My Dear... Special Part 4 THE END (14/8/2557)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Dear... Special Part 4 THE END (14/8/2557)  (อ่าน 28437 ครั้ง)

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกมากๆ เลยครับ บรรยายก็ดี อ่านแล้วลื่นไหล
อยากให้วายุฟื้นเร็วๆ  แต่เหมือนเดียร์ก็ยังไม่ได้รักวายุนะ เหมือนจะสงสารมากกว่า หรือรักแล้วแต่ไม่รู้ตัว
แล้วถ้าวายุฟื้นแล้วความจำจะอยู่หรือเปล่านะ

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
เพิ่งเห็นเรื่องนี้โผล่มาในหน้าแรก เป็นกำลังใจให้นะคะ :mew1:

ลุ้นว่าเดียร์จะช่วยวายุได้มั้ย หวั่นใจแค่พี่ล๊อค แอบรักไม่ว่า แต่อย่าได้กลายเป็นคนไม่ดีทำร้ายเดียร์เพราะความรักเลยนะ

สู้ต่อไปค่ะผู้แต่ง :L2:

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ขอให้วายุฟื้นมาแล้วจำเดียร์ไม่ได้เถอะ เพี้ยง

ออฟไลน์ iiam

  • อัยแอม Bulan
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
Chapter 17


แหล่งโบราณคดีในจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นที่ที่อาจารย์พานักศึกษามาดูงาน  อาจจะยังไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าไรนัก เพราะเพิ่งเริ่มมีการค้นพบ ยิ่งเป็นเช่นนั้นยิ่งต้องให้ความสำคัญ

หลังจากนั่งรถมาตั้งแต่เช้า มาถึงที่สถานที่เป้าหมายก็ช่วงสาย

เดียร์เดินขนาบข้างพู่กัน ข้างพู่กันอีกฝั่งมีโต้งเดินอยู่ใกล้ๆ อาจารย์เดินนำอยู่ด้านหน้าลิบๆ นักศึกษาคนอื่นๆเดินประปรายตามๆกันไป  เพราะรถบัสเข้าไปจอดที่ด้านหน้างานไม่ได้ ทุกคนจึงต้องเดินเท้าบนถนนคอนกรีตเข้าไป กว่านักศึกษาจะเดินมาถึง อาจารย์ก็นั่งพักจนหายเหนื่อยแล้ว อาจารย์ไม่พูดพร่ำทำเพลง พานักศึกษาลงมือทำงานกันเลย

ระหว่างทำงาน มีพี่ๆวิทยากรคอยให้คำอธิบายอยู่ใกล้ๆ พี่ๆวิทยากรที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนักโบราณคดีที่ขุดงานนี้อยู่นั่นเอง

โครงกระดูกที่ยังขุดไม่เสร็จ บางส่วนถูกขุดจัดเรียงเป็นรูปร่างได้แล้ว บางส่วนยังถูกฝังอยู่ในดิน ใกล้ๆกันมีภาชนะเครื่องปั้นดินเผามากมาย ทั้งหม้อสามขา ทั้งไห ที่สำคัญมีโครงกระดูกบรรจุอยู่ในไหด้วย

เดียร์เดินตามพี่วิทยากรสาวสวยคนหนึ่ง โต้งกับพู่กันตามเดียร์มาติดๆ

“ขุดหาหม้อกันก่อนดีกว่า” พี่สาววิทยากรมาคอยคุม พาไปหาเนินดินที่ยังไม่ถูกแซะ เมื่ออุปกรณ์พร้อม เดียร์ค่อยๆแซะหาซากภาชนะดินเผา  ไม่วายยังได้ยินพี่คนสวยเอ่ยบอกเบาๆ “แยกหม้อกับโครงกระดูกดีๆนะ”

เดียร์ยิ้มสดใสส่งไปให้พี่สาวคนนั้น โต้งกับพู่กันนั่งรอบล้อมพี่สาวคนนั้นอยู่ไม่ไกล

ชายเสื้อยืดของเดียร์กระตุกตามแรงดึงของอะไรบางอย่าง

และรู้สึกว่ามันกระตุกมาพักใหญ่แล้วด้วย…

“เดียร์… เอาจริงหรือ? น่ากลัวนะ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆ

คนตัวเล็กเงยหน้ามองร่างสูงที่นั่งเกาะชายเสื้อเดียร์ซะแน่น

วายุยังจับยึดชายเสื้อเดียร์ไม่ปล่อย ตอนแรกวายุเกาะแขนเดียร์เลยแหละ จนเพื่อนในคณะเดินมาทักว่าเดียร์เดินแปลกๆ จะไม่ให้แปลกได้อย่างไร วายุเล่นจับยึดแขนข้างหนึ่งซะแน่น จนมันไม่แกว่งเลย

พอโดนเดียร์เอ็ดไปเบาๆ วายุเลยยอมมาจับชายเสื้อเดียร์แทน

อย่ามีใครสังเกตเห็นนะ

“จะกลัวทำไมวายุ  อย่างกับนายไม่ใช่วิญญาณอย่างนั้นแหละ” เดียร์เอ็ดไปเบาๆ ให้มันเบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้

“โถ่…เดียร์”

“ถ้ากลัวก็ไปรอข้างนอก”

“ไม่เอา!” วายุออกแรงจับชายเสื้อเดียร์แน่นขึ้น เดียร์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ  แค่วายุยอมอยู่นิ่งๆ ไม่กวนเวลาทำงานก็โอเคแล้ว

วายุเชื่อฟังเดียร์เป็นอย่างดี ก็แค่เดินตามเดียร์ไม่ห่าง จับเสื้อคนตัวเล็กไม่ปล่อย คอยเขม่นคนอื่นๆที่แอบมองเดียร์ (ถึงมันจะไม่รู้ว่าโดนเขม่นก็เถอะ)  แค่นั้นเดียร์ก็ทำงานได้อย่างราบรื่น

เดียร์กำลังตั้งใจแงะเศษหม้อออกจากก้อนดิน เขย่าเศษดินให้กะเทาะออก ข้างๆเดียร์มีเศษทั้งหม้อ ทั้งไห กองอยู่ใกล้ๆ … กองเริ่มสูงขึ้นแล้ว  เดียร์หอบกองเศษหม้อทั้งหมดไว้ในมือ เอาไปใส่ในตะกร้ารวมที่วางอยู่ไม่ไกล  ในจังหวะที่เดียร์หันกลับมา ดันพลาดท่าสะดุดกับถังเปล่าที่วางอยู่ใกล้ๆ 

“เฮ้ย!!” เสียงใสตะโกนลั่น สายตาใสเหลือบไปเห็นซากหม้อ ไหที่วางกองกันอยู่ในดิน คนตัวเล็กหลับตาปี๋ เผลอกลั้นใจ …งานนี้มีเอาหน้าซุกหม้อแน่ๆ

แต่ยังไม่ทันที่จะล้มลงไปได้ 180 องศา ร่างของเดียร์ก็ลอยอยู่กลางอากาศในท่าไมเคิล แจ็คสันเอนตัวไปข้างหน้า เกือบ 60 องศา

เฮ้ย!!! มันจะเป๊ะไปแล้ว

“ระวังหน่อยสิ” เสียงทุ้มดังอยู่ริมหู วายุประคองเดียร์ให้กลับมาตั้งหลักบนพื้นดิน  คนตัวเล็กได้แต่กระพริบตาปริบๆ สายตายังจับจ้องหม้อไหที่กองอยู่ด้านหน้า

“ขะ…ขอบใจ” เอ่ยเบาๆ ผละไปรวมกับพู่กันและโต้ง

สองคนนั้นไม่เท่าไร ชินกับเรื่องแปลกๆแบบนี้บ้างแล้ว แต่คนอื่นๆนี่สิ … 

พี่วิทยากรคนสวยถึงกับหันมาชมเดียร์ยกใหญ่ ว่าเดียร์ทำท่าแบบนั้นได้อย่างไร  เดียร์ได้แต่ยิ้มแหยๆไปให้ 
ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นวายุยืนมองอยู่ไม่ไกล รอยยิ้มหล่อ ประดับอยู่บนใบหน้าคม แค่เดียร์มองดวงตาคู่นั่น ก็ต้องรีบหลบสายตาทันที

หลังจากขุดกันไปพักใหญ่ ในที่สุดอาจารย์ก็ให้พัก นักศึกษาทยอยไปล้างมือ ทำความสะอาดร่างกายตามพอใจ  งานที่ให้ลงมือขุดมีแค่ที่เดียว ส่วนที่อื่นๆ จะไปดูพิพิธภัณฑ์ที่ขุดเสร็จแล้ว

“ต่างกันยังไงหรือเดียร์?”  วายุเดินขนาบข้างเดียร์ขณะกลับขึ้นรถ และอย่างเคย อาจารย์เดินนำไปก่อน บางทีอาจถึงรถแล้ว ส่วนนักศึกษาก็เดินตามๆกันไป ยังมีอีกหลายคนเดินรั้งท้ายเดียร์อยู่

เดียร์หันมามองหน้าวายุ สีหน้าสงสัยเหมือนเด็กๆ

เดียร์เผลอยิ้มออกมากับสีหน้าน่ารักๆแบบนั้น…

รอยยิ้มของคนตัวเล็ก ทำเอาวายุชะงักไปเช่นกัน…

“เดียร์ยังไม่ตอบเลย” วายุกระพริบตาปริบๆ มือหนาเกาท้ายทอยเก้อๆ หันซ้ายหันขวาอย่างทำอะไรไม่ถูก

“หมายถึง ที่ที่เราจะไปต่อหรือ?” คนตัวเล็กถามกลับไปเบาๆ  วายุพยักหน้าหงึกหงัก

“ต่อไปเราจะไปดูพิพิธภัณฑ์ แต่ที่เรามาก่อนนี้คือแหล่งโบราณคดีที่ยังขุดไม่เสร็จ ถ้าขุดเสร็จ ก็คงเป็นพิพิธภัณฑ์เหมือนกัน”

วายุร้องอ๋อขึ้นมาเบาๆ  …ริมฝีปากคมยกยิ้มน้อยๆ  สายตามคมมองนิ่งที่คนตัวเล็ก 

ไม่นานก็เดินมาถึงรถ เดียร์เดินเข้าไปประจำที่ตัวเอง วายุเดินตามมาติดๆ

“หน้าฉันมีอะไรติดอยู่หรือเปล่า?” เดียร์แค่นเสียงถามร่างข้างๆเบาๆ  วายุยังคงมองนิ่งที่ใบหน้าใส เดียร์ชักไม่มั่นใจ หันไปส่องเงาตัวเองจากกระจกบานใสของหน้าต่างรถ มือบางลูบไปทั่วหน้า … อาจจะเลอะจากที่ไปขุดหม้อเมื่อกี๊  วายุถึงได้เอาแต่จ้องหน้าเดียร์แบบนี้ ถ้ามีอะไรติดอยู่ก็บอกกันหน่อยสิ

“น่ารัก”

เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้น ทำเอาเดียร์หันขวับ “ฮะ?!”

เดียร์ว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดนะ …ที่วายุพูดมันหมายความว่ายังไง!

ไม่มีประโยคตอบโต้จากปากวายุ

ร่างสูงอมยิ้มน้อยๆกับท่าทางของคนตัวเล็ก มือหนาวางลงบนศีรษะของคนตัวเล็ก โยกโคลงน้อยๆ ผละออกมากอดอก แต่กระนั้น สายตาคมก็ยังไม่ละไปจากใบหน้าใส

“’เขา’มาด้วยหรือวะ?” เสียงใสที่ดังมาจากอีกฟากของรถ เรียกสติให้กลับเข้าร่าง  คนตัวเล็กกระพริบตาปริบๆ  ปรับโฟกัสสายตาให้มองทะลุร่างโปร่งแสงข้างๆ  .. พู่กันกับโต้งมองมาทางเดียร์เป็นตาเดียว ตั้งแต่เห็นเดียร์มีท่าทีแปลกๆ

“อะ…เออ ‘เขา’มาด้วย” พู่กันกับโต้งเผลอลมหายใจสะดุดไปน้อยๆ  เดียร์พยายามไม่สบตากับร่างข้างๆ ความรู้สึกถูกมองอย่างกับจะกลืนกินแบบนี้ มันเรียกเลือดขึ้นมากองรวมกันที่ใบหน้าได้ไม่ยาก คนตัวเล็กหันหน้าไปทางหน้าต่าง หนีสายตาคมคู่นั้น…





กว่าจะถึงสถานที่ต่อไป ดวงตะวันเริ่มคล้อยตามเวลาบ่ายของวัน

อาจารย์พาทานข้าวเที่ยงก่อนเริ่มชมพิพิธภัณฑ์

สถานที่แห่งนี้ ก่อนจะมาเป็นพิพิธภัณฑ์ ก็เป็นแหล่งโบราณคดีมาก่อนเช่นกัน คล้ายๆกับสถานที่ที่ไปขุดกันมาในตอนเช้า
ต่างตรงที่ ที่ตรงนี้เป็นสถานที่จัดแสดง ของทุกชิ้น กระดูกทุกส่วน มีตู้กระจกกั้นไว้หมดแล้ว 

วิทยากรอธิบายที่มาและความสำคัญของโครงกระดูกที่ถูกรักษาไว้และความเป็นมาของวัตถุแต่ละชิ้นที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์
 
เดียร์เดินดูรอบๆพิพิธภัณฑ์ด้วยความสนใจ โต้งก็ไปที่ตู้กระจกตู้หนึ่ง พู่กันก็ไปที่ตู้กระจกอีกตู้หนึ่ง  รวมไปถึงร่างโปร่งแสงที่เดินไปอีกตู้หนึ่ง

ท่าทางสนใจของวายุ…ทำเอาเดียร์เผลอยิ้มออกมาน้อยๆ

“เดียร์… เขาให้ลองจุดไฟได้ด้วย” วายุตามไปยืนข้างๆวิทยากร เดียร์เห็นอย่างนั้นแล้วแอบกลั้นหายใจเบาๆ

วายุไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ตอนไหน! ดูสิ ยื่นหน้าไปจนจะชิดวิทยากรอยู่แล้ว  พี่วิทยากรที่นี่เป็นผู้ชาย ตัวใหญ่พอๆกับวายุ พอวายุไปยืนแทบจะแนบหน้ากับพี่วิทยากรแล้ว ภาพที่เดียร์เห็นอยู่คนเดียว ทำเอาเดียร์รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก

หวังว่าพี่วิทยากรจะไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของวายุนะ

เดียร์มองหินเลียนแบบที่วางกองอยู่ในชั้น วายุยืนมองหินเหล่านั้นด้วยความสนใจ

ชั้นที่บรรจุหินที่มีรูปทรงคล้ายๆกัน ขนาดของหินคือเท่าหนึ่งกำมือ รูปร่างกลมมน  น้ำหนักเบากว่าของจริงๆเล็กน้อย เพราะเป็นหินที่ทำเลียนแบบไว้ให้ผู้สนใจได้ลองใช้ดู

หินที่ว่ามีไว้ศึกษาเรื่องการจุดไฟของคนในสมัยโบราณ ถ้าอยากรู้ว่าในสมัยโบราณจุดไฟยากแค่ไหน ผู้ที่สนใจสามารถลองกะเทาะหินดูได้

วิทยากรเดินนำไปที่ตู้กระจกตู้อื่น เดียร์กำลังจะผละออกไป พลันเห็นวายุค่อยๆยกหินขึ้นมาจากชั้น แค่นั้นเดียร์ก็ปรูดเข้าไปแย่งหินออกมาจากมือหนาทันที

“ทำอะไรวายุ!” คนตัวเล็กแค่เสียงเบาๆ วายุตีหน้าเหรอหรามาให้

“ลองดูเดียร์ ผมลองคำนวณค่าแรงเล่นๆดูแล้ว ไม่น่าจะยากนะ”

วายุยักคิ้วน้อยๆให้คนตัวเล็ก ไม่ได้สนใจว่าเดียร์ตกใจแค่ไหนที่เห็นวายุยกหินขึ้นมาแบบนั้น ถ้าใครมาเห็น ก็จะเห็นแค่ก้อนหินลอยได้แค่นั้นแหละ!

“วางลง! เดี๋ยวก็มีใครมาเห็นหรอก” เดียร์กระซิบออกไปให้ดังที่สุด  วายุเพียงส่ายหน้าน้อยๆให้คนตัวเล็ก

“ไม่มีใครเห็นหรอก” ร่างสูงยิ้มน้อยๆ มือหนาออกแรงเอาหินหนักๆสองก้อนมากระทบกัน ไม่ทันไรก็เกิดประกายวาบ เดียร์เผลอตกใจไปกับประกายไฟนั้น

“วายุ!”

“ลองดูสิ” ไม่พูดเปล่า วายุยื่นหินให้เดียร์หนึ่งก้อน สายตาคมมองมืออีกข้างที่กำหินไว้แน่น

“ไม่กล้าอ่ะดิ๊~ จะมีแรงเร๊อ~~” วายุแซวจนเดียร์ขมวดคิ้วมุ่น

เห็นคนตัวเล็กแสดงท่าทางไม่พอใจ… อดมองไม่ได้ที่จะจ้องมองใบหน้าหวานๆนั้น

“อย่ายั่วโมโหกันนะ” เดียร์แค่นเสียงให้เบาที่สุด

“จะไม่ลองดูจริงๆหรือ?”  วายุยักคิ้วน้อยๆ เป็นเชิงท้าทาย

เดียร์เห็นอย่างนั้นได้แต่กัดริมฝีปากล่างแน่น … วายุกระตุกยิ้ม

“กัดปากอีกแล้วนะ” ร่างสูงเอื้อมมือมาจับปลายคางของคนตรงหน้า  เดียร์รีบปัดมือนั้นออกจากการคุกคาม  หันไปตั้งท่าเตรียมกะเทาะหินอย่างที่วายุทำ

“คอยดูนะ” เดียร์กำหินไว้ในมือแน่น ออกแรงกะเทาะหินสุดแรง แต่ทว่า… กลับไม่มีประกายไฟใดๆเล็ดลอดออกมาเลย  คนตัวเล็กขมวดคิ้วแน่น ออกแรงกะเทาะหินอีกหลายครั้ง แต่ก็ตามเคย…  ไม่มีประกายใดๆให้เห็นเลย  คนสมัยก่อนเขาต้องออกแรงกันขนาดไหนนะ กว่าจะได้กองไฟหนึ่งกอง

“ทำไมไม่มีอะไรเลยล่ะ” คนตัวเล็กพึมพำเบาๆ สองมือเล็ก ออกแรงกระทบหินอีก … วายุอมยิ้มน้อยๆ

ร่างสูงเดินเข้าไปซ้อนแผ่นหลังบาง มือหนาทั้งสองข้างเอื้อมมาจับมือบางไว้ทั้งข้างซ้ายและขวา  จมูกโด่งสัมผัสเรือนผมนุ่มที่เริ่มชื้นเหงื่อน้อยๆจากการลงงานที่แรก ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยอยู่ริมหูของคนในอ้อมแขน

“ลองดูอีกครั้งนะ” วายุกระชับมือบางทั้งสองข้างให้จับหินไว้ให้แน่น  …ออกแรงบังคับมือน้อยๆนั้น จับหินกะเทาะกัน …ตามมาด้วย ประกายไฟสว่างวาบ

“เห็นไหม? ทำได้แล้ว” วายุซุกจมูกไล้แก้มเนียนอีกครั้ง ก่อนค่อยๆผละออกมา …  เดียร์ยังกำหินไว้ในมือแน่น ดวงตากลมโตพยายามเบือนหลบสายตาคม ใบหน้าใสเจือสีชมพูฝาด

“เฮ้ย! เดียร์ทำได้ด้วย เมื่อกี๊กูลองตั้งนาน ไม่เห็นได้เลย” เสียงทุ้มของเพื่อนร่วมคณะดังมาจากที่ไกลๆ  เดียร์รีบวางหินทั้งสองก้อนลงไปบนชั้น ตั้งท่าจะวิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ..พลาดไปนิดเดียวตรงที่เผลอสบตากับร่างสูง … สายตาโลมเลียแบบนั้นทำเอาเดียร์ต้องรีบวิ่งหนีไปพร้อมๆกับความร้อนที่ลามไปทั้งใบหน้า

วายุเดินตามไป ความรู้สึกวูบวาบคับพองไปทั้งอก

“แขนเดียร์เล็กนิดเดียว มีแรงกะเทาะหินด้วย” เพื่อนชายร่วมคณะทักเดียร์ขึ้นมา ข้างๆกันมีเพื่อนๆของผู้ชายคนนั้นล้อมอยู่ เพื่อนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มรั้งท้ายของวิทยากร อยู่ตรงนี้ แทบไม่ได้ยินอะไรที่วิทยากรพูดเลย

เดียร์พยายามมองหาพู่กันกับโต้ง …  เห็นอยู่ไม่ไกลจากวิทยากรมากนัก

“เก่งนะเนี่ย เอาแรงมาจากไหนเยอะแยะ” เพื่อนในก๊วนของชายคนนั้นเริ่มเข้ามายืนใกล้ๆเดียร์

“กู… ฟลุ๊ค พวกมึงลองไปทำดูอีกรอบสิ” เดียร์พยายามเดินอ้อมคนอื่นๆ ไปใกล้วิทยากรให้มากขึ้น

“เดียร์ทำให้ดูอีกรอบหน่อยสิ” ผู้ชายคนแรกที่ทักเดียร์ เป็นคนเอ่ยชวน  พลางเอื้อมมือมาจับมือเดียร์ แต่ช้ากว่าใครอีกคนอยู่ดี

“ทำไมชอบละล้าละลังนักนะ” วายุฉุดมือบาง ออกแรงดึงมือเดียร์ไว้ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะโดนตัวเดียร์ได้ คนถูกลากไม่ทันตั้งตัว ได้แต่เดินตามแรงดึง มาโผล่อีกที ก็พบว่ายืนอยู่ข้างพู่กันซะแล้ว

“โทษที….” เดียร์ที่พรวดพราดเข้ามา ได้แต่ยิ้มแหยๆไปให้เพื่อนที่อยู่ใกล้ๆทุกคน โต้งกับพู่กันมองว่าเป็นเรื่องเกือบปกติ แต่คนอื่นๆดูตกใจไม่น้อยที่เดียร์พรวดพราดเข้ามาแบบนั้น

“พวกมันแอบมองเดียร์ตลอดเลยนะ เผลอไม่ได้ ไอ้พวกนี้” วายุจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ มือหนายกขึ้นกอดอก ยืนประกบเดียร์ไม่ห่าง

คนตัวเล็กพยายามไม่ต่อความยาวสาวความยืดกับร่างสูงข้างๆ พยายามตั้งสติ โฟกัสไปที่วิทยากรที่บรรยายอยู่ ไม่วายยังได้ยินวายุพึมพำเบาๆ

“มองอย่างเดียว กูก็หวงเว้ย!”


 

# My dear


ทักทายคุณ insomniac  คุณ route rover และ คุณ Alone Alone

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นค่ะ ... มีกำลังใจขึ้นมาเลย ^^

บางทีคำอธิษฐานของคุณ Alone Alone อาจจะเป็นจริง(?)  ^^




เจอกันตอนต่อไปค่ะ ^_^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2014 23:54:31 โดย iiam »

ออฟไลน์ plengpit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
 :-[ เดียร์น่าร้ากกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เยอะไปนะ เยอะไป  เขายังไม่ได้ตกลงอะไรกับตัวด้วย
ก็ไปอาละวาดคนอื่นซะ เป็นวิญญาณที่เอาแต่ใไร้สาระจริงๆ
ถ้าเขาเมินใส่จะสมน้ำหน้าให้ คนที่โดนอาละวาดใส่ก็ใจดีจัง

ออฟไลน์ iiam

  • อัยแอม Bulan
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2

Chapter 18



แสงอาทิตย์เริ่มจางลง ดวงจันทร์ลอยเด่นบนฟากฟ้าตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน  รถบัสของมหาวิทยาลัยขับเคลื่อนไปตามถนนคอนกรีตเล็กๆตามทางเข้าหมู่บ้าน บางที่คอนกรีตขาดตอนไป มีเพียงดินลูกรังให้รถแล่นผ่านไปได้บ้าง   สองข้างทางของถนนเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่เรียงชิดติดกัน ทุ่งนากว้างเป็นฉากหลังอยู่ไม่ไกลนัก…

“เรากำลังจะไปไหนกัน?” เสียงทุ้มข้างๆเดียร์ดังขึ้น

วายุนั่งมองทิวทัศน์สองข้างทาง ท่าทางสนใจ ชะโงกหน้า ชะแง้คอ เหมือนเด็กๆ   

..คนตัวเล็กอมยิ้มน้อยๆ

“ดูตื่นเต้นจังเลยนะ” เดียร์กระซิบไปเบาๆ …วายุเลยหันมายิ้มยิงฟันให้

“ก็ไม่เคยมานี่นา…” วายุกลับไปชะโงกหน้าต่างต่อ เดียร์ผงะถอยหนีตามสัญชาตญาณ เมื่อวายุชะโงกหน้ามาเสียเกือบชิด คนตัวเล็กลมหายใจสะดุดโดยไม่รู้ตัว…

อย่าคิดว่าวายุจะไม่เห็นท่าทางแบบนั้นของคนตัวเล็ก … จุดยิ้มน้อยๆประดับที่ริมฝีปากคม

หลังจากนั่งรถผ่านหมู่บ้านมาหลายหมู่บ้าน ในที่สุดก็มาถึงเป้าหมาย สถานที่ที่เป็นที่หลับนอนของทุกคนในค่ำคืนนี้

ภาคสนามวิชาโบราณคดี… ต้องจัดให้มีดูโบราณสถานสักหน่อย แต่ในเวลาค่ำมืดแบบนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะไปเดินชมโบราณสถานแน่ๆ  ทางเลือกที่ดีที่สุดตามความคิดของอาจารย์ คือนอนในหมู่บ้านใกล้ๆโบราณสถานเลยนี่แหละ

นักศึกษาแต่ละคน หอบกระเป๋าที่เตรียมมา เข้าไปพักในบ้านที่ถูกเตรียมไว้ต้อนรับ …เป็นบ้านที่ใหญ่พอสมควร มีพื้นที่โล่งในตัวบ้าน  กว้างพอที่จะรองรับนักศึกษาทั้งหมดที่มา แน่นอนว่ารวมไปถึงอาจารย์ด้วย  นอกจากนี้ เจ้าบ้านยังจัดหาอาหารมื้อเย็นต้อนรับเป็นอย่างดี ทุกคนที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน เลยพากันฟาดอาหารซะเกลี้ยง กินอิ่มกันแล้ว  อาการอยากชำระล้างร่างกายก็ตามมา  แต่เนื่องจากเป็นบ้านของชาวบ้าน … ถึงจะเป็นบ้านของผู้ใหญ่บ้านก็เถอะ  …  สิ่งที่รองรับคนจำนวนมากแบบนี้ในเวลาเดียวกันลำบากหน่อย คือ….ห้องน้ำ

เดียร์กับพู่กันออกมาเดินเล่นข้างนอก ใกล้ๆกันนั้น อาจารย์กำลังนั่งคุยอยู่กับลุงผู้ใหญ่อย่างออกรสชาติ

เดียร์ได้ยินลุงผู้ใหญ่บ้านคุยกับอาจารย์ว่า ตอนแรกมีห้องน้ำห้องเดียว แต่หลังๆเริ่มมีคณะทัวร์มาพักบ่อย คล้ายๆกับที่อาจารย์พามา เลยสร้างห้องน้ำเพิ่มอีกห้อง  เป็นสองห้อง… แต่ถ้ายังไม่พอ คงต้องสร้างเพิ่มอีก  แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ขาดแคลนห้องน้ำขนาดนั้นเสียทีเดียว เพราะนอกตัวบ้าน ยังมีตุ่มใส่น้ำฝน ที่ลุงผู้ใหญ่บ้านรองน้ำไว้ใช้อาบอยู่ ลุงบอกว่าอาบน้ำฝนแล้วเย็นชื่นใจ…

อาจารย์แนะนำ ให้นักศึกษาชายอาบข้างนอก ส่วนนักศึกษาหญิงอาบน้ำในห้องน้ำ ซึ่งอาจารย์คิดเหมือนเดียร์เปี๊ยบ …ได้อาบน้ำท่ามกลางแสงจันทร์ คงจะสดชื่นไม่น้อย

“อาบข้างนอกกันเถอะมึง” ตอนนั้นเองที่เดียร์รู้ว่าเดียร์ไม่ได้คิดไปเองคนเดียว คำชวนจากพู่กันทำให้เดียร์ยิ้มกว้าง… สนุกล่ะทีนี้

“จะไปไหนกัน! พวกมึงรอไปอาบในห้องน้ำเลย” เสียงทุ้มดังลั่น ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของโต้งจะเข้ามาบังแสงจันทร์ที่อาบใบหน้าหวานของเพื่อนตัวเล็กทั้งสองคน  เดียร์กับพู่กันได้แต่มองโต้งตาปริบๆ

พู่กันมองตามมือโต้ง ในมือหนามีผ้าขาวม้าถือไว้ มืออีกข้างถือขันอาบน้ำ ดูท่าไอ้โต้งคงไปขอยืมลุงผู้ใหญ่มาแล้ว ทีไอ้โต้งยังอาบได้ แล้วทำไมเขาจะอาบไม่ได้วะ!

“กูไม่ไปรอต่อแถวอาบน้ำในห้องน้ำหรอก เหนียวตัวจะแย่” พู่กันยู่หน้าน้อยๆใส่โต้ง ก่อนหันมาชวนเดียร์  “ไปยืมผ้าขาวม้าของลุงกัน”

“ไม่ได้!!!” เป็นโต้งอีกตามเคย  โต้งขวางหน้าพู่กันกับเดียร์ไว้ คนตัวโตขมวดคิ้วแน่น  “บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิวะ!”

“ใช่!! ไม่ได้ก็คือไม่ได้!!” เสียงอีกเสียงดังขึ้นสนับสนุนคำพูดของโต้ง เสียงที่พู่กันไม่ได้ยิน เสียงที่ดังมาจากข้างๆเดียร์

เดียร์หันขวับมองร่างข้างๆ …วายุขมวดคิ้วแน่น ท่าทางไม่ต่างจากโต้งเลย

“พวกมึงไปรออาบน้ำในห้องน้ำ เดี๋ยวนี้! ชอบโชว์นักหรือไงวะ!”  โต้งรวบผ้าขาวม้ากับขันน้ำมาถือไว้ในมือเดียว มืออีกข้างก็จับมือเพื่อนทั้งสองคนไว้ …  พู่กันกับเดียร์เผลอมองหน้ากันด้วยความตกใจ … ไม่คิดว่าไอ้โต้งจะกำข้อมือเดียร์กับพู่กันไว้ด้วยมือข้างเดียวของมันแบบนี้!

โต้งลากพู่กันกับเดียร์เข้าไปในบ้าน พามาหยุดอยู่ที่กระเป๋าของทั้งสามคนที่กองรวมกันไว้  ทันทีที่โต้งปล่อยมือเล็กๆของเพื่อนทั้งสองคน คนถูกลากพากันถูรอยแดงๆบนข้อมือกันยกใหญ่

“กูเจ็บนะเว้ย!!” พู่กันซี้ดปากน้อยๆ หันไปตวาดโต้งที่ยืนนิ่งไปแล้ว  เดียร์ไม่รอช้า ทำหน้าที่เป็นลูกคู่สนับสนุนพู่กันทันที

“แม่งลากมาได้!!”

โต้งมองรอยแดงๆบนข้อมือของเพื่อนทั้งสองคนแล้วก็เผลอกลืนน้ำลายเอื๊อก… นี่กูออกแรงเยอะไปหรือเปล่าวะ….

“พวกมึงรออาบน้ำในห้องน้ำ เดี๋ยวก็ได้อาบแล้ว”

“กูไม่รอหรอก ผู้หญิงอาบน้ำช้าจะตาย”

“เออ อาบข้างนอกก็ไม่เสียหายอะไร”

“ไม่เสียหายหรอ!!!” ประโยคสุดท้ายเดียร์ได้ยินว่าเป็นสองเสียงที่พูดพร้อมกัน  เสียงหนึ่ง..แน่ๆล่ะ เสียงไอ้โต้ง แต่อีกเสียงหนึ่ง…

“เดียร์ไม่เห็นสายตาของไอ้พวกนั้นหรอ!!! ไอ้แว่นที่มันมองเดียร์ตลอดเวลาน่ะ!! พู่กันก็ไม่ได้ต่างไปจากเดียร์หรอกนะ เพื่อนไอ้แว่น…ทั้งกลุ่มของมันน่ะ มองเดียร์กับพู่กันจนตาเยิ้ม!! แล้วเดียร์ยังจะพาพู่กัน ไปอาบน้ำให้พวกมันดูอีกหรอ!!” วายุว่าพลางขมวดคิ้วแน่น ร่างสูงขบกรามจนเส้นเลือดกระตุก

“มันจะเสียหายยังไง!! กูเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงนะเว้ย!” พู่กันตีหน้าบึ้งใส่โต้ง ไม่ต่างกับเดียร์ที่มองหน้าวายุด้วยความโมโห

“จะให้กูพูดยังไงวะ!!  ทำไมพวกมึงดื้อด้านขนาดนี้เนี่ย!!!” โต้งยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด  คิดหรือว่าพู่กันจะสน  มือบางคว้าข้อมือเพื่อนตัวเล็กไว้ ออกแรงดึงให้ออกไปด้านนอกด้วยกัน

“เดี๋ยว!  มึงจะไปไหน?!” โต้งตามมาดักทางเพื่อนตัวเล็กทั้งสองคน

“ไปอาบน้ำ!!”





พู่กันกับเดียร์นั่งเช็ดผมอยู่นอกตัวบ้าน นักศึกษาหลายคนเดินชมแปลงดอกไม้ที่ส่งกลิ่นยามค่ำคืน  หลังจากแต่ละคนชำระร่างกายกันแล้ว ความสดชื่นก็ตามมา ความง่วงหายไปไหนไม่รู้  แน่นอนว่าออกนอกสถานที่แบบนี้ นักศึกษาชายบางคนย่อมพกน้ำสีเหลืองทองติดมาด้วย และเหมือนลุงผู้ใหญ่จะเข้าใจดี ถึงกับเอาเจ้าน้ำสีที่ว่ามาให้เพิ่มอีกหลายขวด เตรียมน้ำแข็งพร้อมกับแกล้มไว้ให้ด้วย

พู่กันมองเข้าไปในกลุ่มเพื่อนชายที่เริ่มตั้งวงกัน เห็นร่างสูงใหญ่คุ้นตานั่งรวมกลุ่มอยู่ตรงนั้นด้วย แค่นั้นก็ทำเอาพู่กันหงุดหงิดขึ้นมาทันที ….นึกถึงตอนนั้น

พู่กันกับเดียร์เข้าไปขอยืมผ้าขาวม้ากับขันอาบน้ำได้แล้ว แต่ไอ้โต้งกลับมาแย่งของที่ยืมมาได้ทั้งหมดเอาไปคืนลุงผู้ใหญ่ ไล่ให้เดียร์กับพู่กันไปอาบน้ำ แค่นั้นคงยังไม่สาแก่ใจไอ้โต้งนัก เมื่อมันถึงกับตามมาเฝ้าหน้าห้องน้ำด้วยตัวเองเลย!

“หงุดหงิดว้อย!” พู่กันยีหัวตัวเองแรงๆตามอารมณ์ ยิ่งคิดถึงตอนที่ไอ้โต้งโยนเข้าห้องน้ำแล้วยิ่งหงุดหงิด!
ไม่ต่างจากเดียร์ที่นั่งหน้าบึ้งใส่ร่างโปร่งแสงข้างๆ

“ผมไม่ได้เข้าไปดูเดียร์อาบน้ำสักหน่อย จะหงุดหงิดทำไมครับ?” วายุลอยหน้าลอยตาพูด ใบหน้าอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก

งานนี้ต้องขอบคุณไอ้โต้งจริงๆ

“หรือหงุดหงิดที่ผมไม่เข้าไปอาบให้เดียร์?” ว่าพลางค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหน้าใส คนตัวเล็กหันหนีตามสัญชาตญาณ ท่าทางแบบนั้น ยิ่งเปิดโอกาสให้ร่างสูงสัมผัสแก้มขาวนวลได้ง่ายๆ และวายุก็ไม่ใช่พวกปล่อยโอกาสให้ผ่านไปเฉยๆซะด้วย … จมูกโด่งสัมผัสแก้มเนียนทันที แนบเข้าไปแล้วค่อยๆผละออก วายุนิ่งมองใบหน้าใสสักพัก … ไม่นานแก้มใสเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อชวนมอง… วายุยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ…ท่าทางน่ารักจนวายุอยากจะเปลี่ยนสีที่แก้มของคนตัวเล็กวันละหลายๆรอบ…. นึกสงสัย…จะแดงไปทั้งตัวหรือเปล่านะ…

“กูว่าไอ้โต้งแม่งเมาแล้วแน่ๆ”  เสียงหวานใสของพู่กันดังขึ้น เดียร์พยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ เอาอาการวูบวาบในอกเมื่อกี๊ออกไปให้หมด คนตัวเล็กมองตามสายตาเพื่อนตัวเล็ก … ไอ้โต้งกำลังอ้อแอ้เลย ไอ้นี่ก็รู้ว่าตัวเองคออ่อนก็ยังจะกิน…

“ปล่อยมันไว้อย่างนั้นดีไหมเนี่ย!” พู่กันฮึดฮัดขึ้นอย่างหัวเสีย อารมณ์กรุ่นๆยังค้างคาอยู่ในอก

“เอามันออกมาเถอะ มันอยู่ มันก็ไม่ได้กินหรอก” เดียร์ว่าพลางขยับตัวลุกขึ้นเดิน พู่กันเห็นอย่างนั้น รีบถลาไปคว้ามือเพื่อนไว้

“มึงแบกมันคนเดียวไม่ได้แน่ๆ” พู่กันจับมือเดียร์ไว้แน่นๆ

เดียร์แอบอมยิ้มน้อยๆ…ถึงโต้งกับพู่กันชอบทะเลาะกัน แต่ยิ่งพวกมันทะเลาะกัน มันยิ่งเป็นห่วงกัน…

…เดียร์ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น … ทำไมจะไม่รู้ว่าไอ้โต้งกับพู่กันมันคงไม่หยุดอยู่ที่เพื่อนกันแน่ๆ

พู่กันจูงมือเดียร์ผ่าเข้าไปกลางวงเหล้า ไอ้โต้งเริ่มโงนเงน ปากมันเจื้อยแจ้วจ๊ะจ๋าไพเราะนักล่ะ คนอื่นๆในวงยังแค่กรึ่มๆ มีแต่ไอ้โต้งนี่แหละที่เมาแอ๋ไปเรียบร้อย

พู่กันฉุดตัวไอ้โต้งออกมาจากวงเหล้า ยกแขนไอ้โต้งขึ้นมาพาดคอ มือบางออกแรงประคองเอวหนาไว้ไม่ให้ล้ม เดียร์ช่วยยึดแขนอีกข้างของโต้งไว้ ไม่ให้มันลากดิน … นับว่าทุลักทุเลไม่น้อย กว่าจะมาถึงที่นอนได้ เล่นเอาพู่กันกับเดียร์ถึงกับหอบ

“พู่กานจ๋า~ขอจุ๊บหน่อยเร้ววว จู๊บ~” ไอ้โต้งอ้อแอ้อยู่บนที่นอน  พู่กันส่ายหน้าอย่างหน่ายๆกับท่าทางของไอ้โต้ง แต่มันก็เท่านั้น ดีที่โต้งแยกเดียร์กับพู่กันได้อยู่ มันเลยคว้าหมับเข้าที่เอวของพู่กัน กอดแน่นไม่ปล่อย ปากมันก็อ้อแอ้ฟังไม่ได้ความ

“ไอ้สัส! ปล่อยกูนะเว้ย!!” พู่กันโวยลั่น ดีที่ตรงที่นอนไม่มีใครนอนอยู่เลย แน่ล่ะ นอนแยกหญิงกับชาย ผู้ชายที่เหลือยังนั่งตั้งวงกันอยู่ข้างนอกนู้น ส่วนผู้หญิง คงหลับกันไปหมดแล้วล่ะ

“มึงปล่อยให้มันกอดไปก่อน เดี๋ยวมันก็ปล่อย” เดียร์เอ่ยไปนิ่งๆ  พู่กันชะงักไป ท่าทางเกร็งจนทำตัวไม่ถูก พู่กันยอมปล่อยให้โต้งกอดอย่างที่เดียร์ว่า แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ…พอไม่ขัดขืน มันก็ยอมปล่อย

พู่กันยิ้มออกมาน้อยๆ..ฟาดมือลงที่แขนหนาของคนที่นอนอยู่ด้วยความหมั่นไส้  เดียร์แอบขำออกมาเบาๆ…

“กูไปเดินเล่นแป๊บนึงนะ” เดียร์ว่าพลางลุกเดินออกไปข้างนอก เรียกสายตาฉงนของเพื่อนตัวเล็ก

“มึงไม่ง่วงหรือ?”

“ยังว่ะ กูอยากดูดาว”

เดียร์ออกมาสูดอากาศเย็นๆยามค่ำคืน หายใจเข้าลึกๆจนเต็มปอด หายใจออกยาวๆอย่างสดชื่น …  จากบ้านของลุงผู้ใหญ่ มองออกไปเห็นทุ่งนากว้าง ต้นไมใบหญ้าสะบัดหยอกล้อกับสายลม ดวงจันทร์กระจ่างสว่างฟ้า ดวงดาวระยิบระยับประปรายเคล้าไปกับแสงจันทร์

“สวยจัง” คนตัวเล็กครางออกมาเบาๆ…

“ใช่…สวยมาก”

กว่าจะรู้ตัว คนตัวเล็กสะดุ้งสุดตัว ดวงตากลมโตหันไปมองที่มาของเสียง … เดียร์ไม่ได้อยู่คนเดียว?

ดวงตากลมโตประสานสายตากับสายตาคมของร่างสูง รอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่บนใบหน้าคม สายตาอ่อนโยนทอดมองใบหน้าหวานอย่างหลงใหล  สายตาของวายุทำเอาเดียร์ทำตัวไม่ถูก ความร้อนขึ้นมารวมกันที่ใบหน้า เดียร์หวังว่าสายลมที่พัดผ่านเข้ามาจะพัดพาความร้อนออกไปจากใบหน้าได้บ้าง …

ถึงแม้ว่าที่ที่ยืนอยู่จะไม่ได้สว่างมากนัก มีเพียงแสงไฟนีออนที่สาดออกมาจากตัวบ้าน ประกอบกับแสงจันทร์ที่ส่องลงมา เมื่อแสงเหล่านั้นตกกระทบใบหน้าใส … มันเป็นภาพที่ชวนมองเหลือเกิน

วายุไม่สามารถละสายตาออกไปจากภาพตรงหน้าได้จริงๆ…

“เมื่อไรเดียร์จะยอมตกลงเป็นแฟนกับผมนะ” วายุพึมพำออกมา ตั้งใจให้คนตัวเล็กได้ยินด้วย  สายตาคมยังไม่ละไปจากใบหน้าใส ตั้งใจมองปฏิกิริยาตอบโต้จากคนตัวเล็ก …แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อเดียร์หันมายู่หน้าใส่น้อยๆ

“ยังไม่เลิกพูดถึงเรื่องนี้อีกหรือ?”

“ผมทำไปขนาดนี้ เดียร์ยังไม่รู้อีกหรือว่าผมรู้สึกยังไงกับเดียร์”เสียงทุ้มทอดเสียงอ่อนโยน เจือน้ำเสียงออดอ้อนเข้าไปเล็กน้อย

เดียร์เผลอกัดริมฝีปากล่างแน่น ใบหน้าหวานเห่อร้อนจนเจ้าตัวรู้สึกได้  เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา….“ไม่รู้มั้ง”

วายุเผยยิ้มกว้าง … รู้สึกวูบวาบอยู่ในอก

…ราวกับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของก้อนเนื้อในอกด้านซ้าย

“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะเดียร์ ถ้าผมฟื้น…ผมก็ยังคงมีเดียร์คนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง”

ไม่รู้เพราะบรรยากาศเป็นใจหรืออย่างไร วายุถึงได้กล้าพูดในสิ่งที่เดียร์ไม่เคยได้ยินมาก่อน …ความรู้สึกทั้งหมดของวายุถูกถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด…หวังเพียงคนตัวเล็กตรงหน้าจะเข้าใจ

“ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าตั้งแต่เมื่อไร ที่ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่ใกล้เดียร์ ยิ่งนานวันเข้า ผมยิ่งรู้สึกดีกับเดียร์มากขึ้น  ผมยินดีที่จะช่วยเหลือเดียร์ทุกอย่าง ผมไม่สนว่าเดียร์จะช่วยผมหรือไม่ ผมจะไม่ทำให้เดียร์เดือดร้อน จะไม่วุ่นวายกับเดียร์ จะไม่ทำให้เดียร์รำคาญ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากไปไหนเลย อย่าไล่ให้ผมไปไปไหนนะ ผมอยากอยู่กับเดียร์ อยากตามเดียร์ไปทุกๆที่ …ถึงผมจะเป็นเจ้าชายนิทราตลอดชีวิต ผมก็ยอม…”

คำพูดของวายุทำเอาเดียร์ได้แต่ยืนนิ่ง…คนตัวเล็กได้ยินทุกคำ ทุกประโยค…

“แต่ถ้าวันหนึ่ง ผมฟื้นขึ้นมา…ผมสัญญา ผมจะกลับมาหาเดียร์ จะทำทุกวิถีทางให้เดียร์เป็นของผมให้ได้” สายตาคมฉายแววมุ่งมั่น.. คนตัวเล็กแทบไม่กล้าสบสายตาคู่นั้นเลย

“เดียร์สัญญาได้ไหม?...ว่าจะรอผมฟื้น…” น้ำเสียงวายุฟังดูนุ่มนวล…  เดียร์แทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะมาจากวายุ

… เดียร์ไม่คิดว่าวายุจะเอ่ยเรื่องแบบนี้ออกมา… มันเกินความคาดหมาย จนเดียร์ตั้งตัวไม่ทัน 

คนตัวเล็กชะงักค้างไป… วายุห้ามใจไม่ไหว เอื้อมมือไปคว้ามือบางมากระชับกับฝ่ามือตัวเองแน่น สายตาคมสบตากับคนตัวเล็กตรงหน้า

“นะครับ….ที่รัก…”

สายลมพัดโชยเข้ามาปะทะใบหน้าหวาน แสงจันทร์กระทบใบหน้านวล….

…พลันรอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าคม ร่างสูงค่อยๆรั้งคนตัวเล็กเข้าโอบกอดแน่น … ความรู้สึกตื้นตันด้วยความยินดี คับพองเต็มอก

…เพียงเพราะคนตัวเล็กๆคนนี้…

…แม้จะเสี้ยววินาที…แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ…แม้ว่าแทบจะมองไม่เห็นเลย…แต่วายุแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด

…ใบหน้าหวานพยักหน้าน้อยๆ…

แค่นั้น… ถึงจะไม่ได้กลั่นออกมาเป็นคำพูด …วายุก็ยินดีอย่างบอกไม่ถูก

“ขอบคุณนะเดียร์…” ร่างสูงยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ยากจะหุบลงได้

ไม่ต่างจากคนตัวเล็กเลย…

แม้ว่าเดียร์จะพยายามกลั้นยิ้มแก้เขินอย่างไร ก็ไม่สามารถเก็บกลั้นรอยยิ้ม ให้จางหายไปจากใบหน้าได้เลย…



# My dear







ถึงเวลาแล้วใช่มั้ย…

เอาล่ะๆๆๆๆ วายุสู้ๆ ><!!! ฮึ้บๆ!!



มีใครเพิ่งดูคุโรโกะเหมือนแอมมั่ง .. ><  หลงคางามิไปเต็มๆ
หน้าคางามิลอยมาเต็มนิยายเลย  >/////////////<

ยินดีต้อนรับคุณplengpitและคุณ kunt ค่ะ  :-[

ขอบคุณคอมเม้นของคุณ B52 ด้วยค่ะ ^^
ไม่รู้ว่าจำขนมจีบซาลาเปาได้หรือเปล่านะคะ ^^'' แต่แอมจำได้ว่าคุณ B52 เคยเม้นขนมจีบซาลาเปาให้อยู่  :mew1:



เจอกันตอนต่อไปค่ะ  ^_^

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 ตอนนี้พยักหน้าแล้วนะ อย่าไปหวั่นไหวกับพี่อีกคนล่ะ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
นึกว่าพยักหน้าเสร็จ จะฟื้นเลย 55

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
วายุน่าจะใกล้ฟื้นแล้วสินะ ดีจัง :katai2-1:

*อยากให้ใส่วันที่อัพตอนใหม่ด้วยจังค่ะ เพิ่งเห็นว่าเป็นตอนใหม่ 2 ตอนแล้วที่ไม่ได้อ่าน ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ*

ออฟไลน์ iiam

  • อัยแอม Bulan
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2

Chapter 19


กิจกรรมลงภาคสนามเป็นไปด้วยความราบรื่น ทั้งดูงานที่แหล่งโบราณคดีที่ยังขุดไม่เสร็จ ทั้งชมโบราณสถาน ปราสาทหิน  ได้พูดคุยกับชาวบ้านในแต่ละที่ แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันที่ไปลงภาคสนาม แต่ทำให้นักศึกษาได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆกันถ้วนหน้า

รถบัสของมหาวิทยาลัยเคลื่อนตัวเข้าจอดหน้าตึกคณะโบราณคดี ในช่วงค่ำของวัน  นักศึกษาแยกย้ายกันทันที

เดียร์หอบสัมภาระลงจากรถบัส มีพู่กันกับโต้งเดินตามมาติดๆ

เดียร์กับพู่กันตกลงกันว่าจะแว๊นพี่วินฯกลับหอ มีโต้งขอตามไปด้วย

“ทำไมไม่กลับหอมึงวะ?” พู่กันถาม

“ไม่อยาก” โต้งว่าแค่นั้นก็ยิ้มทะเล้นน้อยๆ พู่กันอดไม่ได้ ยู่หน้าใส่โต้งน้อยๆ

พูดแล้วคิดถึงตอนที่มันเมาแอ๋ นับว่ามันเก่งมากที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คิด ทั้งๆที่ตอนกลางคืนมันยังเมา คุยไม่รู้เรื่อง พอเช้ามา มันดันตื่นเช้า สติ สตางค์ครบถ้วน … อย่างกับว่ามันไม่ได้เมาจริงๆอย่างนั้นแหละ

ไม่นาน ทั้งสามคนก็มาถึงเป้าหมาย พอเข้ามาในห้องได้ ก็พากันนอนแผ่หลา กระจายเต็มห้อง ไม่แปลกเลย… เล่นเดินทาง ทำอะไรหลายอย่างมาหลายวันแบบนี้ ทั้งเดิน ทั้งวิ่ง นอนดึก ตื่นเช้า ไหนจะนั่งรถนานๆอีก อาการล้าตามมาอย่างแน่นอน

เดียร์กำลังเคลิ้ม ใกล้หลับเต็มที พอร่างกายได้เอน ตาก็จะปิดให้ได้

“อาบน้ำก่อนเถอะ…” เสียงทุ้มดังอยู่ริมหู เดียร์ครางเบาๆ เป็นเชิงรำคาญ …. ถูกรบกวนตอนนอนนี่หงุดหงิดนักล่ะ

“อาบน้ำก่อนเร็ว แล้วค่อยมานอน..” เสียงทุ้มอ่อนโยนส่งมาอีกครั้ง หากแต่ไม่ได้มีแต่เสียงเท่านั้น สัมผัสเย็นๆ ไล้ไปตามใบหน้าเดียร์ คล้ายจะปลุกเดียร์ให้ลุกขึ้นมา …

สัมผัสที่ว่า ไม่ใช่ความเย็นของน้ำ หากแต่เป็นความเย็นของผิวกายของร่างสูงที่นั่งคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

“ถ้าเดียร์ไม่ลุกไปอาบเอง ผมจะอาบให้นะ” ว่าพลางช้อนแขนเข้าใต้รักแร้กับข้อพับขาทั้งสองข้าง ท่าทางเตรียมอุ้มคนตัวเล็กเข้าห้องน้ำอย่างที่ว่าจริงๆ การกระทำนั้นทำเอาคนตัวเล็กตกใจ ลืมตาโพลง

“เฮ้ย!!”
ดวงตาใสสบกับสายตาคม มือบางโอบรอบคอร่างสูงแน่น  วายุกระชับคนตัวเล็กในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น

“ปะ…ปล่อย!!” เดียร์แค่นเสียงกระซิบ ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาใสเสหลบสายตาคม หันไปมองพื้นห้อง เห็นโต้งนอนอยู่ข้างๆพู่กัน ทั้งสองคนนอนตะแคงข้างหันหน้าหากัน ลมหายใจสม่ำเสมอจากทั้งสองคน ทำให้เดียร์รู้ว่า พวกมันคงหลับไปแล้วแน่ๆ

“วายุ! ปล่อย!” เดียร์หันมาดิ้นเบาๆ  ปกติก็สู้แรงของวายุไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งตอนร่างกายล้าแบบนี้ ยิ่งออกแรงได้ลำบากไปใหญ่

วายุอมยิ้มน้อยๆ ท่อนขายาวก้าวเดินทั้งที่ร่างเล็กยังอยู่ในอ้อมแขน

เดียร์มีท่าทีขัดขืนไม่หยุด จนวายุก้าวมาถึงหน้าห้องน้ำ

“ผมไม่แอบดูหรอก อาบเสร็จแล้วจะนอน ผมก็ไม่ว่า” วายุค่อยๆวางคนตัวเล็กให้ยืนบนพื้น

เดียร์เผลอกำชายเสื้อตัวเองแน่น พยายามก้มหน้าหลบสายตาคมที่เพ่งมองมา  ไม่รอช้า หาโอกาสหนีร่างตรงหน้าทันที ทางที่ดีที่สุดคือหนีเข้าห้องน้ำนั่นล่ะ

เดียร์เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเผลอกลั้นหายใจอีกแล้ว … ทำไมนะ เวลาอยู่ใกล้วายุทีไร เป็นแบบนี้ทุกที ไหนจะอาการหนาวๆร้อนๆที่หน้านี่อีก ไหนจะอาการวูบวาบในท้องแบบนี้อีก….  อดคิดถึงคืนนั้นไม่ได้..

อยากจะรู้นัก วายุสนุกไหมที่ทำให้เขาร้อนวูบวาบไปทั้งตัวแบบนี้!

เมื่อคิดว่าความร้อนที่หน้ามันมากเกินจนใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว คนตัวเล็กเลยรีบเปลื้องผ้า วิ่งเข้าหาน้ำเย็นๆใต้ฝักบัวแทน

หลังจากได้พักผ่อนเต็มที่อย่างที่ร่างกายต้องการ เวลาหนึ่งคืนก็พอให้หายเหนื่อยได้บ้าง เพราะงานที่ทำอยู่ทุกวัน ทำให้ร่างกายปรับสภาพคุ้นชินกับความล้าจนเป็นเรื่องปกติ และเพราะเดียร์ไม่ได้ทำงานอย่างเดียว ทำให้ต้องแบ่งเวลาให้การเรียนด้วย แต่มันก็ชินซะแล้วล่ะ…

ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งเข้าใกล้ช่วงสอบกลางภาค สิ่งที่ตามมาคือรายงานเกือบทุกวิชาที่ต้องส่ง ไหนจะรูปเล่มรายงาน ไหนจะเตรียมนำเสนอ  … 2 สัปดาห์ก่อนสอบนี่แทบไม่ต้องนอนกันล่ะ

หลังเลิกงาน เดียร์ใช้เวลานั่งจมอยู่กับโน้ตบุ๊ค  บนโต๊ะญี่ปุ่นมีหนังสือกองอยู่ประมาณเกือบ 20 เล่มวางอยู่ข้างๆโน้ตบุ๊ค แน่ล่ะว่าทั้ง 20 เล่ม คือหนังสือประกอบการทำรายงานที่ต้องส่งทุกวิชา  … ไม่ไกลไปจากเดียร์  มีร่างเล็กๆของเพื่อนร่วมห้องนอนคว่ำอยู่หน้าโน้ตบุ๊คไม่ต่างกัน รอบตัวพู่กันมีหนังสือ สมุด ปากกา กระจายอยู่ล้อมรอบ  หนังสือหลายเล่มถูกเปิดทิ้งไว้ ในหน้าที่ต้องใช้ข้อมูล บางเล่มที่มันหนามากๆถูกเอามาวางไว้ใต้คางของคนตัวเล็ก ให้พู่กันนอนหนุนเล่นๆ

“รายงานตอนไปภาคสนาม มึงทำเสร็จยังวะ?” พู่กันคาบปากกาไว้ในปาก ส่งเสียงอู้อี้ถามเพื่อนตัวเล็กที่นั่งขมวดคิ้วอยู่กับหน้าจอโน้ตบุ๊ค

“ยังไม่เสร็จดีว่ะ เหลือเช็คอีกรอบ” เดียร์หันไปมองเพื่อนตัวเอง พู่กันกำลังนั่งหันซ้ายหันขวา เหมือนกำลังหาอะไรอยู่ ปากยังคาบปากกาไว้ พลางหยิบหนังสือหลายเล่มขึ้นมาดู แล้วก็วางลงไป ก่อนก้มลงไปหาใหม่  และเมื่อพู่กันได้สิ่งที่ต้องการ ก็กลับมาล้มตัวลงนอนคว่ำไปอีกที …เดียร์แอบขำน้อยๆกับความน่ารักของเพื่อนตัวเอง เผลอคิดไปถึงไอ้โต้ง… ป่านนี้มันคงหัวฟูอยู่ที่ห้องแน่ๆ

“แล้วมึงล่ะ? ทำเสร็จยัง?” เดียร์ถามออกไปบ้าง

พู่กันได้ยินอย่างนั้นก็คายปากกาในปากออก หันมายู่หน้าน้อยๆ

“กูทำไปได้ครึ่งเดียวเอง กูกำลังปั่นรายงานของประวัติศาสตร์ศิลป์อยู่”

“เออใช่ วิชานั้นกูยังไม่ได้เริ่มเลย!”

เดียร์อุทานลั่น หันไปรื้อหัวข้อเรื่องที่เคยจดไว้ในสมุดสักเล่ม

..ด้านตรงข้ามของโต๊ะญี่ปุ่นที่เดียร์นั่งอยู่.. มีร่างโปร่งแสงเฝ้ามองพฤติกรรมที่เต็มไปด้วยความน่ารักของคนตัวเล็กทั้งสองคน

วายุนั่งเท้าคางมองเดียร์ที่สาละวนอยู่กับกองสมุด หนังสือ สายตาอ่อนโยนถูกส่งไปให้คนตัวเล็ก ไม่อยากส่งเสียงรบกวนการทำงานที่ต้องใช้สมาธิ แต่หารู้ไม่ ถึงวายุจะไม่ส่งเสียงรบกวน แต่สายตาที่เอาแต่จ้องมองเดียร์ไม่ละไปไหนเลยแบบนี้ ทำให้เดียร์เผลอสติหลุดเป็นพักๆได้เหมือนกัน…  เดียร์อยากจะลุกหนีไปให้พ้นสายตาหยาดเยิ้มที่ร่างสูงมองมา แต่เชื่อสิ ถึงเดียร์จะลุกหนีไป วายุก็ตามมาอยู่ดี เมื่อหนีไปไหนไม่ได้ก็นั่งมันอยู่ตรงนี้แหละ

วายุนิ่งมองคนตัวเล็กอยู่เงียบๆ … เกิดความรู้สึกวูบวาบอยู่ในอก  รู้สึกเต็มตื้น… พึงพอใจ.. มีความสุข… วายุบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกไหนมีมากกว่ากัน แต่พอรวมๆกันแล้ว วายุบอกได้แค่ว่า .. รู้สึกดี

“อั่ก!!” เสียงร้องดังลั่นมาจากฝั่งตรงข้ามเดียร์

คนตัวเล็กละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊ค มองร่างโปร่งแสงตรงหน้า

ไม่รู้เดียร์มองหน้าจอโน้ตบุ๊คจนสายตาล้าไปหรืออย่างไร  ถึงได้รู้สึกว่าร่างของวายุดูเบาบางลงไปมาก!

เกิดอะไรขึ้น?!

คนตัวเล็กขยี้ตาน้อยๆ… ภาพตรงหน้าดูชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทว่าเพียงคนตัวเล็กกระพริบตา … ร่างตรงหน้าก็ดูจะเบาบางลงไปอีก

“วายุ เป็นอะไร?!” คนตัวเล็กถามเสียงร้อนรน ถลาเข้าไปหาวายุทันที ร่างของวายุดูเบาบางจนแทบมองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร แต่พอเดียร์จับโฟกัสได้ เห็นวายุนั่งตัวงอไปแล้ว มือหนาทั้งสองข้างกุมหน้าอกด้านซ้ายของตัวเองไว้แน่น เดียร์เข้าไปจับแขนล่ำของร่างสูงไว้

…จับได้ … ยังสัมผัสร่างวายุได้อย่างปกติ

พู่กันเห็นท่าทีของเพื่อนแปลกไปแล้วได้แต่ผวา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังนั่งมองภาพตรงหน้าไม่ไปไหน ถึงแม้ว่าพู่กันจะเห็นแค่เดียร์กำลังพูดคนเดียวก็ตาม

“วายุ พูดสิ!” มือบางวางทับลงบนมือหนาบนหน้าอก ในชั่วพริบตาที่มือบางสัมผัสลงไป วายุรีบคว้ามือน้อยๆนั้นมากุมไว้แน่น เดียร์เผลอยู่หน้าน้อยๆ เพราะแรงบีบที่มือไม่ใช่เล่นๆเลย..

ร่างสูงยังคงก้มหน้านิ่ง … เดียร์เห็นวายุกัดฟันแน่น

ท่าทางเจ็บปวดแบบนี้ มันคืออะไร?!

คนตัวเล็กเผลอกัดริมฝีปากล่างตาม

ยิ่งเห็นวายุแสดงท่าทีเจ็บปวดออกมามากเท่าไร เดียร์รู้สึกเหมือนตัวเองเจ็บตามไปด้วยมากเท่านั้น

ไร้ถ้อยคำเอื้อนเอ่ยจากทั้งคู่ มีเพียงความรู้สึกในอกที่ส่งถึงกัน

เนิ่นนาน…กว่าวายุจะเงยหน้าขึ้น

ใบหน้าคมสบตากับกับดวงตาใสทันที … ร่างสูงใจกระตุกวูบ

น้ำใสคลอหน่วยตากลมโต… บาดใจนัก!

“ร้องไห้ทำไมครับ?” วายุยกมือข้างหนึ่งลูบศีรษะคนตัวเล็ก โคลงน้อยๆด้วยความเอ็นดู

เห็นอย่างนั้น เดียร์เลยค่อยๆดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุม ยกมือน้อยๆปาดน้ำใสๆที่เริ่มไหลรินลงแก้ม ..ยังกัดริมฝีปากล่างตัวเองไม่ปล่อย

“ผมขอโทษ ตกใจหรือ?... ผมไม่ได้เป็นอะไรนะ” วายุยิ้มหวานให้คนตรงหน้า … เดียร์ไม่ได้เชื่อคำพูดนั้นเท่าไรหรอกนะ

“ถ้าไม่ได้เป็นอะไรแล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย!” มือบางฟาดเบาๆที่ท่อนแขนล่ำสัน ท่าทางเง้างอด น่ารักน่าเอ็นดู วายุอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าไปสัมผัสกับแก้มเนียนใส

“นี่!” คนตัวเล็กร้องลั่นเมื่อถูกร่างสูงโฉบเข้ามาประทับจมูกโด่งที่ข้างแก้ม  …ถึงจะเริ่มรู้สึกว่าวายุกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว …แต่อย่างไรก็ยังไม่น่าไว้ใจจริงๆ

“ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้วนะ…น่า…กลับไปทำรายงานต่อเถอะ”

วายุปัดเส้นผมนุ่มที่ตกลงมาบังใบหน้าเนียน เก็บปอยผมไปทัดหูจ้องมองใบหน้าเนียนใสไม่วางตา

“มีอะไรหรือเปล่าวะ?” เสียงของเพื่อนร่วมห้องทำให้เดียร์เริ่มรู้สึกตัว

เดียร์หันขวับไปทางที่คิดว่าพู่กันนั่งอยู่ แต่ไม่เจอพู่กัน… สายตากวาดมองไปทั่วห้อง … เห็นพู่กันยืนเกาะตู้เย็นอยู่ลิบๆ 

เดียร์เพิ่งได้สติเดี๋ยวนั้นเอง  …เขาคงทำให้พู่กันตกใจอีกแล้ว

“ม่ะ…ไม่มีอะไร”

“’เขา’ไม่ได้ว่าอะไรใช่ไหม?”

“อะ….เอ่อ..ไม่มีใครว่าอะไรหรอก ไม่มีใครทำอะไรด้วย  ขอโทษนะพู่กัน” เดียร์ยิ้มแหยๆไปให้เพื่อนตัวเล็ก

พู่กันค่อยๆก้าวออกจากตู้เย็นช้าๆ เรียกขวัญ เรียกสติ ให้อยู่กับเนื้อกับตัว คว้าหนังสือสวดมนต์ได้ก็เอามากางไว้ปนๆกับกองหนังสือที่ต้องทำงาน … เผื่อฉุกเฉินจะได้ใช้ได้เลย … แบบนี้ค่อยอุ่นใจหน่อย

สายตาวายุจับจ้องไปที่คนตัวเล็กอีกครั้ง แต่ทว่า ความคิดของวายุกลับคิดไปถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้

รู้สึกถึงความเจ็บที่เกิดขึ้นในร่างกาย เหมือนมีคนเอาเหล็กร้อนมาแทง แล้วคว้านเอาอะไรสักอย่างออกไป ก่อนเอาอะไรบางอย่างเข้ามาแทนที่

หลังจากความเจ็บอันหนักหน่วงผ่านไป ..สิ่งที่ตามมา คือสัมผัสอบอุ่นไหลเวียนทั่วร่างกาย  ไออุ่นแผ่ซ่านเคล้าไปกับความรู้สึกที่อัดแน่นเต็มอก … วายุรู้สึกเหมือน ที่อกด้านซ้าย…มีการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ

หัวใจเต้นงั้นหรือ?

วายุแทบไม่กล้าคิดถึงเรื่องที่เคยเฝ้ารอมาตลอด

เรื่องที่วายุรอจนแทบลืมไปแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น…

วายุแทบไม่กล้าคิดถึงเรื่องนั้นเลย…

เขาจะฟื้นจริงๆหรือ?....

ความสงสัยของวายุยิ่งเพิ่มหลักฐานชัดเจนมากขึ้น เมื่อวันต่อมา อาโปมาที่ร้านไอศกรีมอย่างอารมณ์ดี 

อาโปวิ่งเข้ามาหารุ่นพี่ตัวเล็กที่อาโปเคารพเหมือนพี่ชายแท้ๆ…

“พี่เดียร์” อาโปสวมกอดเดียร์ แทบจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว

เดียร์กำลังจะเอาถาดเปล่าไปเก็บ แต่รุ่นน้องโจนเข้ามากอดไว้แน่นได้ก่อน 

ล็อคยืนมองอยู่ไม่ไกล สายตาที่มองทั้งสองคนกอดกันเต็มไปด้วยความเอ็นดู… มองออกไปด้านนอก พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำแล้ว อีกไม่นานแสงไฟคงสว่างไสวเต็มถนน

เดียร์ยื่นแขนข้างหนึ่งไปโอบรุ่นน้อง มืออีกข้างยังถือถาดไว้ ข้างๆเดียร์มีร่างโปร่งแสงยืนนิ่ง มองท่าทางของคนสองคนที่กอดกันกลม

“อารมณ์ดีแบบนี้ แสดงว่าทำรายงานเสร็จหมดแล้วใช่ไหม?”

อาโปค่อยๆผละออก ยู่หน้าน้อยๆ ท่าทางน่าเอ็นดูเชียว

“งานยังไม่เสร็จหรอกครับ แต่ว่า…”

อาโปชะงัก ลากเสียงยาว จงใจให้รุ่นพี่ลุ้น และก็เป็นอย่างนั้น

เดียร์ทวนคำด้วยท่าทางตื่นเต้น “แต่ว่า…?”

“แต่ว่า … ที่ผมดีใจเนี่ย…” อาโปจงใจเว้นวรรคนานๆให้รุ่นพี่ลุ้นเล่นๆ แต่ไม่ใช่แค่เดียร์หรอกที่ลุ้น ร่างโปร่งแสงที่ยืนอยู่ข้างๆก็ลุ้นไม่ต่างกัน  อาโปอมยิ้มน้อยๆ เอ่ยบอกน้ำเสียงสดใส  “พี่วายุไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว”

“ฮะ?!!!!” รุ่นพี่ตัวเล็กอุทานลั่น หันไปสบตากับร่างโปร่งแสงข้างๆอัตโนมัติ  ไม่รู้ว่าเผลอปล่อยถาดไอศกรีมลงพื้นตอนไหน ดีที่ไม่ได้คุยกันกลางร้าน ถึงจะหลบมุมแถวเคาน์เตอร์ แต่เสียงปล่อยถาดลงพื้นก็ยังดังไปทั้งร้านอยู่ดี  พี่ข้าวอาสามาเก็บถาดนั้นไปทำความสะอาดเอง  เดียร์ตกใจรีบหันไปบอกพี่ข้าวว่าไม่เป็นไร แต่พี่ข้าวเพียงยิ้มอ่อนโยนให้เดียร์ บอกให้เดียร์คุยกับน้องให้เสร็จดีกว่า

“ละ..แล้ว ไม่ใช้เครื่องช่วยใจ ..แล้ว … แล้วเจ้าตัวเป็นอย่างไรบ้าง?  อาการแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?!” รุ่นพี่ตัวเล็กถามร้อนรน

อาโปตาโตด้วยความตกใจ ถึงจะรู้สึกแปลกๆกับสิ่งที่รุ่นพี่พูด แต่พอเริ่มจับน้ำเสียงกับสีหน้าของรุ่นพี่ตัวเล็กได้แล้ว อาโปรีบแก้ความเข้าใจผิดทันที

“ไม่ใช่ครับพี่เดียร์ ไม่ใช่  พี่วายุไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว เพราะพี่วายุหายใจด้วยตัวเองได้แล้ว แสดงว่าพี่วายุเริ่มรู้สึกตัวบ้างแล้ว อีกไม่นานก็คงฟื้น หมอบอกว่าไม่น่าจะเกินเดือนแล้วล่ะ” อาโปยิ้มแย้มอย่างมีมีความสุข

คนที่เป็นเจ้าชายนิทรามาสี่เดือน…

กำลังจะฟื้นในไม่ช้านี้หรือ?

“อ๊า~!!! จริงหรืออาโป!  จริงๆใช่ไหม!!” เดียร์ร้องลั่นด้วยความดีใจ เผลอกระโดดโลดเต้น  ต้องชะงักไปเมื่อได้รับสายตาแปลกๆจากลูกค้า

เดียร์หันไปขออนุญาตเจ้าของร้านที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เมื่อได้รับอนุญาต เดียร์รีบจูงมืออาโปออกไปหน้าร้านด้วยกัน

“อาโป บอกพี่อีกที ว่าพี่ไม่ได้หูฝาด” เดียร์ถามย้ำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง …อาโปยิ้มหวานมาให้

“พี่เดียร์ไม่ได้หูฝาดหรอกครับ พี่วายุดีขึ้นจริงๆ ผมโคตรชอบพี่เดียร์เลยนะรู้ไหม พี่แคร์พี่วายุเหมือนเป็นคนในครอบครัวจริงๆ เวลาผมมาคุยกับพี่ ผมโคตรมีความสุข” อาโปยังคงเจื้อยแจ้วต่อไป

ทางด้านหลังอาโป… มีร่างโปร่งแสงของวายุยืนมองอยู่ไม่ไกล

สายตาคมทอดมองแผ่นหลังเล็กๆของน้องชาย ก่อนเลยมาสบตากับดวงตาใสของเดียร์ที่มองวายุอยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาให้ร่างสูง … วายุยิ้มอ่อนโยนไปให้ สายตาทอดมองคนสองคนคุยกันด้วยความเอ็นดู

เรื่องที่ได้รู้จากอาโปวันนี้ … ทำให้วายุมีความสุขมากจริงๆ

หลังจากนี้คงมีแต่เรื่องดีๆตามมาแน่ๆ


ไกลออกไปจากหน้าร้านไอศกรีม….

ในความมืดมิด เสียงสองเสียงเถียงกันมาพักใหญ่ แต่ทว่าผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมา ไม่สามารถได้ยินได้

…  ประโยคซ้ำๆ …เถียงกันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา

“เอาไงดีล่ะทีนี้ บอกหรือไม่บอก?”

“บอกเถอะ”

“ไม่ต้องบอกหรอก”

“บอกเถอะน่า ไม่บอกแล้วจะรู้หรือ?”

“ไม่ต้องให้รู้น่ะดีแล้ว”





# My dear





เป็นตอนที่แต่งเสร็จแล้วหอบ
โฮ่… แต่งไปลุ้นไป
ฝากด้วยนะคะ แอมเริ่มเห็นฉากจบลอยมาละ ^^



คนเขียนรีบปฎิบัติตามคำแนะนำทันที ฮี่ๆๆๆ ^^

ขอบคุณมากๆค่ะ  :mew3:



เจอกันตอนต่อไปค่ะ ^^

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ตลกพู่กันอะ ดูน่ารักดี วายุอาการดีขึ้นพราะตอนนี้เดียร์เริ่มใส่ใจวายุหรือเปล่า แบบยิ่งคิดคำนึงถึงตลอดเวลายิ่งอาการดีขึ้นแบบนี้

ออฟไลน์ iiam

  • อัยแอม Bulan
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2

Chapter 20


แสงสีส้มพาดผ่านขอบฟ้า ฝูงนกพากันบินกลับรัง ...ไม่นาน ดวงจันทร์เริ่มฉายเด่นอยู่บนขอบฟ้าอีกฟาก แสงดาวระยิบระยับพร่างพราย  …จนกระทั่ง ดวงจันทร์เคลื่อนย้ายไปยังขอบฟ้าอีกฟาก ดวงดาวค่อยๆจางหายไป..แสงตะวันค่อยๆสาดส่องอีกครั้ง…

วันแล้ว วันเล่า ที่เดียร์นับวันรอวันหยุด

ตั้งใจไว้ว่าถ้าถึงวันหยุด เขาจะไปหาวายุที่โรงพยาบาล

แม้ว่าที่จริงเดียร์อยากจะไปโรงพยาบาลให้เร็วกว่านั้น แต่กว่าจะเลิกงานแต่ละวันก็ดึกดื่น ไหนจะต้องตื่นมาเรียนตอนเช้าอีก

รอเพียงให้ถึงวันหยุดเร็วๆ จะมุ่งหน้าไปหาวายุที่โรงพยาบาลทันที

“ผมก็อยู่นี่แล้วไงครับ ไม่ไปไหนด้วย ผมที่อยู่โรงพยาบาล ไม่หล่อเท่าผมที่นั่งอยู่ข้างๆเดียร์ตอนนี้หรอกนะ ” วายุแซวเดียร์ ขณะนั่งเฝ้าคนตัวเล็กทำรายงานหลังเสร็จงานจากร้านไอศกรีม

เดียร์ละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊ค เงยหน้ามองร่างสูงที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะญี่ปุ่น

“มันเกี่ยวกันไหมล่ะ …ฉันก็อยากไปเยี่ยมนายเหมือนกันนะ ถ้านายดีขึ้นจริงๆ ฉันก็ดีใจด้วย” 

“เพราะเดียร์ชอบผมแล้วไงล่ะ ผมเลยดีขึ้นขนาดนี้”

วายุสวนกลับ ยิ้มแป้นใส่ คนน่ารักตรงหน้าเพียงตวาดกลับมาเบาๆ  “ไอ้บ้า!  มันเกี่ยวกันตรงไหน” 

“เกี่ยวทุกตรงเลยครับที่รัก”

เดียร์พยายามดึงสติมาอยู่ที่หน้าจอโน้ตบุ๊ค สงบจิตสงบใจที่มันกำลังเต้นกระทุ้งโครมๆอยู่ในอก

สายตาคมมองใบหน้าหวานที่เริ่มเปลี่ยนสี… รอยยิ้มน้อยๆจุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ

…น่ารัก….

เข็มของนาฬิกาเดินไล่วนกันอยู่บนหน้าปัดไปเรื่อยๆ

เดียร์ยังทำรายงานต่อไปอย่างไม่ยอมหยุดพัก ….เหลือบไปมองบนพื้นข้างๆตัว มีร่างเล็กของเพื่อนร่วมห้องนอนแผ่หลาคาโน้ตบุ๊คที่เปิดค้างไว้ หนังสือกระจัดกระจายอยู่รอบๆตัว  เดียร์หลับตาพักสายตาสักพัก มองหน้าจอโน้ตบุ๊คนานๆก็ทำให้สายตาล้าได้...

เดียร์ก้มลงฟุบไปกับโต๊ะญี่ปุ่น.. พลันได้ยินเสียงก๊อกแก๊กดังเข้ามา คนตัวเล็กเด้งตัวนั่งคืนทันที …มองไปยังที่มาของเสียง

ร่างโปร่งแสงของวายุกำลังจดจ่ออยู่กับโน้ตบุ๊ค ไม่รู้ว่าดึงโน้ตบุ๊คหันไปตอนไหน มือหนาวางบนแป้นพิมพ์ สายตามองหน้าจอ ท่าทางจริงจัง

“ทำอะไร?” คนตัวเล็กขยี้ตาน้อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปดูหน้าจอ

 “อันนี้คำนวณคาร์บอน 14 ใช่ไหมล่ะ? ผมพอทำได้” แล้ววายุก็ทำให้อย่างที่พูดจริงๆ …ร่างสูงส่งยิ้มน้อยๆมาให้เดียร์ ลงมือพิมพ์สูตรและวิธีการคำนวณลงไป  มีผละออกมาหยิบปากกากับกระดาษมาขีดๆเขียนๆอะไรบ้าง แล้วก็กลับไปจดจ่ออยู่กับหน้าจอต่อ

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เดียร์เผลอนั่งมองท่าทางของร่างสูง

ริมฝีปากบางอมยิ้มน้อยๆโดยไม่รู้ตัว…

จนกระทั่งเสียงทุ้มๆดังขึ้นมา

“มองอย่างนี้ผมก็เขินนะ”

ร่างเล็กสะดุ้งน้อยๆ  เผลอสบตาร่างสูงได้ไม่ทันไรก็ต้องรีบก้มหน้าหลบสายตา มือบางคว้าหนังสือแถวนั้นมากางบังหน้าตัวเองที่มันคงเปลี่ยนสีอีกแล้ว

… วายุมองมาอีกแล้ว … สายตาของวายุที่มองมาก็ไม่ใช่เล่นๆเลย  แค่เดียร์แอบมองวายุครั้งเดียว ยังไงก็ไม่เท่าที่วายุใช้สายตาทะลวงร่างของเดียร์แบบนี้หรอก

จะให้ร่างของเดียร์ทะลุจริงๆใช่ไหม!







ในที่สุด วันที่เดียร์รอคอยก็มาถึง

เป็นอีกครั้งที่เดียร์ขอให้อาโปไปโรงพยาบาลด้วย แม้ว่าเดียร์จะไปเองโดยให้วายุพาไปได้ แต่มันก็ยังไม่อุ่นใจเท่ามี“คน”ไปเป็นเพื่อนจริงๆ

เดียร์กับอาโปโดยสารแท็กซี่มาถึงโรงพยาบาลเป้าหมายในช่วงสายของวัน  ตามด้วยขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ต้องการ

อาโปเดินเคียงข้างมากับรุ่นพี่ที่เริ่มสนิทกันมากขึ้นแล้ว

ทันทีที่มาถึงห้อง มือบางของรุ่นน้องเคาะประตูเบาๆ เป็นสัญญาณให้คนที่อยู่ด้านในรับทราบว่ามีคนมา  เมื่อลองเปิดประตูแล้วพบว่าไม่ได้ล็อค  อาโปจึงเดินนำรุ่นพี่เข้าไปด้านใน

“ป้าแหม่ม~” อาโปเดินเข้าไปกอดเอวหญิงวัยกลางคน ได้รับอ้อมกอดรัดแน่นกลับคืนมา

“อยากกอดบ้างจัง” เสียงทุ้มดังขึ้นมาเบาๆ …สายตาหม่นเศร้า

เดียร์เงยหน้ามองร่างสูง มือบางยื่นมือไปบีบกระชับมือหนาแน่น ยิ้มน้อยๆให้กำลังใจ

“ป้าแหม่ม สวัสดีครับ” เดียร์เข้าไปทักทายผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างโซฟา ป้าแหม่มยกมือรับไหว้ ยิ้มอ่อนโยนมาให้คนตัวเล็ก

เดียร์แอบสังเกตจากสภาพความเป็นอยู่และข้าวของเครื่องใช้แล้ว ท่าทางป้าแหม่มจะอยู่เฝ้าวายุทุกวัน

“พี่ๆคนอื่นๆล่ะครับ ผลัดๆกันบ้างก็ได้” อาโปเอ่ยอ้อนๆกับผู้สูงวัย ถึงอาโปจะมานอนเฝ้าบ้าง พ่อกับแม่มานอนเฝ้าบ้าง แต่ยังไม่บ่อยเท่าป้าแหม่ม ขนาดขอให้พี่ๆคนอื่นๆในบ้านผลัดกันมาเฝ้าไข้บ้าง กลับได้นอนเป็นเพื่อนป้าแหม่มซะนี่

“ไม่เป็นไรค่ะ ป้าอยากอยู่กับคุณหนูวายุ” รอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่บนใบหน้าของผู้มากวัย อาโปเห็นอย่างนั้นเลยออกแรงรัดแขนเข้ากับร่างท้วมๆของป้าแหม่มอีก

เดียร์เดินเข้าไปหยุดข้างเตียงผู้ป่วย

ร่างของวายุดูดีกว่าครั้งแรกที่เดียร์มาเยี่ยม อาจเป็นเพราะเลือดไหลเวียนดีขึ้นหรืออย่างไร ไม่ทราบได้  ผิวเนื้อดูมีชีวิตชีวาขึ้น สายระโยงระยางที่เคยต่อเข้าร่างกายของวายุก็เริ่มน้อยลง  เผยให้เห็นใบหน้าคมคายของวายุที่ดูซูบไป  แผ่นอกกว้างกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ …ดูๆไป เหมือนวายุเพียงแค่นอนหลับเท่านั้นเอง

“ดูดีขึ้น….นิดหน่อย” เสียงจากร่างข้างๆ ทำเอาเดียร์อดไม่ได้ที่จะกระทุ้งศอกใส่เอวร่างสูง  วายุแสร้งร้องโอดโอยไปตามระเบียบ

“มันใช่เวลาพูดถึงเรื่องนั้นไหม?” คนตัวเล็กแค่นเสียงให้เบาที่สุด  วายุเพียงยิ้มแหยๆมาให้

“ถ้าผมไม่หล่อ เดี๋ยวเดียร์ไม่รัก”

“หรอออออออ”

“ทำเสียงแบบนี้ แสดงว่า ไม่หล่อก็รัก”

คนตัวเล็กหันมาฟึดฟัดอยู่คนเดียว จะส่งเสียงเถียงวายุมากไปก็ไม่ได้ ถ้าเผลอเสียงดังขึ้นมา ป้าแหม่มกับอาโปคงจับเดียร์ส่งแผนกจิตเวชชัวร์

เดียร์กลับไปนั่งคุยกับป้าแหม่มแล้วก็อาโปอีกพักใหญ่

พอได้ถามถึงอาการของวายุ… ป้าแหม่มบอกว่าอาการของวายุดีขึ้นมาก ขนาดหมอยังบอกว่าดีขึ้นเร็วมากจนน่าตกใจ …

อย่าว่าแต่หมอเลย … เดียร์เองยังตกใจ

….พอได้คุยแล้วก็เริ่มสนุกปาก

ป้าแหม่มเริ่มเล่าเรื่องของวายุตอนเด็กๆให้ฟัง บางเรื่องอาโปเองก็ไม่เคยรู้ อดตื่นเต้นไปกับเรื่องแปลกๆไม่ได้ เดียร์ฟังไปก็ขำไป … แต่ร่างโปร่งแสงข้างๆเดียร์ ไม่ได้ขำไปด้วยเลย เอาแต่ยู่หน้าน้อยๆใส่หญิงสูงวัยที่เล่าเรื่องอย่างอารมณ์ดี ได้ยินวายุพยายามเถียงเรื่องที่ป้าแหม่มเล่า

“ไม่ใช่นะป้า ตอนนั้นล้อจักรยานมันไม่ดีต่างหาก”

“ตอนนั้นน่ะนะ คุณหนูร้องไห้จ้าเลย เอาแต่โทษก้อนหินว่าขวางทางจักรยาน เลยขี่จักรยานล้ม”

เสียงวายุเคล้าไปกับเสียงป้าแหม่ม ยิ่งเดียร์ได้ฟังวายุแก้ตัว ยิ่งทำให้เดียร์กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่

เดียร์อยู่ที่โรงพยาบาลจนถึงช่วงบ่ายของวัน อาโปอยากอยู่กับป้าแหม่มต่อ เดียร์ไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวจึงขอตัวกลับก่อน


ต่อตรงนี้ ^^



กลับหอมา ก็มานั่งจ้องกับหน้าจอโน้ตบุ๊คต่อ รายงานยังค้างคาอยู่อีกหลายวิชา ซึ่งรายงานของแต่ละวิชาก็ไม่ใช่เบาๆเลย

พู่กันหอบโน้ตบุ๊คกับกระดานวาดรูปไปยึดพื้นที่โซนโซฟา แอบเห็นว่าพู่กันหันมาวาดรูปบ่อยกว่าพิมพ์งานในโน้ตบุ๊คซะอีก

เดียร์นั่งจ้องโปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ดที่ถูกเปิดค้างไว้ แสงสว่างจากหน้าจอตกกระทบใบหน้าใส หากแต่คนตัวเล็กกลับไม่ได้คิดถึงสิ่งที่ต้องพิมพ์ลงไปในหน้ากระดาษนั้น

เรื่องของวายุวนเวียนอยู่ในความคิดของเดียร์

วายุดูเหมือนว่าจะดีขึ้นจริงๆ… ดีขึ้นเร็วจนไม่น่าเชื่อ

ไหนจะอาการแปลกๆของวายุที่พักนี้เป็นบ่อยเหลือเกิน  เดียร์ไม่รู้ว่าวายุเป็นอะไร แต่ท่าทางเจ็บปวดของวายุก็ชวนให้เดียร์คิดเชื่อมโยงกับเรื่องที่ร่างกายของวายุมีอาการดีขึ้น….บางทีมันอาจจะเกี่ยวกัน

หรือวายุจะกลับเข้าร่างได้จริงๆ?

วายุกำลังจะฟื้น?

ที่วายุเคยบอกมาตลอดมันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?

ถึงเดียร์จะยอมรับว่าเริ่มรู้สึกดีๆกับวายุบ้าง ( โอเค มันอาจจะไม่แค่ “บ้าง” แต่อาจจะมากกว่านั้น ) แต่แค่เพราะเรื่องนี้น่ะหรือที่ทำให้วายุฟื้นได้?

แต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ….ถ้ารู้สึกดีกับวายุ แล้ววายุฟื้นขึ้นมาได้ 

ถ้าวายุกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง คงจะดีไม่น้อย ถ้าจะสานสัมพันธ์กับวายุอย่างที่ความรู้สึกลึกๆต้องการ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในร่างวิญญาณแบบนี้

แล้วถ้าวายุไม่ฟื้นล่ะ?

จะเป็นไปได้ไหม ถ้าวายุแค่มีอาการดีขึ้นแต่กลับเข้าร่างไม่ได้

“คิดอะไรอยู่ครับ?” เสียงทุ้มอ่อนโยนดังเข้ามา  เดียร์เผลอสะดุ้งสุดตัว

“วายุ!” ตวาดเบาๆ  วายุโน้มหน้ามาแทบชิด ตอนเดียร์เผลอหันไปมองร่างสูง ปลายจมูกชนกันเบาๆด้วย

“ที่คิดอยู่นี่ คิดเรื่องรายงานหรือคิดเรื่องผม?” ร่างสูงถอยห่างไปเล็กน้อย ย้ำว่าเล็กน้อย! ร่างของวายุยังอยู่แทบจะแนบเนื้อกับคนตัวเล็ก มีเพียงใบหน้าที่ผละออกไป วายุพูดออกมาแต่ละที ทำเอาเดียร์อดรู้สึกร้อนๆหนาวๆไม่ได้

“ถอยออกไปหน่อยสิ” คนตัวเล็กก้มหน้าบอกอ้อมแอ้ม มือบางดันไหล่กว้างให้ขยับห่างจากตัว วายุอมยิ้มน้อยๆ

“เดียร์ยังไม่ตอบเลย ว่าไงครับ? คิดเรื่องรายงานหรือคิดเรื่องผม”

คนตัวเล็กกัดริมฝีปากล่างเบาๆ กลั้นใจเงยหน้าสบตาร่างสูง

“ฉันจะคิดเรื่องนายทำไมล่ะ”

“ปากแข็ง”

ร่างสูงก้มหน้าแนบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากเล็ก เพียงแค่สัมผัสเบาๆแล้วผละออก ถึงจะเป็นแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ … ใบหน้าใสเปลี่ยนสีอีกแล้ว

“ผมบอกหลายครั้งแล้วนะ ว่าเดียร์คิดอะไรก็ออกมาทางสีหน้าหมด” วายุเอ่ยอย่างครึ้มใจ มองร่างเล็กตรงหน้าที่พยายามก้มหน้าคางชิดอก ถึงอย่างนั้นก็ยังเห็นแก้มที่เปลี่ยนสีอยู่ดี

“ระ…รู้แล้ว ถามทำไมล่ะ!?”

“อยากรู้ว่าเดียร์จะพูดอย่างที่คิดหรือเปล่า” ยิ่งเห็นคนตัวเล็กก้มหน้า วายุยิ่งได้ใจ ใบหน้าหล่อยื่นเข้าไปใกล้ๆแก้มใส “ปากแข็งแบบนี้ น่าทำให้อ่อนจัง”

“วายุ!” เดียร์เผลอเงยหน้าตวาดร่างสูง และเพิ่งรู้ว่าตัวเองพลาด เมื่อได้สบตากับสายตาหยาดเยิ้มตรงหน้า เดียร์เริ่มหันรีหันขวาง ทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที

“จะ…จะทำงานต่อแล้ว เขยิบออกไปห่างๆได้ไหม?”

วายุยอมเขยิบออกให้แต่โดยดี

ถ้าเอาน้ำเปล่าไปไว้ใกล้ๆหน้าเดียร์ตอนนี้ น้ำคงเดือดแน่ๆ…

วายุเขยิบไปนั่งเท้าคางจากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะญี่ปุ่นเหมือนเดิม มองคนตัวเล็กที่ยกมือน้อยๆตบแก้มตัวเองเบาๆ หายใจเข้าหายใจออกช้าๆ สะบัดหน้าน้อยๆแล้วก็กลับเข้าสู่โลกของรายงานอีกครั้ง

คนตัวเล็กหันไปหยิบหนังสือที่ต้องใช้ข้อมูลมาอ่าน ขีดเน้นข้อความตามเห็นสมควร แล้วก็กลับไปจดจ่อกับไมโครซอฟต์เวิร์ด

นั่งหลังขดหลังแข็งไปได้สักพัก คนตัวเล็กก็หอบหนังสือที่ต้องอ่านเดินเข้าห้องนอน …

วายุเดินตามไปเงียบๆ  มองคนตัวเล็กที่นั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสือ  มือบางมีปากกาเน้นข้อความอยู่ในมือ …อ่านไปได้สักพัก จากที่นั่งพิงหัวเตียง แผ่นหลังบางเริ่มสัมผัสที่นอน ศีรษะเริ่มวางบนหมอน  คนตัวเล็กพลิกตัวนอนคว่ำ หนุนหมอนไว้ใต้อก พอเริ่มเมื่อยก็เปลี่ยนท่ามานอนตะแคง พลิกซ้ายพลิกขวาจนพอใจ

วายุนั่งมองแผ่นหลังเล็กที่นอนตะแคงหันหลังให้ รู้สึกว่าเดียร์เริ่มนิ่งไปจนผิดปกติ

ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ร่างเล็ก…. พลันรอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้าคม

แพขนตายาวพริ้มปิดลงมา ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หนังสือเล่มโตนอนนิ่งอยู่ในมือในหน้าที่เปิดค้างไว้ ข้างตัวมีปากกาเน้นข้อความหล่นอยู่

วายุค่อยๆดึงหนังสือออกจากมือน้อยๆนั้น หยิบปากกาเน้นข้อความมาคั่นหน้าไว้ เผื่อเจ้าตัวอ่านต่อ

…บทจะหลับก็หลับกันง่ายๆแบบนี้เลยนะ….

แสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง อีกไม่นานแสงสีทองคงหายลับไป

ดวงจันทร์เริ่มประดับประดาบนท้องฟ้าบ้างแล้ว

วายุเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้อง ไปที่โซฟา พู่กันก็ยังตั้งหน้าตั้งตาวาดรูป ไม่ได้สนใจหน้าจอโน้ตบุ๊คที่ไม่รู้ว่ามันดับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ วายุเดินเข้าเดินออกห้องนอน ก็ไม่มีทีท่าว่าเดียร์จะตื่น

วายุไม่รู้จะทำอะไร สุดท้ายมาทิ้งตัวนั่งข้างคนตัวเล็กในห้องนอน

ลอบมองใบหน้าหวาน  ที่ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ไม่รู้จักเบื่อ

ตอนนั้นเองที่คนตัวเล็กเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

ร่างเล็กบิดน้อยๆ มือบางประคองศีรษะตัวเองไว้

“ปวดหัว” เสียงหวานพึมพำเบาๆ พลางยันตัวลุกนั่ง วายุคอยช่วยประคองคนตัวเล็กให้นั่งพิงกับหัวเตียง ทันทีที่คนตัวเล็กตาสว่าง และเห็นว่าใครอยู่ตรงหน้า เสียงใสก็ร้องลั่น

“นะ…นายทำอะไรฉัน!!” ไม่รู้ล่ะ โวยวายไว้ก่อน  เดียร์ปวดหัวมาก   ตอนก่อนนอนก็ไม่เห็นปวดหัวแบบนี้ พอตื่นขึ้นมาแล้วปวดหัว แล้วยังมาเจอวายุอยู่ตรงหน้าอีก

คนตัวเล็กกวาดตามองสำรวจร่างกายตัวเอง… ไม่มีรอยบุบตรงไหน เสื้อผ้าอยู่ครบ  แล้วทำไมถึงปวดหัว!

“ผมไม่ได้ทำอะไรเดียร์หรอกนะ… เดียร์เล่นนอนทับตะวันแบบนี้ ก็ปวดหัวเป็นเรื่องธรรมดานั่นแหละ”

คำพูดของวายุไม่ได้ทำให้เดียร์เชื่อร้อยเปอร์เซ็นเลย

คนตัวเล็กส่งสายตาไม่ไว้ใจไปให้ร่างสูง

“เอ้า…จริงๆนะ  นอนตอนเย็นก็อย่างนี้แหละ” วายุเห็นท่าทางระแวงของเดียร์แล้วชักอยากแกล้ง “หรือเดียร์อยากให้ผมทำอะไร ก็ได้นะ ผมไม่เกี่ยงหรอกว่าผมจะเป็นคนหรือวิญญาณ ถ้าเดียร์ใจร้อน เดี๋ยวผมทำตอนนี้ก็ได้”

วายุไม่พูดเปล่า ยื่นมือไปหาร่างเล็กทันที

เดียร์รีบลุกหนีไปยืนอีกฝั่งของเตียง เสียงหวานตวาดลั่น

“จะบ้าหรือ! ฉันพูดแบบนั้นหรือไง!”

“อ้าว เห็นเดียร์ไม่พอใจ ผมก็คิดว่าเดียร์โมโหที่ผมไม่ยอมทำ…”

“หยุด!! ฉันพูดแบบนั้นตอนไหนฮะ!!”

วายุสาวเท้าไปหาเดียร์

ทันทีที่ถึงตัวเดียร์ แสงสว่างวาบก็แผดจ้าเต็มห้อง

เดียร์ยกมือปิดตาอัตโนมัติ ข้างๆมีวายุยืนมองแสงตรงหน้าไม่วางตา

…เหตุการณ์คุ้นๆ

“สวัสดี ไม่ได้เจอกันนานเลยนะพ่อหนุ่ม” เสียงทุ้มที่วายุคิดว่าคุ้นหูดังขึ้น เพราะเสียงมาก่อนที่ร่างจะเผยชัด วายุเลยพยายามนึกว่าเคยได้ยินเสียงนี้จากที่ไหน จนแสงสว่างค่อยๆจางลง วายุถึงกับเบิกตาโพลงกับภาพที่ฉายชัดตรงหน้า

“ยมทูต?!” วายุแน่ใจแล้วว่าเสียงนั้นคือเสียงยมทูตแน่ๆ

“ไม่ใช่ยมทูตตนเดียวซะหน่อย” เสียงใสข้างยมทูตนั่น…

“กามเทพ?!”

“ยังจำกันได้นี่”

วายุแทบจะทึ้งหัวตัวเอง

สายตาคมเหลือบไปมองร่างเล็กข้างๆ เดียร์ตาโตอ้าปากค้างไปเรียบร้อยแล้ว

“สวัสดี เรายังไม่เคยเจอกันเลยสินะ ไม่สิ พวกเราเจอเธอแล้ว แต่เธอยังไม่เคยเจอพวกเรา” เสียงใสของกามเทพเอ่ยทักคนตัวเล็กที่ได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบๆ  วายุได้แต่มองร่างทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ

“ก่อนอื่นเลย พวกเราขอแสดงความดีใจด้วยนะ” เสียงทุ้มของยมทูตฟังดูนุ่มนวล

“ตอนนี้ก็ลงเอยกันด้วยดีแล้วสินะ.. ทีนี้ก็ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาแล้วล่ะ” ยมทูตว่าต่อไป  ข้างๆตัวมีกามเทพหยิบปากกาขนนกมาจดอะไรไม่รู้ใส่สมุดพกประจำตัว … เหมือนเป็นบันทึกประจำวัน

“ที่มาวันนี้ ก็ไม่มีอะไรมาก แค่จะบอกว่า นายกลับเข้าร่างได้แล้วนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนของยมทูตยังดังต่อไป

“กลับเข้าร่างได้แล้ว?!!” ตอนนั้นเองที่เดียร์รู้สึกเหมือนเพิ่งหาเสียงของตัวเองเจอ คนตัวเล็กร้องลั่น ….วายุได้แต่มองยมทูตตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“ปล่อยให้ร่างของนายอยู่อย่างนั้นนานๆมันไม่ดี ไหนๆก็มาถึงขนาดนี้แล้ว กลับเข้าร่างได้แล้วนะ” กามเทพเอ่ยบ้าง มือก็ยังจดอะไรลงไปไม่หยุด

“เดี๋ยว!...แต่  กลับยังไง ผมจะเข้าร่างได้ เดี๋ยวนะ นี่พูดอะไรกัน อย่าล้อเล่นนะ ผมจะเข้าร่างได้ยังไง” วายุละล่ำละลักแทบจับใจความไม่ได้ ไม่รู้ว่าความตื่นเต้นดีใจกับความสงสัยข้องใจ อันไหนมันมากกว่ากัน

“พรุ่งนี้เลยไหมล่ะ เร็วดี พวกเราจะพาไปส่งเข้าร่าง ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว”กามเทพเก็บปากกาขนนก ถือสมุดไว้ในมือ วายุมองไม่ทันว่าปากกาขนนกถูกเก็บไว้ที่ไหน แต่มันก็หายไปจากมือของกามเทพแล้ว

“พรุ่งนี้?! เดี๋ยว นี่อะไร ทำไมอะไรมันรวดเร็วแบบนี้ ตอนนั้นคิดจะให้ลื่นล้มก็ล้มไปเฉยๆ พอตอนนี้ก็จะเข้าร่างง่ายๆอย่างนี้?” วายุยอมรับว่าหงุดหงิดเล็กน้อย …  มันคงดีที่ได้กลับเข้าร่างเร็วๆ แต่เอะอะก็ปุบปับแบบนี้   มันจะรวดเร็วไปไหม? เข้าร่างได้แล้วจะเป็นยังไง? ร่างกายที่ไม่ได้ขยับเลยตลอดเวลาสี่เดือน… แน่นอนว่าต้องใช้เวลาพักฟื้น นี่ไม่ให้เวลาทำใจอะไรเลยหรือไงกัน!

“รีบฟื้น จะได้รีบกลับมาเป็นปกติ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดพลาดของข้าเอง ข้าต้องขอโทษด้วย หลังจากนี้…ข้า…เห็นใจพวกเจ้านะ ข้าขอโทษที่ทำอะไรไม่ได้มาก”

“ไอ้ยมทูต!  พูดมากล่ะ  ไหนตกลงกันแล้วไงว่าจะไม่บอก” กามเทพแค่นเสียงกระซิบ ยมทูตเพียงได้แต่ยิ้มน้อยๆ

“เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ก่อนเที่ยงคืน เจอกันที่โรงพยาบาล เวลาที่เหมาะที่สุดคือ ห้าทุ่มห้าสิบเก้านาที”

ทันใดนั้น แสงวูบวาบแผดจ้าอีกครั้ง ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ ไร้ร่องรอยของร่างสองร่างที่ยืนอยู่เมื่อครู่

มาเร็วไปเร็วเหมือนเดิม ไม่มีให้ตั้งตัวกันเลย!

เดียร์หันมามองวายุตาปริบๆ สายตาประสานกัน พลันรอยยิ้มกว้างเผยชัดบนใบหน้าของทั้งคู่ ตามมาด้วยเสียงร้องลั่นด้วยความดีใจ

พู่กันที่วาดรูปอยู่ด้านนอก เพิ่งได้ยินเสียงเดียร์ร้องลั่นอยู่ในห้อง…. เดียร์คงคุยอะไรกับ“ใคร”อยู่ หรือคุยโทรศัพท์ก็ไม่รู้ หลังๆมานี้พู่กันชักดูไม่ออก …แต่ก็ชินแล้วล่ะนะ




# My dear


วายุดีขึ้นแล้วนะคะ ฮี่ๆๆๆ



เจอกันตอนต่อไปค่ะ ^_^

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะได้เข้าร่างแล้วนะวายุ

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ขอให้เข้าร่างได้โดยปลอดภัยนะคะ  :call:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เข้าร่างแล้วจะจำเดียร์ไม่ได้ใช่เปล่า

ออฟไลน์ iiam

  • อัยแอม Bulan
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
Chapter 21





แสงอรุณสาดส่องรับวันใหม่ ฝูงนกพากันบินออกจากรัง ลมโชยอ่อนๆหลอกล้อกับยอดไม้ใหญ่

วายุยืนมองภาพบรรยากาศยามเช้าจากในห้อง…

ห้องที่วายุเคยอาศัยอยู่…

ห้องที่วายุคุ้นเคย…

ห้องที่ได้พบกับเดียร์…

ร่างสูงหันกลับมามองคนตัวเล็กทั้งสองคนบนเตียงนอน ทั้งเดียร์และพู่กันยังนอนหลับสบายอยู่บนที่นอน

พู่กันเล่นอยู่ทำงานจนดึก

ส่วนเดียร์… มัวแต่ตื่นเต้นที่เมื่อคืนได้เจอยมทูตกับกามเทพ ไหนจะเรื่องที่วายุจะได้กลับเข้าร่างอีก … กว่าเดียร์จะหลับ ดาวก็เริ่มจางหายไปจากขอบฟ้าแล้ว

ไม่นาน พู่กันค่อยๆปรือตาตื่นขึ้นมา บิดตัวน้อยๆ ก่อนลุกเดินเข้าห้องน้ำ

วายุแอบนับถอยหลังในใจ….

หลังจากนี้อีกสิบวินาที … นาฬิกาปลุกจะดัง

ว่าแล้ว วายุเริ่มนับ สิบ….เก้า….แปด….

สาม….สอง….หนึ่ง  และ…..

เป็นอย่างที่คิดไว้ นาฬิกาปลุกร้องลั่นขึ้นมาทันที

เดียร์ควานหาที่มาของเสียงรบกวน มือเล็กตะปบปิดนาฬิกาเต็มแรง 

ร่างสูงเริ่มนับถอยหลังอีกครั้ง

หลังจากนี้อีกยี่สิบวินาที เดียร์จะลุกจากที่นอน

…วายุอดขำน้อยๆไม่ได้

นาฬิกาปลุกเวลานี้ทุกวัน เดียร์ก็เป็นแบบนี้ทุกวัน

คอยดูนะ ถ้ากลับเข้าร่างได้จะโยนนาฬิกาทิ้งเสีย แล้วเขาจะเป็นคนปลุกเดียร์เอง …ปลุกแบบมอนิ่งคิสดีไหมนะ หรือจะเอาแบบดีปคิสไปเลย

…แต่เดียร์ต้องไม่ตะปบเขาเหมือนที่ตะปบนาฬิกานะ

เดียร์เด้งตัวจากที่นอนตอนที่วายุนับครบยี่สิบวินาทีพอดี

คนตัวเล็กขยี้ตาน้อยๆ ได้ยินเสียงน้ำจากห้องน้ำ…พู่กันคงอาบน้ำอยู่

คนตัวเล็กเหลือบสายตามองไปรอบๆห้อง คล้ายมองหาใครบางคน

“ตื่นหรือยังเนี่ย?” เสียงทุ้มดังอยู่ข้างๆ รู้สึกถึงไอเย็นจากร่างสูงที่อยู่บนศีรษะ มือหนาโยกโคลงศีรษะเบาๆ

“ตื่น…แล้ว…” อื้อหือ เสียงยานคางได้อีก …วายุหลุดขำน้อยๆ

พู่กันออกจากห้องน้ำพอดี เดียร์เห็นอย่างนั้นเลยตั้งท่าจะลงจากเตียงเข้าห้องน้ำบ้าง

“อาบน้ำก่อนนะ” เสียงหวานเอ่ยเบาๆ เดินโซเซเข้าห้องน้ำไป

แล้วก็เป็นอย่างเช่นทุกวัน เดียร์ไปเรียนกับพู่กัน มีโต้งนั่งรออยู่ที่ห้องเรียนแล้ว วายุตามเดียร์ไปทุกที่ทุกวิชา

ยอมรับว่าตั้งแต่เป็นวิญญาณตามติดเดียร์แบบนี้ วายุได้เรียนอะไรที่ไม่เคยเรียนเยอะมาก ทั้งที่ปกติเรื่องที่เรียนจะอยู่แต่กับตัวเลขและสูตรคำนวณ พอมานั่งฟังวิชาที่เป็นเนื้อหา อย่างประวัติศาสตร์หรือมนุษยวิทยาแบบนี้ ทำเอาวายุเพลินไปเหมือนกัน

นั่นสินะ… ตอนนี้วายุชินกับการมีเดียร์อยู่ข้างๆแล้ว

วายุแทบไม่เคยปล่อยให้เดียร์คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว (อาจจะมีบ้างตอนเดียร์เข้าห้องน้ำ..เขาก็ยังพอมีมารยามพอนะ) ไม่ว่าเดียร์จะไปไหน จะทำอะไร วายุรับรู้อยู่ตลอด

คิดแล้วก็อดใจหายไม่ได้

ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาจริงๆ… กิจวัตรแบบนี้ก็คงหายไป…

ร่างสูงมองนิ่งไปยังคนตัวเล็กที่กำลังตวัดปากกาลงหน้ากระดาษสมุดมือเป็นระวิง ใบหน้าใสเงยมองอาจารย์ที่บรรยายหน้าห้องเป็นระยะๆ สลับกับก้มลงไปจดจ่อกับสมุดต่อ

เดียร์จะคิดเหมือนเขาไหมนะ….

เดียร์จะรู้สึกเหงาไหม...

แต่ก็เอาเถอะ… อย่างไรเสีย ถ้าฟื้นขึ้นมาได้ก็ไม่ปล่อยให้เดียร์คลาดสายตาเหมือนเดิมอยู่ดี 

คนที่จะอยู่ในสายตาเดียร์ได้ มีแค่วายุเท่านั้น!

วันนี้แล้วสินะ…ที่วายุจะฟื้น

วายุคิดถึงคำสัญญาที่เคยเอ่ย..

เดียร์ต้องรอจนเขาฟื้นจริงๆนะ…

ห้ามหวั่นไหวกับใครนะ

ห้ามปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับไอ้ล็อคนะ

…ห้ามผิดสัญญานะ

ถึงแม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาพักฟื้น แต่ระหว่างนั้นเดียร์ต้องรอนะ  ช่วงพักฟื้น เขาคงไปไหนมาไหนกับเดียร์แบบนี้ไม่ได้ จะรับรู้ข่าวคราวของเดียร์ได้ ก็มีแค่อาโปเท่านั้นที่พอจะบอกได้บ้าง…ถึงตอนนั้นวายุจะเล่าให้อาโปฟังทุกอย่างว่าวายุรู้สึกยังไงกับเดียร์… น้องชายเขาคงไม่ใจร้ายขนาดไม่ยอมรับเรื่องของเขากับเดียร์หรอก ดูท่าอาโปเองก็ออกจะปลื้มเดียร์อยู่ไม่น้อย

นักศึกษาทยอยเดินออกจากห้องเรียนหลังจากเรียนเสร็จ

วายุสะดุ้งน้อยๆเมื่อเจอแรงสะกิดเบาๆที่แขน

“เรียนเสร็จแล้ว ไปกัน” เดียร์กระซิบเบาๆ

สายตาคมมองเลยไหล่บางไป เห็นโต้งกับพู่กันกำลังเตรียมตัวสะพายกระเป๋ากันแล้ว

…นี่เขาเหม่อนานขนาดนี้เลยหรือเนี่ย

โต้ง พู่กัน และเดียร์ มีเรียนต่ออีกทีตอนบ่าย วายุเพิ่งรู้สึกว่าเดียร์ “ตื่น”จริงๆก็ตอนบ่ายนี่ล่ะ

ร่างสูงต้องคอยปรามคนตัวเล็กที่เอาแต่จะร้องดีใจกับวายุกลางโรงอาหาร ไหนจะระหว่างทางเดินมาห้องเรียนตอนบ่ายอีก

“กี่โมงนะ? ห้าทุ่ม ห้าสิบเก้าใช่ไหม?” เดียร์ว่าเสียงระรื่น พลางจดยิกๆลงไปบนช็อตโน้ต

“นายไม่ตื่นเต้นเลยหรือไง! นายกำลังจะฟื้น! โอ้โห มันยิ่งกว่าในหนังที่เคยดูซะอีก ฉันรอให้ถึงห้าทุ่มไม่ไหวแล้วนะ โอ่ย จะเป็นยังไงนะตอนนั้น มันจะมีแสงวิ้งๆเหมือนในละครไหม? ตอนนายเข้าร่าง นายจะเจ็บไหม? แล้วหลังจากนั้นนายจะฟื้นเลยไหม? โหยยย รอไม่ไหวแล้ว” เดียร์ว่าอย่างตื่นเต้น เสียงใสไม่ได้ดังในระดับกระซิบ แต่ดังในระดับคนคุยกันเบาๆ

พู่กันกับโต้งเหลือบมองเดียร์เป็นระยะๆ … ท่าทางของเดียร์เหมือนคนซ้อมบทละครมาก… แอคติ้งมาเต็ม สีหน้า ท่าทาง อารมณ์

ทั้งสามคนอยู่ในห้องเรียน  กำลังรอเรียนตอนบ่าย นักศึกษาคนอื่นๆทยอยเข้าห้องมาเรื่อยๆ แต่ทุกครั้งที่มีคนเข้ามา จุดโฟกัสสายตาของทุกคนจะต้องจับจ้องอยู่ที่เดียร์ทันที

“เบาๆครับ” วายุจุ๊ปากให้คนตัวเล็กลดเสียงลง เดียร์ยกมือปิดปากอย่างว่าง่าย แต่เสียงหวานๆก็ยังเล็ดลอดออกมาเบาๆ

“กามเทพกับยมทูตเคยบอกไหมว่าจะเจ็บหรือเปล่า?”

“ไม่เคยนา…ไม่เคยพูดถึงเลย ที่ผมเจ็บก็มีแต่ตอนที่เจ็บหน้าอกนั่นล่ะ…แต่ทุกครั้งที่เจ็บ ร่างกายผมก็ดีขึ้นทุกที”

“แล้วอย่างนี้ ถ้าตอนต้องฟื้นจริงๆ ไม่เจ็บแย่หรือ?” ดวงตาใสฉายแววเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด …วายุอมยิ้มน้อยๆ

“ไม่เจ็บหรอก มีเดียร์อยู่ข้างๆแบบนี้ ผมไม่เจ็บหรอกครับ”  วายุยิ้มหวานให้คนตัวเล็ก ..ใบหน้าใสมีสีชมพูระเรื่อน้อยๆ

ไม่ทันไร เดียร์ก็ต้องหันไปหยิบสมุด ปากกาออกมาจากกระเป๋า เมื่ออาจารย์เดินเข้าห้องมาแล้วร่ายยาวทันที

กว่าจะการเรียนการสอนจะเสร็จสิ้นก็กินเวลาไปสามชั่วโมง

พู่กันขอตัวกลับไปวาดรูปส่งลูกค้าต่อ ส่วนโต้งกับเดียร์รีบมุ่งหน้าไปที่ร้านไอศกรีมทันที

โต้งตงิดใจ อยากถามเดียร์หลายครั้งแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้เดียร์คุยเก่งเป็นพิเศษ ถ้าคุยกับโต้ง โต้งจะไม่แปลกใจเลย

แต่นี่เดียร์ไม่ได้คุยกับโต้งน่ะสิ!

เพื่อนตัวเล็กเอาแต่คุยคนเดียว (ใช่ ในสายตาของโต้ง) ถึงโต้งจะไม่เห็นคู่สนทนาที่เดียร์คุยด้วย แต่เดาว่าฝ่ายโน้นคงมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นแน่  อยากถามน่ะก็อยากถามน่ะ  แต่ถามว่ากลัวไหม ยังไงก็กลัวอยู่ดี ไม่รู้ว่าถ้าโต้งถามอะไรเดียร์มันไปแล้ว ‘เขา’จะพอใจไหมที่โต้งไปอยากรู้เรื่องของ ‘เขา’

ร้านไอศกรีมอยู่ใกล้กว่าทุกครั้งในความรู้สึกของเดียร์

รู้สึกเหมือนทุกครั้งที่เดินมา จะใช้เวลานานกว่านี้

หรือเป็นเพราะเดียร์มัวแต่คุยกับวายุเพลินจนลืมเวลา?

โต้งเดินนำเข้าร้านไปก่อน เดียร์เดินตามไปติดๆ

“พี่เดียร์” เสียงใสร้องทักขึ้น เดียร์หันไปตามที่มาของเสียง รอยยิ้มหวานถูกส่งไปให้ทันที

“อาโป! มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

“เลิกเรียนปุ๊บก็รีบมาเลย”

เดียร์เดินเอากระเป๋าสายไปโยนไว้ใต้เคาน์เตอร์ ก่อนผละออกมาหารุ่นน้อง

ตรงหน้าอาโปมีไอศกรีมเต็มถ้วย ดูไปแล้ว เหมือนอาโปเพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำ

“เดี๋ยวนี้มาบ่อยน้า ไอศกรีมที่นี่อร่อยใช่ไหมล่า~?” รุ่นพี่เอ่ยแซว …ได้รับรอยยิ้มเขินๆจากรุ่นน้อง

“อร่อยด้วย อยากอยู่กับพี่เดียร์ด้วย” อาโปว่าพลางตักไอศกรีมเข้าปากไปคำหนึ่ง ก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้รุ่นพี่อดเขินไม่ได้ “สูตรใหม่นี่อร่อยจริงๆนะครับ ถ้าพี่เดียร์ทำต้องอร่อยกว่านี้แน่”

“ปากหวาน~~ ปากหวานเหมือนใครนะเราเนี่ย”  เดียร์ว่าพลางเหล่ตาไปมองร่างโปร่งแสงที่นั่งตรงข้ามอาโป
วายุส่งสายตาทะเล้นกลับมาให้

คุยกันต่อสักพัก เดียร์ก็ต้องผละไปทำงาน

พี่ล็อคยังนั่งทำงานในมุมส่วนตัวของเจ้าของร้าน พี่ข้าวกับพี่ปิ่นสาละวนอยู่กับการหั่นผลไม้หลากชนิดประดับตกแต่งไอศกรีม โต้งยืนรับออเดอร์จากลูกค้าอยู่ไม่ไกล

ไม่เคยอยากให้ปิดร้านเร็วเท่าวันนี้มาก่อน

เดียร์เอาแต่นึกถึงช่วงเวลาหลังจากนี้…ความกระวนกระวายสุมเข้ามาในจิตใจ

คนตัวเล็กเหลือบไปมองนาฬิกาที่ผนังร้าน

…หนึ่งทุ่ม

หนึ่งทุ่มแล้ว

อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ห้าทุ่ม

…ถึงตอนนั้นรถจะติดไหมนะ

…จะไปทันหรือเปล่านะ

แล้วถ้าไปไม่ทันจะเป็นอะไรไหมนะ…

เดียร์สะบัดหน้าน้อยๆ เรียกสติกลับเข้าร่าง ตั้งใจทำงานให้ลืมเวลาที่ต้องรอ มีอะไรทำฆ่าเวลาแล้วก็อย่าเพิ่งคิดมาก

…เอ…แล้วทุกครั้งที่นั่งรถไปนี่ใช้เวลากี่ชั่วโมงนะ..

“เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงทุ้มดังเข้ามา เดียร์เผลอสะดุ้งน้อยๆ ยิ้มแหยๆให้คนที่เข้ามาทัก

“พี่ล็อค…”

“พี่เห็นเราเหม่อนานแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายตรงไหนไหม?” ไม่พูดเปล่า มือหนายื่นมาสัมผัสแก้มใสทันที เดียร์เบี่ยงหน้าหลบตามสัญชาตญาณ  ล็อคชะงักไปเล็กน้อย

“อะ…เอ่อ…ขอโทษครับพี่ล็อค ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ” ว่าจบ เดียร์ก็ผละออกไปรับลูกค้าที่เพิ่งเข้าร้าน  ล็อคได้แต่มองตามร่างเล็กไป ยอมรับว่าตกใจเล็กน้อยกับท่าทีที่เดียร์หลบแบบนั้น

จะไม่ให้เดียร์หนีล็อคออกมาได้อย่างไร …สายตาคมที่มองเดียร์อยู่นั่นไง สายตาที่ไม่มีใครมองเห็นนอกจากเดียร์

ตอนที่พี่ล็อคเข้ามาหาเดียร์ วายุเล่นมองแทบจะงับหัวพี่ล็อคอยู่แล้ว …เพื่อความปลอดภัยของพี่ล็อคเลยจริงๆ นะ กลัววายุจะเอามะละกอราดพี่ล็อคอีก

เดียร์เหลือบมองนาฬิกาเป็นพักๆ

สองทุ่มแล้ว…..

มองไปรอบๆร้าน…อาโปยังนั่งอยู่ที่เดิม ไม่รู้กินไอศกรีมไปกี่ถ้วยแล้ว จะกินเยอะไปแล้วนะอาโป….

สามทุ่มแล้ว….

สามทุ่ม สามทุ่ม สามทุ่ม

ปิดร้าน!!

อาโปอยู่จนกระทั่งร้านปิด

รุ่นน้องตัวเล็กกะจะกลับหอพร้อมๆกับพี่รหัส

อาโปชอบความรู้สึกอบอุ่นเวลาอยู่กับพี่เดียร์ อยากคุยกับพี่เดียร์ทุกเรื่อง แต่วันนี้ดูเหมือนพี่เดียร์จะรีบผิดปกติ ไม่ใช่แค่อาโป ทุกคนในร้านก็ดูออก

“อาโป ไปโรงพยาบาลกัน” เมื่อเดียร์ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ก้าวฉับๆไปหารุ่นน้อง  …ไม่มีเกริ่นนำบอกชื่อเรื่องหรือแถมบรรณานุกรมให้สักนิด  อาโปได้แต่มองตาปริบๆ…

คำพูดของเดียร์ทำเอาเจ้าของร้านถึงกับหันขวับ

“เป็นอะไรหรือเปล่าเดียร์? ไปโรงพยาบาลทำไม? ให้พี่ไปส่งไหม?” ไม่ได้พูดอย่างเดียว ล็อคเดินตรงมายังคนตัวเล็กทั้งสองคนด้วย

เดียร์มองไปรอบๆร้านอีกครั้ง

พี่ข้าวกับพี่ปิ่นกำลังล้างมือเตรียมกลับบ้าน ไอ้โต้งกำลังเดินไปหยิบกระเป๋าใต้เคาน์เตอร์ เมื่อทุกอย่างในร้านอยู่ในความเรียบร้อยแล้ว

ถ้าอย่างนั้น…

“พี่ล็อคไปส่งพวกผมที่โรงพยาบาลหน่อยนะครับ”

“เฮ้ย!” เสียงอุทานจากร่างที่ไม่มีใครมองเห็น

วายุขมวดคิ้วน้อยๆ “ทำไมต้องให้มันไปด้วย”

“เร็วกว่าแท็กซี่แน่นอน” เดียร์ว่าเบาๆ คำพูดที่ดูเหมือนพึมพำนั้นไม่มีใครได้ยินนอกจากวายุ

“เดี๋ยวๆพี่เดียร์ พี่จะไปโรงพยาบาลทำไม” อาโปไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเลยสักนิด อะไร? ยังไง?  จู่ๆพี่เดียร์จะไปโรงพยาบาลทำไม? ทำไมพี่เดียร์ต้องรีบ?

“ไปหาวายุกันนะอาโป… พี่ล็อคครับ รบกวนด้วยนะครับ เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังบนรถ” เดียร์หันไปคุยกับอาโป แล้วหันมาหาล็อค

พี่ข้าวกับพี่ปิ่นที่ดูงงๆ ก็ขอตัวกลับไปก่อน

ไอ้โต้งที่ไม่เข้าใจอะไรตั้งแต่เช้า ยิ่งไม่เข้าใจกว่าเก่าอีก

“มึงกลับไปอยู่กับพู่กันก่อน กูกลับดึก” เดียร์บอกโต้งไว้แค่นั้น ก็เดินตามพี่ล็อคไปขึ้นรถ  ปล่อยให้โต้งได้แต่มองตามตาปริบๆ

เดียร์บอกทางไปโรงพยาบาลด้วยความเคยชิน  ล็อคขับรถไปเรื่อยๆตามถนนหลวงในเมืองใหญ่ อาโปได้แต่มองบรรยากาศในรถด้วยความฉงน แต่กระนั้นก็ยอมเก็บความสงสัยไว้ เพราะดูท่าแล้ว พี่เดียร์คงยังไม่พร้อมอธิบายให้ฟังแน่ๆ

เดียร์เหลือบมองนาฬิกาที่หน้ารถ

สี่ทุ่มครึ่ง…

ฮะ?!!! สี่ทุ่มครึ่ง?!!

ทำไมมันเร็วจังวะ!

“เดียร์เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีดๆ” ล็อคเหลือบมองกระจกหน้ารถที่สะท้อนเงาของใบหน้าใส

“ปะ..เปล่าครับ  ขอโทษพี่ล็อคด้วยนะครับ ผมต้องรีบไปหาเพื่อนจริงๆ” เดียร์เพิ่งมาอธิบายให้ล็อคฟังทีหลังว่าต้องรีบไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล …ถึงจะรู้สึกถึงสายตาคมดุจากร่างโปร่งแสงที่มองเดียร์นิ่งๆตอนที่เดียร์บอกว่าไปหา ”เพื่อน” ก็เถอะ…

“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ ว่าแต่…ไปทางไหนต่อนะ?”

เดียร์บอกทางต่ออย่างคุ้นเคย

การจราจรเริ่มติดขัด ติดไฟแดงแทบทุกแยก

ไม่เคยรู้สึกว่าโรงพยาบาลนั้นอยู่ไกลเท่าครั้งนี้

เดียร์เริ่มนั่งนิ่งไม่ติด เหลือบมองนาฬิกาที่หน้ารถทุกๆห้านาที

เผลอแป๊บเดียว…

ห้าทุ่มครึ่งแล้ว!!?

อะไรวะ!!

เดียร์เริ่มหันซ้ายหันขวา นั่งมองทางข้างหน้าอย่างใจจดใจจ่อ

“ซอยหน้าเลยครับ”

ล็อคเลี้ยวรถเข้าไปจอดในที่จอดรถของโรงพยาบาล

ทันทีที่รถจอดนิ่ง เดียร์รีบวิ่งลงจากรถโดยไม่ได้เอ่ยอะไรเลย

“พี่เดียร์!” อาโปร้องเรียก อาโปเพิ่งเท้าแตะพื้น แต่เดียร์วิ่งเข้าประตูไปแล้ว

“เจอกันห้องวายุนะอาโป” หันไปบอกรุ่นน้องแค่นั้นก็ออกวิ่งตรงไปยังลิฟต์

“กี่โมงแล้วๆๆ”  รู้สึกว่าลิฟต์ขับเคลื่อนช้ากว่าปกติ…เร็วๆกว่านี้หน่อยสิ

ตัวเลขบอกชั้นขึ้นสูงไปเรื่อยๆ เดียร์เผลอกลั้นหายใจเมื่อใกล้ถึงชั้นเป้าหมาย

ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เดียร์ออกวิ่งทันที

มือบางเคาะประตูห้องเบาๆ ค่อยๆเปิดแง้มเข้าไป

ภาพที่เดียร์เห็นคือร่างสว่างไสวของยมทูตกับกามเทพ และป้าแหม่มที่นอนหลับอยู่ที่โซฟา

“ป้าแกจะหลับไปสักพัก จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย” กามเทพเอ่ยออกมา

เดียร์หอบน้อยๆ เหนื่อยจากแรงวิ่ง ควักโทรศัพท์มือถือออกมากดดูเวลา

ห้าทุ่ม ห้าสิบห้านาที!!

ฉิวเฉียดชิบ!

“ไม่เป็นไรนะเดียร์?” เสียงทุ้มจากร่างโปร่งแสงดังเข้ามา เดียร์เงยหน้าสบตากับร่างสูง แรงหอบค่อยๆลดลง จังหวะการหายใจค่อยๆกลับมาเป็นปกติ

“นายต้องไม่เป็นอะไรนะ” เดียร์ยื่นมือไปจับกับมือหนา วายุกระชับมือน้อยๆไว้ ค่อยๆรั้งร่างน้อยๆเข้ามาแนบอก โอบกอดแน่นๆ

“มันดีแล้วหรอที่เราไม่บอกอะไรให้ทั้งสองคนรู้เลย” กามเทพหันไปซุบซิบเบาๆกับยมทูต ยมทูตเพียงส่งสายตาเห็นใจไปยัง 1 คน 1 วิญญาณที่ยืนกอดกันอยู่ไม่ไกล ก่อนเอ่ยออกมาเบาๆ

“ทั้งสองคนมีด้ายแดงเชื่อมกันอยู่ ยังไงก็ได้เจอกันอยู่ดี” 

“แต่มัน…” กามเทพเริ่มมีน้ำใสคลอหน่วยตา ยิ่งเห็นทั้งสองคนเป็นห่วงกัน…ยิ่งเห็นใจ

“คู่กันแล้ว ยังไงก็ไม่แคล้วคลาดกัน คำนี้ยังใช้ได้เสมอนะ” ยมทูตยิ้มอ่อนโยนให้กามเทพ  กามเทพหนุ่มกระพริบตาปริบๆ เก็บน้ำใสๆกลับเข้าตาให้หมด

“เอาล่ะ ถึงเวลาแล้วนะ” เสียงของกามเทพทำเอาวายุกับเดียร์ค่อยๆผละออกจากกัน

“อยู่รอจนผมฟื้นนะ อย่าไปไหนนะ”วายุบีบมือน้อยๆ เดียร์ยิ้มกว้าง พยักหน้าน้อยๆให้ร่างสูง

“รีบๆฟื้นนะ ..รออยู่” รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งไปให้ร่างสูงบ้าง

เดียร์เดินเคียงข้างวายุมาหยุดข้างเตียงผู้ป่วย

“ไปอยู่ตรงนั้นแบบหนึ่งนะ” เสียงอ่อนโยนของยมทูตเอ่ยบอกคนตัวเล็ก …เดียร์เดินเลี่ยงห่างออกไปจากเตียงสามก้าว …ทำให้เดียร์กับวายุต้องปล่อยกันโดยปริยาย

วายุหันมายิ้มน้อยๆให้คนตัวเล็ก

เดียร์อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างอย่างลุ้นๆ

กามเทพกับยมทูตลอบสบตากัน

ในจังหวะที่เดียร์กับวายุกำลังสบตากัน แสงสว่างก็แผดจ้าทั่วห้อง

กามเทพกับยมทูตร่ายคาถาผูกติดร่างของวายุกับวิญญาณของวายุเข้าด้วยกัน  เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น  แสงสว่างพลันหายไปพร้อมๆกับร่างของกามเทพและยมทูต

ตอนนั้นเอง ประตูห้องพักคนไข้ถูกเปิดออก ตามมาด้วยอาโปและล็อคที่วิ่งเข้ามา

สายตาคมของล็อคทันเห็นร่างของเดียร์ค่อยๆล้มลงกับพื้น ไม่รอช้ารีบเข้าไปรับร่างเล็กนั้นไว้ทันที

“เดียร์!!”



# My dear




แต่ละคนเดาตอนจบไว้ยังไงน่อ? จะเหมือนที่แอมคิดหรือเปล่า  :katai4:




เจอกันตอนต่อไปค่ะ ^_^’’ 

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
เค้าเดาว่าเดียร์จะจำช่วงตอนที่อยู่กับวิญญาณวายุไม่ได้ แต่ไม่แน่ใจว่าคนแต่งจะแหวกแนวให้วายุสามารถจำเดียร์ได้รึป่าว
เพราะปกติเรื่องไหนๆที่วิญญาณหลุดออกจากร่างพอคืนร่างมักจะจำช่วงที่เป็นวิญาณไม่ได้
หรืออาจจะจำอะไรไม่ได้ทั้ง2คน ซึ่งเราอยากเชียร์อันหลังเพราะจะได้ไม่มีใครเจ็บปวด
คืออย่างน้อยๆยมทูตก็บอกอยู่ว่าคู่กันแล้วไม่แคล้วกัน ฉะนั้นให้ทั้งสองเริ่มจากศูนย์ดูยุติธรรมสุด
จะได้ไม่ต้องมีใครเสียใจที่อีกฝ่ายจำกันไม่ได้ เอ๊ะ! รึจะจำกันอะไรกันได้ทั้งสองคนนะ

ออฟไลน์ plengpit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
 :katai1: อย่ามาทำให้ลุ้นสิที่รักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะต่างคนต่างลืมหรือเปล่า แล้วเริ่มต้นทำความรู้จักกันใหม่อีกที

ออฟไลน์ iiam

  • อัยแอม Bulan
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
Chapter 22


ท่ามกลางความมืดมิด… ไร้แสงสาดส่อง …

ไม่สามารถรับรู้ผ่านการมองเห็นได้ว่ามีใครอยู่แถวนั้นหรือไม่

ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจหรือเสียงลมพัดผ่าน

มืด… ทำไมมืดอย่างนี้

ที่นี่ที่ไหน…?

เท้าเล็กก้าวเดินออกไปอย่างไร้จุดหมาย คลำทางสะเปะสะปะไปตามความรู้สึกที่เท้าพาไป

ยิ่งเดินไกลออกไปเท่าไร ยิ่งไร้ทางออกมากเท่านั้น

ร่างเล็กหันซ้ายหันขวาอย่างทำอะไรไม่ถูก

ทันใดนั้น เสียงร้องโหยหวนดังแว่วเข้ามา เสียงที่อยู่ไกลออกไป

เสียงที่ฟังดูเจ็บปวด…   

“ใครน่ะ!!!” เสียงหวานตะโกนฝ่าความมืด ไร้เสียงตอบโต้ หากแต่เสียงร้องนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

คนตัวเล็กออกวิ่งตามหาที่มาของเสียง

เท้าเล็กวิ่งฝ่าความมืดเข้าไป

เสียงร้องนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องเลย

ร่างเล็กสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเจ้าของเสียง

ใบหน้าหวานเหยเกน้อยๆ…

ยิ่งเสียงร้องดังขึ้นเท่าไร น้ำตาใสๆค่อยรินไหลอาบแก้มเนียนมากขึ้นเท่านั้น

“โอ๊ย!!!” ความเจ็บปวดแทรกซึมเข้ามาในร่างกาย  ร่างเล็กทรุดลงกับพื้น หอบจนตัวโยน น้ำตาใสๆไหลรินไม่หยุด  ใบหน้าหวานส่ายไปมา มือเล็กยกขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง ยิ่งได้ยินเสียงร้องนั้น ยิ่งเจ็บปวด คล้ายมีคนเอามีดมากรีดแทงคว้านก้อนเนื้อออกไปจากร่างกาย

ทำไมเจ็บปวดแบบนี้….

ไม่อยากได้ยินเสียงร้องนั้นอีกแล้ว

พอแล้ว…

พอเสียที…

ไม่เอาแล้ว!!!!




“เดียร์!!”

ร่างเล็กบนเตียงผู้ป่วยสะดุ้งสุดตัว รู้สึกได้ว่าตัวเองหอบหนักเอาการ ใบหน้าใสชุ่มไปด้วยเหงื่อ…

ภาพแรกที่ประจักษ์แก่สายตาของเดียร์ คือใบหน้าคมของ..

…พี่ล็อค

“ไม่เป็นไรนะครับ ไม่เป็นไรนะ ฝันร้ายหรือ?” มือหนาของล็อคกุมมือเดียร์ข้างหนึ่งไว้แน่น

ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆห้อง

ที่นี่….ไม่ใช่ห้องนอนที่หอ

สายตาเหลือบมองผ้าห่มสีขาวที่คลุมร่างอยู่ เห็นสัญลักษณ์พร้อมป้ายชื่อของโรงพยาบาล พอจะเดาได้ทันทีว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

ที่ข้างเตียงอีกฝั่งมีโต้งกับพู่กันยืนลุ้นอาการเดียร์อย่างใจจดใจจ่อ

ความสว่างที่เล็ดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลากลางคืน…

แล้วความมืดที่เจอเมื่อกี๊คืออะไร?...

แล้วเสียงร้องนั่นล่ะ

ทั้งหมดเป็นความฝันอย่างนั้นหรือ?

ทำไมความฝันทำให้เขาเจ็บปวดได้ขนาดนี้…

เดียร์ยู่หน้าน้อยๆเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บในร่างกาย

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าวะมึง? ยังไงให้หมอเช็คอีกที”

พู่กันสังเกตอาการเพื่อนอยู่เงียบๆ เห็นเดียร์ยู่หน้าแล้วยกมือจับหน้าอก เหมือนมันจะช้ำใน คงจะเจ็บอยู่ไม่น้อย

“ทำไมกูถึงได้มาอยู่ที่นี่วะ?” เดียร์แค่นเสียงถามออกไป พยายามชันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ล็อคกับพู่กันช่วยกันประคองเดียร์ไว้คนละข้าง

“อยู่ๆมึงกูวูบลงไปกับเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ดีที่กูรับมึงไว้ได้ทัน ไม่งั้นหัวฟาดพื้นแน่ๆ แต่มึงดันกวาดของที่อยู่บนเคาน์เตอร์มาด้วย มันเลยหล่นทับมึงซ้ำมาอีก พี่ล็อคเลยรีบพามึงมาโรงพยาบาล” โต้งเขยิบขึ้นมานั่งบนเตียงผู้ป่วยที่มันเหลือพื้นที่เยอะมาก

ล็อคหันไปเทน้ำเปล่าใส่แก้วพร้อมหยิบหลอดส่งให้ร่างเล็กบนเตียง เดียร์ดื่มน้ำอย่างกระหายจนหมดแก้ว

“ขอบคุณครับพี่ล็อค”

ล็อคเพียงยิ้มอ่อนโยนมาให้

“หมอบอกว่ามึงอ่ะโหมงานหนัก ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ” พู่กันพูดบ้าง  พลางยกแขนเพื่อนขึ้นมาดู

“ดูสิเนี่ย แขนก็เล็กแค่นี้ ตัวมึงก็แค่นี้ ยังจะทำงานหนัก ไหนจะเรียน ไหนจะงาน พักบ้าง ก่อนที่มึงจะแฮงค์เหมือนวันนี้” เดียร์ได้แต่ยิ้มแหยๆไปให้เพื่อน

“พู่กันพูดซะพี่เป็นเจ้านายใจร้ายเลยอ่ะ” ล็อคยู่หน้าน้อยๆอย่างทีเล่นทีจริง ทำเอารุ่นน้องอีกสามคนถึงกับหลุดขำเบาๆ

“พี่ไม่ได้บังคับให้เดียร์ทำงานหนักนะครับ..พี่อนุญาตให้ลาได้ พักได้ ตามสะดวก เล่นโหมงานจนต้องเข้าโรงพยาบาลแบบนี้ พี่เป็นห่วงนะ” มือหนาของรุ่นพี่ตัวโตลูบหัวรุ่นน้องบนเตียงคนไข้ด้วยความเอ็นดู รอยยิ้มอ่อนโยนประดับบนใบหน้าคม

ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ

ผู้มาใหม่ค่อยๆแง้มประตูกว้างออก ใบหน้าใสค่อยๆยื่นเข้ามา

“ฮาโหล” เมื่อรู้ว่าเข้าถูกห้องแล้วก็เดินเข้ามาทั้งตัว หันไปปิดประตูให้เรียบร้อยก่อนเดินมาหยุดอยู่ที่คนทั้งสี่คนในห้องที่อยู่ก่อนแล้ว

“อาโป! มาได้ไงเนี่ย” รุ่นพี่บนเตียงทักออกไปก่อน พู่กันยิ้มหวานอย่างดีใจ เดินเข้ามาจูงมือรุ่นน้องไปยืนข้างกัน โต้งขยับไปยืนรวมฝั่งเดียวกับพี่ล็อค

อาโปยกมือไหว้รุ่นพี่ทั้งสี่คน “สวัสดีครับ”

“ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้” พู่กันถามเสียงใส

“พี่ชายผมนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ ตอนผมลงไปซื้อข้าว เห็นพวกพี่เข้ามาพอดี เลยไปถามพยาบาลดู พี่เดียร์เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ?” อาโปยื่นมือไปจับมือรุ่นพี่ตัวเล็ก บีบแน่นๆอย่างสนุกมือ

“แค่เป็นลมน่ะ นอนน้อย” ตอนนี้เดียร์รู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว

“เมื่อกี๊เราบอกว่าพี่ชายเราพักฟื้นอยู่ที่นี่หรือ?” เดียร์ถามกลับบ้าง

“ใช่ครับ พี่วายุกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้น ต้องทำกายภาพบำบัดด้วย โห ก่อนหน้านี้พี่ชายผมสลบไปตั้งสี่เดือน อย่างกับเจ้าชายนิทราแน่ะ”

“แล้วพี่ชายเราเป็นอะไรมากหรือเปล่า?” พู่กันถามบ้าง

“ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วครับ กินแล้วก็นอนอยู่ในโรงพยาบาลไปวันๆ อ้อ พี่ชายผมน่ะ รุ่นพวกพี่เลยนะครับ” อาโปเจื้อยแจ้วอย่างสนุกสนาน ได้คุยกับรุ่นพี่แล้วมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

พี่รหัสอาโปก็น่ารักขนาดนี้ พี่พู่กันก็น่ารักอย่าบอกใคร พี่โต้งก็ใจดี แถมพี่เจ้าของร้านไอศกรีมยังใจดีอีก 

“พี่เดียร์ต้องอยู่โรงพยาบาลอีกกี่คืนครับ ผมจะได้มาเล่นด้วย” คำถามของอาโปทำเอาเดียร์เพิ่งคิดได้

จริงสิ…โรงพยาลนี้ไม่ใช่เล่นๆเลย หรูขนาดนี้  ต้องแพงมากแน่ๆ… แล้วเขาจะหาเงินที่ไหนมาจ่าย

“พี่ว่าจะให้เดียร์พักที่นี่อีกสักคืน-สองคืน” ล็อคเป็นคนตอบ ทำเอาเดียร์ใจหล่นวูบ

“ไม่เป็นไรครับพี่ล็อค ผมกลับวันนี้เลยดีกว่า ผมหายดีแล้ว”

“พักต่ออีกสักหน่อยเถอะ ให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”

“ผมกลับไปพักต่อที่หอดีกว่าครับ”

เดียร์กับล็อคเถียงกันไม่หยุดจนโต้งขัดขึ้นมา

“อยู่นี่แหละมึง เดี๋ยวกูกับพู่กันมานอนด้วย”

“แต่มึง…ค่ารักษามัน….”

“ไม่เป็นไรน่า พี่จัดการเอง” ล็อคอาสาอีกครั้ง เดียร์ได้แต่ยิ้มแหยๆไปให้ เกรงใจอย่างบอกไม่ถูก

“ไม่เป็นไรครับพี่ล็อค ผม…”

“ทำไมดื้อจังเลยนะ หืม?” ล็อคแกล้งเก๊กเสียงเข้มขึ้นมาเล็กน้อย ทำเอาเดียร์หุบปากฉับ  รุ่นน้องตัวเล็กที่มองอยู่เผลออมยิ้มน้อยๆ

“เอาน่าพี่เดียร์…ถ้าพี่เบื่อ เดี๋ยวผมพาไปหาพี่ชายผมก็ได้ อยู่ไม่ไกลกันด้วย ห้องริมสุดตรงนี้เอง” อาโปยิ้มหวานหยดย้อยให้รุ่นพี่

คนป่วยต้องการกำลังใจ ถ้ามีคนคุยด้วยก็จะไม่เหงา

ตอนกลางวันพาพี่เดียร์ไปคุยเล่นกับพี่วายุก็ได้ รุ่นเดียวกันคงคุยกันไม่ยาก พี่รหัสอาโปน่ารักขนาดนี้… พี่วายุคงไม่ว่าอะไรหรอก

หลังจากนั้นไม่นาน พยาบาลคนสวยเข้ามาดูอาการของเดียร์

เมื่อถึงเวลาพักผ่อนของผู้ป่วยแล้ว อาโปขอตัวกลับไปก่อน

ร่างเล็กเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยของพี่รหัส มุ่งหน้าไปยังห้องพักของพี่ชาย

มือบางเคาะประตูเบาๆ ค่อยๆแง้มเข้าไป

“ไปซนที่ไหนมาอีกล่ะ” เสียงทุ้มของร่างบนเตียงทักขึ้น

อาโปยิ้มแหะๆไปให้

“ซนที่ไหนล่ะพี่วายุ โปไปเยี่ยมรุ่นพี่มา” อาโปเดินเข้าไปอ้อนป้าแหม่มที่นั่งปอกแอ๊ปเปิ้ลใส่จาน ป้าแหม่มเลยป้อนแอ๊ปเปิ้ลชิ้นเล็กใส่ปากคุณหนูตัวน้อย  วายุที่นั่งมองอยู่บนเตียงถึงกับส่ายหน้าเบาๆ

“โตขนาดนี้แล้วยังจะอ้อนป้าแหม่มอีก” วายุเอ็ดเบาๆ ไม่ได้จริงจังเท่าไร ออกจะเป็นเชิงแซวน้องชายเสียด้วยซ้ำ

“หืมม ตัวเองอ้อนได้ไม่น่ารักเท่าเค้าอ่ะดิ๊” อาโปแซวกลับ ก่อนวิ่งหนีสายตาคมดุของพี่ชาย ร่างบางเดินไปเปิดโทรทัศน์ เอารีโมทไปให้พี่ชาย

“รุ่นพี่เราเป็นอะไรหรือ? ทำไมถึงได้มาโรงพยาบาล” วายุรับรีโมทจากน้องชาย อาศัยช่วงที่น้องเดินเข้ามาหาไต่ถามออกไป

“พี่เดียร์เป็นลมนิดหน่อยครับ นอนน้อย เห็นว่าจะพักอยู่โรงพยาบาลก่อน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เดี๋ยวโปจะพาพี่เดียร์มาเยี่ยม นอนแห้งอยู่บนเตียงแบบนี้คงเบื่อแย่ใช่ไหมล่ะ” อาโปยักคิ้วให้พี่ชายก่อนเดินไปนั่งจุ้มปุ๊กกับป้าแหม่มที่ปอกแอ๊ปเปิ้ลอยู่

วายุบิดตัวน้อยๆ ค่อยเอนหลังพิงพนักโซฟา นั่งๆนอนๆรอเวลาให้พยาบาลมาทำกายภาพบำบัด

นี่ก็เกือบเดือนแล้วที่วายุฟื้น พอฟื้นมา ก็อยู่แต่ในโรงพยาบาล

ถ้าครบเดือนเมื่อไร คงต้องขอไปพักฟื้นที่บ้าน

อยู่โรงพยาบาลนานๆแบบนี้น่าเบื่อออก

เท่าที่ฟังจากที่พ่อกับแม่บอกมา นี่ก็จะห้าเดือนแล้วที่เขาอยู่โรงพยาบาล

ห้าเดือนนี่ไม่ใช่เล่นๆเลยนะ

จะครึ่งปีอยู่แล้ว…

ให้เขาได้กลับไปสูดอากาศโลกภายนอกบ้างเถอะ

เคยถามหมออยู่หลายครั้งว่าเขาจะหายดีเมื่อไร หมอบอกว่าอีกประมาณ 2-3 เดือนก็หายดีเป็นปกติ

วายุแอบนับเวลาเล่นๆ… ถ้าเรียนอยู่ก็คงจะเป็นช่วงเทอม 2 ของภาคเรียน  ให้เขาได้กลับไปเรียนสักทีเถอะ อย่างน้อยก็ยังดีกว่านั่งๆนอนๆอยู่ในโรงพยาบาลแบบนี้


หนึ่งคืนผ่านไปกับค่ำคืนในโรงพยาบาล

แสงสว่างเล็ดลอดผ่านหน้าต่างบานใสเข้ามา

ร่างเล็กบนเตียงผู้ป่วยค่อยๆลืมตาช้าๆ กระพริบตาน้อยๆปรับสายตารับกับแสงสว่างของเช้าวันใหม่

เดียร์บิดตัวน้อยๆ พลิกซ้ายพลิกขวาจนพอใจ

ยอมรับว่าเมื่อคืนเขาหลับจนไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ

ไม่ได้นอนอิ่มๆแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ…

ดวงตากวาดมองไปรอบๆห้อง

โต้งกับพู่กันนอนกอดกันกลมอยู่บนโซฟา…ภาพที่เดียร์อยากจะถ่ายรูปเก็บไว้เสียจริงๆ

คนตัวเล็กอมยิ้มน้อยๆอย่างนึกสนุก มองหาโทรศัพท์มือถือที่คิดว่าน่าจะอยู่ใกล้มือ ระหว่างนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ก่อนผู้มาเยือนจะแทรกกายเข้ามา

และเสียงเคาะประตูนั่นเองทำเอาสองคนที่นอนกอดกันกลมบนโซฟาค่อยๆงัวเงียตื่นขึ้นมา เดียร์อดเสียดายไม่ได้...ยังไม่ทันได้ถ่ายรูปเลย

“ตื่นแล้วหรือ?” เสียงทุ้มอ่อนโยนดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆตามจังหวะฝีเท้าที่เดินตรงเข้ามา

ล็อควางถุงข้าวต้มปลาและน้ำเต้าหู้อุ่นๆไว้ที่ชั้นข้างเตียง เท่าที่สังเกตแล้ว พี่ล็อคไม่ได้ซื้อมาอย่างละถุง

พี่ล็อคตื่นแต่เช้าไปซื้อเลยหรือเนี่ย…

“พี่ซื้อข้าวต้มกับน้ำเต้าหู้มาฝาก” ล็อคหันมายิ้มน้อยๆให้คนตัวเล็กที่อยู่บนเตียง โต้งกับพู่กันงัวเงียลุกไปล้างหน้าล้างตา เป็นโต้งที่เดินมาหาพี่ล็อคก่อน

“อันนี้เอาไปแกะใส่ชามนะ” ล็อคยื่นถุงข้าวต้มสองถุงให้โต้ง โต้งรับไปแกะใส่ชามอย่างที่พี่ล็อคบอก ไม่นานพู่กันก็ตามมาสมทบ โต้งยื่นชามข้าวต้มให้พู่กัน 1 ชาม

“ไปล้างหน้าล้างตากันก่อน” ล็อคเข้ามาประคองเดียร์ลงจากเตียง พยุงร่างเล็กไปยังห้องน้ำ

ล็อคยืนรอหน้าห้องสักพัก เดียร์ค่อยๆเปิดประตูออกมา ล็อคจึงพาเดียร์มานั่งพักบนเตียงผู้ป่วยตามเดิม

“เอ่อ…ผมไม่ได้เป็นอะไรมากนะครับพี่ล็อค” เดียร์ว่าอย่างเกรงใจ ล็อคหันไปเทข้าวต้มใส่ชาม เป่าไล่ความร้อน ช้อนคันเล็กถูกยื่นมาจ่อหน้าเดียร์พร้อมข้าวต้มเต็มช้อน

“อ้าปากเร็ว” ล็อคอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มน้อยๆ  เดียร์กัดริมฝีปากล่างเบาๆ…ท่าทางที่ล็อคต้องเร่งเข้าอีก

“อ้าปากเร็ว เดี๋ยวพี่ป้อน”

“ม่ะ…ไม่เป็นไรครับ”

“น่า…เร็ว”

“คือ…ผม…”

ล็อคสบตากับร่างตรงหน้า สายตาคมดุถูกส่งมาให้ร่างเล็ก เดียร์ยอมเผยอปากน้อยๆรับข้าวต้มอุ่นๆเข้าปาก

“ที่เหลือให้ผมทานเองดีกว่าครับ” เดียร์ยังคะยั้นคะยอไม่เลิก

ล็อคแอบถอนหายใจน้อยๆ ยอมวางชามข้าวต้มบนโต๊ะทานข้าวของผู้ป่วย เลื่อนโต๊ะให้เข้าที่ เดียร์เอ่ยขอบคุณก่อนหันไปลงมือทานข้าวต้มด้วยตัวเอง

“พี่ล็อคไม่ทานด้วยกันหรือครับ?” เดียร์ไม่เห็นทีท่าว่าล็อคจะผละไปเลย เอาแต่ยืนจ้องเดียร์มาพักใหญ่แล้ว

“ทานครับทาน” ล็อคหลุดขำออกมาเบาๆ

เดียร์ไม่รู้ว่าพี่ล็อคขำอะไร แต่ถึงกระนั้น พี่ล็อคก็หันไปเทข้ามต้มใส่ชามแล้วก็ตักข้าวต้มทานโดยไม่รีรอ

แต่ละคำที่พี่ล็อคตักข้าวต้มเข้าปาก ทำไมเดียร์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นข้าวต้มที่ละลายในปากพี่ล็อคอย่างนั้นล่ะ…

กินข้าวต้มก็มองข้าวต้มสิพี่ล็อค จะมองเดียร์ทำไม!



ขึ้นชื่อว่าเดียร์ ชวนให้คิดถึงคำว่าดื้อ

ช่วงสายของวันนั้นเดียร์บอกกับพยาบาลว่าขอกลับไปพักต่อที่บ้าน ซึ่งก็คือที่หอของเดียร์นั่นล่ะ แต่พอเดียร์บอกพยาบาลไปแบบนั้น พี่ล็อคก็เข้ามาห้ามทันที เดียร์ไม่อยากนั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆแต่ในโรงพยาบาลแบบนี้  นี่ก็ขาดงานมาหลายวันแล้ว ไหนจะรายงาน ไหนจะเรียนอีก อยู่เฉยๆแบบนี้มันน่าเบื่อนะ

สุดท้ายพี่ล็อคก็ยอมใจอ่อนให้เดียร์ แต่ยอมแค่ให้กลับไปพักฟื้นที่หอ ส่วนงานที่ร้านไอศกรีมอย่าเพิ่งทำ เดียร์อดผิดหวังไม่ได้..แต่ก็นะ ดีกว่าให้อยู่แต่ในโรงพยาบาลแล้วกัน

“พี่เดียร์~” เสียงหวานใสเจื้อยแจ้วมาจากประตู ก่อนเจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาใกล้รุ่นพี่ที่นั่งอยู่บนเตียง

ภาพในห้องแปลกตาจนคนมาใหม่อดแปลกใจไม่ได้

พี่เดียร์ในชุดลำลอง

พี่โต้งกับพี่พู่กันกำลังง่วนอยู่กับเสื้อผ้าที่ถูกพับลงประเป๋า พี่ล็อคกับพี่เดียร์กำลังคุยกับอยู่เบาๆ

“พี่เดียร์จะกลับแล้วหรือ?” อาโปเดินเข้าไปนั่งข้างๆรุ่นพี่ เดียร์อ้าแขนโอบเอวรุ่นน้องตัวเล็กไว้

“จะกลับแล้ว อยู่นี่ไม่รู้จะทำอะไร”

“หายดีแล้วหรือครับ?”

“หายดีเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ” รุ่นพี่ตัวเล็กยกแขนอวดกล้ามที่ไม่มีโผล่มาให้เห็น มีแต่ท่อนแขนขาวเนียนกระจ่างใส อาโปหลุดขำน้อยๆกับท่าทางของรุ่นพี่

“อย่างนี้พี่วายุก็ไม่มีเพื่อนคุยแล้วอ่ะดิ” อาโปว่าอย่างงอนๆ ท่าทางที่ทำเอารุ่นพี่ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นอดยิ้มออกมาไม่ได้

“จริงสิ พี่ชายเรา… พี่ไปเยี่ยมตอนนี้เลยได้ไหม?”

อาโปยิ้มร่า “ได้สิครับ ไปๆพี่ เดี๋ยวผมพาไป” อาโปออกแรงจูงมือรุ่นพี่ให้ลงจากเตียงไปด้วยกัน

เดียร์หันมาขออนุญาตพี่ล็อคอีกครั้งก่อนหันไปตะโกนบอกโต้งกับพู่กันให้รับรู้ ..ล็อคหลุดยิ้มออกมาน้อยๆกับท่าทางของพี่น้องรหัสคู่นั้น

เดียร์เดินเคียงข้างน้องรหัสไปจนถึงห้องริมสุด

อาโปยกมือเคาะประตูเบาๆก่อนค่อยๆเปิดเข้าไป

ภาพที่ประจักษ์แก่สายตาของทั้งสองคนออกจะแปลกตาไปนิด… หรือบางทีอาจจะไม่นิดเลย…

“พี่บิ๊ก พี่ต้น พี่เพชร สวัสดีครับ” อาโปเข้าไปทักทายชายหนุ่มสามคนที่กำลังนั่งรุมเตียงของพี่วายุอยู่

“พวกพี่มากันตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ผมออกไปแป๊บเดียวเอง” อาโปดูงงๆไม่น้อยกับการที่เข้ามาเจอเพื่อนพี่ชายทั้งสามคนในห้องแบบนี้ ไม่ต่างจากเดียร์ที่ทำตัวไม่ถูกไปกันใหญ่ เดียร์เหลือบไปเห็นหญิงสูงวัยนั่งนิ่งๆอยู่ที่โซฟาก็รีบหันไปยกมือไหว้ ป้าแหม่มรับไหว้พร้อมส่งสายตาอ่อนโยนมาให้

ชายหนุ่มทั้งสี่คนมองหน้ากันไปมาอย่างตัดสินใจว่าใครจะเป็นคนตอบ

“พี่เข้ามาก็เจอไอ้ยุกับป้าแหม่มอยู่กันสองคน แล้วเราน่ะ ไปซนที่ไหนมา” พี่เพชรที่นั่งอยู่ข้างเตียงเป็นคนตอบออกมา ประโยคของพี่เพชรทำเอาอาโปยู่หน้าน้อยๆ

“โปไม่ได้ไปซนที่ไหนมา โปพาพี่เดียร์มาเยี่ยมพี่วายุ”

อาโปจูงมือเดียร์ฝ่าชายฉกรรจ์ทั้งสามคนที่ล้อมรอบอยู่บนเตียงพี่ชายเข้าไปหาวายุ

“พี่เดียร์ พี่รหัสโปเอง… พี่เดียร์ครับ นี่พี่วายุ” อาโปแนะนำให้คนทั้งสองคนรู้จักกัน

สายตาคมของคนบนเตียงสบตากับดวงตาใสของคนตัวเล็กที่อาโปพามา

วายุรู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆลุกลามเข้ามาในร่างกาย มันเป็นความรู้สึกยินดีหรือมีความสุขหรือถูกใจอะไรเทือกนั้น

…ทำไมรู้สึกเหมือนเคยเจอกันมาก่อน

แต่จะเจอได้อย่างไร…

ก่อนจะเข้าโรงพยาบาลคงไม่เคยเจอกัน..และอีกอย่าง เขาอยู่แต่ในโรงพยาบาลมาห้าเดือนเลยนะ

“เป็นไงบ้างครับ? เห็นอาโปว่าไม่สบายมาก” เดียร์ตัดสินใจเอ่ยออกไป เมื่อเห็นว่าคนบนเตียงเอาแต่จ้องหน้าเดียร์ไม่เลิก

วายุกระแอมน้อยๆ  กำลังจะอ้าปากพูด แต่เพื่อนตัวดีดันพูดขัดซะก่อน

“ไอ้ยุมันอึดครับ มันไม่เป็นอะไรหรอก ว่าแต่…เดียร์อยู่ปีไหนหรอครับ?” เสียงที่ดังมาจากข้างเตียงอีกฝั่งทำให้เดียร์ต้องเงยหน้ามองเจ้าของเสียง ทันทีที่สบตากัน ฝ่ายนั้นก็เอ่ยต่อทันที “ผมชื่อต้นครับ คณะวิทย์ เอกฟิลิกส์ ปี 2 เบอร์โทรศัพท์…”

“พอเลยไอ้เชี่ยต้น!! มึงแม่งม่อ” วายุฟาดมือลงบนหน้าผากเพื่อนข้างๆทันที

“เห็นไหม มันมีแรงฟาดเพื่อนมันขนาดนี้แล้ว ไอ้ยุมันไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ …มีคนไปส่งหรือยังครับ ผมว่างนะ จะไปตอนไหนบอกได้เลย”

“ไอ้พี่บิ๊ก!!ม่อว่ะ” อาโปแว้ดใส่เข้าให้ หันมายิ้มเจื่อนๆให้พี่รหัสตัวเอง

“พวกพี่เขาก็อย่างนี้ล่ะครับ อย่าไปถือสาเลย”

ถึงอาโปจะว่าอย่างนั้น แต่เดียร์ทำตัวไม่ถูกไปแล้ว

“พี่เดียร์จะกลับแล้วนะพี่วายุ โปเลยพาพี่เดียร์มาเยี่ยมพี่ก่อน” อาโปว่าพลางส่งสายตาบอกสามคนที่เหลือว่าให้เงียบ

“แล้ว…เดียร์เป็นไงบ้าง เห็นอาโปบอกว่าเพิ่งนอนโรงพยาบาลเมื่อวานเองไม่ใช่หรือ?” เป็นประโยคแรกที่วายุได้พูดคุยกับคนตัวบาง

รู้สึกดีอย่างประหลาด ไม่น่าเชื่อว่าแค่ได้คุยด้วยจะรู้สึกดีขนาดนี้

ทำไมกัน?

“เอ่อ…เราหายดีแล้ว ไหนๆก็ไหนแล้ว เลยแวะมาเยี่ยม” รอยยิ้มหวานถูกส่งไปให้คนที่นั่งอยู่บนเตียง

วายุรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนเพียงเพราะรอยยิ้มนั้น..

“ขอบคุณนะ…” ประโยคสั้นๆ แต่วายุรู้สึกว่าเค้นขึ้นมาจากลำคอได้ยากลำบากเหลือเกิน …เกิดทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“พี่วายุ เดี๋ยวโปพาพี่เดียร์ไปส่งที่ห้องก่อนนะ เดี๋ยวเพื่อนพี่เดียร์รอ”

เดียร์บอกลาทั้งสี่คนที่อยู่ตรงนั้น หันไปยกมือไหว้ลาป้าแหม่มที่นั่งอยู่ที่โซฟา

อาโปพาเดียร์ออกจากห้องไปแล้ว…

วายุมองตามร่างเล็กนั้นจนลับสายตา

“มอง มอง ไอ้นี่ก็มองเขาอยู่นั่นล่ะ ว่าแต่กูนะ” ต้นเป็นคนเอ่ยออกมา  แววตาล้อเลียนแกมหมั่นไส้ถูกส่งไปให้คนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียง

“กูมองขนาดนั้นเลยหรือวะ?”

คำถามประโยคเดียว ทำเอาเพื่อนทั้งสามคนตอบเป็นประโยคเดียวได้กันได้ดังๆว่า…

“เออ!!!”




# My dear




ชะแว้บบบบบบ

ฮี่ๆๆๆ

หลายคนเดาถูก  :katai5:


เจอกันตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จริงๆด้วยลืมกันไปหมดเลย เหมือนเหตุการณ์ต่างๆจะถูกท่านทั้งสองเปลี่ยนหรือบิดเบือนด้วนนะนี่ รอลุ้นกับทั้งคู่รวมไปถึงภาวนาให้พี่ล็อคเจอคนที่รักจริงเร็วๆทีเถอะ สงสารคนหล่อคนดีที่เป็นพระรอง

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
ก็ยังดีีที่ลืมกันทั้งสองคน ดีกว่ามีใครคนใดคนหนึ่งจำได้แล้วต้องเจ็บปวด

ออฟไลน์ plengpit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
 :z3:  อัพต่อน้าาา สู้ๆ

ออฟไลน์ iiam

  • อัยแอม Bulan
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2

Chapter 23

เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นในตอนเช้า

หน้าต่างบานน้อยถูกเปิดทิ้งไว้ส่งผลให้ลมอ่อนๆยามเช้าพัดผ่านเข้ามา

เจ้าของนาฬิกาซุกหน้าแน่นเข้ากับผ้าห่ม มือน้อยๆคลำหาที่มาของเสียงน่ารำคาญนั้น พอสัมผัสถึงวัตถุที่ส่งเสียงร้อง มือบางตะปบเจ้าวัตถุนั้นอย่างไม่ออมแรง… เสียงน่ารำคาญของนาฬิกาปลุกเงียบลงทันที

แต่ความน่ารำคาญยังไม่หมดไปแค่นั้น

แรงสั่นสะเทือนที่สัมผัสได้จากแผ่นหลังทำเอาร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงขมวดคิ้วแน่น ปรือตาน้อยๆมองหาที่มาของแรงสั่นสะเทือนนั้น

โทรศัพท์มือถือนี่เอง…

เจ้าของโทรศัพท์แทบโยนโทรศัพท์ไปไกลๆ ถ้าไม่ทันเห็นตัวหนังสือหราบนหน้าจอว่า “พรีเซนต์งาน 9 โมง”

เท่านั้นล่ะ… ร่างเล็กกระโจนลงจากเตียงทันที

นี่มัน 8 โมงแล้ว!!!

พู่กันในชุดเตรียมไปเรียนยืนมองเพื่อนตัวเองที่เพิ่งลุกไปเข้าห้องน้ำอย่างปลงๆ

ไม่ใช่ว่าพู่กันไม่พยายามปลุกนะ

ทั้งดึง ทั้งทุบ ทั้งตะโกนก็แล้ว ไอ้เดียร์ก็ไม่สะเทือนเลยแม้แต่น้อย

รอจนถึงเวลาตื่นของมันนั่นแหละ

วันนี้มีพรีเซนต์งานตอน 9 โมง นับจากตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกเกือบๆชั่วโมงที่ต้องไปให้ถึงห้องเรียน

ป่านนี้ไอ้โต้งคงไปเตรียมตัวอยู่ที่หน้าห้องเรียนแล้วมั้ง

แหงล่ะ โปรเจคปลายภาคแบบนี้

อดหลับอดนอนมาเกือบเดือน

ทุ่มเทมาขนาดนี้แล้ว ก็ต้องทุ่มเทต่อไปจนเสร็จ

ช่วงสุดท้ายของเทอมนี่ตัดสินความเป็นความตายของชีวิตเลยนะ

คะแนนจะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับช่วงนี้เลย

ดีที่งานของปลายภาคมีนำเสนอไม่กี่วิชา บางวิชาพอเสร็จรายงานกลางภาคแล้วก็รอสอบปลายภาคอย่างเดียว

หนึ่งเทอมนี่ผ่านไปเร็วจริงๆนะ…

เผลอแป๊บเดียวก็ปลายภาคซะแล้ว

“ไปเร็วมึง” เดียร์ใช้เวลาวิ่งผ่านน้ำกับใส่เสื้อผ้าเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ วิ่งนำพู่กันไปใส่รองเท้าที่ประตู

โปรเจคสุดท้ายของเทอมนี้ขอให้ผ่านไปได้ด้วย A เถอะ !

หลังจากช่วงทรหดของการนำเสนองานผ่านพ้นไป

เดียร์เดินนำโต้งกับพู่กันมานั่งพักที่ม้าหินอ่อนบริเวณสวนหน้าคณะ

“เสร็จซะที” พู่กันครางออกมาอย่างเหนื่อยๆ

เดียร์ถอนหายใจแรงๆเหมือนได้ปลดปล่อยความเครียดไปบ้างแล้ว

“ยังไม่เสร็จดี…เหลือสอบ” เดียร์ครางออกมาเบาๆ  โต้งได้แต่มองเพื่อนตัวเล็กซ้ายขวา ท่าไม่ดีเท่าไรแฮะ…

“เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำ รอกูแป๊บ” โต้งว่าจบก็ลุกออกไป

เดียร์กับพู่กันบอกขอบใจอุบอิบตามหลังไป

หลังจากนี้คือช่วงของการอ่านหนังสือสอบเต็มๆ

ส่งรายงานหมดแล้ว

นำเสนองานหมดแล้ว

ทีนี้นับถอยหลังสู่วันสอบได้เลย

และเพราะเป็นช่วงใกล้สอบ บางวิชาก็ปิดคลาสไปบ้างแล้ว ให้เวลานักศึกษาไปเตรียมตัวสอบกัน

และเพราะอย่างนั้น ทำให้ทั้งสามคนมานั่งคอตกอยู่ที่ม้าหินอ่อนได้ เพราะวิชาที่ต้องเรียนก็ปิดคลาสกันหมดแล้ว

นักศึกษาพลุ่กพล่านในที่สาธารณะกว่าเวลาปกติ

บ้างวิ่งส่งงาน บ้างนั่งอ่านหนังสือ บ้างจับกลุ่มติว

เดียร์มองภาพเหล่านั้นด้วยความชินตา

“พี่เดียร์!!!” เสียงหวานใสตะโกนมาแต่ไกล เจ้าของชื่อหันมองที่มาของเสียงทันที

เดียร์เห็นน้องรหัสยืนโบกมืออยู่ไกลๆ ข้างๆอาโปมีเพื่อนผู้หญิงและผู้ชายรวมกันประมาณ 3-4 คน อาโปหันไปคุยอะไรกับเพื่อนสักพักก็แยกตัวมาหาเดียร์

“พี่เดียร์ พี่พู่กัน ดูเหนื่อยๆนะครับ” อาโปวางหนังสือที่หอบมาลงบนโต๊ะ  รุ่นพี่สองคนยิ้มแหยๆไปให้

“พรีเซ้นต์งานวิชาในตำนาน แทบลากเลือด” พู่กันบ่นออกมา เดียร์พยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆ

ไม่นานโต้งหิวน้ำและขนม ติดมือกลับมาที่โต๊ะ

“พอดีเลยพู่กัน พี่กำลังคิดอยู่ว่าจะคุยกับพวกมันยังไงดี” โต้งเปรยออกมาเมื่อเห็นรุ่นน้องตัวเล็กนั่งรวมอยู่ด้วย

“ครับ?” อาโปไม่ค่อยเข้าใจที่โต้งพูดเท่าไรนัก

“พี่ก็พูดไม่ค่อยเป็น อะไรแบบ หวานๆดีๆ อะไรแบบนั้นน่ะ พวกปลอบ ให้กำลังใจ พี่ก็..”

“อ๋อ…ฮ่าๆๆๆๆ” พู่กันหัวเราะร่ากับท่าทีของโต้ง และเพราะคำพูดของโต้งทำเอาเดียร์กับพู่กันหลุดขำออกมาด้วย

“มึงคิดมากว่ะ พวกกูไม่ได้เป็นอะไรมากขนาดนั้น” พู่กันว่าอย่างหน่ายๆ โต้งได้แต่ยิ้มแหะๆมาให้

สักพักพู่กันเริ่มบ่นถึงตอนที่นำเสนอ พอเป็นอย่างนั้นเดียร์เลยร่วมด้วยเสียเลย มีโต้งคอยแทรกเป็นระยะ อาโปนั่งฟังไปเงียบๆ บางคำพูดรุ่นพี่ก็นินทาอาจารย์ บางคำพูดก็ชมอาจารย์ บางคำพูดก็เหน็บแนมเพื่อนร่วมคลาส ฟังไปก็เพลินดีเหมือนกัน แถมรุ่นพี่ยังมีคอยหันมาเตือนว่าวิชานี้โหดยังไงเป็นพักๆ

อาโปนั่งฟังไปเรื่อยๆ ในขณะที่กำลังจ้องใบหน้าหวานของพี่รหัสที่กำลังคุยอย่างออกรสชาติ สายตาของอาโปพลันเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างลับๆล่อๆอยู่ไม่ไกลจากด้านหลังพี่รหัสเท่าไรนัก

อาโปคงจ้องสิ่งลับๆล่อๆนั่นนานไปหน่อย จนเดียร์ทักออกมา

“อะไรหรืออาโป?” เดียร์หันไปมองตามสายตาของรุ่นน้อง

เท่านั้นก็พอจะรู้ได้ว่าอาโปมองอะไร

“เพื่อนพี่ชายอาโปนี่?”

ชายหนุ่มสามคนสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้ว่าโดนจับได้

เดียร์เล่นโบกมือให้ขนาดนี้ จะซ่อนตัวต่อไปก็แปลกๆเนอะ

“ใครหรือเดียร์?” พู่กันถามเบาๆ

“เพื่อนพี่ชายอาโป” เดียร์ตอบไปเบาๆ ในขณะที่ชายหนุ่มทั้งสามคนค่อยๆเคลื่อนย้ายตัวเองมาล้อมหน้าล้อมหลังเดียร์จนเต็มพื้นที่ โต้งคอยกันตัวพู่กันให้ห่างจากหนึ่งในสามคนที่เฉียดมาใกล้พู่กันเกินไป

“พวกพี่ไม่มีเรียนกันหรือไง?” อาโปถามออกไป น้ำเสียงไม่ค่อยยินดีนัก

ทั้งสามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“ไม่มี… เรียนเสร็จหมดแล้ว ว่าง” เพชรเป็นคนตอบออกมา

“แล้วทำไมถึงมาอยู่แถวนี้?” อาโปยังคงถามต่อไป

“ก็…” เพชรลากเสียงยาว ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้เพื่อนทั้งสองคน

“เดินเล่น” ต้นที่นั่งข้างๆเดียร์เป็นคนตอบออกไป

ทำเอาคนทั้งสี่คนที่นั่งอยู่ก่อนขมวดคิ้วทันที

“เดินเล่นไกลจังนะพี่” อาโปแขวะเข้าให้

คณะวิทย์ฯ กับคณะโบราณฯอยู่ใกล้กันนักนี่

“ยืดเส้นยืดสายน่า”

จะให้บอกได้อย่างไรว่าแอบตามเดียร์

ไอ้ว่างน่ะ ไม่ได้โกหกหรอก

ตั้งแต่เจอเดียร์ที่โรงพยาบาลตอนนั้นก็เกิดอยากทำความรู้จักขึ้นมาทันที… พวกเขามีกันตั้ง 3 คน มาบุกไปทั้งสามคน มันต้องมีคนใดคนหนึ่งได้บ้างละว้า

เดียร์เริ่มหันมาคุยกับคนมาใหม่ทั้งสามคน แนะนำให้โต้งกับพู่กันรู้จัก ….ต้องยอมรับว่าต้น เพชร บิ๊ก เป็นคนเข้ากับคนง่ายพอสมควร ได้คุยกับไอ้โต้งไม่เท่าไร นี่จะชวนกันไปกินน้ำสีกันแล้ว

เที่ยงๆแบบนี้ แดดแรงแบบนี้ ไหนๆก็ว่างกันแล้ว เดียร์เลยชวนทุกคนไปร้านไอศกรีมที่ทำงานอยู่

มันน่าจะดีกว่าไปนั่งก๊งน้ำสีทองกันแต่วันอย่างนี้แหละน่า

เดียร์เล่นชวนขนาดนี้ … สามหนุ่มคณะวิทย์มีหรือจะปฏิเสธ

ร้านไอศกรีมเป็นที่หลบร้อนของผู้คนได้เป็นอย่างดี

ลูกค้าเข้าออกเรื่อยๆเป็นพักๆ

เดียร์นำทุกคนเข้าไปในร้าน

พี่ข้าวที่อยู่หลังเคารน์เตอร์เงยหน้าขึ้นต้อนรับทันที

“อ้าว เดียร์” พี่ข้าวส่งยิ้มให้ เมื่อเห็นว่าเป็นรุ่นน้องที่รู้จักก็กลับไปจัดเอกสารต่อ ข้างๆพี่ข้าวมีพี่ปิ่นเป็นลูกมือช่วยอยู่

เดียร์เดินนำทุกคนไปที่โต๊ะว่าง ก่อนเดินเลี่ยงมาหยิบเมนูไปให้ทุกคนดู

ชินแล้วล่ะกับการบริการแบบนี้…

เช่นเดียวกันกับโต้งที่ผละออกไปส่องถังไอศกรีม หยิบถ้วยไอศกรีมออกมาเรียงกันอย่างตั้งใจ

เดียร์กวาดสายตามองหาเจ้าของร้าน

…ไม่นาน เจ้าของร้านก็โผล่มาจากหลังร้าน

เสื้อเชิ้ตชุ่มไปด้วยเหงื่อ…ท่าทางแบบนี้คงไปขนของหลังร้านด้วยตัวเองอีกแล้วแน่ๆ

“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?” เดียร์วิ่งไปดักหน้าพี่ล็อค คนตัวโตชะงักไปด้วยความตกใจ

“อ้าว! ยังไม่ถึงเวลางานไม่ใช่หรือ?” ล็อคเหลือบไมองนาฬิกาที่ผนังร้าน … ท่าทางของล็อคทำเอาเดียร์ยู่หน้าน้อยๆ

“มาก่อนเวลางานไม่ได้หรือครับ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น…เดียร์ อย่าทำหน้าแบบนี้สิ” ล็อคส่งสายตาอ่อนโยนไปให้ อยากจะยื่นมือไปสัมผัสแก้มใสตรงหน้า แต่มือที่เพิ่งไปคลุกฝุ่นมาก็ยังไม่ได้ล้าง เดี๋ยวจะเปื้อนแก้มเนียนเสียเปล่าๆ

การกระทำของเดียร์กับเจ้าของร้านอยู่ในสายตาของ”เพื่อนใหม่” คณะวิทย์ฯทั้งสามคน

“แฟนหรือวะ?!” ต้นร้องออกมาเบาๆ พยายามแค่นเสียงให้เหลือเพียงเสียงกระซิบ ให้พอฟังรู้เรื่องอยู่

“เฮ้ย ไม่ใช่ม้าง เดียร์ดูนิ่งๆ ไม่น่าจะใช่แฟน” เพชรพูดไป สายตาก็ไม่ได้ละไปจากเดียร์เลย

“มึงๆ นั่น เค้าเข้าไปข้างหลังด้วยกันแล้ว” บิ๊กร้องลั่น

“โอ๊ย พวกพี่!!!”เสียงอาโปแว้ดเข้ามาก่อนที่ตัวจะมาถึง

อาโปแยกไปนั่งกับพู่กัน ส่วนชายหนุ่มคณะวิทย์ฯทั้งสามคนถูกปล่อยให้นั่งด้วยกันไปหนึ่งโต๊ะ

“ที่ตามมาเพราะแค่นี้หรือไง?!” อาโปเดินเข้ามาหยุดนิ่งที่รุ่นพี่ทั้งสามคน …  ทำไมม่อกันเก่งขนาดเนี่ย

“ม่ะ…ไม่ใช่ พวกพี่ก็อยากกินไอติมไง” ต้นว่าพลางก้มไปดูเมนูที่ถือค้างไว้ในมือ เพชรกับบิ๊กที่นั่งอยู่ข้างๆรีบเอาอย่างทันที

อาโปถอนหายใจแรงๆกลับไปนั่งกระแทกตัวที่เก้าอี้อย่างหน่ายๆ

เสียงกระดิ่งที่หน้าร้านดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงหวานใสของพนักงานตัวเล็กเอ่ยต้อนรับลูกค้า

ล็อคมองหาที่มาของเสียงเมื่อครู่

หลายครั้งที่แยกเสียงไม่ออก เสียงพี่ข้าว พี่ปิ่น หรือเดียร์ ฟังๆไปก็ดูคล้ายกันหมด

“พี่วายุ!!”

“ไอ้ยุ!!”

เจ้าของชื่อที่เพิ่งเดินเข้าร้านไอศกรีมมาหันไปมองคนเรียก  ….ร่างสูงยิ้มน้อยๆอย่างงงๆ

“ทำไมมาอยู่ที่นี่กันหมดเลยวะ?”

เดียร์กำลังง่วนอยู่กับถังไอศกรีมตอนที่เสียงกระดิ่งดัง พอเสียงอาโปดังขึ้น เดียร์เลยหันไปมอง…

“ใครวะ?” โต้งถามออกไปเบาๆ

“พี่ชายของอาโป”

เดียร์ว่าจบก็ยกไอศกรีมไปเสิร์ฟ

ไม่ได้เสิร์ฟให้ใครที่ไหน เดียร์ยกทั้งส่วนของเพื่อนๆและของตัวเองอกมาพร้อมกัน ลงมือนั่งทานไอศกรีมกับอาโปและพู่กัน ส่วนของอีกโต๊ะ เดี๋ยวโต้งจะยกออกมาทีหลัง

“สวัสดีครับ” เดียร์ยิ้มทักทายไปให้คนมาใหม่ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ได้รับรอยยิ้มอ่อนโยนตอบกลับมา

“พี่วายุมาทำอะไรแถวนี้?” อาโปหันไปคุยกับพี่ชายตัวเองบ้าง

ถึงพี่วายุจะหายดีเป็นปกติแล้วก็เถอะ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี

“มาดูมหา’ลัย คิดถึง… พอดีมันร้อน ก็เลยหาที่นั่งเล่น”

“ที่ว่าไม่สบาย หายดีแล้วหรือครับ?” เดียร์ถามออกไปบ้าง

เดียร์คิดไปเองหรือเปล่า…ว่าสายตาของวายุที่ส่งมา…ดูอ่อนโยนเกินไป

ทำไมเดียร์รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งหน้าแบบนี้นะ!

“หายดีแล้วครับ เทอมหน้าคงกลับมาเรียนเท่าที่เรียนได้ก่อน”

เดียร์ก้มหน้าหนีสายตาคมคู่นั้น มือบางเขี่ยไอศกรีมเล่น

ดีที่โต้งยกไอศกรีมมาเสิร์ฟโต๊ะนั้นพอดี ความสนใจของเจ้าของสายตาจึงเบี่ยงเบนไปได้บ้าง

“มึงคิดอะไรอยู่วะวายุ?” ต้นเอ่ยขึ้นมานิ่งๆเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองเงียบเกินไป มันไม่ได้เงียบอย่างเดียว…มันเอาแต่มองเดียร์ตาไม่กระพริบ

“กูคิดอะไรวะ?” วายุพึมพำเบาๆ

นั่นสิ เขาคิดอะไรอยู่

เขาแค่คิดว่าเดียร์น่ารักดี

ดูอ่อนโยน…เป็นกันเอง…น่ารัก…น่ามอง…

น่า…คบเป็นแฟน

“กูสั่งมาสองถ้วย ถ้วยนี้กูให้มึง” บิ๊กยื่นไอศกรีมมาตรงหน้าวายุ

วายุขำออกมาน้อยๆ…เออดี ยังไม่ทันสั่งก็ได้ไอศกรีมละ

“เอาดีๆ มึงมามหา’ลัยเพราะอะไร?” เพชรถามออกไปบ้าง

“กูคิดถึงจริงๆ กูไม่ได้โกหก แต่ไม่ใช่เพราะเหตุผลเดียวนี่หว่า”

“ว่าไป….”

“กูอยากเจอเดียร์”

“คิดไว้ไม่มีผิด” ต้นสบถออกมาเบาๆ

ตอนนั้นเองที่วายุรู้สึกเหมือนถูกสายตาของเพื่อนทิ่มแทงเข้ามา

“ทำไมมองกูอย่างนั้นวะ?”

“ถ้ามึงคิดจะจีบเดียร์ด้วย พวกกูแม่งแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม” บิ๊กส่ายหน้าอย่างหมดหวัง

“ยังไงวะ?”

“มึงดูตัวเองแล้วมึงดูพวกกู ใครจะไปสู้มึงได้วะ แค่หน้าตามึงก็ชนะขาดแล้ว แต่นี่มึงแม่งเสือกนิสัยดี  ไม่เจ้าชู้ ไม่กะล่อน  ไอห่า ใครจะสู้มึงได้วะ” ต้นร่ายยาวอย่างเคืองๆ 

“พวกมึงกำลังชมกูใช่ไหม?” วายุขำน้อยๆ … ตกลงมันด่าหรือมันชม?

“พวกกูไม่สู้ แต่ก็ใช่ว่าจะสนับสนุนมึงไม่ได้” เพชรว่าออกมา ท่าทางเริ่มจริงจัง ทำเอาบิ๊กกับต้นจริงจังด้วย

“กูยอมหลีกทางให้” ต้นตบบ่าวายุ ท่าทางให้กำลงใจเต็มที่  ต้นคงคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกผู้เสียสละอยู่แน่ๆ

“เอาไงก็เอา” บิ๊กตบบ่าวายุอีกข้าง

วายุยิ้มร่า…

สายตาคมจับจ้องไปที่ร่างเล็กที่กำลังคุยอย่างออกรสชาติ

แค่มองแก้มใสก็รู้สึกถึงความอ่อนนุ่ม ผิวขาวเนียนชวนหลงใหลราวกับได้เคยสัมผัส…

 “พวกมึงคอยดู…” วายุอมยิ้มน้อยๆ…ก่อนเอ่ยเต็มเสียง

“กูจะจีบเดียร์ให้ได้”



บริเวณหน้าร้านไอศกรีมเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา แต่ไม่ว่าคนจะเยอะแค่ไหนก็ไม่มีใครมองเห็นสองร่างที่ยืนอยู่หน้าร้านไอศกรีมเลย

“บอกแล้ว..คู่กันแล้วยังไงก็ไม่แคล้วคลาดกัน”

“ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ แต่ตอนนั้นมันทำใจลำบากนี่”

สองเสียงเถียงกันมาพักใหญ่

“เดียร์ลืมหมดแล้วจริงๆใช่ไหม?” กามเทพถามออกไปเบาๆ เห็นเดียร์ยิ้ม หัวเราะกับเพื่อนๆแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“ลืมหมดแล้ว ทั้งคู่เลย จริงๆต้องบอกว่า “ทุกคน”ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นหมดแล้ว” ยมทูตเอ่ยอย่างอ่อนโยน สายตาทอดมองไปทางวายุที่กำลังสุมหัวพูดคุยกับเพื่อนอยู่

“เดียร์มองไม่เห็นพวกเราแล้วใช่ไหม?” กามเทพถามอีกครั้ง

รู้สึกตงิดใจอย่างไรไม่รู้ … รู้สึกเหมือนเผลอสบตาเดียร์หลายครั้ง

“เอ…เรื่องลืมนี่ ลืมหมดแล้วแน่ๆ แต่เรื่องมองเห็นนี่..ไม่แน่ใจนะ …บางทีอาจจะ…”

ทันใดนั้นกามเทพก็ต้องเบิกตากว้าง

“ไอ้ยมทูต พลาดตลอด! ถ้าจะลืมแล้วก็ต้องลืมให้หมดสิ! ดู! นั่น! เดียร์ยิ้มให้ฉันด้วย!! โธ่ ว้อย!!! ไอ้ยมทูต!!!!!!!!!!!”




THE END



หา? จบแล้ว?

จบแล้วค่ะ ^^

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามให้กำลังใจมาตลอดค่ะ ^_^ 
ขอบคุณที่เข้ามาพูดคุยทักทายกัน แฮ่ๆ ไม่งั้นแอมได้คุยคนเดียว(?)จนจบเรื่องแน่ๆ TT


คิดไว้ว่าน่าจะมีตอนพิเศษนะคะ ^^
เดี๋ยวแอมขอตั้งสติก่อน แต่งเรื่องนี้แล้วแอมหลอนยังไงไม่รู้ (หัวเราะ) พูดคนเดียว(?)เก่งขึ้นทุกวัน



ขอบคุณทุกคนมากๆค่ะ <3

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
 :mew2: งืออ จบไม่ทันตั้งตัว ขอพิเศษเพิ่มอีกหน่อยนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จบจริงอะ ทำไมยังรู้สึกว่ามันน่าจะมีอีกนิดๆแหะ

ออฟไลน์ plengpit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
ขอตอนพิเศษเพิ่มอีกนิดดดดสิ 

แอบฮาตอนท้าย ยมทูตลบไม่หมด 55

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ง่ะ จบแล้ว
อยากอ่านตอนวายุจีบเดียร์(อีกครั้ง) อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด