[28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า  (อ่าน 130038 ครั้ง)

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     วันนี้พี่ชัชกลับจากสัมนาที่ต่างจังหวัดครับ น่าจะถึงคอนโดตั้งแต่บ่ายแล้ว ไม่รู้จะได้ทานมื้อกลางวันแล้วรึยัง บางทีพี่ชัชงานยุ่งมากๆ ก็ชอบลืมทานข้าว ไม่สิ พี่ชัชบอกผมว่า “พี่ไม่ได้ลืม แต่มันยุ่งจนไม่มีเวลากิน” ต่างหาก อาชีพผู้แทนขายยาแบบพี่ชัชนี่ท่าทางเหนื่อยจังเลยครับ ถึงจะดูงานสบายๆ แต่ความจริงแล้วท่าทางลำบากน่าดู
     ดังนั้นตอนที่ผมกลับมาถึงคอนโดแล้วไขกุญแจห้องเข้าไป ผมก็เห็นพี่ชัชก็กำลังง่วนอยู่กับงานเลยครับ เอกสารวางเต็มโต๊ะรับแขกเลย เห็นแล้วสงสารจัง พี่ชัชต้องทำงานหนักเพื่อผม เห็นแบบนี้แล้วผมไม่กล้าทำตัวเหลวไหลหรอก เกรงใจพี่ชัชแย่
     “กลับเย็นจังเลยต้น”
     “ขอโทษครับ พอดีอยู่ติวกับเพื่อนๆ น่ะครับ พี่ชัชหิวแล้วรึยัง อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ ผมจะรีบทำให้”
     “ไม่ต้องรีบขนาดนั้น พี่ยังไม่หิวหรอก เรามาเหนื่อยๆ นั่งพักก่อนก็ได้”
     พี่ชัชพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผม แต่ยังคงง่วนกับกระดาษตรงหน้า ท่าทางจะยุ่งมาก เห็นแบบนี้ผมเลยขอตัวเอากระเป๋าไปเก็บ พอเก็บของเสร็จผมก็เลยออกมาดูในตู้เย็นว่ามีอะไรเหลือบ้าง เย็นแล้วรีบทำกับข้าวดีกว่าครับ แต่ตอนที่ผมกำลังคิดว่าจะทำอะไรให้พี่ชัชทานดี พี่ชัชก็ย่องมาถึงข้างหลังผมแล้ว ผมถูกพี่ชัชกอดซะแน่นเชียว แถมยังถูกหอมแก้มอีก
     “ชื่นใจจัง ตอนแรกว่าจะจูบตอนเรามานั่งใกล้ๆ พี่ แต่เราดันเดินหนีเข้าห้อง”
     “ก็พี่ชัชงานยุ่งนี่ครับ ผมเลยไม่กล้ากวน”
     “ละเราล่ะ กลับซะเย็น เหนื่อยมากป่ะ เรียนยากเหรอครับ”
     “ผมน่ะสบายๆ ครับ แต่คนอื่นน่ะยาก เลยต้องช่วยๆ กัน กลัวจะจบไม่ครบคนครับ”
     “ดีแล้วๆ เพื่อนกันก็ต้องช่วยเหลือกัน อีกหน่อยเพื่อนพวกนี้แหละ คอนเน็คชั่นอย่างดีเลยต้น”
     พี่ชัชพูดพร้อมๆ กับหยิบน้ำในตู้เย็นไปดื่มแล้วเดินกลับไปเก็บเอกสารกองรวมกันไว้มุมหนึ่งของโต๊ะรับแขกให้เรียบร้อยแล้วก็นั่งอ่านเอกสารแผ่นที่อ่านค้างอยู่ ผมแอบยิ้มนิดหน่อยนะ หลังจากที่ผมบ่นพี่ชัชไปบ่อยๆ ในที่สุดพี่ชัชก็เริ่มปรับตัวแล้ว ไม่ต้องรอให้ผมพูดก็จัดการกับเอกสารที่วางเกลื่อนกลาดบนโต๊ะเอง แต่เอาเข้าจริงถ้าผมจะบ่นก็ไม่บ่นวันนี้หรอกครับ ก็วันนี้แฟนผมทำหน้ายุ่งจะตาย เวลาที่พี่ชัชเข้าโหมดทำงานแบบนี้ผมไม่กล้ารบกวนครับ พี่ชัชจะดูจริงจังมาก ไม่ยิ้มเลย งานของพี่ชัชคงเครียดมากกว่าการเรียนมหาวิทยาลัยอย่างผมเยอะ ผมเห็นพี่ชัชถอนหายใจแล้วก็ยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้วด้วย แถมวันก่อนผมยังแอบเห็นพี่ชัชมีผมหงอกตั้งสองเส้น! สงสารแฟนจังเลยครับ
     “อืม... ในตู้เย็นมีหมูบดกับผักนิดหน่อย ผมยังไม่ได้ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเลย มื้อเย็นพี่ชัชทานแกงจืดกับไข่เจียวได้มั้ยครับ?”
     “พี่ทานไรก็ได้ครับ แล้วแต่เราเถอะ อะไรที่เมียทำให้อร่อยหมดทุกอย่างแหละครับ”
     พี่ชัชเงยหน้าขึ้นมาตอบพร้อมกับยิ้มให้ผมก่อนจะก้มหน้าลงไปคร่ำเคร่งกับงานในมือต่อ แน่ะ! ยังจะมีอารมณ์เล่นอีก แต่ผมก็ปลื้มนะ พี่ชัชของผมน่ารักที่สุดเลย แล้วผมก็ลงมือเข้าครัวอย่างมีความสุขครับ ผมหุงข้าวแล้วก็ลงมือทำต้มจืดก่อนจะทอดไข่เจียวหมูสับเป็นรายการสุดท้าย พอพี่ชัชเห็นผมยกจานไข่เจียวมาวางที่โต๊ะทานข้าว พี่ชัชก็เก็บงานกองไว้แล้วมาช่วยตักข้าวใส่จาน ... ผมปลื้มนะเนี่ย
     แฟนของผมช่างเอาใจที่สุด! ยกเว้นนิสัยซกมกที่บางทีก็ชอบทำตัวเป็นผีขี้เกียจแล้วนอกนั้นพี่ชัชเป็นผู้ชายที่ดีมาก ถึงพี่ชัชไม่ใช่คนที่เนี๊ยบมีระเบียบมากเท่าไหร่ แต่เรื่องงานบ้านนิดๆ หน่อยๆ พี่เขาก็ทำได้ เวลาที่ผมไม่สบายพี่ชัชก็จัดการแทน เวลาเห็นผมทำอะไร พี่เขาก็จะขยันมาช่วยผมตลอด ไม่ปล่อยให้ผมเหนื่อยอยู่คนเดียว
     ตอนที่ผมตกปากรับคำจะย้ายมาอยู่กับพี่ชัช ผมอุตส่าทำใจไว้แล้วนะว่าคงต้องเหนื่อยมากแน่ๆ ผมก็รู้อยู่แล้วแหละว่าคงต้องเหมางานบ้านทุกอย่างเองคนเดียว ก็พี่ชัชตอนนั้นน่ะซกมกสิ้นดี ผมนึกภาพพี่ชัชคู่กับความเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ออกเลย ซึ่งพอมาอยู่ด้วยกันแล้วพี่เขาก็ซกมกจริงๆ นั่นแหละ พี่ชัชไม่ใช่ว่าทำงานบ้านไม่เป็น แต่ชอบทำรกแล้วขี้เกียจเก็บมากกว่า พอมันสะสมเยอะเข้าๆ เลยดูซกมกในที่สุด แต่ถ้าผมสั่งนะ พี่เขาก็จะรีบจัดการทันที นึกถึงเรื่องนี้แล้วผมก็อดขำไม่ได้แฮะ นึกถึงตอนนั้นเลย ตอนที่พี่ฟ่างแวะเอาขนมมาให้ผมแล้วก็นั่งบ่นแฟนตัวเองให้ผมฟัง
     ตอนนั้นพี่ฟ่างชมผมใหญ่ว่าทั้งๆ ที่เป็นเด็กผู้ชายแท้ๆ แต่ผมดูแลบ้านช่องเรียบร้อยมาก ช่วยแบ่งเบาภาระคุณแม่ได้ แล้วก็พาลไปเปรียบเทียบกับแฟนของตัวเองที่ชอบทำรกจนพี่ฟ่างรำคาญ แต่ทั้งๆ ที่บ่นเรื่องโน้นเรื่องนี้พี่ฟ่างก็อดอวดผู้ชายของตัวเองให้ผมฟังไม่ได้ว่าแฟนของเธอเอาใจเก่งมากๆ เทคแคร์กันสุดๆ ถึงจะชอบขี้เกียจทำรกเลอะเทอะ แต่ถ้าเห็นพี่ฟ่างกลับมาเหนื่อยๆ ก็มักจะคอยเอาใจอยู่ตลอด น่ารักสุดๆ อืม ผมเชื่อนะ เพราะผมพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วนี่นา พี่ชัชของผมน่ารักที่สุดจริงๆ ด้วย ก็... แสนดีขนาดนี้แล้วใครมันจะไม่หลงรักละครับ
     “ยิ้มอะไรน่ะต้น?”
     “เปล่าครับ”
     “ยังมาเปล่าอีก มองพี่แล้วยิ้มแปลกๆ เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับพี่เหรอ?”
     พี่ชัชพูดพลางวางจานข้าวให้ผม ผมยิ้มรับอย่างเดียวครับ ไม่กล้าบอกหรอก ว่านึกถึงตอนที่พี่ฟ่างนินทาพี่ชัชให้ผมฟัง
     “ทานข้าวกันเถอะครับ ท่าทางพี่ชัชยังเหลืองานอีกเยอะเลย ทานเสร็จแล้วจะได้ไปทำงานต่อ”
     “ก็ไม่ใช่งานอะไรหรอก นั่งอ่านอะไรนิดหน่อยน่ะ”
     “ก็เห็นพี่ชัชทำหน้าเครียดเชียว ผมก็นึกว่างานยุ่ง”
     “อืม พี่เครียด แต่ไม่ยุ่ง คืนนี้พี่ยิ่งว่าง”
     พี่ชัชพูดแล้วก็ยักคิ้วให้ผมซะงั้น หายนะมาเยือนผมแล้ว!
     “ไม่เอาครับ พรุ่งนี้ผมมีเรียนแต่เช้า”
     “ต้นใจร้ายอ่ะ ไม่สงสารผัวบ้างเหรอ ตั้งหลายวันแล้ว”
    “ทานนี่สิครับ ผมอุตส่าทอดไข่เจียวใส่ต้มหอมกับมะเขือเทศแบบที่พี่ชัชชอบให้”
     ผมเลี่ยงเกมอันตรายนี้ด้วยการตักกับข้าวใส่จานให้พี่ชัชแทน พี่ชัชยิ้มแล้วก็ส่ายหัวน้อยๆ ให้ผมก่อนจะบ่นพึมพัมพลางใช้ช้อนตัดกับข้าวในจานให้เป็นคำเล็กๆ
     “ทุกทีอ่ะ ต้นเอ้ย... ละเราก็เอาแต่ขุนพี่แบบนี้ ถ้าพี่อ้วนลงพุงก็รู้ไว้เลยนะ ความผิดเรา”
     “อย่ามาโทษอาหารของผมนะ โทษเบียร์ของพี่ชัชเลยโน่น!”
     มีความสุขจังเลยครับ ได้นั่งทานอาหารเย็นกับคนที่เรารัก มีกันและกันไปแบบนี้เรื่อยๆ ขอแค่มีพี่ชัชอยู่ข้างๆ กันตลอดไปผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว
     ตอนที่ผมระแคะระคายว่าแม่มีคนรัก ผมก็เคยคิดมากนะว่าแล้วตัวผมเองล่ะ? ถ้าแม่มีครอบครัวใหม่ ผมจะอยู่ตรงไหนในครอบครัวนั้น ในเมื่อผมกับแม่มีกันแค่สองคนมาตลอด ถึงแม่ผมจะทำงานไม่ค่อยได้กลับบ้านแต่ผมก็เฝ้ารอแม่กลับมาทุกวัน ผมรู้ว่าเมื่อแม่กลับมาแล้วเราจะมีกันและกัน แต่ถ้าครอบครัวของเรามีคนอื่นเข้ามา... แล้วผมล่ะ? จะกลายเป็นส่วนเกินหรือเปล่า? แล้วยิ่งถ้าเกิดผมมีน้อง... หรือต่อให้ผมอยู่กับแม่สองคนไปเรื่อยๆ ผมเองจะถูกทิ้งเมื่อไหร่? แม่จะเบื่อลูกชายที่เกิดจากความไม่ตั้งใจคนนี้มั้ย?
     ตอนนั้นผมกลัวสารพัด แต่คนที่ทำให้ผมยืนมองแม่สร้างครอบครัวอย่างมีความสุขได้ก็คือพี่ชัช เพราะพี่ชัชกลายมาเป็นครอบครัวของผม เรามีกันและกัน ยิ่งตอนที่พี่ชัชพาผมกลับบ้านนอก ให้ผมได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพี่เขา ทุกๆ คนต้อนรับผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของบ้านพรหมโพรจน์ พี่ชัชทำให้ผมรู้ว่าสายสัมพันธ์ในครอบครัวมันมีค่าแค่ไหน สอนผมให้รู้จักเปิดใจ ซึ่งถ้าผมไม่เจอพี่ชัชวันนั้น วันนี้ผมก็คงไม่มีความสุขขนาดนี้ พี่ชัชเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผมเลย
     “วันนี้พี่ยังไม่ได้แตะเบียร์ซักหยดเลยครับที่รัก”
     พี่ชัชเถียงผมกลับด้วยท่าทางยิ้มๆ เหมือนจะอวด ผมก็รู้นะ เพราะผมนับจำนวนกระป๋องในตู้เย็นไว้แล้ว มันยังไม่หายไปซักกระป๋องเลยครับ แปลว่าวันนี้แฟนผมยังไม่ได้ดื่ม น่ารักจริงๆ
     “งั้นก็ทำให้ได้แบบนี้ทุกวันนะครับ”
     “ได้คืบจะเอาศอกนะต้น ฮ่าๆ”
     แล้วเราก็นั่งทานอาหารเย็นกันแบบนั้นแหละครับ เถียงกันบ้าง ง้อกันบ้าง ท่ามกลางบรรยากาศธรรมดาในคอนโดที่ตกแต่งแบบเรียบๆ ไม่มีทั้งเทียนไขแล้วก็แจกันดอกไม้ แต่เป็นมื้ออาหารเรียบง่ายที่ผมมีความสุขที่สุด!
     หลังจากทานข้าวเสร็จ พี่ชัชก็กลับไปนั่งอ่านเอกสารที่อ่านค้างไว้ต่อ พอผมเก็บล้างจานชามเสร็จ ผมก็เลยหยิปแอปเปิ้ลในตู้เย็นออกมากะจะปอกให้พี่เขา ผมเดินไปนั่งข้างๆ พี่ชัชบนโซฟาแล้วลงมือปอกเปลือกแอปเปิ้ลออก แต่พอปอกเสร็จยังไม่ทันวางชิ้นแอปเปิ้ลลงในจาน แฟนผมที่นั่งอยู่ข้างๆ ดันยื่นหน้ามาอ้าปากรอซะแล้ว ผมก็เลยส่งแอปเปิ้ลชิ้นนั้นเข้าปากพี่ชัชไปก่อนจะเฉาะชิ้นอื่นๆ วางเรียงในจานให้ผีขี้เกียจ
     เพราะวันนี้ผมจัดการการบ้านของผมเสร็จหมดแล้วก็เลยไม่มีอะไรต้องทำอีก แถมไม่ได้เจอพี่ชัชมาตั้งหลายวัน ขอผมอยู่ข้างๆ พี่เขาหน่อยแล้วกันครับ ก็พี่ชัชบอกเองว่าพี่เขาไม่ได้ยุ่งมากนี่นา
     “อ่านอะไรอยู่เหรอครับ”
     “ก็พวกนโยบายกระทรวงแหละ”
     “นโยบายกระทรวงแล้วเกี่ยวอะไรกับพี่ครับ”
     ผมงงจริงๆ นะ พี่ชัชเป็นเซลล์ ก็แค่ขายยาให้โรงพยาบาล ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นซะหน่อย ถ้าพี่ชัชเป็นหมอก็ว่าไปอย่าง
     “เกี่ยวสิต้น เพราะลูกค้าพี่ต้องปฏิบัติตามนโยบายของกระทรวงไง”
     “แล้วมันทำไมเหรอครับ ผมเห็นพี่ชัชทำหน้าซะเครียดเชียว กฏกระทรวงมีผลกับยอดขายยาด้วยเหรอครับ?”
     คือ ผมก็เป็นห่วงแฟนผมนะ เพราะแฟนผมเป็นผู้แทน ถึงจะมีเงินเดือนประจำ แต่รายได้หลักๆ นั้นมาจากยอดขายครับ พี่ชัชเคยบอกผมแบบนั้น แปลว่าต้องขายให้ได้มากๆ ตอนแรกผมก็งงนะ ว่าขายยาเนี่ยนะ? มันมีขายให้ได้ยอดเยอะๆ ได้ด้วยเหรอ ยาไม่ใช่ขนมซักหน่อย พี่ชัชก็อธิบายให้ผมฟังว่า ขายให้ทางโรงพยาบาลครับ สั่งทีก็เป็นล็อตใหญ่ เพราะงั้นเม็ดเงินมันเลยมหาศาล เพราะวันๆ หนึ่งมีคนไข้ตั้งเยอะ
     “มีสิต้น เยอะด้วย เอาง่ายๆ ก็ยาบางตัวที่ถูกถอดออกจากบัญชียาหลัก คนไข้ก็ต้องจ่ายเพิ่ม หมอก็สั่งจ่ายน้อยลง พี่ก็ซวยไงครับ”
     “แต่ว่า ถ้าเราป่วยเราก็ต้องใช้ยาไม่ใช่เหรอครับ แล้วหมอจะไม่จ่ายยาได้ไง”
     พี่ชัชยิ้มให้ผมด้วยท่าทีที่ทำอย่างกับผมเป็นเด็กเลยครับ ผมพูดอะไรผิดไปรึไง?
     “มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกต้น เอาแค่ยาแก้ปวดอย่างพารา ยาบางตัวก็ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ถ้าต้นมีเงินต้นก็อยากได้ยาที่มีผลข้างเคียงน้อยกว่าใช่มั้ยล่ะ ต่อให้ต้นไม่มีเงินแต่เบิกได้ ต้นจะเลือกแบบไหนละครับ? ใครๆ ก็อยากได้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ยาแก้ปวดเหมือนกัน แต่ผลข้างเคียงไม่เหมือนกันนะต้น ไหนจะยังการออกฤทธิ์อีก”
     “อืม... แล้วถ้าเป็นแบบนั้นเราบอกหมอไม่ได้เหรอครับ? ว่าเราอยากได้ยาดีๆ”
     “ก็นั่นไงความซวยของพี่ ราคายาที่นำเข้ากับผลิตในประเทศมันต่างกันมาก ยาตัวไหนแพงๆ ก็โดนเด้งออกจากบัญชีหมด รัฐมันให้จ่ายได้แต่ยาโลคัล ยานอกโดนกีดกัน ไม่มีเหตุผลอันสมควรห้ามสั่งจ่าย คนไข้เบิกไม่ได้ หมอก็สั่งจ่ายลำบาก เพราะกรมบัญชีกลางคุมเข้ม แล้วพี่จะขายของได้ยังไงละครับ”
     แฟนผมหยิบแอปเปิ้ลส่งเข้าปากเคี้ยวด้วยท่าทางเซ็งๆ พลางเอนหลังลงพิงพนักโซฟา พี่ชัชดูหงุดหงิดมาก ผมจะช่วยอะไรพี่ชัชได้บ้างนะ
     “แล้วไอ้ยาราคาถูกที่พวกมันให้ใช้กันคุณภาพก็ไม่ได้ใกล้เคียงกันเล้ย คนไทยทุกวันนี้ไม่รู้ตัวหรอกว่าใช้ยาคุณภาพต่ำแค่ไหน!”
     พี่ชัชเริ่มใส่อารมณ์แล้วครับ ถึงผมจะไม่เข้าใจสิ่งที่พี่ชัชบ่นก็เถอะ แต่ถ้าพี่ชัชระบายออกมาแล้วสบายใจผมก็ยินดีฟังครับ ก็ผมช่วยอะไรงานพี่ชัชไม่ได้เลยนี่นา
     “นโยบายกระทรวงมันกดขี่หมอทุกทางเลยต้น แค่เรื่องบัญชียาพวกพี่ก็ทำงานกันลำบากแล้ว ยังมีเรื่องระเบียบของพวกหมออีก งานนี้พวกพี่ไม่รู้จะเข้าหาหมอกันทางไหนเลยว่ะ ยิ่งตอนนี้ผู้ใหญ่ในกระทรวงงัดข้อกัน จะออกหัวออกก้อยก็ไม่มีใครรู้ พวกพี่ก็ได้แต่ตามข่าวสารเตรียมตัวรอโดนเด้งกันเนี่ย เด็กใหม่หลายคนทำยอดไม่ถึงโดนออกไปก็เยอะ ไม่รู้จะถึงคิวพี่เมื่อไหร่”
     “อื้อ หนักขนาดนั้นเลยเหรอครับ? แต่พี่ชัชทำยอดได้เยอะจะตาย คงไม่...”
     “ก็อะไรๆ มันไม่แน่ไม่นอนไงต้น ทุกวันนี้พี่ทำงานลำบากชิบ!”
     พูดเป็นเล่นน่า! ถ้าพี่ชัชตกงานแล้วผมจะทำยังไงละครับ? อื้อไม่เอานะ ผมไม่อยากให้แฟนผมตกงาน คำพูดระบายปัญหาเรื่องการงานของพี่ชัชทำให้ผมรู้สึกวิตกมากจริงๆ ผมเลยพลอยทำหน้าเครียดไปกับพี่ชัชด้วย แต่แล้วพี่ชัชก็เผยรอยยิ้มออกมาแล้วถามผมด้วยน้ำเสียงกวนๆ
     “ถ้าพี่ตกงานแล้วต้นจะยังรักพี่อยู่ป่ะ?”
     น้ำเสียงที่ทะเล้นขึ้นแตกต่างกับตอนที่บ่นเมื่อตะกี้ทำให้ผมรู้ว่าสถานการณ์มันคงไม่หนักมากหรอกครับ ก็พี่ชัชยังมีอารมณ์มากวนผมอยู่เลย ผมก็เลยยิ้มออกมาแล้วตอบพี่ชัชว่า
     “รักสิครับ แต่พี่ชัชต้องรอผมอีกซักสองสามปีก่อนค่อยตกงานนะครับ ไว้ผมเรียนจบแล้วผมจะทำงานเลี้ยงพี่ชัชเอง”
     “ฮ่าๆ ทำเป็นพูดนะเรา รีบๆ เรียนตรีให้จบก่อนเถอะ แล้วพี่จะดูดิ๊ว่าอย่างเราน่ะ จะทำอะไรได้นอกจากเรียนต่อ”
     อ้าว! ทำไมแฟนผมพูดแบบนี้ล่ะ แบบนี้มันเหมือนหาว่าผมทำอะไรไม่เป็นเลยนี่นา เพราะผมหน้าบึ้งพี่ชัชก็เลยคว้าตัวผมไปกอด
     “พี่พูดจริงๆ นะ ถ้าต้นอยากเรียนต่อจนถึงระดับปริญญาเอก พี่ก็ไม่ห้าม ต่อให้เราอยากขอทุนไปเมืองนอก พี่ก็ไม่ว่าอะไรครับ พี่รู้นะว่าเราชอบดาราศาตร์ แต่พี่ยังคิดไม่ออกเลยว่าในเมืองไทยมันจะไปต่อได้ยังไง?”
     “ผม...”
     ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ เอาเข้าจริงมันยังไม่แน่ใจเลยว่า ถ้าผมเรียนจบมาแล้วนอกจากเป็นอาจารย์ผมจะทำอะไรได้ เพราะผมไม่ชอบพวกฟิสิกส์ประยุกต์มากเท่าไหร่ ผมชอบแต่พวกสายบริสุทธิ์ซะด้วยสิ ความจริงตอนที่ผมเลือกเรียนผมก็เลือกเพราะผมชอบวิชานี้ แต่ผมเองก็ไม่ได้สำรวจว่าทางไปของสายนี้มันไปทำอะไรต่อได้บ้าง? ยิ่งนึกถึงการฟาดฟันในสนามแรงงาน ผมจะทำได้เหรอ?
     “ต้นยังไม่ต้องคิดมากหรอกครับ หน้าที่ของต้นคือเรียน เรื่องอื่นๆ ไว้รอให้เราเรียนจบก่อนก็ได้ ยังไม่ต้องคิดหรอก แค่ทำที่เราทำอยู่ให้เต็มที่ก็พอ เพราะถ้าเราเก่งจริง เดี๋ยวอีกหน่อยก็มีคนเห็นแววเราเอง พี่น่ะตอนที่จบมาก็อยากรีบทำงานหาเงินเลยไม่ได้คิดเรื่องเรียนต่อ บางทียังมานั่งนึกเสียดายเลยนะ เห็นเด็กๆ รุ่นน้องมันไปลงโทกันได้วุฒิสนุกสนาน แถมเพราะพี่ไม่มีศักยภาพด้วย ไหนจะผ่อนบ้านผ่อนรถ ยุ่งจนหัวหมุนไม่มีเวลา แต่ต้นมีพร้อมนะ แฟนพี่เก่งจะตาย ต้นมีต้นทุนอยู่แล้ว มีโอกาสก็คว้าเอาไว้ก่อนเถอะครับ เพราะวุฒิพวกนี้มันก็ช่วยเปิดโอกาสให้เราได้จริงๆ ที่เหลือพี่จัดการเอง รับรองว่าพี่ไม่ยอมโดนบีบออกง่ายๆ หรอก ไม่งั้นไม่มีเงินเลี้ยงเมียแย่”
     พอได้ยินพี่ชัชพูดแบบนั้นผมก็ยิ้มออกมา จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไงละครับ ก็ผมสบายใจนี่นา พี่ชัชให้คำมั่นสัญญากับผมว่าจะดูแลผมตลอดไปไม่ทิ้งกัน อ๊ะๆ อย่ามองว่าผมงกหรือหวังจะเกาะพี่ชัชนะครับ แต่การที่มีคนมาพูดแบบนี้ด้วย เป็นใครจะไม่ดีใจล่ะ? คำพูดของพี่ชัชทำให้ผมรู้สึกว่าพี่เขาจะสนับสนุนผมให้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วก็จะอยู่ข้างๆ กันเป็นที่พึ่งคอยให้กำลังใจผมตลอดไป พี่ชัชดีกับผมที่สุดเลย!
     “รักพี่ชัชที่สุดเลยครับ!”
     แล้วพี่ชัชก็กอดผมก่อนจะจูบเบาๆ หลังจากนั้นก็ปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นห้องนั่งเล่น
     “ฮ่าๆ เดี๋ยวนี้ชักออเซาะพี่เก่งขึ้นนะเรา น่ารักแบบนี้พี่หลงตายเลยครับ”
     หาว่าผมอ้อน ก็แหม... อ้อนแฟนตัวเองไม่เห็นเป็นไรเลยครับ ที่จริงผมก็แค่รู้สึกดีมากๆ จนอยากบอกรักพี่ชัชก็แค่นั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจจะอ้อนอะไรเป็นพิเศษซะหน่อย พอถูกบอกว่าขี้อ้อนแบบนี้มันก็เขินนะครับเนี่ย
     ผมนั่งดูทีวีเป็นเพื่อนพี่ชัชที่นั่งอ่านอะไรของพี่เขาเพลินๆ ก็รู้สึกง่วงขึ้นมา เกือบสี่ทุ่มแล้ว ขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนดีกว่าครับ พี่ชัชพยักหน้าให้ผมไปนอนก่อนได้เลย ละก็บอกว่าอีกเดี๋ยวพออ่านเสร็จแล้วจะปิดไฟในห้องนั่งเล่นก่อนไปอาบน้ำนอนเอง ผมก็เลยหนีไปนอนได้อย่างสบายใจ ไว้เดี๋ยวพอพี่ชัชขึ้นเตียงมาค่อยกลิ้งมาซุกแผงอกอุ่นๆ ของแฟนผมก็ได้ครับ ตอนนี้ปล่อยให้สุดที่รักของผมบ้างานไปก่อนก็แล้วกัน

     ดังนั้นตอนเข้านอน พอพี่ชัชอาบน้ำเสร็จแล้วขึ้นมาบนเตียง ผมก็เลยเขยิบไปนอนใกล้ๆ พี่ชัช พี่ชัชเองก็ยิ้มเชียวครับ ผมสัมผัสรอยยิ้มของพี่ชัชได้อย่างชัดเจนจากน้ำเสียงอารมณ์ดี
     “ไหนคืนนี้บอกว่าไม่ไง?”
     “ก็ไม่ซักหน่อย ผมแค่อยากกอดแฟนผม นอนกอดกันเฉยๆ ไม่ได้เหรอครับ”
     “หืม ใจร้ายอ่ะ จะทรมานพี่รึไง กอดได้แต่ห้ามทำ”
     “งั้นผมไปก็ได้”
     ผมแกล้งทำเป็นจะพลิกตัวหนี
     “อ๊ะๆ พี่แซวนิดเดียว อย่างอนสิต้น มานี่มา มาให้พี่กอดหน่อย คิดถึงจังครับ ไม่ได้กอดเราตั้งหลายวัน”
     รู้อยู่แล้วล่ะครับ ว่ายังไงๆ พี่ชัชก็ชอบกอดผมนอนอยู่ดี พี่ชัชจูบหน้าผากผมด้วย ผมก็เลยขยับเข้าไปซุกพี่ชัชให้แนบชิดกันกว่าเดิม
     “อ้อนจริงวันนี้”
     “ก็คิดถึงพี่ชัชนี่ครับ”
     “พี่งานยุ่งแบบนี้ เบื่อรึเปล่า?”
     “ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจว่ามันเป็นงาน ทำใจตั้งแต่หลงรักพี่ชัชแล้วครับ”
     “ฮ่าๆ จริงๆ เล้ย... เดี๋ยวพี่ก็อดใจไม่ไหวจัดให้ซะหรอก”
     “อย่าเชียวนะครับ ถ้าตื่นละก็ผมหนีจริงๆ ด้วย”
     “คร้าบๆ ไม่ตื่นหรอก เหนื่อยจะตาย นอนเถอะต้น ง่วงแล้วว่ะ”
     “ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ชัช”
     “คร้าบ ฝันดีนะที่รักของพี่”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



แข็งใจไว้นะต้น พี่เปาเป็นคุนะ อย่าไปเห็นคุเป็นไอดอลน้า... พูดเล่นไปงั้น  :mew3: ตอนนี้น้องไปป์มีงอนเป็นลูกหมาหงอยเลย ฮ่าๆ ส่วนยักษ์บางคนก็เริ่มออกอาการ ชวนให้นึกถึงเด็กผู้ชายที่ชอบปากแข็งแกล้งคนที่ตัวเองชอบ
แต่ยังไงพี่ชัชก็มาวินล่ะนะ ฉากนี้แปลกเพราะแอบใส่สาระเรื่องยาลงไป เป็นผู้แทนมันเหนื่อยนะ เงินดีแต่ฟาดฟันกันแรงมาก พี่ชัชเลยดูเหนื่อยๆ แต่เฮียแกก็มีมุมที่ตั้งใจทำงานนะ ฮ่าๆ
ไม่รู้คนอ่านจะเห็นภาพชีวิตประจำวันของคู่รักคู่นี้มั้ย ฉากนี้เป็นแนว Slice of Life ล่ะ อยากแต่งนิยายที่มีบทชีวิตประจำวันอ่ะ คนรักที่คบกันไปนานๆ จะมานั่งหวานเวอร์ทุกวันมันก็นะ... เลยเขียนออกมาแบบนี้ แหะๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     “พี่ชัชครับ ตื่นเถอะครับ พี่ชัช ... จะหกโมงแล้วนะครับ”
     หือ... เสียงไอ้ต้น? ผมรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงไอ้ต้น เสียงผู้ชายที่ไม่ทุ้มไม่แหลมปลุกผมด้วยน้ำเสียงระอาอ่อนอกอ่อนใจ เสียงที่ผมได้ยินมาตลอดสองปี ...
     ถ้ามันบอกว่าจะหกโมงแปลว่าตีห้าครึ่ง ผมยังพลิกตัวตีลังกาหลับได้อีกสามรอบ เชื่อผมดิ
     “พี่ชัช... พี่ชัชอ่ะ!”
     นั่นไง พอมันปลุกผมไม่สำเร็จมันก็เดินหนีไปเตรียมอาหารเช้าชัวร์ๆ เพราะผมได้ยินเสียงมันเปิดประตูออกไปจากห้อง สบายผมล่ะ หมอนจ๋า ผ้าห่มจ๋า คิดถึงผ้าปูเตียงตัวเองที่ไอ้ต้นใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นโปรดของมันแบบนี้ชะมัดเลยครับ แล้วผ้าปูผืนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนกลิ่นเลยด้วยนับตั้งแต่ที่ฟ่างซื้อมันมา เพราะอะไรก็ไม่รู้แต่ต้นกับฟ่างส่วนใหญ่เลือกของใช้ในบ้านเหมือนกันเลยครับ เพราะแบบนั้นถึงฟ่างจะเลิกกับผมแล้วก็ไม่เป็นไร ผมยังมีต้นอยู่ทั้งคน ... ง่วงว่ะ ขอผมอีกห้านาที

     และแล้วผมก็ต้องแหกขี้ตาตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก ไอ้ต้นนะไอ้ต้น มันเล่นเซ็ทเวลาทิ้งไว้จนได้ เอาก็เอาวะ! ตื่นก็ตื่นครับ ที่จริงวันนี้ผมมีงานตอนสายๆ นะเนี่ย แต่เป็นธรรมเนียมครับ ถ้าวันไหนผมอยู่ส่วนมากผมมักจะไปส่งไอ้ต้นทุกเช้าที่สถานีรถไฟฟ้า คือ... อันที่จริงไอ้ตอนแรกๆ ก็ทำไปเพราะอยากเอาใจมันนั่นแหละครับ แต่หลังๆ ก็ทำเพราะมันเป็นหน้าที่ผมไปแล้ว ถามว่าเบื่อมั้ย? ผมไม่เบื่อหรอก ไปส่งแฟนผมจะเบื่อได้ยังไง แต่บางอารมณ์มันก็มีขี้เกียจกันบ้างแหละ เหมือนวันนี้อ่ะ ปวดหลังชิบเป๋ง! เพราะผมพึ่งกลับจากทริปไปตีกลอฟ์มา พวกหมอสูงอายุบางท่านโคตรชอบเลยครับ แต่ผมอ่ะโคตรเกลียดเลย ร้อนก็ร้อน ตากแดดเหงื่อไหลเป็นถังๆ แต่ผมก็ต้องทำ ผมต้องเล่นกลอฟ์ให้เป็นเพื่อเอนเตอร์เทนหมอ เวรเอ้ย! วันนี้ไม่อาบน้ำดีกว่าว่ะ เดี๋ยวค่อยอาบตอนก่อนผมออกไปทำงานก็ได้ รีบโผล่หน้าไปให้ไอ้ต้นมันเห็นก่อนดีกว่า
     “อ้าว พี่ชัช?”
     ต้นมันทำหน้างงๆ ต่อด้วยย่นคิ้วทันทีที่เห็นผมลากสังขารออกมาในชุดนอน
     “วันนี้พี่มีงานสายๆ น่ะครับ ไว้ค่อยอาบน้ำแต่งตัวก่อนออกไปก็ได้”
     ผมพูดพร้อมกับเดินไปหอมแก้มมันเพื่อพิสูจน์ให้มันได้กลิ่นว่าผมแปรงฟันแล้ว ไอ้ต้นโคตรขี้บ่นชะมัด ชอบด่าว่าผมซกมก พี่แค่ขี้เกียจเองน้องเอ้ย! ไม่ได้ซกมก
     “แล้วก็ไม่บอก ผมก็นึกว่าพี่ชัชออกเช้าตามปกติ เลยปลุก”
     นั่น! ความผิดผมอีก เฮ้อ...
     “โทษที พี่ลืมบอกเราเมื่อวาน พี่ก็มัวแต่ยุ่งๆ อยู่”
     “ช่างเถอะครับ ผมเองก็ผิดที่ไม่ได้ถามเอาไว้ ถ้าพี่ชัชไม่ไหวจะไปนอนต่อก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมไปเองได้”
     บ่นผมสองประโยคแล้วก็เอาใจผมในท้ายที่สุด อีแก่ขี้บ่นของพี่เอ้ย
     “พี่ตื่นแล้วครับ ให้พี่ไปส่งเรานะ อยากไปส่งแฟน”
     พอโดนผมหยอดเข้าไปไอ้ต้นก็หน้าแดง เสร็จผมล่ะ วิธีจัดการไอ้ต้นง่ายนิดเดียว หึ หึ
     “ถ้าพี่ชัชสะดวกก็แล้วแต่พี่ชัชเถอะครับ ว่าแต่วันนี้พี่ชัชจะกลับกี่โมงครับ?”
     “อืม คงกลับเร็วน่ะ แล้วต้นเรียนถึงกี่โมงล่ะ? เผื่อตอนเย็นพี่จะแวะไปรับ เราจะได้ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันไงครับ”
     “อื้อ อย่าเลยครับ วันศุกร์แบบนี้ในเมืองรถติดเปล่าๆ”
     ไอ้ต้นไม่ชอบให้ผมไปรับที่มหาวิทยาลัย มันจะกลัวอะไรของมัน คนอื่นก็รู้กันหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? เมียผมนี่ความลับเยอะจริงๆ อย่าบอกนะว่าเย็นนี้มันมีนัดกับไอ้เด็กเวรนั่นก่อนกลับบ้าน
     “ถ้าจะไปทานข้าวกัน ไว้เป็นพรุ่งนี้ดีกว่าครับ ผมจะได้ไปซื้อของเข้าบ้านด้วย ของในบ้านหมดหลายอย่าง วันนี้เราทานอะไรง่ายๆ ไปอีกมื้อก่อนก็แล้วกันครับ ในตู้เย็นยังเหลือของสดอยู่นิดหน่อย แล้วไม่แน่วันนี้ผมก็อาจจะต้องอยู่เย็นด้วย”
     “หือ? ทำไมเหรอครับ”
     “ก็ติวหนังสือกับเพื่อนนั่นแหละครับ”
     อ๋อ อยู่กับเพื่อนที่คณะ ถ้าเป็นเพื่อนที่คณะผมก็พอวางใจได้ล่ะ เท่าที่ผมดูยังไม่มีใครที่คิดจะตีท้ายครัวผมแบบจริงๆ จังๆ เหมือนไอ้เด็กเวรนั่น
     “เหนื่อยแย่เลยเรา ไม่อยากให้พี่ไปรับจริงอ่ะ”
     ผมแกล้งแหย่ต้นมันไปงั้นแหละ แต่ที่ไหนได้ ผมโดนไอ้ต้นตอบกลับซะผมหลงเลย
     “อยากสิครับ แต่เกรงใจ พี่ชัชทำงานเหนื่อยจะตาย ผมไม่อยากเอาแต่ใจแล้วสร้างภาระให้พี่ชัชต้องเหนื่อยเพราะผมอีก”
     “ภาระที่ไหนกัน พี่เต็มใจ พี่เคยบอกแล้วไงว่าต้นไม่ใช่ภาระของพี่นะครับ”
     พอได้ยินคำพูดของผมแล้วมันก็ยิ้ม อมยิ้มนิดๆ หน้าแดงหน่อยๆ พลางจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาอ่อนโยนที่แม้แต่คนตาบอดยังดูออกว่ามันทั้งรักทั้งหลงผมขนาดหนัก มีเมียน่ารักขนาดนี้ผมจะไม่ปลื้มได้ยังไง รักมันที่สุดเลยครับ ไอ้เด็กเลี้ยงแกะของผมเอ้ย!
     ผมยังไม่ค่อยหิวก็เลยซัดแต่กาแฟไปแก้วเดียว ส่วนไอ้ต้นก็ลงมือทานมื้อเช้าของมัน พอเสร็จผมก็คว้ากุญแจเดินกอดคอมันลงไปที่รถ ทักทายเพื่อนบ้านคุ้นหน้าบางคนที่เหมือนจะเคยคุยกัน คนแม่งเยอะจะตายผมจำไม่ได้หรอก เพื่อนบ้านทักผม ผมจำไม่ได้ แต่ไอ้ต้นเสือกจำได้ ไอ้นี่ความจำดีสุดๆ ไปเลยครับ หรือเป็นเพราะว่าผมเริ่มแก่วะ? เลยจำหน้าป้าแกไม่ได้ ช่างเถอะ อานิสงส์ความอัธยาศัยดีของฟ่างเขาล่ะ ไม่เกี่ยวกับผม ผมขี้เกียจตอบคำถามใครๆ ด้วยว่าฟ่างไปไหน ทำไมถึงเลิกกัน แล้วทำไมต้นถึงมาอยู่กับผมแทน ผมกับต้นเป็นอะไรกัน ผมไม่ได้อายใครหรอกนะ แต่เชื่อเถอะว่าคุณไม่อยากตกเป็นหัวข้อนินทาให้เพื่อนบ้านหรอกครับ ทักทายกันแต่พอเหมาะเว้นระยะกันบ้างเถอะ ต่อหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทักทายแต่ไม่รู้ลับหลังจะเอาผมกับไอ้ต้นไปนินทาเสียๆ หายๆ ขนาดไหน ไอ้ผมอ่ะไม่ใส่ใจหรอก ชินแล้ว แต่ผมไม่อยากให้ต้นมันคิดมาก กลัวมันเสียใจ
     โชคดีที่รถไม่ติด ผมเลยไปส่งไอ้ต้นได้ก่อนเจ็ดโมง ขยันจริงๆ เมียพี่ ทำไมต้องรีบไปขนาดนั้นทุกเช้าก็ไม่รู้ ผิดกับผมอ่ะ สมัยผมเรียนกฏหมายของมึนเมาไม่เคร่งครัดมาก เมาแม่งทุกวัน หลับแม่งทุกคาบ ลอกเลคเชอร์ตลอด แล้วค่อยไปเร่งสปีดตัวเองเอาตอนใกล้สอบ พึ่งมาแก้นิสัยเอาได้ตอนทำงานนี่แหละครับ แต่ก็ล้มลุกคลุกคลานอยู่เป็นปีกว่าจะเริ่มเข้าที่
     แม่งตอนเป็นผู้แทนปีแรกๆ แล้วต้องไปรีมายด์ยาให้หมอฟังนี่ดิ เจอหมอบางคนกวนตีนสวนกลับ ผมโคตรโมโห แต่ตอนนั้นก็ต้องยิ้มแหละ แล้วยอมรับว่าเราพลาดเองจริงๆ ไอ้เราก็อุตส่านั่งเตรียมข้อมูลของเราซะดิบดี ยาบริษัทผมมีดีอะไรผมตอบได้หมด ผลข้างเคียง อาการแพ้ การทดลองใช้ในกลุ่มตัวอย่าง การออกฤทธิ์ ชิบหาย! หมอเสือกถามว่า “แล้วถ้าเทียบกับยาของบริษัทคู่แข่ง ยาของคุณดีกว่ายังไง” แม่งเอ้ย ใครจะไปรู้วะ! ผมเลยได้แต่ยิ้มๆ กะว่ายิ้มเท่านั้นเพื่อเอาตัวรอด หมอเสือกเล่นผมอีก “ในเมื่อคุณไม่รู้สรรพคุณยาของคู่แข่ง มั่นใจได้อย่างไรว่ายาคุณเจ๋งที่สุด”
     อย่าคิดว่าพวกเรียนหมอมีแต่เนิร์ดๆ เชียวนะครับ อย่างผมก็เอ็นท์ติดมาแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องคงไม่ต้องออกหรอก พวกหมอก็คนธรรมดาๆ นี่แหละ ไอ้ที่โคตรกวนตีนก็มี ที่เหี้ยๆ ก็เยอะ แต่งานของผมคือต้องเล็งทาเก็จมาที่คนพวกนี้นี่แหละ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนยังไง ถ้ามีโอกาสทำยอดได้ ผมถือว่าเป็นทรัพยากรที่ผมต้องถลุงออกมาใช้ให้ได้
     ต้องขอบคุณอาจารย์หมอท่านนั้นจริงๆ นั่นแหละ เพราะเจอเคี่ยวเข็ญตรากตรำมาอย่างโหดหิน ผมถึงได้แกร่งขึ้นขนาดนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนคุ้นหน้ากันตอนผมสอบติดแพทย์นั่นแหละ แถมยังเป็นพ่อไอ้พี่หมอเอกด้วย เพราะผมขาดสอบไปหลายตัวโดยไม่มีเหตุอันควรก็เลยเด้งครับ ทั้งๆ ที่สาเหตุมาจากลูกแกแท้ๆ พอแกเห็นหน้าผมอีกทีตอนเป็นผู้แทน แกเลยเล่นผมซะยับ! ผมต้องลำบากแทบตายกว่าแกจะยอมรับผม
     เรื่องนี้พูดแล้วก็ต้องเล่ากันยาว ถ้าเอาสั้นๆ ก็คือตอนปีสอง ผมกับไอ้เอกที่เป็นรุ่นพี่ผมสองปีเจอกันแล้วถูกคอ เลยมีบ้างที่ชวนกันไปกินไปดื่ม เพราะแก๊งเที่ยวมันมีไม่เยอะ ไอ้เอกนี่ก็เสือกผ่าเหล่าพวกเรียนหมอเยอะพอสมควร วันนั้นมันชวนผมไปดื่มแล้วเสือกไปมีเรื่องกับชาวบ้าน ก็เมานั่นแหละครับ คนเมาจะเอาอะไรมาก ผมอุตส่าเข้าไปช่วยแต่ก็โดนซัดจนน่วม แต่ผมไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนอยู่ฝ่ายเดียวหรอก ฝั่งนั้นก็ได้เลือดกันไปเยอะพอกัน ไอ้เอกนี่ก็ทั้งดื่มทั้งเที่ยวเจ้าชู้ขี้หลีบ้าหญิงแต่เสือกเตะต่อยกับใครไม่เป็น บู๊ไม่เป็นแล้วเสือกซ่า
     พอตำรวจมาดิ ทีนี้แหละซวยทั้งแก๊ง ใครหนีได้ก็หนี แต่คนที่หนีไม่ทันคือผมกับไอ้เอก ฝั่งนั้นแม่งเอาเรื่องจะเอาผมกับไอ้เอกเข้าคุก ผมโคตรกลัวเลย ถ้าเรื่องรู้ถึงหูมหาวิทยาลัยพวกผมซวยแน่ เลยแกล้งทำเป็นเมาครับ โชคดีสอบพยานแล้วก็คือวัยรุ่นตีกัน ผมก็น่วมคู่อริก็น่วมแยกไม่ออกใครทำใครก่อน แถมคู่อริเป็นขาประจำด้วย ตำรวจก็ระอาขี้เกียจทำคดี พวกผมเลยยอมนอนคุกครับ พอสร่างๆ จ่าแกก็ไกล่เกลี่ยแล้วให้ยอมๆ กันไป ไอ้ฝังนั้นมันก็ยอมเพราะเป็นขาประจำคุก คนเมาคือๆ กัน หาเช้ากินค่ำไม่มีเงินดำเนินเรื่องเอาพวกผมเข้าตารางหรอก
     พวกผมเลยรอดมาง่ายๆ แลกกับการนอนคุกหนึ่งคืน แต่ก็ดีกว่ามีความผิดแล้วรู้ถึงหูมหาลัยโดนไล่ออกครับ จะซวยกว่าเดิม ผลก็คือผมขาดสอบ ไอ้เอกขาดงาน โดนกันทั้งคู่ แต่ของผมนี่ร้ายแรงกว่า เพราะอาจารย์เฮี๊ยบ และผมตอบไม่ได้ว่าขาดสอบเพราะอะไร เนื่องจากนิสัยผมมันก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเกเรขนาดไหน แกเห็นหน้าเยินๆ ของผมก็รู้แล้วล่ะ เลยต้องออกเพราะขาดสอบ ผมเลยบอกใครต่อใครว่าเกรดไม่ถึงครับ ดีกว่าปล่อยให้โดนโทษทางวินัยแล้วโดนออก ถ้าเป็นแบบนั้นผมจบเห่แน่ๆ ก็ยังดีที่ผมยังได้เอ็นท์ใหม่แบบไม่มีชนัฎติดหลัง พูดแล้วรู้สึกตัวเองชั่วจริงๆ เสียเวลาไปตั้งสองปี ยังดีนะครับยุคนั้นยังมีระบบสอบเทียบ แล้วผมก็เรียนเร็วอยู่แล้ว พอมาเรียนปีหนึ่งใหม่เลยไม่ห่างกันมากกับเพื่อนในรุ่น
     เพราะงั้นตอนที่ผมเข้าเภสัชได้ผมเลยเพลาๆ เรื่องเที่ยวลงไปเยอะ ถึงจะดื่มแต่ก็ไม่ค่อยลุยครับ ส่วนมากไปเสียเรื่องกับหญิงมากกว่า ตอนเรียนหมอมันมีไม่เยอะ แต่พอเข้าเภสัชได้แต่ละคนแจ่มๆ ทั้งน้าน ผมเลยเปลี่ยนมาหลีหญิงแทน ก็เลยยังพอมีคนดึงๆ ผมไว้ได้บ้าง ส่วนแฟนคนแรกที่ผมได้ตอนเข้าไปเรียนที่นั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ยัยน้ำตาลนี่แหละ
     ก็ทำไงได้ ในบรรดาเด็กคณะเดียวกันทั้งหมดแล้วน้ำตาลสวยสะดุดตาที่สุดนี่หว่า ผมเลยอดไม่ได้ที่จะชอบ มองกันไปมองกันมาน้ำตาลก็รู้แหละว่าผมปิ๊ง ในเมื่อสาวเขาไม่ขัดผมก็เดินหน้าจีบเต็มตัวสิ แล้วยัยน้ำตาลก็เสร็จผม พูดให้เหี้ยหน่อยคือผมเป็นคนแรกของน้ำตาล ตอนนั้นผมก็รักของผมนะ โคตรรักโคตรหลง แต่ผมผิดเองที่เจ้าชู้ ก็ยอมรับนะว่าคุยไปเรื่อยหลายคนอยู่ หว่านสเน่ห์ตามสันดานมนุษย์ผู้ชายที่รู้ว่าตัวเองมีดีนั่นแหละครับ หลังๆ เราเลยทะเลาะกันบ่อย
     แล้วไอ้ผมเองมันก็พวกเจ้าชู้แต่ใครแตะของกูไม่ได้ เป็นมนุษย์ขี้หึง น้ำตาลเองก็น่ารัก ไม่สิ อย่างยัยนี่เรียกว่าสวยดีกว่าครับ มันก็เป็นธรรมดาที่จะมีคนมาจีบเยอะ ลงท้ายพอผมหงุดหงิดมากๆ แต่ก็ไม่ยอมทิ้งสันดานหลีไปเรื่อยของตัวเอง น้ำตาลก็เลยประชดขอเลิกผม แต่ตอนนั้นผมแม่งโง่เอง คิดว่าเธอแค่พูดเล่น เดี๋ยวพอห่างกันซักพักอารมณ์เย็นลงเธอคงกลับมาเอง เธอกลับมาหาผมจริงๆ นะ แต่กลับมาตอนมีปัญหากับแฟนคนใหม่ เข้าทำนองหนีจากแฟนใหม่มานั่งร้องไห้กับแฟนเก่านั่นแหละ ผมโคตรเฮิร์ทเลย
     หลังจากเลิกกับผม น้ำตาลก็คบกับรุ่นพี่คณะอื่นที่มาจีบเธอทันที รวย หล่อ มีรถขับ อย่างหรู ผิดกับผม ตอนนั้นผมยังคิดโทษน้ำตาลเลยว่าที่เลิกกันนี่สงสัยอยากได้ผัวใหม่รวยกว่าเก่า ผมไม่ได้ใส่ใจเธอสักนิดว่าเธอทำไปเพราะประชดผม จนเธอโดนไอ้เหี้ยนั่นฟันจนหนำใจแล้วเขี่ยทิ้งนั่นแหละ เธอถึงได้มาหาผมถึงห้อง ร้องไห้กับผมทั้งคืน บอกว่ามีแต่ผมที่ดีกับเธอที่สุด แล้วผมก็เหี้ยพอที่จะนอนกับแฟนเก่าเพราะอารมณ์พาไปด้วย ศักดิ์ศรีของผมมันบอกให้ผมปลอบเธอ แต่ห้ามไม่ให้ผมกลับไปรักเธอ ผมดีกับเธอเหมือนเมื่อตอนเป็นแฟนกัน แต่ถ้าใครถามผมก็จะบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่สนิทกันตามปกติเนื่องจากโสดแล้วทั้งคู่ เพราะแต่เดิมผมกับน้ำตาลก็สนิทกันตั้งแต่ก่อนเป็นแฟนกันแล้ว
     ผมยอมรับว่าผมเจ็บนะ ถึงผมจะเจ้าชู้ขี้หลีคุยเจ๊าะแจ๊ะกับสาว แต่เอาจริงๆ ผมไม่เคยไปทำอะไรกับคนอื่น แม้แต่ตอนที่เลิกกันแล้วผมก็ยังรอ รอโง่ๆ ไปงั้นแล้วก็ฝันสลายเพราะน้ำตาลมีคนใหม่ทั้งกายและใจเรียบร้อยแล้ว น้ำตาลกลับนอนกับคนอื่นง่ายๆ ทันทีที่เลิกกับผม ถึงจะบอกว่าประชดผมก็เถอะ ผมทำผิดมากถึงขั้นที่ต้องประชดกันขนาดนั้นเลยเหรอ? ผมวางตัวเป็นเพื่อนที่แสนดี ทำดีกับอดีตแฟนเหมือนเดิม ดียิ่งกว่าตอนที่เคยเป็นแฟนกัน เทคแคร์แต่ไม่ได้รัก ระหว่างนั้นก็จีบสาวไปเรื่อย ฟันหญิงตามโอกาส คบบ้างไม่คบบ้าง แล้วก็ยังนอนกับน้ำตาลบางครั้ง
     จนกระทั่งน้ำตาลทนไม่ไหวนั่นแหละ เธอระเบิดออกมา เธอร้องไห้โวยวายเพราะคิดว่าซักวันผมกับเธอจะกลับไปคบกันเหมือนเดิม แต่ผมกลับทำตัวเหมือนไม่แคร์ความรู้สึกเธอเลย ถ้าไม่รักแล้วผมให้ความหวังเธอทำไม ผมเลยบอกเธอว่าผมรักเธอจนกระทั่งวันที่เธอนอนกับแฟนใหม่นั่นแหละ แล้วบอกเธอว่าอันที่จริงผมไม่เคยมีคนอื่น แต่เธอก็เถียงว่าคำว่าไม่มีคนอื่นของผมก็แค่ทางร่างกาย เพราะผมแสดงออกไปทั่ว ผมคุยเล่นให้ความสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นๆ แม้แต่บางคนที่รู้กันอยู่ว่าแอบชอบผม ผมก็ไม่ยอมปฏิเสธให้เด็ดขาด ทั้งๆ ที่ผมคบกับน้ำตาลอยู่แล้ว ซึ่งเธอทนไม่ได้จนประชดผม ตอนนั้นผมก็คิดเข้าข้างตัวเองนะว่าผู้ชายที่ไหนจะไม่เจ้าชู้วะ? ขอแค่ไม่นอกใจนอกกายก็พอแล้วนี่หว่า เลยบอกปัดไปว่าก็คิดว่าคงไปกันไม่รอดเพราะนิสัยของเราทั้งคู่ ผมเลยไม่คิดจะกลับไปคบกันเธออีก น้ำตาลยืนน้ำตาไหลถามผมว่าแล้วผมนอนกับเธอทำไม ผมก็ตอบเธอไปง่ายๆ ว่าเพราะเธอไม่ปฏิเสธผมเอง เธอตบผมซะแรงจนผมหน้าหัน
     ไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้ผมก็คิดว่าสมควรแล้วล่ะที่ผมจะโดนแบบนั้น ผมรู้ตัวดีว่าผมมันเลว แต่ตอนนั้นผมแค้นเกินกว่าที่จะมีสติ ผมเลยเผลอทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งไป น้ำตาลไม่ยอมมองหน้าผมเลยด้วยซ้ำ เราห่างๆ กันไป จนตอนปีสี่โน่นแหละ ที่ยัยนี่มีแฟนใหม่ พอเรียนจบก็แต่งงานกันทันที เพราะฝ่ายชายมีฐานะอยู่แล้ว แต่ได้ข่าวว่าแต่งกันได้ไม่นานก็ต้องหย่า เพราะพ่อแม่ผู้ชายไม่ปลื้มลูกสะใภ้มีราคี ผมไม่เคยพูดเรื่องระหว่างผมกับน้ำตาลหรอก ถึงผมจะคิดว่ากลุ่มเพื่อนสนิทของพวกเรารู้ แต่ก็ไม่มีใครพูด ปัญหาน่าจะมาจากทางไอ้รุ่นพี่เฮงซวยนั่น ตอนที่ผมได้ข่าวผมเสียใจนะ ผมเองก็ทำงานได้ซักพักแล้ว เห็นโลกเยอะขึ้น เลยอาจจะใจเย็นขึ้นบ้าง ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าวันนั้นผมไปง้อน้ำตาลก่อนที่เธอจะตกลงคบกับไอ้ชั่วนั่น เธอคงไม่เจอกับเรื่องแย่ๆ แบบนี้
     แต่ตอนที่เจอกันอีกที น้ำตาลกลายเป็นเพื่อนร่วมอาชีพผมซะแล้ว ผมเองก็ทำงานได้หลายปีแล้วเช่นกัน สาวสวยที่ผมเคยคบด้วยเปลี่ยนไปเป็นสาวเปรี้ยวพราวเสน่ห์ ผมยอมรับเลยนะว่าชอบยิ่งกว่าเดิมอีก เห็นแล้วสเป็กสุดๆ แต่ไม่รู้ทำไม เวลาผมเห็นเธอยิ้ม เวลาที่เราคุยกัน ผมสัมผัสได้ถึงความเจนโลกจากแววตาด้านชานั่น เป็นผลงานความเฮงซวยของผมรึเปล่า? ตอนที่เราเจอกัน เราต่างคนต่างปฏิบัติต่อกันในฐานะคนรู้จักในหน้าที่การงาน ไม่มีใครรื้อฟื้นอะไร เจอบ้างไม่เจอบ้างตามโอกาส ได้ข่าวกันบ้างไม่ได้ข่าวบ้างเพราะแทบไม่ได้ติดต่อกัน เพราะผมเองก็กำลังจีบฟ่างอยู่
     ข้าวฟ่างเป็นผู้แทนเหมือนผม ความสดใสน่ารักช่างอ้อนของเธอทำให้ผมรู้สึกดี แม้แม่คุณจะชอบวีนแตกไปบ้างแต่ก็มีบางอย่างที่ทำให้ผมเลือกเธอมาเป็นแม่ของลูก แต่ผมก็ดูแลฟ่างได้ไม่ดีพออีกนั่นแหละ รายนี้ไม่ได้งอนผม แต่เธอเบื่อผม ฟ่างเข้าใจหน้าที่การงานผม ให้อภัยเรื่องความเจ้าชู้ แต่ดันมีปัญหากับนิสัยอย่างอื่นของผมแทน หาว่าผมไม่ดีพอ อยู่ด้วยแล้วไม่มีอนาคต เราเข้ากันไม่ได้หลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องครอบครัวผม ฟ่างไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องรับภาระพี่คนอื่นมาใส่บ่าตัวเอง ทนไม่ได้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนอย่างผม ทั้งๆ ที่ผมก็โคตรพยายามปรับตัวเพื่อเธอแล้ว ทำไมผู้หญิงแม่งชอบทิ้งผมจังวะ? โชคดีที่ผมได้เจอกับไอ้ต้น หวังว่ามันจะไม่ทิ้งผมไปอีกคนนะครับ
     แต่ตอนนี้ เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง ผมได้ใกล้ชิดกับน้ำตาลอีกครั้ง ผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ผมเจ็บจนเจียนตาย แต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกำลังมีปัญหากับสามีที่ไม่ได้จดทะเบียน และก็ต้องเลี้ยงดูลูกสาวตัวเล็กๆ ตามลำพัง ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนเก่าหรือแฟนเก่าผมอดหวั่นไหวไม่ได้นะ คือ... ผมยอมรับนะว่าเป็นห่วงน้ำตาล ผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำนี่ ยิ่งคิดถึงความชั่วของตัวเองที่เคยทำไว้กับน้ำตาล ผมอดไม่ได้ที่จะ... อยากชดใช้ความผิดของตัวเองมั้งครับ
     วงการสาธารณสุขกำลังมีปัญหา บริษัทยาข้ามชาติอย่างพวกผมกำลังลำบาก น้ำตาลฉลาดในการเข้าหาพวกเฒ่าหัวงูทั้งหลาย รวมไปถึงความเป๊ะในด้านข้อมูลเพราะทำงานมาหลายที่ เธอถีบมูลค่าตัวเองเก่งครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าบริษัทผมเสนอผลตอบแทนให้เธอมากขนาดเธอยอมออกจากที่เก่าเลยรึไง นั่นก็บริษัทยักษ์ใหญ่ติดอันดับหนึ่งในห้าของโลกเหมือนบริษัทผมไม่ใช่เหรอ
     ผมรู้เรื่องเธอตอนกลับมาจากไปเที่ยวทะเลกับไอ้ต้น ยอมรับว่าผมอึ้งพอสมควรนะที่รู้ว่าเราได้ทำงานด้วยกัน วันที่เราได้โอกาสคุยกันจริงๆ จังๆ เธอเล่าให้ผมฟังหมดทุกอย่าง ผู้หญิงตรงหน้าผมไม่ใช่สาวเปรี้ยวก๋ากั่นอีกต่อไป เธอกลับไปเป็นเหมือนสาวน้อยคนนั้นที่ผมเคยจีบตอนปีหนึ่ง
     เป็นธรรมดาแหละครับเวลามีเพื่อนร่วมงานใหม่มา พวกเราก็ไปสังสรรค์กันระหว่างเพื่อนร่วมงาน ผมเกรงใจไอ้ต้นเลยไม่ค่อยดื่ม แต่น้ำตาลกับคนอื่นๆ ดื่มจนเมาแอ๋ พวกเราแยกย้ายกันในที่สุด แต่ผมอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเธอ เลยบอกให้ไปเปิดห้องนอนพักให้สร่าง แต่เธอยืนยันว่าเธอจะกลับบ้านผมเลยอาสาขับไปส่งเธอ ระหว่างที่ผมขับรถของน้ำตาลเพื่อพาเธอกลับบ้าน เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันนอกจากเรื่องงาน เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ นินทาหมอนิดหน่อย แต่พอถึงบ้าน ตอนที่รถกำลังจะจอด เธอกลับพยายามเรียกสติแล้วทำท่าเข้มแข็งขึ้นมา ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าจู่ๆ ยัยนี่เกิดเป็นอะไรขึ้นมา จนผมเข้าไปนั่งรอแท็กซี่ในบ้านเธอนั่นแหละ เธอพาผมไปดูเจ้าหญิงของเธอ เด็กผู้หญิงราวๆ ห้าขวบหลับอยู่บนเตียง พอสาวน้อยเธอได้ยินเสียงเธอก็งัวเงียตื่นขึ้นแล้วพยายามลุกมาหาคุณแม่ของเธอ ผมรู้สึกจุกยังไงก็ไม่รู้ มันบอกไม่ถูกครับ
     พอเราส่งน้องน้ำหวานเข้านอน แล้วลงมานั่งรอรถแท็กซี่ข้างล่าง เพราะผมขับรถเธอกลับมาแต่ยังจอดรถตัวเองไว้ที่ร้าน ผมก็เลยต้องเรียกแท็กซี่กลับไปเอารถก่อน ตอนที่เธอนั่งรอรถเป็นเพื่อนผม น้ำตาลก็เริ่มเล่าเรื่องของตัวเองให้ผมฟัง เธอกำลังเจอกับปัญหาหนักในชีวิต ลูกของเธอไม่มีพ่อเพราะเธอกับแฟนไม่ได้จดทะเบียนกัน ถึงจะเซ็นรับรองบุตรแล้วช่วยค่าเลี้ยงดู แต่เงินไม่กี่พันมันก็ไม่พอหรอกในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เด็กต้องเข้าโรงเรียน ต้องกินต้องใช้ เธอเองก็ต้องทำงาน บางทีอยู่ถึงดึกดื่น ค่าดูแลบุตรที่ได้ก็กลายเป็นค่าพี่เลี้ยงไปเสียหมด แถมไอ้เวรนั่นยังชอบทำให้เธอกับลูกเสียใจ เวลาที่ทะเลาะกันมันชอบพูดกระทบกระเทียบว่าเด็กอาจจะไม่ใช่ลูกของมัน เธอกับมันแต่งงานกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนเพราะเหตุผลทางธุรกิจของฝ่ายชาย พอฝ่ายนั้นไปมีคนอื่นแล้วจดทะเบียนกันเธอเลยเรียกร้องอะไรไม่ได้ แต่ได้ให้มันรับผิดชอบลูกตามหน้าที่พ่อ แต่มันก็อ้างปัญหาทางธุรกิจจนพักหลังๆ แทบจะไม่ส่งค่าเลี้ยงดู บางทีก็หายไปสองสามเดือน น้ำตาลต้องปากกัดตีนถีบเลี้ยงลูกตามลำพัง ผมทำให้ชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายรึเปล่า?
     ตอนที่นั่งแท็กซี่กลับผมคิดมาตลอดทางว่าถ้าตอนนั้นผมรักน้ำตาลทะนุถนอมน้ำตาลให้ดีกว่านั้น ไม่ใจร้อนไวไฟ น้ำตาลก็คงจะเห็นคุณค่าในตัวเองมากกว่านี้ ไม่กลายมาเป็นผู้หญิงที่ไม่หวงแหนร่างกายตัวเองแบบนี้ หรือถ้าวันนั้นผมรู้จักเอาใจใส่เธอ ตามไปง้อเธอ เธอก็อาจจะไม่ต้องไปเจอไอ้รุ่นพี่เฮงซวยนั่น หรืออย่างสุดท้ายถ้าวันนั้นผมยอมละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง กลับไปคบกับเธอหรือจบกันด้วยดี บางทีเธออาจจะไม่ต้องเจออะไรแย่ๆ จนกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ผมเป็นคนทำลายเธอเอง
     วันนั้นผมหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ผมขับรถกลับมาถึงคอนโดได้อย่างปลอดภัยโดยไม่รู้ตัวเพราะความคิดยุ่งเหยิงในหัว แม้แต่ตอนที่ผมอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วคลานขึ้นเตียงไปกอดไอ้ต้น ผมก็ยังอดคิดเรื่องของน้ำตาลไม่ได้ ผมสงสารเพื่อน สงสารเด็ก ผมรู้สึกผิด ผมนอนคิดถึงน้ำตาลทั้งคืน
     หลังจากนั้นบางทีที่ผมเสร็จงานเร็ว ผมก็มีโอกาสไปเล่นกับหลานบ้าง น้องน้ำหวานเป็นเด็กน่ารักมากครับ แค่เห็นแก้มยุ้ยๆ นั่นผมก็ใจละลายแล้ว น้ำตาลชวนผมไปเล่นกับลูกเธอบ่อยๆ ผมเองก็เข้าใจ เพราะวันแรกๆ ที่ผมไปน้องน้ำหวานไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ผม แต่หลังๆ แกก็ติดผมแจ น้ำตาลบอกว่าน้ำหวานคิดถึงพ่อ ผมก็รู้นะ เพราะคำพูดที่เด็กมักจะพูดกับผมบ่อยๆ ก็คือคำพูดทำนองว่าอยากให้พ่อตัวเองใจดีเหมือนผม “หนูอยากให้คุณพ่อพาหนูไปเที่ยวแบบนี้บ้างจัง” ผมได้แต่อึ้งเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าเด็กคนนี้โตมาด้วยความโหดร้ายเย็นชาจากพ่อแท้ๆ ของตัวเองขนาดไหน
     นอกจากเรื่องงานแล้วน้ำตาลไม่เคยพูดอะไรกับผม รวมทั้งเรื่องของเรา เราเป็นเพื่อนร่วมงาน ผมเป็นคุณลุงของลูกเธอ แต่ยิ่งได้เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ผมเคยรักต้องยืนหยัดอย่างเข้มแข็งจำเป็นต้องแกร่งเพื่อฝ่าฟันทำงานเพื่อเลี้ยงดูลูกตามลำพังแล้วหัวใจผมมันก็เจ็บจี๊ดยังไงไม่รู้ ผมเขวไปพอสมควร มันเป็นความรู้สึกกลัดกลุ้มบางอย่างที่กัดกินในใจผม ไอหมอกแห่งความสำนึกผิดครอบคลุมผมอยู่จนน่าอึดอัด แต่คนที่ทำให้บรรยากาศแย่ๆ พวกนั้นสลายไปก็คือต้น
     ต้นน้ำให้ผมสบายใจได้อีกครั้งด้วยความรักของมัน ถึงผมจะเคยเหี้ยยังไงก็ตาม แต่ตอนนี้ผมมีต้นแล้ว ต้นมันรักคนเหี้ยๆ อย่างผม ที่สำคัญ ต้นเคยให้อภัยความเลวร้ายของผมมาแล้วครั้งหนึ่ง และครั้งนั้นผมก็เกือบจะต้องสูญเสียต้นไป ไม่ใช่แค่การจากกันด้วยการเลิกราแต่เป็นการจากลาด้วยความตาย ผมควรจะทำดีกับมันให้มากกว่าที่ผมเคยทำกับคนอื่นก่อนที่ผมจะไม่มีโอกาส เราไม่รู้หรอกครับว่าเราจะตายขึ้นมาวันไหน ผมไม่ควรจะลังเลคิดมากอะไรอีก แค่ดูแลต้นให้ดีที่สุดก็พอ ผมรักมันชิบเป๋ง!
     เพราะงั้น ถึงผมต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าขับรถไปส่งมันก่อนจะต้องย้อนกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปทำงาน ผมก็ไม่บ่นหรอก ยินดีทำครับ เพื่อเมีย น้อยกว่านี้ได้ไง!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



:z3: กรี๊ด ดีใจมาก คนอ่านทะลุ7000แล้ว!
กราบขอบพระคุณแทบเท้าคนอ่านงามๆ ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านจริงๆ ฝากนิยายอุดมสาระบ้าๆ เรื่องนี้ไว้ด้วยน้า  :katai5:

ตอนนี้แอบดราม่า เปิดเผยตัวตนในมุมลึกๆ ของพี่ชัช ช่างเป็นคนที่มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันจนมั่ว! แต่ถ้าถามคนแต่ง ผู้ชายอย่างพี่ชัชน่ะเราไม่เอาทำซะมีเด็ดขาด! แต่เอาน่ะ เฮียแกเริ่มคิดได้แล้ว เพราะความดีของต้นแท้ๆ ที่โคตรทน เหอๆ

มีคนในครอบครัวเป็นหมอเยอะมาก มีพี่เป็นผู้แทนด้วย เลยเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลบ่อยๆ เวลาผู้แทนพาไปไหนก็ติดไปกับเขา เลยเลือกให้พระเอกเป็นอาชีพนี้ แต่แทนที่จะเขียนดีๆ ดั๊น! เขียนแต่ด้านอะไรก็ไม่รู้ของผู้แทนซะงั้น ปกติเวลาเขียนถึงอาชีพทำนองนี้เขาต้องโชว์เหนือเบ่งพลังศีลธรรมจรรยาบรรณใช่มั้ย? ม๊าย ไม่มี! พี่ชัชของเราเป็นคนแบบนี้แหละ วงการนี้มันโหด ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ หึๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     “ต้น ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันป่าว?”
     ผมเงยหน้ามองไปป์ที่วันนี้ไม่รีบหนีไปทานกลางวันกับสาวเหมือนเคย ไปป์ตรงเข้ามาหาผมพร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
     “แล้วไม่ไปกับแฟนนายเหรอ?”
     “ไม่อ่ะ วันนี้อยากไปกินกับต้น”
     ไปป์ยิ้มร่าเชียวครับ สงสัยเพราะผมเคลียร์เรื่องเข้าใจผิดเมื่อวานให้แล้วก็เลยเลิกทำตัวหงอยเหงาเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง ไม่รู้ทำไมเวลาเห็นไปป์ทำหน้ายิ้มแป้นมาอ้อนผมแบบนี้แล้วมันอดตามใจไม่ได้
     “ก็ไปกันหมดนี่แหละ ทุกทีเรากับโอมก็ไปกับพวกป่านอยู่แล้ว มีแต่นายนั่นแหละที่ทิ้งพวกเราไปหาสาวๆ”
     แต่ผมก็ยังเป็นผม ถึงจะใจอ่อนให้ไปป์แค่ไหนแต่ก็อดไม่ได้ที่จะปากร้ายนิดๆ หน่อยๆ
     “สม ฮ่าๆ โดนเลย สมน้ำหน้าแกละอิไปป์”
     “เงียบเลยป่าน ไม่ต้องมาซ้ำเติมเราเลย โห ต้นอ่ะ! ไม่เห็นต้องยิ้มสะใจขนาดนั้นเลย ชอบแกล้งว่าเราจัง”
     “ไม่ได้แกล้ง เราด่าจริงจัง”
     “อุ๊บ ฮ่าๆ”
     พวกเราในแก๊งค์พากันประสานเสียงหัวเราะใส่ไปป์กันอย่างสะใจ ผมเองก็อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้ม ก็... ใครใช้ให้ไปป์น่าแกล้งล่ะครับ
     พวกเราหกคนไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่ไปป์ดันงี่เง่าทำตัวอ้อนผมเกินเหตุอีกแล้ว ตั้งแต่ที่รู้ความลับของผม... ยังไงดีละครับ คือ... ไปป์ดูอ้อนๆ ทำตัวงี่เง่าเหมือนเด็กมากกว่าเดิมเยอะเลย ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาอยู่กับผมทีไรไปป์ชอบลดอายุตัวเองทุกที ทั้งๆ ที่เวลาอยู่กับคนอื่นไปป์ก็ปกติ ยิ่งเวลาอยู่กับสาวนี่อย่าให้ผมพูดเลย ผมเคยผ่านไปเจอไปป์ตอนนั่งจีบรุ่นน้องอยู่ ไปป์คงไม่รู้ตัวว่าผมแอบเห็น คือ... ลีลาไปป์จีบรุ่นน้องนี่ทำเอาผมงงเลยว่านั่นมันใช่ไปป์คนเดียวกับที่เดินตามผมต้อยๆ รึเปล่า?
     เรื่องนิสัยไปป์น่ะช่างเถอะครับ ผมชินแล้ว ที่ผมบ่นก็เพราะผมกลัวแทนไปป์ต่างหาก ผมไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าเขาพอใจจะอ้อนผม ผมก็ไม่ได้รังเกียจหรอก เพราะรู้ดีว่าไปป์ก็แค่ทำตัวเด็กไปวันๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่... คนอื่นเขารู้กันหมดแล้วว่าผมเป็นอะไร ผมอดเป็นห่วงไปป์ไม่ได้ ดีแล้วเหรอที่ไปป์จะมาทำตัวสนิทสนมแบบนี้กับผม?
     ช่วงพักเที่ยงคนแน่นโรงอาหาร บางคนก็รีบทานรีบไปเพราะมีเรียนต่อแต่พวกผมกว่าจะเข้าอีกทีก็บ่ายสองโน่น เลยนั่งทานกันสบายๆ วันนี้ผมเลยจัดของหวานซะหน่อยถ้วยนึง ผมคุยกับเมย์เรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย นี่ก็อีกคน หลังจากที่อกหักจากผมแล้วเมย์ดูจะทำตัวน่ารักขึ้นมาก ถ้าทำตัวดีๆ แบบนี้แต่แรกผมอาจจะไม่นึกรำคาญเมย์ถึงขนาดนั้นก็ได้นะ ผมคุยกับสองสาวไปเรื่อยโดยมีแก้วหัวเราะบ้างบางครั้ง เธอทานของหวานในถ้วยสลับกับส่งเสียงหัวเราะ แต่ไม่ค่อยคุยอะไรเพราะป่านกับเมย์เหมาเกลี้ยง ส่วนโอม... โอมก็ยังคงเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไรเหมือนเดิม เอาแต่นั่งยิ้มอยู่กับพวกผม ไปป์แทรกขึ้นบ้างแล้วก็โดนป่านด่ากลับไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วผมรู้สึกดีนะครับ รู้สึกเหมือนสนิทกับเพื่อนในกลุ่มมากขึ้นเยอะเลย ไม่สิ ไม่เฉพาะเพื่อนในกลุ่ม กับเพื่อนในภาคคนอื่นๆ ก็ด้วย นี่คงเป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากกลับจากไปเที่ยวทะเลมั้งครับ แลกกับที่ความลับของผมแตก
     “อ้าวต้น มาทานข้าวเหรอคร้าบ”
     ผมชะงักค้างมือที่กำลังจะตักขนมเข้าปาก พี่บอมเดินลิ่วๆ ทักมาแต่ไกล พี่เขาส่งเสียงดังมาก่อนที่ตัวจะมาถึงซะอีก
     “เราว่าเราอิ่มแล้วล่ะ พวกเธออิ่มรึยัง”
     ผมถามขึ้นเบาๆ พลางหันไปสบตากับแก้ว เพราะในกลุ่มมีแต่ผมกับแก้วที่ทานของหวาน ซึ่งมันเสริฟมาในถ้วยไม่สะดวกในการหยิบฉวยติดมือหนีไปที่อื่นเหมือนป่านกับเมย์ที่ทานขนมแบบถุง
     “อืม เราก็อิ่มแล้วจะ ถ้าต้นอยากไปก็ไปกันเถอะ”
     แก้วตอบผมด้วยน้ำเสียงเบาพอๆ กัน พวกเรามองหน้าสบตากันในกลุ่มราวกับส่งโค้ดลับ ผมให้สัญญานด้วยการพยักหน้าหนึ่งทีก่อนที่พวกเราทั้งหกคนจะลุกพรึ่บขึ้นจากโต๊ะ!
     “อ้าว จะไปแล้วเหรอ?”
     “อ่า ครับ พอดีพวกผมอิ่มกันแล้วพอดี”
     ผมโกหกคำโตโดยไม่มองขนมที่ยังเหลือครึ่งค่อนถ้วยให้รู้สึกผิด ปกติผมเป็นคนเสียดายของนะ แต่ถ้าความเสียดายมันทำให้ตัวเองเดือดร้อน ผมไม่เสียดายหรอกครับ!
     “งั้นนั่งเป็นเพื่อนพี่กินข้าวหน่อยได้มั้ย แบบว่าถ้าต้นอยู่ด้วย พี่กินก๋วยเตี๋ยวตอนปรุงคงไม่ต้องใส่น้ำตาล”
     เพื่อนๆ พี่บอมโห่แซวกันใหญ่ แต่สำหรบผม ผมอายครับ!
     “ผมไม่สะดวกครับ พอดีผมกับเพื่อนต้องกลับไปทำงานต่อ”
     “โธ่ อยู่เป็นเพื่อนพี่ก่อนสิคร๊าบ เนี่ยพักนี้ต้นไม่ค่อยโผล่ไปที่ชมรมเลยน้า พี่คิดถึงอ่ะ”
     “เอ่อ...”
     ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะสรรหาคำตอบอะไรมาสวนกลับพี่บอมหน้าด้านหน้าทนคนนี้ ผมก็รู้สึกถึงแรงดึงจากแขนทั้งสองข้าง เมย์กับไปป์ช่วยกันล็อกแขนผมคนละข้าง โดยเฉพาะเมย์ที่จงใจเอาหน้าอกมาเบียนท่อนแขนของผมแล้วเชิ่ดหน้าท้าทายใส่พี่บอม
     “พี่ขา หมดธุระกับต้นละยังคะ? พอดีพวกหนูกับต้นมีธุระกันต่ออ่ะค่ะ คงไม่สะดวกให้ต้นนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนพวกพี่”
     “ช่ายๆ เมื่อตะกี้ต้นกินข้าวกับขนมไปตั้งเยอะ ขืนกินแล้วกินอีกระวังมันจะอ้วกเอานะคร้าบ ฮ่าๆ”
     “เฮ้ย พวกนาย!”
     ผมเห็นพี่บอมหน้ากระตุกเลยครับ ถึงพี่บอมกับแก๊งของผมจะเคยเจอกันมาแล้วก็เถอะ แต่ไม่เคยปะทะกันตรงๆ แบบนี้หรอก แถมครั้งนี้เมย์ยังออกตัวแรงมาก ถ้าไม่ได้รู้ว่าเมย์ตัดใจจากผมแล้วผมต้องนึกว่าเมย์ยังทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมอยู่แน่ๆ แถมไปป์ก็อีกคน จะมาเกรียนกวนส้นพี่เขาอะไรเอาตอนนี้ พี่บอมน่ะวิศวะทั้งแก๊งนะครับ เด็กวิทยาอย่างผมพวกสู้ไม่ได้หรอก แถมเขายังมากันตั้งสี่คน พวกผมถึงจะมีหกแต่ผู้ชายก็แค่สาม นอกจากพี่บอมที่ยิ้มค้างจนหน้ากระตุกแล้วเพื่อนพี่บอมคนอื่นๆ ก็เงียบกันหมด ผมทำอะไรไม่ถูกเลย
     แต่มีหรือเจ้าแม่ขาวีนจอมเอาแต่ใจอย่างยัยเมย์จะสะทกสะท้าน เมย์ดึงแขนลากตัวผมไปได้ในที่สุด ไปป์เองก็ด้วย ทำหน้ากวนส้นใส่พวกพี่เขาแล้วเดินผิวปากยักคิ้วหลิ่วตาผ่านมาอย่างสบายอารมณ์ซะงั้น แล้วแทนที่ป่านจะห้ามกลับเอาแต่ปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ มีแต่ผมกับโอมนี่แหละยืนหน้าซีดเดินผ่านมากันแบบกลัวๆ แก้วใจเย็นที่สุด เธอหันไปก้มหัวขอโทษพี่ๆ พวกนั้นก็จะรีบเผ่นเร็วจี๋ตามผมมา
     พอพ้นจากระยะพี่บอมกับเพื่อนมาได้ผมก็ขอสวดหน่อยล่ะ!
     “เมย์ ไปป์ ทำไมนายไปพูดกับพวกพี่เขาแบบนั้นล่ะ!”
     “อ้าว ไม่ดีรึไง ต้นไม่ชอบหมอนั่นไม่ใช่เหรอ?”
     “ไอ้ไม่ชอบมันก็ไม่ชอบอยู่หรอกนะเมย์ แต่ไม่เห็นต้องแตกหักอย่างนั้นเลย”
     “เอาแต่ทำแบบนั้น มันเลยยังนึกว่ามีความหวังอยู่น่ะสิ แกต้องหัดปฏิเสธให้มันชัดๆ ไปเลยนะต้น เหมือนที่แกคุยกับเมย์นี่แหละ”
     ป่านแทรกขึ้นมาตรงมากจนผมสะอึก
     “ก็... ก็มันไม่เหมือนกันนี่ เราไม่ได้สนิทกับพี่เขามากขนาดจะคุยอะไรกันตรงๆ ซะหน่อย เราก็ว่าเราพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพมาตลอดแล้วนะ”
     “ปฏิเสธอย่างเดียวไม่พอหรอกต้น อย่างเราน่ะเรารู้แล้วว่ายังไงต้นก็ไม่มีวันชอบเรา เราก็เลยตัดใจ เราถึงได้กล้าไปสารภาพกับนายทั้งๆ ที่รู้ผลอยู่แล้วไง แต่กับรุ่นพี่คนนั้นเขาตามต้นมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ? นี่พอรู้ข่าวก็คงคิดว่ายิ่งมีหวัง เผลอๆ อาจจะคิดว่าตื้อซักวันนายอาจจะใจอ่อนก็ได้มั้ง นายลองบอกเขาไปตรงๆ เลยสิ เขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับนายอีกไง”
     ก็ไม่ใช่เพราะแบบนี้รึไงผมถึงไม่อยากบอกใครว่าเป็นอะไร เอาจริงๆ นะครับ ตั้งแต่ที่มีข่าวแพร่ออกไปว่าผมเป็นเกย์ก็มีคนมาวุ่นวายกับผมเพิ่มขึ้นตั้งเยอะ เวลาผมไปกินข้าวกับเพื่อนหรือไปไหนตามปกติ อยู่ๆ ก็มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มายิ้มให้แล้วก็เข้ามาชวนคุย บางคนก็ทำเป็นเก๊กนึกว่าตัวเองหล่อรวยนักหนารึไง? บางคนถึงขั้นชวนผมไปเที่ยวด้วยซ้ำ ทำอย่างกับว่าแค่ผมชอบผู้ชายแล้วผมต้องกระโดดเข้าใส่ผู้ชายทุกคนง่ายๆ แบบนั้นแหละ ผมก็มีสเป็กของผมนะครับ แล้วผมก็รักพี่ชัชคนเดียวด้วย
     แถมผมยังถูกคุณพ่อเรียกไปเตือนเรื่องนี้อีก ท่านบอกว่ามันดูไม่ดี ที่จะไปยุ่งกับคนพวกนั้น ให้สนใจแต่เรื่องเรียนอย่างเดียวก็พอ แล้วผมห้ามได้เหรอครับ บางคนผมยังไม่เคยเห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ จู่ๆ ก็เอาเบอร์โทรผมมาจากไหนไม่รู้โทรมาคุย ผมไม่ได้เชิญคนพวกนั้นมายุ่งกับผมซะหน่อย จะให้ผมเอาป้ายแขวนคอเลยมั้ยว่าผมมีแฟนแล้ว!
     “เราก็พยายามแล้วนะเมย์ แต่ว่า...”
     “เอาน่าๆ ต้นมันก็คงพยายามแล้วล่ะแก แต่ต้นก็คงไม่อยากป่าวประกาศบอกใครว่ามีแฟนแล้วใช่มั้ยล่ะ?”
     “อื้อ เราไม่อยากสนใจคนพวกนั้นนี่นา เลี่ยงได้ก็เลี่ยง หลบได้ก็หลบ ใครก็ไม่รู้ขี้เกียจใส่ใจอ่ะ”
     “นั่นสิให้แกไปนั่งอธิบายทุกคนก็ไม่ไหวเนาะ ว่าแต่พอข่าวที่ว่าแกเป็นเกย์รั่วออกไปแล้วมีผู้ชายมาขายขนมจีบแกเยอะเลยอ่ะต้น บางคนนะแกหน้าตาก็โคตรดีเลย หล๊อหล่อฉันอุตส่าปลื้ม ที่ไหนได้พอมันอ้าปาก น้องสนิทกับน้องต้นป่ะครับ พี่ขอเบอร์น้องต้นหน่อยได้ป่ะ ฉันงี้แทบร้องไห้ เสียดายว่ะ ทำไมผู้ชายมันกลายพันธุ์เยอะจังวะ!”
     “ป่าน!”
     ป่านจีบปากจีบคอบ่นได้อารมณ์มากครับ เพราะงั้นแทนที่ผมจะสะดุ้งเพราะโดนพาดพิงเลยได้แต่แอบขำแทน แต่แก้วพี่สาวคนโตของกลุ่มไม่ปล่อยไปหรอกครับ แก้วกระทุ้งสีข้างป่านจนป่านสะดุ้งเลย
     “ไม่เป็นไรหรอกแก้ว ขอโทษนะ เรากลายพันธุ์อ่ะ อ๊ะๆ อย่ามาใกล้เรานะ เดี๋ยวป่านติดเชื้อ”
     “เชื้อ? เชื้ออะไรแก แกเป็นซอมบี้รึไง?”
     อ๊ะๆ ป่านทันมุกผมด้วยแฮะ! แต่ไม่หมด หึ หึ
     “ม่ายช่าย ...”
     ผมเดินยิ้มไม่ยอมตอบ ป่านเลยได้แต่เร่งฝีเท้าตามผมแล้วแล้วสะกิดไหล่ผมยิกๆ
     “เชื้อไรวะ บอกกันก่อนดิ๊”
     “ต้นมันว่านายเป็นทอมไงป่าน ฮ่าๆ ใช่ป่ะต้น”
     เป็นไปป์ครับที่เฉลยแทนผม ไปป์นี่ทันผมตลอดเลย แสนรู้จริงๆ นะนี่ แต่ป่านสิครับวีนแตกแล้ว เล่นเอาพวกเราหัวเราะกันใหญ่ แม้แต่โอมยังพลอยหัวเราะไปกับพวกผมเลย
     “แก๊ ไอต้น! ฉันไม่ใช่ทอมนะย๊ะ! แก๊ โอ๊ย! ขัดใจ”
     “ก็เจอผู้หญิงแบบนายแหละผู้ชายถึงได้หนีมาจีบต้น ฮ่าๆ”
     “บ้า! เราไม่ได้ตั้งใจแซวแรงขนาดนั้นนะไปป์”
     ผมหันไปด่าไปป์ก่อนจะปลอบใจป่าน
     “เอาน่าๆ ยังเหลือผู้ชายอีกตั้งเยอะบนโลกนี้ อย่าพึ่งสิ้นหวังนะ”
     “เหลือใครล่ะแก โอ้ย... อีกหน่อยฉันจะหาพ่อของลูกได้มั้ยเนี่ย ผู้ชายหล่อๆ รวยๆ หน้าตาดีๆ ดันเป็นเกย์ไปซะหมด”
     “ก็ลดเสป็กหน่อยสิป่าน ไปป์นี่ไง ไปป์ก็ผู้ชาย มีเงิน หล่อ ฉลาดด้วย”
     แล้วผมก็โฆษณาเพื่อนในกลุ่มตัวเอง แถมไปป์ยังรับมุกวิ่งอ้อมไปยืนเต๊ะท่าหน้าพวกเราด้วยครับ
     “บ้า! อย่างอินี่นะ ฉันไม่เอาหรอก หาสามีนะต้น ไม่ได้หาลูกชาย!”
     “ฮ่าๆ”
     แล้วพวกเราก็โดนระเบิดหัวเราะลงกันอีกครั้งอย่างจุกเลย แต่คิดว่าไปป์คงจุกกว่าเพราะตอนนี้ไปป์หน้างอท่าทางงอนมากเลยครับ
     “เออ ใช่สิ! ใครมันจะไปดี ไปเท่ จะไปเจ๋งเท่าพี่ชิ-”
     “แก๊! อิไปป์ ไหนแกสัญญาว่าจะไม่บอกใครไง ไอ้หมาไปป์!”
     ป่านรีบวิ่งไปอุดปากไปป์เลยครับ ท่าทางมีความลับนะเนี่ย แถมยังทำท่าจะเป็นท็อปซีเครสซะด้วย เพราะขนาดเมย์ยังหูผึ่งเลย
     “หะๆ อะไรนะ ป่านมีคนที่ชอบแล้วเหรอ ใครอ่ะ?”
     นั่นไง! ไปป์รู้ความลับนี้ของป่านทั้งๆ ที่เมย์ไม่รู้ แสดงว่ามันต้องลับสุดยอดแน่ๆ เพราะป่านหน้าแดงไปถึงหูเลยครับ ปกติไม่เคยรู้สึกรู้สาอะไรแท้ๆ ป่านนี้ก็มีมุมอ่อนไหวแบบผู้หญิงเหมือนกันแฮะ
     “ใครอ่ะไปป์บอกหน่อย?”
     “อย่าบอกนะ ถ้าแกบอกฉันจะฆ่าแก อิไปป์!”
     “ป่านขี้โกงอ่ะ ทีเรายังบอกเธอเลยว่าเราชอบต้น!”
     “ไม่เกี่ยวเลยเมย์ เธอแสดงออกชัดมาก ใครๆ เขาก็รู้”
     “นั่นแหละๆ เพื่อนกันก็ต้องบอกกันสิ บอกมาๆ บอกเลยไปป์”
     “โอ้ย ปล่อยเราก่อน หายใจไม่ออก!”
     แล้วพวกผมก็มีสภาพแบบนี้ไปตลอดทางครับ ก็ใครใช้ให้ป่านทำตัวห้าวๆ มาตลอดล่ะ ถึงป่านจะดูหลงใหลได้ปลื้มคนอื่นไปทั่ว โดยเฉพาะผู้ชายหล่อๆ ก็เถอะ แต่ก็ไม่เคยแสดงออกว่าชอบใครจริงๆ จังๆ ซักที มันก็เลยช่วยไม่ได้ที่พวกเราจะอยากรู้กัน แต่ผมว่าไม่เกินความสามารถเมย์หรอก ขนาดแก้วยังหูผึ่งเลย ความจริงผมเองก็แอบสนใจอยู่นิดหน่อยนะ ก็ใครกันน้าจะเป็นผู้ชายที่ทำให้สาวแกร่งของแก๊งค์หน้าแดงได้ขนาดนั้น คนเดียวที่ดูเหมือนจะเฉยๆ กับข่าวเม้าท์แบบนี้ก็คงมีแต่โอมมั้งครับ?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ไปป์

     ผมโดนป่านปิดปากเกือบตาย! หายใจไม่ออก ไม่รู้จะอายอะไรนักหนา ก็แค่แอบชอบรุ่นพี่สายรหัสตัวเอง ถึงมันไม่อยากบอกใครเพราะรุ่นพี่คนนั้นมีแฟนอยู่แล้วก็เถอะ แต่ไม่รอดหร้อก เมย์ต้องคุ้ยเอาจนได้แน่ๆ ที่ผ่านมาป่านทำเหมือนไม่มีใครในใจทั้งๆ ที่แอบชอบพี่ชินกรมาตลอดแท้ๆ ผมรู้โดยบังเอิญตอนปีหนึ่ง เคยเชียร์ให้สารภาพรักแต่ป่านก็ไม่ยอม ก็แค่เอาดอกไม้ไปให้ตอนวาเลนไทน์เฉยๆ เอง ป่านนี่ขี้เก๊กกว่าที่คิดเยอะเลยแฮะ
     “แก บอกมาเดี๋ยวนี้เลย ถ้ายังเห็นฉันเป็นเพื่อน เพื่อนกันเขาไม่มีความลับกันหรอก”
     นั่นไง เมย์มันลากตัวป่านไปจากผมละ ฮ่าๆ
     “โธ่แก ไปเชื่ออะไรอิไปป์ มันก็พูดไปงั้น”
     ป่านเถียงเมย์กลับแต่หันมามองผมตาขวาง ขำอ่ะ
     “เรายังไม่ทันพูดอะไรเลยนะ แค่บอกเฉยๆ ว่าเราไม่แสนดีเหมือน ...”
     “แก๊!”
     “ฮ่าๆ”
     แล้วมันก็วนลูปเดิมๆ จนกระทั่งพวกเราเคลื่อนขบวนมาถึงโต๊ะใต้ตึกภาค เพื่อความมันในการกลั่นแกล้งป่านพวกเราเลยนั่งสุมหัวกันต่อ เหลือเชื่อว่างานนี้ต้นให้ความร่วมมือกับเมย์เต็มที่ ต้นนี่ก็ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านเหมือนกันแฮะ ฮ่าๆ ในที่สุดเมย์ก็เค้นคอป่านจนคายความลับได้ ทุกคนตกใจกันน่าดูเพราะพี่ชินกรตรงข้ามกับความหล่อรวยสุดขีด ออกแนวธรรมะธรรมโม มีชื่อเล่นว่าพี่มหาด้วยซ้ำ แถมยังไม่มีอะไรที่เรียกว่าหล่อได้เลย เพราะงี้นี่เองป่านเลยไม่ยอมบอกใคร โดนล้อยันลูกบวชแน่ๆ ป่าน ฮ่าๆ
     “เออ รู้แล้วห้ามเอาไปบอกใครอ่ะ โดนเฉพาะแกเลยอิไปป์ ถ้าไปหลุดปากให้ใครฟังอีกอ่ะ ฉันเอาแกตายแน่”
     “ยังไม่ได้พูดอะไรซักคำ โต้น ดูดิ๊ ป่านว่าเราอีกแล้ว”
     “น้อยๆ หน่อยไปป์”
     ชิ! ต้นผลักหัวผมออกจากไหล่ตัวเองอีกละ ผมชอบกอดต้นนี่นา ต้นตัวหอมดี แต่สาบานเลยนะครับว่าผมไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ แค่ชอบกอดต้นเฉยๆ
     “ไหนๆ คุยเรื่องนี้แล้ว ดูเหมือนพวกเรามีแต่ชอบคนในภาคกันเองเนาะ ยกเว้นเรากับต้น”
     อ้าว? ผมพูดอะไรผิดเหรอ แก้วกับโอมหน้าแดงเชียว ก็มันจริงนี่นา แก้วก็ชอบโอม ส่วนโอมก็ชอบต้น อ๊ะลืมไป! สองคนนี้ยังไม่อยากเปิดเผยสินะ
     “เออ ช่างเถอะ จะว่าไปรุ่นพวกเรานี่ก็แปลกนะ ขนาดอาจารย์ยังบอกเลยว่ามีแต่พวกแปลกๆ ไม่เหมือนเด็กสายวิทย์ แถมปีนี้มีแต่คนหล่อๆ ด้วย”
     ว่าแล้วก็เก็กซะหน่อย ก็ผมหล่อจริงๆ นี่นา ฮ่าๆ
     “ยกหางตัวเองมากไปละแก”
     ป่านจิกเสียงใส่ผมซะงั้น สงสัยจะแค้นผมเรื่องพี่ชิน ฮ่าๆ
     “พวกมึงทำไรกันอยู่วะ?”
     เสือกเชียวนะเชี่ยมิว เสียงมันมาก่อนตัวอีก มิวนิคมันเดินตรงมาทางพวกผมเข้ามาแทรกแบบเนียนๆ ไอ้นี่ก็พยายามจัง ไอ้โค่มันเลิกบ้าไปแล้ว เหลือแต่ไอ้มิวนิคนี่แหละ ผมกลัวจริงๆ ว่ามันจะคิดจริงจัง ไม่มีทางสำเร็จหรอก มันเองก็รู้ตัวแท้ๆ จะกระโดดลงหลุมรักทำไมก็ไม่รู้
     “ก็กำลังคุยกันว่าในภาคเรารุ่นนี้มีแต่คนหน้าตาดีน่ะ”
     “ไม่ต้องชมกูก็ได้ กูเขิน”
     “ฉันชมตัวเองย่ะ ไอ้สมองกล้าม”
     “อ๋อเหรอ ยัยเตี้ยหอบแตงโม อย่างเธอถ้าไม่มีนมโตๆ นั่นผู้ชายก็ไม่มองหรอก หน้าตางั้นๆ อ่ะ”
     “แก๊! ไอ้ ไอ้...”
     “กูชมว่ามึงนมโตไม่ต้องเสริมอึ๋มมึงน่าจะดีใจนะเมย์ เหอะๆ”
     “ไอ้ปากโถส้วม!”
     “พอๆ นายมานี่มีไรรึเปล่ามิวนิค?”
     โธ่ ต้นไม่น่าตัดบทเลย ผมกำลังดูเชี่ยมิวกับเมย์เถียงกันมันๆ ต่างคนต่างหวงก้าง ตลกดีอ่ะ ฮ่าๆ
     “กู... มาแดกขนมฟรี”
     ว่าแล้วเชี่ยมิวก็เบียดตัวเข้ามานั่งกับพวกผมแล้วก็หยิบขนมกินหน้าตาเฉย เมย์ร้องลั่นเลย เพราะมิวนิคมันเนียนกินฟรีขนมตัวเอง
     “ไอ้บ้า! ใครอนุญาตยะ”
     “เออน่า แบ่งๆ กันไป น้ำใจอ่ะรู้จักป่าว”
     “น่าๆ ก็แบ่งๆ มิวนิคหน่อยเถอะเมย์ ถือว่าทำทานโปรดสัตว์”
     “มึงว่ากูเหรอต้น เดี๊ยะ!”
     “ฮ่าๆ”
     พวกเราหัวเราะครืนเลย ต้นนี่พอสนิทแล้วปากร้ายเยอะมากอ่ะ โชคดีนะที่พวกเรารู้แล้ว มิวนิคเองก็ชินแล้วเลยไม่ถือ ไม่งั้นเป็นเมื่อก่อนน่ากลัวมีต่อยกันปากแตกไปแล้วอ่ะ ไม่ดิ เชี่ยมิวแม่งเคลิ้มอ่ะ! เพราะต้นหัวเราะสดใสมาก ต้นลืมตัวหลุดหัวเราะออกมาแล้วก็ยิ้มด้วย ขนาดผมยังอดคิดไม่ได้เลยว่าน่ารัก มิวนิคมันมองตาค้างเลย แอบหน้าแดงนิดหน่อยด้วย จะว่าไปตอนต้นหัวเราะหรือยิ้มเต็มที่แบบนี้โคตรน่ารักเลย แล้วหลังๆ ต้นก็ยิ้มแบบนี้บ่อยด้วย ถึงส่วนมากจะเป็นตอนที่อยู่กับรุ่นพี่พวกนั้นก็เถอะ แต่พอผมโดนต้นด่าไปเมื่อวานผมก็เข้าใจนะ ปกติพวกเราในกลุ่มไม่ค่อยได้เม้าอะไรขำๆ แบบนี้ซักเท่าไหร่ ถึงจะมีแซวๆ กันบ้างก็เถอะ ต้นเลยไม่ค่อยได้ยิ้มแบบนั้น แต่พอยิ้มแล้วน่ารักสุดๆ มิน่าพักหลังคนมาจีบต้นตรึม โดยเฉพาะพวกที่เปิดตัวอยู่แล้ว มันหันมาเล็งต้นกันเพียบ
     “ผู้ชายอย่างนายนี่มันห่วยแตกจริงๆ”
     เมย์มันส่ายหัวทำท่าปลงกับอาการของมิวนิค อย่าไปว่าเขาหน่อยเลยยัยเมย์ เพราะผมเห็นนะ เมย์มันก็แอบหน้าแดงมองต้นยิ้มไปเขินไปเหมือนกัน
     “ตัวเองดีนักแหละ”
     “ก็ดีกว่าก็แล้วกันย่ะ อย่างน้อยๆ ยังมีคนมาจีบแหละ”
     “มีแต่พวกตาถั่วคนต่างคณะอ่ะดิ คนแถวนี้เขารู้นิสัยเธอกันหมดแล้วไม่ตาบอดมาจีบเธอหรอก”
     “เหรอจ้ะ แต่ก็ยังดีกว่านายก็แล้วกัน ไอ้แห้วตลอดชาติเอ้ย!”
     สองคนนี้มันก็เถียงกันไม่เลิก แต่ก็แปลกแฮะ มิวนิคมันไม่ยักจะโกรธยัยเมย์ ส่วนยัยเมย์ก็ไม่ได้ดูหงุดหงิดมากเท่าไหร่
     “มากไปละ ผู้หญิงอย่างเธอต่อให้แถมข้าวสารฟรีก็ไม่มีใครเอาหรอก”
     “ถ้าทั้งโลกเหลือแต่ผู้ชายแบบนายเรายอมเป็นทอม!”
     “อู๊ว แรงได้อีก ต่อเลยๆ เมย์ เฮ้ยมิวมึงอย่ายอมนะเว้ย จัดไปอย่าให้เสีย ไฝว้กันเลยเพ่น้อง!”
     พวกเรานั่งขำกับการต่อปากต่อคำของM&Mเพลิน แต่โจทย์ยัยป่านมาพอดี เป็นธรรมดาที่รุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันจะทักกัน แต่มันดันไม่ธรรมดาตรงที่วันนี้พวกเราในแก๊งรู้แล้วว่าป่านชอบพี่ชิน พวกเราก็เลยหันไปจ้องเป็นพิเศษ แก้วเองก็จ้อง โอมเองก็มอง ต้นนี่แอบเหลือบตามองทำท่าไม่ใส่ใจแต่คงลุ้นสุดๆ แม้แต่ยัยเมย์ยังยอมหุบปากเงียบพักยกการเถียงกับเชี่ยมิว เล่นเอาป่านดูเขินๆ พอพี่ชินไปแล้วมิวนิคเสือกโพล่งขึ้น
     “ป่าน มึงชอบพี่ชินเหรอ?”
     “มิวนิครู้ โลกรู้” สโลแกนที่ใครซักคนในภาคพูด ยัยป่านเลยหน้าถอดสี อึ้งไปเลย แต่พอตั้งสติได้มันก็ทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้
     “ป๊าว! แกเอาไรที่ไหนมาพูด เออ เมื่อกี้พวกเราคุยกันถึงเรื่องไหนนะ ก่อนอิมิวจะมา แกอ่ะทำเสียเรื่องเลย พอแกมาก็ชวนคนอื่นทะเลาะ”
     “กูทำอะไรผิดวะเนี่ย?”
     มิวนิคท่าทางงงๆ แต่ไม่ยอมหลงกล
     “ละถ้ามึงไม่ชอบพี่เขา มึงหน้าแดงทำไมวะ ตกลงมึงชอบผู้ชายป่ะเนี่ย เห็นอยู่แต่กับไอ้เมย์ กูถามจริงๆ เหอะ ตกลงมึงเป็นทอมป่าววะ ไอ้ต้นเป็นงี้ไปคนละ ถ้ากูจะมีเพื่อนเป็นทอมอีกคนกูก็ไม่ถือ มึงสารภาพความจริงมาซะ”
     “ไอ้บ้า! แกว่าใครย๊ะ ฉันไม่ได้เป็นทอมย่ะ!”
     “ก็เห็นไม่สนใจผู้ชาย กูก็นึกว่าทอมดิ ยังนึกว่าเป็นเบี้ยนกับเมย์เลยด้วยซ้ำ”
     “ไอ้บ้ามิวนิค ความคิดต่ำมากเลยนะแก เรากับป่านเป็นเพื่อนซี้กันย่ะ!”
     “ก็กูเห็นกำลังฮิต แถมไอ้ป่านมันจบจากสตรีล้วนด้วยไม่ใช่เหรอ กูก็เลยคิดดิ”
     “ที่ฉันไม่ชายตาแลผู้ชายแถวนี้เพราะไม่ผ่านมาตราฐานฉันย่ะ แถวนี้มีแต่ของด้อยคุณภาพ!”
     “แรงนะมึง ตัวมึงอ่ะมีคุณภาพตายล่ะ ยัยป้าสี่ตา แว่นก็แว่น สวยได้ซักครึ่งนึงของแก้วก่อนเหอะ!”
     พอถูกชมแก้วก็เลยยิ้มหน้าบาน แอบแก้มแดงนิดหน่อยด้วยแฮะ แต่มันก็จริงนะ แก้วสวยที่สุดในรุ่นเราเลย เพราะมีกันอยู่แค่สามคน ฮ่าๆ ส่วนเมย์จะออกไปแนวน่ารักมากกว่า ป่านที่ดูธรรมดาๆ เลยดูไม่เด่น พอจับกลุ่มกันแล้วเลยกลายเป็นคาแรคเตอร์สาวเท่ขึ้นมาซะงั้น ส่วนผมกับต้นแล้วก็โอมก็นั่งขำกันจนปวดท้องแล้ว ฟังพวกนี้เถียงกันแล้วสนุกดีแฮะ
     “ขอบใจนะมิวนิค”
     “ไม่เป็นไรหรอก ก็เธอสวยจริง น่ารักจริง นิสัยก็ดี ไม่เหมือนคนแถวนี้อีกสองคน ไม่รู้ว่าหลงมาคบกันได้ไง พูดเลยนะ ถ้าให้เราจีบหญิงซักคนในภาค เราจะจีบเธอนี่แหละ คุณภาพสุดแล้ว”
     “เห็นด้วยยยยย ว่างั้นป่ะโอม”
     เอาซะหน่อย ผมชงไปแล้ว รอดูว่าโอมจะตอบกลับยังไง
     “หะเราเหรอ? อืม ก็คงงั้นมั้ง?”
     โอมตอบแบบงงๆ เพราะยังเอ๋อๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่แก้วนี่หน้าแดงเถือกทั้งหน้าแล้วอ่ะ โอ๊ย ขำ ฮ่าๆ ผมว่างานนี้มีคนความลับแตกสองคนแน่ๆ ฮ่าๆ
     “พวกนายก็! จะเกินไปแล้วนะ ต้นถ้าเป็นนาย นายจะเลือกใคร”
     นั่น เมย์ใช้ไม้ตายหันไปเค้นคอต้นให้ช่วย ยังไงยัยเมย์ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยมีอะไรก็ชอบมาบังคับต้นแฮะ ฮ่าๆ
     “เอ่อ... พวกเธอลืมไปแล้วเหรอ เราเป็นเกย์ เราไม่จีบผู้หญิงหรอก”
     “ฮ่าๆ โอ๊ยขำว่ะ!”
     ผมทนไม่ไหวแล้วอ่ะ ปวดท้องสุดๆ ต้นมันตบมุกหน้าตายมาก ฮ่าๆ
     “โหยต้นอ่ะ ไม่ช่วยเพื่อนเลย ตอบๆ มาหน่อยเถอะน่า”
     ป่านมันหันมาไล่เบี้ยเอากับต้นอีกคน แต่พวกป่านกับเมย์ลืมอะไรไปอย่างนะ ฮ่าๆ
     “เฮ้อ... ถึงจะให้เราตอบให้ แต่เราคนเดียวจะตอบว่าจีบพวกเธอสองคนพร้อมกันได้ยังไง พอเหอะ เลิกๆ เถียงกันเยอะแล้ว”
     นั่นไง ต้นเอาตัวรอดไปได้แบบเนียนๆ ฮ่าๆ ต้นฉลาดชะมัดเลย!
     “เออจริงด้วย!”
     ป่านทำหน้าเหมือนพึ่งนึกออก ส่วนเมย์ก็ดูเอ๋อๆ ไปเลย ฮ่าๆ แต่แล้วป่านก็เผือกต่อ ต้องแบบนี้สิเพื่อนผม!
     “งั้นเราถามต้นหน่อยสิ สมมุติว่า... ถ้าให้ต้นเลือกจีบผู้หญิงซักคนในภาคนี้อ่ะ ต้นจะจีบใคร ปีไหนก็ได้เอ้า แบบ... สมมุติว่าต้นไม่เคยเจอแฟนมาก่อนอ่ะ แล้วก็มาเรียนที่นี่ แล้วก็ปิ๊งสาว ต้นจะปิ๊งใครเหรอ”
     ต้นดูอึ้งๆ กับคำถาม ผมว่านะในสมองต้นต้องกำลังหาทางหนีทีไล่อยู่แน่ๆ
     “มะ.. ไม่รู้สิ”
     “โห ตอบหน่อยดิแก บอกๆ มาเหอะ ขำๆ น่า”
     “ใช่ๆ บอกหน่อยน่า เราอยากรู้”
     ผมเองก็อยากรู้นะ ผมรู้แล้วว่าเสป็คต้นชอบคนแก่ ไม่ดิ ต้นชอบคนที่ดูอบอุ่นเป็นผู้ใหญ่ แต่ว่าถ้าเป็นผู้หญิงต้นจะชอบแบบไหนผมก็อยากรู้เหมือนกัน ต้นจะชอบแนวพี่สาวใจดีรึเปล่าน้า? เพราะความอยากรู้ผมเลยช่วยคู่หูP1ของผมเร่งเร้าเอาคำตอบจากต้น พอต้นโดน2Pจอมป่วนอย่างผมกับป่านจับมือกันคาดคั้นต้นก็หนีไม่รอดตอบออกมาแบบอ้อมแอ้ม
     “เอ่อ... พี่เพ็ญมั้ง?”
     “พี่เพ็ญ!?”
     พวกเราห้าคนรวมทั้งไอ้มิวเผลอตะโกนประสานเสียงกันออกมาโดยพร้อมเพรียง แม้แต่โอมยังอ้าปากค้างเลย
     “แต่พี่เพ็ญแกเป็นทอมนะต้น!” 
     พี่เพ็ญเป็นทอมแมนๆ แบบที่ไม่แต่งตัวห้าวแนวบอย แต่เท่โคตร ต้นชอบแบบนี้เหรอเนี่ย?
     “ก็... ก็นายถามว่าผู้หญิงนี่ พี่เพ็ญก็เป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”
     “แต่นั่นน่ะ ทอมนะ นายไม่รู้จริงๆ เหรอต้น?”
     “ก็รู้... แต่ พี่เพ็ญนิสัยสุขุมดีออก เป็นผู้ใหญ่ดีด้วย แล้วก็สุภาพมากๆ ใจดีอีกต่างหาก อยู่ด้วยแล้วอบอุ่นดีออก ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าใครได้เป็นแฟนกับพี่เขาก็โชคดีทั้งนั้นแหละ”
     ผมว่าต้นนี่ชัดเจนมากเลยแหละ ต้นน่ะไม่มีทางจะชอบผู้หญิงได้หรอก ถึงต้นจะไม่รู้ตัวแล้วไปแต่งงานกับผู้หญิง แต่ต้นก็จะต้องได้กับผู้หญิงห้าวๆ ชัวร์! ว่าแต่... ต้นหัวอ่อนกว่าที่ผมคิดอีกแฮะ
     “แล้วถ้าเป็นผู้ชายอ่ะต้น ต้นจะชอบใคร?”
     ทันทีที่ผมถามจบ ต้นก็หน้าแดง
     “บ้า! ไปป์ก็ ถามอะไรก็ไม่รู้”
     “เออ บอกๆ มาเหอะ ไม่ต้องแอ๊บ สนิทกันถึงขนาดนี้แล้ว”
     นั่นๆ หูผึ่งเชียวนะเชี่ยมิว กูว่าไม่ใช่มึงหรอก เลิกหวังไปได้เลย
     “ใช่ๆ บอกหน่อยสิแก ฉันอยากรู้อ่ะ”
     แม้แต่ป่านยังช่วยเร่ง พวกเรากดดันต้นโดยที่ทุกสายตาพากันจ้องมองจนต้นแทบทะลุละ เสียงเด็กรุ่นน้องเดินลงมาจากตึกพอดี ชิ! จะได้เวลาพวกผมเข้าเรียนแล้วเหรอเนี่ย ต้นหนีอีกแน่ๆ
     “ปะ ไปเหอะ ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”
     นั่นไง! ต้นนี่ชอบหนีจริงๆ เพื่อนผมคนนี้เกลียดการเผชิญหน้าทุกรูปแบบ ชอบหนีไปดื้อๆ ทุกที
     “หนีอีกแล้วอ่ะ อย่าหนีดิต้น น่านะ บอกหน่อย ไม่เอาไปบอกใครหรอก”
     ผมพยายามตื้อต้นเต็มที่
     “ก็... ก็เคยบอกไปแล้วไงว่าพวกนายแถวนี้ไม่มีใครโดนใจเราหรอก”
     “เออ! ชอบคนแก่อ่ะสิมึง”
     ไอ้มิวนิคมันกระแทกเสียง ส่วนพวกสาวๆ ก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะเสียดาย คนอื่นๆ อาจจะไม่ทันสังเกต แต่ผมนั่งอยู่มุมเยื้องๆ กับต้นเลยเห็น สายตาของต้นตอนที่พูดเมื่อกี้มันแอบเหลือบมองไปทางโน้นแว๊บนึง ผมเห็นต้นเผลอมองเลยไปสบตากับใครคนนึงที่กำลังเดินลงมาจากตึกพอดี แล้วผมก็เห็นคนๆ นั้นมองสบตาต้นกลับมาด้วยแหละ รุ่นน้องของพวกเราเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เฮฮาประสาเพื่อน
สงสารป่าน สู้เขานะป้าแว่น! เข้าใจว่าผู้ชายโตเป็นสาวเยอะ ชะนีอย่างพวกเราเลยหาแฟนยาก
ตอนนี้น้องไปป์น่ารักจริงๆ มุ้งมิ้งแบบเกรียนๆ มียุชาวบ้านตีกันอีก เริ่มมีคนหลงรักลูกหมาน้อยตัวนี้แล้วยังน้า?
มิวนิคกับเมย์ด่ากันแรงมาก ผู้ชายบางคนเป็นงี้จริงๆ นะ ปากไม่มีหูรูดกับผู้หญิงจนน่าตบอ่ะ แต่สโลแกนนั้นจริงๆ ไม่ใช่มิวนิคนะ หึๆ มิวนิคมันแค่ชอบปรึกษากับเพื่อนในกลุ่ม แต่เพื่อนในกลุ่มมันคนนึงดันปากสว่าง ไอคนแรกในข่าวลือนั่นแหละ ฮ่าๆ
ว่าแต่เมย์ทำตัวดีขึ้นมั้ย? โอเคขึ้นเนอะ แปลกเนาะ นิยายเรื่องนี้ไม่มีกองทัพสาววาย เห็นเรื่องอื่นเวลามีฉากเปิดตัวเกย์ในเรื่องก็จะมีปฏิกิริยาสองแบบ ถ้าไม่ต่อต้านรับไม่ได้ก็จะออกแนวกองอวยสาววายกรี๊ดกร๊าดสุดฤทธิ์ แต่สามสาวดันไม่มีใครแสดงออกแบบ"สาววาย"เลย เขาก็แค่ยอมรับต้น ต้นจะเป็นอะไรก็คือเพื่อน สามสาวมองแบบนี้แค่นั้น เหอะๆ เราว่าความจริงใจแบบนี้มันดูจับต้องได้มากกว่าการให้เพื่อนมาพูดกับต้นว่า "ไม่ว่าแกจะเป็นอะไรแกก็เป็นเพื่อนฉัน" ซะอีก ทุกคนในกลุ่มจะพยายามไม่พูดเรื่องนี้แล้วทำตัวปกติกับต้นเหมือนเดิมเพื่อให้ต้นสบายใจ ใครๆ ก็รักต้นน้า... ทุกคนโอ๋ต้นสุดๆ คาดว่าอาร์ทคงปวดตับ เอิ้กๆ

ตอนนี้เราแอบฮานะ แต่งเองขำเอง ต้นร้ายอ่ะ เกือบละน้องต้น หนูเกือบสาวแล้วลูก  :impress2:  ต้นตอนนี้เริ่มปากเสียใกล้เคียงเวลาอยู่กับเมษแล้ว แม้จะยังแอ๊บๆ ไว้บ้าง นี่แหละที่เขาเรียกว่าละลายพฤติกรรม เหอๆ

ว่าแต่ไปหักหน้าพี่บอมแบบนั้นได้ยังไง แล้วรุ่นน้องปริศนาคนนั้นนี่ใครวะ? เอาละสิ สนุกแน่ๆ พาร์ทนี้เป็นเรื่องป่วนๆ ในรั้วมหาลัย แต่! ได้ข่าวว่าพระเอก(ผัวตัวเอก)ไม่อยู่แถวเน้! เอาละสิๆ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วต้นจะฝ่าฟันไปได้ยังไง พี่ชัชจะมีบทได้หรือไม่ หรือเฮียแกจะหายต๋อมจนถูกลืมแบบโอม เหอะๆ ติดตามกันต่อไปน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2014 19:29:19 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     “พี่ชัชครับ เห็นกระดาษโน้ตที่ผมวางไว้บนโต๊ะมั้ยครับ?”
     “หือ? หมายถึงไอ้นี่เหรอ?”
     ผมโบกแผ่นกระดาษที่หยิบมาอ่านให้ไอ้ต้นมันดู พอไอ้ต้นมันเห็นก็เดินมานั่งข้างๆ ผม แล้วก็เริ่มสวดผมอีกละ
     “ผมหาอยู่ตั้งนาน ถ้าจะหยิบไปก็บอกกันหน่อยสิครับ”
     “โทษที พี่แค่อยากดูว่ามีอะไรในลิสบ้าง”
     แม่งลิสเยอะชิบเป้ง! เดือนนี้ผมแอบช็อตด้วยอ๊ะ แต่บอกไอ้ต้นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นเกิดมันสงสัยขึ้นมาว่าผมเอาตังค์ไปทำอะไรความฉิบหายบังเกิดแน่ๆ ครับ!
     “ว่าแต่พี่ชัชอยากซื้ออะไรเพิ่มรึเปล่าครับ?”
     พอเห็นสายตาซื่อๆ ที่มองตรงมาของมันผมก็พูดอะไรไม่ออก เพราะในลิสนอกจากข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านก็มีแต่พวกของกินทั้งนั้นแหละ มีแต่ของจำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ไอ้ต้นมันแทบจะไม่ได้ซื้ออะไรให้ตัวเองเลย สงสัยผมต้องตัดงบกินดื่มของตัวเองแทนแล้วครับ ช่วงนี้ยอมอดเบียร์ไปก่อนก็ได้วะ!
     “ไม่ดีกว่าจ้ะ พี่ไม่อยากได้ไรเพิ่มหรอก”
     ถึงไอ้ต้นมันจะงกเป็นนิสัย ค่อนข้างประหยัดอดออม แต่ขอบอกว่าความจริงแล้วมันคุณหนูมากครับ รสนิยมความเคยชินของมันทุกอย่างไม่ใช่คนประเภทหยิบของใช้ปั้มยี่ห้อตราห้างเล้ย มันเป็นพวกใช้แต่ของดี สมมุติว่าถ้ามีน้ำยาปรับผ้านุ่มสองยี่ห้อ ยี่ห้อนึงโคตรถูกซื้อสองแถมหนึ่ง แต่ไม่หอมผ้าไม่นุ่ม ไอ้ต้นมันก็ไม่แลหรอกครับ มันไม่ใช่คนประเภทเห็นแก่ของถูกจนไม่สนใจคุณภาพแต่เป็นประเภทชอบอันไหนใช้แล้วดีมันก็จะติดใจใช้แต่อันนั้นแหละ แม้ว่าเวลาผ่านไปแล้วสินค้าจะขึ้นราคาจนแพง มันก็จะบ่นงึมงัมเป็นหมีกินผึ้งแต่ก็จะยังหยิบของที่ว่าลงรถเข็นอยู่ดีนั่นแหละ จนกว่าจะไม่ไหวจริงๆ มันถึงยอมเปลี่ยน
     ผมเห็นเวลามันช็อปปิ้งทีก็รู้เลยว่าไอ้ต้นไม่เคยลำบากหรอก แม่งหยิบแต่ละอย่าง ราคาระดับพรีเมี่ยมในเชลฟ์วางของทั้งนั้น อันที่จริงผมก็สังเกตมาตั้งนานแล้วนะ ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน พี่น้ำคงเลี้ยงไอ้ต้นมาแบบโคตรสบาย ไม่ดิ... ตอนเด็กๆ มันอาจจะลำบาก แต่มันไม่เคยอยู่อย่างอดอยากหรืออยู่อย่างลำบากหรอก ไม่เหมือนสมัยผมเด็กๆ ที่เคยมีบางช่วงที่แม่ชักหน้าไม่ถึงหลังเพราะลูกตั้งสามคนไล่กันๆ ค่าใช้จ่ายเลยเยอะ ส่วนพี่น้ำ... ผมเดาเอาว่าต่อให้มีปัญหา คนอย่างพี่น้ำก็ไม่มีทางบอกอะไรไอ้ต้นหรอก คงจะทำเหมือนปกตินั่นแหละแล้วตัวเองก็แอบไปเหนื่อยคนเดียว ผมนับถือพี่น้ำโคตรๆ เลี้ยงลูกมาตัวคนเดียวได้ไงวะ ไอ้ต้นถึงได้ออกมาเป็นคุณหนูระเบียบขนาดนี้ ไอ้ต้นมันได้รสนิยมแม่มันมาชัดๆ อย่างไฮฯอ่ะ มันชินกับการใช้แต่ของดีๆ หมดทุกอย่าง ถึงมันจะไม่ฟุ่มเฟือยก็เถอะ แต่เอาเถอะครับผมไม่ใช่คนซักผ้า ผมไม่เข้าใจหรอกว่าแฟ้บแต่ละยี่ห้อต่างกันยังไง ไอ้ต้นมันอยากใช้อันไหนก็ตามสบายครับ ให้มันเลือกยี่ห้อที่มันชอบไป จะได้ไม่กัดมือมัน เดี๋ยวมือเมียผมด้านหมด ฮ่าๆ
     “ยิ้มอะไรครับ”
     “มองแม่บ้านคนเก่งของพี่ไง แล้วนี่เรียบร้อยยังครับ จะได้ไปกัน”
     “งั้นก็คืนกระดาษผมมาก่อนสิครับ ผมจะได้ไปเช็ครายการรอบสุดท้าย เหมือนผมว่าผมจะลืมอะไรไปซักอย่าง”
     “คร้าบ เสร็จแล้วเรียกพี่นะ พี่นั่งดูทีวีรอ”
     พอผมคืนกระดาษให้ไอ้ต้นมันก็รับไปแล้วบ่นงึมงัมเดินเข้าห้องนอน อะไรก๊าน! แฟนผมยังไม่ยี่สิบเต็มเลย มันหลงๆ ลืมๆ แบบนี้ได้ยังไง ดูช่วงนี้ไอ้ต้นยุ่งๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ สงสัยเรียนหนักมาก เท่าที่ผมแอบสืบมา มันแทบไม่ค่อยได้ไปไหนกับไอ้เด็กเวรนั่นละ เพราะมัวแต่ติวกับเพื่อนมันเกือบทุกวัน สะใจผมเป็นบ้า! ขยันๆ เข้าไว้นะที่รัก จะได้จบสูงๆ มีงานดีๆ ทำให้พี่เกาะตอนแก่ ฮ่าๆ
     ผมนั่งดูทีวีรอซักพักมันก็เดินออกมา หืม... มันเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเว้ย วันนี้มันแต่งตัวหล่อเชียว เสื้อยืดสีขาวแขนยาวแต่งกระดุมกับยีนส์เข้ารูปสีดำ แถมมันยังพึ่งไปตัดผมมา ได้ข่าวว่าทรงนี้น้องเมษเลือกให้ ผมที่ยาวๆ ไม่เป็นทรงเลยหายไปเหลือแต่หน้าใสๆ ของมัน น่ารักจริงเมียพี่ มีแต่แว่นตานั่นแหละครับที่ยังเกะกะอยู่เหมือนเดิม พักนี้เมียผมชักแต่งเนื้อแต่งตัวดูดีขึ้นทุกวัน ผมมองตัวเองที่ใส่กางเกงขาสั้นแบบตลาดนัดแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยดี ไปเปลี่ยนหน่อยดีกว่าครับ ถ้าไอ้ต้นมันแต่งขนาดนี้แปลว่าไม่ได้ไปแค่ห้างดอกบัวใกล้บ้านชัวร์
     “เสร็จละเหรอ งั้นเดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเกงแป็บ”
     ผมสะบัดตูดลุกขึ้นจากโซฟาแล้วก็ขโมยจูบมันทีนึง ส่วนไอ้ต้นมันก็ยิ้มรับจูบผม
     “ครับ”

     และแล้วพวกผมก็จรลีออกจากคอนโด ขับรถผ่าวิกฤตบนถนนศรีนครินทร์ ตัดเข้าเส้นบางนา มาที่ กม.8 แต่ตอนนี้ผมกำลังติดแหง็กอยู่ตรงทางเข้าลานจอดรถครับ ธรรมดาของวันหยุด รถเยอะชิบเป้ง!
     “คือ... ต้นครับ พี่ถามหน่อยสิ ทำไมเราต้องถ่อมาถึงนี่ด้วยครับ?”
     ไอ้ต้นมันละสายจากการมองซอกแซกหาช่องว่างสำหรับจอดรถหันมามองหน้าผมตาเขียวหน่อยๆ
     “พี่ชัชไม่อยากมาเหรอครับ?”
     “คือ เปล่าครับที่รัก คือ... พี่แค่สงสัย นึกยังไงชวนพี่มาซื้อของถึงนี่”
     “ก็... เห็นคนเขาบอกที่อิเกียมีของแต่งบ้านเยอะดีครับ บางอย่างก็ถูกดีด้วย แล้วแถวนี้ก็มีร้านอาหารตั้งเยอะ บรรยากาศก็ดี ผม... อยากมาเปิดหูเปิดตาบ้าง นานๆ จะได้ไปไหนกับพี่ชัชสองคนซะที”
     อืม มันงอนนะ ผมว่ามันงอนผมแหละ ถึงจะพูดบ่นทำนองน้อยใจแบบเจียมตัว แต่แก้มป่องๆ นั่นกับหน้าเชิ่ดๆ มันงอนผมชัวร์ครับ มันกำลังด่าผมอยู่ว่าหัดพามันไปดินเนอร์นอกบ้านบ้าง และผมขอบอกเลยว่าถ้าไอ้ต้นมันเข้าโหมดนี้เมื่อไหร่ละก็ อย่าไปเถียงมันครับ เพื่อความสงบสุขของรูหูผม เงียบไว้แล้วฉีกยิ้มเอาใจยอมๆ มันไปดีที่สุด
     “แถวนี้มีห้างตั้งเยอะด้วย พอดูของที่อิเกียเสร็จแล้วค่อยไปช็อปปิ้งในซุปเปอร์มาร์เก็ตต่อก็ได้ เสร็จแล้วค่อยหาอะไรทาน ไม่ดีเหรอครับ?”
     แล้วผมจะตอบอะไรได้ครับ วันนี้ไอ้ต้นอารมณ์แม่บ้านเข้าสิงซะขนาดนี้
     “ดีจ้ะ”
     ชะอุ่ย! ไหงทำหน้าบึ้งขมวดคิ้วแบบนั้นล่ะครับเมียพี่
     “พี่ชัชประชดผมเหรอครับ? ถ้าไม่อยากมาก็บอกสิครับว่าอยากพักผ่อนอยู่บ้าน ผมขับมาเองก็ได้”
     “เปล่าคร้าบ พี่ไม่ได้ประชด”
     “ก็พี่ชัชถามเหมือนไม่อยากมา!”
     นั่นสะบัดเสียงใส่ผมซะงั้น วันนี้วีนแตกจังเลยวุ้ยอีแก่ของพี่
     “คือ... พี่ก็แค่แปลกใจเฉยๆ ครับ เห็นปกติต้นไม่ค่อยสนใจอะไรทำนองนี้ แต่วันนี้อยู่ๆ ชวนพี่มาถึงนี่เชียว อยากได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ?”
     อ้าว... หน้าแดงด้วยเว้ยเฮ้ย ท่าทางผมจะเดาถูกชัวร์ป๊าบ วงเงินในบัตรเครดิตผมยังเหลืออีกเท่าไหร่วะ!?
     “ก็... นิดหน่อยแหละครับ ผมอยากได้ชั้นวางของในตู้เสื้อผ้าเพิ่มนี่นาจะได้แบ่งเสื้อผ้าของผมกับพี่ชัชให้เป็นสัดส่วน แล้วพวกหนังสือเรียนของผมด้วย ตู้ในห้องทำงานของพี่ชัชมีแต่ของๆ พี่ชัชเต็มไปหมด ผมไม่มีที่เก็บของนี่ครับ เลยอยากมาดูไว้ก่อน แต่ถ้ามันไม่โอเคผมก็ยังไม่ซื้อหรอก แค่... อยากมาดูไว้เฉยๆ เพื่อจะเจออะไรที่ใช้ได้”
     เออ! จริงด้วยแฮะผมลืมไปซะสนิทเลย ไอ้ต้นมันอยู่กับผมมาตั้งสองปีแล้ว ข้าวของส่วนตัวมันจะเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งพวกของบางอย่างที่มันเก็บมาจากห้องตัวเองก่อนปล่อยเช่าอีก มันแพ็คใส่กล่องแล้วก็เอามาฝากไว้ห้องผมนี่แหละ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเพราะปกติต้นมันเป็นคนจัดการเรื่องในบ้านเองอยู่แล้ว ประกอบกับนิสัยไม่เรื่องมากของมัน เลยไม่ค่อยมีของใช้ส่วนตัวอะไรมากมาย
     แต่จะว่าไปผมก็เห็นอยู่นะ ไอ้กองตำราสารพัดเล่มที่มันใช้อ่ะ ปกติไอ้ต้นมันชอบวางของๆ มันไว้ในห้องนอน ทั้งกระเป๋าเป้ทั้งหนังสือ ผมเห็นมันวางไว้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งตัวเก่าของฟ่างนั่นแหละ ผมไม่ได้ใช้โต๊ะตัวนั้นอยู่แล้วเลยยกให้มันไป บางทีมันก็นั่งอ่านหนังสือทำการบ้านตรงนั้นเหมือนกัน เห็นทีผมคงต้องคิดเรื่องซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าห้องจริงๆ จังๆ ซักที ผมไม่เคยถามต้นเลยแฮะว่ามันอยากได้อะไรเพิ่มสำหรับตัวเองรึเปล่า เพราะของใช้ทุกอย่างเป็นของเก่าตั้งแต่สมัยผมอยู่กับฟ่างทั้งนั้น
     “ขอโทษนะครับ พี่น่าจะสังเกตให้เร็วกว่านี้”
     “พี่ชัชไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับ ไม่ต้องขอโทษผมก็ได้ ก็พี่ชัชงานยุ่งนี่นา แถมไม่ค่อยได้กลับห้อง ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ”
     มันตอบแบบงอนๆ นิดหน่อย แต่เสียงงุ้งงิ้งๆ ของมันโคตรน่ารักเลยครับ เวลามันทำแบบนี้ทีไรผมอดยิ้มไม่ได้ทุกที หึๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าเราต่อแถวกันอยู่กลางลานจอดรถมีเบนซ์กับเฟียสต้าประกบหน้าหลังนะน้อง พี่จะจับมาดูดปากซักทีสองที
     “คร้าบ ละเราอยากได้แบบไหนล่ะ? คิดเอาไว้แล้วยัง?”
     “อืม ก็พอดูๆ ไว้แล้วแหละครับ ผมเห็นในแคทตาล็อกวันก่อน พอดีเพื่อนผมเค้าเอาแคทตาล็อกสินค้าไปที่มหาวิทยาลัยน่ะครับ แล้วผมเปิดดูผ่านๆ ก็เห็นว่ามีของบางชิ้นน่าสนใจดี เลยว่าอยากลองมาดูของจริงก่อนน่ะครับ แล้วค่อยตัดสินใจอีกที”
     อืม มิน่าผมเห็นในกระดาษโน้ตนั่นแม่งเขียนอะไรยุกยิกเต็มไปหมดเลย กว้างคูณยาวคูณสูง ไอ้ตอนแรกผมก็สงสัยนะว่าอะไร แต่ตอนนี้ชัดละ แม่งวัดมาขนาดนั้น ผมว่าวันนี้คงไม่พ้นได้แบกตู้กลับบ้านแน่ๆ เลยว่ะ เอาเถอะครับก็มันจำเป็น
     แล้วผมก็ต้องมาเดินเข็นรถเข็นตามไอ้ต้น ผมพึ่งรู้นะเนี่ยว่ามันไม่เคยมา สีหน้าของมันอย่างกับเด็กแน่ะ เดินดูโน่นดูนี่ท่าทางมีความสุขน่าดู จะว่าไปของที่นี่ก็เยอะจริงๆ นั่นแหละ แต่ไงดีล่ะ ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องแต่งบ้านอะไรทำนองนี้มั้ง ตอนอยู่กับฟ่างๆ ก็เป็นคนเลือกหมดเกือบทุกอย่าง คุณคิดเหรอครับว่าถ้าอยู่กับผู้หญิงอย่างฟ่างแล้วผมจะมีโอกาสได้ออกความเห็น หน้าที่ของผมก็มีแค่ “ดีจ้ะ” “สวยครับ” “ตามใจฟ่างเลย” สามประโยคเท่านั้นแหละครับ นี่ยังดีนะไอ้ต้นมันไม่เอาแต่ใจมากเท่าฟ่าง อย่างน้อยๆ เวลามันจะทำอะไรมันยังเกรงใจมาขออนุญาตผมก่อน แต่ลงท้ายผมก็ตามใจเมียอยู่ดีนั่นแหละ เพราะผมไม่มีความเห็นจริงๆ มันเป็นคนใช้ก็ให้มันเลือกไปเหอะครับ
     เดินเข็นรถเข็นตามมันได้ซักพักไอ้ต้นมันก็ตัดสินใจได้ มันซื้อชั้นแขวนในตู้เสื้อผ้ากับชั้นวางของเล็กๆ แบบตั้งพื้น เพราะคอนโดผมไม่เอื้ออำนวยกับการเจาะผนังทุกประการ ถ้าใครจะซื้อบ้านซื้อคอนโดก่อนซื้อก็อย่าลืมถามเขาก่อนนะครับ ผมเห็นคนเจ็บมาเยอะละ ผนังห้องกากๆ ตอกอะไรเข้าไปก็ไม่อยู่ ติดตั้งชั้นแขวนอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ราวผ้าม่าน D.I.Y เหี้ยชิบ! บ้านสมัยนี้วัสดุคุณภาพต่ำชิบหาย เก็บเงินมาทั้งชีวิตแต่ลงท้ายก็ได้บ้านทุเรศๆ หนึ่งหลัง เหอะๆ
     แต่ที่อิเกียของเขาก็ดีจริงๆ แฮะ ผมเองก็ชอบนะ เดินดูของไปเรื่อยๆ เพลินดีเหมือนกัน เพราะของเยอะชิบ เรื่องราคาไม่ถูกมากเท่าไหร่ แต่สไตล์กับประโยชน์ใช้สอยสำหรับห้องพักที่มีพื้นที่จำกัดนี่ผมว่าอิเกียเขาเด็ดจริงๆ มิน่าไอ้ต้นเห็นแล้วตาลุกวาวเชียว ตอนเข็นไปจ่ายตังค์งี้นะ หน้าบานแก้มปริเชียว ผมจะทำไรได้ ก็ควักการ์ดออกมารูดสิครับ แล้วก็ทำนิ่งๆ ไว้ อย่าให้มันระแคะระคาย เดี๋ยวผมจะซวยเอา
     พอแบกของกลับไปเก็บที่รถกันเสร็จผมก็ถูกมันลากทำท่าจะพาไปซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตต่อ แต่ผมชักหิวแล้วเลยชวนมันให้หาอะไรกินกันก่อน เพราะพวกเราเสียเวลาในอิเกียไปเยอะเหมือนกันครับ
     “หาไรกินกันก่อนเถอะต้น พี่หิวอ่ะ”
     “เอางั้นเหรอครับ ... อืม แล้วพี่ชัชอยากทานอะไรล่ะครับ?”
     มันหันมามองผมแล้วก็ลังเลนิดหน่อย แต่ลงท้ายก็ตามใจผม สำเร็จล่ะ ได้พักซะที ผมปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวแล้ว บางอารมณ์ต้นมันก็เหมือนเด็กจริงๆ นะ ผมนึกถึงตอนที่ผมพาหนูน้ำหวานไปเที่ยวงานวันเด็กเลย ลากผมไปโน่นไปนี่ไม่หยุด
     “แล้วต้นอยากกินอะไรล่ะครับ เป็นคนชวนพี่มาแถวนี้เนี่ยเราก็ต้องเป็นไกด์ให้พี่ด้วยสิ”
     “ผม! ... ผมเคยมาแถวนี้ที่ไหนละครับ”
     นั่นมันทำหน้ามุ่ยไปนิดนึงก่อนจะอ้อมแอ้มตอบผม เฮ้อ... เอาก็เอาวะ!
     “งั้นก็เดินดูไปเรื่อยๆ แล้วกัน เราอยากกินอะไรก็บอกล่ะ”
     “ครับ”

     ถึงจะเป็นเดือนมกราคม แต่อากาศยังเย็นอยู่เลยครับ เพราะฉะนั้นฟ้าเลยมืดเร็ว บรรยากาศกำลังโพล้เพล้เลย ตามลานด้านนอกตรงระเบียงมีร้านเปิดท้ายเต็มไปหมด ไอ้ต้นงี้เดินไปชะเง้อไปเชียว ระวังคอจะเคล็ดนะน้องเอ้ย
     “สนใจเหรอครับ แวะดูมั้ย?”
     “เอ่อ ไม่หรอกครับ ผมก็มองไปงั้นแหละ”
     “ไม่อยากได้เหรอ? พี่เห็นมองใหญ่เลย”
     “ไม่หรอกครับ ก็มองเฉยๆ เห็นมันน่ารักดี”
     “พี่ซื้อให้”
     “ไม่ต้องหรอกครับพี่ชัช เปลืองเปล่าๆ ผมไม่ได้อยากได้ซักหน่อย ไปเถอะครับ พี่ชัชหิวแล้วไม่ใช่เหรอ”
     นั่นไง เมียผมงกเป็นที่หนึ่ง มองจนคอจะเคล็ดอยู่แล้วดันบอกว่าไม่อยากได้ ไอ้ต้นมันดันหลังผมให้เดินต่ออย่างกับเด็ก แต่ไอ้ตรงนั้นอ่ะผมกำลังปวดพอดีเลยครับ แม่งเจ็บจี๊ดเลยอ่ะ!
     และแล้วเราก็เลือกร้านราเม็งชื่อดัง เพราะอากาศดีพวกเราก็เลยเลือกนั่งโต๊ะด้านนอก แต่ไปๆ มาๆ ผมชักรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดซะแล้ว ทำไมมีคนเหล่เมียผมเยอะจังวะ กูเห็นนะมึ๊ง! แอบส่งยิ้มให้เมียกู
     สุดที่รักของผมไม่ได้ใส่ใจสายตาหื่นกระหายที่จ้องมองตัวมันเองเล้ย สนใจแต่ราเม็งตรงหน้าเท่านั้นแหละ นี่ไอ้ต้นมันเปลี่ยนรสนิยมจากสปาเก็ตตี้แบบยุโรปเป็นราเม็งแบบญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? พักนี้ดูเหมือนมันจะบ้าอาหารญี่ปุ่นหน่อยๆ
     “ไม่อร่อยเหรอครับพี่ชัช?”
     “อร่อยจ้ะ”
     พอผมบอกว่าอร่อย มันก็ยิ้มให้ผมแล้วลงมือกินต่อ บางทีผมก็อดถามตัวเองไม่ได้ เพราะแฟนผมอายุน้อยกว่าผมมากรึเปล่า บางครั้งผมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองแก่ ถึงไอ้ต้นมันจะขี้บ่นก็เถอะ แต่บางทีมันก็มีมุมซื่อๆ เหมือนเด็กแบบนี้เยอะเหมือนกัน ทำไมผมจะไม่รู้ ต้นมันเห็นผมเป็นตัวแทนของ“พ่อ” ผมเองก็ไม่รังเกียจที่จะเล่นบทแบบนั้นหรอกครับ เหมือนอย่างตอนนี้ ท่าทางใสๆ ดีใจกับอะไรนิดๆ หน่อยๆ นี่เหมือนเด็กชะมัดเลย ทั้งๆ ที่อีกไม่นานแฟนผมก็จะอายุครบยี่สิบแล้วแท้ๆ
     “ต้นกินไปก่อนนะ พี่ไปเข้าห้องน้ำแป็บว่ะ”
     ต้นมันทำหน้าเหลอหลาเลยครับ มันเงยหน้าขึ้นมามองผมทำตาโตทั้งๆ ที่ยังมีเส้นราเม็งคาปาก ฮ่าๆ
     “อื้อ แอ่..
     “น่า เดี๋ยวพี่มา แป็บเดียวครับ”
     ผมรีบชิ่งเดินออกมาจากร้าน ถ้าจำไม่ผิดผมเห็นต้นมันมองร้านขายพวงกุญแจทำมือ ร้านที่มีผู้ชายท่าทางแนวๆ ไว้หนวดใส่หมวกสีฟ้า ว่าแต่ ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าไอ้ต้นมันสนใจพวกกุญแจทำมือด้วยรึไง เจอละ! แม่ง พ่อค้าติสท์จัดอ่ะ! มันหลุดมาจากยุคซิกตี้รึไงวะ? แต่งตัวซะ... ผมเหล่มองของในแผง ไอ้ตุ๊กตาที่ทำจากกะลามะพร้าวฉลุลายนี่มันน่ารักตรงไหนวะ? อย่าบอกนะว่าไอ้ต้นติดใจพ่อค้า ... ไม่ดิ ผมว่าผมเจอละว่าต้นมันมองอะไร
     “พวกกุญแจอันเท่าไหร่ครับ”
     “แถวล่างหกเก้า แถวบนเก้าๆ พี่”
     “เออน้อง แล้วถ้าซื้อแถวล่างสองอันอ่ะ ลดได้ป่ะ”
     “โหพี่ ลดไม่ได้จริงๆ นี่งานแฮนด์เมด ให้ผมเหอะ”
     “งั้นถ้าพี่สั่งให้น้องทำให้ รอนานป่ะ พี่อยากได้แกะกับหมาป่าอยู่ด้วยกัน”
     “เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวผมร้อยให้ใหม่ แต่คิดราคาเต็มนะพี่”
     “เออ โอเคเลย”
     แล้วผมก็นั่งรอพ่อค้ารื้อตุ๊กตาแกะกับหมาป่าออกจากพวงกุญแจอันเก่าแล้วร้อยเข้าไปให้มันอยู่ด้วยกัน แถมพ่อค้ายังใจดีแถมตัว“T”มาให้ผมอีก เอาเหอะพวกกุญแจอันละร้อยสี่สิบก็ไม่แพงหรอก ผมเคยเอาเงินไปใช้เหลวไหลกว่านี้ตั้งเยอะ ผมหอบอารมณ์อิ่มเอมใจที่ได้เซอร์ไพรส์แฟนเดินกลับไปที่ร้านอย่างมีความสุข แต่ใครจะไปคิด ไอ้ผู้ชายคนที่ขยันส่งยิ้มให้เมียผมเมื่อตะกี้แม่งเจ๋อมานั่งโต๊ะผมซะแล้ว
     “กลับมาแล้วต้น”
     “นี่ไลน์เรา แล้วอย่าลืมแอดมานะ จะรอ”
     พอไอ้เด็กเวรนี่เห็นผมเดินกลับมาก็ทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินหนี กลุ่มเพื่อนที่โต๊ะมันก็ส่งเสียงแซวกันเองใหญ่ ส่วนสีหน้าไอ้ต้นตอนเห็นผมเหมือนคนโล่งใจเต็มพิกัด ผมก็เห็นนะ ตอนที่ต้นมันยังไม่เห็นผมเดินกลับมาสีหน้ามันอึดอัดขนาดไหน มันคงสบายใจที่ไอ้เวรนั่นถอยไปซักที แต่ขึ้นชื่อว่าชัยชัช! ผมไม่ยอมให้มันหยามน้ำหน้ากันแล้วจากไปเนียนๆ งี้หรอก ใครใช้ให้มันมายุ่งกับเมียผม! ผมเลยคว้าข้อมือมันไว้แล้วหยิบซองใส่ตะเกียบที่มันจดเบอร์ตัวเองให้ไอ้ต้นขยำแล้วยัดใส่มือมัน
     “โทษทีนะน้อง แต่พี่ไม่อนุญาตให้เด็กในปกครองใช้ระบบสามจีกากๆ ว่ะ โทรศัพท์น้องชายพี่ไม่มีเน็ท คงไลน์กับน้องไม่ได้หรอก”
     เอาเดะ พวกมึงมาเป็นกลุ่มแล้วไง ไอ้พวกวัยรุ่นหยองกรอดเอ้ย หุ่นบางอย่างกับกุ้งแห้ง ใส่เดฟรัดติ้วขาลีบอย่างกับตะเกียบ ชนกับกูซักตั้งมั้ยละมึ๊ง!
     แต่มันก็เรื่องจริงนะครับ โทรศัพท์ไอ้ต้นมันใช้โทรอย่างเดียวไม่เล่นโซเชียลทุกประเภท ผมเลยไม่เคยกังวลว่ามันจะแอบไลน์คุยกับใครลับหลัง ไม่ต้องกลัวมันจะตามมาส่องเฟซส่องอินสตาแกรมผมเหมือนฟ่างด้วย ฮ่าๆ
     “พี่ชัช!”
     “ครับ?”
     ผมหันไปยิ้มรับคำทำเหมือนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลงมือทานราเม็งขึ้นอืดในชามของตัวเองต่ออย่างไม่ใส่ใจ ไอ้เด็กพวกนั้นมันก็ไม่กล้าทำอะไรผมหรอก ราศีมันผิดกัน ไอ้ต้นเองก็หน้าซีดเชียว ไม่รู้กลัวไอ้คนพวกนั้นรึกลัวผม ... โอเค คือผมก็รู้นะ เมื่อกี้ผมทำเกินไปหน่อย ผู้ใหญ่ที่ไหนควรไปมีเรื่องกับเด็ก แต่... มีคนมาจีบเมียผมถึงที่อ่ะ! ไม่ให้ผมโมโหก็บ้าแล้ว! มันก็เลย... หลุดๆ กันนิดหน่อย
     ไอ้ต้นมันทานของมันเสร็จแล้วก็ได้แต่นั่งดูดน้ำแล้วก็เหลือบตามองผมเป็นระยะๆ ท่าทางกลัวผมปะทุน่าดู ผมต้องคูลดาวน์ตัวเองซักหน่อยละ
     “สั่งของหวานมั้ยครับ?”
     ผมถามพลางวางตะเกียบพาดกับปากชามเป็นอันว่าผมเสร็จสิ้นกับราเม็งตรงหน้านี้แล้ว
     “ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่อยาก...”
     “แต่พี่อยาก เค้าบอกว่าของหวานๆ กินแล้วสดชื่นอารมณ์ดี ต้นไม่กินงั้นก็ป้อนพี่ละกัน”
     ว่าแล้วก็ก็หันไปเรียกเด็กเสิร์ฟ
     “น้องๆ ขอเยลลี่อัลมอนด์กับไอติมชาเขียวอย่างละที่ครับ”
     “อื้อพี่ชัช สั่งตั้งสองอย่าง”
     “ก็คนละอย่างไง”
     “แต่ผมไม่ชอบชาเขียวซักหน่อย พี่ชัชก็...”
     พอเห็นผมยิ้มให้ มันก็รู้ว่าผมปรับตัวเองเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว มันก็เลยใช้โหมดปกติของมันตามผมบ้าง โหมดอีแก่ขี้บ่น ฮ่าๆ
     “ก็กินเยลลี่ไป เยลลี่ที่นี่อร่อยนะต้น ลองชิมดูสิ”
     “ก็ได้ครับ...”
     แน่ะ มาทำเสียงงุ้งงิ้ง ไม่ใช่ว่าอยากกินอยู่แล้วรึไง หึๆ ต้นเอ้ย... น่ารักชะมัดเลยครับ พอของหวานมาเสริฟมันก็ทำตาโตเชียว ท่าทางสนใจขนมสุดๆ ไปเลยนะนั่น มีแอบๆ ก้มลงไปดมก่อนนิดนึงด้วย
     “อื้อ หอมกลิ่นเลมอนจังครับ”
     “ไหน? หอมจริงอ่ะ? ป้อนพี่คำดิ”
     ไอ้ต้นมันตักเยลลี่ในถ้วยส่งมาป้อนถึงปากผมอย่างว่าง่าย ดูท่ามันคงตื่นเต้นจนลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังเผลอป้อนขนมผมในที่สาธารณะ ผมแอบหัวเราะนิดหน่อยนะ ผมไม่รู้หรอกว่าชาวบ้านเขาจะคิดยังไง อยากจะมองผมกับไอ้ต้นแบบไหนก็มองไป ขอแค่อย่ามีไอ้บ้าหน้าไหนมายุ่งกับเมียผมพอ!
     “เออ อร่อยจริงด้วย ลองชาเขียวของพี่ป่ะ?”
     “อื้อ ไม่เอาอ่ะ ขม!”
     “น่า ลองหน่อยนะ พี่ว่าไม่ขมเท่าไหร่หรอก”
     ผมตักไอติมของตัวเองเข้าปากแล้วหลอกล่อมันเหมือนหลอกเด็ก ถึงไอติมชาเขียวมันไม่หวาน แต่คนตรงหน้าผมหวานครับ หวานไปทั้งตัว
     “จริงเหรอครับ?”
     “จริงสิ อ่ะ ชิมดูมั้ย”
     ไอ้ต้นมันทำหน้าสนใจอยากรู้อยากลองแต่ก็ไม่กล้าอยู่พักนึง ก่อนจะอ้าปากงับช้อนที่ผมจ่ออยู่ตรงหน้ามัน เท่านั้นแหละ เบ้หน้าทันที ฮ่าๆ
     “อื้อ! พี่ชัชอ่ะ หลอกผมอีกแล้ว! ไม่อร่อยเลยครับ”
     “เฮ้ย! อย่าพูดดัง พูดงี้ในร้านเขาได้ไง”
     ไอ้ต้นมันรีบเอามือตะครุบปากตัวเองแล้วด่าผมต่อด้วยเสียงเบาๆ พอให้ได้ยินกันแค่สองคน
     “ก็พี่ชัชแหละครับ แกล้งผมก่อนทำมั้ย ไม่เอาแล้ว ผมทานเยลลี่ของผมดีกว่า”
     แล้วมันก็นั่งทานเยลลี่ของมันต่ออย่างเอร็ดอร่อย ผมดูมันทานแบบนี้ก็มีความสุขไปอีกแบบนะ ไม่ต้องมีลูกก็ได้ ขอแค่มีกันและกัน ได้นั่งทานข้าวกับมันไปเรื่อยๆ ผมก็มีความสุขแล้ว
     ว่าแล้วผมก็ควักของที่อุตส่าห์แอบดอดไปซื้อออกมาวางไว้ตรงหน้ามัน พอมันเห็นก็กระพริบตาปริบๆ สองที ก่อนจะถามผม
     “อะไรเหรอครับพี่ชัช?”
     “ลองเปิดดูสิ”
     แล้วมันก็หยิบถุงไปเปิดดู
     “นี่มัน!”
     มันอ้าปากค้างทำตาระยิบระยับเชียว แปลว่าผมเดาถูก ท่าทางมันถูกใจของชิ้นนี้มากนะนั่น ทำอย่างกับผมซื้อแหวนหมั้นให้ซะงั้น
     “รู้ได้ยังไงครับ”
     “พี่ก็ไม่แน่ใจหรอก เห็นต้นมองๆ ตอนไปเข้าห้องน้ำเลยแวะดู ละก็เลยคิดว่าต้นน่าจะมองพวกมันนี่แหละ แต่พี่ไม่แน่ใจว่าเราชอบตัวไหน เลยเหมามาทั้งสองอัน หมาป่ากับแกะจะได้อยู่เป็นคู่กันไงครับ”
     “ไม่เห็นต้องซื้อมาเลย จริงๆ ผมเอาของแจกของพี่ชัชมาใช้ก็ได้ครับ”
     “อ้าว ต้นอยากได้พวกกุญแจจริงๆ หรอกเหรอ พี่นึกว่าเราอยากได้เพราะมันน่ารัก”
     สรุปว่า ต่อให้น่ารักขนาดไหนแต่ถ้าไม่ใช่สิ่งจำเป็น แฟนผมก็จะไม่ยอมให้เงินกระเด็นออกจากกระเป๋าสินะครับ สุดยอดเลย สกิลแม่บ้านขั้นเทพ!
     “ครับ ก็... กุญแจห้องพวงของผมมันเก่าแล้ว ตรงที่ห้อยมันขาดไปแล้วด้วย ผมก็เลยว่าจะเปลี่ยนใหม่น่ะครับ”
     ต้นมันพูดพร้อมกับยกพวงกุญแจของมันมาให้ผมดู อืม จริงด้วยแฮะ ว่าแต่ไม่ค่อยเห่อเลยนะครับที่รัก ต้นมันลงมือเปลี่ยนของเก่าออกแล้วใส่อันใหม่เข้าไปแทนโดยเมินเยลลี่แสนอร่อยอีกครึ่งถ้วยไปเลย ฮ่าๆ เด็กเอ้ยเด็ก...
     จะว่าไปพอเห็นผมถึงจำได้ กุญแจพวกนั้นเคยเป็นของฟ่าง เพราะพวกผมต่างคนต่างทำงานเราเลยแยกกุญแจเป็นสามชุด อยู่ที่ผมกับฟ่างคนละชุด แล้วก็มีพวงสำรองเก็บไว้ในห้องอีกชุดหนึ่ง ตอนที่ฟ่างย้ายออกไป ฟ่างคืนกุญแจให้ผม พอต้นย้ายมาอยู่กับผม ผมจำไม่ได้ว่าเก็บกุญแจสำรองไว้ไหน เลยเอาพวงที่ฟ่างเคยพกให้ต้นมันนั่นแหละ ลูกบอลขนสีชมพูติดโบว์แล้วไหนจะยังคริสตัลระย้าเป็นพวงอีก พอมานึกๆ ดูผมก็สยองแทนต้นเหมือนกันนะ มันก็อุตส่าทนใช้ไม่ปริปากบ่น
     ผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวงกุญแจอะไรพวกนั้นด้วย เพราะสาระสำคัญของพวงกุญแจก็แค่เก็บลูกกุญแจไว้รวมกันไม่ให้มันหายก็พอแล้ว แต่พอมาเห็นแบบนี้ ผมก็คิดได้ขึ้นมาว่าอะไรที่มันเก่าผุพังไปก็ถึงเวลาเปลี่ยนใหม่เป็นธรรมดา ผมกับฟ่างจบกันไปนานแล้ว ตอนนี้คนที่อยู่กับผมคือต้น ผมน่าจะถามความเห็นมันบ้าง มันไม่ได้มาอยู่กับผมในฐานะผู้อาศัยแต่มาใช้ชีวิตร่วมกับผมต่างหาก และจากนี้ไป ผมว่าที่คอนโดคงมีข้าวของเครื่องใช้ของผมกับมันมาเติมเต็มห้องของพวกเรามากขึ้นแน่ๆ ครับ ถ้าผมมีตังค์น่ะนะ แต่ตอนนี้บัญชีพี่ยังแดงเถือกอยู่เลยน้องเอ้ย!

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     และแล้วก็มาถึงเวลาที่คุณพ่อบ้านเบื่อที่สุด เข็นรถเข็นตามเมียช็อปปิ้งในซุปเปอร์มาเก็ตครับ ไอ้ต้นควักโพยที่มันจดยาวเหยียดออกมาแล้วเดินตรงไปมุมสินค้าลดราคาเป็นอันดับแรก ผมก็เลยยืนเฝ้ารถเข็นอยู่แถวๆ นั้นรอ ไอ้ผมมันมีหน้าที่แค่หาเงินเข้าบ้านครับที่เหลือก็นั่งๆ นอนๆ รอกินอย่างเดียว เมียทำอะไรให้ก็ต้องเคี้ยวๆ แล้วกลืนลงท้องหมดนั่นหละครับ ดูเหมือนมันจะเช็คของเสร็จแล้ว นั่นไง! ไอ้ต้นมันได้ไข่ไก่ติดมือมาสองแพ็ค ผมอ่ะแทบจะได้กินไข่ทุกเช้าแต่เปอเซ็นต์ใช้แรงงานตอนกลางคืนต่ำชิบหาย! ต้นมันตื่นมาทำให้ผมกินตลอดแหละ สลับกันทั้งทอดลวกต้ม บางวันข้าวไข่เจียวตอนเช้าก็ยังมี
     ละแม่งก็โด๊ปพี่ทุกเช้า ทีตอนกลางคืนอ่ะสะกิดไม่เคยได้
     “ไข่ลดราคาเหรอครับ”
     “อย่างพี่ชัชน่ะ ไม่ถึงอาทิตย์ก็หมดแล้วครับ ไข่สมัยนี้ฟองเล็กจะตายไป”
     มันบ่นตามเสต็ปแล้วก็ก้มหน้าดูโพยก่อนจะลากผมไปยังตู้แช่เนื้อสด ผมแอบขำมันนิดหน่อยนะ ก็ไม่ใช่มันรึไงที่ขุนผมอ่ะ นี่ดีนะผมไม่ได้เป็นคอเลสเตอรอลสูง ไม่งั้นจุกอกตาย ฮ่าๆ
     ต้นมันหยิบของสดอย่างชำนาญเลยครับ เสร็จแล้วก็ตรงไปเลือกผักต่อ ผมมองแฟนผมเลือกผักอยู่ท่ามกลางเหล่าแม่บ้านแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้แฮะ แฟนผมน่ารักจริงๆ
     “พี่ชัชครับ พรุ่งนี้ทานต้มยำมั้ยครับ?”
     “หือ เอาสิ ต้นทำอะไรพี่ก็กินได้ทั้งนั้นแหละ”
     “งั้นพรุ่งนี้เราทำต้มยำทานกันนะครับ เห็ดมันลดราคา”
     นั่นปะไรเมียกู! ผมขอถอนคำพูดที่เอ่ยชมมันในใจตะกี้ให้หมดเลยครับ แม่ง! ยังดีนะมันยังหันมาเอาใจผม
     “แล้วพี่ชัชอยากทานผลไม้อะไรรึเปล่าครับ? องุ่นกับส้มน่าทานมากเลย”
     น่าทานสิครับ ป้ายสีเหลืองแปะอยู่ทนโท่ว่าลดราคา ไอ้งก!
     “อะไรก็ได้ที่เมียป้อน”
     “ทุกทีอ่ะ พี่ชัชก็... แบบนี้ทุกที ถ้าผมไม่ปอกให้ก็ไม่หยิบไปทาน”
     ถึงมันจะทำท่าหงุดหงิดแต่ก็แอบหน้าแดงครับ ฮ่าๆ หน้าที่ขึ้นสีระเรื่อหน่อยๆ กับแก้มป่องๆ เพราะแอบอมยิ้มเล็กน้อย อยากหอมแก้มมันจัง แต่เพราะทำไม่ได้ ผมเลยเนียนเดินไปโอบคอมันแทน แน่ะๆ มีแอบเอนมาซบพี่หน่อยนึงด้วย อ้อนเหมือนกันนี่หว่า หึๆ ผมขอกลืนน้ำลายตัวเองประโยคแรกหน่อยแล้วกัน ถ้าเมียผมมันจะน่ารักขนาดนี้ คุณพ่อบ้านอย่างผมไม่เบื่อหรอกครับ ต่อให้ต้องเข็นรถเข็นตามมันอีกสองชั่วโมงผมก็ยอม ฮ่าๆ
     พอพวกเราเสร็จจากตรงของสดก็เดินไปตรงของใช้กันครับ แต่ผมนึกขึ้นได้ ถ้าเป็นที่นี่มันมีกาแฟยี่ห้อโปรดของอาจารย์หมอคนนึงขาย ซื้อไปฝากแกซะหน่อยดีกว่า เรียกว่าเอาหน้าก็ได้ครับ จริงๆ วิธีที่ผมทำมันก็ผิดหลักจรรยาบรรณนิดหน่อยนะ แต่โชคดีที่นี่เมืองไทย ระบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่ามันฝังรากลึกเกินกว่าจะขุดได้ครับ พวกผมเลยเรียกวิธีนี้ว่าทำให้ผู้ใหญ่ท่านเอ็นดู เวลามีอะไรจะได้นึกถึงเราก่อนเป็นอันดับแรก
     “ต้น พี่ไปดูกาแฟหน่อยนะ เราอยู่แถวนี้ไปก่อนก็แล้วกัน”
     “แต่กาแฟของพี่ชัชยังไม่หมดนี่ครับ”
     “ของหมอน่ะ”
     ผมขยี้หัวมันสองทีเบาๆ ก่อนจะเดินจากมาเพื่อทำงานของตัวเอง นึกแล้วก็สงสารมันเหมือนกันนะ อุตส่ามาช็อปปิ้งด้วยกันทั้งที ต้นมันทำหน้าเคว้งคว้างน่าดูเลย แต่ช่วยไม่ได้ว่ะน้องเอ้ย งานพี่มันก็เป็นแบบนี้แหละ ผมตั้งใจว่าจะรีบเดินไปหยิบของที่เชลฟ์แล้วก็รีบกลับไปหาเมีย แต่ใครจะไปคิดว่าผมจะเจอแจ๊คพอตสองรอบ!
     วันนี้มันวันเนื้อหอมของไอ้ต้นรึไง! เฮ้ย... ไม่ดิ พอดูดีๆ แล้วเหมือนไอ้ต้นจะรู้จักคู่กรณีด้วยนี่หว่า เมียผมทำหน้าเย็นชามากอ่ะ ใบหน้าเรียบเฉยราวกับใส่หน้ากาก เหมือนตอนที่มันโกรธผมจัดวันนั้นเลย นี่มันเรื่องอะไรกันวะ หึงอ่ะผมหึงอยู่นะ หวงมากด้วย แต่ความอยากรู้ผมมีมากกว่า ขอพี่เสือกหน่อยก็แล้วกัน ว่าแล้วก็แอบเดินอ้อมไปอีกทางที่ไอ้ต้นจะมองไม่เห็นผม แล้วก็แอบฟัง
     “ขอโทษนะครับ แต่ผมจำไม่ได้จริงๆ”
     “น้องต้นใจร้ายจัง พี่เคยคุยกับเราที่ห้องสมุดไงครับ พี่ยังเคยให้เบอร์เราเลย รอตั้งนานแต่น้องต้นไม่ยอมโทรมาซักที”
     “เราไม่รู้จักกันคงไม่มีเรื่องต้องคุยกันหรอกครับ”
     “ก็ลองคุยก่อนสิครับ จะได้รู้จักกัน นี่ไงวันนี้เราบังเอิญมาเจอกันทั้งที ฟ้าเป็นใจแน่ๆ เลย”
     ตื้อได้หน้าด้านมากครับ ยอมรับเลยนะว่าไอ้หมอนี่คารมดีใช่เล่น ผมโมโหจนจะออกไปโชว์ตัวอยู่แล้ว แต่อะไรบางอย่างก็สั่งผมว่าให้รอก่อน ผมอยากดูว่าเมียผมจะมีปฏิกิริยายังไง ปรากฏว่าไอ้ต้นมันทำเป็นไม่สนใจเข็นรถเข็นหนีครับ แต่ไอ้หมอนั่นกลับเอามือรั้งรถเข็นไว้
     “เดี๋ยวสิ จะหนีกันดื้อๆ เลย? อย่าหยิ่งนักเลยน่า”
     อ้าวๆ ด่าเมียผมอีก ไอ้ต้นนี่ท่าทางของขึ้นแล้วครับ มันขมวดคิ้วเม้มปากแล้ว
     “ขอโทษนะครับ แต่ผมมาซื้อของ แล้วก็มีของอีกหลายอย่างที่ผมต้องซื้อ ไม่สะดวกจะคุยกับคุณครับ”
     “งั้นก็เอาเบอร์มาแลกกันก่อน ยังไงผมก็เป็นรุ่นพี่คุณ คุณก็ควรให้เกียรติผมบ้างนะครับ”
     โซตัสจงเจริญ! ถ้าผมไม่ออกไปตอนนี้ก็ไม่รู้จะออกไปตอนไหนละ ทนไม่ไหวแล้วครับ เมื่อก่อนตอนผมจีบรุ่นน้องยังไม่บ้าอำนาจขนาดนี้เลยนะ
     “มีอะไรรึเปล่าต้น?”
     ผมแกล้งถามไปงั้นแหละ แล้วก็วางของลงในรถเข็นก่อนจะยิ้มให้ไอ้เด็กบ้าอำนาจนี่
     “เอ่อ...”
     ดูต้นมันตกใจมาก ท่าทางอึกอักพูดไม่ออก ผมเลยเล่นบทพ่อพระไปก่อน ผมเองก็ไม่งี่เง่าพอจะบุ่มบ่ามทำให้ต้นมันเกิดเรื่องหรอกนะครับ ยิ่งคนใกล้ตัวในรั้วเดียวกัน เกิดอะไรขึ้นต้นมันจะอยู่ลำบากเอา
     “เพื่อนเหรอครับ?”
     “ไม่ใช่นะครับ!”
     ท่าทางต้นมันคงกลัวผมโกรธน่าดู มันดึงชายเสื้อผมไปกำซะแน่นเลย ผมเลยตบไหล่ปลอบมันเบาๆ ก่อนจะหันไปมองไอ้ตัวต้นเหตุ
     “สวัสดีครับ มีอะไรให้เราช่วยรึเปล่า?”
     ไอ้เวรนี่มองผมด้วยสีหน้าสงสัยสุดๆ แต่ก็ยังฉลาดที่จะเล่นบทรุ่นพี่แสนดี ผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่บ่งบอกว่า มันกับผมเป็นคนประเภทเดียวกัน
     “ผมเป็นรุ่นพี่ของน้องเขาน่ะครับ พอดีบังเอิญมาเจอกันก็เลยแวะมาทักนิดหน่อย แต่น้องเขาคงจำผมไม่ได้”
     “อ้าวเหรอ บังเอิญจังเลย พี่ก็ศิษย์เก่าเหมือนกัน งี้เราก็รุ่นน้องพี่ด้วยสิเนี่ย ฮ่าๆ แล้วน้องอยู่ปีอะไรเหรอครับ ได้ข่าววิทยาเข้าง่ายจบยาก พี่ยังห่วงต้นอยู่เลย”
     “เอ่อ...ผมไม่ได้อยู่คณะเดียวกับน้องเขาหรอกครับ”
     “อ้าวเหรอ แล้วรู้จักกันได้ไงเนี่ย ท่าทางเราเพื่อนเยอะน่าดูเลยนะต้น”
     “พี่ชัช ผม!”
     หน้าซีดใหญ่แล้ว แฟนผมท่าทางเครียดจัดเลยแฮะ เห็นแบบนี้แกล้งไม่ลงแล้ว จากเดิมที่ตบหลังปลอบใจมันอยู่ผมเลยเลื้อยมือขึ้นไปโอบไหล่มันหลวมๆ แทน แต่สีหน้าไอ้รุ่นพี่นั่นดิ ชะงักไปเลย ฮ่าๆ
     “แล้วนี่น้องมาซื้อของที่นี่เหมือนกันเหรอครับ”
     “ครับ ... พอดีผมอยู่แถวนี้”
     “บังเอิญจังเลย พี่กับต้นก็อยู่แถวๆ นี้เหมือนกัน”
     ผมแกล้งหันไปมองไอ้ต้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มโดยพยายามทำท่าลึกลับแบบที่ว่าสายตาของผมมันต้องสื่อความนัยอะไรบางอย่างสุดชีวิต ได้ผลครับ ไอ้หมอนี่มีเหวอพอสมควร
     “ไม่เห็นเคยได้ยินว่าต้นมีพี่ชาย แต่พี่กับต้นหน้าไม่คล้ายกันเลยนะครับ”
     มีหยั่งเชิงครับ
     “อ๋อ พี่กับต้นเราไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดหรอก”
     “อ้าว! เหรอครับ ผมนึกว่าพี่เป็นพี่ชายต้นซะอีก แล้วพี่เป็นอะไรกับต้นเหรอครับ?”
     “พอดีพี่สนิทกับแม่ของต้นมากน่ะ พอแม่เขาไม่อยู่เลยฝากลูกชายมาให้พี่ดูแลแทน ต้นก็เลยมาอยู่กับพี่ ถึงไม่ใช่ญาติแต่ก็เป็นยิ่งกว่าครอบครัวแหละ จริงมั้ยต้น?”
     ท้ายประโยคผมหันไปถามไอ้ต้นแบบทีเล่นทีจริงก่อนจะหันไปบอกลาไอ้รุ่นพี่นั่นแบบเนียนๆ
     “เออ เดี๋ยวพวกพี่ขอตัวก่อนนะ ต้องรีบกลับว่ะ ไงพี่ฝากต้นมันด้วยนะ แม่เขาฝากพี่มาพี่เองก็อุตส่าตั้งใจจะดูแลมันให้ดีที่สุด แต่พี่ก็คงดูแลมันได้แต่ที่บ้านว่ะ ไอ้นี่มันขี้อายเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง พี่กลัวมันจะโดนคนอื่นรังแกเอาเวลาที่ไม่ได้อยู่กับพี่”
     แล้วมันจะทำอะไรผมได้ ผมแสดงความเป็นเจ้าของชัดซะขนาดนั้น เรื่องคารมยังไงๆ ไอ้ไก่อ่อนแบบนั้นก็สู้ผมไม่ได้หรอก ผมเดินกอดคอไอ้ต้นจากมาอย่างสบายอารมณ์ แต่ไอ้ต้นนี่สิครับหน้าซีดใหญ่เลย
     “ต้น... ต้องซื้ออะไรต่อครับ”
     “เอ่อ... ก็... ก็ตามนี้อ่ะครับ”
     แทนที่มันจะบอกผมกลับส่งโพยให้ผมอ่านแทน
     “กลัวพี่โกรธเหรอ?”
     ต้นมันไม่ตอบครับ เอาแต่ก้มหน้างุดๆ ผมเลยลูบหัวปลอบมันไปสองทีก่อนจะขโมยจูบหน้าผากมันอย่างรวดเร็วแล้วถอยออกมาก่อนที่จะมีใครมาเห็น
     “ไว้ค่อยไปคุยกันที่บ้านนะครับ ตอนนี้รีบซื้อของให้เสร็จก่อนดีกว่า นะ จะได้รีบกลับบ้าน พี่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อยากกลับไปนอนละเนี่ย”
     “ครับ”
     พอถูกผมโอ๋เข้าหน่อยค่อยยิ้มออก สีหน้ามันค่อยดูดีขึ้นหน่อย เฮ้อ...
     หลังจากนั้นต้นมันก็ดูเงียบไป เราเลยซื้อของกันแบบไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ พอเสร็จแล้วก็ขับรถตรงดิ่งกลับคอนโด แต่ผมไม่ไหวแล้วครับ ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว เลยเสนอให้มันทิ้งชั้นวางของไว้ในรถก่อน พรุ่งนี้ค่อยแบกขึ้นห้องอีกทีเพราะวันนี้มันมืดแล้ว มันก็ตามใจผม เราช่วยกันถือของขึ้นไปบนคอนโด หลังจากนั้นผมก็ชิ่งหนีไปอาบน้ำ ส่วนมันก็เก็บของที่ซื้อมาเข้าที่ มันคงนึกว่าผมโกรธ เปล่าหรอกผมไม่ได้โกรธ ผมยอมรับนะว่าหงุดหงิดนิดหน่อย ความจริงผมปวดหลังจะตายห่าอยู่แล้ว แต่อดทนเพื่อเมียครับ เห็นไอ้ต้นมันมีความสุขผมก็ยอมทนเจ็บได้ เดินช็อปกับมันเพลินๆ แต่พอมีเรื่องแย่ๆ แทรกเข้ามาให้เสียบรรยากาศ ผมก็หมดอารมณ์ดิ แผ่นหลังผมมันเลยระบมขึ้นมาอีกรอบ อยากกลับคอนโดนอนครับ
     ผมนอนดูทีวีอยู่หน้าโซฟาไปเรื่อยๆ ส่วนไอ้ต้น พอมันเก็บของเสร็จก็ขอตัวไปอาบน้ำ หลังจากมันทำธุระของมันเสร็จแล้วก็เดินออกมานั่งข้างๆ ผมที่หน้าโซฟา แต่ท่าทางมันอย่างกับลูกแกะกลัวหมาป่า ผมเลยเรียกมัน
     “นวดหลังให้พี่หน่อยสิต้น โคตรปวดเอวเลยว่ะ”
     “อ้าว? พี่ชัชปวดหลังเหรอครับ?”
     “เออ แถวๆ เอวอ่ะ มานวดให้ผัวหน่อยเร็ว”
     ไอ้ต้นมันขยับมาหาผมที่นอนคว่ำแล้วก็เริ่มกดฝ่ามือลงบนหลังผมไล่ไปเรื่อยๆ จนถึงเอว
     “อื๊อ แถวๆ นั้นแหละ แรงอีกนิดครับที่รัก”
     มันกลัวผมเจ็บรึไงวะ เวลานวดเขาต้องใส่แรงหน่อยครับที่รัก ทั้งๆ ที่มันชอบมาเอาใจผมคอยนวดให้ผมเวลาผมทำงานกลับมาเหนื่อยๆ แต่ว่าไม่ได้เรื่องเลยครับ ไอ้ที่มันภูมิใจนักหนาว่าแม่มันชมว่ามันนวดเก่งเนี่ย ผมเรียกว่าการพรมนิ้วดูดตังค์แบบบริการนวดโดยสปา พี่น้ำอาจจะชอบ เหมาะกับผู้หญิงอย่างพี่เขา แต่กรรมกรใช้แรงงานอย่างผมมันต้องนวดแรงๆ จัดหนักแบบแผนไทยครับ
     “ออกแรงหน่อยคร้าบ หลังพี่แข็งเป็นกระดานเลยต้น ไม่ต้องกลัวพี่เจ็บ กดแรงๆ เลย”
     “แต่... ถ้ามันระบมเพิ่มละครับ? พี่ชัชทายาแก้ปวดไม่ดีกว่าเหรอครับ”
     “พี่กินเซเลเบรคแล้ว แต่ยังไม่ได้ทาเฟลดีนว่ะ กะให้เรานวดให้ก่อนแล้วค่อยทายา จะได้ไม่เลอะมือเราไงครับ”
     “งั้นเดี๋ยวผมไปหยิบยามาให้นะครับ พอนวดเสร็จแล้วผมจะได้ทายาให้พี่ชัชเลย”
     “เออ แล้วเราง่วงยัง? พี่ไปรอเราในห้องก็ได้ พี่ง่วงแล้ว”
     “ครับ งั้นเดี๋ยวผมปิดไฟแล้วตามเข้าไปนะครับ”
     ต้นมันขยับออกห่างให้ผมมีที่ขยับตัว พอผมลุกขึ้นนั่งได้ก็เห็นมันยิ้มให้ผม แต่หน้าตามันนี่ไม่ได้สดชื่นเล้ย สงสัยคืนนี้เคลียร์กันยาว ผมลูบหัวมันสองทีแล้วก็เดินเข้าห้องไปปล่อยมันปิดไฟปิดทีวีเช็คข้างนอกก่อนจะเดินตามผมเข้าห้องมา มันตรงไปเปิดตู้หยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาแล้วหยิบยาก่อนจะตามขึ้นมาบนเตียง ผมพลิกตัวให้มันอีกรอบก่อนจะสั่ง
     “ออกแรงต่ออีกหน่อยสิครับที่รัก จะเหยียบพี่ก็ไม่ว่าครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
     “เอางั้นเหรอครับ?”
     “เออ เอาแบบหนูรันเลยต้น”
     “เอาแบบนั้นเลยเหรอครับ?”
     “ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกต้น เหยียบเลย”
     ต้นมันทำหน้าเหวอๆ ก่อนจะลุกขึ้นเก้ๆ กังๆ แล้ววางฝ่าเท้าลงบนหลังผม ถึงต้นจะเป็นผู้ชายแต่มันตัวเล็ก แถมน้ำหนักก็น้อยครับไม่ถึงหกสิบอ่ะ เพราะงั้นผมไม่กลัวบาทามันหรอก เหยียบมาเล้ยไอ้น้อง พี่ปวดเอวว่ะ
     “เออๆ แบบนั้นแหละ ย้ำหน่อยต้น”
     “ครับ”
     “เอ้อ...
     มันเหยียบให้ผมอยู่พักใหญ่ผมก็บอกให้มันหยุด เพราะผมเริ่มจะเคลิ้มแล้ว เดี๋ยวหลับซะก่อนแล้วผมจะไม่ได้เคลียร์ คือผมน่ะหลับได้นะ แต่รู้ว่าคนข้างๆ ผมมันต้องกลุ้มใจจนนอนไม่หลับอีก
     “พอก่อนต้น ทายาให้พี่แล้วก็ไปล้างมือเหอะ พี่ง่วงแล้ว”
     “ครับ”
     ต้นมันทายาให้ผมอย่างเบามือ เมียผมนี่ก็แสนดีจริงๆ ผมสั่งอะไรก็ “ครับๆ” ทำให้ผมทุกอย่างไม่มีขัด เสียอย่างเดียว ชอบดราม่า
     พอมันทายาเสร็จแล้วก็ไปล้างมือ ก่อนจะเดินไปปิดไฟในห้องแล้วค่อยๆ ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับผม ผมลอบมองท่าทางหงอยๆ นั่นแล้วก็นึกสงสาร
     “กระเถิบมาใกล้ๆ พี่หน่อยมา”
     ผมพูดขึ้นพร้อมๆ กับขยับเข้าไปรั้งตัวมันมาใช้แทนหมอนข้าง
     “ครับ”
     นั่นไง หงอยเชียว เป็นปกติมันต้องสะบัดสะบิ้ง “พี่ชัชอ่ะ” ทำเล่นตัว ตกใจอะไรของมันไป แต่นี่มันได้แต่รับคำผมแล้วก็ขยับมาหาผมอย่างว่าง่าย เฮ้อ... ได้เวลาปลอบเด็กเลี้ยงแกะ
     “เป็นไรครับ หงอยเชียว กลัวพี่โกรธเรื่องวันนี้เหรอ?”
     “...”
     ต้นมันเงียบก่อนจะถามผมด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ แล้วรีบปฏิเสธ
     “ละ แล้วพี่ชัชโกรธผมรึเปล่าครับ ผมสาบานจริงๆ นะครับว่าผมไม่รู้จักเขาจริงๆ”
     “ครับ พี่เชื่อใจต้นนะ”
     “แต่... แต่พี่ชัชดูเงียบๆ ไป ผมกลัวพี่ชัชโกรธผม”
     “ก็พี่ปวดหลังอ่ะ ต้นก็รู้พี่พึ่งกลับมาจากทริปตีกลอฟ์”
     “ก็ตอนแรกพี่ชัชยังอารมณ์ดีๆ อยู่เลย”
     “แล้วมีคนมาจีบเมียพี่ต่อหน้าต่อตา ต้นจะให้พี่อารมณ์ดีได้ยังไงครับ? พี่โมโหนะ แต่ไม่โกรธต้นหรอก พี่เชื่อครับว่าต้นไม่รู้จักมันจริงๆ”
     “จริงนะครับ?”
     ต้นมันพูดพร้อมกับขยับเข้ามากอดผมซะแน่น กลัวผมไม่รักรึยังไง หึๆ ไอ้เด็กเลี้ยงแกะเอ้ย

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ตามอ่านเพราะมันเรียลมากนี่ล่ะค่ะ

คนเรามันก็มีทั้งดีไม่ดี
ไม่ใช่พระเอ๊กกกกกกกก พระเอกซะหน่อย
ถ้าวัดตามมาตราฐานคนในสังคมเราว่าอิพี่ชัชก็ถือว่าดีนะ แต่จุดที่น่ากลัวที่สุดของตานี่คือความหวั่นไหว
อินี่ไขว่เขวง่ายมาก ใจดีไปทั่ว ใครดีก็ดีด้วย แต่ถ้าไม่ใช่แบบนี้(รักคนง่าย) น้องต้นก็คงแห้วอ่ะ

ต้นนี่เอาความดี(อึด)เข้าสู้จริงๆ

เพี้ยงๆๆๆ อิพี่ชัชมั่นคงกว่านี้เยอะๆ ถ้าแกไขว่เขว่มีมนุษย์อีกล้านเจ็ด(ที่ดีกว่าแก)อยากได้น้องต้นเป็นแฟนนะ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     “อื้ม แล้วเราไปเจอกันได้ยังไงครับ เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ พี่เห็นท่าทางเราบึ้งตึงเชียว ปกติเราไม่เสียมารยาทกับคนอื่นแบบนั้นนี่นา”
     “ก็ผมไม่ชอบคนแบบนั้น”
     “ทำไมเหรอครับ?”
     “ก็... หลังจากที่ผมกลับจากไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน แล้วเขารู้กันว่าผมเป็นอะไร พอตอนเปิดเทอมข่าวเรื่องนี้มันก็แพร่ออกไปครับ พวกเพื่อนๆ ผมในภาคตัวเองไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่... ข่าวมันดังไปถึงคณะอื่นด้วย แล้ว... แล้วก็มีคนแปลกๆ แบบรุ่นพี่คนนี้เข้ามาหาผมเยอะขึ้นมั้งครับ”
     “แปลกยังไงเหรอครับ?”
     “...”
     ต้นมันไม่ยอมตอบ กลัวผมโกรธชัวร์ๆ แต่ผมก็พอเดาได้แล้วล่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น
     “น่า บอกพี่หน่อยนะครับ พี่ไม่โกรธเราหรอก”
     “เขา... เขามาชวนผมไปเที่ยวครับ บางคนก็เข้ามาขอเบอร์กันดื้อๆ ก็มี ผมไม่ชอบคนแบบนี้เลย เห็นผมเป็นอะไร เขาทำเหมือนกับว่าผมต้องดีใจที่เขาเข้ามาคุยกับผมแบบนั้นแหละ พอผมไม่ยุ่งด้วยก็หาว่าผมหยิ่ง เอาผมไปพูดไม่ดีลับหลัง ผมเกลียดคนแบบนี้ที่สุดเลยครับ ไม่ได้รู้จักตัวตนผมเลยแท้ๆ แต่กลับตัดสินกันเอาเอง”
     “สังคมมันก็แบบนี้แหละต้น พี่รู้ว่าเราอึดอัด ไม่ชอบใจกับเรื่องแบบนี้ แต่เราก็ต้องทนมันให้ได้นะ อยู่กับมันให้ได้แต่อย่าเก็บคำพูดไร้สาระพวกนั้นมาใส่ใจ ทำหูทวนลมยิ้มรับไปแบบหน้าชื่นตาบานซะบ้าง พอคนมันเบื่อๆ เดี๋ยวมันก็ลืมเรื่องของเราไปเอง เพราะถ้าต้นเก็บมาใส่ใจ ต่อให้คนพวกนั้นมันเบื่อแล้วเลิกพูดกัน แต่คนที่ไม่ลืมแล้วยังเจ็บปวดอยู่ก็คือเรานะครับต้น”
     “ครับ ... ว่าแต่พี่ชัชไม่โกรธผมจริงๆ ใช่มั้ยครับ ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้บอกว่ามีคน... มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับผม”
     “พี่หึงแต่พี่ไม่โกรธหรอกครับ พี่ไม่ได้ตาบอดนะต้น จะได้ไม่เห็นว่าเมียตัวเองน่ารักขนาดไหน แล้วพี่ก็ได้ยินชัดเต็มสองรูหูแล้วด้วยว่าสุดที่รักของพี่รู้สึกยังไงกับคนพวกนั้น ขาดแค่อีกอย่างเท่านั้นแหละ ถ้าได้ยินแล้วพี่จะหายโมโหเลย”
     “อะไรเหรอครับ?”
     “ขาดคำว่ารักยังไงละครับ บอกพี่ให้ชื่นใจหน่อยสิว่าต้นรักพี่ขนาดไหน”
     พอได้ยินผมเย้ามันเล่น ไอ้ต้นมันก็เผลอยิ้มออกมา ผมรู้เพราะแก้มมันที่แนบอยู่กับอกผมขยับนิดหน่อย ไอ้ต้นมันชันตัวลุกขึ้นมาเล่นจ้องตากับผมในความมืดก่อนจะสุ่มสี่สุ่มห้าก้มลงมาประกบปากกับผม มันหยุดริมฝีปากของตัวเองไว้บนปากผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผละออกแล้วพูดว่า
     “รักพี่ชัชที่สุดในโลกเลยครับ”
     เสียงมันนี่ลั่นล้ามากครับ อารมณ์สดชื่นเหมือนฟื้นคืนชีพต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ
     “แล้วพี่ชัชละครับ มาคบกับผมแบบนี้ พี่ชัชไม่โดนคนอื่นว่าอะไรบ้างเหรอครับ?”
     “ห่วงพี่ด้วยเหรอเรา?”
     “อื้อ ห่วงสิครับ แต่ผมไม่กล้าพูดอะไรหรอก ผมไม่กล้าก้าวก่ายเรื่องงานของพี่ชัชมากเกินไปนี่นา กลัวพี่ชัชรำคาญ”
     แน่ะ มีประท้วงผม ฮ่าๆ ไอ้ต้นเอ้ย
     “หึๆ เอาเรื่องไหนละครับ ชีวิตพี่มันเหลืออะไรดีๆ ให้คนอื่นเม้ากันละต้น โดนมาทุกเรื่องจนชินอ่ะ พาหมอลงอ่าง คั่วกับหมอผู้หญิงเพื่อยอดขาย ล่าสุดโดนเมียทิ้ง ถ้าพี่จะมีแฟนเป็นผู้ชายหรือกลายเป็นเกย์มันก็ไม่หนักเท่าไหร่หรอก ปล่อยพวกมันพูดกันไปเหอะ ในวงการนี้ก็จริงครึ่งเท็จครึ่งอยู่แล้ว อะไรที่ดิสเครดิตกันได้มันก็ใส่ไข่แหลกแหละ พี่ถึงได้ต้องขยันแบบนี้ไง เวลาเจอแซวเจอถามพี่ก็ยิ้มรับอย่างเดียวแหละ บอกไปว่าพี่เปลี่ยนรสนิยม พวกที่ซี้ๆ กันเขาก็รู้อยู่แล้วว่าพี่เป็นยังไง พวกนี้เลยคุยง่าย ส่วนพวกหมอผู้ใหญ่บางท่านพอได้ยินว่าพี่กลายเป็นเกย์ก็มีมาถามๆ นะ ทำนองเป็นห่วงลูกหลานละมั้ง แต่แกก็ไม่ค่อยซอกแซกหรอก แล้วรู้เปล่าพี่ทำยังไง?”
     “พี่ชัชทำยังไงเหรอครับ”
     “เอารูปต้นให้หมอแกดูไง”
     “อื้อ! จริงเหรอครับพี่ชัช?”
     “จริง พี่ทำงั้นจริงๆ รูปตอนที่พี่ถ่ายรูปคู่กับเรารูปแรกวันนั้นแหละ ที่พี่แวะไปรับเรากลับจากโรงเรียนแล้วไปดูหนังกันไง เลยกลายเป็นพี่โดนหมอด่าหาว่าพี่เลี้ยงต้อยแทน ฮ่าๆ”
     “พี่ชัชอ่ะ ทำเป็นเล่นไป ไม่ตลกเลยนะครับ”
     “ใครว่า พี่จริงจังหรอกถึงทำแบบนั้น พอหมอด่าเสร็จพี่ก็บอกหมอไปไงว่า เนี่ยแฟนผมน่ารักใช่มั้ยครับ ตอนนี้น้องเขาก็เข้ามหาลัยแล้ว น้องเขารักเรียนมากๆ เลย เผลอๆ จะได้เกียรตินิยมด้วยซ้ำ อาจารย์ก็ช่วยผมหน่อยนะครับ ผมจะได้มีเงินไปจ่ายค่าเทอมให้น้องเขา หมอขำกลิ้งเลยต้นเอ้ย แต่หมอแกก็รู้แหละว่าพี่จริงจัง ไม่ได้นึกสนุกเปลี่ยนรสนิยมเล่นมั่วๆ”
     “พี่ชัชนี่น้า ขายของได้ตลอดเลย ถ้าผมเป็นหมอคนนั้นผมคงปวดหัวน่าดู”
     “ก็พี่เป็นผู้แทนนี่หว่าต้น ขายยามันคือหน้าที่ ฮ่าๆ”
     “ดีจังเลยครับ ผมยังคิดอยู่เลยว่าพี่ชัชจะเป็นยังไงบ้าง แต่ผมไม่กล้าถาม แถมพี่ชัชยังเป็นผู้ใหญ่ด้วย มีงานเยอะแยะที่ต้องทำ ผมกลัวว่าถ้าพี่ชัชมาคบกับผมแล้วคนอื่นๆ เขาจะ... ถ้ามีเรื่องอะไรเพราะผม ผมคง...”
    “ทำไมครับ ถ้าพี่โดนเพ่งเล็ง ถูกบีบให้ออกจากงานเพราะเป็นเกย์รักผู้ชายด้วยกัน ต้นจะยอมเสียสละตัวเองเลิกกับพี่รึไงครับ”
     “อื้อ! ไม่เอานะครับ ผมไม่ยอมหรอก ผมก็รักของผมนะ”
     “เห็นแก่ตัวนะเรา”
     “ก็... ก็ผมรักพี่ชัชนี่ครับ แล้วอีกอย่าง อย่างพี่ชัชน่ะ เดี๋ยวก็หางานได้”
     “ฮ่าๆ ทำเป็นพูดไป งานเดี๋ยวนี้หายากจะตายต้นเอ้ย พี่เองยังต้องยึดตำแหน่งของตัวเองไว้สุดตีนเลยน้อง นอกจากแข่งกับบริษัทอื่นแล้วยังต้องแข่งกับเด็กๆ อีก”
     “ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
     “อื้อ แถมเรื่องที่พี่คบกับเราก็มีผลกระทบกับพี่บ้างเหมือนกันนะ”
     “ไหนพี่ชัชบอกว่าพวกหมอเขาเข้าใจไงครับ?”
     “ก็เข้าใจไงครับ เลยมีพวกที่เป็นแบบนี้มาหาพี่เยอะเลย”
     “อ้าว! แล้วพี่ชัชทำยังไงครับ?”
     “โชคดีที่พี่ทำงานมานานมั้ง แล้วพรรคพวกพี่ก็เยอะ เส้นสายพี่ก็พอมี พี่เป็นคนแบบนี้อยู่แล้วด้วย พวกที่เป็นอยู่แล้วพอรู้ข่าวก็มีแซวๆ พี่บ้างแหละ พวกนี้บางคนก็เล็งพี่ตั้งแต่เจอหน้ากันวันแรกๆ ก็มี พอพี่ไม่เล่นด้วยก็ห่างๆ กันไปเองแหละ ยิ่งกับพวกหมอบางคน พอคบๆ คุยๆ หลังๆ ก็ออกแนวเพื่อนกันมากกว่า แต่ก็ไม่ได้สนิทกันมากนักหรอก ไอ้ระดับที่ถึงขั้นเอายอดมาล่อให้พี่ไปขึ้นเตียงด้วยมันก็มีนะ บางคนน่ะ แต่หมอคนนั้นไม่ใช่ทาเก็จพี่อยู่แล้ว มันไม่ใช้ยาพี่ๆ ก็ไปทำให้คนอื่นสั่งเพิ่มแทนพี่ไม่แคร์หรอก แบ่งรับแบ่งสู้แล้วก็หนีเอาเนียนๆ พี่มีฐานของพี่อยู่แล้วพี่ไปทำตรงนั้นให้ดีๆ กว่า ส่วนไอ้พวกที่มาให้ท่าจนน่าเกลียดนี่มันก็มีนะ บอกตามตรง เห็นแล้วจะอ้วกว่ะ ส่วนมากเป็นผู้แทนด้วยกันนี่แหละ ขนลุกชิบหายเลย”
     ผมดึงมันมากอดให้แน่นขึ้นเหมือนจะย้ำให้มันฟังคำพูดจากใจผม
     “บอกตามตรง พี่ไม่ใช่พวกที่ถ้าไม่รักก็ทำไม่ได้ แต่ให้พี่จินตนาการตัวเองกับผู้ชายคนอื่น พี่รับไม่ได้ว่ะ ยังไงๆ พี่ก็ต้องกับผู้หญิงเท่านั้น กระเทยก็ยังดีอ่ะ ขอแค่มีรูให้พี่ลงพี่ก็โอเคทั้งนั้น แต่ขออย่าง ผัวคือผัว เมียคือเมีย กับเกย์ที่เป็นผู้ชายด้วยกัน ไม่ว่าจะแบบแมนๆ หรือแบบตุ้งติ้งออกสาว พี่ไม่มีอารมณ์อ่ะ กลัวจะเสียมากกว่าได้ ... แต่กับต้นพี่โอเคนะ ต้นจะโกรธพี่มั้ยถ้าพี่บอกว่าพี่เห็นต้นเป็นผู้หญิง”
     ต้นมันเงียบครับ ที่ผ่านมาเราไม่เคยพูดเรื่องนี้กันเลย แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ผมอยากพูด ผมอยากบอกมัน ผมได้แต่หวังว่ามันจะรับได้นะ
     “พี่ชัช ...คิดว่าผมเป็นผู้หญิงเหรอครับ?”
     “หืม? ... เอ้ย ไม่ๆ คือพี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ถ้าพี่ต้องคิดว่าเราเป็นผู้หญิงทุกครั้งที่ทำแบบนั้นพี่จะกล้าดูดให้เราเหรอ”
     ไอ้ต้นมันยังเงียบครับ ก็รู้นะว่ามันเสียใจ เฮ้อ...
     “พี่ก็บอกไม่ถูกว่ะ แต่เวลาพี่อยู่กับเรา พี่รู้สึกว่าเหมือนพี่รักกับผู้หญิงคนนึงตามปกติ ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรเลย แต่ถ้าให้พี่นึกว่าตัวเองอยู่กับผู้ชายคนอื่นเรียกเมียจ้ะเมียจ๋า พี่ก็นึกไม่ออกว่ะ แล้วเวลาพี่อยู่กับผู้ชายคนอื่น พี่คงไม่นึกอยากกอดอยากรักแบบที่พี่อยู่กับเราด้วย พี่ไม่เคยรู้สึกดีๆ แบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยในชีวิต เพื่อนพี่เยอะจะตาย ถ้าพี่ชอบผู้ชาย เป็นเกย์ หรือแม้แต่เป็นไบ พี่คงมีเคลิ้มๆ บ้างแหละ แต่ที่พี่เป็นได้ขนาดนี้เพราะต้นคนเดียวเลยนะ พี่ก็บอกไม่ถูกว่าทำไม แต่พี่รู้ว่าความรักคืออะไรแล้วพี่ก็รู้ตัวว่าไอ้ที่พี่เป็นอยู่เนี่ย มันคือความรัก พี่รู้ตัวว่าพี่รักต้น ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
     ตอนสมัยพี่ยังเด็กๆ อยู่ลำปาง ในโรงเรียนก็มีตุ๊ดมาชอบพี่นะ แต่พี่ไม่ได้คิดอะไรกับมัน ตอนนั้นพี่สนแต่ผู้หญิงเท่านั้นแหละ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับเลยพี่เคยลองกับกระเทย แต่แปลงเพศแล้วนะ ก็ลองมันทั้งสองรูแหละต้น เพราะกับผู้หญิงพี่ก็เคยเล่นข้างหลังมาบ้างนะ ก็ตอนสมัยเรียนอยู่บ้านนอกแหละ เพื่อนมันชวนก็ไปกับมัน สวิงกิ้งหนึ่งหญิงสองดุ้นพร้อมกันทุกรูอะไรทำนองนั้น เพื่อนมันบอกข้างหลังฟิตกว่าข้างหน้าพี่ก็เลยลองๆ ไปกับมัน พี่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรแบบนี้อยู่แล้วไง ถ้ามันทำให้รู้สึกดีจะให้พี่ลงรูไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ขอแค่พี่เป็นคนลงนะ
     แล้วพอพี่มาเจอต้น พี่คิดว่าความรู้สึกที่พี่มีให้ต้นมันไม่ต่างอะไรกับตอนที่พี่รักผู้หญิงคนอื่นเลยนะ เราน่ารักมากๆ จนพี่ยังอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าพี่มีลูกกับเราได้คงวิเศษ ละต้องเป็นลูกสาวด้วยนะ เพราะพี่จะได้เป็นพ่อตาที่เฮี้ยบที่สุด ถ้ามีแม่น่ารักแบบเรานะ รับรองลูกสาวเราบ้านหัวกระไดไม่แห้งชัวร์ๆ พี่ก็รู้นะว่าเราไม่ใช่แบบนั้น เราไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง แต่พี่อยากบอกเราว่าถึงต้นจะเป็นอะไรพี่ก็รักต้นนะครับ รักตั้งแต่วันที่เรายืนถือถังน้ำใส่อุปกรณ์ทำความสะอาดมากดกริ่งหน้าห้องพี่วันนั้นแล้ว เด็กอะไรจู้จี้ชิบหายอ่ะ แต่พี่ก็อดคิดไม่ได้นะว่าถ้ามีใครซักคนยอมถึงขนาดหาเรื่องโกหกมาอยู่ใกล้ชิดกันเพื่อดูแลพี่ๆ ก็คงดีใจน่าดู รู้ตัวอีกทีก็อยากทำอะไรบางอย่างกับน้องชายข้างห้องคนนั้นซะแล้ว จะได้มีเด็กขี้บ่นคนนั้นอยู่ข้างตัวพี่ไปเรื่อยๆ ต้นไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นพี่มีความสุขมากแค่ไหน ถ้าต้นเป็นผู้หญิงนะ พี่ไม่ปล่อยเรารอดเกินเดือนแล้วค่อยเป็นแฟนกันหรอก พี่ปล้ำเราไปตั้งแต่สองอาทิตย์แรกที่เราเดินเข้าห้องพี่แล้วครับ บอกจากใจอย่างไม่อายเลยต้น”
     “เพราะผมเป็นผู้ชายพี่ชัชก็เลยไม่ทำอะไรผมใช่มั้ยล่ะครับ”
     “ถ้าพี่คิดจะทำพี่ก็ทำได้นะต้น แต่ที่พี่ไม่ทำเพราะความดีของเราหรอก เราดีกับพี่จนพี่เกรงใจ แต่เราเองก็อ่อยพี่ไว้ตั้งเยอะ มาหลอกพี่ได้นะ เกิดพี่เลวจนทำแบบนั้นกับเราไปจริงๆ จะทำไงฮึ?”
     “ก็ผมรู้นะสิครับว่าพี่ชัชไม่ใช่คนแบบนั้น”
     แม่ง เถียงผมอีก ไอ้เด็กเลี้ยงแกะจอมดื้อเอ้ย!
     “มั่นใจจริงๆ นะ?”
     “ก็ผมฟังจากพี่ฟ่างมาเยอะ”
     “พี่ไม่ได้โง่นะต้น พี่ดูออก พี่รู้ว่าเราคิดอะไรกับพี่ พี่ถามใจตัวเองแล้ว พี่โอเคกับเรา ไม่งั้นแล้ววันนั้นพี่ไม่ขอเราเป็นแฟนหรอก หายโกรธพี่ได้ยัง? อย่าน้อยใจตัวเองเลยนะครับ ต้นเป็นของต้นแบบนี้ต้นก็ทำให้พี่มีความสุขมากนะ รู้ตัวมั้ย”
     มันเงียบไปอีกพักนึงก่อนจะขยับยุกยิกแล้วสูดจมูก ไอ้ขี้แยเอ้ย! ผมเลยดึงมันให้มาเผชิญหน้ากับผมแล้วเอื้อมมือไปไล้นิ้วเช็ดน้ำตาให้มันเบาๆ
    “พี่รักเรานะครับ พี่ไม่ขออะไร ต้นจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย เป็นอะไรก็ช่าง พี่ขอแค่ต้นอยู่กับพี่แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเราเป็นตาแก่ๆ สองคนได้มั้ยครับ แต่ในระหว่างที่พี่ยังหนุ่มยังแน่นมีแรงอยู่ พี่ขอแค่ว่าให้เราไฟเขียวพี่บ่อยๆ หน่อยเถอะ พี่เงี่ยน”
     “พี่ชัชบ้า! ลามกอ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้”
     “ยิ้มแล้ว หายเศร้าแล้วใช่มั้ยครับคนดี”
     “ฮึ๊! ทำไงได้ละครับ ผมโดนพี่ฟ่างล้างสมองจนไปรักผู้ชายงี่เง่าข้างห้องไปแล้วนี่ เฮอะ!
     “โห! ผู้ชายงี่เง่าเลยเหรอต้น แรงไปป่ะ?”
     แม่ง! ปากจัดขึ้นทุกวัน เมียผม ฮ่าๆ แต่ผมก็รักนะ เพราะงั้นผมเลยดึงมันมานอนแนบอกผมแล้วก็รัดมันแน่นๆ เป็นการลงโทษ เรานอนกอดกันอยู่แบบนั้นได้อีกแป๊ปหนึ่ง อยู่ๆ ไอ้ต้นมันก็พูดขึ้น
     “ผมเองตอนแรกก็แค่อยากประชดคุณพ่อ แต่พอรู้ตัวอีกทีผมก็หลงรักพี่ชัชไปแล้ว ผมเองก็รู้นะครับว่าตัวเองไม่ค่อยเหมือนผู้ชายปกติ แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา ผมโตมากับแม่สองคนแบบนั้น... แล้ว... แล้วผมก็ไม่อยากให้ใครมาโทษว่าเป็นเพราะแม่กับลุงพลด้วย เมษบอกว่ารู้ว่าตัวเองอยากเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เด็ก เมษอยากมีหน้าอก แล้วก็เกลียดไอ้ข้างล่างนั่นมาก บอกว่ามันน่าขยะแขยงเหมือนอยู่ผิดที่ แต่ผมไม่เหมือนเมษนะครับ ไม่ได้รู้สึกรังเกียจส่วนไหนของร่างกายตัวเองทั้งนั้น ไม่เคยอยากเอาส้นสูงของแม่มาใส่เหมือนเมษด้วย ผมเลยคิดว่าผมน่าจะเป็นเกย์มากกว่า แต่ว่า... ความจริงผมก็แอบคิดเหมือนพี่ชัชนะครับ ถ้าผมกับพี่ชัชมีลูกด้วยกันได้ก็คงจะดี แล้วก็... อืม...”
     “แล้วก็อะไรครับ?”
     ไอ้ต้นมันเงียบไปเหมือนอายๆ ไม่กล้าพูด ผมเลยกระตุ้นเร่งให้มันพูดเพราะอยากรู้เต็มแก่
     “ก็... ผมไม่ได้นึกภาพพี่ชัชเป็นผู้หญิงนี่ครับ ในความฝันของผม พี่ชัชเป็นคุณพ่อที่เท่มากๆ เลย แล้ว... แล้วผมก็กำลังจูงเด็กผู้ชายคนนึงหน้าตาคล้ายๆ ผมตอนเด็กๆ เลย แต่ว่าตาโตกว่า แล้วก็เวลายิ้มชอบอ้าปากฉีกยิ้มกว้างๆ แบบพี่ชัช ส่วนอีกคนที่อยู่ในท้อง ตัวผมในฝันตอนนั้นคิดว่าน่าจะเป็นเด็กผู้หญิงครับ แล้วตอนที่เรากำลังเดินกลับบ้านกัน เด็กคนนั้นก็วิ่งมาหาผมแล้วเรียกผมว่าคุณแม่”
     พอฟังจบ ความรู้สึกบางอย่างก็แล่นไปทั่วร่าง ผมแทบจะลอยได้แล้ว ลอยได้ทั้งๆ ที่ไอ้ต้นกำลังหนุนอกผมอยู่
     “ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรกันแน่ แต่ถ้าพี่ชัชอยากให้ผมเป็นอะไร ผมก็จะเป็นให้ได้อย่างที่พี่ชัชต้องการครับ ขอแค่ได้อยู่ข้างๆ พี่ชัชตลอดไป พี่ชัชจะให้ผมทำอะไรผมก็ยอม”
     แล้วมันก็จูบผม ผมเองก็จูบมัน เราสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มด้วยอารมณ์หวานๆ มากกว่าอารมณ์ใคร่ ผมสัมผัสมันด้วยความรัก ผมรู้แล้วละว่าทำไมผมถึงไม่นึกรังเกียจมันทั้งๆ ที่มันเป็นผู้ชาย เพราะผมรักไอ้ต้นไง ผมรักมันเกินกว่าที่จะสนว่ามันเป็นอะไร ผู้หญิง หรือผู้ชาย ผมรักไอ้ต้นที่ตัวตนของมันแบบนี้แหละ มีแต่ไอ้ต้นคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ผมสำลักความรักตาย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องต้นโหมดสาว พยายามแต่งบทนี้ให้ออกมาเกย์สาวแบบเรียบร้อย แต่ไม่รู้จะถ่ายทอดได้ดีมั้ย ไม่อยากได้อารมณ์สาวน้อยโชโจหรือเคะตามBL อยากได้สาวแบบเรียลแต่ไม่แรงแกรนโอเพนนิ่งทำนองนั้น แบบแอ๊บๆ อ่ะ เฮ้อ... ถ้าทำไม่ได้ต้องขออภัย
 :z6:

บทนี้พี่ชัชจะน่าสงสารเล็กๆ อารมณ์หือเมียไม่ขึ้น ช่วงชักหน้าไม่ถึงหลังของคุณพ่อบ้านเป็นงี้กันรึเปล่า? ฮ่าๆ
ถ้ามีคนชอบชีวิตคู่ของสองคนนี้ก็ดีสิน้า พยายามเขียนมากเลย แต่พี่ชัชก็มีแอบเห็นแก่ตัวเยอะเหมือนกัน คนอ่านคงเริ่มจับทางเฮียแกได้แล้ว นอกนั้นก็เผยนิสัยคุณน้องต้น เหอะๆ พยายามถ่ายทอดให้ออกมาละเมียดละไมว่าทำไมสองคนนี้ถึงรักกันมากแบบนี้ หวังว่าคนอ่านคงจะชอบ ก็นะ... พี่ชัชโหมดอบอุ่นแบบนี้น้องต้นคงยอมตายอ่ะ เหอะๆ

แต่ขอบอกว่าอิเกียของเค้าเด็ดจริงๆ เก้งเยอะ สัดส่วนผู้แถวนั้นทั้งแท้และไม่แท้พนักงานรวมไปถึงลูกค้างานประณีตมาก เป็นสถานที่ควรค่าแก่การไปจิบกาแฟฟรีแล้วเหล่ผู้ชายเป็นอาหารตา ว่าแต่เดากันถูกมั้ยว่าสองคนนี้ไปกินอะไร อิ อิ ต้นคลั่งอาหารญี่ปุ่นตามพี่เปาแล้ว ฮ่าๆ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
มันเป็นแหล่งพ่อบ้าน(ที่ต้องทำงานแม่บ้าน)ที่โคตรแจ่มค่ะ

แต่งบ้านซ่อมบ้านแบบ DIY อุปกรณ์เก็บจัดของในคอนโดเราว่าต้นคงชอบมากกกกกกกกกก
ของดีๆ ใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่า ราคาไม่แพงด้วย

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 10

วันธรรมดาๆ ของหมาป่ากับลูกแกะ

     “ที่รักคร๊าบ เห็นตั๋วคอนเสิร์ตของพี่ที่วางไว้บนโต๊ะรับแขกรึเปล่า?”
     เสียงร้องถามที่ตะโกนดังมาชวนให้ต้นน้ำวางเตารีดในมือลงอย่างหงุดหงิด แต่ในระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะเลือกด่าหรือเลือกตอบก่อนดีนั้น เจ้าของเสียงก็โผล่เข้ามาในห้องนอน
     “ต้น เห็นตั๋วคอนเสิร์ตที่พี่ใส่ไว้ในซองจดหมายบนโต๊ะป่ะครับ? พี่ต้องเอาไปให้หมอพรุ่งนี้อ่ะ”
     “ผมไม่เห็นครับ”
     “เฮ้ย! จริงดิ? พี่วางไว้บนโต๊ะนั้นนะ ตอนเราทำความสะอาดเมื่อเช้าเราเห็นป่าว?”
     ต้นน้ำหงุดหงิดกับนิสัยวางของไม่เป็นระเบียบของแฟนได้แต่ยิ้มแล้วกำด้ามเตารีดแน่น
     “แล้วทำไมพี่ชัชไม่เก็บให้ดีละครับ”
     “แหะๆ พี่ลืมจ้ะที่รัก”
     ท่าทียิ้มแหยๆ สำนึกตัวว่าผิดของชัยชัชทำให้ต้นน้ำรู้สึกดีขึ้นแม้จะยังหน่ายใจกับนิสัยมักง่ายของแฟนอยู่บ้าง
     “วางไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
     “เมื่อคืนจ้ะ พี่ยุ่งๆ อยู่ว่าจะเก็บ แต่ก็ลืม...”
     ต้นน้ำได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอา จะไม่ยุ่งได้อย่างไรในเมื่อเหตุการณ์ยุ่งๆ เมื่อคืนนั้นมันก็ไม่พ้นเรื่องหื่นๆ ยามหน้ามืดตามัวของหมาป่าลามกบางตัวแถวๆ นี้ที่พอมีอารมณ์ขึ้นมาก็ไม่สนใจอะไรจ้องแต่จะงาบลากลูกแกะขึ้นเตียง!
     “เฮ้อ....”
     ต้นน้ำถอนหายใจยาวเหยียดพลางเหล่มองชัยชัชที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องนอน
     พอเห็นสายตาเย็นเฉียบกับเสียงถอนหายใจชัยชัชก็สะดุ้ง เขาเกรงใจศรีภรรเมียคนนี้ที่สุด อุปนิสัยบางอย่างของต้นน้ำช่างชวนให้เขานึกถึงมารดา แม้แฟนของเขาจะใจเย็นแต่ก็มีบางเวลาที่ต้นน้ำเลือดขึ้นหน้าวีนแหลกจนเขาไม่กล้าหือ
     ในที่สุด ท่าทางสำนึกผิดกับรอยยิ้มประจบแหยๆ ของชัยชัชทำให้ต้นน้ำใจอ่อน
     “เดี๋ยวผมไปช่วยหาครับ”
     ต้นน้ำปิดเตารีดแล้วลุกออกจากโต๊ะรีดผ้าเดินตามชัยชัชออกมายังห้องนั่งเล่น
     สภาพของโต๊ะรับแขกที่เต็มไปด้วยแผ่นกระดาษโบรชัวร์ต่างๆ ชวนให้ต้นน้ำรู้สึกเหนื่อย เขาเพิ่งจะทำความสะอาดและเก็บของเอกสารพวกนี้ให้เป็นระเบียบไปเมื่อตอนสายๆ ของวัน แต่แล้วผ่านยามเที่ยงมาได้ไม่ทันไรก็มีคนทำรกรื้อกระจุยกระจายเสียแล้ว
     ต้นน้ำคุกเข่าลงกับพื้นแล้วเริ่มลงมือจัดเก็บเอกสารพวกนั้นอีกครั้งพลางพลิกหาซองจดหมายใส่ตั๋วคอนเสิร์ตที่แฟนหนุ่มของตนต้องการ
     “พี่ชัชเอาใส่ซองจดหมายสีอะไรไว้ครับ?”
     “ก็ซองจดหมายธรรมดาๆ สีขาวอ่ะต้น พี่ว่าเมื่อคืนพี่วางไว้แถวๆ นี้น้า ตั้งใจจะเอาใส่ในแฟ้มแท้ๆ”
     ชัยชัชเองก็ก้มลงมาช่วยหาด้วยอีกแรง เขาอธิบายรูปพรรณของซองพลางบ่น
     “เห็นมันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ครับ?”
     “เมื่อคืนจ่ะ ตอนที่ต้นเอาแอปเปิ้ลมาให้พี่นั่นแหละ”
     ต้นน้ำชะงักพลางหันไปมองหน้าสามีสุดที่รัก แผ่นพับในมือสั่นระริกด้วยแรงโทสะภายในใจ เขาอยากขยำเศษกระดาษแผ่นนี้แล้วปาแสกหน้าชัยชัชเหลือเกิน!
     ฉากหมาป่าจอมหื่นที่ว้อนท์ได้ทุกที่ทุกเวลาแปลงร่างจากมนุษย์ขี้เกียจไม่ยอมหยิบผลไม้ทานเองปรากฏขึ้นในความทรงจำ แต่แล้วหมาป่าตัวนั้นก็เริ่มกลายพันธุ์แขนขาของมันกลายเป็นระยางค์อย่างหนวดปลาหมึกคอยโลมไล้ แล้วเขาก็ถูกลากเข้าห้องนอน!
     “ทีหลัง ... ก็เก็บของให้เรียบร้อยเสมอๆ สิครับ”
     “ก็เมื่อคืน-”
     ชัยชัชอ้าปากจะแก้ตัวแต่ทว่าสายตาเย็นเฉียบสะกดเขาเอาไว้ ชายหนุ่มเลยได้แต่ยิ้มแหยๆ อ้อนเมีย
     “พี่กะจะเก็บแล้ว แต่... แหะๆ”
     ต้นน้ำไม่ว่าอะไรได้แต่ก้มหน้าค้นหาวัตถุที่หายไปอย่างขะมักเขม้น ภายใต้การแสดงออกที่ดูสงบนิ่ง ในใจของเขายามนี้กลับกำลังพยายามนับหนึ่งถึงสิบ!

     คนทั้งสองพลิกเอกสารหาแล้วหาอีกอยู่พักใหญ่แต่ก็ยังไม่เจอ ต้นน้ำจึงเอ่ยถามแฟนของตนอีกครั้ง
     “พี่ชัชแน่ใจนะครับว่าวางไว้ตรงนี้”
     “แน่ใจสิ ว่าแต่เราเหอะ ไม่ได้เก็บเอกสารพี่โยนทิ้งไปตอนทำความสะอาดแน่นะ?”
     ชัยชัชตอบกลับพลางซักในสิ่งที่ตนแอบสงสัยมาตั้งแต่แรกโดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตนถามนั้นจะเป็นการโยนประทัดเข้าไปในกองเพลิง
     ต้นน้ำควันออกหูทันทีที่ได้ยิน!
     “ถ้าเอกสารมันสำคัญมากนัก ก็อย่ามาวางแผ่ไว้แถวนี้สิครับ ผมจะรู้มั้ยว่าอันไหนงานอันไหนขยะ บอกกี่ทีแล้วครับว่าอย่าเอางานมาวางกองไว้แถวนี้!”
     “ก็พี่อยากทำไปดูทีวีไป...”
     ชัยชัชแย้งเสียงอ่อยพลางช้อนตาอ้อนศรีภรรยาผู้ติดสกิลแม่บ้านขั้นสุดยอด แต่ต้นน้ำไม่เล่นด้วย
     “แล้วที่พี่ทำเมื่อคืนเขาเรียกว่างานเหรอครับ?”
     “ไอ้นั่นก็... เค้าเรียกงานบนเตียงไงจ้ะที่รัก”
     “ไม่ขำครับ มันใช่เวลามาทำตลกมั้ย!”
     “โธ่ที่ร้าก”
     แม้ชัยชัชจะพยายามเอาตัวรอดโดยใช้ลูกอ้อน แต่ต้นน้ำกลับถลึงตาให้ด้วยความหงุดหงิด
     ต้นน้ำเบื่อนิสัยมักง่ายของแฟนเหลือเกิน มักง่ายเป็นนิสัยเอะอะอะไรก็มาลงที่เขาจนเคยชิน ถ้าเป็นเรื่องงานบ้านยังพอว่า แต่พักหลังๆ เจ้าตัวลามปามไปถึงเรื่องงาน ทั้งเอกสาร แฟ้ม กระเป๋า ข้าวของสารพัดอย่างที่เจ้าตัวลืมหรือวางเกะกะทำรกเอาไว้เป็นต้องวิ่งมาถามหาเอากับเขาทุกอย่าง รอให้เขาเข้ามาเก็บจัดการปัดกวาดให้เป็นประจำไม่เคยคิดจะจัดระเบียบด้วยตัวเอง!
     คิดแล้วก็เหนื่อย... ในที่สุดต้นน้ำจึงเลิกคิด ได้แต่แอบวางแผนเอาคืนแฟนของตนด้วยหนทางอื่นแทน

     พลิกเอกสารหากันทั้งปึกแล้วก็ยังหาไม่เจอ ต้นน้ำจึงหวั่นใจขึ้นมา เขาตัดสินใจเอ่ยถามชัยชัช
     “ต้องเอาตั๋วไปให้หมอวันไหนครับ?”
     “พรุ่งนี้จะ”
     “แล้วเราไปทำเรื่องออกตั๋วใหม่อะไรแบบนั้นได้มั้ยครับ?”
     “พี่ไม่แน่ใจอ่ะต้น นั่นบัตรแข็งแล้ว ต้องไปทำใหม่ยุ่งยากน่าดู”
     “ความจริงเขาน่าจะมีระบบออกใหม่ให้อะไรแบบนี้นะครับ”
     “พี่ไม่รู้สิ กะว่าถ้าหาไม่เจอก็จะทำแบบนั้นแหละ แต่ถ้าไม่ได้คงต้อง... ซื้อใหม่”
     ต้นน้ำอยากเป็นลม!
     “ผมจะลองไปดูในถังขยะ!”
     พูดจบต้นน้ำก็รีบตรงไปที่ถังขยะ เขาลงมือคุ้ยหาในนั้นอย่างไม่รังเกียจ ระหว่างเศษฝุ่นผงและสิ่งสกปรกเล็กๆ น้อยๆ กับการสูญเงินโดยใช่เหตุอีกระลอก เขาเกลียดอย่างหลังมากกว่า!
     ในขณะเดียวกัน ชัยชัชก็ตัดสินใจสำรวจในกระเป๋าเอกสารของตน และเมื่อค้นไปค้นมาได้สักพัก ในซอกเล็กๆ ของกระเป๋าที่ถูกรูดซิปปิดไว้เขาก็เจอเข้ากับซองจดหมายสีขาวที่ด้านในบรรจุตั๋วคอนเสิร์ตอยู่ เขามองไปทางต้นน้ำที่กำลังก้มๆ เงยๆ คุ้ยเขี่ยเศษขยะในถังอย่างเอาเป็นเอาตาย...
     “เอ่อ... ที่รักครับ”
     “ครับพี่ชัช?”
     ต้นน้ำรับคำก่อนจะพูดต่อว่า
     “ผมยังไม่เจอเลยครับ”
     “คือไม่ต้องแล้วล่ะครับ ไม่เป็นไรแล้ว”
     “ได้ยังไงล่ะครับพี่ชัช!”
     แต่ก่อนที่ต้นน้ำจะได้ทันวีนแตก
     “พี่ ... พี่หาเจอแล้วครับ”
     เหมือนดั่งทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่ง เปรียบดังกาลเวลาได้ถูกสตาฟไว้โดยคำพูดของชัยชัช
     “พี่หาเจอแล้วครับ”
     “ตรงไหนครับ?”
     “ในกระเป๋าเอกสารพี่”
     ต้นน้ำต้องข่มตบะภายในใจยกใหญ่ด้วยการนับหนึ่งถึงร้อยพลางยิ้ม
     “ก็ดีครับ ถ้าพี่ชัชไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวไปรีดผ้าต่อก่อนนะครับ”
     “โธ่เมียจ๋า! อย่าโกรธผัวสิจ้ะ ก็พี่ลืมจริงๆ พี่จำไม่ได้เลยนะว่าเก็บลงกระเป๋าไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
     ชัยชัชรีบทิ้งของที่ถืออยู่ในมือแล้วตรงไปหาต้นน้ำที่นั่งอยู่ข้างถังขยะพลางโอบกอดคนขี้งอนเอาไว้ในอ้อมแขน
     “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ ปล่อยครับ ผมจะไปรีดผ้า”
     “แต่ที่รักหน้าหงิกอ่ะ”
     “แล้วผมควรจะต้องคุ้ยถังขยะด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหรอครับ?”
     “พี่ขอโทษ ... ก็พี่ลืมอ่ะ นะ น้า นะครับที่รัก ให้อภัยผัวเถ้อ”
     “ครับ ผมให้อภัยครับ!”
     ต้นน้ำเหยียดยิ้มเย็นยะเยือกส่งให้ชัยชัชพลางแอบต่อประโยคในใจเงียบๆ ว่า ‘ไม่งั้นผมหาแฟนใหม่ที่ไม่ใช่ผีขี้เกียจป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ไปนานแล้วครับ!’


     คืนนั้นชัยชัชเลยต้องนอนง้อเมียทั้งคืน...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



มีใครฮาตอนนี้บ้าง? วันๆ ของคู่นี้ก็งี้แหละ ถ้าเราเป็นคุณน้องต้นเราจะเอาเตารีดปาแสกหน้าเฮียแก ฮ่าๆ  :m29: 
พี่ชัชนี่ห่วยจริงๆ ใครได้ทำปั๊วนี่ซวยสุดๆ เห็นใจน้องต้นจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
มรสุมของเด็กเลี้ยงแกะ

ต้นน้ำ

     วันนี้ผมแวะมาหาคุณปู่ที่บ้านครับ เพราะผมมีเรียนแค่ครึ่งวัน ผมเลยลองเอาเค้กที่ผมทำมาให้ป้าณีชิมดู ผมเคยเล่าให้ท่านฟังว่าผมทำเค้กได้แล้วท่านก็ชอบทานของหวานผมก็เลยสัญญาว่าจะลองทำมาฝากท่านดู แต่น่าเสียดายที่ป้าณีไม่อยู่เพราะต้องออกไปดูร้าน อยู่แต่ลุงไกรที่ไม่ได้ไปทำงานกับคุณปู่ ผมก็เลยตัดเค้กแบ่งให้ผู้สูงอายุชายทั้งสองลองชิมแทน
     “อาตี๋เล็ก วันเกิดที่จะถึงนี้ของลื้ออากงจาจัดงานวันเกิดให้น้า”
     อยู่ๆ คุณปู่ก็พูดเอาแต่ใจขึ้นมาแบบนั้น ผมที่กำลังตัดเค้กเสิร์ฟให้ลุงไกรเลยชะงักไปเลยครับ
     “คุณปู่ว่าอะไรนะครับ?”
     “ลื้ออายุครบยี่สิบทั้งที อากงอยากจัดงานให้ อากงอยากอวดเพื่อนคนอื่นๆ ว่าหลายชายอากงโตเป็นหนุ่มแล้ว”
     ผมนึกถึงงานวันเกิดของไนน์ที่มีแต่ใครก็ไม่รู้ล้วนแต่เป็นแขกของผู้ใหญ่ทั้งนั้นมาเดินเต็มบ้านโดยมีเพื่อนสนิทอันน้อยนิดแล้วก็เหงื่อตก งานแบบนั้นไม่เอานะครับ แล้วที่สำคัญ ผมอยากฉลองกับพี่ชัชด้วย! ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากลุงไกรทันที ลุงไกรเหมือนเข้าความรู้สึกของผมเลยช่วยพูดขัดให้
     “ไม่ดีน่าป๊า เกิดต้นอีอยากไปฉลองกับเพื่อนล่ะ ให้เด็กมันไปสนุกกันเองเถอะ”
     “ลื้อก็ชวนเพื่อนมาในงานด้วยไงอาตี๋เล็ก”
     “แล้วถ้าอีอยากไปฉลองกับแฟนอีล่ะป๊า จะจัดงานให้หลาน ถามอาต้นแล้วรึยัง อีอาจจะอยากทำอะไรพิเศษให้ลูกอีก็ได้”
     “หลานอั๊วะๆ จาฉลองให้ ไม่เห็นต้องถามความเห็นใคร”
     ลุงไกรส่ายหน้าน้อยๆ กับความดื้อรั้นของคุณปู่ ผมเลยส่งสายตาวิงวอนไปอ้อนแกอีกรอบ ลุงไกรก็เลยยิ่งส่ายหน้าแบบจนปัญญาเข้าไปใหญ่ แต่ก็พยักหน้าให้ว่าจะช่วยผมเต็มที่ เฮ้อ... ดูท่าผมคงต้องลงทุนอ้อนเองซะแล้ว
     “แต่ว่าวันนั้นมันเป็นวันพฤหัสนะครับ แล้วผมก็มีเรียนเช้าวันศุกร์ต่อด้วย ผมไม่อยากจัดงานอะไรแบบนั้นนี่ครับ เอาเป็นเสาร์อาทิตย์นั้นผมค่อยแวะมาทานข้าวกับคุณปู่แทนไม่ได้เหรอครับ พี่ชัชก็หยุดงานด้วยจะได้แวะมาส่งผมได้ยังไงละครับ”
     “แต่อากงอยากจัดงานฉลองให้ลื้อ”
     “แต่ผมไม่อยากนี่ครับ แล้วอีกอย่าง... ผมเกรงใจคุณสุดาเขา ผมไม่อยากให้คุณพ่อลำบากใจ นะครับ คุณปู่”
     “แต่ลื้อสมควรได้นาอาตี๋เล็ก ลื้อจาอยู่เงียบๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้น้า ลื้อก็เป็นหลานอากงคนนึงเหมือนกัน อั๊วะอยากให้ลื้อรู้จักคนเยอะๆ จาได้คอยช่วยเหลือกันได้”
     “แต่ว่า...”
     “อั๊วะว่าทำตามที่ต้นพูดเถอะป๊า ถือว่าเห็นแก่หน้าอาต้นกับคุณสุเขา ไม่งั้นแล้วป๊าจะบอกแขกในงานว่ายังไง เราค่อยๆ แนะนำต้นให้คนอื่นรู้จักเถอะ เรื่องนี้ปล่อยให้อาต้นอีจัดการปัญหาของอีเองดีกว่า”
     “นะครับคุณปู่ ผมไม่ได้อยากมีชื่อเสียงอะไรแบบนั้นซักหน่อย แค่คุณพ่อยอมรับผม ได้มาเป็นหลานคุณปู่ ผมก็ดีใจแล้วครับ แถมผมยังมีคุณลุงกับคุณป้าอีก แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วครับ”
     ผมลงทุนอ้อนคุณปู่เต็มที่ ยอมถึงขั้นกอดละหอมแก้มคุณปู่เลยนะเนี่ย อะไรก็ได้อย่าพาผมออกงานก็พอ! ปกติแล้วแม้แต่กับแม่ผมยังไม่อ้อนขนาดนี้เลย แต่คงเพราะคุณปู่ไม่มีโอกาสเห็นผมตอนเด็กๆ แถมผมยัง... เป็นแบบนี้ เลยกลายเป็นแกแทบจะเห็นผมเป็นหลานสาวไปซะแล้ว คุณปู่ดีใจหัวเราะคิกคักกอดผมตอบ ผมแอบเหลือบตามอง เห็นลุงไกรนั่งหัวเราะผมด้วยแหละ ให้ตายเถอะ ไม่ช่วยผมแล้วยังจะสมน้ำหน้าผมอีก!
     “ก็ได้ๆ แต่ลื้อต้องสัญญาน้าว่าลื้อจามาค้างกับอากง อากงจาได้หายคิดถึงลื้อ”
     “ครับ ผมสัญญา รักคุณปู่ที่สุดเลยครับ”
     เฮ้อ... จบไปหนึ่งเรื่อง!

     แล้วผมก็อยู่เป็นเพื่อนท่านอีกพักใหญ่ จนกระทั่งได้เวลาอาหารเย็น ผมอยู่ทานอาหารเป็นเพื่อนคุณปู่กับลุงไกรก่อนจะขอตัวกลับคอนโด ผมก็เข้าใจคุณปู่นะครับ เพราะคุณปู่แก่แล้ว ครั้นจะให้ไปคอยดูแลร้านเหมือนเมื่อก่อนก็ทำไม่ค่อยไหว ยิ่งพอคุณลุงองอาจกับพี่ธีร์เสียไปแล้วป้าณีก็เลยต้องมาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคุมร้านแทน นานๆ ทีลุงไกรถึงจะไปช่วยบ้าง เพราะลุงไกรไม่ค่อยมีหัวทางด้านนี้ซักเท่าไหร่ แต่เพราะระบบกงสี แกเลยมีเงินใช้ในแต่ละเดือน แต่ก็เอาเงินที่มีไปลงทุนกับตลาดหุ้นเสียหมด เพราะนิสัยชอบเสี่ยงรักพนันของตัวเองไม่ยอมมาบริหารงานร้านเพชรให้เป็นเรื่องเป็นราว คุณปู่เลยค่อนข้างโกรธลุงไกรมาก
     แต่นิสัยอย่างลุงไกร ไม่แคร์หรอกครับ ยังทำตัวลอยชายไม่สนใจอะไรตามเดิม ยิ่งพอคุณลุงองอาจแกเสียไปแล้วบ้านหลังนี้เหลือแต่คุณปู่กับป้าณี แกก็เลยย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ คอยหาเรื่องขัดใจคุณปู่บ่อยๆ แต่ผมรู้หรอกครับ ลุงไกรเองก็เป็นห่วงคุณปู่เหมือนกันนั่นแหละ คุณพ่อกับลูกยังไงก็ตัดกันไม่ขาด...
     ส่วนคุณพ่อของผม ถึงจะย้ายออกไปมีครอบครัวของตัวเอง ไม่เคยรับเงินกงสีอีกเลยตั้งแต่วันที่เก็บเสื้อผ้าไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่พอพี่ษาเกิด คุณพ่อก็พามาหาคุณปู่บ่อยๆ ส่วนคุณปู่ ถึงจะทำเป็นตัดขาดไม่สนใจคุณพ่อ แต่ก็คอยตามใจหลานสาวตลอด ป้าณีเคยแอบกระซิบให้ผมฟังว่าหัวแข็งกันทั้งบ้านยกเว้นคุณลุงองอาจนี่แหละครับ
     ผมเองก็แปลกใจที่ป้าณีไม่ถือโทษโกรธเคืองลุงไกร ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วสาเหตุที่ทั้งสองคนเกิดอุบัติเหตุขึ้นนั้นอาจจะเกิดมาจากลุงไกรก็ได้ คนที่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังก็คือพี่ษาครับ พี่ษาเล่าว่าช่วงนั้นคุณลุงไกรมีปัญหาหนี้สินส่วนตัวมากพอสมควร เพราะความเสเพลเลยทำให้มีปัญหาไม่ลงรอยกับคุณปู่อยู่แล้ว พอมีปัญหาก็เลยหนีไปอยู่ต่างจังหวัด ลุงไกรถูกตามทวงหนี้ มีปัญหาจนเดือดร้อนมาถึงคนที่บ้าน แต่เพราะลุงไกรไม่มีชื่อในทรัพย์สินอะไรของร้าน เจ้าหนี้เลยได้แต่ข่มขู่
     จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุกับลุงไกร ลุงไกรถูกประกบยิงแต่รอดชีวิตมาได้ ลุงไกรเลยมาขอร้องให้คุณลุงองอาจช่วย เพราะคุณลุงองอาจเป็นพี่ชายที่รักน้องเลยให้ความช่วยเหลือ คุณลุงองอาจนำเงินสดจำนวนหนึ่งไปให้ลุงไกรโดยมีพี่ธีร์ขับรถไปด้วยกัน แต่แล้วพวกเขากลับไปไม่ถึงลุงไกรครับ เกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างทาง พี่ธีร์คนขับรถเสียชีวิตคาที่ ส่วนคุณลุงองอาจก็เสียเพราะมาถึงโรงพยาบาลช้าเกินไป แถมกระเป๋าใส่เงินยังหายไปจากรถอีก
     เรื่องนี้ช็อคทุกคนในบ้านมาก คุณปู่โกรธจนประกาศตัดคุณพ่อตัดลูกกับลุงไกร ความโศกเศร้าเสียใจทำให้สุขภาพคุณปู่แย่ลง กว่าที่คนในบ้านจะทำใจยอมรับได้ก็นานพอดู ดังนั้นพอทุกคนรู้ว่ายังมีผมอยู่บนโลกนี้เลยดีใจมาก และพยายามให้คุณพ่อมารับตัวผมไปอยู่ด้วยกัน ช่วงนั้นแหละครับ ที่ลุงไกรย้ายกลับมาอยู่กับคุณปู่อีกครั้ง คุณปู่เองก็ลดทิฐิลงไปมากยอมให้ลุงไกรกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แล้วให้ป้าณีจัดการเรื่องอื่นๆ ของลุงไกรให้
     ผมฟังแล้วก็ได้แต่นึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมเห็นใจคนบ้านนี้นะ ถึงผมจะไม่รู้จักคุณลุงองอาจกับพี่ธีร์ แต่ผมก็คิดว่าทั้งสองคนต้องใจดีมากแน่ๆ เลยครับ

     ตอนขากลับ ลุงไกรเป็นคนขับรถมาส่งผมที่คอนโด พออยู่ในรถสองคนแล้วผมก็เลยแอบงอนแกนิดหน่อย
     “คุณลุงนะคุณลุง ไม่ช่วยผมเลยนะครับ”
     “ลุงก็ช่วยแล้ว แต่ต้นก็เห็น ป๊าแกตื่นเต้นอยากอวดคนอื่นจนตัวสั่น”
     “แต่ก็ไม่เห็นต้องแอบหัวเราะเยาะผมเลย”
     “ก็เรามันน่าขำมั้ยล่ะ ถ้าพ่อเรามาเห็นฉากเมื่อกี้คงงอนเราน่าดู ฮ่าๆ”
     “ก็มันช่วยไม่ได้นี่ครับ ถ้าไม่ทำแบบนั้นคุณปู่ก็ไม่ยอมตามใจผมนี่ เพราะคนอื่นไม่อยู่นั่นแหละครับ ผมถึงกล้าทำอะไรแบบนั้น”
     “แต่ที่ป๊าพูดมันก็จริงนะ เราจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ จริงหรือ? อย่างน้อยๆ ก็น่าจะไปรับรองบุตรให้มันเรียบร้อย พอเราอายุครบยี่สิบก็ต้องไม่ต้องให้แม่เรามาเซ็นอะไรแล้ว”
     “แต่ว่า...”
     “เราเกรงใจแม่ว่างั้น แม่เราก็ฉลาดนะ โยนเผือกร้อนมาที่เราคนเดียว รู้ทั้งรู้ว่าต่อให้เรายี่สิบแล้วเราก็ไม่กล้าอยู่ดีนั่นแหละเพราะกลัวแม่จะน้อยใจ แล้วก็แต่งงานหนีไปอยู่โน่นสบายใจเฉิบ ปล่อยเราไว้คนเดียว”
     “อย่าว่าคุณแม่เลยครับ คุณแม่ก็แค่อยากให้ผมตัดสินใจด้วยตัวเอง ก็ตอนนั้นอะไรๆ มันไม่เหมือนตอนนี้นี่นา แล้วผมก็เป็นคนเลือกที่จะอยู่เมืองไทยเองด้วย”
     “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่เพื่อตัวต้นเองนะ แล้วทางเลือกที่ลุงเสนอให้เราล่ะ?”
     “ถ้าผมทำแบบนั้นคุณพ่อคงโกรธผมตายเลยครับ”
     “ก็ปล่อยอีโกรธไป ทุกอย่างมันขึ้นกับเรา อีทำตัวเอง ต้นไม่ต้องไปสนใจหรอก”
     ทางเลือกที่คุณลุงพูดถึงก็คือการที่คุณลุงจะเป็นคนรับผมเป็นบุตรบุญธรรมแทน ... ผมได้แต่นั่งนิ่งมองวิวบนถนน ปล่อยให้คุณลุงขับรถพาผมกลับคอนโด
     ตอนแรกคุณพ่อต้องการรับผมเป็นบุตรบุญธรรม เพราะเกรงใจคุณป้าสุดา มันเจ็บปวดนะครับ ทั้งๆ ที่ผมเป็นลูกแท้ๆ ของคุณพ่อ ผมเลยได้แต่ชิงชังท่านเพราะความน้อยใจ จนผมประสบอุบัติเหตุนั่นแหละครับ ทุกคนถึงได้หันหน้ามาคุยกัน ทางนั้นโดยเฉพาะคุณปู่อยากทำอะไรให้มันถูกต้องตามกฏหมาย
     ยิ่งพอผมคืนดีกับคุณพ่อแล้ว ผมไม่รู้ว่าคุณพ่อพูดอะไรกับคุณสุดา แต่คุณสุดาเองก็ตามใจคุณพ่อผม ท่านคงนึกเวทนาเด็กอย่างผมมั้งครับ หลังๆ มาคุณพ่อถึงได้พาผมไปพบคุณสุดากับพี่ษาบ่อยๆ โดยเฉพาะวันที่ผมมาทานข้าวกับคุณปู่ แทบจะกลายเป็นงานรวมญาติเลยครับ ทั้งๆ ที่ปกติคุณพ่อเองก็แทบไม่ค่อยกลับไปหาคุณปู่ด้วยซ้ำ มีแต่พี่ษาที่ขยันมาอ้อนคนแก่บ้านนี้
     แต่ว่าในขณะที่ผมกำลังแอบดีใจกับครอบครัวใหม่ ผมก็กลัวแม่ของผมน้อยใจ ผมไม่อยากให้แม่คิดมากว่าผมดีใจอยากเป็นลูกหลานของทางนั้นจนลืมแม่...
     ผมลำบากใจจังเลยครับ ถึงจะเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ แต่ก็เป็นปัญหาของผู้ใหญ่ที่ผมรัก แล้วยิ่งคุณปู่เองก็มีชื่อเสียงพอตัว คุณพ่อกับคุณสุดาเองก็มีคนนับหน้าถือตามีลูกศิษย์ลูกหาตั้งเยอะ ผมจะไปปรากฏตัวในฐานะอะไรละครับ? ลูกนอกสมรสเหรอ? ถ้าที่ยืนของผมต้องแลกมาพร้อมกับความเสียหายของชื่อเสียงพวกคุณพ่อ ขอผมอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ได้ครับ แค่พวกเขายอมรับผมๆ ก็ดีใจแล้ว แต่คุณลุงก็มาชวนผมไปเป็นลูกบุญธรรม ...
     ครั้งแรกที่คุณลุงกับผมพบกันเป็นตอนที่ผมไปบ้านคุณปู่เป็นครั้งแรกครับ คุณปู่ให้พี่ษามารับผมไปหาวันนั้นคุณลุงกับป้าณีเองก็อยู่บ้านด้วย ผมเองก็ยังไม่คุ้นเคยกับใคร พอทานข้าวด้วยกันเสร็จก็เลยขอตัวกลับเพราะรู้สึกอึดอัด ได้แต่รู้จักหน้ากันเฉยๆ แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ผมใกล้ชิดกับคุณลุงนั้นก็คือตอนที่คุณลุงไม่สบายแล้วผมได้มีโอกาสช่วยดูแลคุณลุง หลังจากนั้นผมก็เลยสนิทกับแกมาก
     เวลาที่ผมอยู่กับคุณลุงมันรู้สึกสบายกว่าเวลาที่อยู่กับคุณพ่ออีกครับ คงเพราะระหว่างผมกับท่านไม่มีอะไรมารั้งพวกเราเอาไว้ แถมคุณลุงยังเป็นคนพูดอะไรตรงๆ ไม่เหมือนคุณพ่อ... แต่ผมก็เข้าใจคุณพ่อนะครับ ท่านก็พยายามเต็มที่แล้ว เป็นผมเองต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายเจียมตัว ถ้าผมเป็นคุณสุดา ผมคงไม่เข้มแข็งอย่างเธอ เธอคงรักคุณพ่อมากถึงได้ให้อภัยคุณพ่อได้ขนาดนี้ และถ้าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่วิเศษ พี่สาวของผมก็คงจะไม่ใช่ผู้หญิงน่ารักที่พร้อมจะรับน้องชายต่างมารดาอย่างผมเข้าไปในครอบครัว ผมเห็นแล้วก็ได้แต่ละอายครับ ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเรียกร้องอะไร เท่าที่ผมได้อยู่ตอนนี้ก็ดีมากแล้ว
     “ขอโทษนะครับ ต้องให้คุณลุงขับรถมาส่งผม”
    “ไม่เป็นไรหรอก ลุงเองก็จะออกมาธุระข้างนอกอยู่แล้ว”
     “ขอบคุณนะครับ”
     คุณลุงหันมายิ้มให้ผมก่อนจะหันกลับไปมองรถบนถนนต่อ ส่วนผมเองหันกลับไปมองวิวนอกหน้าต่างต่อเช่นกัน แล้วผมจะบอกพี่ชัชว่ายังไงดีละครับเนี่ย? ผมอุตส่าหวังว่าปีนี้จะเป็นการฉลองวันเกิดที่สุดวิเศษแท้ๆ อุตส่าอายุครบยี่สิบทั้งที

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     “กลับมาแล้วคร้าบ”
     ผมเอ่ยทักทายเมียสุดที่รักที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่หน้าเตา ไอ้ต้นมันหันมายิ้มให้ผมก่อนจะหันกลับไปยุ่งกับของในกระทะต่อ หือ? กลิ่นแบบนี้...
     “พี่ชัชกลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนก็ได้ครับ สเต็กยังไม่เสร็จเลย”
     หอมโคตรๆ ผมวางกระเป๋าไว้บนโซฟาแล้วเดินมาดูอาหารเย็นของผมในกระทะ หืม... น่ากินชิบเป๋ง!
     “ทำไมจู่ๆ มื้อเย็นวันนี้ถึงได้มีสเต็กละครับ?”
     ต้นมันหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้ามีเลศนัยนิดนึงแล้วก็ตอบ
     “อยากทานครับ”
     อ้าวๆ กวนละเมียผม ผมเลยตอบกลับด้วยการขยี้หัวมันไปสองสามที มันชักสีหน้าใส่แล้วทำท่าจะเอาตะหลิวมาฟาดผมซะงั้น
     “พี่ชัชอ่ะ! อย่ากวนสิครับ”
     “เออๆ งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”
     เมียผมนับวันจะข่มผัวเข้าไปทุกวันๆ ฮ่าๆ นี่ถ้ามันเอามืออีกข้างเท้าสะเอวนะใช่เลย!

     สุขสุดยอด! กลับถึงห้องเหนื่อยๆ ก็มีคนทำอาหารเย็นให้กิน ตอนแรกผมนึกว่าต้องหาอะไรกินเองคนเดียวซะละ เพราะต้นมันโทรมาบอกผมว่าอยู่ทานข้าวเย็นกับปู่มัน อาจจะกลับช้า ที่ไหนได้ พอกลับถึงบ้านกลิ่นสเต็กหอมฉุยก็รอผมอยู่ ผมเห็นมีสองชิ้นด้วย ถึงอีกชิ้นมันจะเล็กมากก็เถอะ แปลว่าผมไม่ต้องนั่งกินข้าวเย็นคนเดียว รู้สึกดีชะมัดยาดเลยครับ
     ผมถอดเสื้อผ้าโยนลงตระกร้าแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ จัดการอาบน้ำสระผมทำความสะอาดตัวเองแล้วก็ใส่ชุดนอนเดินออกมารอสัมปทานสเต็ก กลิ่นหอมเครื่องเทศผสมกลิ่นเนื้อแกะตลบอบอวลไปทั่วห้อง การทำอาหารในคอนโดมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ แต่ผมไม่ถืออยู่แล้ว จะกลิ่นอะไรก็ช่างผมไม่มีปัญหาหรอกครับ เพราะตอนนี้ผมหิว ที่สำคัญ ยังไงคนทำความสะอาดก็ไม่ใช่ผม เดี๋ยวไอ้ต้นมันก็จัดการเอง ฮ่าๆ
     นั่นไง ไอ้ต้นกำลังจัดการคลุกสลัดให้ผม ได้กินของอร่อยละว้อย สลัดที่ไอ้ต้นทำอร่อยมากครับ สูตรน้ำสลัดของพี่น้ำเด็ดโคตร ผมนั่งรออาหารเย็นผมอยู่บนโต๊ะทานข้าวพลางมองสุดที่รักลำเลียงมื้อเย็นจานต่างๆ มาวางตรงหน้า พอมันจัดโต๊ะเสร็จก็นั่งลงตรงข้ามผม
     “กินแค่นั้นเองเหรอครับ ที่เหลือนี่พี่เหมาได้เลยใช่มั้ย?”
     “ครับ ความจริงผมก็ทานมื้อเย็นมาแล้วจากบ้านคุณปู่”
     “อ้าว แล้วไปไงมาไงพี่ถึงมีบุญได้กินเสต็กเนื้อแกะนี่ล่ะ”
     “ก็... พอดีตอนที่คุณลุงมาส่งผม คุณลุงแวะฟู๊ดแลนด์ครับ”
     “อ๋อ... เราเลยช็อปฟรีว่างั้น?”
     “เปล่าซะหน่อย คุณลุงเสนอตัวเองต่างหาก ผมในฐานะหลานเวลาผู้ใหญ่ให้ของผมก็ไม่ขัดหรอกครับ”
     หึๆ เมียผมลอยหน้าลอยตาตอบได้หน้าเป็นมากครับ อีแก่ขี้งกของพี่เอ้ย... น่ารักอ๊ะ!
     “เอาเหอะ ลาภปากพี่ ไหนชิมดิ ยังทำน้ำเกรวี่อร่อยเหมือนเดิมป่าวเนี่ย? พอเนื้อแพงเราก็ไม่ค่อยทำสเต็กให้พี่กินเล้ย”
     “พี่ชัชอ่ะ!”
     มันทำปากยื่นงอนผมซะงั้น ฮ่าๆ แต่ก็นะ ไอ้ท่าทางแอบไม่มั่นใจลุ้นสีหน้าผมที่กำลังตัดเสต็กส่งเข้าปากนี่โคตรน่ารักเลยอ่ะ เพราะงั้นผมเลยแกล้งทำหน้าแปลกๆ เท่านั้นแหละ ไอ้ต้นเริ่มคิ้วตก คงกลัวเสต็กตัวเองจะไม่อร่อยจริงๆ เห็นแบบนี้ผมเลยเลิกแกล้งได้เวลาปลอบใจลูกแกะน้อยแล้วครับ
     “อร่อยครับ รสเดียวกับที่แม่เราทำเลยนะนี่”
     ผมไม่ได้แกล้งยอมันนะครับ เนื้อแกะหมักเครื่องเทศย่างในกระทะสุกกำลังดีนุ่มลิ้นรสเยี่ยม! ตอนแรกที่มันจะย้ายมาอยู่กับผมแล้วหอบเอาพวกอุปกรณ์ครัวมาด้วยเยอะแยะผมก็สงสัยนะว่าอะไรนักหนาวะ จานชามหม้อไหห้องผมก็มี แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่าไอ้กระทะสำหรับย่างกับค้อนหน้าตาประหลาดๆ นั่นมันเอาไว้ทำอะไร
     “แหง๋สิครับ”
     มันตอบผมแบบอวดๆ แล้วก็ลงมือทานสเต็กในส่วนของตัวเองบ้าง เฮ้อ... ไอ้เด็กเลี้ยงแกะเอ้ย เหลิงชะมัด คืนนี้แกล้งมันซักหน่อยดีกว่า
     ผมนั่งดื่มด่ำกำซ่าบกับเนื้อแกะเลิศรส ส่วนไอ้ต้นก็นั่งจิ้มสลัดทานเป็นเพื่อนผมหลังจัดการเสต็กชิ้นเล็กๆ ในจานของตัวเองเสร็จแล้ว เพราะอาหารเย็นมันอร่อยมากปากผมเลยไม่ว่างแซวเมีย แต่เมียผมปากว่างแล้วมั้งครับ เพราะจู่ๆ มันก็ถามผมขึ้นว่า
     “เอ่อ... ช่วงนี้พี่ชัชมีไปไหนรึเปล่าครับ?”
     “ไม่อ่ะ อาทิตย์นี้พี่อยู่แต่ในกรุงเทพฯ ครับ ส่วนวันที่สามเอ็ดพี่ต้องรีบกลับบ้าน วันเกิดเมีย”
     ไอ้ต้นมันยิ้มครับ มันช้อนตามองผมแล้วก็ยิ้ม หน้าแดงหน่อยๆ ท่าทางดีใจมาก ผมไม่ได้โง่ขนาดลืมวันเกิดแฟนนะคร้าบ หึๆ
     พอกินเสร็จ ที่เหลือก็ไม่ใช่หน้าที่ผม ผมเลยหนีไปนอนรอในห้องนอนเพราะขี้เกียจอยู่ผจญกลิ่นอาหารในห้องนั่งเล่น คือ... ตอนหิวอ่ะหอมครับ แต่ตอนอิ่มนี่ดิ ได้กลิ่นแล้วจะอ้วก ที่สำคัญผมต้องรีบย่อยด้วยครับ เดี๋ยวต้องใช้แรงงาน หึๆ
     ราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมง ไอ้ต้นมันก็เดินเข้าห้องมา คงจัดการทำความสะอาดข้างนอกเรียบร้อยแล้วมั้งครับ นิสัยอย่างไอ้ต้นไม่มีหรอกครับ เรื่องกองจานชามคาอ่างไว้อ่ะ กินมื้อไหนล้างมื้อนั้นทันที หึๆ เมียผมน่ารักมั้ยละ แม่บ้านแม่เรือนขนาดนี้พี่รักตายเลย ผมละสายตาจากไอแพดในมือหันไปบอกมัน
     “ที่รักคร้าบ พรุ่งนี้พี่เข้าบ่ายนะครับ แต่ปลุกพี่ไปส่งเราได้นะ”
     “อื้อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไปเองได้”
     “น่า ไม่ปลุกพี่คืนนี้ไม่ได้นอนทั้งคืนนะ”
     นั่นไง เจอมุกนี้ของผมเข้าไปมันก็เขินหน้าแดงเลย มันเฉไฉทำงอนไม่ตอบเดินไปถอดเสื้อผ้าทำท่าจะอาบน้ำ ผมมองดูเมียตัวเองค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อทีละเม็ดก่อนจะปลดตะขอกางเกงออก มันพันผ้าเช็ดตัวเอาไว้ก่อนจะดึงกางเกงลงแล้วถอดกางเกงใน ไอ้ขี้อายเอ้ย! เห็นกันมาจนจะจำขนทุกเส้นบนตัวมันได้อยู่แล้วยังจะอายผมอีก แต่นี่ก็ดีขึ้นเยอะแล้วครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนอยู่ด้วยกันใหม่ๆ มันหอบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำตลอด คิดแล้วขำชิบหาย
     ไอ้ต้นมันนุ่งผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปแล้ว ผมว่าผมเปลี่ยนใจดีกว่า เล่นมันตอนนี้เลย! หึๆ

     พอได้ยินเสียงน้ำไหล ผมก็สลัดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้วผลักประตูตามเข้าไป เมียผมกำลังยืนรับน้ำอยู่ใต้ฝักบัว เพราะเสียงเปิดประตู ต้นมันเลยหันมาทำท่าจะอ้าปากถามอะไรผม แต่พอเห็นผมเปลือยทั้งตัวเท่านั้นแหละ มันอ้าปากค้างทำตาโตทันทีครับ ฮ่าๆ
     “เข้ามาทำไมครับพี่ชัช?”
     “พี่ปวดฉี่”
     “ห้องน้ำข้างนอกก็มี”
     “แต่พี่อยากฉี่ลงรู”
     “.... ไม่ตลกครับ ผมจะอาบน้ำ”
     ผมก้าวไปยืนซ้อนมันด้านหลังแล้วโอบมันเอาไว้ก่อนจะเลื้อยมือไปช่วยมันถูสบู่
     “อื้อ! ไม่ต้องเลยครับ ผมอาบเองได้!”
     “แต่ฉี่พี่เป็นสีขาวอ่ะ แล้วมันอยากลงรูต้นด้วย”
     พอถูกผมกระซิบข้างๆ หู มันก็เริ่มหน้าแดง แถมเพราะมือผมช่วยเลื้อยไปทำความสะอาดให้มันไล่ตั้งแต่บนหน้าอกลงไปถึงด้านล่าง มันเลยเริ่มเซจนต้องเอนมาพิงผม
     “ไม่เอานะครับพี่ชัช พึ่งกินมาอิ่มๆ อาหารยังไม่ย่อยเลย”
     “แต่พี่อยากกินของหวาน”
     ผมพูดพร้อมกับชักให้มันไปด้วย พอโดนเข้าไปขนาดนี้ไอ้ต้นก็แทบยืนไม่ไหวแล้วครับ มันเอนมาซบจนร่องก้นมันเบียดอยู่กับของๆ ผม นี่มันไม่ไหวหรือมันยั่วผมวะเนี่ย?
     “อื้อพี่ชัชอ่ะ!”
     “คร้าบ?”
     ถึงมันจะยังไม่ได้ล้างหน้า แต่แก้มเมียผมหอมเสมอครับ ผมหอมแก้มมันก่อนจะดูดปากกันท่ามกลางสายน้ำจากฝักบัว มือนึงก็รูดอยู่ด้านล่าง อีกมือก็คลึงอยู่ด้านบน ด้านหลังมันก็โดนผมเอาเอ็นเบียด ไอ้ต้นโดนผมเล้าโลมทุกส่วนของร่างกายแบบนี้มันก็ปฏิเสธไม่ไหวแล้วครับ มันส่งเสียงประท้วงผมในคออู้อี้ได้ซักพักก็เริ่มเซ เห็นอาการเข่าอ่อนเมียแล้วก็สงสารผมเลยเร่งมือสาวให้เร็วยิ่งขึ้น หึๆ ทีนี้แหละ มันสะบัดหน้าหนีผมเลย แต่ผมไม่ยอมหรอก ผมจับคางมันให้หันมาดูดปากกับผมต่อ ส่วนข้างล่างก็แกล้งมันหนักขึ้นจนไอ้ต้นมันหุบปากไม่อยู่ ดูดปากผมไปครางไป ซักพักมันก็กระตุกไปทั้งตัวจนผมรู้สึกถึงการสั่งหงึกๆ ในอุ้งมือผมเป็นจังหวะ ผมเลยรีดของมันแบบเน้นๆ ไอ้ต้นสะดุ้งจนตัวงอลงไปกองกับพื้นอ่างอาบน้ำ
     “อื้อพอแล้วครับ!”
     “ฮ่าๆ”
     มองไอ้ต้นนั่งขมวดคิ้วท่าทางอายๆ หอบกองอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้วก็ขำครับ มันมองผมตาเขียวปั๊ดเลย หึๆ มันเม้มปากย่นคิ้วเตรียมพร้อมละ เดี๋ยวต้องด่าผมชัวร์
     “พี่ชัชบ้า! เล่นอะไรครับ อึ๊!
     ผมเล่นทีเผลอจับหัวมันมาใกล้ๆ แล้วเอาของผมฟาดปากมันไปทีนึงโทษฐานพูดมาก ไอ้ต้นมันงงจนตาค้างเลยครับ ฮ่าๆ ดูมันตกใจเหมือนกันเพราะผมไม่เคยแกล้งมันแบบนี้มาก่อน
     “ปากน่ะ เอาไว้ทำอย่างอื่นดีกว่านะครับ เลิกบ่นพี่ได้แล้ว ตาพี่ละ”
     มันมองผมด้วยสายตาทิ่มแทงสุดๆ แต่ก็ขยับตัวเปลี่ยนท่ามาคุกเข่าตรงหน้าผม
     “ปิดน้ำก่อนสิครับ เปลือง!”
     “คร้าบ”
     เพราะโดนเมียด่าผมเลยเอื้อมไปปิดน้ำ พอปากมันไม่ว่างพูดมากแล้วก็สบายหูจังเลยครับ บางทีผมก็เบื่อเสียงเมียบ่นเหมือนกันนะ ฮ่าๆ ผมเขี่ยผมเปียกๆ ของมันให้เสยไปด้านหลังแล้วก็มองวิวตรงหน้า ถึงจะทำหน้าขมวดคิ้วท่าทางงอนแค่ไหน แต่มันก็ขยับหัวเข้าออกเป็นจังหวะบริการให้ผม ความจริงแล้ววันนี้ผมไม่ค่อยมีอารมณ์มากเท่าไหร่หรอก แค่อยากแกล้งมันเท่านั้นแหละ แต่ยืนนานๆ ก็ชักเมื่อยแฮะ
     “แป็บนะครับที่รัก พี่เมื่อยว่ะ”
     ผมดึงมันให้หยุดก่อนจะนั่งลงบนขอบอ่าง ไอ้ต้นมันพยักหน้าเข้าใจแล้วคลานมารับผิดชอบงานของมันต่อ โดนมันดูดแบบนี้ก็เสียวดีนะครับ มันก็โม้คให้ผมตามปกตินะแต่ผมชักหนาวแล้วว่ะ นานแล้วด้วยแต่ผมไม่สุดซักที ไอ้ต้นเองก็ยังอาบน้ำไม่เสร็จเลยด้วย ผมให้ไอ้ต้นมันเสียสละตัวเองซักหน่อยดีกว่า
     “ที่รักครับ ยืนหันหลังให้พี่หน่อยนะ”
     พอได้ยินที่ผมพูดไอ้ต้นก็ทำตาโตอ้าปากค้างทั้งๆ ที่ของๆ ผมยังคาอยู่ในปากมัน
     “อื้อ
     มันหุบปากลงแล้วส่งเสียงปฏิเสธพลางส่ายหัวนิดหน่อย โอ้ย เสียวโว้ย!
     “น่านะ นิดนึง”
     มันคายของผมออกแล้วปฏิเสธชัดถ้อยชัดคำ
     “ไม่ครับ”
     “น่า นิดเดียว พี่จะรีบๆ เลย หนาวอ่ะ”
     “แล้วใครมันเล่นพิเรนท์ก่อนละครับ! คิดว่าผมไม่หนาวรึไง?”
     พอปากว่างแล้วมันก็บ่นผมอีกละ วันนี้ขอพี่เล่นบทโหดหน่อยละกันไอ้น้อง ผมดึงตัวมันให้ลุกขึ้นแล้วดันไปติดผนังห้องน้ำ
     “พี่ชัช!”
     “แป็บเดียวน่า ยอมๆ พี่หน่อย ไม่เข้าสุดหรอก”
     ผมก็ไม่ได้คิดจะใส่หรอกนะอันที่จริง ผมยังไม่ได้เล้าโลมปากทางมันเล้ย ขืนใส่ตอนนี้มีฉีกแน่ๆ อ่ะ ผมแค่จะขอซอยกับร่องก้นมันก็แค่นั้นแหละ แต่เห็นแบบนี้แล้วอยากแกล้งมันต่อชะมัด ท่าทางตื่นๆ ทำตาโตตกใจอ้าปากค้างแบบนี้มันโคตรน่ารักเลยครับ ผมเลยกดสบู่ใส่มือแล้วเอาไปถูให้ทั่วด้านหลังมัน โดยเฉพาะแถวๆ ร่อง
     “พี่ชัชผมไม่เอานะ! แสบอ่ะ!”
     “น่า... ยอมๆ พี่เถอะ พี่เงี่ยนจัดแล้วว่ะ”
     “พี่ชัช!”
     เมียผมร้องเสียงสูงซะเสียงหลงเลยครับ ฮ่าๆ แต่พอผมจับขามันให้ยืนชิดๆ แล้วไถดุ้นของผมกับร่องของมันๆ ก็เริ่มเงียบปากลง ดูมันงงๆ แต่ก็เหมือนจะตั้งสติได้ แต่ก็ยังไม่วายทำสายตาหวาดระแวงผมอยู่ตลอดเวลา หมาป่าอยากจับลูกแกะกินชะมัดเลยอ๊ะ!
     ผมว่าผมปลอบมันหน่อยดีกว่า ยังไงผมก็ใจร้ายกับมันไม่ลงครับ เมียผมน่าเอ็นดูขนาดนี้
     “น่ารักมากครับต้น”
     ผมจูบมันแล้วก็เล่นของมันไปพร้อมๆ กัน พอรู้ว่าตัวเองปลอดภัยแล้วมันก็เลยผ่อนคลายมากขึ้น หันหน้ามาจูบตอบผม ส่วนผมก็พยายามบิ้วตัวเองด้วยภาพหื่นๆ ของมันในหัวเต็มที่ครับ จะได้ออกๆ ซะที ใช่ว่าผมไม่เคยทำกับมันในห้องน้ำ ดังนั้นเลยไม่ยากที่จะจินตนาการ ไม่นานผมก็ออก ส่วนไอ้ต้น หึๆ ระหว่างที่ผมกำลังบิ้วตัวเองมันดันแข็งขึ้นมาอีกรอบซะงั้น ดังนั้นผมเลยซอยเล่นไถให้มันเสียวจนกระทั่งของๆ ผมอ่อนตัว พอของผมมันหมดสภาพเลยเปลี่ยนเป็นนิ้วแทน โดนผมแหย่รูพร้อมชักให้อีกซักพักมันก็เสียน้ำครั้งที่สอง เสร็จแล้วผมก็ช่วยมันอาบน้ำ ก่อนจะอุ้มมันออกมาใส่เสื้อผ้า เจ้าหญิงของผมงอนจนตบผมไปหนึ่งที ถึงจะเบาๆ ก็เถอะ เจ็บอ๊ะ!
     ไอ้ต้นมันงอนผม คือ... ผมก็รู้นะผมทำตัวเอง แต่ว่า... ใครใช้ให้เมียผมน่ารักน่าแกล้งอ่ะ ผมเลยอดใจไม่ไหวทุกที ก็รีแอคชั่นเมียผมมันสุดยอดนี่ครับ ฮ่าๆ
     “ที่รัก มาให้พี่กอดหน่อยเร้ว”
     นิ่ง.... พอมันคลานขึ้นเตียงได้มันก็ขยับไปมุมของมันแล้วนอนหันหลังให้ผมซะงั้น
     โอเค ถึงผมกับมันจะไม่ได้นอนกอดกันหวานชื่นทุกคืนก็เถอะ แต่ไอ้สภาพที่พอใส่เสื้อผ้าเสร็จก็ขึ้นเตียงล้มตัวลงนอนไม่หือไม่อือกับผมซักนิดเนี่ย งอนผมชัวร์ๆ ครับ
     เฮ้อ... ก็ได้ ผมยอมมันแล้วอ่ะ ผมเขยิบไปนอนใกล้ๆ มันแทนเองก็ได้ พอขยับเข้าไปใกล้กันแล้วผมก็สอดแขนเข้าไปกอดมันเอาไว้
     “งอนพี่เหรอครับ”
     ไม่เถียงอะไรผมเลยวุ๊ย! แปลว่างอนมาก
     “โอ๋ๆ ขอโทษนะ”
     หอมแก้มเอาใจมันซักฟอด อืม... แก้มเมียผมหอมว่ะ มันคงไม่ว่าไรผมหรอกนะถ้าผมจะจูบมัน เลื้อยๆ แก้มก็หอมปากก็นิ่ม เมียใครวะน่ารักน่ากิน อุ๊! ไอ้ต้นมันเสยคางผม!
     “จิ๊ พี่ชัชอ่ะ!”
     “พี่เจ็บนะต้น! โดนลิ้นเลยอ่ะ”
     “สมน้ำหน้าครับ”
     “พี่แกล้งเรานิดๆ หน่อยๆ อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่น่า”
     “จะนิดหน่อยหรือมากกว่านี้ แบบไหนผมก็ไม่ชอบทั้งนั้นครับ! ผมตกใจหมด”
     “นึกว่าจะโดนพี่เอาสดเหรอ?”
     “พี่ชัชบ้า!”
     ไอ้ต้นมันคว้าหมอนมาทุบผมใหญ่เลย ฮ่าๆ ท่าทางมันแค้นผมมากนะเนี่ย กระหน่ำผมไม่ยั้งเลย เอาวะ ยอมโดนทุบนิดๆ หน่อยๆ ก็ได้ เผื่อมันจะหายโกรธ พอมันเอาคืนผมจนพอใจแล้วผมค่อยพูดขึ้น
     “งี่เง่าน่า เจลก็มี พี่ไม่โรคจิตเล่นสดกับสบู่หรอกครับ”
     ผมตอบในสภาพที่นอนแผ่โดนไอ้ต้นนั่งทับแล้วก็มีหมอนเป็นอาวุธทำร้ายผมอยู่ในมือมัน นับวันผมชักจะโดนเมียกดขี่มากขึ้นทุกวันนะเนี่ย แต่นี่ถ้าเปลี่ยนจากกดขี่มาเป็นขี่ม้าพี่ให้คล่องๆ แบบนี้บ้างจะดีมากเลยน้องเอ้ย ขอแบบร่อนๆ ซักทีเห้อ!
     “ไม่ต้องมาทำทะเล้นเลยครับ ทีหลังแบบนี้ไม่เอาแล้วนะครับผมไม่ชอบ ผมตกใจหมด ถ้า... ถ้าจะทำอะไรก็บอกกันดีๆ ก่อนสิครับ”
     “ขอโทษครับ ก็เราอยากน่ารักน่าแกล้งทำไมอ่ะ”
     “พี่ชัชเป็นคนขี้แกล้งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ให้ตายเถอะ พี่ฟ่างไม่เห็นเคยบอกผมเลยว่าพี่ชัชนิสัยเสียขนาดนี้!”
     “พี่ก็พึ่งเป็นตอนมาเจอเรานี่แหละคร้าบ คนไรก็ไม่รู้ น่ารักน่าแกล้ง หน้าแดงแล้วน่ารักชะมัดเลย เห็นแล้วพี่เลยทนไม่ไหว ขอโทษนะครับ”
     ผมพูดพลางไล้แก้มมัน เจอมุกหวานๆ ของผมเข้าไปไอ้ต้นก็ไอ้ต้นเถอะ หึๆ มันเอาหมอนไปกอดแล้วหลบตาผมแทน ท่าทางโมโหของมันหายไปกว่าครึ่งแม้จะยังมีปั้นปึงอยู่บ้างนิดหน่อย ไอ้ขี้งอนเอ้ย!
     “หายงอนพี่ยัง จะได้นอนกันซักที ง่วงแล้วครับที่รัก”
     “สนแต่เรื่องของตัวเอง พอสมใจแล้วก็ไม่สนใจเรื่องอื่น!”
     “งอนไรพี่อีกเนี่ย? อายุสิบกว่าๆ แต่ขี้บ่นจริง ระวังเหอะ ตีนกาจะขึ้นตอนอายุยี่สิบ”
     “พี่ชัชบ้า!”
     “ฮ่าๆ”

     รุ่งเช้า... ไม่สิ สายแล้วนี่หว่า แม่ง! ไอ้ต้นไม่ปลุกผมจริงๆ ด้วย ท่าทางเมื่อคืนมันงอนผมจัดแฮะ ช่างมัน วันนี้ผมมีพบหมอคนเดียว เดี๋ยวคุยเสร็จแล้วไปรับมันที่มหาลัยดีกว่า ช่วงนี้มันกลับเย็นเกือบทุกวันเลยแถมวันนี้มันเรียนบ่ายด้วย แอบไปเซอร์ไพรส์มันดีกว่าครับ จะได้ไปสอดส่องเมียตัวเองด้วย หึๆ

     คือ... ตอนเช้าผมก็คิดแบบนั้นนะ แต่ตอนที่ผมเสร็จธุระกับหมอแล้วกำลังจะกลับรถนี่ดิ ผมเจอคนที่ไม่ได้เจอมานานครับ แหมยังน่ารักกระชากใจผมเหมือนเดิมเลย สาวสวยคนนั้นหิ้วถุงพะรุงพะรังจ้ำไปตามทางในโรงพยาบาล ผมดูชื่อผลิตภัณท์ที่อยู่บนถุง อืม... ไปหาหมอออโธแหง๋ ดูดิ ยุ่งจนไม่ได้สังเกตเล้ยว่าผมเดินตาม พอเธอเดินไปถึงประตูห้องที่ไม่ได้เป็นแบบเปิดอัตโนมัติแล้วก็เลื่อนถุงพะรุงพะรังในมือทำท่าจะเอาไหล่ดันประตูเปิดเข้าไป
     “ให้ช่วยมั้ยครับ?”
     “ชัช!”
     ฟ่างหันมาเรียกชื่อผมด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะหันไปมองทาเก็จของตัวเองแล้วหันมาสั่งผม
     “รอฟ่างอยู่ตรงนี้แป็บนึงนะ เดี๋ยวฟ่างมา ฟ่างขอตัวไปทำงานก่อน แป็บเดียวค่ะ”
     น่ารักเสมอ เมียเก่าผม
     และแล้วผมก็เลยต้องแกร่วรอฟ่างอยู่แถวนั้น พอเธอออกมาจากแผนกกระดูก เราก็เลยไปหามุมนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟในโรงพยาบาล ผมถือโอกาสเลี้ยงกาแฟเธอ ไม่ได้เจอตั้งนาน คิดถึงนะเนี่ย แฟนเก่าผมยังสวยเหมือนเดิม เธอใช้หลอดคนลาเต้ในแก้วเล่นพลางถามผม
     “มาได้ยังไงคะเนี่ย ฟ่างนึกว่าชัชวิ่งต่างจังหวัดซะอีก”
     “ย้ายเข้ากรุงแล้ว ช่วงนี้ทางนี้เขาต้องการเสาหลักน่ะ”
     “แหม น่าอิจฉาจัง ของฟ่างสิแย่เลย”
     และแล้วเราก็คุยกันเรื่องความลำบากในการทำงาน แต่บอกได้เลยครับว่าไม่มีอะไรเข้าหัวผมเลยแม้แต่น้อย เพราะผมมัวแต่มองความน่ารักของเธอ กริยาสดใสทั้งหลายแม้จะกำลังนั่งบ่นเรื่องงานจนย่นจมูก รอยยิ้มกับแววตาสดใสที่มีให้ผมทุกครั้งที่เราเจอกันแม้ว่าเราจะเลิกกันไปแล้วก็ตาม กลิ่นน้ำหอมที่ผมคุ้นเคย ผมเคยซื้อให้เธอขวดนึงด้วยซ้ำตอนจีบกันใหม่ๆ เพราะจำได้ว่าเธอชอบ จะว่าไปสร้อยเส้นนั้นผมก็คุ้นนะ ตุ้มหูที่เธอซื้อตอนไปอิตาลี ฟ่างยังใช้คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลแบบที่เธอชอบ
     “ชัช! ชัชอ่ะ ไม่ฟังฟ่างอีกแล้ว ใจลอยไปไหนคะ”
     “ห๊ะ? ขอโทษ เพลินไปหน่อย”
     “ชิ! ชัชอ่ะทุกทีเลย เพลินอะไรกัน ไม่ยอมสนใจที่ฟ่างพูดอีกแล้วนะ”
     ฟ่างย่นหัวคิ้วให้ผมอีกแล้ว เธอมักจะทำแบบนี้ทุกทีเวลาผมไม่ใส่ใจเธอ ผมเองก็อดไม่ได้ เลยเผลอเอื้อมมือไปนวดหัวคิ้วนั่น
     “ขอโทษ ก็คนมันคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฟ่างสวยขึ้นตั้งเยอะ ชัชเลยมองเพลิน”
     “ปากหวานอีกแล้ว มาเฟลิตใส่คนอื่นแบบนี้ระวังเถอะ ฟ่างจะฟ้องต้น!”
     “อ้าว! ชัชทำไรผิดเนี่ย? แค่ชมฟ่างเอง”
     “ไม่เคยรู้อะไรกับเค้าเลย! งี่เง่าที่สุดเลยชัชเนี่ย มาชมฟ่างแบบนี้ได้ยังไงกัน”
     “อ้าวทำไมล่ะ ก็ฟ่างน่ารักจริงๆ นี่นา”
     ขนาดโกรธยังน่ารักเลยคร้าบ ฟ่างจ๋า ท่าทางแง๊วๆ ขู่ฟ่อเอาแต่ใจแบบนี้อย่างกับลูกแมวตัวน้อยๆ เลยครับ อยากอุ้มกลับบ้านอ่ะ ไม่มีอะไรเข้าหัวผมละตอนนี้ มองเพลินครับ
     “ชมผู้หญิงคนอื่นว่าน่ารักทั้งๆ ที่ตัวเองมีแฟนแล้วได้ยังไง ห้ามไปเฟลิตแบบนี้กับใครที่ไหนเลยนะ ฟ่างขอสั่ง”
     “ไม่ได้เฟลิต ชัชจริงใจ หึๆ”
     “พูดเล่นอีกแล้ว! ชัชนี่... จริงๆ เลยเชียว”
     โอ๊ยคนสวยเขิน หัวใจผมกระตุกเลยคร้าบ ฟ่างน่ารักอ่ะ
     “คร้าบๆ ขอโทษคร้าบ ชัชผิดไปแล้ว ฟ่างให้อภัยชัชนะ อย่าไปฟ้องต้นมันล่ะ เดี๋ยวชัชโดนบ่นหูชา ฮ่าๆ”
     “สมน้ำหน้า! อย่างชัชน่ะต้องโดนบ่นซะบ้าง ดีนะฟ่างเลิกกับชัชแล้ว ไม่งั้นเหนื่อยแย่ ต้องบ่นชัชทุกวันทุกเรื่อง กลายเป็นยัยแก่ตีนกาขึ้นเพราะชัช”
     ฟ่างเธอเล่นมุกเอามือไปจับๆ ที่หางตาตัวเองทำท่าระอาผมเต็มทน ผมก็เลยเล่นมุกแกล้งทำเป็นส่องหน้าเธอใกล้ๆ แล้วพิจารณา ถือโอกาสลูบแก้มคนสวยไปในตัว หึๆ
     “ไหนๆ ไม่เห็นเลย หน้าคนสวยของชัชออกจะตึงไม่มีริ้วรอยซักเส้น เพิ่งโบท็อกซ์มาไม่ใช่เหรอครับ?”
     “เชอะ!”
     เธอตีผมเบาๆ แล้วก็หัวเราะเสียงใส แม่งเอ้ย! น่ารักจริงๆ เลย
     “แล้วนี่ฟ่างมีงานต่อรึเปล่าครับ?”
     “ค่ะ เดี๋ยวต้องไปต่ออีกที่”
     “เสียดายจัง ว่าจะชวนกินข้าวซะหน่อย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน อยากอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้อ่ะ”
     “บ้า! พูดเล่นอีกแล้ว”
     “ไม่ได้พูดเล่น พูดจริงๆ ชัชคิดถึงฟ่างนะครับ”
     “แน่ะ เดี๋ยวต้นมาได้ยินเข้าก็เสียใจหรอก”
     “ไม่ได้หมายความในแง่นั้น ชัชไม่นอกใจแฟนตัวเองหรอก ฟ่างก็รู้ แต่ชัชคิดถึงฟ่างจริงๆ นี่นา พักหลังเราไม่ค่อยได้คุยกันเลย ฟ่างก็รู้ชัชชอบนั่งฟังฟ่างคุย ชัชก็แค่คิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เราเคยมีให้กันนะครับ”
     ผมไม่ได้โกหกนะ ผมก็แค่อยากยื้อเวลาดีๆ แบบนี้ให้ยาวขึ้นอีกนิด ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเลยจริงๆ ผมไม่ได้เลิกรักต้นซักหน่อย ผมก็ยังรักต้นเหมือนเดิม เพียงแต่ ผมก็แค่คิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ผมกับฟ่างเคยใช้เวลาร่วมกันแค่นั้นเอง แต่เธอก้มหน้าลงมาหาผมแล้วพูด
     “เสียใจค่ะ เพราะว่าฟ่างต้องไปทำงานแล้ว สมน้ำหน้า! เพราะชัชนั่นแหละไม่ยอมดูแลฟ่างให้ดีก่อนทำไม จะมาเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้วค่ะ”
     ฟ่างเชิดหน้าขึ้นพลางสะบัดผมอย่างน่ารัก โอ๊ย! ราชินีของผมน่ารักที่สุด ผมเลยทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยิ้ม ผมยิ้มเหมือนเด็กหนุ่มโง่ๆ ที่กำลังเขินตอนจีบผู้หญิงครั้งแรก
     “ฟ่างไปนะ แล้วว่างๆ จะโทรหานะคะ”
     “คร้าบ”
     เธอยิ้มให้ผมแล้วก็เดินจากไป แต่พอเดินไปได้ห้าก้าวก็หมุนตัวเดินกลับมาหาผมแล้วฉวยข้อมือผมให้ลุกไปด้วยกัน
     “ไปกับฟ่างก่อน! ฟ่างมีคุ๊กกี้เจ้าอร่อยอยู่ในรถ จะฝากไปให้ต้น”
     “ลากชัชไปที่รถฟ่างเพื่อเอาคุ๊กกี้เนี่ยนะ?”
     “ไม่ใช่ค่ะ ให้ชัชตามไปเอาของฝากกลับไปให้ต้นต่างหาก”
     “นั่นแหละ มันก็เหมือนกันแหละ”
     “ไม่เหมือน! ชัชอ่ะ! คุ๊กกี้เจ้านี้อร่อยมาเลยนะ”
     “แค่คุ๊กกี้เอง ไว้โอกาสหน้าก็ได้”
     “อย่ามาทำขี้เกียจนะ! วันที่สามสิบเอ็ดนี้วันเกิดต้นไม่ใช่เหรอ ฟ่างจะฝากคุ๊กกี้ไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์ต้น”
     “ไว้ว่างๆ แล้วชัชชวนต้นไปกินข้าวกับฟ่างก็ได้มั้ง”
     ผมกวนเธอไปงั้นแหละ ไม่ได้ขี้เกียจเดินหรอกนะครับ ให้ผมขับรถไปส่งเธอต่อยังได้เลย เพียงแต่ผมอยากฟังเสียงแง๊วๆ ของฟ่างเวลาแว้ดใส่ผมเฉยๆ
     “นั่นก็โอกาสหน้า นี่ก็ส่วนนี่ ไหนๆ เจอกันทั้งทีแล้ว ชัชนั่นแหละเอากลับไปให้ต้นเลย ฟ่างสัญญากับต้นไว้ตั้งนานแล้วแต่ไม่ว่างซักที”
     “อ้าว? แอบไปสัญญาอะไรกันอีกล่ะนั่น?”
     “ก็วันก่อนโน้น ฟ่างโทรไปคุยกับต้น ก็เลยเล่าให้ต้นฟังว่าไปเจอคุ๊กกี้เจ้าอร่อยอยู่เจ้านึง เป็นคุ๊กกี้โฮมเมด อร่อยมากๆ หมอติดใจกันเพียบ ต้นก็เลยอยากลองชิมบ้าง ฟ่างก็เลยสัญญากับต้นว่าว่างๆ จะเอาไปฝาก แต่พอดีฟ่างยุ่งๆ ก็เลยยังไม่ได้แวะไปหาต้นซักที”
     หือ? ฟ่างแวะไปหาต้นด้วยเหรอครับเนี่ย ผมพึ่งรู้ ไม่เห็นต้นมันบอกผมเลยว่ามันคุยกับฟ่างบ่อยๆ เออ... เมียเก่ากับเมียใหม่ผมสามัคคีกันลับหลังผมดีวุ๊ย!
     “คุ๊กกี้เนี่ยนะ? มันจะอร่อยมากแค่ไหนกัน”
     “อร่อยสิ อร่อยมากเลยแหละ ไขมันต่ำด้วยนะ อ้าว? ชัชไม่รู้เหรอคะว่าต้นชอบกินคุ๊กกี้มากเลยนะ”
     จริงดิ? ไอ้ต้นเนี่ยนะชอบกินคุ๊กกี้? ผมไม่ค่อยเห็นมันกินอะไรจุบจิบด้วยซ้ำ ยังคิดอยู่เลยว่ามันไม่ชอบกินขนม
     “เหรอ... เหรอครับ?”
     “ชิ! อีกแล้ว! ชัชอ่ะ! ชัชเคยรู้อะไรบ้างมั้ยเนี่ย โอ้ย! ดีนะที่ฟ่างเลิกกับชัชแล้ว น่าสงสารต้นที่สุดเลย”
     อ้าว! ผมผิดอีก? ผมทำไรผิดวะเนี่ย ราชินีติสท์ตัวแม่ของผม
     “ชัชไม่ค่อยเห็นต้นกินอะไรนี่นา เวลาไปช็อปปิ้งก็ไม่เห็นมันจะซื้อขนมกิน ส่วนใหญ่เห็นซื้อแต่ผลไม้”
     “คนที่ชอบผลไม้นั่นมันชัชต่างหาก!”
     ฟ่างเธอหันมาส่ายหัวน้อยๆ ให้ผมแล้วก็ลากแขนผมเดินตามเธอไปที่รถต่อ นี่ผมทำอะไรผิดมากวะเนี่ย? ไม่เข้าใจเธอจริงๆ
     และแล้วเธอก็ส่งคุ๊กกี้กล่องใหญ่ผูกโบว์สวยงามมาให้ผมหนึ่งกล่อง
     “ฝากไปให้ต้นด้วยนะ แล้วเดี๋ยวว่างๆ ฟ่างค่อยโทรไปหาต้นเอง ช่วงนี้ฟ่างยุ่งนิดหน่อยค่ะ”
     “คร้าบ ดูแลตัวเองด้วยนะครับคนสวย แล้วชัชจะบอกต้นให้นะ”
     ผู้หญิงตรงหน้าผมน่ารักจริงๆ เธอฉีกยิ้มให้ผมจนแก้มป่องขึ้นเป็นลูก น่ารักจนผมอยากหอมแก้มกลมๆ นั่น แต่เพราะเลิกกันแล้วผมเลยทำได้แค่ลูบผมเธอเบาๆ แล้วเกี่ยวผมยาวสลวยสีน้ำตาลเป็นลอนนั่นไปทัดหูให้ เธอยิ้มให้ผมแล้วยกมือขึ้นโบกบ๊ายบาย
     “ค่ะ บ๊ายบายนะ ชัชเองก็ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ แล้วก็ดูแลตนให้ดีด้วยล่ะ ห้ามทำต้นร้องไห้นะ ห้ามไปเฟลิตกับใครแบบที่ทำกับฟ่างด้วย!”
     “คร้าบๆ ชัชพึ่งรู้ตัวนะเนี่ยว่าเฟลิตกับฟ่าง ว่าแต่... แล้วชัชจีบติดมั้ยครับคนสวย?”
     “บ้า!”
     ฟ่างชักสีหน้าให้ผมนิดหน่อยก่อนจะส่ายหัวด้วยท่าทางขำๆ เธอเอ่ยลาผม
     “ไปนะ”
     แล้วเธอก็ขับรถจากผมไป ทิ้งผมไว้กับกล่องคุ๊กกี้ที่ฝากไปให้เมียผม เมียเก่าฝากของขวัญวันเกิดไปให้เมียใหม่ผม เออ แปลกดีครับ หึๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



มองในมุมนึงก็มีเสน่ห์เพราะความขี้เล่น คารมดี แต่อีกมุม น่าตบ! ผู้ชายคนนี้ใครได้ทำแฟนคงปวดหัวตาย
 :m19:   ดีใจที่เขียนเสือออกมาเป็นเสือจริงๆ ไม่ใช่มีแค่ท่าทางเก็กๆ กับสถานการณ์ที่ถูกอุปโลกน์ให้เป็นคาสโนว่า ผู้ชายเจ้าชู้มันไม่สำนึกหร้อก หึๆ ดังนั้นอย่าฆ่ากันเลยนะถ้าพี่ชัชจะเลว ก็คนแต่งอยากได้พระเอกที่เป็นผู้ชายเจ้าชู้จริงๆ นี่นา
ภาคหนึ่งต้นน้ำโดนด่า ภาคสองพี่ชัชโดนด่า ทำไมเป็นนิยายที่ตัวเอกมีแต่โดนด่าละเฟ้ย! :katai1: ฮ่าๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ผู้คนรอบๆ ตัวเด็กเลี้ยงแกะ

เด็กเลี้ยงแกะ
     “ต้น ไม่สบายเหรอ?”
     “อืม ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ”
     “งั้นนายจะลาช่วงบ่ายมั้ย เดี๋ยวเราจดโน้ตไว้ให้”
     “ไม่เป็นไรหรอกโอม เดี๋ยวทานยาก็คงดีขึ้นเอง”
     “งั้นไปนอนพักในห้องภาคมั้ย? เดี๋ยวเราซื้ออะไรมาให้เอง”
     “ไร ต้นไม่สบายเหรอ?”
     ไปป์จอมยุ่ง ไม่ต้องเสียงดังขนาดนั้นก็ได้
     “เออจริงด้วยอ่ะแก หน้าแกแดงๆ นะ ไข้ขึ้นด้วยอ่ะ”
     ต่อจากไปป์ก็ป่าน แต่ผมก็คิดว่าผมคงไข้ขึ้นมากจริงๆ นั่นแหละครับ เพราะรู้สึกว่ามือของป่านที่ยื่นมาสัมผัสหน้าผากผมมันเย็นกว่ากันเยอะเลย ผมปวดหัวจนแทบระเบิด ตัวก็รู้สึกรุมๆ เพราะพี่ชัชเล่นพิเรนท์เมื่อวานแท้ๆ เลย
     “เราไม่เป็นไรมากหรอก”
     “แต่ท่าทางต้นดูแย่ๆ นะ ช่วงบ่ายลากลับไปพักผ่อนดีกว่ามั้ย?”
     “เราไหวน่าเมย์ ไม่อยากพลาดคาบบ่ายอ่ะ”
     “งั้นเดี๋ยวนายไปนอนพักแล้วเราจะซื้อข้าวมาให้นายดีป่ะ จะกินไร”
     “ขอบใจนะไปป์ เราทานอะไรก็ได้ซื้อมาเถอะ”

เพื่อนผู้เฝ้ามองเด็กเลี้ยงแกะอยู่เงียบๆ
     ผมมองต้นที่เดินไปทางตึกภาคตามลำพังแล้วเป็นห่วงจังเลยครับ วันนี้ผมสังเกตเห็นว่าต้นจดเลคเชอร์ช้ากว่าปกติ แถมยังดูเซื่องซึมด้วย ท่าทางเหมือนคนไม่สบาย ตอนแรกผมคิดจะไปซื้อข้าวกล่องมาให้ต้น แต่ปรากฏว่าไปป์รับหน้าที่นั้นไปแล้ว พวกเราที่เหลือเลยไปนั่งทานข้าวที่โรงอาหารตามปกติ มีแต่ไปป์ที่วิ่งไปร้านขายข้าวใกล้ๆ แล้วซื้อข้าวกลับมาให้ต้น
     “เป็นห่วงต้นเหรอโอม”
     “ใช่ ต้นดูไม่ค่อยดีเลย”
     “ไม่ต้องห่วงหรอก ไปป์คงดูแลต้นเองแหละจ้ะ พวกเราก็รีบไปกินข้าวแล้วกลับไปหาต้นกันเถอะ”
     “อืม”
     ผมยิ้มให้แก้วที่เข้าใจผม พวกเราทุกคนเป็นห่วงต้น เพราะต้นเป็นเพื่อนคนสำคัญของพวกเรา แล้วก็สำคัญในใจผมมากด้วยครับ ถึงผมจะตัดใจแล้วแต่ก็ยังชอบต้นมากอยู่ดี

หัวหน้าหมู่บ้านของเด็กเลี้ยงแกะ
     “อ้าว นั่งทำไรอยู่คนเดียว?”
     “ดีครับพี่เบียร์”
     ทำไมวันนี้ต้นน้ำถึงได้มานั่งหงอยอยู่ที่โต๊ะกลุ่มคนเดียวหว่า อ้าว ดูๆ ไปหน้ามันแดงๆ เว้ย ท่าทางซึมๆ หรือมันจะไม่สบาย
     “ไม่สบายเหรอเรา แล้วนี่กินข้าวกินยายัง?”
     “ไปป์ไปซื้อให้อยู่ครับ”
     “เออดีแล้ว ละเราอ่ะไหวป่าว ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านไปเถอะ สภาพแย่มากเลยรู้ตัวป่าว”
     มันยิ้มให้ผมเนือยๆ ซะงั้น เห็นแล้วอดห่วงไม่ได้ว่ะ
     “งั้นพี่นั่งรอเป็นเพื่อนเราแล้วกัน”
     “แล้วพี่เบียร์ไม่ไปทานข้าวกลางวันเหรอครับ”
     “ช่วงนี้กรอบว่ะ เดี๋ยวกินนี่เอา”
     “นั่นมัน... มาม่าซอง”
     “เออ ใส่เครื่องแล้วเขย่าๆ หน่อยเดี๋ยวมันก็ไปอืดในท้องเอง”
     ต้นมันส่ายหน้าใส่ผมซะงั้น ผมเป็นรุ่นพี่มันนะ ไอ้เด็กนี่ชอบชักสีหน้าใส่คนอื่นจริงๆ แล้วมันก็ล้วงโทรศัพท์ออกมา
     “ไปป์ อยู่ไหนแล้ว .... เหรอ อืม ซื้อมาเผื่อพี่เบียร์ด้วยอีกหน่อยได้มั้ย นายออกไปก่อน ไม่เป็นไร อ๋อ ได้ๆ อืม ขอบใจนะ”
     “เฮ้ย ไม่ต้องหรอก”
     “ไม่เป็นไรครับ ทีตอนนั้นพี่เบียร์ยังเลี้ยงพวกผมเลย”
     “เออๆ ขอบใจ เรานี่เด็กดีจริงๆ ว่ะต้น”
     ต้นน้ำพยายามฉีกยิ้มให้ผม แต่ท่าทางดูแทบจะไม่ไหวแล้ว ทำไมมันไม่ยอมกลับบ้านไปนอนวะ อาการขนาดนี้ผมว่าเรียนไม่รู้เรื่องหรอก ไอ้นี่มันชอบฝืนตัวเองจริงๆ
     “เรานี่ก็จริงจังเกินไป จะไม่ไหวอยู่แล้ว แทนที่จะกลับบ้าน”
     “ผมไหวครับ”
     “เถียงรุ่นพี่อีก”
     อดไม่ได้ที่จะตบหัวสั่งสอนมันไปเบาะๆ มันเสือกหัวเราะให้ผมซะงั้น จริงๆ เล้ย

ชาวบ้าน
     “แก๊! ฉันมีอะไรจะบอก แกต้องไปกับฉันด่วนเลย”
     “อะไร? ทำไมต้องเสียงดังขนาดนั้นด้วย ละนี่จะลากฉันไปไหน?”
     “เมื่อกี้ตอนฉันเดินผ่านตึกภาค ฉันเจอแฟนแกนั่งสวีทอยู่กับไอ้เด็กคนนั้นอ่ะ!”
     “จริงเหรอ? งั้นไปกันเลยแก”

ลูกหมาของเด็กเลี้ยงแกะ
     “มาแล้วคร้าบ อ่ะข้าวเหนียวหมูปิ้ง กินได้ป่ะต้น? นี่ส่วนของพี่เบียร์คร้าบ”
     “เออขอบใจ เฮ้ย หอมว่ะ”
     “ผมอุตส่าไปเหมามาเลยน้า แย่งกับลูกค้าคนอื่นแทบตายอ่ะ ฮ่าๆ”
     “ขอบใจนะไปป์”
     “เพื่อเพื่อนต้น ได้อยู่แล้ว แต่ขอลอกงานหน่อยนะ ฮ่าๆ”
     “ตลอดเลยนะนาย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     “นี่มันอะไรกันน่ะเบียร์!”
      ตอนที่ผมกำลังนั่งทานข้าวเหนียวหมูปิ้ง อยู่ๆ ก็มีเสียงดังลั่นตวาดขึ้น ผมที่เจ็บคอนิดหน่อยอยู่แล้วเลยเกือบสำลักข้าวเหนียวแข็งๆ พอผมหันไปมองก็เห็นพี่แอนรุ่นพี่ปีสามของพวกเรายืนจังก้าอยู่ พี่แอนมองมาที่ผมอย่างเอาเรื่อง
     “เพราะแบบนี้ใช่มั้ยเบียร์ถึงขอเลิกกับแอน!”
     พี่แอนมาถึงก็เปิดฉากโวยวาย ถึงผมจะไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไงแต่ผมคิดว่าต้องมีอะไรไม่ดีมาลงที่ผมแน่ๆ ครับ ลางสังหรณ์มันบอก
     “ผมว่าใจเย็นๆ กันก่อนดีมั้ยคับ”
     ไปป์พูดแทรกขึ้นแต่พี่แอนก็ไม่ฟัง
     “นี่มันหมายความว่ายังไงเบียร์ตอบแอนมาสิ มันเป็นจริงอย่างที่คนเค้าพูดกันใช่มั้ยล่ะ? เบียร์ถึงได้มาขอเลิกกับแอน ไหนเบียร์บอกไม่มีอะไรไง แล้วนี่มันหมายความว่าอะไร? เบียร์ตอบแอนมาสิ”
     พี่แอนใส่พี่เบียร์ไม่ยั้ง ส่วนพี่เบียร์ก็ทำสีหน้าหน่ายใจทั้งๆ ที่ปกติพี่เบียร์มักจะเป็นผู้ใหญ่อยู่เสมอ
     “ใจเย็นๆ แล้วนั่งคุยกันดีๆ ก็ได้แอน ทำไมต้องเสียงดัง”
     “จะให้แอนใจเย็นได้ยังไงล่ะ ที่แท้ที่เบียน์ขอเลิกกับแอนก็เพราะเบียร์มีคนอื่น แถมยังเป็น... ผู้ชาย!”
     ผมเจ็บปวดกับสายตาขยะแขยงที่พี่แอนมามองที่ผมนะครับ ผมไปทำอะไรให้เหรอ? ถึงได้ต้องมองผมด้วยสายตารังเกียจขนาดนั้น
     “ต้น...”
     “เราไม่เป็นไรไปป์”
     ผมตอบไปป์พร้อมกับมองดูพี่แอนอาละวาดใส่พี่เบียร์ต่อ
     “เราไม่ได้ขอเลิกกับแอน เราแค่บอกว่าห่างกันซักพักดีมั้ย”
     คนเริ่มมามุงดูกันแล้วครับ ผมเห็นมิวนิคกับพวกเดินมาทางนี้แล้ว คงทานอาหารกลางวันกันเสร็จแล้วมั้งครับ น้องปีหนึ่งบางคนก็มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสนใจ ผมอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี อยากหายตัวไปจากเรื่องตรงหน้า
     “มันก็เหมือนบอกเลิกนั่นแหละ เบียร์มีคนอื่นแล้วมาโกหกแอนทำไม”
     “เราไม่ได้มีคนอื่น ที่เราขอห่างกันซักพักก็เพราะเธอทำตัวเองนั่นแหละแอน ถ้าไม่เชื่อใจกันขนาดนี้ก็อย่าคบกันต่อไปเลย เลิกกันเหอะ จบกันไปเลยดีกว่า”
     “เอ่อ ผมว่ามีอะไรค่อยๆ พูดกันดีกว่ามั้ยคับ ตรงนี้คงไม่เหมาะจะมาเคลียร์อะไรแบบนี้ ไว้พวกพี่ไป-“
     “นายก็เงียบไปเลยไปป์ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย!”
     พี่แอนตะคอกใส่ไปป์แล้วก็หันมาทางผม สายตาที่พี่แอนมองผมมันยิ่งกว่าคำว่ารังเกียจ ผมเห็นแววดูถูกเหยียดหยามอยู่ในนั้นอย่างชัดเจน สายตาของพี่แอนทำให้ผมต้องพยายามกลืนน้ำลายแล้วบอกตัวเองให้เข้มแข็งเอาไว้ทั้งๆ ที่ผมอยากจะล้มทั้งยืน ผมพยายามเชิดหน้าขึ้นแล้วทำสีหน้าให้นิ่งสนิทที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วผมอยากจะร้องไห้ปล่อยโฮออกมาแล้วหนีไปจากที่แห่งนี้
     “เห็นหน้าใสๆ ท่าทางนิ่งๆ เงียบๆ ไม่คิดเลยนะว่าจะเป็นขนาดนี้ ผู้ชายในภาคมีตั้งเยอะทำไมต้องมายุ่งกับแฟนคนอื่นเขาด้วย ไม่มีปัญญาหาแฟนเองรึไง! หรือชอบฉกผู้ชายของชาวบ้าน ทุเรศที่สุด!”
     “มากไปแล้วนะแอน ทำไมต้องไปว่าต้นแบบนั้นด้วย ต้นไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”
     ถ้อยคำของพี่แอนเหมือนน้ำกรดที่สาดใส่หน้าผมอย่างจัง ผมนะเหรอแย่งแฟนชาวบ้าน? ผมเองก็มีแฟนที่ผมรักอยู่นะครับ ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นซักหน่อย หรือผมจะใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่นๆ ไม่ได้เลยเพียงเพราะแค่ผมเป็นเกย์ ผมจะคุยกับใครด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่ได้เลยใช่มั้ย ทำไมเขาถึงได้คิดว่าผมจ้องจะให้ท่าผู้ชายทุกคนที่ผมเข้าไปคุยด้วย แล้วที่สำคัญในสายตาคนอื่นผมดูเหมือนคนที่พร้อมจะแย่งแฟนชาวบ้านตลอดเวลารึไง?
     ผมพยายามตั้งสติเอาไว้แล้วกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมา ผมพยายามใส่หน้ากากใบที่หนาที่สุด!
     “ต้น เกิดไรขึ้น? มึงเป็นไรป่าว?”
     มิวนิคเดินมาถึงตัวผม มือของเขาแตะอยู่ที่ข้อพับผม ความอบอุ่นของฝ่ามือนั้นบ่งบอกผมว่าผมมีเพื่อนที่พร้อมจะเป็นกำลังใจให้ผม ผมพยายามรวบรวมความเข็มแข็งที่กระจัดกระจายอยู่ในตัวเองขึ้นมาแล้วเอ่ยปากชวนพวกเขาไปจากสถานการณ์บ้าๆ ตรงหน้าก่อนที่ผมจะล้มลงไป
     “ไม่มีไรหรอกมิวนิค ไปป์ไปเหอะ”
     “จะหนีไปไหนเหรอ แน่จริงก็มาคุยกันให้รู้เรื่องสิ!”
     พี่แอนทำท่าจะพุ่งเข้ามาดึงตัวผม
     “แอน พอได้แล้ว!”
     “พี่แอนพอเหอะ”
     “นายไม่เกี่ยวถอยไป มิวนิค หรือว่านายเองก็เป็นหนึ่งในผู้ชายของต้นเหมือนกัน!”
     “พี่!”
     เพราะพี่แอนเลือดขึ้นหน้าถึงได้พาลอาละวาดใส่มิวนิคด้วย แต่มิวนิคไม่เหมือนไปป์หรือพี่เบียร์นะครับ ต่อให้เป็นผู้หญิงมิวนิคก็ไม่สนหรอก เพราะแบบนั้นพี่เบียร์เลยทำท่าจะลากพี่แอนออกไป ผมเองก็ถูกไปป์ดึงให้ถอยห่างออกมา ช่างหัวสถานการณ์ตรงนี้ก็แล้วกันครับ อยู่เคลียร์อะไรไม่ไหวแล้ว ผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว!
     “ไปกับเรา แอน!”
     “ทำไมละ เคลียร์มันตรงนี้แหละ ถ้าเบียร์จะไปคบกับต้นก็บอกแอนมาตรงๆ เลยสิ ทำไมต้องมาโกหกกันด้วย”
     พี่แอนสะบัดมือของพี่เบียร์ออกแล้วหันมาพูดกับผม
     “พูดกันต่อหน้านี้เลย ถ้าต้นอยากได้ผู้ชายของพี่ก็มาขอกันตรงๆ เลยสิ”
     “สถานศึกษาไม่ใช่ที่ๆ เราควรจะมาอาละวาดแย่งผู้ชายนะครับพี่แอน”
     อัฐ!
     “ไหวมั้ยต้น ไม่สบายไม่ใช่เหรอ ไปป์ มึงพาต้นกลับบ้านเหอะ เดี๋ยวกูบอกอาจารย์ให้”
     ผมแปลกใจที่อยู่ๆ อัฐก็เข้ามายุ่ง ทั้งๆ ที่ปกติอัฐมักจะอยู่เงียบๆ คนเดียว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แถมอัฐยังบอกให้ไปป์พาผมกลับบ้านอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ? พอผมหันกลับไปดูผมถึงได้เห็นพวกเพื่อนๆ ยืนอยู่ด้านหลังผม แม้แต่เอกที่ยืนอยู่ห่างๆ ยังมองทางด้วยความเป็นห่วง
     “ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอกต้น”
     “แต่ว่า...”
     “กับคนพาลที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง พูดอะไรไปเขาก็ไม่ฟังหรอก ทิฐิบังตาซะขนาดนี้”
     “อัฐ! นายกล้าว่าพี่เหรอ”
     “แล้วที่พี่พูดจาว่าร้ายเพื่อนผมเมื่อกี้ละครับ”
     “พี่พูดเรื่องจริง ใครๆ เขาก็รู้กันว่าต้นน้ำเป็นอะไร”
     “เฮ้ยกูทนไม่ไหวแล้วว่ะ ถ้าเป็นกูให้อยู่กับผู้หญิงแบบนี้กูก็ไม่เอาหรอก!”
     “มิวนิค!”
     “โทษทีนะพี่ผมไม่ใช่เฟมินิสต์เหมือนพี่เบียร์ ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่ได้ยินอะไรมา แต่ระหว่างพวกผมทุกคนที่ไปทะเลด้วยกันกับต้นไม่มีใครทำอะไรมันทั้งนั้นแหละ ผมนอนอยู่ห้องเดียวกับต้นทุกคืน ไอ้นี่ก็ด้วย แล้วก็คนอื่นๆ อีกเพียบ พวกเราไปเที่ยวทะเลกันนะพี่ ไม่ได้ไปทัวร์เซ็กหมู่!”
     “แต่ข่าวเขาบอกว่า-”
     “แล้วพี่เชื่อข่าวลือพวกนั้นรึไง? หน้าพวกผมเหมือนพวกชอบจัดปาร์ตี้เก้งเอ้าท์ดอร์เรอะเพ่!”
     “แล้วที่พี่เห็นต้นกับเบียร์นั่งสวีทกันเมื่อกี้ล่ะ พวกเธอยังจะว่าไม่มีอะไรอีกเหรอ”
     “เอ่อ พี่ครับ ผมก็อยู่นะครับ”
     “แต่เพื่อนพี่บอกว่าเห็นต้นนั่งอยู่กับเบียร์แค่สองคนนี่ตอนแรก”
     “พี่แอนมีสติรึยังครับ ถ้าพี่ใจเย็นลงแล้วก็นั่งลงเราจะได้คุยกัน แต่ถ้าพี่ยืนยันจะเถียงไม่รับฟังอะไรแบบนี้ผมว่าพี่ตามพี่เบียร์ไปก่อนเถอะครับ เพื่อนผมแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว”
     ผมพยายามยิ้มให้อัฐที่มองมาด้วยสายตาเป็นห่วง แต่ว่าหัวผมเบลอไปหมดเลยครับ ไม่รู้เป็นเพราะพิษไข้หรือเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมถึงได้สมองตื้อไปหมดคิดอะไรไม่ออก
     “พี่พูดมาเลยดีกว่าว่าพี่ไปได้ยินอะไรมา ใครมันปล่อยข่าวลือบ้าๆ นี้! เรื่องนี้ไม่ได้เสียแค่ไอ้ต้นแล้ว พวกผมเสียหายด้วย”
     “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคนเอาไปลือกันว่าไง แต่ระหว่างพี่เบียร์กับต้นก็แค่หอมแก้มกัน เพราะไอ้โค่มันเสือกไปหอมแก้มต้นก่อน ต้นเลยต่อยไอ้โค่แล้วก็ประชด เพราะต้นไม่ชอบพี่ณตก็เลยใช้พี่เบียร์ก็แค่นั้นแหละพี่ เพราะพี่เบียร์ไม่ได้รุมแกล้งต้นเหมือนไอ้พวกนั้น ต้นไม่ได้เสียตัวให้พวกผมซักคน แค่โดนแกล้งหอมแก้มสองที ผมนอนอยู่ข้างๆ ต้นทุกคืนสาบานได้ พี่เบียร์นอนคนละห้องกับพวกผมด้วยซ้ำ”
     ผมดีใจนะครับที่มิวนิคปกป้องผม แถมไปป์ยังช่วยอธิบายเหตุการณ์ให้พี่เขาฟังด้วย อย่างน้อยๆ ต่อให้ผมถูกคนอื่นๆ มองด้วยสายตาทิ่มแทงมากขนาดไหน แต่ตอนนี้ข้างๆ ผมก็มีคนที่พร้อมจะปกป้องผมอยู่
     “ผมยืนยันได้ครับพี่แอน เพราะผมนั่งดื่มเป็นเพื่อนพี่เบียร์กับพี่ณตอยู่จนเกือบเช้า เรื่องที่พี่เบียร์คุยกับพี่ณตก็คือเรื่องของพี่นั่นแหละครับ พี่เบียร์รักพี่แอนมากนะครับ แต่ถ้าพี่แอนไม่เชื่อใจและให้เกียรติคนรักตัวเองแบบนี้ เป็นใครๆ ก็เสียใจนะครับพี่”
     “จริงเหรออัฐ?”
     “เออ!”
     มิวนิคตวาดกลับไปเสียงดังมากเลยครับ ผมตกใจหมดเลย!
     “แต่... แล้วทำไมพอกลับมาแล้วทุกคนถึงได้ดูสนิทกับต้นน้ำมากขึ้นล่ะ เมื่อก่อนต้นน้ำมักจะอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ อยู่ๆ ก็...”
     “โหยเพ่! อย่ามโนไปเองได้มั้ยวะ! พวกผมไปเที่ยวด้วยกันกลับมาก็ต้องสนิทกันสิพี่ อุตส่าเคลียร์กันได้ แล้วไอ้คนที่ทะเลาะกับไอ้ต้นไม่ใช่พวกผมด้วย ไอ้เอกโน่น พวกเราเคลียร์กันได้ไม่มีใครรังเกียจต้น ยอมรับในสิ่งที่มันเป็น ส่วนมันก็เปิดใจกับพวกผมก็แค่นั้น พวกเราซี้กันละมันผิดเหรอวะ!”
     “งั้นทำไมเบียร์ถึงมาขอเลิกกับแอนล่ะ”
     “ก็เพราะแอนเป็นแบบนี้ไง เบียร์แค่บอกให้แอนห่างกันซักพัก เบียร์อยากให้แอนคิดได้เรื่องที่แอนเที่ยวไปอาละวาดใส่น้องรหัสเบียร์ แทนที่แอนจะกลับไปคิด แอนดันมาอาละวาดใส่ต้นเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
     “ก็งั้นแล้วทำไมเบียร์ถึงมานั่งกับต้นสองคนล่ะ!”
     “ก็เบียร์ขี้เกียจไปกินข้าวเลยมานั่งแถวนี้ เจอต้น เห็นน้องมันไม่สบาย เลยนั่งเป็นเพื่อนมัน”
     “ผมยืนยันได้ครับ ต้นมันหน้าแดงเพราะเป็นไข้ ไม่ได้เพราะมันคิดอะไรกับพี่เบียร์หรอก พี่เบียร์ไม่ใช่เสป็กต้นหรอกครับพี่”
     “จริงเหรอ?”
     ผมเห็นพี่แอนทำเสียงอ่อยๆ แล้วก็หันไปมองพี่เบียร์ พี่เขาไม่เห็นผมอยู่ในสายตาเลยซักนิดทั้งๆ ที่เขาเป็นคนทำให้สายตาคนอื่นๆ มองมาที่ผมอย่างทิ่มแทง!
     “จบเรื่องแล้วใช่มั้ยครับ ผมรอดจากข้อกล่าวหาว่าแย่งแฟนชาวบ้านฟาดเรียบแล้วใช่มั้ย? ผมจะได้กลับคอนโด อัฐเราฝากบอกเมย์ทีสิว่าให้จดเลคเชอร์ให้เราด้วย”
     “ได้สิ”
     “พี่เบียร์ครับ ขอโทษนะครับที่ทำให้พี่มีข่าวไม่ดีกับผม”
     “เออ ไม่เป็นไร เรื่องนี้แฟนพี่ผิดเอง”
     ผมเหยียดยิ้มให้พี่เบียร์ทันทีที่ได้ยิน
     “พี่เบียร์เป็นผู้ชายที่ดีมากนะครับ ทั้งใจเย็น สุขุม เป็นผู้ใหญ่ แต่โชคร้ายจัง ผมไม่ชอบผู้ชายติดเกมจนถลุงเงินไปกับเรื่องไร้สาระแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นพี่เบียร์ก็ยังมีข้อดีอื่นๆ อีกตั้งเยอะ ไม่น่าลดตัวมารักผู้หญิงแย่ๆ แบบนี้เลยนะครับ ถ้าพี่เบียร์พ้นเจ้ากรรมนายเวรแถวนี้ไปได้ผมว่าคงมีสาวๆ ต่อคิวให้พี่เลือกอีกเยอะเลย ผมอวยพรให้เลิกกันเร็วๆ นะครับ ผมไม่อยากให้พี่เบียร์ซึ่งเป็นรุ่นพี่ดีๆ ที่ผมเคารพต้องทนคบกับผู้หญิงที่ไม่คู่ควร! ขอตัวก่อนนะครับ”
     “ต้นน้ำ!”
     พอผมพูดจบก็หยิบของแล้วเดินจากมาทันทีครับ ไม่ไหวแล้วครับ อยากจะบ้าตาย! ไม่รู้อะไรดลใจผมถึงเผลอไปปากเสียใส่พี่เบียร์แบบนั้น ผมเห็นพี่เบียร์หน้าเสียด้วยล่ะ พี่เขาจะเกลียดผมรึเปล่านะ?
     แต่ในตอนที่ผมเดินจากมา ผมก็ได้ยินเสียงพัทพูดขึ้นมาว่า
     “นั่นไงล่ะ ต้นน้ำ! พี่คิดเอาเองเหอะ นิสัยอย่างมันใครจะรักมันลง ขี้ประชดเป็นที่หนึ่งอ่ะ ละที่สำคัญมันเป็นผู้ชายนะพี่ พวกผมก็แค่สนิทกันมากขึ้นเฉยๆ พวกผมไม่มีใครคิดกับมันแบบนั้นหรอกพี่ ใช่ป่ะวะมิว?”
     “...”
     นิสัยผมมันแย่มากสินะ แม้แต่พัทยังพูดแบบนี้เลย ...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ไปป์

     “ต้น! รอด้วย! เอ้ยมิว มึงลาจารย์ให้กูด้วยนะ”
     “อ้าวไปป์ มึงจะไปไหนอ่ะ?”
     ไอ้มิวนิคมันเพิ่งจะหายเอ๋อตอนที่ได้ยินเสียงผมเรียกชื่อมัน ความจริงพวกเราทุกคนเอ๋อกันหมดเพราะต้นพูดกับพี่เบียร์แรงมากจนผมเห็นพี่เบียร์หน้าเสีย ขออย่าให้พี่เบียร์โกรธต้นเลย
     “กูจะไปส่งต้น!”
     ผมได้แต่ออกวิ่งตามต้นไป เฮ้อ! ต้นนี่เจ้าน้ำตาจังเลย แถมชอบดราม่าด้วย แต่ไม่เป็นไร ต้นอาจจะอ่อนไหวกว่าคนปกติก็ได้ เขาว่ากันว่าเพศที่สามมักเซนซิทีฟกว่าคนปกติอยู่แล้ว
     ความจริงแล้วผมเป็นห่วงต้นมากเลย ผมได้ข่าวไม่ดีของต้นมาเยอะแยะ แต่เพราะผมสนิทกับต้นมาก ต้นเล่าเรื่องส่วนตัวให้ผมฟังตั้งหลายอย่าง ผมเลยไม่เชื่อข่าวที่เขาพูดกันว่าเป็นความจริง อย่างน้อยผมก็รู้ว่าต้นไม่เคยมีอะไรกับคนอื่นนอกจากแฟนของต้นแหละ แต่ท่าทางใกล้ชิดกันระหว่างต้นกับเพื่อนคนนั้นก็ชวนให้คิดจริงๆ น้า ผมสงสัยจัง แฟนต้นไม่หวงบ้างรึไง? เป็นผมล่ะผมไม่ปล่อยให้คนที่ผมรู้แก่ใจว่าแอบชอบแฟนผมมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ หรอก แต่จะว่าไปเพราะต้นใจแข็งมากละมั้ง แฟนต้นถึงได้ไว้ใจสุดๆ
     เรื่องที่มีคนลือว่าต้นกับเพื่อนเป็นแฟนกันผมก็พอเข้าใจนะ แต่เรื่องที่ต้นใจง่ายนี่ผมไม่เข้าใจเลย ใครมันพูดหว่า? ทำไมถึงได้กลายไปเป็นแบบนั้นก็ไม่รู้ ผมเห็นเวลามีคนมาจีบต้นทีไรต้นก็ปฏิเสธไปทุกทีนี่นา แถมยังเย็นชาสุดๆ อีก ผมไม่แปลกใจหรอกถ้าจะมีคนหาว่าต้นหยิ่ง ก็ต้นหยิ่งจริงๆ นี่นา ตอนแรกๆ ที่รู้จักกันผมยังอดคิดไม่ได้เลยว่าโคตรหยิ่ง แต่ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้น้า เป็นห่วงต้นจัง ยิ่งคราวนี้มีเรื่องกับรุ่นพี่อีก แย่แน่ๆ
     ผมเห็นแผ่นหลังต้นแล้ว ต้นวิ่งเร็วจังคับ ต้นวิ่งหนีคนอื่นๆ มาตั้งไกลก่อนจะผ่อนฝีเท้าเปลี่ยนเป็นเดิน แต่ต้นวิ่งเร็วจัง โอ้ย! ผมตามไม่ไหว แข็งใจไว้นะขาของผม เพื่อนผมกำลังเศร้า ผมต้องรีบไปอยู่ข้างๆ เพื่อนผม ไปป์ไฟท์!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
สมาคมคนเก็บกวาด

     “ต้นอ่ะแก”
     “กลับไปแล้ว ไอ้ไปป์ไปส่ง”
     “มันเกิดอะไรขึ้นยะไอ้ยักษ์ เล่ามาเลยนะ!”
     “มึงจะตะโกนใส่หูกูทำไมเนี่ย เมย์!”

     “ไอ้ต้น ดราม่าอีกแล้วเหรอวะ”
     “นี่น้อยแล้วอาร์ท ถ้าต้นสบายดีไม่ยืนนิ่งแบบนี้หรอก”
     “กูชักปวดหัวกับนิสัยมันละ แบบนี้กูจะไปเคลียร์กับพี่เขายังไงดีวะ?”
     “ไม่ต้องหรอก อย่างพี่เบียร์ไม่มีวันโกรธต้นหรอก”
     “แต่มันด่าพี่เขาแรงขนาดนั้น”
     “แต่พี่แอนก็สมควรโดนแล้วล่ะ ไม่เหลืออะไรให้เคารพแล้ว ทำตัวเองแท้ๆ”
     “ผู้หญิงแบบพี่แอนก็น่ากลัวเกินไปว่ะ แต่ต้นก็แรงนะมึง เป็นห่วงมันจังเลยว่ะ อย่างมันอ่ะจะไม่ได้ออกเพราะเกรดหรอก แต่อาจจะอยู่ไม่ได้เพราะสังคม กูว่าแล้วนิสัยเด็กสัสอ่ะ ไอ้ไปป์ที่ว่าโง่ๆ ยังปรับตัวเก่งกว่าเลย หวังว่ามันคงไม่คิดมากจนฆ่าตัวตายนะมึง พักนี้ยิ่งฮิตๆ กันอยู่”
     “ก็ค่อยๆ ปรับกันไป ยังไงก็น่าจะยังดัดได้ ส่วนพี่แอนก็ให้พี่เบียร์ไปเคลียร์กันเอง แต่สงสารพี่เบียร์นะ ทำดีมาตลอดแท้ๆ”
     “เหนื่อยกูเนี่ย”
     “เออ เดี๋ยวกูช่วย หึๆ”

     “ใจเย็นขึ้นยังแอน?”
     “อืม.... เบียร์โกรธแอนเหรอ?”
     “แล้วมันน่าโกรธมั้ยล่ะ เสียมั้ยเนี่ย แอนเป็นรุ่นพี่นะ ไม่น่าทำแบบนั้นเลย”
     “เรื่องของหัวใจไม่มีรุ่นพี่รุ่นน้องซักหน่อย!”
     “เราไม่ได้หมายถึงเรื่องความรัก แต่หมายถึงเรื่องการวางตัว บอกตรงๆ นะเราเบื่อเธอก็ตรงนี้แหละ”
     “เบียร์!”
     “นี่ไง อีกแล้วนะแอน ถ้าแอนยังเป็นแบบนี้แล้ววันไหนที่เราจะคุยกันรู้เรื่อง ถ้าแอนไม่ปรับตัวบ้างเราก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”

     “พี่ต้นแรงว่ะ”
     “กูว่าพี่แอนแรงกว่าอีก ปกติก็เห็นชอบแอ๊บทำตัวเด็กๆ อยู่แล้ว แต่นี่เกินไปว่ะ รับไม่ได้อย่างแรง สงสารคนกลางอย่างพี่เบียร์”
     “พี่แอนแรงก็จริงแต่พี่ต้นก็ร้ายนะเมิง ไปปีนเกลียวพี่เขาแบบนั้น”
     “ก็พี่แอนสมควรโดนแล้ว งานนี้กูเข้าข้างพี่ต้นเต็มๆ ว่ะ ถึงพี่เขาจะดูหยิ่งๆ แต่ก็ไม่ทำใครก่อน แล้วถ้าพี่เขาเป็นแบบในข่าวลือจริง พวกพี่ปีสองคนอื่นๆ คงไม่ออกมาช่วยกันขนาดนั้นหรอก”
     “แต่ข่าวลือก็พูดกันเกินไปจริงๆ นะ ลือกันได้ไงวะว่าพี่เขาฟาดเรียบ พวกพี่เมย์ก็ไปไม่ใช่เหรอ พี่เมย์รักพี่ต้นจะตาย ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ถ้าพี่ต้นไม่ดีพี่เมย์ก็น่าจะเกลียดพี่ต้นสิ นี่เราเห็นพี่เมย์ยังสนิทกับพี่ต้นเหมือนเดิมเลยทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่ต้นเป็นเกย์”
     “กูก็คิดงั้นเหมือนกัน เห็นแบบนี้แล้วก็สงสารพี่ต้นเหมือนกันนะ กูว่าถ้าพี่เขาลดความหยิ่งลงบ้างคงมีคนชอบพี่เขาเยอะกว่านี้อ่ะ”
     “นั่นสิ”
     “คนเรามันไม่เหมือนกัน งี้แหละ พี่เขาอาจจะเข้าสังคมไม่เก่ง พวกมึงอย่าพึ่งไปว่าพี่เขาหยิ่งสิวะ”
     “เออ จะว่าไป คิดมั้ยว่า สไตล์พี่ต้นเหมือนธันย์เลยว่ะ”
     “เหมือนตรงไหนวะ?”
     “ก็ตรงที่หยิ่งๆ ชอบอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับใครไง เออ เราเคยเห็นพี่ต้นเอาของขวัญมาให้ธันย์ด้วยนะ ตอนช่วงวันเกิดมันอ่ะ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครรู้วันเกิดมันด้วยซ้ำ”
     “แล้วไงวะ?”
     “ก็แบบว่า... เออ ช่างเหอะ”

     “เออ เล่นเอาพี่เบียร์เหวอไปเลยอ่ะ พี่ต้นแรงมาก”
     “เอ้า มาเงียบๆ ตกใจหมด มีไรเหรอธันย์”
     “เมื่อกี้เธอว่าพี่ต้นทำไมนะ?”
     “มาแปลกว่ะ? ไหงงวดนี้สนใจเรื่องชาวบ้านด้วย”
     “เออน่ะ เกิดไรขึ้น?”
     “นายสนเรื่องนี้ด้วยเหรอเอ้ามาฟังๆ เราขี้เกียจเล่าหลายรอบ”

     “เด็กมึงเป็นข่าวอีกแล้วเว้ยบอม”
     “ข่าวไรวะ?”
     “เด็กมึงแย่งแฟนรุ่นพี่”
     “ใครวะ?”
     “ไอ้เบียร์ วิดยาฟิสิกส์ปีสามไงมึง”
     “อ๋อ! คนที่อยู่กับไอ้ณตบ่อยๆ อ่ะเหรอ แม่ง ข่าวมั่วๆ ไอ้นี่มันไม่สนผู้ชายหรอก บอกว่าเด็กกูเสร็จไอ้ณตยังพอว่า ไอ้ห่านี่แย่งต้นกับกูมาตั้งนานละ”
     “เด็กมึงมันอ่อยแต่ชายแท้ไม่ใช่เหรอไง กูเห็นไอ้เฟรมรัฐศาสตร์ปีสี่ที่ดังๆ ไปจีบ เด็กมันยังเมินเลย ใครก็รู้คบกับไอ้เฟรมทั้งเที่ยวทั้งของมีไม่อั้น หรือเด็กมึงจะไม่ได้เป็นรับวะ มันถึงได้ไม่ยอมมึงซักที มึงลองยอมให้น้องเค้าเอาดูดิ อาจจะจีบติดก็ได้นะมึง ฮ่าๆ”
     “สาด เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาว่อย กูไม่เร่งแต่กูต้องเอาให้ได้ เดี๋ยวน้องเค้าก็เสร็จกูเอง”
     “ระวังหมาคาบไปแดกก็แล้วกัน หมาอ้วนด้วยนะมึง ฮ่าๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ไปป์

     “ต้นรอเราด้วย”
     ผมวิ่งตามต้นทันจนได้ ทั้งๆ ที่ไม่สบายแท้ๆ แต่ต้นเดินเร็วมาก พอมาเดินข้างๆ กันแล้วผมถึงได้เห็น สีหน้าของต้นเหมือนพยายามอดกลั้นเอาไว้ แต่ต้นน้ำตาไหล ผมสงสารต้นจัง เจอเรื่องแย่ๆ ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ต้นคงรู้สึกแย่มาก
     “ทนหน่อยนะต้น เดี๋ยวก็พ้นรั้วมหาลัยแล้ว”
     ผมปลอบต้นแล้วพากันเดินออกมาเรียกแท็กซี่ พอเรียกแท็กซี่ได้แล้ว พวกเราก็ขึ้นไปนั่งด้านหลัง ผมเห็นต้นสูดจมูกพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ต้นเจอแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งนั้นเลยแฮะช่วงนี้ ผมจับไหล่ต้นเพื่อปลอบ ต้นที่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้สะอื้นแรงมากจนสะท้านไปทั้งตัว
     “ต้น?”
     “เรา... ฮึก ไม่เป็นไรไปป์ ฮึก ไม่เป็นไร”
     ไม่ไหวแล้ว ผมสงสารต้นจัง
     “ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมาเหอะ ไม่มีใครเห็นหรอกต้น ร้องได้เลย”
     ผมดึงต้นมากอด ต้นเอนพิงผมอยู่ ต้นไม่ได้ปล่อยโฮออกมา แต่น้ำตาของต้นก็มากพอที่จะซึมเปียกเสื้อผมจนชื้น ผมพยายามลูบหลังปลอบต้น ถ้าป่านอยู่ด้วยกันก็ดีสิ ป่านจะได้พูดอะไรก็ได้ปลอบต้น เพราะผมไม่เก่งเหมือนป่าน
     “ถึงใครจะมองนายยังไงแต่พวกเราเข้าใจนายนะ นายไม่ต้องไปแคร์คำพูดไร้สาระพวกนั้นหรอก พวกเราทุกคนรักนายนะต้น อย่าคิดมากนะ”
     “ฮือ
     ผมเห็นพี่คนขับแท็กซี่มองกระจกหลังมาที่พวกเราเป็นระยะ พี่เขาอาจจะคิดไม่ดีหรือแค่สงสัยก็ได้ ผมรู้ว่าคนปกติเขาไม่ทำกันแบบนี้ แต่จะให้ผมทำไงล่ะ เพื่อนของผมกำลังทุกข์ใจ ผมสนใจเพื่อนมากกว่าสายตาคนอื่นอยู่แล้ว เราจะสนใจคนที่อาจจะผ่านมาเจอกันแค่ครั้งเดียวในชีวิตทำไม ในเมื่อคนที่ร้องไห้อยู่กับผมตรงนี้คือเพื่อนที่อาจจะอยู่กับผมไปทั้งชีวิต
     ผมปล่อยให้ต้นระบายความทุกข์ในใจออกมาเป็นน้ำตาไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้จะทำยังไง แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ป่านโทรมาแฮะ
     “โหล?”
     “แกอยู่กับต้นป่าว?”
     “อาฮะ ไปส่งต้นกลับบ้านอยู่”
     “ต้นโอเคมั้ยอ่ะแก?”
     ผมมองดูต้นที่พยายามกลั้นสะอื้นแล้วก็ไม่รู้จะตอบว่าไง
     “มั้ง?”
     “ไม่โอเคเหรอ แก งั้นอีกเดี๋ยวแกเปิดสปีกเกอร์นะ โอเคป่ะ? บอกต้นให้ฟังพวกเรานะแก เดี๋ยวฉันไปเตี้ยมอิพวกนั้นก่อน”
     “เอางั้นเหรอ ได้ๆ”
     ผมตอบรับป่านก่อนจะสะกิดเรียกต้น ต้นเงยหน้ามามองผม ตาของต้นแดงช้ำไปหมด แถมบวมมากด้วย จมูกก็มีน้ำมูกยืดเต็มไปหมด ผ้าเช็ดหน้าของต้นถูกขยำจนยับยู่ยี่เลย
     “ป่านมันอยากคุยด้วยอ่ะ”
     “เรา...”
     “ฟังมันหน่อยนะ พวกมันคงมีอะไรอยากบอกนายอ่ะ”
     ต้นค้านผมด้วยสายตาทำท่าไม่อยากคุย แต่ผมไม่ยอมหรอก ผมเลยจ้องตากลับไป ในที่สุดต้นก็ยอมแพ้ ต้นพยักหน้าให้ผม ผมเลยตบหลังต้นไปสองที
     “อื้อ เอาเลยป่าน”
     ผมบอกป่านไปแล้วก็กดเปิดสปีกเกอร์
     “ต้น มึงร้องไห้อยู่ป่าววะ? ไอ้ขี้แย เลิกร้องไห้ได้แล้วมึง กลับมายิ้มเร็วๆ นะ เวลามึงยิ้มน่ารักโคตร!”
     สัสพัท! ใครให้มันเป็นคนมาปลอบวะเนี่ย ไอ้สมองขาดตรรกะเอ้ย!
     “เชี่ย! พูดไรของมึงวะ เอามานี่เลย จะปลอบไอ้ต้นมันต้องปลอบแบบนี้! ต้นมึงไม่ต้องแคร์นะเว้ย ระหว่างผู้หญิงแบบพี่แอนกับตุ๊ดอย่างมึง กูโหวตให้มึง มึงน่ารักกว่าเยอะเลย แก้มก็นิ่ม ถ้าพี่เบียร์จะเปลี่ยนใจมาชอบมึงกูจะไม่แปลกใจเลย”
     ไอ้หื่นโค่! ไอ้เวรเอ้ย! แต่เฮ้ย ไม่ดิ ผมเห็นต้นแอบยิ้ม หรือป่านจะคิดถูกที่ให้ไอ้ควายสองตัวนี้ออกมาเปิด
     “ไม่สบายก็พักซะนะมึง พรุ่งนี้มาเรียนด้วยล่ะ แต่ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องมา เรื่องไร้สาระมึงไม่ต้องไปสนใจหรอก พวกกูเข้าใจมึง เรื่องอื่นๆ เดี๋ยวพวกกูเคลียร์ให้ แค่เรื่องผิดใจกันขี้ปะติ๋ว อย่าคิดสั้นนะมึง กูกลัวมึงคิดมาก มึงอ่ะบางทีก็เด็กเกินไป กูเป็นห่วงนะเว้ย เฮ้ยๆ ไรวะสัส!”
     “มึงได้ยินที่พวกกูพูดใช่มั้ยต้น พวกกูเป็นห่วงมึงนะ”
     ไอ้อาร์ทเริ่มเทศน์อีกแล้ว แต่ดูเหมือนจะโดนแย่งโทรศัพท์ไป แต่ว่าเสียงคนถัดมาที่แย่งโทรศัพท์ไปจากอาร์ทนี่ดิ ผมแปลกใจนะ แม้แต่ไอ้เอกยังมาร่วมขบวนการนี้เลย
     “เหี้ย! มึงแย่งโทรศัพท์ไปทำไมวะ”
     “มึงแหละ พูดเรื่องคิดสั้นอะไร เฮ้ยต้น! มึงยังค้างชีทกูอยู่สองวิชานะเว้ย หายป่วยแล้วมาเรียนด้วยละมึง มึงไม่อยู่แล้วกูจะลอกใคร”
     “ตาใครวะ ใครจะพูดอีก?”
     “ถะ ถะ ถึงพวกเรา จะ จะ จาไม่ค่อยสะ สนิทกัน แต่เราก็ ก็ชอบนายนะต้น นะ นายไม่เคย-
     “ต้น มึงห้ามคิดมากนะ พักผ่อนซะ มึงมีกำลังใจจากพวกกูไว้สนับสนุนให้มึงสู้กับปัญหานะเพื่อน มีอะไรที่มึงแก้เองคนเดียวไม่ไหวก็บอกพวกกูได้นะ พวกเราเพื่อนกันต้องช่วยกันอยู่แล้ว”
     ผมได้ยินพวกมันส่งเสียงถามกัน มีเสียงไอ้ถังพยายามพูดขึ้นมา แต่คนติดอ่างอย่างมันพูดยังไม่ทันจบประโยคก็โดนไอ้นอยซ์แทรก เหลือเชื่อที่คราวนี้มันพูดอะไรดีๆ กับเขาได้ แล้วก็มีเสียงตะโกนแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ
     “รักมึงนะเว้ยเพื่อน!”
     “หายไม่สบายเร็วๆ นะ”
     “มาเรียนด้วยนะมึง อย่าหนีพวกกูไปนะ”
     และแล้วก็มาถึงเสียงที่ผมไม่คิดว่ามันจะพลาด
     “เอ่อ... มึงกลับบ้านไปพักซะนะเว้ย กูเป็นห่วง กู... กูชอบมึงนะต้น มึงไม่ต้องไปแคร์สายตาคนนอกหรอก กูว่าใครที่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของมึงก็ต้องชอบมึงกันทุกคนแหละ เหมือนกูกับไอ้พวกนี้ไง มึง... มึงอย่าท้อนะเว้ย เรื่องเข้าใจผิดมันเล็กน้อย สิวๆ ว่ะ ยังไงมึงก็มีกูนะ”
     มึงจะปลอบหรือมึงจะสารภาพรักฟร่ะ เชี่ยมิว!
     “ต้น แกได้ยินพวกมันใช่ป่ะ? แกไม่ต้องห่วงทางนี้นะ เดี๋ยวฉันเคลียร์ให้”
     “ใช่แล้ว เดี๋ยวเรากับป่านจะไปดักตบอิพี่แอนให้เอง!”
     “แรงไปแล้วนะเมย์”
     “โอ๊ย! ก็พูดขำๆ น่าแก้ว อ่ะ โอม พูดไรซะบ้างสิ”
     “เอ่อ... เดี๋ยวเราจดโน้ตไว้ให้นะ ต้นพักผ่อนให้สบายเลย ท่าทางนายไข้สูงมาก ถ้าพรุ่งนี้ไม่ไหวก็หยุดก็ได้นะ เราจะบอกอาจารย์ให้”
     “ใช่จ้ะ สบายใจได้เลยนะต้น พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว”
     “แก... แกได้ยินป่าวอ่ะต้น? อิไปป์? แก ต้นฟังอยู่ป่าว?”
     ผมว่าต้นได้ยินนะ เพราะต้นที่หลุดขำกลับตัวสั่นขึ้นเป็นจังหวะอีกแล้ว ต้นสะอื้น แต่ผมว่ารอบนี้ต้นสะอื้นเพราะความสุขมากกว่า ผมเลยยิ้มให้ต้น
     “ขอบ... ขอบใจนะทุกคน เราดีใจมากๆ ที่ได้เป็นเพื่อนกับพวกนาย”
     พอต้นพูดจบ ทางนั้นก็ส่งเสียงมาเพียบจนฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ผมว่าไม่สำคัญแล้วล่ะ เพราะผมเห็นต้นยิ้มแล้ว ถึงจะยิ้มทั้งน้ำตาแต่รอยยิ้มของต้นตอนนี้อย่างกับเทวดาแน่ะ
     ไอ้พวกบ้าทางนั้นยังคงพูดอะไรอีกนิดหน่อย ต้นเอาแต่ตอบ “อือๆ” ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วมองหน้าต้นแทน จนกระทั่งเรากดวางโทรศัพท์ ผมเลยถามต้น
     “รู้สึกดีขึ้นยัง?”
     “อื้ม”
     ต้นตอบรับผม ถึงเสียงจะยังอู้อี้อยู่เพราะจมูกของต้นเต็มไปด้วยน้ำมูก แต่ผมว่ามันฟังดูสดใสขึ้นเยอะเลยครับ
     “ขอบใจนะไปป์ ขอบใจที่อยู่เป็นเพื่อนเรานะ”
     “มันแน่อยู่แล้ว ก็เราเพื่อนกันนี่”
     แล้วผมก็นั่งรถไปส่งต้นที่คอนโด ต้นมีสีหน้าดีขึ้น นั่งอมยิ้มไปตลอดทาง ไม่ร้องไห้แล้ว ... เฮ้ย! ผมกำลังจะได้ไปเที่ยวคอนโดต้นแล้ว ตื่นเต้นจังแฮะ พอรถไปถึงที่แล้ว ต้นจะไล่ผมกลับทันทีมั้ยอ่า ละ... ละผมจะได้เจอแฟนต้นมั้ย? ถ้าแฟนต้นถามผมว่าทำไมต้นถึงตาบวมร้องไห้แบบนี้แล้วผมจะตอบว่าไงดีเนี่ย? ต้นยิ่งบอกว่าแฟนต้นขี้หึงอยู่ ผมนั่งกลุ้มจนรถมาจอดถึงที่ เอาฟร่ะ! มาถึงขั้นนี้แล้ว โอกาสแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ
     “ให้เราลงไปส่งต้นนะ เราอยากไปอยู่เป็นเพื่อนต้น นายดูไม่ค่อยสบายเลย”
     “จะดีเหรอ?”
     “อื้อ นี่พึ่งบ่ายกว่าๆ เอง กว่าแฟนต้นจะกลับ แถมต้นร้องไห้ เดี๋ยวคงปวดหัวมากแน่ๆ ใช่ป่ะ? เราเป็นห่วงอ่ะ สัญญาว่าจะไม่ซน”
     “เอางั้นก็ได้ แต่ห้ามซนจริงๆ นะ”
     ต้นหรี่ตามองผมนิดหน่อยก่อนจะอนุมัติ ไชโย!
     “สัญญาเลย”
     และแล้วผมก็ได้ตามต้นขึ้นคอนโดไปจนได้ ฮ่าๆ คอนโดต้นน่าอยู่เหมือนกันนะเนี่ย สวยดีจัง ผมมองเพลินเลยแฮะ จนต้นเรียกผมให้เดินตามไปอีกฝั่งนึง ผมถึงได้รู้สึกตัว
     “ทางนี้ไปป์”
     ผมเดินตามต้นไปจนถึงหน้าห้อง ต้นล้วงเอากุญแจออกมาละไขเข้าไป ตื่นเต้นจังแฮะ ผมจะได้เข้าไปในห้องของต้นแล้ว นี่ผมควรจะไปสำรวจตรงไหนก่อนดี? อ้าวทำไมต้นหันมามองผมหน้าดุแบบนั้นล่ะ?
     “ห้ามซนนะไปป์ สัญญาแล้วนะ”
     “ได้ๆ เราไม่ซนหรอก”
     พอผมให้สัญญาเสร็จต้นก็ผลักประตูเข้าไป อ้าว? ธรรมดากว่าที่คิดแฮะ
     “ถอดรองเท้าตรงนี้ วางไว้ในตู้ด้วยนะ”
     ต้นดักคอผมอีกแล้ว เฮ้อ... ผมเลยต้องเดินกลับมาเก็บรองเท้าที่สะบัดออกเมื่อกี้ละเอายัดใส่ตู้ให้เป็นระเบียบ ต้นเอาสลิปเปอร์มาวางให้ผม พอจัดการกับรองเท้าเสร็จแล้วผมก็เลยเดินไปนั่งที่โซฟา อื้มนุ่มดีแฮะ แต่บนโต๊ะรับแขกนี่ไม่เห็นมีอะไรนอกจากรีโมททีวีวางไว้เลย พวกนิตยสารก็ไม่มี
     “เราไปเก็บของก่อนนะ”
     ต้นเอาน้ำมาวางไว้ให้ผมแล้วก็ขอตัวไปเก็บของ แปลว่าผมมีโอกาสซนแล้ว เอ๊ะ! หรือผมจะตามไปดูในห้องนอนก่อนดี?
     “ตามเข้ามาทำไม?”
     “อยากเห็นห้องนอนต้น โอ้โห! สวยจัง ต้นชอบสีขาวเหรอ? โต๊ะตู้เตียงสีขาวหมดเลย?”
     “เราไม่ได้เลือกซักหน่อย ห้องนี้แฟนเก่าพี่ชัชเลือกหมดแหละ”
     “เออจริงด้วย ลืมไป”
     ต้นวางกระเป๋าเป้บนโต๊ะเครื่องแป้งเสร็จก็ถอดเข็มขัดม้วนเก็บไว้ในตู้เรียบร้อยเลยแฮะ เจ้าระเบียบจริงๆ ผมเห็นต้นถอดถุงเท้าใส่ตะกร้าแล้วก็เดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ เตียงต้นกว้างดีจัง ผ้าปูที่นอนสีเทาเข้มนี่ตัดกับเตียงและเฟอร์นิเจอร์ในห้องจังเลย ดูโมเดิร์นโคตรๆ ถ้าผมแอบลงไปกลิ้งซะหน่อยต้นจะว่าอะไรผมมั้ยนะ? ก็เตียงมันดูหนานุ่มดีอ่า ซักหน่อยละกัน เยส! เตียงของต้นเด้งอย่างที่คิดไว้เลย อย่างกับเตียงตามโรงแรมแน่ะ อ๊ะ! ต้นนอนฝั่งนี้ชัวร์ๆ เพราะมีกลิ่นของต้นติดอยู่ด้วย ต้นชอบนอนฝั่งขวาเสมอเลยแฮะ
     “นายเป็นหมาเหรอไปป?”
     “อ้าว ล้างหน้าเสร็จแล้วเหรอ?”
     “อืม ... ไม่อายบ้างรึไง มาถึงก็กระโดดขึ้นเตียงนอนคนอื่นหน้าตาเฉย ทำอย่างกับเป็นลูกหมาต้องป้ายกลิ่นตัวเองไปทั่ว”
     เพราะถูกด่าผมก็เลยยิ้ม คือ.. ผมไม่รู้จะตอบต้นไปว่าอะไรนี่นา ก็เตียงต้นมันดูน่ากลิ้งดีอ่า ผมก็เลยอดใจไม่ไหว แต่ผมก็ไม่ขยับตัวเปลี่ยนท่าทางจากการนอนกลิ้งหรอกนะ ต้นเดินไปเช็ดหน้าก่อนจะล้วงกล่องเก็บของออกมาจากในตู้เสื้อผ้า อืม พอดูแบบนี้แล้วถึงเห็นว่าตาต้นยังบวมอยู่เลยแฮะ
     “ตายังแดงอยู่เลยต้น”
     “อืม”
     “นายจะนอนซักตื่นก็ได้นะ เดี๋ยวเราอยู่เป็นเพื่อน”
     “จะอยู่ทำไม ถึงห้องเราแล้วเราดูแลตัวเองได้ นายกลับไปได้แล้วล่ะ”
     ต้นตอบผมโดยที่ไม่ได้หันมามอง ต้นหาอะไรในกล่องนั้นนะ ผมอยากรู้จนต้องกระดึ๊บเข้าไปใกล้ๆ อ้อ... กล่องยา
     “ไม่เอาอ่ะ อุตส่าได้มาเที่ยวห้องต้นทั้งที อยากเล่นอ่ะ ยังไม่ได้เล่นเลย”
     “จะเล่นอะไร ห้องเราไม่ใช่สวนสนุกนะไปป์ไม่มีอะไรให้เล่นหรอก”
     ต้นทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผมอีกละ
     “ก็เราอยากรู้จักต้นให้มากกว่านี้ไง อยากรู้ว่าเวลาต้นอยู่บ้านต้นเป็นยังไง ห้องนายเป็นแบบไหนอะไรทำนองนั้นอ่ะ”
     “ก็เห็นแล้วนี่ ก็ปกติแหละ ไม่มีอะไรแปลกหรอกน่า”
     “อื้อ นึกว่าจะมีอะไรแบบเลิฟๆ กับแฟนนายเยอะๆ ซะอีก”
     ผมอุตส่าอยากเห็นว่าห้องของต้นเป็นแบบไหน แต่ดูๆ ไปแล้วธรรมดาจัง ไม่เห็นมีพวกกองหนังสือการ์ตูนเหมือนห้องผมเลย ทีห้องยัยป่านยังมีซีรี่ย์เกาหลีวางไว้เพียบ แต่ห้องนอนต้นนอกจากพวกของใช้แล้วก็ไม่เห็นมีอะไรเลย ข้างนอกนั่นก็ไม่ค่อยมีอะไร ดูโล่งๆ ไงก็ไม่รู้
     “คิดอะไรแปลกๆ ในหัวรึไง ลุกได้แล้ว ไปนั่งโน่นเลย ห้องนั่งเล่น อย่ามากลิ้งบนเตียงคนอื่นเขานะ”
     ต้นพูดแบบนั้นแล้วก็เดินนำผมออกจากห้องนอน ต้นเดินไปทางตู้เย็นละเปิดตู้หยิบน้ำดื่มออกมาสำหรับกินยา ผมไปดูด้วยดีกว่า หิวอ่า
     “ไม่เห็นมีขนมเลยอ่ะ?”
     ต้นที่กำลังจะกินยาชะงักไปก่อนจะหันมาหาผม ... ไม่เห็นต้องหันมามองตาขวางแบบนั้นเลย ต้นใจร้ายจัง
     “ก็เราหิวอ่ะ ต้นไม่หิวเหรอ พวกเรายังไม่ได้กินข้าวกลางวันกันเลยนะ”
     ต้นอึ้งไปนิดหน่อยก่อนจะตอบผมด้วยเสียงที่อ่อนลงกว่าสายตาตอนแรก
     “ข้าวไข่เจียวมั้ย โทษทีนะ เราปวดหัวอ่ะ ทำเยอะไม่ไหว”
     “อื้อ ไงก็ได้ แต่ถ้าต้นไม่ไหวพวกเราสั่งอะไรมากินก็ได้นี่ พิซซ่าแมะ?”
     “พิซซ่ามาไม่ถึง ... ขอบคุณ แล้วก็ขอโทษนะไปป์ นายต้องลำบากเพราะเราแท้ๆ”
     “ไม่เป็นไรเพื่อนกัน งั้นเดี๋ยวเราช่วยนะ”
     “อื้ม”
     แล้วผมก็ได้ช่วยต้นหุงข้าวด้วยล่ะ ต้นทอดไข่เจียวร้อนๆ หอมฉุยให้ผมตั้งสองฟองแน่ะ ถึงจะเป็นแค่ข้าวไข่เจียวแต่ต้นทอดไข่อร่อยจัง อ๊ะ! ผมทำอะไรแปลกๆ รึไง? ต้นยิ้มให้ผมแบบแปลกๆ อีกแล้ว
     “หัวเราะไรอ่า”
     “เปล่า แค่นึกอะไรขำๆ นิดหน่อย”
     “อะไรเหรอ?”
     “ไม่รู้สิ อยากเลี้ยงหมาซักตัวมั้ง เสียดายคอนโดนี้ห้ามเลี้ยงสัตว์”
     “งั้นต้นไม่ลองเลี้ยงหนู หรือกระต่ายดูล่ะ แฮมเตอร์ไง”
     “แฮมเตอร์มันกระดิกหางไม่ได้เหมือนนา เอ้ย! หมานี่”
     ต้นว่าผมอีกแล้ว!
     “ใจร้ายอ่า ว่าเราอีกแล้ว”
     “ก็อยากทำตัวเหมือนทำไม”
     “ต้นกินเสร็จจะกินยานอนก็ได้นะ เดี๋ยวเย็นๆ เราค่อยกลับ กลับตอนนี้แดดร้อนอ่า”
     “จะเอาไงก็แล้วแต่นายเถอะ ถ้าเข้าไปในห้องเล็กรื้ออะไรออกมาแล้วก็เก็บเข้าที่ด้วยแล้วกัน แต่ของในชั้นหนังสือที่ไม่มีฝาปิดนั่นห้ามนะ เอกสารพวกนั้นของทำงานของแฟนเราทั้งนั้น ส่วนตู้ทางขวานั่นของเราเอง เก็บของจากห้องเก่าเอาไว้ในนั้นแหละ พวกหนังสือกับดีวีดีนิดหน่อย”
     “โห รู้ได้งายอ๊า!”
     “รู้สิ นิสัยนายดูง่ายจะตายไป นายจะหาอะไรล่ะ จะได้บอก”
     “อยากดูรูปนายไง นายไม่มีงานอดิเรกบ้างเหรอ ของสะสมล่ะ มีหนังสือการ์ตูนมั้ย?”
     “ไม่มีหรอก มีแต่พวกหนังสือเรียนกับตำราที่เห็นในห้องเมื่อตะกี้แหละ ทำงานบ้านเหนื่อยจะตาย นอกจากท่องหนังสือกับทำงานบ้านแล้วเราก็ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นหรอก เพราะอยู่ห้องเช่าแบบนี้มาตั้งแต่เด็กมั้ง เราเลยไม่ค่อยกล้าสะสมอะไร สงสารแม่เราด้วยไม่อยากใช้เงินไร้สาระ อ๊ะ! แต่พวกอัลบั้มรูปก็พอมีอยู่นะ จะดูไปทำไมเหรอ?”
     “อยากเห็นรูปต้นตอนเด็กๆ น่ะ”
     “อื้อ จะดูไปทำไม”
     “ก็อยากเห็นนี่นา นะ นะ ขอดูหน่อย อยากรู้ว่าต้นตอนเด็กๆ เป็นยังไงน่ะ”
     “อืม กินให้เสร็จก่อนก็แล้วกัน”
     “ได้ๆ”
     เย้! สำเร็จแล้ว ฮ่าๆ
     พอกินข้าวเสร็จ ต้นก็พาผมเข้าไปอีกห้อง โหจริงด้วยแฮะ! ในห้องนี้มีแต่ตู้กับชั้นวางของเพียบเลย ใส่ของเอาไว้เต็มไปหมด พวกเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างก็ยังเป็นโทนสีขาวเหมือนเดิมเลยแฮะ แต่การตกแต่งออกแนววินเทจคนละแบบกับสไตล์โมเดิร์นแบบในห้องนอน โดยเฉพาะโซฟาเบดในห้องนี้สวยเป็นบ้าเลย มีลิ้นชักอยู่ด้านล่างด้วยอ่ะ เท่!
     “ห้องนี้สวยจัง”
     “พี่ฟ่างทำเอาไว้เผื่อมีแขกมานอนน่ะ แต่ตอนนี้พี่ชัชเอาไว้ทำงาน มันเลยรกหน่อย นี่ห้ามซนนะ! ตรงนี้นายรื้อได้ แต่ตู้นั้นงานของพี่ชัชทั้งนั้น อย่าไปยุ่งจะดีกว่า”
     “อื้อ”
     ต้นบอกผมพลางเปิดตู้รื้อกล่องใส่ของใบใหญ่ออกมาหาอัลบั้มรูปให้ผม ผมมองโน่นมองนี่อยู่ซักพักก็ตัดสินใจช่วยต้น และแล้วผมก็ลงมือค้นอย่างสนุก ... น่าเบื่อจัง ไม่เห็นมีอะไรเลย ส่วนใหญ่มีแต่หนังสืออะไรก็ไม่รู้ แล้วก็พวกของจุกจิกปั้มโลโก้แปลกๆ
     “นายให้คนมาเช่าแล้วเก็บของจากห้องตัวเองมาไว้ห้องแฟนหมดเลยเหรอต้น”
     “อื้อ ของเราน่ะนะ เราไม่ค่อยมีอะไรมากอยู่แล้วละมั้ง พวกของชิ้นใหญ่ก็เอาไว้ให้คนเช่าใช้นั่นแหละ ที่เราเสียดายก็มีพวกอุปกรณ์ครัวอันที่เราใช้ถนัดมือนิดหน่อย ก็เก็บมาไว้ห้องพี่ชัชหมดแหละ พวกเสื้อผ้าหรือหนังสือเก่าๆ ที่เรากับแม่ไม่ได้ใช้แล้วแม่บอกให้เอาไปบริจาคน่ะ นอกนั้นเราก็เก็บใส่กล่องไว้ในตู้นี้แหละ”
     “นายนี่ของน้อยจัง”
     “เหรอ... เจอแล้ว นี่ไงอัลบั้มรูปของเรา อืม อันนี้เป็นตอนเรายังเด็กมากๆ อยู่ นี่ช่วงประถมแล้วล่ะ ส่วนอันนี้ตอนอยู่มัธยม เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเยอะหรอก มีแค่นี้แหละ”
     ต้นอธิบายพร้อมกับชูอัลบั้มแต่ละอันให้ผมดู
     “อื้อ ไม่เป็นไร ขอดูหน่อยนะ”
     “ออกจากห้องนี้กันเถอะ นี่ห้องทำงานแฟนเรา เราไม่อยากให้นายทำรกแถวนี้”
     ต้นนี่ใจร้ายจัง
     “ก็ได้”
     ผมถูกต้นไล่ให้มานั่งนอกห้อง เศร้าจัง แต่เอาเถอะ ได้ดูรูปต้นสมัยเด็กๆ ก็ถือว่าคุ้มละ ยัยพวกนั้นต้องอิจฉาผมแน่ๆ วะ ฮ่าๆ
     “นี่ขนม พอทานได้มั้ย”
     “อะไรอ่ะ?”
     ต้นเอาขนมหน้าตาแปลกๆ มาให้ผมด้วยแหละ สีสวยจัง
     “อาลัวน่ะ พี่ชัชซื้อไว้เยอะเลย คงจะเอาไปฝากหมอแหละ หยิบมาแกะซักถุงคงไม่เป็นไรหรอก มีตั้งเยอะ”
     “ขอบใจนะ อืมอร่อยดีแฮะ หวานๆ อ่ะ”
     “นายชอบก็ดีแล้ว อยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย เรารู้สึกปวดหัวน่ะ ขอไปนอนซักแป็บได้มั้ย?”
     ผมโบกมือให้ต้นเพื่อบอกว่า “ตามสบาย” ผมอยู่ได้จริงๆ นะ ถึงจะมาห้องต้นเป็นครั้งแรกแต่ผมสบายมาก ผมจะพยายามทำความคุ้นเคยกับข้าวของในห้องนี้ด้วยตัวเองให้ได้เลย ต้นไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผมเกรงใจต้นจัง ต้นไม่สบายแท้ๆ แต่ก็ต้องมาดูแลผม
     “ตามสบายเลยต้น เราอยู่ได้”
     ต้นยิ้มให้ผมหน่อยๆ หลังจากที่ผมตอบ สายตาของต้นมองผมแปลกๆ อีกแล้ว
     “ถ้านายร้อนจะเปิดแอร์ สวิทช์อยู่ตรงโน้นนะ แต่ปิดหน้าต่างตรงระเบียงก่อน เข้าใจมั้ย?”
     “รับทราบ!”
     “ฝากปลุกเราตอนสี่โมงด้วยนะ”
     “ได้เลย!”
     ต้นยิ้มแปลกๆ ให้ผมแล้วก็ถือแก้วน้ำเดินเข้าห้องไป เอาล่ะ ต้นไปละ ได้เวลาแล้ว!
     เอ... ผมจะเลือกมุมไหนถ่ายรูปส่งไปอวดยัยพวกนั้นดีน้า ฮ่าๆ เดี๋ยวอีกซักพักพอต้นหลับแล้วต้องย่องไปถ่ายรูปต้นตอนหลับด้วย เอาตรงนี้ดีกว่า หน้าครัวนี่แหละ แชะ! อัพๆ ยัยพวกนั้นต้องอิจฉาแน่ๆ ที่ผมได้มาเที่ยวห้องต้นด้วย ว่าแต่ในตู้เคาเตอร์พวกนี้มีอะไรบ้างหว่า โอ้โห! ของทำอาหารเพียบ ผมเชื่อแล้วล่ะว่าต้นชอบกินอาหารยุโรป วัตถุดิบแปลกๆ ขวดซอสประหลาดๆ เพียบเลย ไปดูในตู้เย็นดีกว่า อื้อหือ! เบียร์เพียบ ในตู้เย็นของต้นแถวด้างล่างมันมีกระป๋องเบียร์เรียงไว้กินพื้นที่ไปชั้นนึงเลย ท่าทางแฟนต้นดื่มจัดแฮะ ชั้นผักก็มีผักสดเต็มเลย ต้นนี้ชอบทำกับข้าวจริงๆ
     โอเค ผมสำรวจตู้เย็นเสร็จแล้ว เป้าหมายต่อไป .... ชั้นวางของในห้องก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย ชั้นวางทีวีก็งั้นๆ ไปนั่งดูรูปดีกว่า ต้นห้ามผมไปซนในห้องทำงานแฟน ผมก็จะไม่ซน!
     ดูอัลบั้มนี้ก่อนดีกว่า อ๊ะนี่ไงเพื่อนต้น! อื้อหือ ต้นตอนมัธยมนี่หน้าบึ้งจัง แต่ไม่ได้ใส่แว่นแฮะ แทบไม่มีรูปที่หันมายิ้มซักรูป ยกเว้นรูปที่ถ่ายกับแม่ตัวเอง อืม... ต้นมีเพื่อนผู้หญิงด้วยเหรอเนี่ย? ท่าทางสนิทกันจัง กอดแขนต้นทุกรูปเลยแฮะ ต้นพอมีรูปถ่ายกับเพื่อนก็จริงแต่ไม่ค่อยยิ้มเลย ทำท่าอย่างกับโดนบังคับให้ถ่ายด้วยซะงั้น ว้าว! นี่มันแฟนต้นนี่หว่า สงสัยจะไปเที่ยวกัน โอ้โห! ต้นยิ้มแล้ว ดูต้นเขินๆ แฮะ แต่ยิ้มน่ารักจังเลย ต้องเป็นช่วงจีบกันใหม่ๆ ที่ต้นเคยเล่าให้ฟังแน่ๆ
     ผมนั่งดูรูปไปกินขนมไปเพลินมากครับ ขนมก็อร่อย แถมรูปต้นก็น่าสนใจสุดๆ ยิ่งรูปตอนเด็กๆ ต้นน่ารักมาก อย่างที่ผมคิดไว้เลย ต้นหน้าตาน่ารักอย่างกับเด็กผู้หญิง ผิวขาวตัวเล็กๆ ท่าทางขี้แย ผมเห็นมีรูปแม่ต้นกับผู้ชายคนนึงถ่ายด้วยกันสามคนบ่อยๆ แต่ผู้ชายคนนี้ดูไม่ค่อยแมนยังไงก็ไม่รู้ น่าจะเป็นลุงที่ต้นเคยพูดถึง จะว่าไปผมยังไม่เห็นรูปต้นกับคุณพ่อซักรูป ไหนต้นบอกว่าคืนดีกันแล้วไง?
     ผมดูรูปไปเรื่อยๆ ก็ต้องสะดุดตากับรูปใบนึง เด็กผู้ชายคนที่ยืนข้างๆ ต้นคนนี้หน้าคุ้นๆ ยังไงก็ไม่รู้ เขาสูงกว่าต้นพอสมควร น่าจะอายุไล่เลี่ยกัน แต่ทำหน้าบึ้งโคตรๆ ทั้งๆ ที่ต้นที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มจนแก้มปริ ผมว่าผมคุ้นๆ น้า... แต่นึกไม่ออก สายตาแบบนี้ สายตาเฉยเมยเหมือนไม่สนใจใครแบบนี้ ...
     “แอ้ด”
     แต่ในระหว่างที่ผมกำลังนั่งคิดอยู่ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ผมเลยหันไปมอง แฟนต้นกลับมาแล้ว!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



พาลูกหมาตัวใหม่กลับบ้าน ดราม่าสะดุดก็เพราะน้องไปป์นี่แหละ!  :oni1:  มีน้องไปป์ที่ไหนมีเขวี้ยงเม้าปาหมอนที่นั่น ฮ่าๆ
เขาเป็นหนุ่มน้อยทานตะวันผู้เบิกบานเชียวนะ! คนแต่งชูป้ายไฟน้องไปป์รัวๆ  :mc4: 
ไปป์น้อยจะซวยหรือไม่ หมาป่ากลับมาถึงบ้านแล้ว ลูกหมาตัวน้อยๆ จะโดนหมาป่าขย้ำมั้ยนะ เหอๆ

ตอนนี้ให้ฟีลโชเน็นเนอะ อบอุ่น ซึ้งน้ำตาท่วม นี่มันนิยายวายแต่ทำไมกลิ่นอายโชเน็นเยอะเหลือเกิน แบบ...คนแต่งชอบอ่านแฟรี่เทลอ่ะ
ชีวิตจริงถ้าจะมีใครร่วมแรงร่วมใจทำอะไรแบบนี้ให้ได้นี่แปลว่าคนๆ นั้นเป็นที่รักมาก ต้นนี่มีแต่คนรักน้า ก็หวังว่าต้นจะรักตัวเองให้เป็นบ้าง หึๆ

ออฟไลน์ Sbatandty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
รีบมาต่อจ้าค้างนะ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

    เพราะผมนั่งคุยกับฟ่างจนถึงบ่าย ผมเลยขี้เกียจไปรับต้นที่มหาวิทยาลัยกะมารอมันที่ห้องเอา เพราะคิดๆ ดูแล้วมันยิ่งงอนๆ ผมอยู่ กลัวทำเรื่องเซอร์ไพรส์แล้วแฟนไม่ปลื้มครับ ช่วงนี้ไอ้ต้นมันขี้หงุดหงิดอย่างกับวันนั้นของเดือน ผมเกือบจะเชื่อเลยนะว่ามันมีมดลูก แม่ง! เรื่องเยอะสุดๆ ดราม่าตัวแม่อ่ะ
     ผมคิดแบบนั้นก็เลยตรงกลับคอนโดกะมาพักผ่อนรอมัน กะว่าคืนนี้จะจัดหนักง้อมันซะหน่อย แต่ที่ผมไม่คิดก็คือว่าผมจะเปิดประตูเข้ามาเจอใครก็ไม่รู้นั่งเอ๋ออยู่ในห้องตัวเอง
     “เอ่อ.... หวัดดีคับ”
     แขกแปลกหน้าหันมาทักทายผมอย่างมีมารยาทซะจนผมเกือบจะนึกสงสัยว่าหรือเป็นผมเองที่เข้าห้องผิด? มันกลิ้งอยู่บนโซฟาผม มีจานขนมกับแก้วน้ำวางไว้บนโต๊ะรับแขก ในมือมีอัลบั้มรูปถ่ายที่กำลังเปิดค้างไว้ และกำลังจะหยิบขนมที่ผมซื้อไปฝากหมอใส่ปาก แม่ง! มันเป็นใครวะ!
     ผมยิ้มให้แขกแปลกหน้าแล้วเดินเข้าห้องตามปกติ ห้องผมนี่ ผมไม่ใช่คนที่ควรจะใบ้กินซักหน่อย มีมาดไว้ครับ อย่าหลุดเชียว! แต่ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าควรจะพูดอะไรกับไอ้เด็กหน้าเป็นคนนี้ดี ขยันส่งยิ้มมาให้ผมเหลือเกิ๊น! เพื่อนต้นเหรอ? แล้วเมียผมไปไหนวะ?
     “พี่เป็นแฟนต้นใช่ป่ะคับ ผมเป็นเพื่อนต้นคับ ชื่อไปป์”
     “อ๋อ ครับ”
     พอได้ยินผมตอบรับมันก็ฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม เพื่อนไอ้ต้นเป็นเด็กปัญญาอ่อนหรือไงวะ? ถ้าผมไม่ใช่ผัวไอ้ต้นแล้วผมจะเดินเข้าห้องนี้ได้ยังไงวะ! ไอ้เด็กเวรเอ้ย ถามอะไรนอนเซนส์จริงๆ แต่เอาวะ อย่างน้อยๆ ไอ้เด็กเวรนี่ก็ยังมีมารยาทพอที่จะเปลี่ยนจากนอนเหยียดบนโซฟามาเป็นท่านั่งตามปกติ แถมมันยังส่งยิ้มพร้อมแนะนำตัวให้ผมฟังเสร็จสรรพหางเสียงอยู่ครบ ผมจะพยายามมองข้ามความแปลกของไอ้เด็กนี่ไปก่อนก็แล้วกัน
     “ตามสบายนะน้อง แล้วนี่...”
     “พอดีวันนี้ต้นไม่ค่อยสบายคับ ต้นลาคาบบ่าย แต่ผมเป็นห่วง เลยมาส่งต้น อาการต้นไม่ค่อยดีเลยคับ”
     “อ้าว เหรอ?”
     จริงดิ! เมียผมไม่สบายขนาดยอมโดดเรียนเลย? หรือเมื่อวานผมจะแกล้งมันหนักไปวะ?
     “คับ พอกลับมาถึง ทำกับกินข้าวเสร็จแล้วต้นก็ขอตัวไปนอนคับ บอกผมว่าให้ปลุกตอนสี่โมง”
     ผมพยักหน้ารับรู้พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู พึ่งสามโมงกว่า
     “เออ ขอบใจมากนะน้อง”
     ผมเดินเอากระเป๋าไปวางไว้บนโต๊ะกินข้าวแทนโต๊ะรับแขกที่โดนยึดพื้นที่ ลงมือปลดกระดุมแขนเสื้อและคลายไทด์ พยายามตัวตัวสบายๆ ตามปกติ ไอ้เด็กนี่มันยังนั่งส่งยิ้มให้ผมอยู่เลยครับ ผมเลยเลี่ยงเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมากิน ทำไมผมต้องรู้สึกประหม่าในบ้านตัวเองด้วยวะ!
     “งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวไปดูต้นหน่อยละกัน”
     “เดี๋ยวคับพี่ คือ... ผมมีเรื่องจะบอก”
     หือ? เรื่อง? มันจะบอกไรผมวะ ท่าทางเครียดเชียว สีหน้าเหมือนคนหนักใจสุดๆ ทีเมื่อกี้มันยังนั่งยิ้มอยู่เลย
     “คือพี่คับ ที่จริง ... วันนี้ ... ต้นมีเรื่องที่มหาวิทยาลัยคับ?”
     “หือ? น้อง... ว่าอะไรนะครับ?”
     ผมแทบสำลักน้ำ! ต้นเนี่ยนะมีเรื่อง?
     “คืองี้คับพี่ ...”
     แล้วไอ้เด็กคนนี้มันก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟัง ผมพึ่งรู้นะเนี่ยว่าเมียผมป็อปขนาด!
     ถึงผมจะรู้อยู่เลาๆ ว่าไอ้ต้นเสน่ห์แรงก็เถอะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนออกตัวจีบมันเยอะขนาดนั้น และที่ผมไม่คิดมาก่อนเลยก็คือภาพลักษณ์เมียผมในสายตาคนทั่วไปย่ำแย่โคตร ลือกันไปได้ไงวะว่าเมียผมใจง่ายได้หมด สะกิดยากสะกิดเย็นจะตายห่า! ต้นไม่ใช่พวกรักสนุกซักหน่อย มันเป็นพวกยึดติดจะตายอย่าหวังจะแอ้มมันง่ายๆ เล้ย บอกว่ามันประชดชีวิตทำตัวเหลวแหลกยังจะน่าเชื่อกว่าบอกว่ามันฟรีเซ็กส์ซะอีก ไอ้ข่าวลือมั่วๆ พวกนั้นมาจากไหนวะ? ผมฟังแล้วก็ได้แต่กลุ้ม นี่เมียผมมีปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้านห่วยแตกถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ?
     ผมก็พอรู้อยู่หรอกนะครับว่าไอ้ต้นมันชอบเก็บตัวไม่ค่อยเข้าสังคม แต่ที่ผมนึกไม่ถึงก็คือมันมีปัญหาแม้แต่กับเพื่อนในคณะ เวรเอ้ย! แล้วปัญหานี้ไม่ใช่อยู่ที่ว่าเพราะมันเป็นอะไรด้วย มาจากทัศนคติกับนิสัยของมันล้วนๆ ต้นมันไม่ยอมเปิดใจให้ใคร ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าต้นจะมีปัญหาที่มหาวิทยาลัยเยอะขนาดนี้ ชักเป็นห่วงชีวิตในวัยเรียนของมันซะแล้วสิครับ นี่เด็กสมัยนี้มันเก็บกดหรือเป็นเพราะไอ้ต้นมันชอบดราม่าวะเนี่ย? ฟังแล้วเครียดเลยครับ
     “ขอบใจน้องมากนะครับที่เล่าให้พี่ฟัง ต้นเขาไม่ค่อยบอกอะไรพี่มากเท่าไหร่”
     ผมตอบมันไปแบบนั้น เล่นเอามันจ้องผมตาแป๋วเลย แล้วจู่ๆ มันก็ถามคำถามเสือกเรื่องของผมกับต้นซะงั้น
     “พี่เป็นผู้ปกครองดูแลต้นทุกอย่างแทนแม่ต้นจริงๆ เหรอคับ?”
     เกี่ยวอะไรกับมันวะเนี่ย ไอ้เด็กนี่เป็นเจ้าหนูจำไมรึไง?
     “ครับ”
     “แล้วแม่ต้นไม่ห่วงเหรอคับ ปล่อยให้อยู่กับพี่สองคน”
     “อยู่กับพี่ก็ดีกว่าอยู่คนเดียว เพราะต้นเองนั่นแหละที่อยากอยู่เมืองไทย ไม่งั้นป่านนี้คงได้ไปอยู่เมืองนอกแล้ว”
     “แล้วพ่อต้นละคับ ไม่ว่าอะไรพี่เหรอ เขายอมให้ต้นอยู่กับพี่ด้วยเหรอคับ”
     โอ้โห ไอ้เด็กนี่ข้อมูลเป๊ะเว้ยเฮ้ย! ท่าทางต้องฝ่าด่านกำแพงหินในใจเมียผมได้พอสมควรเลยแหละ ถึงได้รู้เยอะขนาดนี้
     “ทางนั้นเขาไม่มีสิทธิ์ตามกฏหมายนี่ครับ ใครจะบังคับต้นได้ละ แปลกเหรอ? อยู่กับแฟน พี่ว่าสมัยนี้เด็กก็เช่าหออยู่ด้วยกันเยอะนะ”
     “ถ้าเป็นวัยรุ่นทั่วๆ ไปก็คงไม่แปลกคับ แต่พี่โตแล้วเป็นผู้ใหญ่ แถมยังคอยส่งเสียต้น มันเลยแปลก แล้วแม่ของต้นยังอนุญาตอีก แบบนี้ก็เหมือนกับยอมรับให้พี่คบกับต้นเลยไม่ใช่เหรอคับ?”
     “ฮ่าๆ ก็ไม่ใช่เพราะพี่รับผิดชอบต้นได้รึไง แม่ของต้นถึงได้ไว้ใจให้พี่ดูแลมันน่ะ เด็กวัยรุ่นที่แอบไปเช่าห้องอยู่ด้วยกันโดยไม่บอกพ่อแม่ต่างหากที่แปลก ยังดูแลตัวเองไม่ได้กันแท้ๆ แต่ดันคิดจะดูแลคนอื่นซะแล้ว พี่เข้าตามตรอกออกตามประตูขอลูกเขามาจากแม่เรียบร้อยนะครับน้อง แถมพี่ทำงานแล้วสามารถส่งเสียต้นได้ น้องว่ามีอะไรอีกที่ไม่เหมาะสมสำหรับพี่ที่จะดูแลต้นล่ะ?”
     “แต่พี่เป็นผู้ชายนี่ครับ”
     “น้องรังเกียจพวกรักร่วมเพศเหรอ?”
     “เปล่าคับ แต่ผมแค่แปลกใจว่าทำไมแม่ต้นถึงได้ยอมรับพี่ง่ายๆ แล้วก็สงสัยว่าพี่คิดยังไงกับต้น ทำไมถึงทำเพื่อต้นขนาดนั้นละครับ”
     “ก็เพราะรักน่ะสิ ไม่รักพี่จะไปขอลูกเขามาเหรอ? แล้วหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่นะน้อง โดยเฉพาะแม่ที่ต้องลำบากมาตั้งมากมายเพื่อไอ้ต้นมัน คนอย่างพี่น้ำไม่สนหรอกว่าต้นจะรักใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย พี่น้ำไม่แคร์หรอกว่าต้นจะเป็นอะไร ผู้ชาย เกย์ ตุ๊ด กระเทย พี่น้ำเขาใส่ใจว่าใครที่จะทำให้ลูกเขามีความสุขได้ต่างหาก ในฐานะของคนเป็นแม่เขาก็แค่อยากให้ลูกเขาอยู่กับคนดีๆ ที่พร้อมจะดูแลลูกเขาได้ พี่ก็ต้องฝ่าฟันมาเยอะเหมือนกันนะ กว่าจะผ่านด่านแม่ยายมาได้ กว่าพี่จะพิสูจน์ให้แม่ไอ้ต้นมันเห็นว่าพี่ดูแลลูกชายเขาได้ หืดขึ้นคอเลยละน้องเอ้ย!”
     ไอ้เด็กนี่มันทำหน้าซาบซึ้งกับคำพูดของผมอยู่พักหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นขมวดคิ้วเหมือนมีอะไรจะพูด แต่แล้วก็ส่ายหัวตัดสินใจไม่พูด ฮ่าๆ ตลกดีจัง ผมพอรู้ละว่าทำไมต้นชอบไอ้เด็กนี่
     “พี่คงรักต้นมากสินะคับ ต้นเคยบอกผมว่าเขารักพี่มากเลย แถมพวกพี่ยังไม่มีปัญหาเรื่องครอบครัวไม่ยอมรับอีก โชคดีจัง”
     ไม่มีปัญหาไรละน้อง ไม่มีปัญหาด้านแม่ยายแต่โดนคุณพ่อตากับปู่มันแช่งให้เลิกกันอยู่ทุกวันเลยคร้าบ แต่ผมพูดออกไปไม่ได้หรอก เพราะงั้นผมก็เลยเลือกที่จะเก๊กแล้วตอบเด็กมันไปว่า
     “รักสิน้อง ไม่รักพี่คงไม่จีบมันมาทำเมียหรอก”
     “แล้วพี่จะรักต้นตลอดไปมั้ยคับ แล้วถ้ากลับกันละคับ พี่จะทำไง”
     หือ? ไอ้เด็กนี่ มันไปรู้อะไรมาหว่า? อย่านะเว้ย ผมยิ่งเสียวๆ อยู่
     “พี่ว่าพี่เจอคนที่ใช่แล้ว พี่เลือกที่จะหยุดอยู่ที่ต้นครับ แล้วพี่ก็จะทำทุกอย่างให้ต้นรักแต่พี่คนเดียว พี่ไม่มีวันปล่อยให้ต้นหันไปมองใครหรอก”
     “พี่โคตรเท่เลย มิน่าต้นถึงได้รักพี่มากๆ คนอื่นที่มาจีบต้นเทียบไม่ติดเลยคับ!”
     “งั้นเลย? หึๆ”
     “คับ ว่าแต่แล้วเรื่องที่ผมปรึกษาพี่ละคับ พวกผมตกลงกันแล้วว่าจะจัดเซอร์ไพรส์ให้ต้น”
     “เอาเลยน้อง ตามสบายเลย พี่ไฟเขียว ต้นมันจะได้ไปเฮฮากับเพื่อนซะบ้าง”
     “ละมันจะรบกวนพี่กับต้นรึเปล่าคับ? เผื่อพวกพี่อยากฉลองกันสองคน”
     “ไม่เป็นไร ถ้าพวกน้องไม่ได้พาเมียพี่หายไปทั้งคืนพี่ก็โอเคครับ เอ้อ! แล้วโนแอลกอฮอล์นะน้อง ยังเด็กๆ กันอยู่ พี่ไม่อยากให้ดื่มกัน ต้นมันไม่ชอบเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ คงไม่ไหวหรอก”
     อ้าว? ไอ้เด็กเวรนี่ทำหน้าซะยิ้มแหยเชียว สงสัยผมจะดักคอทัน งี้สิน่า ขึ้นชื่อว่าเด็กผู้ชายไงมันก็ต้องอยากรู้อยากลอง แต่ทำไมสายตามันดูแปลกๆ ว่ะ มันทำหน้าอย่างกับ... สงสารผมซะงั้น
     “คับ ไม่มีแน่นอนคับ”
     พวกเรานั่งคุยกันอีกนิดหน่อย โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของชอบของไอ้ต้น ท่าทางจะหาข้อมูลเรื่องของขวัญวันเกิดเมียผมน่าดู บอกตามตรงผมก็รู้เท่าที่เห็นครับ เพิ่งนึกได้เหมือนกันว่าผมแทบไม่รู้อะไรเลย ขนาดว่าต้นมันชอบสีอะไรผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ คิดแล้วก็อายตัวเอง ผมมันห่วยจริงๆ
     หลังจากนั้นผมก็ได้ฤกษ์ย่องเข้ามาดูเมียผมซะที ไอ้ต้นนอนหลับไม่รู้เรื่องเลยแฮะ อืม... ตัวร้อนจัดเลย ผมว่าผมพามันไปพาหมอดีกว่ามั้งเนี่ย คิดแล้วสงสารมันเป็นบ้า เกิดเรื่องยุ่งๆ ขนาดนี้ทำไมมันไม่ปริปากบอกผมซักคำ? มิน่าพ่อมันถึงได้ชอบทำตาขวางใส่ผม หัวอกคนเป็นพ่อเห็นลูกโดนมรสุมขนาดนั้นก็คงเจ็บปวดแหละครับ ถึงเรื่องนี้มันจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผม แต่ถ้าวันนั้น... ถ้าผมไม่รั้งต้นไว้ข้างๆ ผม บางทีตอนนี้มันอาจจะเป็นผู้ชายปกติก็ได้...
   ผมเห็นสภาพต้นแล้วก็ได้แต่สงสาร ผมจะช่วยอะไรมันได้บ้างมั้ยนะ? เมียผมชอบเก็บเรื่องทุกอย่างไว้กับตัวเองจริงๆ ขนาดสีหน้าตอนหลับยังเผลอขมวดคิ้วเลย ตาบวมเชียว ปกติมันก็ขี้แยนิดๆ หน่อยๆ ก็น้ำตาร่วงอยู่แล้ว แต่ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าหนนี้มันจะเขื่อนแตกขนาดไหน โดนไปไม่ใช่น้อยๆ นะนี่ ก็ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้คงมีเรื่องดีๆ รอมันอยู่นะครับ อุตส่ามีเพื่อนดีๆ ทั้งที เห็นแบบนั้นแล้วผมก็เบาใจไปเปลาะนึงล่ะ แต่ยังไงก็ตามคงต้องหาทางจัดการสยบข่าวลือบ้าๆ พวกนั้นด้วย
     ว่าแล้วก็ปล่อยมันนอนต่ออีกหน่อยดีกว่า สภาพแบบนี้รับรองมันไม่ตื่นง่ายๆ แน่ เพราะผมเห็นซากซาแนกซ์ในถังขยะ มันเล่นล่อซาแนกซ์ของผมเลยครับ วันหลังผมต้องเก็บพวกยาอันตรายให้ดีกว่านี้ซะแล้ว แต่ผมก็เข้าใจมันนะ คงเครียดมากจนทนไม่ไหว แล้วก็คงกลัวด้วย ถึงได้บอกให้เพื่อนมันอยู่เป็นเพื่อนคอยปลุกมัน แต่ดูท่าวันนี้ผมต้องหาอะไรกินเองซะแล้ว คงต้องซื้อมาเผื่อมันด้วย ไม่สบายขนาดนี้คงกินอะไรไม่ค่อยไหว ไปซื้อโจ๊กให้มันดีกว่าครับ
     และแล้วผมก็เปิดประตูห้องนอนออกมาเจอเพื่อนไอ้ต้นนอนดูอัลบั้มรูปอยู่บนโซฟา... รู้สึกเดจาวูยังไงก็ไม่รู้ครับ
     “อ้าว? น้องยังไม่กลับเหรอครับ?”
     ปากผมทักออกไปแบบนั้นแต่ในใจผมอยากจะตะโกนว่า “มึงยังอยู่อีกเรอะ!” ออกมาดังๆ ผมอยากกุมขมับ เคยมีใครสอนเรื่องมารยาทให้ไอ้เด็กเวรนี่บ้างมั้ยครับ?
     “อ๋อ ผมยังดูรูปในอัลบั้มไม่เสร็จเลยคับ”
     “เอ่อ... งั้นก็ตามสบายแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกหน่อย ฝากเราดูต้นด้วยนะ”
     “พี่จะไปไหนครับ?”
     “พี่ว่าจะไปซื้อโจ๊กมาให้ต้นน่ะ แล้วเราล่ะ เอาไรมั้ยเดี๋ยวพี่ซื้อมาเผื่อ”
     ผมถามไปตามมารยาทของผู้ใหญ่ที่ดีครับ ถามไปงั้นแหละ
     “งั้นผมขอโจ๊กพิเศษใส่ไข่คับ เอาแบบที่มันใส่ไส้กับตับด้วยนะพี่ ละอย่าลืมขอหมี่กรอบกับปาท๋องโก๋มาเยอะๆ นะคับ”
     ผมละอยากเห็นหน้าพ่อแม่ไอ้เด็กเวรนี่จริงๆ เลยครับ! มันสะกดคำว่าเกรงใจไม่เป็นชัวร์ๆ เมียผมทนคบไอ้เด็กนี่ได้ไงวะ อีแก่เจ้าระเบียบอย่างต้นเนี่ยนะ?
     “ได้ๆ งั้นพี่ไปนะ”
     “เดี๋ยวคับพี่”
     “ครับ?”
     “คือผมสังเกตว่าอัลบั้มพวกนี้มีแต่รูปต้นตอนเด็กถึงตอนมัธยมอ่ะคับ พี่ไม่มีรูปต้นตอนเข้ามหาลัยแล้วเหรอคับ? ผมอยากดูอ่ะ”
     ผมกัดฟันก่อนจะตอบออกไป ไอ้เด็กเวร!
     “เดี๋ยวพี่หยิบให้นะครับ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     “ตื่นแล้วเหรอครับ ลุกไหวมั้ย?”
     ตอนที่ผมเริ่มรู้สึกตัว ผมก็ได้ยินเสียงของพี่ชัช ไฟในห้องสว่างจ้าจนผมลืมตาไม่ไหว หัวมันมึนๆ ไปหมดเลยครับ ผมพยายามจะมีสติแต่คิดอะไรไม่ออก เปลือกตาของผมมันหนักจนผมแทบจะฝืนลืมตาไม่ไหว แต่สัมผัสจากพี่ชัชที่ส่งแรงมาพยุงตัวผมให้ลุกขึ้นพิงกับหัวเตียงทำให้ผมต้องฝืนลืมตาตื่นขึ้นจนได้
     “แข็งใจลุกหน่อยครับคนดี เดี๋ยวพี่ไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้เรานะ จะได้สดชื่น”
     สมองของผมยังมึนอยู่จนกระทั่งพี่ชัชเช็ดหน้าให้ผมได้ซักพักนั่นแหละครับ ผมถึงพอจะมีสติคิดอะไรได้ ไปป์!
     “กี่โมงแล้วครับ แล้ว... เพื่อนผมละครับ”
     “จะทุ่มนึงแล้วครับ ส่วนเพื่อนเราพอกินอิ่มก็กลับไปแล้วล่ะ เลี้ยงง่ายดีนะ ฮ่าๆ”
     ผมได้แต่ยิ้มขำๆ ให้พี่ชัช อายเหมือนกันนะครับเนี่ย พี่ชัชต้องคิดว่าไปป์แปลกแน่ๆ เลย ผมเองก็รู้นะว่าไปป์...ออกจะประหลาดไปซักนิด ชอบทำตัวเหมือนเด็ก แต่ก็ไม่มีพิษมีภัย ผมถึงได้กล้าให้ไปป์ตามผมมาถึงคอนโด เพราะคิดว่าถ้าเป็นไปป์ พี่ชัชไม่น่าจะคิดมาก
     “ลุกอาบน้ำไหวมั้ยล่ะเรา?”
     ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ สารภาพตามตรงว่าผมยังเบลอๆ อยู่เลยครับ ปากมันหนักจนพูดอะไรไม่ออกเลย ตอนแรกผมพยายามจะพูด ผมจะตอบพี่ชัชว่าผมรู้สึกมึนๆ แต่ผมกลับพบว่าผมตอบออกไปไม่ไหว ผมไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดในหัวตัวเองยังไง ผมก็เลยเลือกที่จะส่ายหน้าแทนคำตอบ
    “แล้วคิดยังไงถึงได้หยิบยากินเองเฮอะ ทีหลังอย่าหยิบยามั่วนะครับ ยาบางอย่างที่พี่เก็บไว้ก็อันตราย ต้องมาถามพี่ก่อนนะรู้เปล่า?”
     ผมพยายามพยักหน้าแล้วส่งยิ้มไปขอโทษพี่ชัช เพราะความจริงแล้วผมรู้ดีว่าผมหยิบยาอะไรทาน “ยาคลายเครียด” ผมเคยถามพี่ชัชเกี่ยวกับยาที่อยู่ในกล่องครั้งนึงครับ พี่ชัชบอกว่าเก็บยาตัวนี้เอาไว้ใช้ตอนไปเมืองนอกเพราะทานแล้วทำให้ง่วง จะได้ไม่เจ็ทแล็ก ผมแอบหยิบยานอนหลับของพี่ชัชทาน…
     “ทีหลังมีอะไรบอกพี่ได้นะครับ ต้นไม่สบายขนาดนี้เป็นความผิดของพี่เอง ถ้าไม่ไหวก็ควรจะบอกพี่นะครับ พี่จะได้พาเราไปหาหมอ”
     “ไม่.. ใช่ ความผิด ของ พี่ชัช หรอกครับ ผม ไม่ได้.. เป็นอะไรมาก”
     “ไม่ได้เป็นอะไรที่ไหนกัน ดูสิ เมายาซะขนาดนี้ ถ้าพี่ไม่มาปลุกเราจะตื่นรึเปล่าก็ไม่รู้ พรุ่งนี้พี่จะพาเราไปหาหมอนะครับ พี่บอกเพื่อนเราแล้วว่าให้ลาให้เรา แต่ตอนนี้ต้นต้องลุกมากินข้าวก่อน จะได้กินยา โอเคนะครับ”
     ผมพยายามจะตอบ แต่ทำได้แค่ยิ้ม...
     หลังจากนั้นผมก็จำไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าพี่ชัชป้อนโจ๊กให้ผม แล้วก็ช่วยเช็ดตัวให้ผม เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ แล้วก็พาผมเข้านอน พี่ชัชอยู่ข้างๆ ผม กอดผมจนผมหลับไป
     ไม่เอาอีกละครับ ผมเข็ดกับยานอนหลับแล้ว ไม่คิดเลยว่าทานแล้วมันจะมึนหัวขนาดนี้ แค่จะลืมตายังลืมไม่ขึ้นเลย...

     “ต้น ต้นครับ ...”
     อืม... เสียงพี่ชัช? สัมผัสอุ่นๆ แตะเข้าที่แก้มของผม พอผมลืมตาขึ้นก็เห็นพี่ชัชอยู่ในชุดทำงานแล้วเรียบร้อย นี่ผม...
     “หลับเป็นตายเลยนะเรา ตื่นได้แล้วครับ ไปอาบน้ำไป พี่จะพาเราไปหาหมอ”
     เช้าแล้วเหรอครับ! ผมรู้สึกเหมือนแป็บเดียวเอง เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่สิเมื่อวาน ผม... แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเรียบเรียงความคิดในหัวตัวเองเสร็จ ผมก็ถูกพี่ชัชขยี้หัว
     “เอ้าๆ อย่ามัวแต่งง เดี๋ยวพี่สายนะครับ”
     “ผมไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ พี่ชัชไม่ต้องพาผมไปโรงพยาบาลก็ได้”
     “ได้ยังไงครับ ไปให้หมอดูหน่อยดีกว่า เรายังตัวร้อนอยู่เลย”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับเอามือมาอังหน้าผากผม อืม ความจริงแล้วผมเจ็บคอไปหมดเลยครับ แถมยังรู้สึกคัดจมูกด้วย แต่ผมไม่อยากรบกวนพี่ชัชเลย
     “งั้นไว้สายๆ พอผมรู้สึกดีขึ้นแล้วผมค่อยไปโรงพยาบาลเองก็ได้ครับ พี่ชัชรีบไปทำงานเถอะครับ”
     “ก็งานของพี่ก็อยู่ที่โรงพยาบาลนั่นแหละครับ จะเป็นอะไรไปถ้าจะหนีบแฟนไปเป็นลูกค้าให้ลูกค้าพี่อีกที”
     พี่ชัชนี่... ทะเล้นจริงๆ เลย เพราะแบบนั้นผมก็เลยต้องยอมแพ้ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว แต่อืม... ไปกับพี่ชัช วันนี้เลือกชุดให้สุภาพหน่อยดีกว่าครับ แต่ถ้าผมเจอคนรู้จักพี่ชัชล่ะ? เอ... เอาชุดนี้ก็แล้วกัน ดูสุภาพหน่อยแต่ก็ไม่เชยมาก ผมไม่อยากให้คนอื่นมองว่าพี่ชัชคว้าเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาทำแฟน ผมก็พอรู้น่ะว่าพี่ชัชน่ะ... เอาเป็นว่าผมจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกผมว่าไม่เหมาะสมกับพี่ชัชแน่ๆ ครับ
     “อ้าวเสร็จแล้วเหรอ หืม? วันนี้แฟนพี่น่ารักจังครับ”
     “รีบไปกันเถอะครับ เดี๋ยวพี่ชัชไปสาย”
     เขินจังเลยครับ สายตาพี่ชัชอย่างกับจะเขมือบผมไปทั้งตัวแน่ะ .... อื้อ พี่ชัชยังไม่หยุดยิ้มอีก
     “มองอะไรครับ?”
     “มองคนน่ารักไง”
     แล้วพี่ชัชก็เดินมาโอบเอวผม
     “ขอโทษนะครับ เมื่อวานซืนพี่ดันเล่นแผลงๆ ทำต้นไม่สบาย เป็นเพราะพี่แท้ๆ เลย หายโกรธพี่รึยังครับ?”
     พอพี่ชัชพูดจบผมก็ถูกจูบ เจอแบบนี้ใครจะไปโกรธลงล่ะครับ ผมเขินจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว อยากซุกหน้าอกพี่ชัชจัง แต่อื๊อ! น้ำมูกผมไหล ให้ตายสิ! น่าอายจริงๆ เลย
     “หือ... ยืดใหญ่เลยต้น เป็นหนักนะเนี่ย”
     บ้าที่สุด! ขายหน้าสุดๆ เลยครับ บรยากาศกำลังจะดีแท้ๆ เชียว! ผมรีบคว้าทิชชู่มาสั่งน้ำมูกก่อนจะชวนพี่ชัชออกเดินทาง ไม่เอาแล้วครับ ผมอาย!
     “รีบไปกันเถอะครับ”
     “ฮ่าๆ เอาผ้าเช็ดหน้าไปแล้วรึยังล่ะ?”
     “เรียบร้อยแล้วครับ”
     พี่ชัชบ้า! มาล้อผมอีกนะ โอ้ย! ผมอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี! แต่พี่ชัชกลับเดินมาหอมแก้มผมซะงั้น
     “ขนาดต้นน้ำมูกยืดยังน่ารักเลยอ่ะ”
     “พี่ชัชบ้า!”
     “ฮ่าๆ”

     กว่าผมกับพี่ชัชจะฝ่ารถติดเข้ามายังโรงพยาบาลในเขตตัวเมืองได้ก็นานโขเลยครับ แล้วไหนจะยังต้องมาวนหาที่จอดรถอีก เฮ้อ... เพราะผมตื่นสายรึเปล่านะเลยทำให้พี่ชัชช้าไปด้วย รู้สึกผิดจังเลยครับ พอหาที่จอดรถได้พี่ชัชก็พาผมไปทำบัตร พี่ชัชบอกให้ผมนั่งรออยู่แถวนี้ก่อนแล้วก็หายไปเกือบสิบนาทีเลยครับ
     ผมนั่งดูคนที่เดินผ่านไปผ่านมาฆ่าเวลา เพราะโรงพยาบาลที่พี่ชัชพาผมมาเป็นโรงพยาบาลรัฐบาล คนป่วยบางคนที่มาก็ดูแล้วน่าสงสารมากเลยครับ แต่บางคนก็ดูอย่างกับคุณนายแน่ะ เขามีรถเข็นแบบไฟฟ้าแล้วก็มีคนที่ท่าทางเหมือนคนรับใช้เดินตามด้วย ระหว่างนั้นมีคุณป้าคนนึงให้ผมช่วยอ่านใบเสร็จค่ายาให้แกฟัง เพราะแกมองไม่ค่อยเห็น พอผมอ่านให้แกฟังแล้วแกก็บ่นให้ผมฟังว่าค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐแพงขึ้นตั้งเยอะ เดี๋ยวนี้สิทธิข้าราชการต่างจากเมื่อก่อนมาก ต้องจ่ายบางอย่างเอง แกที่ป่วยเรื้อรังเลยลำบากมากขึ้น สงสารลูกสาวที่ต้องมารับภาระค่ารักษาพยาบาลของแก
     ผมเห็นคนไข้บางคนแล้วก็อดสงสารเขาไม่ได้ คือ... เค้าดูแย่มากๆ เลยครับ ความเจ็บป่วยกับโรคภัยนี่ไม่เลือกฐานะเลยจริงๆ ผมอดคิดไม่ได้ว่าผมโชคดีมากๆ ที่แม่ของผมเลี้ยงผมมาอย่างดี ตอนที่ผมบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งก่อนผมก็ได้แอดมิทเข้าโรงพยาบาลเอกชนด้วยซ้ำ เพราะแม่ของผมทำประกันไว้ให้ผมหมดทุกอย่าง ผมไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลย ทุกอย่างแม่น้ำเป็นคนจัดการให้ผมหมด แต่ต่อไปนี้ผมคงต้องดูแลตัวเองแล้วสินะครับ... เพราะผมไม่ได้อยู่กับแม่แล้ว...
     พูดแล้วนึกขึ้นได้ มิน่าละ! ตอนก่อนที่แม่จะไปอยู่เมืองนอกแม่ถึงได้เรียกพี่ชัชไปคุยเรื่องเอกสารประกันสุขภาพต่างๆ กับบัญชีเงินฝากของผม พี่ชัชคอยดูแลผมแทนแม่ ... ถ้าผมไม่มีพี่ชัชแล้วผมจะอยู่ยังไงครับ ผมนึกไม่ออกเลย ตอนนั้นที่ผมบอกแม่ว่าอยากเรียกต่อที่เมืองไทยผมทำไปเพราะทิฐิแท้ๆ การจะรับผิดชอบตัวเองให้ได้นี่มันยุ่งยากกว่าที่คิดอีกครับ เราต้องจัดการทั้งเรื่องประกันต่างๆ ทั้งภาษี ค่าสาธารณูปโภค ไม่ใช่แค่ค่าเทอมแล้วก็ค่ากินค่าอยู่ในแต่ละวันๆ ผมที่ยังเด็กไม่เคยรู้เรื่องอะไรแบบนี้เลย ถึงพี่ชัชจะเอาเงินเดือนที่เหลือทั้งหมดมาให้ผมคอยควบคุมค่าใช้จ่ายในบ้าน แต่เรื่องค่าใช้จ่ายพวกนั้น... บอกตามตรงว่าผมแทบไม่รู้เรื่องเลยครับ โชคดีจังที่ผมได้เจอกับพี่ชัช ถ้าผมไม่รู้จักพี่ชัชผมคงเหลิงแล้วก็อาจจะใช้ชีวิตอย่าประมาทเพราะความอวดดีของตัวเองก็ได้
     ระหว่างที่ผมนั่งรอผมก็เห็นผู้หญิงแต่งตัวสวยถือถุงโลโก้แปลกๆ กับข้าวของพะรุงพะรังเดินผ่านหน้าไปมา คงเป็นเพื่อนร่วมอาชีพของพี่ชัชมั้งครับ? มีแต่สาวๆ สวยๆ ทั้งนั้นเลย แฟนของผมต้องทำงานพบปะผู้คนตั้งมากมาย อยู่ในวงล้อมของผู้หญิงสวยๆ พวกนี้ พี่ชัชจะมีไขว้เขว้บ้างรึเปล่านะ? ผมได้แต่ภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าขอให้พี่ชัชมีแต่ผมคนเดียวแล้วก็อย่าให้มีใครมาสนใจผู้ชายของผม!
     “ต้น ... คิดไรอยู่ฮึเรา? พี่เรียกเราตั้งนาน”
     อ้าว! พี่ชัชมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ สงสัยผมจะคิดอะไรเพลินไปหน่อยจนลืมสังเกตรอบๆ ตัว
     “เอ่อ ... ก็คิดอะไรไปเรื่อยแหละครับ”
     “หดหู่เหรอ โทษทีนะ โรงพยาบาลรัฐก็งี้แหละ”
     พี่ชัชยิ้มให้ผมพร้อมกับขยี้หัวผมอีกแล้ว ให้ตายสิ! ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ มันเขินนะ ถูกขยี้หัวกลางที่สาธารณะแบบนี้
     “มากับพี่ทางนี้ครับ พี่บอกอาจารย์ไว้ให้แล้ว”
     “แล้วพี่ชัชไม่ต้องทำงานเหรอครับ”
     “ทำสิครับ ก็ทำพร้อมกันนั่นแหละ แล้วเราล่ะหิวมั้ย เมื่อเช้าก็ไม่ได้ทานอะไรก่อนมา”
     “ก็นิดหน่อยครับ แต่คิดว่าคงทานอะไรไม่ค่อยลง”
     แล้วผมก็ถูกพี่ชัชพาไปหาอะไรรองท้องที่ร้านขายกาแฟใกล้ๆ ในโรงพยาบาล ก่อนจะมานั่งรอหน้าห้องตรวจ อืม... ห้องตรวจนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่แฮะ พี่ชัชพาผมซิกแซกอีกแล้ว... นั่นไงครับ พอดีมีหมอคนนึงเดินผ่านมาจะเข้าห้องตรวจพี่ชัชก็ปราดเข้าไปคุยทันทีเลย ทีเมื่อกี้ยังเห็นนั่งไถไอแพดอยู่เลย!
     “อาจารย์ครับสวัสดีครับ”
     “อ้าวคุณชัช ดีครับ มาได้ไงเนี่ย คุณวิ่งเขตนี้ด้วยเหรอ?”
     “น้องผมไม่สบายครับเลยพามาตรวจที่นี่”
     แล้วพี่ชัชก็หันมาทางผมแล้วยิ้ม คุณหมอคนนั้นก็หันมามองผมแล้วยิ้มตาม ผมก็เลยยกมือไหว้เขาไป แล้วพี่ชัชของผมก็ทำงานต่อ
     “เออ อาจารย์ครับ แล้วสัมนาที่ประจวบ อาจารย์สนใจมั้ยครับ”
     “อืม... มันเมื่อไหร่นะคุณชัช ผมยังไม่ได้ดูวันว่างเลย ยังไงคุณส่งรายละเอียดเข้าเมลล์ให้ผมอีกทีแล้วกัน แล้วผมค่อยดูอีกที”
     “ได้เลยครับ แต่ผมอยากให้อาจารย์ไปจริงๆ นะครับเนี่ย เรื่องนี้น่าสนใจมากเลย อเมริกากำลังตื่นตัวเลยครับ เราโชคดีมากๆ ที่เชิญวิทยากรมาได้”
     “เออๆ ไว้ผมดูวันว่างผมก่อนละกัน ผมไปก่อนนะ คนไข้รออยู่”
     “ครับ อาจารย์”
     แล้วพี่ชัชของผมก็ส่งแฟ้มที่มีเอกสารบางอย่างกับปากกาเหน็บอยู่ให้คุณหมอคนนั้นรับก่อนจะเดินเข้าห้องไป ส่วนพี่ชัชก็กลับมานั่งข้างผม ยังไงผมก็ไม่ชินซักที พี่ชัชโหมดทำงานนี่ผิดกันลิบลับกับพี่ชัชขี้แกล้งที่ผมเห็นอยู่ทุกวันที่คอนโดจริงๆ ครับ ทั้งเสียงอ่อนเสียงหวาน ดูสุภาพถ่อมตัว ปั้นหน้ายิ้มได้ดูเป็นมิตรสุดๆ ท่าทางประจบประแจงสุดขีด
     “อะไรครับ มองหน้าพี่ทำไมครับ”
     แน่ะ มาทำเสียงทะเล้นกวนผมอีกแล้ว
     “ไม่ปล่อยโอกาสให้พลาดเลยนะครับ”
     “นั่นลูกค้าพี่นะต้น จะให้พี่นั่งเฉยๆ ปล่อยแกเดินผ่านแล้วคิดว่าพี่หยิ่งไม่ทักทายแกรึไง”
     “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ”
     “แต่สีหน้าเรามันบอกพี่อยู่นี่นา”
     “บอกอะไรครับ ผมยังไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย”
     “ก็หน้าเรามันกำลังด่าพี่ว่าตอแหลอยู่นี่ไง ฮ่าๆ”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับเอามือมาบีบจมูกผม โอ๊ย! ผมยิ่งคัดจมูกอยู่ แกล้งมาได้ แต่เพราะผมไม่อยากทำอะไรให้มันเสื่อมเสียภาพลักษณ์ผมกับพี่ชัชแถวนี้เลยได้แต่ประท้วงเบาๆ แล้วก็เขวี้ยงค้อนให้วงโต
     “พี่ชัชบ้า!”
     “งอนๆ หึๆ”
     ผมนั่งรออยู่ครู่ใหญ่ก็ถึงคิวของผมครับ พยาบาลเรียกผมไปชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงด้วย ผมจะสูงขึ้นอีกกี่เซ็นต์น้า ... และแล้วผมก็ต้องเซ็งเมื่อรู้ว่าผมยังสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบสามเซ็นติเมตรเหมือนเดิม ... ผมจะยี่สิบอยู่แล้วแต่ยังไม่เกินร้อยเจ็ดสิบห้าซักที ผมจะมีหวังมั้ยครับเนี่ย? แม็กซ์สูงตั้งร้อยแปดสิบสามแล้วแท้ๆ แถมผมยังน้ำหนักไม่เพิ่มขึ้นเลยอีกต่างหาก ห้าสิบหกกิโล ผมผอมไปรึเปล่านะ?
     พอผมเดินเข้าห้องตรวจพี่ชัชก็ตามผมเข้ามาด้วย แทนที่หมอจะทักอาการผมก็เลยกลายเป็นหันไปคุยกับพี่ชัชแทน
     “มาไงเนี่ยคุณ”
     “น้องผมไม่สบายครับ”
     “น้องคุณเป็นไรมาล่ะ?”
     “มีไข้ตัวร้อน กับน้ำมูกครับ เจ็บคอด้วยนิดหน่อย ใช่มั้ยต้น?”
     “ครับ”
     “ไหนหมอขอดูหน่อย”
     แล้วผมก็ถูกหมอตรวจซักที คุณหมอฟังปอดกับหัวใจผมแล้วก็สั่งให้ผมอ้าปาก
     “อืม คอไม่แดงมาก พยายามพักผ่อนเยอะๆ ล่ะ คุณก็ปล่อยน้องเขาพักบ้างนะ อย่าหักโหม”
     “หมอไม่ต้องห่วงเรื่องในครอบครัวผมหรอกครับ เอาเวลาไปหาเมียให้ตัวเองก่อนเห้อ”
     พอผมได้ยินพี่ชัชคุยกับหมอผมก็ตกใจหันไปถลึงตาใส่พี่ชัชทันที ผมส่งสายตาไปถามพี่ชัชว่าทำไมถึงพูดกับหมอแบบนั้น!
     “ไม่ต้องตกใจต้น ไอ้หมอนี่น่ะ รุ่นเดียวกับพี่ ตอนนี้เป็นลูกค้ากิติมศักดิ์ให้พี่พาไปรับรองบ่อยๆ”
     “บ่อยที่ไหนกันคุณ อย่าๆ อย่าเอาผมไปอ้าง คุณไปกับใครเปล่า ไม่ใช่ผมนา... แอบหนีไปเองรึเปล่า ฮ่าๆ”
     เอ๊ะ! ตกลงเรื่องนี้มันยังไงกันละครับ? จากสายตาตกใจเมื่อตะกี้ผมเลยเปลี่ยนเป็นสายตาคาดคั้นแทน
     “อ้าวๆ เวรละ เรื่องอะไรมาทำครอบครัวคนอื่นร้าวฉาน”
     “ฮ่าๆ กลัวเมียนี่หว่า”
     ผมควรจะทำสีหน้าแบบไหนดีครับ? หมอเขาช่าง .... ผมนั่งอยู่ตรงนี้แท้ๆ ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าหมอบางคนก็ก๊วนกวนขนาดนี้!
     แล้วหมอเขาก็สั่งยาให้ผม พี่ชัชคุยเรื่องงานกับหมออีกนิดหน่อยแล้วก็พาผมออกมานั่งรอด้านนอก ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินให้ ตอนที่ผมนั่งรอเรียกรับยาอยู่ด้วยกัน ผมอดถามพี่ชัชไม่ได้
     “เรื่องอะไรพี่ชัชถึงไปพูดไม่ดีกับหมอเขาแบบนั้นละครับ”
     “พี่เริ่มก่อนที่ไหน มันหาเรื่องกวนพี่ก่อนต้นก็เห็น”
     “แต่ถ้าใครมาได้ยินเข้าละครับ...”
     “ก็ตอนนั้นไม่มีนี่ต้น ไม่งั้นมันคงไม่ปากเสียใส่พี่หรอก เอาน่าๆ มันกับพี่อ่ะรุ่นเดียวกัน มันติดหนี้พี่อยู่ แซวกันแค่นี้มันไม่ถือหรอก”
     “หนี้?”
     “ก็... นิดหน่อยน่ะ เอาเป็นว่าที่พี่ซิ่วส่วนนึงก็เพราะพวกมัน แล้วที่สำคัญ ตอนนี้พี่ทำงานอาชีพนี้ พี่กับมันยิ่งเหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า กวนตีนกันแค่นี้นิดหน่อย มีหมอไม่กี่คนหรอกที่พี่แซวเล่นแบบนี้ นอกนั้นพี่ก็เป็นอย่างที่ต้นเห็นนั่นแหละ”
     “เพราะแบบนี้รึเปล่าครับ ถึงพาผมมาที่นี่ด้วย”
     เอาผมมาบังหน้าเพื่อทำงานชัดๆ พี่ชัชบ้า!
     “เปล๊า! เพราะพี่เป็นห่วงไม่อยากให้เราไปโรงพยาบาลเองคนเดียวต่างหาก เลยพาเรามาด้วย ปกติเราเข้าแต่เอกชนเพราะมันสะดวกกว่าใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้าเทียบระหว่างพี่ปล่อยให้ต้นไปเองคนเดียวกับพามาใกล้ตัว นั่งอยู่ด้วยกันแบบนี้ แบบหลังพี่อุ่นใจกว่าครับ ยังไงพี่ก็ต้องทำงานแถวนี้อยู่แล้ว แล้วพี่ก็รู้วิธีที่ทำให้ต้นไม่ต้องนั่งรอเป็นวันด้วย ต้นจะได้เปลี่ยนบรรยากาศยังไงละครับ”
     พี่ชัชยิ้มให้ผมอีกแล้ว สายตาของพี่ชัชมองผมอย่างอ่อนโยน พี่เขาลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น
     “คนเราน่ะ บางคนก็เจ็บป่วยด้วยโรคทางกายอย่างที่ต้นเห็น โรคพวกนี้บางทีรักษาได้ บางทีก็รักษาไม่ได้ ทำได้แค่บรรเทาอาการ คนไข้ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันนะครับ ต้นเห็นคุณป้าที่เป็นมะเร็งคนนั้นมั้ย”
     พี่ชัชเรียกให้ผมหันไปมองคุณป้าคนนึง แกสวมหมวกไหมพรมถักครับ แต่ไม่มีผมแพลมออกมา ผมเดาเอาว่าแกน่าจะผมร่วงจนเกือบหมดศีรษะ แถมตามตัวตามใบหน้ายังดูไหม้ดำ เป็นปื้นสีคล้ำๆ อีก น่ากลัวจังเลยครับ ผลข้างเคียงของการรักษาโรคมะเร็งมันน่ากลัวจริงๆ ด้วย แต่ทั้งๆ ที่เป็นอย่างนั้นป้าแกกลับนั่งคุยกับคนไข้คนข้างๆ อย่างร่าเริง
     “ถึงแม้ร่างกายป้าแกจะทุกข์ขนาดไหนแต่ป้าแกก็ยังยิ้มสู้อยู่กับโรคร้ายอย่างมีความสุขนะครับ ถ้าใจเราโอเค เรื่องทางกายก็เป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว แต่ถ้าใจเราไม่โอเค ร่างกายเราก็จะยิ่งย่ำแย่นะครับ ทั้งๆ ที่โรคทางใจรักษาได้ง่ายจะตายแต่บางทีเรากลับเอาชนะความทุกข์ในใจได้ยากเหลือเกิน ตอนที่พี่ปวดใจพี่ก็ได้ต้นมารักษา ตอนนี้ ต้นไม่สบาย พี่อยากให้ต้นรู้ว่าต้นยังมีพี่เป็นกำลังใจให้นะครับ”
     ผมรู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก ต้องเป็นไปป์แน่ๆ เลยครับ ไปป์จอมพูดมาก!
     “ไปป์บอกอะไรพี่ชัชเหรอครับ”
     “เปล่านี่ พี่ก็แค่เดาเอา ก็ใครไม่รู้หยิบซาแนกซ์พี่กิน เมียพี่ไม่ได้โง่จนแยกพารากับยาคลายเครียดไม่ออกนี่ครับ”
     “ผมขอโทษครับพี่ชัช”
     ผมได้แต่พยายามกลั้นน้ำตาของตัวเอง คนอื่นต้องกำลังมองผมอยู่แน่ๆ ผมพยายามหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาของตัวเอง แต่ผมคัดจมูกจังเลยครับ จากเดิมที่ผมหายใจไม่ค่อยออกอยู่แล้วเพราะน้ำมูกคราวนี้มันแย่ยิ่งกว่าเก่าอีก พี่ชัชลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะดึงผมให้เอนไปซบไหล่พี่เขา ผมอายสายตาคนอื่นๆ เลยแค่เอาหน้าผากแปะไว้กับต้นแขนพี่เขาแทนแล้วหันหน้าหนีจากสายตาคนอื่นก่อนจะพยายามสยบอารมณ์ของตัวเองลง
     “ทีหลังมีอะไรก็บอกพี่นะครับ อย่าทำแบบนี้อีกรู้มั้ย ยาบางอย่างก็มีโทษนะครับ พี่ไม่อยากให้เราเป็นอันตราย”
     “ครับ”
     “ขี้แยจริงๆ เลยเรา”
     พี่ชัชขยี้หัวของผมก่อนจะยิ้มกว้างพร้อมส่งเสียงหัวเราะในคอ ผมนั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองได้อีกไม่นานก็มีเสียงเรียกชื่อผมดังขึ้น พี่ชัชจูงมือผมไปรับยาด้วยกัน แล้วมันก็วนเข้าลูปเดิมๆ พี่ชัชคุยกับเภสัชกรในห้องจ่ายยา แต่ผมไม่ได้สนใจว่าพี่ชัชคุยอะไรเพราะว่าผมกำลังพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองอยู่ ถ้าผมไม่มีพี่ชัชอยู่ข้างๆ ผมคงแย่กว่านี้ ... ความจริงต่อให้พี่ชัชไม่บอกให้ผมหยุด วันนี้ผมก็อยากจะหยุดเรียนอยู่แล้วละครับ เมษบอกว่าผมชอบหนีปัญหา ก็ผมไม่รู้จะเผชิญหน้ากับปัญหายังไงนี่นา! แค่คิดว่าถ้าวันนี้ผมไปเรียนแล้วผมจะต้องเจอกับสายตาแบบไหนผมก็... เครียดแล้ว ถึงเมื่อวานเพื่อนคนอื่นๆ จะให้กำลังใจผมก็เถอะ แต่ผมทำแบบนั้นลงไป... พี่เบียร์ต้องโกรธผมแน่ๆ แล้วไหนจะยังพวกรุ่นพี่กับรุ่นน้องอีก ผมเครียดนะครับ ผมเครียดจนแอบปิดโทรศัพท์มือถือเลยแหละ!
     พอรับยาเสร็จพี่ชัชก็พาผมไปนั่งรอที่หน้าห้องตรวจใกล้กับแผนกที่พี่เขาต้องไปพบลูกค้า พี่ชัชบอกว่าต้องรอพบหมอแถวๆ นี้ แต่แถวที่พี่เขาจะไปนั้นไม่มีเก้าอี้ ให้ผมนั่งตรงนี้ดีกว่า แล้วก็สั่งให้ผมนั่งรอ แถมยังบอกผมว่าอาจจะนานหน่อย ผมก็เลยนั่งรอพี่ชัชพลางดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย มีผู้แทนแบบพี่ชัชเดินผ่านไปเยอะเหมือนกันแฮะ ผมเห็นบางคนก็จับกลุ่มเม้ากันด้วยแหละครับ
     คือผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะ แต่เขามานั่งคุยกันใกล้ๆ ผมเอง แล้วก็บังเอิญว่าเขาเม้าถึงแฟนผมซะด้วยสิ ท่าทางพี่ชัชจะมีเส้นสายดีจริงๆ เพราะผมเห็นพวกเธอคุยเรื่องสัมนาอะไรซักอย่างแล้วบอกว่าหมอคนโน้นคนนี้ก็ไป ประมาณว่าฝีมือแฟนผมไปจิกมาได้ทำนองนั้นแหละครับ แล้วก็บังเอิญจริงๆ ที่พี่ชัชเดินกลับมาพอดีในมือพี่ชัชมีแก้วเครื่องดื่มที่ใส่วิปครีมจนน่าทานอยู่ด้วย ผมรู้ทันทีว่านั่นน่ะ ของผม! แต่พอพวกผู้แทนกลุ่มเมื่อตะกี้เห็นพี่ชัชละก็ จากที่จับกลุ่มเม้าก็เปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนเสียงหวานดัดจริตพุ่งเข้าไปหาแฟนผมทันทีครับ “พี่ชัชขา” แหวะ!
     ผมอดไม่ได้ที่จะเผลอทำหน้าบึ้ง พอพี่ชัชเห็นผมทำหน้าบึ้งพี่เขาก็เลยแอบหน้าซีดนิดหน่อย แต่ก็ยังคงยืนเม้าอยู่กับสาวๆ สองคนนั้น เรื่องที่คุยก็เป็นเรื่องงานนั่นแหละครับ แต่ผมก็อดหมั่นไส้คาแรคเตอร์แฟนผมไม่ได้ ทำไมต้องทำตัวเฟรนด์ลี่อัธยาศัยดีขนาดนั้นด้วยนะ ทั้งน้ำเสียงทั้งท่าทางทำอย่างกับจะจีบเขางั้นแหละ ผมหึงนะ! คุยกันซักพักยัยสองคนนั้นก็ไป พี่ชัชเดินตรงมาทางผมแล้วก็ยื่นแก้วโกโก้ปั่นให้
     “พี่กลัวต้นเบื่อ เลยไปซื้อมาให้ นั่งทานไอ้นี่รอพี่ไปก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวกลางวันพี่พาไปกินข้าวอร่อยๆ นะ”
     “ละลายหมดแล้วมั้งครับ”
     ถึงจะประชดแบบนั้นแต่ผมก็ยังยื่นมือออกไปรับ
     “หึงเหรอครับ”
     อย่ามาถามผมด้วยน้ำเสียงดีใจแบบนี้นะ พี่ชัชบ้า!
     “ไม่หึงมั้งครับ ต่อหน้าต่อตา”
     ผมดูดโกโก้ปั่นในแก้วโดยไม่หันไปสบตากับพี่ชัช ก็... งอนนิดหน่อยนี่ครับ
     “หึๆ”
     “อื้อ!”
     พี่ชัชหยิกแก้มผม! พี่เขาแกล้งผมอีกแล้ว พอผมหันไปมองเอาเรื่องพี่เขากลับชิงหนีไปซะงั้น
     “พี่ไปทำงานก่อนนะครับ รอพี่แถวนี้นะ เดี๋ยวพี่มา”
     พี่ชัชบ้า!

     พี่ชัชไปทำงานได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วครับ เที่ยงหน่อยๆ แล้วด้วย ผมเบื่อจังเลย แต่ถึงเบื่อขนาดไหนผมก็ยังไม่กล้าเปิดโทรศัพท์ครับ ผมก็เลยไม่กล้าลุกไปไหนกลัวพี่ชัชกลับมาแล้วไม่เจอผม ผมก็เลยอดทนนั่งรอพี่ชัชมองโน่นมองนี่ฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผมเห็นผู้หญิงคนนึงเดินผ่านมา
     “พี่ฟ่าง!”
     “อ้าวต้น! มาได้ยังไงนี่?”
     พี่ฟ่างหันหลังกลับมาแล้วเห็นผมพี่เขาก็ยิ้มแล้วโบกมือให้ผมด้วยความดีใจ ผมเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มจนแก้มปริ ก็ผมไม่ได้เจอพี่ฟ่างตั้งนานแล้วนี่นา พี่เขาเดินตรงมาหาผมแล้วเอ่ยทักทายอย่างสนิทสนม
     “ผมไม่สบายครับ พี่ชัชเลยพาผมมาหาหมอ”
     “อ้าว แล้วชัชล่ะ? ทำไมปล่อยให้เรานั่งอยู่คนเดียวแบบนี้”
     “เอ่อ... พี่ชัชขอตัวไปทำงานแป็บนึงน่ะครับ พี่เขาบอกให้ผมรออยู่ตรงนี้”
     “ใช้ได้ที่ไหนกัน! ชัชนี่แบบนี้ทุกทีเลย แต่อ๊ะ.. พี่ก็ต้องไปทำงานด้วยเหมือนกัน... ขอพี่ไปพบหมออีกแป็บเดียวนะจ้ะ แล้วเดี๋ยวพี่มาหาเรานะ จะได้ไปหาอะไรกินกัน”
     “ครับ งั้นผมนั่งรออยู่ตรงนี้นะครับ คือ... โทรศัพท์ผมแบตหมดน่ะครับ”
     “ได้เลยจ้ะ แป็บเดียว ไม่นานหรอก เดี๋ยวพี่มานะ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     ถ้าถามว่าในชีวิตนี้ผมเคยทำรถไฟชนกันมั้ย ผมตอบอย่างไม่อายเลยว่า มีครับ แถมบางครั้งก็จบไม่สวยด้วย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็พยายามฝึกสกิลสลับรางของตัวเองให้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก จนกระทั่งผมคบกับฟ่างอย่างจริงจัง ผมก็เลิกกับกิ๊กคนอื่นๆ หมด ถึงจะคุยเล่นบ้าง เจอบ้าง ตามประสาที่กิ๊กบางคนก็อยู่ในแวดวงการงานของผม แต่ผมไม่เคยมีอะไรมากไปกว่านั้นครับ เพราะเกือบทุกคนพอใจที่ความสัมพันธ์ทางร่างกายอยู่แล้ว เขาไม่ได้กับผมก็ไปกับคนอื่นได้ครับ ผมเลยไม่เคยทำรถไฟตกรางหรือประสานงานกันให้ฟ่างจับได้ ยิ่งการที่ฟ่างทำงานในแวดวงเดียวกัน ฟ่างเลยมีหูตาสัปปะรดไว้คอยรายงานข่าวตลอด ผมเลยไม่ค่อยอยากเสี่ยงทำตัวเองครับ แต่โชคดีที่ฟ่างเข้าใจหน้าที่การงานของผม เราเลยมีปัญหากันน้อย จะมีบ้างก็แค่เวลาที่คุณเธองอนๆ ให้ผมไปง้อเอาใจเธอเล่นตามปกติ
     แต่ตอนที่ผมเดินกลับมาหาต้น ผมไม่คิดจริงๆ นะว่าผมจะเห็นภาพเมียใหม่กับเมียเก่าตัวเองนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน ต้นมันหัวเราะไปยิ้มไปคุยกับฟ่างท่าทางสนุกเชียว เรื่องที่ฟ่างพูดมากน่ะผมรู้ แต่ภาพที่ไอ้ต้นนั่งเม้าแบบนี้ผมไม่เคยเห็นครับ! จะว่าไปถึงผมจะพอรู้กลายๆ ว่าต้นกับฟ่างสนิทกันแต่ผมก็ไม่เคยเห็นสองคนนี้ตอนอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้ผมเห็นแล้วครับ บอกได้คำเดียวเลยว่าเสียวสันหลังโคตร! ผมต้องทำใจอยู่ตั้งนานกว่าจะกล้าก้าวขาเดินออกไป
     “มาซะที ชัชอ่ะ หายไปไหนมาตั้งนานปล่อยต้นไว้คนเดียวได้ยังไง!”
     อื้อหือ มาแล้วดอกที่หนึ่ง!
     “สะ สองชั่วโมงเองจ้ะฟ่าง แล้วนี่มาได้ยังไงครับ”
     ผมแอบหันไปมองไอ้ต้น ทีงี้ล่ะทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมไม่รู้ไม่ชี้เชียวนะเอ็ง ไม่ช่วยพี่เล้ย!
     “ก็ฟ่างวิ่งเขตนี้นี่นา ชัชลืมไปแล้วรึไง”
     “ขอ ขอโทษคร้าบ”
     ไอ้ครั้นผมจะใช้มุกอ้อนๆ มากก็ไม่ได้ ถึงจะรู้ว่าทำแล้วเมียเก่าหายโกรธก็เถอะครับ แต่เมียใหม่ผมดันนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยอ่ะดิ! ผมรู้สึกจุกๆ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกยังไงก็ไม่รู้
     “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ฟ่าง ก็พี่ชัชต้องไปทำงานนี่นา ผมไม่ได้เป็นอะไรมากด้วย ก็นั่งมองอะไรไปเรื่อยๆ เพลินดีครับ”
     “นี่เห็นมั้ย ต้นเป็นเด็กดีมากเลยนะ ชัชนั่นแหละ ไม่ยอมดูแลต้นให้ดี ปล่อยให้ต้นไม่สบายหนักขนาดนี้เลย”
     หือ? ไหงผมรู้สึกเหมือนถูกรุมยังไงก็ไม่รู้ครับ อ้าวๆ ไอ้ต้น! มีแอบยิ้มทำสีหน้าสะใจหน่อยๆ ด้วย อย่าคิดว่าพี่ไม่เห็นเชียวนะน้อง ถึงจะแค่แว๊บเดียวแต่พี่ก็ทันเห็นเราสมน้ำหน้าพี่นะครับ รอก่อนเถอะ เดี๋ยวกลับคอนโดแล้วพี่มีเอาคืนแน่!
     “ชัชนี่ไม่ได้เรื่องเลย เรื่องที่ฟ่างฝากคุ๊กกี้ไปให้ต้นเมื่อวานชัชก็ลืมใช่มั้ย?”
     เออจริงด้วย! ชิบหายละ! ผมจะแก้ตัวว่าอะไรดีวะ....
     “ก็... ก็เมื่อวานต้นไม่สบายมากนี่ครับ ชัชก็เลยยังไม่ได้เอาให้”
     “ยังกินไม่ได้แต่ก็บอกได้นี่ ชัชไม่ยอมบอกต้นว่าชัชมาเจอฟ่างแล้วฟ่างก็ฝากของไปให้”
     แม่คุณเอ้ย! เห็นเมียนอนป่วยขนาดนั้นผมจะคิดอะไรออกละครับ! ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรไอ้ต้นซักหน่อย ก็... ก็คนมันลืมนี่หว่า มัวแต่ห่วงไอ้ต้น
     “พี่ฟ่างอย่าไปว่าพี่ชัชเลยครับ เมื่อวานผมไม่ค่อยสบายจริงๆ หลับเกือบตลอดเวลา พี่ชัชเลยยังไม่มีโอกาสบอกผมมั้งครับ”
     “ต้นน่ารักที่สุดเลย!”
     เมียเก่าผมกำลังลวนลามแก้มเมียใหม่ผม ส่วนเมียใหม่ผมก็นั่งยิ้มหวานปล่อยให้เมียเก่าผมลูบๆ คลำๆ ทีกับพี่ล่ะมาทำชักสีหน้าใส่ ต้นนะต้น เดี๋ยวคืนนี้มีจัดหนักแน่ครับ
     “จะ”
     ผมพูดอะไรไม่ออกครับ ได้แต่ยิ้ม แม่งอยากร้องไห้ชิบเป๋ง! แล้วสองคนนั้นเขาก็เข้าโหมดเม้ามอยกันต่อครับ ผมก็เลยได้แต่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ จนกระทั่งจู่ๆ ฟ่างก็เสนอความคิดขึ้นมา
     “อ๊ะจริงด้วย! อุตส่าเจอกันทั้งทีไปกินข้าวด้วยกันดีกว่า ไปทานข้าวด้วยกันนะต้น ทานไปคุยไปก็ได้ นี่ก็เที่ยงแล้วด้วย ใกล้ๆ นี้มีร้าน S&P ด้วยแหละ ต้นชอบเฟรปเป้ใช่มั้ยล่ะ ที่นั่นมีเยอะนะ พวกเยลลี่ผลไม้ปั่นกับครีมก็อร่อยมากเลย”
     “อืม แต่พี่ฟ่างสะดวกเหรอครับ แล้วพี่ไม่ต้องทำงานต่อเหรอ?”
     ไอ้ต้นมันถามด้วยท่าทางเกรงใจ แต่สายตามันนี่เต็มไปด้วยความหวังสุดๆ
     “โอ๊ย! กว่าหมออีกคนจะเลิกก็อีกนานเลยจ้ะ ไปนั่งคุยกันที่นั่นดีกว่า”
     “ถ้าพี่ฟ่างว่าแบบนั้นผมก็ตามใจพี่ฟ่างครับ”
     “ต้องแบบนี้สิจ้ะ น่ารักที่สุด!”
     ยัยฟ่างหยิกแก้มต้นด้วยท่าทางคุ้นเคย ส่วนต้นก็ยิ้มรับท่าทางสดใส ทีผมทำอ่ะ แม่งทำมาเป็นงอน เออดีว่ะ เมียเก่ากับเมียใหม่ผม สามัคคีกันดีโคตร! ว่าแต่มีใครจะหันมาถามผมซักคำมั้ยว่าผมสะดวกรึเปล่า?
     “ชัช ฟ่างจะพาต้นไปกินข้าวด้วยกัน ชัชไปกับพวกเราด้วยนะ”
     อื้อหือ ใช้คำว่า“พวกเรา”เลยเหรอจ้ะคนสวย นี่ตกลงผมเป็นส่วนเกินตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? ผมหันไปมองหน้าไอ้ต้น มันมองช้อนตามาอ้อนผมด้วยท่าทางอยากสุดๆ นี่มันอยากไปกินข้าวกับแฟนเก่าผมมากกว่ากลับคอนโดพักผ่อนกับผัวสองต่อสองอีกเหรอเนี่ย?
     “พี่ชัชสะดวกรึเปล่าครับ หรือต้องไปทำงานที่อื่นต่อ”
     “อ๊ะจริงด้วย! ชัชต้องไปไหนต่อรึเปล่าคะ?”
     ทีงี้อ่ะเพิ่งหันมาสนใจผม เฮิร์ทครับ กิ๊กเก่าเมินแถมเมียไม่รัก แต่อย่างผมจะทำไรด๊าย!
     “ชัชว่างครับ ตามใจฟ่างกับต้นเลย”
     ผมได้แต่ยิ้มรับไปงั้น แล้วก็เดินตามไอ้ต้นกับฟ่างไปร้านอาหารในโรงพยาบาล เฮ้อ....

     ถึงจะบอกว่านั่งคุยกัน แต่ก็เป็นยัยฟ่างเม้าคนเดียวซะเป็นส่วนมาก ต้นมันมักจะคอยหัวเราะหรือส่งเสียงเออออซะมากกว่า แต่ท่าทางที่มันนั่งฟังฟ่างพูดตาแป๋วนี่สิ ดูก็รู้ว่ามีความสุขขนาดหนัก เพราะผมเห็นมันนั่งอมยิ้มตลอดเวลา มีถามบ้างนิดหน่อย แต่เรื่องที่มันจะเป็นฝ่ายพูดเองนี่น้อยยิ่งกว่าน้อย ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นผมนั่งคุยกับฟ่างแทนต้นไปซะงั้น พวกเราสามคนนั่งคุยกันอยู่จนคนเริ่มแน่นร้านเพราะช่วงเที่ยงพอดี อาหารบนโต๊ะก็ถูกจัดการไปหมดแล้ว ผมเลยชวนต้นกลับคอนโด เพราะฟ่างเองก็ต้องไปทำงานต่อด้วย ไอ้ต้นมีสีหน้าเสียดายนิดหน่อยแต่ก็ยอมผม บอกตามตรงผมอยากให้มันกลับไปพักผ่อนครับ ผมเรียกเด็กเสิร์ฟมาคิดเงิน แต่พอผมควักเงินออกมาจะจ่าย ยัยฟ่างก็ปฏิเสธผมซะงั้น บอกจะเลี้ยงฉลองให้ต้นล่วงหน้า
     “ให้ชัชเลี้ยงนะฟ่าง”
     “อ๊ะ ไม่เป็นไรค่ะ มื้อนี้ให้ฟ่างเลี้ยงดีกว่า ฟ่างอยากเลี้ยงข้าวต้น ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
     “แต่ชัชก็อยู่ด้วยนะ ผู้ชายให้ผู้หญิงเลี้ยงน่าเกลียดตายเลย”
     “สุภาพบุรุษเสมอเลยนะคะ ชัชเนี่ย”
     ฟ่างชมผมด้วยสีหน้าพอใจ พอได้เห็นสายตาปลาบปลื้มในตัวผมแบบนี้ผมก็อดไม่ได้นะที่จะเก็กนิดๆ หน่อยๆ ยอมรับครับว่าลืมตัว
     “มันแน่อยู่แล้วครับ สำหรับคนสวยๆ แบบฟ่าง”
     “ชัชอ่ะ ต่อหน้าต้นแท้ๆ”
     ในใจผมอ่ะ คิดว่า “เออว่ะ ชิบหายแล้ว” แต่ปากผมพูดออกไปไม่ได้หรอกครับ ศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่ เลยต้องเก็กแล้วเล่นต่อไปตามบท ทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้
     “ก็ฟ่างสวยจริงนี่ ไม่เชื่อถามต้นดูได้ เนอะ?”
     “ครับ”
     ไอ้ต้นมันก็ครับของมันไปตามสไตล์ แต่ผมก็สังเกตนะ สีหน้ามันหมองๆ ลงนิดนึง เวรเอ้ย! ผมพลาดอีกแล้ว
     “เพื่อนชัชสวยจริงๆ นี่น่า นิสัยก็น่ารัก นานๆ จะได้เจอกันให้ชัชเป็นเจ้ามือนะครับ เกิดชัชไม่เลี้ยงฟ่างสิ ต้นมันโกรธตายเลย มันจะหาว่าชัชงกกับพี่สาวคนสวยของมันเอา”
     พอได้ยินผมพูด ฟ่างก็มีสีหน้าถูกใจขึ้นมา ดีนะครับที่ผมตอแหลเก่งพอตัว เลยพลิกลิ้นได้ ฟ่างไม่ได้แหวอะไรใส่ผมอีก ส่วนต้นมันก็ยิ้มไปตามเรื่อง ผมเลยจ่ายเงินค่าอาหารแล้วก็บอกลากับฟ่าง ตอนที่ผมกับต้นเดินกลับรถนี่แหละ แม่งมันเงียบไปเลยอ่ะ ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยคว้ามือมันมาจับ มันหันมามองตาผมนิดหน่อยแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร ผมเลยเดินจับมือมันเงียบๆ ไปจนถึงรถ ไม่ชอบเวลาที่ต้นมันเงียบแบบนี้เลยครับ ผมทำตัวไม่ถูกอ่ะ
     จนกระทั่งขับรถออกมาได้ซักพักผมก็ทนไม่ไหว เลยหาเรื่องชวนมันคุย
     “เย็นนี้เราหาซื้ออะไรกลับไปทานกันดีมั้ย ต้นดูเหนื่อยๆ จะได้ไม่ต้องทำกับข้าว”
     “ผมยังไงก็ได้ครับ”
     “งั้นเราแวะหน้าปากซอยก็แล้วกันเนอะ หรือต้นอยากกินไรเป็นพิเศษเปล่าครับ?”
     “ไม่มีครับ ผมยังอิ่มข้าวกลางวันอยู่เลย คิดไม่ออกหรอก”
     มันก็คุยตอบผมนะ แต่น้ำเสียงนี่สิ ฟังดูแปร่งๆ ยังไงก็ไม่รู้ ผมเลยตัดสินใจถามมันไปตรงๆ
     “ต้นโกรธอะไรพี่รึเปล่าครับ?”
     “ผมไม่มีสิทธิ์โกรธอะไรพี่ชัชหรอกครับ”
     ต้นมันหลุดปากสวนผมออกมาทันที นั่นไง ผมว่าแล้ว เฮ้อ...
     “งั้นเราน้อยใจอะไรพี่รึเปล่า? ไม่พอใจอะไรบอกพี่ได้นะครับคนดี”
     “ผมเปล่าครับ ไม่ได้เป็นอะไร”
     มันพูดด้วยเสียงห้วนๆ แต่น้ำเสียงสะบัดๆ ตอนท้ายประโยคนั่นก็ทำให้ผมอ่อนใจ มันจะโกหกผมไปทำไมกัน เพราะแบบนั้นผมก็เลยเอื้อมมือไปกุมมือของมันไว้ โชคดีนะครับที่ผมบังคับพวงมาลัยมือเดียวได้
     “ต้น.... อย่าโกหกพี่สิครับ พี่แคร์เรานะ”
     ผมยกมือมันขึ้นมาแนบอก แต่ต้นมันกลับสะบัดออกแล้วบอกผมให้ขับรถดีๆ แทนซะงั้น
     “พี่ชัชขับรถอยู่ อย่าเล่นแบบนี้สิครับ!”
     “พี่ไม่ได้เล่น พี่แคร์เราจริงๆ นะ มีอะไรก็บอกพี่มาตรงๆ สิครับ”
     “ผมไม่มีอะไรไม่พอใจพี่ชัชจริงๆ ครับ มันก็แค่... แค่มีอะไรบางอย่างรบกวนจิตใจผมนิดหน่อยก็แค่นั้น”
     “ก็แล้วมันเรื่องอะไรละครับ ต้นไม่บอกพี่แล้วพี่จะรู้มั้ย ลองบอกพี่มาสิครับ”
     “ผมไม่อยากรู้แล้วนี่ครับ ผมกลัว...”
     มันเป็นอะไรของมันวะเนี่ย? ผมชักงงแล้วนะ ผมอยากจะจอดรถแล้วจับมันมาคุยกันให้รู้เรื่องรู้ราวซะเดี๋ยวนั้นเลยจริงๆ
     “ต้นไม่อยากบอกพี่ก็ตามใจนะครับ แต่พี่อยากให้ต้นรู้ไว้ว่าเวลาที่เราไม่สบายใจแบบนี้ พี่ก็กังวลตามเราไปด้วยนะครับ”
     มันทำสีหน้าคล้ายคนจะร้องไห้นิดหน่อย แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร ผมก็เลยขับรถกลับคอนโดเงียบๆ ด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย เกลียดเวลาที่มันไม่พูดไม่จาแบบนี้ชะมัดเลยครับ จนกระทั่งเราใกล้ถึงคอนโดนั่นแหละ ผมจอดรถแวะซื้อกับข้าวหน้าปากซอย ต้นมันก็ลงมาซื้อข้าวเย็นกับผม พอซื้อเสร็จเราก็ตรงกลับคอนโด จนกระทั่งขึ้นมาถึงบนห้อง มันก็ขอตัวไปนอนพัก ผมเกลียดบรรยากาศอึดอัดแบบนี้เป็นบ้าเลย มันไม่ยอมพูดอะไรเลยซักอย่าง!
     ระหว่างเราไม่เชิงว่าเงียบหรอกครับ ต้นมันยังถามตอบกับผมตามปกติ แต่บรรยากาศอึมครึมบางอย่างมันลอยตัวมาครอบคลุมเราสองคนเอาไว้จนผมอึดอัด ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยปล่อยให้มันไปหลับพักซักงีบ ตื่นมาจะได้สดชื่น อาจจะรู้สึกดีกว่านี้ก็ได้ครับ ขอผมเคลียร์งานตัวเองก่อนก็แล้วกัน
     ไอ้ต้นหลับยาวจนเกือบสี่โมง ผมก็เลยไปปลุกมันให้ตื่น กลัวมันปวดหัวหนักไปกันใหญ่ครับ นอนตอนผีตากผ้าอ้อมนี่มันไม่ดีนะครับ แต่ตอนที่ผมเดินเข้าห้องนอนไปปลุกมันนั่นแหละ ผมถึงได้เห็นว่ามันไม่ได้หลับ ไอ้ที่เห็นหายเข้าห้องเงียบๆ นี่มันไม่ได้หลับครับ มันนอนน้ำตาไหลสูดจมูกซืดๆ อยู่ซะงั้น
     “ร้องไห้ทำไมครับเนี่ย?”
     พอมันหันมาเห็นผมก็ตกใจรีบเอามือป้ายน้ำตาทิ้งใหญ่เชียว ไอ้ต้นมันสั่นหัวรัวๆ ปฏิเสธผม แม่งเอ้ย! ยังจะโกหกพี่อีก เห็นคาตาแท้ๆ
     “เป็นอะไรก็บอกพี่มาสิครับ ต้นไม่พูดพี่ก็ไม่รู้หรอกนะครับ”
     ผมชักยั๊วะแล้วครับ มันเป็นอะไรของมันอีกเนี่ย ดราม่าได้โล่!
     “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”
     “ไม่มีอะไรได้ไง เรานอนร้องไห้ขนาดนี้ เครียดเรื่องเพื่อนรึไงครับ?”
     “ไม่ใช่หรอกครับ ผม... ผมไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยผมไว้ซักพักเดี๋ยวผมก็รู้สึกดีขึ้นเองครับ พี่ชัชไม่ต้องใส่ใจผมก็ได้”
     “ไม่ใส่ใจได้ยังไงละครับ ต้นเป็นเมียพี่นะ พี่ไม่ได้แย่ขนาดเห็นแฟนตัวเองร้องไห้แล้วยังเฉยอยู่ได้นะครับ”
     “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้พี่ชัชรู้สึกไม่ดี ผม...”
     “เอาอีกแล้วต้น!”
     ผมเผลอตวาดเสียงดังจนต้นมันสะดุ้ง ท่าทางหวาดกลัวของมันทำให้ผมรู้สึกผิด ผมเอ่ยปลอบลูกแกะน้อยของผม
     “เป็นอะไรก็บอกมาสิครับ อย่าโกหกพี่แบบนี้ได้มั้ย”
     แฟนผมดื้อจริงๆ เลย เพราะแบบนั้นผมเลยจับคนดื้อมากอดแนบอก ต้นมันซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดผมแถมยังกอดผมไว้ซะแน่นเลย มันเป็นอะไรของมันวะ? ผมเลยลูบหลังมันไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปซักพักนั่นแหละ มันถึงได้อ้าปาก
     “พี่ชัชครับ?”
     “หืม?”
     “พี่ชัชยังรักพี่ฟ่างอยู่ใช่มั้ยครับ?”
     ผมอึ้งไปสามวิ!
     “ทำไมถึงถามพี่แบบนั้นละครับ”
     “พี่ชัชยังรักพี่ฟ่างอยู่จริงๆ ใช่มั้ยครับ”
     “พี่รักต้นนะครับ เราเป็นแฟนกัน ต้นไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
     ผมตัดสินใจบอกมันไปแบบนั้น ผมไม่อยากโกหกมัน แล้วผมก็ขี้เกียจตอบปฏิเสธด้วย แต่ถ้าจะให้ยอมรับกันตรงๆ ผมก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจมัน เรื่องนี้ผมผิดเอง ผมนึกว่ามันจะแค่งอนที่ผมพูดจาขี้หลีใส่ฟ่าง แต่ใครจะไปนึก ไอ้ต้นมันคิดกังวลลึกซึ้งมากไปกว่านั้น
     “แล้วถ้าพี่ฟ่างขอกลับมาคืนดีกับพี่ชัช พี่ชัชจะทำยังไงครับ”
     “ฟ่างไม่มีทางกลับมาคบกับพี่หรอกต้น เลิกคิดมากเรื่องนี้เถอะ”
     ผมรู้ตัวนะว่าผมมันเลว ผมตัดบทไอ้ต้นได้เหี้ยมาก แต่ผมไม่กล้าตอบมันไปตามความจริงนี่หว่า
     “พี่ชัชยังรักพี่ฟ่างอยู่จริงๆ ด้วย พี่ฟ่างเป็นผู้หญิงสวย นิสัยดี แล้วก็น่ารักมากๆ ผมเทียบกับพี่ฟ่างไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”
     “แล้วคนสวยคนนั้นเขาเอาพี่มั้ยล่ะ? คนที่อยู่กับพี่ตอนนี้ก็คือต้นไม่ใช่เหรอครับ แค่เราสองคนรักกันก็พอแล้วนี่ ต้นไม่เห็นจะต้องคิดมากเลย”
     “งั้นพี่ชัชก็ตอบผมมาก่อนสิครับ ถ้าพี่ฟ่างกลับมาขอคืนดีพี่ชัชจะ... พี่ชัชจะกลับไปคบกับพี่ฟ่างมั้ย”
     โอย มันจะมาคาดคั้นอะไรเอากับผมวะเนี่ย ถ้าผมพูดเพื่อให้มันสบายใจ มันก็คงด่าว่าผมโกหก พอผมพูดความจริง เดี๋ยวมันก็คิดมากอีก พอผมไม่พูด ก็เสือกมาคาดคั้น เวรเอ้ย!
     เฮ้อ....
     “ให้พี่ทิ้งต้นแล้วกลับไปคบกับแฟนเก่าเหรอครับ? ต้นเห็นพี่เป็นอะไร พี่ไม่เหี้ยขนาดนั้นนะครับ โอเคพี่ยอมรับว่าพี่ยังรักฟ่างอยู่ แต่คนเราก็มีอดีตได้ทุกคนไม่ใช่เหรอต้น พี่แค่ยังมีความรู้สึกดีๆ ให้กับคนที่พี่เคยรักก็เท่านั้นเอง มันไม่ได้หมายความว่าพี่จะเลิกรักเราหรือรักเราน้อยลงไปนะครับ”
     นั่นไง น้ำตาร่วงแล้ว เฮ้อ เวรเอ้ย! ช่วงนี้เมียผมเมนส์มาชัวร์!
     “ต้นจะคิดมากไปทำไม ตอนนี้พี่คบกับเราอยู่นะครับ พี่รักเรามากนะ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก”
     “แต่อนาคตมันไม่แน่ไม่นอนนี่ครับ ผมกลัว ผมไม่อยาก... ฮึก
     เมียผมเข้าโหมดสูญเสียความมั่นใจอีกแล้ว ไอ้เด็กขาดความอบอุ่นเอ้ย! ชอบสติแตกคิดแต่ว่าไม่มีใครรัก
     “พี่ไม่มีวันทิ้งเราหรอกครับ แค่ต้นยิ้มหวานๆ ให้พี่ๆ ก็ไปไหนไม่รอดแล้ว พี่เป็นคนมีความรับผิดชอบนะครับ พี่เลือกต้นแล้วพี่ไม่ทำอะไรทรยศเราหรอก จะดีจะชั่วพี่ก็ตั้งใจว่าจะอยู่กับเราไปจนตายนั่นแหละ ยิ่งยัยฟ่างยิ่งแล้วใหญ่ พี่ยอมรับนะครับว่าพี่เคยรักฟ่างมาก จนถึงตอนนี้พี่ก็ยังรู้สึกดีๆ กับเขาอยู่ เพราะฟ่างเป็นผู้หญิงคนเดียวที่พี่เคยอยากได้มาเป็นแม่ของลูก แต่ต้นก็เห็น พี่กับฟ่างไปกันไม่รอด พี่คิดว่าพี่รู้แล้วว่าคนที่เหมาะสมกับพี่ที่สุดคือใคร พี่กับเขาจบกันแล้ว ตอนนี้มีแต่เราครับ ต้นจะเอาคนอื่นเข้ามาทำให้ตัวเองกังวลทำไม ฟ่างเองก็ไม่ได้จะมารีเทิร์นกับพี่ซะหน่อย อย่ากลัวสิครับ”
     “แต่พี่ฟ่างกับพี่ชัชเหมาะสมกันมากนี่ครับ ผมสู้อะไรพี่ฟ่างไม่ได้เลย ถ้าพี่ฟ่างอยากกลับมาคืนดีกับพี่ชัชผมคง...”
     “แล้วเราจะหลีกทางให้ยัยฟ่างงั้นเหรอ? ถ้าต้นทำแบบนั้นพี่โกรธจริงๆ ด้วยนะครับ ต้นไม่รักพี่รึไง?”
     “งั้นก็ตอบผมมาก่อนสิครับพี่ชัช ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจริงๆ พี่ชัชจะเลือกใคร”
     สายตาของมันโหยหาความรักต้องการความมั่นใจจากผมสุดๆ ผมไม่เข้าใจหรอกครับ ไอ้เรื่อง“ระหว่าง...กับ... คุณจะเลือกใคร”เนี่ย ทำไมผู้หญิงถึงได้ชอบตั้งคำถามไร้สาระแบบนี้ชะมัดเลย แต่ท่าทางน่าสงสารกลัวจะโดนทิ้งชอบคิดว่าไม่มีใครรักของเมียผมนี่มันทำเอาหัวใจผมอ่อนยวบเลย ไอ้ต้นมันสมควรจะรักตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก มันควรจะมองเห็นคุณค่าในตัวมันเองซะบ้าง คนที่มีปัญหาแบบนี้ผมบอกได้เลยถ้าเกิดอะไรขึ้นแนวโน้มสูงแน่ๆ ครับ แค่นึกถึงซาแนกซ์ในถังขยะขึ้นมาผมก็กลัวแล้ว ผมจะทำให้มันมั่นใจในตัวผมได้ยังไง มันมีดีเกินพอที่จะรั้งผมไว้กับมันด้วยซ้ำ
     “พี่เลือกเราครับ ถึงแม้ว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ แล้วพี่จะดีใจมากก็เถอะ แต่พี่ก็ยังจะเลือกคบเราต่อไปครับ พี่รู้ตัวแล้วว่าพี่กับฟ่างเราไปกันไม่ได้ คนที่เข้ากับพี่ได้ดีที่สุดก็คือต้นนะครับ แล้วพี่ก็ไม่ใช่ผู้ชายโลเลด้วย ถึงพี่จะเจ้าชู้แต่เวลาพี่รักใครพี่รักจริง ต้นสบายใจได้เลยพี่ไม่มีวันทิ้งต้นหรอก เมียพี่ทั้งแสนดีทั้งน่ารักขนาดนี้พี่ไปไหนไม่รอดหรอกครับ”
     ผมพรมจูบมันไปทั่วทั้งใบหน้า จูบซับน้ำตาให้มัน จูบเสร็จแล้วก็ลูบหลังปลอบมัน ต้นมันกอดผมซะแน่น ต้นมันรักผมมากขนาดนี้แล้วผมจะทิ้งมันลงได้ยังไง ผมไม่คิดว่าจะมีใครที่รักผมได้มากไปกว่ามันแล้วล่ะ มันขยำเสื้อเชิ้ตของผมเอาไว้แล้วก็ซุกหน้าลงกับอกผม เสียงสะอื้นไห้สลับกับเสียงสูดหายใจและไอค่อกแค่ก ต้นมันร้องไห้เหมือนเด็ก ผมกอดมันอยู่นานจนกระทั่งมันเริ่มสงบ และแล้วเสียงสะอื้นเบาๆ ในห้องค่อยๆ หายไป เจ้าหญิงของผมเลิกงอแงแล้ว
     “หายนอยด์ยังครับคนดี ร้องไห้สองวันติดตาบวมแย่”
     ผมดึงมันให้ผละออกจากอกผม ตาของมันบวมช้ำเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ต้นมันมองหน้าผมแล้วก็พูดขอโทษ
     “ขอโทษครับ”
     “ขอโทษพี่อีกแล้ว ต้นจะโทษตัวเองทำไม พี่ต่างหากที่ผิด ต่อไปนี้พี่จะรักต้นให้มากๆ นะครับ ต้นจะได้มั่นใจไม่คิดมากแบบนี้อีก พี่จะทำให้เรารู้ว่าพี่รักเรามากขนาดไหน และพี่ขอสัญญาว่าพี่จะมีแต่เราคนเดียวตลอดไป”
     “ขอบคุณนะครับพี่ชัช”
     ในที่สุดมันก็ยิ้มซะที เด็กเลี้ยงแกะของผมกลับมายิ้มได้แล้ว
     “... ขอโทษนะครับ วันนี้ผมทำตัวไม่น่ารักเลย ผม... ผมนึกอิจฉาพี่ฟ่าง”
     “หึๆ อิจฉาไปเถอะ พี่จะได้รู้ว่าเรารักพี่มากแค่ไหนยังไงละครับ แต่ต้นต้องสัญญากับพี่นะครับว่าต่อไปนี้ต้นจะไม่คิดมากมองว่าตัวเองไม่มีค่าแบบนี้อีก ต้นเป็นคนที่เห็นคุณค่าในตัวพี่นะครับ แค่ต้นรักผู้ชายไม่ได้เรื่องคนนี้พี่ก็ดีใจแล้ว พี่ไม่มีวันทิ้งต้นหรอก”
     “ผมรักพี่ชัชครับ”
     “พี่ก็รักเรานะครับ รักมากด้วย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



บางอารมณ์ผู้ชายก็ไม่เข้าใจมนุษย์เมนส์ แต่น้องต้นไม่ใช่มนุษย์เมนส์ ฮีเป็นมนุษย์ดราม่า  :L3:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     “เมื่อวานปิดโทรศัพท์ทำไม”
     “แบทมันหมดน่ะ พอดีพี่ชัชพาเราไปหาหมอ เราไม่สบาย”
     แม็กซ์มองหน้าผมเหมือนจะจับผิด สีหน้าของแม็กซ์บอกให้รู้ว่าเขาไม่เชื่อที่ผมพูด แต่ก็ไม่คิดจะซักไซ้ผม
     “เออ งั้นก็แล้วไป รู้มั้ยว่าคนเขาเป็นห่วง”
     “แล้วนี่แม็กซ์มาได้ยังไงน่ะ?”
     ผมแปลกใจนะ วันนี้พอผมมาถึงมหาวิทยาลัยก็เจอแม็กซ์มาดักรอผมอยู่ซะงั้น แม็กซ์มาหาผมตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมง!
     “มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ไม่เจอ ใครก็ไม่รู้ปิดโทรศัพท์ คิดบ้างมั้ยว่าคนเขาเป็นห่วง มีอะไรทำไมไม่บอกแม็กซ์ ถ้าไอ้อาร์มมันไม่โทรไปส่งข่าว ต้นก็จะไม่บอกแม็กซ์ใช่มั้ย”
     “ขอโทษนะ ... เรา...”
     “ช่างเหอะ ต้นไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ละตกลงไม่สบายเป็นอะไร?”
     แม็กซ์ตัดบทเหมือนไม่ใส่ใจก่อนจะจับมือของผมไว้แล้วดึงให้ผมเดินไปทางตึกภาคด้วยกัน ผมพยายามจะดึงมือออก แต่แม็กซ์กลับหันมาจ้องตากับผมซะงั้น สายตาของแม็กซ์จริงจังจนผมค้านอะไรไม่ได้
     “แค่หวัดน่า”
     “เออ ดูแลสุขภาพด้วยล่ะ ละนี่กินไรตอนเช้ายัง?”
     “เรียบร้อยแล้วล่ะ แล้วแม็กซ์ล่ะ มาได้ไง เช้าขนาดนี้ไม่มีเรียนเหรอ”
     “มานอนกับไอ้อาร์มตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อวานแม็กซ์มาหาต้นแต่ไม่เจอ พอไปถามเพื่อนต้น เขาบอกต้นหยุด เลยมาหาวันนี้แทน”
     “เราไม่เป็นไรแล้ว แม็กซ์ไปเรียนเถอะ”
     “ไม่ วันนี้แม็กซ์จะอยู่กับต้นทั้งวัน”
     “ได้ไง แม็กซ์ก็มีเรียนไม่ใช่เหรอ”
     “โดดดิ แม็กซ์ไม่ปล่อยเพื่อนแม็กซ์ไว้คนเดียวหรอก”
     แม็กซ์กำข้อมือของผมซะแน่น ผมถูกแม็กซ์ลากไปโดยขัดขืนไม่ได้ ระหว่างทางมีคนมองมาที่พวกเราพอสมควร ผมอดไม่ได้ที่จะกลัวสายตาคนรอบข้าง ยิ่งพอเดินมาถึงตึกภาค ผมก็ยิ่งกลัวสายตาคนรู้จัก ผม...
     “ต้นมาแล้ว มาๆ แก หายยัง?”
     โชคดีที่แม้จะเช้าแต่ผมยังมีเพื่อนร่วมแก๊งของผมอยู่ ป่านที่หันมาเห็นผมร้องทักขึ้น การต้อนรับจากเพื่อนทำให้ผมรู้สึกดี
     “แหม มีอัศวินตามมาคุ้มครองด้วยอ่ะ”
     ป่านแซวแม็กซ์! ผมกลัวจังเลยครับ แต่แม็กซ์กลับยิ้มแล้วทักทายป่านซะงั้น แม็กซ์ดึงให้ผมเดินไปนั่งกับป่าน นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
     “หายยังแก ตกลงหมอบอกว่าเป็นอะไรอ่ะ?”
     “เป็นหวัดนั่นแหละ”
     “ดีละแกที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ละเมื่อวานชั้นโทรหาแกทั้งวันเลย ไม่มีใครโทรติดเลยอ่ะ นี่ดีนะไอ้ไปป์มันมีเบอร์แฟนแก คนอื่นเขาเป็นห่วงนะแก”
     พออยู่กับป่าน ผมกับแม็กซ์ก็ไม่มีโอกาสได้พูดหรอกครับ ป่านเหมาคนเดียวเกือบหมด นี่ดีนะครับที่เมย์ยังไม่มา ว่าแต่ท้ายประโยคนั่น ไปป์มีเบอร์พี่ชัชตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วไหนจะยังแม็กซ์กับป่านอีก สองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน? ผมมองแม็กซ์ที่ทำตัวเนียนกลมกลืนคุยกับป่านแล้วรู้สึกหมั่นไส้ตะหงิดๆ สมกับเป็นเพลย์บอยเก่าเข้ากับผู้หญิงได้ทุกแบบ!
     จนกระทั่งเพื่อนคนอื่นๆ เริ่มมากันเกือบครบ เพื่อนๆ ในภาคไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ละคนพากันถามถึงอาการป่วยของผมแทน ... ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่สายตาของคนอื่นๆ ก็ยังเฝ้ามองผมอยู่ ผมก็รู้ตัวนะครับว่าผมผิด ผมไม่ควรพูดแบบนั้นกับพี่เบียร์ ... ผม ...
     “ต้น... เหม่ออะไรอีกแล้ว”
     แม็กซ์เรียกผมให้ตื่นจากภวังค์
     “อย่าคิดมากน่า”
     “เออแก ไม่ต้องคิดมากหรอก คนไทยลืมง่ายจะตาย เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนเรื่องเม้า ปล่อยมันพูดกันไปซักพักเดี๋ยวก็ลืม”
     “ใช่แล้วต้น เทียบกันแล้วต้นเป็นฝ่ายถูกเห็นๆ”
     “พอเถอะเมย์ พวกเราตกลงกันแล้วไง”
     พวกเขาตกลงอะไรกันเหรอครับ? คำพูดของแก้วทำให้ผมงง ผมหันไปขอความเห็นจากแม็กซ์ แต่แม็กซ์ก็ดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเหมือนกัน จนกระทั่งแก๊งผมมากันครบคน ไปป์จอมสาย มาเอาได้เวลาเฉียดฉิวทุกที! เพราะพวกเราต้องไปขึ้นเรียน ผมเลยหันมามองแม็กซ์
     “แม็กซ์จะไม่ไปเรียนจริงๆ เหรอ?”
     “แม็กซ์ไม่สบายใจ ให้แม็กซ์อยู่เป็นเพื่อนต้นนะ”
     “สบายใจได้คร้าบ แถวนี้เพื่อนต้นเยอะแยะ”
     ไปป์! ผมล่ะอยากจะหาอะไรมาอุดปากนักเชียว เดี๋ยวแม็กซ์ก็มีของขึ้นหรอก ผมเห็นแม็กซ์หันไปมองไปป์ด้วยสายตาอำมหิต เล่นเอาไปป์หงอเลยครับ ไม่ได้เห็นนานแล้วเหมือนกันนะเนี่ย แม็กซ์ภาคแบดบอยแบบนี้
     “อุ่ย... สงสัยจะไม่ขำ มุกนี้ไม่ผ่าน เข้าห้องเรียนดีกว่า นายจะไปกะเรามั้ย P1”
     “แกไอ้งี่เง่า! นายอย่าไปถือสามันเลยนะ ไอ้นี่มันก็นิสัยเด็กๆ แบบนี้แหละ ต้นพวกเราเข้าห้องก่อนนะ”
     ผมพยักหน้าให้ป่าน แล้วหันมาพยายามส่งสายตาปลอบอารมณ์แม็กซ์ต่อ
     “แม็กซ์... อย่าถือสาไปป์เลยนะ”
     “แม็กซ์ไม่สนใจไอ้เด็กขี้อวดแบบนั้นหรอก แม็กซ์สนแต่ต้นเท่านั้นแหละ”
     “เด็กขี้อวด?”
     แม็กซ์ยิ้มให้ผมก่อนจะเล่าด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
     “ก็เมื่อวานแม็กซ์มาหาต้นแต่ไม่เจอ โทรก็ไม่ติด ไอ้อาร์มก็ถามข่าวต้นจากใครไม่ได้ เพื่อนต้นทุกคนเป็นห่วงต้นกันหมด แต่แล้วเพื่อนขี้อวดของต้นคนเมื่อกี้ก็บอกว่าแฟนต้นพาต้นไปหาหมอ ต้นไม่เป็นไรหรอก แถมยังอวดว่าถ้าไม่เชื่อจะโทรหาให้ดู แล้วมันก็โทรหาแฟนต้นโชว์ บอกว่าต้นอยู่โรงพยาบาล แบบนั้นถ้าไม่เรียกว่าไอ้เด็กขี้อวดก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว”
     พอผมฟังจบแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ไปป์นะไปป์ เกินเยียวยาแล้วจริงๆ
     “พูดไรไม่ออกเลยรึไง?”
     “อื้อ เราไม่คิดว่าไปป์จะเด็กขนาดนี้ พี่ชัชก็อีกคน ไม่บอกเราเลยว่าไปป์โทรหา”
     “ก็ต้นอยากปิดโทรศัพท์หนีเองทำไม แต่ก็เพราะเพื่อนต้นปัญญาอ่อนแบบนี้ละมั้ง แฟนต้นถึงไม่หวง ลองเป็นแม็กซ์ดิ”
     “บ้า! ไปป์ไม่ได้ปัญญาอ่อนซะหน่อย พูดเกินไปละนะ”
     “หึ ฮ่าๆ คร้าบๆ เพื่อนต้นไม่ได้ปัญญาอ่อน แค่ชอบทำตัวเหมือนเด็ก ฮ่าๆ”
     “พอเลยๆ กวนละเนี่ย เราเข้าเรียนละนะ”
     “คร้าบ วันนี้ครึ่งวันใช่มั้ยล่ะ เสร็จแล้วแม็กซ์จะพาไปกินโจ๊กเจ้าอร่อยนะ”
     “อื้อ แต่ต้องรีบกลับนะ เราอยากกลับไปนอนพักผ่อน”
     “ได้เลยไม่มีปัญหา”
     แล้วผมก็เดินเข้าห้องเรียนมาทันได้ยินเสียงแจ๋วๆ ของไปป์
     “ไม่ช่าย ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แฟนต้นซักหน่อย”
     ไปป์ที่ถูกเพื่อนคนอื่นๆ ในห้องรุมล้อมกำลังตอบปฏิเสธเสียงดังฟังชัด
     “นั่นไง! ต้นมาแล้ว ทำไมไม่ถามต้นเองล่ะ?”
     สีหน้าของแต่ละคนแปลกๆ พิกลครับ บางคนดูแตกตื่นเหมือนเพิ่งกระทำความผิด บางคนก็ดูลุกลี้ลุกลนแต่ก็มองมาทางผมด้วยความสงสัย ตอนแรกผมไม่อยากจะสนใจนะ แต่พอนึกถึงเรื่องที่พวกเขาอุตส่าห์ทำเพื่อผมเมื่อวันก่อนผมก็อดซึ้งใจไม่ได้ ผมเลยเดินเข้าไปหาพวกเขา
     “มีอะไรกันเหรอ?”
     แล้วก็เป็นวินที่ถามขึ้น
     “ต้น คนนั้นอ่ะ แฟนมึงเหรอ?”
     “ไม่ใช่ซะหน่อย เรากับแม็กซ์เป็นเพื่อนกัน”
     “เห็นมะบอกแล้วไม่เชื่อ”
     ผมอดหมั่นไส้ไปป์ที่ทำพยักพเยิดคางลอยหน้าลอยตาใส่คนอื่นไม่ได้ เสียงไปป์ฟังดูยะโสอวดดีมากเลยครับ
     “เพื่อนที่ไหนจะมาเฝ้ากันขนาดนี้วะ เมื่อก่อนก็มารับมึงออกบ่อย มันไม่รู้เหรอว่ามึงมีแฟนแล้ว”
     พอผมเปิดปาก ก็มีอีกหลายเสียงตามมาสัมภาษณ์ ผมไม่ได้อยากมานั่งเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังซะหน่อย เพราะแบบนี้แหละผมถึงได้ไม่ชอบพูดอะไรตั้งแต่แรก เบื่อพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจังเลยครับ
     “นั่นสิวะ หรือมึงไม่รู้ตัวว่าโดนจีบอยู่?”
     แล้วผมควรจะตอบยังไงดีครับ? เรื่องของผมกับแม็กซ์มันซับซ้อนนี่นา
     “พวกมึงก็ไปกดดันต้นมัน อาจารย์จะเข้าอยู่แล้ว เลิกเสือกกันได้ละ”
     “ขอบใจนะยศ ... อืม ... แม็กซ์เขารู้อยู่แล้วแหละว่าเรามีแฟนแล้ว เขาก็ไม่ได้อะไรกับเราแล้วล่ะตอนนี้ ก็แค่ไปกินข้าว เที่ยว ซ้อมดนตรีด้วยกันบ้างบางครั้งประสาเพื่อน ไม่มีอะไรหรอก”
     ตอบๆ ไปดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องมานั่งเล่าอะไรอีก
     “ละแฟนมึงไม่ว่าเอาเหรอวะ?”
     “ไม่นี่ เราแค่ไปไหนมาไหนกับเพื่อน”
     “ละมึงไม่รู้ตัวเหรอ ว่าเพื่อนมึงยังชอบมึงอยู่ ขนาดกูเป็นคนนอกกูยังดูรู้เลย”
     “แล้วจะให้เราทำยังไงล่ะ! เลิกคบกับเพื่อนทุกคนที่แอบชอบเราเหรอ? แม็กซ์เขาก็ไม่ได้หวังอะไรจากเราแล้ว ก็เฉยๆ นี่”
     “ไม่หวังแต่โคตรหวง! มึงนี่ใจร้ายโคตรๆ เลยว่ะ กูอยากเห็นแฟนมึงชะมัด หล่อ รวย แสนดีขนาดนี้ยังจีบมึงไม่ติด มึงนี่เรื่องมากโคตร”
     เรื่องอะไรมาว่าผมแบบนี้นะ! เหอะ แสนดี! พวกนี้ยังไม่เคยเห็นแม็กซ์บ้าเลือดซักหน่อย ตอนที่แม็กซ์ของขึ้นห่างไกลกับคำว่าแสนดีลิบลับเลยครับ ด้านเกรียนๆ ของแม็กซ์รับรองว่าเลวไม่แพ้ใครแน่ๆ แต่แล้วคำพูดของไปป์ก็ทำผมตกใจ
     “อยากเห็นเหรอ? เรามีรูป เอาเปล่า?”
     ไปป์พูดพร้อมกับกดโทรศัพท์ อย่าบอกนะว่า!
     “ไปป์!”
     ไปป์หันมามองผมตาใสแป๋ว นายจะหน้าเป็นเกินไปแล้ว! คิดว่าทำหน้าแบ๊วใส่ผมแล้วจะรอดงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!
     “อย่าบอกนะว่านายแอบถ่ายรูปจากในอัลบั้มเรามา!”
     “เราเปล่านะต้น เราขออนุญาตแฟนนายแล้วนะ นี่ไง รูปคู่ด้วยเห็นป่ะ?”
     แล้วไปป์ก็ส่งโทรศัพท์มาให้ผมดู ภาพที่ผมเห็นนั้นเป็นภาพแฟนผมเอง พี่ชัชกำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับไปป์ที่กำลังยิ้มแฉ่ง ผมกดลบรูปทันทีครับ ไปป์ชักจะตามติดผมเป็นลูกเจี๊ยบเกินไปแล้ว
     “เง้อ ต้นอ๊า!”
     “พอเลย อาจารย์จะเข้าแล้ว ไปนั่งที่”
     และแล้วผมก็ลากไปป์ไปนั่งที่ พร้อมกับยึดโทรศัพท์ของไปป์เอาไว้ คอยดูนะผมจะลบภาพของผมกับพี่ชัชให้เกลี้ยงเลย!
     “ต้นใจร้ายอ่า”

     ตอนกลางวัน พอผมเรียนเสร็จ ผมก็ขอตัวกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม เพราะนัดแม็กซ์เอาไว้ แต่พอผมเดินออกมาก็เจอเข้ากับพี่เปาและพี่ทิงมารอผมอยู่ ผมเลยบอกแม็กซ์ให้รอผมซักครู่แล้วเดินไปหาพี่ๆ ทั้งสอง
     “พี่ๆ มีอะไรรึเปล่าครับ”
     “พี่เป็นห่วงเราน่ะสิต้น เราไม่เป็นไรนะ”
     ผมยิ้มให้พี่ทิง เพราะแบบนี้แหละผมถึงชอบพี่ทิงได้โดยง่าย พี่ทิงเป็นคนตรงๆ แบบนี้แหละครับ เรื่องอะไรที่ผมไม่สบายใจพี่เขาก็จะไม่ถามซอกแซกด้วย พี่ทิงไม่เคยใช้คำพูดที่ทำให้ผมไม่สบายใจเลยซักครั้ง เป็นผู้ชายที่แมนมากๆ เลยล่ะครับ
     ผมไม่เคยเชื่อในมิตรภาพมาก่อน และมักจะไหลไปกับกระแสสังคม รวมกลุ่มกับคนที่ต้องทำอะไรร่วมกัน เลือกอยู่กับคนที่เอื้อประโยชน์ต่อผมมากที่สุด ... เพราะผมตั้งใจอาศัยแม็กซ์เป็นเกราะกำบังให้ ผมถึงได้เอาตัวเองไปสนิทกับแม็กซ์ กับเพื่อนที่นี่ก็เหมือนกัน ผมก็แค่เลือกคบเลือกคุยกับคนกลุ่มที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด ส่วนเมษ... ก็เป็นเพราะผมกับเมษเรามีเหตุบังเอิญให้ได้สนิทกัน เมษเข้ามาช่วยเหลือผมในวันที่ผมท้อแท้ที่สุด ผมอดนับถือความเข้มแข็งที่แผ่ออกมาจากตัวเมษไม่ได้ คงเพราะผมอ่อนแอ...
     แต่กับพี่ทิง มันแปลกมากครับ ผมได้คุยกับพี่ทิงในกลุ่มแชทที่พี่เปาลากผมไปเข้ากลุ่ม แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรมากแค่รับรู้ว่าพี่เขาอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับผมอีกหนึ่งคน จนกระทั่งได้มาเจอตัวจริงกันตอนเปิดเทอม เพราะพี่ทิงสนิทกับพี่เปามาก พวกเราเลยได้คุยกันมากขึ้น แล้วจู่ๆ วันนึงพี่ทิงแกก็บอกว่าแกจะรับผมเป็นน้องชาย ผมยังแปลกใจเลยครับ เกือบหัวเราะแน่ะ! ยังคิดอยู่เลยว่าสงสัยแกจะบ้านิยายกำลังภายในมากเกินไป แต่แกทำอย่างที่พูดจริงๆ ครับ แกปฏิบัติกับผมเหมือนผมเป็นน้องชายแกจริงๆ แกไม่แคร์เรื่องที่ว่าผมเป็นอะไร เป็นใครมาจากไหน บุคลิคห้าวๆ ของแกทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีพี่ชายที่พร้อมจะปกป้องน้องไม่ได้เรื่องอย่างผม พี่ทิงทำให้ผมรู้สึกสนิทใจเห็นเขาเป็นพี่ชายได้ไม่ยาก ผมชอบแกนะ
     “ครับ ผมไม่เป็นอะไร ขอบคุณพี่ทิงกับพี่เปามากนะครับ อุตส่าห์มาหาผมถึงที่นี่ แล้วก็ข้อความให้กำลังใจพวกนั้นด้วย ผมอ่านแล้วครับ”
     สีหน้าพี่ทิงผ่อนคลายทันทีที่ได้ยิน
     “ดีแล้วขอรับ แล้วนี่ท่านต้นบอกอาจารย์ต้นตระการรึยังขอรับ?”
     “เอ่อ... ต้องบอกด้วยเหรอครับ”
     “ไปให้ท่านเห็นหน้าหน่อยก็ดีนะขอรับ ท่านจะได้รู้ว่าไม่เป็นไรแล้วจริงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ท่านเป็นห่วงมากนะขอรับ”
     “เขาลือกันไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอครับ...”
     “รู้ไปถึงถาปัดแบบที่พี่ไม่ต้องโทรมาถามเปาเลยล่ะต้น”
     ผมชาวาบไปทั้งตัวเพราะคำตอบของพี่ทิง!
     “เขาพูดกันว่าไงครับ?”
     “ช่างปากคนเถอะ พี่บอกพวกมันไปแล้วว่าน้องพี่ไม่ใช่คนแบบนั้น”
     “ผม..... เข้มแข็งแล้วครับ ผมแค่อยากรู้ว่าคนอื่นเขาพูดถึงผมว่ายังไง”
     พี่ทิงมีสีหน้าลำบากใจอยู่ครู่นึงก่อนจะยอมแพ้ให้กับความดื้อของผม
     “ต้นแย่งแฟนรุ่นพี่ ผู้ชายมันติดใจ ได้หลังลืมหน้า”
     ผมแค้นจนเผลอกำหมัดแน่น ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ พี่ทิงเอื้อมมือมาตบไหล่ผมเบาๆ เสียงแม็กซ์ดังขึ้น
     “ต้นเป็นไรรึเปล่า?”
     “ไม่เป็นไรหรอก เราโอเค แค่... ได้ยินข่าวงี่เง่านิดหน่อยน่ะ”
     ผมหันไปบอกแม็กซ์แบบนั้นเพื่อลดสายตาเป็นศัตรูระหว่างแม็กซ์กับพี่ๆ ที่ผมเคารพ
     “เออแม็กซ์ นี่พี่เปากับพี่ทิง รุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยของเราเอง พี่ๆ เขาเป็นเพื่อนในเน็ทกับหลานเราน่ะ ก็เลยสนิทกัน พี่เปา พี่ทิงครับ นี่แม็กซ์ เพื่อนสนิทผมตั้งแต่สมัยมัธยม”
     พี่ทิงกับแม็กซ์พยักหน้าให้กัน มีแต่พี่เปาที่ส่งเสียงตอบรับ
     “โอ้ ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ”
     ผมเห็นแม็กซ์ผงะไปนิดหน่อย เลยแอบขำนิดๆ อยู่กับพี่เปาแล้วไม่มีเครียดจริงๆ สิน่า
     “เออ... ดี”
     ช่างหัวข่าวเม้าบัดซบนั่นก็แล้วกันครับ ผมแก้ไขอะไรไม่ได้นี่ ผมควรจะแก้ปัญหาในจุดที่ผมทำได้ก็พอ
     “อืม แม็กซ์... นายรีบรึเปล่า?”
     “ไม่หรอก ตามใจต้นแหละ อยากกลับไปพักผ่อนเร็วๆ ไม่ใช่เหรอ”
     “คือ... เราว่าเราจะไปหาพ่อก่อนน่ะ”
     ผมพูดพลางเหลือบไปมองพี่เปา พี่เขายิ้มให้ผมราวกับจะบอกว่าผมทำถูกต้องแล้ว ส่วนแม็กซ์ก็หรี่ตาลงมองพี่สองคนนั้นอย่างใช้ความคิด
     “เราไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นพวกพี่ไปกินข้าวก่อนนะ ทีหลังหัดส่งข่าวให้คนอื่นเขารู้บ้าง มีคนเป็นห่วงเราอยู่ตั้งเยอะ อย่าเงียบหายไปแบบนี้อีกนะ”
     ผมถูกพี่ทิงดุด้วยล่ะ แต่ผมรู้สึกอบอุ่นยังไงก็ไม่รู้ครับ แก้มของผมมันเลยยกขึ้นเองอย่างอัตโนมัติ อยู่กับพี่สองคนนี้แล้วผมยิ้มบ่อยจริงๆ สิน่า
     “ขอโทษครับพี่”
     “เออ ไปเว้ยเปา!”
     พี่ทิงตบบ่าผมก่อนจะหันไปชวนพี่เปาแยกไป
     “กระผมไปนะขอรับ”
     พี่เปายิ้มให้ผมก่อนจะเดินจากไปกับพี่ทิง แม็กซ์หันมามองหน้าผม
     “อะไร?”
     “ต้นไปคบคนแปลกๆ แบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
     “ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย”
     “โอตาคุเนี่ยนะ?”
     “อย่ามาว่าพี่เรานะ! แม็กซ์ก็อ่านการ์ตูนไม่ใช่เหรอ?”
     “แม็กซ์อ่านการ์ตูน แต่แม็กซ์ไม่ได้บ้าแบบนั้น”
     “แม็กซ์!”
     ผมเผลอตวาดแม็กซ์ดังลั่น! เวลาอยู่กับแม็กซ์ทีไร ผมลืมระวังตัวทุกที แต่ถ้าเป็นแม็กซ์น่ะไม่เป็นไรหรอกครับ แม็กซ์ไม่โกรธผมหรอก แล้วนี่แม็กซ์ก็เป็นฝ่ายผิดด้วย ใครใช้ให้เขามาว่าพี่ผมก่อนล่ะ!
     “โอเคๆ แม็กซ์ผิดเอง”
     “แค่คนเราต่างจากคนอื่นๆ นิดหน่อย แต่ถ้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่ผิดอะไรไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องโดนมองว่าแปลกด้วย”
     คงเพราะน้ำเสียงของผม แม็กซ์ถึงได้รับรู้อารมณ์ของผมได้โดยง่าย แม็กซ์กุมมือของผมไว้แล้วบีบเบาๆ ก่อนจะปลอบ
     “ขอโทษ แม็กซ์ไม่ได้ตั้งใจ”
     “อือ”
     “แล้วรู้จักกันได้ไงอ่ะ รู้จักพ่อต้นด้วย”
     “ก็... ตามที่บอกนั่นแหละ สงสัยหลานเราจะพูดมาก แล้วก็อย่างที่เห็น ทั้งๆ ที่เขารู้ แต่เขาก็ยังคุยกับเราเห็นเราเป็นคนปกติ”
     “หลานแฟนต้นนี่ท่าจะซ่าว่ะ เป็นหลานแม็กซ์นะ มีเตะไม่เลี้ยงอ่ะ”
     “บ้า! อย่ามาใช้ความรุนแรงกับหลานคนอื่นเขานะ”
     “ฮ่าๆ”
     “ต้น พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
     ระหว่างที่ผมกำลังยิ้มกับแม็กซ์ด้วยความสบายใจ เสียงของพี่เบียร์ก็ทำให้ผมสะดุ้ง ผมแข็งไปทั้งตัว และเมื่อผมหันกลับมาก็เห็นพี่เบียร์กับพี่แอนอยู่ตรงหน้าผม แถมใกล้ๆ กันนั้นยังมีแก๊งผมยืนลุ้นให้กำลังใจกันครบทั้งห้าคน ไม่รวมเพื่อนคนอื่นๆ ในภาคที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านยืนรอลุ้นเพียบเลยครับ ผมอยากหนีจากสถานการณ์ตรงนี้จัง เลยอดไม่ได้ที่จะหันไปมองแม็กซ์ แม็กซ์เลยเคลื่อนตัวมาด้านหน้าแล้วบังผมไว้
     “มีไร?”
     เสียงของแม็กซ์ห้วนจัง แต่ให้ผมเผชิญหน้าเองผมก็ไม่อยากนี่ครับ แค่จะมองหน้าพี่เบียร์ผมยังไม่กล้าเลย ได้แต่เสมองพื้นไปเรื่อย
     พี่เบียร์เห็นอาการของผมแล้วก็ถอนหายใจซะดัง ท่าทางของพี่เบียร์ทำให้ผมรู้สึกผิด ...
     “พี่เบียร์มีอะไรรึเปล่าครับ?”
     ผมอ้าปากค้นหาเสียงของตัวเองเจอจนได้
     ผมส่งเสียงถามออกไปแต่ก็ยังไม่ยอมขยับออกจากจุดเดิมด้านหลังแม็กซ์ แต่ผมก็สังเกตได้ว่าพี่เบียร์มีสีหน้าที่ดีขึ้น
     “พี่พาแอนมาขอโทษเรา เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความผิดของพี่กับแฟนเอง ขอโทษที่ทำให้เราต้องเดือดร้อนนะ”
     จะให้ผมตอบว่าอะไรดีครับ? จะให้ผมตอบว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่โกรธ” ผมก็พูดไม่ลง ผมโกรธครับ โกรธมากด้วย จะตอบว่า “ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ผมไม่ถือ” ก็เท่ากับผมโกหก เพราะเรื่องงี่เง่านี่ทำให้ผมเสียหายสุดๆ แต่ในระหว่างที่ผมกำลังชั่งใจว่าควรจะตอบออกไปแบบไหนดี
     “นี่กูพลาดช็อตเด็ดอะไรไปอีกป่ะวะ?”
     “สัสอาร์ม!”
     “เหี้ย! ด่ากูทำไม กูทำไรผิด?”
     ผมควรจะตบมุกดีมั้ยว่า “นายทำวินาทีที่คนอื่นกำลังรอลุ้นอยู่พังทลาย” ผมนับหนึ่งสองสามตั้งสติในใจพลางคิดหาคำตอบ
     “อ้าวต้น? ทำหน้าแบบนั้นใส่เราทำไม เราอุตส่าวิ่งมาหาเลยนะเนี่ย ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เมื่อวานโทรหานายก็ไม่รับ”
     “หุบปากซักพักก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอกนะอาร์ม! อ่านบรรยากาศซะมั่งเหอะ!”
     ผมหันไปด่าอาร์มอย่างหมดความอดทนก่อนจะหันไปตอบพี่เบียร์ ไม่คงไม่คิดมันแล้วครับ!
     “ช่างมันเถอะครับ เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วกันไป ผมเองก็ต้องขอโทษที่เผลอลามปามพี่แบบนั้น”
     พอผมพูดจบก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมพูดออกไปแล้ว! ผมเห็นพี่เบียร์ยิ้มให้ผม ทุกคนที่กำลังรอลุ้นมีสีหน้าโล่งใจ แม้แต่อาร์มก็กำลังยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้!
     “เออ ไม่เป็นไรหรอก พี่เชื่อแล้วว่ะว่าเราปากจัด เอ้าแอน!”
     พี่เบียร์พูดด้วยน้ำเสียงขำๆ ก่อนจะหันไปเรียกพี่แอน แล้วพี่แอนก็ค่อยๆ เดินมาหาผม แต่ช่างพี่แอนเถอะ! เรื่องอะไรมาว่าผมปากจัด ผมหงุดหงิดนะ!
     “คือ... คือ... เรื่องวันก่อน พี่เข้าใจผิด ขอโทษนะ”
     ทีงี้ล่ะ ฮึ! ทีตอนนั้นละมาด่าผมฉอดๆ
     “พี่เบียร์รักคุณขนาดนี้ คุณควรจะเชื่อใจและให้เกียรติแฟนตัวเองมากๆ นะครับ ไม่มีใครทนอยู่กับคนรักที่ไม่เชื่อใจกันได้หรอก”
     พี่แอนหน้าเสียไปนิดหน่อยก่อนจะทำท่าทางสำนึกผิด ทุกคนเลยมีสีหน้าโล่งใจ ผมเองก็สบายใจขึ้นนิดหน่อย แต่แล้วแม็กซ์ก็พูดขึ้น เสียงจริงจังของแม็กซ์ทำให้บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง
     “ถ้าไม่รบกวนผมฝากคุณไปบอกคนอื่นๆ ด้วย”
     ผมหันไปมองแม็กซ์เพื่อดูว่าแม็กซ์จะพูดอะไร คนอื่นๆ ก็กลับมามีสีหน้าลุ้นอย่างกับเชียร์มวยกันอีกแล้ว
     “ผมกับต้นเป็นเพื่อนรักกันมานาน ผมไม่สบายใจที่รู้ว่าเพื่อนของผมต้องทนกับการโดนใส่ร้ายด้วยเรื่องเหลวไหล ผมขอยืนยันด้วยเกียรติของผมเลยว่า ผมกับต้นไม่เคยมีอะไรกัน ต้นเขารักแฟนของเขาคนเดียว เพื่อนของผมไม่ใช่คนใจง่ายอย่างที่ใครๆ พูดกันแน่นอน รบกวนช่วยแก้ข่าวให้เพื่อนผมด้วยนะครับ”
     “ค่ะ...
     ผมพูดอะไรไม่ออก นาทีนี้ผมไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะคิดยังไง ผมสงสารแม็กซ์ ใบหน้าด้านข้างของเพื่อนผมดูหยิ่งผยอง แต่ข้างในนั้น... ในหัวใจของผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมมาตลอดคนนี้ ผมว่าผมเห็นน้ำตาของแม็กซ์
     สิ่งที่แม็กซ์พูดออกไปทำให้เกิดความเงียบครอบคลุมพวกเราทุกคน แม้แต่พี่เบียร์ยังมองแม็กซ์ด้วยความนับถือเลย ยิ่งพี่แอนยิ่งแล้วใหญ่ พี่เขามีสีหน้าละอายใจมากกว่าเดิมอีก
     “มิน่าล่ะ พี่ไม่แปลกใจเลยทำไมพี่จีบเราไม่ติด ก็ขนาดนี้เรายังไม่เห็นใจ พี่ว่าพี่คงต้องถอดใจขอบายละว่ะ เรานี่เล่นด้วยยากจริง ใจแข็งจังเลยต้น”
     เสียงแซวของพี่ณตทำให้บรรยากาศที่นิ่งสนิทกลับมาเดินอีกครั้ง แต่ผมอยากจะบ้าตาย!
     “ต้นทำหน้าเบื่อโลกอีกแล้ว”
     นายก็อีกคนนะอาร์ม! จะหัวเราะไปทำไมเนี่ย
     “ไปเหอะแม็กซ์ รีบไปจะได้รีบไปทานข้าวกัน”
     “เออ”
     แม็กซ์ส่ายหัวพลางเดินตามผมมา ผมหันไปบอกลาพี่เบียร์กับคนอื่นๆ ขี้เกียจสนใจอาร์มครับ
     “ผมไปก่อนนะครับพี่เบียร์”
     “เออๆ รักษาสุขภาพล่ะ”
     “ครับ”
     “เฮ้ยเดี๋ยวดิ! แม็กซ์ ต้น รอกูด้วย กูก็หิว”
     “พวกกูไม่ได้จะไปกินข้าว”
     “อ้าวแล้วพวกมึงไปไหนกัน?”
     “ไปหาพ่อมึงมั้ง!”
     “.... มึงมีธุระอะไรกับพ่อกูวะ?”
     “.....”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน ทั้งน้องไปป์และนายอาร์ม  :กอด1:  น่ารักอ่ะ คนแต่งปลื้ม!

ชีวิตจริงมันคงไม่มีงี้หรอก แต่เป็นฉากที่อยากเขียน เขียนเพื่อให้แม็กซ์ทำเท่ เขียนเพื่อให้พี่เบียร์ทำสิ่งที่ถูกต้อง อะไรนะ? ควรให้เขาเลิกกัน เอ๊! คนอ่านนี่จริงๆ เลยเอะอะก็ยุให้คู่รักเลิกกัน ฮ่าๆ พี่เบียร์จะเลิกกับพี่แอนหรือไม่เป็นปัญหาของสองคนนั้น แต่การที่พี่เบียร์พาพี่แอนมาขอโทษต้นอ่ะเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว และพี่แอนก็ยอมทำไงพี่เบียร์ถึงยังไม่เลิก เอิ้กๆ

นิยายเรื่องนี้ไม่ค่อยมีบทเอาคืนแซ่บๆ น้า ส่วนใหญ่จะเป็นวิธีแก้ปัญหาแบบแปลกๆ พยายามเขียนให้ออกมากลางๆ และดีกับทุกฝ่าย เรื่องดราม่าในสังคมเยอะแล้ว แรงใส่กันไปมาน่าเบื่อ
นังน้องต้นก็ดราม่าเยอะละ เอะอะน้ำตาร่วง น่ารำคาญออกเนอะ เห็นนิสัยต้นแล้วไม่หงุดหงิดบ้างเหรอ? นั่นแหละตัวเอกของเรื่อง ไม่ต้องมีอะไรมากฮีก็พร้อมจะดราม่า คนแบบนี้บางทีก็ไม่รู้ตัวหรอก เหอๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
อาจารย์ต้นตระการ

     “เอ่อ... สวัสดีครับ”
     “อ้าว ต้น”
     ผมแปลกใจพอสมควรที่เห็นต้นน้ำมาหาผมถึงห้องพักอาจารย์ ต้นมองไปยังอาจารย์คนอื่นในห้องด้วยท่าทีอึกอัก ผมเลยชวนลูกเดินออกมาจากห้องนั้น
     “ผมกำลังจะไปทานข้าว คุณมีอะไรก็เดินคุยแล้วกัน”
     “ครับ”
     ไม่บ่อยนักที่ต้นจะเป็นฝ่ายมาหาผม ผมเลยปล่อยให้ลูกเป็นฝ่ายพูดก่อน ผมอยากรู้ว่าลูกต้องการจะบอกอะไรผม
     “เอ่อ... พอดีเมื่อวานผมไม่ค่อยสบาย พี่ชัชเลยพาผมไปหาหมอที่โรงพยาบาลครับ”
     สิ่งที่ผมรับรู้ทำให้ผมต้องหันไปมองสำรวจลูกผมอย่างถี่ถ้วน ผมไม่รู้ว่าลูกไม่สบาย ผมได้ยินแต่เรื่องที่ลูกมีปัญหากับรุ่นพี่ในคณะ
     “คือ... ผมแวะมาบอกคุณพ่อเฉยๆ น่ะครับ”
     “แล้วหมอว่ายังไงบ้าง?”
     “ก็หวัดธรรมดาๆ ครับ หมอจ่ายยามาแล้วก็ให้ผมพักผ่อนเยอะๆ”
     “แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะ?”
     “ไม่ได้เสียเงินแพงมากหรอกครับ พี่ชัชพาผมไปโรงพยาบาลรัฐ”
     “เขาพาคุณไปโรงพยาบาลรัฐเหรอ?”
     “เออะ! คุณพ่ออย่าเข้าใจผิดนะครับ คือพอดีพี่ชัชต้องไปทำงานอยู่แล้ว แล้วก็สนิทกับหมอที่นั่น แถมยังพาผมไปตรวจแผนกวีไอพีอีก สะดวกสบายมากเลยครับ”
     “เอาเถอะ แล้วนี่คุณหายดีแล้วหรือยัง”
     “ครับ ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว อืม... คือ...”
     ลูกผมไม่ใช่คนช่างพูด และเรื่องบางเรื่องลูกก็ไม่ใคร่เอ่ยถึง ต้นน้ำชอบเก็บเรื่องส่วนตัวไว้เป็นความลับจากคนอื่น มีคนเคยเตือนผมว่าผมบีบคั้นลูกมากเกินไป ผมควรจะรอให้ลูกเป็นฝ่ายเอ่ยปากเองบ้าง ผมแค่ทำตัวเป็นพ่อที่ดีให้ลูกเห็น เมื่อไหร่ที่ต้นน้ำรู้สึกไว้ใจผม เขาก็จะพูดออกมาเอง ดังนั้นผมถึงได้อดทนไม่ถามลูกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
     “เออจริงสิครับ เอ่อ... ไม่ทราบคุณปู่คุยกับคุณพ่อแล้วรึยังครับ คือเรื่อง... เรื่องวันเกิดผม”
     ลูกผมหลบเลี่ยงปัญหาอีกแล้ว แต่เรื่องที่ลูกพูดก็เตือนสติผมได้เช่นกัน พ่อผมเจ้ากี้เจ้าการนัก
     “แล้วคุณคิดยังไงล่ะ ไม่มีแผนฉลองกับแฟนคุณหรอกหรือ?”
     ลูกผมมีสีหน้าสำนึกผิดแล้วก็ทำท่าอึกอักอีหรอบเดิม ผมน้อยใจลูกเหมือนกันนะ ปีที่แล้วผมอุตส่าชวนต้นน้ำมาทานข้าวด้วยกัน ผมอยากจัดงานวันเกิดให้ลูกชายผมบ้าง แต่ลูกกลับปฏิเสธผม บอกว่าอยากอยู่ฉลองกับแฟนสองคนมากกว่า
     “ผม... ผมบอกคุณปู่ว่าผมไม่สะดวกครับ มันไม่ใช่วันสุดสัปดาห์ แล้ววันรุ่งขึ้นผมก็มีเรียนเช้า”
     “ก็จริง ผมเองก็มีสอนเหมือนกัน”
     “แต่... แต่ผมสัญญากับคุณปู่ไว้ว่าเสาร์อาทิตย์นั้นผมจะไปนอนค้างที่บ้านท่านครับ ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าท่าน... เอ่อ...”
     ผมเข้าใจถึงความกังวลของต้นน้ำดี ถึงจะชอบแสดงออกด้วยท่าทีแข็งกร้าวขนาดไหน แต่ความจริงแล้วลูกผมเป็นคนหัวอ่อน ต้นน้ำเป็นเด็กอ่อนโยนที่คิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ ต้องยอมรับว่าสายธารเลี้ยงต้นน้ำได้ดีพอสมควร
     “แล้วผมจะพูดกับปู่คุณให้ แต่ยังไงก็คงไม่พ้นงานเลี้ยงเล็กๆ เชิญคนกันเองมาร่วมงาน คุณก็ทนๆ เอาหน่อยละกัน รู้จักพวกเขาเอาไว้บ้างก็ไม่เสียหาย”
     “แต่... แต่ว่า คุณพ่อกับคุณป้า...”
     “คุณเป็นลูกผมต้นน้ำ แขกพวกนั้นมีแต่คนกันเอง ไม่เป็นไรหรอก สุเขาไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อยอยู่แล้ว คุณสบายใจได้”
     “ถ้าคุณพ่อพูดแบบนั้นผมก็สบายใจครับ ผมไม่อยากทำให้คุณพ่อกับคุณป้าต้องเดือดร้อนเพราะผม”
     “ว่าแต่คุณเถอะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ผมยังไม่ได้เตรียมของขวัญให้คุณเลย”
     “เอ... ไม่รู้สิครับ ผม...”
     “คุณอยากไปหาแม่ของคุณช่วงปิดเทอมรึเปล่าล่ะ? ผมจะออกค่าเครื่องบินให้”
     สีหน้าของต้นน้ำบอกให้ผมรู้ว่าลูกสนใจข้อเสนอของผมมาก แต่แล้วลูกกลับหลุบตาลง
     “จะดีเหรอครับ เกรงใจคุณพ่อแย่ ค่าเครื่องไปกลับไม่ใช่ถูกๆ แล้วก็... แล้ว ผมไม่รู้ว่าแม่จะสะดวกรึเปล่าด้วย บางทีผมอาจจะ... อาจจะไปรบกวนแม่ก็ได้ เห็นแม่บ่นว่าช่วงนี้ร้านที่โน่นกำลังยุ่งๆ อยู่เลย ผม...”
     “ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่ดีใจที่จะได้เจอลูกหรอก ถ้าคุณอยากไปผมจะออกค่าตั๋วให้”
     “แต่ว่า... แล้วถ้าปิดเทอมผมไม่ว่างละครับ ช่วงนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีเลย ผมกลัวเราจะมีเวลาเรียนกันไม่พอ อาจจะต้อง...”
     “คุณคิดมากเกินไปแล้วต้นน้ำ อะไรที่ยังไม่เกิดก็ปล่อยมันไปก่อนเถอะ เอาเป็นว่าถ้าคุณอยากไปเยี่ยมแม่คุณเมื่อไหร่ก็มาบอกผมแล้วกัน คุณอยากได้อะไรก็มาบอกผม ไม่ต้องเกรงใจ”
     “ขอบคุณครับคุณพ่อ”
     ลูกของผมยิ้มด้วยท่าทางขัดเขิน เห็นสีหน้าในยามนี้ของต้นน้ำแล้วผมนึกเปรียบเทียบกับสายธารจริงๆ ลูกไม่เหมือนทั้งผมและสายธาร ไม่รู้ไปได้บุคลิคนุ่มนิ่มแบบนี้มาจากไหน และคงเพราะท่าทางแบบนี้กระมัง ลูกผมถึงได้เป็นที่หมายปองของคนพวกนั้น
     “คุณยิ้มได้แบบนี้ก็ดี ผมจะได้ไม่เป็นห่วง”
     “เออะ... คุณพ่อ... ทราบด้วยเหรอครับ”
     “ผมรู้ก็แล้วกัน ถ้าคุณมีอะไรให้ผมช่วยก็บอก ถึงผมจะไม่ได้เลี้ยงคุณมาแต่ก็เชื่อว่าคุณไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดกันแน่”
     ต้นน้ำเม้มปากแน่นเหมือนพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ แต่แล้วลูกผมก็น้ำตาร่วง แม้แต่ยัยษายังไม่ร้องไห้บ่อยขนาดนี้เลย ต้นน้ำกับยัยษานี่น่าจะสลับเพศกันจริงๆ
     โชคดีที่ทางที่ผมกับลูกเดินผ่านมาไม่ค่อยมีคน ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้ลูก ต้นน้ำรับผ้าเช็ดหน้าของผมไปซับหน้าตาแล้วสูดจมูกสะอื้น
     “ขอบคุณครับคุณพ่อ”
     “แล้วตกลงเกิดอะไรขึ้นหรือ? คุณอยากเล่าให้ผมฟังไหม?”
     ผมเลือกที่จะถอยเพื่อเว้นระยะให้ลูก ต้นน้ำมีสีหน้าลังเลใจ ลูกมองผมด้วยสายตาสงสัย ผมคงยังไม่ดีพอ
     “ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่รุ่นพี่เขาเข้าใจผิด ผมคุยกับพี่เขาเรียบร้อยแล้วครับ ส่วนเรื่องอื่นๆ ผม...”
     “เอาเถอะ คุณไม่มีปัญหาอะไรก็ดีแล้ว ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอก”
     “ครับคุณพ่อ”
     ลูกทำหน้าโล่งอกที่ไม่ต้องพูดถึงปัญหาเหล่านั้น ปัญหาที่แม้แต่ผมเองก็ไม่รู้จะช่วยลูกอย่างไรดี ลูกของผมทำบาปกรรมอะไรไว้หนอถึงได้ต้องเผชิญกับการใส่ร้ายป้ายสีที่ไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย
     “เอ่อ... งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ คือแม็กซ์รอผมอยู่”
     “อย่างนั้นหรือ? ไปเถอะ คุณเองก็พักผ่อนเยอะๆ ล่ะ ผมเป็นห่วง”
     “ครับ สวัสดีครับ”
     ลูกยิ้มให้ผมก่อนจะยกมือไหว้แล้วเดินจากไป ผมอดคิดไม่ได้ว่าเหตุใดลูกชายของผมจึงได้เปราะบางเช่นนี้ เป็นเวรกรรมที่ผมเคยกระทำกับคนอื่นเอาไว้หรือ ผมเป็นห่วงต้นน้ำมากเหลือเกิน ใช่ว่าผมรักลูกไม่เท่ากัน แต่ผมใกล้ชิดกับยัยษามาตลอด ผมรู้ดีว่าลูกสาวของผมเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็พร้อมจะต่อสู้กับปัญหา แต่ต้นน้ำกลับเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจในตนเอง เขาไม่ชอบเผชิญหน้ากับปัญหา และไม่สามารถต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ได้โดยลำพัง ผมจึงอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงลูกชายคนเล็กมากกว่า
     บ่อยครั้งที่ผมอดคิดไม่ได้ว่า มันอาจจะเป็นเวรกรรมที่ผมเคยทำไว้กับผู้หญิงคนอื่น ผมยอมรับว่าผมเจ้าชู้ ผมพอใจที่จะมีความสัมพันธ์ทางร่างกายกับสาวๆ ผมรักสนุกและไม่รู้จักอิ่ม
     เรื่องทั้งหมดมันคงเริ่มที่ผม ถึงแม้ว่าผมจะถูกป๊าจับคู่ให้ แต่ผมก็ไม่ต้องการการครอบงำจากป๊า ผมไม่อยากเป็นเหมือนพี่อาจ ผมไม่สนใจกิจการของครอบครัวที่ต้องเป็นรองพี่คนอื่นๆ ผมมีทางไปของผมเอง ผมเชื่อมั่นในพลังความสามารถของตัวเอง และถ้าผมจะแต่งงานกับใครสักคน ผมอยากได้คนที่เท่าเทียม คนที่ก้าวเดินไปพร้อมผมได้ คนที่เข้าใจถึงจุดหมายปลายทางของกันและกัน
     สุเป็นผู้หญิงที่ผมรัก เธอเข้าใจผม เธอใจกว้างสำหรับความเจ้าชู้ของผม ผมเองก็รักและยกย่องเธอเพียงคนเดียว เพราะมีแต่เธอเท่านั้นที่คู่ควรกับผม คนอื่นๆ ก็แค่ของเล่น แต่เพราะปัญหาสุขภาพบางประการหลังจากที่สุคลอดยัยษาผมกับเธอก็ไม่ค่อยได้ร่วมหลับนอนกัน สุเปิดโอกาสให้ผมเต็มที่ ขอแค่ให้ผมรู้จักระมัดระวังตัว เธอเคยพูดเล่นกับผมว่าคนขี้เบื่ออย่างผมนั้นห้ามยาก แต่สักวันหนึ่งเมื่อผมเที่ยวจนพอใจแล้วผมก็จะหยุดเอง เธอมีข้อแม้ว่าห้ามไม่ให้ของเล่นชิ้นไหนของผมไประรานเธอกับลูกเพียงเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาผมไม่มีปัญหากับของเล่น นอกจากสายธาร
     ตอนที่ผมรู้ว่าสายธารท้องผมตกใจมาก แต่เพราะยัยษาพึ่งเกิดได้ไม่นาน ผมจึงตัดสินใจได้ไม่ยาก อายุครรภ์ไม่กี่วันของสายธารไม่ใช่สิ่งที่ผมจะยอมแลกครอบครัวและหน้าที่การงานของผม แม่ของผมท่านยื่นมือเข้ามาช่วยในเรื่องนี้อย่างลับๆ ดังนั้นผมจึงไม่สำนึก และสุก็พูดถูก เมื่อผมแก่ตัวลง ตอนที่ลูกสาวผมเริ่มแตกเนื้อสาว ผมเริ่มกังวลและเป็นห่วงลูก ผมอยากเป็นพ่อที่ดีที่ลูกภูมิใจ ผมพยายามเป็นสามีที่ดีแม้มันจะช้าไปก็ตาม
     แต่ใครจะไปคิด บาปกรรมของผมไม่ได้ตกที่ยัยษา แต่มันกลับถาโถมเข้าสู่ต้นน้ำ แค่ลูกเป็นเกย์ผมก็ทำใจยากแล้ว ยิ่งคิดก็ได้แต่โทษตัวเอง ถ้าผมรับลูกมาอยู่กับผมตั้งแต่แรก ต้นน้ำอาจจะไม่โตมาเป็นแบบนี้ บ่อยครั้งผมอดคิดไม่ได้ว่าให้ลูกเป็นผู้หญิงไปเลยคงจะดี อย่างน้อยๆ ผมจะได้ไม่ต้องกระอักกระอ่วนใจเวลาเห็นลูกอยู่กับแฟน นอกจากนี้ต้นน้ำยังมีนิสัยแย่ๆ อีกหลายอย่างที่น่าเป็นห่วง ลูกชายผมเข้าสังคมไม่เป็น!
     ผมไม่แปลกใจที่มีคนตั้งข้อสังเกตเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับผม เนื่องจากผมตั้งใจจะให้ลูกใช้นามสกุลของผมอยู่แล้วเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ที่ผมไม่คาดคิดก็คือลูกผมมีปัญหาในการเข้าสังคม ผมได้แต่เฝ้ามองลูกด้วยความเป็นห่วง ยิ่งพักหลังข่าวลือต่างๆ ชักรุนแรงขึ้นทุกขณะ ผมกลัวต้นน้ำจะรับมือไม่ไหว มีคนเห็นลูกชายผมเป็นขนมหวานน่าเคี้ยวเล่น การกระทำของพวกเขาไม่แตกต่างกับพฤติกรรมแย่ๆ ในอดีตของผม ผมได้แต่กลัวบาปกรรม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



สมน้ำหน้าคุณพ่อ! บาปกรรมบางทีมันก็ไปตกกับคนที่เรารักนะ หึๆ กลัวล่ะซี่ อิๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 11

เจ้าหญิงเอาแต่ใจ Vs แม่มดร้าย

     ข้าวฟ่างเบื่อสังคมที่เต็มไปด้วยการใส่หน้ากากเช่นนี้เต็มทน เธอเสแสร้งยิ้มและอดทนนั่งร่วมวงสนทนาด้วยรู้ดีว่าหากเธอลุกออกจากกลุ่มไปเมื่อไหร่ก็จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาแทน เธอและบรรดาผู้แทนคนอื่นๆ กำลังแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในวงการ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลเช่นนี้ก็มักจะทำควบคู่ไปกับการนินทาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ใครใช้ให้พวกเธอมีเวลาว่างอันน่าเบื่อจากการนั่งรอคุณหมอผู้เป็นลูกค้าที่มักจะยุ่งจนขอเวลาพบปะได้ยากเล่า
     แม้จะเบื่อมากแค่ไหนแต่เธอก็ต้องทน อันที่จริงเธอเป็นคนช่างพูด เธอมีอุปนิสัยร่าเริงและชอบพบปะพูดคุยกับมิตรสหาย แต่การอยู่ท่ามกลางเหล่าเซลล์ผู้หิวกระหายเช่นนี้การเก็บปากสงวนคำคือสิ่งที่ดีที่สุดหากไม่อยากพลาด หากเธอหลุดอะไรไปแล้วละก็... คงไม่พ้นถูกใส่สีตีไข่ลงไปจนอาจจะทำให้หน้าที่การงานกระเทือนก็เป็นได้
     เธอนั่งฟังเรื่องผู้แทนคนอื่นอยู่นานจนเริ่มรำคาญ และในที่สุดก็เหมือนโชคช่วย คนในกลุ่มหันไปสนทนาเรื่องการเสริมความงามแทน เธอจึงร่วมวงสนทนาด้วยอย่างเมามัน เธอไม่กลัวอันตรายแต่กลัวไม่สวย เพราะความสวยสามารถต่อยอดหน้าที่การงานของเธอได้ ความสวยงามที่แฝงไว้ด้วยพิษร้ายพวกนั้นถึงจะอันตรายแต่ก็ตายช้า แต่ถ้าเธอตกงานไม่มีเงินเธอจะอดตาย และจะตายอย่างรวดเร็วเสียด้วยเพราะเธออยู่อย่างไฮไลฟ์สไตล์มาตลอด
     ตั้งแต่ที่ย้ายออกจากคอนโดของแฟนหนุ่มคนล่าสุด เธอก็หันไปผ่อนคอนโดใจกลางเมืองเองบ้าง และนั่นทำให้ร่ายจ่ายของเธอเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมมากโข อันที่จริงเธอเล็งคอนโดแถบนั้นไว้นานแล้ว แต่ทว่าแฟนหนุ่มของเธอไม่ยอม เขาอ้างเรื่องราคาคอนโดย่านใจกลางเมืองนั้นแพงกว่า และเหมาะกับคนที่เดินทางโดยรถไฟฟ้าเสียเป็นส่วนมาก พวกเขาเป็นผู้แทนจำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการเดินทาง ไม่เหมาะที่จะขับรถไปกลับเข้าออกเมืองเช่นนั้น
     ทั้งๆ ที่เธอใฝ่ฝันอยากได้คอนโดหรูกลางกรุงสักห้องเป็นเรือนหอ แต่เขากลับอยากมีบ้านแถบชานเมืองที่เดินทางสะดวกสักหลัง พวกเขาเห็นต่างกันตั้งแต่แรก ลงท้ายผลลัพธ์จึงกลายเป็นคอนโดระดับกลาง แม้จะเป็นย่านชายขอบกรุงเทพแต่ก็เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้าอย่างที่เธออยากได้ เขามีหน้าที่ผ่อนห้องทั้งหมด ส่วนเธอช่วยเขาเรื่องค่าสาธารณูปโภคและค่าส่วนกลาง คนทั้งสองตกลงกันว่าห้องพักแห่งนี้จะเป็นสินสมรสคนละครึ่ง เขาใส่ชื่อเธอเป็นเจ้าของเสียด้วยซ้ำ!
     นอกจากนี้เธอยังรู้ดีว่าแฟนหนุ่มของเธอซื้อบ้านแถบนั้นไว้อีกหลังโดยไม่รบกวนเธอ เขารู้ดีว่านอกจากภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้วเธอยังต้องผ่อนค่างวดรถจึงไม่สามารถยื่นมือเข้าช่วยเขาได้ แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเพราะเหตุนั้นหรือเปล่า? เขาถึงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมแต่งงานจดทะเบียนกับเธอสักที มัวแต่ยึกยักขอให้เธอรอมาเนินนานนอกเหนือไปจากความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดว่าเธอเข้ากับมารดาของเขาไม่ได้
     ความขัดแย้งของเธอและเขามีมากเหลือเกิน เขาอยากมีลูกแต่เธอกลับไม่ต้องการภาระ เธออยากใช้ชีวิตอย่างอิสระ อยากสนุกสนานให้เต็มอิ่ม เอิบอาบกับความสุขไปจนแก่ เธอไม่อยากนั่งกลุ้มเรื่องการวางแผนการตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์จะทำให้รูปร่างของเธอเปลี่ยนไป แถมพอมีลูกแล้วการเลี้ยงเด็กก็ช่างลำบากแสนเข็น ต้องเหน็ดเหนื่อยวิ่งเต้นหาโรงเรียนให้ลูกเข้าเรียน เธอจึงกลัวการมีบุตรไปโดยปริยาย แค่บรรดาพี่น้องและญาติๆ ในครอบครัวใหญ่ของเธอก็น่าเบื่อมากพอแล้ว ไหนจะยังมารดาม่ายและพี่สาวพี่ชายของแฟนเธออีกเล่า เธออยากใช้ชีวิตคู่ให้ฉ่ำปอดมากกว่าจะไปเสียเวลากับเรื่องอื่นๆ
     แต่ลงท้ายชีวิตคู่ของเธอกับเขาก็ไปกันไม่รอด แม้เขาจะเป็นผู้ชายแสนดีที่ดูแลเทคแคร์เธอทุกอย่าง แต่นิสัยบางอย่างของเขาก็ทำให้เธอสุดจะทน ชายหนุ่มบ้างานคนนั้นแสนขยันยามเมื่ออยู่นอกบ้าน แต่คราใดที่เขาต้องการพักผ่อนเขาช่างหมดสภาพไม่ต่างอะไรกับลาแก่จอมขี้เกียจ เธอเริ่มคิดอย่างจริงจังแล้วถามตัวเองอีกครั้งว่าเธอจะทนใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งชีวิตกับผู้ชายงี่เง่าคนนี้จริงๆ หรือ? และลงท้ายเธอก็ตอบตัวเองได้ว่า “ไม่” เขาเป็นแฟนที่ดี แต่เป็นสามีที่แย่ และเธอไม่ต้องการแต่งงานไปเป็นข้ารับใช้ให้ผู้ชายห่วยๆ
     เขาช่างแสนหวาน พยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเธอ แต่การเอาใจพวกนั้นไม่ใช่นิสัยปกติของเขา ดังนั้นเมื่อเธอไม่อยู่หรือละเลยการควบคุมเขาก็จะหลงลืมกลับมาเป็นผู้ชายเต่าถุยคนเดิมที่เธอทนไม่ได้ และเธอไม่อยากต้องเหนื่อยจ้ำจี้จ้ำไชเขาอยู่บ่อยๆ วันเวลาที่ผ่านไปแสดงให้เห็นว่าชัยชัชไม่ได้กระตือรือร้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย ยิ่งนานวันยิ่งทำตัวตามสบายจนเคยชิน และสไตล์สบายๆ ของเขานั่นแหละที่เธอรับไม่ได้ เธอสวยเลิศหรูตลอดเวลาและต้องการให้แฟนหนุ่มของเธอหล่อเนี๊ยบทุกเวลาด้วยเช่นกัน
     เมื่อคิดตกแล้วเธอจึงบอกเลิกเขาเพื่อสนุกสนานกับชีวิตโสดอีกครั้ง แม้ว่าอันที่จริงมันจะหมายถึงการออกเดทกับเพศเดียวกันที่คอยดูแลเทคแคร์เธอดั่งเพื่อนคู่คิดโดยไม่ยึดติดกับการตั้งค่าสถานะว่าผูกพัน เธอไม่คิดว่าเขาจะเสียศูนย์ขนาดนั้น แต่โชคดีที่เขาเจอกับเด็กดีคนนั้น เขาเลยกลับมาเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนเดิมที่เคยทำให้เธอหลงรักกับคารมของเขา
     เธอไร้ปัญหากับการที่เขาพบรักกับเด็กผู้ชาย แต่เธอกังวลเรื่องที่เขามาติดพันน้องชายสุดแสนจะน่ารักคนนั้นของเธอ เธอคิดอยู่เสมอว่าเด็กหนุ่มคนนั้นดีเกินกว่าจะมาตกอับกับผู้ชายห่วยๆ คนเก่าของเธอ โชคดีที่ต้นน้ำนั้นมีความอดทนมากกว่าเธอ เด็กหนุ่มจัดการชัยชัชได้อยู่หมัดจนเธอเองยังแอบทึ่ง และในที่สุดเธอก็ได้รู้ ความรักที่ราบรื่นแลกมาด้วยการเสียสละอันยิ่งใหญ่ ต้นน้ำทุ่มเทไปมากมายอย่างที่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ น้ำอดน้ำทนของเด็กหนุ่มชวนให้เธอแอบเอาใจช่วยอยู่เงียบๆ
     และตอนนี้แฟนเก่าของเธอก็กำลังเป็นหัวข้อสนทนาของคนในกลุ่มไปเสียอย่างนั้น!
     “พี่ฟ่างจะไม่รีเทิร์นกับเฮียชัชจริงๆ เหรอค้า”
     คนพวกนี้ไม่มีเรื่องอื่นคุยกันแล้วหรือไงถึงได้มายุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอ!
     “ไม่ล่ะ เป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว”
     “แหม หนูเสียด๊ายเสียดายอ่ะ เฮียชัชออกจะหล่อ ทำงานก็เก่ง โปรไฟล์ดีจะตาย พี่ฟ่างไม่น่าปล่อยให้เฮียชัชหลุดมือเลยนะค้า อิๆ”
     ข้าวฟ่างได้แต่แอบด่าอยู่ในใจ เธอหาได้ทำชัยชัชหลุดมือ เธอเป็นฝ่ายปล่อยมือจากเขาเอง!
     เธอโกรธจนต้องพยายามนึกถึงค่าโบท็อกซ์เพื่อที่จะได้ไม่เผลอนิ่วหน้าจนเกิดริ้วรอย! เธอบอกตัวเองให้ยิ้มหวานใส่พวกชะนีขี้อิจฉาอยู่เสมอ เธอมั่นใจกว่าเจ๋งกว่า ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการพรีเซ็นต์ว่าตัวเองสวยเลือกได้ใส่พวกขี้อิจฉาอีกแล้ว ถือเป็นการตบหน้าสั่งสอนพวกหล่อนให้รู้สำนึก
     “แต่พี่ไม่เอาแล้วนี่นา พอดีมือมันเต็ม พี่ก็เลยต้องปล่อยๆ อะไรไปบ้าง”
     “ร้ายนะคะ อิๆ”
     “จะ”
     เธอยิ้มละไมส่งให้ชะนีเผือก
     “ถ้าอย่างนั้นเกิดเฮียชัชโดนฉกไปพี่ฟ่างคงไม่เสียดายแล้วใช่ม๊า”
     “จะเสียดายทำไมล่ะ พี่กับชัชไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว”
     ข้าวฟ่างปั้นยิ้มอย่างร่าเริงขัดกับภายในที่เธอแอบเบ้ปากอยากแหวะเต็มทน!
     “ก็แหม...มีสาวๆ อยากรับช่วงต่อจากพี่ฟ่างตั้งเยอะ”
     “เหรอ... ดีออก... จะ
     เธอชักทนไม่ไหวใส่สำเนียงลงไปในน้ำเสียงที่เริ่มจิก ก่อนจะพูดต่อด้วยมาดนางสาวไทยหัวใจโลกสวย
     “มีรักก็ดีกว่ามีคนเกลียดนะ พี่ว่า”
     “เกรงว่าจะรักมากจนออกนอกหน้าน่ะสิคะพี่ฟ่าง”
     เหล่าชะนีเผือกหันมองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดต่อ
     “ก็แหม... เขาลือกันให้แซ่ดว่านางทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ทำงานกับเฮียชัช”
     เธอรู้สึกได้ว่าคนพวกนี้จงใจยั่วเธอ พวกหล่อนพยายามทำให้เธออยากรู้อยากเห็น นัยว่าคงอยากเห็นเธอหวงก้างกระมัง ต่อให้เธอจะสนใจข่าวคราวของแฟนเก่า เธอก็ไม่ได้สนเพราะยังหวงห่วงหึงเป็นแน่ เธอเป็นห่วงต้นน้ำน้องชายสุดน่ารักคนนั้นต่างหาก และเด็กคนนั้นคือแฟนคนปัจจุบันของแฟนเก่าเธอ
     “ชัชจะรักใครชอบใครก็ไม่เกี่ยวกับพี่แล้วล่ะ เราเลิกกันแล้ว”
     ดูท่าเธอต้องหาทางเตือนต้นน้ำเสียหน่อยแล้ว แต่เท่าที่เห็นวันก่อนเธอก็ว่าเขาสองคนดูรักกันดี ต้นน้ำดูมีความสุขกับชัยชัชเป็นปกติทุกอย่างยกเว้นเรื่องที่เด็กหนุ่มกำลังไม่สบายใจเรื่องในมหาวิทยาลัย
     อาการเบื่อหน่ายและอากาศยามบ่ายชวนให้เธอรู้สึกล้า เธอจึงตั้งใจจะเติมความสดชื่นให้ตัวเองกระปรี้กระเปร่าด้วยลาเต้ปั่นสักแก้ว
     “เอ... พี่ว่าพี่ไม่ไหวแล้วล่ะ ขอไปหากาแฟกินซักหน่อยดีกว่า ขอตัวก่อนนะจ้ะ บายจ้ะ”
     พูดจบเธอก็รีบลุกออกมา เธอเซ็งจนแทบทนไม่ไหวแม้จะรู้ดีว่าหัวข้อของการสนทนาต้องพุ่งเป้ามาที่เธอ!

     “พี่ฟ่างดูไม่แยแสเฮียชัชเลยเนอะ”
     “โอ๊ย! จะแยแสอะไรล่ะ ข่าวเขาเม้าท์กันว่าวันก่อนโน้นชียังไปนั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาเราสองสามคนกับแฟนใหม่ของเฮียชัชเลย เห็นว่าชีดูสนิทกับแฟนใหม่เฮียชัชมาก เผลอๆ จะแคร์แฟนมากกว่าเฮียชัชอีก แต่ก็ว่าชีไม่ได้นะ เพราะแฟนใหม่เฮียชัชน่ะหล่อซะ เกาหลีขาวตี๋น่ารักมาอ่ะ”
     “พูดแล้วก็น่าเสียดายเนอะ ผู้ชายแมนๆ อย่างเฮียชัชก็กลายเป็นเกย์ไปซะงั้น เพราะแบบนี้รึเปล่าเขาเลยเลิกกัน? แบบความจริงแล้วเฮียชัชเป็นอะไรแบบเนี้ย? พอพี่ฟ่างจับได้เลยเลิก?”
     “อ๊ะแต่ฉันว่าไม่นะ! เพราะโดนพี่ฟ่างหักอกเฮียแกเลยประชดไม่ใช่เหรอ? นังตุ๊กตามันยังเคยมาคุยเลยว่าเฮียชัชมาติดมันอยู่พักนึงตอนเลิกกับพี่ฟ่าง ช่วงนั้นเฮียชัชฟาดเรียบจ่ะ ขนาดหมอแก้มกำลังจะแต่งงานแท้ๆ เฮียแกยังชวนไปสวีทสองต่อสองรำลึกความหลัง โอ๊ย! ไม่เอาละไม่พูดดีกว่า ไม่กล้าเม้าท์ย่ะ กลัวเจอตอ อิๆ”
     “แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ไม่ว่าเฮียชัชจะเป็นเกย์หรือไม่ อีป้านั่นก็จ้องจะจับเฮียชัชจริงๆ นะเธอ เห็นเขาว่ากันว่าเช้าถึงเย็นถึงเลยแหละ”
     “แหม... หล่อนเจ็บใจที่ไม่ใช่เสป็กเฮียเขาละสิ อิๆ รู้ๆ กันอยู่ เฮียชัชแกเจ้าชู้มาแต่ไหนแต่ไร เกย์ไม่ใช่แต่ไบไม่ชัวร์ ก็อย่างว่านะ คงเบื่อของแปลกแล้วมั้ง อิๆ”

     ข้าวฟ่างมัวแต่เดินก้มหน้าเก็บกระเป๋าสตางค์ลงในกระเป๋าถือทำให้เธอไม่ทันระวังชนเข้ากับลูกค้าคนอื่นตอนจะออกร้านกาแฟอย่างแรง โชคดีที่กาแฟในมือของเธอไม่หกรดคู่กรณีแม้จะกระฉอกเลอะตัวเองนิดหน่อย แต่เพราะความร้อนถุงขนมที่ซื้อมาด้วยจึงหลุดมือตกลงสู่พื้น เธอเงยหน้าขึ้นตั้งใจจะขอโทษ แต่เมื่อพบกับสายตาจิกๆ จากคู่กรณี เสียงขอโทษที่เอ่ยออกมาจึงฟังดูฝืนใจ
     “ขอโทษ ค่ะ!
     คู่กรณีของเธอตวัดสายตาสำรวจสภาพพะรุงพะรังแล้วเหยียดยิ้ม
     “หัดระวังไว้บ้างก็ดีนะ จะได้ไม่ไปเกะกะคนอื่นเขา”
     คิ้วสวยๆ ที่ได้รับการตกแต่งตามเทรนด์มาอย่างดีของข้าวฟ่างเลิกขึ้นเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าต้องการสื่อถึงอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ แต่เธอรู้จักผู้หญิงคนนี้ดี
     “ขอโทษค่ะ พอดีไม่ได้ตั้งใจ มอง ไม่ เห็น ก็เลยไม่คิดว่าตัวเองไปเกะกะขวางทางใคร”
     “เหรอ จ้ะ”
     ผู้หญิงตรงหน้าก้มลงเก็บถุงขนมยื่นส่งมาให้เธอ
     “ซุ่มซ่ามแบบนี้แย่หน่อยนะ แต่ทำไงได้งานผู้แทนก็แบบนี้แหละ ต้องหิ้วของพะรุงพะรัง ถ้าทำไม่ได้ก็ไปหางานอย่างอื่นทำดีกว่ามั้ยจ้ะ? หรือจะลาออกไปแต่งงาน? อ้อ! จริงสิ ชัชเขาไม่เอาเธอแล้วนี่”
     ข้าวฟ่างแทบจะพ่นไฟ! เธอสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้ายังแค้นเธออยู่เพราะเรื่องราวแต่หนหลัง
     ในสมัยที่เธอพึ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆ เธอเคยปะทะกับผู้หญิงคนนี้มาแล้ว เรื่องราวในครั้งนั้นก็เป็นแค่การกระทบกระทั่งกันตามปกติระหว่างบรรดาผู้แทน แต่ใครใช้ให้หล่อนเข้ามาพัวพันกับผู้ชายที่ตามจีบเธอเล่า! เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าผู้ชายที่กำลังกิ๊กกับเธอเคยมีซัมติงกับใครมาบ้าง และเธอก็ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะถูกคนอื่นจ้องหาเรื่องด้วยเหตุผลงี่เง่าประเภทจู่ๆ ก็นึกหวงก้างอยากชิงดีชิงเด่นเพราะไม่ถูกชะตาเช่นนั้น
     “แหม พี่น้ำตาลคงได้ข่าวมาผิดแล้วล่ะค่ะ ฟ่างเป็นคนบอกเลิกชัชค่ะ ชัชเขาก็ดีนะคะแต่บางเรื่องก็ไม่ไหวจริงๆ แต่อืม... พูดไปพี่ก็คงไม่เข้าใจหรอก มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่ใช้ชีวิตด้วยกันแล้วพบว่าไปกันไม่ได้นี่คะ ผู้หญิงที่เป็นแค่คู่ขาคงไม่เคยสัมผัส”
     “เหรอ... ก็เห็นได้ข่าวว่าพยายามจุดถ่านไฟเก่าอยู่ไม่ใช่เหรอ อยากกลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์อีกรึไงจ้ะ?”
     ข้าวฟ่างรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายรอโอกาสจ้องจะเอาคืนเธออยู่นานแล้ว หล่อนคงเจ็บใจที่ครานั้นชัยชัชเลือกเธอ ไม่ใช่หล่อน!
     จะว่าไปเธอคือคนที่ชัยชัชจริงจังด้วยมากที่สุด รวมระยะเวลาที่เขาตามจีบและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้วเขาคบกับเธอนานที่สุด และถ้าหากเธอไม่บอกเลิกเขาๆ ก็คงจะคบกับเธอไปเรื่อยๆ ชัยชัชทุ่มเทให้เธอทุกอย่างทั้งๆ ที่เขาคือพ่อเสือร้ายเคยขึ้นสังเวียนกับผู้หญิงมานักต่อนัก ชื่อเสียงเรื่องความกะล่อนของเขาเป็นที่รู้กันกว้างขวางในวงการนี้ แต่เมื่อเขาตั้งใจจะลงหลักปักฐานกับเธอเขาก็ถอดเขี้ยวเล็บทั้งหมดทิ้งซื่อสัตย์กับเธอจนผู้หญิงคนอื่นๆ ได้แต่อิจฉา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เธอจะถูกรุมหมั่นไส้ และไม่แปลกที่ใครต่อใครจะพากันคิดว่าตัวเองอาจยังพอมีหวังเมื่อได้ข่าวคู่ควงคนล่าสุดของชัยชัช
      อย่างน้อยถ้าผู้หญิงเราจับผู้ชายจดทะเบียนด้วยได้เมื่อไหร่อย่างไรเสียผู้ชายคนนั้นก็คงไปไหนไม่รอด มิหนำซ้ำชัยชัชยังเป็นผู้ชายประเภทที่มีความรับผิดชอบเต็มพิกัด เขาไม่มีวันทอดทิ้งลูกเมียแน่นอน!
     “โฮะๆ พูดอะไรแบบนั้นคะพี่ ทำเหมือนไม่รู้เลยนะคะว่าชัชเขามีแฟนใหม่แล้ว ฟ่างกับชัชไม่ลมพัดหวนหรอกค่า ฟ่างไม่ชอบแย่งของๆ คนอื่นค่ะ”
     “ของเล่นแปลกๆ แบบนั้นชัชเขาก็เห่อได้แปปเดียวนั่นแหละ อีกเดี๋ยวก็เบื่อ”
     “พี่ก็เลยจะต่อคิวรอเหรอคะ? สบายใจได้ค่ะฟ่างไม่แซงคิวพี่น้ำตาลหรอก เพราะฟ่างคงไม่เสียเวลาไปต่อแถวด้วยซ้ำ แต่แย่หน่อยนะคะ พี่คงต้องรออีกนาน ขนาดกับฟ่างกว่าจะไปกันไม่ได้พี่ก็ยังต้องรอตั้งสี่ปี แต่กับแฟนใหม่ชัชคนนี้พี่คงต้องรอนานกว่านั้น เผลอๆ เหี่ยวจนจะลงโลงแล้วก็อาจจะยังไม่ถึงคิวพี่น้ำตาลก็ได้นะคะ”
     ข้าวฟ่างฉีกยิ้มส่งให้น้ำตาลอย่างผู้ชนะ! เธอไม่ใช่คนที่ชอบยั่วยุใคร แต่นาทีนี้เธอสะใจเหลือเกินที่ได้เห็นคู่กรณีโกรธจนหน้าแดงจัด
     “ขอตัวก่อนนะคะ ฟ่างต้องไปทำงานต่อแล้ว แย่จังค่ะ เพราะว่าฟ่างทำงานด้วยวิธีปกติ ไม่ได้ใช้... ความสามารถพิเศษแบบพี่น้ำตาล ไม่งั้นคงว่างอยู่คุยกับพี่ได้นานกว่านี้”
     แล้วเธอก็เดินจากมาอย่างมั่นใจ เธอแน่ใจว่าถ้าเธอเล่าให้แฟนเก่าของเธอฟังละก็เขาจะต้องหัวเราะแล้วแซวเธอว่าเป็นเจ้าหญิงคนงามผู้เอาแต่ใจเป็นแน่แท้ คิดแล้วเธอก็ได้แต่เสียดาย ถ้าแฟนเก่าของเธอจะมีข้อเสียน้อยกว่านั้นอีกหลายๆ ข้อละก็... แต่แล้วเธอก็ยิ้มออกมา ถึงเธอจะเสียดายแต่ก็ไม่เสียใจ กลับกันเธอนึกเป็นห่วงน้องชายสุดน่ารักคนนั้นมากกว่า เธอได้แต่ภาวนาว่าขอให้ชัยชัชเกเรน้อยลงและขอให้ต้นน้ำมีระดับความอดทนมากกว่าเธอสักพักเท่า เธออยากเห็นคนที่เธอรักทั้งคู่มีความสุขปราศจากมือที่สาม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... สินสมรส เผื่อคนอ่านงง เอาเป็นว่าถ้าพี่ชัชแต่ง(จดทะเบียน)กับฟ่างตอนยังผ่อนบ้านไม่หมด บ้านเป็นของทั้งคู่นะ แต่ถ้าผ่อนหมดแล้วค่อยแต่งชื่อเฮียแกคนเดียว
ผู้หญิงก็นะ... คิดมาก ความจริงพี่ชัชอาจจะไม่คิดอะไรก็ได้เพราะให้คอนโดฟ่างด้วยซ้ำ แต่ก็นะ จะให้สาวเขารอไปถึงเมื่อไหร่ สุดท้ายพอขัดแย้งมากๆ มันเลย... หุๆ

ใครชอบแบบแซ่บๆ คงถูกใจตอนนี้ สาวๆ เขาฟาดปากกันแรงเนาะ  :beat:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2014 14:54:39 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ Sbatandty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
วันนี้จะมาหรือเปล่านะ

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
รอออ่านดราม่า ยัยน้ำตาลจะมีแผนไรรึป่าวเนี้ย

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
วันสำคัญของเด็กเลี้ยงแกะ

ต้นน้ำ

     มะรืนนี้จะเป็นวันเกิดของผมครับ ผมจะอายุครบยี่สิบแล้ว ... วัยยี่สิบก็ถือว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว ผมไม่ใช่เด็กอีกต่อไป ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงกังวล กลัวว่าตัวเองจะถูกแม่ทิ้ง แต่ตอนนี้ผมไม่กังวลแล้วครับ เพราะผมรู้แล้วว่าแม่รักผมมากแค่ไหน ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน แต่แม่ก็ยังรักผมเหมือนเดิม ผมเฝ้ารอโทรศัพท์จากแม่อย่างใจจดใจจ่อ ผมรู้ว่าแม่จะต้องโทรมาอวยพรวันเกิดผมแน่ๆ ครับ แล้ววันนั้นผมก็จะนั่งทานเค้กกับพี่ชัชสองคน คุยโทรศัพท์กับแม่ ผมหวังไว้แบบนั้นนะ แต่เสียงของป่านกับไปป์ทำลายแผนที่ผมวางไว้ซะสนิท!
     “ว่างายต้น ต้นชอบอันไหนอ่า?”
     “นั่นสิแก แกอยากไปไหนมากกว่ากัน มาบุญครองหรือพาราก้อนดีอ่ะ?”
     “อ๊ะ แต่เราอยากไปพาราก้อนมากกว่านะป่าน เค้กที่นั่นอร๊อยอร่อยอ่ะ”
     “เอ๊ะยัยเมย์ นี่มันวันเกิดต้นก็ต้องให้ต้นเป็นคนเลือกสิแก”
   แล้วไม่มีใครถามผมซักหน่อยเหรอครับว่าผมอยากไปฉลองกับพวกเขารึเปล่า? ผมอยากตอบว่าผมเลือกที่จะฉลองอยู่บ้านกับพี่ชัชสองคนเป็นบ้า!
     “ขอเรากลับไปขออนุญาตพี่ชัชก่อนก็แล้วกัน”
     “ต้นไม่ต้องห่วงหรอก เราขอให้เรียบร้อยแล้ว”
     “เราว่านายควรจะเลิกโทรไปกวนใจแฟนเราได้แล้วนะไปป์!”
     “ต้นใจร้าย! ปีที่แล้วก็ไม่ยอมบอกพวกเราซักคำว่าวันเกิด ปล่อยให้พวกเรารู้จากอาร์ม ปีนี้อุตส่ามีโอกาสพวกเราก็อยากฉลองให้ต้นนี่นา นานๆ ทีพวกเราหกคนจะได้ไปกินอะไรอร่อยๆ ด้วยกันอ่ะ”
     “ก็... ไว้โอกาสอื่นไม่ได้เหรอ?”
     “ไม่เอาอ๊ะ! วันอื่นก็แค่กินข้าว แต่เราอยากไปฉลองวันเกิดต้นนี่! มันไม่เหมือนกันอ่า”
     ไปป์... นายงอแงอีกแล้วนะ ท่าทางกระเง้ากระงอดแบบนั้นทำแล้วคิดว่าน่ารักหรือไง ตัวเองไม่ใช่เด็กซักหน่อย!
     “ไรนะ! วันเกิดมึงเหรอต้น?”
     นี่ก็ยุ่งเรื่องชาวบ้านจัง ผมรู้สึกเซ็งจนอยากหายตัวจากตรงนี้ยังไงก็ไม่รู้ครับ!
     “พวกเราจะไปฉลองกันในกลุ่มเพื่อนสนิท งานนี้นายไม่ได้รับเชิญย่ะมิวนิค เชิญ! มาทางไหน กลับไปทางนั้นเลย”
     แทนที่มิวนิคจะกลับไปตามทางที่ตัวเองมาอย่างที่เมย์ไล่ เขากลับมานั่งเบียดอยู่ข้างๆ ผมซะนี่ น่ารำคาญจริงๆ เลยครับ เหม็นเหงื่อมันจริงๆ ผมเลยขยับตัวหนี
     “วันเกิดมึงเหรอ? เมื่อไหร่วะ?”
     “วันที่สามสิบเอ็ด”
     แล้วนายจะบอกเขาทำไมนะไปป์ สายตาแพรวพราวแบบนั้นไปป์ต้องวางแผนไม่ดีอะไรไว้ในใจแน่ๆ ผมนึกถึงมุกในการ์ตูนที่พี่เปาเคยเล่าให้ฟังทันทีครับ พี่เปาให้ผมยืมการ์ตูนเรื่องโคนันมาอ่าน ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเวลาพระเอกไปที่ไหนถึงได้มีคนตายตลอด ตอนนี้ผมรู้สึกหลอนอย่างกับเห็นไปป์เป็นโคนันเลย มีไปป์ที่ไหน มีเรื่องยุ่งๆ ที่นั่นตลอด!
     “เฮ้ย! มะรืนนี้แล้วดิวะ! แล้วทำไมมึงไม่บอกกู แล้วกูจะหาของขวัญทันมั้ยวะเนี่ย อุบเงียบเลยมึง”
     ใจจริงผมล่ะอยากตอบว่า “วันเกิดผมเกี่ยวอะไรกับคุณ” แต่ไม่เอาดีกว่าครับ เห็นแก่ที่มิวนิคดีกับผมมากในช่วงหลังนี้ ผมเลยตอบออกไปว่า
     “ไม่เป็นไร แค่คำอวยพรเราก็ดีใจแล้วล่ะ ไม่ต้องให้ของขวัญเราหรอก”
     เอ๊ะ! ทำไมผมเห็นไปป์กับป่านส่งซิกกันแปลกๆ
     “ไม่ได้ๆ กูกับมึงอุตส่าห์สนิทกันทั้งที”
     เหมือนผมจะเห็นป่านกระซิบอะไรกับเมย์
     “ใช่แล้ว! พวกเราเป็นเพื่อนกันทั้งที ก็ต้องไปฉลองวันเกิดให้ต้นกันใช่ม๊า เราอุตส่าเตรียมของขวัญให้ต้นด้วยน้า”
     สามสาวนั่นกระซิบกระซาบอะไรกัน?
     “เออๆ กูเอาด้วย พวกมึงจะไปฉลองกันที่ไหนอ่ะ นับพวกกูสามคนเข้าไปด้วย”
     นั่นไงผมว่าแล้ว! มิวนิคจอมเสือกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน! ผมกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่ทว่าแก้วกลับขัดผม
     “นั่นสิต้น ปีนี้พวกเราผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งเยอะ พวกเราอยากไปฉลองให้ต้นนะ ต้นไม่อยากฉลองกับพวกเราเหรอจ้ะ?”
     ผมไม่ได้ไม่อยากฉลองกับพวกเขา แต่ผม... ผมแค่อยากสวีทกับพี่ชัชสองต่อสอง ให้ตายเหอะ! ผมอุตส่าห์หนีงานฉลองของคุณปู่มาได้นะครับ
     “เรา... งั้นขอเรากลับไปถามแฟนเราก่อนก็แล้วกัน”
     “อะไรวะ มึงอยู่กับแฟนอยู่แล้วก็รอกลับบ้านก่อนแล้วค่อยฉลองดิ๊ ตอนเย็นก็ไปกับพวกกูก่อน”
     จนได้! ไปป์นะไปป์ ผมเห็นนะ ไปป์กับป่านแอบตีมือกันด้วยครับ นายไปป์จอมวางแผน ผมไม่น่าประมาทเลยจริงๆ แล้วผมจะกลับไปบอกพี่ชัชว่ายังไงละเนี่ย?

     ผมนั่งกลุ้มเรื่องที่ปีนี้ผมอาจไม่ได้ฉลองวันเกิดกับพี่ชัชอยู่ตั้งนาน แต่พอผมบอกพี่ชัช ปฏิกิริยาที่ผมได้รับกลับเป็น
     “หือ? จะไปฉลองกับเพื่อนเหรอ เออ เอาสิ”
     ผมช็อกกลางโต๊ะอาหารจนลืมตักข้าวผัดเข้าปาก!
     “เอ่อ.... ผมไม่ได้จะไปฉลองวันเกิดกับเพื่อนครับ เพียงแต่เพื่อนเขาชวนผมไปเลี้ยงวันเกิด ผมเลยมาถามความเห็นพี่ชัช ถ้าพี่ชัชไม่อนุญาตผมก็ไม่ได้ครับ”
     “ก็ไปดิต้น พี่อนุญาต”
     พี่ชัชบ้า! ไม่เข้าใจรึไงว่าผมอยากฉลองวันเกิดกับพี่ชัชมากกว่า ท่าทางพี่ชัชที่นั่งทานข้าวแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรมันชวนหงุดหงิดมากเลยครับ ไม่เห็นความสำคัญของวันเกิดผมเลยรึไง! ผมตัดสินใจถามไปตรงๆ
     “แล้วพี่ชัชไม่มีแผนอะไรเหรอครับ?”
     “ก็พี่ต้องทำงานนี่ ถ้ามีก็ซื้อเค้กมากินกับเราเหมือนปีที่แล้วนั่นแหละ แต่ปีนี้วันหยุดต้นก็ต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดที่ปู่เราจัดให้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ?”
     แต่ปีที่แล้วพอถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์พี่ยังพาผมไปเดทนะครับ นี่จะโทษว่าเป็นเพราะผมคิวยุ่งเองอย่างนั้นเหรอ? ถึงมันจะเป็นเพราะแบบนั้นจริงๆ แต่พี่ก็ควรจะทำอะไรให้ผมบ้างสิ พี่ชัชบ้า! โอเค๊! ผมไปเลี้ยงฉลองกับพวกเพื่อนๆ ก็ได้

     เพราะวันนี้ผมงอน พอทานข้าวเสร็จผมก็เลยรีบล้างจานชามแล้วหนีเข้าห้องนอนมาโทรศัพท์หาเมษ ผมเล่าเรื่องราวให้เมษฟัง แต่เมษกลับทำตัวเป็นนางมารร้ายหัวเราะเยาะเสียงสูงใส่ผม
     “เอ๊าะ! ผัวแกก็ทำถูกแล้วไง หรือต้องให้เขาลากแกโดดเรียนหนีปู่แกแล้วพาไปสวีทสองต่อสองที่มัลดีฟส์ย๊ะ”
     “ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่... พี่ชัชน่าจะพูดอะไรบ้าง นี่พี่เขาทำตัวเฉยๆ มากเลยนะ เหมือนไม่เสียดายเลยอ่ะ”
     “แล้วที่เขาไปทำงานทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะเขาไปหาเงินมาเลี้ยงแกรึยังไง อย่าเยอะนังต้น! แกควรจะดีใจนะที่พวกนั้นอยากฉลองวันเกิดให้แก แกอุตส่ามีเพื่อนกับเขาแล้วน้า อย่าติดผัวมากนักเลยย่ะ”
     “บ้า! เราไม่ใช่คนเห็นแฟนสำคัญกว่าเพื่อนซักหน่อย เพียงแต่... นี่มันโอกาสพิเศษนะเมษ เราก็แค่อยากให้พี่ชัช... อืม... เฮ้อ! ช่างเถอะ แล้วนายล่ะ ไม่อยากมาแฮปปี้เบิร์ธเดย์เราเหรอ?”
     “โอ๊ย! ฉันรู้หน้าที่ของตัวเองดีย่ะ เพียงแต่ฉันไม่อยากไปเกะกะเวลาสวีทของแกกับผัว”
     “ปีนี้ก็ไม่ได้มีอะไรแล้วซะหน่อย”
     “เอ๊าะบ่นๆ สำหรับฉันน่ะ ถ้าอยากเจอแกฉันจะหอบเสื้อผ้าไปนอนห้องแกเมื่อไหร่ก็ได้ คอนโดแกกับบ้านฉันก็ใกล้กัน ไม่ต้องเรื่องมากหรอก บางทีพี่ชัชเขาก็อาจจะคิดแบบนี้ก็ได้ เลยอยากให้แกไปฉลองกับเพื่อนไง”
     “มันไม่เหมือนกันนี่ วันนั้นเป็นวันสำคัญของเรานี่นา เราก็อยากฉลองกับคนสำคัญของเราสิ”
     “แต่เพื่อนๆ แกที่มหาลัยก็สำคัญไม่ใช่เหรอ หัดเข้าสังคมไว้บ้างเถอะย่ะ! รู้มั้ยบางทีเรื่องแบบนี้มันก็เป็นธรรมเนียมนะแก ดูอย่างพี่สาวฉันสิ พึ่งทำงานได้ไม่ทันไรก็ต้องไปงานแต่งงานบวชงานตายชาวบ้านเค้าไปทั่ว บางคนแทบไม่ได้คุยกันเลยแต่ก็ต้องไปต้องใส่ซอง สังคมตอนแกไปทำงานโหดร้ายยิ่งกว่านี้อีก นี่ดีเท่าไหร่แล้วที่มีคนรักแกอยากฉลองให้แก อุตส่ามีคนอยากทำสิ่งดีๆ ให้แกนะต้น แกก็รับๆ ไปเถอะ ดีกว่าวันเกิดทั้งทีแต่ไม่มีใครสนใจไม่มีใครคิดถึง ต้องนั่งเหงาอยู่คนเดียวไม่มีทั้งเพื่อนทั้งแฟน”
     “ก็คงงั้น... แต่พูดก็พูดน้า ยังไงเราก็อยากฉลองกับพี่ชัชอยู่ดีนี่นา แค่พี่ชัชพูดซักคำว่า อืมไม่เป็นไรนะ ไว้ต้นกลับมาแล้วเราค่อยมาฉลองต่อกันสองคนก็ได้อะไรทำนองนี้เราก็ดีใจแล้ว แต่นี่พี่ชัชทำเหมือนไม่แคร์เลยอ่ะ”
     “แล้วผัวแกบอกซักคำรึยังว่าเขาจะไม่ฉลองให้แก แกนี่ตีตนไปก่อนไข้อีกละ เท่าที่ฉันฟังพี่เขาก็แค่บอกอนุญาตให้แกไปกับเพื่อน ไม่ได้บอกซักคำว่าจะไม่ฉลองกับแก”
     “....”
     “เงียบไปเลยนะแก สะอึกล่ะสิ แกนี่น้านังต้น เยอะ!”
     “อย่ามาว่าเรานะ! ก็ตอนนั้นมัน....”
     เมษนะเมษ ได้ทีล่ะว่าผมใหญ่เชียว ผมว่าผมไม่ได้เรื่องมากขนาดนั้นซักหน่อย โมเม้นต์นั้นเป็นใครก็ต้องแอบน้อยใจกันทั้งนั้นแหละ! แต่ในระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะเถียงอะไรกลับไปดี พี่ชัชก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง
     “อ้าว ยังไม่นอนเหรอ? พี่นึกว่าเราอาบน้ำนอนแล้วซะอีก”
     “แป็บนะเมษ”
     ผมกระซิบบอกเมษในโทรศัพท์แล้วเอามือปิดตรงรูไมค์ไว้แล้วหันไปตอบพี่ชัช
     “ผมคุยโทรศัพท์อยู่ครับ แต่อีกเดี๋ยวก็จะไปอาบน้ำนอนแล้ว”
     “เออ งั้นพี่อาบก่อนแล้วกันนะ”
     “ครับ”
     ผมมองพี่ชัชสลัดเสื้อผ้าลงตะกร้าอย่างรวดเร็วแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินโป๊เข้าห้องน้ำไปอย่างละเหี่ยใจ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยคลายแขนเสื้อที่พับไว้ก่อนหย่อนลงตะกร้าไม่ได้รึไงนะ แฟนผมเป็นผีขี้เกียจจอมลามกชอบแก้ผ้าเดินโทงๆ เวลาอยู่บ้าน!
     “เมษ แค่นี้ก่อนนะ พี่ชัชเข้าห้องมาแล้วอ่ะ”
     “แหม นินทาไม่สะดวกแล้วว่างั้น โฮะๆ”
     “บ้า! เค้าไม่ได้เรียกว่านินทาซักหน่อย”
     “จ้า นังต้น แกก็อย่างอนผัวมากนักเลยแก ฉันหมั่นไส้!”
     “อื้อ รู้แล้วน่ะ แค่นี้นะ บาย”
     “บายย่ะ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


สิ่งที่เด็กเลี้ยงแกะไม่รู้

สามหนุ่มกลุ่มบ้า
     “เฮ้ยพวกมึงช่วยกูคิดหน่อยดิวะ กูจะซื้ออะไรให้ต้นดีวะ?”
     “มึงอยากให้ไรก็ให้ไง”
     “ไม่เอา กูอยากได้แบบที่มีความหมายด้วยอ่ะ ต้นจะได้คิดถึงกูไง”
     “แล้วมึงจะให้เขาคิดถึงมึงในฐานะอะไร ไหนบอกมึงแค่ชอบเฉยๆ ไม่ได้คิดจีบจริงจังไง”
     “มึงไม่เข้าใจหรอกเป้ มึงไม่เคยมีความรัก มึงว่าไงวะ นัน?”
     “มึงอยากให้ไรก็ให้ไปเหอะ เชี่ยต้นงกจะตาย มึงให้ไรมันก็เอาทั้งนั้น”
     “พวกมึงนี่ไม่ช่วยกูคิดเลย นั่นมันต้นนะเว่ย กูว่าอย่างต้นต้องชอบของที่ใช้ประโยชน์ได้แน่นอน คงไม่ชอบพวกตุ๊กตาหรือดอกไม้หรอกมั้ง”
     “มันก็แหง๋อยู่แล้ว ต้นเป็นผู้ชายนะมิว มึงทำซะอย่างกับต้นเป็นผู้หญิง”
     “เฮ้ยแต่กูชอบตุ๊กตานะ แฟนกูซื้อตุ๊กตาคล้ายๆ กูให้กูตอนปีใหม่อ่ะ โคตรน่ารักเลย”
     “เพราะมึงมันหลงตัวเองไงนัน เชื่อกูไอ้มิวเพื่อนรัก มึงซื้อหนังสือให้ต้นดีที่สุด”
     “วันเกิดแล้วให้หนังสือเนี่ยนะ ไม่โรแมนติกเลยว่ะ!”
     “กูไปสืบมาให้มึงแล้ว จากการสำรวจมาอย่างลับๆ ต้นมันชอบรีบกลับบ้าน ไม่ค่อยไปเที่ยวไหน วันๆ มันก็อยู่แต่บ้าน แต่มันกลับไม่ค่อยเล่นคอมเข้าเน็ท ทีวีมันก็ไม่ดู เพราะงั้นเหลือกิจกรรมอย่างเดียวที่มันจะทำ อ่านหนังสือยังไงล่ะ! มึงคิดว่ามันชอบไปหอสมุดบ่อยๆ เพราะอะไร? นั่นเป็นเพราะว่ามันชอบอ่านหนังสือนั่นเอง!”
     “แล้วไงวะ? กูไม่เข้าใจ”
     “โธ่ เพื่อนมิวครับ มึงก็คิดดูสิ ต้นชอบอ่านหนังสือแล้วมึงก็ซื้อหนังสือให้ ต้นมันจะไม่ดีใจได้ยังไง เผลอๆ มันจะยิ้มให้มึงแล้วพูดว่า ขอบใจนะ นายรู้ได้ยังไงว่าเราชอบอ่านหนังสือ เราจะคิดถึงนายทุกครั้งที่เปิดอ่านเลยล่ะ แบบนี้ไงวะ”
     “เออจริงด้วยว่ะ แจ่มๆ ไอเดียมึงนี่ดีจริงๆ”
     “เพ้อ! เชี่ยต้นไม่มีทางพูดแบบนั้นหรอก ว่าแต่พวกมึงจะซื้อหนังสือให้ต้นอ่ะ พวกมึงรู้เหรอว่าต้นชอบอ่านหนังสือแนวไหน”
     “เออว่ะ.... แล้วกูจะซื้อหนังสืออะไรให้ต้นดีวะเป้?”
     “กู... กูก็ไม่รู้ กูยังไม่ได้สำรวจหัวข้อนี้”

เดอะแก๊ง
     “แผนแกนี่แจ่มจริงๆ เลยอ่ะไปป์ คิดได้ยังไง ลากไอ้ยักษ์เข้ามาร่วมวง”
     “ไม่เห็นดีเลย ฉันเกลียดขี้หน้ามัน ไม่อยากให้มันไปด้วย!”
     “ทนรำคาญอิมิวมันหน่อยแต่มีต้น กับไม่มีต้นเลย แกจะเอาแบบไหนห๊ะยัยเมย์!”
     “แต่ไปป์บอกว่าขอแฟนต้นแล้วไม่ใช่เหรอจ้ะ?”
     “อือ เราถามแฟนต้นแล้ว แฟนต้นไม่มีปัญหา แต่ต้นท่าทางไม่อยากไปกับพวกเราแฮะ”
     “แกก็เลิกหงอยได้แล้ว เชื่อฉันสิ ต้นมันไม่กล้าขัดพวกเราหรอก ถ้าเป็นแค่พวกเรากันเองต้นมันคงไม่ใส่ใจเท่าไหร่ แต่มีคนอื่นที่ไม่สนิทกันมาด้วยต้นมันไม่กล้าขัดอะไรหรอก ต้นมันขี้เกรงใจจะตาย เชื่อฉันๆ”
     “นั่นสิ ที่ป่านพูดมามันก็จริงนะจ้ะ พวกเราลองแบบนี้มั้ย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วทั้งที”
     “อะไรเหรอแก้ว?”
     “ก็ไปชวนคนอื่นๆ ในภาคให้หมดเลยไง ใครสนใจก็ไป ใครไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร แล้วก็... อืม เราว่าชวนคนอื่นๆ มาบริจาคแล้วพวกเรารวบรวมเงินนั้นไปซื้อของขวัญให้ต้นดีมั้ยจ้ะ อาจจะเป็นเฟรนด์ชิพแล้วให้ทุกคนเขียนอวยพรวันเกิดต้นก็ได้ ช่วงนี้ต้นมีแต่เรื่องแย่ๆ เข้ามา เราสงสารต้น อยากให้กำลังใจต้นน่ะ”
     “โอ๊ยแก้ว! คิดได้ยังไงเนี่ย ไอเดียดีสุดๆ งั้นเอาตามนี้แหละแก ที่เหลือก็สมทบทุนค่าเลี้ยงวันเกิดต้น กำไรเห็นๆ”
     “จะดีเหรอป่าน ถ้าคนอื่นรู้เข้า?”
     “ไม่เป็นไรหรอกแก้ว ไหนๆ พวกเราก็จะพาต้นไปเลี้ยงอยู่แล้ว ก็เอาเศษที่เหลือไปสมทบทุนไง ไม่น่าเกลียดหรอก”
     “เอ่อ... เรา เราว่าเอาเศษที่เหลือไปซื้อของขวัญให้ต้นดีกว่ามั้ย มันยุติธรรมกับคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ไปด้วยมากกว่านะ”
     “โอมอ่ะ แกนี่ขัดลาภจริงๆ”

หมาป่า
     หึๆ ไอ้ต้นมันงอนผมด้วยครับ มันชักสีหน้าใส่ผมซะจนหน้าหงิกหน้างอแต่ดันไม่กล้าท้วงอะไร ทีแบบนี้ละก็ทำเป็นหงอยแล้วก็ไปแอบงอน จริงๆ ถ้ามันอยากฉลองกับผมก็น่าจะใส่จริตอ้อนๆ ผมหน่อยน้า ขอแค่มันบอกผมไม่ว่ามันอยากให้ผมทำอะไรผมก็พร้อมจะทำให้มันทุกอย่างอยู่แล้ว แทนที่จะอ้อนผัว ดันทำงอนแล้วโทรไปบ่นน้อยใจกับเพื่อน
     รอก่อนเถ้อ พรุ่งนี้พี่จัดหนักแน่ต้นเอ้ย ฮ่าๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



บางคนชอบเทเพื่อนเพราะติดแฟน นิสัยแบบนี้ไม่งามนะเคอะ คุณน้องต้นควรต้องเข้าสังคมบ้าง อย่ามัวแต่หมกอยู่กะปั๊ว!(แอบใบ้Hintไว้อย่างมีนัยยะสำคัญ หึๆ)

นี่มันนิยายอัลไล! ยิ่งอ่านยิ่งหาความมุ้งมิ้งไม่เจอ ฮ่าๆ
ตอนนี้น้องต้นแลดูตุ๊ดแตกมาก แต่น้องเมษชนะขาด! ชาบูว์กะเทยเจ้าค่ะ ฮ่าๆ
คนแต่งเคยบอกคนอ่านรึเปล่าว่านิยายในดวงใจประจำเล้าคือ บัดซบจริงๆ เลยเป็นตุ๊ดอ่ะ โดยเจ้แบ๊ะ ตุ๊ด ตจว. คาแรคเตอร์น้องต้นบางส่วนแอบหยิบยืมอารมณ์มาจากเจ้ เหอะๆ
กราบขออภัยคนอ่านอีกทีที่นิยายเรื่องนี้มันไม่ใช่นิยายวายเมะเคะ มันกลายเป็นนิยายรักระหว่างผู้ชายกับตุ๊ดสับสนทางเพศ(คีย์มันมาตั้งแต่ภาค1)
แต่พอดีน้องต้นฮีลุคไม่สาวไง โชคดีที่ลุคฮีเนิร์ด พวกสายวิทย์จะงี้แหละ ดูเรียบร้อยๆ คงแก่เรียน เลยรอดตัวไป แต่เชื่อว่าคนอ่านคงจับทางได้จากน้ำเสียง เวลาน้องต้นหลุดๆ "บ้า!" เสียงฮีจะสูงขึ้นอีกเสต็บ ตอนนี้ฮีอาจจะยังดูแอ๊บๆ แต่มาดูกันว่าน้องต้นจะแกรนโอเพ่นนิ่งตัวเองยังไง แล้วเพื่อนๆ จะสังเกตมั้ย? จะรับได้รึเปล่า? เหล่าฟิสิกส์แมนๆ ทั้งหลายจะทำยังไงกับเพื่อนที่กลายเป็น ...

ถึงเราจะเขียนน้องต้นออกมาประหลาดๆ แต่ขอบอกว่าเรารักต้นน้ำมากน้า ไม่ได้อคติกับเพศที่สามแล้วรวบรวมแต่สิ่งแย่ๆ มาใส่ในตัวละครตัวนี้หรอก แต่แค่อยากเขียนตัวละครที่มีเรื่องแย่ๆ อยู่เยอะตามประสาเด็กเก็บกด แต่อยากสื่อว่าแม้แต่คนแบบต้นน้ำก็มีมุมที่น่ารัก คนแบบนี้บางทีตอนแรกอาจจะขัดใจแต่อยู่ๆ ไปคุณอาจหลงรักเขาไม่รู้ตัว ละสายตาจากคนๆ นี้ไม่ได้ทำนองนั้น หุๆ เอ็นดูต้นน้ำกันละซี่?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2014 21:30:35 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ไปป์

     “เอ้าๆ เพื่อนๆ ทุกคนฟังทางนี้ สาเหตุที่ฉันเรียกพวกแกมาสุมหัวกันแต่เช้าเพื่อจะบอกพวกแกว่า พรุ่งนี้วันเกิดต้น!”
     ป่านพูดพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ท่าทางของป่านดูห้าวหาญมากเลย แต่ความจริงผมว่าป่านพูดผิดไปนิดนึงนะ นี่ก็ไม่เช้าเท่าไหร่หรอก เพราะบางคนที่ชอบมาสายนั่นแหละ ซึ่งก็รวมผมด้วย แหะๆ
     เมื่อวานป่านส่งข้อความไปนัดทุกคนให้มาแต่เช้าเพราะพวกเราจะประชุมเรื่องเลี้ยงวันเกิดให้ต้น เสียดายที่พวกเรานัดต้นไว้แล้ว นี่ถ้าเป็นงานเลี้ยงเซอร์ไพรส์มันต้องสนุกกว่านี้แน่ๆ เพื่อที่จะได้คุยเรื่องนี้กันแบบลับๆ เมย์ถึงกับต้องแอคติ้งทำเป็นปวดท้องไม่ได้กินข้าวเช้าแล้วลากต้นไปหาอะไรกินเลยนะเนี่ย แล้วให้ผมกับป่านมาจัดการเรื่องทางนี้แทน
     “วันเกิดต้นแล้วไงวะ พวกมึงจะทำเซอร์ไพรส์มันเหรอ?”
     “มึงเข้าใจถูกแล้วอาร์ทพวกกูจะเลี้ยงวันเกิดต้นแล้วก็จะซื้อของขวัญให้ต้นโด้-”
     “อิไปป์ เงียบ!”
     เง้อ! ป่านตวาดผมทำไมอ๊า
     “เวลายิ่งมีน้อยๆ อยู่เดี๋ยวต้นก็กลับมาหรอก พวกแกฟังให้จบก่อนละใครจะถามอะไรค่อยถามโอเค๊! ห้ามแทรก ระ หว่าง ฉัน พูด! คืองี้ ตอนแรกพวกฉันก็ว่าจะไปกินข้าวกันในกลุ่ม แต่ทีนี้กลุ่มไอ้มิวมันเสือกอยากจะไปด้วย”
     อ้าวๆ ป่านพาดพิงไอ้ยักษ์ด้วยแฮะ
     “มึงว่ากูเสือกเหรอป่าน!”
     แต่ถึงเชี่ยมิวมันจะประท้วง ยัยป่านก็ยังอธิบายต่อหน้าตาเฉยไม่สนใจ ฮ่าๆ สมน้ำหน้ามึงละไอ้ยักษ์
     “พวกฉันก็เลยมาถามพวกแกว่ามีใครสนใจจะไปอีกมั้ย จะได้ดูร้านที่มันเหมาะๆ หน่อย แล้วแก้วก็เสนอว่าพวกเราน่าจะรวมทุนกันซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ต้นมัน”
     “โหย ไม่ยุติธรรม กูก็เกิดเดือนนี้เหมือนกัน”
     “ต้องให้คนละเท่าไหร่วะ?”
     “ทำไมกูต้องให้ของขวัญไอ้ต้นด้วยวะ ทีมันยังไม่เคยให้ของขวัญกูเลย สนิทก็ไม่สนิท”
     “แต่กูซื้ออย่างอื่นให้มันแล้วนะเว้ย!”
     “เฮ้ยกูว่าเรื่องแบบนี้มันแล้วแต่คนละ ใครอยากให้ก็ให้ ใครไม่อยากก็ไม่น่าบังคับ”
     มีเสียงประท้วงอย่างเซ็งแซ่มาจากพวกไม่เห็นด้วย เดี๋ยวก็รู้ พวกมึงรู้จักป่านน้อยไป ไม่แพ้เมย์หรอก
     “พวกแก เงี๊ยบ! ฉัน บอก ว่า ให้ ฟัง ก่อน สิเว้ย!”
     คู่หูของผมเอามือข้างนึงเท้าสะเอว อีกมือหยิบสมุดเลคเชอร์ม้วนไปข้างหน้าทำท่าชี้ตรงไปยังพวกมันที่เหลือ โอ้โห ท่านี้เท่สุดๆ ไปเลยป่าน!
     “แฮ่กๆ นั่นแหละ อย่างที่ฉันบอก งานนี้ไม่บังคับ ใครจะให้แล้วให้อีกเป็นการส่วนตัวก็ได้ ใครไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ใครอยากให้เท่าไหร่ก็ตามใจ มีเท่าไหนเอาเท่านั้น แล้วเดี๋ยวพวกฉันค่อยเอามาดูว่าได้ยอดเท่าไหร่ ละค่อยไปเลือกของขวัญอีกที ไปป์ น้ำ!”
     อ๊ะ! น้ำๆ ป่านเอาขวดน้ำไปวางไว้ไหนน้อ เจอละ ผมส่งน้ำให้ป่านดื่ม แม้ว่าตอนนี้ป่านจะพักยกดื่มน้ำอยู่ แต่พวกมันไม่มีใครกล้าเอะอะเลยคับ สุดยอด!
     “แล้วทีนี้แหละ พวกแกคงรู้เรื่องแล้วใช่มั้ย เกี่ยวกับเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นกับต้นในช่วงนี้อ่ะ พวกฉันก็เลยว่าจะซื้อสมุดสวยๆ ซักเล่มแล้วให้พวกแกทุกคนเขียนคำอวยพรให้ต้นมัน ย้ำนะ ทุกคน! ซึ่งถ้าเก็บเงินได้เยอะ ก็อาจจะได้ทั้งสมุดและของขวัญ แต่ถ้าได้น้อย ไม่พอแม้แต่ค่าสมุด พวกฉันจะหาทางบริหารเอง แต่พวกแกต้องมาเขียนคำอวยพรให้ต้นมันทุกคน ถือว่าฉันขอร้องก็ได้ ฉันอยากให้กำลังใจต้นมัน ถึงต้นมันจะไม่สนิทกับพวกแกบางคนมากเท่าไหร่ แต่ยังไงก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน พวกแกก็ใช้โอกาสนี้ให้กำลังใจต้นมันหน่อยนะ”
     แล้วป่านก็เงียบหลังพูดจบ ป่านหันไปมองคนอื่นรอบๆ ห้องเพื่อดูปฏิกิริยา ผมถือโอกาสสำรวจเพื่อนๆ แต่ละคนไปในตัว แต่พวกเราก็เงียบได้ไม่นาน เพราะผมเห็นอาร์ทมันยกมือ
     “มึงพูดจบแล้วใช่มั้ยป่าน กูจะได้พูดมั่ง”
     “เออ แกมีไรก็ว่ามา”
     “ไอ้ต้นมันเป็นเกย์ มันไม่ได้เป็นเอดส์ มันไม่ได้ต้องการกำลังใจจากสังคมมากขนาดนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มันเป็นอะไร แต่อยู่ที่นิสัยมัน ถ้ามันไม่ยอมเลิกนิสัยแบบนี้ เดี๋ยวก็มีเรื่องอีกจนได้
     อุ่ย! ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ
     “ฉันรู้ว่าแกไม่ชอบต้น แต่แกไม่ต้องจุดประเด็นตอนนี้ได้มั้ยวะ”
     “เฮ้ย! กูไม่ได้ไม่ชอบต้น”
     “พอเหอะอาร์ท!”
     ป่านกับอาร์ททำท่าจะทะเลาะกัน แต่อัฐก็ช่วยเบรคทั้งคู่เอาไว้ ผมใจหายหมด
     “พวกเรามาประชุมเรื่องเก็บเงินกับหาของขวัญให้ต้นกันไม่ใช่เหรอ เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลังก็ได้มั้ง อาร์ท ป่าน”
     โชคดีนะเนี่ยที่อัฐอยู่ด้วย ผมละกลัวจริงๆ แก้วไม่อยู่ตรงนี้ซะด้วยสิ ผมเอาป่านไม่อยู่หรอก ไม่กล้ายุ่งกับอาร์ทด้วย ผมเถียงกับมันไม่เคยชนะซักที
     “ก็มันแหละ”
     “กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
     “อาร์ทพอๆ กูเข้าใจความหมายมึง แต่มันจำเป็นต้องพูดตอนนี้มั้ยวะ”
     พอเจออัฐเตือนสติเข้าไป สงครามก็สงบลงทันตาเห็น อัฐนี่สุดยอดจริงๆ
     “แล้วตกลงใครจะเก็บเงิน กูพร้อมจ่ายแล้ว พรุ่งนี้นับกูด้วยหนึ่งหัว”
     ไอ้คิวว์เสนอตัวขึ้นคนแรก สมกับเป็นขวัญใจมหาชน ฉายามิสเตอร์ไนซ์กาย ใครทำอะไรชวนไปไหนมันไปหมด ผมหันไปมองป่าน แต่ท่าทางป่านยังเซ็งอยู่ ผมก็เลยยกมือขึ้นเสนอตัว
     “มา จ่ายกับกูก็ได้”
     “ใครให้ไอ้ไปป์เก็บเงิน!”
     เง้อ! ตวาดผมทำไม ผมทำไรผิดอ่า
     “เธอให้ไปป์เก็บเงินเหรอป่าน?”
     “เปล่า ตอนแรกตั้งใจว่าแค่มาคุย ไม่คิดว่าพวกแกจะร่วมสมทบทุนกันจริงๆ”
     “เฮ้ยมึงอย่าเรื่องมากน่ะ เป็นทอมเขาไม่ขี้งอนกันหรอก มาๆ กูเก็บเองก็ได้ เหรุ่นอยู่แล้ว”
     “อีวิน! ฉันไม่ ใช่ ทอม!”
     “พวกมึงสองตัวจะเถียงกันอีกนานมั้ยวะ เดี๋ยวแม่ไอ้ไปป์ก็มาหรอก”
     ไอ้เอกมันสอดขึ้น แต่... เกี่ยวอะไรกับแม่ผม? ใครเหรอ?
     “ใครวะ แม่กู?”
     “ก็ไอ้ต้นไง”
     “เออจริง!”
     ผมหันไปมองป่าน ผมพยายามสะกิดป่าน
     “เออๆ ใครจะจ่ายเงินมาที่ฉันนี่ ใครจะไปด้วยกันพรุ่งนี้ก็ไปบอกชื่อกับอิไปป์มัน ไปป์! แกจดด้วยนะ”
     ชิ! ป่านนี่ดูถูกสมองผมจัง แค่นี้ผมจำได้น่า
     “เฮ้ยป่าน ให้ตังค์ได้ช้าสุดตอนไหนวะ ตอนนี้กูไม่มีตังค์เลยอ่ะ ขอไปกดตังค์ก่อนได้ป่ะ”
     พอไอ้พัทพูดจบ ทุกคนก็ร่วมกันโห่
     “หน้าอย่างมึงจะให้ไอ้ต้นซักแค่ไหนกันวะ สิบยี่สิบก็ให้ๆ ไปก่อนเถอะ”
     “ทุเรศละอิโค่ เพื่อนนะย๊ะ ไม่ใช่ขอทาน”
     “กูไม่เคยให้เงินขอทานโว้ย!”
     ผมกับป่านล่ะนับถือความหน้าด้านของโค่มันเลย ดูท่ามันจะภูมิใจในความเห็นแก่ตัวของมันมาก
     “เอางี้ๆ อย่างช้าสุดเที่ยงครึ่งโอเคป่ะ ฉันจะอยู่รอที่นี่ เพราะต้องไปซื้อของกันเย็นนี้ แล้วพรุ่งนี้เช้าจะเอามาให้เขียน รีบๆ มากันล่ะ ใครยังไม่จ่ายก็ออกไปได้เลย เดี๋ยวต้นมันผิดสังเกต ใครจะจ่ายเลยก็อยู่รอก่อน”
     ถึงป่านจะบอกแบบนั้นแต่คนที่เดินออกจากห้องไปก็มีไม่กี่คน
     “อ้าว แล้วคนที่ไปด้วยกันพรุ่งนี้ล่ะป่าน?”
     “แกก็ไปถามเอาเองสิ ฉันบอกไปแล้วถ้าใครมันจะไปเดี๋ยวมันก็เดินมาบอกแกเองแหละอิไปป์!”
     ผมทำไรผิดเนี่ย ป่านวีนใส่ผมอีกแล้ว ทำไมวันนี้ป่านวีนจังหว่า ช่างเหอะ ผมทำหน้าที่ของผมดีกว่า คนที่จะไปด้วยพรุ่งนี้บางคนยกมือตะโกนบอกผม ไม่เห็นมันจะเดินมาบอกผมเลย ชักหัวหมุนแหะ ใครมั่งหว่า แล้วผมจดชื่อใครไปแล้วบ้างวะ?
     “นับกูด้วย!”
     แล้วไอ้“กู”นี่มันใครวะ? อ้อ เสียงไอ้นอยซ์ ข้างๆ นั่นไอ้ถังก็ยก
     “มึงไปด้วยเหรอถัง?”
     ไอ้ถังพยักหน้า แปลว่าไป จดๆ
     “มึงแมนยูลิเวอร์พูลเหรอป่าน?”
     เสียงไอ้โค่ถามขึ้นขณะที่จ่ายเงินให้ป่าน ผมมองแบงค์ในมือของมัน ห้าสิบ…
     “อะไรของแกย๊ะ แมนยูลิเวอร์พูล?”
     ป่านที่กำลังจดชื่อและนับเงินถามไอ้โค่กลับ
     “ก็แดงเดือดไงมึง วันนี้วีนจัง”
     อุ่ย! วอนหาที่ตายแล้วมั้ยล่ะ ผมไม่เกี่ยวนะ
     “จ่ายเสร็จแล้วไสหัวไปเลย อิโค่! ก่อนที่ฉันจะเตะแก ละพรุ่งนี้ไม่ต้องโผล่ไปทำให้ชาวบ้านเขาเสียบรรยากาศกันเลยนะ”
     “แรงว่ะ มีสังสรรค์ที่ไหน มีกูที่นั่น ไปป์ นับกูด้วยหนึ่ง!”
     ผมทำเป็นไม่ได้ยินแล้วลืมจดชื่อมันได้มั้ยอ่ะ? ผมไม่อยากให้ต้นปวดหัวพรุ่งนี้
     “นี่ของพวกเราสามคน”
     “โอเค ยศ วิน อาร์ท สองร้อย แล้วพรุ่งนี้แกจะไปกับพวกฉันรึเปล่า?”
     “พวกมึงเอาไงวะ?”
     “แล้วพวกเธอจะไปที่ไหนกันล่ะ ถ้าไปนี่คือค่ากินออกเองใช่ป่ะ?”
     “ยังไม่แน่ใจเลย ว่าจะดูคนก่อน ตอนแรกว่าจะไปชาบูชิไรพวกนั้น แต่ถ้าคนเยอะๆ ก็อาจจะต้องลดเป็นหมูกะทะ”
     “ทำไมไม่ดูให้แน่แล้วค่อยมาบอกวะ แล้วที่ไปก็มีไอ้ต้นไปด้วย ต้องเลี้ยงมันอีกไม่ใช่เหรอ พวกเธอจะหารเลี้ยงไอ้ต้นกันห้าคนหรือให้คนอื่นออกด้วย? งบมันต่างกันนะเว้ย”
     จะ จะ จริงด้วย! ผมกับป่านหันมามองหน้ากันด้วยอารมณ์ตกใจกับความสะเพร่าของตัวเอง ไอ้ยศทำสีหน้าเอือมระอาใส่พวกผมสองคน
     “มานี่ กูดูเอง”
     มันพูดพร้อมกับกระดิกมือขอกระดาษจดรายชื่อจากผม ผมเลยจำใจต้องส่งให้
     “คนที่จะไปที่แน่ๆ ก็มีพวกเธอหกคน บวกแก๊งไอ้มิวอีกสามก็กลายเป็นเก้า ไอ้นอยซ์ ไอ้ถัง เอก นน โค่ คิวว์ นี่ก็สิบห้าคนเข้าไปแล้ว ชาบูชิจะไหวเหรอวะ? เปลี่ยนเป็นหมูกะทะเลยเหอะ จะได้ถูกตังค์ด้วย เดี๋ยวกูดูร้านให้”
     สมกับเป็นไอ้ยศ โคตรเป๊ะ! ความรับผิดชอบกับความเป็นผู้นำมันมีเต็มเปี่ยม แต่ขี้บ่นสุดๆ แต่คิดอีกที... ผมว่ายังไงก็ไม่เท่าต้นหรอก
     “เฮ้ย พวกมึงอ่ะ ตกลงพรุ่งนี้เป็นหมูกะทะนะ ใครจะไปมาลงชื่อกับกู”
     อ้าว... แย่งงานผมซะละ เอ้อ! ผมไปช่วยป่านก็ได้ ป่านกำลังเก็บเงินพวกไอ้มิวอยู่เลยแฮะ
     “ยี่สิบ! แกให้เพื่อนยี่สิบเนี่ยนะอินัน!”
     “ก็กูไม่มีอ่ะ ช่วงนี้กูกรอบ”
     “เออน่า อย่าบ่นนันมันเลยป่าน เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็ไปกับพวกเราอีก”
     “อ๋อ แกจะเซฟเงินไปกินพรุ่งนี้? งั้นก็ไม่ต้องไป เอาเงินมาวันนี้เลย”
     “โห โหดร้ายว่ะ”
     คิดอีกที ผมคิดถูกหรือคิดผิดที่ลากเอาพวกมันมาร่วมขบวนการด้วยกันหว่า? ทำไมภาคผมมันป่วนจัง เฮ้อ... ผมหวังว่าวันเกิดต้นปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีละน้า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



พักยกแป็บ คนแต่งติดสงครามนางงาม  :z10: เดี๋ยวดึกๆ มาต่อ ขอทิ้งท้ายไว้กับเหล่าทะโมนประจำภาคฟิสิกส์เด้อ งานนี้ป่วนแน่ๆ ต้นเอ้ย!

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองรึเปล่าครับ แต่ตาขวาของผมมันกระตุกมาตั้งแต่เช้า พี่ชัชทำตัวปกติมาก มากจนผิดปกติ ขนาดผมแสดงออกชัดเจนว่างอนมากพี่เขายังไม่ยอมมาโอ๋ผมซะที ทำตัวปกติราวกับไม่รับรู้ว่าผมงอน ผิดปกติมากครับ แถมพอผมมาถึงมหาวิทยาลัยก็โดนเมย์ลากไปนั่งทานข้าว บอกผมว่าหิวข้าวยังไม่ได้ทานข้าวเช้า แต่กลับนั่งเขี่ยข้าวในจานเล่น คุยกับแก้วไม่ค่อยทานจนเหลือซะครึ่งจาน พอผมจะเข้าห้องเรียน คิวว์ก็เดินเข้ามาทักผมแล้วบอกว่าอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ ต้องสนุกแน่ๆ พรุ่งนี้วันเกิดผมน่ะใช่ แต่มันเกี่ยวอะไรกับคิวว์? ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ในภาคก็มองผมแปลกๆ ทำตัวเหมือนมีความลับกัน ผมคิดว่าชาวแก๊งของผมต้องมีส่วนรู้เห็นแน่ๆ ครับ
     แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น “แม็กซ์” ผมเดินไปตรงอื่นทันทีครับ ถึงอีกแป๊ปนึงอาจารย์จะมาแล้วก็เถอะ แต่วันนี้ไปป์จอมสายมาเร็ว แล้วผมก็ไม่ต้องการให้ไปป์มาแอบฟังผมคุยโทรศัพท์ด้วย ไปป์ชอบสอดเรื่องของผมจนน่ารำคาญ
     “โทรมาแต่เช้า มีอะไร?”
     “โทรมาจองตัวเพื่อนรัก บ่ายนี้ไปกินข้าวกับแม็กซ์นะ”
     “พุธนี้ว่างเหรอ?”
     “ว่างสิ เพราะแม็กซ์รู้ว่าต้นไม่ว่างพรุ่งนี้”
     ... ผมอยากฟ้องแม็กซ์จัง ทีแม็กซ์ยังใส่ใจความรู้สึกของผมเลย
     “ใครบอกล่ะ”
     “อ้าว ทำไมอ่ะ?”
     “ที่ไม่ว่างน่ะ เสาร์อาทิตย์ต่างหาก คุณปู่บอกจะเลี้ยงให้ ยังไม่รู้จะหลบยังไงเลย เราเข้าสังคมไม่เป็น”
     “ก็ไม่ต้องทำไรมาก ยิ้มเฉยๆ ก็พอแล้ว”
     “ถนัดนะนาย”
     “หึๆ คิดว่าแม็กซ์เป็นใครล่ะ?”
     “แม็กซ์... อยากกินแฮมเบอร์เกอร์แบบโฮมเมด”
     “ได้คร้าบ เดี๋ยวพาไปกิน ชวนอาร์มไปด้วยป่าว?”
     “เอาสิ วันนี้อาร์มน่าจะว่าง เดี๋ยวเราโทรบอกเอง”
     “โอเค งั้นเดี๋ยวบ่ายนี้เจอกัน”
     “อืม”
     เสร็จจากแม็กซ์ผมก็โทรหาอาร์ม
     “ว่าไงต้น”
     “อยู่ไหนอ่ะ ขับรถอยู่รึเปล่า?”
     อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยครับ แต่ผมเป็นห่วงอาร์ม ไม่อยากให้คุยโทรศัพท์ขณะขับรถ เพราะเวลาอาร์มขับรถ... อืมเอาเป็นว่าคุยพร้อมขับไม่ดีแน่ๆ ครับ
     “เปล่าๆ ถึงมหาลัยแล้ว นี่วิ่งไปตึกอยู่”
     ว่าแล้ว นี่ก็จอมเฉียดฉิวอีกคน
     “วันนี้ตอนบ่ายว่างมั้ย?”
     “ชวนไปฉลองล่วงหน้าเหรอ? ไปสิๆ”
     อาร์มนี่บางทีก็ฉลาดเหมือนกันนะครับ ผมยังไม่ทันพูดอะไรแท้ๆ หรืออาร์มจะรู้กันกับแม็กซ์อยู่ก่อนแล้ว
     “อืม งั้นตกลงตามนี้นะ แล้วเจอกัน”
     “ได้ๆ เดี๋ยวเราเสร็จแล้วเราไปหาต้นเอง”
     “อืม บาย”
     ผมวางสายจากอาร์มตั้งใจจะไปเค้นเอาความจริงจากสมาชิกในกลุ่ม แต่ยศกลับเดินมาหาผม
     “วันเกิดมึงพรุ่งนี้กูได้ที่แล้วนะ หมูกะทะตรงแถวๆ เพชรบุรี ร้านใหม่พึ่งเปิด เดินทางสะดวก รสชาติอร่อย ราคาไม่แพงมาก”
     ยศว่าอะไรนะ! คือ... ผมงงครับ งงจนถือโทรศัพท์ค้างเลย
     “นาย... ว่าอะไรนะ?”
     “วันเกิดมึงพรุ่งนี้ไง จะไปเลี้ยงกันที่ร้านหมูกะทะแถวเพชรบุรี แต่นอกจากมึงแล้วจะเลี้ยงให้ไอ้โค่มันด้วย มันก็เกิดเดือนนี้เหมือนมึง”
     โค่เนี่ยนะ! แล้วใครบอกว่าผมอยากไปฉลองวันเกิดกับโค่!
     ผมหันไปมองชาวแก๊งของผม แต่ทุกคนรีบหลบตาผมกันหมด เมย์กับป่านทำไม่รู้ไม่ชี้ยกสมุดเลคเชอร์กลับหัวขึ้นมาบังทำท่าสนใจเรียนซะเต็มประดา แก้วก้มลงทำท่าขีดๆ เขียนๆ อะไรซักอย่าง ไปป์เนียนทำเป็นงีบหลับ ส่วนโอมก็ยิ้มแหยๆ ให้ผมแล้วก้มหน้า
     โอเค... เล่นมัดมือชกกันแบบนี้ใช่มั้ย!
     “เรายังไม่แน่ใจเลยน่ะยศ”
     “มึงไม่แน่ใจอะไร?”
     “เอ่อ... ก็พวกป่านเค้าบอกว่าจะชวนเราไปฉลองอยู่แล้วไง”
     “ก็ไปกันหมดนี่แหละ แต่คนมันเยอะ เลยเปลี่ยนจากชาบูชิเป็นหมูกะทะไง มึงกินได้ใช่มั้ย?”
     “กินได้ใช่มั้ย?” แปลว่ายังไงผมก็ต้องไปสินะครับ
     “อืม เราไม่มีปัญหาอะไร”
     สาบานเลยว่าวินาทีที่ผมกัดฟันตอบออกไปผมเห็นห้าคนนั่นแอบทำท่าดีใจ แม้แต่แก้วยังกำมือทำท่า “เยส!” เบาๆ ให้ตายเหอะ!
     แต่ทำไงได้ล่ะครับ เพื่อนอุตส่าอยากเลี้ยงฉลองให้ผมทั้งที ผมเลยพยายามฉีกยิ้มให้กว้างมากที่สุดจนแก้มผมตึงไปหมด ผมคุยรายละเอียดกับยศอีกนิดหน่อยก่อนที่จะเดินไปนั่งประจำที่ของผม
     “แสบมากเลยนะพวกคุณ”
     “ขอโทษนะจ้ะต้น แต่พวกเราอยากเลี้ยงฉลองวันเกิดให้ต้นจริงๆ นะ”
     คิดว่าส่งแก้วมาเป็นนอมินีแล้วจะรอดกันเหรอ
     “เราก็ไม่ได้บอกซักคำว่าจะไม่ไปด้วย แล้วกลายเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้เนี่ยนะ?”
     ผมพูดพร้อมกับปรายตาไปทางโค่ พอป่านเห็นสายตาของผมก็รีบชิงแก้ตัว
     “ความคิดอิไปป์เลยแก ฉันไม่เกี่ยว! มันเลย”
     ป่านยกสองมือขึ้นมาทำท่าชี้ไปที่ไปป์แล้วก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นายโดนทิ้งแล้วล่ะไปป์ คู่หูของนายเขาเสียสละนายเอาตัวรอดไปแล้ว ในเวลาแบบนี้บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ... ไปป์น่ารักก็ตรงนี้แหละ ทั้งเชื่องทั้งจูงจมูกง่าย ใครๆ ก็รัก หึๆ
     “เง้อ! ทำไมทำกับเราแบบนี้ล่ะ P1! เรา... ป่าวนะต้น เราไม่รู้อ่า นึกว่ามีแต่พวกมิวมันอ่า ยศนั่นแหละชวนคนอื่นๆ มาเพิ่มเอง เราไม่ได้ทำไรเลยน้า”
     คู่หูตัวป่วนต่างคนต่างโยนความรับผิดชอบ เฮ้อ....
     “ช่างเถอะ ขอบคุณนะ ทำเพื่อเราขนาดนี้ นานๆ ทีไปสังสรรค์กันในภาคแบบนี้ก็ไม่เลวมั้ง”
     “เย้! สำเร็จ”
     ผมมองป่านกับไปป์แปะมือกันด้วยความปวดหัว ทีเมื่อกี้ทั้งคู่ยังเกี่ยงกันรับผิดอยู่เลย ตอนนี้ดันมาสามัคคีกันแฮปปี้ซะแล้ว ถ้าไปป์เป็นจอมยุ่งแล้วละก็ ป่านเองก็จอมบงการ เมย์จอมเอาแต่ใจ แก้วเจ้าแม่ไอเดีย มีแต่โอมคนเดียวเท่านั้นแหละที่เข้าใจผม เพราะผมเห็นสีหน้าขอโทษแกมเห็นใจส่งมาให้ผมจากโอมเป็นระยะๆ เอาเถอะครับ หวังว่าพรุ่งนี้มันคงไม่เลวร้ายเท่าไหร่นะ แค่ไปกินข้าวด้วยกันเกือบทุกคนในภาค ... มันคงไม่ต่างกับตอนไปเลี้ยงรุ่นช่วงเปิดเรียนใหม่ๆ เท่าไหร่ ... ยอมรับว่าระแวงครับ ไม่มีรุ่นพี่ไปคุมซะด้วย หวังว่ายศคงเอาอยู่นะครับ เฮ้อ... เครียด!
     ผมนั่งเรียนด้วยอารมณ์หวั่นๆ เกือบทั้งคาบ ความกดดันมันเกาะแน่นในใจจนผมเรียนไม่มีความสุขเลยครับ รอไปผ่อนคลายอารมณ์กับแฮมเบอร์เกอร์อร่อยๆ เที่ยงนี้ดีกว่า

     ตอนเช้าผมคิดว่าแย่แล้ว แต่ตอนกลางวันที่ผมเลิกเรียน มันแย่ยิ่งกว่าครับ! มิน่าผมเห็นจิ้งจกเกาะผนังระเบียงเมื่อเช้า ทั้งๆ ที่ปกติห้องผมไม่มีจิ้งจก แถมมันยังร้องทักผมด้วย!
     ผมคิดว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่สุดของที่สุดเลยก็ว่าได้ ... เป็นธรรมดาของอาจารย์ท่านนี้ที่ชอบสอนเกินเวลา ดังนั้นพวกผมเลยลงมาช้า ผมคิดว่าอาร์มน่าจะมารอผมอยู่แล้ว แต่แม็กซ์น่าจะยังมาไม่ถึง พวกผมเดินลงจากตึกพร้อมๆ กันเป็นกลุ่ม แต่แล้วสายตาของผมก็มาสะดุดตากับสาวน้อยคนหนึ่งที่สูงแค่ร้อยห้าสิบเซ็นติเมตร เธอนั่งคุยอยู่กับอาร์ม พอเธอหันมาเห็นผมเธอก็ร้องเรียกชื่อผมอย่างยินดีแล้ววิ่งเข้ามากอดผม นอกจากนี้เธอยังพยายามจะหอมแก้มผมด้วย แต่เพราะผมเบี่ยงตัวหลบเธอจึงทำอย่างที่ต้องการไม่ได้ เธอเลยเปลี่ยนเป็นยืนโอบเอวผมเอาไว้แล้วฝังหน้าซบลงกับอกผมแทน ไม่ต้องพูดถึงเพื่อนคนอื่นๆ ในภาคผมนะครับที่มองกันตาค้าง เมย์นี่ควันแทบออกหูแล้ว งวดนี้จะมีคนใส่ไข่เอาไปนินทาว่าผมได้หน้าลืมหลังอีกรึเปล่า?
     “ไนน์ ทำแบบนี้อีกแล้วนะ”
     “ไม่เห็นเป็นไรเลย ตะเองกะเค้าเป็นญาติห่างๆ ก็เหมือนเป็นพี่น้องกัน”
     ไนน์ตอบพลางยิ้มให้ผม แถมยังคล้องแขนกับผมอีก ใบหน้าเล็กๆ นั้นยิ้มจนตาหยี ไม่เจอตั้งนาน ยังชอบทำตัวเป็นคุณหนูเอาแต่ใจไม่เปลี่ยน
     “มาถึงเมื่อไหร่?”
     “เมื่อเช้า เก็บของแล้วก็ออกมาหาตะเองเลยนะเนี่ย คิดถึงสุดๆ แล้วตะเองล่ะ คิดถึงเค้ามั้ย?”
     ผมยิ้มให้ไนน์แล้วตอบ อดไม่ได้ที่จะลูบหัวไนน์บ้าง คือ... ก็มันไม่ค่อยมีคนที่เตี้ยกว่าผมเท่าไหร่นี่ครับ
     “คิดถึงสิ”
     “ต้นยิ้มให้คนอื่น!”
     “ไอ้ต้นลูบหัวผู้หญิง!”
     อะไรน่ะ! ผมหันขวับกลับไปมองเจ้าของเสียงกวนประสาททั้งสอง ไปป์กับมิวนิค พวกนายจะตกอกตกใจอะไรกัน? ทำลายบรรยากาศดีๆ ของผมกับไนน์หมด
     “อะไรๆ อะไรเหรอ เพื่อนตะเองเหรอ?”
     ไนน์ทำท่าสนใจชะเง้อไปมองพวกเปรตขอส่วนบุญที่ส่งเสียงน่ารำคาญเมื่อตะกี้ ท่าทางเขย่งโยกตัวไปมาอย่างสดใสร่าเริงนั้นน่ารักมากเลยครับ ความสดใสร่าเริงของไนน์นี่ผมต้องขอยอมแพ้จริงๆ แต่ในระหว่างที่ผมกำลังชื่นชมไนน์อยู่ ก็มีตัวน่ารำคาญมาเพิ่ม
     “ผมเพื่อนต้นครับ ชื่อนอยซ์ยังโสด”
     “กูโสดกว่า เราชื่อโคโค่นะ เธอน่ารักจังเป็นแฟนเราเหอะ”
     ผมรีบดึงไนน์ให้ห่างออกมาจากเสนียดทั้งสองทันที ผมกันไนน์ให้ไปอยู่ด้านหลังของผมแล้วเอาตัวเองขวางระหว่างมนุษย์หูดำทั้งคู่กับไนน์เอาไว้ ทุเรศมากเลยครับ ถึงโค่จะหื่นเป็นจอมลามกของรุ่นก็เถอะ แต่ถ้าเรื่องขี้หลีนี่ต้องยกให้นอยซ์เลย เอะอะจีบดะน่ารำคาญ!
     “ต้นหวงด้วยอ่า...”
     “แล้วนายจะพูดพล่ามไปเพื่ออะไรห๊ะไปป์!”
     ผมว่าผมทนมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ เรื่องสายตาริษยาปิดบังไม่ได้ไม่เป็นมิตรที่ส่งมาจากเมย์เนี่ยผมพอเข้าใจนะ แต่นายจะมาใช้โหมดหวงเจ้านายอะไรเอาตอนนี้!
     “ไปคุยกันตรงอื่นเถอะ”
     ผมพยายามจะดึงไนน์ไปให้พ้นจากพวกหน้าหม้อ แต่ยศกลับเรียกผมไว้ซะก่อน
     “เดี๋ยวๆ ต้น พรุ่งนี้อ่ะ ตอนเย็นมารวมตัวกันที่ตึกภาคก่อนนะเว้ย แล้วค่อยไปที่ร้านด้วยกัน จะได้คุยว่าจะมีใครเอารถไปบ้างแล้วแบ่งรถกัน”
     “เอ๋? พรุ่งนี้? พรุ่งนี้วันเกิดตะเองไม่ใช่เหรอ มะใช่กงวีจัดงานเลี้ยงฉลองให้ตะเองหรอกเหรอ?”
     “เอ่อ... เลื่อนเป็นเสาร์อาทิตย์มั้ง พรุ่งนี้เราจะไปเลี้ยงหมูกะทะกับพวกเพื่อนๆ ในภาคน่ะ”
     “เอ๋? ... เสียดายจังอ่า เค้าอุตส่ากลับมาเพื่องานวันเกิดอายุครบยี่สิบของตะเองน้า แต่ตะเองจาไปกับเพื่อน งี้เค้าก็อดฉลองกับตะเองจิ”
     มาแล้วท่าไม้ตายของไนน์ เกาะแขนผมแล้วก็ช้อนตาขึ้นมอง แถมยังทำน้ำตาคลออีก แล้วผมจะใจร้ายได้ยังไง ไนน์อุตส่าบินกลับมาเซอร์ไพรส์ผมขนาดนี้ ไม่เหมือนบางคนที่คงอยู่ด้วยกันทุกวันจนชิน!
     “เดี๋ยวก็ฉลองด้วยกันวันเสาร์ไง”
     “มันไม่เหมือนกันนี่นา งานวันเกิดก็ต้องฉลองในวันเกิดจิ!”
     “แต่ว่า...”
     “มันจะไปยากอะร้าย มึงก็ให้น้องเค้าไปด้วยกันสิวะ ใช่ป่ะ ใครอยากให้น้องเค้าไปด้วยยกมือ”
     จากการชี้นำของนอยซ์ และแล้วผมก็เห็นการร่วมแรงร่วมใจจากผู้ชายในภาค เกือบทุกคนยกมือกันพรึ่บ! และทุกคนที่ยกส่วนมากยังไม่มีแฟน ไม่สิ! ขนาดนนยังยกเลย นายมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ? เฮ้ย! แม้แต่อัฐยังยกเลยเหรอเนี่ย! ผมมองอัฐที่ยกมือขึ้นแถมยังอมยิ้มหน่อยๆ ด้วยแล้วก็รู้สึกแปลกๆ นี่พวกเพื่อนๆ ผมสามัคคีกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? ไม่สิ พอมองดูดีๆ แล้วผมเห็นออร่าดำทะมึนส่งมาจากแก๊งผมเอง โดยเฉพาะเมย์
     “ว้าว! ให้เค้าไปด้วยได้เหรอ ดีจังเลย เย้ พรุ่งนี้เค้าจาได้ฉลองกับตะเองแย้ว!”
     ไนน์แกว่งแขนผมอย่างอารมณ์ดี ท่าทางลั่นล้ามากครับ ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม แต่แล้วใบหน้าของไนน์ก็ต้องยิ้มค้างพร้อมกับการปรากฏตัวของแม็กซ์!
     “ใครเชิญเธอ!”
     เสียงของแม็กซ์ดังขึ้น แม็กซ์วิ่งกระหืดกระหอบพุ่งเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าผม ในมือถือโทรศัพท์เอาไว้ด้วย ผมหันไปมองอาร์ม เห็นอาร์มกำลังเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงพอดี
     “ใครเชิญเธอยัยเตี้ย แยกไม่ออกเหรอพรุ่งนี้ต้นจะไปกับเพื่อน อย่าเสร่อ!”
     ท่าทางของแม็กซ์ในตอนนี้เป็นสิ่งที่ผมคุ้นเคยมาตลอดหลายปี แต่ดูท่าเพื่อนผมคนอื่นๆ จะไม่ชิน ก็บอกแล้วว่าแม็กซ์น่ะ เกรียน...
     “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย อย่ามายุ่ง!”
     ผมเห็นลูกแมวกำลังขู่กลับสิงโต!
     “ตะเอง! ตะเองไม่เห็นบอกเค้าเลยว่าตะเองกลับไปคุยกับไอ้หมอนี่อ่ะ”
     “เลิกเกาะแกะต้นได้แล้ว ไปเหอะต้น”
     แม็กซ์แกะมือของไนน์ออกจากแขนผม ส่วนไนน์ก็ชิงสะบัดมือหนีแม็กซ์แล้วผลักอกกลับไป ก่อนจะวิ่งมาหลบหลังผมแล้วด่าสวนกลับ
     “นายนั่นแหละ ต้นไม่ได้รักนายซะหน่อยยังมาตามตื้อเค้าอยู่ได้ หน้าด้าน!”
     “อู้ว... แร๊ง!”
     นายจะพากย์ทำไมห๊ะไปป์! ผมหันกลับไปจิกสายตาใส่บรรดาฟิสิกส์มุง นอกจากไปป์ที่ปากเสียไม่ดูเวล่ำเวลาแล้วพวกคนอื่นๆ ก็ด้วย จะมายืนรอลุ้นอะไรกัน ผมอายเขา...
     “เอ่อแม็กซ์ ไนน์ เราว่าไปจากตรงนี้ก่อนดีกว่ามั้ย?”
     “แม้ก คือว่าพรุ่งนี้พวกเราจะไปเลี้ยงฉลองวันเกิดให้ต้นกันที่ร้านหมูกะทะแถวๆ เพชรบุรี นายจะไปกับพวกเรามั้ย?”
     แล้วนั่นป่านจะทำอะไรน่ะครับ!?
     “เฮ้ย! คนเยอะแล้วนะป่าน”
     “หุบปากไปเลยไอ้ยศ! เมื่อกี้ฉันเห็นแกยกมือ เพิ่มแขกไม่ได้รับเชิญมาตั้งหนึ่งคนแล้วทำไมเราจะเพิ่มเพื่อนสนิทต้นอีกซักคนสองคนไม่ได้ล่ะ? ใช่มะ?”
     ผมเห็นป่านหันไปพยักเพยิดกับชาวแก๊ง สองสาวกับไปป์พยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง!
     ป่าน เราเพิ่งรู้นะว่าสาวมาดทอมบอยอย่างเธอก็มีช่วงเวลาที่แม้แต่นางร้ายละครหลังข่าวยังต้องขอยอมแพ้!
     “โดยเฉพาะ ในเมื่อพวกฉันก็สนิทกับแม็กซ์ด้วยเหมือนกัน”
     ป่านตรงเข้ามาคล้องแขนผมไว้หนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างก็คล้องแขนกับแม็กซ์ แล้วก็ดึงผมให้ถอยห่างออกมาจากไนน์ โอ๊ย! ใครก็ได้ช่วยผมที ผมปวดหัว!
     “ต้นไม่ได้สนิทกับมันซักหน่อย! หมอนี่มาตามตื้อต้นฝ่ายเดียวต่างหาก! ถ้าพูดถึงเพื่อนสนิท ตะเองสนิทกับเค้ามากกว่าใช่มั้ย? ตะเองรักเค้าที่สุดเพราะเค้าเป็นคนสำคัญของตะเอง!”
     ผมรู้สึกมึนตึ๊บจนขี้เกียจพูดอะไร ถึงแม้ว่าความจริงแล้วสิ่งที่ทั้งไนน์และป่านพูดมันจะผิดหมดก็ตาม ผมสนิทกับเมษที่สุดต่างหาก แต่เมษไม่ได้อยู่ช่วยผมซะด้วยตอนนี้
     “ใครบอก ต้นน่ะไว้ใจเรามากที่สุดต่างหาก เราได้ไปเที่ยวคอนโดต้นมาแล้วด้วย! แฟนต้นยังเคยเลี้ยงโจ้กเราเลย!”
     แล้วนายจะมาแข่งอะไรเอาตอนนี้ โอ๊ยยยยย คนพวกนี้เป็นเด็กอนุบาลกันรึยังไงครับ ให้ตายเหอะ ผมปวดหัว!
     “เราหิวข้าว พวกนายเถียงกันไปนะ”
     ผมพยายามสะบัดพันธนาการทั้งหมดออกไปแล้วเดินหนี ไม่ไหวแล้วครับ มีแต่พวกบ้า!
     “อ้าว ไม่อยู่ต่ออีกหน่อยเหรอจ้ะต้น คิกๆ”
     พี่ษา! ผมเบรคกระทันหันทันทีที่พี่สาวของผมปรากฏตัวขึ้น พอตั้งสติได้ผมก็พยายามปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้เข้าที่แล้วทักทายพี่ษา
     “มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
     เกิดความเงียบไปทั่ว แม้แต่แม็กซ์ยังไม่กล้าพูดอะไร ก็พี่ษาเป็นพี่สาวแท้ๆ ของผมนี่ครับ แม็กซ์ไม่กล้าเสียมารยาทหรอก ไนน์เลยได้ใจมากๆ ผมเห็นไนน์แอบแลบลิ้นเบ้หน้าใส่แม็กซ์ด้วย ส่วนพวกเพื่อนคนอื่นๆ ของผมนั้นยืนนิ่งกันหมดแล้ว
     “มาตั้งนานแล้วจะ”
     “พี่ษาไปรับเค้ามาหาตะเองงาย”
     ผมคิดว่าวันนี้ผมอดแฮมเบอร์เกอร์แน่ๆ ครับ ลองสองคนนี้จับมือกันแล้ว ผมหันไปมองแม็กซ์ แม็กซ์ทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ผมแอบเหลือบไปมองพวกเพื่อนคนอื่นๆ ทุกคนท่าทางอยากรู้อยากเห็นแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร พี่สาวผมทำหน้าอมยิ้มกลั้นขำซะเต็มประดา! น่าอายชะมัดเลยครับ พี่ษาต้องเห็นฉากงี่เง่าเมื่อกี้แน่ๆ
     “พี่ษามาหาคุณพ่อเหรอครับ”
     ผมถามพี่ษาด้วยเสียงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พี่สาวของผมกลับยิ้มแล้วตอบผมด้วยเสียงโทนปกติ
     “พี่กลัวพรุ่งนี้เราจะหนีอีก พี่กับไนน์เลยว่าจะมาชิงตัวเราไปฉลองกันก่อนวันนี้ ไม่คิดเหมือนกันนะว่าน้องชายพี่จะเป็นที่รักของเพื่อนขนาดนี้”
     “น้องชาย!”
     “ต้น ทำไมแกไม่เคยบอกฉันว่าแกมีพี่!”
     พวกนายจะตะโกนกันทำไม! แล้วนั่นเธอจะมาถามอะไรเอาตอนนี้ห๊ะป่าน! คนเดียวที่ดูจะนิ่งที่สุดในแก๊งค์ผมก็คือไปป์
     “เอ่อ... แต่ผม”
     ถึงด้านหลังผมจะน่ารำคาญแค่ไหน แต่ตอนนี้ผมกำลังน้ำท่วมปาก ผมพูดไม่ออกได้แต่มองหน้าแม็กซ์
     “ต้นไม่ว่างเหรอวันนี้ พี่อุตส่าแว๊บมาได้”
     พี่ษาทำหน้าเศร้าๆ อีกแล้ว ผมรู้สึกผิดจังเลยครับ
     “ใครอ่ะต้น?”
     บางครั้งป่านก็อยากรู้อยากเห็นเกินไปนะครับ ไม่สังเกตเลยรึไงว่าผมกำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ ป่านสะกิดแขนผมยิกๆ จนผมอยากจะกุมขมับ
     “เอ่อ พี่ษาครับ พี่พวกเพื่อนๆ ของผมครับ แล้วก็... พวกนาย นี่... พี่สาวเรา”
     เสียงของผมเบามาก ผมรู้ตัวดี ยังไงผมก็ยังไม่กล้าอยู่ดี ผมกลัวที่จะยอมรับ ผมกลัวคนขุดคุ้ย กลัวผลกระทบ แต่พี่ษากลับยิ้มหวานให้เพื่อนๆ ของผม
     “สวัสดีจ้า พี่ชื่อษานะ เป็นพี่สาวแท้ๆ ของต้น”
     “กูนึกว่ามึงเป็นลูกคนเดียวมาตลอดเลยนะเนี่ย ทำไมมึงไม่เคยบอกเลยวะว่ามึงมีพี่”
     “เราไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องไปสาธยายเรื่องส่วนตัวให้นายฟังนะมิวนิค”
     “พี่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของต้นจริงเหรอคะ?”
     แล้วเธอจะมายุ่งอะไรเนี่ยยัยป่าน!
     “จริงสิจ้ะ ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?”
     “ก็พี่กับต้นหน้าไม่เห็นเหมือนกันเลย”
     “เหรอ นั่นสิ พี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน น่าอิจฉาต้นเนอะ เกิดมาหน้าตาดีผิดกับพี่”
     “โอย ไม่หรอกครับ ต้นมึงเรียกกูว่าพี่เขยเดี๋ยวนี้เลย!”
     “มากไปแล้วนอยซ์ เมื่อกี้นายยังจีบเพื่อนเราอยู่เลย”
     “กูเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้กูอยากเป็นพี่เขยมึง!”
     ผมละเบื่อ อยากหนีจากสถานการณ์ตรงหน้านี้ชะมัดเลยครับ ผมได้แต่ปล่อยให้ไอ้พวกบ้านี่สัมภาษณ์พี่ษา อะไรจะเกิดก็ช่างมันแล้วครับ ผมแล้วแต่พี่ษาก็แล้วกันว่าจะพูดเรื่องของเรายังไง ส่วนตัวผม ขอไปเคลียร์กับแม็กซ์ก่อนแล้วกัน ผมสงสารแม็กซ์
     “แม็กซ์”
     “ไม่เป็นไรหรอก แม็กซ์เข้าใจ ตอนไอ้อาร์มโทรบอกก็พอเดาได้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้”
     “เหรอ?”
     ผมได้แต่ขอโทษแม็กซ์กับอาร์มด้วยสายตาเพราะอับจนคำพูด
     “ไม่เห็นเป็นไรเลย ยังไงวันนี้ก็ยังไม่ใช่วันเกิดต้นอยู่แล้ว ไว้พวกเราไปฉลองกับต้นพรุ่งนี้ก็ได้ เพื่อนๆ ต้นก็ไม่ว่าอะไรไม่ใช่เหรอ?”
     สมกับเป็นอาร์ม มองโลกในแง่ดีสุดๆ เลยครับ
     “แต่เราทำให้แม็กซ์ต้องเสียเวลานี่ ขอโทษนะ”
     “ช่างมันเหอะ ได้มาเห็นหน้าต้น ไม่เสียเวลาหรอก”
     งี้แหละแม็กซ์ ลงท้ายก็ยอมให้ผมทุกที ดีจังที่แม็กซ์ไม่โกรธไนน์กับพี่ษา
     “งั้นเอาเป็นว่านายยังติดหนี้แฮมเบอร์เกอร์เราอยู่นะ อย่าลืมสัญญาล่ะ”
     “งกละต้น”
     “ไม่รู้ล่ะ”
     “เออๆ ไปฉลองกับพี่ต้นเหอะ วันนี้แม็กซ์คงช่วยอะไรต้นไม่ได้ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้จะหาไม้กันหมามาให้ หึๆ”
     “แม็กซ์!”
     แม็กซ์นะแม็กซ์ เรื่องอะไรมาว่าไนน์แบบนั้น อย่างน้อยๆ ก็ต้องเปรียบเทียบว่าแมวสิ ว่าผู้หญิงเป็นหมาได้ยังไง ผมว่าลูกแมวน่ารักกว่าเยอะเลยครับ ส่วนตำแหน่งลูกหมาน่ะยกให้ไปป์ไปเถอะ
     “ไปเว้ยอาร์ม ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
     “ไปนะต้น”
     “อืม”
     เฮ้อ... เสร็จไปหนึ่งเรื่อง ผมเดินกลับไปหาพี่ษาที่ปลีกตัวออกมาจากบรรดาพวกขี้สงสัยอยากรู้อยากเห็นได้แล้ว
     “อ้าว? เพื่อนกลับไปแล้วเหรอต้น นึกว่าจะชวนไปด้วยกันซะอีก”
     “แม็กซ์เขาไม่สะดวกเท่าไหร่น่ะครับ”
     “ดีแล้วล่ะค่ะเจ้ เค้าเกลียดไอหมอนั่น”
     “ไปว่าเค้าแบบนั้นได้ไงตัวเล็ก ไม่น่ารักเลย เป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
     “ช่างเถอะครับ ไนน์กับแม็กซ์เป็นไม้เบื่อไม้เมาแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ผมชินละครับ”
     “ต้องโทษตัวเองน้า ก็น้องพี่อยากเสน่ห์แรงเอง คิกๆ”
     ไหงมาล้อผมแบบนี้ได้เนี่ย เวลาอยู่กับสองสาวนี่ทีไรผมถูกรุมทุกที
     “แล้วนี่พี่ษาจะแวะไปหาคุณพ่อรึเปล่าครับ?”
     เพราะยืนอยู่ตามลำพังกันสามคนแล้ว ผมเลยกล้าพูดออกมาได้
     “คุณพ่อบอกว่าจะรอวันเสาร์จ้า คุณพ่อบอกว่าไม่อยากมากวนใจเด็กๆ งานนี้พี่เป็นเจ้ามือเลี้ยงน้องๆ ทั้งสองของพี่เอง ไปสนุกกันสามคนพี่น้องยังไงล่ะจ้ะ”
     “เย้!”
     พี่กับไนน์น่ะสิครับสนุก ผมน่ะถูกลากไปเฉยๆ แค่คิดผมก็เหนื่อยแล้ว แต่พี่สาวขอผมฟังซะที่ไหน เธอกำลังเมามันกับแผนการณ์ฉลองของเธอครั
     “นี่นะเดี๋ยวพี่จะพาต้นไปกินเค้กร้านโปรดของพี่ ร้านนี้นะลาวาเค้กอร่อยมากเลย บรรยากาศก็น่ารักสุดๆ ต้นต้องชอบแน่ๆ”
     “แล้วมีไอติมมั้ยคะเจ้?”
     “มีสิตัวเล็ก วันนี้เราจะไปตระเวนทานของหวานให้สะใจเลย เชื่อพี่สิ เดี๋ยวพอถึงงานวันเสาร์นะ เดี๋ยวก็มีแต่พวกอาหารจีนอีกอ่ะ คุณปู่ไม่เข้าใจวัยรุ่นอย่างพวกเราหรอก”
     อย่าว่าแต่คุณปู่เลยครับ ผมก็ไม่เข้าใจ .... ผมอยากกลับคอนโดเป็นบ้าเลย! แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนนี้ให้อารมณ์เหมือนคุณครูมือใหม่ท่ามกลางเหล่าเด็กอนุบาล ทุกคนทะเลาะกันแย่งต้น น่ารักจังเยย ฉากนี้พยายามเขียนแบบการ์ตูนหน่อยๆ ล่ะ หวังว่าคนอ่านคงจะชอบ เหอะๆ ไนน์น่ารักจริงๆ น้า แม็กซ์เกรียนคงเส้นคงวา ป่านแอบร้าย แต่ไปป์มุ้งมิ้งที่สุด!

อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ แต่ถ้าคนอ่านไม่โดนสกิลเชิดหุ่นจากน้องต้นมากเกินไปก็ควรจะคิดอีกแง่นึงบ้าง ไอ้ที่ต้นทำกับแม็กซ์นี่มันยังไงๆ อยู่เนอะ มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน นี่ใช่มั้ยไอ้ที่เขาเรียกว่ากิ๊ก?
ไม่ต้องให้ตัวเอกไปอ่อยรักซ้อนซ่อนเงื่อนหรอก ไม่ต้องเขียนให้มีมือที่สามมายั่ว เบื่อนิยายตื้นๆ พรรณนั้นละ นิยายเรื่องนี้ตัวละครทำตัวเองทั้งนั้น 
ลองคิดถึงใจพี่ชัชที่ต้องทนมองต้นคบกับแม็กซ์ นี่มันโคตรของโคตรระแวงอ่ะ พี่ชัชคงเสียวแว๊บ ไม่พอใจแต่ก็ไม่รู้จะห้ามยังไง อะไรๆ ค้ำคออยู่เยอะ

เห็นนิสัยพี่ชัชไปเยอะแล้ว คนแบบพี่ชัชเป็นผู้ชายเต่าถุยมาก แต่ฮีงี่เง่าออกมาตรงๆ ไง "รู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำ" ในขณะที่น้องต้นเป็นคนแบบนี้แหละ "ผมผิดอะไร?" คือหน้าซื่อตาใสมาก แอ็บแอนด์แหลได้โล่อ่ะ
เราว่าคนแบบต้นนี่ร้ายกว่าพวกแรงๆ ง๊องแง๊งเอาแต่ใจสไตล์เกาหลีนั่นอีก เพราะต้นน้ำเชื่อฝังหัวมากว่าตัวเองบริสุทธิ์ ตัวเองไม่ได้คิดอะไรกับแม็กซ์ส่วนแม็กซ์จะคิดอะไรฮีไม่สนตราบใดที่ฮีไม่เดือดร้อน แล้วฮีก็เก็บแม็กซ์ไว้ข้างตัวแบบนั้น
อา... นิยายเรื่องนี้ปวดตับเกินไปละ นี่มันนิยายบ้าอะไรกัน เขียนให้คนอ่านเกลียดตัวละครเนี่ย? ก็เอาด้านมืดของมนุษย์มาเขียนไง หึๆ บางทีนิสัยเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้เราก็ไม่รู้ตัวว่ามันแย่จนกว่าจะมีกระจกสะท้อนนะเออ!

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เหตุการณ์หลังจากนั้น

     “โทรมามีไรวะ?”
     “กาย มึงรีบกลับมากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เลย!”
     “เป็นเหี้ยไรของมึง?”
     “มึงต้องกลับมาช่วยกู ด่วน!”
     “มึงเป็นบ้าอะไรวะแม็กซ์ ใครตายรึไง? จะได้เวลาคาบบ่ายแล้วกูต้องรีบแดกข้าว เสียเวลาว่ะ”
     “ไม่มีใครตาย แต่ถ้ามึงไม่มามึงนั่นแหละที่จะเสียใจไปจนตาย”
     “เหี้ย อยู่ๆ จะให้กูกลับกรุงเทพฯ ตั๋วไม่ได้หาง่ายๆ นะเว้ย กูไม่มีตังค์ด้วย”
     “เออน่ะ หาตั๋วรถทัวร์ไม่ได้นั่งเครื่องมาเลยก็ได้ เดี๋ยวกูออกให้ แต่มึงต้องมาให้ทันละไปงานวันเกิดต้นกับกูพรุ่งนี้”
     “เพื่ออะไรวะ? กูไม่ได้สนิทกับไอ้ต้นนะเว้ย”
     “มึงไม่สนิท แต่เพื่อนสนิทต้นมา มึงจะมาไม่มาวะ?”
     “มึง... หมายถึงใครวะ?”
     “คนที่มึงรออยู่ไง ยังหวงก้างกูไม่เลิก แถมวันนี้แม่งพกพี่ไอ้ต้นมากันท่ากูด้วย กูรับมือคนเดียวไม่ไหวว่ะ ไอ้อาร์มก็ช่วยอะไรกูไม่ได้”
     “เดี๋ยวกูเช็คตารางเรียนกับเพื่อนแป็บ แล้วกูจะโทรกลับ แต่มึงโอนเงินเข้าบัญชีกูมาก่อนเลย เผื่อค่าตั๋วกูไม่พอ!”

     “มึงเอาจริงเหรอแม็กซ์ เรียกไอ้กายกลับมา ต้นกับกายมันไม่ถูกกันไม่ใช่เหรอ”
     “แต่มึงก็รู้ว่ากายชอบไนน์มากขนาดไหน ถ้ามีโอกาสใครก็อยากคว้าเอาไว้ทั้งนั้น กูแค่สร้างโอกาสให้เพื่อน ที่เหลือเป็นเรื่องของมัน”
     “กูนึกว่ามึงแค่เรียกมันมากันท่าไนน์ซะอีก ฮ่าๆ”
     “ถึงกูจะรำคาญยัยเตี้ยนั่นขนาดไหนแต่ก็ไม่ได้เกลียดนี่หว่า เพื่อต้นกูทนได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเพื่อนได้ประโยชน์ด้วยมันก็คุ้ม หึๆ”
     “มึงนี่ ฮ่าๆ”

     “พี่สาวต้นสวยจังเลยเนอะ”
     “ไฮโซอ่ะแก เรียนหมอด้วย ท่าทางผู้ดี๊ผู้ดี ดูแบบ ลูกคนมีเงินอ่ะ”
     “ป่านพูดแบบนี้ก็เท่ากับต้นดูไม่ดีน่ะสิจ้ะ”
     “โธ่แก้ว ไม่ใช่แบบน้าน แต่คือ ไงดีอ่ะ แบ่บ... พี่เค้าดูมีออร่าอ่ะแก ดูสวยไฮโซ ส่วนต้นน่ะ พวกแกก็รู้ ดูนิ่งๆ เฉยๆ ปกติอ่ะ โอ๊ย! ฉันก็พูดไม่ถูก แกช่วยฉันคิดหน่อยสิอิไปป์”
     “พี่สาวต้นแต่งตัวเก่ง ถึงจะดูเรียบร้อยแต่ก็แอบแต่งหน้าทำผมนิดหน่อย ใส่น้ำหอมอ่อนๆ บุคลิคเหมือนคุณหนูนุ่มนวล ส่วนต้นถึงจะหน้าตาดี แต่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องเสื้อผ้าทรงผม ดูเชยๆ แล้วก็ชอบทำหน้างอ”
     “เออใช่ๆ พี่เค้าดูวางตัวดี๊ดีอ่ะแก ฉันเห็นแล้วนึกว่านางสาวไทย ฮ่าๆ เอ๊ะ ว่าแต่ แก... อิไปป์!”
     “อะไรเหรอ P1?”
     “ทำไมแกดูไม่ตกใจเลยยะ? ปกติแกต้องระริกระรี้สนใจเรื่องส่วนตัวต้นมันละ ทีตอนเรื่องแฟนยังแบบ... นี่แกดูเฉยมากอ่ะ”
     “ป่าวนี่ เรา... เราก็สนอยู่นะ แต่พี่เขาเป็นผู้หญิงอ่ะ”
     “เอ แต่เราว่าก็แปลกนะ ทำไมต้นไม่เคยพูดเลยว่ามีพี่สาวล่ะ? แล้วแถมต้นยังเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าเป็นลูกคนเดียว ไม่มีคุณพ่อ แม่แต่งงานใหม่ไปอยู่เมืองนอก แล้วพี่สาวต้นโผล่มาจากไหนล่ะ แถมยังบอกว่าเป็นพี่แท้ๆ ด้วย”
     “นั่นสิ เราก็สงสัยเหมือนเมย์เลยจะ เท่าที่ดูเหมือนจะสนิทสนมกันพอสมควรด้วย น่าทึ่งนะ ต้นไม่กล้าขัดใจพี่เขาเลย”
     “ก็คงเพราะเป็นพี่น้องแท้ๆ ละมั้ง ต้นเลยไม่กล้าหือ แต่ขำหน้าไอต้นอ่ะ พวกแกเห็นป่าว หน้ามันนี่แบบว่าฮามากอ่ะ ยิ่งตอนที่ไอ้นอยซ์จีบพี่มันนะ ฮ่าๆ”
     “แต่เราหมั่นไส้ยัยเด็กคนนั้นมากเลยอ่ะ ทำตัวแอ๊บมาก”
     “เมย์ก็ ไปว่าเขาแบบนั้น ไม่ดีนะจ้ะ”
     “เอะๆ แก ฉันพึ่งนึกได้ หรือต้นจะหมายถึงคนนี้?”
     “อะไรเหรอป่าน?”
     “ก็ที่ต้นเคยบอกไงแก ตอนที่แกไปสารภาพรักกับต้นอ่ะ”
     “โอ๊ยไม่นะ! ถ้าเราอกหักเพราะต้นรักผู้ชายยังพอว่า แต่ถ้าเราต้องแพ้ให้กับยัยเด็กช่างแอ๊บคนนั้นเราไม่ยอมหรอก!”
     “แต่แบบนี้ที่ต้นพูดก็เป็นความจริงน่ะสิ”
     “จริงยังไงเหรอแก้ว?”
     “อืม เราจำได้ว่า ต้นบอกเมย์ว่า ถ้าต้นไม่เจอแฟน ต้นก็อาจจะไม่รู้ตัว อาจจะแต่งงานกับคนที่ใกล้ชิดเขาที่สุดตามที่ผู้ใหญ่สนับสนุนก็ได้ เพราะต้นเขาก็ไม่ได้รังเกียจผู้หญิงคนนั้น ดูท่าต้นคงชอบเด็กคนนั้นมากจริงๆ ต้นถึงได้ยอมง่ายๆ แบบนั้น แถมเด็กคนนั้นยังมากับพี่สาวต้นอีก”
     “โอ้ย ไม่เอาอ่ะ ถ้าต้องเสียต้นให้ผู้หญิงแบบนั้นเรายอมทนเห็นต้นเป็นเกย์!”
     “แรงไปแล้วมั้งเมย์”
     “แต่ฉันว่าฉันคุ้นๆ นา”
     “คุ้นอะไรเหรอจ้ะ ป่านเคยเจอเขามาก่อนเหรอ?”
     “ไม่ใช่หรอกแก้ว เราหมายถึงนิสัยเด็กๆ แบบนั้นต่างหาก เหมือนอิไปป์เลย พวกแกว่าป่ะ”
     “เออจริงด้วย!”
     “อ้าว! เรื่องไรมาลงที่เราอ๊า”
     “นั่นสิจ้ะ พอคิดดูดีๆ แล้ว ต้นก็ไม่เคยโกรธไปป์เลยซักครั้งไม่ใช่เหรอ”
     “โธ่เอ้ย... ที่แท้ต้นชอบแบบนี้หรอกเหรอเนี่ย รู้งี้หัดแอ๊บไว้ก็ดีอ่ะ ยังไงผู้ชายก็ชอบผู้หญิงที่แอ๊บๆ อยู่ดีใช่มั้ยล่ะ เชอะ!”
     “เออน่า ฮ่าๆ แกกลับตัวไม่ทันแล้วล่ะเมย์ ไม่แน่น้า อาจจะมีผู้ชายที่ชอบนิสัยตรงๆ ขาวีนชอบเหวี่ยงของแกอยู่ก็ได้”
     “ขอให้มีทีเถ้อ สาธุ!”
     “ฮ่าๆ แกๆ อิไปป์ นับเงินได้เท่าไหร่แล้ว?”
     “หนึ่งพันสามร้อยห้าสิบสองบาท”
     “ทุเรศว่ะ ใครมันให้เศษสองบาทมาวะ น่าเกลียดจริงๆ เลย”
     “ของไอ้เต็ม มันมีอยู่สิบเจ็ดบาทตอนนั้นมันเลยให้มาหมดตัว”
     “น่าเกลียดมากอ่ะ ฉันล่ะเกลียดอินี่จริงๆ เลย วันๆ เอาแต่เล่นเกม เอะอะก็หนีกลับบ้านไปเล่นเกม งานอะไรไม่เคยคิดจะช่วยเพื่อนทำ”
     “เอาน่าๆ แต่อย่างน้อยๆ พรุ่งนี้เขาก็อุตส่าจะไปกับพวกเราด้วยนะจ้ะ ดีออก ไปกับหมดทั้งรุ่นเลย ไม่ดีเหรอไง”
     “อิพวกนั้นมันไปเพราะขี้หลีอ่ะดิ ว่าแต่ แล้วพวกเราจะไปซื้อของกันที่ไหนดีวะ มาบุญครอง สยาม รึพาราก้อน?”
     “ช่วยกันคิดก่อนมั้ยว่าพวกเราจะซื้ออะไรให้ต้น แก ว่าไงอิไปป์ ที่ให้ไปสำรวจมาอ่ะ เอ๊ะ! แปลกว่ะ วันนี้แกเงียบจังเลย ปกติต้องพูดมากแย่งฉันพูดละ”
     “เปล่านะ ไม่ได้กลัวหลุดอะไรซักหน่อย! อ๊ะ...
     “แก๊! มีความลับอะไร คายออกมาเลย คายออกม๊า!”

     “มึงมีไรจะเล่าให้พวกกูฟังวะวิน ชวนพวกกูมาแดกข้าวซะไกล”
     “นั่นดิ กูต้องโทรไปขอโทษแฟนกูเลยเนี่ย”
     “เออน่า กูไม่อยากพูดในมอ มันไม่ดี”
     “ทำไมวะ?”
     “เรื่องต้นไง ที่พวกมึงสงสัยกันอ่ะ แล้วก็เกี่ยวกับที่มึงวางแผนจะดัดนิสัยต้นมันด้วยไงอาร์ท”
     “ทำไมวะ มีไรอีก?”
     “กูว่าต้นเป็นเด็กมีปัญหาว่ะ พวกเด็กมีปมอ่ะ กูเลยไม่อยากให้มึงทำอะไรรุนแรง เดี๋ยวจะซวย”
     “กูไม่เข้าใจว่ะ?”
     “มึงเคยสงสัยใช่ป่ะยศ ว่าทำไมพวกอาจารย์โอ๋ต้น”
     “เออ”
     “มึงเคยได้ข่าวเรื่องต้นกับอาจารย์ต้นตระการรองภาคเคมีป่ะ?”
     “ไม่จริงหรอกมั้ง ตอนนั้นจารย์แกก็บอกไม่ใช่เหรอว่าเป็นญาติห่างๆ หรือคนรู้จักไรเนี่ยแหละ”
     “กูว่าอาจารย์โกหกว่ะ”
     “เฮ้ย! เรื่องนี้มึงอย่าพูดซี้ซั้วหน่าวิน”
     “มึงฟังกูก่อนสิวะอาร์ท มึงนี่ก็รีบแทรกจริง คืองี้ พวกมึงเห็นพี่สาวต้นป่ะ?”
     “เออ เห็น สวยดีว่ะ หมวยหน่อยๆ แต่ขาวโคตร ใจกูกระตุกเลย”
     “กูจะฟ้องแฟนมึง ฮ่าๆ”
     “พวกมึงอย่าเพิ่งเล่นได้ป่ะวะ กูรอฟังอยู่”
     “โทษๆ คืองี้ กูเคยไปที่ห้องพักอาจารย์ภาคเคมีมาว่ะ แล้วกูเคยซุ่มซ่ามทำกรอบรูปของอาจารย์ต้นตกลงมาแตก”
     “แล้วไงวะ อย่ามัวแต่อมดิ รีบๆ คายออกมาให้หมด”
     “มันเป็นรูปครอบครัวไงมึง อาจารย์กับเมียแล้วก็ลูกสาว”
     “แล้วไงต่อ?”
     “ก็กูจำได้ไงว่าพี่สาวต้นที่มาวันนี้อ่ะ คนเดียวกับในรูปที่กูทำตก”
     “เฮ่ย... ไม่มั้ง ถ้าเป็นความจริงก็...”
     “มึงจำผิดคนป่าววะวิน?”
     “มึงก็รู้กูความจำดีจะตาย ยิ่งเรื่องผู้หญิง กูไม่เคยพลาด มึงเคยเห็นกูจำกิ๊กกูผิดเหรอยศ”
     “แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะมึง”
     “กูก็ไม่แน่ใจ เลยมาเล่าให้พวกมึงฟังไง แต่ผู้หญิงคนนั้นเขาก็บอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าเป็นพี่แท้ๆ แถมยังเรียนหมอเหมือนกับที่อาจารย์เล่าให้กูฟังเลย ตอนนั้นกูขอโทษอาจารย์เขาไปยังคิดอยู่เลยว่าต้องชดใช้ค่าเสียหายให้อาจารย์แกซะแล้ว แต่อาจารย์บอกว่าไม่เป็นไร ให้กูเอาเศษกรอบรูปที่แตกไปทิ้งถังขยะพอ กูก็เลยถามเล่นๆ ไปว่ารูปครอบครัวอาจารย์เหรอ? อาจารย์เขาก็บอกว่าถ่ายกับลูกสาวตอนสอบเข้าหมอได้ กูเลยแซวๆ ว่าลูกสาวอาจารย์สวยดี แต่อาจารย์เขาบอกกูว่าลูกเขาอายุมากกว่ากู กูเลยคุยต่อว่าไม่มีน้องเหรอ อาจารย์แกก็บอกมีลูกสาวคนเดียว เรื่องนี้กูจำได้แม่นเลยเพราะกูชอบอาจารย์เขามาก อาจารย์เขาใจดีแล้วก็กันเองกับนักศึกษาสุดๆ”
     “มึงจำหน้าผิดป่าววะ ขาวๆ หมวยๆ สับสนไรงี้?”
     “กูไม่รู้ว่ะอาร์ท แต่เท่าที่รู้มาต้นมันอยู่กับแม่สองคนไม่มีพ่อใช่มั้ย ตอนเข้าปีหนึ่งแม่มันก็มามอบตัวอยู่ แต่ไม่นานมันก็บอกว่าแม่มันไปเมืองนอก มีปัญหาเรื่องเอกสารที่ต้องให้ผู้ปกครองเซ็นต์ประจำอ่ะ กูไม่เคยได้ยินมันพูดถึงพ่อเลย แล้วมันก็ไม่ชอบให้ใครไปยุ่งเรื่องส่วนตัวมันด้วย ถามอะไรก็ไม่เคยตอบ แล้วมึงจำตอนปีหนึ่งได้เปล่าที่ต้นมันทำหน้าหงิกแล้วก็ขึ้นเสียงใส่อาจารย์เขาตอนนั้นอ่ะ โคตรแรงแต่อาจารย์เขากลับไม่ถือสาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนพักหลังๆ นี่แหละ ที่กูเห็นมันเลิกก้าวร้าวกับอาจารย์เขา ละที่สำคัญพวกมึงจำได้ป่าววะ ที่อัฐมันเล่าให้ฟังเรื่องไปทะเลอ่ะ ที่มันบอกว่าต้นเคยพูดไว้ว่าพ่อมันเป็นใครคนนึงที่พวกเราทุกคนรู้จัก แล้วก็บอกว่ามันหวงความลับนี้มากกว่าเรื่องเป็นเกย์ซะอีก”
     “นั่นสิวะ พอมาคิดๆ ดู กูจำได้ว่าอาจารย์เขาฝากของมาให้ไอ้ต้นประจำเลย บางทีก็เรียกให้ไปพบบ่อยๆ แต่ถ้าเป็นอย่างที่มึงคิดจริงๆ ก็... สงสารไอ้ต้นว่ะ”
     “ถ้าต้นมันเป็นลูกอาจารย์เขาจริงๆ กูไม่แปลกใจหรอกทำไมแม่งโคตรเก็บกด นิสัยเป็นแบบนั้น กูเข้าใจเลยแหละ”
     “แต่เท่าที่ดูกูก็เห็นพี่สาวมันรักมันนี่หว่า”
     “จะรักยังไงก็ลูกเมียน้อย มันก็คงกลัวละมั้ง แต่เรื่องนี้กูยังไม่แน่ใจนะ พวกมึงอย่าเพิ่งพูดไปล่ะ”
     “แต่กูรู้ว่าใครยืนยันให้มึงได้”
     “ใครวะอาร์ท?”
     “ไอไปป์”
     “ไปป์เนี่ยนะ กูเห็นดีแต่เล่นไปวันๆ มันจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
     “แต่กูว่ามันรู้ว่ะ ไปป์มันรู้เกือบทุกเรื่องของต้นเลยมั้ง แต่มันไม่ยอมพูด กูสังเกตเมื่อกี้นะ คนอื่นๆ ในกลุ่มเหมือนจะตกใจที่รู้ว่าต้นมีพี่กันหมด มีแต่ไอไปป์เงียบอยู่คนเดียว ทั้งๆ ที่ปกติมันขี้โวยวายสุดอ่ะ”
     “แล้วมันจะยอมบอกเหรอวะ?”
     “ลองโทรหามันดู”

     “ไหนพวกมึงบอกว่ามีธุระเรื่องวันเกิดต้นพรุ่งนี้ไง?”
     “ก็นี่แหละธุระ”
     “ธุระไรว้า? ต้องยืนคุมกูแบบนี้ด้วยอ่า”
     “มึงก็ตอบมาก่อนดิว่ามึงรู้จักพี่สาวต้นมาก่อนป่าว?”
     “เปล๊า! กูไม่รู้จักซักหน่อย เคยแต่เห็นรูป อุ๊บ!”
     “นั่นไง! กูบอกพวกมึงแล้ว ไอ้ไปป์แหละตัวดีเลย ทีนี้มึงอยากได้ข้อมูลอะไรมึงเค้นเอาได้เลยยศ”
     “เฮ้ยๆ พวกมึงจะทำไรกู!”
     “พวกกูอ่ะไม่ทำไรมึงหรอก พวกกูอยากรู้เรื่องของต้นเฉยๆ”
     “มึงจะจีบพี่สาวต้นรึไง? ไปถามต้นเองดิ๊ มาถามไรกู”
     “พวกกูจะดัดนิสัยไอ้ต้น มึงก็รู้ไม่ใช่เหรอถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คนที่จะเสียก็คือไอ้ต้นเอง มึงอยากเห็นข่าวเพื่อนกระโดดตึกฆ่าตัวตายเหรอ”
     “เอ้ย... ต้นไม่ทำแบบนั้นหรอกม้าง”
     “ถึงมันไม่ทำแบบนั้นแต่นิสัยชอบเหวี่ยงเวลามีปัญหากับคนอื่นก็ของจริง พอมีปัญหาแล้วก็ชอบหนีไม่กล้าเผชิญหน้า เกิดวันนึงมันทะเลาะกับคนในกลุ่มมึง มึงคิดว่าเพื่อนมึงจะทำยังไง คนอื่นๆ ในภาคแม่งก็ไม่เอา ตอนที่มันทะเลาะกับเมย์มันก็หนีไปคนเดียวทุกครั้งหลังจบคาบ มึงว่านิสัยแบบนี้ดีเหรอวะ?”
     “แต่ต้นก็ดีขึ้นตั้งเยอะแล้วนี่ พวกมึงแค่ไม่ชอบเวลาที่ต้นมีเรื่องแล้วพวกมึงก็โดนโยงเข้ามาเกี่ยวเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ นอกนั้นกูไม่เห็นพวกมึงจะสนใจ”
     “อ้าวๆ ปากหมาละไอ้ไปป์ ถ้าพวกกูไม่ห่วงพวกกูจะเรียกมึงมาถามเหรอ พูดชุ่ยๆ”
     “กูไม่ได้พูดชุ่ยๆ กูถามพวกมึงซักคำเหอะ มึงเคยอยู่กับคนที่คิดจะฆ่าตัวตายรึเปล่า? เคยรู้จักเคยใกล้ชิดกับคนที่กำลังจะฆ่าตัวตายรึเปล่า? อย่าทำเป็นพูดดีไปเลยพวกมึงอ่ะ บอกว่าอยากดัดนิสัยต้น งั้นกูถามหน่อย มึงอยากดัดนิสัยต้นเพราะหวังดี หรือเพราะรำคาญไม่ชอบนิสัยแบบนั้นของมัน กูเป็นเพื่อนสนิทกูยังทนได้เลย แต่พวกมึงไม่ใช่ซักหน่อย คุยก็ไม่ได้คุย จะมายุ่งไรวะ ที่สำคัญ เรื่องการปรับตัวแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป ละกูว่าต้นก็ปรับตัวดีขึ้นตั้งเยอะแล้วด้วย”
     “... กูว่าที่ไปป์มันพูดก็ถูกว่ะ ใจเย็นนะอาร์ท ยศ”
     “เหอะ!”
     “งั้นกูถามมึงตรงๆ เลยละกัน ต้นเป็นลูกอาจารย์ต้นตระการรองภาคเคมีใช่ป่ะไปป์”
     “มึงรู้ด้ายงายว้า!”
     “นั่นไงกูว่าแล้ว”
     “เฮ้ย! กูยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”
     “ช้าไปละไปป์ มึงปล่อยควายออกมาแดกหญ้าละ เล่ามาเลย มันเป็นไงมาไง”
     “แต่เรื่องนี้มันเรื่องส่วนตัวต้นนะเว่ย กูไม่กล้าเล่าหรอก เดี๋ยวต้นโกรธเอา”
     “ไอ้ต้นโกรธกับโดนพวกกูกระทืบมึงเลือกแบบไหน?”
     “โหดไปแล้วไอ้อาร์ท หน่าไปป์ ยังไงพวกกูก็รู้แล้ว มึงก็คายๆ ออกมาเหอะ”
     “แต่ว่า...”
     “กูสามคนสัญญาว่าจะไม่บอกใคร พวกกูแค่อยากรู้ในฐานะเพื่อนไอ้ต้นมัน ถ้าต้นมันไม่อยากให้ใครรู้ กูจะได้ช่วยมันระวังความลับเรื่องนี้ด้วย”
     “มึงสัญญาแล้วนะยศ”
     “เออ”
     “... ที่กูเล่าเพราะกูอยากให้พวกมึงเข้าใจต้นด้วย มันอยู่กับแม่มาทั้งชีวิตเพิ่งรู้จักพ่อไม่กี่ปีนี้เอง ต้นเคยเล่าให้ฟังว่าแม่มันเคยทำแท้งเลยด้วยซ้ำ มันอยู่กับแม่สองคนไม่มีพ่อ ถึงมันจะนิสัยแปลกๆ ไปบ้างแต่มันไม่ชอบให้พวกมึงไปล้อมันนะเว้ย ต้นไม่ใช่ตุ๊ดมันไม่ได้อยากเป็นกระเทย”
     “เออๆ ละไงต่อ”
     “ตอนที่แม่มันท้องพ่อมันไม่ยอมรับบอกให้ไปเอาออก แม่มันก็ไปทำแต่ไม่สำเร็จ เพื่อนแม่มันที่เป็นเกย์เลยขอเอาไว้เพราะเขาอยากมีลูก แต่พอแม่มันคิดได้ก็อยู่กันสองคนแม่ลูกมาตลอด ต้นมันรู้ว่าพ่อไม่ต้องการมันเพราะพ่อมีครอบครัวอยู่แล้ว แต่มันไม่รู้ว่าพ่อมันเป็นใครเพราะแม่มันไม่ยอมบอก บังเอิญโลกมันกลม เพื่อนมันสนิทกับครอบครัวของพ่อมัน แม่มันไปรับมันในงานวันเกิดเพื่อนแล้วก็เจอเข้ากับพ่อ ต้นมันเลยรู้เรื่องทุกอย่าง”
     “อาจารย์ต้นทำงั้นจริงๆ เหรอวะ ไม่อยากเชื่อเลยว่ะ กูชื่นชมอาจารย์เขามาตลอดเลยนะเว้ย!”
     “แย่ว่ะ นอกใจเมียทำผู้หญิงคนอื่นท้องแล้วยังไม่รับผิดชอบอีก กูหมดศรัทธาเลยอ่ะ”
     “แล้วไงต่อวะไปป์?”
     “พอทางนั้นเขารู้เขาก็อยากได้ต้นคืนไง เพราะปู่ต้นเหลือแต่มันคนเดียวที่เป็นหลานชายไว้สืบสกุล มันโกรธมากมันก็เลย... อื้อ อย่างที่เห็น”
     “ไอ้ต้นเป็นเกย์ประชดพ่อ?”
     “เออ ... ต้นเป็นคนจีบแฟนมันก่อนด้วย ไม่ดิ! ต้นมันเล่าว่ามันแอบปลื้มแฟนมาตั้งนานแล้วเพราะว่ามันสนิทกับแฟนเก่าของแฟน พอพี่เขาเลิกกันมันเลยพยายามทำให้แฟนหันมาสนใจ แฟนต้นเคยช่วยต้นไว้ตอนเด็กๆ มันเลยฝังใจ ตัดสินใจคบกับแฟนเป็นเรื่องเป็นราวแทนการประชดพ่อไปวันๆ ถึงต้นมันจะมีปมด้อยขาดความอบอุ่นจากพ่อ แต่เท่าที่กูดูกูว่าต้นมันก็รักแฟนมันมากนะ แล้วแฟนของต้นก็เท่มากๆ เลยด้วย กูไม่แปลกใจหรอกที่ต้นจะหลงรักพี่เขา ต้นกับแฟนก็รักกันเหมือนคนรักตามปกตินั่นแหละ”
     “แล้วเรื่องแฟนมาเกี่ยวอะไรด้วยวะ”
     “เกี่ยวดิ เกี่ยวมากด้วย เพราะต้นมีแฟนนั่นแหละ ถึงไม่ไปเมืองนอกกับแม่ ความจริงต้นมันพึ่งรู้จักกับแฟนตอนมอหกนี่เอง แล้วพอดีมีเรื่องนิดหน่อย แต่แฟนต้นเขาก็รับผิดชอบ พี่เขาบอกว่าเขาขอต้นกับแม่มัน รับปากจะดูแลทุกอย่างให้ ต้นเลยได้อยู่เมืองไทยกับแฟน”
     “อ้าว? แล้วพ่อมันอ่ะ”
     “ก็ทิฐิไง ถ้าต้นไม่ได้คบกับพี่เขาต้นคงตามแม่ไปอยู่เมืองนอกไม่สนใจพ่อหรอก แต่พอต้นคบกับพี่เขามันเลยขอแม่ว่าอยากอยู่กับแฟน อยากเรียนที่เมืองไทย แล้วก็ใช้แฟนเป็นข้ออ้างไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากพ่อมัน เลยมีเรื่องระหองระแหงมาตลอดไง ต้นกับพ่อเพิ่งดีกันตอนก่อนปิดเทอมหนึ่งนี้เอง พอกูรู้เรื่องทั้งหมดกูก็เข้าใจนะว่าทำไมที่ผ่านมาต้นมันถึงทำตัวแบบนั้น กูไม่คิดว่าต้นผิดหรอก”
     “มิน่า ยังไงก็แล้วแต่ ชีวิตมันน่าสงสารก็จริงแต่ไม่เห็นลำบากอะไรนี่หว่า”
     “คนเราเข้มแข็งไม่เท่ากัน สภาพจิตใจต้นไม่ได้แกร่งเหมืองมึงนะอาร์ท เรื่องนี้แหละที่กูห่วงมัน
     “ละคิดว่ากูไม่ห่วงรึไง กูถึงบอกพวกมึงไง เรื่องแบบนี้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเหอะ ตอนนี้อุตส่าห์จบเรื่องงี่เง่าพวกนั้นไปแล้ว ต้นอุตส่าห์ทำใจกับพวกข่าวลือแปลกๆ พวกนั้นได้แล้ว”
     “กูบอกตามตรงเลยนะ กูว่าที่แม่งลือกันไปขนาดนั้นอ่ะ ส่วนนึงต้องเพราะไอ้ต้นทำตัวเองแน่ๆ แม่งต้องเผลอไปทำไรให้คนอื่นแค้นอ่ะ เลยโดนเอาคืนขนาดนั้น ไอ้ต้นนี่โดนหมั่นไส้เยอะมากเลยรู้ป่ะ ตอนปีหนึ่งเข้ามามันงี้หล่อๆ ใสๆ เลย แต่ใครให้ทำอะไรแม่งก็ไม่ทำ กิจกรรมห่าไรก็ไม่เอา มันไม่เคยไว้หน้ารุ่นพี่เขาซักราย คนเลยเริ่มด่ามันว่าหยิ่ง ไปๆ มาๆ พอมันเปิดตัวเลยโดนสังคมถล่มซะเละ กูเห็นแล้วโคตรสงสาร แต่ก็ทำไงได้ มันขุดหลุมเอาไว้เอง”
     “ก็ต้นมันเข้าสังคมไม่เก่ง แถมมันต้องรับผิดชอบงานบ้านทุกอย่างเลยต้องรีบกลับบ้าน มันไม่กล้าทำตัวสุรุ่ยสุร่ายเพราะเกรงใจแฟน แล้วมันก็ติดแฟนนิดหน่อยประสาคนอินเลิฟ นอกนั้นมันไม่มีอะไรหรอกแค่ปากร้ายนิดๆ หน่อยๆ ถึงมันจะชอบบ่นแต่เอาเข้าจริงก็ใจดีสุดๆ อ่ะ ไม่เชื่อพวกมึงลองเปิดใจกับมันก่อนดิ มึงไม่เห็นเหรอ ขนาดไอ้เอกกับไอ้นนยังชอบมันเลย พวกที่ไปทะเลกลับมารักมันกันทุกคนแหละ”
     “อ้าวๆ ปากหมาอีกละ มาว่าพวกกูมีปัญหาเนี่ย”
     “ก็มันจริงนี่ พวกมึงก็เลิกมองเพื่อนกูว่าเป็นตัวปัญหาก่อนสิวะ ปัญหามันวิ่งเข้ามาหาต้นเองนี่หว่า ต้นมันก็ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้นซะหน่อย ถ้าพวกมึงลองไปไหนกับต้นดูเดี๋ยวมึงก็รู้ คนที่จะทำอะไรเสียสละให้คนอื่นเป็นคนแรกก็คือต้น แต่แค่ว่าต้นมันแก้ปัญหาไม่เก่งแล้วก็ชอบทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่แค่นั้นเอง ที่พวกกูรักต้นกันอ่ะไม่ใช่ไม่มีเหตุผลนะ เพราะต้นเป็นคนดีแล้วก็น่ารักมากต่างหากพวกกูถึงได้รักต้น พวกกูผิดด้วยเหรอที่จะทะนุถนอมคนที่พวกกูรัก”
     “เออๆ พวกกูจะจำคำของมึงไว้ พรุ่งนี้พวกกูจะจัดแบบซอฟท์ๆ ละกัน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ชีวิตจริงมันไม่มีงี้หรอก มีแต่จับกลุ่มนินทาเพราะประสงค์ร้าย ถ้าใครเคยโดนเพื่อนๆ เปิดประชุมใส่ทำนองนี้ให้รู้ไว้เลยว่าคุณเป็นที่หมั่นไส้ของชาวโลก! ไอ้คำว่า "พี่จะสอนให้นะ" อาจจะเป็นว่าเขาหวังดีส่วนนึงแต่อีกส่วนคืออยากพล่ามเรื่องของตัวเอง
อา... แต่ถ้าเขียนออกมาแบบนั้นมันก็ไม่ได้ฟีลโชเนนเลิฟๆ ในหมู่เพื่อนฝูงสิ ชอบจัง ใส่ความเป็นโชเนนลงในนิยายวาย แหะๆ

ช่วงนี้พล่ามเยอะเพราะเนื้อเรื่องมันมี Hint เยอะ (รีบออกตัวไว้แต่เนิ่นๆ ตอนลงบทท้ายๆ จะได้ไม่โดนด่าว่าแต่งนิยายบ้าอะไรปวดตับหน่วงจิตดราม่าเกินทน)
เชื่อว่าคนอ่านหลายๆ คนคงคิดว่าเนื้อเรื่องกำลังออกทะเล ไม่หรอก นี่ไม่ใช่การออกทะเล แต่มันเป็นฉากที่จงใจเซ็ทไว้แล้วตั้งหาก เพื่อให้ตัวละครบางตัวมีประเด็น อิๆ
แล้วออกทะเลหนุกหนานในหมู่เพื่อนแบบนี้ไม่ชอบกันเหยอ? อาไรกั๊น จ้องจะอ่านแต่ฉากเลิฟๆ ตัวเอกตบกับตัวอิจฉาแย่งผู้ชายรึไง? ชีวิตมันต้องมีเรื่องอื่นบ้าง น้องเมษเขาก็บอกอยู่ ไปเฮฮากับเพื่อนบ้างอย่ามีแต่ผู้ โฮะๆ

ออฟไลน์ Sbatandty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชัยชัช

     คืนนี้ผมกะจะแอบจัดงานวันเกิดเซอร์ไพรส์ให้เมียตอนเที่ยงคืนครับ เพื่อการนี้ผมอุตส่ารีบทำงานให้เสร็จตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วบึ่งไปรับบราวนี่ช็อกเค้กจากร้านโปรดของมันแถวศาลายาโน่น แล้วก็ต้องรีบกลับห้องมาหาที่ซ่อนเค้กเหมาะๆ เพราะกลัวว่าถ้าผมกลับช้ากว่ามันเดี๋ยวตอนหิ้วกล่องเค้กเข้าห้องแล้วมันจะสงสัย ไหนยังต้องโทรนัดกับพี่น้ำเรื่องสไกป์อีก ผมนั่งคิดแผนแทบตาย ที่ไหนได้... หกโมงเย็นเมียผมก็ยังไม่กลับ
     มันเลทจนผมเป็นห่วง ไหนตอนเช้ามันโทรบอกผมว่าขออนุญาตไปกินข้าวกลางวันกับไอ้เวรนั่นแล้วจะรีบกลับไง จนเกือบทุ่มนึงนั่นแหละ มันถึงโทรมาบอกผมว่า มันอยู่บ้านเพื่อนกับพี่สาวมัน มันบอกว่าโดนพี่สาวกับเพื่อนทำเซอร์ไพรส์ลากไปฉลองวันเกิดล่วงหน้า และอาจจะกลับมาไม่ทันมื้อเย็นให้ผมหาอะไรกินไปก่อนได้เลย ... เซ็งครับ ถึงแผนยังไม่ล่มแต่ผมก็เซ็ง!
     โน่นอ่ะ! ผมนั่งดูดีวีดีฆ่าเวลารอเมียจนเกือบสามทุ่มไอ้ต้นถึงกลับมา สภาพเมียผมที่เปิดประตูก้าวเข้ามาในห้องนี่ดูโทรมอย่างกับไปออกรบมาเลยครับ มันหิ้วถุงของขวัญพะรุงพะรังเชียว
     “สวัสดีครับพี่ชัช กลับมานานแล้วเหรอครับ?”
     “กลับซะดึกเลยครับ”
     ผมขยับตัวลุกไปช่วยมันถือของเอาไปวางบนโต๊ะ ท่าทางเมียผมดูเหนื่อยๆ วุ๊ย!
     “ขอโทษครับ ละนี่พี่ชัชทานอะไรแล้วรึยังครับ?”
     “เรียบร้อยแล้วล่ะที่รัก”
     พอได้ยินคำตอบของผม มันก็ทำสีหน้าโล่งใจแล้วยิ้มให้
     “งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำนอนเลยนะครับ วันนี้ผมเพลียๆ ยังไงก็ไม่รู้”
     ว่าแล้วมันก็หอบของเข้าห้องนอนไป ...
     อ้าว? เฮ้ย! เอางี้เลยเหรอเมียพี่ แล้วแผนเซอร์ไพรส์ของพี่ละเว้ยเฮ้ย?
     ผมรีบปิดทีวีแล้วตามมันเข้าห้อง ไอ้ต้นมันกองของขวัญต่างๆ ไว้บนโต๊ะของมันแล้วก็ถอดเสื้อผ้าเตรียมตัวอาบน้ำ ปกติมันใช้เวลาพอสมควรนะ แต่วันนี้มันอาบน้ำซะเร็วเลย พอมันอาบน้ำเสร็จก็สวมชุดนอนคลานขึ้นเตียงตั้งท่าจะหลับแบบไม่สนใจอะไร
     “ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ชัช”
     พอมันบอกราตรีสวัสดิ์ผมเสร็จก็ม้วนผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนเหลือแต่หัวโผล่ออกมาแล้วหลับตาพริ้ม นี่มันจะนอนเลยจริงๆ เหรอวะเนี่ย? เมียผมไปฉลองกับพี่สาวมันมาไม่ใช่เหรอ? ทำไมสภาพมันดูแย่ขนาดนี้วะ?
     เอาก็เอา... ให้พักซักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ได้ครับที่รัก เดี๋ยวเจอกันหลังเที่ยงคืน ผมไปเตรียมความพร้อมก่อนดีกว่า หึๆ
     ดีนะเนี่ยที่อีกห้องมีโซฟาเบด ผมเลยแอบมางีบในห้องนอนเล็กได้ ไว้ซักห้าทุ่มครึ่งค่อยตื่นมาเซ็ทคอมก็แล้วกันครับ ผมตั้งปลุกในมือถือเสร็จก็ขอตัวงีบก่อนล่ะ ต่อให้คืนนี้ใช้แรงงานหนักขนาดไหนยังไงพรุ่งนี้ผมก็ต้องไปทำงาน เดี๋ยวจะน็อคเอา ไม่ใช่หนุ่มๆ เหมือนสมัยก่อนแล้ว พักหลังนี่รู้สึกตัวเองแก่ไปมากทีเดียวครับ โชคดีที่ผมมีต้นอยู่ข้างๆ โชคดีที่ต้นไม่รังเกียจลุงแก่ๆ แบบผม...

     ติ๊ดติ๊ดติ๊ดติ๊ด...
     หือไรวะ? อ้าว... ห้าทุ่มห้าสิบแล้วนี่หว่า เวรล่ะหลับเพลิน! ดีนะเนี่ยที่ผมตั้งแบบปลุกเรื่อยๆ เอาไว้ ชิบหายเอ้ย! เมื่อไหร่ผมจะแก้นิสัยขี้เซาของตัวเองได้วะ
     โน้ตบุ๊คๆ ... โน้ตบุ๊คผมอยู่ไหนวะ? ... พอหยิบโน้ตบุ๊คมาได้ผมก็เปิดเครื่องแล้วต่อเข้าโปรแกรมสไกป์ทันที ผมกดติดต่อไปยังรายชื่อของพี่น้ำ พี่สาวคนสวยของผมออนรออยู่แล้ว แม้คุณภาพอินเตอร์เน็ทของบ้านเรามันจะกระตุกจนน่าทุเรศ แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังได้เห็นหน้ากัน ดีกว่าคุยเฉพาะเสียงทางโทรศัพท์เหมือนปีที่แล้ว
     ด้วยแสงรำไรจากหน้าจอช่วยให้ผมแอบย่องเข้าไปวางโน้ตบุ๊คในห้องนอนได้อย่างง่ายดาย โต๊ะข้างเตียงถูกลากมาเป็นแท่นวางจอเฉพาะกิจ ผมบอกพี่น้ำว่าจะไปเตรียมเค้กให้ต้น ให้พี่เขาเพลิดเพลินกับภาพลูกชายตัวเองหลับไปก่อน โชคดีที่ผมเตรียมเทียนกับไฟแช็คไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องวิ่งหาให้เสียเวลา จวนจะได้เวลาแล้วครับ
     พอจัดการกับเค้กเสร็จผมก็ถือเค้กเข้ามาในห้องนอน ไอ้ต้นยังหลับไม่รู้เรื่อง สงสัยมันจะเหนื่อยจริงๆ ขนาดเกิดเรื่องรอบๆ ตัวขนาดนี้ยังไม่รู้สึกตัว
     เอาล่ะ หนึ่ง สอง สาม! ผมกดสวิทช์เปิดไฟในห้องป้องกันการเมาขี้ตาของไอ้ต้น กลัวมันมองไม่ชัดว่าผมกำลังฉลองวันเกิดให้มัน
     “แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู....”
     ด้วยเสียงที่ดังขึ้นจากปากของผมและลอดผ่านมาทางลำโพงของโน้ตบุ๊ค สัมผัสแผ่วเบาข้างแก้มที่ผมก้มลงจูบ การถลกผ้าห่มหนีจากท่าม้วนดักแด้สุดโปรดของมัน และแล้วไอ้ต้นก็รู้สึกตัว เด็กเลี้ยงแกะของผมกลายเป็นผู้ใหญ่แล้วครับ
     “แฮปปี้เบิ๊ดเดย์.... แฮปปี้เบิ๊ดเดย์....”
     เมียผมกระพริบตาด้วยท่าทางงัวเงีย ไอ้ต้นพยายามลุกขึ้นนั่งทั้งๆ ที่ยังไม่ตื่นดี แต่พอมันเห็นเค้กที่ผมถือ แล้วก็เห็นโน้ตบุ๊คที่มีภาพแม่ตัวเองเท่านั้นแหละครับ ตาตี่ๆ ที่เคยหรี่แทบลืมไม่ขึ้นเพราะความง่วงก็เบิกกว้างทันตาเห็น ผมขยับเข้าไปใกล้มันพลางจ่อเค้กที่รอการเป่าเทียนจากเจ้าของวันเกิด สุดที่รักของผมยิ้มอายๆ ก่อนจะซุกหน้าเข้ากับไหล่ผม ผมอดไม่ได้ที่จะโอบกอดคนรักของผมเอาไว้ ต้นน่ากอดสำหรับผมเสมอ
     “แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทู้ ยู....”
     “อธิฐานแล้วเป่าเทียนสิครับ”
     ต้นมันหลับตาอยู่ราวๆ สี่ห้าวิแล้วก็เป่าเทียนจนดับ ผมอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มมัน แม้จะรู้ว่าทุกภาพการกระทำของเราทั้งคู่อยู่ภายในสายตาของพี่น้ำและแฟนด้วยเทคโนโลยีทางการสื่อสารอันไฮเทค แล้วไงล่ะ? ก็ผมรักเมียผม และที่สำคัญแฟนพี่น้ำก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน
     “ว่าไงจ้ะคนเก่งของแม่ อายุยี่สิบแล้วนะตาต้น แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะครับ”
     “แม่...
     ดูเหมือนว่าแฟนผมจะยังอายกล้องอยู่ ต้นมันหันมาซุกอกผมด้วยความเขิน สุดที่รักของผมหันไปหันมาทำตัวไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตั้งสติแล้วรวบรวมคำพูดทักตอบแม่ตัวเองไปได้
     “ใครสอนแม่เล่นสไกป์ครับเนี่ย”
     “ก็นายชัชแฟนเรานั่นแหละ เจ้าแผนการณ์ดีนัก ชวนแม่มาเซอร์ไพรส์เรา”
     “ที่นั่นกี่โมงแล้วครับ? ลำบากแม่แย่เลย”
     “ลำบากอะไรกัน เบ่งเราออกมายังลำบากกว่านี้อีก แค่ร้องเพลงวันเกิดให้ลูกชายข้ามประเทศแค่นี้เอง จิ๊บๆ จ้ะ เรานั่นแหละพรุ่งนี้มีเรียนอีกใช่มั้ย ฉลองเสร็จแล้วก็รีบๆ นอนต่อซะนะจ้ะ”
     “คร้าบ แม่”
     ผมกับแฟนพี่น้ำได้แต่นั่งดูฉากประทับใจของแม่ลูก กว่าพี่น้ำจะอวยพรจบก็อีกหลายประโยค แฟนของพี่น้ำตบท้ายเสริมด้วยมาดพ่อเลี้ยงสุดเฮ้ว พี่น้ำหันมาแว๊ดๆ ใส่ผม ฝากฝังให้ดูแลลูกชายของเธอ ผมได้แต่ “ครับๆ” แล้วก็หัวเราะ ฉากเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ค่อยได้ผ่านเข้าหัวผมนัก เพราะผมมัวแต่มองใบหน้าเปี่ยมสุขของเมีย นับจากวันแรกที่ผมได้ครอบครองมัน ต้นมันเป็นเมียผมได้สองปีเต็มแล้ว ผู้ชายในอ้อมกอดของผมมันอยู่เคียงข้างกันมาตลอดสองปี ผมนึกรักมันอย่างที่ไม่เคยผูกพันธ์กับใครแบบนี้มาก่อน
     จนกระทั่งเราปิดโปรแกรมสนทนา ต้นมันหันมาหาผม แม้จะเป็นใบหน้าง่วงงุนของคนง่วงนอนแต่สายตาหวานฉ่ำกับสีแดงจางๆ บนพวงแก้มนั่นก็ดูน่ารักเป็นบ้า! หัวฟูๆ ที่ยุ่งเหยิงจากการนอนไม่ได้ทำให้ความน่ารักของมันลดลงเลยแม้แต่น้อย
     “ไหนบอกว่าไม่มีแผนไงครับ”
     “ถ้าบอกก่อนก็ไม่เรียกว่าเซอร์ไพรส์ดิ”
     “พี่ชัชก็....”
     แม้ว่าเค้กจะยังอยู่ในมือซ้าย แต่มือขวาของผมก็ต้องรับการโจมตีจากเจ้าลูกแกะช่างมุด ต้นมันพุ่งเข้ามาซุกอกผมอีกแล้ว ญาติข้างไหนมันเป็นนกกระจอกเทศวะเนี่ย เขินแล้วชอบซุกจริงๆ ผมใช้มือข้างที่ว่างลูบหลังมัน อดไม่ได้ที่จะขโมยหอมมันนิดๆ หน่อยๆ
     “เป็นไร? ไม่ดีใจเหรอครับ พี่อุตส่าฉลองให้”
     “ใครบอกละครับ สุดๆ เลยต่างหาก ผมดีใจจนไม่รู้จะพูดอะไรเลย”
     “งั้นก็บอกรักพี่สิครับ พูดว่า ต้นรักพี่ชัชที่สุดในโลกเลยคร้าบ สิ หึๆ”
     “พี่ชัชบ้า! ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ โตแล้ว ยี่สิบแล้ว”
     คนอะไร ขนาดเขินยังน่ารัก ผมหลงมันจริงๆ นะเนี่ย โคตรชอบเวลามันเขินเลย น่ารักน่ากินที่สุด เมียจ๋า! อยากกอดมันสองมือจังเลยครับ แต่ทำไม่ได้
     มันไถหน้ากับอกผมได้อีกซักพักก็เงยหน้าขึ้นมาทำในสิ่งที่ผมเรียกร้อง
     “ต้นรักพี่ชัชที่สุดในโลกเลยครับ”
     สีหน้าของมันตอนพูดนี่ทำเอาผมจะคลั่งตาย เมียผมน่ารักที่สุดในโลกเลยคร้าบ!
     พอมันพูดจบก็ขยับเข้ามาใกล้ผม อื้ม ... แถมจูบด้วยเว้ยเฮ้ย! นี่ดีนะที่เค้กร้านนี้ไม่ได้ก้อนใหญ่มาก ผมถือมือเดียวได้ เพราะตอนนี้ผมไม่ว่างแม้แต่จะหันไปเอาเค้กวางบนโต๊ะครับ ลิ้นมันพัวพัน เอ้ย! สถานการณ์มันติดพันจริงๆ
     ต้นมันตั้งใจแลกลิ้นกับผมเป็นพิเศษเลยวุ๊ย! กว่ามันจะผละออกจากปากผมได้เล่นเอาตัวเองหอบ แต่ถึงอย่างนั้นสองมือของมันก็ยังโอบรอบคอผมอยู่ สายตาหวานเชื่อมแบบนี้ สงสัยอยากออกกำลังรอบดึกกับผมชัวร์
     “เค้กมั้ยครับ? หรือจะรับอย่างอื่นซักรอบก่อนดี?”
     ผมยกมือซ้ายที่ถือเค้กขึ้นให้มันเห็น เทียนที่ปักก็ยังไม่ได้เอาออกเลยน้องเอ้ย!
     “ป้อนผมสิครับ”
     ต้นมันพูดแล้วอ้าปากรอ มีการแลบลิ้นเลียริมฝีปากหน่อยๆ ด้วย สายตาท้าทายแบบนี้โคตรเร้าใจ ผมได้แต่กลืนน้ำลายดังเอื๊อก! สาบานนะน้องว่าอยากแดกเค้ก พี่ล่ะอยากป้อนอย่างอื่นใส่ปากเราแทนเลยว่ะ!
     “พี่ลืมหยิบช้อนมาอ่ะ”
     “ป้อน”
     ต้นมันเน้นเสียงให้ผมฟังชัดๆ แล้วเผยอปากยั่วผม แม่มเอ้ย!
     “ผ้าปูเลอะแล้วอย่ามาด่าพี่ทีหลังนะครับ”
     ทันทีที่ผมพูดจบมันก็หลับตาพริ้มเชียว เอาก็เอาวะครับ เมียผมแม่งต้องเมาขี้ตาชัวร์ๆ ไม่งั้นมันไม่ทำตัวยั่วขนาดนี้หรอก!
     ผมใช้นิ้วมือบิเค้กออกเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ปากตัวเองก่อนจะเสือกไสอุปกรณ์ประกอบฉากที่หมดหน้าที่ชิ้นนี้ไปวางรอบนโต๊ะใกล้ๆ นาทีนี้เมียน่ากินกว่าเค้กครับ ผมป้อนเค้กมันด้วยปากแบบทุลักทุเลนิดหน่อย เพราะลิ้นผมมันดันซนกว่าช้อน และถึงเราจะกลืนเค้กลงคอกันทั้งคู่แล้ว ลิ้นของผมก็ยังคงควานหาความหวานในปากมันต่อด้วยความเสียดาย ไม่ต้องถามถึงนะครับว่าฉากต่อไปจะเป็นอะไร ก็ไอ้ต้นมันอุตส่าเอนลงนอนราบกับเตียงรอแบบนี้แล้ว
     “วันเกิดต้นทีไร กำไรพี่ทุกทีเลย ปีแรกใช้กำลัง ปีสองสมยอม ปีที่สามนี่ยั่ว ปีสี่นี่จะขึ้นเองเลยรึเปล่าครับ?”
     ต้นมันทำหน้างงกับมุกที่ผมแซวนิดหน่อยก่อนจะระบายยิ้มออกมา
     “ก็พี่ชัชนั่นแหละ อยากมาทำแบบนั้นกับผมก่อนทำไม รับผิดชอบเลยนะครับ”
     “นี่ไง รับผิดชอบมาตั้งสองปีแล้ว ละจะรับผิดชอบไปตลอดชีวิตพี่เลยด้วยเอ้า!”
     “ครับ”
     ต้นมันยิ้มให้ผมซะหวานหยด! สายตาของมันทั้งรักทั้งเทิดทูนผม เจอแบบนี้ผมขอตายรังอยู่แทบเท้ามันนี่แหละครับ ไม่อยากไปไหนแล้ว ผมห้ามตัวเองไม่อยู่ก้มลงไปจูบหน้าผากมันด้วยความเอ็นดู กับคนอื่นผมอาจจะรัก แต่คนที่ทำให้ผมเกิดความรู้สึกเอ็นดูนี่มีแต่มันคนเดียวเท่านั้น ต้นน้ำคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตผม ผมเกิดอารมณ์อยากทะนุถนอมคนตรงหน้าอย่างห้ามไม่อยู่
     “งั้นวันนี้ให้พี่บริการเราก็แล้วกัน เจ้าของวันเกิดสมควรได้รับการเอาใจนะครับ”
     ผมจูบที่ขมับของมันเพื่อแสดงเจตจำนง วันนี้ผมอยากตามใจมันจริงๆ นะ
     “พี่ชัชก็เอาใจผมอยู่ทุกครั้งนั้นแหละครับ ผมไม่เคยรู้สึกไม่ดีกับพี่ชัชซักหน่อย”
     “ยอพี่อีกแล้ว”
     มีเมียดีเป็นศรีแก่ตัวครับ เมียผมน่ารักโคตร ผมดึงมือของมันที่คล้องคอผมอยู่ลงมาจูบ
     “วันนี้ให้พี่ทะนุถนอมเราเถอะนะ ปกติพี่เอาแต่ใจไม่ฟังเสียงเราเลย พี่สนแต่อารมณ์ของตัวเอง เอาตัวเองเป็นใหญ่ พี่ไม่เคยตามใจเราเลยซักครั้ง ทั้งๆ ที่พี่ควรจะนุ่มนวลกับเราให้มากกว่านี้ ขอบคุณที่อดทนกับผู้ชายเถื่อนๆ แบบพี่มาตั้งสองปีนะครับ”
     “พี่ชัชรุนแรงกับผมก็แค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละครับ ผมทนได้ ฮึๆ”
     เมียผมหัวเราะเสียงใสเลย ให้ตายเหอะ ผมยอมแพ้! ถ้าคืนนี้ไม่สลบคาเตียงก็ให้มันรู้ไป ฟ้าเหลืองแน่ๆ น้องเอ้ย! อ่อยพี่ซะขนาดนี้แล้วพี่จะห้ามตัวเองยังไงไหว ผมบอกแล้วว่าผมชอบแบบยั่วๆ เห็นทีไรอยากตายคาอก แต่ต่อให้ไอ้ต้นไม่มีหน้าอกผมก็ยอมน้ำแห้งตายเลยเอ้า!
     “ถ้าคืนนี้ไม่ได้นอนก็รู้ตัวเลยนะครับ เป็นความผิดของเรานั่นแหละที่น่ารักเกินไป”
     ผมพูดพลางเริ่มพรมจูบมัน ว่าแต่... ทำไมไอ้ต้นมันต้องชอบใส่ชุดนอนแขนยาวแบบติดกระดุมด้วยวะ แกะยากชิบ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     “ติ๊ดติ๊ดติ๊ดติ๊ด ติ๊ดติ๊ดติ๊ดติ๊ด”
     อื้ม ... เสียงนาฬิกาปลุก โอ้ย! เจ็บจังเลยครับ ผมรู้สึกถึงอาการแปล๊บที่กล้ามเนื้อต้นขาทันทีที่ผมพยายามจะขยับตัว หมอนแข็งๆ ผมของพองตัวขึ้นลงตามจังหวะหายใจ ให้ตายสิ! พี่ชัชเตะผ้าห่มทิ้งอีกแล้ว ผมเพิ่งหายจากหวัดเองนะครับ ต้องมานอนเปลือยตากแอร์แบบนี้ไม่ชอบเลย ผมไม่ได้หนังหนาแบบพี่ชัชซักหน่อย! ยิ่งมองหน้าตัวการที่ทำให้ผมต้องเจ็บตัวบ่อยๆ กำลังหลับไม่รู้เรื่องอย่างอิ่มเอมแล้วผมก็อดหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้ ผมได้นอนถึงสองชั่วโมงรึยังก็ไม่รู้ ผมจำไม่ได้ว่าผมสลบไปตอนไหน รู้แต่ว่าเมื่อคืนผมแทบตายครับ ทั้งเพลียทั้งง่วง พี่ชัชบทจะหื่นนี่อึดผิดมนุษย์มนาจริงๆ ผมโทรมขนาดนี้ก็เพราะพี่ชัชนั่นแหละ! เคราตอสั้นๆ ที่ผุดขึ้นตามคางนั่นชวนให้หมั่นเขี้ยว ผมหมั่นไส้แฟนโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่สาบานเลยครับว่าผมไม่ได้แค้นเพราะเรื่องเมื่อคืนแน่ๆ ผมไม่ได้อยากแกล้งพี่ชัชเพราะอยากเอาคืนซักหน่อย แต่ของับเบาๆ ซักทีเถอะ!
     “หื้อ? ต้น?”
     “เช้าแล้วครับ”
     แน่ะ ยังมาทำเป็นยิ้มอีก! พี่ชัชยิ้มให้ผมแบบงัวเงียๆ พยายามจะกดผมลงกับเตียงแล้วพลิกมาคร่อมผม โอ๊ย! เจ็บครับ ก้นผมยังระบมอยู่เลย ผมพยายามจะผลักหมาป่าขี้เซาออกนะ แต่สงสัยเรื่องเมื่อคืนสูบพลังงานของผมไปจนหมด แถมยังทำผมระบมไปทั้งตัว แค่ขยับตัวก็ปวดขาแล้วครับ เจ็บตรงนั้นด้วยอ่ะ คนบ้าอะไรไหนบอกจะทะนุถนอมผม สุดท้ายก็จัดหนักจัดเต็มทั้งคืนอยู่ดี!
     “พี่ชัชครับ ไม่เอาแล้วครับ เช้าแล้ว”
     ฟังซะที่ไหน หมาป่าลามกของผมตื่นมาก็หื่น พี่ชัชพยายามนัวเนียกับผมแต่เช้า! จั๊กกะจี้เป็นบ้า ผมเกลียดเวลาที่พี่ชัชไม่ได้โกนหนวดแล้วชอบเอาตอแข็งๆ พวกนั้นมาไซ้ผมที่สุด ขกลุกอ่ะ!
     “พี่ชัช ผมมีเรียนนะครับ”
     เห็นแก่ที่ทำเซอร์ไพรส์ผมได้ประทับใจมากเมื่อคืนหรอกนะครับ วันนี้ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่วีน เราไม่ควรวีนแตกในวันเกิดตัวเองครับ ผมควรจะเริ่มต้นวันแรกในปีที่ยี่สิบของผมด้วยเรื่องดีๆ
     “ผมต้องไปอาบน้ำแล้วนะครับ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันกันพอดี”
     “คร้าบๆ”
     พี่ชัชเดาะลิ้นอย่างขัดใจ แล้วฝังเขี้ยวลงบนไหปลาร้าผม!
     “โอ๊ย! พี่ชัชบ้า!”
     ผมพยายามสวนกลับไปแต่พี่ชัชเบี่ยงหลบแล้วรวบมือของผมไว้โดยง่าย
     “ฮ่าๆ”
     “เป็นบ้าอะไรครับ ซาดิสแต่เช้า! ผมเจ็บนะ!”
     ผมวีน ผมเผลอวีนเข้าแล้ว! แต่แทนที่แฟนของผมจะสำนึก ดันมาทำหน้าทะเล้นใส่ผมอีก แววตาเจ้าชู้ของพี่ชัชทำเอาผมใจเต้นเลย!
     “ซาดิสตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ใครก็ไม่รู้น่ารักจัด พี่เลยเบรคอารมณ์ตัวเองไม่อยู่”
     เล่นแบบนี้ผมก็แพ้สิ ... ไม่กล้าเถียงด้วยหรอกครับ สายตาวิบวับพวกนั้นผมไม่กล้าสู้ด้วยหรอก เขิน!
     “หน้าแดงอีกแล้วอ่ะ เมียพี่น่ารักจริงๆ เลย ขออีกซักรอบได้ป่าว เคารพธงชาติตอนเช้ากัน”
     “อื้อ! มะ มะ ไม่เอาแล้วนะครับ เมื่อคืนก็... ก็สามแล้วนะ เดี๋ยวก็ไปสายหรอกครับ”
     ผมพยายามตอบปฏิเสธไปนะ แต่แพ้จริงๆ หมาป่าของผมซุกจมูกมาอีกแล้ว ยอมแพ้ครับ หรือผมจะต้องไปสายจริงๆ เนี่ย?
     “คร้าบๆ ตามใจเจ้าของวันเกิด แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะครับที่รัก”
     เฮ้อ! นึกว่าจะต้องเหนื่อยรอบเช้าซะแล้ว แต่พี่ชัชผละออกไปแล้วอวยพรวันเกิดผมซะงั้น ต้องแบบนี้สิครับแฟนผม ผมโล่งอกจนเผลอยิ้มออกมา
     “ขอบคุณครับ อื้อ!
     อยู่ๆ พี่ชัชก็อุ้มผมซะงั้น ตกใจหมด! เล่นเอาผมผวาจนโผเข้าเกาะพี่ชัชเลย
     “ให้พี่พาเราไปอาบน้ำนะครับ อาบพร้อมกันจะได้ประหยัดเวลา”
     “มะ มะ ไม่เป็นไรมั้งครับ”
     “น่า พี่ไม่จัดรอบสี่หรอก พี่ใจดีนะครับ เช้าพี่จะให้เราพักผ่อนเต็มที่แล้วคืนนี้เรามารบกันอีกซักสามรอบเป็นไง?”
     “ผมก็ตายสิครับ หมดแรงกันพอดี แถมวันพรุ่งนี้ผมก็มีเรียนด้วย แต่... แต่ถ้าแค่รอบเดียว ก็อาจจะนะครับ อาจจะนะ...”
     “ฮ่าๆ ไอ้ต้นเอ้ย...”
     พี่ชัชหลุดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ตัวของผมถูกยกลอยสูงขึ้น พี่ชัชอุ้มผมไปทางห้องน้ำ ละผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ ก็... หมาป่าของผมช่างเอาใจขนาดนี้ ผมก็อยู่นิ่งๆ ให้พี่ชัชอุ้มไปอาบน้ำน่ะสิ มีความสุขที่สุดเลยครับ
     พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พวกเราก็มานั่งทานเค้กที่เหลือจากเมื่อคืนเป็นมื้อเช้าครับ โชคดีที่มันยังไม่บูด ไม่งั้นเสียของแย่ คราวนี้พี่ชัชเป็นคนชงโกโก้มาบริการผมถึงที่เลยแหละ เวลาแบบนี้ทีไรพี่ชัชมักจะโอ๋ผมเป็นพิเศษทุกที ผมก็เลยนั่งรออยู่ที่โต๊ะเฉยๆ ได้อย่างสบายอารมณ์ ไม่รู้จะพูดยังไงดีครับ รู้แต่ผมมีความสุขมาก ถ้าลอยได้คงลอยไปแล้ว
     “เดี๋ยวพี่ขับไปส่งเราที่มหาลัยนะ”
     “อื้อ! จะดีเหรอครับ?”
     “แล้วเราเดินไหวเหรอ? หึๆ”
     พี่ชัชเนี่ย... บางทีผมก็แอบคิดเหมือนกันนะว่าทำไมแฟนของผมลามกจัง ชอบพูดแต่เรื่องสองแง่สองง่าม เขินนะครับ
     “ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะครับ”
     “อ้อ... ชินแล้วว่างั้นเถอะ”
     “พี่ชัชบ้า! แซวผมอีกแล้วนะครับ”
     “ฮ่าๆ หน่าๆ ขอโทษนะคร้าบ ก็พี่ชอบเวลาต้นหน้าแดงนี่นา ยิ่งเวลาต้นเขินเพราะพี่ พี่ยิ่งชอบ”
     ผมแพ้สายตาพี่ชัชจริงๆ ครับ ผมนึกอยากจจะเถียงอะไรพี่ชัชออกไปซักประโยคแต่นึกไม่ออกก็เลยแกล้งทำเป็นยกโกโก้ร้อนในมือขึ้นจิบ แต่ไม่รู้ทำไม โกโก้ในแก้วมันหวานกว่าอึกแรกที่ผมดื่มไปเมื่อตะกี้ซะอีก
     “พี่รักต้นนะครับ สุขสันต์วันเกิดอายุครบยี่สิบครับ ที่รักของพี่”
     พี่ชัชพูดพร้อมกับเลื่อนแฟ้มเอกสารมาวางตรงหน้าผม
     “อะไรเหรอครับ?”
     “ก็ของขวัญวันเกิดจากพี่ยังไงละครับ”
     พี่เขาคะยั้นคะยอให้ผมเปิดดู ผมนึกว่าเป็นเอกสารทำงานของพี่เขาซะอีก ที่ไหนได้...
     “พวกนี้อะไรครับเนี่ย ประกัน?”
     “ก็ลองอ่านดูสิครับ”
     “อืม... ประกันชีวิตแบบบำนาญ? ... ของผม!”
     นี่มันอะไรกันครับเนี่ย ผมงงไปหมดแล้ว ผมรู้นะว่ามันคือประกันชีวิตของผม แต่ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าผมมีประกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้ว... พี่ชัชเอาของพวกนี้มาให้ผมดูทำไม? คงเพราะพี่ชัชเห็นสายตาสงสัยของผม พี่ชัชถึงได้ระบายรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วเริ่มต้นอธิบายให้ผมฟัง
     “เอกสารชุดแรกเป็นประกันชีวิตแบบบำนาญ พี่พึ่งทำให้เรา เพราะเรายี่สิบแล้วทำได้ ที่พี่ตัดสินใจแบบนี้เพราะพี่รักต้นนะครับ เราสองคนคงไม่มีลูกอีกหน่อยแก่ตัวไปเดี๋ยวไม่มีใครเลี้ยง พี่เลยว่าสะสมทุนไว้หน่อยน่าจะดี ส่วนเอกสารอีกชุดนั้นเป็นประกันชีวิตของพี่เองครับ พี่ให้บริษัทเพิ่มชื่อต้นเป็นผู้รับผลประโยชน์ร่วมกับแม่พี่ ถ้าพี่เป็นอะไรไปต้นจะได้ไม่ลำบากยังไงละครับ”
     ผมพูดอะไรไม่ออกนอกจากขนลุกไปทั่วทั้งราง! น่าแปลกแท้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเรื่องเศร้าเสียใจแต่ปากผมสั่นยิ่งกว่าตอนที่ผมร้องไห้ซะอีก แล้วจู่ๆ น้ำตาผมก็หยดลงมาเอง ผมพยายามจะเอามือป้ายมันออกไปแต่กลับพบว่าตัวเองมือสั่นไปหมด ผม...
     “ฮึก!
     “เอ้าๆ ร้องไห้อีกละ ร้องทำไมเนี่ยต้น พี่ยังไม่ตายครับ”
     พี่ชัชบ้า! ยังจะมาเล่นมุกอีก ผมกำลังซึ้งๆ อยู่หลุดขำเลยครับ แฟนผมบ้าที่สุด! พี่ชัชนั่งยิ้มมองผมปาดน้ำตาพลางจิบกาแฟของตัวเองอย่างน่าหมั่นไส้ แต่ถึงแฟนผมจะยิ้มได้น่าหมั่นไส้ขนาดไหนผมก็ยังสัมผัสได้ถึงความรักที่ส่งผ่านแววตาอันอ่อนโยนคู่นั้น
     “พี่ชัชไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยครับ”
     “ต้องสิต้น ตอนนี้แหละที่ควรทำ พี่ยังแข็งแรงยังหาเงินได้ พี่ก็ต้องวางแผนสำหรับอนาคตเอาไว้ อนาคตไม่ใช่ของพี่คนเดียวแล้วนะครับ อนาคตของต้นก็อยู่ในมือพี่ด้วย พี่ไม่กล้าใช้ชีวิตสุ่มสี่สุ่มห้าพาต้นเสี่ยงไปกับพี่หรอก พี่รับปากพี่น้ำแล้วนี่นาว่าพี่จะดูแลต้นให้ดีที่สุด แล้วพี่ก็ตั้งใจว่าจะขอดูแลเราไปจนตายครับ”
     ผมพูดไม่ออกเลยครับ มัน... เป็นของขวัญวันเกิดสุดพิศดารที่ยอดเยี่ยมมาก ผู้ชายคนนี้ทำให้ผมมั่นใจว่าเขารักและพร้อมจะอยู่กับผมไปจนตาย! ใครบอกว่าความรักของเกย์มันไม่ยืนยาว นี่ไงล่ะแฟนผมไง ผู้ชายคนนี้เขาทำเพื่อผมถึงขนาดนี้เชียวนะ! ชั่วแว๊บหนึ่งผมอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าถ้ามีครีเอทีฟบริษัทไหนมาได้ยินเผลอๆ อาจจะหยิบเรื่องของผมกับพี่ชัชไปสร้างเป็นโฆษณาก็ได้นะ อ๊ะ! ไม่สิ ต้องรอผมกับพี่ชัชเป็นลุงแก่ๆ กันทั้งคู่ก่อน ผมอยากอยู่กับพี่ชัชตลอดไป!
     “เอ้า! เงียบเลย ไม่ชอบของขวัญของพี่เหรอครับ?”
     “ใครบอกละครับ อึ้งสุดๆ จนพูดไม่ออกแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่ชัชจะทำเพื่อผมถึงขนาดนี้ ขอบคุณนะครับ ... ที่จริง แค่พี่ชัชรักผมตอบผมก็มีความสุขมากแล้ว ผมไม่อยากจะเชื่อเลย...”
     “ต้นอาจจะคิดว่าเพราะตัวเองเป็นผู้ชาย และเราเป็นฝ่ายหลงรักพี่ก่อน แค่เราได้รักพี่ได้อยู่ข้างๆ พี่ก็ดีแล้ว แต่มันไม่พอหรอกนะต้น เรามีดีเกินกว่าที่จะลดคุณค่าตัวเองแบบนั้นนะครับ ถ้าต้นไม่ดีจริง ต้นไม่ได้ใจพี่ไปขนาดนี้หรอก แล้วในเมื่อพี่รักเรา พี่ก็ต้องอยากทำสิ่งดีๆ ให้เราสิครับ ตอนนี้ไม่ใช่แค่ต้นรักพี่หรือพี่รักต้น แต่เป็นเราสองคนรักกันนะครับ ทั้งที่มันดีและไม่ดี สัญญานะครับว่าจะร่วมฝ่าฟันไปกับพี่”
     ผมจะตอบอะไรได้ละครับนอกจาก...
     “ครับ”
     ผมยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิต หลังจากนั้น ผมก็จัดการเค้กไปได้อีกไม่กี่คำเพราะจู่ๆ ก็รู้สึกอิ่ม พี่ชัชแซวว่าผมอิ่มอกอิ่มใจจนกินอะไรไม่ลงแล้วพวกเราเตรียมตัวออกจากคอนโดกันครับ วันนี้แฟนผมจะขับรถไปส่งผมถึงในเมือง ถ้าขืนออกช้าเดี๋ยวสายแล้วจะรถติด ถึงผมจะอินเลิฟขนาดไหนแต่ก็ไม่อยากไปสายในคาบของอาจารย์คนนี้หรอกครับ

     “The smile on your face lets me know that you need me. There's a truth in your eyes saying you'll never leave me. The touch of your hand says you'll catch me whenever I fall.”
     พี่ชัชของผมขับรถไปฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนผมก็นั่งเขินหน้าแดงไปตลอดทาง เพราะพี่เขาเล่นเปิดแต่ซีดีรวมฮิตเพลงสากลเก่าๆ แล้วร้องตามแต่เพลงหวานๆ ทั้งนั้นเลย บางทีระหว่างรถติดก็มีแอบมาขโมยหอมแก้มผมด้วย อายรถคันข้างๆ ชะมัดเลยครับ คือ... ก็สายกันนิดหน่อยแหละเลยรถติด พอรถติดพี่ชัชก็เลยมีเวลามาแกล้งผมเยอะขึ้น
     “All you have to do is close your eyes. And just reach out your hands and touch me, Hold me close don't ever let me go. More than words, Is all I ever needed you to show. Then you wouldn't have to say that you love me, Cause I'd already know.
     แน่ะ! ผมเขินจนเมื่อยแก้มไปหมดแล้วครับ อยากจะบ้าตาย วันนี้แฟนผมหวานเกินไปแล้ว!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด