ดอกฟ้ากับหมาวัด(Out Of Reach) 14/03/58 พิเศษ 05 พี่เอย์พี่เชน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ดอกฟ้ากับหมาวัด(Out Of Reach) 14/03/58 พิเศษ 05 พี่เอย์พี่เชน  (อ่าน 1466183 ครั้ง)

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
เสียน้ำตา บอกได้เลยว่าเสียน้ำตากับตอนนี้จริงๆ
เศร้ามาก จะเศร้าไปไหน เสียใจไปกับน้องปิงด้วย แล้วที่พี่เอย์บอกว่า ไม่ต้องรอ คืออะไร? จะไม่กลับมาแล้วเหรอ หรือว่า(ยัย)คุณแม่ไม่ให้กลับมา

 :sad4: :o12:

ออฟไลน์ McKnight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
เข้ามารอน้องปิงกับพี่เอย์ครับ

ปล. คนที่ปิงชนที่ร้านหนังสือที่ชื่อเชน จะมีบทบาทสำคัญที่ทำให้หมาปิงเด็ดดอกฟ้าด้วยมั้ยครับ?


ออฟไลน์ finn~luv

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ตอนนี้บีบอารมณ์สุดๆๆ ทั้งๆ ที่เป็นฉากหลังสามเดือนที่รอคอย
แต่มันกลับเป็นฉากที่ไม่หวานไม่สุขเลย อ่านไปก็น้ำตาจะไหลไป
สองคนนั้นก็คงรู้สึกไม่ต่าง  :o12: :o12:

เอาจริงคือน้ำตาจะไหลตั้งแต่ตอนก่อนๆ ที่คุณแม่พี่เอย์พาปิงออกไปดูบริษัทพี่เอย์แล้ว
ตอนนั้นก็เจ็บแทนหมาปิงมากๆ รู้สึกแววมาม่ามาแต่ไกล ฮือออออ
แต่ตอนนี้มันทรมานมากเลย สงสารทั้งสองคนมากๆ
รู้สึกได้ว่าพี่เอย์ต้องเก็บอารมณ์มากๆ อดทนมากๆ จริงๆต้องกำลังเจ็บมากที่สุด แต่พี่เอย์ก็ยังมาหาปิง ยังพูดกับปิงอย่างอ่อนโยน
ที่สำคัญที่คำพูดที่ว่าอย่ารอ นั่นมันเจ็บที่สุดเลยไม่ใช่หรอ
การที่ต้องทำใจพูดคำนี้ออกมามันเจ็บปวดแค่ไหนกันพี่เอย์  :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ smile_aex

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29


https://www.youtube.com/v/krlyxKNuLTA




# 22  I miss you......(Aeton's Part)




สูทสีเข้มถูกพาดลงที่เบาะหรูของเก้าอี้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส  บรรยากาศบนเครื่องเที่ยวบินหกโมงเช้าเงียบเหงาและวังเวง ผมเอนตัวลงที่พนักพิง ถอนใจยาวด้วยความเหนื่อยล้า แว่วเสียงประกาศบอกให้รู้ว่าเครื่องบินไต่ระดับได้ที่แล้ว เปลือกตาหนักอึ้งถูกปิดลงอย่างเชื่องช้า พร้อมๆกับเสียงเปียโนนุ่มถูกถักทอร้อยเรียงออกมาเป็นเสียงดนตรีหวานซึ้ง เศร้าสร้อย ทว่าแผ่วเบา



.....จุดมุ่งหมายที่แสนไกล.......



แต่หัวใจผมยังคงวางอยู่ที่นี่.........ข้างๆมันเสมอ.........................................ปิง




“พี่เอย์ครับ ถ้าพี่ได้ผมแล้วพี่ยังจะเป็นพี่เอย์คนเดิมของผมอยู่ไหม”


“ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป กูก็ยังจะเป็น ‘พี่เอย์’ คนเดิมของมึง กูสัญญา”













“น้องเอย์” 

ซองสีน้ำตาลขนาด 6x8 ถูกเลื่อนส่งมาต่อหน้าผม โต๊ะทำงานตัวใหญ่ของที่บ้าน ในห้องทำงานของคุณแม่ที่ผมคุ้นชินมาตั้งแต่เด็ก

ผู้หญิงทำงานที่สวยมากคนหนึ่งซอยผมทะมัดทะแมง คุณแม่จะใส่สูทผ้าไหมอยู่เสมอ ชุดทำงานที่เป็นกางเกงเรียบหรู คุณแม่ไม่ชอบใส่เครื่องประดับ เล็บมือขาวสะอาดไม่เคยแต่งแต้มสีสันจัดจ้าน มีเพียงแหวนเพชรวงเล็กๆที่คุณพ่อเป็นคนให้สวมไว้ตั้งแต่ผมยังเด็ก

“มีอะไรจะพูดกับแม่ไหมลูก”

ผมหยิบซองขึ้นมาเปิดดู แค่เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น ผมถึงกับอึ้งไป นึกได้ในทันทีว่าเพราะอะไรที่ทำให้คุณแม่ไปรับผมมาจากคอนโดวันนี้ทั้งที่ท่านไม่เคยไปที่ห้องผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมเงยหน้าขึ้นสบสายที่รอผมอยู่นานแล้ว ความเงียบเข้าปกคลุมเราสองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเอ่ย

“ตามที่คุณแม่เห็นเลยครับ”

ภาพถ่ายผมกับปิงเมื่อตอนที่เรานั่งทานข้าวกันอยู่ที่ร้านกล้วยน้ำว้าเขาใหญ่ ในภาพผมซบไหล่มัน ต่อให้เป็นเด็กประถมก็ยังสามารถบ่งบอกความสัมพันธ์ของผู้ชายสองคนในรูปได้เลยว่าไม่ใช่แค่เพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องธรรมดาแน่นอน

“หมายความว่ายังไง” เสียงเธอเครียดขึ้น สีหน้าและแววตาคือกำลังกดดันผมอยู่

“ผมกับปิงเราคบกันอยู่”

“เอย์ตั้น!” เธอลุกพรวดขึ้น พูดเสียงดังอย่างที่ไม่เคยทำ  ผมรู้คุณแม่คงตกใจไม่น้อย ตาดวงเล็กจ้องผมเขม็งจนคุณพ่อที่นั่งอยู่ที่โซฟาด้วยนานแล้วเดินเข้ามาหาแล้วบีบลงที่บ่าผมเบา ๆ

“รันใจเย็น ๆ ค่อยพูดกับลูก” เสียงคุณพ่อปราม คุณแม่มองผมนิ่งสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง เธอข่มลมหายใจก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ใหญ่ตัวเดิม คุณพ่อยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างๆผมไม่ยอมห่าง ผมเงยหน้ามองท่าน ปกติคุณพ่อจะไม่ค่อยอยู่บ้านเดินทางไปมาต่างประเทศตลอด บังเอิญมากจริง ๆ ที่วันนี้ท่านอยู่บ้านด้วย พ่อพยักหน้าเบา ๆ คล้ายให้กำลังใจ ผมไม่รู้ว่าพ่อรู้สึกยังไง แต่ไหนแต่ไรมาเรื่องภายในบ้านจะเป็นคุณแม่ที่เป็นคนตัดสินใจ คุณพ่อจะรับผิดชอบเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจระหว่างประเทศ ท่านสองคนจะแบ่งหน้าที่กันชัดเจน เพราะอย่างนั้นเรื่องผมวันนี้คุณแม่จึงรับหน้าที่เป็นคนคุย

“รู้จักกันนานหรือยัง” คุณแม่ถาม

“สักพักแล้วครับ”

“พักนึงของลูก กี่เดือน? กี่ปี? หรือกี่วัน?”

“หกเดือนกับอีกสิบสี่วันครับ” ผมตอบโดยที่ไม่ต้องคิดเลย คืนวันที่ผมกับมันใช้ร่วมกันมา ไม่เคยมีวันไหนที่ผมไม่ได้นับแล้วกาลงไปที่ปฏิทิน

“......................” เธอนิ่งไปกับคำตอบของผม เบือนหน้าไปอีกทาง ในตาดวงสวยคล้ายมีน้ำรื้นขึ้นมานิด ๆ ผมเองก็เริ่มทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน คือคุณเข้าใจไหมผมไม่เคยทำให้คุณแม่ร้องไห้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

“แม่ครับ” ผมตั้งท่าจะลุกขึ้นอยากเข้าไปกอดเธอเพื่อปลอบใจ แต่คุณพ่อกดบ่าผมไว้ พยักหน้าให้ผมอีกทีสายตาคือบอกให้ผมรู้ว่าตอนนี้อย่าเพิ่งทำอะไรทั้งนั้น ผมมองดูคุณแม่อย่างร้อนรนทำอะไรไม่ถูก ผมไม่อยากทำให้เธอร้องไห้

“คุณก็อย่าเคร่งครัดกับลูกนักเลยน่า อะไรปล่อยวางได้ก็ดีนะรัน ความสุขของลูกคุณน่าจะมองมันก่อนเรื่องอื่นไม่ใช่เหรอ” ถ้อยคำของคุณพ่อทำผมซึ้งใจจนน้ำตาคลอ อย่างน้อยมีคุณพ่อที่ยังเข้าใจผม  คุณแม่หันมามองผมอีกครั้ง ก่อนถอนใจยาวคล้ายคนตั้งสติ

“ขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนซะ พรุ่งนี้เช้าเอย์ต้องไปธุระให้แม่ที่ปราณบุรี ดึกแล้วเข้านอนเร็วหน่อยก็ดี” คุณแม่พูดแล้วลุกเดินออกไปเลย แม้แต่คุณพ่อเธอก็ไม่หันมอง

“พ่อครับ.....”

“เอย์ตั้น ความสุขของลูกคือลมหายใจของพ่อกับแม่ บางครั้งแม่รันเขาก็ลืมบ้าง เอย์อย่าโกรธคุณแม่นะลูก ลองนึกดูดี ๆ เรื่องราวของลูกกับเด็กคนนั้น ความรัก ความใคร่ หรือว่าเป็นความชอบฉาบฉวย ลูกเพิ่งรู้จักน้องเขาแค่หกเจ็ดเดือน สิ่งเหล่านี้ลูกต้องเป็นคนที่ตัดสินใจเอง พ่อจะคอยมองดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ต้องกลัวถ้าเอย์คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างจริงจังและเป็นของแท้ สักวันนึงความมั่นคงของลูกและเด็กนั่นจะแสดงให้ทุกคนรู้ได้เอง”

คืนนั้นผมเข้านอนไปพร้อมกับคำพูดของคุณพ่อ ผมคิดแล้วคิดอีกเรื่องราวของผมกับปิงมันคืออะไร ความรัก? ความใคร่? ความชอบฉาบฉวย?  ทำไมผู้ใหญ่ถึงได้มองดูแค่จุดนั้น เมื่อผมชอบมันผมไม่เคยคิดหาเหตุผลเลยว่านี่คือรักแบบไหน รักแท้ รักปลอม ๆ หรือว่าแค่ชอบ ผมรู้แต่ว่า ผมรัก ผมรู้สึกดี ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิด ผมอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับมัน อยากตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วมีมันนอนอยู่ข้าง ๆ ทั้งทุกข์ทั้งสุขเราจะแบ่งปันกันและกัน ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องเงินทอง ฐานะหรือวงศ์ตระกูล ผมรักปิงที่เป็นปิงจริง ๆ รักที่หัวใจของมันไม่เคยมองที่จุดอื่นนอกเหนือจากนั้นเลย

คุณเชื่อไหม....ผมสามารถทิ้งทุกอย่างได้นะ ขอแค่ให้มันเอ่ยปากกับผมแค่นั้น






เช้าวันต่อมาผมกับเลขาของคุณแม่ไปปราณบุรีกันแต่เช้า โครงการรีสอร์ทหรูริมทะเลสองแห่งอยู่ในลิสต์รายชื่อที่ต้องไปตามเก็บรายละเอียด ปกติคุณแม่ยังไม่เคยให้ผมเก็บงานเอาท์ดอร์แบบนี้แต่วันนี้ท่านให้ผมเป็นคนทำ และเลขาที่มาด้วยก็เป็นเลขาส่วนตัวของท่านที่เข้มงวดมากจนผมรำคาญ คือเธอพูดๆๆๆแต่เรื่องงานกรอกหูผม แรกๆคือก็น่าสนใจนะแต่ทำไมดูเหมือนว่าเธอจะคอยขัดขวางทุกครั้งเวลาผมจับโทรศัพท์ รีบหาเรื่องงานมาคุยต่อกับผมอีก ดึงความสนใจผมทุกอย่าง พาผมทำโน่นนี่นั่นจนกระทั่งบ่ายแก่ ๆ เลยกว่าเราจะได้ออกจากปราณบุรีกัน

ผมส่งเธอลงที่บริษัทแล้วกดต่อสายหาหมาปิงทันทีเพราะเมื่อคืนผมไม่ได้โทรหาแล้ววันนี้ทั้งวันตั้งแต่เช้าผมก็ยังไม่มีโอกาสได้โทรอีก  มีแต่เสียงเรียกรอสาย ผมโทรหามันตลอดทางที่จะเข้าคอนโดแวะเปลี่ยนชุดเพราะเหนียวตัวมาทั้งวัน เห็นรถคันเล็กของผมจอดนิ่งที่ช่องจอดก็รู้แล้วว่าเมื่อคืนปิงตากฝนกลับแท็กซี่แน่ ๆ ผมรู้สึกโมโหมันนะ ทำไมกันผมสั่งอะไรแล้วชอบขัดใจ ผมกลัวว่ามันจะไม่สบายเลยบอกให้ใช้รถคันเล็กแทนเพราะกลัวมันจะเกรงใจหากจะบอกให้ใช้คันใหญ่ทั้งที่สองคันจอดอยู่ข้างๆกันเลย  ปิงเป็นคนแบบนี้เสมอ ไม่เคยอยากได้อยากดีอะไรกับใครทั้งนั้น มันเป็นเด็กดีมากจริง ๆ จนบางครั้งก็ทำให้ผมโมโห

คุณเชื่อไหมต่อให้ผมซื้อรถให้มันวันนี้เลยมันก็ไม่ยอมรับน้ำใจของผมหรอก

รถผมจอดลงแถว ๆ สนามบอลที่ ๆ มันและเพื่อน ๆ จะชอบมารวมตัวกันเสมอในวันธรรมดากับเวลาเย็นย่ำแบบนี้ ความจริงคือผมเหนื่อยมากเลยนะขับรถทางไกกลไปกลับ แต่ในเมื่อต่อสายหาแล้วไม่รับแบบนี้มันคาใจกลัวว่ามันจะไม่สบายหรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ผมเลยตัดสินใจออกมาหามัน

แต่ภาพที่ผมเห็นนี่ทำเอาผมโมโหมาก มันนอนตักเพื่อนมันอยู่อ่ะ พวกหมาสามตัวผมรู้มันเพื่อนสนิทลุยไหนลุยกันแต่ไอ้ที่นอนเกลือกลิ้งกันอยู่ที่พื้นหญ้าแบบนี้มันใช่แล้วแน่เหรอ แถมไอ้บาสยังจะนอนตักมันอีกทอดหนึ่ง พอผมเรียก มันสามตัวลุกขึ้นหน้าตาตื่นแตกกระเจิงกันไปคนละทิศทางเลย

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์” ผมนั่งลงบนหญ้านั่นแหละข้างๆมัน  กางเกงแม่งฟิตนี่ขนาดสแลคนะแต่มันเป็นทรงเข้ารูปไง เรื่องนั้นช่างมันก่อน ตอนนี้ผมอยากรู้ว่าทำไมมันถึงไม่รับสายผม

“ผมลืมมือถือไว้ที่ร้านน่ะพี่ ไม่ได้เอามาด้วยครับ”

“เมื่อคืนรอกูรึเปล่าโทษทีนะไม่ได้โทรหามึงเลยกูคุยธุระกับแม่จนดึกกลัวว่ามึงจะนอนแล้วเลยไม่อยากกวน  วันนี้ก็ไปทำธุระให้ท่านเพิ่งจะกลับมาจากปราณบุรีเมื่อกี้นี้เอง”

“พี่เอย์ไปปราณบุรีมาเหรอครับ”

“ตั้งแต่เช้าเลย  แม่กูใช้ให้ไปดูโครงการก่อสร้างโรงแรมของบริษัท นี่กูเหยียบสุดเลยเหอะ รีบมากทั้งขาไปขากลับไปกับเลขาคุณแม่อีกต่างหาก คุยแต่เรื่องงานกูนี่หูชาไปหมด  หาโอกาสโทรหามึงไม่ได้สักที จนถึงเมื่อกี้นั่นแหละส่งเขาลงที่บริษัทค่อยได้โทร”

“พี่เอย์กินข้าวยังครับ” มันถามเปลี่ยนเรื่องแล้วลุกขึ้นยืน ผมเองก็ลุกด้วยคิดว่าคงได้เวลากลับแล้วหรือต่อให้มันพาผมเดินเล่นแถว ๆ นี้ผมก็จะทำ  จู่ ๆ มือถือมันหล่นลงจากกระเป๋ากางเกงผมมองมันทันที คือเมื่อกี้มันโกหกผม? ไหนว่าลืมโทรศัพท์ไว้ที่ร้าน?  เพราะอะไร? ทำไม?  คำถามมากมายในหัวเต็มไปหมด  ผมสังเกตนะตั้งแต่ผมนั่งลงแล้วคุยกับมันแล้ว ปิงหลบสายตาผมตลอดเหมือนคนไม่กล้าสู้หน้า ไม่อยากคุย พยายามหลีกเลี่ยง ผมเริ่มคิดหนักคือไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับมัน

“ไหนว่าลืมไว้ที่ร้าน?”

“...........” มันเงียบไม่ตอบ เบนสายตาไปทางอื่นแล้วเริ่มเดิน

“กลับห้องด้วยกัน วันนี้ค้างกับกู” ผมตัดสินใจดึงแขนมันแล้วพาเดิน คือผมต้องรู้ว่า ปิงเป็นอะไร?? ต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง? ผมต้องพามันกลับไปคุยให้รู้เรื่อง

“วันนี้ผมจะกลับห้องครับ ไม่ได้ไปห้องพี่เอย์นะ”

“เป็นอะไร นี่สายกูมิสคอลเป็นสิบอย่าบอกนะว่ามึงไม่ได้ยิน” ผมเลื่อนแล้วจิ้มมือถือมันดู

“ผมจะกลับแล้วพี่ ฝนจะตกแล้ว” คิดผมจะยอมง่าย ๆ เหรอ มันพูดแบบนี้คือจะหนีผมชัด ๆ ผมดึงแขนมันแล้วลากมาที่รถเลย

“พี่เอย์เดี๋ยวครับเดี๋ยว ผมเอารถมา พี่กลับเลยก็ได้เดี๋ยววันหลังผม....

“กูต้องรู้นะว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น หรือว่าโกรธที่กูไม่ได้โทรหาเมื่อคืน” ผมคาดคั้น

“เปล่าครับไม่ใช่แบบนั้น”

ปิงหลบสายตาผม ลมพัดมาแรงมากผมจ้องหน้ามันนิ่ง รู้แล้วแน่ ๆ ว่ามันผิดปกติแต่ยังไม่ยอมพูดออกมาแค่นั้น มันเดินไปจับมอไซด์แล้วขับออกไป  ผมรีบขึ้นรถแล้วขับตามคือเส้นทางจากที่นี่ถึงหอพักมันใกล้มากแค่มันเลี้ยวทางฝั่งนี้ผมก็รู้แล้วว่ามันจะกลับห้อง  ผมขับเข้าไปจอดไว้ด้านในไม่สนแม่งหรอกจะขวางทางตีนใคร มันเดินถือขวดน้ำออกมาจากมินิมาร์ทพอดีผมเลยเดินเข้าไปหามันถามมันเรื่องที่จอดรถ มันดูลังเลแต่ก็ยังยืนรอผม พอเลื่อนรถเรียบร้อยผมเดินตามมันขึ้นไปบนห้อง ห้องปิงคือรกมาก ครั้งหลังสุดเมื่อวานนี้น่าจะเป็นไอ้วุฒิกับไอ้บาสมานอนดูวีดีโอบ้าบออะไรของพวกมันแหละจนผมมาลากหมาปิงมันไปเขาใหญ่กับผม

“ห้องผมไม่มีข้าวให้พี่กินหรอกนะครับ พี่ก็เห็นนี่แม้แต่ตู้เย็นยังไม่มีเลย พี่คิดว่าจะทนอยู่กับผมได้เหรอ” มันว่าขึ้นพร้อมนั่งลงรวบๆเก็บข้าวของที่เพื่อนๆตัวดีของมันรื้อไว้

“ก็มึงไม่ยอมกลับไปกับกูงั้นก็นอนนี่แหละ ข้าวก็ไม่ต้องกิน กูนอนเลยละกัน มีห้องน้ำใช่ไหม หรือว่าเป็นห้องน้ำรวมอีก” ผมว่าประชดจริง ๆ คือปวดนิดๆด้วยเลยเดินไปเข้าห้องน้ำเล็กๆด้านหลังแล้วออกมานั่งอยู่ที่ฟูกบาง ๆ ที่ๆมันใช้แทนที่นอน ผ้าห่มโดเรมอนของมันเป็นสีฟ้าไม่หนาเหมือนผ้าห่มนวมสวย ๆ แต่ก็ไม่ได้บางจนเกินไปนัก ปิงมองผมทั้งที่มือมันกำลังจัดเก็บข้าวของอยู่ สุดท้ายมันหยิบผ้าห่มแล้วลุกขึ้นยืนพับ ผมก็เงียบนะไม่พูดอะไรหรอกกะว่าวันนี้นอนนี่ก็ได้ ผมนอนได้หมดอ่ะขอแค่มีมันนอนอยู่ข้าง ๆ แค่นั้นผมพอใจ

“ไปกันเถอะครับ” เสียงมันพูดขึ้นผมเงยหน้ามอง คืออยากถามว่ามันจะชวนผมไปไหน

“ไปที่ห้องพี่ไง วันนี้นอนที่นั่นก็ได้ สงสารคนบางคนหรอกห้องผมไม่มีผ้าห่มผืนโตๆหมอนใบนุ่ม ๆ แล้วที่สำคัญไม่มีอาหารอร่อย ๆ ให้กินด้วยนี่” ผมอมยิ้มเลย ปิงก้มลงหยิบกระเป๋าขึ้นมาคาดใส่ไหล่ กระเป๋าแบบเป้ใบยาว ๆ ที่มันชอบคาดสะพายแล้วทำท่าเดินแบบเท่ ๆ อ้อยสาวตามแบบของมันน่ะแหละ

ในที่สุดเราก็มาถึงรังรักของผมและมัน หึหึ  ห้องผมสบายกว่านะที่นอนนุ่มกว่า ห้องครัวกว้างกว่า ผ้าห่มก็ผืนหนากว่าด้วย แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าที่ไหน ๆ ที่ต้องมีมันและผมอยู่ด้วยกัน ห้องจะกว้างจะแคบแค่ไหนมันไม่สำคัญอีกแล้ว

“หิวข้าว” ผมรีบดึงมันมานั่งลงที่โซฟาแล้วเอาหัวนอนลงที่ตัก จับมือมันมางับเล่น เอาจริง ๆ เลยนะผมโคตรหึงอ่ะตอนที่เห็นมันนอนหนุนตักเพื่อนมันแบบนั้นทั้งที่ก็รู้นะว่าสองคนนี้มันไม่มีอะไรเกินกว่าคำว่าเพื่อนเลย แต่ผมก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้จริง ๆ

“เมื่อกี้มึงนอนตักไอ้วุฒิที่สนามบอลกูโคตรไม่ชอบเลย อย่าทำอีกได้ไหม”

“หมาวุฒิมันเพื่อนผมหรอก”

“ก็รู้ แต่คือไม่ชอบ”

“พี่หวงผมเหรอ”

“นิดๆ”  ฝันดิ่ ใครจะไปบอกมันกันล่ะว่าผมโคตรหวงมันน่ะ ผมงับๆๆนิ้วมันเอาแม่งให้ครบทั้งสิบนิ้วเลยเหอะ ตามซอกของนิ้วนี่คือเลียหมดอ่ะ เปียกก็ช่าง น้ำลายผมหอม

“พี่จะกินข้าวกับอะไรครับ ข้าวผัดอีกเหรอเบื่อไหม” มันก้มลงมาถามผมเลยเงยหน้าขึ้นมอง เราสองคนสบสายตากันอีกแล้ว ผมอยากอ้อนมันให้เยอะๆ ปิงให้ผมนอนตักให้ดูดนิ้วให้หม่ำแขน คือมันไม่ว่าผมเลยผมทำได้ทุกอย่างตามใจ ผมมีความสุขมากมายจริง ๆ  มันสอดมือเข้ามาลูบหัวผมเล่น ผมรู้สึกดี

เราสองคนทานข้าวด้วยกันผมกลัวมันเหนื่อยเลยบอกให้สั่งขึ้นมาทาน พอดึกๆผมกับมันแยกกันอาบน้ำทั้งที่วันนี้คิดว่าจะได้ฟัดมันที่อ่างเสียอีก แต่ทุกอย่างผิดพลาดไปหมดเมื่อมันแจกมุข ‘ปวดขี้’ ของมัน ผมเลยยอมๆไป กะว่าเดี๋ยวจะกอดให้แน่น ๆ เลยตอนนอน หมาปิงมันหยุดอยู่ที่ประตูแล้วทำท่าหนาวสั่นอยู่นั่นแหละก่อนที่มันจะปิดไฟนีออนลงผมกระตุกเชือกโคมไฟพร้อมกับวางหนังสือในมือไว้ที่โต๊ะหัวเตียง ช่วงนี้ไม่ได้ใส่แว่นให้มันเห็นเลย พอเรียนจบแล้วหนังสือเรียนนี่คือถูกทิ้งมาก อ่านพวกนิตยสารอะไรเล่น ๆ ผมก็ไม่ได้ใช้แว่นสายตาหรอกนะ กลัวหมามันไม่ชินขนาดตัวผมเองถ้าเผลอใส่แว่นแล้วเดินผ่านกระจกนี่คือยังตกใจเลย คือใครวะอย่ในห้องกู บรึ๋ยยย

“ทำไรของมึงขยับมานี่ดิ่” ผมเริ่มคิ้วกระตุก หมาปิงแม่งทำไมปีนขึ้นมาบนเตียงแล้วไปนอนชิดๆริม ๆ อยู่ฝั่งนั้นวะ มันตั้งใจจะทำอะไร

“ไม่เอา วันนี้จะนอนตรงนี้ พี่เหอะอย่าเข้ามาใกล้ผมนะ”

“เย้ยยยยยยยยยยยยยยยย”  ผมลากมันเข้ามาซุกอกไว้เลย ใช้ขาเกี่ยวล็อคตัวมันไว้ ปิงมันดิ้นนะแต่ผมไม่สนผมจะกอดจะกกของผมอยู่แบบนี้แหละ

“ชู่ว์~ เงียบก่อนเดี๋ยวเล่าอะไรให้ฟัง” ผมตะล่อมเพราะอยากให้มันเลิกดิ้น คือจริงๆมีเรื่องบางอย่างจะเล่าให้มันฟัง มันหยุดนิ่งทันที ผมเลยจับมันนอนตะแคงแล้วซ้อนตัวเข้าด้านหลังกอดมันแล้วจูบลงที่หลังหู หอมว่ะ!

“มึงรู้ไหมเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับกูบ้าง” ผมก้มหน้าลงมองกระซิบเสียงเบา ปิงคงกำลังรอฟังหน้าตามันนี่คือจดจ่ออยู่กับถ้อยคำต่อไปของผมมาก

“ตอนเราไปเขาใหญ่กัน คนสนิทแม่กูเขาพาลูกค้าต่างชาติไปเลี้ยงรับรองแล้วบังเอิญเจอกูกับมึงที่ร้านกล้วยน้ำว้านั่น มีถ่ายรูปเราสองคนมาด้วยนะ กูนี่โดนซักใหญ่เลย  ทำไงได้หลักฐานทุกอย่างมีครบแถมเป็นรูปที่กูซบไหล่มึงอีกต่างหาก ยอมจำนนสิครับ ผู้ต้องหาจอมจำนนต่อหลักฐาน หึหึ ถามว่ากูอายไหม ไม่เลย  แต่กูกลัวคุณแม่เขารับเรื่องของเราไม่ได้แค่นั้นเอง”

“แล้วพี่ว่ายังไงล่ะครับ บอกท่านไปว่าไง” มันพยายามหันมาถามคงอยากจะเห็นสีหน้าผมด้วยแต่ผมจูบคอจูบหูจูบท้ายทอยมันไว้มันเลยหันมาไม่ได้ ผมก็งับเล่นของผมไปเรื่อย ช่วยไม่ได้มันเพิ่งอาบน้ำเสร็จตัวหอมมาก

“ก็บอกตามความจริง”

“ความจริงคือ?”

“ก็เราคบกันอยู่ไง”

“แล้วแม่พี่ว่าไงบ้าง”

แล้วผมก็เล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้มันฟัง สีหน้าปิงไม่ค่อยดีนักหรอกผมมองแค่เสี้ยวหน้ามันก็รู้แล้ว

“อย่าคิดมากนะกูก็แค่เล่าให้มึงฟัง บอกๆเขาไปก็ดีต่อไปจะได้ไม่ต้องปิด” ผมลูบท้องมันเล่น ปิงตัวเริ่มอุ่นแล้วขณะที่ผมทำไมเริ่มหนาว ๆ วะ เลยกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิด

“โกรธไหมที่กูบอกแม่กูไปแบบนั้น” ผมจูบลงที่ผมนุ่มนิ่งของมัน มันหันหน้ามาหาผม คราวนี้คือพลิกตัวมาหาเลย ในแววตามันแสดงความจริงจังมองผม ผมเลยตั้งใจฟังว่ามันจะพูดเรื่องอะไร

“พี่เอย์ครับ วันนี้คุณแม่พี่มาหาผมที่ร้านด้วยนะ” คือผมชะงักเลยนะ เท้าแขนขึ้นมองหน้ามันดี ๆ ปิงพูดอะไร?? มันพูดจริงหรือพูดเล่น ยอมรับว่าตกใจระคนแปลกใจด้วย

“ที่ร้านน่ะนะ ร้านตำส้มมะละกอนั่นน่ะเหรอ”

“ครับใช่ที่ร้านนั่นแหละ”

“แล้วเขาไปทำไม เขาพูดอะไรกับมึง ว่ามึงรึเปล่า” ผมรีบซักมันเลย คือกลัวว่าคุณแม่จะมาอะไรกับปิง คุณแม่ผมไม่ด่าหรอกนะครับ แม่ไม่เคยด่าว่าหรือตะคอกด่าใครแรง ๆแบบหยาบคาย แต่แม่จะชอบพูดแบบยิ้ม ๆ และสุภาพ หาเหตุผลมาพูดจนผมจนมุมเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เด็กแล้ว แม่จะยิ้มให้ผมเสมอแม้กระทั่งตอนที่อบรมผมกับไอ้ซ่าร์ ซ่าร์มันกลัวแม่มากเลยนะ คือคุณพ่อของเรานี่เป็นนางฟ้าเลยเอาแค่นั้น แม่จะมีอำนาจตัดสินใจเรื่องภายในบ้าน ตอนผมเป็นเด็กนี่เรียบร้อยไม่เคยมีเรื่อง ผิดกับซ่าร์ที่มีเรื่องมีราวมาตลอดแม่ตามเคลียร์จนอ่อนใจ แม่เลยไม่ค่อยคาดหวังอะไรกับมันมากนัก ผิดกับผมที่เป็นทั้งความหวังของคุณย่าและครอบครัว

“เปล่าครับคุณแม่พี่ไม่ได้ว่าอะไรผมหรอก ท่านพาผมเอ่อ....” แล้วปิงก็เล่าเรื่องที่แม่พามันไปที่บริษัทสองแห่ง ผมนี่เครียดเลย รู้และเข้าใจแล้วว่าแม่จะสื่ออะไรกับมัน ไม่คิดว่าแม่ผมจะมาอะไรกับปิงมากขนาดนี้คือแกจัดการเรื่องเร็วมาก รู้เรื่องผมกับมันเมื่อวานเรียกผมคุยตอนกลางคืนเช้ามาให้ผมไปปราณบุรีกับเลขาเพื่อที่ตัวเองจะได้มาหาปิงจัดการเก็บเรื่องราวทุกอย่างให้เรียบร้อยและลงตัว

แต่แม่คงจะลืมไปว่าความรู้สึกของคนเราไม่ใช่ธุรกิจ จะจัดการและปิดการขายไม่ได้ง่าย ๆ ทั้งที่ปัจจัยแวดล้อมมีเพียงแค่ความรู้สึกและหัวใจดวงเดียวเท่านั้น

“อย่าโกรธแม่กูได้ไหม อย่าถือท่านเลยนะ ท่านอยากจะพูดอะไรก็ปล่อยให้พูดไปเถอะท่านแก่แล้ว กูเคยสัญญาไปแล้วว่ากูจะเป็นพี่เอย์คนเดิมคนนี้ของมึงตลอดไป ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ไม่ว่าเราสองคนจะเจอปัญหายุ่งยากมากแค่ไหน สัญญากับกูได้ไหม ว่ามึงเองก็จะไม่เปลี่ยนไปเหมือนกัน”

ผมคว้ามือมันขึ้นมาจูบทันทีที่มันเล่าว่า แม่พูดอะไรกับมันบ้างตอนที่ส่งมันลงรถ ผมไม่อยากให้ปิงคิดมาก กลัวมันจะโกรธแล้วพาลจะเกลียดคุณแม่ของผม แม่ผมเป็นคนดีนะเพียงแต่ตอนนี้คือท่านยังไม่เข้าใจพวกเรา เพราะว่ารักผมมากท่านจึงทำได้ทุกอย่างยอมเป็นตัวร้ายในสายตาของผมและปิง แต่ในใจส่วนลึกแล้วผมรู้ว่าท่านรักและหวังดีกับผมจริง ๆ ผมสอดมือเข้าประสานมือมันไว้แน่นจ้องตามันก่อนเอ่ยคำสัญญาที่ผมคิดจะขอจากมัน ปิงเป็นเด็กดีมาก ผมกลัวใจมัน กลัวว่ามันจะยอมเป็นฝ่ายเดินจากผมไป ปัญหาของเราสองคนนับจากนี้ผมรู้ว่ามันจะต้องหนัก ในเมื่อคุณแม่เริ่มลุกล้ำพวกเราขนาดนี้ คุณแม่ผมไม่ปล่อยเราสองคนง่าย ๆ แน่


“สัญญากับกูว่าจะไม่ปล่อยมือนี้ เราจะจับกันไว้จนถึงที่สุด........สัญญาได้ไหม”


มันจ้องหน้าผมแน่นิ่งก่อนดึงมือที่เราประสานกันไว้ขึ้นไปจูบที่หลังมือผมเบา ๆ แล้วแช่ไว้อยู่แบบนั้น ก่อนที่มันจะขยับตัวขึ้นมากระซิบถ้อยคำสำคัญที่ผมคนนี้จะไม่ขอลืม


“ผมสัญญา”


ผมก้มลงไปมอบจูบให้มันทันที จุมพิตหวานซึ้งแผ่วเบาและนุ่มนวลที่ผมบรรจงมอบให้คนที่ผมรัก


ปิงคือคนที่มีค่ามากที่สุดแล้วกับจูบนี้ของผม...............สัญญาที่ผมกับมันจะจดจำเอาไว้ร่วมกัน


ไม่ว่าเราสองจะเจอปัญหาหรืออุปสรรคแค่ไหนผมและมันจะไม่ยอมปล่อยมือนี้ มือที่เราสองคนประสานกันไว้.....ลึกซึ้ง


“จูบนี้แทนคำสัญญาของกูกับมึง  อย่าปล่อยมือกูนะปิง” ผมถอนริมฝีปากออกมาจากปากนิ่มของมันอย่างอ้อยอิ่ง กดจูบเบา ๆ ไล่ลงเรื่อยตามซอกคอหอมกรุ่น  เนื้อตัวนุ่มนิ่มสั่นเทิ้มแต่ก็ยังตะแคงคอรับรอยจูบและเรียวลิ้นร้อนจากผม


“อืออ...” มันครางเสียงแผ่วเมื่อผมตวัดปลายลิ้นขึ้นไปครอบครองที่ใบหูก่อนไล้เรื่อยลงมาที่ลำคออีกครั้ง ขบเม้มจนทั่วสร้างรอยประทับที่บอกให้รู้ว่ามันคนนี้เป็นของผม แค่ผมเท่านั้น  แก้มมัน จมูกมัน เปลือกตามัน ไรผม คิ้ว คาง ผมจูบผ่านไปทุกส่วนทุกจุด จนในที่สุดกลับมาจบลงที่ริมฝีปากมันอีกครั้ง ผมจูบซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างที่ใจผมต้องการ แค่อยากให้มันรับรู้


ให้ตอกย้ำสัญญารักของเรา....ว่าเราจะจับมือกันและกันไว้ตลอดไป


“เชื่อใจกูนะ ปล่อยเรื่องของที่บ้านให้กูจัดการเอง เราสองคนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มึงกับกูเราก็ยังคงเป็นเราแบบนี้ไม่ต้องไปคิดเรื่องฐานะหรืออะไร ทำตัวกับกูให้เหมือนเมื่อวานเหมือนทุกๆวันที่มึงเคยทำ”







นับตั้งแต่วันนั้น ผมโดนตามตัวกลับบ้านทุกวัน มีนัดทานข้าวกับคุณแม่โดยที่เลขาท่านโทรมาตามบ้างล่ะ คุยงานเรื่องโครงการก่อสร้างที่ผมไปดูมาบ้างล่ะ เดี๋ยวพาผมไปหาคุณย่าบ้างล่ะ พาไปดูโน่นนี่นั่นที่บริษัทบ้างล่ะ โรงงาน อู่รถ คือคุณแม่ทำทุกอย่างทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อกันผมให้ห่างจากปิงผมรู้  เพราะพอผมจะกลับห้องแม่ก็บอกวันนี้ดึกแล้วให้ค้างที่บ้าน วันสองวันแรกไม่อยากขัดใจเลยเออออไปแต่นั่นยิ่งทำให้แม่เริ่มล้ำเส้นผมหนักขึ้น ผมกับมันไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานเป็นอาทิตย์แล้วเราเจอกันครั้งหลังสุดวันไหนผมเองยังไม่อยากจะคิดเลยได้แต่อาศัยโทรหาช่วงดึกคุยกันก่อนนอน ผมไม่ยอมให้มันวางจนมันหลับคาโทรศัพท์ไปนั่นแหละ แค่ได้ยินเสียงลมหายใจมันก็ยังดี

“น้องเอย์ทานเยอะๆนะลูก ไข่เจียวปูแม่สั่งป้านอมทำไว้ให้ลูกเลยนะครับ อ่ะนี่แกงจืดเต้าหู้เอย์ชอบทานใช่ไหมลูก แล้วพรุ่งนี้เราจะทานอะไรกันดี อาหารฝรั่งดีไหม พาสต้าเป็นไงครับหรือว่าจะออกไปกินข้างนอกแม่จะได้ให้เด็กโทรจองโรงแรมไว้ ไปกินอาหารอิตาเลี่ยนดีไหม หรือเอย์อยากทานอาหารฝรั่งเศสมากกว่า”

“แม่ครับวันนี้ผมจะกลับห้อง” ผมไม่อยากกินบรรดาอาหารฝรั่งที่คุณแม่พูดหรอก ผมอยากกินข้าวผัดกุ้งตัวเล็กๆธรรมดาที่ปิงเป็นคนทำ

“ดึกแล้วลูก  เอย์ขับรถดึกๆไม่ดีนะ”

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผม.....

“น้องเอย์ วันนี้คุณพ่อไม่อยู่ลูกก็รู้ คุณพ่อไปต่างประเทศเป็นอาทิตย์ ซีซ่าร์เองช่วงนี้ก็ถ่ายหนังถ่ายละครออกต่างจังหวัดตลอด แม่อยากให้เอย์อยู่เป็นเพื่อนแม่นะลูก รู้สึกปวดที่หัวใจบ่อยๆ ด้วยไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน ถ้าเอย์อยู่เผื่อมีเรื่องด่วนขึ้นมาเอย์จะได้ช่วยแม่ทัน”

ผมยืนอย่างคนหมดหวังมองหน้าคุณแม่ผู้มีพระคุณ ผมรู้ว่าแม่รักผมมาก รู้ว่าหวังดี แต่ถ้าหากว่าแม่ไม่ได้เป็นอะไรได้โปรดอย่าบอกว่าตัวเองเป็นเลย ผมรู้สึกแย่มากจริงเพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าแม่พูดจริงหรือแค่คำโกหกที่อยากให้ผมอยู่บ้าน

.

.

.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2015 22:57:19 โดย coffeeQbread »

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29


https://www.youtube.com/v/krlyxKNuLTA


.

“วันนี้ค้างไหม?”

นี่เป็นวันแรกในรอบสัปดาห์ที่ผมกับมันมีเวลาอยู่ด้วยกัน ผมได้แต่หวังว่าเราสองคนจะสามารถใช้เวลาร่วมกันจนถึงช่วงเช้าของอีกวันได้ เราไปเดินซื้อของที่ซุปเปอร์ปิงชวนผมขึ้นมาเดินเล่นข้างบนต่อเราสองคนแวะที่ร้านหนังสือด้วยนะ ปิงมันได้หนังสือทำอาหารเล่มใหม่มาด้วย ผมว่าก็ดีเหมือนกัน มันน่ะชอบบ่นเรื่องตำราเล่มเก่าที่เป็นภาษาอังกฤษหาว่าผมแกล้งซื้อมาให้มันอ่านแล้วปวดหัวทุกที คือคุณคงนึกไม่ออกหรอกว่าเวลามันทำอาหารไปด้วยแล้วเปิดดิกฯจิ้มกูเกิ้ลไปด้วยมันตลกแค่ไหน

“...ได้เหรอพี่”

มันหันมาถาม ผมสะกิดใจขึ้นทันทีความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมา ตลอดสัปดาห์คือผมไม่มีเวลาให้กับมันเลย ปิงมันคงจะทั้งน้อยใจและเสียใจแต่คือมันไม่พูดออกมาก็แค่นั่น ผมทำผิดกับมันมากมายจริง ๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่บ้านผมไม่อยากจะเล่าให้มันฟังกลัวมันเครียดคือจะให้ผมบอกมันว่าคุณแม่กันผมออกจากมันแล้วปิงจะทำยังไงต่อไป จะให้ผมบอกว่าผมลำบากใจยุ่งยากเครียดมาก แล้วปิงจะตัดสินใจยังไง คุณก็รู้ว่าปิงเป็นคนดีแค่ไหน บอกไปแล้วนี่สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือกลัวว่าปิงมันจะปล่อยมือไปจากผม ผมรู้สึกว่าตัวเองแย่มากจริง ๆ ที่ละเลยความรู้สึกของมันมากขนาดนี้

“ครับ วันนี้ผมจะค้าง”

มันพูดเสียงอ่อนคลี่รอยยิ้มส่งมาให้ผม แค่ผมทำหน้าไม่สบายใจแม้ว่าตัวมันทุกข์ใจแค่ไหน มันจะเลือกทางที่ผมคนนี้สบายใจ พูดจาและทำตัวร่าเริงทำให้ผมยิ้มได้และกลับมาเป็นผมคนเก่าคนนี้ทุกครั้งที่ใช้เวลาอยู่กับมัน หมาปิงจอมขี้เหร่ บ๊องและเวิ่นเว้อไม่มีใครเกินดูซิดูมันกำลังทำท่าทางล้อเลียนอะไรผมอยู่ ผมนี่กะจะโดดเข้าใส่แล้วนะถ้าหากไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะทุกอย่าง ผมหน้าเสียคิดออกได้ในทันทีว่าเป็นใครที่โทรมา ปิงเองหน้าก็เจื่อนลงเช่นกัน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเดินไปคว้าเอาหัวมันมาซุกอกไว้ ผมรู้ว่าผมปลอบใจใครไม่เก่งแต่ผมอยากให้มันรู้ว่าผมเองก็รู้นะว่ามันรู้สึกยังไง

“....ครับแม่” ผมกดรับสาย ปิงมุดออกจากแขนผม มันเดินไปถอดผ้ากันเปื้อนออกขณะที่ผมเดินเลี่ยงออกมานั่งที่โซฟา

“เอย์อยู่ไหนลูก ทานข้าวหรือยัง”

“ทานแล้วครับ” ผมโกหก

“ลูกอยู่ที่ไหน”

“ห้องครับ ที่คอนโด”

“เดี๋ยวแม่แวะเข้าไปรับแล้วเรากลับบ้านพร้อมกัน น้องเอย์ขับรถให้แม่นะลูก”

“แม่ครับวันนี้ผม......

“น้องเอย์ วันนี้แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเรา เอาเป็นว่าเดี๋ยวแม่เข้าไปรับตอนนี้เลย ดึกแล้วกว่าจะกลับถึงบ้านแล้วคุยกันอีก”

“งั้นก็ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวเราเจอกันที่บ้านเลย ผมเองก็มีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณแม่เหมือนกัน”

“ดีเลยจ๊ะ งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ เอย์รีบมานะลูก”

สายถูกตัดไปแล้ว ผมทิ้งแผ่นหลังพิงเข้ากับพนักโซฟาอย่างหมดแรง มองไปที่ห้องครัวปิงยังยืนอยู่ที่นั่นมันกำลังจัดเก็บข้าวของเข้าตู้ ผ้ากันเปื้อนถูกถอดออกแล้ว ขณะที่ผมตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าวันนี้ผมคงต้องคุยเรื่องของเราสองคนกับคุณแม่ให้รู้เรื่อง ไม่อยากปล่อยให้คาราคาซังต่อไปแบบนี้  ผมตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหามันกอดเอวมันเอาไว้ ความรู้สึกผิดอยู่ในใจท่วมท้น ก่อนหยิบเอาผ้ากันเปื้อนมาสวมให้มันใหม่อีกครั้ง

“ทำต่อสิ ไหนให้กูช่วยล้างอะไรบ้าง” มันหันกลับมามอง  ผมหยิบมะเขือเทศยื่นส่งให้พร้อมรอยยิ้มบาง อยากให้มันรู้ว่า ใช่แล้วมันเข้าใจไม่ผิดหรอกผมถูกตามตัวกลับบ้านอีกแล้วแต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังอยากทานข้าวกับมันก่อน เราสองคนมีความสุขเล็กๆกันตอนนี้ก็ยังได้ มันมองผมแน่นิ่ง ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะคลี่ออกแล้วส่งยิ้มกว้างมาให้ผมอย่างเคย

“งั้นเดี๋ยวผมรีบทำเลยเราจะได้รีบทานแล้วพี่จะได้รีบออกไปนะครับ”

ปิงน่ารักเสมอ ผมพยักหน้าให้มันเบา ๆ  คืนนั้นเราสองคนนั่งทานข้าวด้วยกันเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ผมปิดมือถือไว้แล้วใช้เวลาทั้งหมดที่เหลือของวันนี้เต็มที่ไปกับมัน เราคุยกันหัวเราะกัน ปิงเล่าโน่นเล่านี่ให้ผมฟังเยอะแยะมากมายไปหมด

“เอารถจอดไว้ที่นี่ดีไหม เดี๋ยวกูไปส่งมึงก่อน” เราสองคนเดินลงมาที่ชั้นล่าง ผมเดินไปส่งมันที่รถ

“ไม่เป็นไรพี่เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมต้องไปช่วยแม่กับพี่ขมเปิดร้าน แล้วพรุ่งนี้พี่เอย์จะเข้ามาตอนไหนครับ”

“ยังไม่รู้เลย ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะเป็นช่วงเช้า”

“อะไรคือถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด” มันหันมาถามทำหน้าสงสัย ผมจึงตัดสินใจพูด

“ปิง คืนนี้กูกะว่าจะเคลียร์กับคุณแม่ให้รู้เรื่อง  เรื่องของเราคงปล่อยผ่านไปไม่ได้แล้วคุณแม่เริ่มล้ำเส้นกูมากเกินไป”

“พี่เอย์ครับ” หน้าตามันคือตกใจมากพอสมควร แต่คือวันนี้ผมตัดสินใจแล้วจริง ๆ

“ไม่เป็นไร กูโอเค”

คืนนั้นผมกลับบ้านทั้งที่ในหัวนี่เต็มไปด้วยคำพูดมากมาย แน่นอนว่าเป็นเรื่องผมกับมันผมไม่รู้คุณแม่จะยอมรับได้มากน้อยแค่ไหนแต่ยังไงผมก็ต้องคุย อย่างน้อยท่านต้องรู้ว่าผมคิดยังไงกับปิง ทำยังไงท่านถึงจะเข้าใจผมและยอมรับปิงได้ ผมคิดจนสมองแทบระเบิดปวดหัวไปหมด









“อะไรครับแม่” คุณแม่ยื่นกระดาษเล็กๆใบหนึ่งส่งให้ ผมมองดูก็รู้ในทันทีมันคือ ตั๋วเครื่องบิน  มีเอกสารอีกปึกนึงถูกเลื่อนเข้ามาหาพร้อมกัน

“แม่ให้คุณสุเขาจัดการให้แล้ว เอย์ต้องไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก สัปดาห์หน้าเดินทางได้เลยเอกสารทุกอย่างพร้อมเรียบร้อย ไปลงเรียนภาษาเพิ่มเติมที่โน่นก่อนสักเดือนสองเดือนมหาลัยคงจะเปิดพอดี ช่วงนี้อเมริกาเข้าหน้าร้อนอากาศกำลังสบาย หรือลูกอยากจะไปพักผ่อนที่ฮาวายก่อนแม่ก็ไม่ว่า”

หัวผมเหมือนโดนค้อนหนักๆฟาดลงมากลางกระบาล ก้าวเซถอยหลังแบบไม่รู้ตัวเลย คือผมไม่คิดว่าคุณแม่จะใช้วิธีการนี้กับผม เรามีปัญหากันเรื่องปิงคุณแม่กันผมออกจากมันตลอด แต่ยังไงผมกับมันก็ได้เจอกันบ้างแม้ไม่บ่อยอย่างเคย  และถึงแม้เวลาที่ใช้ด้วยกันจะน้อยลงแต่คืออย่างน้อยเรายังอยู่ใกล้กัน แต่นี่คือมาบอกให้ผมไปเรียนต่อ มันคืออะไร?

“แม่ครับผมเคยบอกแล้วนี่ว่าผมจะเรียนต่อที่เมืองไทย ผมสมัครไว้แล้วเหลือแค่รอไปสอบ คุณแม่ทำแบบนี้ทำไมครับ ทำไมไม่ถามผมก่อนสักคำ จู่ ๆ ยื่นตั๋วเครื่องบินมาให้กันแบบนี้ ผมไม่ไปนะครับแม่” ผมหยิบเอาตั๋วขึ้นมาดู โคตรของความตกใจเมื่อเห็นว่าในวันที่ลงไว้ว่าเดินทางวันไหน  นั่นมันคือหนึ่งวันหลังจากวันครบกำหนดสัญญาของผมกับปิง

“ไม่ไปไม่ได้!” แม่ใช้น้ำเสียงจริงจังสวนขึ้น

“ผมไม่ไปครับ  ถ้าธุระของคุณแม่คือเรียกผมมาคุยเรื่องนี้ ผมขอตัว” ผมลุกขึ้นอย่างหัวเสีย ผมยอมท่านทุกอย่างเพราะเห็นว่าท่านเป็นแม่ ผมเคยทำให้ท่านเสียใจเหรอ ผมเป็นเด็กดี ไม่เคยทำตัวเกเร ผมตั้งใจเรียนทำทุกอย่างให้สมกับเป็นความหวังของท่าน ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆได้ ให้ท่านมีหน้ามีตา ผมยอมท่านมาตลอด ยอมเรียนวิศวกรรมโยธาเหตุผลก็เพราะบ้านเราทำบริษัทเกี่ยวกับโครงการก่อสร้าง คือผมยอมทำให้หมด ผมตามใจคุณแม่ตั้งแต่เด็ก แต่ทำไมครับ ทำไมเมื่อถึงวันที่ผมจะเรียกร้องทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการบ้าง ทำไมคุณแม่ถึงตามใจผมไม่ได้  ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นความผิดอะไรเลยแค่ผมรักผู้ชายคนนึงแค่นั้น

“น้องเอย์!” เธอเดินมาดึงแขนผม ผมที่กำลังจะก้าวออกไปจากห้อง 

“ผมอยากให้คุณแม่ช่วยเข้าใจผมด้วย”

“ลูกต้องไปเรียน แม่หวังดี กลับมาลูกจะมีประสบการณ์ มีคอนเน็กชั่นกับเพื่อนต่างชาติทั่วโลก รู้จักทักษะการใช้ภาษางานบริหารไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เอย์เรียนที่นั่นสักสองปีจบแล้วฝึกงานอีกสักปี  ถึงวันนั้นลูกจะกลับมาเมืองไทยพร้อมกับผงาดขึ้นในวงการธุรกิจได้เลย น้องเอย์ทำได้นะลูก”

“ไม่ใช่เรื่องนั้นครับแม่ ผมอยู่ที่นี่ก็มีคอนเน็กชั่นกับเพื่อน ๆผมได้  ผมยังไม่อยากเสียตรงนี้ไปเพื่อนที่เมืองไทยผมก็เยอะ คุณแม่ครับ ผมไม่ไป ผมเคยบอกไปหลายครั้งแล้วคุณแม่เองก็ไม่เห็นเคยว่า ผมบอกอยู่เสมอใช่ไหมครับว่าผมจะเรียนต่อที่นี่เลย ผมถึงขนาดสมัครไปแล้วแม่ก็เห็นนี่” 

“เพราะอะไร?” เธอเดินเข้ามาหาแล้วจ้องหน้าผม

“....................” ผมไม่ได้พูดตอบไปเพราะผมบอกไปแล้วทั้งเรื่องปิง เรื่องเพื่อน รวมทั้งความต้องการของผมเอง ผมไม่เคยคิดจะไปเรียนต่อที่ไหนถ้าไม่ใช่ที่นี่ ผมคิดของผมมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งมาคิดตอนที่มีปิงเข้ามา

“เพราะเด็กคนนั้น?”  ในที่สุดคุณแม่ก็เข้าเรื่องจนได้ นี่คงเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้มาคุยกันในวันนี้ ผมมองท่านอย่างผิดหวังเหมือนกันนะ ไม่คิดเลยว่าท่านจะโยงเข้าเรื่องของปิงจนเป็นเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้

“แม่ครับ นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่แม่คิดจะทำ แค่แม่อยากกันผมออกจากปิงต้องทำขนาดนี้ คุณแม่ดูหน้าผมสิครับอาทิตย์ที่ผ่านมานี่คุณแม่เห็นรอยยิ้มจากผมบ้างไหม ไหนคุณแม่เคยบอกไงว่าความสุขของผมก็คือความสุขของแม่ แล้วในวันที่ผมทุกข์ใจอยู่แบบนี้คุณแม่มีความสุขงั้นหรือครับ”

“เอย์ตั้น!!” คุณแม่ตะคอกลั่นเสียงสั่นคล้ายคนจะขาดใจ นี่คือครั้งแรกที่แม่เป็นแบบนี้ ผมไม่เคยเถียงท่านหรือขัดใจท่านเลย แต่ครั้งนี้ผมยอมไม่ได้จริง ๆ

“เดี๋ยวนี้ถึงขนาดเถียงแม่ แค่แม่พูดถึงเด็กคนนั้นเอย์กล้าขึ้นเสียงกับแม่เลยเหรอลูก”

“ผมขอโทษถ้าทำให้คุณแม่ผิดหวังหรือเสียใจ แต่เรื่องความรู้สึกผมเองก็ควบคุมไม่ได้จริง ๆ ผมรักปิง เราสองคนรักกัน ผมจะเรียนต่อที่นี่และจะคบกับปิงต่อด้วยผมไม่สนใจอะไรใครทั้งนั้น ถ้าคุณแม่ไม่พอใจผมจะไม่กลับมาให้คุณแม่เห็นหน้าสักพัก เอาไว้จนกว่าคุณแม่จะใจเย็นลงก่อน”

“ลูกจะเอาแบบนั้นใช่ไหม” เธอสวนขึ้น ก้าวเข้ามายืนขวางหน้าผมไว้   ผมมองดูท่านอย่างพิจารณาอีกครั้งคุณแม่ตัวสูงแค่ไหล่ผมเท่านั้นผู้หญิงทำงานที่เก่งแสนเก่งทุกอย่าง ผมไม่อยากเชื่อว่าวันนี้คุณแม่เลือกจะทำในสิ่งที่รู้ทั้งรู้ว่าลูกคนนี้ไม่สบายใจ ผมไม่เชื่อว่าคุณแม่อ่านไม่ออกว่าผมคิดและรู้สึกอย่างไร ท่านไม่เคยมองอะไรผิดพลาดเลย แล้วยิ่งได้รู้มาจากปิงว่าท่านไปหาปิงถึงที่ร้านได้คุยได้รู้จักกับมันผมยิ่งงงว่าทำไมคุณแม่ดูไม่ออกเหรอว่าปิงเป็นเด็กดี กตัญญูและน่ารักแค่ไหน

“ที่ลูกบอกว่าไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้นนี่คือลูกจะเอาแบบนั้นใช่ไหม! ไม่ว่ายังไงลูกก็จะไม่ไปงั้นใช่ไหม!จะยืนยันว่าจะคบกันต่อใช่ไหม!”  เธอจ้องหน้าผม

“ใช่ครับ” ผมตอบหนักแน่น

“พูดแล้วอย่าคืนคำ แม่เคยสอนใช่ไหมลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น ห้ามเปลี่ยนใจเด็ดขาด เอย์ยืนยันแบบนั้นใช่ไหมลูก”

“ครับ ผมมั่นใจ ผมตัดสินใจแล้วทุกอย่างที่พูดไปก่อนหน้านั้น”

“งั้นก็ดี” คุณแม่ปล่อยมือออกจากแขนผม ผมรู้สึกแปลกใจคือกำลังนึกว่าทำไมจู่ ๆ คุณแม่ถึงยอม ทำไมอะไรๆถึงดูง่าย คุณแม่ไม่น่าจะยอมรับได้ง่ายและเร็วแบบนี้ เมื่อกี้ผมเพิ่งจะสารภาพว่าผมรู้สึกยังไงกับปิงและผมเพิ่งจะปฏิเสธเรื่องไปเรียน

ทำไมคุณแม่จู่ๆถึง....

“ถ้างั้นเอย์ก็เรียนต่อที่เมืองไทยไป ไม่ต้องสนใจเรื่องครอบครัวของเด็กคนนั้น เรื่องร้านเรื่องบ้านที่เช่าอยู่ ถ้าเอย์จะเรียนต่อที่นี่เอย์ไม่มีสิทธ์ที่จะมาขวางแม่ แม่สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อกันเด็กนั่นออกจากเอย์”

คุณแม่เดินกลับไปที่โต๊ะหยิบเอกสารบางอย่างขึ้นมาแล้วยัดลงที่อกผม

ใบสัญญาเช่าที่ร้านอาหารเล็กๆนั่นรวมถึงใบสัญญาเช่าบ้านหลังเล็กๆในหมู่บ้านที่ปิงแม่ปิงและพี่ขมอาศัยอยู่ด้วยกัน ผมเงยหน้ามองท่านอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคุณแม่คิดจะทำกับปิงขนาดนี้

“น้องเอย์อย่าลืมนะลูกว่าเรามีบริษัทรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเป็นของเราเอง แค่แม่มีคำสั่งสั้น ๆ ครั้งเดียวทั้งบ้านทั้งร้านของครอบครัวเด็กนั่นจะหายวับไปกับตา เอย์รู้ใช่ไหมแม่พูดแล้วทำได้จริง”

“...แม่...ครับ...” ผมเสียงสั่น จ้องมองคนที่ผมเรียกว่าแม่อย่างไม่อยากเชื่อ น้ำนัยน์ตารื้นขึ้นมาแทบควบคุมไม่อยู่

“ก็ในเมื่อเอย์บอกเองว่าจะไม่ไปเรียนต่อเอย์ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขนี้ได้ แล้วอย่าคิดว่าจะเอาเงินของตัวเองไปซื้อไปหาอะไรให้เด็กนั่นใหม่ เพราะถ้าแม่รู้ว่าครอบครัวนั้นรับความช่วยเหลือจากเงินของลูกชายแม่ แม่จะเอาให้บ้านมันล้มละลายหมดตัวไม่มีที่แม้แต่จะซุกหัวนอนเลยคอยดู”

“คุณแม่!” ผมอุทานขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินแม่ตัวเองพูดถึงขนาดนั้น คำพูดแบบนั้นออกมาจากปากคุณแม่ของผมได้ยังไง  คุณแม่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ แม่รันคนใจดีคนนั้นหายไปไหน

“แม่ทำได้ทุกอย่าง เพื่อลูก!”

ผมเซถอยหลังทันทีที่คำว่า ‘เพื่อลูก’ หลุดออกมาจากริมฝีปากเธอ แค่นยิ้มขมขื่นสุดข่มกลั้น คุณแม่เบือนหน้าไปอีกทางน้ำตาคลอพยายามเงยหน้ากลืนเก็บหยาดหยดของน้ำตาแห่งความผิดหวังเสียใจกับผมคนนี้

เพื่อลูกงั้นเหรอ? อะไรคือเพื่อผมล่ะ ความสุขของผมอยู่ที่ไหนกัน

“ขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว เอาเป็นว่าเอย์จะไม่ไปเรียนแค่นั้นแม่เข้าใจแล้ว เพราะฉะนั้นเงื่อนไขของแม่เอย์ต้องเข้าใจด้วย จะมาว่าแม่ใจร้ายที่หลังไม่ได้”

เธอพูดแล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะก้มลงสนใจงานที่วางอยู่ต่อ ผมคนนี้ยืนแน่นิ่งทำอะไรไม่ถูก ทบทวนสิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมด ผมกำลังจะทำให้ปิงและครอบครัวมันเดือดร้อน ทำไมกัน ผมจะรักใครสักคนทำไมถึงเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ขนาดนี้

“ไปได้แล้วยืนรีรออะไรอยู่”

“แม่ครับผมขอร้องอย่ารังแกบ้านปิง ครอบครัวเขาเป็นคนดี ปิงเป็นเด็กดี ผมไม่อยากให้น้องเดือดร้อน”

“ช่วยไม่ได้นะ ในเมื่อลูกเป็นคนตัดสินใจเอง แม่ก็แค่ยื่นเงื่อนไขของแม่ไป ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำแม่เองก็ทวนกับเอย์แล้วนะลูก”

“แล้วผมต้องทำยังไง! ผมคนนี้ต้องทำยังไงถึงจะสมใจคุณแม่ คุณแม่จะให้ผมทำอะไรบ้างถึงจะยกเลิกเงื่อนไขบ้าๆนั่น  ผมต้องทำยังไงครับแม่!” ผมตะโกนเสียงสั่นอย่างเหลืออด แม่จ้องผมนิ่ง เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นเพราะน้ำเสียงที่ผมใช้พูดกับเธอไม่ธรรมดาแล้วคุณแม่บีบผมมากเกินไป นี่ไม่ใช่แค่การล้ำเส้นแต่คุณแม่กำลังเข้ามาควบคุมชีวิตผม

“เลิกกันซะ!  จบกับเด็กนั่นแล้วไปเรียนต่อ ลูกยังเด็กอาจจะต้องใช้เวลาบ้างแต่ไม่นานลูกจะลืมได้ เพิ่งรู้จักกันแค่หกเจ็ดเดือน แม่รับรองได้ว่านั่นไม่ใช่ความรักแน่ ๆ เคลียร์ตัวเองแล้วแม่จะลืมทุกอย่างที่ผิดพลาดของเอย์ เริ่มต้นใหม่ ลูกมีคู่หมั้นอยู่แล้วอย่าลืมความเป็นจริงตรงนั้น”

“ผมรักปิง แม่จะพูดว่าผมยังไงก็ได้แต่อย่ามาบอกว่าความรักและความรู้สึกของผมไม่ใช่ของแท้”

“เอตั้น!!!” เธอตะคอกขึ้นอีกครั้งแล้วเดินหน้าเข้าหา “ความรู้สึกจอมปลอมแบบนั้น ความรักของผู้ชายกับผู้ชายมีใครบ้างที่ยอมรับว่ามันจะจีรังยั่งยืน ตอนนี้ลูกคบกันแค่เจ็ดเดือนยังหลงจนหน้ามืดตามัวแบบนี้ ต่อไปถ้าหากว่าแม่ยอมรับ ลูกจะไม่เอาเด็กนั่นขึ้นมาเหยียบหัวแม่เลยเหรอ”

“แม่ครับ ปิงเป็นเด็กดี ผมขอโอกาสให้แม่ได้ลองรู้จักกับน้องก่อน”

“ไม่จำเป็น! ออกไปได้แล้ว ธุระของเราจบแล้วถ้าลูกยังขืนพูดต่ออีกแม่จะถือว่าลูกเลือกที่จะเรียนต่อที่เมืองไทย พรุ่งนี้แม่จะได้สั่งให้เด็กไปเวนคืนที่ดินทั้งสองจุดที่ครอบครัวเด็กนั่นอยู่แล้วรื้อทุกอย่างออกให้หมดเลย”

“...คุณ-แม่...” ผมเสียงสั่นเข่าทรุดลงที่พื้น เงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงคนที่ผมเรียกว่าแม่ น้ำตาผมไหลออกมาอย่างที่ไม่อาย คุณแม่ทำไมทำร้ายผมได้มากมายแบบนี้ ทำกับคนที่ผมรักก็เท่ากับทำกับผม แล้วผมคนนี้จะต้องทำยังไง

แม่หันหลังให้ทันทีไหล่เล็กๆสั่นเทิ้มผมรู้แม่ร้องไห้แล้วแน่ ๆ ผมทำให้แม่ร้องไห้แล้วแม่ก็ทำให้ผมร้องไห้ มันมีความสุขตรงไหนกันทำไมเราสองคนแม่ลูกถึงพูดจาไม่เข้าใจกันแบบนี้ หัวใจผมปวดแปลบก่อนพยุงตัวลุกขึ้นแล้วลากขาออกไปด้านนอก





นับจากวันนั้นมาแม่ไม่อยู่ให้ผมได้คุยสะดวกเลยสักครั้ง ผมตื่นมาแต่เช้าเพื่อจะคุยกับท่าน แต่แม่ก็ออกไปทำงานแล้วพอผมตามไปที่ห้องทำงาน มีการเรียกประชุมทั้งเลขาทั้งใครต่อใครมากมายเต็มห้องผมรอจนถึงเที่ยงแม่ต้องออกไปทานข้าวกับลูกค้าอีก พอถึงช่วงเย็มมีไปดูไซด์งานตามสถานที่ต่าง ๆ กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ค่ำมืดดึกดื่นผมรอจนผมหลับไปก็หลายครั้ง ไม่เคยมีวันไหนที่เราสองคนจะได้คุยกันอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว

จนกระทั่ง....หนึ่งวันก่อนถึงวันครบกำหนดสัญญาของผมกับปิง  ผมเหลือโอกาสครั้งสุดท้าย

ที่หน้าประตูห้องทำงานของแม่ ผมที่กำลังจะเคาะเรียกอยู่แล้วต้องหยุดหันไปเพราะได้ยินเสียงเรียกขึ้นที่ด้านหลัง ซีซ่าร์มันกำลังจะออกไปทำงาน มันรู้เรื่องผมกับปิงตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แต่คือมันไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ขนาดวันนี้ดึกแล้วก็ยังจะต้องออกไปอีก

“สู้นะเว้ย” มันตบบ่าให้กำลังใจ แววตาคือเชียร์อัพผมเต็มที่  ผมมองมันแล้วแค่นรอยยิ้ม คือผมรู้สึกขอบคุณมันนะซ่าร์ก็เหมือนผม มันปลอบใจใครไม่ค่อยเก่ง เราสองพี่น้องเวลาให้กำลังใจกันปกติจะเหน็บกันเสียมากกว่า คำพูดหวานๆนี่ไม่ค่อยมีเหมือนคนอื่นเขาหรอก แต่วันนี้ผมเจอปัญหามันเข้ามาปลอบผม แค่นี้ผมโอเคนะสำหรับพี่ชายคนเดียวของผม



ก๊อกๆ

“แม่ครับ ผมขอคุยด้วยสักครู่” ผมเคาะประตูห้องทำงาน วันนี้คุณแม่กลับเร็วถึงบ้านสามทุ่ม ผมที่นั่งรออยู่จึงเดินเข้าไปหา แม่เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร ในมือยังถือปากกาคาไว้

“แม่ครับ เอย์ขอร้อง ขอให้เอย์ได้เรียนอยู่ที่นี่  ขอให้เอย์ได้คบกับปิง ขอให้เอย์....

“ขึ้นนอนซะเอย์ตั้น ดึกแล้วลูกเตรียมตัวเช็คเอกสารเรียบร้อยแล้วใช่ไหม เมื่อรืนนี้ลูกต้องเดินทางแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้วนะกลับมาคราวนี้แม่เตรียมของขวัญสุดพิเศษไว้ให้ลูก แค่เอย์ตั้งใจเรียนแค่นั้นพอ”

“แม่ครับ” คุณแม่ลุกขึ้นเดินมาหยิบแฟ้มบางอย่างที่ข้างโต๊ะตู้เหล็กเก็บเอกสารมากมายรวมกันอยู่ที่นี่

“จะไม่มีการติดต่อกันระหว่างน้องเอย์กับเด็กคนนั้น ถ้าหากแม่รู้ว่าลูกผิดสัญญากับแม่ นับตั้งแต่วันที่ลูกออกจากประเทศไป แม่จะจัดการครอบครัวนั้นให้เด็ดขาด แม่ไม่ได้ขู่ ลูกรู้ว่าแม่ทำได้จริงแน่ รักษาสัญญากับแม่ด้วย  ออกไปได้แล้วแม่จะทำงาน”

ผมคุกเข่าลงทันที เธอปรายสายตามา ผมเงยหน้ามองคุณแม่ของผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอ้อนวอน 

แม่รัน.....ผู้หญิงใจดีที่สุดในโลกของผม ผู้หญิงที่โอบอุ้มผมเสมอเวลาที่ผมร้องไห้ ผู้หญิงที่ป้อนข้าว ป้อนนม ป้อนขนม ป้อนยา อาบน้ำให้ผม แต่งตัวให้ผม อุ้มผมไปหาหมอ กางร่มให้ในวันที่ฝนตก คุณแม่ดูแลผม ห่มผ้าให้ จับมือเขียนหนังสือ สอนการบ้าน พาบวกเลข เล่านิทาน กล่อมผมนอน แม้กระทั่งสอนขับรถคุณแม่คนนี้ของผมก็เป็นคนทำ

คุณแม่ที่เคยเข้าใจผมเสมอและตลอดมา แต่ทำไมตอนนี้.....

“คุณแม่ไม่สงสารน้องเอย์เหรอ คุณแม่ไม่รักเอย์แล้วเหรอครับ”

ผมหมดปัญญาที่จะพูดขอร้องต่อ ก้มหน้าร้องไห้อย่างหมดอาย ผมไม่มีอะไรจะแลกแล้วจริง ๆ คุณแม่เองก็คงดูรู้เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมแทนตัวเองว่า ‘น้องเอย์’ นั่นคือแม่ไม่เคยขัดใจผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว  เธอยืนจ้องผมนิ่งในมือเล็กสั่นสะท้านแฟ้มงานที่ถืออยู่ร่วงกรูตกลงที่พื้น แม่รีบหันหลังให้คว้าเอาพนักเก้าอี้ไว้เป็นหลักยึดเพื่อทรงตัว  ไหล่เล็ก ๆ ของเธอสั่นเทิ้ม เสียงสะอื้นไห้ดังลอดออกมา

....คุณแม่ร้องไห้.....

“น้องเอย์  แม่รักน้องเอย์ที่สุดในชีวิต ความสุขของลูกคือทุกๆอย่างของแม่ แม่ยังยืนยันคำนี้เสมอ เอย์ลองให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์หลายสิ่งหลายอย่างดู อย่างน้อย ๆ ใจของเราเองถ้าหากเอย์ยืนยันว่าความรู้สึกนั้นเป็นของแท้ไม่ว่าจะยาวนานแค่ไหน กี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี ความรู้สึกของน้องเอย์ก็จะไม่เปลี่ยน รวมถึงความรู้สึกของเด็กคนนั้นก็ด้วย แม่ขอแค่เวลาเท่านั้น ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าใครคนนั้นที่ลูกรัก เขาเองก็รักลูกจริง ๆ เขาจะซื่อตรงและไม่ลืมน้องเอย์  ไม่ว่าเอย์จะไปนานแค่ไหน ไม่ว่าพวกลูกต้องห่างไกลกันเพียงใด แม่รู้ สักวันหนึ่งหัวใจของลูกทั้งสองคนต้องเดินทางกลับมาพบเจอกันอีกครั้งแน่นอน จนกว่าจะถึงวันนั้นน้องเอย์จะโตเป็นผู้ใหญ่กลับมารับตำแหน่งผู้บริหารมีอำนาจในการตัดสินใจ แล้วเราสองคนจะกลับมาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง ถ้าหากว่าเอย์ยังไม่ลืม”












ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

ผมไม่มีวันลืมว่าวันนี้คือวันอะไร วันสำคัญของผมกับมัน.....วันที่เราสองคนเฝ้ารอเสมอแต่ทว่า กลับต้องมาเป็นวันสุดท้ายก่อนที่มันและผมจะต้องห่างกันไกลแสนไกล

ผมต้องไป....แสนไกล......ในขณะที่ถึงสัญญานัดของเรา แล้วผมคนนี้ยังจะกล้าทำอะไรมันงั้นหรือ?? ผมไม่คิดจะทำร้ายมันมากมายขนาดนั้นหรอก แค่วันนี้ที่ผมจะต้องบอกกับมันผมก็ไม่รู้ว่ามันจะทำใจยอมรับได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว

ผมโทรหาปิงขณะที่ขับรถออกจากบ้าน ถามมันว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน

“กำลังจะถึงห้องพี่แล้วครับ พี่เอย์อยู่ไหน”

“กำลังออกมาจากบ้านเดี๋ยวจะถึงห้องแล้วเหมือนกัน”

“คืนนี้พี่ค้างได้เหรอครับ” เสียงมันถามเบาหวิว ผมถึงกับเงียบไป เสียงของมัน....

“พี่เอย์?”

“ค้างได้สิ”

ความร็สึกผิดในหัวใจผมท่วมท้น ถ้าผมอยู่ข้างมันตอนนี้ผมคงจะคว้าเอาตัวมันเข้ามากอด ผมเอง ผมผิด ผมผิดทุกอย่าง ผมทำไมต้องเป็นคนของอัศวเหมมินทร์ทำไมถึงต้องเป็นผม ถ้าหากว่าผมเป็นแค่คนธรรมดาบางทีเรื่องราวของเราอาจจะง่ายขึ้น

ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง แค่เห็นด้านหลังของคนที่นั่งรอผมอยู่แล้วผมลืมแทบทุกอย่าง ทิ้งกระเป๋าลงที่โซฟา พุ่งเข้าหามันจับตัวมันขึ้นมาแล้วจูบ จูบให้สมกับที่ผมคิดถึง จูบให้สมกับที่ผมและมันไม่ได้เจอกันมานานมากเกือบอาทิตย์ และจูบให้สมกับที่ผมจะไม่ได้เจอมันอีกแสนนาน

ปิงเป็นของผม ของผมแค่คนเดียวเท่านั้น ผมดันมันถอยหลังจนชิดผนังกระจกจูบซ้ำแล้วซ้ำอีกอยากจะย้ำให้มันไม่ลืมผมคนนี้ มันยังไม่รู้เรื่องที่ผมจะไปเรียนต่อ ถึงขนาดถามว่าผมหิวโหยอดอยากมากเหรอไม่เจอกันแค่สามสี่วัน แต่ความรู้สึกของผมคือไม่ใช่เลย เราสองคนจะไม่ได้เจอกันอีกหลายๆปีนั่นต่างหากที่ผมกำลังคิด ผมประคองสองแก้มมันพร้อมกับกดหน้าผากผมชนเข้ากับหน้าผากเล็กของมัน

“ปิง ถ้ามึงไม่เจอกูนานๆมึงจะคิดถึงกูไหม” ผมรู้ว่าเสียงผมสั่น ผมควบคุมตัวเองไม่ได้

“พี่เอย์?” มันทำหน้าสงสัย

“ตอบดิ่ ตอบกูก่อน”

“คิดถึงสิครับ”

“จะคิดถึงกูจริงนะ มึงจะลืมกูหรือเปล่า”

“เป็นไรอ่ะพี่ ทำไมถึงถามอะไรแบบนั้น”

“ตอบกูหน่อย มึงจะไม่ลืมกูใช่ไหม” ผมลูบแก้มมัน ลูบแล้วก็ลูบอีก ผมอยากจะจดจำทุกๆอย่างของมัน ไว้ในความทรงจำ

“พี่เอย์ครับ?” มันคงกำลังคิดว่าผมเป็นอะไร ผมจูบลงที่หน้าผากมันก่อนดึงแขนมันให้เดินตาม

“อาบน้ำด้วยกัน” ผมบอก

ปิงขัดขืนนิดหน่อยผมจับมันยัดเข้าไปในห้องน้ำทันทีก่อนจะรั้งตัวมันเข้ามารับจูบ ผมจูบอย่างโหยหากวาดต้อนเอาทุกสิ่งทุกอย่างจากมันจนหมดสิ้น ดันตัวมันให้เดินถอยหลังเข้าไปในห้องอาบน้ำที่เป็นกระจกใสแคบ ๆ เปิดฝักบัวให้สายน้ำราดรดลงมาใส่ เนื้อตัวของเราสองกอดรัดกันอยู่ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ เสื้อผ้าทั้งผมและมันเปียกโชก ปิงใส่เสื้อยืดสีขาวพอถูกน้ำแล้วแนบเนื้อไปทั้งตัว ผมที่ดูดลิ้นมันไว้แทบทานทนต่อไปอีกไม่ไหวหอบหายใจหนักละริมฝีปากบอกมันให้ยกแขนขึ้นสูงเพื่อให้ผมได้ถอดเสื้อมันได้ถนัด

ผมไล่จูบลงมาตั้งแต่ลำคอ หน้าอก ยันท้องขาวเนียน ปิงเป็นเด็กที่ผิวสวยมาก ผมไล้เลียขบดูดในทุกๆที่ ที่ผมจะไปได้ ขณะที่มันเองก็ไม่น้อยไปกว่ากัน เราสองคนโรมกันซึ่งกันและกันจนในที่สุดผมกับมันเปลือยเปล่า สายน้ำเย็นเฉียบมิอาจต้านทานหรือลดทอนความร้อนแรงของอารมณ์เราสองลงได้แม้แต่น้อย

ผมลากมันออกมาต่อกันที่อ่างน้ำเราสองคนจูบกันมาตลอดทาง เมื่อความอดทนถึงที่สุดผมทั้งขบทั้งกัดตีตราทุกตารางส่วนบนเนื้อตัวมัน ผมจูบมันแบบยาวนานมาก น้ำในอ่างกระเพื่อมล้นขณะที่ผมรั้งเอวมันเข้ามานั่งซ้อนลงที่ตัก ต้นคอและแผ่นหลังรวมถึงสะโพกสวยของมัน ผมจะทำทุกอย่างให้มันมีความสุข ผมจะปรนเปรอให้ ผมจะทำทุกจุดในทุกๆส่วน   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2015 22:57:50 โดย coffeeQbread »

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29


https://www.youtube.com/v/krlyxKNuLTA


ปิงร้องครางตัวเกร็งเมื่อผมลงลิ้นร้อนเข้าที่จุดนั้นซ้ำๆ ผมทำจนผมพอใจขณะที่มันครางกระเส่าสองมือจิกขอบอ่างไว้แน่น ส่งเสียงครางเครือดังลั่น เมื่อผมเห็นว่าถึงที่สุดของอดทนมันแล้ว ผมจับมันลุกขึ้นยืนเราสองคนกระโจนหากันเหมือนคนอดอยากและโหยหามาเนิ่นนาน ความรู้สึกของผมคือผมจะกอดเกี่ยวมันไว้ให้นานที่สุดก่อนที่ผมจะไม่ได้เจอมันอีกไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหนและผมจะมีโอกาสอีกหรือไม่  ผมจับมันนั่งลงที่ขอบอ่าง ส่วนตัวเองคุกเข่าลงที่หว่างขามัน ก้มลงไปปรนเปรอให้อย่างที่ไม่เคยทำ มันจิกหัวผมแน่นร้องลั่นไม่เป็นภาษา ผมยิ่งย่ามใจจัดให้มันแบบเต็มที่ไม่มีกั๊ก


ในที่สุดผมยืนขึ้นจดจ่อลูกชายตัวดีเข้ากับริมฝีปากมัน ปิงจัดการให้ผมแบบไม่ต้องขอ มันทำเก่งมากไม่รู้ไปดูมาจากไหนคิดแล้วเครียดเหมือนกันทั้งที่ผมรู้นะว่าผมคนนี้คือผู้ชายคนแรกของมัน ผมครางเสียงต่ำเพื่อระบายอารมณ์กระสัน จิกหัวมันแล้วโยกสะโพกสวนกระแทกเข้าที่ปาก เคยมีคนบอกว่าบทรักของผมรุนแรงและเร่าร้อนผมเทให้มันจนหมดหน้าตักในวันนี้ ทั้งที่ก็รู้ว่าเราสองคนจะทำได้แค่นี้แค่ภายนอก ผมจะไม่ทำกับมันถึงขั้นสุดท้าย เหตุผลเพราะผมจะต้องไปผมไม่อยากให้มันมีรอยแผลเป็นเกิดขึ้นในชีวิต แค่หัวใจและความรู้สึกของมันก็โดนผมทำร้ายเพียงพอแล้วเพราะฉะนั้นเรื่องรักและสัญญาของเราครั้งนี้ผมจะฉีกมันทิ้งด้วยมือของผมเอง....เพื่อมัน


เรามาต่อกันที่เตียงผมซุกไซ้ซอกคอมันเล่น ขบๆดูดๆอยู่อย่างนั้นขณะที่มันเอียงหัวนิดๆเพื่อเปิดพื้นที่ให้ผมไซ้ได้สะดวก ปิงตัวหอมและนุ่มมากผมทั้งสูดทั้งดมเพื่อตอกย้ำลงในหัวใจถึงกลิ่นและร่างกายของมัน มีการบอกให้ผมปิดไฟก่อนด้วยนะ มันน่ะพูดจาไม่รู้จักอายหรอกเมื่อกี้ยังล่อกันอยู่ในห้องน้ำที่สว่างโล่แท้ ๆ ตอนนี้มากกกันอยู่บนเตียงดันบอกให้ผมปิดไฟ ผมที่ซุกซอกคอมันอยู่ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว

“อายกูเหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นถามก่อนที่จะเอื้อมมือไปกดสวิทไฟนีออนที่หัวเตียงพร้อม ๆ กับกระตุกเชือกโคมไฟผ้า ห้องทั้งห้องเปลี่ยนเป็นแสงสีส้มระเรื่อเข้ามาแทนที่ หน้ามันแดงจัดคงจะเขินอายและคิดว่าผมกำลังจะทำตามสัญญานัดสามเดือนของเรา ผมที่คร่อมตัวมันไว้ประคองสองแก้มนิ่มอย่างเบามือกดปลายจมูกโด่งหอมลงที่พวงแก้มสีสดอย่างตั้งใจ หมาปิงมีลักยิ้มด้วยนะผมเคยบอกหรือยัง? แก้มมันกลมๆสีอมชมพูเห็นเส้นเลือดฝอยเล็กๆน่ารักมาก ที่ผมชอบเรียกมันว่า ‘ขี้เหร่’ ก็เพราะเวลามันยิ้มแก้มมันจะยุ้ยๆ ป่องๆเหมือนเด็ก

“ปิง” ผมเรียกมัน มองหน้ามันไว้ เก็บรายละเอียดจดจำทุกส่วนสัดบนใบหน้านี้ให้ เก็บและฝังลึกตอกลงในหัวใจ สองมือที่ประคองสองแก้มลูบแล้วลูบอีกด้วยความรู้สึกเอ่อล้น

ผมรักมัน........มากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“มึงน่ะ ชอบกินข้าวไม่ตรงเวลา บางวันเตะบอลจนเพลินทำให้เลยเวลากินข้าวเย็นไปมาก ต่อไปรักษาเวลากินข้าวหน่อยนะ มึงจะได้ไม่ปวดท้อง” มันเลิกคิ้วขึ้นนิดๆคงกำลังฟังผมอยู่

“แล้วเรื่องที่ชอบขับรถตากทั้งแดดตากทั้งฝนไม่สนใจสุขภาพของตัวเองก็เหมือนกัน เลิกซะนะต่อไปต้องดูแลตัวเองให้ดีรู้ไหม”

ผมรู้เลยว่าเสียงผมสั่นเครือมาก มือไม้พลอยสั่นไปหมด ผมเริ่มทำอะไรไม่ถูกเมื่อเวลานี้มาถึงจริง ๆ เมื่อคืนผมนอนคิดตลอดทั้งคืนผมจะบอกมันว่ายังไง จะบอกตอนไหน และเหตุผลคืออะไร ปิงเริ่มทำหน้าสงสัย

“อีกอย่าง มึงมันชอบวิ่งผ่านน้ำ อย่าอาบเร็วนักสิ หัดถูสบู่ขัดตัวบ้าง กูรู้นะบางวันขี้เกียจถึงขนาดไม่อาบเลยก็มี ต่อไปห้ามทำแบบนั้นอีกนะ ถ้าเป็นไปได้ก็ซื้อครีมอาบน้ำดี ๆ มาใช้สักขวดเอากลิ่นที่มึงชอบ แบบนั้นมึงจะได้ขยันอาบมากหน่อยเนื้อตัวจะได้ไม่มอมแมม จะได้สะอาด”

ผมพยายามจะปรับเสียงให้เป็นปรกติ ไม่อาจละสายตาจากใบหน้ามันได้เลย ใบหน้าที่ผมคนนี้จะไม่มีวันลืม ไม่ว่าเราสองคนจะห่างกันนานแค่ไหน

“พี่เอย์ครับ??” มันเรียกผม ทำหน้าตาสงสัย ขณะที่ผมมองมันด้วยความรู้สึกท้วมท้นไปด้วยความเสียใจกับถ้อยคำที่จะต้องกล่าวลา

“และสุดท้าย เวลามึงกินข้าวให้เลือกกินแต่อาหารดีๆแบบที่มึงทำให้กูกินนะ อย่ามีแต่ซื้อกับข้าวถุงมึงบอกเองนี่ว่าแบบนั้นผงชูรสเยอะ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็พยายามทำกินเอง”

“พี่เอย์ พี่เป็นอะไ-” ผมส่ายหัวเบา ๆ ไล้ปลายนิ้วเข้าที่ริมฝีปากมันอย่างเชื่องช้าทอดสายตามองดวงหน้าเล็กอย่างอาลัย ก่อนที่ผมคนนี้จะตัดสินใจเอ่ยถ้อยคำที่ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พูดออกมากับมัน

“ปิงครับ......................... พรุ่งนี้กูจะไปเรียนต่อนะ”

ถ้อยคำแผ่วเบากลั่นออกมาจากหัวใจที่แตกสลาย  ผมรู้....ผมรู้ว่ามันรู้สึกตกใจแค่ไหน ผมรู้ว่าผมคนนี้ได้ทำลายหัวใจอันแสนบริสุทธิ์ของมันเข้าไปแล้ว ผมเคยบอกมันไว้เสมอไม่ว่าเมื่อไหร่เวลาที่มันถามผมจะบอกอยู่เสมอว่าผมจะเรียนต่อที่นี่ไม่ไปไหน ผมสอดมือเข้าไปที่ท้ายทอยมันพร้อมกับกดหน้าผากตัวเองทาบลงไปแค่นรอยยิ้มสมเพชให้กับตัวผมเอง ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างผมจะยอมปล่อยมือจากมันง่ายดายขนาดนี้


“เร็วไปหน่อยใช่ไหม....แต่ตั๋วเครื่องบินก็ตีวันที่ไว้เป็นวันพรุ่งนี้แล้ว”


ปิงนิ่งเงียบไปตาดวงเล็กกลมๆของมันรื้นขึ้นด้วยรอยน้ำตามันค่อยยกสองมือขึ้นมาลูบใบหน้าผมช้า ๆ ขณะที่ผมคนนี้ลูบแก้มมันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ผมไม่รู้มันกำลังคิดอะไรแต่สายตาที่สื่อออกมาแสดงให้ผมเห็นว่ามันกำลังจดจำรายละเอียดทุกอย่างของผมไว้เช่นกัน

ปิงเป็นเด็กดี ไม่ว่าเมื่อไหร่มันยังคงเป็นตัวของตัวเองและน่ารักเสมอ ผมคนนี้เท่านั้นที่ไม่เหมาะไม่คู่ควรกับมัน  ผมยอมทำตามใจคุณแม่ไม่ใช่เพราะผมเลือกแม่มากกว่าเลือกมัน ผมเคยบอกไปแล้วผมสามารถทิ้งได้ทุกอย่างถ้ามีมัน แต่ตอนนี้คนที่ผมรักกำลังจะต้องเดือดร้อนเพราะผม มีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่จะแก้ปัญหานี้ได้ เวลาสามปีไม่เร็วเลยแต่มันก็ไม่ได้ช้าสำหรับคนที่รอคอย

ผมไม่อยากให้มันต้องรอคอย ความรู้สึกของคนที่รอคอยเจ็บปวด ผมเข้าใจและรู้ดี ผมเพียงแค่หวังว่าปิงจะไม่ลืมผม เรื่องราวของเราสองคนอาจจะจบลงในวันนี้ ผมจะให้มันเป็นคนตัดสินใจ ปิงเป็นเด็กดีมันไม่สมควรต้องมาจดจ่อรอคอยแค่ผม เวลาเจ็ดเดือนที่เราสองคนใช้ร่วมกันมาผมจะเก็บไว้เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่ผมคนนี้จะขอจดจำมันไว้จนชั่วชีวิต

ผมกลั้นหายใจก่อนเอ่ยถ้อยคำที่ยิ่งกว่าคมมีดกรีดลึก กดเข้าในหัวใจตัวเอง

“ไม่ต้องรอกู  ถ้ามึงเจอใครที่ดีกว่าอย่าปิดโอกาสตัวเอง”

บาดแผลคราวนี้สาหัสมากจริง ๆ คำว่ารักที่ยังไม่เคยได้เอ่ย มีเพียงคำบอกลาและถ้อยคำฝากฝัง จนสุดท้ายแล้วคำพูดที่ผมพูดออกมาคือถ้อยคำของคนที่ทำร้ายหัวใจของตนเอง เป็นผมเองที่ฉีกสัญญาทุกอย่างระหว่างผมกับมันทิ้ง เสร็จแล้วไม่พอผมยังบดขยี้ให้หัวใจตัวเองแหลกลงไม่มีชิ้นดี


“คืนนี้ของเรา ถ้ามึงไม่เต็มใจ.....กูจะไม่ทำ”


ปิงหลับตาลงทันที ขณะที่ผมจ้องหน้ามันนิ่งงันจูบซ้ำๆที่ขมับเล็กสองข้างอย่างตั้งใจ ผมรักมัน ผมจูบมัน ผมอยากจะเก็บและกอบโกยเอาความรู้สึกนี้เก็บไว้ ผมบอกกับตัวเองว่าผมจะไม่ลืม ไม่มีวันลืม ผมจูบจนผมตื้อไปหมดไม่รู้จะทำอย่างไรจึงจะหยุดวันและเวลานี้ระหว่างเราไว้ได้

จนในที่สุดผมบอกกับตัวเอง งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา กดจูบลงที่ขมับเล็กเป็นครั้งสุดท้ายสูดลมหายใจลึกก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นละลำตัวออกจากมัน แต่ปิงก็ยังคงเป็นปิงมันยกสองมือขึ้นคล้องลำคอผมไว้ก่อนโน้มใบหน้าขึ้นมาเอียงศีรษะแล้วแตะจูบลงที่ริมฝีปากผม ความร้อนของสองเราคล้ายดั่งคบเพลิงที่ถูกจุด ผมรู้ได้ในทันทีที่ริมฝีปากสองเราสัมผัสกัน จูบที่ผมตอบรับมันในทันที ผมไม่มีสติจะควบคุมอะไรได้อีกต่อไปแล้วเมื่อใช้หัวใจนำทางร่างกาย เราสองคนกอดเกี่ยว ทุกสัมผัสกอดรัดพื้นที่ทุกตารางนิ้วในตัวกันและกันทั้งผมทั้งมันต่างไม่มีใครยอมปล่อยให้หลุดลอดไปแม้สักหนึ่งส่วน วันเวลานี้ทุกลมหายใจของผมและมันเราจะใช้ร่วมกัน

บทเพลงแห่งความรักและการจากลากำลังถูกบรรเลงและโลดแล่น

เตียงใหญ่ไหวเอนไปตามแรงกอดรัดของสองเรา ผมจูบมันครั้งแล้วครั้งเล่าจูบย้ำซ้ำๆอยู่แบบนั้นกระทั่งสุดท้ายร่างกายที่ถูกเตรียมพร้อมของมันก็ถูกผมสอดแทรกเคลื่อนกายเข้าครอบครอง ปิงครางฮือร้องเสียงหลงมันจิกแขนผมแน่นจนสั่น สุ้มเสียงกระเส่ารัญจวนแผดลั่น  น้ำเสียงมัน ความรู้สึก หน้าตา ผมจะจดจำทุกอย่างระหว่างเราไว้ให้ดีที่สุด ผมไม่มีวันลืมค่ำคืนนี้ของสองเราได้ไม่ว่าจะนานแค่ไหนต่อให้เป็นอีกสิบปี ยี่สิบปี ความรู้สึกแบบนี้ของผมจะขอมอบให้คนที่ผมรักคนนี้แค่คนเดียวเท่านั้น..............ตลอดไป

“รักมึงนะ”

ถ้อยคำที่มันเคยขอให้ผมพูดมาตลอด ถ้อยคำที่ผมคิดไว้นานแล้วว่าผมจะพูดกับมันในวันที่เราสองลึกซึ้งต่อกัน นัยน์ตาของมันมีแต่เงาสะท้อนของใบหน้าผม เงาสะท้อนที่มีเพียงแต่ผม แค่ผมคนเดียวเท่านั้น

น้ำตาหยดหนึ่งไหลตกลงมาที่ข้างแก้ม ริมฝีปากสั่นถูกกัดไว้จนแน่น ในที่สุดมันเอ่ยถ้อยคำสำคัญที่สุดของมันให้กับผม

“ผม...ฮึกก..ก็รัก..ฮอึกก...รักพี่...ฮืออ...” ถ้อยคำขาดๆหายๆเป็นเพราะเสียงสะอึกสะอื้นแทบขาดใจ ผมลูบแก้มมันอีกครั้ง จูบซับรอยน้ำตาของคนที่ผมรักกดหน้าผากแนบชิดลงไป ความรู้สึกตื้นตันเอ่อล้น

ปิงไม่เคยบอกรักผม มันอาจจะเคยพูดคำว่าชอบ มันอาจจะทำท่าทะเล้นเหมือนคนมีใจ แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่มันจะเอ่ยคำๆนี้ คุณคงไม่รู้หรอกว่าผมดีใจมากมายแค่ไหน

“อย่าร้องไห้” ผมปลอบมันทั้งที่ตัวเองนี่คือจะไม่ไหวแล้ว มือของเราสอดประสานและจับกันไว้ ปิงกำมือผมแน่นมากราวกับว่าถ้ามือผมหลุดหายออกไปมันจะไม่สามารถคว้ากลับมาได้อีก ซึ่งผมอยากจะบอกมันเหลือเกินถึงแม้ว่ามือของเราจะไม่ได้สัมผัสซึ่งกันและกันแต่ทว่าหัวใจที่มองไม่เห็นของสองเราจะยังเกี่ยวโยงและวางไว้ข้างๆกันเสมอ ไม่ว่าผมจะยืนอยู่ ณ ที่แห่งใดในโลกแห่งนี้ ผมสัญญาผมจะไม่มีวันปล่อยมือนี้ของมัน ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ไม่ว่าอะไรใดๆจะเปลี่ยนแปลง แต่ความรู้สึกทั้งหมดของผม ผมคนนี้จะยังคงเป็น ‘พี่เอย์’ คนเดิมของมันไม่มีวันเปลี่ยน

ผมกระชับกอดมันไว้แน่น กอดให้แน่นที่สุด ให้ผมได้สัมผัสมันยาวนานยิ่งกว่านี้ ผมจะไม่ยอมหลับ จะมองหน้ามันไว้แบบนี้จนถึงเช้า ผมจะจดจำรายละเอียดทุกๆอย่างบนดวงหน้านี้  ปิงเป็นคนของผมแล้ว เป็นสิ่งวิเศษณ์ที่ผมโชคดีบังเอิญได้พบเจอ ผมจะขอจดจำค่ำคืนนี้ของเราให้ยาวนานปิงหลับไปแล้ว ผมจูบมันที่แก้มก่อนตัดสินใจจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อมาสวมให้เมื่อเห็นว่ามันอาจจะรู้สึกหนาวเพราะร่างกายเราตอนนี้เปลือยเปล่า ทว่าแค่เพียงผมขยับตัว มันคว้าเอาแขนผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อยทั้งที่ตาหลับแต่ความรู้สึกของมันก็ยังคงจะไขว่คว้าผมไว้ ผมจึงดึงผ้าห่มขึ้นมากระชับโอบคลุมร่างเปลือยของสองเรา 

คืนนี้ผมจะนั่งอยู่แบบนี้ ปล่อยให้มันหลับลงในอ้อมกอดของผม เราสองคนจะกอดกันจนถึงเช้า ผมจะกอดมัน ไม่มีอะไรจะมาแยกผมกับมันได้ เวลาไม่กี่ชั่วโมงนับต่อจากนี้จะเป็นของผมกับมันเท่านั้น ถึงแม้ว่าผมอยากจะขอยืดช่วงเวลาออกไปให้ยาวนานแค่ไหน แต่ผมไม่มีความสามารถพอที่จะทำแบบนั้นได้ อ้อมแขนผมกระชับตัวมันให้แน่นขึ้นแล้วโยกตัวเบา ๆ ห้องทั้งห้องเงียบเชียบผมจูบกลุ่มผมนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้ว่าเวลาเดินผ่านไปนานแค่ไหน รู้แค่ว่าทุกวินาทีตอนนี้สำหรับผมแล้วมีค่าเหนือสิ่งใดๆในโลก

ม่านหน้าต่างสีครีมพลิ้วไสวเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาว่าจวนจะตีสี่แล้ว อีกไม่นานพระอาทิตย์จะต้องขึ้น ผมหลับตาลงแน่นเปลือกตาสั่นไหวระริกเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ระบุไว้บนตั๋วเครื่องบิน  เที่ยวบินคือหกโมงเช้า แน่นอนว่าผมต้องเผื่อเวลาสำหรับเช็คอิน ผมแทบอยากหยุดหายใจกอดมันแน่นจนตัวผมสั่นเฝ้าจูบซ้ำๆอยู่แบบนั้น ผมไม่อยากจะไป ไม่อยากจะแยกจากคนที่ผมรัก







“มึงชื่ออะไร”

“ปิงครับ”

“อายุเท่าไหร่”

“19 ”

“เรียกกู ‘พี่เอย์’  เดี๋ยววันนี้กูต้องไปงานเลี้ยงสมาคมกับที่บ้าน มึงทำอะไรเสร็จแล้วจะกลับเลยก็ได้ เงินวางอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้อง เอาไปทั้งหมดนั่นแหละ”








“บ้านมึงอยู่ไหน”

“บ้านไหนพี่?”

“บ้านมึงไง ที่ๆมึงซุกหัวนอนน่ะ”

“บ้านน่ะอยู่ไกลโน้นแน่ะ แต่ห้องที่ผมใช้ซุกหัวนอนน่ะ อยู่แถว ๆ นี้แหละครับ ไม่ไกลจากคอนโดพี่เท่าไหร่หรอก พี่ถามทำไมอ่ะ”

“ลงไปดิ ถึงห้องมึงแล้วก็ลงไป”









“พี่ชอบผมเหรอ??”

“มึงอยากรู้คำตอบจริงเหรอ”

“ครับ”

“งั้นเข้ามานี่ ขยับมาใกล้ ๆ”

5

4

3

2

1

“ไม่-ได้-ชอบ”







“ทำไมวันนี้พี่ไม่ใส่แว่นล่ะครับ”

“รู้เหรอว่ากูใส่แว่นด้วย”

“ครับ วันนั้นผมเห็นนะพี่หลับคาหนังสือคาแว่นนั่นแหละ ผมเลยสงสัยไงทำไมวันนี้พี่ไม่ใส่”

“กลัวหมาบางตัวไม่ชิน เดี๋ยวจะตกใจหน้าตาตื่น กูเกียจรำคาญ”






“กูไม่ได้ต้องการอะไรเลย ขอแค่ได้ใช้เวลาอยู่กับมึงในทุก ๆ วันก็พอ”

“ นี่พี่กำลังบอกรักผมอยู่เหรอ ใช่ไหม”








“ใช้งานมึงได้ทั้งวัน มึงคิดเท่าไหร่”
 
“เฉพาะกู  แค่กูคนเดียว กับเวลาตลอดทั้งวันของมึง”








“พี่เอย์ครับ  พี่รักผมใช่ไหม”

“กูคิดว่าสำหรับมึง มันคงเกินคำว่ารักไปแล้ว กูเลยไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาพูดกับมึงดี”









“หมาปิง มาอยู่ด้วยกันเลยดีไหม”

“อะไรกันยังไม่ไปสู่ขอกับแม่ผมเลย จะชวนมาอยู่ด้วยแบบนี้ พี่เอย์แย่จริง ๆ นะครับ เกิดผมท้องก่อนแต่งขึ้นมาเดี๋ยวคุณนายกับพี่ขมได้โวยวายลั่นบ้านแน่”










“พี่เอย์  พี่ทำไมไม่เคยบอกรักผมเลยอ่ะ”

“ทำไม มึงอยากฟังเหรอ”

“อื้อๆ”

“งั้นขยับมานี่ ใกล้ๆ”

“เอียงหูมา”

“ฟู่ววว~”










“สัญญากับกูว่าจะไม่ปล่อยมือนี้ เราจะจับกันไว้จนถึงที่สุด........สัญญาได้ไหม”

“ผมสัญญา”










“รักมึงนะ”

“ผม..ฮึกก..ก็รัก..ฮอึกก...รักพี่...ฮืออ...”




“....หมาปิง....” เสียงผมเรียกชื่อมันขาดๆหายๆ น้ำตาผมไหลตกลงมาจนหน้าเปียกไปหมดเมื่อนึกถึงคืนวันเก่าๆของเรา ทำยังไงดีตอนนี้ต้องได้เวลาลุกแล้ว ผมจะหยุดเวลาตอนนี้ไว้ได้ยังไงกัน เวลาของผมกับมันกำลังจะหมดลงแล้ว  ผมไม่อยากไป ใครก็ได้ช่วยผมด้วย ได้โปรดช่วยผมที จะทำยังไงผมถึงจะได้ใช้เวลาอยู่กับมันต่ออีกหน่อยแค่หนึ่งวัน สองวัน สามวัน หรืออีกแค่หนึ่งอาทิตย์จะได้ไหม ได้โปรดขอเวลาให้ผมมากกว่านี้

ความจริงแล้วเรื่องไปเรียนต่อไม่ได้น่ากลัวเลย แต่ที่ผมทำใจไม่ได้อยู่ตอนนี้คือคำสั่งที่ห้ามติดต่อกันอีกระหว่างผมกับมัน ข้อแลกเปลี่ยนที่น่ากลัวของคุณแม่ สามปี ปิงมันจะทนได้แค่ไหน ระยะทางจะพรากหัวใจของมันไปจากผมหรือเปล่า  ผมบอกมันว่า ‘ไม่ต้องรอ’ บอกให้มันเปิดโอกาสให้กับตัวเองถ้าหากคิดว่าเจอใครสักคนที่ดีกว่าผม เพราะว่ารักมาก เพราะว่าผมไม่อยากให้มันมายึดติด จดจ่อ และรอคอยอยู่กับผม  ผมขออย่างเดียว ขอให้มันไม่ลืมผมคนนี้แค่นั้นพอ 

ผมค่อยลุกออกมาเมื่อคิดว่าทุกอย่างคงจบสิ้นแล้ว หยิบชุดนอนขึ้นมาสวมให้มันและตัวผมเอง ลากฝีเท้าที่หนักอึ้งตรงเข้าไปที่ห้องครัว เวลาของผมจวนจะหมดแล้วผมกำลังจะต้องไป เปิดตู้เย็นกวาดตาดูข้าวของ ปิงจัดเรียงอาหารทุกอย่างไว้เป็นระเบียบดีมากผมหยิบก่องทัพเพอร์แวร์ที่ใส่กุ้งแกะสำเร็จ มีข้าวสวยฟรีซแช่แข็งผมหยิบออกไปยัดเข้าไมโครเวฟ ไข่ไก่สองฟองกับมะเขือเทศ นี่คือเครื่องปรุงทั้งหมดที่ผมเคยเห็นเวลาที่มันทำให้ผมทาน ‘ข้าวผัดกุ้ง’  เมนูอาหารที่ผมมักขอให้มันทำให้เสมอ วันนี้เวลานี้ผมจะทำ ผมจะทำทิ้งไว้ให้มันเป็นครั้งสุดท้าย ผมจะตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือ ปิงต้องกินอาหารมื้อนี้ให้อร่อย

ผมจะทำ....แม้ว่าผมจะทำไม่เป็นผมคนนี้ก็จะทำ

ผมเททุกอย่างลงในกระทะแล้วคนๆๆ ทำให้มันเข้ากัน ข้าวผัดทำไมทำยากผัดแบบไหนถึงจะสุก เอ๊ะผมลืมใส่น้ำมันรึเปล่าถ้าเทไปตอนนี้มันจะเป็นยังไง ไฟร้อนเกินไปแล้วหรี่ลงตรงไหนนะ ข้าวติดกระทะจนดำไปหมดแต่ผมไม่มีเวลามาทำใหม่แล้วท้องฟ้าจวนสว่างขึ้นทุกที  ผมทอดไข่ดาวเพิ่มให้อีกถือเป็นของแถมน้ำมันพืชกระเด็นแตกกระจายไปหมดคงเพราะผมล้างกระทะไม่สะอาด มือผมแขนผมพองเพราะรอยน้ำมันที่กระเด็นมาถูกแต่ผมไม่สนใจจุดนั้นยังคงตั้งหน้าพลิกไข่ดาวให้ได้ 

ในที่สุดอาหารสำเร็จเรียบร้อย ผมหยิบมะเขือเทศออกมาจากตู้เย็น ปิงล้างแล้วใส่กล่องพลาสติกปิดฝาไว้อย่างเคย ผมเลือกออกมาหนึ่งลูก เอาลูกที่สวยที่สุดใหญ่ที่สุด นึกแล้วใจหายขึ้นมา ต่อไปใครจะปาดมะเขือเทศให้ผมกิน ต่อไปผมจะกินข้าวผัดกุ้งของใครกัน ต่อไปใครจะคอยมาถามผมว่าวันนี้ผมจะกินข้าวกับอะไร  ผมปาดมะเขือเทศลงบนเขียง มีดแม่งไม่คมเลยทำไมผมถึงหยิบมีดอันนี้ออกมาใช้นะแล้วน้ำอะไรมันหยดตกลงมาที่เขียงกัน ฝนจะมาตกลงที่นี่ได้ยังไงผมเงยหน้าขึ้นดูถึงได้รู้ว่ามันคือหยดน้ำตาของผมเอง น้ำตาที่ผมกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว ทรุดตัวนั่งลงที่พื้นซบใบหน้าเข้ากับฝ่ามือร้องไห้โฮ


ผม-ไม่-อยาก-ไป


จะมีใครบ้างที่ได้ยินคำพูดในหัวใจที่กึกก้องนี้ของผม  ผมไม่อยากปล่อยมือออกจากมัน แม้ว่าผมจะเชื่อใจและมั่นใจในตัวมัน แต่ผมกลัว กลัวความห่างไกล กลัวความเหงาจะทำให้มันรับใครเข้ามาแทนที่ผม

....ผมกลัว....

ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาพยุงตัวลุกขึ้นอีกครั้ง มองดูอาหารที่ตัวเองทำ อาหารมื้อสุดท้ายที่ผมตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือ ลากขาที่หนักอึ้งเดินไปหยิบยาพาราหนึ่งแผงรินน้ำเปล่าตั้งไว้ข้างกันปิงตัวอุ่นๆผมกลัวว่ามันจะไม่สบาย ผมใช้เวลาแค่สิบห้านาทีแต่งตัวและทำทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานหยิบสมุดบัญชีที่ผมเตรียมไว้ให้มันตั้งแต่สามวันที่แล้วขึ้นมาวางไว้

โพสอิทใบเล็กถูกผมเขียนข้อความสั้น ๆ ไว้ว่า ‘ปิง’ ผมนึกนะ อยากจะเขียนข้อความอะไรที่มากมายกว่านั้น แต่ผมตัดสินใจไม่เขียน ผมไม่อยากให้มันคิดถึงผม ผมกลัวว่ามันจะอาลัย ไม่อยากให้มันต้องทนรอ ผมขอแค่เพียงมันจะไม่ลืมทุกอย่างของเรา ไม่อยากให้มันตามหา  ปิงคงจะคิดได้ในที่สุดว่ามันจะต้องติดต่อผมผ่านเครื่องมือสื่อสาร ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ผ่านทุกๆอย่างที่มันจะคิดขึ้นมาได้ จนกว่ามันจะรับรู้ว่าผมตั้งใจที่จะตัดขาดจากมันคงกินเวลาไปหลายอาทิตย์ เงินก้อนนี้จะชดเชยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ พวกนั้นที่มันอาจะใช้เพื่อตามหาผม ค่าน้ำมันค่าโทรศัพท์ค่าลงทะเบียนเรียน ค่าช่วยเหลือทางบ้าน ค่าใช้จ่ายระหว่างเดือน นี่เป็นเงินส่วนตัวของผมเอง แต่ผมตั้งใจที่จะให้มันไว้จริง ๆ หวังว่ามันจะเอาออกมาใช้ สองล้านสำหรับสามปีไม่รู้ว่ามันจะน้อยไปไหม พวงกุญแจรูปปลาโลมาที่หมาปิงมันชอบดึงหางเล่นจนยืดถูกผมหยิบขึ้นมาวางทับไว้บนนั้น 

หวังว่ามันคงจะเข้าใจความหมายของผม......สำหรับห้องนี้ของเรา รังรักที่เราสองคนใช้เวลาและลมหายใจร่วมกันมา ผมหยอกมัน มันหยอกผม เราสองคนเถียงกัน สุดท้ายทุกอย่างจบลงที่เตียงใหญ่หลังนี้ ในห้องๆนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่มันอยากจะมา เมื่อไหร่ก็ตามที่มันคิดถึงวันเก่า ๆ ของเรา และเมื่อไหร่ก็ตามที่มันนึกถึงผม ทุกเมื่อทุกเวลา....ที่นี่ยังคงเป็นที่ๆต้อนรับมันเสมอ

ผมหยิบเสื้อสูทขึ้นพาดไว้ที่แขนก่อนเดินเข้าไปหาคนที่ผมรักเป็นครั้งสุดท้าย ลูบหัวมันเบา ๆทอดสายตามองดวงหน้าที่หลับตาพริ้มอย่างอาลัย โน้มตัวลงกดปลายจมูกที่แก้มเนียนนั้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลตกลงมา  กัดฟันไว้แน่นข่มทุกอารมณ์ความรู้สึก ทุกอย่างของเราจบแล้วจริง ๆ ผมลูบแก้มมัน มองดูหน้ามันอีกครั้ง ชัดๆ  แค่นรอยยิ้มขมขื่นที่ผมคนนี้อยากบอกกับมันอีกสักครั้ง

“ขี้เหร่เอ๊ยทำหน้าอะไรของมึง”

“พี่แม่ง ว่าผมขี้เหร่เรื่อยแหละ”




“ปิงกูโคตรรำคาญมึงเลย หน้าตามึงแม่ง!”

“พี่อ่ะ ผมไม่ได้ขี้เหร่ขนาดนั้นสักหน่อย  ปล่อยดิ ผมจะได้ลงไปนอน”



“รักมึงนะหมาปิง  มึงน่ะมันที่สุดของความขี้เหร่เลย”













สูทสีเข้มถูกพาดลงที่เบาะหรูของเก้าอี้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส  บรรยากาศบนเครื่องเที่ยวบินหกโมงเช้าเงียบเหงาและวังเวง ผมเอนตัวลงที่พนักพิง ถอนใจยาวด้วยความเหนื่อยล้า แว่วเสียงประกาศบอกให้รู้ว่าเครื่องบินไต่ระดับได้ที่แล้ว เปลือกตาหนักอึ้งถูกปิดลงอย่างเชื่องช้า พร้อมๆกับเสียงเปียโนนุ่มถูกถักทอร้อยเรียงออกมาเป็นเสียงดนตรีหวานซึ้ง เศร้าสร้อย ทว่าแผ่วเบา



.....จุดมุ่งหมายที่แสนไกล.......



หากแต่หัวใจผมยังคงวางอยู่ที่นี่.........ข้างๆมันเสมอ....................................................ปิง



 


“พี่เอย์ครับ ถ้าพี่ได้ผมแล้วพี่ยังจะเป็นพี่เอย์คนเดิมของผมอยู่ไหม”

“ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป กูก็ยังจะเป็น ‘พี่เอย์’ คนเดิมของมึง กูสัญญา”







....ว่าทุกเวลา ที่เราห่างกันแสนไกล

ยังมีอีกคำในหัวใจ  ที่จะบอกเธอ

ให้เธอได้รู้และเข้าใจ

ว่าคิดถึงเธอ.......เมื่อเราห่างกันแสนไกล

มีคำหนึ่งคำจะพูดไป ให้เธอได้รู้

จะแทนความหมายความห่วงใย

.......ฉันคิดถึงเธอ........










Tbc.

# แอร๊ยยย  ยังจะมีคนกล้ามาอ่านอยู่ไหมเนี่ย?? หายไปนานค่ะ เพราะบทนี้เขียนยากมว๊ากกกกกกกและยาวมากกกกก คือต้องเก็บจากสองบทที่แล้วตั้งแต่คุณแม่มาเกี่ยวไม่ให้หลุดเลย  ถ้าใครสังเกตดีๆจะเห็นว่าตอนสุดท้ายของบทนี้ย้อนกลับไปเป็นความรู้สึกแรกของบทนี้ค่ะ คือเราตั้งใจให้มันวนกลับไปที่เดิม  บทนี้คงไม่ร้องกันแล้วเนาะ แต่ใจหายเลยใช่ไหมเหมือนกับทุกอย่างมันจบแล้วจริง ๆ พี่เอย์ไปแล้ว T^T :mew2:

# มีคนท้วงมาเยอะเลย (ไหนว่าเรื่องนี้ไม่ดราม่าไงแล้วทำไมถึงม่าจัดหนักขนาดนี้ ห๊า!)  กราบเบญจางฯขอบคุณทุกท่านที่เสียน้ำตาให้กับพี่เอย์และน้องปิงค่ะ คือคนอ่านเราน่ารักมากอินมากรักพี่เอย์น้องปิงมากไม่งั้นจะเสียใจให้พวกเขาทำไมเนาะ  ขอบคุณสำหรับทุกคำติและคำชมและทุกคำถามที่ยังตอบตอนนี้ไม่ได้บางอย่างมันก็เป็นพล็อตเข้าใจเรานะคะ เดี๋ยวพี่เขาก็กลับมานะ

# ช่วยเอ็นดูปิงกับพี่เอย์ต่อไปด้วย บทนี้อาจจะเขียนไม่ค่อยดีนัก ช่วงนี้ไฟชักเริ่มมอดค่ะ หุหุ เมื่อก่อนเขียนหนึ่งตอนแปปเดียวก็เสร็จ เดี๋ยวนี้คือสามวันยังนั่งงงไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตรงไหนฟังเพลงแล้วหลับเตลิดทุกครั้ง  #รู้สึกสงสารตัวเองหนาเว้ย

ปล. บทต่อๆไปไม่ยาวแล้วค่ะ จะได้มาบ่อย ๆ เนาะๆ ขอบคุณทุกๆกำลังใจเลยค่ะที่ทิ้งไว้ให้กันคนอ่านใจดีเราก็มีใจจะแต่งต่อค่ะ :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2015 22:59:12 โดย coffeeQbread »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
สงสารพีาเอย์มากกก คือเศร้านะการที่ต้องจากกันทั้งที่ยังรักอ่า อยากให้ผ่าน 3 ปีไวๆจังเลย

ออฟไลน์ dear77

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :hao5: มาม่าแค่ไหนก็ทน แต่ต้องไม่เลิกกัน ไม่งั้นจะเอาระเบิดมาขว้างผู้เขียน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ถึงเป็นพี่แอย์มาก็ยังไม่กล้าอ่าน รออีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sine_saki

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
กลับมาเต๊อะ พี่เอย์

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
จิ้มไว้ก่อน  :hao5:


คิดว่ามันต้องเศร้า มันยก็เศร้าจริง คิดทำไมไม่รู้


คนแบบเอย์ร้องไห้ สงสารปิงก็สงสาร างา่รพี่เอย์ยิ่งสงสาร ใจจะขาดรอนๆ ให้ได้ คนอย่างพี่เอย์ยอมละทุกอย่างใหหมาปิง

อยากร้องไห้มาก คือน้ำตาปริ่มเลย(ไม่ใช่ไม่ร้่องนะร้องเอาทิชชูกั้นไว้ ดันหอกหน้าอยู่ หน้าตึงเป๊ะ) เดี๋ยวแห้งแล้วจะปี่แตกนะคะ โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย ปวดใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2014 23:15:55 โดย Ali$a฿eth »

ออฟไลน์ Wereena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
    • facebook
 :katai5: เข้ามาส่อง เอิ่ม ขอทำใจก่อนอ่านแปป ฮึบ!! :ling2:
   หลังอ่าน
   แงงงง ใจจะขาดรอนๆ ยิ่งรู้เหตุผลของพี่เอย์ยิ่งเศร้า ฮื้อ  แต่คิดในแง่ดี ทั้งสองคนก็จะได้ใช้เวลาสามปีนี้ พิสูจน์ความรักที่ทีต่อกันให้คุณแม่ได้เห็น วันสุดท้ายที่คุยกับคุณแม่ ไม่รู้สิ เราคิดว่า คุณแม่เองก็ไม่ได้ไร้เหตุผลไปซะทีเดียว มีทิ้งท้ายไว้ ว่าอีกสามปี เมื่อพี่เอย์กลับมา ในตอนนั้น พี่เอย์จะอยู่ในฐานะที่สามารถจัดการอะไรได้ทุกอย่าง ถึงตอนนั้น จะไม่มีใครสามารถขัดขวางความรักของทั้งสองคนได้ ระหว่างนั้น เราก็คงต้องคอยเอาใจช่วยให้ความรักของทั้งสองคนมั่นคงดีกว่าเนาะ
(มโนแก้อาการมาม่าอืดระยะสุดท้าย :monkeysad:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2014 23:28:29 โดย Wereena »

ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ไม่ได้ต่างกันเล้ยยยยยยย  น่าสงสารทั้งคู่อ่ะ งื้อออออออออออ :m15: :monkeysad: :sad11:

ออฟไลน์ gcc

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มาจิ้มไว้ก่อน เรายังไม่กล้าอ่าน รอให้ดราม่าผ่านไปก่อน ค่อยมาอ่านย้ :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

แต่คิดถึงพี่เอย์ตลอดน้า  :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ chandeliers.nun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เศร้าาาา  :sad4:

สงสารพี่เอย์กับปิงมากกกกก สู้ๆนะพี่เอย์ น้องปิง  :mew6:

ออฟไลน์ KMprince

  • kyumin QingYu
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 281
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ยังเศร้าเคล้าน้ำตาเช่นเดิม
พี่เอย์กับปิงต้องมั่นคงนะ
เพื่อคสามสุขในวันข้างหน้า
แต่แบบนี้ทรมานอะ ปิงไม่รู้ว่ามันคือบททดสอบหนึ่งจากแม่รัน
แต่แบบนี้ดูแม่รันจะวินมากๆ
อยู่ที่ใจของพี่เอย์และปิงแล้วแหละ
ที่จะต้องเอาให้แม่รันไม่กล้าขัดขวางอีก
สู้ๆนะพี่เอย์น้องปิง

ออฟไลน์ Mokuchi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 อ่านตอนนี้แล้ว รู้สึกเจ็บหน่วงๆในอก ฮืออ :hao5:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ทุกคนต้องอดทน พี่เอย์หมาปิง และตัวเอง :ling3: 3 ปีมันเปปเดียว ทีองไว้

ออฟไลน์ boyslover

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ตอนเเรกโกรธเเม่เอย์ตั้นมากกก ที่ทำแบบนี้ กีดกันความรักของลูก ไม่ปลื้มเลย แต่หลังจากได้อ่านประโยคนี้

“น้องเอย์  แม่รักน้องเอย์ที่สุดในชีวิต ความสุขของลูกคือทุกๆอย่างของแม่ แม่ยังยืนยันคำนี้เสมอ เอย์ลองให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์หลายสิ่งหลายอย่างดู อย่างน้อย ๆ ใจของเราเองถ้าหากเอย์ยืนยันว่าความรู้สึกนั้นเป็นของแท้ไม่ว่าจะยาวนานแค่ไหน กี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี ความรู้สึกของน้องเอย์ก็จะไม่เปลี่ยน รวมถึงความรู้สึกของเด็กคนนั้นก็ด้วย แม่ขอแค่เวลาเท่านั้น ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าใครคนนั้นที่ลูกรัก เขาเองก็รักลูกจริง ๆ เขาจะซื่อตรงและไม่ลืมน้องเอย์  ไม่ว่าเอย์จะไปนานแค่ไหน ไม่ว่าพวกลูกต้องห่างไกลกันเพียงใด แม่รู้ สักวันหนึ่งหัวใจของลูกทั้งสองคนต้องเดินทางกลับมาพบเจอกันอีกครั้งแน่นอน จนกว่าจะถึงวันนั้นน้องเอย์จะโตเป็นผู้ใหญ่กลับมารับตำแหน่งผู้บริหารมีอำนาจในการตัดสินใจ แล้วเราสองคนจะกลับมาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง ถ้าหากว่าเอย์ยังไม่ลืม”


ทำให้เข้าใจเลยทันที แม่รักเอย์มาก ทำทุกอย่างเพื่อลูก แม่พี่เอย์แค่ต้องการพิสูจน์แค่นั้นว่า ปิงไม่ได้มาเพื่อหวังจะเกาะเอย์สบาย เพราะต้นทุนปิงมันไม่มีอะไรเลยจริงๆจึงทำให้แม่พี่เอย์ไม่คิดจะมั่นใจเหมือนที่พี่เอย์มันใจในตัวปิงแค่3ปีเองเนอะ
หลังจากนี้ อยากรู้แล้วสิว่าแม่พี่เอย์จะมาเล่นอะไรกับปิงบ้างมันต้องมีบ้างแหละ จะรอดู
เออแล้วอีพี่เอย์คือถ้าตอนกลับอะ ขอเลยนะ อย่าเอาแบบกลับมาพร้อมควงเพื่อนสาวหรือผญที่คิดไม่ซื้อกับตัวเองมาให้ปิงมันเห็นละเดวมันจะคิดไปไกลว่าไม่รักมันแล้ว(แต่ปิงมันคงไม่คิดแบบนี้เนอะมันน้ำเน่าไปปิงมันฉลาดฮ่าๆ)

ปล.1อินมากถึงโกรธมากฮ่าๆคุณคนเขียนเก่งมากอะดึงอารมณ์ได้สุดๆ
ปล.2จะกลับไปอ่านตอนก่อนหน้าละ จากที่เว้นว่างทำใจอ่านไม่ได้มันแซดด แต่พอเห็นแม่พี่เอย์พูดแบบนี้แสดงว่า เจ้แกยอมรับกลายๆแต่ขอพิสูจน์แค่นั้นเอง เลยมีกำลังใจไฟว์ต่อ สู้นะปิง พี่เอย์สู้ๆ  คนเขียนสู้ๆ :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
พี่เอย์ หมาปิงๆๆๆๆๆๆ :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

Maneesky

  • บุคคลทั่วไป
 :o12: โอ๊ย ปวดใจเจ้าขา o22

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เหอะ คุณแม่คะ ซึ้งมากค่ะขอบอก

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ขอให้นี่เป็นมาม่าชามแรกและชามสุดท้ายนะคะ ไม่งั้นคนเขียนเตรียมตัว  :z13: :z13: :z13:
นี่ถึงกับมาขู่เลยนะ  :katai4: :katai4:


เชียร์น้องปิงสุดกำลัง สงสารพี่เอย์  :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ Phijarana

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ถ้าจะเศร้าขนาดนี้ :z3:

ไม่ไหวววว

เป็นกำลังใจให้พี่เอย์-ปิง และคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
หายใจไม่ออกแล้วร้องไห้หนักกว่าตอนปิงอีก
ใจร้าย. ... คุณแม่ใจร้ายมาก ที่ทำก็เพื่อความสุขตัวเองชัดๆ
ไม่ไหวแล้ว อ่านแล้วจุกอกจริงๆ

พี่เอย์น้องปิงและรังรัก :hao5:

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ตอนหน้าขอเป็นสามปีข้างหน้าเลยได้ไหมมม 
ไม่อยากจะกินมาม่าแล้ว ต้นเดือนแล้ว :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ไม่เอาอ่ะ ไม่เอาแบบนี้มันเศร้า
สงสารคนอ่านบ้างงงงงงง
สงสารเอย์ตัน กับ ปิงปิง บ้างไรบ้าง
 :hao5: :sad4:

ออฟไลน์ tomnub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ขออ่านแบบเร็วๆนะคับข้ามบันทัดบ่าง.....เพราะถ้าผมอ่านทุกตัวทุกประโยคทุกคำ....น้ำตาผมคงไหลก่อนนอนแน่เลย.....ขอร้องอย่ามาแนวนี้อีกนะคับ.....รู้สึกว่าหัวใจของผมจะอ่อนล้าลง.....

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
คุณหนมปังกาแฟคะ

เราให้10/10เลยค่ะ ฮือออออ แอบจะร้องไห้ สงสารทุกคนเลย

ตอนแรกกะโดดถีบคุณแม่ละ กลับใจไปชูป้ายไฟหนูปิง มาสู้กับคุณแม่ดีกว่า สงสัยจะมีศึกหนัก

ตอนต่อไปจะข้ามไป3ปีเลยหรือยังไงคะ?

สู้ๆน้าหนูปิง จบศึกคุณแม่ก็ได้โล่ห์แล้ว 55555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด