http://www.youtube.com/v/yCnJg8JIYls # 9 เสน่ห์ของพี่เอย์ ~ RRRR
RRRRRRRRRRR เสียงโทรศัพท์มือถือปลุกผมให้รู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง คุณชายเอย์ตั้นยังคงนอนสบายอยู่ในท่วงท่าเดิม ขณะที่ผมคนนี้แทบจะกลายเป็นรูปปั้นหินสลักอยู่แล้ว คือผมตัวแข็งมากกกก ก็คุณชายเล่นนอนกอดผมแข้งขาพันกันไปหมดแบบนี้ ตะคริวไม่เรียกแดกผมก็บุญหัวมึงแล้วไอ้ปิง
เสียงมือถือยังคงดังอยู่ไม่หยุด ผมกลอกตามองไปทางต้นเสียง มันไม่ใช่ของผมนั่นแน่อยู่แล้ว เพราะไอ้เสียงเรียกเข้าเพลงการ์ตูนแปลก ๆ แบบนี้ผมไม่มีทางตั้งไว้ให้โดนไอ้หมาบาสมันล้อหรอก
บ๊ะ! ทำไมพี่เอย์รู้สึกตัวยากจังวะให้ตายเหอะ ไอ้ถูกคนนอนกอดมันก็ดีอยู่แล้วเป็นคนที่เราชอบอยู่แล้วมันก็ยิ่งดีใหญ่ แต่ผมไม่กล้าเรียกมันนะครับ ก็เราอยู่กันในสภาพนี้คุณต้องคิดนะว่าถ้าพี่เอย์ตื่นมาแล้วมันเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพแบบนี้กับผมมันจะโวยวายแค่ไหน เผลอๆคนที่จะโดนตีนคุณพี่แบบเต็ม ๆ รับอรุณก็คือผมคนนี้ ผมเลยเลือกที่จะนอนนิ่งสงบเงียบอยู่ในท่าเดิม รอให้มันได้ยินเองว่ามีโทรศัพท์เข้า คิดๆไปแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะทำหน้าแบบไหนวะ ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายรุ่มร่ามนอนกอดผมอยู่แบบนี้
คึคึคึ โอ๊ยยยย บ้าแม่ง ผมทั้งเมื่อยทั้งต้องกลั้นขำ ลมหายใจร้อน ๆ ของพี่เอย์ก็น้อ รินรดอยู่แถวซอกคอผมนี่แหละ จั๊กจี๋เป็นบ้าเลย คุณอาจจะคิดว่าผมวาสนาดีใช่ไหม? คึคึ จะใช่เร้อออ คิดแล้วก็ตื่นเต้นอยากรู้ตื่นมาพี่ท่านจะทำไงวะ
RRRRRRR
RRRRRRRRRRR โทรศัพท์เจ้ากรรมนี่ก็ ยังแผดลั่นอยู่ไม่หยุด ขณะที่ผมเริ่มรู้สึกพี่เอย์ขยับตัวนิด ๆ แล้ว ผมรีบหลับตาสิครับจะลืมให้มันจับได้เหรอว่าผมตื่นก่อนมันนานแล้ว
พรึ่บ!! เสียงพี่เอย์สะบัดผ้าห่มออกจากร่างเราทั้งคู่ แล้วลุกพรวดพราดขึ้นไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหลครับ.....อือ.....อือ......อือ......เดี๋ยวจะรีบกลับ ไม่รู้ดิไม่เกินเที่ยงหรอก อือก็ได้ แล้วจะรีบให้”
ผมนอนหลับตาฟังเสียง คือพี่เอย์ลุกพรวดขึ้นไปแบบรวดเร็วมาก ขณะที่ผมยังแกล้งทำเป็นนอนหลับ ได้ยินเสียงก๊อกๆแก๊กๆนะไม่รู้คุณชายทำอะไรไม่กล้าลืมตาดูจริง ๆ ครับ จนเสียงมันเหมือนจะเงียบหายไปนั่นแหละผมถึงได้พยายามหรี่ตาขึ้นมอง เป็นเวลาเดียวกับเสียงประตูห้องน้ำปิดลงดังโครม! พี่เอย์เข้าไปอาบน้ำ? คืออะไรของมันวะ มันไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยหรือไงที่ตื่นมาในสภาพนอนกอดผมไว้แบบนั้น ไอ้คุณชายบ้าเอ๊ย ผมน่ะนอนทนให้ตะคริวแดกแม่งอยู่ทั้งคืนเพื่อหวังจะดูหน้าคนเขินอาย แล้วนี่อะไรเดินคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำเฉยเลย
เอาล่ะวะเดี๋ยวขอดูต่ออีกสักหน่อยบางทีออกมาจากห้องน้ำแล้วอาจจะนึกได้ ออกมาวีนแว๊ดๆใส่ผม ผมเลยนอนหลับตารอ คึคึ ความจริงก็อยากมโนไปเหมือนกันนะว่าถ้าออกมาแล้วเห็นว่าผมยังไม่ตื่นเนี่ยคุณชายเขาจะปลุกผมยังไงแบบไหน อาจจะ....
“ปิงครับ ตื่นเถอะสายแล้วนะเดี๋ยวพี่เอย์ต้องรีบกลับนะครับคนดี” คึคึคึ แบบนี้ดีไหมวะกร๊ากกกก ถ้าไอ้พี่เอย์มันปากได้ใจผมแบบนี้นะผมจะเทใจให้มันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเปอร์เซนต์เลยเอาดิ๊ ~
“ปิงครับ เด็กดีจะนอนไปถึงไหน สายแล้วนะหื้มม” โอ๊ยยยยยกูจี้ ถ้าเป็นแบบนี้จะเพิ่มให้สูงขึ้นไปอีกเป็นสองเปอร์เซ็นต์ เอาอีกๆ หรือว่าจะเป็น....
“ปิงครับพี่เอย์........ “
ไอ้หมาปิง! ไอ้ขี้เซา ตื่นได้แล้วกูจะรีบกลับ”
นี่ต่างหากคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นครับ ไม่ได้ใกล้เคียงกับมโนใดๆทั้งสิ้น ผมลืมตาขึ้นทันทีทั้งที่เมื่อกี้ยังหลับตาพริ้มเพรากับจินตนาการอันแสนล้ำเลิศของตัวเอง จ้องหน้ามันดี ๆ อีกครั้ง
ผมไม่เข้าใจว่ะ ทำไมพี่เอย์ไม่พูดถึงเรื่องนอนกอดผมเลยวะ หืมม มากอดคนอื่นแล้วทำตีเนียนคิดว่าผมจะไม่รู้อ่ะดิ หึหึ ดีนะถ่ายรูปเก็บหลักฐานไว้แล้ว แต่เดี๋ยววันหลังก็ได้ค่อยใช้ไว้ล้อมัน ตอนนี้เออๆออๆห่อหมกไปก่อน ท่าทางน่าจะรีบจริง ๆ แหละ รับโทรศัพท์แล้วพุ่งเข้าไปอาบน้ำเลยแบบนั้น
“มองเหี้ยไรอีก ลุกขึ้นแล้วรีบถอดเสื้อกูออกมาได้แล้ว”
“พี่ตื่นนานแล้วเหรอครับ” ผมแสร้งขยี้ตาทำทีเป็นเพิ่งตื่น ลองแย็บๆถามดู ลุกขึ้นนั่งบีบเนื้อบีบตัวด้วยความเมื่อย ก็แหม่เมื่อคืนนอนนิ่งทั้งคืนเลยนี่ โดนยักษ์บล็อคไว้ซะขนาดนั้น
“เป็นอะไรของมึง” พี่เอย์ยื่นมือมารับเสื้อจากผมไป ทำท่าว่าจะสวม เอ๊ะจำกันได้เนาะเมื่อคืนพี่เอย์ให้ผมสวมเสื้อมันไว้เพราะเสื้อผมส่งซักนั่นไง ส่วนตัวคุณชายนึกว่าจะใส่เสื้อกล้ามนอนที่ไหนได้ถอดพาดไว้ซะนี่
“เฮ้ยพี่!” ผมอุทานขึ้นทันที “นี่พี่จะใส่ต่อเลย?” คือผมก็เพิ่งจะถอดนะ มันจะไม่เหม็นเหงื่อผมเหรออะไรแบบนั้น
“รีบเข้าไปอาบน้ำ เดี๋ยวไปกินข้าวจะได้รีบกลับ”
พี่เอย์พูดแล้วแต่งตัวต่อทันทีผมเห็นมันท่าทางรีบร้อนเลยไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เดินคว้าเอาผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไป พอออกมาคุณชายอยู่ในชุดพร้อมเดินทางเรียบร้อย คือนี่มันเสื้อตัวที่ผมใส่นอนเมื่อคืนจริงเหรอวะ ทำไมพอมาอยู่ในร่างกายพี่เอย์แล้วมันดูคนละมาดกับผมเลย
“ปิงมึงไปกดน้ำส้มมาให้กูที”
ระหว่างที่เรากินบุฟเฟ่ต์เช้าของโรงแรม อาหารในจานพี่เอย์มีแค่ขนมปังขณะที่ผมทั้งข้าวผัดทั้งผัดอะไรต่อมิอะไร ถึงจะไม่ได้ตักจนพูนจานแต่ผมก็คิดว่าตัวเองทานหลากหลายอยู่นะ
“พี่เอาข้าวไหมเดี๋ยวผมไปตักให้ก็ได้มีข้าวผัดด้วยนะครับ” ผมวางแก้วน้ำส้มลงให้มัน
“ไม่เอา รีบกินเหอะจะได้รีบออกกัน กูมีธุระจะต้องรีบกลับ” พี่เอย์กัดขนมปังแล้วทำหน้าตาประหลาดนิด ๆ คิดว่าคงไม่ปลื้มแหละ ก็บุฟเฟต์ของรีสอร์ตเล็กๆชานเมืองจะเอาอะไรมากเนาะ ขนมปังมีให้เลือกมากมายซะที่ไหน
“แต่มีข้าวผัดกุ้งนะครับ พี่ชอบไม่ใช่เหรอ”
“ไม่อยากกิน” มันตอบมาทั้งที่คิ้วยังขมวดผมทายว่ามันกำลังโมโหขนมปังก้อนนั้น แล้วก็ใช่จริง ๆ ครับ ในที่สุดขนมปังก้อนนั้นก็ถูกวางลงแล้ว ผมรู้เลยพี่เอย์กินไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจลุกขึ้น เดินไปตักข้าวผัดกุ้งใส่จานโดยที่ด้านบนโปะไข่ดาวมาด้วยหนึ่งชิ้น
“เอามาทำไม กูสั่ง?” พี่เอย์เงยหน้าถามผมทันทีที่วางจานๆนั้นลงต่อหน้ามัน ผมเลื่อนจานขนมปังออก
“ผมฝากหน่อยพี่ เดี๋ยวจะกิน ตักมาหลายจานพนักงานเขาเล็งแล้วเนี่ย ผมฝากวางไว้กับพี่เอย์ก่อนนะครับ”
พี่เอย์มองหน้าผมนิ่ง ผมนั่งลงแล้วหยิบขวดซอสมะเขือเทศยื่นมือไปบีบลงที่ไข่ดาวตั้งใจทำเป็นรูปหัวใจ กวนมัน แอบเห็นมันมอง แต่ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วก็ก้มกินอาหารในจานของผมต่อ กลิ่นซอสมะเขือเทศลอยมาติดถึงปลายจมูกผม ไม่ต้องคิดเลยไอ้พี่เอย์มันจะหอมขนาดไหน ผมเลือกใช้ซอสนี้เพราะคุณชายชอบกินซอสมะเขือเทศมาก รวมถึงมะเขือเทศธรรมดามันก็ชอบนะ เพราะฉะนั้นคราวนี้ผมจะใช้ซอสนี้ล่อมัน
“พี่เอย์รีบเหรอครับ” ผมชวนคุย
“อือ”
“เสียดายจังเนาะ นี่เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมเคยมาเที่ยวที่อัมพวา เคยคิดเล่น ๆ อยู่เหมือนกันนะว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาเที่ยวตลาดน้ำที่อัมพวาให้ได้สักครั้ง วันก่อนตอนที่พี่โทรมาผมดีใจมากเลยนะที่ได้ยินพี่บอกว่าจะมาที่นี่แล้วให้ผมขับรถให้ ผมเลยนึกว่าตัวเองจะได้เห็นตลาดน้ำเสียอีก”
“.............” พี่เอย์เงียบ มองหน้าผมนิ่งพอผมมองไปที่มันเราทั้งคู่สบตากันแวบนึง แปลกแต่จริงครับเป็นพี่เอย์ที่หลบสายตาผมก่อน
“พี่อย่าทำไข่ดาวผมพังนะ ห้ามให้ซอสเปื้อนด้วย” นี่คุณรู้ไหมผมโคตรพยายามเลยนะ ยิ่งกว่าล่อเด็กกินข้าวอ่ะแม่ง
“ทำไม มึงหวงไข่ขนาดนั้น” มันยิ้มมุมปากเหมือนคนกำลังนึกอะไรดี ๆ ออก เข้าแผนเลยครับ ผมก็เลย....
“หวงดิ ห้ามให้เปื้อนนะครับพี่ เดี๋ยวผมจะกินจานนี้น่ะผมตั้งใจตักมากินเองเลย จ้างให้ก็ไม่ยกให้ใครหรอกห้ามให้ไข่ดาวผมเปื้อนด้วย ไม่งั้นผมขาดใจแน่”
“ขนาดนั้นเลย”
“ใช่ครับ”
เรียบร้อยครับแผนการล่อเด็กกินข้าวเสร็จไปเรียบร้อย เมื่อพี่เอย์ใช้ช้อนเจาะลงไปที่ไข่แดงจนมันไหลเยิ้มออกมาไปทาง ราดเลอะลงที่ข้าว มองหน้าผมแล้วยักคิ้วให้พร้อมจ้วงข้าวผัดกุ้งยัดใส่ปากตัวเอง
“พี่กินของผมทำไมอ่ะ”
“ช่างหัวมึงดิ มีตรงไหนบอกว่าเป็นของๆมึงอ่ะ มันวางอยู่ต่อหน้ากูไม่ใช่หรือไง”
ผมแกล้งทำหน้างอเหมือนคนไม่พอใจ ขณะพี่เอย์ตักข้าวอีกคำใส่ปาก ผมก็มองดูมันนะพี่เอย์กินไปเรื่อย ๆ กินจนหมดจานอ่ะพอเห็นมันยกน้ำส้มขึ้นกินอีกแก้วนั่นแหละ ผมก็เลย....
“หูยพี่กินของผมหมดเลยอ่ะ แย่ว่ะทีถามว่าอยากกินไหมบอกไม่ ทีผมตักมาทำเป็นมาแย่ง ผมงอนอ่ะ พี่ไปตักมาให้ผมใหม่ดิ”
“ฝันอยู่รึไงอยากกินอะไรไปตักเองดิ”
“ใครจะกล้าล่ะ ผมลุกหลายรอบแล้วอายคนเขาอ่ะ”
“เรื่องของมึง”
“พี่แหละเอาของผมไปกิน”
“เอ๊ะ กูบอกว่าไม่ใช่ของมึง นี่มันวางอยู่ต่อหน้ากูก็เป็นของกูดิ”
“ของผมนะ”
“หมาปิง”
“.....” จบครับ ล่อคุณชายกินอาหารสำเร็จลุล่วง
“ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเป็นของมึงสักหน่อย มึงจะมาทำหน้างอแบบนั้นทำไม ไร้สาระว่ะแม่ง”
“ก็ผมวาดหัวใจผมไว้บนไข่ดาวอ่ะ พี่แหละกินหัวใจผมไปแล้ว”
โอ๊ยยยยยยยยยอ้วกกกกกกกกกกกกกกกก กูพูดเองอยากจะอ้วกเองอะไรผมจะน้ำเน่าเงาจันทร์ได้ขนาดนั้นครับ คือผมก็แค่ต่อปากต่อคำคุณชายไม่คิดเลยว่าจะพามันมาเข้าเรื่องแบบนี้ได้ แล้วดูหน้ามันตอนนี้สิ ตาเขียวปั๊ด จ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกันอย่างงั้นแหละ
“กลับได้แล้วกูรีบ” มันว่าแล้วลุกเลยครับ ผมรีบลุกสิจะนั่งอยู่ให้โดนทิ้งเหรอ คุณชายแม่งเดินไว้ไว พอออกมาที่ลานจอดรถถึงรู้ว่ารถถูกเปลี่ยนคันให้เรียบร้อย ว๊าวววว วาสนาหมาปิงคราวนี้ได้ขับเบนซ์โว๊ยย
ดีใจ คึคึ
“พี่เอย์กุญแจครับ” ผมรีบวิ่งไปดักหน้ามันขอกุญแจรถ แปลกใจเล็ก ๆ พี่เอย์เดินไปฝั่งคนขับ ไหนบอกขากลับให้ผมขับให้ไง
“เดี๋ยวกูขับเอง”
“อ้าว คือ....”
“เงียบอย่าถาม ไปขึ้นรถ” คุณชายว่าแล้วเปิดรถขึ้นไปผมเลยวิ่งอ้อมมาอีกทางรีบขึ้นไปนั่งคู่กับมัน รถเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ แต่ผมรู้สึกไปเองรึเปล่านะว่าพี่เอย์ขับรถช้าลง มองเห็นป้ายบอกทางเข้ากรุงเทพมหานครผมใจแป้วนิดนึง
“เสียดายจังนะครับ วันหลังผมจะชวนเพื่อนมาเที่ยวที่นี่บ้างดีกว่า อยากเห็นตลาดน้ำยังไม่เคยเห็นเลย พี่เอย์เคยไปไหมครับ พี่เคยไปหรือยัง”
ผมพูดโน่นพูดนี่ไปเรื่อย บางทีก็ฮัมเพลงไปตามซีดีที่เปิดอยู่ ขณะที่พี่เอย์เงียบตลอดทางไม่ได้พูดอะไรตอบผม พี่เขาคงจะรีบกลับเข้ากรุงเทพแหละผมเองก็พอจะเข้าใจ ถึงจะเสียดายแต่ทำไงได้ไว้วันไหนหยุดยาวว่าง ๆ จะชวนพวกไอ้บาสไอ้วุฒิมาเที่ยวกัน ไม่ไกลเลยครับ เลยกรุงเทพมานิดเดียวเอง
ผมนั่งนิ่ง ๆ มองข้างทาง ขณะกำลังคิดว่า นี่มันคืออะไรกันวะ พี่เอย์บอกให้ผมมาขับรถให้คือมาทำหน้าที่เป็นคนขับ แต่ไหงไปๆมา ๆ คุณชายเล่นขับทั้งไปทั้งกลับเองหมด เอ๊ะหรือว่ากลัวผมขับแล้วรถจะเสียเหมือนเมื่อคืน ไม่หรอกมั้ง มันคงไม่ใจร้ายคิดติดลบกับผมแบบนั้นหรอกน่า
“ทำหน้าอะไรของมึง” มันถามขึ้นหลังจากเห็นผมทำหน้าแปลก ๆ แอบมองมัน ก็คนกำลังคิดมากนี่
“เปล่าครับ”
“จิ๊! น่ารำคาญ”
โว๊ะ มาว่ากันทำไมวะเนี่ย แต่เดี๋ยวก่อน ผมเพิ่งสังเกตนะเวลาผมทำหน้าสงสัยแบบงงๆหน่อย ทำไมวะ ทำไมมันต้องบอกว่าน่ารำคาญทุกครั้งเลย หน้าตาผมขัดใจมันมากขนาดนั้น? เห้ยๆๆๆๆ เดี๋ยว ๆๆๆๆ ไม่ใช่ว่าคิดว่ามันตลกแล้วชอบหน้าตาตลกแบบนั้นของผมนะ ‘ผู้หญิงชอบคนตลก’ ผมกับไอ้บาสเคยลงมติกันว่าอย่างนั้น แสดงว่าพี่เอย์ก็ คึคึคึ
“พะ...พี่เอย์จะซื้ออะไรเหรอครับ”
คือขณะที่ผมกำลังคิดโน่นนี่นั่นเพลิน ๆ รถกลับจอดลงซะงั้น แล้วนี่มันคืออะไร นี่มันตลาดชัด ๆ เลย คนเยอะมากด้วย ผมมองซ้ายมองขวามีป้ายติดไว้ด้วยนี่หว่า กรี๊ดดดดด ‘
ตลาดน้ำอัมพวา’ ไอ้ปิงโห่ร้องอยู่ในใจเลยครับ คุณพี่เอย์พาผมมาเหรอเนี่ย! อะไรของมันวะไหนว่ารีบจะกลับกรุงเทพ มีธุระ ลองถามดูดีกว่า
“พี่เอย์ พี่พาผมมาเที่ยวเหรอพี่” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นชะเง้อมองซ้ายมองขวาอยากเดินเข้าไปแล้วอ่ะ คนเยอะน่าดูสงสัยเพราะเสาร์อาทิตย์
พี่เอย์หันมามองผมแต่ไม่ได้พูดอะไรเดินล้วงกระเป๋าแล้วพาเดินตัดเข้าไปด้านใน เราสองคนเข้ามาจนถึงทางที่มีร้านขายของและอีกฝั่งข้าง ๆ ก็เป็นแม่น้ำ คนเยอะของกินก็เยอะมาก ๆ ผมงี้ตื่นตาตื่นใจสุด ๆ
“ขอบคุณนะครับพี่เอย์ใจดีจริง ๆ เลย”
“พูดมากน่ารำคาญจริง มึงเดินขึ้นไปดิ เดินขึ้นไปก่อน” จากตอนแรกที่ผมเดินตามหลังคุณชาย ตอนนี้ผมกลับมาเดินอยู่ข้างหน้ามัน พี่เอย์เดินตามหลังผม คุณเชื่อไหมที่นี่สวยมากเลยผมแอบเสียดายหน่อย ๆ นะถ้ามาตอนกลางคืนคงจะต้องสวยเหมือนในรูปแน่ ๆ ผมเคยเสิร์ชดู แห่ะๆ ได้แค่นี้ก็ดีแล้วครับ เช้าหรือเย็นก็สถานที่เดียวกันต่างไปแค่บรรยากาศเนาะๆ
“พี่หิวไหมครับ ผมเลี้ยงไอติมนะ” ผมหันกลับมาบอก คุณชายเดินล้วงกระเป๋าตามผมมาติด ๆ ท่าทางมันสบาย ๆ ผมบอกแล้วนั่งยอง ๆ ลงไปสั่งไอติมกับแม่ค้าที่อยู่ในเรือ ป้าแกยิ้มให้ผมด้วยนะ มีพี่สาวสองสามคนที่มาสั่งนั่งรออยู่ที่โต๊ะเตี้ย ๆ ผมก็เลยลุกขึ้นถามพี่เอย์ดูว่าอยากจะนั่งไหม ปรากฏว่าคุณชายส่ายหน้าไม่สนใจ ผมจ่ายตังค์แล้วยื่นถ้วยไอศกรีมกะทิโบราณให้มัน มันมีการแอบมองที่ถ้วยผมด้วยนะ
“พี่อยากได้ถ้วยนี้เหรอ” ถมถาม
“กูไม่กินถั่ว” เพราะแก้วของผมไม่ใส่ถั่วนี่เอง ผมเลยยื่นส่งแก้วของตัวเองไปให้มัน
“มึงก็ไม่กินถั่วเหรอ” มันมองหน้าผม
“เปล่าครับ ผมสั่งสองแบบเพราะไม่รู้ว่าพี่กินแบบไหน เผื่อไว้ให้พี่เลือกไง”
แค่นั้นแหละครับ ผมคิดว่าคำพูดของผมจุดรอยยิ้มแรกของมันได้เลยนะตั้งแต่ตื่นมาจนกระทั่งถึงตอนนี้เนี่ย คือแบบไม่ใช่ยิ้มแกล้งหรือยิ้มเย้ย ๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่แบบ คือผมชอบพี่เอย์ยิ้มจังวะ
น่าร๊อกอ๊ะ ~ (คือออกเสียงดัดจริตนิดนะ)
“อร่อยไหมพี่” ผมหันไปถาม ตอนนี้เราสองคนเดินคู่กันอยู่
“ไอติมถูกๆ”
“ครับใช่ไอติมถูก ๆ แล้วพี่อร่อยไหมล่ะ”
“ก็ใช้ได้นี่” แค่ใช้ได้อะไรของมัน กินจนจะหมดถ้วยก่อนผมอีก ถึงขนาดตะแคงถ้วยแล้วกวาดเนี่ยไม่แค่ใช้ได้แล้วครับ
“พี่ไม่เคยกินเหรอ ไอติมกะทิสด”
“เคยครั้งเดียว คุณย่าพาไปกินที่หัวหินตอนเป็นเด็ก รสชาดแบบนี้เลยกูยังจำได้”
“เห้ยจริงป่ะเนี่ย?” ชีวิตพี่แม่งรันทดว่ะ คือผมหมายความอย่างนั้นจริงนะ ของอร่อยมันไม่จำเป็นต้องแพงนี่ แล้วชีวิตที่ผ่าน ๆ มาคุณชายกินไอติมแบบไหนวะ
“หลังจากนั้นพอโตแม่กูก็พากินแต่ไอศกรีมของพวกฝรั่ง โตขึ้นมาอีกหน่อยก็เข้าร้านไอศกรีมตามที่สาว ๆ เขาเลือกนั่นแหละ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกร้านแบบที่มึงไม่ชอบไปแล้วก็ตามโรงแรม”
“ร้านแบบที่ผมไม่ชอบไป?” ผมทวนคำ ขมวดคิ้วนิดๆ ทำหน้าสงสัย
“ก็มึงไม่ชอบไปร้านที่หรู ๆ นี่ เดี๋ยวนี้กูเลยพลอยกินแต่ของถูกๆไปด้วย เงินแม่งก็ไม่ค่อยได้ใช้จนแม่กูโทรถามแล้วทำไมเงินในบัตรไม่เดินเลย”
แบบนี้ก็มีด้วยเหรอวะ แม่แบบไหนกันเนี่ยน่ากลัวฉิบหาย ผมยิ้มแห้ง ๆ ส่งไป แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะรู้สึกสงสารคุณชายบอกไม่ถูกเลย คือยังไงดีวะแต่ผมรู้สึกตอนที่มันพูดมันไม่มีความสุขอ่ะ มีครบพร้อมทุกอย่างแต่รู้สึกว่ามันยังไม่เต็มอะไรแบบนี้รึเปล่า
“พี่เอย์หิวอะไรอีกไหมพี่ วันนี้ผมจะเลี้ยงเอง นี่ผมรวยนะ ไหน ๆ ดูซิไอ้ปิงเหลือตังค์กี่บาทว๊าววเหลือตั้งสี่ร้อย กินขนมถ้วยไหม คนเยอะเลยอ่ะท่าทางอร่อยนะ” ผมเอากระเป๋าตังค์ขึ้นมาเปิดดูทำหน้าทะเล้น พี่เอย์ยิ้มอีกแล้ว ผมเลยเข้าไปต่อแถวซื้อกับเขาด้วย ได้มากล่องนึงหมดไปสี่สิบบาท
“อร่อยไหมครับ”
“อร่อย”
“พี่อยากกินอะไรอีกอ่ะ”
“หาที่นั่งไหม กินข้าวเที่ยงด้วยเลย”
เราสองคนเลือกร้านอาหาร ที่มีระเบียงยื่นออกไปที่ริมน้ำ มีที่ว่างตรงมุมพอดีผมรีบวิ่งปรู๊ดเข้าไปจับจอง
“รับเป็นอะไรดีคะ” พนักงานเข้ามารับออเดอร์
“มีกระเพราไก่ไข่ดาวไหมครับ”
“มีค่ะ ไม่เลือกอาหารตามเมนูเหรอคะ อร่อยนะคะมี.........” เธอก็บรรยายไปบลาๆๆ
“พี่กินอะไรอ่ะครับ” ผมหันไปถาม พี่เอย์นั่งมองดูแม่ค้าพายเรือขายของ มีการยกโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายด้วยนะ ผมเลยเรียกอีกที
“พี่เอย์ กินอะไรพี่” มันสะดุ้งนิดหน่อย คงกำลังเพลิน
“ผัดไทยกุ้งสด”
“ขอเป็นน้ำเปล่าสองแก้วนะครับ” ผมบอกเสริมไปเพราะคิดว่าเธอกำลังจะถาม เธอยิ้มให้นิดๆด้วยนะ
“ผมขออะไรพี่อย่างดิ ได้ไหมครับ”
“อะไร”
“มื้อนี้ผมจ่ายนะ พี่ห้ามจ่ายขอผมเลี้ยงขอบคุณพี่บ้าง”
“รวยนักหรือไง มีตังค์แค่สี่ร้อยนี่นะ”
“ใครบอกว่าสี่ร้อย ตอนนี้เหลือสามร้อยหกสิบแล้วก็ซื้อขนมถ้วยให้พี่เมื่อกี้ไง”
“แล้วถ้าผัดไทยเขาจานละสี่ร้อยหกสิบล่ะ” ผมแทบสำลักน้ำทันทีที่คุณชายพูดจบ ถึงกับไอค่อกๆแค่กๆกันเลย คุณยังจำได้ใช่ไหมครั้งแรกที่เราสองคนเจอกันผมซัดค่าผัดไทยมันไปจานละสี่ร้อยหกสิบบาท
“นี่พี่ยังจำได้เหรอเนี่ย”
พี่เอย์ยิ้มอีกแล้วก่อนจะหันมองไปทางอื่น แปลกจริง ๆ วันนี้คุณชายจะยิ้มบ่อยเกินไปไหม หว๋ายยยอย่าบอกว่าอยู่กับผมแล้วมันมีความสุขถึงได้ระเบิดรอยยิ้มออกมาบ่อยขนาดนี้นะ คึคึ
(ต่อด้านล่าง)