รอกันนานมั้ย? นาน นานเพราะอะไร? เพราะคนเขียนเค้นอารมณ์ตัวเองไม่ออก 
แต่ในที่สุดก็แต่งจบแล้ว ฮ่าๆ เดี๋ยวขอไปเกลาให้มันสะใจก่อนแล้วจะเอามาลงนะ ตอนนี้อ่านต้นน้ำ's ปาร์ตี้(รั่ว!) ไปก่อนแล้วกัน ตอนหน้าเฮียเขากลับมาแน่!ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม (ต่อ)และเมื่อทั้งเจ็ดคนไปถึงก็พบกับ!
“โต้น คิดถึงจังเลย หวัดดีปีใหม่น้า”
“มาไงวะนั่น?”
พรรคพวกที่เหลือหันไปกระซิบกระซาบกัน แต่มีหรือที่ไปป์จะสนใจในเมื่อต้นน้ำอยู่ตรงหน้านี่แล้ว! ไปป์ทั้งกอดทั้งถูต้นน้ำเสียยิ่งกว่าลูกหมาจนต้นน้ำแอบทำหน้าเอือม
“มาได้ยังไงน่ะไปป์?”
ต้นน้ำรู้มาว่าไปป์โดนป่านล็อกตัวไปสวดมนต์ข้ามปีกับครอบครัวของเธอเลยไม่ได้มาเคาท์ดาวน์ด้วยกัน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าไปป์จะโผล่มาแบบนี้
“ก็พอใส่บาตรเสร็จเมื่อเช้าก็แอบหนีมาเลย แหะๆ”
ไปป์กระดิกหางดิ๊กๆ เหมือนรอให้เจ้าของชื่นชม แต่เจ้าของอย่างต้นไม่มีวันชมลูกหมาน้อยจอมยุ่งอย่างไปป์หรอก!
ละนี่บอกป่านแล้วรึยัง?”
“บอกแล้วล่ะ ป่านยังบอกให้เราตามมาดูแลต้นเลย แถวนี้เหลือบไรมันเย้อ”
อัฐนั่งมองภาพที่ไปป์กอดต้นน้ำเอาไว้อย่างหวงแหนแล้วหันไปยักคิ้วยิ้มราวกับเหนือกว่าใส่มิวนิคแล้วก็ขำ ส่วนต้นน้ำก็หน้าซีดเหงื่อแตกเมื่อนึกถึงข้อตกลงสนุกๆ ที่ตัวเองทำไว้กับมิวนิค!
“จะมาทำไมว้า เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกกูก็กลับละ”
“กูมาหาต้น ไม่ได้มาหามึง ไอ้ยักษ์!”
สงครามน้ำลายคงจะมีต่อถ้าหากต้นน้ำไม่เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนหวานเชื่อม หากแต่ชื่อของคนที่ถูกเรียกกลับเป็น!
“มิวนิค...”
เมื่อเห็นต้นน้ำส่งสายตาแฝงความหมายบางอย่างมาให้มิวนิคก็หน้าแดง เขายอมหยุดเถียงกับไปป์ก่อนจะยักไหล่ทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่น้ำเสียงที่ต้นใช้ก็สะกิดต่อมคนอื่น
และแล้วทุกคนก็ต้องแปลกใจ ตลอดทั้งวันจนถึงเย็นต้นน้ำกับมิวนิคตัวติดกันไม่ยอมห่าง แม้จะมีไปป์มาคอยแทรกแต่ก็ทำอะไรยักษ์ซื่อบื้อไม่ได้ ดูเหมือนว่าคราวนี้ต้นน้ำจะให้ท้ายเปิดไฟเขียวใส่มิวนิคและคอยปรามไปป์แทน ที่สำคัญพวกเขายังไม่ได้ยินต้นน้ำด่าเจ้ายักษ์โง่ซักประโยค!
จะนั่งจะยืนจะเดินต้นน้ำก็อยู่เคียงข้างมิวนิคตลอดเวลา เดี๋ยวป้อนน้ำเดี๋ยวป้อนขนม มีกระทั่งซับเหงื่อ! เวลาคุยกันก็ใช้เสียงหวานเจี๊ยบน้ำตาลเรียกพี่ จากเดิมที่คอยเชียร์เหล่าฟิสิกส์มุงเลยแอบสยองนึกว่าต้นน้ำผีเข้า! ไปป์น้อยที่อุตส่าห์เก็บข้าวของตามต้นน้ำมาถึงทะเลเลยออกอาการงอน ลูกหมาน้อยงอนได้น่ารำคาญเหมือนเด็กสามขวบ! แต่คราวนี้ต้นน้ำกลับไม่ง้อ! ชาวฟิสิกส์มุงจึงเห็นภาพของต้นน้ำสวีทกับมิวนิคโดยมีเรือพ่วงลำน้อยๆ ที่ชื่อไปป์
อา... นี่มันฉากแนะนำแฟนใหม่ของคุณแม่ในสถานการณ์คุณลูกหวงแม่ปะทะพ่อเลี้ยงชัดๆ
สุดท้ายเมื่อไปป์งอนมากๆ เข้าต้นน้ำจึงยอมบอกความจริงว่าตนสัญญาจะเป็นแฟนให้มิวนิคควงหนึ่งวัน ไปป์น้อยเลยโวยวาย แต่เมื่อต้นน้ำบอกว่ากลับไปแล้วจะอนุญาตให้ไปป์ไปค้างที่บ้านได้ตามสบายลูกหมาน้อยก็เงียบกริบเพราะสินบนน่าสนใจกว่าเห็นๆ ถึงจะเป็นลูกหมาเอาแต่ใจแต่ก็ฉลาดพอจะอดเปรี้ยวไว้กินหวาน!
เพราะคราวนี้ไปป์น้อยโดนต้นน้ำดุ คนอื่นเลยนึกสนุกแกล้งแหย่ไปป์ นอยซ์คิดว่าไปป์ยังไม่รู้ความลับของต้นกับอัฐจึงไปยุให้ไปป์หันไประแวงอัฐเพิ่มอีกคน แต่ว่า...
“มึงคิดว่ากูโง่เหรอนอยซ์ อัฐกับต้นไม่มีวันมีอะไรแบบนั้นหรอก หึๆ”
“เชื่อกูดิ ระวังไว้นะมึง เห็นมันนิ่งๆ มันเอาจริงนะ เมื่อคืนก็นอนห้องเดียวกับต้น ตอนเช้ากูเห็นพวกมันกอดกันคาตาเลย”
บางทีอัฐก็นึกเคืองปนขำเพื่อนคนนี้ เขาผ่านมาได้ยินพอดีเลยยืนหลบอยู่ใกล้ๆ ปล่อยให้ทโมนที่เหลืออำไปป์กันสนุกสนาน
“ไม่มีทาง เพราะถ้าอัฐชอบต้นจริงๆ มันไม่ไปกินข้าวน้องยาหยีหรอก อัฐมันชอบสายแบ๊ว ซึ่งต้นไม่ใช่เสป็กอัฐ!”
“มึงรู้ได้ไงวะ? อัฐเนี่ยนะชอบสายแบ๊ว? กูนึกว่ามันชอบแบบเรียบร้อยซะอีก”
“ก็กูเห็น อัฐมันชวนน้องเขาไปดูหนัง ปกติมันไปกับสาวที่ไหน มันจีบน้องเขาชัวร์!”
“น้องเขาว่างพอดีเลยไปด้วยกัน กูไม่ได้จีบเขา”
เป็นอันว่าข้อมูลของไปป์แน่นปึ๊กจนอัฐร้อนตัว จากเดิมที่เหล่าฟิสิกส์มุงรุมแกล้งไปป์เลยกลายเป็นรุมซักอัฐแทน
“มึงยังไม่ได้จีบแต่ก็ชอบ ใช่ป่ะๆ”
“แล้วไปดูหนังกับสาว ใครจะไม่ชอบวะ?”
เพียงเท่านี้ก็มีเฮ นอยซ์รีบป้องปากตะโกน
“ไอ้ต้นโว้ย! มึงจะมีน้าสะใภ้แล้วโว้ย!”
แต่ไปป์งง!
“น้า?”
“
นะ นะ นาย ยังไม่รู้สินะ
นะ นะ อะ อะ อัฐเป็นน้า
นะ น้าของต้น”
“อะไรนะ!”
ถังข้าวอ้าปากเตรียมจะพูดอีกรอบแต่ไปป์ยกมือห้าม
“ไลน์มาก็ได้ถัง มึงพิมพ์เร็วว่าพูด!”
และแล้วข้อความก็เข้า ไปป์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านทันทีที่ได้ยินเสียงเตือน
‘อัฐเป็นน้าแท้ๆ ของต้น’ ไปป์มีสีหน้าตกใจ
‘แม่ของอัฐเป็นน้องคนละแม่ของยายต้น’ ไปป์อ้าปากค้าง ตั้งใจจะพิมพ์ข้อความกลับไปถามว่าจริงดิแต่ไม่ทัน ถังข้าวส่งข้อความที่สามมาเสียก่อน
‘ต้นบอกว่าพึ่งรู้ตอนปิดเทอม อัฐพาต้นกลับไปหาแม่ที่อยุธยา’ และข้อความทั้งหมดนั้นถังข้าวพิมพ์ส่งอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงห้าวินาที!
แต่อนิจจา ... น้องถังข้าวพลาด! ด้วยความรีบเขาเลยเผลอคุยกับไปป์ในไลน์กลุ่มไม่ใช่ไลน์ส่วนตัว ดังนั้นเลยมีข้อความจากฟิสิกส์มุงคนอื่นๆ กระหน่ำเข้ามา ต้นน้ำเลยวิ่งหน้าตื่นมาหาคนทั้งคู่!
“นี่มันอะไรกันอ่ะถัง!”
ดราม่าตัวแม่ยืนถือโทรศัพท์ในมือ แล้วใช้อีกมือชี้ไปที่หน้าจอ ข้อความไลน์ยังคงเลื่อนไม่หยุดแสดงให้เห็นว่าฟิสิกส์มุงที่เหลือให้ความสนใจกับข่าวนี้ รู้กันทั้งรุ่นแล้ว! ไม่สิ ในกลุ่มมีรุ่นพี่รุ่นน้องบางคนด้วย รู้กันทั้งภาคแหง๋ๆ!
ถังข้าวยืนหน้าซีดแล้วกดพิมพ์ตอบไปว่า
‘เราขอโทษ เราลืมออกกลุ่มไปแชทส่วนตัว’“ถังข้าว!”
แล้วก็เกิดมหกรรมวิ่งไล่จับขึ้น ต้นน้ำไล่กวดถังข้าวที่วิ่งหนีเอาเป็นเอาตาย อา... บรรดาเด็กหนุ่มฟิสิกส์รุ่นนี้มีแต่พวกแปลกๆ จริงด้วยแฮะ
ส่วนไปป์น้อย เขาหันไปมองอัฐที่ยังคงนั่งยิ้มอยู่ที่เดิม
“ที่ถังเล่า จริงเหรอ?”
“จริง”
“งั้นถ้าต้นเป็นแม่กู มึงไม่ต้องเป็นตากูเหรออัฐ?”
“ตาเลยเหรอ? เอาเหอะ แล้วแต่นะ ฮะๆ”
หนุ่มๆ เดินดูแสงสียามค่ำคืนของเมืองพัทยากันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะรัซเซียเบบี้ นอยซ์ตาลุกวาวกับภาพของสาวโคโยตี้ในตู้กระจก ผู้ชายวัยรุ่นกลุ่มใหญ่เดินไปตามถนนสายราตรี ผับบาร์มีสาวๆ ยืนเรียกลูกค้าอย่างครึกครื้น แต่กลับไม่มีใครมาจิกหนุ่มๆ ในกลุ่มเลยแม้แต่น้อย ด้วยหนังหน้าบอกยี่ห้อสัญชาติไทยแลดูแล้วยังเด็กไม่น่าจะกระเป๋าหนักจึงถูกเมิน นาทีนี้ความหล่อของคิวว์ก็ไม่ช่วยอะไรเพราะถนนสายนี้ไม่นิยมลูกค้าชาวไทย มิหนำซ้ำลูกครึ่งสุดหล่ออย่างมิวนิคยังเดินควงมากับต้นน้ำ ดูก็รู้ว่าไม่มีหวังไม่ต้องเรียกให้เปลืองน้ำลาย เหล่าฟิสิกส์เลยถ่ายรูปบรรยากาศเล่นกันสนุกๆ
แต่ไปป์ไม่สนุกเลยเพราะต้นน้ำกระหนุงกระหนิงกับมิวนิคจนน่าหงุดหงิด นอกจากต้นน้ำจะไม่ด่าหลุดปากมิวนิคสักคำแล้วต้นน้ำยังมองมิวนิคด้วยสายตาหวานเชื่อมอีก อา... แม่ต้นสุดที่รักของเขาต้องโดนไอ้ยักษ์โง่ทำเสน่ห์ยาแฝดใส่แน่ๆ
“กินลูกชิ้นมั้ย?”
ไปป์หน้าบูดนับหนึ่งถึงสิบในใจมองต้นยกลูกชิ้นปิ้งขึ้นไปจ่อปากมิวนิค ตัวเกะกะในสายตาเขาก้มลงมาแล้วจับมือต้นน้ำเอาไว้นิ่งๆ ก่อนจะงับลูกชิ้นปิ้งเข้าปาก
“อ้อนอีๆ อิ เออะอะ”
“ขอโทษ น้ำจิ้มมันหกอ่ะ”
ต้นน้ำกล่าวขอโทษก่อนจะยกทิชชู่ขึ้นเช็ดมุมปากให้มิวนิคต่อหน้าธารกำนัล หลังจากนั้นก็ส่งยิ้มหวานให้
“เอาอีกมั้ย?”
อา... ไปป์ทนไม่ไหวแล้ว ดังนั้นลูกชิ้นคำต่อไปจึงถูกลูกหมาน้อยกระโดดเข้ามางาบไปรวดเดียวสามลูกหมดไม้!
“ไปป์!”
ในที่สุดก็ได้ยินเสียงวีนของต้น ฮ่าๆ แต่เอ๊ะ! ทำไมต้นวีนเขาล่ะ?
“เล่นบ้าอะไรห๊ะ! เดี๋ยวก็โดนไม่เสียบลูกชิ้นจิ้มหรอก”
“แล้วต้นไปป้อนมันทำไมอ่ะ สนใจแต่มัน เราก็หิวนะ”
“ก็บอกดีๆ สิ”
เมื่อเห็นหน้าไปป์ชัดๆ ต้นก็ดุไม่ลง หนุ่มหล่อหน้าตาน่ารักแก้มตุ่ยเพราะอมลูกชิ้นสามลูกไว้ในปาก แถมยังมีรอยน้ำจิ้มเลอะข้างแก้มเป็นแนว
“แย่งลูกชิ้นกู”
สงครามลูกชิ้นกำลังจะเกิด แต่ทว่า
“มิวนิค ... เราขอนะ”
เพียงแค่ต้นน้ำหันมาส่งเสียงอ้อนเข้าหน่อยมิวนิคก็ยอมแพ้ สายตาของต้นน้ำสื่อความหมายว่าอย่าเอาเรื่องไปป์เต็มที่มิวนิคจึงทำอะไรไม่ได้ เขาไม่อยากหลุดฟอร์มเสียคะแนนตอนนี้
“เออๆ เลิฟมีเลิฟมายด็อก”
เขาบ่นเซ็งๆ ก่อนจะเดินหนีไปหาคิวว์ ต้นน้ำที่ยิ้มหวานเลยกลับคืนสู่สีหน้าปกติแล้วหลุดขำพลางส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะหันกลับมามองไปป์ที่ยังทำหน้าบูดอยู่
“หิวเหรอ? แล้วตอนอยู่ร้านเมื่อกี้ก็ไม่กิน”
“ก็ต้นเอาแต่สนใจมันอ่ะ”
“ก็เราสัญญากับเขาไว้นี่”
“ไม่เห็นต้องไปสัญญาอะไรแบบนั้นเลยอ่ะ!”
“แค่พนันกันสนุกๆ น่ะ อ๊ะ! ตรงนั้นมีเซเว่น ซื้อขนมกินมั้ย? เราเลี้ยงก็ได้”
“กินๆ แต่เราอยากกินปลาหมึกย่างอ่ะต้น นายว่าแถวนี้จะมีป่ะ?”
“ไม่รู้สิ เดินหาเอาละกัน”
“เป็นไงบ้างวะมิว?”
“เซ็งว่ะ กูอุตส่าห์มีโอกาสทำไมต้องมีก้างขวางคอด้วยวะ”
“เอาน่า มึงไม่มีวันชนะไปป์หรอกมึงก็รู้”
“แฟนก็ส่วนแฟนดิว้า ลูกหมาไม่เกี่ยว”
“แต่ลูกหมาตัวนั้นของมึงต้นมันรักยิ่งกว่าแฟนอีกนะ บอกว่าต้นเบ่งไอ้ไปป์ออกมากูยังเชื่อเลย ตอนนี้ต้นโคตรโอ๋ไอ้ไปป์ มันเลยยิ่งทำตัวปัญญาอ่อนเข้าไปใหญ่”
ฟังนอยซ์พูดแล้วมิวนิคก็เซ็ง คิวว์เลยตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนเบาๆ
“เออ แล้วไปป์รู้รึยังว่าต้นกลับไปคบกับแฟนอ่ะ?”
เมื่อคิวว์เปิดประเด็นนอยซ์เลยมีสีหน้าชั่วร้าย
“กูมีแผนเจ๋งๆ จะช่วยมึงแล้วว่ะเพื่อนมิว”
“อะไรของมึงวะ?”
แต่แผนทั้งหมดไม่สำเร็จ!
เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านพักต้นน้ำชวนมิวนิคไปเดินเล่นสองต่อสองซะงั้น! นอยซ์ได้ทีเลยล้างสมองไปป์ตามแผน ทว่านอยซ์คาดการณ์ผิด! จิตใจของไปป์ซับซ้อนเกินกว่าอารมณ์ขั้นพื้นฐานของมนุษย์ขี้อิจฉาตามปกติ
“แล้วไง? ต้นกลับไปคบกับแฟนเก่าแล้วยังไง?”
“มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอไปป์! แฟนเก่าต้นโคตรชั่วเลยนะเว้ย”
“ต้นจะรักใครชอบใครกูไม่สน ยังไงกูก็เป็นที่หนึ่งของต้นอยู่ดี”
“แต่แฟนเก่าต้นมัน-”
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง? ให้กูห้ามไม่ให้ต้นกลับไปคบกับพี่เขาเหรอ? กูไม่มีสิทธิ์ซักหน่อย ก็คนเขารักกัน แล้วตอนนี้เขาเข้าใจกันแล้วก็ดีออก ต้นของกูจะได้มีความสุขซักที”
ไปป์ยิ้มออกมาอย่างสดใส ใบหน้าน่ารักของเขาบริสุทธิ์ไร้เดียงสาราวกับเด็ก แต่ประโยคถัดมากลับเอาแต่ใจจนนอยซ์สยอง!
“ต้นจะคบใครเป็นแฟนก็ช่าง แต่ที่หนึ่งของต้นต้องเป็นของกู หึๆ ฮ้าว! ชักง่วงว่ะ กูไปนอนก่อนนะ ฝากบอกแม่กูด้วยว่ากูหลับแล้ว”
ว่าแล้วไปป์ก็หายเข้าไปในห้องนอน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้นนอนห้องไหนไปป์นอนห้องนั้น อัฐมองตามแล้วก็หันไปมองหน้าเอก
“มึง! หลานมึงๆ รับผิดชอบ”
อา... ดูเหมือนคืนนี้ต้องมีคนเสียสละนอนพื้นห้องเสียแล้ว จะมีใครสงสารคุณน้าดวงซวยบ้างมั้ยน้อ?
“อะไรของมันวะ งงว่ะ”
นอยซ์หันไปขอความเห็นจากถังข้าว ส่วนคิวว์ยังคงมองตามไปป์ด้วยอาการงงไม่แพ้กัน เขาไม่เข้าใจเพราะไม่เคยเจอฤทธิ์เดชของไปป์ ที่หนึ่งอะไรกันหนอ?
อัฐเห็นดังนั้นจึงลอบยิ้ม ในขณะที่เอกพูดขึ้นลอยๆ เล่นเอาสามคนที่เหลือแปลกใจ
“มึงคิดว่าไปป์มันโง่รึไง ถึงมันจะปัญญาอ่อนแต่คนที่รู้จักต้นดีที่สุดก็คือมัน ไปป์มันไม่พลาดทำสิ่งที่ต้นเกลียดหรอก”
“มึงหมายความว่าไงวะ?”
“ก็หมายความว่าไม่ว่าต้นจะรักใคร จะดีจะร้ายไอ้ไปป์มันก็หลับหูหลับตารักด้วยทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่ไปยุ่งกับตำแหน่งของมันไปป์มันไม่สนหรอก”
“เอกหมายถึงว่าอย่าไปแย่งความสนใจของต้นจากไปป์น่ะ กูเคยโดนมาแล้ว”
“ไม่เห็นดาวเลยเนอะ?”
“แสงไฟเยอะแบบนี้มึงไม่เห็นหรอก อยากเห็นมึงต้องไปหาดที่มันสงบๆ กว่านี้”
บางครั้งมิวนิคก็เกิดจะมาฉลาดในสถานการณ์ที่ควรใช้หัวใจมากกว่าสมอง ต้นน้ำอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหมาป่าคารมดีบางคน คนๆ นั้นทำให้เขาอมยิ้มได้เสมอด้วยคำพูดไม่กี่คำ
“เสียดายนะ ถ้ามีดาวให้เห็นบ้างก็คงดี”
“ทำไมอ่ะ มึงชอบดูดาวเหรอ?”
“อื้ม ชอบสิ แล้วนายไม่ชอบหรอกเหรอ? อุตส่าห์มาเรียนฟิสิกส์อ่ะ”
“กูเลือกคณะมั่วๆ ว่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบต้นน้ำก็เพลีย เพื่อนเขาคนนี้จะรอดมั้ยนี่?
“วันนี้สนุกมั้ย?”
“หา? อะไรนะ?”
มิวนิคงงที่อยู่ๆ ต้นน้ำก็ชวนคุยหัวข้อแปลกๆ เลยตั้งตัวไม่ทัน
“ได้ควงเราวันนึง สนุกมั้ย?”
มิวนิคได้ยินแล้วก็หน้าแดง สนุกมั้ยน่ะหรือ? เขามีความสุขจะตาย แต่อีกใจก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมันไม่ใช่
“กู...”
“นายรู้ป่ะ เราไม่เคยทำแบบนั้นกับแฟนเก่าเราหรอกนะ”
เมื่อเห็นมิวนิคทำหน้างงต้นน้ำเลยอธิบาย
“เราไม่เคยสวีทอะไรแบบนี้กับพี่ชัชหรอก ที่เห็นนั่นเราแอ๊บล้วนๆ”
“อ้าว! มึงหลอกกูเหรอ?”
มิวนิคเสียงดังใส่ แต่ต้นน้ำก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขาตอกกลับหน้าตายจนมิวนิคพูดไม่ออก
“หลอกอะไร? ก็เป็นแฟนควงกันหลอกๆ อยู่แล้วนี่นา ฮะๆ ใจเย็นน่ะ อืม... ไงดีละ เอาเป็นว่าเราไม่เคยทำตัวแบบนี้ตอนที่เราคบกับแฟนก็แล้วกัน ไม่เคยสวีทกับพี่ชัชหรืออ้อนกันแบบนี้หรอก”
“อ้าว? แล้วมึงเป็นยังไงวะ?”
“ก็เป็นแบบนี้แหละ เป็นเหมือนปกติแบบที่วีนใส่นาย บางทีเราโมโหพี่เขามากๆ ก็ด่า หงุดหงิดมากๆ ก็มีตบบ้าง”
ได้ยินแล้วมิวนิคก็อึ้ง!
“แล้วมึงทำแบบนั้นทำไม?”
มิวนิครู้ดีว่าต้นน้ำมีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น แต่เขาไม่เข้าใจว่าต้นน้ำทำไปทำไม ถึงเขาจะดีใจที่ได้ควงกับต้นน้ำหนึ่งวัน แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการให้ต้นน้ำฝืนความรู้สึกตัวเองเช่นนี้
“แล้วเราที่เป็นเราแบบนี้ กับเราที่หวานกับนายแบบนั้น นายชอบแบบไหนมากกว่ากันเหรอ?”
“กู...”
มิวนิคพบคำตอบในใจตัวเองแล้ว แต่เขาไม่จำเป็นต้องตอบ ต้นน้ำยิ้มให้เพื่อนสมองกล้ามอย่างจริงใจ
“ปกติพี่ชัชเขามักจะเป็นคนทำอะไรหวานๆ ให้เราก่อนเสมอ เราเป็นคนชอบพี่เขาก่อนแท้ๆ แต่สิ่งที่เราทำได้ก็มีแค่พยายามทำโน่นทำนี่ให้พี่เขา เราหมายถึงพวกงานบ้านน่ะ เพราะเราทำได้แค่นั้น เราไม่ใช่คนโรแมนติกแถมยังขี้บ่น แย่เนอะ”
“เอ้ย! ไม่หรอก มึงก็มีส่วนน่ารักของมึง”
“ขอบใจ”
ต้นน้ำฉีกยิ้มอย่างสดใสก่อนจะรวบรวมความคิดในหัวตัวเอง
“อืม เราชอบนายนะมิวนิค แต่นายไม่ใช่อ่ะ ละถ้านายหวังอยากให้เราหวานอะไรแบบนั้นกับนาย ต้นน้ำคนที่นายฝันถึงก็คงไม่ใช่ตัวเรา แต่นายก็คงมีคำตอบในใจอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ?”
“เออ กูชอบมึงแบบปกติมากกว่า แบบนั้นมันก็ดีอ่ะแต่เหมือนไม่ใช่ตัวมึง”
“เนอะ แต่ถ้าเป็นเราในแบบปกติ งั้นความสัมพันธ์ของเราสองคนมันก็คงไม่ต่างอะไรกับตอนนี้ใช่มั้ย? ก็เหมือนที่เราเป็นเพื่อนกันงั้นสิ?”
“กู...”
เจอย้อนกลับมาแบบนี้มิวนิคก็ยอมแพ้เถียงกลับไม่ออก
“แล้วที่กูใจเต้นเพราะมึงล่ะ? กูไม่ใจเต้นกับเพื่อนธรรมดาๆ หรอก”
อัลเซเชี่ยนตัวโตหงอยไปถนัดตาจนต้นน้ำสงสาร
“กูไม่เคยชอบผู้ชายด้วยกันมาก่อน อยู่ๆ กูก็รู้สึกว่ามึงน่ารัก แล้วก็ชอบมึง มึงว่าความชอบของกูเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบเหรอวะ? กูจริงจังนะ กับสาวคนอื่นกูยังไม่รักมากขนาดนี้เลย”
“แต่เราก็ให้นายได้แค่นี้จริงๆ เรามองนายได้แค่เพื่อน เราไม่ได้อยากใช้ชีวิตร่วมกับนาย!”
เจอต้นน้ำปฏิเสธตรงๆ แบบหมดเยื่อใยเช่นนี้แล้วมิวนิคจะตื้ออย่างไรได้อีก เขารู้ดีว่าแพ้แต่ยังไม่อยากยอมรับ
ต้นน้ำจึงถอนหายใจยาวก่อนจะใช้มารยา เขาต้องจบมันให้ได้ ต้นน้ำไม่อยากปล่อยให้มิวนิคหวังลมๆ แล้งๆ อีก เขารักชัยชัชและจะรักพี่ชัชของเขาคนเดียวตลอดไป!
“เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันไม่โอเคเหรอมิว?”
เจอลูกอ้อนของคนเอาแต่ใจเข้าไปมิวนิคก็ใจอ่อน แต่เขาก็รู้สึกว่าต้องแบบนี้แหละถึงจะสมเป็นต้นน้ำ เย่อหยิ่งเอาแต่ใจร้ายกาจแต่ก็ทำให้เขาปฏิเสธไม่ลง สุดท้ายยักษ์โง่จึงทำได้แค่ถอนหายใจแก้กลุ้ม
“ทำไมอยู่ๆ มึงใจดีกับกูจัง?”
“เพราะนายเป็นคนดีมั้ง เราไม่อยากเผลอทำให้ใครมาคิดแค้นเราอีกแล้ว ชอบไม่ชอบก็อยากบอกตรงๆ แล้วก็... เราอยากพูดให้เคลียร์ด้วย ไม่อยากปิดหูปิดตาแล้วปล่อยให้นายมีความหวังจนคิดไปเอง เราไม่อยากเห็นนายยึดติดกับเรามั้ง”
“เมย์มันคงอิจฉากูน่าดู ฉากอกหักกูเบากว่ามันเยอะ!”
“เราขอโทษ”
“ช่างเหอะ ยิ่งมึงน่ารักขึ้นแบบนี้กูก็ยิ่งชอบว่ะ คงเลิกชอบมึงยาก แต่กูไม่โกรธมึงหรอกนะ เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้กูรู้”
ได้ยินแล้วต้นน้ำก็ยิ้ม
“งั้นกลับบ้านพักกันมั้ย? ดึกแล้ว”
“เดี๋ยวดิ กูยังไม่หมดเวลานะเว้ย!”
เมื่อเห็นต้นน้ำทำหน้างงมิวนิคเลยอธิบาย
“ก็มึงบอกถึงตอนกลับไง กูยังไม่หมดเวลา ตอนนี้มึงยังเป็นแฟนกูอยู่ กูอยากนั่งดูดาวกับมึงสองต่อสอง”
เมื่อเห็นมิวนิคโวยวายแถมยังกลับคำต้นน้ำเลยหรี่ตาลงจับผิด ถึงเขาจะรู้ว่าเพื่อนเป็นคนดีแต่ก็ใช่ว่าคนดีหาเศษหาเลยไม่เป็น เขายอมลงทุนถึงขั้นนี้แล้วไม่อยากขาดทุนมากไปกว่าเดิมหรอกนะ!
“ไหนบอกไม่เห็นดาวไง?”
“ก็กูรำคาญไปป์อ่ะ อยากอยู่กับมึงสองคน”
อันที่จริงต้นน้ำเข้าใจดีเชียวล่ะ ถึงเขาจะรักไปป์มากแต่ก็มีแอบรำคาญบ่อยๆ แต่ทำไงได้ ลูกหมาน้อยตัวนั้นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาไปซะแล้ว ต้นน้ำรู้สึกเหมือนเวรกรรมที่เคยทำไว้กับธันย์จะย้อนกลับมาเล่นงานเขาด้วยเพื่อนชายที่ชื่อไปป์!
แต่เอ... ป่านนี้ไปป์จะนอนแล้วรึยังนะ? แล้วไปป์จะแปรงฟันก่อนนอนรึเปล่า? คิดแล้วต้นน้ำก็แอบกังวลจนต้องไล่ความคิดในหัวตัวเองด้วยการส่ายหน้าเบาๆ เขาหันกลับมาสนใจมิวนิคตามเดิม
“อืม ก็ได้ แต่! ห้ามลวนลามเรานะ เราไม่ชอบ ห้ามจูบ ห้ามกอด ห้ามหอมแก้ม ห้ามใช้ข้ออ้างมาแต๊ะอั๋งเรา ไม่งั้นเราโกรธจริงๆ ด้วย”
“มึงห้ามกูแบบนี้แล้วกูจะทำอะไรมึงได้วะ?”
“คิดอกุศลกับเราจริงๆ ใช่มั้ย! ทุเรศอ่ะ!”
“แล้วกูผิดเหรอ? ก็มึงมันน่า...”
“น่าอะไร! พูดให้มันดีๆ นะ!”
“เออๆ กลับก็กลับ มันต่างกับปกติตรงไหนวะเนี่ย! อุตส่าห์ได้เป็นแฟนมึง เอาเปรียบว่ะ ไหนบอกจะให้ของขวัญกูไง?”
“อ่ะๆ งั้นจับมือก็ได้ ให้จับมือเดินกลับบ้านอ่ะ”
ต้นน้ำลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้ายักษ์ซื่อบื้อที่ยังนั่งงอนอยู่
“จับมือ? กูไม่ใช่ไอ้ไปป์นะจะได้เป็นเด็กหลงให้มึงจูง”
“แล้วจะเอาไง? เรื่องมากอ่ะ นี่เราก็ยอมทุ่มทุนแล้วนะ”
จากเดิมที่บนใบหน้ามีรอยยิ้มสดใสเอาใจเพื่อนมาบัดนี้คิ้วของต้นน้ำเริ่มจะขมวดแล้ว มิวนิคเล่นตัวเกินไปละ!
“เอาแบบนี้!”
ว่าแล้วมิวนิคก็ลุกขึ้นช้อนตัวต้นน้ำลอยสูงจากพื้นด้วยท่าอุ้มเจ้าสาว!
“เฮ้ย! ไอ้บ้า! มิวนิคปล่อยเรานะ!”
ต้นน้ำไม่ทันตั้งหลักลอยหวือจึงตกใจ เขาเกาะเพื่อนร่างยักษ์แน่นเพราะกลัวตก!
“มึงตัวเบาจัง กูอุ้มสบายเลยว่ะ”
“ไอ้บ้า! ไม่เล่น!”
“ฮ่าๆ”
“เฮ้ย ปล่อย!”
“กูไม่ปล่อย!”
นอกจากมิวนิคจะไม่ปล่อยแล้วยังแกล้งต้นน้ำอีก เขาแกล้งเหวี่ยงร่างของต้นน้ำจนคนถูกแกล้งได้แต่หลับตาปี๋!
จะเอาอะไรกับยักษ์สมองกล้าม ผู้ชายอายุยี่สิบต้นๆ ยังมีความเป็นเด็กอยู่ในตัว ยิ่งอยู่ในหมู่เพื่อนความซุกซนแบบเด็กๆ ยิ่งฉายชัด มิวนิคเลยแกล้งต้นน้ำเหมือนเด็กสิบขวบแกล้งกัน แม้จะเป็นการรังแกใช้กำลังแบบไม่คิดหน้าคิดหลังแค่ทำเอามันแต่มิวนิคก็คิดว่าตนได้กำไร นอกจากจะได้แกล้งคนแล้วต้นน้ำยังกอดเขาแน่นอีกต่างหาก
ในที่สุดต้นน้ำก็ยอมแพ้ เขาร้องขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน ต้นน้ำถูกมิวนิคจับเหวี่ยงจนมึน!
“พอๆ จะอ้วกแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าต้นน้ำเอ่ยขอร้องด้วยเสียงอ่อนระโหยปนหอบมิวนิคก็เลิกแกล้ง
“อ่ะๆ กูปล่อยก็ได้”
ดังนั้นเมื่อต้นน้ำถูกปล่อยตัวให้เอาเท้าลงเหยียบพื้นทรายเขาเลยยังไม่กล้ายืนด้วยกำลังขาของตัวเอง ต้นน้ำยืนซบพิงอกของเพื่อนตัวใหญ่อย่างลืมตัว สองมือของเขากำเสื้อกล้ามของมิวนิคแน่นพลางสูดหายใจเอาลมเข้าปอดอย่างเอาเป็นเอาตาย!
ก็ต้นน้ำเป็นเสียแบบนี้แล้วมิวนิคจะตัดใจง่ายๆ ได้อย่างไร คนบางคนยอมตายเพื่อปกป้องต้นน้ำ บางคนก็ไม่อาจละสายตาได้แม้จะรู้ดีว่าไม่มีวันได้ครอบครอง ใครอยู่ใกล้ก็เผลอเป็นห่วงจนไม่อาจปล่อยมือ ดราม่าตัวแม่อย่างต้นน้ำชอบเผลอทำหัวใจคนอื่นกระตุกอยู่เรื่อย!
“เรา...”
ต้นน้ำเอ่ยเสียงสั่นเบาๆ
เพราะบรรยากาศริมทะเลเป็นใจมีเสียงคลื่นคลอเคลียหรืออย่างไร มิวนิคจึงรู้สึกว่าเหมือนตัวเองถูกสะกด
“อะไรนะ?”
เพราะไม่ได้ยินมิวนิคจึงก้มลงไป ประจวบเหมาะกับที่ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมาพอดี
ฉากแบบนี้ใช่แน่ๆ มิวนิคแอบคิดเข้าข้างตัวเองไปไกล
“อ้วก!”
แล้วอาหารอุ่นๆ ส่งตรงจากกระเพาะอาหารของต้นน้ำก็พุ่งออกมา มิวนิคร้องลั่น! ส่วนต้นน้ำ เขาแสบคอสุดๆ ต้องเป็นเพราะน้ำจิ้มปลาหมึกย่างที่ไปป์ชวนหม่ำแน่ๆ!
ดังนั้นต้นน้ำกับมิวนิคจึงกลับถึงบ้านพักในสภาพเปลือยท่อนบนทั้งคู่ แน่นอนว่าเหล่าฟิสิกส์มุงต่างตาโตแตกตื่นกับเรื่องนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีกนิดจนกลิ่นอาเจียนโชยมาและพอพิจารณาซากเสื้อยืดในมือของทั้งคู่ดีๆ จนรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วต่างคนต่างแยกย้าย เพราะไม่มีอะไรในกอไผ่ ยกเว้นมนุษย์ปากดีผู้หาเรื่องทำให้ปากมีสีได้ทุกสถานการณ์
“โห! ไวไฟว่ะมิว พาต้นไปแป๊บเดียว แพ้ท้องกลับมาเลยเหรอวะ ฮ่าๆ”
แต่ครั้งนี้ต้นน้ำทำแค่ถลึงตาส่งกลับไปให้เท่านั้น เขาเหนื่อยจนไม่มีแรงงจะเถียงกับใครแล้ว!
แม้การมาฉลองปีใหม่กับเพื่อนๆ ครั้งแรกในชีวิตจะจบลงด้วย “อ้วก” ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นสีสันในชีวิต เป็นความทรงจำดีๆ อีกบทหนึ่งที่ต้นน้ำหวงแหน เขามีความสุขท่ามกลางเรื่องบ้าๆ เหล่านี้ ชีวิตของเขากำลังเข้าที่เข้าทาง ต้นน้ำกำลังพยายามเติมสีสันใหม่ๆ ให้ชีวิตตัวเอง ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี ไม่ว่าจะเรื่องงี่เง่ามากน้อยเพียงใด ต้นน้ำจะยิ้มรับมันทั้งหมด เขาจะสนุกกับชีวิตให้เต็มที่!
มีแม่ต้นที่ไหน มีนุ้งไปป์ที่นั่น อา...ลูกหมาน้อย หนุ่มทานตะวัน จอมดาร์กของรุ่น นับวันยิ่งชักจะปัญญาอ่อนเข้าไปทุกที แหง๋ล่ะอินี่มัน"การ์ตูน" เป็นคาแรคเตอร์ที่ปั้นมาเลียนแบบไทป์พิมพ์นิยม"หนุ่มลูกหมา" ซื่อสัตย์ดีใช่มั้ยล่ะเธอว์! อิๆ ก็ร่าเริงนะแต่ง๊องแง๊งด้วย ทวิสด้วยการแอบดาร์กนิดๆ ออกมาเป็น"ไปป์"
มีเสียงบ่นจากคนอ่านบางท่านว่ารำคาญไปป์ เอาจริงๆ ก็เขียนให้รำคาญนะ เพื่อนๆ ในภาคคนอื่นก็คงเขม่นกันอยู่บ้าง แต่อารมณ์ประมาณว่าพออยู่กันไปเรื่อยๆ ไม่มาเดือดร้อนตูๆ ก็ไม่สนทำนองนั้นละมั้ง ฮ่าๆ ส่วนต้นนี่จะเห็นว่าตอนแรกๆ รำคาญมากเลย แต่ไปๆ มาๆ ความน่ารักของไปป์ก็ชนะใจต้นได้ในที่สุด ถ้ามองดีๆ อีกอย่างนี่ไปป์แทบจะเป็นกระจกหยินหยางกับต้น คล้ายๆ กันในบางส่วน
จุดที่ชอบชอบไปป์ที่สุดคือความเอาแต่ใจนี่แหละ รักต้นแบบไม่มีข้อแม้ เพราะไปป์วางต้นไว้สำคัญในใจมากต้นถึงได้รักไปป์สุดๆ ยิ่งผ่านฉากดาร์กๆ มาแล้วต้นยิ่งรู้สึกผิดเลยยิ่งโอ๋ ฮ่าๆ เปล่าหรอก จริงๆ แค่รู้สึกว่าสมการ"แม่ต้นลูกไปป์"มันน่ารักดี ต้นเป็น"ไทป์คุณแม่"อยู่แล้วด้วยเลยยิ่งไม่ขัดกับคาแรคเตอร์ ฮ่าๆ แต่จุดที่ชอบเขียนคือไปป์มันปัญญาอ่อน เขียนง่านดี สนุกในการปั้นคาแรคเตอร์ให้ทำอะไรปัญญาอ่อน อิๆ
ปิดท้ายตอนด้วยยักษ์โง่กับราชินีน้ำแข็ง ให้คนอ่านตัดสินกันเอาเองว่าหวานรึรั่ว ฮ่าๆ แต่ต้นน่ารักน้า ให้มิวนิคจูงมือด้วย อิๆ เสียแต่มิวนิคมันบ้าพลังไปหน่อย ฮ่าๆ