เรื่องราวของผม
ต้นน้ำ ผมเห็นไปป์เดินผ่านพวกเราไป ไปป์ไม่ยอมแวะทักทายคนอื่นๆ เพราะผมนั่งอยู่ด้วย เฮ้อ... รู้สึกแย่จังเลยครับ เรื่องที่ได้ยินจากป่านทำให้ผมขนลุก หลอนสุดๆ ครับ มันยิ่งกว่าตอนที่ผมฝันถึงพี่ธีร์ซะอีก การที่ผมยังมีชีวิตอยู่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ผมไม่ควรทำอะไรโง่ๆ อีก ยิ่งนึกถึงสิ่งที่ไปป์ขอผมเอาไว้
“สัญญานะต้น อย่าทำ” ไปป์รู้แต่แรกว่าผมจะคิดสั้น ผมผิดสัญญากับไปป์...
ผมถูกพี่ชัชทรยศหักหลังทำร้ายจิตใจกันผมเองก็เจ็บปวด พี่ชัชแทบไม่เคยรักษาสัญญาอะไรได้เลย ขนาดเรื่องจุกจิกในบ้านยังรับปากส่งๆ แล้วก็ลืม ... แต่ผมก็ยังรักพี่ชัช จนทุกวันนี้ผมยังลืมเขาไม่ได้เลยให้ตาย!
แต่ผมก็ผิดสัญญากับไปป์ด้วยเช่นกัน ผมจะอ้างว่าผมกำลังย่ำแย่ก็ได้ แต่ยังไงซะผิดสัญญาก็คือผิดสัญญาไม่ว่าผมจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม เพียงแต่เรื่องนี้ทำให้ผมคิดได้ว่า
บางทีคนให้สัญญาก็อาจจะไม่อยากผิดสัญญานักหรอก เขาคงมีเหตุผลบางอย่าง ... เหมือนที่ผมเองก็ใช่ว่าไม่รักเพื่อนๆ แต่ในสถานการณ์แบบนั้นที่ตื่นมารับรู้ว่าตัวเองถูกข่มขืน ถูกแฟนที่กำลังทะเลาะกันเห็นสภาพแล้ว จะเป็นเอดส์รึเปล่าก็ไม่รู้ ถูกถ่ายคลิปที่อาจจะทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง พวกเขาต้องผิดหวังในตัวผมแน่ๆ กำลังประสาทเพราะยาบ้าๆ ที่พวกมันใช้กับผม จากเดิมที่แทบไม่ต่างอะไรกับคนป่วยซึมเศร้าเพราะโดนนอกใจคุณว่าผมจะคิดอะไรออกอีกล่ะ ผมไม่ได้เข้มแข็งนี่! แต่ตอนนี้ผมก็พยายามอยู่นะ อย่างน้อยผมก็ต้องง้อไปป์ให้สำเร็จ! เฮ้อ... นายต้องทำได้น่ะต้นน้ำ!
ผมเห็นไปป์นั่งอยู่หลังห้อง ปกติเขาต้องนั่งถัดจากผมไปหนึ่งแถวแท้ๆ ลองหยั่งเชิงก่อนแล้วกัน ถึงไปป์จะไม่ยอมพูดอะไรกับผมแต่ผมก็เห็นนะ เมื่อกี้ตอนเดินผ่านไปป์แอบมองผมใหญ่เลย เอาละนะ ผมจะลองดู!
ผมเดินไปนั่งข้างๆ ไปป์ เขาเหลือบตามามองผมนิดหน่อยแล้วก็หันหน้าหนี เฮ้อ... คงไม่สำเร็จง่ายๆ แน่ แต่ก็เอาเหอะ ผมสมควรถูกโกรธนี่นา ก็ต้องง้อกันต่อไป ผมพยายามนั่งส่งยิ้มให้ไปป์ทั้งคาบ ปวดแก้มมากครับ!
“นี่วันที่สามแล้วนะป่าน!”
ผมโอดครวญให้ป่านฟัง ไม่เคยต้องง้อใครนานขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ตอนทะเลาะกับพี่ชัช ... ช่างมันเถอะ ขนาดตอนนั้นที่ผมไปง้อแม็กซ์เขายังยอมให้อภัยผมง่ายๆ เลย
“เอาน่ะแก อิไปป์มันก็ไม่ได้ทำหน้าทะมึนออร่ามาคุใส่แกแล้วไม่ใช่เหรอ ปล่อยมันเล่นตัวอีกนิดน่ะ”
“เราก็รู้ แต่ถ้าไปป์หายโกรธเราแล้วทำไมไม่พูดกับเราซักทีล่ะ”
ผมนึกถึงผู้ชายหน้าตาหล่อที่สูงร้อยเจ็ดสิบหกเซ็นฯรูปร่างสมส่วนร่าเริงเป็นกันเอง คุณสมบัติพวกนี้ไม่ด้อยไปกว่าคิวว์เลยนะครับ ผมยกให้ไปป์เป็นอันดับสองของรุ่นเลย เพราะคิวว์จะให้อารมณ์แบบเจ้าชายแต่ไปป์จะดูร่าเริงสดใสแบบเด็กๆ แต่ผู้ชายคนที่ว่าสองวันมานี้เวลาเขาเผลออายคอนแทคกับผมแล้วกลับทำแก้มป่องสะบัดหน้า
“ฮึ” เชิดคางใส่ผมเหมือนเด็กสามขวบ!
“แกก็ทนๆ เอาหน่อยเถอะ ง้อมันอีกนิดเดี๋ยวก็หายเองแหละ!”
“เธอช่วยอะไรต้นไม่ได้เหรอป่าน เราชักรำคาญมันละ หมั่นไส้! ทำงอนปากยื่นมันแลบลิ้นใส่ต้นด้วยนะ อยู่ปีสามนะไม่ใช่อนุบาลสาม!”
“แต่เราว่าไปป์เป็นแบบนี้ก็น่ารักออก ดีกว่าตอนนั้นนะจ้ะ”
“เออ จริงของแก้ว”
ผมเห็นด้วยกับแก้วนะ แต่ผมจะง้อไปป์ยังไงดีล่ะ?
วันที่สี่ ทั้งๆ ที่ผมลงคนละวิชาเลือกกับไปป์ผมก็ยังอุตส่าห์ไปหาเขา แต่ผมไปแล้วไม่เจอ ใครจะไปคิดว่าไปป์มานั่งอยู่แถวๆ ตึกที่ผมต้องเรียน ลูกหมาน้อยของผมทำท่าซะน่าสงสารเชียว ท่าทางหงอยๆ เหมือนรอเจ้าของมาหา แต่พอผมเดินเข้าไปหาแล้วเขาหันมาเห็นผมเท่านั้นแหละ ลูกหมาน้อยของผมก็วิ่งหนีไปซะงั้น! ให้ตายสิไปป์!
“เราทนไม่ไหวแล้วนะป่าน ไปป์งี่เง่ามาก!”
ผมโทรหาป่านทันที ผมบ่นเรื่องไปป์ให้เขาฟังแต่เขากลับหัวเราะผม
“แกก็ยอมๆ มันหน่อยน่ะ นี่ยังไม่ถึงห้าวันเลย”
“จะเอายังไงก็ไม่พูด หายโกรธแล้วก็ไม่ยอมคืนดี!”
“เออ ฉันก็ว่าน่ารำคาญเนอะนิสัยแบบนี้”
“ป่าน!”
ป่านว่าผมนี่!
“อะไร? ฉันแค่เห็นด้วยกับแก ฮ่าๆ”
โอ้ย! จุกครับ!
“นี่แกไม่เคยง้อใครเลยใช่มั้ยเนี่ย? ปกติมีแต่งอนคนอื่นเขาไปทั่ว”
พูดไม่ออกครับ
“อืม...”
“ปกติเวลาแกทะเลาะกับคนอื่นแกทำไงอ่ะ”
“ก็... เข้าไปพูดตรงๆ”
‘ไม่งั้นก็หนี’ ผมแอบต่อประโยคในใจ ก็ถ้าผมไม่ถึงที่สุดผมไม่เคยไปอะไรกับใครอยู่แล้ว
“แกก็ใช้วิธีที่แกถนัดนั่นแหละ แกรู้จักอิไปป์ดีจะตาย ไม่ยากเกินความสามารถแกหรอก”
คำแนะนำแบบนี้ไม่ช่วยอะไรเลยครับ เฮ้อ... วิธีที่ผมถนัดเหรอ? ... จริงสิ! นึกออกแล้ว! เย็นนี้แวะวิลล่าก่อนกลับบ้านดีกว่าครับ
วันนี้ผมมั่นใจมากๆ ว่าผมต้องง้อไปป์สำเร็จ! ผมอุตส่าห์ทำตั้งนาน ป้าณีก็ชมว่าอร่อย ขนาดคุณปู่ที่ไม่ชอบทานของหวานยังขอชิมเลยครับ ยกเว้นลุงไกร ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าลุงไกรไม่ชอบช็อกโกแลต!
ผมเดินเข้าไปหาไปป์ส่งยิ้มให้เขาเป็นใบเบิกทาง พอนั่งลงข้างๆ แล้วก็เอา“ตัวช่วย”ออกมาวาง กล่องใส่ขนมแพ็กเก็จสวยๆ ที่ฝาด้านบนใสจนมองเห็นขนมด้านในช่วยผมได้เยอะ จากตอนแรกที่ไปป์ทำหน้าสงสัยแต่พอเห็นของข้างในชัดๆ เขาก็ยิ้มหน้าบาน
“เราทำเองเลยนะ มิลค์ช็อกบอลสอดไส้ไวท์ช็อก”
ผมมั่นใจมากๆ ว่าขนมของผมต้องเอาไปป์อยู่
“รักต้นที่สุดเลย เย้!”
ไปป์กอดผมแรงมากครับ! จุกเป็นบ้าเลย เขารัดซะจนผมแทบหายใจไม่ออก แต่เอาเถอะ ในที่สุดผมก็ได้เพื่อนผมคืนมา ลูกหมาน้อยขี้งอนที่ประท้วงผมตอนนี้กลับมาเชื่องเหมือนเดิมแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ต้นน้ำ หลังจากนั้นผมก็ยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะแยะ ใช่ว่ามีแต่ไปป์ที่ห่วงผมคนเดียวซะเมื่อไหร่ แล้วผมก็ไม่ได้มีแต่คนห่วงด้วยครับ คนคอยซ้ำเติมก็มี แต่ผมพยายามบอกตัวเองว่าคนพวกนั้นทำอะไรผมไม่ได้อีกแล้ว กะอีแค่ลมปากของคนอื่นมันคงไม่เจ็บเท่าโดนแฟนนอกใจหรอก คนที่เกือบจะโดนข่มขืนจนฆ่าตัวตายอย่างผมยังเหลืออะไรให้ต้องกลัว? ผมต้องไม่อ่อนแอ!
“กลับเลยรึเปล่าต้น?”
“อืม รบกวนนายหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไร วันนี้เราว่าง จะแวะห้องเรามั้ย?”
ผมรู้นะคิวว์คิดอะไร
“...อย่าบอกนะว่า ...”
“แหะๆ ... เราหาแรมโบ้ไม่เจออ่ะ แต่รอบนี้เราปิดประตูห้องน้ำแล้วนะ ดึงพวกสายไฟขึ้นหมดแล้วด้วย”
“เราเตือนนายแล้วว่าอย่าซื้อมาเลี้ยง!”
“ไปช่วยหาหน่อยสิ นะๆ”
ผมมาสนิทกับตานี่ได้ยังไงนะ!
เริ่มจากคิวว์เห็นผมดูรูปเกี่ยวกับรอยสัก เราก็เลยคุยกัน ผมบอกเขาว่าผมชอบรอยสักแต่ไม่กล้าสักอะไรเพิ่มแล้วเพราะมันลบลำบาก เขาเลยเล่าให้ผมฟังว่ามันมีสีเพ้นท์ที่ใช้แทนรอยสักได้ บางชนิดก็อยู่ทนทำออกมาสวยเหมือนรอยสักจริงๆ คุยกันไปคุยกันมาก็เลยจบลงที่ผมกับคิวว์ไปหาซื้อเฮนน่าสำหรับเพ้นท์มาลอง คิวว์ที่นอกจากจะเรียนเก่ง หน้าตาดี เป็นดารา อยากทำงานกับนาซ่า เป็นเพอร์เฟคแมน เพื่อนผมคนนี้ยังมีงานอดิเรกสุดติสท์คือการวาดรูป เขาเลยเสนอตัวช่วยเพ้นท์ให้ผม ผมก็เลยได้ไปห้องเขา แต่ส่วนใหญ่แล้วผมจะให้คิวว์เพ้นท์ลายให้ตรงในร่มผ้ามากกว่าเพราะผมไม่อยากโชว์ให้ใครเห็น ไปๆ มาๆ เราก็เลยสนิทกัน คิวว์มีคอนโดอยู่แถวสุขุมวิทใกล้บ้านคุณปู่บางทีเราก็เลยกลับด้วยกันเพราะคุณพ่อไม่ชอบให้ผมขี่รถมาเอง บางวันเราก็เลยไปเที่ยวด้วยกัน แล้วคิวว์ก็ไปซื้อลูกกระต่ายจากข้างทางมาเลี้ยง ตายสิครับ! ลูกกระต่ายยังไม่หย่านมมันจะรอดได้ยังไง คิวว์เศร้ามากผมเลยต้องไปอยู่เป็นเพื่อนเขา แล้วเราก็ไปหาอะไรทานด้วยกันในห้าง แต่ดันมีเทศกาลสัตว์แปลก แล้วคิวว์ก็หอบแฮมสเตอร์แคระกลับบ้านเพราะคนขายยืนยันว่าเลี้ยงง่ายตายยาก!
“เราว่านายเปลี่ยนกรงเถอะ”
คิวว์พึ่งเลี้ยงแฮมสเตอร์แคระพันธุ์โรโบรอฟสกี้ได้สองอาทิตย์เองนะครับ แต่เจ้าหนูบ้าพลังตัวนี้เปิดกรงออกมาวิ่งเล่นเองเฉพาะอาทิตย์นี้ก็สี่ครั้งแล้ว! ผมมองหน้ามันทีไรแล้วตงิดๆ ทุกที นึกถึงยักษ์งี่เง่าบางคนเป็นบ้า! แล้วพอเจ้าแรมโบ้หายไปทีไรคิวว์ก็จะรีบโทรหาผม แหง๋แหละ! บางทีคิวว์ต้องไปทำงานนี่ครับ เดือดร้อนผมต้องไปหาให้ตลอดเพราะอยู่ใกล้กัน บางทีการที่เรามีเพื่อนใกล้ๆ บ้านก็ใช่ว่าจะดี เฮ้อ...
“เราสั่งแล้วนะ แต่ของยังส่งมาไม่ถึงอ่ะ”
“อืม รู้แล้ว”
ทำไงได้ละครับ เพราะผมต้องอาศัยรถเขากลับก็เลยต้องช่วยๆ กัน คิดแล้วก็เซ็งครับ ทั้งๆ ที่คุณปู่อนุญาตแท้ๆ แต่คุณพ่อกลับห้าม ท่านไม่ชอบให้ผมขี่ชาโดว์มามหาวิทยาลัย ความจริงท่านค้านหัวชนฝาเลยครับตอนที่รู้ว่าผมซื้อเจ้านี่มา เกือบต้องเอาไปขายต่อแล้ว ท่านบอกจะซื้อรถเล็กให้ผมอีกคันแต่ผมไม่อยากได้ มหาวิทยาลัยผมหาที่จอดยากจะตายครับ ตอนนี้ผมก็เลยแอบดื้อกับคุณพ่อด้วยการขึ้นรถสาธารณะมาเรียนเหมือนเดิม บางทีก็ได้อาศัยติดรถคิวว์นี่แหละครับ
ก็นะ ... ผมเลิกกับแฟน แม่แต่งงานใหม่ไปเมืองนอก พ่อเองก็มีครอบครัวเดี่ยวที่อยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก เหลือที่ตรงไหนให้ผมเข้าไปแทรก? ผมก็เลยต้องเก็บข้าวของย้ายมาอยู่กับคุณปู่ ทุกคนดีใจกันมากเพราะรู้ว่าผมต้องมาอยู่แบบถาวรเนื่องจากเลิกกับพี่ชัชแล้ว แต่ละคนเอาใจใส่ผมพยายามชดเชยให้ผมทุกอย่างไม่มีอะไรที่ผมอยากได้แล้วไม่ได้ ผมมีบัตรเครดิตเป็นของตัวเองด้วยนะครับ ขนาดวันที่ผมไปเมคโอเวอร์กลับมาแล้วคุณปู่เห็นท่านทำหน้าเหมือนจะเป็นลมแต่แล้วก็เลี่ยงไปพูดว่าจิวคริสตัลที่ผมใส่อยู่ไม่สวยเดี๋ยวจะหาอันใหม่สวยๆ มาให้ผมใส่แทน แล้วผมก็ได้เพชร! ส่วนพี่สาวแฟชั่นนิสต้าตัวแม่ของผมพอได้ข่าวก็รีบบึ่งมาดูลุคใหม่ผม ผมก็เลยมีคนช่วยเป็นสไตลิสต์ให้เพียบ!
ผมพยายามเปลี่ยนอะไรตั้งมากมายแต่สุดท้ายผมก็ยังเป็นต้นน้ำคนเดิม ความหวาดกลัวความกังวลต่างๆ ยังคงอยู่แต่ผมก็ต้องสู้กับมัน อย่างน้อยผมก็ควรจะใช้ชีวิตให้คุ้มก่อนตาย และต้องใช้มันอย่างมีความสุขด้วยครับ
ดังนั้นตอนที่คุณปู่บอกว่าจะซื้อรถให้ผมถึงขอให้ท่านซื้อเจ้านินจา650สีดำคันนี้ ยังไม่อยากเวอร์มากจนถอยดูคาร์ติคันเป็นล้านแบบแม็กซ์หรอกนะครับ
ผมชอบเวลาที่โดนสายลมปะทะกับตัว มองแต่ทางข้างหน้าไม่ต้องคิดอะไร แค่ไปให้ถึงจุดหมาย เหมือนผมได้ควบคุมชีวิตตัวเองโดยไม่ต้องกลัวว่าผมจะโดนทิ้งรึเปล่าเพราะรถไม่มีทางทิ้งคนขับ มีแค่ผมกับมัน
ผมรู้ดีว่าต้องมีคนคิดว่าผมกำลังทำตัวประชดชีวิตอยู่แน่ๆ เป็นเด็กดีมาตั้งนานแต่สิ่งที่ผมได้รับกลับ... ขอดีแตกนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้คงไม่เลวร้ายเกินไป ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้วครับ ขนาดอยู่เฉยๆ ภาพลักษณ์ผมยังเละเทะ งั้นก็เอาให้มันเต็มที่ไปเลยละกัน
ความจริงแล้วผมไม่มีอินสตราแกรม แต่คิวว์มี ดังนั้นพอผมสนิทกับคิวว์แล้วเขาทำบอดี้เพ้นท์ให้ผมหรือวันที่เรามีชาบูปาร์ตี้ที่ห้องเขา คิวว์ผู้น่ารักก็มักจะอัพรูปถ่ายคู่ผมแท็กไปแกล้งมิวนิคบ่อยๆ พวกเราชาวฟิสิกส์เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องขำๆ แฟนคลับคิวว์ก็กรี๊ดกราดไปตามประสาแม้จะมีบางคนที่เริ่มคิดบ้าๆ จิ้นผมกับคิวว์ก็ตาม แต่ที่ร้ายที่สุดคือมีคนเอาผมไปด่าอีกแล้วว่าผมฟาดคิวว์เรียบร้อย
คนพวกนี้ไม่รู้ว่าไปขุดรูปที่ผมถ่ายเล่นตอนไปเที่ยวใต้กับแม็กซ์และอาร์มมาจากไหน ก็กายกำลังบ้ากล้องนี่ครับ ตอนแรกพวกเราก็ถ่ายรูปเล่นกัน แต่ผมอยากแกล้งแม็กซ์ก็เลยแกล้งโพสท่านิดๆ หน่อยๆ ไปๆ มาๆ ก็คุยว่าผมลุคใหม่คล้ายๆ แนวพังก์ผมก็เลยลองแต่งสโมกกี้อายเล่นดู พวกเราวิ่งเข้าเซเว่นไปซื้อของมาเล่นกันตรงนั้นเลยแหละครับ ภาพมันก็เลยออกมาแนวแบดมากๆ ผมมาดูทีหลังยังอายตัวเองเลย ถึงกายจะถ่ายออกมาได้สวยมากทั้งการจัดแสงและอารมณ์ของภาพแต่ผมไม่คิดว่าจะออกมาแรดขนาดนั้น ไม่ต้องพูดว่าแม็กซ์เกรียนอยู่แล้วในภาพที่ผมอยู่กับเขาก็เลยมีเหล้าด้วย บางภาพก็กลายเป็นผมนัวเนียกับอาร์มยั่วแม็กซ์ มันต้องเป็นเพราะตอนนั้นผมเมาแน่ๆ แล้วรูปมันหลุดไปถึงมือคนพวกนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้ ก็เลยกลายเป็นว่าผมแรดมาก ผู้ชายคนไหนอยู่ใกล้ผมไม่แคล้วโดนจับกินหมดทุกคน!
ดีจังเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นต้นน้ำคนเดิมหรือต้นน้ำคนใหม่ ไม่ว่าผมจะมีลุคแบบไหนก็ไม่เคยอดอยากเรื่องผู้ชายในสายตาชาวบ้าน! ให้ตายเหอะ! ถ้าผมแซ่บอย่างที่เขานินทาจริงผมคงไม่โดนทิ้งหรอก! จากความจริงที่เลิกกันเพราะผมโดนนอกใจกลายเป็นว่าแฟนทนความร่านของผมไม่ไหวต้องขอเลิก บ้าที่สุด!
“ขอบใจนะต้น”
“เราต่างหากที่ต้องขอบใจนาย ให้เราติดรถกลับบ่อยๆ เมื่อไหร่พ่อเราจะเลิกห้ามซักทีน้า...”
“ต้นนี่ดื้อกว่าที่คิดเนอะ เขาก็คงเป็นห่วงมั้งเนื้อหุ้มเหล็กอ่ะ”
“ขี่มันจะตาย สนุกดีนะเราชอบ”
“ฮ่าๆ มีพ่อสอนอยู่ที่เดียวกัน จะแอบขับมาก็คงยากเนอะ แต่ตกใจเลยนะที่พ่อนายคืออาจารย์ต้น”
ผมไม่รู้ว่าควรจะรับมุกยังไงดี ผมรู้ว่าคิวว์ไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ผมไม่อยากใส่หน้ากากต่อหน้าคิวว์นี่ครับ ภาพเหตุการณ์หลายอาทิตย์ก่อนผุดขึ้นในหัว ตอนที่พวกเราเข้าเรียนแล้วมีการเช็กชื่อ นามสกุลผมเปลี่ยนไป หลังจากนั้นมิวนิคก็ทักผม
“เฮ้ยต้น มึงเปลี่ยนนามสกุลเหรอ?”
ตอนนั้นผมประหม่ามาก ผมรู้ดีว่ามิวนิคจำนามสกุลผมได้แต่ไม่ฉลาดพอจะนึกออกว่านามสกุลใหม่ของผมมันเหมือนใคร แต่สายตาของเพื่อนบางคนก็มีแววสงสัย ผมรู้ว่าพวกเขาต้องคุ้นหูนามสกุลนี้แน่ๆ พวกเราเรียนกับพ่อผมมาตั้งเทอมเชียวนะ! ผมก็ลังเลนะแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกความจริงออกไป
“ทำไมเหรอ? ก็ใช้นามสกุลพ่อไง”
“อ้าว? ละก่อนหน้านี้อ่ะ? ไหนมึงบอกพ่อมึงตายไง?”
“ไอ้ยักษ์บ้า! อย่ามาแช่งพ่อคนอื่นนะ เราไม่เคยพูดว่าพ่อเราไม่อยู่แล้วซะหน่อย”
“ก็มึงชอบพูดว่าไม่มีพ่ออะ”
“ก็ตอนนั้นไม่มีแต่ตอนนี้มีแล้ว จบมั้ย?”
“แต่นามสกุลมึงเหมือน...”
เป้ฉลาดพอที่จะจำได้ เขาทำให้ผมยิ่งประหม่า ผมรู้ว่าเพื่อนๆ รอคำตอบจากผมอยู่
“ก็... เมื่อก่อนอยู่กับแม่สองคนก็ใช้นามสกุลแม่ แต่พอดีตอนนี้ย้ายไปอยู่กับปู่แล้วทางนั้นเขาอยากให้ใช้นามสกุลนี้ พ่อเขาบอกให้ไปเปลี่ยนน่ะ มันจะได้ทำอะไรสะดวก”
“มึงเป็นลูกอาจารย์ต้น?”
ผมกำลังอึ้งอยู่ เขาถามตรงชะมัด! ผมพยายามรวบรวมความกล้าตอบออกไป ความลับนี้ผมไม่เคยบอกใครนอกจากไปป์ แต่ตอนนั้นไปป์ยังงอนผมอยู่เลยครับผมเลยไม่มีตัวช่วย แต่ใครจะไปคิดว่าอาร์ทช่วยพูดให้ผม
“ต้นมันจะลูกใครก็ช่าง พวกมึงเลิกเสือกกันได้แล้ว ไปๆ แยกย้าย กูหิวข้าว”
“มึงอะตัวเสือกเลยไอ้อาร์ท!”
ผมนึกว่าผมจะรอดแล้วซะอีก แต่นอยซ์ยังคงนรกสมชื่อ
“มึงเป็นลูกเมียน้อยของจารย์ต้นเหรอ?”
“อีนอยซ์!”
อื้อหือ! ผมหน้าชาเลยนะครับ ก็คิดไว้แล้วว่าถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปคงไม่พ้นถูกมองแบบนี้ ผมก็ทำใจแล้วแต่พอเจอกับตัวเข้าจริงๆ แล้วโคตรเจ็บ! ถึงเมย์จะหันไปด่ามันแทนผมแล้วแต่ผมก็ยังอยากด่ามันอีกอยู่ดีครับ!
“เอ้า! ก็กูอยากรู้กูผิดเหรอ?”
“แกไม่ผิดที่อยากรู้แต่ปากแกนี่นะ... เวลาถามหัดถนอมน้ำใจชาวบ้านเขามั่ง!”
ป่านที่อยากรู้พอๆ กับนอยซ์ช่วยปกป้องผมอีกแรง แต่สายตานี่บ่งบอกมากครับ เฮ้อ...
“แล้วตกลงจริงป่ะวะ?”
นอยซ์ยังมีหน้าหันมาถามผมอีกนะครับ ตอนนั้นผมก็อายนะ เคยคิดอยู่ตั้งนานว่าถ้าคนอื่นรู้จะทำยังไง ผมไม่อยากให้ใครขุดเรื่องนี้มาพูด แต่พอมาถึงจุดนี้ ผมอายนะ แต่คิดว่าพูดออกไปตรงๆ เลยดีกว่า ขี้เกียจปิดบังแล้วครับ
“เปล่า ไม่ใช่เมียน้อย แค่ความผิดพลาดชั่วครั้งชั่วคราวน่ะ เราอยู่กับแม่สองคนมาตลอดแม่ไม่เคยบอกอะไรเราหรอก แต่สงสัยเราโชคดีมั้งในที่สุดก็ได้เจอพ่อบังเกิดเกล้า เหมือนละครเลยเนอะ ฮ่าๆ”
ผมพยายามพูดให้ขำนะ แต่มุกของนอยซ์กลับทำให้ผมหน้าชามากกว่าเดิม
“งั้นมึงก็สมเป็นนางเอกละครสุดๆ เลยสิวะ โดนข่มขืนด้วย”
ผมอึ้งมาก มันชาไปทั้งหน้าจนไม่รู้จะทำยังไง ผมต้องตั้งสติตัวเองอยู่สองสามวิถึงจะสั่งให้ตัวเองฝืนยิ้มแล้วพูดติดตลก คนอื่นเงียบทั้งห้องเลยครับ
“ไม่หรอก ... คือ... ในทางเทคนิคแล้วถ้าเขายังไม่ได้เอา ไอ้นั่น ใส่เข้ามาในของเราก็ยังถือว่าไม่โดนได้ใช่มั้ย? คือ... คนที่เขาเห็นคลิปยืนยันมาน่ะว่าเราปลอดภัยจริงๆ พอดีเราก็จำอะไรไม่ค่อยได้ด้วย ฮะๆ แบบ เราเมายาอยู่อะนะ”
“มิน่า ไอ้เด็กวิดวะนั่นถึงต้องออก เล่นกับใครไม่เล่นเสือกลากลูกรองไปมอมยา มึงนี่โคตรน่ากลัวเลย กูไม่กล้ามีเรื่องกับมึงแน่ๆ”
ผมเจ็บนะ ผมเจ็บที่คนอื่นคิดกับผมแบบนี้
“บ้า! เราก็อยู่ของเราเงียบๆ แบบนี้มาตั้งนานแล้ว เราไม่ไปหาเรื่องนายหรอกน่ะ”
ตอนนั้นผมแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน แต่วันนี้คิวว์ทำให้ผมนึกถึงเรื่องในวันนั้น เฮ้อ... แผลสด ผมยังไม่ชินกับการมีพ่อเลยครับ
“ชีวิตเรามันแย่ใช่มั้ยล่ะ ลูกนอกสมรส”
“ใครบอก มันก็ไม่ได้แย่นะ แต่เราก็พอเข้าใจละว่าทำไมเมื่อก่อนต้นชอบเก็บตัว ตอนนี้นายโอเคป่ะล่ะ? ถ้ามีอะไรอยากให้เราช่วยก็บอกนะ”
คิวว์ยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ การที่เขามาใกล้ชิดผมอาจจะทำให้ภาพลักษณ์ตัวเองเสียหายแท้ๆ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ นิสัยก็ดีหน้าตาก็หล่อ มีซิกแพค บ้านรวย เฮ้อ... คุณสมบัติแบบนี้เจ้าชายชัดๆ ผู้ชายในฝันของสาวๆ เลย
“ขอบใจนะคิวว์ เท่านี้ก็มากพอแล้วล่ะ”
พอผมถึงห้องคิวว์ ผมก็ช่วยเขาหาเจ้าแรมโบ้ โชคดีที่ห้องคิวว์ไม่รกผมเลยไม่ต้องลำบากเก็บกวาดเหมือนตอนไปห้องแม็กซ์ แต่ผมก็ต้องรื้อห้องนอนของเขาทุกซอกทุกมุม ผมบอกให้คิวว์เอากรงไว้ในห้องนั่งเล่นเขาก็ไม่เชื่อ บอกอยากอยู่ใกล้ๆ ลูกตัวเองทุกคืน เสียงเจ้าหนูประสาทนี่วิ่งปั่นกรงล้อดังจะตายนอนเข้าไปได้ยังไง! คราวนี้เจ้าแฮมสเตอร์บ้าพลังมันหนีเข้าไปอยู่หลังหัวเตียง ผมต้องช่วยคิวว์ยกเตียงห้าฟุตออกมาแล้วพยายามล้วง แต่เจ้าแรมโบ้โรคจิตมันไม่ยอมออกมาครับ! เลยต้องไปหาไม้ยาวๆ มาเขี่ย กว่าจะไล่มันออกมาได้ เฮ้อ...
ผมจับเจ้าแรมโบ้ใส่กรงแล้วกะจะเอาสก็อตเทปยึดประตูไว้แต่คิวว์ก็ดันมาห้ามผม บอกเผื่ออยากลูบหัวลูกก่อนนอน เพราะแบบนี้แหละเจ้าแรมโบ้ถึงหลุดออกมาทุกคืน!
“ขอบคุณน้าต้น ช่วยเราไว้อีกแล้ว”
“ไม่เป็นไร แต่ขอร้องอย่าบ่อย เราเหนื่อย”
“ฮะๆ”
คิวว์ยิ้มรับแล้วหัวเราะสดใสมากครับ เขาไม่ต้องเหนื่อยเหมือนผมนี่! ไม่รู้ทำไมไอ้หนูบ้านี่ชอบนิ้วผมจัง ถ้ามันได้กลิ่นนิ้วผมนะมันจะรีบพุ่งเข้ามางับทันทีเลย ผมก็เลยต้องมาเก็บหนูหายให้คิวว์บ่อยๆ
“งั้นค้างกับเราป่ะ พรุ่งนี้คาบเช้าก็เรียนเหมือนกันอยู่แล้ว”
“ขอโทรบอกปู่ก่อนดีกว่า ว่าแต่นายไม่มีงานเหรอ ช่วงนี้ว่างเยอะจัง”
“ฮะๆ ก็ขึ้นปีสามแล้ว อยากตั้งใจเรียนอ่ะ เทอมที่แล้วเกรดไม่ค่อยดี เราเลยเพลาๆ งานอ่ะ”
ได้ยินแล้วรู้สึกผิดจังเลยครับ ปกติคิวว์ได้งานเดินแบบเยอะจะตาย มาปีนี้เหลืองานถ่ายแบบไม่กี่ตัวเอง งานโฆษณาก็น้อยลงด้วย
“ขอโทษนะ”
“เฮ้ย! ไม่เกี่ยวกับนาย เราไม่ขยันเอง”
นี่แหละครับคิวว์ ผมโชคดีจังที่มีเพื่อนแบบนี้ คิวว์กับผมเจอกันในวิชาเลือก พอขึ้นปีสามแล้วพวกเราก็กระจายกันพอสมควรครับ คิดถึงไปป์จัง
“ขอบคุณนะ งั้นเย็นนี้อยากทานอะไรเดี๋ยวทำให้”
“อา... สลัดผักกับอกไก่อบได้ป่ะ ของสดอยู่ในตู้เย็น”
แหม เตรียมไว้พร้อมเลยนะครับ ชักยังไงๆ ละ
“นี่ไม่ได้หาเรื่องแอบปล่อยเจ้าแรมโบ้ใช่มั้ยเนี่ย?”
“เอ้ย เปล่า! มันหลุดออกมาเอง แต่ความจริงก็กะจะชวนต้นมาอยู่แล้วล่ะ พอดีมีลายใหม่อยากนำเสนอ ส่วนเรื่องของกินมันผลพลอยได้ ฮะๆ”
แล้วผมก็เลยต้องทำอาหารให้คิวว์ ผมสงสารเขาเหมือนกันนะ ต้องดูแลรูปร่างแทบตาย จะทานอะไรตามใจตัวเองมากก็ไม่ได้ เวลาผมมาค้างด้วยเขาก็คงทานอาหารสนุกขึ้นมั้งครับ เพราะผมทำอร่อยด้วยแหละ แต่เอ๊ะ! ... พอคิดไปคิดมาแล้ว ทำไมผมอยู่กับใครก็ต้องเป็นแม่บ้านให้คนอื่นหมดเลยล่ะ!
เป็นอันว่าคุณปู่อนุญาต ผมได้ค้างกับคิวว์ครับ พอทานอาหารเย็นเสร็จแล้วผมก็เปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้น(มาก)ให้คิวว์ทำบอดี้เพ้นท์ให้ คิวว์ให้ผมขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ ส่วนตัวเองก็นั่งตรงเก้าอี้ ผมต้องวางเท้าไว้ตรงหว่างขาเขาเพราะคิวว์บอกว่าไม่งั้นจะวาดไม่ถนัด ถึงคิวว์จะวาดภาพสวยมากแต่ติดนิสัยชอบก้มติดหน้ากระดาษครับ จมูกเขาแทบจะชนกับต้นขาผมอยู่แล้ว! แต่ก็คุ้มนะ เพราะผมได้เถาวัลย์หนามสุดเท่มาพันอยู่รอบต้นขาผมเกือบถึงหัวเข่า เท่ดีครับ โคตรชอบเลย!
“ต้นไม่อยากทำตรงหน้าท้องแล้วเหรอ?”
ผมเคยให้คิวว์วาดดอกไม้กับผีเสื้อลงตรงหน้าท้องครับ ไล่ไปจนถึงสะโพก แต่รับรองว่าแค่เพ้นท์ลายเฉยๆ ครับ ผมกับคิวว์ไม่มีอะไรกันทั้งนั้น เพื่อนผมคนนี้ยังเป็นหนุ่มเวอร์จิ้นอยู่เลย
“ไม่เอาแล้วล่ะ ไปป์ยุ่ง วันก่อนมาเปิดเสื้อเราดูด้วย สีมันเข้มไปอ่ะ เสื้อขาวมันมองเห็นชัด”
สำคัญกว่าไปป์คือคุณพ่อผมนี่แหละครับ ท่านไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ เฮ้อ... แล้วเสื้อนิสิตก็เป็นสีขาวด้วย มันเห็นชัดมาก ผมก็เลยได้แต่แอบทำตรงขานี่แหละ คงไม่มีใครมาถอดกางเกงผมดูหรอกมั้ง?
“ตรงข้อเท้ากับแขนก็ไม่ได้แล้วใช่มั้ย? เราอยากวาดภาพใหญ่ๆ อ่ะ ที่ต้นเคยบอกว่าอยากได้มังกรไง คิดได้ลายนึง น่าจะเหมาะกับต้น”
ลายทั้งหมดที่คิวว์วาดให้ผมเขาออกแบบเองครับ เพื่อนผมคนนี้จะเพอร์เฟคไปไหนเนี่ย! เขาจะเก่งทั้งวิชาการและงานอาร์ตเลยรึไง? อิจฉาชะมัด!
“เราก็อยาก แต่ถ้าพ่อเราเห็นเราแย่แน่ๆ ไม่อยากให้มีปัญหาน่ะ”
“แล้วตอนปิดเทอมล่ะ? ช่วงปิดเทอมคงไม่เป็นไรมั้ง”
“อาจจะนะ ตอนนั้นพ่อเราคงไม่ว่าหรอกมั้ง”
พอได้ยินผมพูดคิวว์ก็ยิ้ม เฮ้อ... นี่มันเหมือนผมรับปากเขากลายๆ เลยไม่ใช่รึไง
“งั้นมาถ่ายรูปกัน สวยนะเนี่ย ฝีมือใครน้า?”
“ชมตัวเองนะคิวว์”
คิวว์ยิ้มแล้วก็เอามือถือมาถ่ายขาของผมอัพลงในอินสตราแกรม ปกติเวลาคิวว์ถ่ายลายเพ้นท์เขาถ่ายแค่ผลงานตัวเอง ไม่เคยถ่ายติดให้เห็นหน้าผมๆ ก็เลยปล่อยให้เขาเล่นสนุกไป แต่เพราะวันนี้เป็นทั้งขามั้งครับไม่ได้ถ่ายเจาะตรงลายเลยมีคนถามเข้ามาว่าขาของใคร แล้วซักพักก็มีเสียงไลน์เด้งรัวๆ คิวว์หัวเราะก๊ากแล้วยื่นให้ผมดู
“มึงอยู่กับต้นเหรอ”
“สัส มึงทำไรต้นวะ”
“อย่าบอกนะว่าคนที่มึงเพ้นท์ให้มาตลอดคือต้น”
“กูจะฆ่ามึง สัสคิวว์” ผมหัวไปมองหน้าคิวว์ เฮ้อ...
“มิวนิวมันจำขานายได้ด้วยนะต้น เหลื่อเชื่อเลย”
ผมควรจะดีใจที่มีคนจำขาผมได้งั้นเหรอ?
“มันหวงนายน่าดู”
“ช่างเขาเถอะ”
“ไม่ใจอ่อนบ้างเหรอ?”
“ใจอ่อนอะไร เราไม่ได้คิดอะไรกับมิวนิค”
“แต่ท่าทางมันชอบนายจริงๆ นะ ไม่มองมันหน่อยเหรอ?”
ผมจะรักใครได้ยังไงในเมื่อหัวใจของผมยังมีแต่พี่ชัช
“อ๊ะ! หรือนายยังไม่ลืมแฟนเก่า?”
“เอาเป็นว่าเราอยากอยู่คนเดียวซักพักแล้วกัน”
“ฮะๆ ปากแข็งจัง ต้นนี่น่ารักดีเนอะ ใครได้เป็นแฟนคงโชคดี นายเจ๋งกว่าผู้หญิงบางคนอีก ทำได้ทุกอย่าง นิสัยก็น่ารัก เสียดายแทนแฟนนายจริงๆ เขาน่าจะรักษานายไว้ดีๆ ไม่น่าปล่อยนายหลุดมือเลย แต่มีคนมาจีบนายตั้งเยอะ ไม่ลองมองใครบ้างล่ะต้น?”
“ใครจีบเราเยอะ? มาจีบคนที่เคยโดนมอมยาเนี่ยนะ บ้าละ! ไม่เห็นจะมี ว่าแต่นายยังไม่ได้ออกกำลังเลยนะคิวว์ รีบๆ ไปทำเหอะ จะได้อาบน้ำนอนกัน”
“คร้าบ พี่ต้น ฮะๆ”
ผมยิ้มขำๆ ให้คิวว์ทั้งๆ ที่ในใจแอบคิดถึงคนบางคน ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะเสียดายผมรึเปล่า... แต่ช่างมันเถอะครับ ก็เลิกกันแล้ว ต่างคนต่างมีชีวิตใหม่ของตัวเอง...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
น้องไปป์น่ารักมั้ย? เลี้ยงง่ายเนาะ แต่ต้นร้ายที่สุด ฮ่าๆ เมื่อก่อนน้องต้นเดินตลาด ตอนนี้ฮีเดินวิลล่าแล้วนะจ้ะ เหอะๆ (มีคนเก็ทมุกมั้ยเอ่ย?)
ชอบคู่นี้อ่ะ ต้นกับไปป์ไม่ใช่ความสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่มันมุ้งมิ้งดี คุณแม่ต้นกับลูก(หมา)ไปป์ อิๆ
เปิดตัวหนุ่มอีกคนในฮาเรม คิวว์น่ารักมั้ยเอ่ย? ฮ่าๆ เป็นผู้ชายที่เลี้ยงแฮมสเตอร์ด้วยแหละ แต่อ๊ะๆ ... มิวนิคชักเยอะน้า ยังไงๆ แฮะ!
เป็นยังไงบ้าง น้องต้นคนใหม่
มันใหม่ตรงไหนวะเหมือนเดิมเด๊ะ! ดูเผินๆ อาจจะเหมือนเดิม แต่เก็บกดน้อยลงนะว่ามั้ย ปล่อยวางมากขึ้น ยอมรับแล้วก็เปิดใจกับเพื่อนๆ มากขึ้น ต้นกำลังพยายามปรับตัวเข้าสังคมสุดชีวิต ฮ่าๆ
ต้นทิ้งท้ายไว้แบบนี้ คนอ่านจะคิดยังไงน้อ ...
