*หลุดจอง*{รักยุ่งๆของลูกครึ่งรูปหล่อ} ฝูหรง & พอล...The End...[14/10/59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *หลุดจอง*{รักยุ่งๆของลูกครึ่งรูปหล่อ} ฝูหรง & พอล...The End...[14/10/59]  (อ่าน 152520 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
แหม พอเคลียร์กันเข้าใจก็เริ่มเรียกร้องเวลาที่เสียไปทันทีเลยนะน้องพอล
งานนี้ต้องบอกว่าเพราะได้ปาปา กะ มามาช่วยยืนยันด้วยนะเนี่ย น้องฝูหรงเลยยอมเชื่อ
เพราะสรุปก็ยังไม่ได้เจอกะน้องจินนี่อีกจนได้ เลยไม่ได้เคลียร์กันตัว ตัวไปเลย
อย่างงี้ถ้าน้องจินนี่ที่น่ารักของปาปามามาได้รู้ไม่แน่อาจจะวางแผนใหม่ ๆ มาแยกน้องพอลอีกแน่
แล้วต่อไปคงได้เจอลูกครึ่งรูปหล่อจอมหื่นมากกว่าเดิมแน่ ก็เล่นเตือนกระต่ายน้อยไว้แล้วนี่เนอะ
เป็นแฟนกันแล้ว ยังไงก็ขอให้มีเรื่องหวาน ๆ มากกว่าเรื่องยุ่ง ๆ ละกันนะคะ
รอติดตาม และ บวก บวก เป็นกำลังใจให้คุณมาศต่อไปค๊า  :pig4: :L2:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ตอนที่ 7

โจวพอล

   “อ่ะ  เรียบร้อยแล้ว...[จุ๊บ]...ฝูหรงของพอลน่ารักที่สุด”  หลังจากผมขยับเนกไทบนร่างเล็กให้เข้าที่ดีแล้ว

ผมก็ยื่นหน้าไปแตะจูบที่ริมฝีปากสีสดอย่างห้ามใจไม่อยู่  จนกระต่ายน้อยที่นั่งแก้มแดงไม่พูดไม่จามาตลอดทางตวัดค้อนใส่  ก่อนจะหันไปเตรียมเปิดประตูลงจากรถ 

ผมตัดสินใจที่จะรั้งท่อนแขนเล็กภายใต้เสื้อสูทสีเทาเข้มไว้  ฝูหรงจึงเบือนหน้ากลับมาเลิกคิ้วใส่กัน  พร้อมจ้องตารอคำตอบจากผมอย่างเอาเรื่อง  ‘ไม่ได้ดูน่ากลัวสักนิด  ออกจะน่าเอ็นดูกระต่ายน้อยขี้โมโหเสียมากกว่า’  ผมเลือกที่จะส่งยิ้มหวานๆใส่ตาคู่กลมที่มีกระจกใสคั่นไว้  และจิ้มนิ้วเข้าที่แก้มตัวเอง 

แรกทีเดียวฝูหรงขมวดคิ้วจ้องตาผมด้วยแววตาสงสัยชัดเจน  จนผมต้องพองแก้มและจิ้มนิ้วย้ำๆใส่แก้มข้างนั้นแทนคำบอกใบ้  ไม่นานฝูหรงก็กลายเป็นกระต่ายน้อยขี้ตื่นขึ้นมาทันตา  ด้วยเจ้าตัวส่ายหัวไปมาพร้อมทำสีหน้าตื่นๆ  ส่วนแก้มที่แดงอยู่แล้วก็ขึ้นสีจัด  จนผมกลัวว่าแก้มคู่นั้นจะระเบิดในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าเอาน่ะสิ

“เร็วครับจุ๊บแก้มพอลก่อน  ไม่งั้นวันนี้ไม่ต้องทำงาน  พอลจะพาฝูหรงกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ  ดีเหมือนกันฝูหรงจะได้พัก  ส่วนเรื่องลาเดี๋ยว...[จุ๊บ!]...ฮึๆ  ชื่นใจกระต่ายน้อยของพอล  แต่มาให้พอลดูหน่อยเร็ว”  ผมเชยคางคนที่กระแทกริมฝีปากมาที่แก้มผมขึ้น 

คุณฟังไม่ผิดหรอกที่ผมใช้คำว่ากระแทกแทนคำว่าหอมหรือจุ๊บแก้ม  เพราะมันเหมาะที่สุดแล้วกับกิริยาของฝูหรง  ที่ยื่นหน้าเอาริมฝีปากมาชนแก้มผมอย่างแรง  ไม่ใช่กิริยาที่เอาริมฝีปากมาแตะแก้มเบาๆ  หรือการเอาจมูกมาสูดกลิ่นจนเกิดเสียงดังฟอด  ให้ผมเรียกว่าหอมหรือจุ๊บแก้มได้อะไรแบบนั้น  แต่ผมก็อารมณ์ดีเกินกว่าจะถือสากระต่ายน้อยขี้โมโห  ผมกลัวก็แต่ว่าริมฝีปากที่ผมหวงแสนหวง  จะปริแตกไปกับการกระทำนั้นซะก่อนน่ะสิ 

โชคยังดีที่ไม่ได้เกิดเหตุการณ์ตามที่คิด  เพราะมันยังคงนุ่มและชุ่มฉ่ำเหมือนเดิม  ยามที่ผมใช้ปลายนิ้วไล้ผ่าน  จนผมเกือบอดใจไม่ไหว  เกือบประทับตีตราย้ำแสดงความเป็นเจ้าของ  หากฝูหรงจะไม่ยื่นมือมาปิดปากผมเข้า

“ไปทำงานได้รึยังเล่า  จุ๊บก็จุ๊บแล้วยังจะเอาอะไรอีก...อ๊ะ!  พอล”  ‘ไม่ได้ปากได้หลังมือก็ยังดีวะ’  นี่ดีเท่าไหร่แล้วที่ผมเลือกที่จะยิ้มใสซื่อใส่ตาวาวๆของกระต่ายน้อยแก้มแดง  ไม่เลือกที่จะตอบคำถามแกมประชดนั่น  ขืนตอบไปกระต่ายน้อยของผม  อาจจะอายจนพูดไม่ออกหรือถึงขั้นโกรธกันเลยก็ได้

“ครับๆ  ตั้งใจทำงานนะ  เย็นนี้เดี๋ยวพอลมารับ  อ้อ!...[ฟอดดด]...อย่าลืมคิดถึงกันนะกระต่ายน้อย  ฮึๆ”  ผมได้แต่กลั้วหัวเราะตามหลังร่างเล็ก  ที่พอโดนผมปล่อยให้เป็นอิสระได้  ก็หมุนตัวหนีและเปิดประตูรถ  ก่อนจะก้าวพรวดพราดออกไปแบบไม่เหลียวหลัง

เมื่อปฏิบัติหน้าที่ของสามีที่ดีแล้วก็ถึงเวลาปฏิบัติหน้าที่ของลูกที่ดีต่อ  ด้วยผมต้องตามไปสมทบกับทีมของบริษัท  เพื่อสำรวจที่ดินแถวเกาลูนแทนปาปา  หากวันนี้ผมไม่มีภารกิจสำคัญดังกล่าว  บวกคนของผมไม่ดื้อไม่อึดและไม่ขยันทำงานจนเกินไป  นาทีนี้ผมคงกำลังนอนกอดร่างอุ่นๆอยู่บนเตียงของผมอย่างแน่นอน รู้แบบนี้เมื่อคืนผมไม่น่าให้จบแค่รอบเดียวเลย

ย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก็ให้ผมหุบยิ้มไม่ลง  ในที่สุดผมก็ได้คนรักของผมกลับคืนสู่อ้อมกอดอย่างแท้จริง  แถมผมยังได้ครอบครองเป็นเจ้าของคนที่ผมรออย่างสมบูรณ์แล้วด้วย  ไหนปาปามามาจะได้รู้จักและยอมรับสะใภ้ตระกูลโจวอย่างไม่มีข้อแม้  แต่กลับมีความจริงบางเรื่องที่ทำให้ผมปวดใจมาจนถึงตอนนี้  สำคัญที่คนที่เกี่ยวข้องดันเป็นญาติสนิทที่ผมรักเหมือนน้องสาวแท้ๆซะด้วยสิ

หากยัยจินนี่จะไม่มีนิสัยขี้หวงเข้าขั้นโคม่า  ผมกับฝูหรงคงไม่ต้องจากกันถึงห้าปี  แต่เมื่อไม่สามารถแก้ไขอดีตได้  ผมคงได้แต่ยอมรับในโชคชะตา  เพราะดีเท่าไหร่แล้วที่ฟ้ายังเมตตา  พาให้ผมกับฝูหรงกลับมาเจอกันอีกครั้ง  จนสามารถปรับความเข้าใจกันได้  และสานต่อความสัมพันธ์ถึงขั้นลึกซึ้ง  แม้ผมจะยังไม่ได้ยินคำรักชัดๆจากปากกระต่ายน้อยก็ตาม  แต่ผมเชื่อว่าเจ้าตัวเองก็ต้องรักผมไม่น้อย  ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมตกเป็นของผมง่ายๆหรอก

สำหรับยัยตัวแสบที่สร้างความเข้าใจผิดให้แก่ฝูหรง  ผมก็ได้แต่ฝากความหวังไว้ที่ปาปา  คุณลุงผู้เป็นที่รักและเคารพยิ่งของยัยจินนี่นั่นแหละครับ  เพราะคงมีแต่ปาปานี่แหละที่จะเป็นคนตักเตือน  ด้วยยัยจินนี่จะเชื่อฟังปาปาผมมากกว่าใคร  แม้แต่กับอาหญิงและอาเขยยังไม่มีอิทธิพลต่อเจ้าตัวเท่ากับปาปาของผมเลย

“ติดต่อเจ้าของที่ดินผืนนี้ให้ผมด่วนเลยนะครับ  ถ้าช้าผมกลัวว่าคนอื่นจะชิงตัดหน้าเราไปซะก่อน”  ผมพูดไปพร้อมกอดอกและกวาดสายตามองตึกร้างตรงหน้าไปด้วย  ส่วนในหัวกำลังคำนวณราคาและประเมินความคุ้มค่า  หากถูกเปลี่ยนถ่ายมือให้ถูกจังหวะและเวลา  ที่ดินผืนนี้จะสร้างรายได้ให้บริษัทเราไม่น้อย

“ครับคุณพอล”  ผมหันมาส่งยิ้มพร้อมก้มหัวนิดให้ลูกน้องเก่าแก่ของบริษัท 

บุคคลนี้เรียกว่าเป็นลูกน้องระดับอาวุโสคู่กายปาปา  ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทกันเลยทีเดียว  จึงไม่แปลกที่ผมจะให้ความเคารพ  แต่ก็ทำเอาอาเฉาชิงโน้มตัวก้มหัวให้ผมแทบจรดพื้น  แถมพอผมห้ามและรั้งตัวขึ้น  กลับมองผมด้วยแววตาชื่นชมเต็มเปี่ยม  ทำให้ผมได้แต่ระบายยิ้มพูดไม่ออกทำตัวไม่ถูกไปพักหนึ่ง  ก่อนผมจะเอ่ยขอตัวจากอาเฉาชิง  เมื่อเหลือบดูนาฬิกาก็ได้เวลามื้อกลางวันแล้ว  คนที่อายุเลยวัยกลางคนไปมาก  ไม่ควรทานอาหารผิดเวลา

เมื่อได้อยู่บนรถคนเดียวอีกครั้ง  ใจผมก็กระหวัดคิดถึงใครอีกคนที่อยู่อีกฝั่งของเกาะ  และมือก็เร็วพอที่จะคว้าโทรศัพท์กดหาคนที่คิดถึง  รอสายไม่นานฝูหรงก็รับสาย  ผมจึงไม่พลาดที่จะส่งคำว่าคิดถึงไปให้  และผมต้องยิ้มกว้างอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า  เมื่อได้ยินเสียงเล็กๆดังต่อว่ากันแก้เขินมาตามสาย

“คิดถึงอะไรกันเล่า  เพิ่งห่างกันไม่ถึงครึ่งวัน”  เชื่อเถอะว่าตอนนี้แก้มใสจะต้องขึ้นสี  และตากลมๆคงได้แต่ค้อนลมค้อนแล้งฝากมาถึงผมแน่นอน

“พอลคิดถึง  พอลก็อยากบอกให้ฝูหรงรู้นี่ครับ  ที่จริงพอลคิดถึงฝูหรงตั้งแต่ห้านาทีแรกที่เราจากกันแล้วนะ...ฮึๆ”  ผมได้แต่กลั้วหัวเราะให้กับกระต่ายน้อยช่างเฉไฉ  เพราะทันทีที่จบประโยค  ฝูหรงก็ถามขึ้นมาทันทีว่าผมโทรหาทำไม  แต่ดันดักคอผมว่าไม่เอาเหตุผลว่าคิดถึงกันแล้วนะอีกด้วย

ผมจึงถามไปว่าเจ้าตัวกินมื้อกลางวันรึยัง  แต่พอได้ยินคำตอบ  ผมถึงกลับถอนใจพรืด  และได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ  ให้กับสุดยอดเลขาดีเด่นแห่งหวางหย่งกัง  ด้วยฝูหรงตอบผมด้วยเสียงอ่อยๆอย่างรู้ตัวว่าผิด  เพราะยังไม่ได้กินอะไร  ทั้งๆที่เลยเวลาอาหารมากว่าสิบนาทีแล้ว

“วางงานตรงหน้าก่อน  และรีบไปหาอะไรทานซะนะครับ  หากฝูหรงไม่ยอมทำตามที่พอลบอก  อย่าหาว่าพอลขู่  เพราะพอลจะไปลักพาตัวเลขาหลี่ผิงมาเก็บไว้ที่บ้าน  และจะไม่ยอมให้กลับไปทำงานอีกเลย”  ผมไม่ได้ขู่  เพราะผมหมายความตามที่คุณได้ยินไป  ผมพูดจริงทำจริงด้วย  ดีซะอีกจะได้ใช้เป็นข้ออ้างให้ฝูหรงลาออกจากงาน 

เมื่อเช้าระหว่างทางที่ผมพาฝูหรงกลับคอนโดไปเปลี่ยนชุดทำงานนั้น  ผมได้เกริ่นเรื่องที่ให้ฝูหรงลาออกแล้ว  แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธผมกลับทันควันเหมือนกัน  ว่ายังไงก็จะขอทำงานเป็นเลขาอยู่แบบนี้  ผมจึงได้โอกาสล้วงลึกความในใจเรื่องที่ค้างคาใจ  อย่างเรื่องที่ฝูหรงชอบหลี่ผิงขึ้นมา  ซึ่งเจ้าตัวกลับตอบรับว่าชอบหลี่ผิงขึ้นมาหน้าตาเฉย  ทำเอาผมอึ้งและหน่วงไปทั้งอก  พาลมือไม้อ่อนจนบังคับพวงมาลัยไม่ไหว  เกือบโดนรถที่ตีคู่มาเฉี่ยวเข้าให้  แม้แต่ฝูหรงเองก็ตกใจ  จนออกคำสั่งให้ผมจอดรถข้างทาง  นาทีนั้นผมได้แต่ทำตามคำสั่งด้วยสมองเบลอๆ 

ท้ายที่สุดผมก็กลับมากระปรี้กระเปร่าขึ้นอีกครั้ง  เมื่อกระต่ายน้อยใช้สองมือเกาะท่อนแขนที่กำลังกำพวงมาลัยของผมไว้  ก่อนจะชะโงกหน้ามาตรงหน้าผม  และมองตาผมด้วยแววตาแห่งความรู้สึกผิด  บอกเลยว่าตอนนั้นแม้จะรู้สึกดีที่ฝูหรงแสดงความใกล้ชิดต่อผมเหมือนเมื่อห้าปีก่อน  แต่ไอ้แววตาที่ได้เห็นกลับฉุดรั้งความดีใจไว้  ด้วยคิดไปเองว่าฝูหรงกำลังรู้สึกผิดต่อผม  ที่แบ่งใจไปให้เพื่อนสนิทมาเฟียของผมเข้า  ซึ่งคำพูดหลังจากนั้นต่างหากที่ทำให้ผมยิ้มได้ทั้งปากและใจ  แม้บางประโยคในนั้นจะสะท้อนความในใจให้ผมรู้  และทำให้ผมเสียความมั่นใจไปไม่น้อยก็ตาม

‘เราก็แค่ชื่นชอบนายน้อยที่เป็นคนทำงานจริงจัง  ส่วนเรื่องของหัวใจก็เป็นคนที่แสดงออกชัดเจน  เพราะทั้งคำพูดและการกระทำ  สื่อชัดว่ารักเพียงคุณธันว์เท่านั้น...แต่กับพอลคำว่า  ‘ชอบ’  มันต่างกันนี่น่า’

ผมจึงได้แต่สัญญากับตัวเองว่าต่อจากนี้  ผมจะไม่เก็บกักความรู้สึกที่มีต่อฝูหรงไว้อีก  แต่จะแสดงออกให้คนน่ารักได้รู้และมั่นใจ  ว่าผมรักฝูหรงได้ไม่ต่างจากหลี่ผิงรักน้องธันว์  ซึ่งคำว่าชอบที่ฝูหรงมีให้ในตอนนี้  ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม  เพราะอย่างไรซะผมก็พิเศษกว่าใครในสายตาฝูหรงอยู่ดี

“ไม่ขู่เลยยย  หึ!  งั้นวางละนะ  เราจะไปกินมื้อกลางวันแล้ว”  ตั้งแต่เมื่อคืนผมล่ะขัดหูกับสรรพนามแทนตัวที่คนน่ารักใช้ไม่น้อย 

แม้คำว่า  ‘เรา’  ฝูหรงจะใช้แทนตัวเองกับผมเหมือนเมื่อห้าปีก่อน  แต่เวลานี้สถานะและอะไรหลายๆอย่างระหว่างเราก็เปลี่ยนไปแล้ว  สมควรที่สรรพนามแทนตัวจะต้องเปลี่ยนด้วย  ผมเองยังกล้าแทนตัวเองด้วยชื่ออย่างไม่อายปากเลย  ผมจึงอยากได้ยินอีกฝ่ายแทนตัวเองด้วยชื่อเหมือนยามที่เราร่วมรักกัน

“เดี๋ยวครับ...ฝูหรง  พอลขอร้องเถอะนะ  ขอให้แทนตัวเองด้วยชื่อ  ไม่เอาเรานายอะไรพวกนั้นแล้ว  เราไม่ใช่เพื่อนกันเหมือนแต่ก่อน...แต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้นมากๆๆ  และถ้าฝูหรงหลุดมาเมื่อไหร่  ต้องโดนพอลทำโทษนะรู้มั้ย”

“เหอะ!  ขู่ได้ขู่ดี  ใครกลัวกัน...เราๆๆๆๆ  นายๆๆๆๆ  คิกๆๆๆ  วางแล้วนะ  หิว”

“กระต่ายน้อยเย็นนี้โดนทำโทษแน่  ระวังตัวให้ดีเถอะ...ฮึๆ”  ขู่ไปก็เท่านั้นครับ  เพราะคนปลายสายส่งเสียงหัวเราะคิกคักดังมาไม่ขาด  จนผมเองถึงกลับหลุดหัวเราะตาม  เพียงแค่คิดภาพกระต่ายน้อยหน้าใสหัวเราะตาปิด  จนแว่นเอียงกะเท่เร่และเปิดยิ้มอย่างกว้าง  ก็ทำเอาผมอยากไปลักพาตัวพ่อยอดเลขากลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอด

“คิดถึงและรักมากนะกระต่ายน้อย...เย็นนี้เจอกันครับ”  เมื่อได้ยินเสียงรับคำเบาๆที่หลุดไม่พ้นคอ  ผมก็กดวางและได้แต่ฉีกยิ้มขับรถคนเดียวเหมือนคนบ้า  พร้อมวางแผนไว้ในใจ  สำหรับบทลงโทษของกระต่ายน้อยแสนดื้อในค่ำคืนนี้

ผมขับรถไปได้อีกไม่ไกล  จึงเข้ามาในอุโมงค์ใต้ทะเลทางเชื่อมระหว่างเกาะเกาลูนและเกาะฮ่องกงนั้น  โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นและได้แต่สังหรณ์ใจ  เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ  เพราะคนปลายสายน่าจะมีเรื่องสำคัญที่ต้องการคุยกับผม  ถึงขนาดโทรมาหาผมเวลานี้

“ว่าไงไรอัน...ว่าง...ได้  แล้วเจอกัน”

ผมกลับมายังสถานบันเทิงสุดหรูที่เป็นอาณาจักรของเพื่อนสนิทอีกครั้ง  แต่ผิดไปจากเมื่อคืนลิบลับ  ด้วยบริเวณรอบๆไม่ได้ตื่นตาด้วยแสงสีและอึกทึกไปด้วยเสียงเพลง  แต่ความตระการตาด้วยสิ่งก่อสร้าง  ยังสามารถดึงดูดสายตาได้ไม่เปลี่ยน 

ผมพยักหน้ายกยิ้มเล็กๆให้พนักงานต้อนรับในส่วนของห้องอาหาร  ที่กำลังก้มหัวพร้อมผายมือเชิญ  ซึ่งห้องอาหารนานาชาติแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรที่เปิดให้บริการตลอดวัน  ก่อนผมจะเดินตามเข้าไปยังห้องพิเศษที่ถูกเตรียมไว้  ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจนักที่เข้ามาแล้วพบว่าไม่ใช่แค่ผมที่ไรอันโทรตาม  ด้วยลูกครึ่งผิวน้ำผึ้งตาคมกำลังนั่งจิบชาร้อนด้วยมาดนิ่งๆ  เคียงข้างไรอันที่กำลังนั่งหน้าเครียด 

ผมได้สบตากับโจเซฟนิดก็รู้แล้วว่าไอ้ลูกครึ่งเดนมาร์กกำลังเครียดด้วยเรื่องอะไร  บวกกับการที่ผมไม่เห็นหน้าหลี่ผิงเวลานี้ด้วยแล้ว  ผมยิ่งมั่นใจว่าเรื่องนั้นคงไม่พ้นเรื่องของหัวใจ

“ไงเพื่อน  รอนานมั้ย”  โจเซฟส่ายหน้านิดก่อนจะวางถ้วยชาลง  ส่วนไรอันมีโบกมือนิดหน่อยและส่งสัญญาณให้ลูกน้องเอาอาหารลงโต๊ะ

เรื่องที่ทำให้ไรอันดูเคร่งเครียด  จนทำลายลุคชายหนุ่มร่าเริงผู้แสนอบอุ่นของใครต่อใครไม่เหลือนั้น  คงไม่พ้นเรื่องของหญิงเดียวในดวงใจที่มันผูกสมัครรักใคร่มานานแสนนานหรอกครับ  จะใครถ้าไม่ใช่คุณหนูหวางเหมยอิง  หญิงสาวที่แสนเพียบพร้อมแห่งหวางหย่งกัง  ผู้เป็นที่รักและหวงแหนของเหล่าบรรดาพญามังกรทั้งหลาย

เมื่อบรรดาอาหารจีนถูกทยอยวางลงบนโต๊ะ  จนกระทั่งพนักงานเสิร์ฟเดินออกไป  ไรอันยังคงมีสีหน้าครุ่นคิดและไม่พูดอะไรออกมาสักคำ  จนผมเริ่มหนักใจในพฤติกรรมของมัน  จึงเหลือบตาส่งสัญญาณให้พ่อสิงห์ซุ่มที่นั่งหน้านิ่งอย่างโจเซฟได้เอ่ยปากถาม  แต่ประโยคที่หลุดออกมาของโจเซฟเกือบทำผมวืด

“นั่งมองคงไม่อิ่ม  กินก่อนแล้วค่อยว่ากัน...ดีมั้ยวะไรอัน” 

พอผมได้ยินน้ำเสียงที่กดลึกท้ายประโยค  และได้เห็นแววตาคาดคั้นของโจเซฟที่มองไปยังไรอัน  ผมก็อดชื่นชมไอ้เพื่อนคนนี้ไม่ได้  ที่เข้าใจใช้คำพูดกดดันเพื่อนสนิทของเรา  แต่ยังรู้จักเว้นระยะให้ไรอันได้มีโอกาสรวบรวมความคิดและพูดปัญหาของมันออกมา

ผมจึงได้แต่กระตุกยิ้มก่อนจะจับตะเกียบและลงมือเปิดงานเป็นคนแรก  ตามมาด้วยไอ้โจเซฟที่ยักไหล่กวนๆทั้งที่หน้าโคตรนิ่ง  มันจับตะเกียบคีบขนมจีบเข้าปาก  ก่อนจะใช้ตะเกียบจิ้มไปที่ซาลาเปาและยื่นไปตรงหน้าไอ้ไรอัน  พร้อมพยักพเยิดให้รับน้ำใจที่โคตรเต็มใจบริการของมัน  แต่ผมกลับฉวยซาลาเปาลูกนั้นมา  ก่อนจะลอกกระดาษออกและกัดเนื้อนุ่มๆคำโต  ทำเอาไอ้สองตัวเลิกคิ้วมองผมอย่างไม่เชื่อสายตา  ผมแสยะยิ้มให้พวกมัน  ก่อนจะใช้ตะเกียบสองข้างจิ้มซาลาเปาไว้คนละลูก  และยื่นไปตรงหน้ามันสองคน  ทำให้ทั้งคู่ตีหน้าขรึมจ้องไปที่ซาลาเปาสลับกับใบหน้าผม  ด้วยความหมั่นไส้ผมจึงแกล้งยื่นไปจ่อปากพวกมัน  และร้องหม่ำๆเหมือนหลอกล่อเด็กน้อยให้กิน 

“พอล!!...อุ๊บ!  ฮ่าๆๆๆ”  สุดท้ายมันสองคนก็หัวเราะออกมาจนได้  รู้หรอกว่าแกล้งเก๊กใส่ผม  ก่อนผมจะโดนผลักหัวด้วยฝีมือไอ้ไรอัน  และโดนชกเบาๆเข้าที่หัวไหล่เพราะไอ้โจเซฟ  แต่ก็ทำให้บรรยากาศที่ดูอึมครึมก่อนหน้าจางหายไป
 
“ฉันจะไปตระกูลหวาง  เข้าไปขออนุญาตปาปาหลี่จวินไปมาหาสู่กับเหมยอิง”  หลังกินมื้อเที่ยงกันเสร็จ  อยู่ๆไรอันก็พูดประโยคน่าตกใจออกมา  ทำเอาชาร้อนที่ผมกำลังจิบถึงกับลวกลิ้น

“ร้อนๆ!...เดี๋ยวนะไรอัน  นายอยากตายรึไง”  ผมไม่ได้อยากจะกวนเพื่อนนะครับ  เพียงอยากเตือนสติมันมากกว่า  อย่าลืมสิตระกูลหวางน่ะตระกูลมาเฟียนะ  และไม่ใช่แก๊งกระจอกๆทั่วไปด้วย 

ไรอันจ้องตาผมและพยักหน้าใส่ด้วยทีท่ามุ่งมั่นเอาจริง  จนผมต้องเบือนหน้าไปขอความเห็นไอ้โจเซฟ

“ใครจะอยากตาย  แต่ตอนนี้ฉันมีพร้อมทุกอย่างแล้ว  เหลือก็แต่หัวใจที่รอการเติมเต็มเท่านั้น”  หากเป็นเวลาปกติผมคงแกล้งล้อมันไปแล้ว  คำพูดคำจายังกับพระเอกในนิยาย

“แล้วคนที่นายรอ  เธอรู้ตัวรึยัง  ได้บอกความรู้สึกที่เก็บไว้เกือบสิบปีไปบ้างมั้ย”  คำพูดไอ้โจเซฟทำเอาไรอันจากที่เคยมุ่งมั่นกลับห่อเหี่ยวขึ้นมาทันตา  อากัปกิริยาของมันบอกเราสองคนได้หมด  ผมกับโจเซฟถึงกลับถอนใจพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

“ถึงยังไม่บอก  แต่ท่าทางของเหมยอิงก็เหมือนจะรู้...พวกนายก็รู้นี่  เวลาฉันอยู่กับเธอแสดงออกมากได้ที่ไหนกัน” 

ข้อนี้จริงครับ  เพราะหาน้อยครั้งมากที่มีเหมยอิงแล้วจะไม่มีหลี่ผิง  แต่ผมรู้มาว่าไรอันก็กล้าที่จะแอบล้วงคอมังกร  ด้วยการโทรคุยกับเหมยอิงเกือบทุกคืน  และการที่เหมยอิงยอมคุยด้วยคงสร้างความหวังให้แก่มันไม่น้อย

“ไรอัน  ฉันว่านายควรเริ่มที่จะบอกความรู้สึกให้เหมยอิงได้รู้ก่อนดีกว่า  ถ้าเธอไม่ปฏิเสธ  นายก็ค่อยๆสานสัมพันธ์ระหว่างนายกับเหมยอิงให้แน่นแฟ้นขึ้น  หลังจากนั้นค่อยเดินเข้าตระกูลหวางก็ยังไม่สาย”  ผมเห็นด้วยกับโจเซฟที่สุด  แต่มีอีกสิ่งที่ผมอยากจะเสริม

“อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายหรือแม้แต่ตัวนายต้องคิดเอาเอง  การพูดจาตกลงกันให้รู้เรื่อง  หรือแม้แต่การยืนยันความรู้สึกของนาย  มันเป็นสิ่งสำคัญมาก  เพราะหากนายไม่ทำสิ่งเหล่านี้ก่อน  มันอาจทำให้นายเสียทั้งใจและเสียทั้งเวลา  ในชนิดที่ว่านายเองคิดไม่ถึงเชียวล่ะ”  ผมอยากเตือนสติเพื่อนสนิท  ด้วยไม่อยากให้มันซ้ำรอยเดิมกับผม 

เราอาจจะคิดว่าการแสดงออกว่ารักของเรา  มันชัดเจนโจ่งแจ้งจนไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำว่ารัก  อีกฝ่ายก็น่าจะรับรู้ได้  แต่อย่าลืมว่าคำพูดก็สำคัญไม่แพ้การกระทำเหมือนกัน  และมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร  หากเอ่ยคำว่ารักแล้ว  ทำให้เราและคนที่เรารักมีความสุข  และสร้างความมั่นใจให้กับคนที่เรารักได้  จงอย่ารีรอที่จะพูดว่า  ‘รัก’  ออกไป

“ฟังแล้ว  เหมือนนายมีประสบการณ์มาก่อนเลยนะ...พอล”  น้ำเสียงนิ่งๆบวกแววตาจับผิดของไรอัน  และท่าทางกระตุกยิ้มเหมือนรอฟังเรื่องสนุกๆอยู่ของโจเซฟ  ทำให้ผมได้แต่ส่ายหัวยิ้มๆให้พวกมัน  ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องของผมให้พวกมันฟัง  ด้วยคงถึงเวลาแล้ว

ในเมื่อชีวิตรักของผมกำลังมีความสุข  ผมก็เต็มใจแบ่งปันให้พวกมันได้รู้  และยังใช้เป็นอุทาหรณ์เรื่องรักให้แก่ไรอันได้อีก  ขนาดผมเล่าแบบหมดเปลือก  มันสองคนยังมีต่อว่าผมอีกแน่ะ  ว่าเก็บเรื่องทุกข์ใจไว้กับตัวได้ยังไงตั้งห้าปี  ทำไมไม่รู้จักที่จะปรึกษาเพื่อนๆบ้าง  ผมก็ได้แต่ยิ้ม  ซึ่งพวกมันคงหมั่นไส้ผม  จึงแกล้งผลักไหล่ต่อยท้องเป็นการเอาคืน  ก่อนโจเซฟจะสั่งให้ผมพาฝูหรงมาให้เพื่อนๆรู้จัก

“ฉันตั้งใจไว้แล้วล่ะน่า  ยังไงฉันก็ต้องพาฝูหรงมารู้จักพวกนายอยู่แล้ว”

“งานนี้หลี่ผิงคงต้องเสียทั้งเลขาและน้องสาวให้เพื่อนสนิทเลยนะเนี่ย  ฮึๆ”  เมื่อเสียงหัวเราะเบาๆของโจเซฟดังขึ้น  ผมกับไรอันก็มองตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย  ก่อนเราจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน

หากแต่ในแววตาสีฟ้าของไรอันมันกลับเจือไปด้วยแววกังวลจางๆให้ผมได้เห็น  ผมจึงตบไหล่เบาๆเพื่อส่งกำลังใจให้มัน  ด้วยรู้ว่าเส้นทางรักของเพื่อนยังต้องผ่านอะไรๆอีกมาก  แต่หากคนเราไม่รู้จักคำว่าทุกข์  คงไม่รู้ว่าความสุขเป็นอย่างไรและมีค่ามากมายแค่ไหน  เหมือนอย่างที่ผมเป็นอยู่ขณะนี้ไงครับ  ความรักที่มีพื้นฐานมาจากความเข้าใจมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง

ว่าแล้วชักอยากเห็นหน้ากระต่ายน้อยที่รักเร็วๆแล้วสิ  ไหนๆก็ไม่มีงานอะไร  ผมไปนั่งรอฝูหรงดีกว่า  อยากเห็นหน้าตื่นๆของกระต่ายน้อย  ตอนที่เห็นผมแวบแรกจังเลยน้า

...........................................

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

ตอนนี้หวานกันเบาๆพอให้ได้อมยิ้มกับคู่รักคู่ใหม่  แต่อะไรๆมันเพิ่งเริ่ม
คงขอให้คนอ่านได้เอาใจช่วยพอลกับฝูหรงต่อไปด้วยนะคะ
ตอนหน้าอย่าพลาด  เพราะไม่ใครก็ใครคงได้อิจฉากระต่ายน้อยขี้อายกันบ้างล่ะน้า
และอาจอยากมีคนรักปากเสียอย่างพอลบ้างก็ได้   :laugh:

+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์  ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

ปล.ตอนหน้ามาวันศุกร์นะคะ  ขออัพทุก 5 วันลงนิยายเร็วขึ้นมาจี๊ดนึง 
ต้องขออภัยที่สปีดไม่เร็วเหมือนเรื่องก่อนๆ  แต่จะไม่ขาดหายไปแน่นอนค่ะ


 :pig4:   :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2014 10:19:08 โดย MiSS-U »

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
ชอบความเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทของผู้ชายกลุ่มนี้มากค่ะ
คอยเตือน คอยให้กำลังใจกันตลอด
รออ่านความน่ารักของกระต่ายน้อยตอนหน้าค่ะ  :mc4:

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
ตอนนี้เบาๆใสๆสินะะะะ
 :hao7:

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
เราอยากรู้ว่ายัยจินนี่จะโดนปราบยังไง ปาปาจะใช้วิธีไหนจัดการหล่อน :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: {รักยุ่งๆของลูกครึ่งรูปหล่
«ตอบ #185 เมื่อ29-06-2014 13:34:27 »

แหม หวานกันจริงนะห่างกันไม่เท่าไหร่พอลก็คิดถึงกระต่ายน้อยซะแล้ว~

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2545
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
กำลังจะบอกพอดีว่าเจ็ดวันนานเหมือนเจ็ดปี

แต่เลื่อนมาเป็นห้าวัน... o13

ออฟไลน์ PhInNoI

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-0

natthakan

  • บุคคลทั่วไป
 :mew1: หวานอ่ะ อยากมีแฟนแบบพอลอ่ะ อร้ายยยยย

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
การที่เรารักใคร ก็ควรแสดงออกทั้งคำพูดและการกระทำ  และนั่นก็จะทำให้เกิดความสุข เหมือนกับที่พอลกำลังมีความสุขมากๆ

เห็นด้วยว่าความรักเพื่อนของเพื่อนกลุุ่มนี้ ที่ไม่ว่าเพื่อนคนใดในกลุ่มกำลังทุกข์ หรือสุข เพื่อนในกลุ่มก็พร้อมจะช่วยเหลือในทุกเรื่อง


:pig4: คนเขียนที่เข้ามาอัพเรื่องนี้เร็วขึ้น :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
อาเฮียไรอัน อย่าเพิ่งท้อน้า

สู้ๆๆ


ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
รอศุกร์หน้าาา พอลหลงต่ายน้อยมากเกินนน
ไหสไหมนี้ 5555

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
มาถือป้ายไฟเชียร์คู่นี้

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
คู่นี้พอดีกันแล้วก็หวานใส่กันตลอด

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
พอลหายใจเข้าออกเป็นฝูหรง :o8:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
กระต่ายน้อยฝูหรงนับวันยิ่งน่ารัก พอลรีบๆกลับไปเฝ้าได้แล้ว

+1 ค่ะ

ออฟไลน์ MoMoRin

  • I am Fujoshi! (・∀≦)ゞ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
ดีใจนะที่เข้าใจกันแล้ว
แต่ใครจะรับรองว่าชะนีน้อยจะไม่มาป่วนอีกล่ะคะ
สงสารกระต่ายน้อยนะ -**-

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ตอนที่ 8

โจวพอล

   “เครื่องดื่มค่ะ”  ชาร้อนในถ้วยกระเบื้องขาวเนื้อดีถูกวางลงตรงหน้าพร้อมเสียงอ่อนหวานที่ดังขึ้น

ผมละสายตาจากหนังสือพิมพ์ธุรกิจรอบบ่ายและเงยหน้าขึ้น  ทำให้พบกับสาวหมวยร่างบอบบางของพนักงานต้อนรับแห่งหวางหย่งกัง  เป็นผู้ที่ยกชาร้อนมาให้  ผมจึงเอ่ยขอบคุณเธอเบาๆพร้อมรอยยิ้ม  แต่ทำเอาเธอถึงกลับยิ้มเอียงอาย  มีอาการหลบตาและแก้มแดงขึ้นมาทันที  ก่อนเธอจะก้มหัวให้ผมและหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็วจนขาแทบพันกัน  อาการเหล่านั้นจุดรอยยิ้มขบขันบนหน้าผมได้อีกครั้ง  ส่วนพนักงานต้อนรับคนอื่นๆมีใช้สายตาเมียงมอง  และส่งรอยยิ้มแวะเวียนมาทักทายผมไม่ขาด  ผมทำเพียงส่งยิ้มให้ตามมารยาทเท่านั้น

คุณได้รู้ได้เห็นแบบนี้แล้ว  อย่าเพิ่งต่อว่ากันนะครับ  ผมไม่ได้จงใจมานั่งหว่านเสน่ห์ให้สาวๆเหล่านี้  รวมถึงตี๋น้อยหน้ามนตรงนั้นให้เคลิบเคลิ้มแต่อย่างใด  แต่มันเป็นผลกระทบจากการที่ผมมานั่งรอกระต่ายน้อยที่รักเลิกงานต่างหาก  ไอ้ครั้นจะโทรไปเร่งฝูหรงให้รีบทำงานให้เสร็จและลงมาหา  ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ไม่ดีเท่าไหร่  เผลอๆจะทำให้ฝูหรงหงุดหงิดพาลโกรธจนเสียคะแนนเอาได้ 

ปฏิกิริยาที่เลยคำว่าเป็นมิตรไปมากของเหล่าพนักงานต้อนรับของโรงแรม  รวมถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยมาดเข้ม  ที่ครั้งก่อนแทบจะลากผมออกนอกโรงแรม  เพราะความไม่น่าไว้ใจนั้น  ได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือต้อนรับขับสู้ผมอย่างดี  ด้วยความจริงที่ว่าผมเป็นเพื่อนสนิทของนายน้อยแห่งหวางหย่งกัง  พ่วงด้วยตำแหน่งแฟนตัวจริงเสียงจริงของเลขาคนสนิทของท่านรองประธานใหญ่อีกด้วย 

งานนี้นอกจากจะไม่โดนมองแปลกๆเหมือนครั้งแรก  ที่ผมริอาจเป็นหนุ่มน้อยนักรักมานั่งรอแฟนหนุ่มแล้ว  ยังได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยมตั้งแต่ก้าวเข้าประตูโรงแรมเลยล่ะ  เพราะพนักงานรักษาความปลอดภัยส่งยิ้มทันทีที่เห็นหน้าผม  และโค้งจนต่ำก่อนจะเปิดประตูบริการให้  แถมพอเดินเข้ามานั่งรอยังเก้าอี้ตัวเดิม  ไม่นานกลับมีพนักงานสาวหมวยเข้ามาสอบถามเรื่องเครื่องดื่ม  และตามมาด้วยเหตุการณ์ข้างต้นที่เล่าไป  ก่อนผมจะโดนสายตาไม่ต่ำกว่าห้าคู่ผลัดกันวนเวียนทักทายจนถึงขณะนี้  เรียกว่าสร้างความหรรษาให้ผมไม่น้อย 

ดูท่าข่าวลือที่ผมจงใจปล่อยว่าเลขานายน้อยหลี่ผิงมีแฟนมานั่งรอก่อนเลิกงานนั้น  จะถูกกระพือไปไกล  ด้วยใครต่อใครก็อยากเห็นหน้าผม  ด้วยแวะเวียนมาดูไม่ขาดสาย  ซึ่งสถานการณ์นี้ถูกใจผมที่สุด  เพราะเท่ากับเป็นการป่าวประกาศไปในตัว  ว่าเจินฝูหรงมีเจ้าของแล้ว  ห้ามใครตามวอแวเด็ดขาด

ผมนั่งจิบชาพร้อมอ่านหนังสือพิมพ์ไม่นาน  หางตาก็เหลือบเห็นว่าประตูลิฟต์ส่วนตัวของผู้บริหารระดับสูงนั้นเปิดออก  ก่อนจะปรากฏร่างที่ผมรอคอย  แต่รอยยิ้มของผมต้องหุบลง  พร้อมกับอาการขุ่นใจที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น  ก่อนผมจะรีบสาวเท้าไปยังคนสองคนที่ตระกองกอดกันออกมาจากลิฟต์  เมื่อถึงตัวคนของตัวเอง  ผมก็คว้าต้นแขนเล็กไว้และดึงร่างบอบบางเข้าหาตัว  จนฝูหรงเซปะทะแผ่นอก  ก่อนผมจะเขม่นมองใบหน้าคนที่บังอาจถูกเนื้อต้องตัวแฟนผม

“พี่เป๋า  เกิดอะไรขึ้น  พี่มีเหตุผลอะไรถึงต้องใกล้ชิดแฟนผมขนาดนี้!”  แม้ผมจะแปลกใจที่เห็นหน้าบอดี้การ์ดคนสนิทของเพื่อนอย่างพี่เป๋า  แต่ความขุ่นใจที่เห็นชายอื่นยืนกอดคนของตัวเอง  ทำให้ผมเผลอใช้น้ำเสียงเข้มจนเกือบตะคอกออกไป 

พี่เป๋าเองมีชะงักนิดหน่อย  แต่เมื่อเห็นว่าเป็นผมก็ยอมปล่อยมือจากฝูหรง  ก่อนจะก้มหัวให้ผมนิดเป็นการทักทาย  แต่พี่เป๋ายังไม่ทันพูดอะไร  สาบเสื้อผมก็ถูกกระตุกจนผมต้องก้มลงมอง  ซึ่งใบหน้าผมตอนนี้คงดูน่ากลัวไม่น้อย  เพราะคนน่ารักในอ้อมกอดผมถึงกับผงะตาเบิกกว้าง  ก่อนจะหลุบตาลงด้วยแววตาสั่นๆ  จนแว่นกรอบดำอันโตบนจมูกแทบจะหลุดร่วงลงมา  ทำเอาคนที่ได้เห็นอย่างผมใจอ่อนยวบยาบ  บวกกับแก้มซีดๆที่ผมเห็น  และผิวกายอุ่นๆยามสัมผัสนั้น  ทำให้ผมฉุกคิดได้  ก่อนความเป็นห่วงที่ผมมีให้ต่อคนในอ้อมกอดจะเอ่อท้นขึ้นมาในใจ  ผมจึงเชยคางฝูหรงขึ้นและสำรวจไปทั่ววงหน้านวล

“ฝูหรงเกิดอะไรขึ้น...ตัวร้อนนี่ครับ!”  ผมแนบหลังมือไปกับแก้มใสที่เริ่มแดงก่ำอย่างน่าใจหาย

“คุณฝูหรงเซตอนที่กำลังเดินออกจากลิฟต์  ผมจึงช่วยพยุงไว้ครับ  ไม่มีเจตนาจะเอาเปรียบสักนิด”  เสียงนิ่งๆของพี่เป๋าดังขึ้นท่ามกลางความกังวลใจของผม 

ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านอกจากผมกับฝูหรงแล้ว  ยังมีบอดี้การ์ดหน้านิ่งของเพื่อนสนิทยืนอยู่ด้วย  จึงละสายตาจากดวงตาสั่นๆแฝงแววตัดพ้อขึ้นมา  แถมจากหางตาผมยังสังเกตได้อีกว่า  เราสามคนกำลังได้รับความสนใจจากคนรอบตัวไม่น้อย  ทั้งจากพนักงานต้อนรับและจากบรรดาลูกค้าของโรงแรม  ด้วยตำแหน่งที่เรายืนนั้นเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นเลยทีเดียว 

ไหนจะเสียงที่ผมใช้ก่อนหน้าอีกล่ะ  ไม่แปลกที่ใครต่อใครมุ่งความสนใจมาทางนี้  แถมผมยังเปิดเผยถึงขั้นยืนกอดเลขาร่างบางต่อหน้าสาธารณะชนอีก  แต่นาทีนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคนในอ้อมกอดของผมอีกแล้ว  ยิ่งได้ยินอาการของฝูหรงจากพี่เป๋าทำเอาผมยิ่งร้อนใจ  และไม่คิดติดใจในตัวพี่เป๋าอีกเลย

“ผมขอบคุณพี่ที่ดูแลฝูหรงให้ผม  และต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจผิด  ยังไงผมขอตัวก่อนแล้วกัน  จะได้รีบพาเลขาคนเก่งของนายน้อยพี่ไปหาหมอ  อ้อ!...แต่พี่อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับหลี่ผิงนะ  ผมจะคุยกับมันเอง” 

เมื่ออีกฝ่ายกระตุกยิ้มและก้มหัวรับคำผมแล้ว  ผมก็แทบจะอุ้มคนในอ้อมกอด  เพื่อเดินหนีจากสายตาอยากรู้อยากเห็นรอบตัว  แต่อดไม่ได้ที่จะระบายยิ้มน้อยๆ  ยามเดินผ่านสาวหมวยที่กำลังระบายยิ้มกว้างมาให้กัน  ซึ่งเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่เอาชามาเสิร์ฟให้ผมนั่นเอง 

จนกระทั่งผมพากระต่ายน้อยเข้ามานั่งในรถด้วยกันแล้วนั่นแหละ  ผมถึงได้มีโอกาสสำรวจคนน่ารักอย่างจริงจัง  ด้วยการใช้มือประคองใบหน้าเล็กๆนั้นขึ้น  แต่ผมก็ต้องแปลกใจ  เมื่อฝูหรงไม่ยอมสบตา  แถมขืนตัวออกจากสัมผัสผมอีก  แต่ผมก็ตามเอาหลังมืออังไปที่หน้าผากมนและซอกคอขาวจนได้  ซึ่งอุณหภูมิที่สัมผัสได้ก็อุ่นจัดจนน่าเป็นห่วง  ส่วนสาเหตุคงไม่ต้องเดาว่าเกิดจากอะไร  รู้แบบนี้ผมยอมขัดใจคนตัวเล็กไม่ให้ฝืนออกมาทำงานซะก็ดี

“ไปหาหมอกันนะครับ...[เพียะ!]...หืม  ฝูหรงเป็นอะไร  ไม่พอใจอะไรพอลอยู่รึเปล่า”  อยู่ๆฝ่ามืออุ่นจัดก็ฟาดลงบนหลังมือผมไม่แรงนัก  ก่อนเจ้าของมือจะขยับตัวไปจนชิดประตูรถ  แถมด้วยอาการนั่งตัวเกร็งก้มหน้าหนีสายตาผมอีก  ไม่ต้องเดาผมก็รู้ว่าได้กระทำการบางอย่างขัดใจกระต่ายน้อยเข้าแล้ว  แต่จะเป็นเรื่องอะไรก็สุดรู้ได้

หลังจากนั้นเรานั่งเงียบกันอยู่พักใหญ่  และฝูหรงเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยปากอะไรให้ผมรู้  ผมจึงตัดสินใจดึงมืออุ่นๆที่กำไว้จนแน่นนั้นมากุมไว้  ก่อนจะพูดบางอย่างที่คิดออกไป

“...ฝูหรง  โกรธอะไรอยู่  บอกพอลได้มั้ย  อดีตทำให้เราเข้าใจผิด  จนเสียเวลามามากพอแล้วนะครับ...ระหว่างทางไปโรงพยาบาล  ฝูหรงค่อยๆคิดและค่อยบอกพอลก็ได้ว่าไม่พอใจเรื่องอะไร  พอลจะได้ปรับปรุงตัวเพื่อเรา”  ผมไม่ได้ต้องการประชดใส่  แต่ต้องการเตือนสติคนตัวเล็กเท่านั้น 

ผมคิดว่าคนรักกันมีอะไรควรต้องหันหน้ามาคุยกัน  ไม่ใช่ปล่อยให้ความเข้าใจผิดเกาะกุมใจ  จนมันขยายใหญ่ขึ้นก่อเกิดเป็นความบาดหมาง  และทำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง  กระทั่งลุกลามถึงขั้นเลิกลาในที่สุด  ซึ่งผมไม่อยากให้เราไปถึงขั้นนั้น  จึงต้องรีบตัดเส้นทางสู่ความหายนะนี้เสียก่อน  ด้วยการเอ่ยเตือนสติคนรัก  ให้ต้องเสี่ยงต่อความไม่พอใจของคนน่ารักเหมือนในขณะนี้ 
ผมขอคิดในแง่ดีว่าหากฝูหรงโกรธ  คงยอมปริปากเรื่องที่ไม่พอใจให้ผมได้รู้บ้าง  ซึ่งผมก็พร้อมจะปรับความเข้าใจและปรับปรุงตัว  เพื่อรักษาความรักครั้งนี้ดังปากว่าไว้  แต่ก่อนที่ผมจะขับรถออกจากที่จอด  กลับมีเสียงออดอ่อยดังแทรกความเงียบขึ้นมา

“ไม่ไปโรงพยาบาลได้มั้ย  แค่ปวดหัวเมื่อยตัวกับมีไข้นิดหน่อย  กินยาก็หายแล้ว...ได้มั้ยพอล”  น้ำเสียงออดอ่อยที่ฟังดูน่าสงสารนั้นไม่เท่าไหร่  แต่ตากลมๆที่สั่นไหวและเคลือบคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆนี่ต่างหาก  ที่ทำให้ผมใจอ่อนยวบยาบ  จนยอมพยักหน้าอย่างยอมจำนน  และลืมเลือนถึงสาเหตุแห่งความผิดปกติก่อนหน้าของคนรัก 

ผมตัดสินใจยื่นมืออีกข้างลูบเข้าที่ข้างแก้มใสแผ่วเบา  และส่งยิ้มเข้าใจใส่ดวงตากลมๆคู่นี้  ก่อนความทรงจำในครั้งอดีตจะผุดขึ้นมาในหัว  ความทรงจำที่ว่ากระต่ายน้อยแสนรักตัวนี้นั้น  กลัวการไปโรงพยาบาลมากมายขนาดไหน  ด้วยเจ้าตัวต้องเผชิญหน้ากับการสูญเสียบุพการีทั้งคู่เพียงลำพัง  จากการไปรับศพพ่อแม่ที่โรงพยาบาลด้วยสาเหตุเครื่องบินตก  ซึ่งได้สร้างรอยแผลลึกแห่งความหวาดกลัวไว้ในใจกระต่ายน้อยที่แสนน่าสงสาร 

ครั้งนั้นผมจำได้ไม่ลืมว่าอดีตได้ทำร้ายกระต่ายน้อยของผมมากขนาดไหน  ด้วยฝูหรงถึงกลับตัวสั่นไม่หยุด  น้ำตาไหลพรากอย่างควบคุมไม่ได้  เมื่อตื่นมารับรู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล  หลังจากที่ผมพาเจ้าตัวที่ไข้ขึ้นสูงยามดึกจนหมดสติมาส่งโรงพยาบาล  ซึ่งผมไม่อยากต้องทนเห็นสภาพน่าสงสารของกระต่ายน้อยที่รักในลักษณะนั้นอีกแล้ว  แต่ผมก็ไม่อาจละเลยกับอาการเจ็บป่วยของคนรักตัวเล็กได้

“ถ้างั้นไปคลินิกกัน  ให้หมอตรวจและจ่ายยามากินที่บ้านดีมั้ยครับ  หืม”  ผมเปลี่ยนจากการลูบแก้มมาลูบหัวทุยที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมนุ่มมือ  พร้อมจ้องตาใสๆอย่างขอความเห็น 

ฝูหรงเองก็กระพริบตาปริบๆใส่ผมอย่างน่าเอ็นดู  ก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆด้วยแววตาครุ่นคิด  จนผมนึกอยากขโมยจูบคนป่วยซะตอนนี้  ซึ่งผมก็ได้แต่ข่มใจและเฝ้ารอคำตอบของคนน่ารัก  ก่อนริมฝีปากสีสดที่ถูกเม้มไว้จะขยับส่งเสียงแผ่วเบาอยู่แค่ลำคอออกมา

“ไม่ไปได้มั้ย  มันน่าอาย  ถ้าต้องให้หมอตรวจ...ตรงนั้น”  เสียงที่เบาอยู่แล้วแทบจะหายไปเลยยามฝูหรงเอ่ยคำสุดท้าย 

ผมชะงักมือก่อนจะอมยิ้ม  ทั้งๆที่อยากจะฉีกยิ้มเต็มหน้าด้วยความเอ็นดูคนน่ารัก  เมื่อทบทวนจนรู้ว่า  ‘ตรงนั้น’  ที่ฝูหรงพูดน่ะมันหมายถึงตรงไหน  ซึ่งกระต่ายน้อยที่ได้เห็นปฏิกิริยาของผมถึงกลับแก้มแดงก่ำ  ก้มหน้างุดหนีสายตาทันที  ผมจึงรั้งต้นคอขาวเข้าหาตัว  เพื่อเอาใบหน้าเล็กๆซุกไว้ที่อก  ก่อนจะกดทั้งปากและจมูกลงบนกลุ่มผมนิ่ม  และสูดกลิ่นหอมๆของเส้นผมไว้เต็มปอด  พร้อมคลึงนิ้วมือกับผิวอ่อนบริเวณต้นคอ  เป็นการปลอบประโลมกระต่ายน้อยขี้อายไปในตัว

“แน่ใจนะครับว่าไม่ต้องตรวจ  กินยาแล้วจะหาย”  สิ้นคำถามของผม  ฝูหรงพยักหน้าหงึกหงักกับอกผมทันที  ทำเอาผมอดใจไม่อยู่  จนต้องกลั้วหัวเราะเบาๆออกมา  ผลก็คือกำปั้นน้อยๆทุบเข้าที่อกผมไม่ยั้ง  จนผมต้องรวบข้อมือบางทั้งคู่ไว้แนบอก  และก้มหน้าส่งยิ้มใส่ตาคู่กลมแทนคำขอโทษ

“ไม่ตรวจก็ไม่ตรวจ  แต่เดี๋ยวพอลเข้าไปหาหมอที่คลินิก  เล่าอาการให้ฟังและเอายามาให้ฝูหรงกินเอง  ดีมั้ยครับ”  ฝูหรงถึงกลับเหวอมองผมตาค้าง  จึงเปิดโอกาสให้ผมแตะริมฝีปากเข้ากับปากแดงๆเพราะพิษไข้  ก่อนจะหันมาเข้าเกียร์เพื่อออกรถไปยังจุดหมายที่ว่าไว้

“เข้าไปเล่าอาการให้หมอฟังเพื่อเอายาเนี่ยนะ  เดี๋ยวหมอก็คิดว่า  ว่า...เอ่อ”  กระต่ายน้อยคิดแทนผมไปถึงไหนแล้วนั่น 

ขอแหย่คนป่วยแสนรักหน่อยแล้วกัน  ไหนๆสถานการณ์ระหว่างเราก็คลี่คลายมาทางที่ดีแล้ว  ด้วยคนน่ารักเองก็ยอมที่จะพูดกับผม  ไม่มึนตึงเหมือนเมื่อครู่  ผมแน่ใจว่าคงรออีกไม่นาน  ด้วยสิ่งที่อยากรู้ก็คงออกมาจากปากฝูหรงเอง

“ฮึๆ  หมอก็คงคิดว่าพอลเป็นคนป่วยซะเอง  เพราะโดนคนรักมอบความรักที่แสนเร่าร้อนผ่านทางร่างกายน่ะสิครับ  ฝูหรงจะพูดแบบนี้ใช่มั้ย...แต่มันก็เป็นความจริง  เพียงแต่คนที่โดนไม่ใช่พอลก็เท่านั้น  ฮึๆ”  เหมือนที่คิดไว้เลยครับ  เพราะทันทีที่ผมกลั้วหัวเราะเบาๆ  คนที่นั่งหน้าเหวอเมื่อครู่ถึงกลับถลึงตาใส่  ทั้งๆที่แก้มแดงก่ำเกินกว่าคนที่เป็นไข้

ผมจึงละมือจากพวงมาลัยรถ  เพื่อเอื้อมไปคว้ามืออุ่นมาวางไว้แนบอกโดยที่มีมือผมกุมทับไว้  ดีที่รถติดสัญญาณไฟ  ผมจึงมีโอกาสหันมาสบตากระต่ายน้อยแสนงอน  ก่อนจะหยอดปิดท้ายเพื่อให้คนน่ารักคลายอาการบึ้งตึงลง

“แต่พอลยอมนะ  ยอมที่จะให้หมอเข้าใจผิด  ถ้าเพื่อฝูหรง...พอลทำได้  และยอมไม่ว่าใครต่อใครจะมองพอลเป็นคนแบบไหน  แต่ขอเพียงฝูหรงมองว่าพอลเป็นคนที่รักและหวังดีต่อฝูหรงมากที่สุดก็พอแล้ว”

คงไม่ต้องบอกว่ากระต่ายน้อยจะมีอาการเช่นไร  บอกได้เพียงว่าผมกลัวก็แต่อาการไข้ที่เจ้าตัวเป็นนั้นจะรุนแรงขึ้น  เพราะความเขินอายไปเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายให้อาการยิ่งแย่น่ะสิครับ  ฮึๆ

หลังจากนั้นผมก็มีหน้าที่ขับรถไปยังคลินิกของหมอประจำตระกูลโจว  ท่ามกลางความเงียบและอุณหภูมิอุ่นจัดของฝ่ามือน้อยๆในอุ้งมือผม  พร้อมกับคอยสังเกตคนข้างตัวไปด้วย  ซึ่งผมก็ได้แต่นั่งอมยิ้มอารมณ์ดีไปตลอดทาง  กับอาการเขินอายนั่งก้มหน้าทั้งๆที่แก้มแดงจัด 

มีบ้างที่ผมคอยแตะหลังมือไปยังหน้าผากมนด้วยความเป็นห่วง  กลัวว่าอาการคนป่วยจะทรุดลง  จนเกือบถึงคลินิกที่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลขนาดเล็ก  กระต่ายน้อยข้างตัวก็หมดฤทธิ์นั่งคอพับหลับไปกับเบาะ  ผมจึงตัดสินใจเร่งความเร็ว  พร้อมต่อสายถึงหมอเจ้าของคลินิกไปด้วย  เมื่อจอดรถหน้าคลินิกทั้งหมอและพยาบาลก็ยืนรอเราอยู่แล้ว

“เบาหน่อยนะครับ  ผมไม่อยากให้คนรักผมตื่นขึ้นมาตอนนี้”  ผมพูดยิ้มๆกับลุงหมอที่คุ้นหน้าคุ้นตาด้วยความเกรงใจ  ก่อนจะหมุนตัวไปเปิดประตูรถอย่างนิ่มนวลที่สุด  และเปิดทางให้ลุงหมอกับพยาบาลได้ทำการตรวจคนไข้วีไอพีบนรถ 

ดีที่ก่อนหน้าผมเล่าอาการคนป่วยคร่าวๆไปแล้ว  ทำให้ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย  คราแรกผมไม่ได้ตั้งใจให้ลุงหมอต้องวุ่นวายขนาดนี้  ถ้าฝูหรงจะไม่หลับคารถไปซะก่อน  ผมคงเดินเข้าไปขอยาตามที่บอกเจ้าตัวไว้  แต่ผมก็เป็นห่วงคนน่ารักเกินกว่าจะทิ้งให้หลับอยู่บนรถคนเดียว  ซึ่งพอบอกความต้องการกับลุงหมอเรื่องขอยา  ท่านดันรู้ทันว่าคนป่วยนั้นไม่ใช่ผม  ถึงกลับเอ่ยปากขอตรวจคนป่วยตัวจริง 

ผมเองเมื่อโดนจับได้จึงได้แต่ยินยอม  แต่มีข้อแม้ให้ลุงหมอมาตรวจคนป่วยที่รถ  ด้วยไม่อยากให้ฝูหรงแตกตื่นกับสภาพคลินิกที่มีขนาดใกล้เคียงกับโรงพยาบาล  ซึ่งลุงหมอก็ใจดีและยินยอมออกมาตรวจคนน่ารักของผมให้ถึงรถด้วยตัวเอง

“คุณหนู  นี่ครับยา...ต่อไปอย่ารุนแรงนักนะครับ”  คำเตือนมาพร้อมเสียงนุ่มๆและสีหน้าแววตาที่แสนปรานี

ผมทำได้เพียงยื่นมือไปรับถุงยาและก้มหัวให้ลุงหมอ  เพื่อแสดงถึงการตอบรับและแทนคำขอบคุณไปในตัว  ซึ่งผมไม่แม้แต่จะเอ่ยปฏิเสธกับคำพูดตักเตือนที่ได้ยิน  ถึงแม้ลุงหมอจะไม่ได้ตรวจจุดเกิดเหตุอย่างที่ฝูหรงกังวล  แต่ร่องรอยที่ผมทิ้งไว้ตามร่างกายเจ้าตัว  บวกอาการที่ฝูหรงเป็นอยู่นั้น  น่าจะบอกอะไรๆให้คนเป็นหมอ  ที่มีประสบการณ์ในวิชาชีพนี้มาครึ่งชีวิต  ได้รู้และวินิจฉัยอย่างถูกต้องได้อย่างง่ายดาย

ผมขับรถโดยมีกระต่ายน้อยแก้มแดงนอนหลับตาพริ้มนั่งอยู่เคียงข้างจนกระทั่งถึงบ้าน  จึงตั้งใจจะอุ้มร่างเล็กที่มีเสื้อสูทผมคลุมตัวเกือบตลอดร่างขึ้นห้อง  แต่ระหว่างที่ผมช้อนเข่าขึ้น  ฝูหรงก็ขยับตัวและขนตาหนาก็ปรือขยับหยุกหยิก  ก่อนเปลือกตาจะลืมขึ้นอย่างช้าๆ  เผยให้เห็นตากลมๆที่ไม่มีเลนส์แว่นบดบังเหมือนเคย  ซึ่งดวงตาคู่เดียวกันนั้นก็สบเข้ากับตาผมในระยะประชิด  ก่อนจะค่อยๆฉายแววแห่งการรับรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ใด 

ฝูหรงหลบตาผมก่อนจะดันอกผมออก  พร้อมพึมพำเบาๆออกมา  จนผมต้องแกล้งเอียงหน้า  และยื่นหูไปเกือบชิดริมฝีปากแดงๆที่กำลังขยับ

“ไม่ต้องอุ้มหรอก  เดินเองได้  อ๊ะ!  ยื่นหน้ามาทำไมเล่า  หึ้ย!...อ้าว!  ไหนว่าจะไปเอายาที่คลินิกไง”  ผมถึงกับต้องเบือนหน้าหนีเพื่อกลั้นขำ  ให้กับอาการเอ๋อเหรอของกระต่ายน้อยแก้มแดง  ที่พอลงมายืนข้างรถเองได้ก็เพิ่งรู้ตัวว่ากลับมาถึงบ้านแล้ว  แทนที่จะไปอยู่หน้าคลินิกเหมือนที่ตัวเองเข้าใจ

ผมเข้าไปคว้าเอวบางและรั้งเข้าหาตัว  ก่อนจะก้มหน้าลงส่งยิ้มใส่ดวงตาที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม  พร้อมชูถุงยาขึ้น

“เรื่องยาไม่ต้องห่วง...กระต่ายน้อยขี้เซาแบบนี้จะปล่อยให้คลาดสายตาได้ยังไงกัน...[จุ๊บ]...ไปครับเข้าบ้าน  ฮึๆ”  ไม่อยากจะนับว่าวันนี้ผมหัวเราะไปกี่ครั้งแล้ว  เผลอๆผมหัวเราะได้มากกว่าจำนวนครั้งของอาทิตย์ที่แล้วรวมกันซะอีก  ส่วนสาเหตุก็ไม่ใช่ใคร  ถ้าไม่ใช่กระต่ายน้อยตากลมแก้มแดงที่อยู่ในอ้อมแขนของผมคนนี้

เราเข้ามาในบ้านได้ก็เจอมามาอีลิน่าที่กำลังนั่งจัดดอกไม้อยู่  กระต่ายน้อยของผมมีอาการขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด  เมื่อฝูหรงเงยหน้าขึ้นจากปลายเท้าของตัวเองที่มองมาตลอดทาง  แล้วพบเข้ากับสายตาล้อเลียนของมามาจ้องอยู่  ก่อนฝูหรงจะยิ้มเก้อๆและโค้งตัวลงเพื่อทักทายท่าน  แต่มีชะงักและพยายามปลดมือผมออกจากเอวตัวเอง  เมื่อเห็นสายตามามาปรายตามองเอวตัวเองยิ้มๆ 

ผมเองก็ยึดเอวบางไว้แน่น  ก่อนจะแกล้งทำหน้าตาจริงจัง  พร้อมจ้องกลับดวงตาแข็งๆที่มองมา  ทั้งๆที่ใจจริงอยากจะหัวเราะให้กลับท่าทางที่แสนน่าเอ็นดูของฝูหรงมากกว่า

“ไม่เอา  อยู่นิ่งๆสิครับ  ไม่สบายอยู่นะ  เดี๋ยวก็หน้ามืดอีกรอบหรอก...ให้พอลประคองอยู่แบบนี้น่ะดีแล้ว  หรือฝูหรงจะให้อุ้มขึ้นห้องเลย  อืม  ก็ดีเหมือนกัน”  ผมเตรียมช้อนขาช้อนหลังคนตัวเล็กข้างกายอย่างปากพูด  แต่ร่างบางกลับขยับห่างพร้อมเสียงเล็กๆที่โวยวายเบาๆออกมา

“อื๊อๆ  ไม่เอาๆ...ฝูหรงจะไข้ขึ้น  เพราะพอลนี่แหละ  ขี้แกล้ง!”  ผมได้กระต่ายแสนงอนตัวเดิมกลับมาแล้วครับ  แบบนี้สิเจินฝูหรงที่ผมรู้จัก  ขี้อาย  แสนงอน  ช่างต่อว่า  สุดท้ายพร้อมที่จะยอมรับในเหตุและผล

“พอลเป็นห่วงนี่ครับ  เกิดฝูหรงล้มทั้งยืนเพราะหน้ามืดขึ้นมาจะทำยังไง  หืม...มานี่ครับ”  ผมระบายยิ้มใส่ตาวาวๆ  พร้อมอ้าแขนเปิดรอรับร่างน้อย  ที่พอได้ฟังเหตุผลก็มีทีท่าอ่อนลง  และยอมที่จะเดินเข้าสู่อ้อมอกผมด้วยตัวเอง

ฝูหรงเอาหน้าผากแตะไว้ที่อกผมเพียงแผ่วเบา  ทั้งๆที่ส่วนอื่นของเราไม่มีส่วนใดสัมผัสกันเลย  ผมจึงกดจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่ม  ก่อนจะรวบร่างบางเข้าหาอกช้าๆ  และกอดไว้หลวมๆพร้อมยิ้มเต็มหน้า  ซึ่งผมคงได้กอดกระต่ายน้อยน่ารักอีกนาน  หากมามาอีลิน่าจะไม่ขัดขึ้นมา

“ฝูหรงไม่สบายเป็นอะไรจ๊ะ  ไปหาหมอมารึยัง  แต่ก่อนอื่นมามาว่าพอลควรให้ฝูหรงได้นอนพักนะลูก  คิกๆ” 

กระต่ายน้อยเริ่มรู้สึกตัวจากเสียงหัวเราะหยอกเย้าของมามาคนสวยแล้วครับ  เพราะฝูหรงผินหน้าไปมองมามาด้วยสีหน้าตื่นๆ  ก่อนจะหันมาจ้องผมด้วยสีหน้าออดอ้อนแววตาอ้อนวอนชัดเจน  ทำเอาผมถึงกลับมันเขี้ยวกระต่ายน้อยจนแทบอยากขย้ำซะตรงนี้  แต่สิ่งที่ผมทำคือกดจมูกเข้าที่แก้มแดงๆและออกแรงฟัดทั้งสองข้าง  ก่อนจะจบด้วยการแตะริมฝีปากเข้าที่ปากแดงแรงๆอีกที

“อ่า...พอลปล่อยก่อน  อ๊ะ!...[ฟอดดด  ฟอดดด  จุ๊บ!]...พอล~”  เสียงชื่อผมแทบไม่หลุดออกจากริมฝีปากแดงๆคู่นั้นเลย  แต่แทนที่ผมจะมีความสุขที่ได้ชื่นชมกระต่ายน้อยขี้อายแก้มแดงตาโตได้นานๆ  ผมกลับตกใจแทบสิ้นสติ  เมื่ออยู่ๆร่างในอ้อมกอดก็หมดแรงทรุดอยู่กับอกเอาดื้อๆ

“เฮ้ย!  ฝูหรง!”  ดีที่ผมรวบกอดร่างบางไว้อยู่แล้ว  ผมจึงช้อนตัวอุ้มคนที่อยู่ๆก็หมดสติขึ้น

“ดูท่าจะไข้ขึ้น  พอลรีบพาฝูหรงขึ้นห้องก่อนเถอะลูก  แกล้งแฟนมากไป  เกิดเรื่องจนได้แล้วมั้ยล่ะ”  สิ้นคำมามาแล้ว  ผมก็ไม่รอช้ารีบซอยเท้าพาร่างน้อยในอ้อมกอดขึ้นห้องทันที

สงสัยผมจะเป็นต้นเหตุทำให้คนตัวเล็กเขินจัด  จนไข้ขึ้นอย่างที่มามาตำหนิเข้าแล้วจริงๆ  ใครไม่มาเป็นผมไม่รู้หรอก  ว่ากระน้อยน่ารักขี้อ้อนแสนงอนน่ะน่าแกล้งขนาดไหน  แต่ทุกอย่างจะดีกว่านี้  หากเจ้าตัวจะไม่ได้เป็นไข้อยู่ก่อนแล้ว  ผมจึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิดในคำตำหนิของมามาเท่านั้น  และชดเชยความผิดด้วยการดูแลคนป่วยที่รักอย่างดี

..........................................

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

แม้กระต่ายน้อยจะไข้ขึ้นได้น่าสงสาร  แต่คนอ่านน่าจะรู้สึกไม่ต่าง
จากพอลแน่ๆ  อยากจะจับกระต่ายมาฟัดแก้มให้ช้ำ  และแกล้งให้ยิ่งอาย
ควานหวานจะเพิ่มดีกรีขึ้นเรื่อยๆเตรียมรับมือให้ดีค่ะ   :laugh:

+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์  ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

ปล.ตอนหน้าหวานเฉียบแน่นอน  ติดตามได้ในวันพุธนะคะ

 :pig4:  :กอด1:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ก็น่ารักน่าแกล้งอย่างนี้พอลก็ชอบแกล้งน่ะสิ

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
พอลทำให้กระต่ายน้อยไข้ขึ้นรึเปล่า  :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
อะไรคือการที่พอลไปยิ้มให้คนอื่น ตอนประคองกระต่ายน้อย

เดี๋ยวถ่ายคลิปส่งให้กระต่ายจัดการเลย หึ หึ

รอคอยหวานเย็นตอนหน้าค่ะ :o8:



ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
หวานละเกินนนนนน

กระต่ายน่าฟัดจัง  :-[  :hao7: (โดนพอล :z6: )

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
แหม่ แกล้งจนไข้ขึ้นเนี่ยนะ :hao7:

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
ฝูหรงเป็นคนไข้ที่โดนคนดูแลแกล้งให้อายได้ตลอด  แต่เป็นคนไข้ที่น่ารัก ขี้อ้อนของคนดูแลแบบพอล

 

ออฟไลน์ Mani

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ดีใจมากเลย เปลี่ยนมาอัพเป็นอาทิตย์ละสองวันเหมือนเดิมแล้วรึเปล่าคะ :))
ขอบคุณนะคะที่มาต่อสม่ำเสมอไม่เคยขาดเลย

ฝูหรงน่ารักมากๆ>< เราเป็นพอลก็คงหลงแย่เลย

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ตอนปกติก็ขี้อ้อนอยู่แล้ว แล้วมาไข้แบบนี้จะขี้อ้อนขนาดไหนเนี่ย

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :-[ พึ่งรู้เบื้องหลังอาการไข้ยึ้นของกระต่ายน้อย หึหึหึ แล้วจะหายมั๊ยเนี่ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด