“ทำไมแม่มึงไม่ออกมา” นี่คือคำพูดแรกหลังจากเราไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายวัน ผมเซ่อไปนิดหน่อย พี่เอย์พูดอะไร? คือจะสื่อว่าอะไร
“กูถามว่าทำไมแม่มึงไม่เดินออกมาด้วย”
“อะ...เออแล้วทำไมแม่ผมต้องเดินออกมาด้วยล่ะ” เออผมก็งงนะ พี่เอย์พูดอะไรของมันวะ
“งั้นกูจะสวัสดีท่านได้ยังไง” อ้อ ที่แท้แบบนี้เอง โถ่เอ้ยไอ้คุณช้ายย อยากสวัสดีแม่ผัว เอ้ยไม่ใช่ แม่ผม
“พี่จะสวัสดีแม่ผมเหรอ”
“เออ ก็เขาเป็นแม่มึงไม่ใช่รึไง” โอ๊ยยยพระแม่มาลีที่รักคุณชายอยากสวัสดีแม่แต่พูดจาแบบนี้ กูปวดหัวเลยจริง ๆ
“ถ้างั้นต้องเดินเข้าไปสิครับ พี่เป็นเด็กต้องเดินเข้าไปสวัสดีแม่ผมสิ คุณนายไม่ออกมาหรอกกลัวร้อน แฮ่ ๆ ไม่ใช่หรอกแม่ตำส้มตำอยู่น่ะ ติดลูกค้า”
“งั้นก็พากูเข้าไปสิ” เอาจริงเหรอเนี่ย ผมมองพี่เอย์อย่างงงๆเหมือนกัน แต่ก็เดินนำเข้าไปเมื่อเห็นหน้าตาพี่เอย์จริงจังไม่เหมือนคนพูดเล่น ๆ แม่ตกใจแทบลมจับคาครกส้มตำพอเห็นพี่เอย์ยกมือขึ้นไหว้ แกปล่อยสากกระเบือแล้วรับไหว้คุณชายเกือบไม่ทัน
“สวัสดีค่ะคุณชาย” เย้ยย!!!! ผมสะดุ้ง แม่ทำไมพูดจาแบบนั้น พี่ขมยิ่งแล้วใหญ่ถอยหลังออกไปยืนไว้อาลัยอย่างไกล ลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านพอได้ยินแม่เรียกคำว่าคุณชายต่างหันมาดู พี่เอย์นี่หน้าตาเหรอหรามองแม่กับครกส้มตำสลับกัน สุดท้ายปรายสายตามาทางผมเขียวปั๊ดเลย คิดว่าคงนึกอะไรออกแล้วว่าทำไมแม่เรียกพี่แกแบบนั้น
“แม่ครับ นี่พี่เอย์ครับ พี่เขาไม่ใช่คุณชาย แต่คือชื่อพี่เอย์” ผมรีบเดินเข้าไปกระตุกแถบผ้ากันเปื้อนที่แม่สวมอยู่ แล้วส่งสายตาประมาณว่า เขาไม่ใช่คุณชายหรอกแม่อันนั้นคือคำที่ผมเปรียบเปรย
คุณรู้ไหมอย่างฮาเลย แม่ผมเก็ตครับ รีบทักใหม่ คราวนี้พี่เอย์สีหน้าดีขึ้นหน่อย จากนั้นแม่ก็บอกให้คุณชายอบรมสั่งสอนผมให้เต็มที่ไปเลย
“พี่ขมนี่พี่เอย์เจ้านายปิงเอง” ผมแนะนำพี่ขมด้วย
“พี่ขมเป็นเพื่อนแม่ครับพี่เอย์ เป็นพี่เลี้ยงผมด้วยนะ” ประโยคหลังผมหันไปกระซิบพี่เอย์ พี่เขายกมือไหว้พี่ขมด้วยอีกคน จะว่าไปวันนี้พี่เอย์ใจหล่อมากครับ หน้าตาไม่ต้องพูดถึงคือหล่อลากอยู่แล้ว
“งั้นผมลาเลยนะครับคุณน้า” มันเรียกแม่ผมว่าคุณน้าด้วย ใช้ได้ๆ แหมแบบนี้แม่รับพี่เอย์เป็นลูกสะใภ้ได้แน่ ๆ ผมคิดเพ้อไปจนตาลอยหันมาอีกทีเจอสายตาเขียวปั๊ดจากมันอยู่
“จ้าน้าฝากเจ้าปิงด้วยนะครับเอย์ ซนนิดหน่อยนะเอย์จัดการได้เลยนะลูก”
“แม่อ่ะ” ผมคิ้วกระตุก รีบดึงชายเสื้อแม่ไว้ ปราม ๆ พูดอะไรให้ลด ๆ ลงหน่อย แม่ชอบคนหล่อ ๆ ครับยิ่งตอนนั้นเรื่องลูกทาสฉายตอนกลางคืนเนี่ยนั่งเฝ้าหน้าจอกับพี่ขมเลย แม่บอกฟินนนน เพราะฉะนั้นเจอพี่เอย์นี่ไม่ต้องเดาเลยแม่ชอบพี่เขาแล้วแน่นอน
“ไปเถอะครับพี่เอย์ เดี๋ยวจะสายนะ”
พี่เอย์ยกมือไหว้ลาแม่ผมอีกที จากนั้น ผมและพี่เขาก็เดินมาที่รถ
“เดี๋ยวขาไปกูจะขับก่อน มึงจำทางไว้ขากลับจะได้เป็นคนขับ โอเคนะ”
“ครับผม”
ผมตอบรับแล้วกระโดดขึ้นนั่งหน้ารถเลย พี่เอย์ขับรถเร็วมากเลยครับ แต่ทำไมผมถึงมั่นใจมันก็ไม่รู้อาจเพราะเราออกมาสายด้วยพี่คงกลัวจะถึงงานค่ำจนเกินไป
“ปิง ถอดหูกระต่ายออกซะ มีเสื้อสูทแขวนไว้ที่หลังรถมึงเปลี่ยนเอาตัวนั้นมาใส่แทน”
“ทำไมอ่ะพี่ ผมแต่งแบบนี้ไม่ได้เหรอ”
“แต่งให้เหมือนกูก็แล้วกัน เนคไทไม่ต้องใส่นะ ไม่ใช่งานทางการอะไรมาก”
“งานอะไรเหรอพี่ผมถามได้ไหม”
“พี่ชายเพื่อนกูแต่งงาน ผู้หญิงอยากแต่งที่อัมพวาเขาเลยจัดขึ้นมาที่รีสอร์ท”
“อ้อ ครับ”
พี่เอย์พูดตอนที่เราคงเกือบจะถึงงานกันแล้ว ผมรับคำแล้วทำตามจริง ๆ ไม่อยากจะถอดเสื้อนอกออกเลยเพราะเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวในมันเป็นทรงรัดรูปซึ่งคับมาก ผมเอี้ยวตัวไปดึงเอาสูทที่แขวนไว้อยู่ด้านหลังมาถือไว้ที่ตัก
“เดี๋ยวขากลับเราออกอีกเส้นนึงละกัน เส้นนี้อ้อมไกลไปหน่อยกูเองก็ไม่ค่อยได้มา เมื่อคืนนั่งเช็คแผนที่มันมีสองเส้นที่ไปได้ เดี๋ยวขากลับมึงขับแล้วเราออกอีกจุดก็แล้วกัน”
“ครับผม”
ความจริงแล้วอัมพวาเป็นสถานที่ๆผมเคยคิดอยากมาเหมือนกันนะ พี่เอย์ขับรถแค่ชั่วโมงกว่า ๆ ผมก็เห็นป้ายบอกทางให้เลี้ยวไปทางตลาดน้ำแล้วแต่พี่เขาดันเลี้ยวไปอีกทางซะได้ แสดงว่ารีสอร์ตที่จัดงานคงไม่ได้อยู่ในโซนตลาด ก็แน่อยู่แล้วล่ะเนาะใครจะบ้ามาจัดงานแต่งที่ตลาด ผมนี่ก็คิดไปเรื่อยจริง ๆ
“มึงเดินอยู่ใกล้ ๆ กูนะ อย่าหลง ญาติพี่น้องเขาเยอะ”
พอถึงพี่เอย์จอดรถเข้าซองอย่างดี รถเยอะมาเลยครับโชคดีมีที่จอด
“ไอ้เอย์ช้านะมึง”
“พรรคพวกเรามาหรือยัง”
“เดี๋ยวคงทยอยกันมาแล้ว”
“งั้นกูก็ไม่ถือว่าช้าหรอก”
ผู้ชายคนนึงเดินเข้ามารับผมกับพี่เอย์ถึงหน้างาน เจอพี่เอย์จัดไปดอกหนึ่งเบา ๆ ประมาณว่าบอกให้รู้ว่ากูมาแล้วนี่แหละสไตล์กู อะไรแบบนั้น พี่คนนั้นมองมาทางผมด้วยนะ
“หวัดครับน้องปิง” ผมตกใจเลยนะทำไมพี่เขารู้จักผมด้วยวะ
“จำกันไม่ได้เหรอ วันนั้นเราไม่ใช่เหรอครับที่ไปรับเจ้าเอย์มันที่โรงแรม” ผมนึกออกทันทีเลย วันที่พี่เอย์เมาแล้วเรียกให้ผมไปรับนั่นแหละ พี่ฟิวส์เดินลงเดินคู่กับผมพี่เอย์หันกลับมามองหน่อยนึงแต่มันก็ไม่อะไรนะ
“พี่ชื่อฟิวส์นะ เรียกพี่ฟิวส์ก็ได้ครับ”
“ครับพี่ฟิวส์ ยินดีด้วยนะครับได้แต่งงานกับเขาสักที” ผมแกล้งแถมพี่เขาอีกหนึ่งดอก มันเป็นนิสัยน่ะครับผมเป็นคนแปลก ๆ แบบนี้แหละ แต่ผมเห็นพี่เอย์อมยิ้มด้วยนะ คงคิดว่ากวนตีนไม่แพ้กัน ฮิฮิ
“เฮ้ยไม่ใช่ นี่งานแต่งพี่ชายพี่ไม่ใช่พี่ครับน้องปิง” พี่ฟิวส์รีบแก้ตัว
“อ้าวเหรอครับโทษที” ส่วนผมตีหน้าซื่อ หึหึ
“เข้าไปเหอะไป” พี่เอย์พูดตัดบทแล้วหันมองมาที่ผม วันนี้เราสองคนแต่งตัวเหมือนกันนะครับ หลังจากผมเปลี่ยนเสื้อนอกบนรถ ชุดเราสองคนคือสูทสีเข้มกับสแลคสีเดียวกันทั้งชุด ต่างไปที่เชิ้ตตัวในของผมเป็นสีขาวส่วนของพี่เอย์เป็นสีเทาเข้มผ้าแบบลื่น ๆ มัน ๆ อ่ะผมก็อธิบายไม่ถูก
พี่เอย์เข้าไปเซ็นต์ชื่ออวยพรถ่ายรูปคู่กับบ่าวสาว มีผมได้ถ่ายด้วยนะแจ๋วมากฮี่ๆตอนแรกคิดว่าต้องยืนรอคุณชายแบบเก้อ ๆ ซะแล้วปรากฏว่าพี่ฟิวส์ใจดีกว่าที่คิดเรียกผมเข้าไปถ่ายด้วย จัดที่จัดทางให้ยืนสองฝั่งกับพี่เอย์อีกต่างหากแลดูคล้ายคู่รักไปงานแต่งเดี๊ยะเลย เอิ๊กก ผมก็พูดไปเนาะ คนเขาปฏิเสธมาแล้วแท้ ๆ
“กลับดี ๆ นะมึง ให้น้องมันขับให้ใช่ไหม”
“ก็ชัวร์อยู่แล้ว ถ้าไม่เอามันมาขับรถกูจะชวนมันมาด้วยทำไมวะ” พี่เอย์ครับพี่จะตรงไปไหน รู้แล้วน่าว่าเป็นคนขับรถ ขามานี่ผมนั่งจำทางตลอดเลยนะว่าต้องเลี้ยวอะไรตรงไหนบ้าง
“ปากมึงนี่ตลอดอ่ะ น้องปิงอย่าไปถือนะครับ ไอ้เอย์มันเป็นแบบนี้แหละ”
ผมยิ้มรับจากนั้นพี่เอย์ยื่นกุญแจรถส่งให้ก่อนบอกลาพี่ฟิวส์แล้วเราสองคนก็ตรงออกมาจากงาน ผมเหยียบไม่เร็วเท่าเท้าคุณชายนะ กะชมบรรยากาศตอนกลางคืนไปด้วยเลยขับแบบเรื่อย ๆ ตอนแรกนึกว่าพี่เอย์จะว่าอะไรแต่ไม่เลย คุณชายก็นั่งฟังเพลงอยู่ข้างหลังนั่นแหละ
“พี่เอย์พี่ได้กลิ่นน้ำมันไหมพี่” ระหว่างทางผมรู้สึกได้กลิ่นน้ำมันฉุนมากเลยนะเลยลองถามพี่เอย์ดู
“เออว่ะ เหม็นนะปิงรถเป็นไรป่ะวะมึงจอดก่อนดิ๊” ผมตีไฟเข้าข้างทาง เอาแบบใกล้ ๆ กับแสงไฟมากหน่อยแต่ก็ยังมืดอยู่ดี ตอนนี้เกือบจะสามทุ่มแล้วด้วย
“เปิดฝากระโปรง” พี่เอย์บอกผมแล้วเดินลงไป ผมเห็นคุณชายล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเลยห้ามไว้บอกเดี๋ยวผมดูให้เอง
“ทำเป็นเหรอ”มันถาม
“ผมเด็กช่างยนต์นะครับพี่ เดี๋ยวผมขอดูก่อนนะ” คือถ้ามันอาการหนักผมก็ไม่เป็นเหมือนกันนะ ภาวนาให้เป็นนิด ๆ หน่อย ๆ เถอะ
คือมันมืดมากเราไม่มีไฟฉายพี่เอย์เลยกดหน้าจอโทรศัพท์ส่องให้ผมก็จับโน่นดูนี่ตรวจเช็คแต่ไม่เห็นอะไรผิดปกตินะ นึกบางอย่างขึ้นมาได้เลยถอดเสื้อนอกแม่งกลางถนนนั่นแหละ คุณชายเธอก็มองนะคงคิดว่าผมกำลังจะทำอะไร
“พี่เอย์เดี๋ยวผมจะลองเข้าไปดูใต้ท้องรถ พี่เข้าไปนั่งข้างในรถก่อนก็ได้นะครับ” ผมบอกแล้วพาดเสื้อนอกที่ถอดออกไว้ที่หน้ารถ ปลดกระดุมแขนเสื้อแล้วพับ ๆ ขึ้นไป เสื้อแม่งขับรัดติ้วสุดขีด ผมเลยปลดกระดุมหน้าอกแม่งหมดเลยอ่ะ
“มึงจะเข้าไปข้างใต้นี่น่ะเหรอ” พี่เอย์ถามแบบงง ๆ นิดหน่อย
“ครับ” ผมตอบรับทั้งที่มือยังจับ ๆ สำรวจท่อ สำรวจส่วนต่าง ๆ ที่หน้ารถอยู่ ผมคิดว่าจะตรวจให้ครบทุกจุดแล้วถึงจะลงไปดูช่วงล่าง พี่เอย์ส่องมือถือให้ผมตามจุดที่มือผมเลื่อนไปจับ ผมนึกยังไงไม่รู้หันมองไปที่หน้ามัน แล้วยิ้มให้ทีนึงคือผมอยากขอบคุณแหละ อุตส่าห์ลงมาส่องไฟให้ทั้งที่จะนั่งอยู่เฉย ๆ บนรถก็ได้
“ยิ้มเหี้ยไรของมึง”
“เปล่า รู้สึกดีอ่ะ มีคนคอยห่วงกลัวว่าผมจะมองไม่เห็น”
“ใคร? ใครห่วงว่ามึงจะมองไม่เห็น” คือหน้าคุณชายนิ่งมาก มองผมแล้วตีคิ้วถาม ผมเหรอครับจะกลัว ผมละสายตาจากไอ้เครื่องยนต์หน้ารถแล้วเรียบร้อยจ้องหน้ามันเลย หน้าตาพี่เอย์แม่งกวน นี่ผมชมพี่อยู่นะครับ
“ใครก็ไม่รู้เนาะ ส่องไฟตามมือผมอยู่ตลอดเลย ใครอ่ะพี่เห็นไหมว่าเขาคือใคร”
ฟิ้ววววววว ~ ~ ~ ตุ่บ!!“อ่าวเฮ้ย!! พี่จะเขวี้ยงมาทำไมล่ะเนี่ย นี่มันไอโฟนนะครับพี่ไม่ใช่ของถูก ๆ ไหน ๆ มันตกลงไปอยู่ตรงไหนล่ะที่นี้ยิ่งมืดอยู่ด้วย พี่เอย์นี่น้า”
“ช่างหัวมันดิ ให้มันหายไปเลยสมน้ำหน้ามึงจะได้มองเครื่องแบบมืด ๆ”
พี่เอย์นี่แปลกคนจริงจริ๊งชมก็ไม่ได้ ถึงขนาดเขวี้ยงไอโฟนใส่ผมอ่ะ อะไรของเขาก็ไม่รู้ อ่า ผมเห็นแล้วตกอยู่ตรงนี้เอง เลยหยิบขึ้นมาแล้วส่งคืนให้มัน แทนที่จะขอบอกขอบใจกันนะไม่มีหรอก คุณชายกระชากออกไปถือไว้แล้วไม่สนใจผมอีกเลย
ผมตรวจเครื่องช่วงบนอย่างละเอียดจนเรียบร้อยทุกอย่างโอเค คิดว่าความผิดปกติน่าจะมาจากช่วงล่าง ผมคงต้องมุดไปที่ใต้ท้องรถจริง ๆ
“คิดว่าน่าจะเป็นน้ำมันรั่วนะครับพี่ ถ้าใช่จริง ๆ เราขับต่อไปไม่ได้นะครับอันตรายมาก เดี๋ยวผมมุดเข้าไปดูแปปเดียว” ผมว่าแล้วโหนตัวลงนอนที่หน้ารถค่อย ๆ กระเถิบ ๆ เข้าไปใต้ท้องรถแบบช้า ๆ ดีนะรถพี่เอย์ไม่ได้โหลดต่ำรถ นี่ขนาดใต้ท้องรถยังสะอาดเลยเหรอ โถๆคุณชายของแท้เลยนี่หว่า ผมเคยดูรถของลูกค้าที่โรงเรียนนะโหยบางคันมีแต่โคลนฝังแน่นมาก ๆ คือไม่เคยล้างช่วงล่างกันเลยเหรอวะอะไรแบบนี้
“ปิงมึงโอเครึเปล่าวะ” เสียงพี่เอย์ดังลอดเข้ามาจากด้านนอก คงเห็นว่าผมเงียบไปนาน ผมใช้แสงไฟจากมือถือส่อง ๆ ดู โคตรจะเห็นไม่ชัด คือคุณเข้าใจใช่ไหมว่ามันมืดมาก
“พี่ห่วงผมเหรอ กลัวรถยุบลงมาทับผมรึไง”
“เปล่า กูห่วงรถ กูกลัวมึงทำรถกูพัง กูว่าเรียก......
“อ่า เจอแล้ว น้ำมันรั่วจริง ๆ ด้วย ดีนะพี่ที่เราไม่ขับกันต่อน่ะ” ผมค่อย ๆ ถด ๆ ตัวถอยออกมา แต่พอยืนขึ้นเท่านั้นแหละพี่เอย์ที่มองหน้าผมอยู่นี่ยิ้มใหญ่เลยครับ ไม่ใช่สิเขาไม่เรียกว่ายิ้ม คุณชายเหมือนคนกลั้นขำสิมากกว่า ผมเลยเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัยว่าหัวเราะอะไร พี่เอย์ไม่ตอบแต่ยื่นผ้าเช็ดหน้าที่กระเป๋าเสื้อนอกส่งให้ผมแทน ผมรับมาก็เช็ด ๆ นะแต่น้ำมันอ่ะ ยิ่งเช็ดยิ่งเลอะมือผมดำไปหมด เสื้อสีขาวก็เปื้อนไปแล้วที่สำคัญโดนที่หน้าด้วย
“ติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย เดี๋ยวคืนนี้เราค้างคืนแถว ๆ นี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้วันอาทิตย์มึงไม่มีธุระอะไรที่ไหนใช่ไหม” มันปรายสายตามองที่เสื้อผม ซึ่งตอนนี้ถูกผมดึงกระดุมออกจนหมดเนื่องจากมันคับติ้วมากๆทำงานไม่สะดวก
“ก็ไม่มีหรอกครับ แล้วเราจะพักกันที่ไหนอ่ะ รถขับไปได้ไม่ไกลมากนะพี่” คือน้ำมันรั่วแบบนี้ผมไม่อยากให้ขับต่อเลยนั่นแหละครับ คราวนี้พี่เอย์เดินไปขึ้นที่ฝั่งคนขับ ผมเลยต้องเปลี่ยนไปนั่งข้าง ๆ แทน พี่เขาค่อยเคลื่อนรถออกไปตีไฟฉุกเฉินไว้ตลอดทาง
“ป้ายเขาบอกอีกแปดร้อยเมตรมีรีสอร์ต เราไปพักกันที่นั่นเดี๋ยวกูให้เด็กที่บ้านเอารถคันใหม่มาเปลี่ยนให้ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยออกกันแต่เช้า”
“ครับผม”
พอรถคลานมาถึงก็จอดเข้าช่องจอดไว้ มันเป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ บ้านเป็นหลัง ๆ ทาสีสดใส มีระเบียงยื่นไปด้านหลังติดแม่น้ำแม่กลอง บรรยากาศเงียบ ๆ ดี
“สองห้องครับ” เสียงพี่เอย์บอกพนักงาน เธอมองดูผมด้วยนะ คงสงสัยทำไมเสื้อผ้าผมเลอะเทอะแบบนั้น
“เหลืออยู่แค่หลังเดียวค่ะ นอกนั้นเต็มหมดแล้ว เสาร์อาทิตย์อาทิตย์แบบนี้คนมาพักเยอะเลย”
คุณชายมองมาที่ผมหน่อยนึงก่อนพยักหน้าแล้วเซ็นชื่อจ่ายเงินไป
“ที่นี่มีบริการซักเสื้อให้ด้วยนะคะ จะถอดส่งซักเลยไหม” พี่ผู้หญิงยิ้มหวานมาทางผม คิดว่าแกคงสมเพชผมสุด ๆ แหละครับเสื้อผมเปื้อนมากจริง ๆ นะหลังก็เปื้อนดินด้านหน้าก็คราบน้ำมันเครื่องกับน้ำมันที่รั่ว
“ครับซักเลย” เป็นผมที่ตอบออกมาแล้วถอดเลยครับ ผมปลดกระดุมแม่งตรงนั้นเลยแหละ ไม่เห็นเป็นไรนี่ ผมถอดเสื้อเตะบอลออกบ่อย แต่คุณชายนี่สิชักสีหน้าแล้ว
“ไปถอดที่ห้องสิ พี่เขาเป็นผู้หญิงมึงจะบ้าถอดเสื้ออยู่ตรงนี้เลยเหรอ” มันหันมาดุผมเสียงเขียวเลย
“ไม่เป็นไรค่ะถอดเลย ที่นี่ลูกค้าฝรั่งเยอะเดินถอดกันแบบนี้พี่ชินแล้ว ดึกแล้วเดี๋ยวพี่รีบซักให้” เธอว่ามาแบบนั้นผมก็ถอดสิครับ พี่เอย์งี้ยืนหน้านิ่งเลย
“นี่ค่ะเงินทอน” เธอเรียกพี่เอย์ยื่นเงินทอนส่งให้ คืนละพันแปดมั้งรู้สึก ทอนมาสองร้อยคิดว่าพี่เอย์จะรับเหรอครับ คุณชายมือหนักไม่เคยรับคืนหรอกสองร้อยอะไรนั่นยกเว้นจะซื้อของตามซุปเปอร์นั่นแหละ
“ขอบคุณค่ะ หลังนั้นนะ สีส้ม ๆ หลังสุดท้ายเลย” เธอไหว้แล้วยื่นกุญแจส่งให้ พี่เอย์ยื่นมือไปรับทำไมผมเห็นมันกำแบงค์ร้อยไว้วะ อ้าวตกลงเมื่อกี้คุณชายไม่ให้ทิปเธอเหรอ สงสัยมีอะไรบางอย่างไม่ถูกใจ
“พี่เอย์” ผมเรียกมัน เห็นเดินนำลิ่ว ๆ เลย แล้วดูทำหน้าทำตา ผมเริ่มหนาวขึ้นมาหน่อย ๆ เหมือนกันก็เสื้อไม่ได้ใส่นี่ สูทอย่าพูดถึงนะถอดไว้ที่รถทั้งสองคนนั่นแหละครับ ใส่ลงมาแค่เชิ้ตคนล่ะตัว
“พี่เอย์”
“อะไรของมึงเรียกอะไรนักหนา” มันหันมาถาม เราเดินกันมาถึงหน้าห้องแล้ว พี่เอย์กำลังไขกุญแจ ห้องหมายเลข 22 เหรอวะ ผมจะจำไว้นะ คืนแรกที่เราสองคนค้างด้วยกัน คึคึ
“อารมณ์ดีอะไรนักหนายิ้มกว้างขนาดนั้น” พี่เอย์ผลักประตูเข้าไปข้างในเสียบการ์ดไว้ที่ข้างประตู อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่าก็พรึ่บขึ้นมา ผมยืนฉีกยิ้มกว้าง
“สติดีอยู่หรือเปล่าไอ้ปิงมึง ยิ้มเหี้ยไรนักหนาวะ หึหึ หรือว่าดีใจได้ถอดเสื้อโชว์สาวทั้งที โธ่เอ้ยไอ้แห้งใครเขาจะดูมึงกันวะ ผอมก็ผอม ผิวก็เหมือนผู้หญิง แถมหัวนมมึงยังสีอมชมพูอีก กูรันทดแทนมึงจริง ๆ ว่ะปิง”
พี่เอย์พูดแล้วล้วงอุปกรณ์พวกกระเป๋าตังค์กุญแจโทรศัพท์วางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง จากนั้นมันเดินไปชะโงกหน้าดูที่ระเบียง แล้วพี่เอย์ก็ถอดเสื้อเชิ้ตของพี่เขาออกมา
“เอาไป!”
ผมรับไว้แทบไม่ทันเมื่อพี่เอย์ปาเสื้อที่ถอดแล้วโยนมาให้ผม เสื้อเชิ้ตของพี่เขา?? อะไร คืออะไร??
“ใส่เอาไว้ จิ๊! น่ารำคาญ กูมีเสื้อกล้ามอีกตัวอยู่แล้วไม่อยากเห็นคนเป็นปอดบวมตาย”
ผมฉีกยิ้มเลยสิครับ แหม ๆ ทำเป็นพูดโน่นนี่นั่นจริง ๆ ก็ห่วงผมเหอะ
“ยิ้มเหี้ยไรอีก”
“พี่เอย์” ผมเรียก พี่เอย์เดินผ่านมานั่งลงใกล้ ๆ ผมพอดี คือคุณจินตนาการออกไหม ห้องเล็ก ๆ ที่มีแค่เตียงหลังเดียวกับโต๊ะเล็ก ๆ หัวเตียงโซฟาอะไรก็ไม่มีนะ ถ้าคิดจะนั่งก็คือเราต้องนั่งคุยบนเตียงอ่ะ
“อะไร”
“ผมดีใจอ่ะ”
“เรื่องอะไร”
“เปล่าครับ พี่เข้าไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมรออาบต่อ”
พี่เอย์มองหน้าผมเชิงสงสัยเหมือนกันนะผมว่า แต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำไป
อยากรู้เหรอว่าผมดีใจเรื่องอะไร ก็แบบ คือผมไม่อยากจะบอกเลยว่าผมมโนไปตั้งแต่เห็นเตียงแล้วนะว่าผมกับพี่เอย์ต้องแชร์เตียงกันเหรอวะ อะไรแบบนี้ คือมันก็เขินนะ แอร๊ยยย ~ ~ ไม่ใช่ๆคือที่ดีใจก็คือได้มาเที่ยวที่อัมพวาแล้วยังได้มาพักที่สอร์ทน่ารักแบบนี้อีก จริง ๆ ก้เคยคิดอยากมาเที่ยวแบ็คแพ็คกับพวกไอ้บาสไอ้วุฒิอยู่เหมือนกัน สมุทรสงครามก็ไม่ไกลดี
“ไปอาบได้แล้วนั่งคิดเหี้ยไรอยู่ หน้าแม่งตลก มึงอย่าคิดนะว่าทำหน้าแบบนี้แล้วจะน่ารัก สุดจะขี้เหร่เลย”
ผมเบะปากใส่มันไปทีโทษฐานขัดในอารมณ์และเน้นย้ำคำว่าขี้เหร่ชัดไป เข้าไปอาบน้ำแปปเดียวแหละมันหนาวครับ ไม่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นนะ อาบจากโอ่งดินกันเลยได้บรรยากาศดีชะมัด พออกมาเท่านั้นแหละคุณเอ๊ยยย พี่เอย์ในกางเกงสแลคตัวเดียวนอนถอดเสื้อหนุนแขนดูทีวีอยูบนเตียง ผมงี้ฟินสิครับปั๊ดติโถ สรีระคุณชายยิ่งกว่าสาว ๆ มานอนแก้ผ้ารอเสียอีก
ผมคว้าหยิบเอาเสื้อเชิ้ตของพี่เอย์ออกมาใส่ หุยหอมว่ะแม่งหื้มมมม ผมสูดจมูกดมกลิ่นเสื้อเต็มที่ คล้ายคนโรคจิตนิดหน่อยนะผมว่า ผมก้มมองดูกระดุมเออว่ะไม่ต้องใส่ก็ได้มั้ง จะได้นอนสบายๆตัวหน่อยเอ๊ะหรือว่าจะถอดแบบเดียวกับมันดีวะ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นกูจะไม่เป็นลมเลยเหรอ ตอนที่ขึ้นไปนอนอยู่ข้าง ๆ กันเนี่ย
“โอ๊ยยย!!!”เสียงผมเองครับ ผมอุทานดังลั่นขึ้นมาเลย หมอนใบโต ๆ ปลิวมาใส่หัวผมอย่างแรงคือเอาเป็นว่าดับมโนผมไปจนสิ้นล่ะนะ ก่อนที่ผมจะหันไปดูว่าใครกันวะที่เป็นคนปามันมาแบบนี้ เสียงทุ้มต่ำของพี่เอย์ก็ดังขึ้น
“มึงนอนหน้าเตียงไป มีเสื้อใส่แล้วก็ไม่ต้องใช้ผ้าห่ม”
อะไรของเขาวะ ให้ขึ้นไปนอนด้วยกันไม่ได้หรือไง ที่นอนตั้งกว้าง แล้วที่สำคัญมีผ้าห่มผืนเดียวด้วยนะ ผมต้องนอนบนพื้นปูนเย็น ๆ ในขณะที่คุณชายนอนบนเตียงนุ่ม ๆ โอบล้อมไปด้วยผ้าห่มสีขาวผืนหนา
จิ๊!
“ปิดไฟดิ่ ง่วงแล้ว”
เสียงคุณชายสั่งมา ผมเลยลุกขึ้นไปปิด จากนั้นลงมานอนลงที่หน้าเตียงในสภาพหมอนใบเดียวนั่นแหละครับ หนาวว่ะแม่งผ้าห่มก็ไม่มี ไอ้คุณชายใจร้ายดูซิมันนอนกอดผ้าห่มชิดอกแบบนั้น ทุเรศที่สุด ผมชะเง้อคอไปดูมันมีการกระตุกยิ้มเย้ยผมด้วยนะประมาณว่ากูได้นอนที่นอนนุ่ม ๆล่ะวะ ผมหน้ายู่เลยสิครับทิ้งหัวลงที่หมอนกอดอกแทนผ้าห่มแล้วข่มตานอนลงไป นานพอสมควรแต่ผมก็ยังไม่หลับนะคือรู้สึกหนาว ชะเง้อคอขึ้นไปอีกทีเห็นพี่เอย์หลับตาพริ้มไปแล้ว ทำไงได้ผมเลยพยายามที่จะหลับบ้างสิครับจะอยู่รออะไรอีก กอดอกไว้แบบนี้ล่ะแม่ง หนาวฉิบหายแอร์ก็ตกที่หน้าเตียงพอดี๊พอดีเลย พื้นก็เย๊นเย็น ผมข่มตานานมากแต่กลับหลับลงไม่ได้เลย คือพื้นมันเย็นมาก มันเป็นพื้นหินอ่อนขัด เอาล่ะวะผมมีแผนดี ๆ แต่ขอดูพี่เขาอีกทีก่อนก็แล้วกัน คราวนี้รู้สึกพี่เอย์จะหลับตายไปแล้ว ผมก็เลย....
กระดื๊บๆๆค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปบนเตียง เตียงกว้างมากแต่พี่เอย์นอนอยู่ฝั่งเดียว ไอ้คุณชายใจร้าย ผมจะนอนชิด ๆ ริม ๆ ขอแค่ความอบอุ่นของฟูกหรอก รับรองเดี๋ยวกลิ้งลงมาทันทีก่อนคุณชายตื่นนอนตอนเช้าแน่ ตอนนี้ผมเลยมานอนตัวลีบๆอยู่ริมขอบเตียงแล้วเรียบร้อยด้วยความเงียบเชียบสุดขีด แห่ะๆ ค่อยหายหนาวขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังเย็น ๆ อยู่ดี ผมหลับตาลงได้แค่พักเดียว ยังไม่ทันหายหนาวดีเลย กลับมีความรู้สึกว่าใครอีกคนที่นอนร่วมเตียงกันอยู่เริ่มขยับ ผมรีบหลับตาปี๋แล้วพยายามกลั้นหายใจคือทำตัวให้ไม่มีตัวตนเงียบที่สุดเสมือนว่าเป็นอากาศธาตุอะไรแบบนั้นเพื่อไม่ให้ไอ้คุณชายรู้สึกว่ามีใครอีกคนนอนอยู่ด้วย
แต่คุณเชื่อไหม.....หน้าผมร้อนผ่าวไปหมดเลยเมื่อจู่ ๆ มือใหญ่ของพี่เอย์เอื้อมมาดึงตัวผมเข้าไปกอด ตอนนี้เราสองคนเลยอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน พี่เอย์รู้เหรอว่าผมหนาว ถ้าพี่เขารู้ว่าผมไต่ขึ้นมานอนอยู่ข้าง ๆ แล้วทำไมไม่ต่อว่าอะไรผมล่ะ แต่กลับทำอะไรแบบนี้ คติผมเลยนะ ถ้าผมอยากรู้ผมจะถาม
“พะ.......
“เงียบ! อย่าถามมากพี่จะนอน”เสียงพี่เอย์เย็นเฉียบ ทำเอาผมที่กำลังจะอ้าปากถามถึงกับตะลึงงัน เพราะนึกอะไรขึ้นได้กับสิ่งที่ได้ยินมาเมื่อตะกี้
คือมันพูดว่า
พี่?? พี่เอย์แทนตัวเองว่า
‘พี่’ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! นี่ผมหูฝาดป่ะวะ หรือไม่งั้นมันก็ละเมอคิดว่าผมเป็นคนอื่นไปแล้วล่ะ
เฮ้ยแบบนี้ไม่ได้ มันนอนอยู่กับผมนี่ต้องให้รู้สิว่านี่คือผม ไอ้ปิง! มาคิดว่าผมเป็นคนอื่นนี่ผมไม่ปลื้มนะครับนะ
“พี่อะ......
เย้ยยยยย!!!” พี่เอย์ปิดกั้นคำพูดทุกอย่างของด้วยการกระทำที่รวดเร็วมากของมัน มือใหญ่จับไหล่ผมแล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมเลย ผมตกใจทำอะไรไม่ถูกคือมันเกิดขึ้นเร็วมาก ถึงมันมืดก็จริงนะ แต่ผมก็พอจะมองเห็นล่ะว่าคุณชายกำลังจ้องหน้าผมอยู่
“ขึ้นมาทำไมกูบอกให้นอนอยู่ข้างล่างนี่มึงไม่ได้ฟังใช่ไหม” หว๋าย มันตื่นแล้วจริง ๆ เมื่อกี้ยังหลับอยู่เลยแท้ ๆ ไม่น่าเล้ยกูไอ้ปิงไม่น่าไปปลุกเสือหลับเลย
“ขอโทษครับ ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“.............” มันเงียบไป
“พี่เอย์ปล่อยผมดิ ผมจะได้ลงไปนอน”
“ตัวมึงทำไมเย็น”
“ก็แอร์มันตกใส่ไง ผมหนาวอ่ะ ไม่มีผ้าห่มด้วย”
พี่เอย์เงียบไปอีกแล้ว แต่ผมรู้สึกนะ รู้สึกว่าได้ยินมันทำเสียงฮึดฮัดในลำคอด้วยคล้ายคนไม่พอใจอะไรสักอย่างก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ปิงกูโคตรรำคาญมึงเลย หน้าตามึงแม่ง!” อะไรของมันวะ ทำไมต้องทำหน้าหงุดหงิดใส่ผมขนาดนี้ด้วย หน้าตาผมไม่ได้ขี้เหร่ขนาดนั้นสักหน่อย ตื่นขึ้นมาก็มาว่ากันเลย
“พี่อ่ะ ผมไม่ได้ขี้เหร่ขนาดนั้นสักหน่อย ปล่อยดิ ผมจะได้ลงไปนอน” โว๊ะผมก็งอนเป็นนะ ผมบอกมันทั้งหน้าตางอ ๆ แบบนั้นแหละ คือแอบเคืองนิดๆเหมือนกัน
มันปล่อยผมออกจริง ๆ ผมเลยลุกขึ้นกำลังจะลงไปนอนข้างล่างที่เดิมผม ตรงพื้นเย็น ๆ นั่นแหละ แต่ว่า......
“ไปนอนตรงนั้น ห้ามกินมาที่กู” พี่เอย์ชี้ไปที่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง ซึ่งเป็นฝั่งที่คุณชายนอนอยู่เมื่อสักครู่ คือผมก็งงอยู่นะ ทำไมมันไม่ให้ผมนอนฝั่งนี้ล่ะไหน ๆ ก็จะให้นอนบนเตียงด้วยกันแล้ว
“กูจะนอนแล้ว มึงห้ามทำตัวรุ่มร่าม ตื่นมากูต้องเจอว่ามึงนอนสงบเงียบและเรียบร้อย”“ครับผม ปิงสัญญา พี่เหอะนอนให้ดีอย่าเฉียดมาใกล้ผมล่ะ”
“เหี้ยเหอะ อย่างกูนี่ไม่ทางหรอกเว้ย
กอดผักยังดีกว่านอนกอดมึง”
อู๊ยยยยยยโคตรเจ็บอ่ะ เห็นผมผอมแบบนี้ตัวผมนิ่มนะบอกเลย แม่ยังชอบนอนกอดผมเลยแม่บอกผิวผมนุ่มดี แล้วดุ๊ดูคุณชายมันพูด กอดผักดีกว่ากอดผม ฮึ่ยยย
พี่เอย์มองหน้าผมแล้วอมยิ้ม มันอมยิ้มจริง ๆ ครับคงคิดว่ากัดผมได้น่ะสิ จิ๊ ! จากนั้นมันก็ล้มตัวลงนอน ผมเองก็นอนบ้างสิครับ ผ้าห่มเหรอ? อย่าถามเลยแค่ได้มานอนร่วมเตียงเดียวกับคุณชายก็วาสนาหมาปิงแล้ว ผ้าห่มนุ่ม ๆ น่ะให้คุณชายเขาห่มไปเถอะ แห่ะๆไม่ใช่อะไรหรอกคือพี่เอย์ไม่ได้ใส่เสื้อด้วยไงพี่แกถอดแล้วพาดไว้ที่เก้าอี้ตั้งแต่ก่อนจะไปอาบน้ำแล้ว คงกลัวว่าพรุ่งนี้เสื้อจะเหม็นล่ะมั้งนะ
คืนนั้นผมก็หลับไปทั้ง ๆ อย่างนั้นแหละครับ ยาวไปเลยคงจะเหนื่อยด้วย ตื่นเช้าขึ้นมาแสงที่ลอดส่องเข้ามาจากหน้าต่างฝั่งระเบียงรวมถึงเสียงนกร้องจิ๊บๆจั๊บๆทำให้ผมจำเป็นต้องลืมตาตื่น
คุณเชื่อไหมครับ....ตอนนี้ผมกับพี่เอย์ยังนอนร่วมเตียงเดียวกันเหมือนกับเมื่อคืนนะ แต่ผมตอนนี้แตกต่างออกไป คำพูดของพี่เอย์ถูกรีเพลซ้ำเข้ามาในหัวสมองผมอีกครั้ง
“กูจะนอนแล้ว มึงห้ามทำตัวรุ่มร่าม ตื่นมากูต้องเจอว่ามึงนอนสงบเงียบและเรียบร้อย”ครับใช่! ถูกต้องเลย ผมตอนนี้นอนเรียบร้อยมากแต่คนที่ทำตัวรุ่มร่ามนั้นมันใช่ตัวผมเหรอ ถาม! พี่เอย์นอนวาดวงแขนกอดตัวผมอยู่ ขณะที่แข้งขามันกับผมพันกันจนไม่รู้ขาใครเป็นขาใคร ใบหน้าหล่อ ๆ ของพี่ท่านซุกอยู่ตรงซอกคอผมพอดี๊พอดี
นี่คือคุณชายยังไม่ตื่นนะ
เห็นไหมว่าผมนอนสงบเงียบและเรียบร้อยจริง ๆ เป็นคุณชายเองต่างหากที่เป็นฝ่ายกระทำการรุ่มร่ามทุกอย่างกับผม คึคึคึ ตาย ๆ ผมพยายามกลั้นหัวเราะเมื่อนึกอะไรดี ๆ ออก มือที่ถูกมันนอนหนุนอยู่วางอยู่ใกล้โทรศัพท์มือถือนิดเดียว ผมเลยหยิบมาอย่างระมัดระวังที่สุด
แชะ!!!ต้องถ่ายดิ๊~ เอาไว้เถียงคนปากดี คึคึ ตื่นมาถ้ากล้ามาว่าผมทำตัวรุ่มร่ามนะ พ่อจะเอารูปนี้ฟาดให้ดูเลยคอยดูสิเอ้า
แต่ว่าตอนนี้ต้องขอหลับตาต่อก่อนก็แล้วกัน ให้คุณชายเขาได้ตื่นก่อน อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำหน้าตาแบบไหนถ้าหากเห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายรุ่มร่ามกับผมแบบนี้
Tbc.
#ยาวมากอีกแล้ว แห่ะๆ 
#ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ ช่วยเอ็นดูปิงกับพี่เอย์กันต่อไปเรื่อย ๆ อ่านแล้วนะทุกเม้นต์เลย ขอบคุณนะคะ