ตอนที่ 1
Labor
สุดที่รักของฉันเป็นกรรมกร
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
"แฮกๆ" ผมพยายามวิ่งอย่างสุดแรงเกิดไปทางที่อาบน้ำข้างสวนมะม่วงอย่างเร็วที่สุด วันนี้ผมตื่นสาย อะไรก็เลยไม่เป็นตามกำหนดการ ทุกอย่างเป็นเพราะพี่กล้าแท้ๆ เลย เข้ามาวิ่งเล่นในหัวใจผมแบบนี้ทำเอาผมหลับฝันดีจนลืมไปเลยว่าวันนี้ผมต้องเอากางเกงในของพี่เขาที่แอบจิ๊กไปกลับมาคืน
พอมาถึงตรงสวนมะม่วงผมก็เดินลัดเลาะตามพุ่มไม้ไปจนไปโผล่หน้าบ่อน้ำทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่สร้างมาจากปูน เหลียวซ้ายแลขวามองดูว่าไม่มีใครแล้วจึงวิ่งแบบเหยาะๆ ไปที่ราวตากผ้าซึ่งขึงด้วยเชือกสีเขียวแก่นั่น ยกกางเกงในสีดำของพี่กล้าขึ้นมาดมอีกทีอย่างชื่นใจก่อนจะหยิบหูหนีบผ้าที่หล่นบนพื้นขึ้นมา จับกางเกงในตากในลักษณะเดียวกับเมื่อวานแล้วหนีบเจ้าตัวนี้ลงไป
"ฮ้า! เสร็จเรียบร้อยเสียที เกือบไม่ทันแล้วเชียวต้นไม้เอ๋ย"
"อากาศเย็นจังวะเช้านี้ กูไม่อยากอาบน้ำเลย"
เสียงพูดคุยของคนงานผู้ชายที่แสนคุ้นเคยดังมาจากอีกทาง ผมสะดุ้งตกใจก่อนจะรีบวิ่งหนีกลับไปทางเดิมที่จากมาเมื่อกี้ วิ่งไปที่ต้นมะม่วงต้นประจำ หยิบกล่องส่องทางไกลสีเขียวอ่อนลายทหารมาถือไว้แล้วปีขึ้นไปบนกิ่ง...โชคดีที่มีต้นมะม่วงอีกต้นบังเอาไว้ทำให้คนทางแคมป์คนงานไม่มีทางมองเห็นว่าผมเกาะต้นไม้เป็นลิงอยู่ตรงนี้
"ถ้ามึงไม่อาบ วันนี้ไม่ต้องมายืนใกล้กู" นั่นมันพี่กล้าหาญสุดที่รักของผมนี่นา เขาปลดผ้าเช็ดตัวที่พันท่อนล่างออกและโยนไปพาดกับต้นไม้อีกค้นในบริเวณนั้น อ๊ายยย วันนี้พี่กล้าใส่กางเกงในขาวแหละ ถ้ามันโดนน้ำนะต้องเห็นชัดเจนแน่ๆ เลย โอ๊ยๆ หัวใจจะวาย
"แหม่ กูเดินมาถึงตรงนี้แล้วถ้าไม่อาบก็เสียเวลาตายสิ" เพื่อนพี่กล้าที่มาวันนี้มีตาคนนี้คนเดียวซึ่งผมพอจะคุ้นหน้าอยู่ คนที่ชอบชวนพี่กล้าดูหนังโป๊นั่นเอง เขาถอดผ้าคนหนูแล้วโยนไปทางเดียวกับพี่กล้า สำหรับนายคนนี้ผมไม่คอมเมนท์นะครับ พอดีมีสายตาไว้มองพี่กล้าแค่คนเดียว อิอิ
ทั้งสองคนอาบน้ำกันไปคุยกันเรื่องต่างๆ ไป ท่ามกลางความสุขใจของผม ผมพยายามส่องสายตาผ่านกล้องไปอีกนิดกำเดาก็แทบพุ่ง พระเจ้า! สายน้ำที่หล่นกระทบตัวพี่กล้าทำให้ผมเห็นเจ้าหนูน้อยที่ไม่น้อยของพี่กล้าชัดเจนเลย >///< ผู้ชายอะไร หล่อ เข้ม ดิบ เถื่อน หุ่นดี น่ากินที่สุด แล้วจะไม่ให้ผมรักได้ยังไงล่ะ!
ไม่นานทั้งสองคนก็อาบน้ำเสร็จ อาจจะเป็นเพราะอากาศตอนเช้าค่อนข้างเย็นแถมน้ำที่ใช้อาบยังเย็นอีก ระยะเวลาในการอาบน้ำเลยหดสั้นลงเหมือนเต่าหดหัวกลับไปในกระดอง
พี่กล้าหยิบผ้ามาเช็ดตัว อ๋า ตอนนี้พี่เขาดูเซ้กซี่ซะจนผมร้อนรุ่มไปหมดเลย...พี่กล้าถอดกางเกงในสีขาวตัวนั้นออกทำให้ผมเห็นช้างน้อยที่กำลังหลับสนิทอยู่ของพี่กล้า อ๊ายยย เขินอ่ะ! ผมจะไม่ขอบรรยายใดๆ ทั้งสิ้น เก็บไว้ฟินตอนช่วยตัวเองพอ!
หลังจากนั้นพี่กล้าก็เอากางเกงในสีขาวตัวนั้นไปตากและหยิบกางเกงในสีดำที่ตากไว้เมื่อวานทำท่าจะใส่แต่เขาก็ชะงักไปกับความผิดปกติบางอย่าง
"เฮ้ย! ไอ้กล้า มึงได้กลิ่นอะไรหอมๆ ไหม" เพื่อนของพี่กล้าพูดพลางทำจมูกฟุดฟิดไปมารอบๆ พี่กล้ามองอย่างรำคาญก่อนจะผลักผัวเพื่อนไปอีกทาง
"มึงไม่ต้องดมไปทางไหน กลิ่นหอมนั่นมันมาจากกางเกงในกูเองแหละ"
"แต่มันหอมไปนะมึง มึงไม่ได้เอาไปซักกับน้ำยาปรับผ้านุ่มเสียหน่อย มันจะหอมขนาดนี้ได้ยังไง"
"นั่นแหละ กูสงสัยเหมือนกันนี่แหละ"
ใช่แล้วล่ะครับ...เมื่อวานหลังจากผมจิ๊กกางเกงในพี่กล้าไปช่วยตัวเองเสร็จสามรอบ (เขินจัง >///<) ก็เอาเศษผ้าสีดำชิ้นนั้นไปซักกับผมซักฟอกอย่างทะนุถนอมและนำมันไปแช่น้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ก่อนจะเอามันไปปั่นแห้งหลายๆ รอบแบบแค่ให้โดนพัดลมก็แห้งได้ สุดท้ายก็นำมันไปรีดด้วยอุณหภูมิที่ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไปและนำมันกลับไปคืนสู่ที่เดิมที่จากมาพร้อมกับการสิ้นสุดของภารกิจของผม ^O^V
แต่ผมเพิ่งทำครั้งแรกนะครับ ทุกครั้งที่ผมแอบมาจิ๊กกางเกงในพี่กล้าไปก็แค่เอาไปช่วยตัวเองเฉยๆ ตอนเช้าก็เอากลับมาตากให้ที่เดิม (ต้องผ่านการอบแห้งจากผมก่อน!) พอมาวันนี้มันมีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอยู่พี่เขาคงแปลกใจ แต่ผมไม่ยอมบอกหรอกว่าผมเป็นคนเอาไป (แหงสิ! บอกไปเขาคงหาว่าแกโรคจิต !)
อ้อ! ส่วนประเด็นที่ผมแอบเอากางเกงในพี่กล้าไปช่วยตัวเองนี่ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกหรอกนะครับ เพราะผมชอบพี่เขา รักพี่เขา และก็นำทุกอย่างมาคืนพร้อมทำความสะอาดให้ด้วย แบบนี้ไม่ถือว่าโรคจิตนะครับ ^ ^ ไม่อย่างนั้นคนที่มีอะไรกันจริงๆ จะยอมทำอะไรประหลาดที่ดูน่าเกลียดแต่สุขสมได้ยังไง แบบนั้นมันดูโรคจิตกว่าที่ผมทำอยู่ตั้งเยอะ =_=^^
"ช่างมันเถอะมึง อาจจะหอมกลิ่นธรรมชาติก็ได้" เพื่อนพี่กล้าพูด
"เออๆ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันมึง กูอยากกินข้าวแล้ว" พี่กล้าใส่กางเกงในเข้าไปและเอาผ้าขนหนูมาพันตัวอย่างเดิม เก็บอุปกรณ์อาบน้ำแล้วเดินตามเพื่อนออกไป
"เฮ้อ!" ผมถอนหายใจออกมาอย่างโลกอกก่อนจะกระโดดลงจากกิ่งต้นมะม่วง เก็บกล้องส่องทางไกลไว้ที่เดิม หันไปมองที่ที่พี่กล้ายืนอยู่อีกครั้งก็อดจะอมยิ้มออกมาน้อยๆ ไม่ได้
ถ้าวันไหนพี่กล้ารู้ว่ามีคนคอยแอบมองและให้กำลังใจเขาอยู่อย่างนี้ เขาจะคิดยังไงนะ?
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
"พี่ใบไผ่! กลับมาแล้วเหรอครับ มีอะไรกินบ้าง >O<" ผมวิ่งเข้าไปสวมกอดผู้ชายร่างสูงตรงหน้า เขาคนนั้นหัวเราะเบาๆ กับท่าทีเด็กเกินอายุของผมก่อนจะกอดตอบ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอบอุ่นจนผมอยากเอาปากงับจมูกในความอ่อนโยนนี้สักที
"แหม ปล่อยพี่ก่อนเถอะต้น ซื้อมาสิ มีข้าวเหนียวมะม่วงของโปรดเราด้วยนะ"
"เย่ๆ ดีใจจังเลย"
'ศุภชัย' หรือ 'ใบไผ่' เป็นพี่ชายแท้ๆ และญาติเพียงคนเดียวของผม...พ่อแม่เราเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสิบปีก่อน ผมในตอนนั้นเพิ่งจะอายุได้แปดขวบในขณะที่พี่ใบไผ่อายุสิบหกปีคอยปลอบผมจากการร้องไห้งอแงหาพ่อแม่และปฏิเสธความช่วยเหลือจากญาติทางฝ่ายพ่อแม่ที่ยื่นมือเข้ามาหวังจะฮุบสมบัติ พี่ใบไผ่ตั้งใจเรียนและสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศในคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาอุตสาหกรรมการเกษตร หลังเรียนจบเลยออกมาบริหารงานไร่ส้มที่พ่อแม่ทิ้งไว้เป็นสมบัติต่างหน้าพร้อมเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่ง
อ้อ! ช่วงที่พี่ใบไผ่เรียนอยู่คนที่ดูแลเรื่องไร่ บัญชีและสภาพการเงินต่างๆ คือ คนงานที่พ่อกับแม่สนิทมาตลอด เชื่อไหมครับว่าเขาไม่เคยคิดโกงและทรยศพวกเราเลย แถมยังนิสัยดีมีน้ำใจ คอยให้คำปรึกษาผมกับพี่ใบไผ่ในเรื่องต่างๆ จนพวกเรามีวันนี้
ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าเหลือเกิน...ที่การจากไปของพ่อแม่ได้พรากความเป็นบุรุษเพศของผมไปด้วย ไม่นานนักผมก็กลายเป็นเด็กเก็บตัว ขี้แย ขี้ร้องไห้ และมีนิสัยคล้ายเด็กผู้หญิงในที่สุด...พี่ใบไผ่รู้เรื่องนี้ดี แต่พี่ไม่เคยด่าว่าอะไรผมเลย ทุกครั้งที่ถูกเพื่อนผู้ชายในห้องรังแกและล้อถึงปมด้อย พี่ใบไผ่จะไปจัดการเอาเรื่องเด็กพวกนั้นและปลอบผมด้วยคำพูดที่นุ่มนวลยิ่งกว่าเอแคลร์ไส้ครีมของร้านผึ้งน้อยอีกครับ ^ ^
'ไร่เรืองรองอำไพ' เป็นไร่ส้มกึ่งฟาร์มสัตว์เล็กๆ ที่พ่อกับแม่ทำกันมานานและเป็นสมบัติตกทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ผมเติบโตมากับธรรมชาติ กับไร่ฟาร์มทางภาคอีสานในจังหวัดยโสธรครับ รายได้จากการขายผลส้มและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากส้มทำให้ผมกับพี่ใบไผ่มีเงินพอใช้และสามารถจ่ายเงินเดือนคนงานจำนวนมากมายนี่ได้แบบไม่มีปัญหาครับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรามีเงินมากมายมหาศาลพอที่จะซื้อโลกทั้งใบได้หรอกนะครับ
สำหรับผม...เท่านี้ก็มีความสุขมากแล้ว หวังว่าพ่อกับแม่ที่มองมาจากบนฟ้าจะมีความสุขนะครับที่เห็นว่าลูกสองคนเติบโตมาได้อย่างมีประสิทธิภาพขนาดไหน
"ดีใจเป็นเด็กๆ เชียวนะ มาๆ มากินกับพี่ในห้องครัวเร็ว"
"ครับๆ"
ผมเดินตามพี่ใบไผ่เข้าไปในห้องครัว
เรามีแม่บ้านมาทำความสะอาดครับ แต่พี่ใบไผ่สอนผมอยู่เสมอว่าโตแล้วต้องทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่สามารถพึ่งพาคนอื่นไปจนตายได้ พวกเราสามารถนั่งกินข้าวกับคนงานและพูดคุยกันสนิทสนมราวกับพี่น้องกันได้ครับ
ไร่เราถ้ามองจากทางเข้าจะเจอบ้านหลังขนาดใหญ่ทาสีเขียวอ่อนเพื่อความกลมกลืนไปกับธรรมชาติ บ้านหลังนี่ผมกับพี่ใบไผ่อยู่ครับและใช้สำหรับต้อนรับแขกบางครั้งได้ ถัดไปด้านหลังจะมีบ้านพักแม่บ้านหลังเล็กๆ แต่อยู่กันห้าคนครับ หลังจากนั้นด้านหลังก็จะมีไร่ส้มพื้นที่พอสมควรทอดไปตามทางยาวจนถึงท้ายสวนก็จะมีบ้านพักคนงานซึ่งติดกับสวนมะม่วงเล็กๆ ที่ปลูกไว้เก็บกินเล่น ทางซ้ายของไร่ส้มจะมีพื้นที่เล็กๆ ที่พี่ใบไผ่ให้เขามาขุดทำเป็นลำธารเผื่อวันไหนอยากมานั่งตากลมเย็นๆ ก็มาได้ ส่วนทางด้านขวาก็จะมีฟาร์มโคนมที่เหมือนจะเลี้ยงไว้ดูเล่นมากกว่าเอามาประกอบกิจการอะไรแท้จริง
"เดี๋ยวตอนกลางวันพี่จะลงไปคุยกับคนงานที่สร้างโรงเก็บของกับบ้านพักหลังใหม่ก่อนนะ ต้นอยู่ในบ้านอย่าออกไปเกเรที่ไหนล่ะ" หลังจากกินข้าวเหนียวมะม่วงกันเสร็จพี่ใบไผ่ก็ชวนพูด
ผมค้อนให้ทีหนึ่งที่คำพูดเขาทำเหมือนผมเป็นเด็กน้อยอายุห้าขวบแต่ก็ต้องตาโตเมื่อคิดได้ว่าพี่ใบไผ่เพิ่งพูดอะไร "จริงเหรอ O_O ต้นไม้ไปด้วยสิ นะๆ อยากรู้จักคนงานบ้าง เดี๋ยวเขาจะหาว่าผมหยิ่งไม่ยอมพบปะใคร"
พี่ใบไผ่หรี่ตามอง "แน่ใจเหรอว่าจะไปด้วย อากาศร้อนพอสมควรเลยนะ พี่กะจะซื้อเครื่องดื่มชูกำลังไปแจกเขาด้วย"
"เอาสิครับ เดี๋ยวผมช่วยแจก นะๆ"
"ก็ได้ๆ แต่อย่าลืมสวมหมวกไปด้วยนะ ร้อนแล้วห้ามบ่นเด็ดขาด"
พอตอนกลางวันผมก็เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดสีกรมท่ากับกางเกงวอร์มขาวยาวสีดำพร้อมกับใส่หมวกสานสีเหลืองอ่อนเดินถือถุงเครื่องดื่มขึ้นรถปิกอัพของพี่ใบไผ่มุ่งหน้าไปยังท้ายสวนซึ่งมีคนงานกำลังสร้างบ้านพักหลังที่สองอยู่
สาเหตุที่แท้จริงทำให้ผมตามมาน่ะเหรอครับ...
'กล้าหาญ' หรือ 'พี่กล้า' เป็นลูกของหัวหน้าคนงาน จะพูดว่าลูกคงไม่ถูกเพราะเป็นลูกบุญธรรมกำพร้าพ่อแม่ และพี่เขามาทำงานที่นี่ได้สองสามเดือน และผมก็ตกหลุมรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เราสบตากัน >///< เขาทำให้ผมกลายเป็นภาพถ้ำมองและแอบจิ๊กกางเกงในเขามาช่วยตัวเองแบบทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นหากมีโอกาสได้ไปมองหน้าพี่เขาใกล้ๆ ผมก็จะรีบรับโอกาสนี้ไว้อย่างเต็มใจทันที
ถามว่าผมชอบพี่เขาตรงไหนน่ะเหรอ?
ไม่รู้สิครับ...มองตาแวบแรกผมก็คิดว่าเขาคือคนที่ใช่สำหรับผมแล้วล่ะ
ผมเคยเห็นเวลาพี่เขาทำงานหรือตั้งใจทำอะไร ดวงตาคู่นั้นจะทอประกายเต็มไปด้วยความตั้งใจสม่ำเสมอจนผมอดปลื้มไม่ได้ อีกอย่างถึงพี่กล้าจะไม่ได้จัดว่าอยู่ในประเภทหล่อมากอะไรขนาดนั้นแต่รูปร่างนี่แซ่บลืมโลกเลยครับ ความที่ต้องทำงานที่ออกแดดทำให้ผิวพี่เขาคล้ำนิดๆ รูปร่างล่ำสันจากการทำงาน มีกล้ามและซิกซ์แพ็กที่งดงาม แถมยังไรขนมต้สะดือนั่นอีก อ๊ากก คิดแล้วฟิน!
พี่ใบไผ่จอดรถที่ข้างบ้านพักคนงานหลังแรกและลงไปก่อนผมเพื่อหยิบถุงเครื่องดื่มชูกำลัง ผมจึงลงไปช่วยด้วย
ตรงนี้จะมีบ้านพักคนงานแบบถอดประกอบได้หนึ่งหลังแยกสองฝั่งแบบชายหญิง ของฝั่งผู้หญิงจะมีห้องน้ำในตัวแต่ผู้ชายต้องไปอาบทางด้านหลังที่กั้นไว้โดยเฉพาะ ซึ่งสถานที่แห่งนั้นอยู่ติดกับสวนมะม่วง...ฐานทัพบังคับการแอบส่องเป้าพี่กล้าของผมนั่นเอง
ตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวันบรรดาคนงานกำลังนั่งกินข้าวในโรงอาหารเล็กๆ ที่สร้างไว้สำหรับให้แม่บ้านมาประกอบอาหารไว้ได้ ทุกคนยกมือไหว้พี่ใบไผ่กันหมดซึ่งพี่ก็ไหว้ตอบกลับทุกคนอย่างนอบน้อมจนผมทึ่งในความมีมารยาทของพี่ เพราะนานๆ ทีผมมา มาแต่ละครั้งก็มาป่วนจนคนงานเขาปวดหัวตามๆ กันไป
เอ๊ะ! นั่นไง ผมเห็นพี่กล้าแล้ว >O<
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
"นั่นมันน้องชายคุณใบไผ่นี่มึง" 'แดง' เพื่อนสนิทกล้าหาญเอ่ยถามในขณะที่กล้ากำลังตักข้าวผัดเข้าปาก ชายหนุ่มเงยหน้ามองหนุ่มน้อยที่ยืนยิ้มแจ่มใสอยู่ข้างๆ คุณศุภชัย
ใบหน้าที่สดใสยิ้มจนคนมองพลอยจะยิ้มตามไปด้วยทำให้กล้าหาญรู้สึกหงุดหงิดในใจอย่างไม่มีสาเหตุ...เขาทำหน้าเฉยๆ ใส่แดงก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อ "ดูแล้วคงเป็นตัวก่อความวุ่นวายน่าดู อย่ามาอยู่ใกล้กูแล้วกัน กูยิ่งไม่ชอบตุ๊ดอยู่ด้วย มองแวบเดียวก็รู้แล้วล่ะ อ้อนแอ้นขนาดนั้น"
แดงหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด "มึงรู้ได้ไง เขาอาจจะตัวเล็กๆ น่ารักๆ เฉยๆ มึงไม่มีเรดาร์จับเกย์สักหน่อย"
กล้าหาญแทบสำลักข้าว "เถอะน่า! เชื่อกูเถอะ"
ตอนนี้ใบไผ่กับต้นไม้กำลังกระจายแจกเครื่องดื่มบำรุงกำลังกับเหล่าคนงานอยู่ เครื่องดื่มที่ซื้อมาตอนแรกก็มากพอสมควร แต่วันนี้คนงานมานั่งกินข้าวพร้อมกันเยอะทำให้ไม่พอ...
ไม่พอตอนใบไผ่เดินเอามาแจกให้กล้าหาญกับแดงซึ่งเหลือแค่สองคนจากโต๊ะสุดท้ายพอดี ชายหนุ่มทำหน้าแสดงความเสียใจ
"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณใบไผ่" แดงส่งยิ้มสดใสให้แสดงถึงความไม่เป็นอะไรจริงๆ แต่กล้าหาญยังก้มหน้ากินข้าวต่อไปอย่างไม่แคร์อะไรทั้งนั้น
"ขอโทษทีนะแดง เดี๋ยวผมเอาน้ำเปล่าให้ ซื้อมาเผื่อห้าขวดพอดี"
ข้อดีอีกอย่างของใบไผ่คือจำชื่อคนงานได้เกือบทุกคน ทำให้เหล่าคนงานเทใจรักเพิ่มขึ้น
ชายหนุ่มหันไปตะโกนเรียกต้นไม้ที่กำลังยืนเอ๋อทำหน้าไม่รู้เรื่องอยู่ "ต้น ขอน้ำเย็นหลังรถสองขวดมาให้กล้ากับแดงด้วย" พูดจบก็เดินออกไปคุยกับหัวหน้าคนงานซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของกล้าหาญ
ต้นไม้ที่เห็นว่าพี่กล้าของตัวเองยังไม่ได้ดื่มน้ำจึงรีบเปิดฝาสองขวดและใส่หลอดดูดลงไปก่อนจะวิ่งเหยาะแหยะหมายจะเอาไปยื่นให้
แต่ดัน...
"อ๊ะ!"
สะดุดขายาวๆ ของแดงเข้าซะก่อนจนขวดน้ำกระเด็นหลุดมือ แดงรับได้พอดี แต่กล้าหาญที่เพิ่งเงยหน้าจากจานข้าวถูกน้ำในขวดสาดใส่ตั้งแต่ผมจนถึงเสื้อตัวบน
"เฮ้ย! พี่กล้า ผมขอโทษ"
"เอ่อ..." กล้าหาญยังไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าหนุ่มน้อยตรงหน้ารู้ชื่อเขาได้ยังไง "ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้เอง"
"อย่าเลยครับ เดี๋ยวผมเอาเสื้อไปซักให้ดีกว่า"
กล้าหาญทำหน้างง แค่โดนน้ำเปล่าแค่นี้แปปเดียวก็แห้งไม่เห็นต้องลำบากถึงขั้นต้องเอาไปซักเลย "เอ่อ...ไม่เป็นไร"
"นะครับ นะๆ ไม่อย่างนั้นผมคงรู้สึกผิดมากแน่ๆ เลย" ต้นไม้ยังเซ้าซี้ไม่ยอมหยุด แดงเห็นดังนั้นจึงจี้เอวกล้าหาญทันทีด้วยรู้ว่าเพื่อนตัวเองบ้าจี้ขนาดไหน
"เฮ้ย ฮ่าๆ ทำอะไรของมึงไอ้แดง"
"จะจับมึงถอดเสื้อไง"
แดงถือโอกาสนั้นจับกล้าหาญถอดเสื้อแขนยาวสีเทาที่กำลังใส่อยู่ออกส่งให้ต้นไม้ที่หน้าแดงตะลึงพรึงเพริดกับหุ่นสุดเซ็กซี่ของกล้าหาญไปแล้ว
"นี่ครับ น้องต้นไม้"
"ขะ...ขอบคุณครับ"
"มึงทำอะไรของมึงเนี่ยไอ้แดง พากูกลับไปเอาเสื้อใส่เลย"
ต้นไม้เดินหนีออกมาจากตรงนั้นด้วยแววตาสั่นระริก หน้าแดงแปร๊ด แต่มีรอยยิ้มน้อยๆ แต้มที่มุมปากราวกำลังเจอเรื่องสนุก
หุ่นพี่กล้าโคตรเซ็กซี่เลย!
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
มาแล้วครับ เรื่องสั้นเรื่องนี้มีเจ็ดตอนรวมบทนำนะครับ ^ ^
หวังว่าจะมีความสุขไปกับกล้าหาญและต้นไม้นะครับ
กำลังคิดอยู่ว่าจะจับใบไผ่ไปคู่กับหมอไกด์ดีไหม 5555