Part 4
เจ้าของร้านไอศกรีมยืนมองบรรยากาศในร้านไอศกรีมจากเคาน์เตอร์แคชเชียร์
ความวุ่นวายเล็กๆเกิดขึ้นในร้านโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
มันวุ่นวายตั้งแต่ที่วายุมาคุยกับเขาเมื่อตอนบ่าย
หลังจากนั้นไม่นานอาโปและเพื่อนวายุอีกสามคนก็หอบของพะรุงพะรังเข้าร้านมา
“พี่ล็อคนี่ใจดีจริงๆ ขอบคุณมากๆนะครับ” เสียงเจื้อยแจ้วของอาโปดังเข้ามา
อาโปเดินมาหยุดยืนข้างล็อค มือน้อยๆยกขึ้นซับหยาดเหงื่อที่ผุดตามใบหน้า
ล็อคเห็นอย่างนั้นเลยยื่นกล่องทิชชู่ไปให้ อาโปยิ้มรับอย่างขอบคุณ
พี่ข้าวกับพี่ปิ่นรี่จัดโต๊ะเก้าอี้เสียยกใหญ่ ทำความสะอาดให้เสร็จสรรพเรียบร้อย
“น้องวายุ ตรงโซนนี้โอเคไหมครับ?” ข้าวตะโกนถามข้ามมายังอีกฟากของร้าน
ข้าวจัดเฉพาะเก้าอี้เรียงเป็นครึ่งวงกลม เว้นที่ว่างตรงกลางไว้ โต๊ะที่เหลือเอาไปต่อรวมกันไว้ที่มุมอื่น
วายุชะเง้อมองผลงานของพี่ข้าว พลันรอยยิ้มประดับบนใบหน้าคม ยกนิ้วโป้งให้กับฝีมือการจัดตกแต่งของพี่ข้าว
วายุหันมาจัดการกับสิ่งตรงหน้าที่เขาวานน้องชายสุดที่รักหอบมาด้วย ผูกโบว์สีแดงให้กับเจ้าสิ่งนั้นเรียบร้อยก็หันมาตรวจเช็ครอบๆร้าน
ลูกค้าในร้านก็ยังมีอยู่ ร้านไม่ได้ปิดทำการ เขาไม่ได้เหมาทั้งร้าน ก็แค่ขอพื้นที่บางส่วนของร้านของไอ้ล็อคเท่านั้นละ
วายุเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนไว้บนฝาผนังร้านไอศกรีม
….สี่โมงครึ่ง?!
เดียร์เข้าร้านห้าโมง!!
“แสตนบายกันเร็วเข้า” วายุวิ่งพรวดเข้าไปนั่งที่ที่พี่ข้าวเพิ่งจัดเสร็จ
อาโปหอบ”ของขวัญ”ที่วายุเตรียมไว้มาตั้งไว้ข้างๆพี่ชาย
บิ๊ก ต้น เพชร หลบไปนั่งที่โต๊ะตัวอื่นในร้าน
ข้าวกับปิ่นไปยืนประจำประตูทางเข้า ชะเง้อคอมองหาเป้าหมาย
วายุนั่งไม่เป็นสุขอยู่ที่เก้าอี้ในมุมที่จัดไว้ หันซ้ายหันขวาอย่างทำอะไรไม่ถูก
อาโปเห็นท่าทางของพี่ชายแล้วอดไม่ได้ที่จะเข้ามาปลอบประโลม
“ใจเย็นๆพี่วายุ”
ไม่ทันจบประโยคของอาโปดี เสียงของพี่ปิ่นก็ดังขึ้น “มาแล้วๆๆ!!”
ข้าวกับปิ่นวิ่งมาหลบหลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์ที่มีล็อคยืนอยู่ก่อนแล้ว
เดียร์ผละไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆทั้งสามคนของเขา
เสียงกระดิ่งที่ประตูดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของโต้งจะก้าวเข้ามา ตามมาติดๆด้วยพู่กัน
โต้งกับพู่กันชะงักไปทันทีที่เห็นบรรยากาศที่แปลกไปของร้าน
ยังไม่มีใครทันตั้งตัว บิ๊กรี่เข้าไปคว้าโต้งกับพู่กันไปนั่งร่วมโต๊ะทันที
… และคนที่ตามเข้าร้านมาอีกคน
…. คือเป้าหมายของวันนี้
วายุสูดลมหายใจเข้าลึกๆ …กีตาร์โปร่งสีน้ำตาลอ่อนวางอยู่บนตัก มือทั้งสองข้างประจำที่
สายตาคมจับจ้องร่างเล็กๆของผู้เป็นที่รัก….
…เสียงกีตาร์ดังขึ้นเบาๆ ตามมาด้วยเสียงทุ้มของร่างสูงที่นั่งอยู่กลางร้าน…
บอกตรงๆ ว่าฉันก็เสียใจ
ที่ทำให้เราต้องทะเลาะกัน
ไม่ว่าด้วยเหตุผลนั้นคืออะไร
คนผิดคือฉันไม่ใช่เธอ
อย่าร้อง... อย่าร้องไห้เลยเธอ
หันหน้ามาคุยกันก่อน ดีไหม
เดียร์นิ่งค้าง เผลอสบตากับร่างสูงที่นั่งดีดกีตาร์อยู่
อยากหลบสายตาแต่ทำไม่ได้ เหมือนในสายตาคมคู่นั้นมีแรงดึงดูดจากอะไรบางอย่าง…
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
ไม่ตั้งใจจะ ทำร้ายเธอ
แต่ก็เผลอทำเธอร้องไห้
ฉันไม่ได้ความจริงๆ ที่รัก
คนผิดคือฉันไม่ใช่เธอ
อย่าร้อง... อย่าร้องไห้เลยเธอ
หันหน้ามาคุยกันก่อน ดีไหม
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
ฉันขอโทษ....เดียร์ไม่เคยคาดคิดว่าวายุ…
…จะทำอะไรแบบนี้
เพลงจบแล้ว….
เสียงกีตาร์หายไป..
บรรยากาศในร้านตอนนี้เงียบจนแทบได้ยินเสียงหายใจของทุกคนในร้าน
เดียร์ไม่สามารถหลบสายตาวายุได้อย่างที่อยากทำ
กีตาร์โปร่งบนตักของวายุถูกวางลงกับพื้น
วายุคว้า”ของขวัญ”ที่วางอยู่ข้างตัวติดมือมาด้วย
ร่างสูงค่อยๆสาวเท้าเข้าหาร่างเล็กที่ยืนค้างอยู่ที่ประตู
มือหนายกเจ้าสิ่งของที่มีโบว์สีแดงประดับอยู่ขึ้นมาตรงหน้า ยื่นให้ร่างเล็กรับไว้…
ตุ๊กตากวางเรนเดียร์ตัวใหญ่…คือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเดียร์
“ผมขอโทษ …หายโกรธผมนะครับ” วายุยื่นหน้าผ่านตุ๊กตา ส่งเสียงออดอ้อน เดียร์แทบไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่เห็น
นี่คือวิธีง้อแฟนของวายุอย่างนั้นสินะ?!
เดียร์ยื่นมือไปรับตุ๊กตาอย่างเก้ๆกังๆ
ถามว่าอายไหม ตอบได้เลยว่ามาก
ถูกสายตาของคนทั้งร้านจับจ้องเป็นตาเดียว ประหนึ่งเหมือนกดดันให้เดียร์ยกโทษให้วายุแบบนี้
…แต่ถึงไม่มีสายตากดดัน แล้วไหนจะวายุทำถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงเขาก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองงอนวายุได้นานหรอก
“นายนี่ไม่อายบ้างเลยหรือไง?!” เดียร์เอ็ดเบาๆ ใบหน้าเห่อร้อนไปหมด แล้วยิ่งรู้สึกร้อนกว่าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งที่วายุเอ่ยตอบ
“ง้อเมียทั้งที จะต้องอายใครล่ะครับ”
เดียร์ไม่ปล่อยให้คนในร้านได้ยินสิ่งที่วายุพูดต่อไปอีกแล้ว
ร่างเล็กอุ้มตุ๊กตากวางเรนเดียร์ออกไปนอกร้าน วายุอมยิ้มน้อยๆกับท่าทางนั้น
เสียงโห่แซวของทุกคนที่เป็นสักขีพยานดังตามมา วายุไม่รอช้าก้าวเท้าตามร่างเล็กๆนั้นทันที
วายุก้าวยาวๆไม่กี่ก้าวก็ตามประชิดร่างเล็กได้ทัน
“ยังไม่หายโกรธอีกเหรอครับ หื้ม?” วายุคว้าร่างเล็กมารวบไว้ในอ้อมกอด ไม่สนว่าเดียร์จะกอดตุ๊กตากวางเรนเดียร์ไว้แน่น
“จะโกรธนายรอบสองเพราะนายทำฉันอายนี่แหละ”
“ใจร้าย …” วายุแสร้งน้อยใจ จุดยิ้มประดับบนใบหน้าคม
“ผมไม่สนว่าเดียร์จะมีสัมผัสพิเศษหรืออะไรก็ช่าง ถึงยังไงเดียร์ก็ยังเป็นเดียร์ของผมอยู่ดี” เสียงทุ้มเจือกระแสอ่อนโยน
เดียร์รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองไม่ได้ลดอุณหภูมิลงเลย
เดียร์ไม่รู้ว่าเสียงตัวเองไปอยู่ในหมด ต้องใช้แรงกว่าจะเค้นออกมาได้
“นาย….อย่าชวนทะเลาะเรื่องนั้นอีกก็แล้วกัน”
“ครับ ไม่พูดถึงแล้ว”
วายุกอดกระชับแน่นขึ้น ฝังจมูกโด่งลงกับกลุ่มผมนุ่ม
“ถึงเดียร์จะเห็นผีจริงๆ ผมก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่อย่าให้รู้ว่าไปกิ๊กกับผีละกัน ไม่อย่างนั้นล่ะน่าดู”
จบประโยค วายุได้ยินเสียงคนตัวเล็กหัวเราะเบาๆ
“นายหึงผีหรือไง?”
“หึงเดียร์สิ” วายุต่อประโยคสวนกลับแทบทันที ผละออกมาจับจ้องดวงหน้าหวานใส
สอดประสานสายตา ถ่ายทอดทุกความรู้สึก …ความอ่อนโยน ความห่วงหา ความรัก…
“เดียร์เป็นของผมคนเดียวนะครับ ที่รักของผม”
THE END
จบแล้วค่ะ ^////////////////////^
ขอบคุณเพลง I’m sorry ของศิลปินวง AB NORMAL ด้วยค่ะ ^^
นี่แอมติดใจพี่ข้าวกับพี่ปิ่น ฮ่าๆๆๆ ถ้ามีโอกาสคงได้เขียนเรื่องราวของพี่ปิ่นกับพี่ข้าว
อ่านไปอ่านมารู้สึกว่าร้านพี่ล็อคนี่คล้ายฮาเร็มเลยแฮะ ฮ่าๆๆๆ
มีทั้งพี่ข้าว พี่ปิ่น ไหนจะน้องเดียร์ ดีที่ยังมีโต้งไว้อยู่คน
ขอบคุณทุกคนมากๆค่ะ
คอมเม้นกระตุ้นเนื้อเรื่องได้ดีจริงๆค่ะ ฮ่าๆๆ ได้อ่านคอมเม้นของทุกคนแล้วมีแรงเขียนน้องเดียร์ได้ต่อ
ขอบคุณทุกคนสำหรับการติดตามค่ะ
ฝากนิยายอีกสักเรื่องนะคะ ฮี่ๆๆๆ
กำลังแต่งอยู่เลย เขียนเรื่อยๆฮับ เรื่อง
Moonlight … แค่ทำงานกลางคืน ฝากด้วยนะคะ ^^
ขอบคุณทุกคนอีกครั้งค่ะ
อัยแอม