ตอนที่ 19โจวพอล “มิลลี่เป็นคนที่พอลเคยควงด้วย แต่เลิกกันไม่ดีเท่าไหร่ พอเจอหน้ากันทีไรผู้หญิงคนนั้นเลยออกอาการเหมือนที่เราเจอวันนี้เกือบทุกครั้ง” ผมหยุดพูดเพื่อสังเกตอาการของฝูหรง ซึ่งผมก็สบายใจไปเปาะหนึ่ง
เมื่อกระต่ายน้อยยังคงจ้องผมด้วยตากลมๆอย่างตั้งใจ ไม่มีอาการโกรธเคืองอย่างที่นึกกลัว ไม่เหมือนสองชั่วโมงก่อนที่ทำเอาผมใจหาย ยามได้เห็นตาคู่เดียวกันนี้ไหววูบ แสดงออกชัดว่าเจ้าตัวน้อยใจในตัวผมมากมาย แถมยังมีทีท่าถอดใจง่ายๆเหมือนไม่อยากรับรู้อะไรๆอีกแล้ว จนพาลคิดว่าหากผมปล่อยกระต่ายน้อยหลุดมือไปนาทีนั้น ผมคงได้สูญเสียกระต่ายน้อยช่างคิดเยอะไปตลอดกาลอย่างแน่นอน
ผมอาศัยจังหวะที่ฝูหรงไม่ทันระวังตัว รวบเอวบางและยกร่างน้อยขึ้นมานั่งคร่อมตัก ก่อนจะล็อคเอวของคนที่ดิ้นขลุกขลักไว้กับตัว ซึ่งแน่นอนเมื่อกระต่ายน้อยขยับไปไหนไม่ได้ คนน่ารักย่อมโวยวายเป็นธรรมดา มีลงไม้ลงมือทั้งทุบทั้งหยิกผมเป็นพัลวัน
“โอ๊ย! ฝูหรงก็อย่าดิ้นสิครับ นั่งดีๆ พอลจะได้เริ่มเล่าที่มาที่ไปของมิลลี่ไงครับ อูย!...อย่าเพิ่งงอนพอลเลยนะครับ” หากจะเริ่มเล่าผมก็เล่าได้ แต่ที่ยื้อเวลาไว้จนกระต่ายน้อยเริ่มหงุดหงิด เพราะอยากล็อคตัวฝูหรงไว้ก่อน
ผมกังวลว่าหากระหว่างที่ผมเล่า อยู่ๆคนน่ารักไม่พอใจลุกหนีขึ้นมา จะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามจับกระต่าย ผมยอมเสียเวลาตอนนี้ดีกว่า
“รีบเล่าเรื่องของนายกับผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับนาย” นาทีนี้มาทั้งนายทั้งฉันเลย ไม่ต้องมีใครบอกผมก็รู้ว่ากระต่ายน้อยโมโหขั้นสุดเข้าแล้ว ขืนช้าผมคงไม่มีโอกาสอธิบายอีกต่อไป
แต่ก่อนอื่นผมขอส่งยิ้มละลายใจเป็นทัพหน้า ให้กระต่ายหน้าบูดได้แก้มแดงเล่นอีกนิดนะครับ ซึ่งก็ได้ผลเพราะพวงแก้มใสแต้มสีแดงจางๆ ทั้งที่ใบหน้าถมึงทึงและจ้องผมตาวาววับ ผมจึงมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย เลือกที่จะประคองแก้มกลมขึ้น และกดจมูกลงไปเพียงแค่แตะผ่าน ก่อนจะโอบร่างน้อยเข้าหาอก พร้อมลูบแผ่นหลังบางเป็นการปลอบประโลม หวังให้อารมณ์กรุ่นโกรธของกระต่ายน้อยเบาบางลง
จากร่างที่ขืนเกร็งในช่วงแรก ค่อยๆโอนอ่อนซวนซบมากับอกผม จนผมรู้สึกถึงหัวใจอีกดวงที่เต้นในจังหวะรัวเร็ว ก่อนจะช้าลงจนอยู่ในจังหวะสม่ำเสมอ กระทั่งไม่ต่างจากจังหวะหัวใจของผมในขณะนี้นัก ทำเอาผมหุบยิ้มไม่ลงพาลอยากจะทำอย่างอื่น มากกว่ามานั่งเล่าอดีตที่ไม่น่าจดจำ แต่อาจจะเรียกว่าเป็นอดีตที่แทบไม่เหลือในความทรงจำของผมซะมากกว่า ด้วยมันไม่มีค่าเลยสักนิด
เรื่องราวของผมกับผู้หญิงที่ชื่อมิลลี่ไม่มีอะไรมากไปกว่า คนที่เคยควงกันช่วงหนึ่ง จุดเริ่มต้นย่อมมาจากความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย และต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์จากกันและกัน หากถามหาเรื่องของความรัก ผมคงต้องบอกว่าแทบไม่มี ด้วยต่างเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ระหว่างกันซะมากกว่า ก่อนจะเลิกกันไปเพราะมีฝ่ายหนึ่งโลภและหวังผลเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะให้ได้ จนพาลไปเสาะหาที่หมายใหม่แบบลับๆ ทั้งๆที่ต่อหน้าทำตัวแสนดีช่างเอาใจไม่ต่างจากเดิม แต่พอโดนจับได้กลับปฏิเสธหน้าเป็น และเป็นฝ่ายโยนความผิดพร้อมโยนข้อกล่าวหาลอยๆมาให้ผมแทน ข้อกล่าวหาที่ว่าคือผมแอบมีคนใหม่ซ่อนไว้จึงหวังสะบัดเธอทิ้ง จนเห็นแก่ตัวมาใส่ร้ายเธอให้เสียหาย
ผมเริ่มระแคะระคายที่มิลลี่มีคนใหม่ จากพฤติกรรมแปลกๆยามอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ด้วยผมคิดว่าเราต่างพอใจที่จะหยิบยื่นผลประโยชน์ และรับสิ่งตอบแทนจากกันและกัน แม้ไม่มีเรื่องความรักมาเกี่ยวข้อง แต่ผมก็ซื่อสัตย์มากพอที่จะไม่ควงใครซ้ำซ้อน หรือแอบมีใครลับหลังแบบที่เธอทำ ซ้ำร้ายยังโยนข้อหาดังกล่าวมาให้กันหน้าตาเฉย
สำหรับมิลลี่เรื่องการคบหา เธอไม่ได้คิดเช่นเดียวกับผม ด้วยโตมาในวัฒนธรรมตะวันตกเพียงลำพัง เพราะเป็นเด็กกำพร้าถูกทอดทิ้ง ฐานะไม่ค่อยดีนักต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเองมาตลอด แต่มีพรสวรรค์เรื่องเสียงเพลง ก่อนเธอจะย้ายมาอยู่ฮ่องกงช่วงได้เป็นนักร้อง หลังจับพลัดจับผลูได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง AJ Record
การใช้ชีวิตที่ผ่านมาของมิลลี่ จึงมีอิสระไม่มีใครคอยควบคุมพฤติกรรม ร่วมกับเธอประสบความสำเร็จในช่วงอายุน้อย ได้เป็นนักร้องสาวสวยรวยเสน่ห์ที่ใครต่อใครก็ชื่นชอบในเวลารวดเร็ว ผมก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้คนเหล่านั้น หลงรูปหลงเสียงตามสัญชาติญาณของหนุ่มโสดทั่วไป แต่ผมดันมีโอกาสทำความรู้จักและตกลงคบหากัน แม้ไม่เปิดเผยแต่ก็เป็นที่รับรู้ของคนรอบตัว
จนเรื่องมาแดงเมื่อเพื่อนสนิทอย่างโจเซฟที่มีฐานะเป็นเจ้านายโดยตรงของมิลลี่ เอาเรื่องที่เธอแอบคบกับนักร้องใหม่ของค่ายมาบอกผม ซึ่งโดยปกติบริษัทจะมีสายคอยตามเรื่องส่วนตัวของนักร้องในค่ายอยู่แล้ว เพื่อป้องกันเรื่องฉาวและรักษาผลประโยชน์ของบริษัท ซึ่งหากเป็นเรื่องเล็กๆและไม่เสียหายมากนักทางบริษัทจะไม่มายุ่ง แต่จะแค่มองอย่างห่างๆ และถ้าคนที่มิลลี่ควงจะไม่ใช่ผม โจเซฟก็คงไม่เข้ามายุ่ง
ยามที่ผมรู้เรื่องทั้งหมดจากปากโจเซฟ ผมรู้สึกเสียหน้าและโมโหที่โดนหักหลัง แต่ก็แค่อารมณ์โมโหเท่านั้นเพราะเรื่องเสียใจนั้นแทบไม่มี ด้วยผมไม่เคยนึกรักมิลลี่ ที่สำคัญมิลลี่เองเธอก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผม แต่น่าจะรักในชื่อเสียงและเงินทองของผมซะมากกว่า จึงไม่แปลกที่เธอจะออกอาการโวยวายและไม่ยอมเลิก พร้อมโยนข้อกล่าวหาที่เธอทำมาให้ผมซะเอง
เมื่อผมยืนยันตัดความสัมพันธ์ เธอจึงได้แต่โกรธต่อว่าผมมากมาย แถมยามบังเอิญที่เราเจอกันทุกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นมักจะอาฆาตต่อว่าต่อขานผมเสมอ ด้วยข้อกล่าวหาที่เธอยกเมฆขึ้นมาเอง เหมือนอย่างที่พวกคุณรับรู้
“เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละครับ” ผมดันไหล่บอบบางออกจากอกช้าๆ ก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาคู่กลมที่ไร้ซึ่งแว่นบดบัง จนสามารถเห็นแววตาครุ่นคิดออกแนวหนักใจชัดตา จึงตัดสินใจยื่นหน้าประทับจูบลงบนเปลือกตาบางใสทั้งคู่อย่างแผ่วเบา ก่อนเชยปลายคางมนขึ้น เพื่อแตะจูบลงบนริมฝีปากสีสดด้วยความนุ่มนวลไม่ต่างกัน
ผมรู้ตัวมาตลอดว่าในใจผมมีเพียงผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผมคนนี้เท่านั้น ทำให้ตลอดมาการที่ผมมีใครหรือแม้แต่กรณีของมิลลี่ ผมมักไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้องในความสัมพันธ์เหล่านั้นสักครั้ง ด้วยในใจลึกๆผมยังคงรอ รอที่จะได้เจอและกลับมารักกับฝูหรงอีกครั้ง วันนี้ผมสมหวังในรักที่เฝ้ารอ ทำให้ไม่นึกแปลกใจนักว่าทำไมตัวเองถึงไม่โกรธ หรือมีอาการไม่พอใจมากเท่าที่ควรเป็น ยามที่มิลลี่กระแนะกระแหนใส่ผมทุกครั้งที่เจอกัน
‘ผมยอมรับว่าใช้เธอฆ่าเวลา เพื่อรอรักเดียวของผมคืนกลับมาอีกครั้ง’
“ฝูหรงเป็นอะไรครับ ทำไมเงียบไปเลยล่ะ หืม กระต่ายน้อยของพอล” ตั้งแต่ผมเล่าเรื่องในอดีตจบ กระต่ายน้อยยังไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ทำเอาผมเริ่มร้อนใจ สู้ให้โวยวายต่อว่าในพฤติกรรมแย่ๆที่ผ่านมาของผมจะดีซะกว่า เงียบแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่นี่สิ
“พอลใจร้าย” อยู่ๆเจ้าของดวงตาแป๋วแหววก็ต่อว่าต่อขานกันออกมา ทำเอาผมใจแป้วไปเลย
“โธ่ กระต่ายน้อยทำไมว่าพอลแบบนั้นล่ะครับ” ผมใช้เสียงออดอ่อยท้วงเล็กๆออกไป ก่อนจะแสร้งซบหน้าผากลงกับลาดไหล่บอบบาง และถอนใจบางเบาใส่ซอกคอขาวๆด้วยความน้อยใจ
ผมแอบเห็นนะว่าขนอ่อนในระยะสายตาแข่งกันลุกพรึบพรับ ทำเอาตัวเองกลั้นยิ้มไม่อยู่ แต่ผมทำเพียงคล้องแขนรอบเอวบาง และรั้งร่างหอมๆเข้าหาตัวอย่างเนียนๆ ซึ่งกระต่ายน้อยในอ้อมกอดก็ไม่มีทีท่าจะรู้ตัว ด้วยยังคงนั่งนิ่งๆอยู่บนตัก
“ก็ใจร้ายจริงๆนี่ พฤติกรรมแบบนั้นเท่ากับหลอกใช้เลยนะ ฝูหรงชักกลัวแล้วสิ...” ผมถึงกลับผละใบหน้าออกจากความหอมหวาน เพื่อมาจ้องตากลมๆเลยทีเดียว
ทั้งคำพูดและน้ำเสียงในประโยคสุดท้ายของฝูหรง ผมรู้สึกได้ว่ามันมีอะไรมากกว่าการต่อว่าต่อขานธรรมดาเข้าแล้ว บวกเข้ากับดวงตาจริงจังแฝงแววไม่แน่ใจเข้าอีก ทำเอาผมต้องประคองดวงหน้าขาวขึ้น และจ้องลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้น ก่อนจะถามออกไปว่ากระต่ายน้อยกลัวอะไร ด้วยเสียงนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ฝูหรงกลัวอะไร ไหนลองบอกพอลสิครับ” หลังคำถามผมนั้น ดวงตาฝูหรงไหววูบไปนิด มีเม้มปากเข้าหากันอีกหน่อย และผมแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่ เมื่อเรียวปากคู่เดียวกันนั้น จะยู่ยื่นออกมาพร้อมหัวคิ้วที่ขมวดชนกัน
“พอลคงไม่คิดคบกับฝูหรงเล่นๆ เหมือนอย่างการคบกับมิลลี่หรอกใช่มั้ย เพราะถ้าใช่ ฝูหรงจะฟ้องปาปาฟู่สือ ฟ้องมามาอีลิน่า อ้อ! จะฟ้องจินนี่ด้วย ให้มาแหกอกพอลแทนฝูหรงเลย...เอ๊ะ! หัวเราะทำไมเล่า!” เจ้าของน้ำเสียงโวยวายทุบกำปั้นลงบนอกผมทันที ยามที่ผมกลั้นหัวเราะไม่อยู่อีกต่อไป
ใครจะเก็บกลั้นอารมณ์ยินดีไว้ได้กันล่ะ คำพูดคำจากระต่ายน้อยน่ารักซะขนาดนั้น บอกผมหมดเลยว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่ ถ้าไม่ใช่แคร์ผมจับใจ ไม่ก็หวงมากจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ไหนจะคำขู่ที่แสนน่ากลัวนั่นอีก ยกมาหมดเลยทั้งปาปามามาและยัยจินนี่แม่มดจอมวุ่นวาย ยิ่งคนหลังนี่บอกเลยว่าทำผมกลั้นหัวเราะไม่อยู่ กระต่ายน้อยช่างรู้ใจว่าผมนั้น กลัวยัยจินนี่มากกว่าสองคนแรกเสียอีก ผมกลัวว่าจินนี่จะมาทำให้ผมวุ่นวายจนอยู่ไม่เป็นสุขเสียนี่แหละ
เดี๋ยวนี้ฝูหรงสนิทกับจินนี่มากจนญาติอย่างผมนึกกลัวอยู่เหมือนกัน ว่ายัยตัวแสบจะมาใส่ความคิดไม่เข้าท่าให้แฟนผม ดังนั้นคำขู่กระต่ายน้อยถือว่าใช้ได้ผล ที่สำคัญผมไม่เคยคิดอย่างที่ฝูหรงกลัวสักนิด สักนิดก็ไม่มี
ผมเหลือเพียงการคลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะรวบข้อมือบางทั้งคู่ไว้ และยื่นหน้าเข้าหาดวงหน้าสว่างของคนรัก ทำเอาฝูหรงหยุดดิ้นหยุดโวยวาย เปลี่ยนมาจ้องผมด้วยดวงตากลมโตมีแววตื่นตระหนกแทน และยังเอนตัวหนีด้วย ยามที่ผมพยายามลดระยะห่างระหว่างใบหน้าของเรา
จนสุดท้ายร่างน้อยเสียหลักเอนหลังลงบนที่นอน ผมก็ไม่พลาดที่จะตามประกบ แถมยังได้ท่าที่แสนเหมาะเจาะ ด้วยฝูหรงมีผมคร่อมอยู่เหนือร่าง ได้ตรึงข้อมือบางทั้งคู่ไว้เหนือหัว ชายเสื้อนอนร่นขึ้นจนหน้าท้องขาวโผล่วับแวม สำคัญที่กึ่งกลางลำตัวของเราแนบชิดกัน เพราะร่างผมแทรกอยู่กลางระหว่างขาเรียวที่ยกขึ้นตั้งฉากอย่างเหมาะเจาะ ทำเอาแก้มใสจุดสีแดงระเรื่อจางๆ ก่อนจะขึ้นสีแดงก่ำลามไปทั้งใบหน้าและลำคอ ยามที่เจ้าของความน่ารักช่างยั่วรู้สึกตัวว่าตกอยู่ในท่วงท่าล่อแหลมเข้าให้แล้ว
ผมเลือกที่จะเกลี่ยแก้มสุกอย่างหยอกเย้า และบรรจงระบายยิ้มสว่างใส่ตาคู่ไหววูบตรงหน้า ก่อนจะแก้ไขความเข้าใจผิดของกระต่ายน้อยแสนรัก ด้วยการจ้องเข้าไปในดวงตากลมๆ พร้อมพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป
“ฝูหรงจะพาพอลไปยืนยันต่อหน้าเทพเจ้าองค์ไหนก็ได้ ว่าพอลรักฝูหรง ไม่เคยคิดจะหลอกลวง ไม่เคยคิดจะทำเป็นเล่นด้วยเลย การที่พอลพาฝูหรงเข้าบ้าน มาแนะนำกับปาปามามาในฐานะคนรัก เพื่อนสนิทของพอลเองก็รับรู้เรื่องของเรา เท่ากับยืนยันว่าพอลจริงใจกับฝูหรงแล้วนะครับ...กระต่ายน้อยอย่าได้กลัว ขอให้มั่นใจว่าพอลรักและจริงใจกับฝูหรงคนเดียว” ผมต้องยอมปล่อยข้อมือบางทั้งคู่ เมื่อเจ้าของขยับประท้วง ก่อนผมจะยิ้มได้เต็มหน้า เมื่อวงแขนเล็กโอบเข้าที่รอบคอและรั้งร่างผมเข้าหา
“พอล~” เสียงเล็กๆที่มาพร้อมอ้อมกอดอุ่นๆ ทำเอาหัวใจในอกผมฟูฟ่อง ฝูหรงไม่ต้องพูดอะไรออกมา ผมก็รู้ได้ว่าเจ้าตัวรู้สึกอย่างไร ถ้าไม่ใช่รู้สึกผิดและหลงรักผมหัวปักหัวปำ
เรานอนกอดกัน ซึมซับไออุ่นของกันและกันไปพักใหญ่ โดยที่ระหว่างนั้นผมพลิกร่างบางให้ขึ้นมากอดก่ายอยู่บนตัว และสอดมือเข้าชายเสื้อลูบผิวเนื้อเนียนอย่างเพลินมือ มีกดปลายจมูกสูดกลิ่นหอมอ่อนๆของเส้นผมนุ่มไปด้วย
“เรื่องมิลลี่ พอลเองก็รู้ตัวว่าผิดที่เหมือนหลอกใช้เธอ แต่ความจริงคือเราต่างตักตวงผลประโยชน์ระหว่างกัน พอลก็หวังว่าสักวันเธอเองก็จะคิดได้ เหมือนที่พอลบอกฝูหรงในวันนี้”
“อืม ฝูหรงสงสารเธอนะ แต่ยอมรับอยู่อย่างว่า ตอนนั้นโมโหมากที่เห็นพอลกับมิลลี่มองกันตาไม่กระพริบ เหมือนว่าทั้งโลกมีแค่สองคนเท่านั้น จนไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้นอีก มันปวดใจแปลกๆน่ะ ยิ่งพอมิลลี่ขู่ว่าพอลจะทิ้งฝูหรง เลยแอบกลัวไม่ได้ แต่เมื่อพอลยืนยันแบบนี้ ฝูหรงก็ดีใจนะ มีความสุขมากด้วย...ยกหัวใจให้ทั้งดวงแล้วนี่ ถ้าพอลไม่เห็นคุณค่า ฝูหรงต้องแย่แน่ๆเลย” กระต่ายน้อยพูดจบมีเงยหน้าขึ้นจากอกผม และช้อนตาขึ้นมาจ้องตากัน ด้วยดวงตาแป๋วแหววใสซื่อเป็นการปิดท้าย
นาทีนี้หากกระต่ายน้อยไม่ได้ตั้งใจยั่วก็เหมือนยั่วนั่นแหละครับ เผยความในใจซะหมดเปลือกขนาดนั้น แถมสัมผัสแห่งผิวกายของเราก็แนบชิดไปซะทุกสัดส่วนแบบนี้ ผมไม่มีอารมณ์ก็แปลกล่ะ
“ไม่ต้องกลัวไปเลยกระต่ายน้อย หัวใจดวงนี้ของฝูหรง พอลสัญญาด้วยชีวิตจะดูแลและรักษาไว้อย่างดี ให้สมกับที่ฝูหรงยอมยกหัวใจให้พอล” ผมชะโงกหน้าเข้าหาดวงหน้าแดงซ่านอย่างช้าๆ ก่อนจะบรรจงประกบปากเข้ากับเรียวปากที่กำลังคลี่ยิ้มบางเบาด้วยความขวยเขิน
หลังจากผมดูดซับความหวานของความนุ่มจนเป็นที่พอใจแล้ว ริมฝีปากนุ่มก็เปิดรับปลายลิ้นผมทันทีที่ผมแทรกผ่าน และเป็นฝ่ายส่งลิ้นน้อยยื่นเข้าหาผมก่อน ผมถึงกับกระตุกยิ้มให้กับกระต่ายน้อยหัวไว และตอบรับลิ้นน้อยด้วยการเกี่ยวกระหวัด ก่อนเป็นฝ่ายตั้งรับลิ้นเล็กที่ซอกซอนเข้ามาในโพรงปากของผม
ผมปล่อยให้กระต่ายน้อยที่แสนกระตือรือร้นได้เรียนรู้ และสำรวจโพรงปากไปจนทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ร่างกายที่มือน้อยๆกวาดสะเปะสะปะไปทั่วแผ่นอก แถมกระต่ายน้อยที่แสนซุกซนยังทดสอบความอดทนของผม ด้วยการบดบี้ปลายนิ้วลงบนยอดอก ก่อนจะลงลิ้นดูดดุนในแบบที่ผมมักทำกับเจ้าตัว
“ซี้ดดด อ่า กระต่ายน้อย~” ผมถึงกับดิ้นพล่านครางไม่เป็นภาษา แต่ยังคงปล่อยคนน่ารักได้เล่นกับผิวกายของผมอย่างเต็มที่
ทำไมผมต้องห้าม ในเมื่อผมออกจะสนุกกับความกระตือรือร้นที่ฝูหรงปรนเปรอให้ ไหนจะความเสียวซ่านที่ก่อตัวสูงขึ้นในเวลารวดเร็วนี่อีกล่ะ บอกเลยว่าผมยอมขายหน้า หากจะต้องปลอดปล่อยก่อนเวลาคาเรียวปากแดงๆคู่นั้น ยามที่เจ้าของกำลังก้มๆเงยๆปรนเปรอความแข็งขืนกลางตัวผมอย่างสุดความสามารถ แม้จะดูเงอะงะไปบ้าง มีตื่นตระหนกเข้ามาอีกหน่อย แต่ผมรู้ว่ากระต่ายน้อยแสนรักพยายามทำอย่างดีที่สุดและเต็มใจทำเพื่อผมมาก เพียงแค่นี้ไม่แปลกที่ผมจะปลดปล่อยเร็วกว่าที่เคยเป็น ทำเอาคนน่ารักไอคอกแคก ลุกขึ้นมานั่งสำลักหน้าแดงอย่างน่าเอ็นดู
ผมดึงข้อมือบางออกจากข้างแก้ม ด้วยฝูหรงกำลังป้ายหลังมือเช็ดคราบเปรอะเปื้อนที่ผมทำเลอะไว้ ก่อนผมจะช้อนก้นกลมที่ขอบกางเกงร่นลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว และได้โชว์เนินเนื้อขาวๆล่อตา ให้ผมได้ส่งมือไปเคล้าคลึงเล่น ก่อนจะช้อนใบหน้าแดงซ่านขึ้น พร้อมส่งยิ้มในแบบที่ผมรู้ว่าจะทำให้กระต่ายน้อยแก้มแดงจัดกว่าที่เป็น
ฝูหรงที่นั่งคร่อมบนตักผมถึงกลับเบือนสายตาหนี จับจ้องเพียงลาดไหล่เปลือยเปล่าของผมด้วยแก้มแดงจัด ทั้งๆที่ข้างแก้มและลำคอเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบขาวขุ่น แถมด้วยหน้าท้องผมเริ่มรู้สึกถึงความแข็งขืนร้อนจัดที่ผงาดเข้ามาชน
ผมกลั้นยิ้มไม่อยู่และนึกเอ็นดูกระต่ายน้อยจับใจ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปเลียคราบขาวๆผลผลิตจากผมเอง จากผิวแก้มใส ไล่ลามมาที่ลำคอระหง เมื่อแรกฝูหรงมีสะดุ้ง แต่กลับยอมเปิดทางเอียงคอให้ผมสัมผัสได้มากกว่าเดิม ผมอดใจไม่ไหวขบเม้มผิวละเอียดที่ซอกคอ เรียกเสียงครางหวิว และอาการผวาเอาแขนเข้ามาคล้องรอบคอผมของฝูหรง
“อ่ะ อืมมม...อ่า~” ผมกระตุ้นให้เกิดเสียงหวานๆดังขึ้นอีก ด้วยการสอดปลายนิ้วที่ฉ่ำไปด้วยตัวช่วยเข้าซอกหลืบที่ยังคงปิดสนิท ทำเอาเจ้าของถึงกับกระถดสะโพกหนี แต่ก็ทำให้กระต่ายน้อยหัวแข็งกลางตัวเสียดสีไปกับหน้าท้องของผมยิ่งขึ้น จนเจ้าตัวถึงกับครางอู้อี้ไม่เป็นภาษา
ท่าทางที่เหมือนจะถอยหนี กลับแปรเปลี่ยนเป็นบดคลึงสะโพกเข้าหาของร้อนกลางตัวผม ด้วยมันกำลังกรึ่มๆโผล่หัวขึ้นมาทักทายความหยุ่นนุ่ม ที่เคลื่อนไหวยั่วยวนแบบไม่ตั้งใจ ก่อนผมจะตัดสินใจยกร่างบางขึ้นจากตัก และคว่ำร่างน้อยที่กำลังผวาลงกับเตียง พร้อมจัดการปลดเปลื้องสิ่งกีดขวางทั้งหมด
จนเห็นแผ่นหลังขาวๆและก้นกลมนวลเด้งสว่างเต็มสองตา สำคัญที่ร่องรอยยังรอยแยกที่ผมเตรียมพร้อมไว้นั้น ฉ่ำเยิ้มไปด้วยเนื้อเจลกำลังตอดขมิบคาตา ผมถึงกลับลำคอแห้งผากสตั๊นไปสามวิ และความอดทนของผมหมดลง เมื่อกระต่ายน้อยตากลมเอี้ยวตัวหันกลับมามองกัน ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา
“พอล~...อ่ะ! อ๊าๆๆๆ...จะ เจ็บ พอล อึก” เสียงกรีดร้องดังขึ้นทันทีที่ผมสอดใส่ความแข็งขืนเข้าช่องทางร้อนในคราเดียว แต่ผมก็มานึกเสียใจเมื่อเสียงเล็กๆประท้วงผะแผ่วพร้อมอาการกลั้นสะอื้น
“อึก ขอโทษครับ พอลอดใจไม่ไหว ซี้ดดด ฝูหรง~” ผมกัดปากตัวเองแทบขาด เมื่อความอุ่นร้อนบีบรัดแก่นกายทุกทิศทุกทาง แต่พยายามข่มกลั้นความอึดอัดปวดร้าวนั้นไว้ เพื่อจูบประทับแผ่นหลังเนียนไล่ไปยังหลังคอชื้นๆ และย้ำคำขอโทษข้างใบหูหอม ก่อนจะขบเม้มแรงสลับเบาจนได้ยินเสียงครางผะแผ่วนั่นแหละ
ผมจึงอ้อมมือไปสาวรูดกระต่ายน้อยกลางตัว และช้อนใบหน้าแดงเถือกที่กำลังขบเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น เพื่อมอบจูบปลอบประโลมให้ฝูหรงได้ผ่อนคลาย และเคลิบเคลิ้มไปกับผมอีกครั้ง จนกระทั่งฝ่ามือน้อยอ้อมมาโอบรอบคอผม เรียวลิ้นตอบโต้เกี่ยวกระหวัดคืนด้วยความกระหาย พร้อมสะโพกมนที่บดคลึงส่งสัญญาณให้ผมเดินหน้าต่อ
ความเร็วของการกระแทกกระทั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อตอบสนองให้ความเสียวซ่านได้ไต่ระดับเพิ่มขึ้น พร้อมกับเสียงครางของสองเราที่แข่งกันร่ำร้องดังปะปนจนแยกไม่ออก สุดท้ายเจ้าของแผ่นหลังพราวเหงื่อที่เต็มไปด้วยรอยกุหลาบประปรายก็เกร็งเหยียด ใบหน้าแหงนหงายกรีดร้องปล่อยเสียงครางหวาน ให้ผมเร่งขยับมือรูดรั้งความอุ่นร้อนในอุ้งมือ จวบจนกระทั่งทุกอย่างพังทลายออกมาเต็มหลังมือ ก่อนร่างบอบบางจะอ่อนแรงซวนซบลงกับเตียง
ผมกัดฟันพลิกร่างฝูหรงขึ้นทั้งๆที่ร่างกายเรายังคงเชื่อมต่อ และแรงตอดรัดรอบแก่นกายยังคงตอดถี่รัว ก่อนเจ้าของร่างน้อยจะมองมาที่ผมด้วยแววตาหวานเชื่อมคั่งค้างไปด้วยรอยสุขสม ผมก้มดูดริมฝีปากบวมเจ่อด้วยความมันเขี้ยว พร้อมแหวกต้นขาขาวให้เปิดกว้าง ถอดถอนสะโพกและกระแทกใส่แรงตอดรัวแรงๆ จนได้ยินเสียงครางอู้อี้คาปาก
ผมปล่อยริมฝีปากเจ่อบวมเป็นอิสระ เฝ้ามองร่างน้อยใต้ร่างโกยอากาศเข้าปอด จนอกบางกระเพื่อมไหวเย้ายวนตา แต่กระต่ายน้อยแสนรักยังไม่วายจ้องสำรวจร่างกายผมตาไม่กระพริบ ทำเอาผิวกายทั่วร่างของผมเหมือนมีกระแสไฟแล่นผ่าน ซาบซ่านฮึกเหิมไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ก่อนผมจะเดินเครื่องส่งตัวเองสู่เส้นชัย ใส่แรงไม่ยั้งจนร่างบอบบางไหวโยกไปตามแรงกระแทก
“ฝูหรง ซี้ดดด กระต่ายน้อย อ๊าๆๆๆๆ” ผมปลดปล่อยทุกหยาดหยดเข้าสู่ความอุ่นร้อนที่รัดรึง พร้อมครางลั่นห้องเรียกคนรักเสียงหลง ก่อนซวนซบเข้าหาวงแขนน้อยที่เปิดรอรับกันอยู่ก่อนแล้ว
ผมรู้สึกถึงฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังและต้นคอ หูได้ยินเสียงหัวใจดวงน้อยใต้แผ่นอกบางเต้นถี่รัว สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดเหนือหัว ตามมาด้วยเสียงหวานๆที่ตอบรับคำรัก ยามที่ผมกระซิบบอกรักและอ้อนถามอย่างเอาแต่ใจ หลังจากผมผ่านพ้นความสุขแสนหวาน จากคนใต้ร่างเป็นผู้มอบให้
“รักสิ ฝูหรงก็รักพอล”
‘การได้รักใครสักคนอย่างเต็มหัวใจ ยังไม่ดีเท่าใครคนนั้นที่เรารักมอบความรักตอบ’
‘การมีรักที่มั่นคงคงไม่เพียงพอให้คนรักกัน อยู่ด้วยกันไปตราบนานเท่าได้ หากไม่มีคำว่าความเข้าใจและการให้อภัยเพราะรัก’
ผมโชคดีชะมัดที่มีคนรักอย่างเจินฝูหรง ผู้ชายที่เป็นรักแท้และมีรักที่มั่นคง พร้อมจะเข้าใจและอภัยให้กันได้เช่นนี้
.........................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะอุต๊ะ!!

กระต่ายน้อยเร่าร้อนได้ขนาดนี้เลย

พอลนี่โชคดีเหมือนที่เจ้าตัวคิดไว้เลยเนอะ
รักอย่างเดียวอยู่กันไม่ยืดหรอก คงต้องทั้งรัก เข้าใจ และรู้จักให้อภัย
ตอนหน้าเราตามดูกันค่ะว่าแม่มดน้อยจินนี่ จะมาป่วนหรือมาสร้างปัญหาอะไรอีก
แต่ได้ข่าวว่าฝูหรงสนิทกับจินนี่แล้วนี่นะ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ติดตามได้วันอังคารค่ะ+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
