*หลุดจอง*{รักยุ่งๆของลูกครึ่งรูปหล่อ} ฝูหรง & พอล...The End...[14/10/59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *หลุดจอง*{รักยุ่งๆของลูกครึ่งรูปหล่อ} ฝูหรง & พอล...The End...[14/10/59]  (อ่าน 152522 ครั้ง)

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ตอนที่ 27

เจินฝูหรง

“ฝากด้วยนะ”  สมุดปกหนังสีดำไม่ใหญ่นักถูกยื่นมาตรงหน้า  พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเจือแววเอ็นดูของคนที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในแก๊งหวางหย่งกังมีให้แก่ผม

ผมยื่นมือไปรับมันไว้ด้วยความเก้อเขิน  เพราะรู้สึกว่าตัวเองได้รับความเมตตาและความเป็นกันเองจากท่านมากเป็นพิเศษ

“ครับ  เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”  เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง  รอยยิ้มดังกล่าวก็ยังไม่เลือนหายไปจากใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มใหญ่ที่ยังคงดูดี  ด้วยความน่ามองของท่านนั้น  ไม่ได้ด้อยไปกว่าชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าท่านคนไหนเลย  เผลอๆท่านหลี่จวินจะดึงดูดสายตาได้มากกว่าหนุ่มๆเหล่านั้นเสียอีก 

นาทีนี้หากดวงตาอบอุ่นคู่นั้น  จะฉายแววกรุ้มกริ่มสักนิด  ผมคงละลายกลายเป็นวุ้นซะตรงนี้กับความดูดีของท่านไปแล้ว  แต่ความเป็นจริงดวงตาคู่คมในยามปกติที่มีแต่ความจริงจังนั้น  กลับฉายแววเอื้อเอ็นดูและมองมายังผมอย่างลูกหลานเสียมากกว่า

“ช่วงนี้คงต้องเหนื่อยหน่อยนะ  รีบไปเถอะเดี๋ยวว่าที่เจ้าบ่าวจะหงุดหงิดไปเสียก่อน”  ผมรับคำท่านพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า  กับความเอื้ออาทรที่ได้รับและประโยคหยอกเย้าที่มีให้แก่คนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ 

‘ว่าที่เจ้าบ่าว’  ผู้ที่เร่งเคลียร์งานหัวปั่น  เพื่อต้องการตามคนรักกลับบ้านเกิด  และถือโอกาสนี้สู่ขอเสียคราวเดียวกัน  ซึ่งว่าที่เจ้าบ่าวนั้นเป็นคนเดียวกับเจ้านายโดยตรงของผม  จะเป็นใครไปไม่ได้  ถ้าไม่ใช่นายน้อยหลี่ผิง  ผู้ที่ต้องเตรียมตัวไปสู่ขอคุณธันว์มาเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลหวาง  ด้วยคุณธันว์เรียนจบและมีแผนกลับเมืองไทยในอีกไม่ถึงสองอาทิตย์นี้ 

ผมจึงไม่แปลกใจนัก  ยามทราบข่าวว่านายน้อยพร้อมครอบครัวหวาง  และคนตระกูลหยางเตรียมยกโขยงไปไทย  เพื่อไปสู่ขอและจัดงานแต่งที่นั่น  ก่อนจะรับตัวคุณธันว์มาอยู่ฮ่องกงเป็นการถาวร  ด้วยรู้ว่าคนที่รักคนรักมากและแสดงออกชัดเจนว่ารักคุณธันว์อย่างนายน้อย  ไม่มีทางยอมที่จะแยกกันอยู่กับคุณธันว์อย่างแน่นอน  และการแต่งงานก็เป็นเพียงวิธีเดียวที่นายน้อยจะได้ตัวคุณธันว์มาอยู่เคียงข้างตลอดไป 

เมื่อแรกทราบข่าวถึงกำหนดการแต่งงานอย่างเป็นทางการ  ผมและพนักงานในโรงแรมทุกคนต่างยินดีกันถ้วนหน้า  พร้อมที่จะเหนื่อยช่วยนายน้อยเคลียร์งาน  อย่างวันนี้ผมเองต้องนำเอกสารสำคัญเร่งด่วนมาให้นายใหญ่เซ็นถึงอาณาจักรของแก๊งหวางหย่งกังด้วยตัวเอง  ซึ่งนายน้อยเองก็รอเอกสารฉบับนี้จากผมอยู่ที่โรงแรม  ขืนผมยังชักช้าคงได้เป็นไปตามอย่างที่นายใหญ่เอ่ยปากไว้อย่างแน่นอน 

แต่ก่อนที่ผมจะหมุนตัวจากไป  อย่างไม่คาดคิดนายใหญ่กลับเอ่ยแซวขึ้นมา  ทำเอาผมหลบตาแทบไม่ทัน  ก่อนจะรู้สึกว่าผิวแก้มตัวเองค่อยๆเห่อร้อน  ลามไปทั่วผิวหน้าและใบหู

“ฝากบอกเจ้าพอลด้วยล่ะ  ว่าอย่ามัวชักช้าเดี๋ยวจะตามหลี่ผิงไม่ทัน  ฮึๆ”  แม้ไม่มีชื่อผมหลุดมา  แต่เป้าหมายนั้นพุ่งตรงมายังผมชัดๆ

“คะ...ครับ  เอ่อ  ผมขอตัวก่อนครับท่าน”  ผมกอดสมุดปกหนังไว้กับอกจนแน่น  และก้มหัวให้นายใหญ่อย่างเร็ว  ก่อนจะหมุนตัวเดินจากมาจนขาแทบขวิด  ลืมมารยาทของเลขาและลูกน้องที่ดีไปชั่วขณะ  จึงได้แต่หวังว่าท่านจะไม่ถือสาเด็กอย่างผม  ด้วยคงเห็นแก่เพื่อนสนิทของลูกชายท่านอย่างพอล  หรืออย่างน้อยก็น่าจะเอ็นดูผมในฐานะที่พอลพาไปแนะนำกับท่านว่าเป็นคนรักบ้างล่ะน้า

ระหว่างที่ผมกำลังเขินจัดกับถ้อยคำหยอกเย้าของผู้ใหญ่ใจดี  ยามก้าวเข้าลิฟต์จึงไม่ทันระวัง  ทำให้ชนร่างที่เพิ่งก้าวออกมา  จนแฟ้มงานที่อีกฝ่ายหอบมากระจายเต็มพื้นหน้าลิฟต์  ก่อนจะตามมาด้วยเสียงโวยวายที่ได้ยินคราแรกทำเอาผมสะดุ้งและเริ่มรู้สึกผิด  แต่สีหน้าสีตาหงุดหงิดไม่ได้ดังใจของอีกฝ่าย  ซึ่งแสดงออกชัดว่าเป็นความผิดของผมคนเดียวที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น  ทั้งๆที่ตัวเองก็ผิดไม่ต่างกัน  ทำให้ผมเริ่มกรุ่นและยิ่งไม่พอใจมากขึ้น  เมื่อคนตรงหน้าลามปามต่อว่าไปเรื่องอื่น  ที่ไม่เกี่ยวกับความซุ่มซ่ามของเรา

“โอ๊ย!  ฉันล่ะอยากจะกรี๊ด  นายอีกแล้วรึเนี่ย  เดินดูทางบ้างมั้ย  นายนี่เจอกี่ครั้งก็สร้างเรื่องให้ฉันตลอด  ซุ่มซ่ามหรือจงใจแกล้งฉันกันแน่  ไม่รู้ว่าได้ตำแหน่งเลขาของนายน้อยได้ยังไงกัน  ตัวซวยแท้ๆ!...ชิ!”  เสียงแหลมๆของคนตรงหน้าทำให้บอดี้การ์ดคนสนิทของนายใหญ่เดินมาดูเหตุการณ์  ทำให้เธอคนนี้ยิ่งเชิดหน้ามองผมอย่างเหนือกว่า 

ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมยืดหลังตรง  และจ้องตาวาวๆกลับแบบไม่นึกเกรง  ทำอย่างไม่เคยทำกับเธอมาก่อน  ด้วยตลอดมาไม่อยากมีเรื่องและยังอยากให้เกียรติเธอ  ที่อยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของนายใหญ่  แต่ครั้งนี้ในเมื่อมิสเคอหลานไม่คิดจะให้เกียรติกัน  แล้วผมจะยังรักษาเกียรติเพื่อเธอทำไม

“มิสเคอหลานที่นี่เป็นสถานที่ทำงานของคุณนะครับ  หากไม่คิดจะให้เกียรติผมด้วยการพูดจาให้ดีกว่านี้  คุณควรจะให้เกียรติสถานที่  และรักษามารยาทให้ดี  ให้สมกับเป็นถึงผู้ช่วยเลขาของนายใหญ่ด้วย”  คนที่โดนผมต่อว่าตรงๆถึงกลับตกตะลึง  ด้วยคงไม่คิดว่าผมจะตอบโต้แบบนี้  เพราะเห็นผมยอมลงให้มาตลอดนั่นเอง 

แต่เมื่อเธอตั้งตัวได้กลับทำท่าจะส่งเสียงกรีดร้อง  ก่อนกระโจนเข้าหาผมอย่างลืมตัว  ดีที่ผมระวังตัวอยู่แล้วจึงพลิกตัวหลบ  ทำให้เสียงกรี๊ดเปลี่ยนเป็นเสียงร้องโอดโอยแทน  จากคนที่ลงไปนั่งกองอยู่บนพื้น  แต่ไม่วายเธอยังไม่หมดฤทธิ์  ด้วยมิสเคอหลานจ้องผมอย่างกินเลือดกินเนื้อ  ผมจึงตั้งใจขยับไปยืนค้ำหัว  ก่อนจะมองเธอด้วยหน้านิ่งสนิท  ตั้งใจไม่คิดเยาะหยันแต่อยากให้เธอสำนึกจากคำพูดมากกว่า

“ผมขอเตือนด้วยความหวังดี  ครั้งหน้าถ้าคุณพูดจาไม่ให้เกียรติผมเหมือนวันนี้อีก  ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาที่คุณภูมิใจนักหนา  และคิดว่าใหญ่ซะเต็มประดา  จนกล้าที่จะดูถูกเหยียดหยามคนอื่นได้  ผมสัญญาเลยว่าจะทำทุกวิถีทางให้คุณหลุดไปจากตำแหน่งนี้อย่างเร็วที่สุด  ในชนิดที่คุณคาดไม่ถึงเชียวล่ะ  อย่าคิดว่าผมขู่  เพราะผมทำจริง...คุณก็น่าจะรู้ว่าตำแหน่งเลขานายน้อยอย่างผม  ยอมมีดีกว่าที่คุณคิด”

ผมกระตุกยิ้มใส่ดวงตาตื่นตระหนกของมิสเคอหลานทันทีที่พูดจบ  จึงยิ่งทำให้ใบหน้าสวยที่ซีดอยู่แล้วแทบไร้สีเลือด  จนน่ากลัวว่าเจ้าของจะเป็นลมไปในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง  นาทีนี้แม้จะเริ่มเห็นใจแต่ผมก็ไม่คิดจะอ่อนให้  ด้วยชะโงกหน้าลงหาเธอ  จนมิสเคอหลานเองถึงกลับผวาถอยกรูดไปกับพื้น  ส่วนเรื่องที่ขู่ไปผมทำแน่  หากอีกฝ่ายไม่คิดรามือไปจากผม 

เมื่อผมเห็นว่ามิสเคอหลานได้บทเรียนที่น่าจดจำแล้ว  จึงเตรียมหมุนตัวและเดินจากไป  แต่ผมต้องชะงักกับสายตาหนึ่งคู่ที่มองมาทางนี้  จากหน้าประตูบานใหญ่สุดทางที่ผมเพิ่งเดินออกมาไม่กี่นาทีก่อนหน้า  ดวงตาคู่นั้นทำให้ผมเริ่มรู้สึกผิดที่มาก่อเรื่องให้ผู้เป็นนายต้องร้อนหูร้อนตาเข้า  แต่ขณะที่ผมเงยหน้าขึ้น  หลังจากโค้งกายแทนคำขอโทษนายใหญ่แล้วนั้น  ผมก็ได้ใจชื้นเมื่อพบรอยยิ้มบางเบาไม่ถือสา  และผมต้องโล่งใจอย่างที่สุด  เมื่อได้เห็นนายใหญ่หมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไปอย่างไม่คิดต่อความ

หลังจากนั้นผมก็ได้แต่ก้มหัวให้บรรดาพี่ๆบอดี้การ์ดของนายใหญ่ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่รอบๆ  โดยไม่มีใครคิดจะเข้ามาขวางในสิ่งที่ผมทำ  ซึ่งก็ไม่มีใครคิดจะถือสา  ด้วยมอบรอยยิ้มติดมุมปากมาให้  ก่อนจะต่างแยกย้ายไปยืนประจำจุด  และผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบกลับ  เพื่อเอาเอกสารสำคัญไปให้นายน้อย  ทำให้ผมยิ่งไม่คิดจะเสียเวลาชายตามองมิสเคอหลานอีก  ว่าเธอทำอะไรอยู่หรือกำลังรู้สึกอย่างไร  จากหางตาผมเห็นว่ามีพี่บอดี้การ์ดของนายคนหนึ่ง  กำลังพยุงตัวเธอขึ้นจากพื้นเท่านั้น

“รีบเลยครับ  ผมเสียเวลาไปมากแล้ว”  ผมเร่งคนขับรถของโรงแรมพร้อมดูนาฬิกาข้อมือไปด้วย  และรู้ตัวว่าตัวเองเสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องไปมาก  จนพาลรู้สึกผิดขึ้นมา  แต่ไม่ได้รู้สึกผิดที่ไปมีเรื่องกับมิสเคอหลานหรอกนะครับ  เพราะเธอสมควรได้รับบทเรียนนั้นแล้ว  ที่ผมกำลังรู้สึกผิดคือการทำให้นายน้อยต้องรอเอกสารในมือนานกว่าที่ควรเป็นต่างหาก 

ระหว่างที่ผมกระวนกระวายใจอยู่นั้น  ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น  เหตุการณ์ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของชีวิต  เหตุการณ์ที่อาจจะเป็นบัญชาจากเทพเจ้า  ด้วยต้องการเตือนสติแก่ผมในบางเรื่องก็เป็นได้

“เอี๊ยดดดด...ระวัง!...เอี๊ยดดดด...โครม!!”

‘อรุณสวัสดิ์ครับฝูหรง  เช้าแล้วนะ  ตื่นไปทำงานได้แล้ว...วันนี้กระต่ายน้อยของพอลน่ารักจนไม่อยากให้ออกไปไหนเลยน้า...ทานอีกนิดนะครับ  แค่นั้นจะไปมีแรงทำงานได้ยังไงกัน...อย่าทำงานจนลืมทานมื้อเที่ยงล่ะรู้มั้ย...ตกลงเย็นนี้เจอกันที่คอนโดนะครับ...พอลรักฝูหรงมากนะ  รักที่สุดเลยรู้มั้ย’

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า  ในเสี้ยวนาทีของคนที่ใกล้ตาย  ก่อนวิญญาณจะหลุดจากร่างนั้น  ภาพความทรงจำของคนที่เรารัก  หรือเหตุการณ์ที่เราประทับใจที่สุด  จะผุดขึ้นมาในหัวอย่างต่อเนื่อง  เหมือนว่าเราได้ย้อนเวลากลับไปอยู่ในเหตุการณ์แสนประทับใจนั้นๆอีกครั้ง 

ผมรู้ซึ้งถึงความจริงในข้อนั้นในนาทีนี้เอง  ทั้งภาพและเสียงของคนที่ผมรัก  ฉายชัดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัว  ภาพของบุคคลอันเป็นที่รักที่แสดงออกให้ผมรับรู้อย่างชัดเจน  ถึงความชื่นชม  ความเอื้อเอ็นดู  ความเป็นห่วงเป็นใยที่มีให้  แถมคนๆเดียวกันนี้ยังแสดงออกชัด  ว่าหลงใหลและรักใคร่ผมนักหนาในเวลาเดียวกัน  อย่างที่ไม่มีใครจะมอบสิ่งเหล่านี้ให้ผมได้มากเท่าคนๆนี้อีกแล้ว  ‘โจว  พอล  วอร์เลนโต้’

“พะ...พอล  เฮือก!...พอล!”  แม้ยังมองเห็นไม่ชัดนักด้วยคราบน้ำตา  แต่เสียงที่ดังขึ้นผมก็จำได้ดีว่าเป็นของใคร

“ฝูหรง  พอลอยู่นี่แล้ว”  น้ำเสียงทุ้มนุ่มมาพร้อมสัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือ  ที่กุมกระชับเข้ายังมือข้างที่ยื่นไขว่คว้าไปในอากาศของผมไว้  ทำเอาผมรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาทันที  ปัดเป่าความกลัวและความอ้างว้างในใจไปเกือบหมด

ผมพรูลมหายใจออกจากปอดช้าๆ  และสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่  เพื่อบรรเทาอาการเหนื่อยล้าที่ไม่ต่างจากช่วงหลังออกกำลังกายใหม่ๆ  ในขณะเดียวกันผมกุมกระชับมืออุ่นข้างนั้นไว้จนแน่น  ด้วยกลัวว่าเจ้าของมือจะเป็นเพียงภาพฝันที่ผมจินตนาการขึ้นมาเอง  เพราะยังคงติดตากับภาพอุบัติเหตุที่ได้เผชิญ  พร้อมรับรู้ถึงความรู้สึกแห่งการพรากจากแบบไม่มีวันกลับ  ที่ยังคงฝังแน่นในความรู้สึกผมจนถึงขณะนี้

เมื่อผมได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มลูกครึ่งในดวงใจชัดเต็มตา  ผมก็พลิกตัวและซุกใบหน้าเข้าหาอกอุ่น  แต่ภาพของรถที่ตัวเองนั่งส่ายไปมา  หลังจากหักหลบรถที่พุ่งตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด  พร้อมเสียงเบรกดังสนั่นที่เสียดแทงเข้ามาในอก  ก่อนตัวรถจะหมุนคว้างอีกครั้ง  ยามที่คนขับหักหลบคู่แม่ลูกที่กำลังยืนรอข้ามถนน  จนรถไปกระแทกกับรถอีกคันที่จอดข้างทาง  พร้อมสติที่หลุดลอยไปจากร่างของผม 

คิดมาถึงตรงนี้ทำให้ผมตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่  ซึ่งคนที่กอดผมไว้ก็รับรู้อาการนี้เป็นอย่างดี  พอลกระชับกอดร่างผมเข้าหาอกแน่นกว่าเดิม  และส่งมือไปลูบหัวลูบหลังให้ผมอย่างอ่อนโยน  ตามมาด้วยเสียงกระซิบชวนอบอุ่นใจที่ดังอย่างต่อเนื่องอยู่ข้างหู  สลับกับรอยอุ่นชื้นที่เกิดขึ้นข้างขมับ

“พอลอยู่นี่แล้วครับ  ฝูหรงปลอดภัยแล้ว  ไม่ต้องกลัวนะครับกระต่ายน้อย  ต่อไปนี้พอลสัญญาจะดูแลฝูหรงอย่างดี  ไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกแล้ว  เชื่อพอลนะที่รัก”  ทั้งคำพูดและการกระทำของพอล  ทำให้ผมคลายใจและอบอุ่นใจได้อย่างที่สุด

กระทั่งอาการตัวสั่นเทาอย่างลูกนกค่อยๆบรรเทาเบาบางลง  ริมฝีปากที่เคยขบเม้มไว้ก็คลายออก  ก่อนผ่อนลมหายใจยาวเหยียด  เมื่อผมรู้ตัวว่ากลั้นมันไว้นานเพราะความหวาดหวั่น  สุดท้ายพอได้สบตาที่ฉายชัดถึงความอาทรและความรักใคร่นั้น  ผมสามารถยิ้มได้อีกครั้ง  เพราะมั่นใจในตัวพอลว่าจะสามารถดูแลผมได้ดีอย่างที่พูดไว้  ก่อนผมจะยื่นหน้าแตะจูบเข้าที่ปลายคางเขียวๆเป็นการตอบรับ  และกลับมาซบใบหน้าเข้ากับอกกว้าง  เพื่อซึมซับความอบอุ่นที่วางใจได้อีกครั้ง 

พอลเองถึงกลับกลั้วหัวเราะบางเบาอย่างอารมณ์ดี  และพรมจูบไปทั่วหัวผม  พาลจั๊กจี้จนต้องหัวเราะตาม  แต่แล้วผมเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงภารกิจสำคัญที่ได้รับมอบหมายมาก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ

“อืม...อ๊ะ!  เอกสาร!”  ผมถึงกลับตกใจผลักอกกว้างออก  แต่ดวงตาคมเข้มที่มองมาทางผมแกมตำหนินั้น  ทำให้ผมต้องก้มหน้าลงชิดอกอีกครั้งอย่างรู้สึกผิด  ก่อนจะรู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นที่ลูบเข้ายังข้างแก้มแผ่วเบา  จนผมต้องเงยหน้าขึ้น 

คราวนี้ดวงตาคู่คมอ่อนแสงลงกว่าเมื่อครู่มากนัก  ทำให้ผมกล้าพอที่จะโอบแขนคล้องคอแกร่งไว้  ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะพอลก็โอบร่างผมเข้าหาอกทันทีเช่นกัน

“เอกสารพวกนั้นถึงมือหลี่ผิงแล้ว...ฝูหรง”  หลังคำตอบที่ผมพอใจนั้น  พอลเรียกชื่อผมอย่างอ่อนโยนและเงียบไป  ก่อนจะดันไหล่ผมออกจากตัว  แต่สีหน้าจริงจังและแววตามุ่งมั่นที่พอลใช้กับผมนั้น  ทำให้ผมต้องตั้งใจฟัง

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้  แรกรู้เรื่องพอลยอมรับเลยว่ากลัวมาก  กลัวที่จะสูญเสียคนที่พอลรักมากอย่างฝูหรงไป  แต่ครั้งนี้ถือว่าฝูหรงโชคดี  ที่ไม่เป็นอะไรมากไปกว่าการมีรอยช้ำพวกนี้  และยังนั่งอยู่ตรงนี้ให้พอลกอดได้  ถ้ามีครั้งหน้าและฝูหรงไม่โชคดีแบบวันนี้  พอลไม่อยากจะคิดว่าจะอยู่ต่อไปได้ยังไงถ้าไม่มีฝูหรง  และคงได้แต่โทษตัวเองที่ดูแลฝูหรงไม่ดี  ทั้งๆที่เราป้องกันได้...ฝูหรงลาออกจากงานได้มั้ย  ลาออกเพื่อให้พอลได้เป็นฝ่ายดูแลฝูหรงอย่างเต็มที่ด้วยตัวเอง”

ผมยอมรับว่าทั้งตกใจและแอบไม่พอใจเล็กๆกับคำขอของพอล  แต่เมื่อจ้องเข้าไปในดวงตาคู่คมเข้มก็ให้ใจอ่อน  ด้วยในแววตาคู่นี้กลับมีแววหวาดหวั่นน้อยๆ  ในแบบที่ผมไม่เคยเห็นจากพอลมาก่อน  และเมื่อทบทวนในสิ่งที่พอลพูด  ผมก็เข้าใจความรู้สึกพอลได้ทันที  บวกเข้ากับความรู้สึกช่วงก่อนหมดสติของผมเข้าไปด้วย  ทำให้คำขอที่ดูไร้น้ำหนักและไร้เหตุผลในยามปกติ  ดูมีน้ำหนักน่าพิจารณาขึ้นมาทันที 

คำว่าอุบัติเหตุนั้น  ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน  หรือผมจะมีตำแหน่งเลขาของนายน้อยตระกูลหวางพ่วงด้วยหรือไม่  อุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่อยู่แล้ว 

คำขอของพอลหลังเหตุการณ์นี้  กลับทำให้ผมยอมรับมันอย่างง่ายดาย  ด้วยคิดดีแล้วว่าคงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า  การทำให้คนที่เรารักมีความสุขอีกแล้ว  เพราะผมไม่มีทางรู้อนาคตได้เลยว่า  จะอยู่สร้างความสุขให้พอลได้นานเท่าไหร่  ยิ่งผมผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาด้วย  ผมคิดว่าการไขว่คว้าความสุข  และเป็นผู้มอบความสุขแก่คนรักนั้น  เป็นสิ่งที่ผมควรทำมากที่สุดในปัจจุบัน  เพื่อไม่ให้รู้สึกเสียใจหรือเสียดายในอนาคต  แม้ผมจะแอบกังวลใจเรื่องงานอยู่บ้างก็ตาม

หลังจากที่ลูกครึ่งรูปหล่อได้คำตอบที่น่าพอใจจากผมแล้ว  พอลก็ไม่พลาดที่จะแสดงความถูกใจนี้ให้ผมรู้  ด้วยการมอบจูบอันแสนยาวนาน  จูบที่ถ่ายทอดความอบอุ่นอ่อนหวานแฝงความห่วงหาในที  ก่อนผมจะมีเวลาเริ่มสำรวจเนื้อตัวว่ามีส่วนไหนบุบสลายไปบ้าง  ซึ่งพบเพียงแค่รอยช้ำตามแขนขา  ไม่มีกระดูกส่วนไหนแตกหักให้ต้องรักษาตัวกันนานกว่าที่ตาเห็น  และเริ่มรู้สึกเป็นห่วงผู้ที่ร่วมเผชิญเหตุการณ์ด้วย

“คนขับรถนอนอยู่อีกห้อง  ไม่เป็นอะไรมาก  แต่อาการหนักกว่าฝูหรงนิดหน่อย  แขนหัก  หัวแตก  และมีอาการบอบช้ำจากแรงกระแทก  หมอเลยให้อยู่โรงพยาบาล  ส่วนฝูหรงให้กลับบ้านได้เย็นนี้เลย  แต่พอลอยากให้หมอดูอาการฝูหรงอีกสักคืน”  ผมที่ยิ้มกว้างอย่างดีใจที่จะได้กลับไปนอนบ้าน  ต้องหุบยิ้มทันทีเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของพอลเข้า

“ไม่ต้องทำหน้ามุ่ยเลยครับ  นอนโรงพยาบาลเพื่อพอลสักคืนนะ”  ไอ้ที่เตรียมดื้อเตรียมค้านมีอันต้องพับเก็บ  เพราะคำขอด้วยเสียงอ่อนๆและรอยยิ้มละมุน  จากลูกครึ่งรูปหล่อตรงหน้าแท้ๆเชียว 

ในเมื่อผมตัดสินใจจะทำเพื่อความสุขของคนที่รักแล้ว  ก็คงต้องไปกันให้สุดทางล่ะน้า  แม้คำว่าโรงพยาบาลมันจะน่าหวาดหวั่นจากอดีตที่ฝังใจมากแค่ไหนก็ตาม  แต่ความหวาดหวั่นที่ว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่า  ความรู้สึกพลัดพรากแบบไม่มีวันกลับ  ที่เกิดขึ้นชั่วขณะในช่วงเกิดเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หรอก  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะมีความสุขกับการอยู่โรงพยาบาลนะครับ 

ผมจึงไม่คิดจะปล่อยให้พอลห่างตัวห่างตาสักนิด  ยกเว้นก็แต่ช่วงที่เจ้าตัวเข้าห้องน้ำ  นอกนั้นผมยึดลูกครึ่งรูปหล่อติดตัวตลอด  อาการของผมคงถูกใจอีกฝ่ายไม่น้อย  ด้วยพอลมีรอยยิ้มติดใบหน้าตลอดเวลา  และไม่มีทีท่าอิดออดสักนิดให้เห็น  เมื่อผมขอให้ขึ้นมานอนด้วยกันบนเตียง  ให้ผมกอดไว้เพื่อความอุ่นใจ 

ยามที่รู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียต้องการพักผ่อน  แต่จิตใจก็ว้าวุ่นเกินกว่าจะฝืนหลับตาลงได้  คงเพราะเพิ่งเผชิญกับเหตุการณ์น่าตกใจ  บวกช่วงเวลาก่อนหน้าผมโหมทำงานหนักด้วย  พอได้อ้อมกอดอบอุ่นที่แสนคุ้นเคย  ซึ่งผมสามารถวางใจเจ้าของอ้อมกอดนี้ได้มากที่สุดแล้ว  ผมจึงเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว  แต่ก็ยังมีโอกาสได้ยินคำรักหวานๆก่อนสติจะหลุดลอย

“รักมากนะครับ  ฝันดีกระต่ายน้อยของพอล  ขอบคุณที่ยังอยู่ข้างกัน”

.................................................

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

แอบหวั่นใจแทนพอลจริงๆ  ถ้าต้องสูญเสียกระต่ายน้อยไปเพราะอุบัติเหตุ
คงได้แดดิ้นอยู่ต่อไม่ได้แน่ๆ  แต่เหตุการณ์นี้ก็ให้บทเรียนแก่ทั้งคู่เนอะ
โดยเฉพาะฝูหรงที่ยอมเสียสละออกจากงานที่รัก  เพื่อความสุขของพอล
ชีวิตมันสั้น  อะไรที่ทำแล้วมีความสุข  จงทำซะ!!

เหตุการณ์ที่ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ  จะเกิดเพราะอุบัติเหตุหรือความจงใจของใครบางคนกันแน่ 
อยากรู้คำตอบต้องติดตามในวันอาทิตย์
อีก 3 ตอนก็จบแล้ว   :mew2:  ช่วยส่งกำลังใจให้ฝูหรงและพอลด้วยน้า

+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์  ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

ปล.แจ้งรีปริ้นท์นิยายชุด “เสน่ห์รัก” และ “บ่วงรัก” ค่ะ  ตามลิ้งค์ไปได้เลยน้า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43497.new#new

ปล2. แจ้งเปิด & โอนนิยายชุด “Lover”  ตามลิ้งค์ไปได้เช่นกันค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43768.new#new

ใครที่พลาดในรอบก่อนๆหรืออยากได้หนุ่มๆเก็บไว้  ติดต่อเข้ามานะคะ

 :pig4:   :กอด1:

ออฟไลน์ shijino

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
ตกใจหมดเลย นึกว่ากระต่ายน้อยจะเป็นอะไรไปซะแล้ว ดีมากๆเลยที่ปลอดภัย :เฮ้อ:

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
พอลขอให้เปลี่ยนชีวิตเลยนะเนี่ย กระต่ายน้อยจะตัดสินใจยังไงเนี่ย :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: {รักยุ่งๆของลูกครึ่งรูปหล่
«ตอบ #603 เมื่อ07-10-2014 15:54:58 »

โชคดีที่ฝูหรงไม่เป็นไรมาก เฮ้อ~

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ดีแล้วที่ฝูหรงไม่เป็นไร คราวนี้คงลาออกตามคำขอของพอลแน่ๆ

ออฟไลน์ PhInNoI

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-0

ใจหายแว๊บบบเลยอะ นึกว่าฝูหรงจะเป็นอะไรมากซะอีก
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
โชคดีที่ฝูหรงไม่เป็นอะไรมาก  อุบัติเหตุครั้งนี้คงทำให้ทั้งคู่ได้คิดแล้วว่า ไม่สามารถพรากจากกันได้  ฝูงหงคงยอมลาออกด้วยความเต็มใจ

ออฟไลน์ DarkAki

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
ชีวิตมันสั้น!!!!

แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนมันสั้นๆน้าาาาา ><

ดีแล้วที่ต่ายน้อยไม่เป็นอะไรมาก

โล่งจายยยยยยย

ว่าแต่ถ้ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ ไอ้คนที่ทำ...มันไม่ตายดีแน่ หึหึหึหึ

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
เกือบไปแล้วนะ ฝูหรง ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมากอ่ะ

โล่งอกไปที ว่าแต่มันคงไม่มีเบื้องหลังเหตุการณ์นี้ใช่มั้ยเนี่ย

ถ้ามีก็ไม่อยากจะคิดว่าคนที่บงการจะเจอกับอะไรบ้างนะ


ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
โชคดีที่ฝูหรงไม่เป็นอะไรมาก  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ THE KOP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
จะจบแล้วเหรอเนี้ย ใจหายจัง...ฝูหรงจะได้วางมือซะทีเนาะ อยู่บ้านทำหน้าที่เป็นแม่ศรีเรือนดูแลสามีอย่างพอลอย่างเดียวก็พอ แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้วล่ะ :mew3: :mew3: เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ รออ่านว่าที่จริงแล้วมีอะไรอยู่เบื้องหลังเหตุกรณ์ครั้งนี้กันแน่

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
แอบตกใจเลย ไม่สิ ตกใจมาก ตกใจจริงๆเลย
เฮ้ออออออ เกือบไปแล้วฝูหรง
 :กอด1:

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
การเดินทางของทั้งสองคนเกือบมาสุดทางอีกคู่แล้วเหรอเนี่ย
ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางหมดแล้วนี่เนาะ ทั้งเรื่องรักและเรื่องงาน
คนดูแลเขาอยากดูแลได้อย่างเต็มที่ก็ตามใจเขาหน่อยเถอะฝูหรง
ถ้าหากเกิดอะไรทำนองนี้ขึ้นอีก พอลคงรู้สึกผิดไปตลอดแน่ๆ
เพื่อความสบายใจเราก็อยู่ในสายตาหรือความดูแลของเขาดีกว่าเนาะ
ส่วนเรื่องอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเรื่องหรือเหตุสุดวิสัยก็แล้วแต่
ขออย่าให้มีอะไรร้ายแรงกว่านี้เลย คิดว่าพอลเองก็คิดอย่างนี้อ่ะนะ
อ่านคู่นี้ทีไรรูสึกว่าน้ำตาลจะพุ่งสูงยังไงก็ไม่รู้สิ :o8:
ขอบคุณพี่มาศมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ


ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11

ออฟไลน์ Der Adler

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +126/-0
เกิดอาการวูบเลยอ่ะ  :hao5:
ดีนะที่ฝูหรง   :mc4: :mc4: ไม่เป็นอะไร  :3123: :3123:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ตอนที่ 28

โจวพอล

“ผมยอมแล้วครับ  ผมยอมแล้ว  อย่าทำอะไรผมเลย...ซินจางส่งผมมาให้ทำยังไงก็ได้  ให้รถคันนั้นเกิดอุบัติเหตุ  ตะ...แต่ผมไม่รู้จริงๆว่าคนที่นั่งอยู่ในนั้นเป็นใคร  ผมทำงานที่ได้รับมอบหมายมาเท่านั้น  อภัยให้ผมด้วยเถอะ  ยกโทษให้ผมด้วย”  เจ้าของประโยคนี้ขอร้องด้วยน้ำตานองหน้า  ไม่มีทีท่ายโสให้เห็นอีกเลย 

หากเป็นไปได้มันคงลงไปนั่งคุกเข่าเกาะขาอ้อนวอนผมแล้ว  ถ้าไม่ติดว่าตัวถูกมัดติดกับเก้าอี้ไว้  แถมสภาพใบหน้าและร่างกายไม่เอื้ออำนวย  ด้วยคราบเลือดเกรอะกรังและบวมช้ำไปทั่วอย่างน่าเวทนา

ผมคาดการณ์ไม่ผิดจริงๆว่ากลุ่มที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุครั้งนี้คือพวกซินจาง  ซึ่งสาเหตุของเรื่องนี้คงหนีไม่พ้นการเอาคืน  จากเรื่องที่ดินที่ทางนั้นพลาดหวังเป็นเจ้าของ  ด้วยเจ้าของที่เลือกที่จะขายให้ Joe  F.H.  Estate  พวกซินจางคงแค้นจัด  เพราะเท่ากับผลประโยชน์มหาศาลหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา  แต่การลงมือเอาคืนกับคนที่ไม่รู้เรื่องอย่างฝูหรงมันเกินไป  ผมยอมไม่ได้ที่จะให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยไม่จัดการอะไรเลย  แม้ฝูหรงจะปลอดภัยแล้วก็ตาม  จึงไม่แปลกที่คนตรงหน้าจะมีสภาพอย่างที่เห็น  ด้วยผ่านการเค้นหาความจริงถึงผู้จ้างวาน  และผลก็เป็นที่น่าพอใจ

หากผลของอุบัติเหตุครั้งนี้ออกมาเป็นไปตามที่พวกซินจางต้องการ  ฝูหรงได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถึงขั้นเสียชีวิต  ซินจางย่อมรู้ว่าผมต้องเสียใจและเคียดแค้นทางนั้นอย่างที่สุด  ซึ่งพวกซินจางก็คงสะใจกับผลที่เกิดขึ้นไม่น้อยทีเดียว  แต่ในเมื่อผลเกิดตรงกันข้าม  ฝูหรงไม่เป็นอะไรนอกจากได้รอยฟกช้ำเล็กๆน้อยๆ  แถมผมยังตามจับตัวคนขับรถที่ตั้งใจขับตัดหน้ารถของโรงแรมที่ฝูหรงนั่งได้  ซึ่งสามารถใช้เป็นพยานได้ว่าเป็นแผนการของทางซินจางได้อีกด้วย 

ดังนั้นผมไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ  ผมต้องจัดการกับพวกหมาลอบกัดให้ถึงที่สุด  ซึ่งคงต้องเริ่มจากหมารับใช้ตัวนี้ก่อน  ผมพยักหน้าให้หนึ่งในบรรดาชายชุดดำที่ยืนคุมตัวคนที่นั่งไว้  เพื่อส่งสัญญาณให้ลงมือสั่งสอน

“จะ  จะทำอะไร  ไม่นะ  ไม่  อ๊ากกกก!”  เจ้าของน้ำเสียงสั่นเทาและใบหน้าหวาดกลัวต้องร้องเสียงหลง  เมื่อนิ้วก้อยถูกตัดจนกระเด็นออกนอกโต๊ะ  และเลือดกระเด็นเซ็นซ่านแดงฉานเปรอะไปทั่ว  ซึ่งเจ้าของทำได้เพียงร้องและดิ้นภายใต้การจับกุมเท่านั้น

“ผมฝากส่งให้ถึงมือซินจางกรุ๊ปด้วย”  ผมมองคนที่หมดสติด้วยสายตาว่างเปล่า  พร้อมเอ่ยปากกับชายคนที่ยืนถือมีดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ได้ครับ  คุณพอล”  สิ้นคำตอบรับ  ผมก็หมุนตัวเดินออกมาจากห้องที่ใช้สอบสวนของแก๊งหวางหย่งกัง  ออกมาได้ก็เจอเข้ากับเพื่อนสนิทผู้ที่เป็นถึงรองหัวหน้าแก๊ง

หลี่ผิงสบตาผมนิด  ก่อนจะพยักหน้าให้ผมออกเดินตาม  จนเรามาอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของหลี่ผิงด้วยกัน  และเป็นหลี่ผิงที่เอ่ยปากก่อน  ถามถึงผลสอบสวนภายในห้อง  และแผนการที่ผมจะตอบโต้กลับไป  งานนี้ถ้าไม่ได้เพื่อนสนิทช่วย  ผมคงไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด

“งานนี้แล้วแต่นาย  ฉันร่วมมือด้วยเต็มที่  เพราะถือว่าพวกซินจางไม่ไว้หน้ากัน  ที่คิดทำร้ายเลขาของฉัน  แถมยังเป็นช่วงเวลาที่ฝูหรงทำงานให้หวางหย่งกังอยู่ด้วย  จึงไม่ต่างจากพวกมันอยากมีเรื่องกับตระกูลหวาง  ถึงสาเหตุจริงๆทางนั้นอยากจะแก้แค้นนายก็ตามเถอะ  และไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่  เรื่องนี้คงมีบทสรุปไม่ต่างไปจากวันนี้เท่าไหร่  เพราะนายคือเพื่อนฉัน  ซินจางไม่ควรลองดี”

ฟังแล้วผมได้แต่ซาบซึ้งในตัวเพื่อนสนิทคนนี้นัก  แม้เหตุผลทั้งหมดจะเป็นตามที่หลี่ผิงพูด  แต่ถ้าหวางหย่งกังจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้ก็คงไม่มีใครว่า  เพราะถือว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องส่วนตัว  แม้จะเกิดเรื่องในช่วงเวลางานของฝูหรงก็ตามที  แต่เพื่อนก็คือเพื่อนที่ไม่ยอมทนเห็นเพื่อนอย่างผมเดือดร้อน  จนต้องตามมาช่วยจัดการให้  และผลงานก็ดีเกินคาด  ด้วยสามารถจับตัวคนขับรถได้ภายในวันเดียว  จนสามารถระบุเป้าหมายได้  แถมยังให้ความร่วมมือตามแผนที่ผมวางไว้  เพื่อจัดการกับซินจางกรุ๊ปอีกด้วย

“ถ้างั้นฉันฝากในส่วนที่เหลือด้วยเพื่อน...หลี่ผิงขอบใจนายมากจริงๆกับเรื่องนี้  ทั้งๆที่นายเองก็กำลังยุ่งแท้ๆ”

“เพื่อเพื่อนน้อยกว่านี้ได้ยังไง  แต่ถ้าคิดจะตอบแทนกันล่ะก็...ช่วยพาคนของนายไปร่วมแสดงความยินดีกับฉันและน้องธันว์ที่เมืองไทยด้วยแล้วกัน”

“งานนี้ฉันไม่พลาดอยู่แล้วน่า...ยินดีกับนายด้วยจริงๆ”  หลี่ผิงกระชับมือผมที่ยื่นไปให้  พร้อมรอยยิ้มติดมุมปากอย่างอารมณ์ดี 

หากเป็นเรื่องของเด็กน้อยของมันทีไร  บรรยากาศรอบตัวเพื่อนจะดูสดใสขึ้นมาทันตา  ยิ่งการพูดถึงเรื่องงานมงคลที่จะมีขึ้นอีกไม่นานด้วยแล้ว  แววตาเพื่อนผมยิ่งสุกใสดูมีความสุขที่สุด  ก่อนเราจะต่างหัวเราะออกมาพร้อมกัน

“ฮึๆ  นายเองก็อย่ามัวชักช้า  ไหนๆเจ้าตัวก็ยินดีออกไปเป็นกระต่ายน้อยในกรงทองแล้ว  ขืนยังช้าอีก  คงได้มีคนนินทาได้ว่าโจวพอลอดีตสิงห์เจ้าเสน่ห์  กลายเป็นแค่สิงห์แก่ๆไร้เขี้ยวเล็บ  ไม่มีปัญญาจัดการกระต่ายน้อยได้ล่ะ”  น้อยครั้งนักที่ไอ้มาเฟียใหญ่จะเอ่ยปากแซวกันสักที  แต่ผมไม่คิดถือสา  ด้วยเรื่องที่โดนแซวไม่มีมูลสักนิด  เพราะเรื่องนี้กระต่ายน้อยของผมรู้ดีที่สุด  ว่าผมมีปัญญาหรือไม่มี  ฮึๆ

ผมอยู่คุยกับหลี่ผิงเรื่องแผนการอีกพักใหญ่  ก่อนจะขอตัวกลับมาดูแลกระต่ายน้อยน่ารัก  ที่เพิ่งกลับมาพักผ่อนที่บ้านเมื่อช่วงเช้า  ก่อนผมจะปลีกตัวออกมาจัดการเรื่องยุ่งๆยังแก๊งหวางหย่งกัง  โดยอ้างกับฝูหรงว่าจะออกมาคุยกับหลี่ผิงเรื่องที่เจ้าตัวจะลาออก  เพราะไม่อยากบอกความจริงในเรื่องที่ผมแอบให้หลี่ผิงสืบหาตัวคนขับรถนั่น  ด้วยสังหรณ์ใจแต่แรกว่าไม่ใช่อุบัติเหตุจริงๆ

................................................

“หน้าตาใช้ได้เลย  เหลือก็แต่รสชาติ”  ยัยจินนี่นี่น้าจะชมทั้งทีก็ไม่ชมให้สุด  แต่จากสายตาผมเจ้าของซุปชามใหญ่เองก็ไม่มีทีท่าไม่พอใจแต่อย่างไร  ด้วยฝูหรงยังคงยิ้มอ่อนๆ  พร้อมยื่นถ้วยใบเล็กไปตรงหน้าจินนี่หวังให้ลองชิม

“เป็นไงบ้าง  ไม่ได้เรื่องเลยเหรอ  แต่ฝูหรงทำตามที่จินนี่บอกทุกอย่างเลยนะ”  ขนาดผมแอบมองอยู่ห่างๆยังเห็นสีหน้าแววตาหม่นหมองได้ชัด  จนอยากเข้าไปกอดปลอดกระต่ายน้อย  พร้อมลงมือตักเตือนตัวต้นเหตุที่ทำให้คนรักขาดความมั่นใจในการทำอาหารเลยทีเดียว

“ยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย  ซุปนี่รสชาติดีมากต่างหาก...ทีนี้ล่ะยิ้มได้เลยนะ  แต่เลิกสักทีเถอะ  ไอ้นิสัยคิดไปก่อน  ก่อนที่จะได้ฟังอะไรจริงๆเนี่ย  แค่โดนแกล้งปั่นหัวนิดๆหน่อยๆก็เขวละ  ช่วยหนักแน่นกว่านี้หน่อยนะฝูหรง  เพราะต่อไปพอลต้องรับตำแหน่งต่อจากลุงฟู่สือ  ขืนมีแฟนอ่อนไหวไปทุกสถานการณ์ล่ะก็คงน่าสงสารแย่” 

แม้จะฟังไม่ระรื่นหูกับประโยคยาวๆของจินนี่เท่าไหร่  แต่ผมอดยิ้มไม่ได้จริงๆ  ด้วยเจตนาของคนพูดนั้นหวังดีต่อผมและฝูหรงอย่างแท้จริง  ซึ่งฝูหรงเองก็ดูจะเข้าใจในเจตนาของยัยแม่มดตัวแสบดี  ด้วยปรากฏรอยยิ้มบางเบาทันทีที่จินนี่พูดจบ  แถมด้วยการตอบรับด้วยเสียงใสๆ  จนผมนั้นพลอยยิ้มได้กว้างมากขึ้น  และเลือกที่จะแอบดูคนทั้งคู่อยู่ที่เดิม  ก่อนจะมีคนมาสะกิดผมให้ต้องหันไปมอง 

พบว่าเป็นปาปาที่ยืนจ้องผมนิ่งๆ  จากสายตาคมกล้าของท่าน  ผมก็พออ่านออกว่าท่านต้องการสิ่งใดจากผม  ถ้าไม่ใช่เรื่องตัวต้นเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับฝูหรง  เมื่อท่านพยักหน้าและหมุนตัวเดินนำออกไปก่อน  ผมจึงเดินตามไปแบบที่ไม่ต้องให้เรียกซ้ำ

“ทางหวางหย่งกังจะช่วยเข้าแทรกแซงราคาหุ้นของทางนั้น  ปั่นให้สูงเพื่อให้ซินจางได้ใจ  จนคิดหว่านซื้อมาเก็บไว้เองทั้งหมด  ก่อนจะสร้างข่าวทำให้ซินจางกรุ๊ปหมดความน่าเชื่อถือในวงการอสังหา  พร้อมส่งคนไปป่วนโครงการที่กำลังเปิดขายตอนนี้  และป่วนตลาดหุ้นอีกครั้งเพื่อฉุดราคาหุ้นให้ตก  พอเกิดปัญหารุมเร้าทั้งสองด้าน  การเงินหมุนไม่คล่อง  ที่สุดซินจางต้องขายหุ้นออกมาเพื่อพยุงธุรกิจ  ช่วงนี้บริษัทในเครือหวางหย่งกังที่ไม่เป็นที่เปิดเผยว่ามีตระกูลหวางเป็นเจ้าของ  จะกว้านซื้อหุ้นมาไว้ในมือให้มากที่สุด  และบีบซินจางทุกทางให้เทขายหุ้นจนมากกว่าครึ่งของที่มี  ถึงตอนนั้นตระกูลหวางจะถ่ายโอนหุ้นทั้งหมดที่ซื้อมาให้เรา  ก็ไม่ต่างจากที่ Joe  F.H.  Estate เข้าควบรวมกิจการซินจางกรุ๊ปมาไว้ในมือได้สำเร็จ”

สิ้นคำพูดของผมนั้น  ปาปายังคงเงียบและมีสีหน้าครุ่นคิดไม่เปลี่ยน  แต่ผมก็ไม่คิดจะเอ่ยอะไรออกไปอีก  เพื่อรอให้ปาปาพูดออกมาเอง  แต่ผมเชื่อว่าท่านต้องไม่ขัดแผนการครั้งนี้  แม้ท่านอาจจะไม่เห็นด้วยทั้งหมดก็ตาม  ด้วยซินจางทำเกินกว่าเหตุคิดทำร้ายคนของเราถึงขั้นหมายเอาชีวิต  การตอบโต้ครั้งนี้ย่อมต้องทัดเทียม  เอาให้ทางนั้นหมดหนทางกลับมาทำร้ายเราได้อีก  หากทำน้อยกว่านี้  ผมก็ไม่แน่ใจว่าพวกหมาลอบกัดจะคิดกลับมาทำร้ายกันอีกเมื่อไหร่  ซึ่งผมจะไม่ยอมทนอยู่กับความหวาดระแวงนี้แน่นอน

“เอาเถอะ  มาถึงขนาดนี้แล้ว  รอดูแล้วกันว่าซินจางกรุ๊ปจะตกหลุมพรางที่แกวางไว้มั้ย  ถ้าเป็นอย่างที่คิด  ถือว่าทางนั้นได้รับบทเรียนครั้งใหญ่ในสิ่งที่ตัวเองทำก็แล้วกัน”

ผมได้แต่นิ่งฟังปาปาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่แพ้ใบหน้า  แต่ท่าทางที่ดูเหมือนปกติแต่ไม่ปกตินั้น  สะกิดใจผมไม่น้อย  เพราะเสี้ยววินาทีก่อนที่ปาปาจะหลุบตามองมือที่กุมไว้ของตัวท่านเองบนโต๊ะนั้น  ผมเห็นแววตาหดหู่แบบที่ผมไม่เคยเห็นจากท่านมาก่อน  บวกความทรงจำเมื่อยามที่เราได้คุยกัน  ในครั้งที่ซินจางวางแผนป่วนการซื้อที่แถบชายทะเลของเรา  และทางนั้นพลาดไม่ได้ครอบครอง  ซึ่งเป็นสาเหตุเดียวกับการเกิดเรื่องวุ่นๆครั้งนี้ด้วย  ผมจำได้ว่าครั้งนั้นยามปาปารู้เรื่องทั้งหมดจากผม  ท่านก็มีแววตาหม่นๆให้ผมเห็นชั่วแวบ  จนผมคิดว่าตัวเองตาฝาดไปนั่นไงครับ 

‘ระหว่างปาปาและทางซินจาง  มันต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่อย่างแน่นอน’  ผมจะไม่มีวันรู้ความจริงได้เลย  หากไม่ใช่ความต้องการของปาปา  ถึงแม้ผมจะออกปากถามท่านตรงๆตอนนี้ก็ตาม 

ผมจึงเลือกที่จะเงียบและรอให้ท่านเป็นฝ่ายบอกให้รู้ด้วยตัวเอง  ด้วยเพียงเท่านี้ผมก็พอใจแล้วที่ท่านไม่ขัดแผนการที่วางไว้  เพราะนั่นหมายความว่าผมได้ทำในสิ่งที่อยู่ในขอบเขตที่ท่านรับได้

“เหนื่อยมั้ย  วันนี้ฝูหรงไม่น่าเข้าครัวเลย  เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลแท้ๆ”  ผมรวบเก็บปลายผมที่เริ่มยาวเข้าหลังใบหู  พร้อมส่งยิ้มใส่ตากลมๆที่จ้องมายังผมไม่กระพริบไปด้วย  ดูก็รู้แล้วว่าสิ่งที่จะได้ยินต่อไปคืออะไร

“ไม่เหนื่อยหรอก  สนุกสิไม่ว่า  งานนี้ต้องขอบใจจินนี่นะที่มาชวนฝูหรงเข้าครัว  หายเหงาเลยล่ะ  เพราะพอลนั่นแหละหายไปนานเกิน  รู้งี้ไม่น่าให้กินซุปหางวัวเลย”  แม้น้ำเสียงกระเง้ากระงอดสอดคล้องไปกับประโยคต่อว่าท้ายประโยคที่ผมได้ยิน  จะชวนเข้าใจไปว่าคนน่ารักงอนกันเข้าแล้ว  แต่ดวงตาสุกใสที่ผมจับจ้องอยู่นั้นช่างสวนทาง  เพราะดันฉายแววซุกซนได้อย่างน่าดู  ผมจึงยอมเล่นตามบทเป็นฝ่ายง้อกระต่ายน้อยขี้งอน

“กระต่ายน้อยยกโทษให้พอลเถอะน้า  อย่าโกรธเลย  พอลใจหายหมดแล้วรู้มั้ยเนี่ย  แต่เอ๊ะ!!”  ผมแอบยิ้มให้กับสีหน้าแปลกใจปนตกใจของฝูหรง  ด้วยผมเล่นส่งเสียงและตีหน้าตกใจเกินจริงซะขนาดนั้นนี่นะ  แต่ที่ทำไปเพราะอยากเรียกร้องความสนใจของคนน่ารักไว้กับตัวมากหน่อย

“ทำไมหัวใจพอลถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย  พอลหาตั้งนาน  ฝูหรงขโมยมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ...ฮึๆ”  คราวนี้ผมถึงกลับกลั้นหัวเราะไม่อยู่  เผลอกลั้วหัวเราะออกมาทันที 

ยามเห็นฝูหรงเบิกตาโตด้วยความตกใจ เพราะเข้าใจคำพูดแฝงนัยของผม  เมื่อผมจับมือนุ่มวางลงบนหน้าอกของตัวเค้า  ด้วยอยากจะบอกใบ้ว่าเจ้าตัวขโมยหัวใจผมไปอยู่กับตัวตั้งนานแล้วนั่นเอง

“หัวเราะทำไมเล่า  หยุดเลยนะ...ล้อดีนักใช่มั้ย  จำไว้เลย  ชิ!”  ทั้งๆที่ฝูหรงแก้มแดงก่ำ  แต่ดันถลึงตาใส่หวังให้ผมกลัว  แต่ท่าทางน่าเอ็นดูแบบนี้ใครจะกลัวกันครับ 

จากที่เพียงแค่อมยิ้ม  ผมกลับหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง  ก่อนฝูหรงเปลี่ยนจากอายกลายเป็นงอนจัด  คาดโทษผมจบก็หมุนตัวเดินหนีผมขึ้นห้องไปเลย

“ฮึๆ...อ้าว  ฝูหรง  รอพอลก่อน  ฮึๆ”  ดูท่าผมจะจิตอ่อนๆ  เห็นคนรักงอนแล้วมีความสุข  แต่ผมก็ไม่คิดจะปล่อยให้กระต่ายน้อยงอนนาน  ต้องรีบง้อครับเดี๋ยวเลยเถิดกลายเป็นโกรธแล้วจะยุ่ง

ส่วนวิธีง้อคงต้องเริ่มจากคำพูด  และคงต้องเป็นคำพูดที่หวานหูสักหน่อย  แต่ถ้าไม่ได้ผลคงต้องยกระดับเปลี่ยนมาง้อด้วยการกระทำแทน  กอดนิดหอมหน่อยให้กระต่ายน้อยใจอ่อนยอมยกโทษให้  ถึงขั้นนี้ผมเชื่อว่าคนน่ารักที่รักผมที่สุดนั้น  ต้องใจอ่อนกับผมอย่างแน่นอน  แต่จะว่าไปอีกใจผมก็อยากให้ฝูหรงงอนต่ออีกหน่อยนะ  เพราะวิธีการง้อขั้นกว่านั้นมันช่างน่าพิสมัยนัก 

จนทำให้นาทีนี้ผมตัดสินใจตีมึน  รวบตัวคนน่ารักที่กำลังแอบอมยิ้มไว้กับอก  ก่อนจะฉวยโอกาสขบเม้มริมฝีปากแดงฉ่ำเบาๆ  และสอดลิ้นผ่านกลีบปากที่เผลอเผยอออกนั้นเข้าไปชิมความหวานภายใน  แต่ยิ่งได้ลิ้มลองก็เหมือนจะยิ่งไม่พอ  ผมเผลอเอาแต่ใจกอบโกย  จนร่างน้อยอ่อนแรงทิ้งน้ำหนักให้ผมรองรับ  ก่อนผมจะปล่อยริมฝีปากฉ่ำหวานให้เป็นอิสระ  และช้อนตัวกระต่ายน้อยขึ้นอุ้มพาไปวางบนเตียง  ขั้นตอนหลังจากนั้นคงไม่ต้องบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น  แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ  เพราะผมไม่คิดจะเอาเปรียบคนรักที่เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลมากนัก  ด้วยหวังแค่ชื่นใจเล็กๆน้อยๆ  เพื่อทำให้ฝูหรงหลับสบายขึ้นเท่านั้นเอง

“พะ...พอล  ไม่ไหวแล้ว  ฝูหรง  อื้อออ”  ทันทีที่ฝูหรงกรีดร้อง  ผมก็อ้าปากเต็มที่เพื่อรับสายธารอุ่นที่พุ่งเข้าคอ  ก่อนกลืนกินสิ่งที่เป็นของคนรักไว้ทั้งหมด 

เมื่อเจ้าของร่างน้อยทิ้งตัวนอนลงบนเตียง  ด้วยทีท่าเหนื่อยอ่อนและพริ้มตาหลับสนิท  แต่มุมปากดันยกยิ้มน้อยๆเหมือนถูกใจ  ยามผมจูบซับไปตามผิวเนื้ออ่อนที่อมชมพูระเรื่อไปทั่วร่าง  จากหน้าท้องแบนราบที่มีรอยบุ๋มอยู่กลางลำตัว  มายังแผ่นอกบางที่ประดับด้วยเม็ดทับทิมสีสวยหนึ่งคู่  ถึงลำคอระหงที่กรุ่นกลิ่นหอมอ่อนๆติดจมูก  ไล่มาตามหลังใบหู  และจบที่มุมปากหวานๆ  ที่นาทีนี้กำลังคลี่ยิ้มสวยอย่างน่าดู  แต่เปลือกตาบางใสนี่สิที่ยังคงปิดสนิทไม่เปลี่ยน 

ผมจึงจงใจประทับจูบไปทั้งสองข้าง  จนขนตางอนหนาสั่นไหว  แต่ผมยังไม่ทันได้สบตากับดวงตาคู่กลมที่แสนน่าหลงใหล  วงแขนน้อยก็ยื่นมาโอบรั้งต้นคอ  ให้ผมโน้มตัวลงไปนอนเคียงข้าง  ก่อนผมจะยกร่างเปลือยขึ้นมาทาบทับให้นอนบนตัว  การกระทำของผมดันทำให้กระต่ายน้อยเริ่มรู้สึกตัว  ว่ามีเพียงตัวเองเท่านั้นที่เปลือยเปล่า  เพราะผมยังคงสวมเสื้อผ้าครบชุด  ฝูหรงผงกหัวขึ้นจากอกผม  ก่อนจะขมวดคิ้วยู่หน้าเข้าใส่  และทุบลงมาบนอกผมไม่เบานัก

“นี่แน่ะ!  เอาเปรียบกันดีนัก”  ผมรวบข้อมือเล็กทั้งคู่ไว้และรั้งต้นคอขาวลงมา  จนใบหน้ามู่ทู่แนบไปกับแผ่นอกอีกครั้ง  พร้อมกับที่ผมพยายามกลั้นยิ้ม  ด้วยขืนกระต่ายน้อยขี้โมโหเห็นเข้า  มีหวังโวยวายใส่ผมจนเอาไม่อยู่ 

เห็นตัวเล็กแบบนี้แรงเยอะใช่เล่น  ที่สำคัญขืนให้ฝูหรงดิ้นอยู่บนตัวผมมากกว่านี้  ไอ้ที่สงบไปแล้วคงได้ชูคอเรียกร้องความสนใจขึ้นมาอีกครั้งน่ะสิ  และคนที่จะลำบากก็คือคนน่ารักในอ้อมกอดนี่แหละ

“คืนนี้พอลอยากให้ฝูหรงหลับสบายต่างหาก  ไม่คิดเอาเปรียบ  ขอแค่ชื่นใจเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง  แต่ฝูหรงรู้มั้ย  ถ้ายังดิ้นอยู่แบบนี้  พอลคงได้เป็นอย่างที่ฝูหรงว่าพอลแน่ๆ”  สิ้นคำพูดของผมนั้น  ฝูหรงหยุดดิ้นทันที  แต่ยังไม่วายเงยหน้ามาตวัดค้อนวงใหญ่ส่งให้กัน 

ผมอดใจไม่ไหวจึงยื่นหน้าแตะจูบเข้าที่ปลายจมูกเชิดๆนั่น  ก่อนอาศัยจังหวะที่กระต่ายน้อยไม่ทันตั้งตัว  อุ้มร่างบางขึ้นและพาตรงเข้าไปยังห้องน้ำ  พร้อมวางฝูหรงลงในอ่างด้วยความเบามือ

“อาบน้ำหน่อยนะครับ  จะได้หลับสบาย”

“...อืม”  ฝูหรงหลบตาแสดงความห่วงใยที่ผมตั้งใจส่งไปให้  พร้อมตอบรับคำผมด้วยเสียงเบาๆที่ติดอยู่แค่ลำคอ  ก่อนจะนั่งกอดเข่าเพื่อซ่อนเนื้อตัวไปจากสายตาของผม

ผมเองก็ไม่คิดจะทัก  ด้วยอยากดูแลคนรักตัวน้อยอย่างที่ตั้งใจไว้  กระทั่งเนื้อตัวฝูหรงสะอาดหมดจดไปทั้งตัว  ผมจับเจ้าตัวห่อผ้าพาออกนอกห้อง  และแต่งตัวให้ด้วยชุดนอน  จนได้กระต่ายน้อยหน้าใสมายืนเงยหน้ามองผมตาแป๋วนั่นแหละ 

ภาพตรงหน้าทำให้ผมรีบสะกดกลั้นอารมณ์ดิบกลับลงไป  และยกยิ้มอบอุ่นให้ฝูหรง  แม้จะรู้สึกตัวอยู่เหมือนกันว่าตัวเองปากสั่น  เพราะขืนช้าเพียงเสี้ยววินาที  สิ่งที่ทำมาทั้งหมดคงศูนย์เปล่า  ด้วยผมคงเข้าไปขย้ำกระต่ายน้อยน่ารักอย่างแน่นอน

“ฝูหรงนอนก่อนได้เลย  พอลขอไปจัดการตัวเองก่อน”  ยังไม่ทันที่ผมจะหมุนตัว  ริมฝีปากนุ่มก็แตะเข้ามาที่ข้างแก้ม

“กู๊ดไนท์”  เจ้าของคำอวยพรแสนธรรมดาวิ่งปรู๊ดหนีผมทันทีที่พูดจบ

ผมได้แต่อมยิ้มให้กับก้อนกลมๆที่อยู่บนเตียง  และนึกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย  ที่ไม่พรากคนรักของผมไปก่อนเวลาอันควร  ผมสัญญาว่าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ทุกนาที  มอบความสุขแก่ฝูหรงให้มากที่สุด

.............................................

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

หวานเนอะๆ  ปลื้มปริ่มในความรักของคู่นี้จริงๆ
ต่างฝ่ายต่างอยากทำให้คนของตัวเองมีความสุข
ส่วนพวกซินจางที่เป็นต้นเหตุของเรื่องยุ่งๆจะได้รับผลอย่างไร
ตอนหน้าได้รู้กัน  และซินจางจะหมดฤทธิ์มั้ยต้องติดตามค่ะ
เจอกันอีกทีวันศุกร์จ้า  อีก 2 ตอนจบแล้วน้า

+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์  ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

ปล.แจ้งรีปริ้นท์นิยายชุด “เสน่ห์รัก” และ “บ่วงรัก” ค่ะ  ตามลิ้งค์ไปได้เลยน้า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43497.new#new

ปล2. แจ้งเปิด & โอนนิยายชุด “Lover”  ตามลิ้งค์ไปได้เช่นกันค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43768.new#new

ใครที่พลาดในรอบก่อนๆหรืออยากได้หนุ่มๆเก็บไว้  ติดต่อเข้ามานะคะ

 :pig4:   :กอด1:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
ฝูหรงน่ารักเนาะ :mew1:

ปล จะจบแล้วหรอเนี่ย :mew2:

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
คู่นี้หวานตลอดเลยอ่ะ

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
พอล นี่ก็หื่นตลอดอ่ะ ฝูหรง ยังไม่หายดีเลยนะ

5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
อ่าน 3 ตอนรวดเลยค่าา
จะจบแร้วง่าาาา ~.~
ดีจังที่กระต่ายน้อยออกจากงานมาให้พอลดูแลอย่างใกล้ชิด ^^

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
แล้วก็รู้ว่าอุบัติเหตุที่ฝูหรงโดน เกิดจากซินจางอยู่เบื้องหลัง  มีหวังซินจางเละแน่ๆ ยิ่งได้หลี่ผิงคอยช่วยด้วย

แต่ตอนนี้ที่อยากรู้คือ ปาปาของพอลกับซินจาง มีปัญหาอะไรกัน เดาว่าเคยแข่งกันจีบแม่ของพอลมาก่อน

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: {รักยุ่งๆของลูกครึ่งรูปหล่
«ตอบ #622 เมื่อ12-10-2014 18:50:03 »

หวานกันจริงๆคู่นี้ ใกล้จบแล้วด้วย~

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
หวานกันตล๊อดตลอดเลยคู่นี้
อิจฉาๆๆๆ
 :mew3:

ออฟไลน์ shijino

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
ฝูหรงน่ารักเนอะ โชคดีแล้วน้าพอล ที่ไม่เสียกระต่ายน้อยไป คราวนี้ก็ดูแลดีๆ อย่ามัวแต่หื่นล่ะ
ปล. อ่านคำว่าใกล้จบแล้ว ก็ใจหาย  :pig4:  :กอด1:

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
พอลดูแลฝูหรงดีมาก แต่ก็จ้องจะจับกินตลอด  :laugh:

ออฟไลน์ DarkAki

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
ต่ายน้อยขุดหลุมลึกอีกแล้วววว

แค่นี้เค้าก็ขึ้นมาไม่ได้แล้วน้าาาาาา งื้ออออ

อยากโดนต่ายน้อยอ้อนบ้างอ่าาาาาาา  :mew3:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ตอนที่ 29

เจินฝูหรง

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น  ฮึๆ  เดี๋ยวนี้กระต่ายน้อยของพอลขี้งอนบ่อยจังน้า”  น้ำเสียงและสีหน้าหยอกเย้าของคนข้างๆ  กวนโมโหให้ผมยิ่งยู่หน้ายื่นปากใส่มากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว  จนมีมือหนายื่นมาบีบริมฝีปากผมเบาๆ  พร้อมเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นกว่าเดิมนั่นแหละ  ผมถึงรู้ตัว  ซึ่งก็ทำเอาผมอดใจไม่ไหวฟาดมือใส่ท่อนแขนข้างนั้น  แบบไม่คิดจะออมแรง

“อื้อออ...[เพียะ!]...ชอบแกล้ง!  อ้อ!  ฝูหรงไม่ได้งอน  แค่ไม่พอใจที่พอลไม่ถามความเห็นกันก่อน  อยู่ๆก็รับฝูหรงเข้าไปเป็นเลขาแบบนี้  คงมีแต่คนนินทาว่าฝูหรงใช้เส้น  พอลเองก็จะเสียด้วย  ถ้าวันหนึ่งฝูหรงทำงานผิดพลาดขึ้นมา” 

เมื่อสองวันก่อนหลังจากผมบ่นว่าเบื่อที่ต้องอยู่บ้าน  โดยไม่มีหน้าที่ใดๆต้องรับผิดชอบ  เพราะไม่ได้ทำงาน  ด้วยตัดสินใจลาออกเพื่อความสบายใจของพอลและทุกคนในครอบครัว  จากเหตุการณ์ของอุบัติเหตุสองสัปดาห์ก่อนที่เกือบพรากเราทั้งคู่ให้จากกันตลอดกาล  ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมรับปากพอลทันทีที่เจ้าตัวขอให้ผมลาออก  ทั้งๆที่ก่อนหน้าผมปฏิเสธเสียงแข็งมาตลอด  ด้วยรักในงานที่ทำอยู่ไม่น้อย 

แต่นาทีนั้นเพื่อความสบายใจและตอบแทนความรักของพอลแล้ว  ผมคิดว่าการลาออกเป็นเรื่องเล็กไม่ใช่เรื่องใหญ่ของผมอีกต่อไปที่ผมจะทำเพื่อพอลได้  และทำเพื่อให้เราได้ใช้เวลาที่ผมก็ไม่รู้ว่าจะเหลืออีกเท่าไหร่  ให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างมีคุณค่าที่สุด  แต่ต้องยอมรับว่าการอยู่เฉยๆมันเป็นเรื่องน่าเบื่ออย่างที่สุด  จนผมต้องบ่นออกไปอย่างที่เล่าให้ฟัง

แต่อยู่ๆเมื่อเช้าขณะที่ผมกำลังจะแต่งตัว  พอลก็บอกให้ผมเลือกเสื้อผ้าให้สมกับที่ต้องไปทำงานเป็นเลขา  แรกรู้ผมยอมรับว่าจับต้นชนปลายไม่ถูก  จนพอลต้องรีบขยายความว่าไม่อยากให้ผมต้องเบื่อ  จึงรับผมเข้าทำงานเป็นเลขาส่วนตัวของตัวเอง  โดยไม่ถามความเห็นของผมสักนิด 

การที่ผมงอน  ‘เอ๊ะ!  เอิ่ม  นั่นแหละยอมรับว่างอนก็ได้’  ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจที่ได้กลับไปทำงานอีกครั้ง  แต่การเข้าทำงานโดยความเห็นชอบแค่คนๆเดียวมันไม่ถูกต้อง  แถมยังเป็นการเปิดตำแหน่งนี้เพื่อผมโดยเฉพาะ  ไม่ต่างจากที่ผมเป็นเด็กเส้นได้เข้าทำงานแบบที่ไม่ต้องผ่านการทดสอบใดๆ  ซึ่งผมไม่ชอบใจเลย  ด้วยไม่อยากให้คนอื่นๆในบริษัทคิดกับผม  เหมือนกับที่คนของโรงแรมหวางหย่งกังคิดกับมิสเคอหลาน  และมีสิ่งที่ผมกังวลที่สุดอีกอย่างคือ  หากวันหนึ่งผมทำงานผิดพลาดขึ้นมา  คนที่จะเสียหายที่สุดก็คือผู้ชายที่นั่งกินอาหารเช้าข้างๆผมคนนี้

“ฝูหรงอย่าคิดมากสิครับ  พอลเชื่อนะว่าจะไม่มีวันนั้น  ระดับอดีตเลขาคนเก่งของหวางหลี่ผิงทั้งคนนี่หน่า  และเพราะประวัติงานนี้ของฝูหรงเอง  พอลเชื่อว่าจะไม่มีใครนินทาฝูหรงลับหลังแน่นอน  มีแต่จะยินดีและชื่นชมพอลซะด้วยซ้ำ  ที่สามารถหาเลขาที่ทั้งเก่งและน่ารักมาทำงานด้วยได้”  เรื่องเก่งน่ะผมไม่แย้ง  แต่เรื่องน่ารักที่ได้ยินนี่สิ  ช่างไม่เข้ากับคุณสมบัติของเลขาที่จำเป็นต้องมีสักนิด  แต่คำๆนี้ก็ทำผมอมยิ้มกับชามอาหารตรงหน้าได้ 

คำพูดจริงจังผสมหยอกเย้าของพอลทำให้ผมคลายใจไปได้บ้าง  เพราะสุดท้ายผมเองก็ต้องพิสูจน์ให้คนอื่นๆได้เห็นถึงความสามารถในตำแหน่งเลขาของท่านรองประธานบริษัทอยู่ดี  ดังนั้นพอพอลชวนให้ผมกินโจ๊กปูตรงหน้า  ผมจึงไม่มีอิดออดยอมทำตามอย่างง่ายดาย  ก่อนผมจะได้นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปกับเจ้านายคนใหม่เพื่อเข้างานวันแรก  พอลเองก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ฮัมเพลงไปตลอดทาง  จนผมพลอยอารมณ์ดีและคลายความตื่นเต้น  ในการที่จะเริ่มงานใหม่กับสถานที่ทำงานใหม่ไปได้ 

ผมก็ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองซะทั้งหมด  ด้วยผมดันลืมโทรศัพท์ที่หยิบขึ้นมาคุยกับแพทริคที่โทรมาระหว่างทางไปบริษัทไว้ในรถ  จึงต้องเดินกลับมาเอาเอง  เพราะพอลโดนเลขาของปาปาโทรตามตัวให้ขึ้นไปพบท่านด่วน  ซึ่งจากสีหน้าแววตาเคร่งเครียดของพอลนั้น  ทำให้ผมต้องเร่งเจ้าตัวให้รีบไปพบปาปา  และปฏิเสธเสียงแข็งยามที่พอลบอกว่าจะเดินกลับมาที่รถพร้อมผม

เรื่องโทรศัพท์ไม่มีปัญหา  แต่ดันมาติดปัญหาที่ผมไม่สามารถขึ้นไปยังห้องท่านรองประธานได้  เพราะโดนกักตัวไว้ตั้งแต่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของบริษัท  ในเมื่อผมไม่เคยตามพอลมาที่นี่สักครั้ง  ย่อมไม่มีใครรู้จักผมมาก่อน  การที่อยู่ๆผมจะขอเข้าพบพอลโดยไม่มีนัดล่วงหน้า  และไม่ต้องถึงขั้นขึ้นไปเดินเฉิดฉายบนนั้น  โดยไม่แม้แต่มีคนรู้จักผม  มันเป็นเรื่องยากที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย 

ผมรู้ดีแก่ใจว่าตระกูลโจวให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างมาก  เห็นได้ชัดจากระบบรักษาความปลอดภัยของบ้านโจว  เพราะฉะนั้นกับบริษัทจึงน่าจะมีความเข้มงวดเรื่องนี้ไม่ต่างกัน  ดังนั้นผมจึงเข้าใจประชาสัมพันธ์สาวที่ทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี 

หลังจากผมตอบรับคำปฏิเสธของคนตรงหน้าพร้อมรอยยิ้ม  จึงคิดจะโทรหาพอลเพื่อให้พูดกับเธอโดยตรง  แต่ผมโทรไปเท่าไหร่เจ้าตัวก็ไม่รับสาย  อาการลุกลี้ลุกลนของผมเริ่มถูกจับตา  โดยที่มือก็ยังคงกดโทรออก  ส่วนปากก็ยกยิ้มเป็นมิตรให้ประชาสัมพันธ์สาวตรงหน้าไปด้วย  เธอเองก็ส่งยิ้มการค้ามาให้และจ้องผมไม่วางตาเช่นกัน  ผมโทรจนแน่ใจแล้วว่าคนปลายสายไม่กดรับแน่ๆ  จึงล้มเลิกความตั้งใจ  ก่อนเดินไปนั่งยังโซฟารับรองมุมห้อง  และได้แต่ภาวนาว่าตัวเองจะไม่โดนไล่ให้ออกนอกบริษัท  เพราะความไม่น่าไว้ใจไปเสียก่อน

ผมได้แต่หวังให้พอลผิดสังเกตว่าทำไมผมถึงไม่ขึ้นไปหาเสียที  และคิดจะโทรตามตัวกัน  ซึ่งตอนนั้นพอลคงได้เห็นสายที่ผมโทรเข้า  ก่อนจะจัดการอะไรสักอย่าง  เพื่อให้ผมรอดพ้นไปจากสายตาจับผิดในขณะนี้  และนาทีนี้หนักข้อถึงขั้นมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมายืนประกบผมใกล้ๆแล้วด้วย  ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายที่ต้องเสียเวลาอยู่ตรงนี้โดยเปล่าประโยชน์ 
แต่แล้วเสียงลิฟต์เปิดที่ดังขึ้น  ได้เรียกความสนใจของผมให้หันไปมอง  ในใจก็หวังว่าให้เป็นพอลที่ลงมาตามตัวผมด้วยตัวเอง  ซึ่งผมก็ต้องผิดหวัง  เมื่อกลุ่มคนตรงนั้นที่เดินออกมาไม่คุ้นตาสักคนเดียว  แต่ด้วยใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด  ไม่สมกับหน้าตาอันแสนน่ามองนั้น  ทำให้ผมติดใจมองคนๆนั้นที่เดินนำหน้ากลุ่มคนในชุดดำไม่วางตา 

จากการสังเกตยังแววตาคู่นั้นของผม  พบว่าเขาน่าจะมีอายุเลยวัยกลางคนไปไม่น้อย  เพราะมีดวงตาที่ยากจะหยั่งถึงความนึกคิดภายใน  แต่ใบหน้ากลับอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง  และท่าทางก็ดูคล่องแคล่ว  บวกการประเมินจากบรรยากาศรอบตัว  ผมก็พอรู้ว่าเขาไม่ธรรมดา  น่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งเลยล่ะ 

การจับจ้องแบบไม่ละสายตาของผม  ทำให้เขารู้สึกตัวว่ามีคนมองอยู่จนได้  ทันทีที่ดวงตาคมกล้าตวัดสายตามองมาทางนี้  ผมถึงกลับสะดุ้งด้วยไม่ทันตั้งตัว  และรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ  ยามที่เขาคนนั้นยกยิ้ม  แม้ภายนอกจะดูน่ามอง  แต่แววตาติดนิ่งที่อ่านไม่ออกคู่นั้น  กลับไม่สอดคล้องไปด้วยสักนิด  ยิ่งเขาที่ทำเพียงแค่ยืนนิ่งและส่งยิ้มมาให้ผม  ได้เดินมาทางมุมห้องที่ๆผมนั่งอยู่นั้น  ทำเอาผมไม่สบายใจกับท่าทางเหมือนถูกคุกคามนี้  จนกระทั่งเขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผมพร้อมรอยยิ้มเดิมๆ

“ตัวจริงน่าเอ็นดูอย่างนี้นี่เอง  มิน่าล่ะ...ตระกูลโจวถึงเป็นเดือดเป็นแค้นขนาดนั้น”  หลังประโยคนี้รอยยิ้มที่เคยมีบนใบหน้าน่ามองก็หายไป  แบบที่ผมจินตนาการไม่ออกว่าเคยมีมันอยู่  และเหลือเพียงแววตาขุ่นๆแฝงความไม่พอใจที่จ้องผมไม่วางตา

เมื่อผมกลายมาเป็นฝ่ายถูกจับจ้องด้วยสายตาที่แสดงออกชัดเจนว่าเขาคนนี้ไม่พอใจผมอยู่  ทำให้ผมเกิดความรู้สึกอึดอัดและไม่เข้าใจ  ว่าทำไมคนที่ผมมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักมาก่อน  ถึงมีทีท่าคุกคามและไม่พอใจผมมากขนาดนี้ด้วย  แต่ที่แน่ๆเขาต้องรู้จักผมผ่านคนในครอบครัวโจวอย่างแน่นอน  ซึ่งจะรู้จักในทางไหนผมก็สุดรู้  ไหนจะท่าทางที่เหมือนว่าเขายืนข่มผมที่นั่งอยู่อีกล่ะ 

ผมจึงเกิดอาการลุกลี้ลุกลนและมองหาตัวช่วย  ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เคยยืนใกล้ๆ  ก็ดันเดินไปคุยกับประชาสัมพันธ์สาวตรงนู้น  ก่อนทั้งคู่จะหันมามองผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  ผมจึงได้แต่หวังให้พอลลงมาตามตัวกันซะนาทีนี้  ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นยืนประจันหน้า  แม้ใจจะสั่นแต่ผมก็พยายามควบคุมสติให้มากที่สุด

“ขอโทษนะครับ  เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า”  จากประโยคคำถามที่ผมพยายามใช้น้ำเสียงเป็นมิตรและสุภาพที่สุดจบลง 

เขาตรงหน้าก็ยังคงจ้องมายังผมเช่นเดิม  แม้นาทีนี้จะยกมุมปากขึ้นยิ้มน้อยๆอย่างน่าดู  แต่ความรู้สึกที่ผมจับได้กลับไม่เปลี่ยนไปสักนิด  ด้วยเขายังคงไม่พอใจในตัวผมไม่เปลี่ยน

“เธอคงไม่รู้จักฉัน  แต่ฉันน่ะรู้จักเธออย่างดีเชียวล่ะ  และเพราะเธอคนเดียวที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้!!”  น้ำเสียงราบเรียบค่อยๆดังขึ้น  ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นดุตะคอกในท้ายประโยค  ทำเอาผมสะดุ้งและก้าวถอยหลังแบบไม่รู้ตัว  จนขาชนเข้ากับโซฟา  ก่อนผมจะกลับลงไปนั่งตามเดิม

ความรู้สึกผมตอนนี้บอกเลยว่าเริ่มกลัวผู้ชายตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาไม่น้อย  ยิ่งดวงตาที่เคยเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์เหมือนโกรธจัดด้วยแล้ว  ผมยิ่งผวาและได้แต่คิดถึงพอล  ซึ่งก่อนที่ผู้ชายชุดดำที่ล้อมตัวผมอยู่จะเข้าถึงตัว  โดยที่เขาคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิมนั้น  เสียงที่ผมคุ้นหูก็ดังขึ้น  ยิ่งได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเครียดขรึมตาวาว  ผมยิ่งดีใจอย่างบอกไม่ถูก  ก่อนจะรีบแหวกกลุ่มคนน่ากลัวเหล่านี้  และวิ่งเข้าหาเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยไม่เปลี่ยนทันที

“หยุด!  พวกคุณคิดจะทำอะไร!!...ฝูหรงไม่ต้องกลัวนะครับ”  ผมได้แต้พยักหน้าแรงๆกับอกแกร่ง  แต่ยังไม่ทันคิดจะพูดหรือทำอะไร  พอลก็จับไหล่ผมดันออก  ให้ไปซ่อนอยู่เบื้องหลังแผ่นหลังกว้าง  ปิดกั้นผมจากสายตาของเขาคนนั้น  ซึ่งก็ทำให้ผมรับรู้เพียงบทสนทนาที่ตอบโต้กันไปมา

“ฮึๆ  ฉันนี่นะคิดจะทำอะไรเด็กนั่นที่นี่  แค่อยากทักทายทำความรู้จักเท่านั้น...เพราะขนาดแผนที่ถูกวางไว้อย่างดียังไม่สำเร็จ  ขืนทำอย่างที่แกคิด  ฉันคงไม่ต่างจากคนโง่รึคนบ้าน่ะสิ”  เขาพูดถึงแผนอะไร  ผมไม่เข้าใจ  แต่ดูท่าพอลจะถูกใจในคำพูดนี้ไม่น้อย  เพราะเจ้าตัวถึงกลับกลั้วหัวเราะออกมา  แต่ก็เป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้ผมขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูก

“ฮึๆ  แต่ผมว่าคุณก็เป็น  ‘คน.....’  ที่ไม่ต่างจากคำพูดตัวเองที่หน่า”  พอลเว้นจังหวะเหมือนจงใจให้คนฟังได้เติมคำปริศนาเอง  แต่มันคำไหนล่ะ  ‘คน’  อะไร  อย่าบอกว่า  ‘คนโง่และคนบ้า’  นะ  ซึ่งนาทีถัดมาผมก็ได้คำตอบ

“ไอ้เด็กสามหาว  แกว่าฉันโง่และบ้าอยู่ใช่มั้ย!”  แค่ได้ยินน้ำเสียงตะคอกใส่  ผมก็พอเดาสีหน้าเขาออกว่าจะมีสีหน้าแบบไหน  ที่แน่ๆคงไม่ได้ยิ้มร่ามีความสุขแน่นอน

“ผมไม่ได้พูด  คุณพูดเองทั้งนั้นนะครับ...และผมขอให้คุณถอนคำพูด  ผมไม่ใช่เด็กสามหาวอย่างที่คุณว่า  แต่ถ้าผมทำให้คุณคิดกับผมแบบนั้น  มันก็มาจากผู้ใหญ่คิดน้อยอย่างคุณนั่นแหละ”  หากผมเป็นเขาคนนั้นคงยิ่งโกรธจัดยามได้ยินประโยคนี้ของพอล  ซึ่งในเสี้ยววินาทีถัดมาทำให้ผมรู้ว่า  คนที่โดนกระทบกระเทียบก็รู้สึกไม่ต่างจากที่ผมคิด

“ไอ้เด็กคนนี้  แก!...จับฉันทำไม  ปล่อย!  ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก  แค่นี้ก็ปล่อยให้มันจับตัวได้”  ผมอาศัยจังหวะชุลมุนที่คนรอบตัวส่งเสียงโวยวาย  ชะโงกหน้าผ่านข้างตัวพอลไปมอง

ภาพที่เห็นคือเขาและลูกน้องชุดดำถูกหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัทล็อกตัวไว้ทั้งหมด  สีหน้าแววตาของคนที่นาทีนี้ผมก็ยังไม่รู้จักชื่อนั้น  โกรธเกรี้ยวและตะโกนอย่างหัวเสียดูน่ากลัวมาก  ลดทอนใบหน้าที่แสนน่ามองที่ผมนึกชมแต่แรกไปจนสิ้น  ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนกั้นกึ่งปกป้องระหว่างผมกับเขา  พบว่าพอลเองก็จ้องกลุ่มคนตรงหน้าด้วยแววตาโกรธเคืองไม่ต่างกัน  จนผมเผลอกระตุกชายเสื้อสูท  ทำให้ใบหน้าคมเข้มชะงักนิด  ก่อนก้มลงมองสบตาผม 

แม้ในดวงตาคมจะเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว  แต่ผมกลับเห็นร่องรอยแห่งความไม่สบายใจแฝงอยู่ในนั้น  หรือพอลกำลังกลัวว่าผมจะโดนคนตรงหน้าทำร้าย  แต่นาทีนี้เขาก็ไม่สามารถทำร้ายผมได้แล้วนี่หน่า  และก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงไปมากกว่านี้  กลับมีเสียงเข้มกังวานแฝงอำนาจดังขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น!!”  ปาปาฟู่สือนั่นเองครับ  ท่านเดินอย่างมั่นคงก้าวย่างอย่างเชื่องช้า  เข้ามาเผชิญหน้ากับเขาคนนั้นแทนพอล

คนที่เคยโวยวายกลับหุบปากสนิท  เขาเลิกดิ้นเลิกขัดขืนและจ้องตอบปาปากลับอย่างเอาเรื่อง  แต่ก็เป็นอยู่ได้ไม่นาน  ก่อนจะเบือนหน้าหนี  แต่ผมกลับเห็นเป็นอาการสะบัดค้อนใส่เสียมากกว่า  ซึ่งผมน่าจะตาฝาดหรือเข้าใจผิดไปเอง  เพราะอาการสะบัดค้อนมันน่าจะเป็นกิริยาของคนที่งอนใส่กัน  และคนคู่นั้นต้องดูเป็นมิตรต่อกัน  มากกว่าผู้ใหญ่ทั้งคู่ตรงหน้าผมสิ 

ผมมาได้สติและหลุดออกจากความคิดไม่เข้าท่า  เมื่อรู้สึกว่าโดนพอลโอบไหล่และดึงตัวเข้าไปแนบชิดกับร่างหนา  แถมสายตาปลอบโยนที่จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว  ทำให้ผมยิ้มออกเพื่อสื่อว่าผมไม่เป็นอะไร  เจ้าตัวจะรู้มั้ยว่าผมรู้สึกปลอดภัยทุกครั้ง  ยามที่มีพอลอยู่เคียงข้างกันและโอบกอดผมไว้แบบนี้  ซึ่งพอลจะรู้ก่อนนี้หรือไม่ไม่สำคัญ  เพราะแค่นาทีนี้ลูกครึ่งรูปหล่อของผมยิ้มออกผมก็พอใจแล้ว

“ฉิงเจีย...เราน่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ”  น้ำเสียงราบเรียบติดเบื่อหน่ายของปาปาที่ดังขึ้น  ทำให้ผมสามารถละสายตาออกจากวงหน้าหล่อเหลาที่แสนน่าหลงใหลได้ 

ผมเพิ่งรู้ว่าเขาคนนั้นชื่อฉิงเจียและดูท่าน่าจะเป็นเพื่อนกับปาปาเสียด้วย  แต่ผมก็ต้องแปลกใจ  เมื่อเขาที่ปาปาเรียกว่าฉิงเจียได้เม้มปากไว้จนแน่น  และมีอาการที่ผมเรียกว่าสะบัดค้อนใส่ปาปา  พร้อมส่งเสียงไม่พอใจอยู่เพียงลำคอ  ‘ใช่เลย!  คราวนี้ผมดูไม่ผิด’  คุณฉิงเจียค้อนใส่ปาปาฟู่สือ

“เหอะ!  ลูกชายนายไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ก่อน  ฉันโมโหก็ไม่ผิด  สำคัญเรื่องที่เพิ่งคุยไป  ฉันเข้าใจและซาบซึ้งดีทีเดียวล่ะ  ไม่ต้องย้ำ  อ้อ!...เจ้าหนูไม่ต้องกลัวไปหรอก  ตอนนี้ฉันไม่มีปัญญาทำอะไรคนของแกได้หรอก  สู้เอาเวลาไปฟื้นฟูธุรกิจที่เด็กอย่างแกถล่มไว้ดีกว่า  ได้ประโยชน์กว่ากันเยอะ...แต่ก็อย่าเผลอแล้วกัน  ฮึๆ” 

คุณฉิงเจียแค่นหัวเราะปิดท้ายใส่พอล  ก่อนจะหันไปสบตากับปาปาอยู่ครู่หนึ่ง  ซึ่งชั่วแวบผมเห็นแววตัดพ้อจางๆ  ก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว  และเร็วพอๆกับที่เจ้าของแววตาประหลาดคู่นั้น  จะหมุนตัวเดินนำหน้าลูกน้องตัวเองออกไป 

ระหว่างที่ผมยืนสับสนกับสิ่งที่ได้เห็นนั้น  พอลก็ประคองผมเดินเข้าลิฟต์  ท่ามกลางสายตาพนักงานบริษัทที่ออกมาดูเหตุการณ์ระทึกก่อนหน้า  และปาปาก็พูดขึ้นมาเมื่อพวกเราสามคนมาอยู่ในลิฟต์ตามลำพัง

“แกเลิกกังวลเถอะ  การที่ฉิงเจียมาต่อรองกับเราถึงที่นี่  แสดงให้เห็นว่าพวกซินจางหมดหนทางแล้ว  เพราะคนๆนั้นหยิ่งในศักดิ์ศรีมากกว่าสิ่งใด  ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆไม่มีทางที่จะมาขอร้องเราที่นี่แน่นอน”  ปาปาพูดทั้งๆที่หันหน้าไปยังประตูลิฟต์  โดยที่ผมกับพอลยืนอยู่ด้านหลังท่าน 

ผมจึงไม่รู้ว่าปาปากำลังมีสีหน้าแบบไหน  แต่ที่ผมรู้คือคนข้างตัวนี่ต่างหาก  ด้วยพอลมีสีหน้าขัดใจอย่างเห็นได้ชัด  จนผมต้องเอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังกว้างเป็นการปลอบประโลม  โดยที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี่อยู่ดี  ผมรู้แต่เพียงว่าซินจางคือคู่แข่งสำคัญของตระกูลโจวเท่านั้น

พอลเองเหลือบตาลงมองผมนิดหน่อย  ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย  และพรูลมหายใจออกมาแผ่วเบา  แต่ในดวงตาคู่คมก็ยังเต็มไปด้วยแววดื้อดึง

“ยังไงผมก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี  คนๆนั้นตั้งใจขู่ฝูหรง  ทั้งๆที่ฝูหรงไม่รู้เรื่องอะไรด้วยสักนิด”  นั่นสิ  ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย

หลังคำพูดของพอลนั้น  ปาปาเงียบไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย  ก่อนท่านจะเดินแยกตัวออกไป  โดยที่พอลจูงผมเดินมาอีกทาง  ให้เดาคงพาผมมายังห้องทำงานที่อยู่อีกฝั่งของชั้นเดียวกัน  ทันทีที่เราอยู่ในห้องทำงานของพอล  ผมก็ไม่คิดจะปล่อยให้ความสงสัยในใจค้างคาอยู่อีกต่อไป  เอ่ยถามทันทีว่าฉิงเจียคือใคร  เกี่ยวข้องอะไรกับซินจาง  ตระกูลโจวมีเรื่องอะไรกับทางนั้น  และทำไมฉิงเจียถึงดูโกรธเคืองผมนัก

พอลจ้องผมอยู่พักหนึ่ง  ซึ่งผมก็ส่งสายตามุ่งมั่นรอคำตอบอย่างไม่คิดจะยอมแพ้  และผมก็สมใจ  เมื่อพอลยกยิ้มเพลียๆพร้อมลูบแก้มผมอย่างอ่อนโยน  ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยการยอมจำนน  แต่ผมก็ต้องแปลกใจ  เมื่อพอลเริ่มประโยคด้วยคำว่าขอโทษ

“ขอโทษนะครับที่พอลทำให้ฝูหรงเสี่ยงอันตราย  ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้สักนิด...”  ก่อนผมจะได้คำตอบทั้งหมดจากปากพอล  ผมก็เพิ่งได้รู้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อเร็วๆนี้  มันไม่ใช่เรื่องสุดวิสัยแต่เป็นความตั้งใจให้เกิดขึ้นของพวกซินจาง  จนผมอดหนาวยะเยือกขึ้นมาไม่ได้  และรู้ซึ้งถึงคำว่าผลประโยชน์อย่างแท้จริง 

แม้จะรู้สึกหวาดหวั่น  แต่ผมไม่แสดงออกไปให้พอลรับรู้  ด้วยท่าทางของคนรักที่ยิ่งเล่าออกมาเยอะเท่าไหร่  ผมยิ่งรู้สึกว่าพอลโทษตัวเองมากขึ้นเท่านั้น  ผมจึงกุมทับหลังมือข้างที่กุมมือผมอยู่ไว้อีกชั้น  ก่อนจะออกแรงบีบกระชับให้พอลได้คลายกังวลขึ้นมาบ้าง  พร้อมยิ้มหวานใส่ตาคู่คมให้พอลรู้สึกสบายใจขึ้น

“ไม่ใช่ความผิดของพอล  อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ  และต่อไปห้ามพูดว่าฝูหรงไม่เกี่ยวอะไรด้วยเด็ดขาด  เราเป็นคนรักกัน  ดังนั้นต้องเกี่ยวข้องกันในทุกๆด้านอยู่แล้ว  ไม่ว่าจะดีจะร้ายฝูหรงก็พร้อมจะเผชิญหน้าไปพร้อมพอล  และให้เชื่อเถอะว่าฝูหรงเข้มแข็งพอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  พอลเลิกกังวลเลิกคิดมากสักทีนะครับ”  ความกังวลในแววตาคมเข้มค่อยๆจางหาย  และส่องประกายวิบวับถูกใจเต็มหน่วยตาทันทีที่ผมพูดจบ 

ผมจึงยื่นหน้ากดปลายจมูกลงบนแก้มสากเบาๆเป็นการเอาใจลูกครึ่งรูปหล่อ

“กระต่ายน้อยทำไมน่ารักแบบนี้  พอลหลงจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว  ฮึๆ”  ไม่พูดเปล่า  พอลกลับรวบกอดผมเสียแน่น  และมีโยกตัวผมไปมาเหมือนกำลังมันเขี้ยวผมนักหนาด้วย  ก่อนจะจบด้วยเสียงหัวเราะทุ้มแผ่วที่ดังไม่พ้นลำคอ

แม้ไม่เห็นหน้าเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่น  ผมก็พอเดาได้ว่าพอลคงกำลังระบายยิ้มหล่อ  ชนิดที่ว่าทำให้ผมละลายได้เลยทีเดียวล่ะ  ผมปล่อยให้พอลกอดไปพักหนึ่ง  ก่อนส่งคำถามที่ติดใจออกไป  ซึ่งพอลก็ถอนใจบางเบา  และดันผมออกจากอ้อมกอด  จากการสังเกตเห็นสีหน้าแววตาหนักใจของพอล  ผมรู้ได้ทันทีว่าเจ้าตัวไม่อยากพูดเรื่องนี้นัก  แต่คงทนลูกอ้อนของผมไม่ได้อยู่ดี

“ฝูหรงไม่ได้ตาฝาดหรอกครับ  พอลก็เห็น...ปาปากับฉิงเจียเคยคบกันมาก่อน  แต่ก็เลิกลากันไป  เพราะฉิงเจียเลือกรักษาหน้าตาทางสังคมมากกว่าความรัก  เพื่อไปแต่งงานกับผู้หญิงที่ทางบ้านหาให้”  ยอมรับว่าสิ่งที่ได้ยินทำเอาผมประหลาดใจอย่างที่สุด  แต่ผมก็ยังมีสติพอที่จะฟังในสิ่งที่พอลเล่าต่อ

สรุปได้ว่าปาปากับฉิงเจียเคยคบหากัน  แต่ก็เป็นไปอย่างลับๆ  ด้วยในสมัยนั้นเรื่องการรักเพศเดียวกัน  ยังไม่ถูกยอมรับและเปิดกว้างเท่าปัจจุบัน  ซึ่งฉิงเจียที่เป็นลูกของคนมีหน้ามีตาในสังคม  เขาเลือกที่จะสะบั้นรักปาปาทันทีที่ผู้ใหญ่ทราบเรื่อง  ก่อนทางนั้นจะถูกคลุมถุงชนให้แต่งงาน  ปาปาในตอนนั้นเสียใจไม่น้อย  แต่ก็เข้าใจอดีตคนรักและยอมที่จะหันหลังให้เช่นกัน  ในช่วงที่ปาปาหลบไปรักษาแผลใจที่อิตาลี  ทำให้ท่านได้พบรักกับมามาอีลิน่า  ก่อนทั้งคู่จะพากันมาใช้ชีวิตคู่ที่ฮ่องกง 

เมื่อเวลาผ่านไปปาปามีพอล  แต่ฉิงเจียกลับไร้ซึ่งทายาท  และกลายมาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่คอยหาเรื่องขัดแข้งขัดขามาตลอดจนถึงปัจจุบัน  แต่เพราะการกระทำที่เราไม่รู้สาเหตุแท้จริงของฉิงเจียที่คอยหาเรื่องตระกูลโจวมาตลอด  บวกเข้ากับเหตุการณ์ล่าสุดที่ทางนั้นคิดจะใช้ผมแก้แค้น  ส่งผลให้ซินจางกรุ๊ปแทบไม่เหลือชื่อในวงการอสังหาฯอีกเลย 

กระทั่งวันนี้ฉิงเจียยอมลดศักดิ์ศรีมาขอร้องปาปาและพอลด้วยตัวเอง  เพื่อให้ยอมขายหุ้นคืนแลกกับทางนั้นจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับเราตลอดกาล  แต่จากคำพูดทิ้งท้ายกลับไม่เป็นอย่างที่รับปากไว้

ในความเห็นของผม  ฉิงเจียคงแค่ขู่และจงใจให้พอลหัวเสียเล่นเท่านั้น  เพราะจริงๆคงรู้ซึ้งอย่างดีเชียวล่ะ  ว่าหากอยากจะทำธุรกิจอีกครั้งไม่ควรลองดีซ้ำสอง 

จากเรื่องราวทั้งหมดผมได้แง่คิดดีๆข้อหนึ่ง  ว่าผมและพอลโชคดีที่สามารถครองรักกันโดยที่ไม่ถูกขัดขวางจากครอบครัว  และไม่ถูกกีดกันจากสังคมให้รู้สึกแปลกแยกหรือเป็นตัวประหลาด  จนต้องถูกแยกจากกันเหมือนปาปาฟู่สือและฉิงเจีย  ทำให้ต้องทนทุกข์จนไม่อาจลืม  ผมจึงพูดในสิ่งที่คิดออกไปให้พอลได้รับรู้  เพื่อให้เปลี่ยนมามองในมุมบวก  จากเรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้นแทน

“นั่นสินะครับ  พอลโชคดีที่ได้ฝูหรงกลับคืนมาอีกครั้ง  และเราโชคดีที่ได้ครองรักกัน  ท่ามกลางความเห็นชอบของคนในครอบครัว  ขอบคุณที่อยู่ข้างพอลเสมอนะกระต่ายน้อย”  ใบหน้าหล่อเหลาจ้องผมไม่กระพริบ  พร้อมส่งยิ้มละมุมให้ผมแก้มร้อนผ่าว  แต่คราวนี้ผมไม่คิดหลบตาเหมือนทุกที

“ขอบคุณพอลเหมือนกันที่ยังรอยังรักฝูหรง”  หากพอลตัดใจไปตั้งแต่ห้าปีก่อน  เราคงไม่มีวันนี้  คำขอบคุณที่ผมมีให้  ยังไม่เพียงพอสำหรับพอลเสียด้วยซ้ำไป

“รักกระต่ายน้อยมากนะครับ”

“อืม  รักพอลเหมือนกัน”

ผมไม่เคยเบื่อที่จะได้ยินคำรักของพอล  และไม่เคยอิดออดที่จะเอ่ยคำรักกลับคืน  เพราะผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้คือความสุขและยาชูใจของคนที่รักกันได้อย่างดีที่สุด

‘จงทะนุถนอมและเติมเต็มความรักของคุณให้ยั่งยืน  เหมือนที่ผมทำเพื่อความรักของผมนะครับ...ฝูหรงรักพอลที่สุด’

................................................

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

คงมีคนตกใจบ้างอ่ะนะที่ปาปาเคยคบกับฉิงเจีย
(แอบแผ่รังสีสีม่วงและรังสีวายไปให้รุ่นใหญ่   o18)
ซึ่งต้นเหตุของเรื่องวุ่นๆ  คงเป็นเพราะฉิงเจียยังอยาก
มีตัวตนในสายตาปาปาฟู่สือ  น่าเห็นใจเหมือนกันเนอะ
แต่ก็ทำเรื่องรุนแรงเกินเหตุไป  ยังดีที่ฝูหรงไม่เป็นอะไร

ส่วนคู่หวานก็ยังคงหวานคงเส้นคงวา  และตอนหน้าก็เป็น
ตอนสุดท้ายแล้ว  อยากขอกำลังใจให้คู่นี้ส่งท้ายด้วยค่ะ
เจอกับตอนสุดท้ายในวันพุธนะคะ

+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์  ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

ปล.แจ้งรีปริ้นท์นิยายชุด “เสน่ห์รัก” และ “บ่วงรัก” ค่ะ  ตามลิ้งค์ไปได้เลยน้า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43497.new#new

ปล2. แจ้งเปิด & โอนนิยายชุด “Lover”  ตามลิ้งค์ไปได้เช่นกันค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43768.new#new

ใครที่พลาดในรอบก่อนๆหรืออยากได้หนุ่มๆเก็บไว้  ติดต่อเข้ามานะคะ

 :pig4:   :กอด1:

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
ทำไมถึงต้องยอมให้ฉิงเจียมันง่ายๆจัง มันเล่นเอากระต่ายน้อยของเราเกือบตายเลยนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด