื้อผ้ามาทิ้งไว้นี่มา”
     “ทำอย่างกับเราจะได้มาอีกบ่อยๆ งั้นอ่ะ”
     “แล้วถ้าชวนจะมาป่ะล่ะ มานอนค้างกับแม็กซ์”
     เพราะบรรยากาศที่แปลกไปกะทันหันบวกกับสายตาที่ทอประกายเปี่ยมไปด้วยความหวังของแม็กซ์ ต้นน้ำจึงรู้ตัวว่าตนเผลอเหยียบย่างเข้าสู่เขตต้องห้ามโดยไม่ได้ตั้งใจอีกแล้ว เขาตัดสินใจเบี่ยงประเด็นไปตามเรื่อง
     “บ้า! ยังคิดจะใช้เราอีกเหรอ”
     “อ้าว ก็มีเพื่อนดีๆ ก็ต้องใช้ประโยชน์ให้คุ้มดิ ฮ่าๆ”
     แม็กซ์เองก็ตัดสินใจเปลี่ยนบรรยากาศจบเรื่องด้วยมุขตลกแทน ช่วยคลายสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกนี้ ก่อนจะพูดต่อทำทีเป็นไม่ใส่ใจอะไร
     “ไว้เดี๋ยวแม็กซ์ซื้อเสื้อผ้าใหม่มาให้ต้นเลยละกัน ติดตู้ไว้ ผ้าเช็ดตัวด้วยเอาป่ะ? อีกหน่อยเผื่อต้นมาอีกจะได้ไม่ต้องบ่น ขี้หูกระเด็นหมดแล้วดูดิ”
     “เออดี!”
     ต้นน้ำว่าอย่างงอนๆ ก่อนจะเดินหนีเข้าห้องน้ำไป จนกระทั่งเขาอาบน้ำเสร็จและออกมานั่งทำงานต่อโดยไม่รู้เลยว่ากลิ่นหอมๆ ที่กระจายออกมาจากตัวจะทำให้แม็กซ์ตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับงานได้ยากขึ้น
     กลิ่นสบู่แบบเดียวกันกับที่เขาใช้ คุ้นจมูก หากแต่เมื่อมันแผ่ออกมาจากตัวต้นน้ำแม็กซ์กลับรู้สึกว่ามันหอมมากกว่าครั้งไหนๆ ที่ตนเคยได้กลิ่น ต้นน้ำเปลี่ยนกลิ่นเดิมๆ ของสบู่ที่เขาใช้ให้น่าดึงดูดเสียจนเขาอยากเข้าไปดมใกล้ๆ ยิ่งได้มองคนตรงหน้าที่ตัวเล็กเสียจนใส่เสื้อของเขาแล้วไหล่เสื้อตกลงมา ... แม็กซ์ก็รับรู้ถึงสถานการณ์อันตรายของตนเอง
     “แม็กซ์ไปอาบน้ำมั่งดีกว่าว่ะ ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
     “หะ? อืม”
     ต้นน้ำรับคำพลางหันมาสบตา
     ยิ่งได้มองสบดวงตาเรียวรีซื่อๆ ที่จ้องตรงมายังเขาด้วยความสงสัยแม็กซ์ก็แทบสะกดตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ เขาต้องเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเดี๋ยวนี้!
     แม้น้ำเย็นจะช่วยสงบสติอารมณ์ของตัวเขาลงได้แต่แม็กซ์ตัดสินใจจะปลดเปลื้องความกังวลของตัวเอง แม็กซ์จัดการตัวเองเงียบๆ ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ กลิ่นสบู่ที่เคยใช้เป็นประจำกลับกลายเป็นกลิ่นที่ทำให้นึกถึงต้นน้ำยามอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ภาพของเพื่อนรักที่ยืนเปลือยกายลูบไล้ฟองครีมภายใต้ฝักบัวอันเดียวกันกับเขายามนี้ปรากฏขึ้นในหัว เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ดีและผิดต่อเพื่อน แต่เขาจำเป็นต้องทำ เพื่อความปลอดภัยของต้นน้ำ เพื่อคุมสติของตัวเองเอาไว้ เพื่อที่เขาจะได้ไม่พลั้งเผลอทำอะไรที่อาจจะทำให้เขากับต้นน้ำมองหน้ากันไม่ติด
     ปกติเพื่อนของเขาเป็นคนอาบน้ำเร็ว แต่วันนี้แม็กซ์อาบน้ำนานเป็นพิเศษ ต้นน้ำจึงกังวลเล็กน้อยเพราะงานส่วนของเขาเสร็จแล้วและต้องการให้แม็กซ์มาตรวจดูอีกรอบ ต้นน้ำเลยเดินไปดูข้อมูลในส่วนที่แม็กซ์ทำรอไปพลางๆ จนกระทั่งแม็กซ์เดินออกมาจากห้องน้ำ
     “ช้าจัง”
     “บ่นอีกละ”
     “เราทำตรงนี้เสร็จแล้ว นายลองดูสิว่าใช้ได้มั้ย”
     “เดี๋ยวดิ ใส่เกงก่อน”
     แม็กซ์พูดพลางเดินไปค้นหากางเกงขาสั้นในตู้มาใส่ก่อนจะตรงมาทางต้นน้ำที่นั่งรออยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ แม็กซ์เท้าแขนข้างหนึ่งกับพนักเก้าอี้พลางก้มลงดูข้อมูลใกล้ๆ กลิ่นหอมกรุ่นแบบเดียวกันกับเขาลอยมาแตะจมูก กลิ่นคล้ายกันแต่หอมกว่า มีเสน่ห์ดึงดูดน่าหลงใหลเสียจนเขาจวนเจียนจะคลั่ง หากแต่ความพิเศษนั้นแม็กซ์เองก็บอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไรเขาถึงได้รู้สึกว่ามันหอมเสียจนอยากดอมดมใกล้ๆ ... ใกล้ให้มากกว่านี้
     “อี๋! น้ำหยดอ่ะแม็กซ์!”
     “ก็สระผม”
     “ละไมไม่เช็ด”
     “อุตส่าห์รีบเนี่ย ต้นนี่เอาใจยากจริง”
     “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
     แม็กซ์มองหน้าต้นน้ำด้วยสายตาจริงจังก่อนจะยิ้มแล้วสะบัดศีรษะใส่เพื่อนรัก
     “แม็กซ์บ้า!”
     “ฮ่าๆ”
     ต้นน้ำแหวใส่แม็กซ์ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนไหล่ของแม็กซ์มาคลุมศีรษะเจ้าตัวก่อนจะขยี้อย่างมันมือ
     “เฮ่ย! ใครอนุญาตให้เล่นหัว”
     “สม อยากแกล้งเราก่อนทำไม”
     “ต้นแม่ง... ร้ายว่ะ นิสัยเสียขึ้นเยอะเลยอ่ะ สนิทแล้วลามปามเหรอ เดี๋ยวเจอเตะ”
     ทั้งๆ ที่เนื้อหาเป็นการต่อว่า แต่สีหน้าของแม็กซ์กลับยิ้มอย่างอ่อนโยน ต้นน้ำรู้ดีจึงลอยหน้าลอยตาเถียงอย่างน่าหมั่นไส้ เมื่อก่อนเขาอาจจะเคยกลัวแม็กซ์ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าแม็กซ์ไม่มีวันทำร้ายเขา แม็กซ์ไม่กล้าเตะเขาหรอก
     “แล้วเรื่องอะไรเราต้องยอมให้แม็กซ์อยู่ฝ่ายเดียว”
     “มีเอาคืนหรา”
     “อ่ะแน่นอน”
     “ชิ!
     แม็กซ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอก่อนจะยอมแพ้แล้วดูงานให้ต้นน้ำ
     “อืม ตามนี้เลยต้น ใช้ได้ว่ะ เร็วเหมือนเดิมเลย”
     “มันแน่อยู่แล้ว คิดว่าใคร”
     “เดี๋ยวต้นนอนเลยก็ได้นะ ที่เหลือเดี๋ยวแม็กซ์ทำต่อเอง”
     “แต่ของแม็กซ์มันเหลืออีกตั้งเยอะเลยไม่ใช่เหรอ ให้เราช่วยดีกว่ามั้ง”
     “ต้นจะรู้เหรอ ไม่เคยเรียนซักหน่อย”
     “ก็สอนสิ ไม่เกินความสามารถแม็กซ์หรอก บอกเราสิว่าตรงไหนต้องทำยังไง จะได้ช่วยกัน เสร็จเร็วๆ แล้วจะได้นอนไง”
     คำพูดซื่อๆ ของต้นน้ำทำให้แม็กซ์อึ้ง เขาบรรยายความรู้สึกของตนไม่ถูก รู้แค่ว่าหัวใจตัวเองมันเต้นเร็วขึ้น ต้นน้ำเป็นแบบนี้เสมอ เชื่อเขาเกือบทุกอย่าง เห็นเขาทำอะไรได้ก็แอบอยากทำตาม บางครั้งก็ดูซื่อๆ กระตือลือล้นสนใจอยากรู้อยากลองตามอย่างเขาราวกับลูกเจี๊ยบ เหมือนเด็กอ่อนต่อโลก แต่บางครั้งเด็กคนนั้นก็เกิดจะดื้อเถียงเขาอยากเอาชนะให้ได้ แม็กซ์ไม่รู้ว่าตนเองสอนต้นน้ำไปกี่เรื่องแล้ว แต่เขารู้อย่างหนึ่งว่าเขาตามใจต้นน้ำทุกเรื่อง!
     ต้นน้ำเรียนรู้เร็วมาก พอแม็กซ์อธิบายหลักการณ์คร่าวๆ ให้ฟังเจ้าตัวก็เข้าใจแล้วช่วยเขาทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะมีผู้ช่วยคนเก่ง งานจึงค่อยๆ ลุล่วงไปได้โดยง่าย ต้นน้ำช่วยสรุปข้อมูลยากๆ เขียนออกมาได้อย่างสละสลวย แถมยังช่วยแม็กซ์พิมพ์เนื้อหารายงานได้อย่างรวดเร็ว สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว คนทั้งสองทำงานกันพลางพูดคุยเรื่อยเปื่อย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วพอๆ กับปริมาณงานที่ลดน้อยลงเช่นกัน และเมื่อกระดาษแผ่นสุดท้ายถูกปริ้นออกมาจากเครื่องพิมพ์ คนทั้งคู่ก็ร้องไชโยด้วยความดีใจ
     “โหย ขอบคุณต้นมากๆ เลย ไม่งั้นป่านนี้คงยังไม่เสร็จ เผลอๆ ลากยาวไปถึงพรุ่งนี้ ทีนี้ก็เหลือแต่เอาไปเย็บเล็มส่งละ รอดแล้วโว้ย!”
     ต้นน้ำยิ้มอย่างสดใสแล้วเอ่ยกับเพื่อนของตนว่า
     “งั้นอย่าลืมสัญญานะ ยากินิคุ”
     “คร้าบๆ ไม่ลืมหรอก เชี่ย พูดแล้วหิวเลยอ่ะ”
     “หิวไรตอนนี้”
     “ก็คนทำงาน ใช้สมอง แถมตอนเย็นก็กินไม่ค่อยลง ปกติแม็กซ์ซัดสองจานนะนั่น”
     แม็กซ์แก้ตัวก่อนจะเอ่ยชวนต้นน้ำ
     “ไปหาไรกินกันป่ะ?”
     “ตีหนึ่งเนี่ยนะ?”
     “อือ แถวหน้าตลาดน่าจะมีก๋วยเตี๋ยวขายอยู่”
     “ขี้เกียจอ่ะ เราง่วงแล้ว”
     ต้นน้ำปฏิเสธพลางทิ้งตัวลงบนเตียงขนาดห้าฟุต เขาไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางของตนนั้นทำหัวใจแม็กซ์กระตุกมากแค่ไหน แม็กซ์ต้องพยายามตั้งสติ ห้ามตัวเองไม่ให้กระโจนลงไปงาบคนที่กำลังนอนแผ่อยู่ตรงหน้า!
     “ไปเป็นเพื่อนเราหน่อยดิ อย่าใจร้ายเลย ลุกๆ แม็กซ์หิว”
     “เรา... เราจะไปด้วยได้ไง เราไม่ได้ใส่...”
     สีหน้าหนักใจปนเขินอายของต้นน้ำที่กลิ้งอยู่บนเตียงทำให้แม็กซ์แอบยิ้ม
     “เอายีนส์แม็กซ์ใส่ทับไปป่ะ?”
     “เอางั้นเหรอ?”
     “เออ เร็วดิ หิว รีบไปกินจะได้กลับมานอนไง”
     “ทุกทีอ่ะ แม็กซ์ชอบบังคับ”
     ถึงต้นน้ำจะบ่นออกมาแบบนั้นแต่ก็ยื่นมือออกมารับยีนส์ที่แม็กซ์ส่งให้ไปใส่ กางเกงยีนส์ของแม็กซ์หลวมจนต้นน้ำต้องขอยืมเข็มขัดไปคาด

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     คนทั้งสองขี่ดูคาติออกไปหาของกินยามดึก นาทีนี้คงไม่มีใครมีความสุขไปกว่าแม็กซ์อีกแล้ว วงแขนที่โอบอยู่รอบเอวเขาด้วยความกังวลนั้นช่างน่าปกป้อง จะเพราะความมืด สายลมเย็นๆ ที่ปะทะเข้ามา หรือเพราะอะไรก็ช่าง แม็กซ์ขอบคุณทุกๆ อย่างที่ช่วยดลใจให้ต้นน้ำกอดเขาจนแน่น งานก็เสร็จไม่ต้องเครียดแถมยังมีคนสำคัญซ้อนท้ายออกมาดินเนอร์รับอรุณ และอีกเดี๋ยวเขาอาจจะได้นอนกอดต้นน้ำอีกด้วย แค่คิดแม็กซ์ก็มีความสุขจนตัวลอย โชคดีที่ใบหน้าของเขามีหมวกกันน็อคปิดบังเอาไว้ ต้นน้ำจึงไม่เห็นสีหน้าของเขาว่ามันแอบดีใจมากแค่ไหน
     ขับลัดเลาะตามตรอกซอกซอยได้ไม่นานก็มาถึงจุดหมาย แม็กซ์จอดรถใกล้ๆ กับร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำแล้วบอกให้ต้นน้ำไปนั่งรอที่โต๊ะ
     “เอาเหมือนเดิมเฮีย”
     “อ้าว ไปไหนมาถึงได้แวะมาได้ พักนี้ไม่มาอุดหนุนกันเลยนะ”
     เจ้าของร้านร้องทักก่อนจะถามต่อเมื่อเห็นต้นน้ำที่มาด้วยกันกับแม็กซ์
     “วันนี้พาใครมาด้วยล่ะ เพิ่งกลับจากเที่ยวกันมาเหรอ”
     “ไม่ได้ไปไหนเฮีย! หิวเฉยๆ เอาเกี๊ยวน้ำให้เพื่อนผมด้วยชามนึง”
     “เฮ้ย! เราไม่เอานะแม็กซ์”
     “เออน่า กินเป็นเพื่อนแม็กซ์หน่อย”
     ต้นน้ำแสดงสีหน้าขัดใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้บ่นอะไรต่อ
     “แฟนน่ารักดีนะ ฮ่าๆ มีแฟนแล้วนี่เองถึงได้ไม่ออกไปเที่ยว เลยไม่มาแวะร้านเฮีย”
     “แฟนที่ไหนเฮีย เพื่อนกัน! รีบๆ ทำเตี๋ยวให้ผมเร็วๆ เลย โคตรหิวอ่ะ”
     เจ้าของร้านยืนลวกเส้นไปแซวแม็กซ์ไปอย่างสนุกสนาน คนทั้งคู่แสดงออกถึงความสนิทสนมในระดับหนึ่ง และเมื่อแม็กซ์ได้ของที่สั่ง เขาก็เดินถือชามก๋วยเตี๋ยวกับชามเกี๊ยวมาเสริฟให้ต้นน้ำที่นั่งรออยู่ตรงโต๊ะ ต้นน้ำได้โอกาสเลยถามขึ้น
     “นายรู้จักร้านนี้ได้ไงอ่ะ?”
     ต้นน้ำมองไปรอบๆ ก่อนจะหันมามองเพื่อนของตน อาจจะเพราะร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับร้านสะดวกซื้อ แถมข้างๆ กันนั้นก็มีเพิงคาราโอเกะเล็กๆ ที่ยังคงเปิดทำการอยู่ กลุ่มคนเมาตะเบ็งเสียงร้องเพลงดังลั่น เรียกว่าดูแล้วบรรยากาศไม่น่านั่งที่สุดสำหรับเขา
     “ก็มีอยู่วันกลับดึกแล้วหิว ผ่านมาร้านมันเปิดอยู่เลยลงมากิน อร่อยดีไม่ไกลบ้านด้วยเลยมาบ่อยๆ บางทีมันก็อยากขับรถตอนกลางคืนเล่นอ่ะ ไม กลัวเหรอ? ไม่มีไรหรอก เตี๋ยวเฮียเขาอร่อยนะต้น ลองชิมดิ”
     แม็กซ์ชี้ชวนเพื่อนให้ลองชิมเกี๊ยวน้ำร้อนๆ ที่ยกมาเสริฟ ต้นน้ำจึงรับตะเกียบกับช้อนมาแล้วตักเกี๊ยวเข้าปาก
     “อร่อยใช่มั้ยล่ะ?”
     แม็กซ์ยิ้มให้ต้นน้ำที่ส่งสายตาเขวี้ยงค้อนมาให้วงเบ้อเร้อ
     “นายนี่ ทำตัวติดดินจัง ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ชอบไปแต่ร้านแปลกๆ เมื่อก่อนก็รู้นะว่าบ้านนายมีตังค์แต่ไม่คิดว่าจะรวยขนาดนี้ มิน่าเที่ยวเก่งไม่เห็นคุณค่าของเงินเลย”
     ต้นน้ำทั้งชมทั้งด่าเมื่อนึกถึงตอนที่แม็กซ์อยากดื่มเบียร์แต่ร้านสะดวกซื้อ ไม่ขายเครื่องดื่มมึนเมาให้กับเด็กอายุต่ำกว่ายี่สิบ ตอนนั้นแม็กซ์อยากหนักจนพาเขาตระเวนลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ แล้วลงท้ายก็ไปหาซื้อมาจนได้จากร้านโชว์ห่วยที่ไม่สนใจกฏหมาย แม็กซ์เข้าถึงวิถีชีวิตของคนได้ทุกระดับจนเขาอิจฉา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคุณหนูมีเงินหรือกลุ่มช่างกล เด็กพานิชย์ แม็กซ์เข้าหาคนได้ทุกกลุ่ม มีเพื่อนทุกแบบ แตกต่างจากคนอย่างเขาที่ไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไรกับคนอื่น
     “เอ้าๆ จะชมหรือด่า แม็กซ์ติดดินกินง่ายอยู่ง่ายไม่ดีรึไง”
     “ก็ดี แต่บางทีก็ขี้เกียจเกินไป ที่แท้เป็นคุณหนูมีคนใช้นี่เอง มิน่าไม่ยอมทำอะไรเองซักอย่าง”
     “ผู้ชายที่ไหนเขาชอบกวาดบ้านถูบ้านแบบต้นกัน ละอีกอย่างแม็กซ์จ้างคนมาทำทุกอาทิตย์อยู่แล้ว ต้นแหละทนไม่ได้เอง”
     “ก็นายมันซกมกนี่! แค่สองวันห้องก็รกแล้ว ละอีกอย่างเราไม่ได้ชอบทำซะหน่อย แต่มันจำเป็นต้องทำต่างหาก แม่เราทำงานกลับมาเหนื่อยๆ เราก็แค่ช่วยแบ่งเบาภาระแม่ นายแหละชอบหาเรื่องแกล้งให้เราทำให้”
     “ใครๆ ใครหาเรื่องพูดให้มันดีๆ ตัวเองเรื่องมากเอง ต้นไม่ทำแม็กซ์ก็อยู่ได้”
     “ซกมก!”
     ต้นน้ำว่าให้เพื่อนรักอย่างแง่งอนพลางตักเกี๊ยวส่งเข้าปากเคี้ยวคำโตจนแก้มตุ่ย สายตาของเขาปะหลับปะเหลือกแลดูน่ารักจนแม็กซ์เผลอยิ้ม
     “ละไม่ดีเหรอไง ต้นจะได้มีงานอดิเรกที่ชอบทำไง ฮ่าๆ มีต้นอยู่ด้วยไมแม็กซ์ต้องทำเอง ฮ่าๆ”
     “บ้า! นิสัยเสียที่สุดเลย ไม่คุยด้วยแล้ว”
     “เออ กินๆ”
     แม็กซ์ยิ้มให้กับความเจ้าระเบียบของต้นน้ำ เพื่อนเขาคนนี้นิสัยประหลาด จะบอกว่าเป็นพวกเจ้าระเบียบก็ว่าได้ แต่บางครั้งต้นน้ำก็ย้ำคิดย้ำทำจนเกินไปอย่างกับคนเป็นโรครักความสะอาด แม็กซ์รู้ดีว่าในตัวต้นน้ำมีอะไรขัดกันหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นทั้งบุคลิคภาพหรือนิสัย และเพราะเหตุนั้นต้นน้ำจึงค่อนข้างติดเขา เพราะเขาเหมือนกับเหรียญคนละด้าน มีอะไรบางอย่างที่เจ้าตัวถวิลหาและอิจฉาปะปนกัน ต้นน้ำขาดเขาไม่ได้แม็กซ์รู้ดี
     เพราะสายตาที่มองตรงมาอย่างมีเลศนัยบวกรอยยิ้มลึกลับกอปรกับอาการส่ายหัวน้อยๆ ต้นน้ำเลยได้แต่อึดอัดขัดใจ เขาอ่านทางแม็กซ์ไม่ถูก แม็กซ์เหมือนคนโผงผาง หากแต่อ่านง่ายเฉพาะเวลาที่เจ้าตัวโมโหก็แค่นั้นเพราะความตรง แต่ในเวลาที่เจ้าตัวอารมณ์ดีต้นน้ำไม่เคยเดาทางอีกฝ่ายได้เลย มันดูลึกลับอ่านยากไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร บุคลิครวมไปถึงทัศนคติและการแสดงออกต่างๆ ของแม็กซ์ช่างเปี่ยมไปด้วยพลังของเจ้าป่า แม็กซ์มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาได้แต่เฝ้ามองด้วยความอิจฉา จากความหมั่นไส้ก็กลายเป็นความหลงใหลไม่รู้ตัว ต้นน้ำพึงพอใจที่จะมีราชสีห์เชื่องๆ ตัวนี้คอยคุ้มภัยอยู่เคียงข้างกาย
     คนทั้งสองนั่งทานมือดึกไปพลางเถียงกันไป แต่แล้วเสียงเหย้าแหย่ก็ต้องถูกขัดจังหวะด้วยเสียงคนเมา
     “เฮ้ยไอ้น้อง มอไซค์เอ็งสวยดีนี่หว่า หน้าตาก็ดีไม่น่ามีแฟนเป็นตุ๊ดเลย”
     กลุ่มชายวัยกลางคนที่กำลังเมาได้ที่เดินโซเซมากล่าววาจาหาเรื่องกันถึงโต๊ะ ต้นน้ำตกใจจนเผลอหันไปมองตาโต แม็กซ์เองก็ของขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ผู้ชายกลุ่มนั้นก็เข้าถึงตัวต้นน้ำ หนึ่งในนั้นจับคางของต้นน้ำพลิกไปพลิกมาแถมยังดึงแว่นของเขาออก ส่งผลให้ต้นน้ำต้องข่มอารมณ์ตัวเองกำหมัดเสียแน่น
     “โอโห หน้าตาน่ารักดีไม่เบานี่หว่า”
     ต้นน้ำได้แต่บอกตัวเองให้ตั้งสติไว้และใจเย็นๆ พวกมันมากันสามคน ส่วนเขากับแม็กซ์มีกันแค่สอง ในมือพวกมันมีทั้งแก้วและขวดเบียร์ ถ้าเกิดอะไรขึ้น เขาจะเป็นคนที่อันตรายที่สุด ต้นน้ำจึงพยายามเบนสายตาหันไปมองแม็กซ์เพื่อขอความช่วยเหลือ
     เช่นเดียวกันกับต้นน้ำ แม็กซ์เองก็รู้ดีถึงความเสี่ยงของสถานการณ์ เขาเข้าถึงตัวต้นน้ำได้ยากกว่าคนแปลกหน้าพวกนี้เนื่องจากอยู่คนละด้านของโต๊ะ เป็นเพราะเมื่อกี้เขามัวแต่คุยเล่นกับต้นน้ำจนจมอยู่ในโลกส่วนตัวเลยไม่ได้สังเกตความผิดปกติ กว่าจะรู้ตัวคนพวกนั้นก็มาประชิดตัวต้นน้ำแล้ว งานนี้เขาไม่ควรทำอะไรเสี่ยงๆ เพราะต้นน้ำอาจจะเป็นคนที่ได้รับอันตรายมากที่สุด
     “ปล่อยเพื่อนผมเหอะพี่ ดูดิมันกลัวจนตัวสั่นแล้ว พวกพี่จะเอาไรบอกผมดีกว่าครับ”
     “พี่ไม่ได้จะเอาอะไรจากน้องว่ะ ก็แค่เห็นมอไซค์น้องสวยดี ยืมขี่ได้ป่ะ ฮ่าๆ”
     “ไม่ได้หรอกพี่ ของพ่อ เกิดให้พวกพี่ยืมไปผมโดนพ่อด่าตายเลย ให้ผมเลี้ยงเบียร์พวกพี่แทนดีกว่ามั้ง”
     แม็กซ์พยายามเจรจา ลูกค้าในร้านอีกสองโต๊ะต่างก็เริ่มขยับหนี ส่วนเฮียเจ้าของร้านออกมายืนข้างๆ แม็กซ์พลางไล่แขกขี้เมา
     “ไปๆ อย่ามากวนลูกค้าร้านกู เฮ้ย! อิต้อย มึงมาดูลูกค้ามึงหน่อย มากวนแขกร้านกูเนี่ย”
     “กวนไรกัน พวกผมเห็นน้องเขาน่ารักดีก็เลยจะมาชวนไปดื่มเฉยๆ”
     “ฮ่าๆ”
     คนเมากลุ่มนั้นนอกจากจะไม่ยอมถอยแล้วยังลูบแก้มต้นน้ำเบาๆ ส่งผลให้ต้นน้ำต้องเบ้ปากด้วยความรังเกียจ ต้นน้ำกัดริมฝีปากแน่นจนซีดขาว แม็กซ์เห็นแล้วก็ใจสั่น เขาห่วงต้นน้ำ!
     “เพื่อนผมมันไม่ดื่มหรอก ถ้าพวกพี่อยากดื่มมาดื่มกับผมดีกว่า พวกพี่อยากดื่มไรผมเลี้ยงก็ได้ ถือว่าเราทำความรู้จักเพื่อนใหม่ นะพี่นะ ปล่อยเพื่อนผมเหอะ”
     แม็กซ์พูดพลางล้วงธนบัติใบละพันออกมายื่นให้กลุ่มคนเมาพลางบุ้ยปากไปทางร้านสะดวกซื้อ
     “พี่อยากกินอะไรพี่ไปซื้อเอาเลย เดี๋ยวผมจะไปดื่มด้วย แต่ขอผมพาเพื่อนกลับไปส่งบ้านก่อน ไม่งั้นไอ้หมอนี่โดนพ่อด่าแน่”
     “ไรว้า ไม่มีน้องคนนี้แล้วก็ไม่หนุกดิ ถึงพี่ไม่รวยแต่ลีลาพี่เด็ดนะจ้ะ รับรองจะติดใจ น่ารักแบบน้องพี่โอเคเลยจ้ะ”
     หนึ่งในนั้นพูดพลางพยายามจะกอดต้นน้ำ แต่อีกคนถลามาฉกเงินในมือแม็กซ์ไป
     “ให้พวกพี่จริงอ่ะไอ้น้อง รวยเหรอ”
     เมื่อเห็นเพื่อนพูดดังนั้น คนเมาอีกคนเลยกลัวอดของฟรีรีบมาแย่งเงินไปดู
     “ไหนดูดิ ของปลอมเปล่า เฮ้ยของจริงด้วย ฮ่าๆ ไอ้เด็กนี่มันรวยจริงๆ ให้พี่จริงอ่ะ”
     “ครับๆ ผมให้ พี่รีบไปกินเหล้าต่อเหอะพี่ เดี๋ยวจะตีสองแล้วร้านมันปิดอดใช้เงินนะครับ”
     “ให้แล้วคืนไม่ได้นะน้อง ว่าแต่น้องไม่ไปนั่งกับพวกพี่จริงๆ อ่ะ”
     “ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมต้องกลับแล้ว”
     เรื่องทำท่าจะคลีคลายด้วยอำนาจเงินของแม็กซ์ แต่คนเมาที่กอดต้นน้ำอยู่กลับยังไม่ยอมแพ้
     “ใช่ซี กูมันไม่รวยนี่หว่า ถึงได้ไม่มีใครสนใจกู มึงก็เห็นแก่เงินเหมือนมันใช่มั้ย”
     สถานการณ์ทำท่าจะบานปลายเพราะคนเมาคนนี้เริ่มอาละวาด แต่ก็มีเสียงขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
     “อย่าไปยุ่งกับมันเลยค่า ตุ๊ดมันจะไปสู้ผู้หญิงได้ยังไง ไปค่ะ พี่ขาไปนั่งกะหนูดีกว่านะคะ”
     พอดีกับที่พนักงานสาวจากร้านรีบเดินมาดึงแขกกลับไปใช้เงิน พอมีผู้หญิงมาแสดงความสนใจคนเมาคนนั้นก็เลิกสนใจต้นน้ำ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวของขึ้นยืนตวาดเจ้าของร้านคาราโอเกะให้ดูแลลูกค้าของตนให้ดีด้วยท่าทางเอาเรื่อง สาวๆ จากร้านคาราโอเกะเลยพากันมาลากตัวลูกค้าของตนกลับไป แขกกลุ่มนั้นเลยปล่อยตัวต้นน้ำให้เป็นอิสระ แต่คนเมาที่ฉวยเงินไปกลับส่งแก้วที่ถือมาด้วยให้แม็กซ์
     “เอ้า น้องเลี้ยงพี่ งั้นแก้วนี้พี่เลี้ยงน้อง!”
     “ครับๆ”
     เพื่อตัดปัญหาแม็กซ์เลยรับเบียร์ครึ่งแก้วนั้นมากระดกลงคอรวดเดียวหมดก่อนจะส่งแก้วคืนให้
     “มันต้องงี้ดิ เจ๋งเว้ย ฮ่าๆ เอาไอ้น้อง เพื่อนน้องดื่มแล้ว ดื่มเป็นเกียรติให้พวกพี่หน่อยสิจ้ะคนสวย”
     คนเมาคนเดิมหัวเราะชอบใจพลางเทเบียร์ในขวดใส่แก้วจนเต็มแล้วยื่นให้ต้นน้ำ ต้นน้ำต้องขุดตบะทั้งหมดมาเตือนตนเองให้อดทนอดกลั้นไม่ตอกกลับคนพวกนี้ เรื่องกำลังจะจบแล้ว เขาจะทำเสียเรื่องไม่ได้
     “อย่าดีกว่าครับ เพื่อนผมดื่มไม่เป็นจริงๆ คออ่อนมาก พ่อมันหวงด้วย นี่ผมกำลังจะพามันกลับบ้านเนี่ยพี่ เกิดพ่อมันเห็นเมาเดี๋ยวผมจะซวย”
     “ไรว้า ไม่ยอมไปนั่งกับพวกพี่แล้วยังไม่รับน้ำใจอีก หยิ่งจัง”
     “น่านะพี่ ถือว่าผมขอแล้วกันนะครับ คนนี้ผมหวง อุตส่าจีบอยู่ พวกพี่ทำแบบนี้มีหวังเขาเกลียดผมแน่เลย”
     “ฮ่าๆ แล้วก็ไม่บอก มิน่าเอาแต่เงียบ เล่นตัวแบบนี้ปล้ำเลยไอ้น้อง”
     คนเมาพวกนั้นพากันหัวเราะครืนก่อนจะแยกย้ายกันไปทิ้งไว้แต่เพียงเสียงก่นด่าของเจ้าของร้าน และรอยเลือดบนปากต้นน้ำ
     “ต้น แม็กซ์ขอโทษ”
     “ช่างเถอะ แม็กซ์ไม่ผิดหรอก”
     ต้นน้ำเอ่ยเบาๆ ก่อนจะรับกระดาษทิชชู่ที่แม็กซ์หยิบจากบนโต๊ะส่งมาให้ เขาซับเลือดบนปากเบาๆ พลางสูดลมหายใจลึกๆ สองสามทีเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
     “ผิดดิ ถ้าแม็กซ์ไม่พาต้นมาก็ไม่ต้องเจออะไรแบบนี้หรอก”
     “ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าจะเจออะไรแบบนี้”
     “เราขอโทษ ทีหลังจะไม่พามาร้านแบบนี้อีกแล้ว”
     แม็กซ์ได้แต่โทษตัวเอง เขาลืมไปเสียสนิทใจว่าต้นน้ำนั้นดึงดูดคนประเภทไหน เขาได้แต่ก่นด่าตัวเองที่ไม่รู้จักจำ กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องออกโรงปกป้องเพื่อนรักจากเหตุการณ์ทำนองนี้
     เฮียเจ้าของร้านยืนบ่นต่อนิดหน่อยด้วยท่าทางหงุดหงิดก่อนจะหันมาคุยกับแม็กซ์
     “เฮ้ย พาเพื่อนกลับไปก่อนเถอะ ไม่รู้ไอ้หมาบ้าพวกนั้นมันจะทำอะไรอีก มื้อนี้เฮียไม่คิดเงิน”
     “จะดีเหรอเฮีย”
     “เออ คนกันเอง เอ็งให้เงินไอ้พวกนั้นไปตั้งพันไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเฮียไปเก็บกับอิต้อยเอง ดีนะมันไม่อาละวาดพังร้าน ยอมกลับไปง่ายๆ”
     “งั้นขอบคุณเฮียมากครับ ผมลาล่ะ ไว้แล้ววันหลังผมมาอุดหนุนใหม่”
     แม็กซ์ยกมือไหว้เจ้าของร้านก่อนจะรีบพาต้นน้ำกลับบ้าน เขาสัมผัสได้ว่าวงแขนที่เกาะเขาอยู่นั้นโอบกระชับแน่นกว่าขามาเสียอีก ต้นน้ำกลัว เขารู้ดี!

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     เมื่อถึงบ้าน ต้นน้ำเดินนำแม็กซ์ขึ้นไปยังห้องนอน เพื่อนของเขาเงียบไปตั้งแต่เกิดเรื่องที่ร้าน และเมื่อเข้าไปในห้องนอนแล้วต้นน้ำก็ขอตัว เพื่อนของเขาเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าชุดใหม่จากตู้เข้าไปเปลี่ยน แม็กซ์ถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่กางเกงบ็อกเซอร์แล้วล้มแผ่ลงบนเตียง เขาได้แต่ด่าตัวเองอยู่ในใจเงียบๆ ที่เผลอทำคะแนนติดลบในสายตาต้นน้ำ
     ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง ต้นน้ำก็ออกมาพร้อมกับกลิ่นหอมกรุ่นที่แม็กซ์คุ้นเคย หยดน้ำที่เกาะอยู่ตามเส้นผมทำให้แม็กซ์รู้ว่าต้นน้ำอาบน้ำใหม่อีกครั้ง
     “อาบน้ำเหรอ?”
     “อื้อ ออกไปนั่งรถตากลม เหนียวตัวน่ะ แม็กซ์ไม่อาบเหรอ”
     “ขี้เกียจอ่ะ”
     แม็กซ์กะเด้งตัวขึ้นมามองเพื่อนรักที่กำลังเช็ดศีรษะด้วยสายจริงจังก่อนจะเอ่ยปากถาม
     “รังเกียจคนพวกนั้นเหรอต้น?”
     ต้นน้ำมองแม็กซ์อย่างเอือมระอาก่อนจะตอบ
     “แล้วจะให้เราชอบเหรอ?”
     “ละโกรธแม็กซ์รึเปล่า?”
     “จะโกรธทำไม... แม็กซ์ไม่ใช่คนผิด”
     ต้นน้ำหยุดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ
     “เรารู้น่ะว่าแม็กซ์พยายามจัดการเรื่องดีที่สุดแล้ว เถียงกับคนเมาไม่มีประโยชน์หรอก เสี่ยงจะตาย แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นเรานี่แหละจะโดนหนักสุด ถึงจะเจ็บใจที่ต้องเสียเงินไปฟรีๆ ให้คนพวกนั้น แต่แลกกับความปลอดภัยมันก็คุ้มใช่มั้ยล่ะ”
     พอได้ฟังที่เพื่อนพูด แม็กซ์ก็ยิ้มออก เพื่อนของเขาโตขึ้นแล้วจริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้นน้ำคงไม่มีวันเข้าใจเหตุผลแบบนี้ เพื่อนของเขามีความอดทนเป็นเลิศ แต่ภายใต้หน้ากากอันสงบเสงี่ยมนั้น ต้นน้ำซุกซ่อนไว้ด้วยความแค้นเคืองที่พร้อมจะอาฆาตทุกๆ คนที่เคยทำร้ายตน รอวันระเบิดออกมาเพื่อเอาคืน ไม่เคยมีคำว่าเลิกแล้วต่อกันอยู่ในหัวของต้นน้ำจนกว่าจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้ทั้งหมด ต่างกับเขาที่พร้อมจะจบๆ กันไปได้ง่ายๆ ถ้ามันดีต่อทุกฝ่าย
     “อื้ม ไม่อยากมีเรื่องกันด้วย เกิดอะไรขึ้นร้านเฮียจะพังเอา สงสารคนทำมาหากิน ลำพังแม็กซ์อ่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ต้นดิ แม็กซ์กลัวมันทำไรต้นมากกว่า”
     “แม็กซ์เปลี่ยนไปนะ นิ่งขึ้นตั้งเยอะ”
     ต้นน้ำยิ้มออกมาได้ในที่สุด เขาส่งยิ้มให้เพื่อนก่อนจะเดินไปตากผ้าเช็ดตัวแล้วย้อนกลับมาที่เตียง ต้นน้ำมองแม็กซ์ที่นั่งกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งแล้วเอ่ยถาม
     “ละจะให้เรานอนตรงไหนเนี่ย?”
     “ก็นอนกับแม็กซ์บนนี้เนี่ยแหละ เตียงตั้งกว้าง ไม่มีที่นอนปิคนิกหรอก”
     “กว้างที่ไหน”
     “ไม? ทำอย่างกับไม่เคย มารำลึกความหลังกันซะดีๆ มาๆ มานอนกับแม็กซ์นี่”
     “ทุเรศล่ะ น้ำก็ไม่อาบ ฟันก็ไม่แปรง ซกมกอ่ะ อี๋!
     “ฮ่าๆ”
     “เหยิบไปดิ จะให้เรานอนด้วยละก็กางขาซะกินที่”
     “ต้นแม่ง... เตียงแม็กซ์นะเว้ย!”
     “เราไม่ให้นายเสียสละลงไปนอนบนพื้นก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
     ต้นน้ำพูดพลางผลักแม็กซ์ให้เขยิบไปอีกฝั่งของเตียงเบาๆ
     “อยู่บ้านทำงี้กับแฟนมั่งป่ะเนี่ย? โหดว่ะ”
     “ไม่มีอ่ะ เตียงที่ห้องเราออกจะกว้าง นอนสบายกว่านี้เยอะ”
     “ใช่ดิ เตียงแม็กซ์มันไม่สบายเหมือนเตียงแฟนต้นหนิ อยู่กับแฟนนอนกอดกันทุกคืนอ่ะดิ”
     แม็กซ์พูดพลางเอนตัวตะแคงก่อนจะชันศอกมองดูเพื่อนรักก้าวขึ้นเตียงมาพร้อมกับตลบผ้านวมขึ้นมาห่ม
     “ยุ่งแล้ว เรื่องส่วนตัวเรา”
     “คร้าบๆ ไม่ถามแล้ว นอนเหอะ”
     “ก็นอนดิ นายแหละ เลิกชวนเราคุยได้แล้ว”
     ต้นน้ำพูดพลางพลิกตัวตะแคงหนีไปอีกข้างทิ้งให้แม็กซ์เซ็งอยู่คนเดียว เพื่อนของเขานอนหลับหน้าตาเฉยไม่คิดอะไรกับเขาเลยหรือไง? อย่างน้อยๆ ถ้าไม่ได้ให้ท่าเขาก็ควรจะกลัวเขาสักนิดไม่ใช่หรือ? เขาเคยปล้ำต้นน้ำมาแล้วด้วยซ้ำ! แม็กซ์หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือไม่ที่ต้นน้ำเชื่อใจเขามากขนาดนี้ สุดท้ายก็เลยได้แต่รับคำส่งๆ พลางทิ้งตัวลงหนุนหมอนอยู่เคียงข้างกัน ปล่อยให้ในห้องนั้นเหลือเพียงแต่เสียงเครื่องปรับอากาศคำราม
     “เออๆ”
     ต้นน้ำหลับตาลงพักผ่อนอย่างสบายใจโดยไม่ได้ใส่ใจเลยว่าคนข้างกายนั้นจะคิดอะไร แม็กซ์แทบนอนไม่หลับทั้งคืน นับตั้งแต่ครั้งนั้นที่เกิดเหตุการณ์บางอย่างระหว่างเขากับต้นน้ำ นั่นเป็นคืนสุดท้ายที่เขาและต้นน้ำได้นอนค้างด้วยกัน หลังจากนั้นต้นน้ำก็ตีตัวออกห่างเขาไปเพราะผู้ชายคนนั้น เขาไม่มีโอกาสใกล้ชิดกับต้นน้ำอีกเลย จนกระทั่งตอนนี้…
     ถึงแม้ว่าระหว่างเขากับต้นน้ำจะเคลียร์กันได้แล้วก็จริง แต่ความรู้สึกภายในใจเขามันไม่ได้หายไปไหน หลายต่อหลายครั้งที่เขาลังเลอยากทำตามความต้องการของจิตใฝ่ต่ำของตัวเอง แต่ลงท้ายก็ไม่กล้า เขารักต้นน้ำเกินกว่าจะยอมมีความสุขอย่างฉาบฉวยเพียงชั่วคราว แม็กซ์นอนกระสับกระส่ายอยู่นานจนทนไม่ไหว ทั้งๆ ที่เขาป้องกันตัวเองไปรอบหนึ่งแล้วแท้ๆ แต่ดูท่ามันคงไม่พอ ในที่สุดเขาตัดสินใจลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
     แม็กซ์ลุกขึ้นนั่งพลางหันไปมองต้นน้ำ แสงไฟสนามที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาสะท้อนภายในห้องส่องให้เห็นเพื่อนรักของ เขากำลังนอนหลับตาพริ้ม น่ารัก! แม็กซ์คิดอะไรไม่ออกนอกจากคำๆ นี้ โดยไม่รู้ตัว มือของเขาก็เผลอไล้เบาๆ บนแก้มของคนที่กำลังหลับ แม็กซ์นึกสงสัยว่าริมฝีปากที่ต้นน้ำเผลอกัดจนแตกนั้นจะยังคงนุ่มนวลเหมือนที่เขาเคยสัมผัสหรือเปล่า เขาต้องพยายามห้ามตัวเองไม่ให้เลื่อนมือไปสัมผัส... เป็นโอกาสของเขาแล้ว!
     แม็กซ์ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้พลางหายใจอย่างหนักหน่วง สำนึกฝ่ายดีชั่วในตัวเขากำลังตีกันอย่างรุนแรง โอกาสแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ แค่จูบเบาๆ ต้นน้ำกำลังหลับ คงไม่รู้เรื่อง... เขาชะโงกเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมของสบู่ที่จางลงตามเวลา
     แต่แล้วแม็กซ์ก็เบรคตัวเองไว้ได้ทันก่อนจะตั้งสติสั่งตัวเองให้ถอยห่างออกมา เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันหลังทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียง
     “ทำไมถึงไม่ทำล่ะ?”
     “ต้น!”
     เพราะเสียงของเพื่อนรักดังขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแม็กซ์จึงตกใจ เมื่อเขาหันกลับมาก็พบกับต้นน้ำที่กำลังลืมตามองเขาอยู่ ดวงตาของเพื่อนรักสะท้อนแสงไฟส่องประกายอยู่ในเงาสลัวชวนให้เดาความรู้สึกลำบาก แม็กซ์เกิดอาการติดอ่างกระทันหัน ต้นน้ำขยับตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะถามต่อ
     “ทำไมถึงไม่จูบล่ะ?”
     น้ำเสียงของต้นน้ำสงบราบเรียบปราศจากอารมณ์ใดๆ มีเพียงสายตาที่จ้องตรงมาเท่านั้นที่ดูจริงจังเสียจนแม็กซ์ไม่กล้าหลบตา จริงจังหากแต่ก็ไร้อารมณ์ ต้นน้ำไม่ได้โกรธเขา แม็กซ์เรียบเรียงคำพูดในหัวของตนพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตอบ
     “ครั้งแรกที่เราจูบกันแม็กซ์ใช้กำลังกับต้น ส่วนครั้งที่สอง... แม็กซ์ก็ขโมยจูบต้น ถ้ามันจะมีครั้งที่สาม มันต้องเกิดจากความเต็มใจของต้น แม็กซ์ไม่อยากทำแบบนั้นอีก แม็กซ์ทำไม่ลง”
     แม้ภายในห้องนอนจะมืด มีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากไฟสนามด้านนอก แต่แม็กซ์ก็เห็นรอยยิ้มนั้น ต้นน้ำยิ้มให้แม็กซ์อย่างอ่อนโยน มันใกล้เคียงกับคำว่ารักหากแต่ก็ไม่ใช่เพราะเจือไว้ด้วยความสงสาร ต้นน้ำเองก็รักเขา แต่ไม่ใช่รักแบบคนรัก
     “แม็กซ์ก็รู้ว่าไม่มีวัน”
     “แต่ขอแม็กซ์รอไม่ได้เหรอ ถึงไม่มีวันก็ช่าง แม็กซ์ไม่ได้หวังอะไรแล้ว แค่ขอรักต้นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้เหรอ”
     “แม็กซ์จะรอเราทำไม ไม่คุ้มหรอก แถมเรายังเป็นผู้ชาย... นายชอบผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”
     “แม็กซ์ไม่รู้... แม็กซ์ก็ไม่รู้ว่าทำไม รู้แต่ว่าต้องเป็นต้นเท่านั้น มีแต่ต้นคนเดียวที่ทำให้แม็กซ์เป็นแบบนี้”
     การโต้เถียงดำเนินไปอย่างแผ่วเบา ต้นน้ำได้แต่ก้มหน้าลงเพราะไม่รู้จะทำเช่นไร
     “นะต้น นะ... อย่าบังคับให้แม็กซ์ตัดใจเลย แม็กซ์ไม่หวังอะไรแล้วก็ได้ ขอแค่ให้แม็กซ์ได้รักต้นนะ เราเป็นเพื่อนกันไปแบบนี้ก็ได้ แม็กซ์จะไม่เรียกร้องอะไรหรอกแม็กซ์สัญญา”
     ถ้อยคำของเพื่อนรักช่างฟังแล้วเจ็บปวด แม็กซ์ไม่ได้โต้เถียงเพื่อให้เขาหันไปรักตน แม็กซ์กำลังอ้อนวอนขอร้องให้เขาอนุญาตให้แม็กซ์ได้รัก ต้นน้ำได้แต่เห็นใจ เขารู้ดีว่าเขาร้ายกาจ เขาใช้ประโยชน์จากคนตรงหน้ามาตลอด นับตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้คนที่เห็นแก่ตัวที่สุดก็คือเขา
     “เรามีอะไรดีขนาดนั้น นายไม่เห็นจะต้องระ ... สนใจเราขนาดนั้นเลย”
     “ก็มันรักไปแล้ว ต้นเลิกรักแฟนต้นได้มั้ยล่ะ อาการเดียวกันมั้ง”
     “หึๆ ฮ่าๆ”
     เพราะถูกแซวกลับ ต้นน้ำจึงเผลอหัวเราะออกมา ใช่สิ! ตัวเขาเองถูกกระทำถึงขนาดนั้นยังเลิกรักชัยชัชไม่ได้ แม็กซ์เอาคำปฏิเสธที่เขาเคยใช้กลับมาตอกกลับเขาได้อย่างจัง
     และเพราะต้นน้ำหลุดหัวเราะออกมา แม็กซ์จึงอ้อนวอนต่อด้วยเสียงกระซิบ แม็กซ์รู้ดีว่าต้นน้ำเลิกรำคาญตนแล้ว ถ้าจะทำอะไรก็ต้องเสี่ยงทำตั้งแต่ตอนนี้ ต้นน้ำกำลังเห็นใจเขาอยู่
     “นะต้น อย่าบอกให้แม็กซ์เลิกรักต้นเลยนะ แม็กซ์ไม่ขออะไรจากต้นแล้ว ขอแค่นี้เท่านั้นแหละ”
     “นายดีกับเรามากเลยแม็กซ์ ทุกๆ สิ่งที่นายทำ เรา... ทั้งๆ ที่เราเห็นแก่ตัวขนาดนี้แต่นายก็ยังคงดีกับเรา เราไม่รู้จะตอบแทนนายยังไง”
     เพราะท่าทางของต้นน้ำที่ดูละอายใจ บวกกับความต้องการบางอย่างที่ร่ำร้อง แม็กซ์จึงพลั้งปากเอ่ยออกไป แม้จะรู้ดีว่ามันบ้าแต่เขาก็อยากวางเดิมพัน
     “งั้นถ้าแม็กซ์ขอจูบต้นซักครั้ง ต้นจะยอมมั้ยล่ะ”
     “แม็กซ์ก็รู้ว่าไม่ได้ เราทำแบบนั้นลับหลังพี่ชัชไม่ได้หรอก”
     ต้นน้ำปฏิเสธตามที่แม็กซ์คาดไว้ แม้จะมืดแต่แม็กซ์ก็เห็นอากัปกิริยาเม้มปากของต้นน้ำ มือของเพื่อนรักเผลอขยุ้มผ้านวมเสียจนแน่น แม็กซ์ได้แต่ปลงแล้วถอนหายใจอย่างตัดใจ
     “อื้อ ก็รู้อยู่แล้ว ต้นไม่มีวันยอมหรอ-”
     “ถ้าให้จูบคงไม่ได้ แต่ถ้าแค่นี้ เราโอเคนะ”
     ต้นน้ำพูดแทรกขึ้นมาโดยที่เขายังพูดไม่จบ และพร้อมๆ กันกับที่ต้นน้ำพูดจบ สัมผัสแผ่วเบาที่ข้างแก้มก็ถูกประทับ แม็กซ์ได้แต่อึ้งนึกไม่ถึงว่าต้นน้ำจะเป็นฝ่ายหอมแก้มเขา! แต่แล้วต้นน้ำก็ขยับตัวหนีอย่างรวดเร็วพลิกตัวจะนอนหันหลังให้เขา กะทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้ ทว่ามือของเขาไวกว่า เขาอ่านเกมของเพื่อนรักออก แม็กซ์ดึงเอาตัวของต้นน้ำมารัดไว้ในอ้อมกอดแล้วล้มตัวลงทาบทับร่างต้นน้ำเอาไว้อย่างโหยหา
     “แม็กซ์!”
     “แค่กอดนะต้น นะ ขอแค่กอด ขอแค่คืนนี้เท่านั้น พอพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วแม็กซ์จะลืมทุกอย่าง วันนี้ขอแม็กซ์กอดต้นวันนึงนะ แค่กอดคงไม่เป็นไร ก็แค่เพื่อนกอดกัน”
     เสียงของแม็กซ์สั่นจนคล้ายเสียงสะอื้น ต้นน้ำเลยได้แต่ตกใจจนตัวแข็งไม่กล้าขยับ แม็กซ์ร้องไห้ เขาสัมผัสได้ถึงความรักที่เพื่อนมีให้ผ่านอ้อมกอดที่โอบเขาไว้อย่างหวงแหน เขาเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน เขาสงสารแม็กซ์ แต่ก็ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของเพื่อนได้ เพราะเขาไม่ได้รักแม็กซ์อย่างที่เขารักชัยชัช!
    เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ต้นน้ำได้แต่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง ส่วนแม็กซ์เองก็ได้แต่ตักตวงช่วงเวลาดีๆ แสนสั้นนี้เอาไว้ เขาทำได้แค่กอด เขาทำได้แค่นี้ ไม่มีสิทธิ์ทำมากกว่านี้ เขาย้ำเตือนกับตัวเองว่าเขาจะต้องไม่ทำให้ต้นน้ำต้องเจ็บปวด เขาไม่อยากทำให้เพื่อนรักลำบากใจ จนกระทั่งพายุอารมณ์ในตัวเขาสงบลง แม็กซ์ก็จับต้นน้ำพลิกตัวให้หันมาเผชิญหน้ากัน
     “ขอโทษนะ แม็กซ์บังคับต้นอีกแล้ว”
     แม็กซ์พูดพลางสูดจมูกกลั้นสะอื้น
     “ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่เพื่อนกอดกัน”
     “เออ พวกเราเป็นเพื่อนกัน”
     ถ้อยคำของต้นน้ำช่างกัดกินหัวใจ แม็กซ์เลยได้แต่พยายามยิ้มทั้งน้ำตา เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกัน และเพื่อนของเขาก็มีคนรักอยู่แล้ว
     “เพื่อนกันหอมแก้มกันไม่แปลกเนาะ ฮ่าๆ”
     “อันนั้นไม่นับนะ ก็.. ก็เรา...”
     “ต้นอยากทำอะไรเพื่อแม็กซ์บ้างแม็กซ์รู้ แต่หอมแก้มเนี่ยนะ แม็กซ์ไม่ใช่เด็กนะต้น ฮ่าๆ ขืนแฟนต้นรู้มีหวังแม็กซ์โดนฆ่าแน่ๆ”
     “อย่างน้อยๆ ก็ดีกว่าจูบแล้วกันล่ะ”
     “แล้วไมไม่กอด”
     “อันนั้นมันเขินกว่านี่ หอมแก้มนี่แหละดีแล้ว ใครๆ ก็ทำกัน มันเป็นการแสดงออกถึงความรักความเอ็นดูดีออก เพื่อนกันก็ทำได้ เมษยังทำบ่อยๆ หลานเราก็ด้วย”
     ต้นน้ำแก้ตัวด้วยน้ำเสียงงึมงำ เพื่อนเขาคงไม่รู้ว่าเวลาที่ตนเผลอหน้าแดงทำน้ำเสียงเขินอายเช่นนี้มันน่ารักสุดหัวใจ แม็กซ์ได้แต่ปล่อยให้หัวใจตัวเองเต้นอยู่ในกำมือของต้นน้ำ เขาห้ามตัวเองไม่ได้ ก็ใครใช้ให้เพื่อนเขาน่ารักขนาดนี้กันล่ะ
     “หือ แอบแรดเหรอ ระวังเหอะจะฟ้องแฟนต้น”
     “บ้า! ไม่เอาแล้วไม่คุยด้วยแล้ว นอนเหอะ”
     “ต้นแหละ ตื่นมาทำไม ทำเป็นหลับนะ”
     “ไม่ได้แกล้งหลับซักหน่อยก็นายเล่นพลิกตัวแบบนั้นใครมันจะไปหลับลง”
     ทั้งสองคนเถียงกันพลางซุกตัวลงใต้ผ้านวมอันอบอุ่น แต่แล้วเพราะแม็กซ์เขยิบมาจนใกล้แล้วกอดเขาเอาไว้ ต้นน้ำเลยร้องเสียงหลง
     “แม็กซ์!”
     แม้ต้นน้ำจะประท้วงอย่างตกใจ หากแต่เสียงของแม็กซ์กลับสงบนิ่ง น้ำเสียงขอร้องที่ถูกส่งออกมาอย่างจริงจังหนักแน่นจนต้นน้ำไม่กล้าปฏิเสธ
     “เฉพาะคืนนี้เท่านั้นต้น นะ ขอแม็กซ์นอนกอดต้นนะ แค่คืนนี้คืนเดียว ตื่นมาพรุ่งนี้แม็กซ์สัญญาว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้อีก แค่อยากกอดเพื่อนคนสำคัญ ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แม็กซ์คงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้วในชีวิต”
     ใบหน้าที่อยู่ใกล้กันแค่คืบชวนให้ใจสั่น พวกเขาอยู่ใกล้กันจนต้นน้ำสามารถรับรู้ถึงลมหายใจของแม็กซ์ ถึงจะไม่ได้คิดอะไรแต่ให้มาอยู่ใกล้ๆ กันกับแม็กซ์แบบนี้เขาก็เขิน ต้นน้ำไม่ชินกับการถูกจดจ้องด้วยสายตาจริงจังจากแม็กซ์ในระยะประชิด พอแม็กซ์นิ่งๆ แบบนี้ก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากจนต้นน้ำไม่คุ้นเคยกับภาพลักษณ์แบบนี้ เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังหน้าแดง!
     “แต่.. มันอึดอัดอ่ะ”
     “อย่าปากแข็ง ต้นชอบนอนซุกคนอื่นแม็กซ์รู้ ต้นติดหมอนจะตาย ถ้าไม่มีหมอนก็จะม้วนผ้าห่ม กอดกับแม็กซ์ซักคืนนะต้น”
     ต้นน้ำได้แต่เม้มปากขัดใจ ใครใช้ให้เขากับแม็กซ์สนิทกันมานาน แม็กซ์รู้นิสัยเขาดีเกินไป แต่พอคิดๆ ดูแล้ว เขาก็สงบลงและยอมให้แม็กซ์กอดตนเองต่อไปเรื่อยๆ เพราะนี่คงเป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่เขาพอจะทำให้เพื่อนได้โดยไม่ผิดต่อคนรัก
     ต้นน้ำนอนอยู่ในวงแขนของเพื่อนเงียบๆ อ้อมกอดของแม็กซ์มันไม่คุ้นเคยเหมือนกับอ้อมแขนของชัยชัช แต่ต้นน้ำก็มั่นใจว่าเรื่องระดับความปลอดภัยนั้นวงแขนนี้จะปกป้องเขาได้ไม่แพ้กัน แม็กซ์ลูบหลังเขาเบาๆ บางครั้งก็ลูบที่ศีรษะ เหมือนจะบอกกับเขาว่าไม่ต้องกลัว ต้นน้ำเองก็รู้ดีว่าเขาไม่มีความจำเป็นต้องกลัว แม็กซ์จะเป็นคนสุดท้ายในโลกนี้ที่คิดจะทำร้ายเขา
     คนทั้งสองนอนหันหน้าเข้าหากัน ต้นน้ำถูกแม็กซ์กอดเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างแนบชิด
     แต่แล้ว...
     “แม็กซ์! ไอ้ นั่น!
     ต้นน้ำตวาดแม็กซ์เสียงดังแต่แม็กซ์กลับพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
     “มันก็นิดนึง กอดคนที่รักทั้งที อย่าถือน่ะ”
     “แต่มันดันเราอยู่นะ เขยิบออกไปหน่อยดิ๊”
     ต้นน้ำยังคงไม่ยอมแพ้ เขาไม่อยากถูกอะไรบางอย่างทิ่มไปทั้งคืนหรอกนะ!
     “เขยิบแล้วจะกอดต้นไงวะ เรื่องมากน่า นอนๆ แม็กซ์ง่วง”
     “ทีงี้มาทำเป็นง่วง ถ้าง่วงก็บอกข้างล่างของนายให้หลับด้วยดิ”
     “เรื่องมากจริงๆ เลยอ่ะต้น รำคาญว่ะ แฟนต้นทนนอนกอดต้นได้ไงวะ ไม่เบื่อบ้างเหรอ ขี้บ่นมากผู้ชายไม่ชอบรู้เปล่า”
     “พี่ชัชไม่มีวันเบื่อเราหรอก แล้วอีกอย่าง ไม่ได้นอนกอดกันทุกคืนซักหน่อย ใครมันจะบ้านอนกอดกันอยู่ได้ทุกคืน”
     “ไร คบกันได้แค่ปีเดียว เตียงหักละเหรอ”
     “อย่ามาแช่งเรานะ! แค่... แค่พี่ชัชชอบนอนดิ้น เรารำคาญต่างหาก เลย.. เลยนอนคนละฝั่ง”
     “ละเวลาอย่างงั้นอ่ะ ไม่นอนกอดกันเหรอ ทำเสร็จแล้วเขาให้นอนกอดกันรู้เปล่าจะได้รักกัน”
     แม็กซ์ก็ยังคงเป็นแม็กซ์ เจ้าป่าทำท่าอวดรู้ ชอบสอน ชอบสั่ง อ้างโน้นอ้างนี่หาเรื่องหลอกต้นน้ำไปเรื่อย แล้วลูกแกะก็ดันหลวมตัวเชื่อไปเต็มๆ แม้จะแอบปากแข็งเถียงกลับก็ตาม
     “เวลาแบบนั้นก็ส่วนเวลาแบบนั้นสิ ไม่เกี่ยวกัน ใครที่ไหนจะบ้านอนกอดกันได้ทุกคืน”
     “แม็กซ์ไง มาเป็นแฟนแม็กซ์ดิ แม็กซ์นอนกอดเมียทุกคืนอ่ะ”
     “เหอะ! กอดหรือทำ? ทำทุกคืนอ่ะสินาย เสร็จแล้วจะยังกอดอยู่รึเปล่าเหอะ”
     “เออน่า แล้วต้นอ่ะ ทำทุกคืนป่าว”
     “บ้า! ขืนทำงั้นทุกวันก็ไปเรียนไม่ไหวกันพอดี”
     “ต้นตายด้านว่ะ ดูดิ กอดกันแบบนี้ยังไม่มีขึ้นซักนิดอ่ะ”
     “ก็.. กอดกับเพื่อน ไม่ได้คิดอะไร...”
     “จริงเหรอ? ไหนดูดิ”
     จากบทสนทนาระหว่างเพื่อนที่คุยกันเรื่อยเปื่อย แซวกันไปมา จู่ๆ ก็กลายเป็นเรื่องใต้สะดือ แถมมือของแม็กซ์ก็จับหมับเข้าที่ส่วนกลางลำตัวของต้นน้ำ แม็กซ์หัวเราะเจ้าเล่ห์ส่วนต้นน้ำก็ร้องเสียงหลง
     “เฮ้ย! แม็กซ์บ้า! เอามือออกไป”
     “ฮ่าๆ ต้นแม่ง... อุบเงียบเลยนะ”
     “ไอ้บ้าเอ้ย! นอนไปเลย ไม่งั้นเราโกรธละจริงๆ นะ”
     เพราะถูกลวนลาม ต้นน้ำเลยคว้าหมอนมาทุบแม็กซ์ไปรัว ใครจะว่าเขาวีนแตกก็ไม่สนแล้วล่ะ ขอจัดการไอ้เพื่อนเลวตรงหน้านี้ก่อน
     “คร้าบๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ นอนๆ”
     แม็กซ์พูดพลางหัวเราะ แต่แล้ว...
     “ต้น...”
     “ไรอีก”
     “เล็ก ว่ะ
     “ไอ้!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



พระเอกเขาต้องแบบนี้! เป็นตัวละครที่ถูกเขียนขึ้นมาให้ติดสกิลพระเอกสูงปรี๊ด ในขณะที่พี่ชัชถูกแปะป้ายไว้ว่าผู้ชายห่วยแตก ฮ่าๆ
เดี๋ยวต้องมีคนชูป้ายไฟแม็กซ์เพิ่มแน่ๆ  :L2:
เอาละสิ เชียร์ใครดีน้า? ถึงตอนในเล้าเป็ดยังไม่ถึงไหนแต่ตอนในเด็กดีก็ใกล้ไคลแม็ก โผยังไม่ออกว่าใครจะเป็นเดอะวินเนอร์ ตอนนี้คนอ่านโบกธงแม่ยกใครกันบ้าง? แต่อ๊ะๆ อย่าลืมนะ น้องต้นมีฮาเรมเพียบ บทต่อไปจะเข้าสู้พาร์ทกลางของเรื่องแล้ว เป็นตอนที่สรวลเสเฮฮา(จริงอ่ะ?)กับเล่าบรรดาผองเพื่อนในรั้วมหาลัย หึๆ อาจจะมีหนุ่มคนใหม่ที่ไฉไลกว่าก็ได้นะ (คนแต่งโบกธงน้องไปป์รัวๆ ส่วนหนุ่มอาร์มขอเก็บไว้กินเอง คิๆ)

ออฟไลน์ Sbatandty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เด็กเลี้ยงแกะและข่าวลือ

ข่าวลือ

     “ตัวเอง เค้าได้ข่าวว่าเพื่อนตัวเองคนนั้นเป็นเกย์จริงป่าว?”
     “ละตัวเองหมายถึงคนไหนอ่า?”
     “ก็คนนั้นงาย คนที่ใส่แว่น ผอมๆ แล้วก็ชอบทำหน้าบึ้งตลอดเวลาอ่ะ”
     “ละตัวเองไปรู้มาจากไหนอ่า”
     “ก็เห็นคนเค้าพูดกาน ละมันจริงป่าวอ่า”
     “ละตัวเองจาอยากรู้ไปทำไมอ่า”
     “น่านะ บอกเค้าหน่อยสิตัวเอง”
     “...”

     “เฮ้ย! พวกมึงรู้ข่าวยัง?”
     “ข่าวไรวะ?”
     “ข่าวร้อนๆ เลย พวกมึงจำพี่ต้นได้ป่ะ ภาคฟิสิกส์อ่ะ คนที่แต่งตัวเต็มยศมาสอนเต้นไง”
     “เออๆ กูจำได้ คนที่ผอมๆ หน่อย ใส่แว่น แล้วก็หน้าหวานๆ หน่อยใช่ป่ะ?”
     “เออๆ คนนั้นแหละ”
     “ทำไมวะ?”
     “พี่เขาเป็นเกย์ว่ะ”
     “เฮ้ยจริงดิ!”
     “เออ เรื่องจริงเว้ย เพื่อนกูอยู่ฟิสิกส์มันบอกว่าความแตกตอนไปทะเลเว้ย ฮือฮากันทั้งภาคเลยมึง”
     “กูว่าละ แม่งแปลกๆ”
     “แปลกไรวะ ก็เห็นพี่เขาเปิดตัวแฟนมาตั้งนานแล้วนี่หว่า มาหากันออกบ่อย แล้วพี่เขาเป็นไรเกี่ยวไรกับพวกมึงวะ ไปเสือกเรื่องพี่เขา”
     “อ้าว จะได้ระวังตัวไว้ไงมึง เวลาเจอพี่เขาจะได้ระวังตัวไว้ กูกลัวโดนอัดถั่วว่ะ ฮ่าๆ”

     “นี่ๆ พวกเธอมีไรจะเม้าแหละ”
     “ไรยะ?”
     “ประชากรหนุ่มหล่อของคณะวิทย์เราลดลงไปอีกหนึ่งแล้วอะแก”
     “ใครตายเหรอแก”
     “ไม่มีใครตายย่ะ แต่กลายพันธุ์”
     “ยังไงยะ?”
     “จำคนที่ชื่อต้นน้ำได้ป่ะ คนที่ตี๋ๆ น่ารัก แต่ดูเงียบๆ อ่ะแก”
     “ทำไมยะ?”
     “เขาแกรนโอเพ่นนิ่งแล้วแหละแก รู้กันทั่วละ เนี่ย ข่าวเขาว่าความแตกตอนไปเที่ยวทะเล แบบว่ามั่วกับเพื่อนในคณะที่ไปด้วยกันอ่ะแก! เห็นเขาว่านางเมามาก เลยหลุด”
     “ต๊าย! มั่วกันเองในคณะเหรอแก”
     “เอ้อ เค้าแอบเม้ากันว่านางฟาดผู้ชายที่ไปด้วยกันเรียบเลยนะแก เห็นเงียบๆ แบบนั้นแต่นางไฟแรงมากอ่ะ งี้แหละ ไปทะเลบรรยากาศเป็นใจ นางคงทนไม่ไหวอ่ะ”
     “โหย เสียดายอ่ะ”
     “จะเสียดายทำไมย๊ะ ฉันว่าละ เวลามีผู้หญิงไปทอดสะพานให้นางไม่สนใจซักรายอ่ะ ทำเป็นเย็นชา แต่ถ้าเป็นผู้ชายนะ นางแอบหว่านเสน่ห์ไว้เพียบ”
     “ต๊าย เห็นท่าทางเงียบๆ ไม่น่าเชื่อเนาะ”
     “คนเราก็งี้แหละแก รู้หน้าไม่รู้ใจ”

     “เหี้ยเอ้ย จารย์แม่งเรียกกูไปด่าอ่ะ”
     “เรื่องไรวะ?”
     “เรื่องไอต้น”
     “ทำไมวะ จารย์ถามมึงเรื่องที่มันเป็นเกย์เหรอ?”
     “เออ แต่ประเด็นมันไม่ใช่เรื่องนั้นดิ”
     “ทำไมวะยศ?”
     “จารย์ถามกูว่า พวกเรารังเกียจไอ้ต้นมันเหรอ ถึงปล่อยให้มันไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่เอามันเข้ากลุ่ม ไม่เอาเข้ากลุ่มเหี้ยไรอ่ะ ไอ้ต้นมันไม่เอาพวกเราเองตั้งหาก กูอธิบายว่าไอ้ต้นมันชอบหนีไปไหนมาไหนเองคนเดียวของมันอยู่แล้ว ส่วนในภาคมันก็สนิทกับพวกผู้หญิงมากกว่า เลยอาจจะดูไม่ค่อยสุงสิงกับพวกเรา จารย์แม่งก็ถามกูอีกว่าแล้วทำไมคุณไม่ลองชวนเพื่อนไปไหนมาไหนให้มากขึ้น จารย์หาว่าเพราะผู้ชายในภาครังเกียจไอ้ต้นๆ มันเลยต้องไปอยู่กับพวกผู้หญิง มันก็เป็นงี้มาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วนี่หว่า ไม่ใช่พึ่งเป็นตอนความแตกซะหน่อย จารย์แม่งพล่ามเรื่องอยากให้ในรุ่นรักกันไว้ ไม่อยากให้มีปัญหาแบ่งแยกกัน มันดูไม่สามัคคี ไม่สามัคคีเหี้ยไรอ่ะ ไม่มีใครมีปัญหาอะไรซักหน่อยมีแต่ไอ้ต้นนี่แหละ”
     “เฮ้ยใจเย็นไว้ยศ”
     “มึงไม่เป็นกูมึงไม่รู้หรอกวิน แม่งกูสงสัยชะมัด ทำไมพวกอาจารย์โอ๋ไอ้ต้นจังวะ”
     “มันก็จริงอย่างที่มึงพูดนะ กูว่าจารย์เวอร์เกินไปว่ะ กูก็เห็นต้นมันเข้าได้กับทุกคนนั่นแหละ ถึงมันจะเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงไปไหนกับใคร มีแต่ไอ้โอม แต่มันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอวะที่คนเราจะไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิทอ่ะ จารย์จะให้พวกเรายกโขยงไปไหนด้วยกันตลอดเวลาได้ไงวะ”
     “พวกมึงทำไรกันอยู่?”
     “กำลังคุยเรื่องไอ้ต้น ละมึงไปไหนมาวะอาร์ท ปล่อยกูรับหน้าจารย์คนเดียว”
     “กูไปแดกข้าวกับแฟนมา ว่าแต่เรื่องไอ้ต้นมีไรเหรอ ใช่เรื่องที่มันเป็นเกย์เปล่า?”
     “เออ เรื่องนั้นแหละมึง แต่ประเด็นไม่ใช่ว่ะ”
     “ทำไมวะ?”

     “เอาจริงเหรอมิว”
     “เออ กูเอาจริง”
     “กูถามมึงตรงๆ เลยนะ มึงแค่จะช่วยกู้ภาพลักษณ์พวกเราชาวฟิสิกส์หรือมึงทำเพราะใจสั่งมา”
     “ทั้งสองอย่าง ยังไงผลมันก็ออกมาดีทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่สิ สาม เพื่อผลการเรียนของตัวกูเองด้วย”
     “ทีเวลากูจะติวให้มึงก็ไม่เอา เอาเรื่องเรียนบังหน้านี่หว่า”
     “แล้วมึงอธิบายกูได้เหมือนที่ต้นมันทำมั้ยละไอ้กุ้งแห้ง กูทำเพื่ออนาคตโว้ย”
     “เออ มึงทำไรพวกกูไม่ขัดหรอก พวกกูไม่มีใครรังเกียจไอ้ต้น แต่ไอ้ต้นอ่ะรังเกียจมึงเห็นๆ”
     “สัสนัน ต้นไม่ได้เกลียดกู!”

     “ต้น มึงเป็นเกย์เหรอ?”
     “...”
     “... ว่าไง จริงเปล่าวะ?”
     “จริงหรือไม่จริงแล้วนายจะทำไมเหรออาร์ท? ถ้ามันจริง นายจะรังเกียจเราเหรอ”
     “เปล่า กูก็แค่อยากรู้ว่าจริงรึเปล่า กูถามไปงั้น”
     “เราจะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนายมั้ง พวกเราไม่ได้สนิทกันอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องส่วนตัวของเราทุกอย่างให้นายรู้นี่”
     “เวลากูเข้าห้องน้ำกูจะได้ระวังไม่เข้าพร้อมมึงไง ฮ่าๆ”
     “... งั้นเราจะระวังไม่เข้าห้องน้ำพร้อมนายก็แล้วกันนะ”
     “เฮ้ยเดี๋ยวสิ มึงเดินหนีกูเลยเหรอ กูแค่ล้อเล่น .... เอ้ย กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ”
     “ไม่เป็นไร นายสนุกเราก็ดีใจ แกล้งเราแบบนี้คงสะใจนายมากสินะ”
     “อาร์ท แกทำไรต้นย๊ะ!”
     “กูเปล่านะเมย์ แค่แซวมันขำๆ ไม่คิดว่ามันจะร้องไห้นี่หว่า”
     “ปากหมา ไปให้พ้นหน้าฉันเลยนะ ต้นไปกันเหอะอย่าไปสนใจไอ้อาร์ทปากหมาเลย”
     “เราไม่เป็นไรหรอกเมย์ ช่างเถอะ”
     “เอ้ย พวกมึง กูขอโทษ ต้นกูขอโทษนะ กูแค่จะแซวมึงเล่นขำๆ”
     “คุณรู้เรื่องอยู่แล้ว แต่คุณก็แกล้งมาถามผม แล้วคุณก็พูดแบบนั้นกับผม ผมคงเป็นตัวตลกในสายตาคุณสินะ เชิญหัวเราะผมตามสบายเลยครับ ผมไม่แคร์หรอก”
     “ไม่แคร์บ้านมึงสิยืนน้ำตาไหลพรากขนาดนี้ เออกูแซวแรงไป กูขอโทษ มึงนี่ขี้แยจริง”
     “รู้ตัวก็ดีย่ะ ฉันประกาศไว้เลยนะ! อย่าให้เห็นใครมาพูดอย่างงี้กับต้นอีกนะ ไม่งั้นแม่จะวีนแหลกเลย”
     “เออๆ หยุดร้องยังมึง กูกลัวโดนสหบาทา ไอ้ไปป์กับยัยป่านเตรียมง้างตีนกระทืบกูแล้วเนี่ย กูก็แค่อยากให้มึงยอมรับมาตรงๆ ก็แค่นั้นแหละ เลยมาแซวมึงเล่น”
     “แล้วการที่ผมยอมรับหรือไม่ยอมรับมันต่างกันตรงไหนครับ? ถึงผมจะเป็นอะไรผมก็เป็นนักศึกษาของที่นี่ มาเพื่อเรียนเหมือนๆ กับพวกคุณ เป็นเด็กฟิสิกส์ธรรมดาๆ คนนึงในภาคเหมือนกัน!”
     “ต่างสิมึง ถ้ามึงกล้ายอมรับกับพวกกู ก็แปลว่ามึงกล้าเปิดใจให้พวกกูไง แบบนี้ถึงจะเรียกว่าเพื่อนกัน ถ้าไม่มีสถานการณ์มาบังคับ มึงก็กะเนียนทำไม่รู้ไม่ชี้ไปอีกสามปีรึไง ถ้ามึงทำแบบนั้นพวกกูจะมั่นใจได้ยังไงว่ามึงเห็นพวกกูเป็นเพื่อนจริงๆ มหาลัยมีไว้มาเรียนก็จริง แต่มึงจะเรียนอย่างเดียวไม่เอาสังคมเลยรึไง หัดเปิดตัวเองกับเพื่อนบ้างเหอะมึง พวกกูไม่มีใครเกลียดสิ่งที่มึงเป็นหรอก แต่พวกกูไม่ชอบสิ่งที่มึงทำ”
     “...”
     “นายกับต้นไม่ได้สนิทกันซะหน่อย ต้นเปิดใจกับพวกเราเสมอย่ะ!”
     “มึงเงียบไปก่อนเลยเมย์ นี่มันเรื่องของผู้ชาย ผู้ชายเขาจะคุยกันผู้หญิงอย่างมึงหุบปาก! ไอ้ต้น กูถามมึงหน่อย แล้วพวกกูกับคนอื่นๆ ไม่ใช่เพื่อนเหมือนคนในกลุ่มพวกมึงรึไง มึงนี่น้าต้น... ต่อให้มึงทำไม่แคร์ แต่พวกกูแคร์นะ เพราะกูเป็นห่วงมึงนั่นแหละเลยอยากมาถามให้แน่ใจ รู้เรื่องบ้างมั้ยเนี่ย เรื่องมึงลือไปถึงไหนแล้ว ทุกคนในภาคโดนเหมาว่าเป็นผัวมึงกันหมดละ พวกกูที่ไม่มีเอี่ยวนี่โคตรซวยเลย อยู่ๆ ก็โดนลากเข้าป่าไปกับมึง ต่อให้กูไม่โมโหที่โดนลากเข้าป่ายังไงกูก็ไม่ชอบให้ใครมาพูดว่ามึงเป็นเมียสาธารณะหรอก กูอุตส่าคิดว่ามึงจะเปิดอกกับพวกกูบ้าง แต่มึงเล่นเอาตัวรอดคนเดียวอีกแล้ว เจอแบบนี้กูไม่มีแรงปกป้องมึงนะ จะดีเฟ้นตัวเองยังขี้เกียจเลยมึง”
     “เขาลือกันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
     “เออ! เอ้าๆ ... ดราม่าอีกละมึง เฮ้ยไม่ต้องร้อง”
     “ต้น!”
     “เออน่า เดี๋ยวพวกกูช่วยแก้ข่าวให้ มึงนี่...”
     “ก็นายแหละ มาว่าต้นแบบนั้น แรงไปแล้วนะ”
     “คนอื่นพูดแรงกว่านี้อีกเมย์ เลิกปิดหูปิดตาไอ้ต้นมันได้แล้ว ให้ไอ้ต้นมันเผชิญความจริงซะบ้าง มึงโอ๋มันเกินไปแล้ว กูในฐานะตัวแทนเพื่อนคนอื่นขอสั่งมึงเลย ถ้าไอ้ต้นมันไม่หัดแก้ปัญหาด้วยตัวเองบ้างเรื่องมันจะไปยิ่งกว่านี้อีก มึงเข้าใจที่กูพูดนะต้น”
     “...อืม แต่.. แล้วจะให้เราพูดอะไรล่ะ”
     “เวลามีใครมาแซวมึงๆ ก็ปฏิเสธกลับไปตรงๆ ไง มึงเห็นพี่ณตมั้ยล่ะ ตอนแรกๆ อาจจะลำบากหน่อย แต่หลังๆ พอคนเขาเห็นเดี๋ยวเขาก็เข้าใจมึงเองแหละ แต่ถ้ามึงยังทำตัวหนีปัญหาแบบนี้คนเขาจะยิ่งเอามึงไปยำสนุกปาก มึงมันก็ทำตัวน่าหมั่นไส้มาตลอดอยู่แล้ว มึงไม่รู้ตัวหรอกมีคนเขาแอบสะใจใส่ไข่มึงมากขนาดไหน เจอพวกอคติแบบนั้นพวกกูก็ช่วยมึงไม่ได้หรอก”
     “อืม เข้าใจแล้ว”
     “เออ กูพูดเพราะหวังดีหรอก อยู่กันมาขนาดนี้ทำไมกูจะไม่รู้ว่ามึงเป็นไง ถึงมึงจะทำตัวน่ารำคาญไปบ้างแต่กูก็เห็นมึงเป็นเพื่อนนะเว้ย”
     “ขอบใจนะ”
     “เออ เช็ดน้ำตาซะมึง กูไม่อยากโดนกระทืบ หมาที่มึงเลี้ยงไว้โคตรดุ”
     “ไอ้สลัดอาร์ท แกตาย!”
     “โอ้ย! เมย์ เบาๆ กูเจ็บ!”

     “สวัสดีครับอาจารย์ อาจารย์เรียกผมมามีอะไรหรือครับ”
     “งานที่ส่งมาผมอยากให้คุณเอากลับไปแก้หน่อยนะ ผมเขียนโน้ตไว้ให้แล้ว”
     “ครับ งั้นผมลาละครับ”
     “เออ เดี๋ยว ผมจะถามอะไรคุณหน่อย พักนี้คุณสนิทกับนายต้นน้ำเหรอ ผมเห็นคุณอยู่กับเขาบ่อยๆ”
     “... ครับ เราก็...คุยกันบ่อยครับ อาจารย์มีอะไรเหรอครับ”
     “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก คุณ...”
     “อาจารย์จะถามอะไรผมก็ถามมาเถอะครับ ผมก็แค่คุยกับน้องเขาเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นครับ อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วง ผมรู้จักกับต้นก็เพราะหลานชายของแฟนเขาเป็นเพื่อนกับผมครับ พอดีเราไปเจอกันแล้วต้นเขาก็ไปด้วย พอได้คุยกันผมก็เลยสนิทกับน้องเขา ไม่ได้เป็นอะไรแบบที่คนเขาลือกันหรอกครับ”
     “... คุณรู้เรื่องคนรักของต้นน้ำ?”
     “ผมยังรู้ว่าเพราะอะไรอาจารย์ถึงเรียกผมมาคุยเรื่องต้นด้วยครับ”
     “ต้นบอกคุณ?”
     “เปล่าครับ ผมรู้จากทางอื่น ต้นไม่ได้พูดอะไรครับ แต่ผมคิดว่าถ้าอาจารย์ไม่อยากให้ใครรู้อาจารย์ไม่ควรจะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้นะครับ เพราะคนอื่นเขาไม่เข้าใจเหมือนผม เขาจะยิ่งพูดถึงน้องเขาไม่ดี”
     “... เอาเถอะ ผมผิดเอง ยังไงผมฝากคุณดูแลต้นด้วยนะ”
     “ครับ งั้นผมลาละครับอาจารย์”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     “เอ๋? พูดเป็นเล่นน่า พี่ทิงทำแบบนั้นจริงๆ เหรอครับ!”
     “ต้นอย่าไปฟังมัน ไอ้เปาโม้”
     “กระผมพูดความจริงขอรับ ฮ่าๆ”
     เพราะพี่เปาหัวเราะดังลั่น ผมก็เลยพลอยผสมโรงไปด้วย พี่ทิงเลยทำหน้าบูดด้วยความเซ็ง โอ้ย! ไม่ไหวแล้วครับ ผมขำจนปวดท้อง พวกเราสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะใต้ตึกเรียนรวม พอพี่เปาส่งเสียงดังแบบนั้นคนอื่นๆ ก็มองพวกเราใหญ่เลย แต่พี่เปาก็ไม่แคร์ ผมก็เลยต้องสะกิดพี่เปาแกหน่อย กลัวคนอื่นเขาด่าเอาครับ
     “พี่เปาก็ เบาเสียงหน่อยครับ คนมองกันใหญ่แล้ว”       
     “โอ้ โทษทีขอรับ กระผมลืมตัว”
     พี่เปายิ้มกว้างพลางยกมือเชิงว่าขอโทษขอโพย ผมเลยยิ้มให้พี่แกทำนองว่าไม่เป็นไร แล้วพวกเราก็นั่งคุยกันต่อ ผมบอกแล้วว่าพี่เปาแกคุยสนุกมาก แถมพอได้คบกันแล้วพี่เขานิสัยดีมากๆ ด้วยครับ ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมผมมาสนิทกับแกได้ก็เพราะเตอร์แท้ๆ เลย ตอนที่เตอร์ยังไม่กลับ เตอร์เอามือถือผมไปสมัครโปรแกรมสนทนาให้แล้วก็ลากผมเข้ากลุ่ม ผมก็เลยได้คุยกับพวกพี่ๆ เขามากขึ้น โดยเฉพาะกับเด็กเคมีแบบพี่เปา แล้วก็พี่ๆ บางคนที่อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน
     “อ๊ะ ใกล้บ่ายสองแล้ว พี่ทิงไม่รีบไปเหรอครับ เดี๋ยวไม่ทันหรอก”
     “เออจริงด้วย งั้นพี่ไปก่อนนะต้น กูไปนะเว้ยเปา”
     พอพี่ทิงลาพวกเราเสร็จก็เก็บของลงกระเป๋าแล้วลุกออกไปเหลือแต่ผมกับพี่เปา พวกผมก็เลยนั่งคุยกันต่อเรื่อยๆ ทั้งเรื่องเกม การ์ตูน เรื่องอะไรต่อมิอะไรที่พี่เขาสรรหามาเล่าให้ผมฟัง รวมไปถึงเรื่องวิชาเรียน พี่เปานี่ความรู้รอบตัวเยอะมากครับ แกคุยกับผมได้เกือบทุกเรื่องเลย แล้วก็สนใจฟังผมด้วย คือ... ไงดีล่ะ... ก็ผมคุยเรื่องกำเนิดเอกภพกับพี่ชัชหรือเมษไม่ได้นี่นา ส่วนแม็กซ์ก็... เอาเป็นว่าผมชอบคุยกับพี่เปาก็แล้วกันครับ พวกเราคุยกันอีกสักพักก่อนที่ผมจะขอตัวเพราะนัดกับพวกมิวนิคเอาไว้ ประจำเลย! ต้องให้ผมช่วยติวให้ตลอด งานก็ชอบมาลอกผม เฮ้อ!

     ผมเปิดเทอมได้สักพักแล้วครับ ความจริงแล้วหลังจากที่ความลับเรื่องเป็นเกย์ของผมแตกผมก็กลัวนิดหน่อยนะ เพื่อนคนอื่นๆ บางคนก็มองผมแปลกๆ บางคนรับได้ บางคนก็แกล้งมาแซวผมก็มี ก็รู้นะครับว่าเขาคงแซวเล่นขำๆ สนุกปาก แต่ผมไม่ชอบนี่ ผมก็ยังเป็นผมคนเดิมเหมือนเมื่อก่อน ทำไมเขาต้องมาแกล้งผมด้วย แต่ใครที่แกล้งผมก็มักโดนสามสาวตอกกลับไปเหมือนกันครับ โชคดีชะมัดที่ผมมีเพื่อนดีๆ อยู่ใกล้ตัว ... ส่วนคนรอบข้าง... บางทีสายตาแปลกๆ บางคู่ที่มองมาก็ทำให้ผมเจ็บปวดเหมือนกันนะ แต่ผมไม่อยากแปลความหมายของสายตาเหล่านั้นหรอก รู้แค่ว่าเวลาถูกมองแบบนั้นมันเหมือนกับมีอะไรมาทิ่มแทงใจผม ผมไม่ใช่ตัวประหลาดของสังคมสักหน่อย ผมรู้สึกแย่มากที่เห็นคนอื่นมองมาทางผมแล้วกระซิบกระซาบกัน มันระแวงจนท้อเลยล่ะครับ ... แต่เพราะแบบนี้ละมั้ง ผมเลยรู้สึกนับถือพี่เปาแกเข้าไปใหญ่
     เพราะวันแรกๆ ที่ผมเปิดเรียนแล้วเจอมรสุมข่าวลือ พวกเราบังเอิญเจอกันพอดี พี่เปาแกก็มาทักทายผมตามสไตล์ของแก เอกลักษณ์แปลกๆ ของแกทำให้ใครๆ ต่างก็พากันจ้องมอง ผมเห็นสายตาคนพวกนั้นแล้วอดเจ็บปวดแทนแกไม่ได้ สายตาที่มองเหมือนกับว่าเห็นเราเป็นตัวประหลาด ไม่ใช่คนปกติ แตกต่างจากพวกเขา แปลกประหลาดไม่เข้าพวก... โดยเฉพาะเมื่อผมนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็เคยมองแกด้วยสายตาแบบนั้นเช่นกัน ผมละอายแก่ใจพอสมควร ผมไม่ควรทำแบบนั้นเลย จนกระทั่งผมโดนเข้ากับตัวเองนั่นแหละ ผมถึงได้รู้ว่าไม่มีใครอยากเป็นตัวประหลาดในสังคม
     พอสบโอกาสตอนที่เรานั่งอยู่ด้วยกัน ผมเลยถามแกว่าแกไม่อึดอัดบ้างหรือไร แกทนสายตาคนอื่นๆ ได้ยังไงกัน แกตอบผมกลับมาว่าอะไรรู้มั้ยครับ? แกบอกว่า “เขาจะมองก็ให้เขามองไปสิขอรับ กระผมก็รู้นะว่ากระผมเสียงดัง ก็พยายามอยู่แต่บางทีมันก็มีลืมตัวกันบ้าง” ผมเลยอึกอัก พูดไม่ออก ไม่กล้าถามไปตรงๆ ว่าแกไม่อายเหรอ ที่ถูกคนอื่นมองเป็นตัวประหลาด
     ผมกะทำลืมๆ มันไปไม่ถามต่อแล้ว แต่พี่เปาแกกลับพูดขึ้นมาซะก่อนว่า “แต่ถ้าหมายถึงเรื่องบุคลิคกระผมแล้วละก็ กระผมไม่ใส่ใจขอรับ กระผมไม่มีอะไรต้องอาย ก็แค่คนที่ชอบการ์ตูนธรรมดาๆ คนนึง อาจจะบ้าๆ ไปบ้าง แต่กระผมก็ไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร กระผมเองก็เป็นคนดีคนหนึ่งในสังคมแล้วทำไมผมต้องอายขอรับ ในเมื่อกระผมไม่ได้ทำอะไรผิด” ผมได้แต่อึ้ง นึกไม่ถึงว่าแกจะพูดอะไรจริงจังแบบนี้ออกมา
     แล้วผมก็ต้องอึ้งซ้ำอีกรอบ เพราะสิ่งที่แกพูดต่อมันช่วยให้ผมสบายใจขึ้นมาทีเดียว แกบอกกับผมว่า “ท่านต้นเองก็อย่าใส่ใจเลยขอรับ มีความสุขกับสิ่งที่เป็นก็พอ เขาจะมองก็ปล่อยให้เขามองไป สิ่งสำคัญคือตัวเราเป็นอะไรจงจำไว้และอย่าให้สายตาคนอื่นมาเปลี่ยนแปลงตัวตนของเรา แค่เรารู้ว่ามีคนที่รักและเข้าใจเราอยู่ก็เพียงพอแล้วครับ เพราะอคติของคนมันใช่ว่าจะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ ถ้าเขาไม่เปิดใจเขาก็ไม่มีวันเข้าใจเราอยู่ดี ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วท่านต้นจะไปเสียเวลากับคนที่ไม่เปิดใจมองตัวตนของเราทำไมละขอรับ ยกเว้นว่าคนๆ นั้นเป็นคนที่ท่านต้นแคร์เขามาก ถ้าเป็นเช่นนั้นก็พยายามต่อไปขอรับ!”
     เห็นมั้ยละครับ ถึงพี่เปาแกจะดูประหลาดๆ ไปบ้าง แต่ว่าความคิดของพี่เปานี่สุดยอดจริงๆ ผมละนับถือแกเลย หลังจากนั้นผมเวลาที่ผมเจอแกหรือว่าว่างตรงกับแก ผมก็เลยชอบไปนั่งคุยกับพวกแกครับ ไม่รวมว่าผมแอบไปสืบข่าวเตอร์ผ่านทางแกนะ พี่เปาแกก็ยุให้ผมเล่นเกมกับเตอร์ซะงั้น แกบอกว่าแกเองก็เล่นอยู่ ผมจะบ้าตาย ผมเล่นเกมออนไลน์เป็นที่ไหนละครับ! แถมไม่ว่างด้วย พอผมปฏิเสธแกก็เลยชวนผมเข้าไปเล่นกลุ่มเฟซบุ๊คกับกระดานสนทนา แล้วเปิดหน้ากลุ่มให้ผมดู ผมถึงได้เห็นว่าหลานชายผมเวลาไม่ได้อยู่กับผมแล้วเกรียนขนาดไหน แถมไม่อยากจะเชื่อว่าเดี๋ยวนี้การ์ตูนมันโป๊มากขึ้นเยอะเลยครับ หลานชายผมใช้ภาพแทนตัวกับลายเซ็นได้น่าเกลียดมาก!
     แต่พี่เปาก็บอกให้ผมฟังว่าเป็นแฟนเซอร์วิสอะไรซักอย่าง แล้วก็ชวนผมคุยเรื่องทัศนคติด้วย เพราะรู้ว่าผมไม่เคยดูอะไรพวกนี้ แกบอกผมว่าตราบใดที่ไม่ได้ขาดสติไปทำอะไรเดือดร้อนคนอื่นก็ไม่เห็นเป็นอะไร ผมก็อยากเถียงนิดหน่อยนะ เพราะว่า... ผมนี่แหละเดือดร้อนเพราะเตอร์ดูสื่อลามกคืนนั้น ... แต่เอาเถอะครับ มันก็ถูกของพี่เปา มันเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองที่ต้องอบรมบุตรหลานให้รู้จักคิด หน้าที่ของผมสินะครับ... ก็ดูแล้วทั้งพี่ศักดิ์พี่ชัชพอกันเลย ส่วนพี่นาก็คงตามเจ้าเตอร์ไม่ทันแน่ๆ เฮ้อ... หลานชายผม ผมไม่อยากหวังพึ่งพี่ชัชหรอก!
     “มาช้าจังมึง เร็วๆ เลย เอามาให้พวกกูลอกเร็ว”
     เสียงมิวนิคดังขึ้นแต่ไกล นี่ผมเดินคิดอะไรเพลินๆ จนกลับมาถึงตึกภาคแล้วเหรอครับเนี่ย ว่าแต่ผมไม่ใช่คนใช้พวกเขาซักหน่อย ทำมาสั่ง คนที่ต้องเป็นฝ่ายขอร้องน่ะมันพวกนี้ต่างหาก เพราะฉุนหน่อยๆ ผมเลยแกล้งเดินไปช้าๆ แล้วก็ค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งที่โต๊ะจากนั้นก็ลีลาเปิดกระเป๋าแบบไม่รีบร้อน
     “เร็วเด้”
     ยังจะ... ผมเหลือบตาไปมองมิวนิคด้วยหางตานิดนึงก่อนจะด่ามัน
     “มารยาทในการขอร้องคนอื่นของคุณเป็นแบบนี้เหรอครับ ผมอุตส่าห์มาช่วยพวกคุณนะ”
     “กูนัดมึงบ่ายสาม มึงมาซะช้า เลยมาสิบนาทีแล้ว”
     “ก็นายโทรบอกเราเองว่าจะไปซื้ออะไรกินก่อนแป๊บนึง”
     “มัวแต่ไปนั่งอี๋อ๋อกับกิ๊กใหม่อ่ะสิ”
     “พูดเรื่องอะไร? เรางงไปหมดแล้ว”
     “อย่าไปสนใจมันเลยต้น หมามันหวงก้างน่ะ อ่ะทานขนมมั้ย”
     “ขอบใจนะเมย์”
    ผมรับขนมที่เมย์ซื้อมาฝากแล้วก็ทานอย่างเอร็ดอร่อย แหมของฟรีนี่อร่อยจริงๆ ครับ มิวนิคกับเมย์มองหน้ากันแบบแปลกๆ สายตาดูเฉือดเฉือนกันเล็กน้อย จะว่าไปหลังจากกลับจากทะเลสองคนนี้ก็ดูสนิทกันมากขึ้นนะครับ ทะเลาะกันมากกว่าเดิมก็จริงแต่ก็ดูเหมือนซี้กันมากขึ้นด้วย ต่างจากเดิมที่เอาแต่เถียงกันเฉยๆ ผมเองก็บอกไม่ถูก แต่มันรู้สึกทำนองว่าถึงสองคนนี้จะปะทะคารมกันมากขึ้นกว่าเดิมแถมยังด่ากันแรงขึ้น แต่กลับมองหน้ากันคุยกันบ่อยมากกว่าแต่ก่อนที่พอเถียงกันสองสามคำก็ต่างคนต่างเดินหนีแล้ว เอ... หรือผมจะมองผิดไป ช่างเถอะครับ
     “ไปป์ล่ะเมย์?”
     แก๊งผมนอกจากแก้วที่รีบกลับหอเพราะติดธุระแล้ว ป่านกับเมย์แล้วก็โอมอยู่กันครบครับ ขาดแต่ไปป์อีกแล้ว เวลานัดติวทบทวนวิชากันแบบนี้ทีไร ไปป์หายทุกที!
     “ช่างหัวมันเหอะ เดี๋ยวมันก็มาอ้อนนายทีหลังเองแหละ”
     “น่าเบื่ออ่ะ แทนที่จะได้ติวไปพร้อมๆ กันเลย ขี้เกียจสอนหลายที”
     แล้วพวกผมก็นั่งคร่ำเคร่งกับวิชาการต่อครับ ส่วนมิวนิคพอเมย์มาก็เงียบลงทันตาเห็น คงเพราะเจอเจ้าแม่มาประทับอยู่ใกล้ๆ แม้แต่คนโง่อย่างมิวนิคยังรู้เลยครับว่าไม่ควรหาเรื่องอะไรตอนนี้ แต่ก็แปลกดีนะครับ หลังกลับจากทะเลคราวนี้แล้ว พวกมิวนิคทั้งสามคนดันมาจอยกลุ่มกับพวกผมบ่อยขึ้น คงเพราะเทอมนี้วิชายากขึ้นด้วยมั้งครับ พวกนี้เลยมาขอให้พวกผมติวให้แต่เนิ่นๆ อารมณ์แบบว่า ถ้าไม่เข้าใจไปบทนึงนี้ก็เตรียมตัวตายได้เลยครับ มันจะงงสะสมไปเรื่อยๆ เลยต้องมานั่งทบทวนกันวันต่อวัน จะได้ทำคะแนนได้ดีๆ ฉุดเกรดแย่ๆ ที่สะสมเอาไว้ให้สูงขึ้นอีกนิด จะได้รอดกันถ้วนหน้า เพราะถ้าถามว่าใครที่โง่ เอ้ย! ใครที่อ่อนที่สุดในภาคก็ไม่พ้นมิวนิคนี่แหละครับ นันยังพอเอาตัวรอดได้ ส่วนเป้นี่ฉิวๆ เลย พวกเรานั่งติวกันจนใกล้ๆ เสร็จนั่นแหละ ไปป์ถึงโผล่มา พอมาถึงก็นั่งกินขนมท่าทางแฮปปี้ไม่รู้ไม่ชี้ซะงั้น เดี๋ยวผมต้องเหนื่อยอีกแน่ๆ
     “โต้น ขออีกรอบ”
     นั่นไง ผมว่าแล้ว ... ไปป์มองหน้าผมแล้วก็ทำตาปิ๊งๆ อ้อนอย่างกับลูกหมาเลยครับ พอรู้ว่าผมแพ้ท่าทางแบบนี้ก็เอาใหญ่เชียว
     “แล้วตอนที่เขาเริ่มติวกันทำไมไม่มา”
     “ก็หิวอ่ะ เลยไปหาไรกิน”
     “มันไปนั่งแดกไอติมกับรุ่นน้องมาอ่ะดิ”
     “เสือกละมึง!”
     “ก็มึงมันแหล”
     “พอๆ พวกนายจะทะเลาะกันทำไม แล้วทำไมนายยังไม่ไปอีก?”
     ผมหยุดสงครามน้ำลายของทั้งคู่เอาไว้แล้วหันไปถามมิวนิค เป้กับนันลุกไปนั่งโต๊ะตัวอื่นแล้วครับ เหลือแต่มิวนิคนี่แหละ นั่งแช่ไม่ยอมลุกไป คือ... ที่มันก็น้อยจะตาย ถ้ามิวนิคลุกแล้วผมจะได้ให้ไปป์เขยิบไปนั่งเก้าอี้ตัวนั้นแทน จะได้ไม่ต้องมานั่งเบียดผมอยู่แบบนี้
     “ก็... ก็กูยังไม่เข้าใจไง เลยว่าจะอยู่ฟังต่ออีกรอบ อธิบายไงของมึงเนี่ย”
     “สมองคุณด้อยพัฒนาจังนะครับ คนอื่นเขาถึงได้ฟังผมแล้วเข้าใจกันหมดยกเว้นคุณ!”
     “เออน่า อธิบายมาอีกรอบเด๊ะ กูจะฟังด้วย เร็วๆ”
     เย็นนี้พี่ชัชกลับคอนโดด้วย อุตส่าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้พี่ชัชแท้ๆ ทำไมผมต้องมาเสียเวลาเพราะคนโง่กับคนขี้เกียจด้วยนะ! ถ้าพวกเขาสองคนไม่ใช่เพื่อนผมละก็ ผมไม่มาเสียเวลาด้วยหรอก!
     ... เพราะงั้นผมก็เลยต้องเริ่มต้นอธิบายใหม่อีกรอบให้สองคนนี้ฟัง ส่วนคนอื่นๆ ที่ทำงานเสร็จแล้วก็ทยอยกลับบ้าน คนที่ยังไม่เสร็จบางคนก็นั่งทำต่อ บางคนก็เอากลับไปทำต่อที่บ้านก็มี แหงสิครับนี่มันสี่โมงกว่าแล้ว รีบๆ อธิบายให้จบๆ ไปดีกว่า ผมอยากกลับคอนโดเต็มแก่แล้ว
     แต่ตอนที่ผมอธิบายเสร็จแล้วและกำลังเก็บสมุดกับปากกาลงกระเป๋า จู่ๆ ไปป์ก็เอ่ยชวนผมขึ้นมา
     “ต้น เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันป่าว เราเลี้ยงเอง”
     “ไม่อ่ะ เรารีบ อยากกลับแล้ว”
     “ไรอ่ะ เดี๋ยวนี้ไม่มีเวลาให้เราเลยนะ งอนละด้วย”
     “มางงมางอนไรละ วันนี้แฟนเรากลับเร็ว เราจะรีบกลับคอนโด”
     “สนแต่แฟนน้า ใช่สิเรามันตกกระป๋องแล้วนี่ ต้นไม่รักเราแล้ว”
     ไปป์... นายเป็นเด็กเหรอไปป์ ผมละมือจากการเก็บของหันไปมองหน้าไปป์ทันที
     ไปป์งอแงอย่างกับเด็กเลยครับ ผมตามไม่ทันจริงๆ นะเนี่ยว่าไปป์เป็นบ้าอะไร! เพราะอารมณ์ผมเริ่มหงุดหงิด หน้าผมก็เลยชักจะตึงๆ ขึ้นมาทุกที พอไปป์เห็นสายตาเย็นเยียบของผมก็เลยรีบแก้ตัว
     “ต้นใจร้าย แค่นี้ก็โกรธเราแล้ว ลืมเพื่อนคนนี้แล้วใช่ม๊า”
     “นายเป็นอะไรของนาย มีไรก็พูดมาตรงๆ จะเอาอะไร”
     “มันหาว่ามึงได้ใหม่ลืมเก่าไง”
     ขอบใจที่ช่วยบอก แต่จริงๆ นายไม่ต้องสอดก็ได้นะมิวนิค เพราะผมก็ยังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ได้ใหม่ลืมเก่าอะไรยังไง? ผมงงไปหมดแล้วครับ
     “นายน่ะ รีบๆ ทำงานของนายให้เสร็จไปเถอะมิวนิค ไม่ต้องยุ่ง!”
     “ขึ้นเสียงใส่พวกกูนะ ตกลงพอได้เพื่อนใหม่มึงก็ไม่แคร์พวกกูแล้วใช่ป่ะ”
     “เพื่อนใหม่อะไร? ก็พูดให้มันรู้เรื่องสิครับ แล้วที่ผมโมโหก็เพราะว่าคุณเริ่มก่อนนั่นแหละ อยู่ๆ มาว่าผมได้ใหม่ลืมเก่าอะไรนั่น”
     “ก็ไอรุ่นพี่เคมีนั่นไง เดี๋ยวนี้อะไรๆ มึงก็ไปแต่กับพวกนั้นนะ”
     ผม? พี่เปา? ผมงงไปหมดแล้วนะ พี่เปามาเกี่ยวอะไรด้วยครับเนี่ย ผมหันไปมองไปป์เพื่อขอความเห็น แต่น่าแปลก คราวนี้แทนที่ไปป์จะช่วยตอกกลับมิวนิคให้ผม ไปป์กลับทำเฉย นั่งฟังนิ่งๆ แทน ผมเลยต้องเล่นจ้องตากับไปป์เพื่อกดดันอีกที ไปป์ถึงจะยอมพูดออกมาบ้าง
     “เราก็แค่อยากชวนต้นไปหาไรกินกัน เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้อยู่กับต้นเลย ต้นเอาแต่ไปนั่งกับพวกนั้นอ่ะ เราก็น้อยใจสิ เรายังเป็นที่หนึ่งของต้นอยู่รึเปล่า?”
     “นายไม่ใช่แฟนเรานะไปป์ แล้วก็ไม่ใช่เพื่อนที่สนิทที่สุดของเราด้วย”
     “อันนั้นก็รู้ ไม่นับแฟนต้นกับเพื่อนคนนั้นของต้นก็ได้ นับแต่ในมหาลัยนี่ไง”
     “ถึงยังไงนายก็แพ้อาร์ม แล้วก็นะ ถึงเราจะสนิทกับแม็กซ์มาก แต่แม็กซ์ก็ไม่ใช่เพื่อนซี้สุดๆ ของเราอยู่ดี”
     “อ้าว? ต้นนี่หลายใจจัง”
     “ไปป์!”
     “มึงนี่ปัญญาอ่อนว่ะไปป์ ก็ถามไอ้ต้นไปเลยดิ๊”
     “หมาหวงก้างอย่างมึงอ่ะเงียบไปเลย กูจะอ้อนเจ้านายกู”
     “เออ ไอ้ลูกหมาหิวนมอย่างมึงอ่ะ ซักวันจะโดนไอ้ต้นโยนทิ้ง”
     “ถ้าจะเถียงกันงั้นเรากลับก่อนล่ะ รำคาญ!”
     “เดี๋ยวๆ ต้นจะไม่ไปกินข้าวกับเราจริงๆ เหรอ”
     “ก็บอกแล้วไง เราจะรีบกลับคอนโด วันนี้พี่ชัชกลับเร็ว”
     “ทีงี้อ่ะรีบกลับไปหาแฟนนะมึง กูถามจริงเหอะ มึงกับไอรุ่นพี่เคมีตัวอ้วนๆ คนนั้นอ่ะไม่ได้เป็นไรกันแน่นะ”
     “บ้า! เรากับพี่เปาไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นซักหน่อย แล้วอีกอย่างพี่เปาเป็นรุ่นพี่นาย เรียกพี่เขาดีๆ หน่อย มิวนิค!”
     “แตะไม่ได้เลยนะมึง! แน่ใจอ่ะไม่ได้เป็นไรกัน กูเห็นมึงยิ้มหน้าบานเชียวเวลาอยู่กับมัน”
     ผมหงุดหงิดนะ แค่มรสุมเรื่องที่ผมเป็นเกย์โดนคนรู้กันทั่วก็หนักพอแล้ว แถมผมยังถูกหาว่าเป็นพวกชอบอ่อยไปทั่วอีกต่างหาก แล้วนี่ผมยังมีข่าวเม้าเรื่องอื่นอีกเหรอเนี่ย?
     “ต้นใจเย็นๆ นะ แบบว่า... ก็อยู่ๆ พอเปิดเทอมมาต้นก็ไปสนิทกับพี่เขาเฉยเลยอ่ะ พวกเราก็งงกันสิ แถมต้นยังชอบไปนั่งคุยกับพวกพี่เขาบ่อยๆ ขนาดกับอาร์มต้นยังไม่ไปหาบ่อยขนาดนั้นเลย แล้วเวลาที่ต้นนั่งคุยกับพวกพี่เขาต้นก็หัวเราะร่าเริงเชียว ทีอยู่กับพวกเรานายไม่เห็นเคยเป็นแบบนั้นบ้าง...”
     ผมจะไปหาอาร์มทำไมละครับ ไปหาอาร์มให้รำคาญพี่บอมเนี่ยนะ? แล้วอีกอย่าง อย่างอาร์มน่ะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวก็วิ่งมาหาผมเองแหละ ไม่จำเป็นต้องไปหาหรอก!
     “แค่นี้ใช่มั้ย?”
     “หา ไรนะ?”
     “เราถามว่า เรื่องที่นายน้อยใจเรา มีแค่นี้ใช่มั้ย?”
     “อือ.. อืม ก็น่าจะแค่นั้น”
     “ถ้าอยากให้เราหัวเราะนายก็ช่วยเลิกทำตัวงี่เง่าเหมือนเด็กซักทีสิไปป์ เราจะได้ไม่ต้องบ่นนายไง แล้วถ้าเราไม่สนใจนาย คิดเองละกันว่าเราจะอยู่ติวให้นายอีกรอบมั้ย ทั้งๆ ที่เราอยากกลับคอนโดเต็มแก่ เราไม่ได้เจอหน้าแฟนตัวเองมาสี่วันแล้วนะไปป์ แต่เราต้องอยู่เย็นจนป่านนี้เพื่อใคร? ที่เราเป็นแบบนี้แทบจะไม่ได้หัวเราะก็เพราะนายเอาแต่ทำตัวปัญญาอ่อนนั่นแหละ เราถึงได้ต้องคอยบ่นนายตลอด ละที่เราคอยบ่นนายคิดเองละกันว่าเราทำไปเพราะอะไร”
     พอถูกผมด่าไปแบบนั้น ไปป์ที่จากเดิมเอาแต่ทำสีหน้าหมาหงอยก็ค่อยๆ ร่าเริงขึ้นมาทันที ผมว่าผมเห็นหางกระดิกดิ๊กๆ เลยแหละ ให้ตายเหอะ!
     “รักต้นที่สุดเลย!”
     ไปป์กระโจนเข้ามากอดคอผมซะงั้น ผมก็ดีใจนะที่ไปป์หลอกง่าย แต่ผมไม่ชอบใจเลยซักนิด เดี๋ยวไปป์ก็โดนข่าวลือกับผมไปด้วยหรอก ... เรื่องกำลังจะจบแต่มิวนิคก็ยังอุตส่ามีปัญหา
     “งั้นสรุปว่ามึงกับรุ่นพี่คนนั้นไม่มีอะไรกัน”
     “นายกำลังหาว่าเรานอกใจแฟนตัวเองอยู่นะ”
     ผมทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เจ้ายักษ์สมองนิ่มแล้วก็เก็บของลงกระเป๋า ตั้งใจจะเผ่นให้เร็วที่สุด รำคาญครับ ขืนอยู่ต่อต้องโมโหมากกว่านี้แน่ๆ
     “เรากลับละนะ มีธุระ จะรีบกลับบ้านไปทำข้าวเย็นให้แฟน ชัดมั้ย?”

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อ่านตอนนี้แล้วปวดใจอ่ะ  ปากคนนี่มัน -*-
อิพวกใส่ไข่นี่มันควรเอาไข่เน่ายัดปาก
ได้ยินอะไรมาต้องมโนเพ้อเจ้อ เติมเรื่องให้มันเยอะอีก

เปิดตัวแล้วมั่นหน้าเลยต้น เพราะเป็นพวกขี้อายมองโลกในแง่ลบ แต่ดันหน้าตาดี
คงโดนอิจฉาเยอะมาก

เป็นเกย์สาวอย่างองอาจ และเปิดตัวปั๋วให้งดงามเลยลูกสาว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด