ตอนที่ 6เจินฝูหรง“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้หนี...ผมแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ คือการเปิดโอกาสให้พอลได้อยู่กับคนที่รักเท่านั้น” หลังคำพูดของผม ทุกคนที่นั่งเผชิญหน้าด้วยนั้น มีอาการแปลกใจไม่ต่างกัน จะมีก็แต่นายพอลที่มีอาการตกใจร่วมด้วย ทำเอาผมนึกหมั่นไส้เจ้าตัวขึ้นมาไม่ได้ จึงสะบัดค้อนเล็กๆใส่แววตาแปลกใจของลูกครึ่งตัวโต แต่กลับต้องหลบตาปาปามามาของเจ้าตัวที่จ้องมา
ผมไม่เข้าใจว่านายพอลจะต้องทำท่าแปลกใจแบบนี้ทำไม ในเมื่อทำอะไรไว้ย่อมรู้ดีแก่ใจ ส่วนคำพูดสารภาพความในใจและแววตาแน่วแน่ที่พอลมีให้ผม ต่อหน้าปาปามามาของเจ้าตัวเมื่อครู่ และพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความจริงใจนั้น ผมยอมรับว่าซาบซึ้งแต่จะให้เชื่อทั้งหมดย่อมเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเหตุการณ์ในอดีตมันยังเป็นหนามยอกอกของผมอยู่ แถมยังมีพยานตัวเป็นๆที่มาแสดงตัวว่าเป็นคนรักของพอลต่อหน้าผมอีกล่ะ
“ฝูหรงพูดอะไร ใครคือคนที่พอลรัก ถ้าไม่ใช่ฝูหรง” ‘ไอ้ลูกครึ่งปากหวาน เหอะ!’ พอคิดจะพูดคำว่ารักก็ไม่มีเก็บกั๊กแบบแต่ก่อน เล่นเอาวันนี้ผมหน้าร้อนไปหลายรอบแล้ว
คำพูดที่ได้ยินทำให้ผมคิดไปเองว่าพอลตั้งใจหยอดเพื่อให้ผมใจอ่อน หากไม่เห็นแววตาสงสัยจริงจังคู่นี้เข้า แถมในดวงตาคู่เดียวกันยังแฝงแววคาดคั้น เพื่อเร่งให้ผมรีบพูดถึงสิ่งที่เจ้าตัวอยากรู้ออกมาอีกแน่ะ ผมถอนใจบางเบาและตัดสินใจแบมือขอโทรศัพท์มือถือของพอล นาทีนี้ผมไม่คิดอิดออดที่จะเฉลยว่าใครกันแน่คือคนที่โจวพอลรัก
“คนนี้ไงคือคนที่คุณรัก...เมื่อห้าปีก่อน ระหว่างที่ผมรอคุณกลับจากโรงเรียน วันนั้นคุณบอกว่าจะกลับช้า เพราะตั้งใจอยู่ฉลองเรียนจบกับเพื่อนๆ ผู้หญิงคนนี้มาหาผมที่ห้องของคุณ เธออ้างว่าเป็นทั้งคนรักและคู่หมั้นของคุณ ขอให้ผมออกไปจากชีวิตคุณซะ เพราะการที่คุณคบกับผมทำให้ชีวิตของคุณตกต่ำ บ้านไม่กลับ กิจกรรมในโรงเรียนก็ไม่ทำ และตีตัวออกห่างจากครอบครัวจากเพื่อนสนิท เพราะมัวมาขลุกอยู่กับผม จนทั้งเพื่อนสนิทและปาปามามาของคุณเป็นห่วง เตือนคุณไปคุณก็ไม่เชื่อ จนเธอต้องออกโรงมาพบผมเอง
ถึงแม้ตอนนั้นผมจะบอกเธอว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันก็ตาม...หรือไม่จริงครับ คุณอย่าเถียงเลย เพราะเราไม่เคยตกลงกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ จะให้ผมอ้างตัวว่าเป็นแฟนคุณ ผมก็ไม่กล้าพอ เพราะคำว่ารักว่าชอบสักคำผมไม่เคยได้ยิน...ส่วนแววตาของเธอที่ใช้มองผม ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเชื่อในความจริงที่ผมบอกไปเลยสักนิด แถมยังส่งสายตาดูถูกมาให้ผมอีก แต่ในระหว่างนั้นเธอกลับส่งยิ้มและพูดกับผมว่า หากผมไม่ได้เป็นอะไรกับคุณจริง การที่ผมจะหายไปจากชีวิตคุณก็ไม่ใช่เรื่องยาก นอกเสียจากผมไม่อยากไปเพราะหวังเกาะคุณ”
“ฝูหรงก็เชื่อเลยเหรอ ว่าพอลกับเธอคนนี้เป็นแฟนกัน” สายตาเจ็บปวดนี่มันอะไรกันครับ ผมจึงเลือกที่จะดึงมือตัวเองออกจากอุ้งมืออุ่น ที่กุมมือผมมาตลอดตั้งแต่เข้ามานั่งในห้องนี้ ก่อนจะจ้องตาคู่นั้นไม่มีหลบ
“ไม่เชื่อก็คงไม่ได้ เพราะทั้งรูปทั้งคลิปที่แสดงถึงความใกล้ชิดของคุณกับเธอ มันคาตาผมน่ะสิ” ผมเองแม้จะเป็นคนหัวอ่อน เรื่องจะให้เชื่อลมปากของคนแปลกหน้าก็ไม่ใช่ผม แต่เพราะหลักฐานทั้งพยานวัตถุและพยานบุคคล มันทิ่มแทงใจเกินกว่าจะหน้าด้านทนอยู่เคียงข้างคนที่ไม่เคยบอกแม้แต่คำว่ารักให้ได้ยิน และสำคัญที่ดูท่าคนๆนั้นมีเจ้าของแล้วอีกด้วย ผมไม่อยากได้ชื่อว่าแย่งคนรักของคนอื่น
“เพราะแบบนี้ ฝูหรงเลยหนีพอลไปเพราะเชื่อคนอื่น มากกว่าจะรอถามความจริงจากพอลใช่มั้ย...แล้วถ้าพอลบอกว่าไม่ได้มีคนรัก หรือแม้แต่คู่หมั้นบ้าบออะไรนั่น ฝูหรงจะเชื่อพอลมั้ย” แววตาวาวโรจน์ที่แสดงถึงร่องรอยของความโกรธและความเอาจริง มาแทนที่แววตาอ่อนแสงฉายแววเจ็บปวดนั้น ทำให้ผมไม่อาจต่อตาด้วย
ผมอดยอมรับไม่ได้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกผิด ด้วยเริ่มหวั่นไหวไปกับแววตาและน้ำเสียงจริงจังของนายพอล เพราะนาทีนี้ชักไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อห้าปีก่อนอย่างการหนีหน้า แทนที่จะเผชิญหน้าและสอบถามเอาความจริงนั้น มันถูกต้องรึเปล่า
“ฝูหรงไม่เชื่อ พอลก็ไม่แปลกใจ เพราะพอลผิดเองที่ไม่เคยบอกรักสักครั้ง เพื่อให้ฝูหรงมั่นใจในตัวพอล และเราคงไม่เสียเวลาไปถึงห้าปีแบบนี้หรอก...พอลขอยืนยันตรงนี้ว่าพอลรักแต่ฝูหรงคนเดียว ส่วนผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อยู่สถานะเดียวกับฝูหรงสำหรับพอลเลย แม้พอลจะรักยัยนั่น...แต่ก็เป็นความรักของพี่น้อง”
ผมที่ใจหายตั้งแต่ได้ยินว่านายพอลรักผู้หญิงคนนั้น ก็ต้องเอ่ยหน้าขึ้นมองพอลด้วยความตกใจอย่างคาดไม่ถึง พร้อมหัวใจที่เกือบหยุดเต้น จนได้เจอกับใบหน้าหล่อเหลาที่ระบายยิ้มอ่อนโยนมาให้
“พะ...พี่น้องงั้นเหรอ ไม่จริง ไหนว่าเป็นลูกคนเดียว” ผมพูดแทบจะไม่เป็นคำ ทั้งเสียงสั่นและตะกุกตะกัก ด้วยในหัวสับสนไปกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
“ถ้าไม่เชื่อ จะให้ปาปามามายืนยันด้วยก็ได้” ผมเบือนหน้ากลับมาทางผู้ให้กำเนิดทั้งคู่ของพอล จึงได้พบว่ามามาอีลีน่ายังคงยิ้มหวานส่งกำลังใจผ่านดวงตาคู่สวยมาให้ผมไม่เปลี่ยน ส่วนปาปาฟู่สือกลับนั่งกุมขมับส่ายหัวด้วยท่าทางเหนื่อยใจอยู่คนเดียว จนผมเริ่มใจไม่ดีกลัวว่าจะพูดอะไรผิดหูท่านเข้าให้
ผมจึงได้แต่ก้มหน้านั่งมองมือที่กุมไว้แน่นของตัวเองที่อยู่บนตัก ก่อนจะมีมือใหญ่ที่แสนอบอุ่นและเป็นมือข้างเดียวกับที่ผมเคยสะบัดทิ้งมากุมทับ ทำให้ความไม่มั่นใจที่เริ่มเกาะกุมใจผม ค่อยๆสลายตัวไปแต่ก็ไม่หมดไปเสียทีเดียว
“หนูฝูหรงจ๊ะ เชื่อลูกชายมามาเถอะ ผู้หญิงในโทรศัพท์น่ะเป็นลูกพี่ลูกน้องของพอลจริงๆ ชื่อหมิงอี้ซานหรือน้องจินนี่ เป็นลูกสาวของอาหญิงน้องสาวปาปาจ้ะ น้องจินนี่อาจจะขี้หวงญาติมากไปสักหน่อย แต่จินนี่ก็เป็นคนน่ารักนะจ๊ะ”
ยิ่งได้ยินสิ่งที่มามาพูด ผมก็ได้แต่ครางในใจด้วยความรู้สึกผิด แถมความจริงจากปาปายิ่งตอกย้ำ ให้ผมรู้ตัวว่าได้เคยตัดสินใจผิดพลาดอย่างมหันต์เข้าแล้ว
“จินนี่นะจินนี่ ก่อเรื่องจนได้ เฮ้อออ ไม่คิดมาก่อนว่าไอ้นิสัยขี้หวงที่มองเป็นเรื่องเล็ก สุดท้ายจะเกิดเรื่องขึ้นในที่สุด...ฉันยืนยันนะว่าน้องจินนี่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้ลูกชายตัวแสบนี่จริงๆ แม้หน้าตาจะแตกต่างกันจนหาเค้าความเหมือนไม่เจอก็ตาม...แกเองก็เหลือเกิน มีเรื่องอะไรไม่รู้จักบอก เป็นไงล่ะเสียเวลาเปล่าๆไปตั้งห้าปี” ความจริงมันทิ่มแทงใจจนผมห่อเหี่ยวพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้พอลกอดยู่แบบนั้น และฟังคู่พ่อกับลูกชายโต้ตอบกัน
“โธ่ปาปาครับ ตอนนั้นผมไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงต่างหาก แต่เรื่องทั้งหมดก็เกิดจากหลานสาวคนโปรดของปาปานะคร้าบ ทางที่ดีไปเอาเรื่องยัยนั่นให้ผมทีเถอะ ไม่งั้นนะปาปามีลูกสะใภ้ตั้งแต่ห้าปีที่แล้วๆ เนอะฝูหรงเนอะ” ไอ้ลูกครึ่งน่าไม่อายไม่ใช่แค่ถามด้วยเสียงอ้อนๆอย่างเดียว แต่พอลกลับเชยคางผมขึ้นและส่งยิ้มบาดตาให้ผมอีกด้วย
พวงแก้มของผมที่ร้อนอยู่แล้วจึงแทบระเบิด นี่ถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ไอ้ลูกครึ่งรูปหล่อคงได้เจ็บตัวไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไปแล้ว
“ฮึๆ เอาเถอะ ฉันจะเตือนจินนี่ให้แกเอง...โจวพอล ต่อไปหากมีอะไรหนักหนาที่แกจัดการเองไม่ได้ ต้องรู้จักบอกกล่าวเข้าใจมั้ย!?” น้ำเสียงทรงอำนาจที่แฝงไว้ด้วยความรักความอบอุ่นของคนเป็นพ่อ ทำให้ผมตัดสินใจเงยหน้าขึ้นจากหลังมือใหญ่
ผมจึงพบกับหนุ่มใหญ่ท่าทางภูมิฐาน ผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจและความจริงจัง ที่ใครๆได้เห็นต้องนับถือและยอมก้มหัวให้ แต่ดวงตาคู่เรียวที่ฉายแววอ่อนโยน แฝงไปด้วยความรักและความเอื้ออาทร ยามจับจ้องไปยังลูกชายคนเดียวนั้น กลับไม่ต่างจากพ่อคนหนึ่งที่รักลูกสุดหัวใจ ทำให้ผมถึงกับซาบซึ้งและยินดีแทนคนเป็นลูกชายไม่ได้จริงๆ ซึ่งลูกชายตัวจริงอย่างโจวพอลก็มองสบตาท่าน ด้วยสายตาซาบซึ้งแฝงแววขอบคุณจากหัวใจเช่นกัน ก่อนพอลจะตอบรับคำ และเอ่ยขอบคุณปาปา ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ส่วนหนูฝูหรงเอง ในเมื่อรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว มามาก็ขอให้หนูอภัยให้น้องจินนี่ได้มั้ยจ๊ะ และที่สำคัญหนูช่วยให้โอกาสลูกชายมามาหน่อยเถอะจ้ะ เพราะหนูคงไม่รู้ว่าเมื่อห้าปีก่อน พอลอาการหนักมากแค่ไหน เศร้าซึมอยู่เป็นเดือนๆจนซูบผอม มามาเป็นห่วงแทบแย่...พอมาวันนี้มามาได้รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้พอลมีอาการเช่นนั้น ก็พอเข้าใจได้ เพราะหนูเป็นฝูหรงในแบบฉบับของหนูแบบนี้ไงล่ะจ๊ะ ใครไม่หลงรักก็แย่แล้วเนอะ ใช่มั้ยจ๊ะพอล”
“ถูกต้องที่สุดเลยครับมามา...เพราะฝูหรงเป็นฝูหรงคนที่พอลรักแบบนี้ไงล่ะ ทำให้พอลไม่มีตาไปมองใครได้อีกแล้ว”
อย่าถามว่าผมมีอาการเช่นไร หากไม่ใช่อายจนแทบละลายกลายเป็นวุ้น ได้แต่นั่งตัวลีบทำอะไรไม่ถูก แก้มร้อนผ่าวๆ หัวใจก็แทบจะกระดอนออกนอกอก และไม่มีแรงแม้แต่จะตอบรับคำของมามา คงได้แต่ปล่อยให้ลูกชายท่านดึงตัวผมเข้าสู่อ้อมกอด แต่หูยังคงได้ยินเสียงหัวเราะถูกใจของปาปามามาที่ดังห่างออกไปเรื่อยๆ
‘ตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไปคงเป็นเวลาของผมและพอลอย่างแท้จริงแล้วใช่มั้ย!?’
...................................................
“ฝูหรงตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วนะครับ” ผมได้แต่พยักหน้าตอบรับกับแผ่นอกกว้าง เพราะนาทีนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะปฏิเสธอีกต่อไป
ผมถูกพอลดันออกจากอกกว้างอย่างช้าๆ จนได้สบตาคมที่ทอประกายอ่อนหวาน ก่อนจะรู้สึกถึงความเย็นที่ปลายนิ้วนางข้างซ้าย ทำเอาผมตื่นตะลึงทำตัวไม่ถูก ได้แต่มองแหวนทองคำเกลี้ยงถูกบรรจงสวมเข้ามา ตามมาด้วยรอยอุ่นวาบที่หลังมือ ลามไปยังอกข้างซ้ายให้หัวใจทำงานหนักเลือดฉีดพ่าน จนความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วผิวกาย
“พอล~” ผมหลุดเสียงได้แค่ชื่อของคนที่ทำให้ผมมีอาการผิดปกติดังกล่าว ก่อนจะถูกดวงตาคู่คมตรึงสายตาไว้
“มันอาจจะช้าไปถึงห้าปี แต่พอลอยากจะบอกว่าดีใจและมีความสุขที่มีฝูหรงอยู่เคียงข้าง...รักฝูหรงนะ กระต่ายน้อยของพอล” เจ้าของรอยยิ้มละมุนและน้ำเสียงที่แสนอ่อนหวาน เป็นฝ่ายร่นระยะห่างของใบหน้าเราเข้าหากัน
ผมที่เหมือนโดนมนต์สะกดจากถ้อยคำรักที่รอคอยมานานแสนนาน จึงได้แต่เงยหน้ารอรับจุมพิตที่แสนอ่อนหวาน ก่อนจะหลงมัวเมาไปกับริมฝีปากนุ่มและเรียวลิ้นที่แสนช่ำชอง ผมนึกว่าตัวเองจะขาดอากาศตายไปซะแล้ว เมื่อพอลไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยปากผมสักนิด ต่อเมื่อมาถึงลมหายใจเฮือกสุดท้ายนั่นแหละ ผมถึงได้รับอิสระ แต่ผมก็ไม่มีแม้แต่แรงที่จะทรงตัวอยู่ได้ด้วยตัวเอง จนต้องซวนซบไปกับอกแกร่ง ด้วยแนบแก้มไว้กับซอกคออุ่น และเอนกายทิ้งน้ำหนักทั้งหมดให้ลูกครึ่งบ้าจูบรับไป
“ฝูหรง...กระต่ายน้อยของพอล~” น้ำเสียงเพ้อๆที่แอบสั่นพร่าท้ายประโยคดังขึ้นแถวซอกคอ มาพร้อมลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดไม่เป็นจังหวะ ทำให้ขนทั่วกายผมลุกชัน จนต้องหดคอหนีริมฝีปากที่ไซ้สะเปะสะปะไปมา แต่ผมก็หนีไปไหนไม่ได้มากนัก ด้วยเรี่ยวแรงที่มีไม่เต็มร้อยและอ้อมกอดใหญ่ที่กักร่างผมไว้กับตัว
“อ๊ะ! พะ....พอล” ผมต้องร้องเสียงหลง เมื่ออยู่ๆก็ถูกอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น ส่วนแขนก็โอบเข้ากับลำคอหนาอย่างอัตโนมัติ และได้แต่เรียกชื่อพอลด้วยเสียงขาดๆหายๆ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มลูกครึ่งหน้าคมก้มลงมองผม ด้วยสายตามุ่งมั่นแฝงแววปรารถนาชัดเจน
“พอลเสียเวลามาห้าปีแล้ว วันนี้ฝูหรงเป็นของพอลได้มั้ย...นะครับ” สีหน้าน้ำเสียงและแววตาออดอ้อนของพอลทำผมใจสั่น
แถมเวลาห้าปีแห่งการเข้าใจผิดที่เสียไปตามที่เจ้าตัวอ้างถึง ทำให้ผมได้แต่โอบกระชับรอบลำคอหนา ยามใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าหา ก่อนจะตัดสินใจแตะจูบไปที่ปลายคางเขียว ตามมาด้วยการฝังหน้าเข้าหาซอกคออุ่นๆ กระทั่งผมได้ยินเสียงกลั้วหัวเราะทุ้มหูเบาๆที่ข้างแก้ม ทำให้ผมรู้ว่าไอ้ลูกครึ่งรูปหล่อนั้นรู้ความหมายในสิ่งที่ผมทำ จนผมเองไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปต่อว่า เจ้าของน้ำเสียงหัวเราะที่ตั้งใจหยอกเย้านั่นสักนิด
เสี้ยวนาทีต่อมาผมรับรู้ถึงรอยอุ่นชื้นที่ไล่เล็มจากข้างแก้มไปตามมุมปาก ลามมายังปลายจมูกและจบที่หน้าผาก พร้อมกับที่แผ่นหลังผมแตะเข้ากับฟูกนอนบนเตียงหลังใหญ่ ผมกระพริบตานิดและลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อรู้สึกว่าแว่นตาบนใบหน้าค่อยๆถูกดึงออก แต่ไม่มีผลต่อการมองเห็นของผมนัก ผมสามารถเห็นใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งอิตาลีรูปหล่อที่กำลังคลี่ยิ้มเต็มหน้าได้อย่างชัดเจน ด้วยใบหน้าคมเข้มนั้นลดระยะห่างระหว่างเราขึ้นเรื่อยๆ จนปลายจมูกเราแตะกันเบาๆ ไม่เท่านั้นปลายจมูกโด่งยังส่ายไปมาหยอกเย้าผมเล่นอีก ทำให้ผมถึงกลับหลุดยิ้มไปตามการกระทำแบบเด็กๆของพอล แม้สิ่งที่เราจะทำร่วมกันต่อจากนี้ มันช่างห่างไกลคำว่าเด็กไปมากก็ตาม
“กระต่ายน้อยของพอลยิ้มได้สักที” ผมล่ะสะดุดหูกับคำว่ากระต่ายน้อยตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินแล้ว ไม่ใช่ไม่รู้ว่าพอลตั้งใจเรียกฉายานี้แทนการเรียกชื่อของผม แต่ผมล่ะอยากรู้นักว่าผมมีรูปลักษณ์ส่วนไหนเหมือนเจ้ากระต่ายน้อยกัน
เมื่อผมหลุดถามอย่างที่ใจคิด ลูกครึ่งรูปหล่อก็กลั้วหัวเราะน้อยๆอย่างอารมณ์ดี และทำท่าลืมเลือนภารกิจที่ตั้งใจไว้ ซึ่งก็เป็นผลดีแก่ผม แม้จะตกปากรับคำด้วยความเต็มใจ ด้วยรู้ตัวว่ายังไงก็หนีไม่พ้น แต่ถ้ามีอะไรมายืดเวลาในช่วงเวลาน่าอายนั้นไปได้ก็คงดี ซึ่งคำถามของผมดูเหมือนจะได้ผล แต่ผมไม่รู้ตัวหรอกว่ามันช่วยได้แค่ถ่วงเวลาเท่านั้น เพราะในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า กระต่ายน้อยอย่างผมก็ถูกเจ้าป่าจับกินอยู่ดี
พอลทิ้งตัวลงนอนข้างตัวผม ก่อนจะจับผมตะแคงตัวเข้าหา จนเรานอนเผชิญหน้ากันในระยะประชิด ใกล้ชนิดที่ว่าลมหายใจอุ่นเป่ารดแก้มผมผะแผ่วตลอดเวลา ก่อนปลายนิ้วยาวๆจะยื่นมาไล้ที่ผิวใต้ตาผม โดยที่เราประสานสายตาเข้าด้วยกันตลอดเวลา
“ดวงตากลมๆคู่นี้ของฝูหรง ทำให้พอลนึกถึงกระต่ายมากที่สุด เพราะมันสุกสกาวแวววาว และบอกพอลหมดว่าฝูหรงกำลังคิดอะไร โดยเฉพาะตอนนี้ที่ถ่ายทอดความในใจว่า ‘รักพอล’ ใช่มั้ยครับ...จุ๊บ!” หลังจากที่พ่อคนขี้ตู่ทิ้งช่วงคำพูดที่กำลังอธิบายให้ผมฟัง ผมเผลอกลั้นลมหายใจพร้อมหลับตา เมื่ออยู่ๆริมฝีปากนุ่มยื่นมาประทับเข้าที่หางตา
เมื่อผมลืมตาขึ้นอีกครั้งรอยยิ้มเจิดจ้าก็กระแทกเข้าตาอย่างจัง แถมดวงตาคู่คมที่ฉายแววกรุ้มกริ่มออกแนวเจ้าชู้จ้องใส่ผมอีก ทำให้ผมเองไม่กล้าแม้แต่จะต่อตาด้วย แต่ผมก็ต้องสะดุ้งพร้อมอุทานขึ้นมาเบาๆ เมื่อรู้สึกถึงปลายนิ้วอุ่นๆที่ไล้จากข้างเอว ก่อนจะไต่สูงขึ้นจนชายเสื้อยืดตัวโคร่งถลกขึ้นตามหลังมือหนา พร้อมๆกับที่ผมถูกพลิกให้นอนหงาย โดยมีร่างสูงตามขึ้นมาคร่อมอยู่เหนือร่าง และแทบไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อที่สวมอยู่ ถูกถลกขึ้นมากองแถวแผ่นอก
“และผิวขาวๆนุ่มมือของฝูหรงนี่ไง ที่ทำให้พอลนึกถึงขนกระต่าย ไม่ว่าจะลูบไปตรงไหนก็เนียนลื่นมือไปซะหมด~” ตอนนี้ท่าทางและแววตาของพอลไม่ต่างจากสิงโตที่เตรียมขย้ำเหยื่อ จนผมผวาเริ่มดิ้นหนีฝ่ามือหนาที่ลูบไล้ไปมาตามหน้าท้อง และพยายามดึงชายเสื้อที่อยู่บนอกลง
“อ๊ะ!!...อื้อออ” ผมได้แต่ร้องด้วยความตกใจ เพราะโดนรั้งข้อมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว แถมยังโดนปิดปากที่เตรียมประท้วงด้วย
คราแรกผมขัดขืนด้วยแอบหวั่นไปกับท่าทางและแววตาหื่นกระหายของพอล แต่จูบที่ได้รับช่างแตกต่างไปจากท่าทีที่พอลแสดง เพราะมันทั้งอ่อนหวานพาให้เคลิบเคลิ้ม และช่างออดอ้อนทำให้ผมยินยอมตอบสนองแบบลืมตัว สติล่องลอยไปกับสัมผัสเชื่องช้าที่แสนอบอุ่น ด้วยสภาพเปลือยเปล่านอนทอดร่างให้ลูกครึ่งหน้าคมได้ชื่นชม ก่อนความเร่าร้อนที่ก่อเกิดจากฝ่ามือและปลายลิ้นที่โลมไล้ไปทั่วร่างผม จะจุดประกายความเร่าร้อน จนปะทุเป็นแสงสีแห่งความสุขสมเจิดจ้าจนตาพร่า ไม่ต่างจากพลุที่ถูกจุดฉลองบนฟากฟ้ายามค่ำคืน
“พะ...พอล อ่าๆๆๆ” ผมหลับตาซึมซับความสุขที่เพิ่งได้รับ พร้อมผิวกายทั่วร่างที่ร้อนผะผ่าว ยังคงไว้ซึ่งกระแสแห่งความเร่าร้อน แต่เสียงขยับตัวและเสียงกุกกักที่ดังขึ้น ทำให้ผมต้องฝืนลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
ภาพชายหนุ่มร่างกำยำจึงปรากฏต่อสายตา แถมร่างบึกบึนนั้นยังเปลือยเปล่าไม่ต่างจากผม แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมตกตะลึงจนหัวใจแทบหยุดเต้นได้เท่าขณะนี้ เมื่อในระยะสายตาปรากฏสัตว์ร้ายตัวเขื่องผิวมันวาว ที่กำลังโกรธขึ้งเตรียมกระโจนเข้าใส่ผม ขณะที่สติผมแตกกระเจิงไม่ทันคิดหาทางหนีทีไล่ เจ้าของสัตว์ร้ายก็เชยคางผมขึ้นพร้อมส่งยิ้มหล่อบาดตาให้แก่กัน
“อย่ากลัว...ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ไว้ใจพอลนะครับ...กระต่ายน้อยที่รัก~” ดูท่าผมจะแพ้ทางให้กับเสียงนุ่มๆและแววตาปลอบประโลมของลูกครึ่งหน้าหล่อเข้าแล้ว ด้วยความกลัวและความไม่แน่ใจที่กำลังก่อตัว กลับสลายตัวลงอย่างช้าๆ และยินยอมพลีกายให้แก่คนที่รัก
“ชู่ว์ๆๆ กระต่ายน้อยเก่งมาก มันหมดแล้ว หมดแล้วนะครับ...อึก! ซี้ดดด” ผมได้แต่พยักหน้าให้แก่เจ้าของน้ำเสียงปลอบประโลมที่ดังขึ้น ทั้งๆที่หลับตาไว้แน่น พร้อมความชื้นที่ไหลจากหางตาไปถึงขมับ และรู้สึกถึงความใหญ่โตร้อนผ่าวที่อยู่ในร่างกาย พาให้อึดอัดถึงขั้นเจ็บร้าว แต่เสียงสูดปากด้วยความทรมาน ทำให้ผมตัดสินใจที่จะลืมตาขึ้น
ลูกครึ่งรูปหล่อใบหน้าเหยเกขึ้นสีจัด และเม้มปากไว้จนแน่น พร้อมหยดเหงื่อที่เกาะพราว บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังทรมาน แต่ก็มีความอดทนมากพอที่จะไม่หักหาญเอาแต่ใจกับผม แม้ในดวงตาคู่คมที่จ้องผมแน่วแน่จะเปล่งประกายแห่งความปรารถนาชัดเจน
“ฝูหรง ผ่อนแรงให้พอลหน่อย...อ่าๆ” ผมปล่อยลมหายใจที่กลั้นไว้ออกอย่างช้าๆ เพื่อผ่อนคลายตามที่พอลต้องการ ซึ่งมันก็ได้ผลเมื่อความเจ็บปวดที่แทบจะฆ่าผมได้ ค่อยๆบรรเทาเบาบางลง แต่กลับเกิดความรู้สึกแปลกใหม่ที่ผมไม่เคยรู้จักเกิดขึ้นมา
ความรู้สึกอึดอัดทรมานแบบแปลกๆ พร้อมกับความโหยหาสัมผัสแห่งการแนบชิด และรู้สึกถึงความเร่าร้อนที่เต้นเร่าอยู่กลางลำตัว ผมจึงยื่นมือทั้งสองออกไป ซึ่งพอลก็เหมือนรออยู่แล้วได้โน้มตัวลงมาหาผม ให้ผมได้โอบรอบคอแกร่งเป็นหลักยึด ก่อนพอลจะพรมจูบเบาๆไปทั่วใบหน้า และส่งมือลูบไล้ผิวกายผม พร้อมกับปลุกปั่นส่วนปรารถนากลางลำตัวให้โหมกระพือความต้องการมากยิ่งขึ้น
ในความรู้สึกของผมสิ่งที่พอลทำมันยังไม่เพียงพอ ผมอยากได้อะไรที่มากกว่านี้ คิดได้เท่านั้นร่างกายก็เป็นไปตามธรรมชาติ ผมโอบขาทั้งคู่ไว้ที่รอบเอวสอบ และบดเบียดสะโพกตัวเองเข้าหาตามสัญชาติญาณ ก่อนจะกระซิบเข้าที่ข้างหูพอล พร้อมร้องขอในสิ่งที่ตัวเองไม่คิดมาก่อนว่าจะพูดออกไป
“พอลช่วยรักฝูหรงที...อึก...ขยับได้มั้ย มันทรมาน ช่วยฝูหรงหน่อยครับ อ๊ะ! อึก อ่าๆๆ” ความทรมานที่คิดว่าจะบรรเทาเบาบางลงกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
เมื่อสัมผัสแนบแน่นที่มาพร้อมแรงกระแทกกระทั้น กลับเพิ่มความทรมานให้ผมยิ่งขึ้น ด้วยความต้องการที่ไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะเห็นจุดหมาย แม้ผมจะระบายความทรมานด้วยการกรีดร้อง และตอบรับจูบดุดันที่ถูกป้อนให้อย่างรู้ใจก็ตาม ก่อนพอลจะพลิกตัวผมลงกับเตียง และส่งอาวุธประจำกายแทงพรวดเข้ามาทีเดียว แต่กลับทำผมสะดุ้งเฮือก พร้อมๆกับที่ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย ด้วยดูเหมือนว่าจะโดนจุดพิเศษที่ไวสัมผัสในกายผมเข้าอย่างจัง
“ตรงนี้เหรอ ฝูหรงชอบมั้ย...ซี้ดดด” อารมณ์นี้ผมตอบไม่ถูกเพราะมันเสียวแทบขาดใจ จึงได้แต่ส่ายหน้าไปมากับที่นอน แต่ยังทันได้ยินเสียงสูดปากอย่างทรมานมาจากด้านหลัง
ผมหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงกระแทกกระทั้นที่หนักบ้างเบาบ้างช้าเร็วสลับกันไป แต่เน้นจุดพิเศษในกายจนผมเสียวสะท้าน และเห็นเส้นชัยอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ก่อนผมจะคลายมือข้างขวาจากผ้าปูเตียง เพื่อกอบกุมความต้องการกลางลำตัวที่จะช่วยให้ผมถึงเส้นชัยแห่งความปรารถนาได้เร็วขึ้น แต่แล้วพอลกลับรั้งข้อมือผมออก และยึดไว้กับเตียงตามเดิม ผมเตรียมฮึดฮัดด้วยความขัดใจ แต่แล้วมือหนากับกอบกุมความต้องการของผมไว้เอง แถมยังบริการขยับให้เข้าจังหวะกับสะโพกสอบที่ถ่ายแรงมาให้กันด้วย พร้อมกับจูบหวานๆที่ถูกป้อนให้ถึงปาก สุดท้ายความปรารถนาก็เดินทางมาถึงปลายทาง ผมปลดปล่อยธารรักเต็มหลังมือหนาได้ไม่แพ้ครั้งแรก
ไอ้ลูกครึ่งแรงม้าไม่ปล่อยให้ผมได้พัก เพราะพอลพลิกร่างผมให้นอนหงาย และรั้งสะโพกผมเข้าหากลางลำตัว มีดันเข่าผมให้แยกออกจนสุด ก่อนจะช้อนสายตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาขึ้นสบตากัน พร้อมส่งยิ้มมุ่งมั่นมาให้ และเริ่มขยับสะโพกจากช้าก่อนจะแรงเร็ว สุดท้ายก็คำรามลั่นใบหน้าเชิดหงาย ก่อนจะฉีดความอุ่นร้อนเข้ามาในตัวผม จนผมเองยังสะดุ้งไปกับความแรง และเผลอเกร็งสะโพกรัดอาวุธร้าย จนพอลครางประท้วงเกร็งตัวลำคอปูดโปน
เมื่อทุกอย่างสงบลงลูกครึ่งรูปหล่อก็เอนร่างนอนลงข้างตัวผม และรั้งเอวผมขึ้น เพื่อให้ผมได้ขึ้นไปนอนก่ายบนร่างหนา พร้อมฝ่ามือที่ลูบไล้แผ่นหลังผมไปมาอย่างเพลิดเพลิน ผมเองก็ได้แต่หลับตาพริ้ม แนบหูไปกับแผ่นอกกว้างและฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรง จนค่อยๆเบาลงและอยู่ในจังหวะที่สม่ำเสมอ ผมจึงคิดที่จะลงนอนดีๆอยากพักผ่อนเต็มทน เพราะตาเริ่มลืมไม่ขึ้นแล้ว
“กระต่ายน้อยง่วงแล้วเหรอครับ หืม” เสียงกระซิบที่ดังขึ้นแผ่วเบาข้างหู ทำให้ผมพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับ ทั้งๆที่ยังคงหลับตา
“อาบน้ำก่อนมั้ย” คราวนี้ไม่ได้มาแต่เสียง แต่มีมือตามมาลูบหัวลูบหลังอย่างอ่อนโยนอีกด้วย ผมจึงได้แต่ส่ายหน้าและหลบมือใหญ่ ด้วยการซุกหน้าเข้ากับอกแกร่ง พร้อมวาดแขนเข้าที่รอบคอ
“ฮึๆ รู้ตัวมั้ยว่าทำแบบนี้จะไม่ได้นอนเอานะ...กระต่ายน้อย~” คราวนี้เสียงหัวเราะแผ่วๆและเสียงนุ่มๆมาแบบขาดๆหายๆ แต่ผมก็เลือกที่จะส่ายหน้าแทนคำตอบไปกับอกกว้าง ก่อนจะบอกความต้องการด้วยเสียงงัวเงีย
“พอล ง่วงนอน” สิ้นคำผม ทั้งจมูกและริมฝีปากของพอลก็จรดลงบนหัวผม แต่ก่อนที่สติผมจะเริ่มดับลง ยังทันได้ยินน้ำเสียงนุ่มๆที่แฝงแววหยอกเย้าดังลอยมาไกลๆ
“ฟอดดด...ครับ ฝันดีนะกระต่ายน้อยของพอล คืนนี้พอลจะยอมให้ก่อน แต่ครั้งต่อไปไม่จบแค่ที่รอบเดียวแน่ ให้รู้ไว้”
.........................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะนี่แค่ “เริ่มเวลาของเรา” ไอ้ลูกครึ่งรูปหล่อก็จัดหนักซะแล้ว
ไม่รู้กระต่ายน้อยจะเป็นยังไงบ้างสิหน่า 555 ตอนนี้ก็เคลียร์
เรื่องยุ่งๆในอดีตไปได้แล้วเนอะ ต่อไปคงต้องตามดูว่าทั้งคู่ที่อยู่ใน
สถานะคนรักต่อกันแล้ว จะหวานใส่กันแค่ไหน หรือจะมีเรื่องยุ่งๆ
ตามให้ต้องแก้ไขอะไรอีกบ้าง เพราะเชื่อว่าชีวิตคู่ต้องเรียนรู้กันและกัน
ไปทั้งชีวิต สำหรับคู่ของพอลและฝูหรงเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
ปล.ตอนหน้าเจอกันวันอาทิตย์นะคะ ขอมาอัพพอลฝูหรงวีคละตอนน้า
เพราะช่วงนี้งานท่วมหัวจริงๆค่ะ แต่งได้วีคละตอนเอง ปกติอย่างน้อยได้วีคละ2ตอน
พองานยุ่งความจิ้นไม่บังเกิดเลยค่ะ แต่สัญญาจะมาไม่ขาดแน่นอน
