https://www.youtube.com/v/etGQ2_A_FZEเช้าวันต่อมาผมได้รับเมลตอบกลับว่างานผมโอเคดีมาก จริง ๆ คือเมลนั้นตอบกลับมาตั้งแต่ตีสามของเมื่อคืนแล้วแต่คือผมหลับไปแล้วไงกว่าจะรู้นี่คือวันใหม่แล้ว ผมดูสถานที่ๆทางนั้นเขานัดให้ไปรับงานมาทำ ตัดสินใจออกไปช่วงบ่ายหลังจากอยู่ช่วยที่ร้านได้พักนึง
ผมไปถึงในที่ๆเขาส่งแผนที่แนบมาให้ในเมล จอดรถไว้ด้านหน้าคือมันเป็นซอยเลี้ยวเข้าไป มีโฮมออฟฟิศมากมายเรียงตัวกันอยู่ที่นี่ผมก็นับหลังที่ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า โอเคหลังที่ห้า กระชับกระเป๋าที่บ่าแล้วเดินเข้าไปที่ด้านหน้าประตูกระจกสีชามีป้ายติดไว้ว่า
‘พักกลางวัน’ ยกนาฬิกข้อมือขึ้นดูเห็นว่าบ่ายโมงครึ่งแล้วเลยคิดว่ารอแปปเดียวเดี๋ยวคงมีใครมาเปิด
มองซ้ายมองขวา เออเพิ่งสังเกตว่ามีคนยืนอยู่ใกล้ๆผมด้วยคนนึง พี่เขายืนพิงรั้วเตี้ยๆที่ผมเดินผ่านเข้ามากำลังสูบบุหรี่และมองผมอยู่ ผมเลยค้อมหัวให้นิดๆ คิดว่าคงเป็นพวกมือปืนรับจ้างเขียนโปรแกรมเหมือนกันเพราะพี่เขาเซอร์มากติสมากโคตรจะอินดี้ หนวดเครานี่คือบางครั้งพวกที่เป็นโปรแกรมเมอร์เก่ง ๆมีแบบนี้เยอะนะ
“พี่มารอส่งงานเหมือนกันเหรอครับ” ผมเดินเข้าไปทัก ส่งยิ้มให้พี่เขาด้วย สร้างมิตรไว้ดีกว่าไหนๆก็คนสายเดียวกัน เห็นพี่ท่านมองผมงงๆหันซ้ายหันขวาเหมือนจะดูว่าผมกำลังพูดอยู่กับใครผมเลยชี้ๆทำหน้าทำตาให้รู้ว่าผมกำลังพูดกับพี่น่ะแหละ แค่นั้นแหละครับพี่ท่านกระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากให้ก่อนเบนส่ายตาไปอีกทางทิ้งก้นบุหรี่ลงแล้วเดินตรงไปผลักบานประตูกระจกเข้าไปด้านใน
ผมยืนเอ๋อไปครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินตามเข้าไปป้ายถูกกลับออกเป็นโอเพ่นปกติแล้ว แต่พี่คนนั้นหายไปไหนวะออฟฟิศทำไมถึงไม่มีคนเลยเครื่องคอมห้าหกตัวมีเซอร์ฟเวอร์ใหญ่ตัวนึงห้องเย็นเฉียบมากคือคงจะเปิดให้เครื่อง
“นั่งดิ่” ผมสะดุ้ง รีบหันไปตามเสียงเป็นพี่คนเมื่อกี้เดินออกมาจากด้านใน หึยยยตายๆเมื่อกี้นี้เป็นเจ้าของเหรอวะทำไมดูไม่ออกเลยหน้าตาแบบ....อินดี้มาก คือแบบกูไม่แคร์หนวดจะเฟิ้มเคราจะรกหรือผมจะแค่เสยๆเอาไว้
“ชื่ออะไร ล็อคอินที่ใช้” พี่เขาถามขึ้น เสียงคือห้วนมากนะหน้าตาก็ไม่ยิ้มเลย วางมือเตรียมพร้อมอยู่ที่แป้นคีย์บอร์ดแล้ว เราสองคนนั่งตรงข้ามกัน มีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ๆ ที่เต็มไปด้วยเอกสารและเครื่องคอมพิวเตอร์มากมายกั้นไว้ คือรกมากกกกกกกก
“ปิงครับ พีไอเอ็นจี ปิงพิชย ที่ส่งเมลมาให้พี่ดูเมื่อคืน” พี่เขากดๆๆๆอะไรไม่รู้ที่เครื่องดู คือรัวเลยเร็วมากมือติดจรวดและเครื่องที่ใช้ก็ประมวลผลเร็วมากเร็วมากๆๆๆๆๆจริงๆ คงกำลังตรวจเช็คงานผมอีกครั้งนั่นแหละ พี่เขามองมาที่ผมอีกนิดแล้วมองที่เครื่องจากนั้นกดแกร๊กกกกๆๆต่อ
“ฝีมือดีนี่”
เป็นคำชมสั้น ๆ แต่ผมแอบยิ้มอยู่ในใจ ถูกชมต่อหน้าแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อย ๆ ยิ่งเรื่องเขียนโปรแกรมนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนชมผมตรงๆ ที่สำคัญคนที่นั่งอยู่ต่อหน้าผมตอนนี้ท่าทางจะเป็นโปรแกรมเมอร์จริงน่ะแหละ ผมมองพี่เขาอย่างพิจารณาอีกครั้งคือถ้าพี่โกนหนวดโกนเคราที่ขึ้นซะครึ้มออกบ้างเนี่ยพี่จะหล่อมากเลยนะหุ่นก็ออกจะเท่ สูงก็สูง ตัวใหญ่เหมือนพี่เอย์นั่นแหละครับ อายุคงพอๆกันเลยมั้ง
“ถนัดแนวไหน ภาษาที่ใช้จนชิน”
“ทุกแบบครับ ผมเขียนได้หมด” ผมตอบมั่นใจ คือผมเขียนโปรแกรมได้เกือบทุกภาษาที่เขาฮิตๆกันเลย ไม่รู้เป็นไงแต่ผมว่าผมมีพรสวรรค์ด้านนี้อ่ะ เรียนรู้นิดหน่อยมือผมคือไปโลดเลยเร็วมากเกือบ ๆ เท่าพี่ท่านคนนี้เลยนะ
“งานดาต้าเบส ถนัดไหม SQL?”
“ถนัดครับ” ผมตอบแล้วหยิบงานที่เคยทำในกระเป๋าขึ้นมายื่นส่งให้พี่เขาดู คือทุกอย่างในฮาร์ดดิสตัวนี้ จัดเก็บงานเกี่ยวกับการจัดการฐานข้อมูลทั้งหมดที่ผมเคยทำมา พี่เขาจัดการเสียบสายดึงข้อมูลแปปเดียวก็พรืดเต็มหน้าจอ
“งานเวปดีไซน์ล่ะ?”
“พอได้ครับ คือจริง ๆ ผมถนัดหมดอ่ะพี่ ผมเขียนได้หมด ซีชาร์ป จาวา ซีพลัสพลัส รวมถึงพวกโปรแกรมสามดีนี่ผมก็ใช้เป็นนะ” ผมหยิบฮาร์ดดิสอีกตัวออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นส่งให้อีก คราวนี้ใช้อีกเครื่องดึงข้อมูลแล้วดูเทียบกัน พี่ท่านมองผมนิ่งเลย
“แล้วงานซ่อมบำรุงล่ะ พวกเซิร์ฟเวอร์อะไรแบบนั้น”
“อันนั้นก็ได้ครับ ที่โรงเรียนผมช่วยอาจารย์ทำตลอดอ่ะ”
“นี่เราพูดจริงเหรอ”
“จริงสิครับ”
“แล้วงานธุรการล่ะ ถนัดไหม?”
“อ๋อ แบบนั้นไม่ถนัดครับ” ผมปฏิเสธ คือจริง ๆ ผมก็สงสัยนะ รับสมัครมาเป็นมือปืนเขียนโปรแกรมให้ จะไปถามถึงเรื่องงานซ่อมบำรุงกับงานธุรการทำไมวะ
“โอเคเข้าใจแล้ว” พี่เขาว่าแล้วยื่นกระดาษเอสี่ปึกนึงมาให้ผม ผมรับมาแล้วเปิดๆดู
“อาทิตย์นึง งานพวกนี้นัดส่งสัปดาห์หน้าทั้งหมด คิดว่าทำไหวไหม”
ผมเงยหน้ามองพี่เขา สายตาของเขาคือกำลังรอคำตอบจากผมอยู่ ผมพิจารณางานในมือก่อนจะเงยหน้าตอบพี่เขาอย่างมั่นใจอีกครั้ง “ไหวครับ”
“ตรงเวลาด้วย”
นั่นคือทั้งหมดของวันนี้ที่ผมเจอมา ผมตรงกลับมาที่ร้านช่วยแม่ต่ออีกหน่อยตกเย็นไม่ได้แวะไปที่ไหนรีบกลับห้องเลยใกล้จะเปิดเรียนแล้วผมต้องเคลียร์งานพวกนี้ให้เสร็จตรงตามเวลานัด พี่เขาคงจะรับงานมาเยอะแล้วตัวเองทำไมไหวทั้งหมดกลัวจะเสร็จไม่ทันเลยจ้างให้ผมมาเป็นคนช่วยทำแทน ผมรับผิดชอบงานดีนะบอกเลย ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะส่งงานช้าหรือผิดนัด
ตอนนี้ตีสองแล้วผมก็ยังคงจะนั่งทำงานของผมอยู่ยังไม่ง่วงเลยสักนิด คิดไปคิดมานี่ผมยังไม่รู้จักชื่อพี่เขาเลยนี่หว่า อะไรวะนายจ้างตัวเองแท้ ๆ พี่แกก็ไม่ได้บอกแล้วผมก็เสือกไม่ถามด้วยนะแม้แต่เรื่องค่าจ้างผมเองก็ลืมมัวแต่ทึ่งกับความสามารถของพี่ท่านกับดีใจที่ได้งานใหม่ เออเรื่องนั้นช่างมันก่อนเดี๋ยวตอนเอางานไปส่งผมจะถามดูอีกทีก็แล้วกันว่าพี่เขาชื่ออะไร ส่วนราคาพี่เขาคงจะให้เรททั่วไปเหมือนที่คนอื่น ๆ เขารับทำกันน่ะแหละ
แล้วคืออาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์ผมนอนเกือบจะเช้าทุกวันทำงานแก้งานทำแล้วแก้แก้แล้วทำเอาจนผมรู้สึกพอใจ เพราะเป็นงานที่ค่อนข้างยากผมเลยต้องพิถีพิถันมากหน่อย จนในที่สุดวันที่ผมต้องเอางานมาส่งก็มาถึง คราวนี้ผมจอดรถไว้ที่หน้าออฟฟิศเลย วันนี้คือซอยเงียบมากผมค่อยผลักบานประตูเข้าไปตกใจนิดๆเห็นมีคนฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะหลังเครื่องคอมและกองงานอีกเป็นตั้ง ผมชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ ๆ พอเห็นว่าเป็นพี่ผู้ชายคนที่เอางานให้ผมไปทำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็โล่งใจลองเอามืออังที่จมูก ก็รู้นะว่าพี่เขาแค่หลับแต่มือผมมันไปเองว่ะครับ นั่งรอเฉย ๆ อยู่ประมาณสิบนาทีเห็นว่ายังไม่มีทีท่าคุณพี่จะตื่นผมเลยลองเขย่าเรียกพี่เขาเบา ๆ
“พี่ครับ”
“............” เงียบไร้รีแอคชั่นใดๆทั้งสิ้น ผมเลยเขย่าเรียกอีก
“พี่ครับ”
“อืออ...” อือแต่ยังไม่ยอมตื่นผมเลยเรียกอีกครั้ง เอาให้ดังและเขย่าให้แรงขึ้นอีก
“พี่ครับ!”ในที่สุดพี่เขาลุกขึ้นแล้ว ทำหน้าตาเหรอหรามองผม แก้มนี่เป็นรอยนาฬิกาอ่ะนอนทับหน้าเน่อแดงไปหมด หนวดเครายังเฟิ้มเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนคล้ายกับจะยาวขึ้นกว่าวันนั้นด้วยนะ คือผมกำลังคิดว่าจากสัปดาห์ที่แล้วนี่พี่ท่านนั่งทำงานได้ลุกไปไหนยังวะ น้ำท่าได้อาบบ้างไหม ยังไง
“อ้าวมึงเอง?” โหหหหเพิ่งจะนึกออก?
“ครับ ผมเอางานมาส่งพี่” ผมตอบรับแล้วหยิบเอางานทั้งหมดออกมาจากกระเป๋า “มีบางส่วนที่ผมส่งมาทางเมลแล้วนะพี่” ผมมอง พี่เขาลุกขึ้นแล้วบิดขี้เกียจนิดๆแล้วอ้าปากหาว “ฮ้าวววววว” โอ้โห หาวไม่เกรงใจผมเล้ยยยยย นี่คือนายจ้างผมจริงเหรอวะเนี่ย จะมีตังค์จ่ายผมไหมน้อออ ผมก็คิดไป ชุดเดิมของวันนั้นเลยนี่หว่าอาบน้ำอาบท่าป่าววะเนี่ย
“พี่ไม่เช็คดูงานเหรอครับ”
“ดูแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ที่เหลือคงไม่ต้องดูแล้วมั้งฝีมือดีขนาดนี้”
ผมส่งยิ้มไปเลยสิครับโดนชมอีกแล้ว ผมปลื้มว่ะแม่ง ไอ้อาการหงุดหงิดเมื่อกี้นี่หายหมด
“รออยู่นี่ เดี๋ยวกูออกมาขอเวลาไปล้างหน้าล้างตาแปป แล้วเดี๋ยวเรามาตกลงเรื่องค่าจ้างกับงานชิ้นใหม่กัน”
“แล้วให้ผมไปรอด้านนอกไหมครับ”
“ไม่ต้อง นั่งรอที่โซฟานั่นก็ได้ เดี๋ยวกูลงมา ไม่นาน”
แล้วพี่เขาก็หายเข้าไปด้านใน ผมถอยออกไปนั่งอยู่ที่โซฟาแถวๆประตูคือมันเป็นเก้าอี้สำหรับแขกหรือลูกค้าล่ะมั้งนะหยิบนิตยสารเกี่ยวกับพวกซอฟแวร์ต่าง ๆ มาอ่านรอ พี่เขาหายเข้าไปนานเหมือนกันนะเนี่ยหรือว่าจะชิ่งหนีทางประตูหลังแล้ววะ แต่เอ๊..งานผมก็ตั้งวางอยู่ที่โต๊ะนี่หว่า ผมก็นั่งคิดโน่นนี่ไปเรื่อย สักพักมีคนเดินออกมาจากด้านในผมเริ่มมองซ้ายมองขวาแล้วลุกขึ้น คืออะไรวะทำไมมีคนอื่นอยู่ด้วยอีก หน้าตาท่าทางสุภาพเรียบร้อย ที่สำคัญคือดูดีและหล่อมาก
“มานั่งนี่ดิ่” ผมตกใจระคนความงงงวยคือเสียงพี่คนนี้กับพี่อินดี้คนที่หายเข้าไป คือมันเสียงเดียวกันนี่หว่า แต่คืออะไรวะ ตอนนี้คนที่เรียกผมให้ไปนั่งที่โต๊ะกลายเป็นผู้ชายที่ไร้หนวดเคราหน้าตาสะอาดสะอ้านผมเผ้าที่เคยยุ่งๆแบบไม่ใส่ใจจะหวี กลายเป็นหวีออกมาเรียบร้อยเสื้อผ้าถูกเปลี่ยนเป็นชุดใหม่เนี๊ยบมาก ความเซอร์หายไปแต่ยังคงความเท่ไว้เหมือนเดิม
"เอ้า มาดิ่ นั่งนี่"
พี่เขาเรียกอีกครั้งผมเลยค่อยเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามพี่เขาช้า ๆ มองหน้าพี่เขานิ่งเลย คนอะไรทำไมโกนหนวดเคราแล้วดูเหมือนเป็นคนล่ะคนเลยวะ
“มึงชื่ออะไร”
“พิชย ครับ”
“ชื่อเล่น”
“ปิงครับ”
“อายุเท่าไหร่”
“ยี่สิบเอ็ด”
“เรียกกู ‘พี่เชน’ ”
คำพูดของพี่เชนทำให้ผมนึกไปถึงคำพูดของใครคนนึงทันที....คนที่ผมไม่ได้เจอไม่ได้ติดต่อมานานเป็นปีแล้ว
“มึงชื่ออะไร”
“ปิงครับ”
“อายุเท่าไหร่”
“19 ”
“เรียกกู ‘พี่เอย์’.....
“ปิง!!” เสียงพี่เขาค่อนข้างดังผมเลยสะดุ้งตกใจ
“เป็นอะไรทำไมจู่ ๆ เหม่อไป”
“อ๋อ ปะ..เปล่าครับ” ผมรีบแก้ตัว พี่เชนยื่นซองสีชมพูส่งมาให้ ปกติผมรับงานจะใช้วิธีการโอนเงินค่าจ้างผ่านบัญชีธนาคารแต่งานนี้รับเป็นเงินสด?? ผมเก็บซองมาเปิดดูค่าตอบแทน คือผมใช้สายตานับแบบคร่าว ๆ เลยนะผมไม่อายหรอกเพราะเราไม่ได้คุยเรื่องเงินกันเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมจึงต้องการรู้จำนวนที่แน่ชัด
“พอไหม” พี่เชนถาม ผมหยิบออกมาห้าใบวางลงที่โต๊ะแล้วเลื่อนส่งคืนพี่เขาไป คือมันรู้สึกว่าเกินเรทที่ผมควรจะได้ พี่เชนจ้องผมนิ่งเลย
“ผมรับแค่นี้พอครับพี่ นี่คือเรทของผม”
พี่เชนจ้องผมต่อครู่หนึ่งแล้วยกยิ้มมุมปากนิดๆปล่อยเงินวางไว้ที่โต๊ะเหมือนเดิม แล้วนั่งพรมที่คีย์บอร์ดทำอะไรสักอย่างกับเครื่อง ผมมองซ้ายมองขวารู้สึกสงสัยบางอย่างเลยถามขึ้น
“พี่เชนครับ ทำไมที่นี่ถึงมีแต่พี่คนเดียว คนอื่นๆล่ะครับ”
“ความจริงมีอีกคนนึง เขาชื่อพี่พิมเดี๋ยววันนี้ก็เข้ามา พิมเป็นคนหางานจากข้างนอกส่งมาให้กูกับมึงทำนี่แหละ”
“คือหมายความว่าพี่พิมทำงานเอกสารหางานเข้าออฟฟิศแล้วพี่เขียนโปรแกรมส่งงี้เหรอครับ”
“ใช่”
“แล้วพี่เชนทำไม่ทันเลยจ้างผมให้รับงานไปทำช่วยเหรอครับ”
“ใช่”
ผมมองคนที่นั่งอยู่หน้าเครื่องคอมอย่างไม่อยากจะเชื่อ คือพี่เชนอายุยังไม่มากเลยเป็นโปรแกรมเมอร์มือหนึ่งและหนึ่งเดียวของที่นี่ มีพี่พิมรับงานเข้ามาให้พี่เชนทำๆๆ เสร็จแล้วทำไม่ทันเพราะงานเยอะขึ้นเลยหาคนเข้ามาช่วย ซึ่งผมบังเอิญไปเห็นประกาศนั้นเข้าพอดี ผมว่าคงมีหลายคนส่งงานมาให้ดูแต่พี่เขาไม่โอเคมาลงตัวที่ผมมั้งนะ
“จริงๆแล้วกูกับพิมเพิ่งจะตั้งบริษัทกันมาเมื่อปีที่แล้วเองนะ เราเพิ่งจะเรียนจบกัน แล้วพอดีได้ออฟฟิศที่นี่เขาให้เช่าเราสองคนเลยร่วมหุ้นกันทำบริษัทเล็กๆขึ้นมา ซื้อหาข้าวของเครื่องใช้รวมถึงสมุดหนังสือทุกอย่าง พิมเขาเก่งมากถึงจะเป็นผู้หญิงแต่ดิวงานแล้วก็หางานเข้าได้เยอะมากจนกูคนเดียวทำไม่ไหว เลยต้องหาผู้ช่วยก็ได้มึงนี่แหละฝีมือพอจะสูสีกับกูได้”
“หูยพี่หลงตัวเองว่ะ ผมยังไม่เคยเห็นฝีมือพี่เลยเหอะ”
พี่เชนอมยิ้มนิดๆไม่ได้ตอบอะไรผม เพียงแต่หัวเราะเสียงเบาในลำคอ แต่หน้าตานี่คือยิ้มร้ายให้ผมมากคงคิดว่าผมไม่เชื่อว่าพี่เขาจะเก่งอ่ะดิ ผมเลยเบะปากส่งไป พี่เชนเตะขามาที่ใต้โต๊ะเจอขาผมแบบเต็ม ๆ ผมร้องโอดโอย กระดูกงี้แทบร้าวเลยคือเราเพิ่งเจอกันแค่สองครั้ง ครั้งแรกยังเฉย ๆ กันอยู่เลย พอมาเจอกันวันนี้เล่นแรงมากทำท่าเหมือนกับสนิทกันมานานงั้นแหละ
“มึงตลกดี”
“พี่ตลกกว่า”
“ยังไง”
“หน้าตาท่าทางของพี่ ก่อนโกนหนวดกับหลังโกนหนวด”
“แบบไหนหล่อกว่ากัน”
“แบบแรกดิ่ เท่ดีอินดี้ผมชอบ”
“งั้นต่อไปกูจะโกนหนวดทุกวัน กันมึงมาชอบกู”
“หูยยยพี่พูดไปเหอะ ผมจะไปสนพี่ได้ไงผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้ว”
“จริงดิ่”
“จริงครับ”
“เอองั้นก็ดี กูขี้เกียจรำคาญ สมัยนี้ผู้หญิงผู้ชายวิ่งจับกูให้วุ่น บางวันออกไปแม่งเซอร์ๆนั่นแหละไม่มีใครมาสนใจดี แต่ถ้าออกไปลุคนี้ทีไรกูล่ะโคตรเซ็งเลย”
“อ้าวแล้ววันนี้อ่ะครับ?”
“วันนี้กูมีคุยเรื่องงานกับลูกค้าสำคัญเดี๋ยวพิมจะเข้ามาแล้ว ต้องเนี๊ยบหน่อย”
“อ้อ” ผมพยักหน้าเข้าใจ รู้แล้วว่าพี่เขาคงจะปล่อยตัวเวลานั่งทำงานไม่มีเวลามาดูแลตัวเองมั้งนะ โปรแกรมเมอร์สไตล์แบบนั้นป่ะวะ
“โปรแกรมเมอร์สไตล์ มึงไม่เคยได้ยินเหรอ หึหึ” พี่เชนพูดยิ้ม ๆ รู้อีกว่าผมกำลังคิดอะไร ผมว่าพี่เขากวนตีนผมดีว่ะผมเลยยักไหล่เบะปากไม่สนใจ
กริ๊งดังขึ้นประตูผมหันไปมอง ผู้หญิงสวยมากคนนึงก้าวเข้ามา เธอสะบัดกระเป๋าลงที่โซฟาแล้วทิ้งตัวนั่งอย่างสุดแสนจะเหนื่อย
“เฮ้อออ เหนื่อยมาก ร้อน วันนี้โคตรจะที่สุดของความร้อน” เธอทั้งบ่นทั้งลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นที่ด้านหลัง หยิบน้ำออกมาดื่ม จากนั้นเธอเดินเข้ามายืนอยู่ข้างหลังพี่เชน ซึ่งก็คือยืนอยู่ต่อหน้าผมนั่นเอง
“ปิง นี่ไงพิม ที่กูเล่าให้มึงฟังเมื่อกี้” เมื่อพี่เชนแนะนำผมเลยยกมือไหว้ ดูท่าเธอจะอายุมากกว่าผมแน่อยู่แล้วแหละไหว้ไปไม่เสียหาย แต่เออตอนผมเจอพี่เชนผมทำไมไม่ไหว้พี่เขาวะ
“นี่เหรอปิงเด็กที่เชนเล่าให้พิมฟัง ฝีมือดีจังเลยนะ”
“ขอบคุณครับ”
“หล่อด้วย”
“หือ??” เอิ่มผมหันซ้ายหันขวา รู้สึกเขินนิดๆ พี่พิมสวยนะ โดนคนสวยชม หุหุ
“ว้าแบบนี้จะแย่ไหมเนี่ย บริษัทเรามีแต่โปรแกรมเมอร์หน้าตาดี ๆ ทั้งนั้น ลูกค้าสาว ๆ เยอะแน่คราวนี้”
เพราะว่าชอบแกล้งเลยโดนพี่เชนผลักซะกระเด็นออกไปไกลเลย คนตัวเล็กกว่าจะตั้งหลักได้ยู่หน้าใส่พี่เชน แล้วบ่นอุบอิบในคอ แต่พี่เชนไม่ได้สนใจจะง้อ พี่พิมเลยหันมาที่ผม
“งั้นต่อไปปิงเรียกพี่ว่าพี่พิมนะ ดีใจที่ได้ปิงมาทำงานด้วย”
“ครับพี่พิม”
หลังจากวันนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ผมเอางานเข้าไปส่งให้พี่เชนที่ออฟฟิศอีก พี่เขายังโทรมเหมือนวันแรกที่เห็นแสดงว่าหลายวันที่ผ่านมานี่คือไม่ค่อยได้นอน คือหมายถึงกินนอนอยู่ที่นี่เลยแน่ๆ
พี่เชนนั่งตรวจเช็คงานของผมอยู่ สายตานี่จรดอยู่ที่หน้าจอมาก เออว่ะ ทำไมผมรู้สึกคุ้น ๆ หน้าพี่เขาวะ มุมนี้นี่คือใช่เลยนะ ผมก็มองไปลองเปลี่ยนอีกมุมดูก็ใช่อีก พี่เชนปรายสายตามาที่ผมสองสามครั้ง ก่อนจะเอ่ยถาม
“มีอะไร”
“พี่เชนครับ ผมว่าพี่หน้าคุ้นๆ”
“กูหน้าโหลไง”
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนไหมพี่”
แค่นั้นแหละครับพี่เชนหยุดชะงักมือที่กำลังคีย์กำลังกดทันที ค่อย ๆ เลื่อนสายตามองมาที่ผมเหมือนคนกล้า ๆ กลัว ๆ แต่คือยังเงียบอยู่ผมเลยถามขึ้นอีก หน้าพี่แกเครียดมากนะบอกเลย
“จริงนะครับพี่ ผมว่าเราสองคนรู้จักกันมาก่อนแน่ ๆ ผมคุ้นหน้าพี่มากเลยนะ” ผมยกน้ำในแก้วขึ้นดื่ม พี่เชนจ้องผมนิ่ง ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้ผมถึงกับสำลัก
“นี่มึงกำลังจีบกูเหรอปิง”
“พรวดดดดดดดด อะแค่กๆๆ แค่กกกๆๆๆ”
“บ้าเอ๊ยยย กินยังไงของมึงเนี่ย” พี่เขารีบลุกขึ้นมาตบหลังผมพร้อม ๆ กับเลื่อน ๆ เอกสารที่กลัวว่าจะเปื้อนน้ำออก ดึงกระดาษทิชชู่ส่งให้
“ก็เพราะพี่แหละ” ผมรีบโวยวาย พี่เชนแหละพูดเรื่องอะไรวะผมจะไปจีบพี่เขาทำไมผมมีคนที่ผมรักแล้วเหอะ คือผมคุ้นหน้าพี่เขาจริง ๆ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน พี่เชนยังทำหน้ามองผมแบบไม่อยากจะเชื่ออยู่ ผมรีบลุกขึ้นไปดึงกระดาษทิชชู่ออกมาอีกเช็ดๆน้ำที่ตัวเองทำเปื้อนโต๊ะเปื้อนสมุดหนังสือออกให้
“หนังสือกูเปื้อน กูจะฆ่ามึงเลย”
“อ้าว ๆ ผมตั้งใจที่ไหน พี่แหละจู่ ๆ พูดไรแปลกๆ”
“มึงดิ่แปลก พูดจาเหมือนผู้ชายจีบผู้หญิง”
“เอ๋า ผมคุ้นหน้าพี่จริงนี่ครับ ผมก็แค่ถามดูเหอะ”
“เออให้มันจริงอย่างที่มึงพูดเหอะ”
แล้วเราก็นั่งเถียงกันอยู่งั้นแหละครับพี่พิมเพิ่งกลับมาจากข้างนอกพอดีเลยมาร่วมแจมด้วย เราคุยกันเรื่องงานบ้างส่วนใหญ่แล้วพี่พิมจะคุยเรื่องที่เจอลูกค้าตลกๆหรือแปลกๆมาเล่าให้ฟัง พี่เชนไม่ค่อยพูดหรอกมีแต่ผมกับพี่พิมคุยกันแค่สองคน จนสักพักพี่เชนตรวจงานผมเสร็จส่งซองเงินยื่นให้ ผมรับมาเปิดดูก็เยอะอีกแล้ว ผมเลยดึงคืนพี่เขาไปห้าใบเหมือนเดิมเปี๊ยบ พี่เชนกับพี่พิมจ้องหน้าผมนิ่งเลย
ก่อนพี่เชนจะเอ่ยถามคำถามที่เปลี่ยนผมคนนี้ไปทั้งชีวิต
“มาอยู่กับกูไหม? มาทำงานด้วยกัน”“ใช่จ๊ะปิง มาอยู่กับพวกพี่นะ มาทำงานด้วยกัน พี่อยากได้เรามาช่วยพี่นะ ปิงเป็นเด็กดีขยันแล้วก็เก่ง หาคนแบบนี้ยากเหลือเกินแล้วสมัยนี้” พี่พิมเดินเข้ามาหาผม บีบลงที่ไหล่เบา ๆ ผมเงยหน้ามองพี่เขาสลับกับมองพี่เชน
“แต่ผมยังเรียนอยู่ครับพี่ ผม....
“เอาแบบนี้ไหมปิง พี่จะให้ปิงเป็นหุ้นส่วนนึงของที่นี่ รายได้ต่อไปนี้ของพวกเราจะมาจากความขยันของเราทั้งสามคน พี่จะเป็นคนหางานเข้ามาให้ มีเชนกับปิงช่วยกันทำให้บริษัทนี้เติบโต จากนี้ไปมันจะกลายเป็นบริษัทของเราเอง ปิงยังไม่ต้องลงเงินหรืออะไรทั้งนั้น ขอแค่ให้ช่วยแบ่งงานของเชนไปทำเท่านั้น รายได้จะถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนทุกเดือนขึ้นอยู่กับความขยันขันแข็งของพวกเรา ถ้างานมันโตขึ้นอีกเราก็ค่อยหาคนฝีมือดีมาเขียนโปรแกรมช่วยอีกสักคนสองคน ทีนี้ปิงกับเชนก็จะเป็นคนคุมน้องใหม่พวกนั้น ความจริงเรื่องนี้พวกพี่คุยกันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เชนน่ะเขาไม่ค่อยชมใครง่ายๆหรอกนะมีปิงนี่แหละที่พี่เชนเขายอมรับ”
ผมมองไปที่พี่เชนทันที “ตะ...แต่ว่าคือ....” ผมยังค่อนข้างลังเล คือยังไม่แน่ใจข้อเสนอของพี่เขามีแต่สิ่งดีๆให้กับผมทั้งนั้น ทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่อาทิตย์ คือทำไมพี่สองคนนี้ดีถึงดีกับผม
“หรือมึงไม่ไว้ใจกูกับพิม คิดว่าพวกกูจะหลอกใช้มึงงั้นสิ”
“ปะ...เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้น” ผมรีบยกมือปฏิเสธ
“ก็แล้วทำไมไม่ตอบข้อเสนอของพวกกู ถ้าเป็นเด็กคนอื่นนี่รีบตะครุบเชียวนะ โอกาสทองแบบนี้มึงจะหาที่ไหนได้อีกกูถาม” พี่เชนท่าทางจริงจัง เวลาทำงานพี่เชนดุแบบนี้เสมอ
“ถ้างั้นเอาแบบนั้นก็ได้ครับ” ผมตอบเสียงอ่อนไม่ใช่ไม่อยากเป็นหุ้นส่วน แต่คือมันจะยิ่งใหญ่เกินตัวผมไหม
“พี่ครับแต่ผมไม่มีเงินอะไรจะมาลงทุนกับพวกพี่หรอกนะครับ”
“ความสามารถของมึงมีราคามากกว่าเงินทั้งหมดของกูและของพิมรวมกันซะอีก นี่คือเหตุผลว่าทำไมกูถึงชวนมึงมาอยู่ด้วย”ผมเม้มปากแน่นเลยคือตื้นตันใจพี่เชนชมผม คือมันเป็นที่สุดของคำชมจริง ๆ
“ดีเลยจ๊ะ พี่ดีใจมากเลยจริง ๆ สงสารเชนน่ะอยู่เฝ้าที่นี่บ้านช่องก็ไม่ได้กลับ ดีมากๆที่ปิงเดินเข้ามาในชีวิตของพวกเรา สมัยนี้จะหาคนซื่อสัตย์มักน้อยแล้วก็ไว้ใจได้นี่ยากมาก เชนเขาชมว่าปิงเป็นเด็กดีให้พี่ฟังตั้งหลายรอบเลยนะรู้ไหม” พี่พิมพูดยิ้ม ๆ ผมเลยมองไปที่พี่เชนอีกครั้ง พี่ท่านกำลังจดจ้องอยู่ที่หน้าจอทำท่าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่ได้ยินที่พี่พิมพูด
“ครับ แต่คือมีข้อนึงที่ผมเองก็อยากจะพูด” สองคนหันมองมาที่ผม
“ถึงผมจะไม่มีเงินแต่ผมจะขอลงทุนกับพวกพี่ด้วยก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไรถ้าปิงไม่มีพี่ไม่ว่าหรอก แค่ลงแรงช่วยพี่ดีใจมากแล้ว”
“ไม่ได้หรอกครับไหนๆก็เรียกว่าหุ้นส่วนผมคงต้องออกเงินบ้าง”
“มึงจะลงเท่าไหร่ล่ะ” พี่เชนหันมาถาม
“แล้วพวกพี่ลงกันคนละเท่าไหร่ล่ะครับ”
“คนละหนึ่งล้าน ตั้งแต่ครั้งแรกโน่น”
ผมสตั๊นไปสามวิ หนึ่งล้าน?? ตาย ๆ ผมจะไปเอาที่ไหนมาให้
“ถ้างั้นผมขอลงหนึ่งหมื่นได้ไหมอ่ะพี่”
“…….??!!!?!!??........” พวกพี่เขาคงสตั๊นไปยาวกว่าผมหน่อยนึง
“แห่ะๆ” ผมหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วยกมือเกาหัวแก้เขิน คือเอาจริง ๆ เลยนะ หนึ่งหมื่นนี่คือเงินที่ผมรับจากพี่เขาวันนี้แหละ ถ้าโดนหลอกคือผมก็คิดว่าไม่ได้ไม่เสียอะไรแล้วกัน เงินของพี่เขาอยู่แล้ว พี่เชนนี่ชี้หน้าผมแล้วชี้ซองเงินอย่างคนรู้ทัน พี่พิมเลยหยิกต้นแขนแน่นๆนั้นไปทีแล้วบอก “อย่าไปว่าน้อง”
“เดี๋ยวผมจะช่วยล้างห้องน้ำ ชงกาแฟ ถูพื้น เช็ดกระจก ทำอาหาร ทำความสะอาดออฟฟิศ ผมทำได้ทุกอย่างเหอะ”
นี่คือผมพยายามทำสถานการณ์ของผมให้ดีขึ้นนะ แต่เห็นพี่ๆสองคนเบะปาก จากนั้นผม พี่เชนและพี่พิม เราสามคนหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน ผมดีใจมากเลยนะครับคือมันเป็นงานที่ผมถนัดแล้วก็รักที่จะได้ทำ ตอนนี้โชคดีจริง ๆ มีพี่ๆให้โอกาสกับผมขนาดนี้ผมจะขอเต็มที่กับงานนี้ครับ
…….
…..
…
..
“ปิง เดี๋ยววันนี้ต้องออกไปดูงานวางระบบของบริษัท ABC นะ เรียนเสร็จแล้วรีบเข้ามากูรออยู่ที่ออฟฟิศ”
“ครับ พี่เชน”
......
“ปิง ลูกค้าโทรมาด่วน เซิร์ฟเวอร์ของบริษัท BQ ล่ม มึงอยู่แถวนั้นไหม? เตะบอลอยู่รึเปล่า? หรืออยู่ที่ร้าน แวะไปดูให้เขาหน่อยละกันเดี๋ยวกูตามเข้าไป เคลียร์ที่นี่แปป อีกสักครึ่งชั่วโมงเจอกัน”
“ครับพี่เชน”
….
“ปิงอาทิตย์นี้งานเราสองคนเยอะหน่อยมึงต้องค้างที่ออฟฟิศกับกู ตอนกลางคืนเราจะได้ช่วยกันเคลียร์ กูจะสอนโปรแกรมใหม่มึงด้วย ดูแล้วจำไว้ให้ดี ๆ”
“ครับพี่เชน”
.......
“มึงนอนตรงนั้นละกัน เดี๋ยวกูจะแก้งานจุดนี้ต่ออีกหน่อย ตีสี่แล้วพรุ่งนี้มึงมีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เป็นไรพี่ ผมไม่นอนได้นะเดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน พี่เหอะอดนอนได้เหรอ”
“ถามอะไร ดูด้วยกูใคร”
“คร้าบๆ พี่ไม่นอนผมก็ไม่นอนอ่ะ”
“ตามใจงั้นไปชงกาแฟมา”
"ครับพี่เชน"
......
“ปิง วันนี้มึงขับรถให้กู ชลบุรีมึงโอเคใช่ไหม เดี๋ยวทำงานเสร็จเราไปกินข้าวกันริมหาด มึงไม่ได้เห็นทะเลมากี่ปีแล้ว”
“โหพี่พูดซะผมบ้านนอกมากเลย”
“อ้าวเหรอ มึงเป็นเด็กกรุงเทพหรอกเหรอ”
“พี่แม่ง”
“แล้วจะไปป่ะ ตกลง”
“ไปครับพี่เชน”
......
“ปิงกาแฟดิ๊”
“โอเคครับ กาแฟดำ ไม่ใส่ครีมแต่ใส่คาราเมลแทน”
“รู้ใจกูดีมาก จัดมา”
.....
“ปิงมึงออกไปซื้อบุหรี่ให้กูทีหมดแม่งไม่รู้ตัวเลยว่ะ”
“หึ ผมไม่ว่างอ่ะ”
(โดนจ้องหน้า)
“ก็ถ้าพี่ใช้ไปซื้ออย่างอื่นผมซื้อให้อ่ะ แต่บุหรี่นี่ผมไม่ว่างซื้อจริง”
“จิ๊ งั้นกูออกไปซื้อเองก็ได้”
"ตามสบายครับพี่เชน อุ๊ก!" (โดนหมอนขว้าง)
"สมน้ำหน้ามึง"
......
“ปิงหิวข้าวว่ะ ออกไปซื้อแถวนี้มากินกันเหอะ”
“เดี๋ยวผมทำให้พี่กินดีไหมครับ”
“เออเอาแบบนั้นก็ได้ ให้ไวเลยมึง”
......
“ปิงวันนี้กินข้าวกับอะไร มึงมาช้ากูหิ้วท้องรอนานแล้วเนี่ย”
“หูยพี่ผมออกจากห้องสอบก็ดิ่งมาเลยนะ ไม่ได้ซื้ออะไรเข้ามาเลยเหอะ”
“งั้นไปซื้อข้างนอกเข้ามากินดิ่”
“ออกไปนั่งกินหน้าปากซอยไหมพี่”
“งั้นไปกันเลย”
“เดินไปนะ ไม่นั่งรถ”
“ได้”
.....
“ปิง เดี๋ยววันเสาร์ที่จะถึงนี้มึงต้องออกไปรับงานกับกูและพิม เราสามคนคงต้องออกไปด้วยกัน บริษัทนี้ค่อนข้างใหญ่ เขาอยากดูฝีมือของพวกเราสองคน เตรียมตัวไว้ให้พร้อมด้วย โชว์ให้พวกเขาได้เห็น ว่าพวกเราเป็นคู่ที่เจ๋งแค่ไหน เวลาที่เราทำงานด้วยกันโปรแกรมของพวกเราเจ๋งที่สุด”
“ได้เลยครับพี่เชน ปิงรับแซบ”
“หึหึหึ”
.....
“อ้าวโช้นนนนนนน”
“สำเร็จไปอีกงานแล้วนะมึง แต่ยังหลงตัวเองไม่ได้ ต่อไปเราต้องขยันยิ่งกว่านี้อีก”
“ครับพี่เชน”
“กินเข้าไปเยอะๆเลย ถ้าเมาเดี๋ยวกูจะแบกมึงกลับเอง”
“คึคึ พี่เชนแม่งตลกว่ะ ผมว่าผมจะได้แบกพี่กลับมากกว่าล่ะมั้ง”
“ไอ้เหี้ย กูเมาแล้วว่ะแม่ง”
......