https://www.youtube.com/v/krlyxKNuLTA.
“วันนี้ค้างไหม?”
นี่เป็นวันแรกในรอบสัปดาห์ที่ผมกับมันมีเวลาอยู่ด้วยกัน ผมได้แต่หวังว่าเราสองคนจะสามารถใช้เวลาร่วมกันจนถึงช่วงเช้าของอีกวันได้ เราไปเดินซื้อของที่ซุปเปอร์ปิงชวนผมขึ้นมาเดินเล่นข้างบนต่อเราสองคนแวะที่ร้านหนังสือด้วยนะ ปิงมันได้หนังสือทำอาหารเล่มใหม่มาด้วย ผมว่าก็ดีเหมือนกัน มันน่ะชอบบ่นเรื่องตำราเล่มเก่าที่เป็นภาษาอังกฤษหาว่าผมแกล้งซื้อมาให้มันอ่านแล้วปวดหัวทุกที คือคุณคงนึกไม่ออกหรอกว่าเวลามันทำอาหารไปด้วยแล้วเปิดดิกฯจิ้มกูเกิ้ลไปด้วยมันตลกแค่ไหน
“...ได้เหรอพี่”
มันหันมาถาม ผมสะกิดใจขึ้นทันทีความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมา ตลอดสัปดาห์คือผมไม่มีเวลาให้กับมันเลย ปิงมันคงจะทั้งน้อยใจและเสียใจแต่คือมันไม่พูดออกมาก็แค่นั่น ผมทำผิดกับมันมากมายจริง ๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่บ้านผมไม่อยากจะเล่าให้มันฟังกลัวมันเครียดคือจะให้ผมบอกมันว่าคุณแม่กันผมออกจากมันแล้วปิงจะทำยังไงต่อไป จะให้ผมบอกว่าผมลำบากใจยุ่งยากเครียดมาก แล้วปิงจะตัดสินใจยังไง คุณก็รู้ว่าปิงเป็นคนดีแค่ไหน บอกไปแล้วนี่สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือกลัวว่าปิงมันจะปล่อยมือไปจากผม ผมรู้สึกว่าตัวเองแย่มากจริง ๆ ที่ละเลยความรู้สึกของมันมากขนาดนี้
“ครับ วันนี้ผมจะค้าง”
มันพูดเสียงอ่อนคลี่รอยยิ้มส่งมาให้ผม แค่ผมทำหน้าไม่สบายใจแม้ว่าตัวมันทุกข์ใจแค่ไหน มันจะเลือกทางที่ผมคนนี้สบายใจ พูดจาและทำตัวร่าเริงทำให้ผมยิ้มได้และกลับมาเป็นผมคนเก่าคนนี้ทุกครั้งที่ใช้เวลาอยู่กับมัน หมาปิงจอมขี้เหร่ บ๊องและเวิ่นเว้อไม่มีใครเกินดูซิดูมันกำลังทำท่าทางล้อเลียนอะไรผมอยู่ ผมนี่กะจะโดดเข้าใส่แล้วนะถ้าหากไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะทุกอย่าง ผมหน้าเสียคิดออกได้ในทันทีว่าเป็นใครที่โทรมา ปิงเองหน้าก็เจื่อนลงเช่นกัน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเดินไปคว้าเอาหัวมันมาซุกอกไว้ ผมรู้ว่าผมปลอบใจใครไม่เก่งแต่ผมอยากให้มันรู้ว่าผมเองก็รู้นะว่ามันรู้สึกยังไง
“....ครับแม่” ผมกดรับสาย ปิงมุดออกจากแขนผม มันเดินไปถอดผ้ากันเปื้อนออกขณะที่ผมเดินเลี่ยงออกมานั่งที่โซฟา
“เอย์อยู่ไหนลูก ทานข้าวหรือยัง”
“ทานแล้วครับ” ผมโกหก
“ลูกอยู่ที่ไหน”
“ห้องครับ ที่คอนโด”
“เดี๋ยวแม่แวะเข้าไปรับแล้วเรากลับบ้านพร้อมกัน น้องเอย์ขับรถให้แม่นะลูก”
“แม่ครับวันนี้ผม......
“น้องเอย์ วันนี้แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเรา เอาเป็นว่าเดี๋ยวแม่เข้าไปรับตอนนี้เลย ดึกแล้วกว่าจะกลับถึงบ้านแล้วคุยกันอีก”
“งั้นก็ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวเราเจอกันที่บ้านเลย ผมเองก็มีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณแม่เหมือนกัน”
“ดีเลยจ๊ะ งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ เอย์รีบมานะลูก”
สายถูกตัดไปแล้ว ผมทิ้งแผ่นหลังพิงเข้ากับพนักโซฟาอย่างหมดแรง มองไปที่ห้องครัวปิงยังยืนอยู่ที่นั่นมันกำลังจัดเก็บข้าวของเข้าตู้ ผ้ากันเปื้อนถูกถอดออกแล้ว ขณะที่ผมตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าวันนี้ผมคงต้องคุยเรื่องของเราสองคนกับคุณแม่ให้รู้เรื่อง ไม่อยากปล่อยให้คาราคาซังต่อไปแบบนี้ ผมตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหามันกอดเอวมันเอาไว้ ความรู้สึกผิดอยู่ในใจท่วมท้น ก่อนหยิบเอาผ้ากันเปื้อนมาสวมให้มันใหม่อีกครั้ง
“ทำต่อสิ ไหนให้กูช่วยล้างอะไรบ้าง” มันหันกลับมามอง ผมหยิบมะเขือเทศยื่นส่งให้พร้อมรอยยิ้มบาง อยากให้มันรู้ว่า ใช่แล้วมันเข้าใจไม่ผิดหรอกผมถูกตามตัวกลับบ้านอีกแล้วแต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังอยากทานข้าวกับมันก่อน เราสองคนมีความสุขเล็กๆกันตอนนี้ก็ยังได้ มันมองผมแน่นิ่ง ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะคลี่ออกแล้วส่งยิ้มกว้างมาให้ผมอย่างเคย
“งั้นเดี๋ยวผมรีบทำเลยเราจะได้รีบทานแล้วพี่จะได้รีบออกไปนะครับ”
ปิงน่ารักเสมอ ผมพยักหน้าให้มันเบา ๆ คืนนั้นเราสองคนนั่งทานข้าวด้วยกันเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ผมปิดมือถือไว้แล้วใช้เวลาทั้งหมดที่เหลือของวันนี้เต็มที่ไปกับมัน เราคุยกันหัวเราะกัน ปิงเล่าโน่นเล่านี่ให้ผมฟังเยอะแยะมากมายไปหมด
“เอารถจอดไว้ที่นี่ดีไหม เดี๋ยวกูไปส่งมึงก่อน” เราสองคนเดินลงมาที่ชั้นล่าง ผมเดินไปส่งมันที่รถ
“ไม่เป็นไรพี่เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมต้องไปช่วยแม่กับพี่ขมเปิดร้าน แล้วพรุ่งนี้พี่เอย์จะเข้ามาตอนไหนครับ”
“ยังไม่รู้เลย ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะเป็นช่วงเช้า”
“อะไรคือถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด” มันหันมาถามทำหน้าสงสัย ผมจึงตัดสินใจพูด
“ปิง คืนนี้กูกะว่าจะเคลียร์กับคุณแม่ให้รู้เรื่อง เรื่องของเราคงปล่อยผ่านไปไม่ได้แล้วคุณแม่เริ่มล้ำเส้นกูมากเกินไป”
“พี่เอย์ครับ” หน้าตามันคือตกใจมากพอสมควร แต่คือวันนี้ผมตัดสินใจแล้วจริง ๆ
“ไม่เป็นไร กูโอเค”
คืนนั้นผมกลับบ้านทั้งที่ในหัวนี่เต็มไปด้วยคำพูดมากมาย แน่นอนว่าเป็นเรื่องผมกับมันผมไม่รู้คุณแม่จะยอมรับได้มากน้อยแค่ไหนแต่ยังไงผมก็ต้องคุย อย่างน้อยท่านต้องรู้ว่าผมคิดยังไงกับปิง ทำยังไงท่านถึงจะเข้าใจผมและยอมรับปิงได้ ผมคิดจนสมองแทบระเบิดปวดหัวไปหมด
“อะไรครับแม่” คุณแม่ยื่นกระดาษเล็กๆใบหนึ่งส่งให้ ผมมองดูก็รู้ในทันทีมันคือ ตั๋วเครื่องบิน มีเอกสารอีกปึกนึงถูกเลื่อนเข้ามาหาพร้อมกัน
“แม่ให้คุณสุเขาจัดการให้แล้ว เอย์ต้องไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก สัปดาห์หน้าเดินทางได้เลยเอกสารทุกอย่างพร้อมเรียบร้อย ไปลงเรียนภาษาเพิ่มเติมที่โน่นก่อนสักเดือนสองเดือนมหาลัยคงจะเปิดพอดี ช่วงนี้อเมริกาเข้าหน้าร้อนอากาศกำลังสบาย หรือลูกอยากจะไปพักผ่อนที่ฮาวายก่อนแม่ก็ไม่ว่า”
หัวผมเหมือนโดนค้อนหนักๆฟาดลงมากลางกระบาล ก้าวเซถอยหลังแบบไม่รู้ตัวเลย คือผมไม่คิดว่าคุณแม่จะใช้วิธีการนี้กับผม เรามีปัญหากันเรื่องปิงคุณแม่กันผมออกจากมันตลอด แต่ยังไงผมกับมันก็ได้เจอกันบ้างแม้ไม่บ่อยอย่างเคย และถึงแม้เวลาที่ใช้ด้วยกันจะน้อยลงแต่คืออย่างน้อยเรายังอยู่ใกล้กัน แต่นี่คือมาบอกให้ผมไปเรียนต่อ มันคืออะไร?
“แม่ครับผมเคยบอกแล้วนี่ว่าผมจะเรียนต่อที่เมืองไทย ผมสมัครไว้แล้วเหลือแค่รอไปสอบ คุณแม่ทำแบบนี้ทำไมครับ ทำไมไม่ถามผมก่อนสักคำ จู่ ๆ ยื่นตั๋วเครื่องบินมาให้กันแบบนี้ ผมไม่ไปนะครับแม่” ผมหยิบเอาตั๋วขึ้นมาดู โคตรของความตกใจเมื่อเห็นว่าในวันที่ลงไว้ว่าเดินทางวันไหน นั่นมันคือหนึ่งวันหลังจากวันครบกำหนดสัญญาของผมกับปิง
“ไม่ไปไม่ได้!” แม่ใช้น้ำเสียงจริงจังสวนขึ้น
“ผมไม่ไปครับ ถ้าธุระของคุณแม่คือเรียกผมมาคุยเรื่องนี้ ผมขอตัว” ผมลุกขึ้นอย่างหัวเสีย ผมยอมท่านทุกอย่างเพราะเห็นว่าท่านเป็นแม่ ผมเคยทำให้ท่านเสียใจเหรอ ผมเป็นเด็กดี ไม่เคยทำตัวเกเร ผมตั้งใจเรียนทำทุกอย่างให้สมกับเป็นความหวังของท่าน ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆได้ ให้ท่านมีหน้ามีตา ผมยอมท่านมาตลอด ยอมเรียนวิศวกรรมโยธาเหตุผลก็เพราะบ้านเราทำบริษัทเกี่ยวกับโครงการก่อสร้าง คือผมยอมทำให้หมด ผมตามใจคุณแม่ตั้งแต่เด็ก แต่ทำไมครับ ทำไมเมื่อถึงวันที่ผมจะเรียกร้องทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการบ้าง ทำไมคุณแม่ถึงตามใจผมไม่ได้ ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นความผิดอะไรเลยแค่ผมรักผู้ชายคนนึงแค่นั้น
“น้องเอย์!” เธอเดินมาดึงแขนผม ผมที่กำลังจะก้าวออกไปจากห้อง
“ผมอยากให้คุณแม่ช่วยเข้าใจผมด้วย”
“ลูกต้องไปเรียน แม่หวังดี กลับมาลูกจะมีประสบการณ์ มีคอนเน็กชั่นกับเพื่อนต่างชาติทั่วโลก รู้จักทักษะการใช้ภาษางานบริหารไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เอย์เรียนที่นั่นสักสองปีจบแล้วฝึกงานอีกสักปี ถึงวันนั้นลูกจะกลับมาเมืองไทยพร้อมกับผงาดขึ้นในวงการธุรกิจได้เลย น้องเอย์ทำได้นะลูก”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นครับแม่ ผมอยู่ที่นี่ก็มีคอนเน็กชั่นกับเพื่อน ๆผมได้ ผมยังไม่อยากเสียตรงนี้ไปเพื่อนที่เมืองไทยผมก็เยอะ คุณแม่ครับ ผมไม่ไป ผมเคยบอกไปหลายครั้งแล้วคุณแม่เองก็ไม่เห็นเคยว่า ผมบอกอยู่เสมอใช่ไหมครับว่าผมจะเรียนต่อที่นี่เลย ผมถึงขนาดสมัครไปแล้วแม่ก็เห็นนี่”
“เพราะอะไร?” เธอเดินเข้ามาหาแล้วจ้องหน้าผม
“....................” ผมไม่ได้พูดตอบไปเพราะผมบอกไปแล้วทั้งเรื่องปิง เรื่องเพื่อน รวมทั้งความต้องการของผมเอง ผมไม่เคยคิดจะไปเรียนต่อที่ไหนถ้าไม่ใช่ที่นี่ ผมคิดของผมมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งมาคิดตอนที่มีปิงเข้ามา
“เพราะเด็กคนนั้น?” ในที่สุดคุณแม่ก็เข้าเรื่องจนได้ นี่คงเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้มาคุยกันในวันนี้ ผมมองท่านอย่างผิดหวังเหมือนกันนะ ไม่คิดเลยว่าท่านจะโยงเข้าเรื่องของปิงจนเป็นเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้
“แม่ครับ นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่แม่คิดจะทำ แค่แม่อยากกันผมออกจากปิงต้องทำขนาดนี้ คุณแม่ดูหน้าผมสิครับอาทิตย์ที่ผ่านมานี่คุณแม่เห็นรอยยิ้มจากผมบ้างไหม ไหนคุณแม่เคยบอกไงว่าความสุขของผมก็คือความสุขของแม่ แล้วในวันที่ผมทุกข์ใจอยู่แบบนี้คุณแม่มีความสุขงั้นหรือครับ”
“เอย์ตั้น!!” คุณแม่ตะคอกลั่นเสียงสั่นคล้ายคนจะขาดใจ นี่คือครั้งแรกที่แม่เป็นแบบนี้ ผมไม่เคยเถียงท่านหรือขัดใจท่านเลย แต่ครั้งนี้ผมยอมไม่ได้จริง ๆ
“เดี๋ยวนี้ถึงขนาดเถียงแม่ แค่แม่พูดถึงเด็กคนนั้นเอย์กล้าขึ้นเสียงกับแม่เลยเหรอลูก”“ผมขอโทษถ้าทำให้คุณแม่ผิดหวังหรือเสียใจ แต่เรื่องความรู้สึกผมเองก็ควบคุมไม่ได้จริง ๆ ผมรักปิง เราสองคนรักกัน ผมจะเรียนต่อที่นี่และจะคบกับปิงต่อด้วยผมไม่สนใจอะไรใครทั้งนั้น ถ้าคุณแม่ไม่พอใจผมจะไม่กลับมาให้คุณแม่เห็นหน้าสักพัก เอาไว้จนกว่าคุณแม่จะใจเย็นลงก่อน”
“ลูกจะเอาแบบนั้นใช่ไหม” เธอสวนขึ้น ก้าวเข้ามายืนขวางหน้าผมไว้ ผมมองดูท่านอย่างพิจารณาอีกครั้งคุณแม่ตัวสูงแค่ไหล่ผมเท่านั้นผู้หญิงทำงานที่เก่งแสนเก่งทุกอย่าง ผมไม่อยากเชื่อว่าวันนี้คุณแม่เลือกจะทำในสิ่งที่รู้ทั้งรู้ว่าลูกคนนี้ไม่สบายใจ ผมไม่เชื่อว่าคุณแม่อ่านไม่ออกว่าผมคิดและรู้สึกอย่างไร ท่านไม่เคยมองอะไรผิดพลาดเลย แล้วยิ่งได้รู้มาจากปิงว่าท่านไปหาปิงถึงที่ร้านได้คุยได้รู้จักกับมันผมยิ่งงงว่าทำไมคุณแม่ดูไม่ออกเหรอว่าปิงเป็นเด็กดี กตัญญูและน่ารักแค่ไหน
“ที่ลูกบอกว่าไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้นนี่คือลูกจะเอาแบบนั้นใช่ไหม! ไม่ว่ายังไงลูกก็จะไม่ไปงั้นใช่ไหม!จะยืนยันว่าจะคบกันต่อใช่ไหม!” เธอจ้องหน้าผม
“ใช่ครับ” ผมตอบหนักแน่น
“พูดแล้วอย่าคืนคำ แม่เคยสอนใช่ไหมลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น ห้ามเปลี่ยนใจเด็ดขาด เอย์ยืนยันแบบนั้นใช่ไหมลูก” “ครับ ผมมั่นใจ ผมตัดสินใจแล้วทุกอย่างที่พูดไปก่อนหน้านั้น”“งั้นก็ดี” คุณแม่ปล่อยมือออกจากแขนผม ผมรู้สึกแปลกใจคือกำลังนึกว่าทำไมจู่ ๆ คุณแม่ถึงยอม ทำไมอะไรๆถึงดูง่าย คุณแม่ไม่น่าจะยอมรับได้ง่ายและเร็วแบบนี้ เมื่อกี้ผมเพิ่งจะสารภาพว่าผมรู้สึกยังไงกับปิงและผมเพิ่งจะปฏิเสธเรื่องไปเรียน
ทำไมคุณแม่จู่ๆถึง....
“ถ้างั้นเอย์ก็เรียนต่อที่เมืองไทยไป ไม่ต้องสนใจเรื่องครอบครัวของเด็กคนนั้น เรื่องร้านเรื่องบ้านที่เช่าอยู่ ถ้าเอย์จะเรียนต่อที่นี่เอย์ไม่มีสิทธ์ที่จะมาขวางแม่ แม่สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อกันเด็กนั่นออกจากเอย์” คุณแม่เดินกลับไปที่โต๊ะหยิบเอกสารบางอย่างขึ้นมาแล้วยัดลงที่อกผม
ใบสัญญาเช่าที่ร้านอาหารเล็กๆนั่นรวมถึงใบสัญญาเช่าบ้านหลังเล็กๆในหมู่บ้านที่ปิงแม่ปิงและพี่ขมอาศัยอยู่ด้วยกัน ผมเงยหน้ามองท่านอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคุณแม่คิดจะทำกับปิงขนาดนี้
“น้องเอย์อย่าลืมนะลูกว่าเรามีบริษัทรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเป็นของเราเอง แค่แม่มีคำสั่งสั้น ๆ ครั้งเดียวทั้งบ้านทั้งร้านของครอบครัวเด็กนั่นจะหายวับไปกับตา เอย์รู้ใช่ไหมแม่พูดแล้วทำได้จริง”“...แม่...ครับ...” ผมเสียงสั่น จ้องมองคนที่ผมเรียกว่าแม่อย่างไม่อยากเชื่อ น้ำนัยน์ตารื้นขึ้นมาแทบควบคุมไม่อยู่
“ก็ในเมื่อเอย์บอกเองว่าจะไม่ไปเรียนต่อเอย์ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขนี้ได้ แล้วอย่าคิดว่าจะเอาเงินของตัวเองไปซื้อไปหาอะไรให้เด็กนั่นใหม่ เพราะถ้าแม่รู้ว่าครอบครัวนั้นรับความช่วยเหลือจากเงินของลูกชายแม่ แม่จะเอาให้บ้านมันล้มละลายหมดตัวไม่มีที่แม้แต่จะซุกหัวนอนเลยคอยดู”“คุณแม่!” ผมอุทานขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินแม่ตัวเองพูดถึงขนาดนั้น คำพูดแบบนั้นออกมาจากปากคุณแม่ของผมได้ยังไง คุณแม่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ แม่รันคนใจดีคนนั้นหายไปไหน
“แม่ทำได้ทุกอย่าง เพื่อลูก!”ผมเซถอยหลังทันทีที่คำว่า ‘เพื่อลูก’ หลุดออกมาจากริมฝีปากเธอ แค่นยิ้มขมขื่นสุดข่มกลั้น คุณแม่เบือนหน้าไปอีกทางน้ำตาคลอพยายามเงยหน้ากลืนเก็บหยาดหยดของน้ำตาแห่งความผิดหวังเสียใจกับผมคนนี้
เพื่อลูกงั้นเหรอ? อะไรคือเพื่อผมล่ะ ความสุขของผมอยู่ที่ไหนกัน
“ขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว เอาเป็นว่าเอย์จะไม่ไปเรียนแค่นั้นแม่เข้าใจแล้ว เพราะฉะนั้นเงื่อนไขของแม่เอย์ต้องเข้าใจด้วย จะมาว่าแม่ใจร้ายที่หลังไม่ได้”
เธอพูดแล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะก้มลงสนใจงานที่วางอยู่ต่อ ผมคนนี้ยืนแน่นิ่งทำอะไรไม่ถูก ทบทวนสิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมด ผมกำลังจะทำให้ปิงและครอบครัวมันเดือดร้อน ทำไมกัน ผมจะรักใครสักคนทำไมถึงเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ขนาดนี้
“ไปได้แล้วยืนรีรออะไรอยู่”
“แม่ครับผมขอร้องอย่ารังแกบ้านปิง ครอบครัวเขาเป็นคนดี ปิงเป็นเด็กดี ผมไม่อยากให้น้องเดือดร้อน”
“ช่วยไม่ได้นะ ในเมื่อลูกเป็นคนตัดสินใจเอง แม่ก็แค่ยื่นเงื่อนไขของแม่ไป ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำแม่เองก็ทวนกับเอย์แล้วนะลูก”
“แล้วผมต้องทำยังไง! ผมคนนี้ต้องทำยังไงถึงจะสมใจคุณแม่ คุณแม่จะให้ผมทำอะไรบ้างถึงจะยกเลิกเงื่อนไขบ้าๆนั่น ผมต้องทำยังไงครับแม่!” ผมตะโกนเสียงสั่นอย่างเหลืออด แม่จ้องผมนิ่ง เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นเพราะน้ำเสียงที่ผมใช้พูดกับเธอไม่ธรรมดาแล้วคุณแม่บีบผมมากเกินไป นี่ไม่ใช่แค่การล้ำเส้นแต่คุณแม่กำลังเข้ามาควบคุมชีวิตผม
“เลิกกันซะ! จบกับเด็กนั่นแล้วไปเรียนต่อ ลูกยังเด็กอาจจะต้องใช้เวลาบ้างแต่ไม่นานลูกจะลืมได้ เพิ่งรู้จักกันแค่หกเจ็ดเดือน แม่รับรองได้ว่านั่นไม่ใช่ความรักแน่ ๆ เคลียร์ตัวเองแล้วแม่จะลืมทุกอย่างที่ผิดพลาดของเอย์ เริ่มต้นใหม่ ลูกมีคู่หมั้นอยู่แล้วอย่าลืมความเป็นจริงตรงนั้น”
“ผมรักปิง แม่จะพูดว่าผมยังไงก็ได้แต่อย่ามาบอกว่าความรักและความรู้สึกของผมไม่ใช่ของแท้”“เอตั้น!!!” เธอตะคอกขึ้นอีกครั้งแล้วเดินหน้าเข้าหา
“ความรู้สึกจอมปลอมแบบนั้น ความรักของผู้ชายกับผู้ชายมีใครบ้างที่ยอมรับว่ามันจะจีรังยั่งยืน ตอนนี้ลูกคบกันแค่เจ็ดเดือนยังหลงจนหน้ามืดตามัวแบบนี้ ต่อไปถ้าหากว่าแม่ยอมรับ ลูกจะไม่เอาเด็กนั่นขึ้นมาเหยียบหัวแม่เลยเหรอ”“แม่ครับ ปิงเป็นเด็กดี ผมขอโอกาสให้แม่ได้ลองรู้จักกับน้องก่อน”“ไม่จำเป็น! ออกไปได้แล้ว ธุระของเราจบแล้วถ้าลูกยังขืนพูดต่ออีกแม่จะถือว่าลูกเลือกที่จะเรียนต่อที่เมืองไทย พรุ่งนี้แม่จะได้สั่งให้เด็กไปเวนคืนที่ดินทั้งสองจุดที่ครอบครัวเด็กนั่นอยู่แล้วรื้อทุกอย่างออกให้หมดเลย”
“...คุณ-แม่...” ผมเสียงสั่นเข่าทรุดลงที่พื้น เงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงคนที่ผมเรียกว่าแม่ น้ำตาผมไหลออกมาอย่างที่ไม่อาย คุณแม่ทำไมทำร้ายผมได้มากมายแบบนี้ ทำกับคนที่ผมรักก็เท่ากับทำกับผม แล้วผมคนนี้จะต้องทำยังไง
แม่หันหลังให้ทันทีไหล่เล็กๆสั่นเทิ้มผมรู้แม่ร้องไห้แล้วแน่ ๆ ผมทำให้แม่ร้องไห้แล้วแม่ก็ทำให้ผมร้องไห้ มันมีความสุขตรงไหนกันทำไมเราสองคนแม่ลูกถึงพูดจาไม่เข้าใจกันแบบนี้ หัวใจผมปวดแปลบก่อนพยุงตัวลุกขึ้นแล้วลากขาออกไปด้านนอก
นับจากวันนั้นมาแม่ไม่อยู่ให้ผมได้คุยสะดวกเลยสักครั้ง ผมตื่นมาแต่เช้าเพื่อจะคุยกับท่าน แต่แม่ก็ออกไปทำงานแล้วพอผมตามไปที่ห้องทำงาน มีการเรียกประชุมทั้งเลขาทั้งใครต่อใครมากมายเต็มห้องผมรอจนถึงเที่ยงแม่ต้องออกไปทานข้าวกับลูกค้าอีก พอถึงช่วงเย็มมีไปดูไซด์งานตามสถานที่ต่าง ๆ กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ค่ำมืดดึกดื่นผมรอจนผมหลับไปก็หลายครั้ง ไม่เคยมีวันไหนที่เราสองคนจะได้คุยกันอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จนกระทั่ง....หนึ่งวันก่อนถึงวันครบกำหนดสัญญาของผมกับปิง ผมเหลือโอกาสครั้งสุดท้าย
ที่หน้าประตูห้องทำงานของแม่ ผมที่กำลังจะเคาะเรียกอยู่แล้วต้องหยุดหันไปเพราะได้ยินเสียงเรียกขึ้นที่ด้านหลัง ซีซ่าร์มันกำลังจะออกไปทำงาน มันรู้เรื่องผมกับปิงตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แต่คือมันไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ขนาดวันนี้ดึกแล้วก็ยังจะต้องออกไปอีก
“สู้นะเว้ย” มันตบบ่าให้กำลังใจ แววตาคือเชียร์อัพผมเต็มที่ ผมมองมันแล้วแค่นรอยยิ้ม คือผมรู้สึกขอบคุณมันนะซ่าร์ก็เหมือนผม มันปลอบใจใครไม่ค่อยเก่ง เราสองพี่น้องเวลาให้กำลังใจกันปกติจะเหน็บกันเสียมากกว่า คำพูดหวานๆนี่ไม่ค่อยมีเหมือนคนอื่นเขาหรอก แต่วันนี้ผมเจอปัญหามันเข้ามาปลอบผม แค่นี้ผมโอเคนะสำหรับพี่ชายคนเดียวของผม
ก๊อกๆ
“แม่ครับ ผมขอคุยด้วยสักครู่” ผมเคาะประตูห้องทำงาน วันนี้คุณแม่กลับเร็วถึงบ้านสามทุ่ม ผมที่นั่งรออยู่จึงเดินเข้าไปหา แม่เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร ในมือยังถือปากกาคาไว้
“แม่ครับ เอย์ขอร้อง ขอให้เอย์ได้เรียนอยู่ที่นี่ ขอให้เอย์ได้คบกับปิง ขอให้เอย์....
“ขึ้นนอนซะเอย์ตั้น ดึกแล้วลูกเตรียมตัวเช็คเอกสารเรียบร้อยแล้วใช่ไหม เมื่อรืนนี้ลูกต้องเดินทางแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้วนะกลับมาคราวนี้แม่เตรียมของขวัญสุดพิเศษไว้ให้ลูก แค่เอย์ตั้งใจเรียนแค่นั้นพอ”
“แม่ครับ” คุณแม่ลุกขึ้นเดินมาหยิบแฟ้มบางอย่างที่ข้างโต๊ะตู้เหล็กเก็บเอกสารมากมายรวมกันอยู่ที่นี่
“จะไม่มีการติดต่อกันระหว่างน้องเอย์กับเด็กคนนั้น ถ้าหากแม่รู้ว่าลูกผิดสัญญากับแม่ นับตั้งแต่วันที่ลูกออกจากประเทศไป แม่จะจัดการครอบครัวนั้นให้เด็ดขาด แม่ไม่ได้ขู่ ลูกรู้ว่าแม่ทำได้จริงแน่ รักษาสัญญากับแม่ด้วย ออกไปได้แล้วแม่จะทำงาน”ผมคุกเข่าลงทันที เธอปรายสายตามา ผมเงยหน้ามองคุณแม่ของผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอ้อนวอน
แม่รัน.....ผู้หญิงใจดีที่สุดในโลกของผม ผู้หญิงที่โอบอุ้มผมเสมอเวลาที่ผมร้องไห้ ผู้หญิงที่ป้อนข้าว ป้อนนม ป้อนขนม ป้อนยา อาบน้ำให้ผม แต่งตัวให้ผม อุ้มผมไปหาหมอ กางร่มให้ในวันที่ฝนตก คุณแม่ดูแลผม ห่มผ้าให้ จับมือเขียนหนังสือ สอนการบ้าน พาบวกเลข เล่านิทาน กล่อมผมนอน แม้กระทั่งสอนขับรถคุณแม่คนนี้ของผมก็เป็นคนทำ
คุณแม่ที่เคยเข้าใจผมเสมอและตลอดมา แต่ทำไมตอนนี้.....
“คุณแม่ไม่สงสารน้องเอย์เหรอ คุณแม่ไม่รักเอย์แล้วเหรอครับ” ผมหมดปัญญาที่จะพูดขอร้องต่อ ก้มหน้าร้องไห้อย่างหมดอาย ผมไม่มีอะไรจะแลกแล้วจริง ๆ คุณแม่เองก็คงดูรู้เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมแทนตัวเองว่า ‘น้องเอย์’ นั่นคือแม่ไม่เคยขัดใจผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอยืนจ้องผมนิ่งในมือเล็กสั่นสะท้านแฟ้มงานที่ถืออยู่ร่วงกรูตกลงที่พื้น แม่รีบหันหลังให้คว้าเอาพนักเก้าอี้ไว้เป็นหลักยึดเพื่อทรงตัว ไหล่เล็ก ๆ ของเธอสั่นเทิ้ม เสียงสะอื้นไห้ดังลอดออกมา
....คุณแม่ร้องไห้.....
“น้องเอย์ แม่รักน้องเอย์ที่สุดในชีวิต ความสุขของลูกคือทุกๆอย่างของแม่ แม่ยังยืนยันคำนี้เสมอ เอย์ลองให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์หลายสิ่งหลายอย่างดู อย่างน้อย ๆ ใจของเราเองถ้าหากเอย์ยืนยันว่าความรู้สึกนั้นเป็นของแท้ไม่ว่าจะยาวนานแค่ไหน กี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี ความรู้สึกของน้องเอย์ก็จะไม่เปลี่ยน รวมถึงความรู้สึกของเด็กคนนั้นก็ด้วย
แม่ขอแค่เวลาเท่านั้น ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าใครคนนั้นที่ลูกรัก เขาเองก็รักลูกจริง ๆ เขาจะซื่อตรงและไม่ลืมน้องเอย์ ไม่ว่าเอย์จะไปนานแค่ไหน ไม่ว่าพวกลูกต้องห่างไกลกันเพียงใด แม่รู้ สักวันหนึ่งหัวใจของลูกทั้งสองคนต้องเดินทางกลับมาพบเจอกันอีกครั้งแน่นอน จนกว่าจะถึงวันนั้นน้องเอย์จะโตเป็นผู้ใหญ่กลับมารับตำแหน่งผู้บริหารมีอำนาจในการตัดสินใจ แล้วเราสองคนจะกลับมาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง ถ้าหากว่าเอย์ยังไม่ลืม”
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงผมไม่มีวันลืมว่าวันนี้คือวันอะไร วันสำคัญของผมกับมัน.....วันที่เราสองคนเฝ้ารอเสมอแต่ทว่า กลับต้องมาเป็นวันสุดท้ายก่อนที่มันและผมจะต้องห่างกันไกลแสนไกล
ผมต้องไป....แสนไกล......ในขณะที่ถึงสัญญานัดของเรา แล้วผมคนนี้ยังจะกล้าทำอะไรมันงั้นหรือ?? ผมไม่คิดจะทำร้ายมันมากมายขนาดนั้นหรอก แค่วันนี้ที่ผมจะต้องบอกกับมันผมก็ไม่รู้ว่ามันจะทำใจยอมรับได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว
ผมโทรหาปิงขณะที่ขับรถออกจากบ้าน ถามมันว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
“กำลังจะถึงห้องพี่แล้วครับ พี่เอย์อยู่ไหน”
“กำลังออกมาจากบ้านเดี๋ยวจะถึงห้องแล้วเหมือนกัน”
“คืนนี้พี่ค้างได้เหรอครับ” เสียงมันถามเบาหวิว ผมถึงกับเงียบไป เสียงของมัน....
“พี่เอย์?”
“ค้างได้สิ”
ความร็สึกผิดในหัวใจผมท่วมท้น ถ้าผมอยู่ข้างมันตอนนี้ผมคงจะคว้าเอาตัวมันเข้ามากอด ผมเอง ผมผิด ผมผิดทุกอย่าง ผมทำไมต้องเป็นคนของอัศวเหมมินทร์ทำไมถึงต้องเป็นผม ถ้าหากว่าผมเป็นแค่คนธรรมดาบางทีเรื่องราวของเราอาจจะง่ายขึ้น
ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง แค่เห็นด้านหลังของคนที่นั่งรอผมอยู่แล้วผมลืมแทบทุกอย่าง ทิ้งกระเป๋าลงที่โซฟา พุ่งเข้าหามันจับตัวมันขึ้นมาแล้วจูบ จูบให้สมกับที่ผมคิดถึง จูบให้สมกับที่ผมและมันไม่ได้เจอกันมานานมากเกือบอาทิตย์ และจูบให้สมกับที่ผมจะไม่ได้เจอมันอีกแสนนาน
ปิงเป็นของผม ของผมแค่คนเดียวเท่านั้น ผมดันมันถอยหลังจนชิดผนังกระจกจูบซ้ำแล้วซ้ำอีกอยากจะย้ำให้มันไม่ลืมผมคนนี้ มันยังไม่รู้เรื่องที่ผมจะไปเรียนต่อ ถึงขนาดถามว่าผมหิวโหยอดอยากมากเหรอไม่เจอกันแค่สามสี่วัน แต่ความรู้สึกของผมคือไม่ใช่เลย เราสองคนจะไม่ได้เจอกันอีกหลายๆปีนั่นต่างหากที่ผมกำลังคิด ผมประคองสองแก้มมันพร้อมกับกดหน้าผากผมชนเข้ากับหน้าผากเล็กของมัน
“ปิง ถ้ามึงไม่เจอกูนานๆมึงจะคิดถึงกูไหม” ผมรู้ว่าเสียงผมสั่น ผมควบคุมตัวเองไม่ได้
“พี่เอย์?” มันทำหน้าสงสัย
“ตอบดิ่ ตอบกูก่อน”
“คิดถึงสิครับ”
“จะคิดถึงกูจริงนะ มึงจะลืมกูหรือเปล่า”
“เป็นไรอ่ะพี่ ทำไมถึงถามอะไรแบบนั้น”
“ตอบกูหน่อย มึงจะไม่ลืมกูใช่ไหม” ผมลูบแก้มมัน ลูบแล้วก็ลูบอีก ผมอยากจะจดจำทุกๆอย่างของมัน ไว้ในความทรงจำ
“พี่เอย์ครับ?” มันคงกำลังคิดว่าผมเป็นอะไร ผมจูบลงที่หน้าผากมันก่อนดึงแขนมันให้เดินตาม
“อาบน้ำด้วยกัน” ผมบอก
ปิงขัดขืนนิดหน่อยผมจับมันยัดเข้าไปในห้องน้ำทันทีก่อนจะรั้งตัวมันเข้ามารับจูบ ผมจูบอย่างโหยหากวาดต้อนเอาทุกสิ่งทุกอย่างจากมันจนหมดสิ้น ดันตัวมันให้เดินถอยหลังเข้าไปในห้องอาบน้ำที่เป็นกระจกใสแคบ ๆ เปิดฝักบัวให้สายน้ำราดรดลงมาใส่ เนื้อตัวของเราสองกอดรัดกันอยู่ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ เสื้อผ้าทั้งผมและมันเปียกโชก ปิงใส่เสื้อยืดสีขาวพอถูกน้ำแล้วแนบเนื้อไปทั้งตัว ผมที่ดูดลิ้นมันไว้แทบทานทนต่อไปอีกไม่ไหวหอบหายใจหนักละริมฝีปากบอกมันให้ยกแขนขึ้นสูงเพื่อให้ผมได้ถอดเสื้อมันได้ถนัด
ผมไล่จูบลงมาตั้งแต่ลำคอ หน้าอก ยันท้องขาวเนียน ปิงเป็นเด็กที่ผิวสวยมาก ผมไล้เลียขบดูดในทุกๆที่ ที่ผมจะไปได้ ขณะที่มันเองก็ไม่น้อยไปกว่ากัน เราสองคนโรมกันซึ่งกันและกันจนในที่สุดผมกับมันเปลือยเปล่า สายน้ำเย็นเฉียบมิอาจต้านทานหรือลดทอนความร้อนแรงของอารมณ์เราสองลงได้แม้แต่น้อย
ผมลากมันออกมาต่อกันที่อ่างน้ำเราสองคนจูบกันมาตลอดทาง เมื่อความอดทนถึงที่สุดผมทั้งขบทั้งกัดตีตราทุกตารางส่วนบนเนื้อตัวมัน ผมจูบมันแบบยาวนานมาก น้ำในอ่างกระเพื่อมล้นขณะที่ผมรั้งเอวมันเข้ามานั่งซ้อนลงที่ตัก ต้นคอและแผ่นหลังรวมถึงสะโพกสวยของมัน ผมจะทำทุกอย่างให้มันมีความสุข ผมจะปรนเปรอให้ ผมจะทำทุกจุดในทุกๆส่วน