DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]  (อ่าน 615935 ครั้ง)

ออฟไลน์ indyska

  • •ความสุขที่เsาสร้างเอv• - monblurx -
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
หึหึึหึหึหึหึหึ ทาสแมวววจงสถิตตต

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
น้องปุยน่ารักจังเลย

ออฟไลน์ ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥

  • เหรียญยังมีสองด้าน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
SPECIAL
F.L.U.F.F.Y

TWO







        PUIMEK
        ผมยังคงเป็นแมวที่มีหน้าที่กิน นอน เที่ยวเล่นและรอเจ้าของกลับบ้าน ผมเงยหน้ามองนาฬิกา ใกล้เวลาที่พี่เติร์ดจะกลับมาแล้ว ผมเฝ้าวนเวียนอยู่ตรงหน้าประตูรอว่าเมื่อไหร่พี่เติร์ดจะกลับมา ปกติพี่เติร์ดจะกลับตรงเวลาตลอด แต่วันนี้สายไปเกือบสามชั่วโมงแล้ว ผมเดินกลับไปนอนในที่นอนแสนนุ่มของตัวเอง แต่เทียบเท่าไม่ได้เลยกับตักกว้างๆของเขา
        ‘ติ๊ด’
        หูเล็กสองข้างตั้งตรงเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ผมวิ่งไปรับพี่เติร์ดไปที่หน้าประตูโดยอัตโนมัติ กระโดดไปมาด้วยความดีใจ แต่คนที่เข้ามาในห้องกลับไม่ใช่พี่เติร์ด เป็นใครก็ไม่รู้ ผู้ชายผิวขาวตัวเล็กและน่ารักเขาไม่ใช่พี่โยชิ และกลิ่นของเขาฉุกกึกแบบที่ผมไม่ชอบ ผมจำได้แล้ว กลิ่นนี้เคยติดตัวพี่เติร์ดกลับมาที่บ้าน
        “แมว น่ารักจังเลย” เขาเห็นผม ทำท่าจะเข้ามาจับ จังหวะเดียวกับที่พี่เติร์ดเข้ามาในห้อง ผมใช้มือที่กางกรงเล็บออกตะบบเข้าให้หลายทีที่มือขาวแล้ววิ่งไปหาพี่เติร์ด ผมไม่ชอบให้คนไม่รู้จักโดนตัว อย่างมายุ่งกับผม
        “โอ๊ย” มนุษย์หน้าขาวร้อง “แมวพี่ข่วนผมอ่ะพี่เติร์ด ได้เลือดเลยดูสิครับ” แล้วเขาก็ฟ้อง
        เมี๊ยว!
        สมน้ำหน้า
        ผมกางเล็บออกทำท่าจะข่วนเขาอีกครั้งเพราะเขาขยับเข้ามาใกล้พี่เติร์ด แต่ว่าตัวผมกับลอยวืดขึ้นจากพื้น ผมสงบแล้วเตรียมจะหันไปอ้อน แต่ทว่าเสียงที่เคยอบอุ่นมาครานี้ระคายหูจนทนไม่ไหว
        “ทำอย่างนี้ได้ไงปุยเมฆ ไม่น่ารักเลยนะ ไปข่วนพี่บิวเขาทำไม!”
        “ผมเจบอ่ะพี่เติร์ด”
        “เดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่แล้วนะปุยเมฆ เอะอะข่วนเขาไปทั่ว ขนาดพี่ยังโดนบ่อยๆเลย เคยตัว!” พี่เติร์ดหันมากระแทกเสียงใส่ผม
        “...” ผมเงียบ มองเขาดวงสายตาตัดพ้อ แต่เขาก็คงไม่มีทางเข้าใจแมวอย่างผม
        “มันน่าตีจริงๆเลย ทำไมดื้ออย่างนี้ห๊ะ ชักเกเรบ่อยไปแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่เลี้ยงซะหรอก” เขาว่าผมใหญ่โต ผมทนไม่ไหวโมโหก็เลยข่วนแก้มเขาไปทีหนึ่ง พี่เติร์ดตกใจสะบัดมือปล่อยผมออกจากอ้อมแขน ตัวเล็กๆของผมกระแทกกับตู้ใส่รองเท้าแล้วหล่นลงพื้นจนเจ็บร้าวไปทั้งตัว เขาตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นผมตกลงมาเสียแรง ทำท่าจะเข้ามาจับ ผมร้องแง้วใส่แล้ววิ่งหนี
        ไม่เอาแล้ว คนใจร้าย
        “เดี๋ยวปุยเมฆ หยุด อย่าวิ่ง! ปุยเมฆกลับมานี่!”
        ผมไม่ฟัง วิ่งหนีออกจากประตูห้องที่ยังเปิดคาไว้อยู่ แม้จะเจ็บตัวเจ็บขาแต่ผมก็ไม่หยุด เสียงฝีเท้าวิ่งตามมา ผมวิ่งไปทางบันไดแล้วไปตะกุยประตูห้องๆหนึ่งเผื่อเรียกคนข้างใน
        ก่อนที่พี่เติร์ดจะตามมาทัน คนในห้องก็เปิดประตูให้ผมได้เข้าไป เสียงพี่เติร์ดดังแว่วมาไล่หลังพร้อมกับบานประตูใหญ่ที่ปิดลง
        “ไง งอนอะไรเจ้าหนุ่มนั่นมาอีกล่ะ” คุณหมอถาม ผมทิ้งตัวลงกับพื้นเพราะหมดเรี่ยงแรงจะเดินต่อ อีกทั้งยังเจ็บตัวอีกด้วย ผมตกลงมาสูงมากเลย ผมเจ็บ
        “อ้าว ร้องไห้ซะงั้น”
        ‘เมี๋ยววววว’
        ‘ฮึก ผมเจ็บ เขาโยนผมลงพื้น ผมเจ็บมากเลย ทำไมเจ็บอย่างนี้’

        ทำไมพี่เติร์ดถึงทำกับผมแบบนี้ ถึงผมจะข่วนเขา แต่เขาไม่เคยปล่อยผมออกจากมือแบบนั้นเลยสักครั้ง เขาต้องไม่รักผมแล้วแน่ๆเลย
        “แล้วไปทำอะไรเขาล่ะหืม”
        ‘ม๊าววว!’
        ‘คุณหมอ!’

        “โทษทีๆครับ มานี่มะ มาให้หมอตรวจหน่อยว่ากระดูกหักไหม”  คุณหมอเข้ามาจับตัวผมแตะหาจุดบาดเจ็บจนมาถึงข้อเท้า แค่แตะยังไม่ทันที่คุณหมอจะลงแรง ความเจ็บก็แล่นปราดไปทั่วทั้งขา ผมสะดุ้งน้ำตาเม็ดโตไหลออกจากตา นึกถึงคนที่ทำให้เจ็บแล้วผมก็ได้แต่เสียใจ
        พี่เติร์ดไม่รักผมแล้ว
        “ขาน่าจะหัก รอแปบนะ เราต้องไปคลีนิคกัน ที่นี่ไม่มีอุปกรณ์” คุณหมอพูดแล้วก็ลุกขึ้นไปแต่งตัว
        ผมนอนนิ่งๆ ขยับไม่ได้เลย ขยับแล้วเจ็บ สักพักคุณหมอก็กลับมาพร้อมตะกร้าใบใหญ่ คุณหมอค่อยๆเอาตัวผมลงไปในนั้นที่มีผ้าผืนหนาและนุ่มรองอยู่ ผมเจ็บจนต้องร้องออกมาหลายต่อหลายครั้ง  ไม่รู้ว่าตอนที่วิ่งหนีผมไปเอาแรงมาจากไหน รู้แค่ว่าผมตกใจและเสียใจมากจนกลายเป็นความกลัว กลัวพี่เติร์ดจะตีผมซ้ำอีกเหมือนที่ผมเคยโดน แต่ต่างกันที่ว่าครั้งนี้เจ็บกว่าหลายเท่า เพราะคนที่ทำคือคนที่ผมรัก
        คุณหมอรีบพาผมไปที่คลีนิคและทำการรักษาผมโดยด่วน ผมหมดสติไปเพราะยาสลบ แต่ถึงจะไม่รู้สึกตัว แต่หัวใจของผมก็เอาแต่วนเวียนถึงคนใจร้าย
        ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ผมไม่ได้สติ กระพริบตาตื่นขึ้นมาก็เห็นหน้าของคนใจร้าย ผมขยับหัวหันสายตาไปอีกทางก็เจอกับคุณหมอ ผมร้องเรียกหาคุณหมอทันที
        “ไงเจ้าตัวเล็ก รู้สึกตัวแล้วเหรอ ไม่ได้สติไปตั้งสองวันแหนะ” คุณหมอพูดกับผม ผมไม่ได้ตอบอะไร แค่นอนมองนิ่งๆ เหมือนว่าผมจะยังคงเมายาที่หมอฉีดให้ ผมมองสำรวจรอบๆ ที่นี่ไม่ใช่คลีนิค แต่เป็นห้องของคุณหมอ
        “น้องปุย” ผมได้ยินเสียงเรียกตัวเองจากเขาคนนั้น แต่ผมไม่หันไปมอง พอเขาเอื้อมมามาจะแตะตัวผม ผมก็กระเถิบหนีให้ตัวเองเจ็บอีกรอบ
        ‘เมี๊ยวววว’
        พี่เติร์ดทำหน้าสลด “พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจปล่อยเราออกจากมือ พี่ขอโทษนะครับ”
        ไม่ยกโทษให้หรอก ผมปี่แตกอีกแล้ว และพี่เติร์ดก็เห็นชัดว่าน้ำตาผมไหล หนำซ้ำผมยังไดกลิ่นของคนๆนั้นติดตัวพี่เติร์ดมาอีก ผมไม่ชอบเลย ผมอยากให้ตัวพี่เติร์ดมีแค่กลิ่นของเขาและกลิ่นของผมเท่านั้น
        “เขาคงเสียใจน่ะครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมเจ้าบราวนี่ถึงเจ็บมาแบบนี้” คุณหมอถาม ผมหันหน้าหนีไม่อยากมอง หลับตาซะแต่หูยังคงฟังอยู่  รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
        “น้องชื่อปุยเมฆครับ อย่าเรียกชื่อเขาซี่ซั้ว”
        “อ่าครับๆ ปุยเมฆก็ปุยเมฆ ตกลงแล้วเรื่องเป็นมายังไงครับเขาถึงได้เจ็บหนักแบบนี้”
        “เขาข่วนรุ่นน้องผมแค่รุ่นน้องแค่จับเขาเท่านั้นเอง และพอผมดุเขาก็ข่วนผมน่ะครับ ผมตกใจเพราะครั้งนี้เขาข่วนแรงมากเลยเผลอสะบัดเขาไปกระแทกกับตู้รองเท้าแล้วตกลงพื้น คือผมไม่ได้ตั้งใจ” พี่เติร์ดทำเสียงเศร้า
        คุณหมอถอนหายใจ
        “แมวเป็นสัตว์หวงตัวนะครับ เขาจะไม่ค่อยยอมให้คนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของจับหรอกหรือคนที่เคยเล่นด้วย ซึ่งนั่นเป็นธรรมชาติของเขา ไม่ใช่เพราะเขาเกเร และนอกเหนือจากนั้นเขาเป็นสัตว์ที่รักและหวงเจ้าของมาก ถึงอย่างนั้นถ้าเจ้าของทำเหมือนจะไม่รักเขาก็จะต่อต้าน เพราะเขาจะรักตอบคนที่รักเขาเท่านั้น แมวเป็นสัตว์ขี้อ้อนและขี้น้อยใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นสัตว์ที่เชื่องไปซะกับทุกคนหรือทุกสถานการณ์นะครับ ก่อนจะเลี้ยงคุณไม่รู้เหรอครับ” คุณหมอพูดเสียงคล้ายจะตำหนิ ผมจับใจความได้ไม่ทั้งหมด รับรู้ได้จากน้ำเสียงที่คุณหมอพูดเท่านั้น
        “ผมขอโทษครับ” พี่เติร์ดพูดเสียงเบา
        “ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ขอโทษเจ้าตัวเล็กเถอะ และทำใจไว้หน่อยนะครับ ต่อจากนี้คุณกับเขาอาจจะเหมือนคนแปลกหน้ากันเพราะคุณทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจของเขาที่มีต่อคุณหายไปเยอะเลยทีเดียว ตัวเขาก็แค่นี้เอง เขาอาจจะกระโดดลงจากที่สูงเองได้อย่างปลอดภัยนะครับ แต่ไม่ใช่กับการโยนลงพื้นไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้”  คุณหมอบ่นแทนผม ยิ่งทำให้ผมน้ำตาไหล ที่คุณหมอพูดอาจจะไม่ได้หมายถึงแมวทั่วไป แต่หมายถึงความรู้สึกของผมเอง
        “ตัวเล็ก พี่ขอโทษนะ” พี่เติร์ดพูด ผมไม่เห็นว่าเขาจะลูบหัวผมก็เลยสะดุ้งอีกครั้ง เขาหดมือกลับทันที ผมหันไปมองแล้วก็หันกลับเอนลงนอนต่อ
        “น้องปุย พี่ขอโทษ”
        “ถ้ายังไงให้เขาอยู่กับผมจนกว่าขาเขาจะหายแล้วกันนะครับ หมอทำการผ่าตัดดามเหล็กที่ขาให้แล้ว” หมอบอก
        “ผมเอาน้องกลับห้องไม่ได้เหรอครับ” เสียงพี่เติร์ดถาม
        “เอากลับไปแล้วคุณจะมีเวลาดูแลเขาเหรอครับ คุณยังต้องไปเรียนนี่”
        “ถ้างั้นตอนเย็นผมจะมารับเขาที่นี่แล้วตอนเช้าผมจะพาน้องปุยมาฝากไว้กับหมอ” พี่เติร์ดบอก
        คุณหมอเงียบไปก่อนจะทำทีเป็นถามผมเหมือนถามลอยๆ ก็มีคุณหมอแต่คนเดียวนี่ที่คุยกับผมรู้เรื่อง “เอาไงเจ้าตัวเล็ก จะไปหรือเปล่า”
        ผมนอนนิ่งไม่ขยับไม่โต้ตอบ
        “น้องปุย กลับห้องกับพี่เถอะนะ”
        “...”
        “ผมอุ้มเขาได้ใช่ไหมครับ”
        “ครับ แต่ระวังขาเขาหน่อยก็ดี”
        พี่เติร์ดนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผม แต่ผมยังคงกลัว ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมยังจดจำใบหน้าที่เกรี้ยวกราด น้ำเสียงที่ดุว่า และความเจ็บปวดตอนที่ตัวกระแทกกับพื้นได้ดี ทำให้ร่างกายมีปฏิกริยาต่อต้านเองโดยอัตโนมัติ แต่ต่อให้ร่างกายยินยอม แต่ใจผมไม่มีทางโอนอ่อนเด็ดขาด
        ถึงผมจะเป็นแมวผมก็มีความรู้สึก ผมจะไม่ให้เขาจับตัวผมเลยคอยดู เอาคืนที่เขาใจร้ายกับผมก่อน
        “ผมอุ้มไปส่งที่ห้องดีกว่าครับ”
        ‘เมียวว เมี๊ยววว’
        ผมส่งเสียงร้องให้คุณหมอว่าผมไม่อยากไป
        คุณหมอเพียงแค่ยิ้ม ต่างจากอีกคนที่ทำหน้าหงุดหงิด ผมไม่ใจอ่อนง่ายๆหรอกคอยดู
        “กลับห้องเถอะนะแมวเหมียว มาหมออุ้มนะ”
        ผมขยับตัวร้องบอกว่าผมไม่อยากไป แต่คุณหมอทำเพียงส่ายหน้า ผมเลยก้มหน้าซบลงกับที่นอน ปล่อยให้คุณหมอยกเบาะนอนขึ้นพาผมกลับห้องของพี่เติร์ด พอถึงห้องพี่เติร์ดก็สั่งให้คุณหมอพาผมไปนอนบนเตียง ที่ๆผมนอนอยู่ทุกคืน นอนซุกขอไออุ่นจากคนตัวโต แม้ว่าผมจะอยากนอนซุกพี่เติร์ดมาแค่ไหน แต่วันนี้ผมจะไม่นอนเด็ดขาด ผมจะงอนให้ถึงที่สุด
        ‘ไม่ ผมไม่นอนบนเตียง’
        ผมบอกกับคุณหมอ ทำให้ขายาวๆทั้งสองข้างชะงัก
        “คุณเติร์ดครับ ผมวางเจ้าตัวเล็กไว้ข้างเตียงนะครับ”
        “ไม่ครับ ให้เขานอนบนเตียงเลย ปกติเขาก็นอนบนเตียง”
        คุณหมอมองพี่เติร์ดทีก้มมองผม  ส่วนผมมองคุณหมอตาแป๋วว่ายังยืนยันคำเดิม แต่คุณหมอก็ชอบแกล้งผม จับผมวางลงบนเตียง ผมขยับลุกเดินหนีทันที แต่ด้วยความที่ว่าขาผมเจ็บอยู่ผมจึงเดินไปได้ ล้มแหมะอยู่บนเที่นอน ได้แต่ส่งเสียงร้องระบายความเจ็บเท่านั้น
        “ดูเขาจะไม่อยากนอนบนเตียงนะครับ” คุณหมอพูดในสิ่งที่ผมต้องการ
        “แต่ผมอยากให้เขานอนบนเตียงกับผม เขานอนอยู่ทุกคืนไม่มีทางที่เขาจะไม่นอนหรอกครับ น้องปุยจะไม่นอนที่อื่นนอกจากบนเตียง”
        “แต่ตอนนี้เขาดูเหมือนอยากนอนบนเตียงเหรอครับ”
        “...” ผมยังคงพยายามที่จะพาตัวเองลงจากเตียงแม้จะต้องคลานก็เถอะ ไม่เห็นจะต้องมองว่าผมสำคัญเลย ในเมื่อพี่เติร์ดเห็นคนอื่นดีกว่าผม
        ตัวเขายังคงมีกลิ่นของมนุษย์คนนั้นอยู่  ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไม่เข้าใกล้เขาหรอก ผมไม่ชอบกลิ่นของคนๆนั้น กลิ่นที่บอกว่าจะแย่งพี่เติร์ดไปจากผม
        “อีกอย่างตอนนี้เขานอนบนเตียงกับคุณคงไม่สะดวกเพราะคุณอาจจะนอนทับเขาโดยไม่รู้ตัวได้ ให้เขานอนบนพื้นน่ะดีที่สุดแล้ว”คุณหมออุ้มผมอีกครั้ง
        “งั้นให้เขานอนในเบาะนอนของเขา” พี่เติร์ดวิ่งออกไปจากห้องแล้วกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมเบาะนอนของผม เขาวางไว้ที่พื้นข้างเตียง คุณหมอจึงค่อยๆวางตัวผมลงช้าๆเพื่อไม่ให้กระทบโดนขา
        “ค่ารักษาทั้งหมดเท่าไหร่ครับ”
        “ไม่ต้องหรอกครับ ปุยเมฆก็เหมือนแมวของผม ผมรักและเอ็นดูเขาเพราะเขาก็มาหามาเล่นกับผมบ่อย แค่นี้ผมไม่คิดตังหรอกครับ”
        “ไปหาคุณ?”
        “ครับ บางทีเขาก็ไปเล่นกับผมที่ห้องน่ะครับ”
        “อ่อ แต่ยังไงเขาก็เป็นแมวของผมไม่ใช่ของคุณ บอกค่ารักษามาเถอะครับ ผมจะจ่าย”
        “ถ้าคุณว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ ค่ารักษาทั้งหมดก็หนึ่งหมื่นบาท รวมหมดแล้วทุกการรักษาและการล้างแผลต่อจากนี้”
        พี่เติร์ดหยิบเงินสดในกระเป๋าสตางค์ให้คุณหมอแบบไม่ขาดไม่เกิน ผมนอนมองเงียบๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เติร์ดต้องทำหน้าเหมือนไม่ชอบคุณหมอด้วย
        “พรุ่งนี้พาเจ้าตัวเล็กไปหาผมก่อนแปดโมงเช้านะครับ เพราะผมต้องไปเปิดคลีนิคตอนเก้าโมง”
        “ครับ ไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวผมไปส่งที่หน้าประตู”
        “ครับ” คุณหมอรับคำแล้วย่อตัวนั่งลงลูบหัวผม ผมหลับตาพริ้มรับสัมผัสที่แสนอ่อนโยน “เป็นเด็กดีนะ ระวังตัวด้วยอย่าซนนักล่ะไม่งั้นจะไม่หายรู้ไหมตัวเล็ก”
        เมี๊ยววๆๆ
        “หึหึ หมอไปแล้วนะครับ พรุ่งนี้เจอกัน” หมอพูดแล้วก็ก้มลงจุ๊บหน้าผากผมหนึ่งที ก่อนจะลุกเดินตามพี่เติร์ดออกไป สักพักพี่เติร์ดก็กลับเข้ามาในห้อง เขาทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆกับผม แววตาไม่ดุดันเหมือนตอนที่มองคุณหมอ แววตาของพี่เติร์ดเหมือนคนเดิมก่อนที่เขาจะพาคนๆนั้นมาที่ห้อง
        ดูเอาเถอะ ในห้องยังมีกลิ่นที่ผมไม่ชอบเลย บนเตียงนั่นก็ด้วย มีแต่กลิ่นที่ไม่ชอบ ผมหลบหน้าซุกลงกับที่นอน พอพี่เติร์ดจะจับผมก็ยกหัวหนีแล้วขู่ไม่ให้ยุ่ง
        “น้องปุยโกรธพี่เหรอครับ หายโกรธพี่เถอะนะพี่ขอโทษ”
        “...”
        เขาจะจับอีกผมก็ขู่อีก ไม่ฟังกันบ้างเลยหรือไง ทีตอนอยากให้จับกลับเขวี้ยงทิ้ง ทีตอนนี้ละอยากจะจับ
        “ขอพี่จับหน่อยไม่ได้เหรอ เราไม่ใช่คนแปลกหน้ากันนะ”
        ‘เมี้ยวว!’
        ‘ไม่ ไม่ให้จับ!’

        ผมยกขาหน้าปัดมือพี่เติร์ดออกห่าง ทำให้พี่เติร์ดหน้าเสีย มองผมอย่างตัดพ้อ ผมเกือบใจอ่อนแต่สุดท้ายก็ข่มใจไม่ให้ยอมหายงอนพี่เติร์ดง่ายๆ
        “น้องปุย” พี่เติร์ดเรียกผมเสียงอ่อน “ทำไมที่กับไอ้หมอนั่นยอมให้จับล่ะ พี่เป็นคนเลี้ยงเรามานะ”
        เชอะ ทีตอนนั้นยังบอกว่าจะไม่เลี้ยงแล้วอยู่เลย คิดแล้วผมรู้สึกเสียใจขึ้นมาอีกแล้ว


        ‘มันน่าตีจริงๆเลย ทำไมดื้ออย่างนี้ห๊ะ เดี๋ยวนี้ชักเกเรบ่อยไปแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่เลี้ยงซะหรอก’


        ผมจำได้ขึ้นใจ พี่เขาว่าผมแบบนี้ บอกว่าจะไม่เลี้ยงแล้ว พี่เติร์ดว่าผมเพราะคนอื่น เขาจะรู้บ้างไหมว่าผมเสียใจแค่ไหน
        พี่เติร์ดพยายามจะจับผมอยู่หลายรอบแต่เพราะผมไม่ยอมเขาก็เลยยอมแพ้ ไปอาบน้ำอ่านหนังสือ แต่เขาไม่ได้นั่งอ่านบนโต๊ะเขียนหนังสือเหมือนทุกที โดยที่มีผมนอนอยู่บนตักเขา แต่ครั้งนี้เขามานอนอ่านบนพื้นข้างๆผม ผมทำเป็นไม่สนใจ หลายครั้งที่เคลิ้มหลับเขาก็จะลูบหัวผม ทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นไม่ได้นอนสักที สุดท้ายเขาก็เลิกทำ
        “นอนซะเด็กน้อย พี่ไม่จับแล้วครับ ไม่ต้องตื่นแล้วนะ นอนนะพักผ่อนนะครับ”
        แล้วคืนนั้นผมก็หลับยาวยันเช้าด้วยความเพลีย ตื่นเช้ามาเจอพี่เติร์ดนอนขดตัวอยู่รอบๆเบาะนอนของผม บนตัวเขาไม่มีผ้าห่มคลุมกาย ช่างปะไร ผมไม่สน แต่ตอนนี้นี่สิ ผมเจ็บไปทั้งตัว แค่ขยับก็เจ็บจนต้องเปล่งเสียงร้องโดยที่ไม่อาจอดทนได้ พี่เติร์ดรู้สึกตัวเพราะเสียงครางเบาๆของผม เขางัวเงียมอง ผมหลับตาลงไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น
        เสียงดังก๊อกแก๊กในห้อง วันนี้พี่เติร์ดมีเรียนผมจำได้ ต่อมาผมก็ได้กลิ่นของคุณหมอ ผมลืมตาเงิยหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงร้องเรียก พี่เติร์ดกระแอมไอจ้องผมเหมือนจะโกรธ ผมไม่สนใจหรอก ผมโกรธอยู่ก่อน พี่เติร์ดห้ามโกรธกลับ
        “พอดีวันนี้มีเคสเข้ามาที่คลีนิคเช้าผมเลยมารับก่อนเวลา”
        “ครับ
        “ผมจะพาน้องปุยไปที่คลีนิคด้วย คุณจะไปรับที่คลีนิคหรือจะรอผมกลับคอนโด น่าจะสักราวๆหนึ่งทุ่ม” คุณหมอบอก อุ้มผมขึ้นกอดไว้ในอ้อมแขน มือข้างหนึ่งก็เกาคางผมเบาๆชวนให้เคลิ้ม
        “ผมเลิกเร็ว สักบ่ายสามผมจะไปรับเขาที่คลีนิคเอง ไม่ทราบว่าคลีนิกคุณอยู่แถวไหน” พี่เติร์ดถามเสียงเข้ม ผมไม่ได้มองพี่เขา
        คุณหมอบอกที่อยู่ของคลีนิคให้พี่เติร์ดเสร็จก็จะพาผมออกจากห้อง แต่ถูกพี่เติร์ดเรียกไว้ คุณหมอหันไปหาเขา พี่เติร์ดมองผม เอื้อมมือมาสัมผัสที่หัวผมเบาๆเหมือนจะลองเชิง คราวนี้ผมใจดีไม่หนีมือ พี่เติร์ดถึงกับยิ้มออก ลูบหัวผมสองสามทีพร้อมพูด
        “เลิกเรียนแล้วพี่จะรีบไปรับน้องปุยเลยนะครับ”
        ผมรับรู้ในใจ ผละหัวออกจากมืออุ่นซบลงบนท่อนแขนของคุณหมอ ผมไม่ได้อยากจะใจร้ายกับพี่เติร์ด แต่เขาใจร้ายกับผมก่อน ถึงผมจะรักพี่เติร์ดมากจนบรรยายไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ได้ใช่จะยอมทุกอย่าง ยังไงผมก็เป็นแมว ทุกอย่างที่ผมทำที่ผมแสดงออกมันเป็นไม่ตามสัญชาติญาณ
        ผมอยู่กับคุณหมอทั้งวันในคลีนิค มีช่วงที่พี่หมอวีร์ฉีดยาอะไรสักอย่างให้ผม ผมก็ค่อยๆหลับไปเพราะฤทธิ์ยา ตื่นมาอีกทีผมก็รู้สึกดีขึ้นจนน่าตกใจ ผมลุกขึ้นเดินได้จนเกือบจะเป็นปกติแต่ก็มีติดขัดบ้างเพราะท่อนเหล็กที่อยู่ในขา
        “เป็นไง ยังเจ็บอยู่ไหม แต่น่าจะหายแล้วนะ” พี่หมอวีร์ถาม
        ‘ผมหายแล้วเหรอครับ ทำไมผมไม่เจ็บแล้ว’ ผมถามอย่างสงสัย เมื่อเช้าผมยังทั้งเจ็บทั้งปวดอยู่เลย
        “ฉันฉีดยาสูตรพิเศษให้ยังไงล่ะ อีกอย่างเราเองก็ยังเด็ก แบบในฐานะของมนุษย์กลายร่างน่ะนะ อายุแค่ไม่กี่สิบปีที่ถือว่าเด็ก เพราะฉะนั้นแล้วกระดูกก็จะสมานตัวง่าย ยิ่งได้ยาสูตรพิเศษเข้าไปก็เลยเห็นผมเร็วแบบนี้” พี่หมอวีร์อธิบาย ผมฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะกำลังตื่นเต้นกับขาตัวเอง
        ‘ยานี่ก็ฉีดให้แมวตัวอื่นเหรอครับ’ ผมถามเมื่อลองเดินจนพอใจ
        “ไม่หรอก ยาพวกนี่ใช้กับมนุษย์กลายร่างเท่านั้น แต่ราคาสูงลิบลิ่วเพราะเป็นยาที่สกัดจากเสือดของไทกริสสายเลือดบริสุทธิ์ที่มีฤทธิ์รักษาแบบสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็ต เป็นยาที่พ่อของฉันให้ไว้ติดตัวน่ะ แต่ไปหาซื้อไม่มีขายหรอกนะ”
        ‘อ้าวแล้วแบบนี้คุณหมอเอามาใช้กับผมจะไม่เป็นไรเหรอครับของหายากแบบนั้น’
        “ไม่ต้องกังวล กับเธอน่ะฉันใช้แค่สองหยดเองก็หายเป็นปลิดทิ้ง หายห่วงได้ ฉันยังมียาเหลือ”
        ‘ขอบคุณคุณหมอมากนะครับที่ดีกับผมขนาดนี้’
        ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินเอาตัวถูกกับแขนของคุณหมอพร้อมกับแลบลิ้นเลียมือไปด้วย พี่หมอวีร์ยิ้มแล้วก็เกาคางให้ผม
        “รู้สึกเสียดายไหมที่ไม่ยอมอยู่กับฉันตั้งแต่แรก” พี่หมอวีร์กระเซ้า
        ‘ก็ผมรักเขา’ ผมพูดเสียงเบา
        บทสนทนาระหว่างผมกับคุณหมอถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของคนที่เป็นเจ้าของผม ผมหันไปมองอย่างดีใจ แต่แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างกระทันหันเมื่อเห็นคนที่เดินเคียงข้างพี่เติร์ด
        ผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว!




        ……………………………….
        น้องปุยเป็นแมวขี้หึงนะ แต่ความจริงพี่เติร์ดเป็นมนุษย์ผู้ (สามี) ที่ขี้หึงยิ่งกว่า นี่ไม่ได้แอบสปอยเนื้อหาเลยนะ ไม่ได้สปอยจริง 555555  :laugh:





       




ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เอาเลยน้องปุยงอนหนักๆ ให้พี่เตริด์เครียดจนทิ้งกิ๊กบิวไปเลย แลดูชั่วร้าย  :laugh:

ออฟไลน์ indyska

  • •ความสุขที่เsาสร้างเอv• - monblurx -
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ขอต่ออีกได้ไหมมม อย่าปล่อยให้ชั้นค้างไป
เธอก้รู้ทั้งหัวใจ ชั้นเป็นทาสแมวหมดแล้วตอนนี้ ... :man1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
สนุกมากเลยครับ ชอบๆ

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :impress3: น่ารักจังเลยน้องปุยเมฆกับเติร์ดน่ะ ยังไงน้องปุยเมฆต้องอดทนน่ะ เติร์ดก้อแค่พยายามหาคนมาดามใจตัวเองน่ะแหละ  :katai3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TuiLoveKhaKing

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สมัครสมาชิกเพื่อเรื่องนี้เลย สนุกมากๆ บรรยายดีมากเลยอ่ะ ดำเนินเรื่องน่าติดตามมากกก

ออฟไลน์ GF_pp

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
น้องปุยงอนหนักๆไปเลยลูกก เอาให้ไอพี่เติร์ดขาดใจไปเลย จะได้รู้ว่าใครสำคัญเนอะ :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ไม่เข้ามาแปปเดียว
เอเดนเราร้องไห้ดีใจซะงั้น
ส่วนน้องปุยอย่ายอมเติร์ดนะ
ต้องให้รู้ว่าอะไรสำคัญ
รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ ศตรัศมี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หมั่นไส้เติร์ดกับมนุษย์ฝ่ายรับหน้าขาวกลิ่นฉุนสุดๆ น้องปุยอย่ายอมง่ายๆนะ งอนให้สุด #ทีมทาสแมว

ออฟไลน์ April❤

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2

ออฟไลน์ ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥

  • เหรียญยังมีสองด้าน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
ถึงเติร์ดจะทำเพราะย้อมใจ ก็เถอะ น้องปุยฝ้ายงอนไปเลยค่ะ   o13 ทาสแมว  :mew4:

ออฟไลน์ N-T

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ TuiLoveKhaKing

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ 2pmay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
SPECIAL
F.L.U.F.F.Y

THREE





        THIRD

        บรรยากาศในรถค่อนข้างมาคุแบบแปลกๆ ผมเหลือบมองเจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่เบาะข้างๆมองสำรวจนู่นที่นั่นพลางทำจมูกดมฟุดฟิด ส่วนบิว...เด็กใหม่ของผมนั่งอยู่ที่เบาะหลังด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่

        เหตุการณ์เมื่อสิบนาทีที่แล้ว ตอนที่ผมอุ้มปุยเมฆมาที่รถ ปกติเจ้าแมวเหมียวก็จะนั่งบนที่นั่งข้างคนขับ แต่วันนี้บิวมาด้วยเพราะน้องเขาขอให้ผมไปส่งที่บ้านซึ่งเป็นทางผ่านผมพอดี แต่ดันเกิดเรื่องตรงที่ว่า พอบิวจะนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ น้องปุยก็ร้องขู่เสียงเล็กดังคับรถ กางเล็บเอาขาหน้าทั้งสองตะกุยแขนผมลงไปนั่งบนเบาะ ไม่ยอมให้ใครอีกคนมานั่ง พอผมจะอุ้มออกก็ไม่ยอม ผมกลัวน้องปุยที่ขายังไม่หายดีจะเจ็บก็เลยขอให้บิวไปนั่งที่เบาะหลังแทน เพราะเจ้าตัวเล็กขยับตัวเยอะเกินไปจนผมใจหาย

        เป็นแมวที่หวงของจริงๆ แค่เบาะนั่งก็ให้คนอื่นไม่ได้

        “บิวไม่เข้าใจ”

        เสียงบิวดังขึ้นมาจากด้านหลัง ผมมองผ่านกระจกส่องหลังสบตากับบิวที่นั่งหน้างอ ผมกับบิวยังไม่ใช่แฟนกัน จะว่าแค่คบกันเล่นๆก็ได้ ผมแค่ถูกใจแต่ยังไม่ถึงกับว่ารัก เขายังไม่ใช่ทุกอย่างที่ผมต้องการ เรานอนด้วยกัน เดทกันบ้างแต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่พิเศษอะไร

        “อะไร” ผมถาม

        “ทำไมพี่ต้องตามใจแมวขนาดนี้ ไม่สิ พี่ทำเหมือนว่าเจ้าแมวนั่นมันสำคัญกับพี่มาก มากกว่าบิว” บิวขึ้นเสียงใส่ผมเล็กน้อย และเขาทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง

        ผมมองถนนนิ่งๆ ก่อนจะมองไปทางน้องปุย เจ้าตัวเล็กขนสีเทาลายคล้ายเสือนอนหมอบอยู่บนเบาะนุ่มมองผมตาแป๋ว ผมเอื้อมมือไปลูบหัวเจ้าตัวน้อย แลtครั้งนี้เจ้าตัวยอมให้ผมจับแต่โดยดีไม่เหมือนเมื่อคืน ผมระบายยิ้มไม่รู้ตัว

        “พี่เติร์ด! บิวถามพี่อยู่นะ พี่ยังจะไปเล่นกับแมวอีกเหรอ” บิวชะโงกหน้ามาถามผม ปัดมือผมออกจากตัวแมว ผมตวัดตามองหน้าบิวอย่างไม่พอใจ แต่ก็ต้องรีบหันกลับมามองถนนก่อนที่รถจะไปชนกับคันอื่น

        “อย่าขึ้นเสียงใส่พี่ พี่ไม่ชอบ และแน่นอน ตอนนี้น้องปุยสำคัญกว่าบิว” ผมตอบตามความจริง และเป็นความจริงที่อีกคนรับไม่ได้

        “ทำไมพี่เติร์ดพูดแบบนี้ แบบนี้ไม่ได้ บิวต้องสำคัญกว่า” อีกฝ่ายดื้อดึงไม่ยอม

        ผมเลี้ยวรถเข้าซอยบ้านบิว ก่อนจะจอดรถตรงหน้าบ้านสองชั้นขนาดใหญ่หลังหนึ่ง ปลดล็อคประตูแล้วหันไปมองคนที่นั่งกอดอกทำหน้าบึ้งหันหน้าไปทางอื่น

        “ก็ถ้าทำตัวไม่น่ารักแบบนี้อีก ระหว่างเราจะจบลงทันที” ผมพูดเสียงนิ่ง ผมถูกใจเพราะบิวเป็นเด็กขี้อ้อน แต่พอมาเห็นอีกมุมหนึ่งผมก็เลยคิดว่า อาจจะต้องคิดดูใหม่

        “บิวขอโทษ” สีหน้าของบิวอ่อนลง

        “ช่างเถอะ ถึงบ้านแล้ว” ผมไล่กลายๆ

        “งั้น พรุ่งนี้เจอกันนะครับ” บิวพูดก่อนจะชะโงกหน้ามาหอมแก้มผมอย่างเร็ว

        ‘เมี๋ยวว!!!’

        น้องปุยลุกขึ้นยืนโซเซ ทำขนพองส่งเสียงขู่บิวที่มาหอมแก้มผม ส่วนบิวก็หันไปแลบลิ้นใส่แมวเป็นการเยาะเย้ย

        “ไอ้ลูกแมวบ้า!” ว่าแมวผมจบก็ลงจากรถไปพร้อมโบกมือลาให้ผม

        ผมได้แต่ถอนหายใจ มองเจ้าแมวตัวเล็กที่มองผมตาเขม็ง

        ตาเขม็งงั้นเหรอ...?

        ผมรีบละสายตาจากถนนมองดูตาของน้องปุยใหม่อีกครั้ง แต่ทุกอย่างดูปกติไม่เหมือนที่ผมเมื่อสักครู่ที่แววตาของน้องปุยคล้ายกับแววตาของบิวยามที่มองผมด้วยความไม่พอใจ ง่ายๆคือ...เมื่อกี้ผมเห็นแววตาของคน

        “น้องปุย” ผมครางเรียกชื่อเจ้าเหมียว บางทีผมอาจจะตาฝาดไปเอง แววตาแมวไม่เหมือนแววตาคนเลยสักนิด และไม่มีทางเหมือนกันได้ ผมหัวเราะเบาๆให้กับความคิดบ้าบอที่ไม่มีวันเป็นไปได้

        “กลับบ้านเรากันนะครับ”

        อาการของน้องปุยก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เจ้าตัวเดินเหินไปมาได้สะดวกขึ้น แต่ผมยังไม่เห็นน้องวิ่งเล่นเลย คงจะยังเจ็บอยู่ ทุกเช้าผมยังคงเอาน้องปุยไปฝากไปที่หมอวีร์ และไปรับกลับในตอนเย็น น้องปุยไม่ค่อยดื้อกับผมเท่าไหร่ แต่ก็ยังไม่มาเล่นมาเคล้าคลอเคลียกับผมอย่างเคย

        ผมคงทำให้น้องปุยโกรธมาก ถึงได้ทำห่างเหินกับผมเหมือนคนไม่รู้จักกัน จากที่เคยนอนกับผมบนเตียงทุกคืน เดี๋ยวนี้เจ้าตัวเล็กเลือกที่จะนอนในเบาะที่นอนของตัวเอง ผมอุ้มขึ้นเตียงก็เดินลง เป็นสิบๆรอบจนผมอ่อนใจปล่อยให้เขานอนในที่ๆเขาอยากนอน

        “ตัวเล็ก มาหาพี่สิ” ผมออกมาจากห้องนอน เรียกเจ้าแมวน้อยที่นอนดูการ์ตูนที่ผมเปิดทิ้งไว้ให้ตั้งแต่เช้า ปุยเมฆชอบดูทอมแอนด์เจอร์รี่เป็นที่สุด ความจริงสัตว์คงจะดูอะไรแบบนี้ไม่รู้เรื่องหรอก และไม่มีวันรู้เรื่อง แต่ว่าพอเป็นการ์ตูนเรื่องนี้ทีไร ปุยเมฆจะขึ้นไปนั่งบนโซฟาแล้วจ้องจอโทรทัศน์ตาไม่กระพริบ จากซนๆชอบหนีออกไปเล่นซนที่อื่นจะกลายเป็นตุ๊กตาแมวนั่งนิ่งเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้

        “น้องปุย” ผมเรียกอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวเล็กยังคงไม่สนใจผม และก็ยังคงไม่คิดสนใจอีกต่อไป ผมเลยเดินไปหาที่โซฟา ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆก่อนจะอุ้มเจ้าแมวดื้อขึ้นมาฟัด

        ‘ม๊าวววววว!’

        หึ มีร้องขู่

        ผมทั้งหอมทั้งจุ๊บแล้วก็ฟัดตามตัวตามพุง ตัวไม่โตสักที ผมจะเล่นแรงๆด้วยก็ไม่ได้ นี่ขาก็หายดีเพราะหมอวีร์เอาเฝือกออกให้แล้ว นึกถึงหมอวีร์แล้วผมก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ น้องปุยดูจะติดหมอวีร์มากกว่าผมเสียอีกช่วงนี้ หมอวีร์แค่เรียกครั้งเดียวเจ้าแมวดื้อก็เดินไปหาไม่อิดออด แต่กับผมน่ะเหรอ ดื้อสุดพลัง ถ้าเป็นคนละก็จะจับตีก้นเสียให้ไม่กล้าดื้อกับผมแม้แต่น้อย

        ผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาแล้วให้ปุยเมฆนอนบนพุง ตาก็ดูการ์ตูนไปพร้อมกับเจ้าแมวน้อยสลับกับมองและลูบหัวเจ้าตัวเล็ก

        “เมื่อไหร่จะหายโกรธพี่หืมน้องปุย พี่ขอโทษจะร้อยครั้งแล้วนะ”

        “...”

        เงียบ ไม่มีแม้แต่จะหันมามอง บอกตามตรงเลยว่าผมง้อแมวยิ่งกว่าง้อเมียเสียอีก เฮ้อ

        ผมนอนเล่นกับแมวเพลินๆ เสียงออดหน้าห้องก็ดัง ผมผุดลุกขึ้นนั่งจับปุยเมฆวางไว้บนโซฟาส่วนตัวเองก็เดินไปเปิดประตู คนที่มาก็ไม่ใช่ใครที่ไม่รู้จัก

        “พี่เติร์ด บิวทำมื้อเที่ยงมาให้ด้วยแหละ วันนี้บิวมาทานข้าวเที่ยงด้วยนะ” บิวยิ้มอย่างร่าเริง

        ผมชั่งใจว่าจะให้บิวเข้าห้องมาดีไหม กลัวมีปัญหากับปุยเมฆ แต่คิดไปคิดมาก็อยากจะขำใส่ตัวเองที่คิดได้ว่าคนกับแมวจะตีกัน

        “อืม แล้วขึ้นมาได้ยังไง” ผมเบี่ยงตัวให้บิวเข้ามาในห้อง

        “พี่รปภ.เขาจำบิวได้ เลยให้บิวเข้ามา และพอดีมีคนที่จะขึ้นมาชั้นนี้พอดีบิวเลยตามเขามาด้วย”

        “อืม เอาของมานี่สิ เดี๋ยวจะเอาไปใส่จาน”

        ผมรับถุงผ้าที่ใส่กล่องอาหารไว้ข้างในแล้วเดินเข้าครัว ไม่ลืมที่จะมองดูปุยเมฆที่ยังคงอยู่ในโลกของตัวเองดูการ์ตูนนิ่ง นิ่งจนคิดว่าเป็นตุ๊กตาไร้ชีวิต นั่งนิ่งไร้การเคลื่อนไหว

        อาหารที่บิวเอามานันน่ากินหลายอย่าง ค่อนข้างแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าคนอย่างบิวที่ดูเป็นลูกคุณหนูเอาแต่ใจแบบนั้นจะทำอาหารได้ หรือว่าให้แม่บ้านทำให้แล้วแอบอ้างเอาว่าทำเอง แต่ผมไม่สนใจอยู่แล้ว เอาเข้าปากแล้วกลืนได้รสชาติไม่แย่ก็โอเค ผมไม่เคยคาดหวังให้ใครทำอาหารให้ แต่ถ้าคนที่จะมาเป็นคนรักผมที่จะอยู่กับผมไปจนตายนั้นก็อีกเรื่องนึง

        ‘เมี๊ยววว!’

        อยู่ๆเสียงร้องขอปุยเมฆก็ดังลั่นห้อง ผมตกใจรีบวิ่งออกไปดู เห็นน้องปุยยืนร้องบนโซฟาร้องไม่หยุด เมื่อบิวหยิบรีโมทโทรทัศน์มาเปลี่ยนช่อง ผมยิ้มให้กับเจ้าแมวน้อย กับผมก็เป็น ถ้าเจ้าตัวดูทอมแอนด์เจอร์รี่อยู่ละก็ ห้ามเปลี่ยนช่องเป็นอันขาด

        “บิว มาทานข้าวสิ” ผมเดินเข้าไปใกล้ทั้งคนและแมว บิวรีบลุกขึ้นมาเกาะแขนผม ผมต้องดันมือเล็กของบิวออกเพราะผมจะอุ้มปุยเมฆไปกินนมในครัวด้วย

        “แมวพี่เติร์ดนี่ไม่น่ารักเลย ขู่ใส่บิวตลอด แมวอะไรร้ายชะมัด”

        บิวเดินตามหลังมาบ่นปุยเมฆให้ผมฟัง  ผมยกยิ้มมองเจ้าขนฟูในอ้อมแขนที่เอาคางเกยอกผมแล้วร้องเสียงเบาๆเหมือนต้องการจะฟ้องเช่นกัน 

        “งั้นเหรอ”

        แต่ผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ปุยเมฆดื้อก็จริง แต่ก็น่ารักมากๆ ไม่เห็นจะเป็นแมวร้ายสักนิด ก็แค่แมวขี้หวงเท่านั้นเอง

        “ฮึๆๆ” ผมหัวเราะเบาๆ วางเจ้าแมวน้อยบนโต๊ะอาหารที่มีชามนมวางตั้งไว้อยู่

        “พี่เติร์ดขำอะไร บิวไม่ขำด้วยเลย”

        ผมไม่ตอบอะไร นั่งลงตรงข้ามบิว ปุยเมฆค่อยๆแลบลิ้นเลียนมเข้าปากช้าๆ ขนนุ่มรอบปากเล็กรวมไปถึงหนวดเปื้อนไปด้วยหยาดของเหลวสีขาวขุ่น

        “นี่ พี่เติร์ด” เสียงของบิวเรียกสติผมให้กลับมาสนใจคนตรงข้ามและมื้อกลางวันตรงหน้า

        “ว่าไง”

        “ผมหาแมวตัวใหม่ให้เลี้ยงไหม”

        มือที่กำลังจะเอาข้าวเข้าปากชะงักค้าง ผมเงยหน้ามองบิวช้าๆ ก่อนจะหลุบมองปุยเมฆที่ตอนนี้หยุดกินข้าวจ้องไปที่บิวไปต่างจากผมเมื่อตะกี้

        “พูดอะไรระวังด้วย” ผมปรามเสียงเข้ม แล้วหันมาสนใจเจ้าตัวเล็กแทน “กินครับกิน กินนมนะเด็กดี”

        ผมเลื่อนจานนมเข้าใกล้ปากเล็กแล้วลูบหัวปลอบ ถึงเขาจะเป็นแค่แมว แต่ผมว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็รับรู้ได้ว่าใครชอบเขาหรือไม่ชอบ คงเพราะแบบนี้ปุยเมฆถึงได้ไม่ชอบบิว เพราะบิวเองก็ไม่ชอบเขาผมเหมือนกัน แต่ก็ดูจะเกินไปหน่อยนะว่าไหมที่จะมาบอกให้ผมเลี้ยงแมวตัวอื่น

        ระหว่างนั้นผมนั่งกินข้าวเงียบๆแม้ว่าบิวจะพยายามชวนผมคุยก็ตามแต่ แต่ผมไม่มีอารมณ์จะคุยด้วย นั่งทานข้าวไปเงียบๆจนอิ่ม จากนั้นผมก็ปล่อยปุยเมฆลงกับพื้นให้น้องเดินย่อยและเดี๋ยวก็คงจะขึ้นไปนอนกลางวันบนโซฟาเหมือนทุกๆวัน ส่วนบิวผมปล่อยเลยตามเลยเพราะยังรู้สึกตึงๆกับคำพูดของบิวบนโต๊ะอาหารอยู่ จนไม่มีแม้แต่อารมณ์จะพูดดีๆด้วย

        ผมล้างจากเก็บทำความสะอาดโต๊ะทานข้าวไม่ได้ใส่ใจอะไรจนกระทั่งได้ยินเสียงร้องของปุบเมฆและเสียงบ่นของบิวดังมาจนโซนห้องนั่งเล่น ผมรีบล้างมือแล้ววิ่งไปดู เห็นบิวพยายามจะนั่งบนโซฟา แต่แมวผมไม่ยอม ก้มหัวต่ำจ้องมองอีกฝ่ายแล้วขู่ ทันทีที่ร่างของบิวหย่อนตัวนั่งปุยเมฆก็ยกมือตะปบแขนเล็กนั่นทันที แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อบิวฟาดมือลงบนตัวของเจ้าตัวเล็กจนเกือบกลิ้งตกโซฟา

        “บิว! ทำอะไรน่ะ!!!”

        ผมรีบเข้าไปอุ้มปุยเมฆขึ้นแนบอก มองหน้าบิวด้วยความโมโหจัด ปุยเมฆร้องอยู่กับอกผม ยิ่งทำให้ผมโกรธจนเหมือนไฟสุมอก ปุยเมฆยังไม่หายดีก็จะมาเจ็บตัวอีกแล้วเหรอผมเริ่มชักจะทนไม่ไหวขึ้นมาแล้ว

        “พี่เติร์ด คือ...”

        “ออกไป”

        “อะไรนะ”

        “พี่บอกให้ออกไป”

        “พี่เติร์ด พี่ไล่บิวเหรอ”

        “เออ ออกไป!”

        ผมโมโหมาก โมโหมากจริงๆ

        โมโหทั้งบิวที่กล้าทำร้ายเจ้าขนฟูของผม และก็โมโหแมวเด็กที่ไม่ระวังตัวเองจนเกือบจะเจ็บตัวซ้ำสอง ถึงจะมีกรงเล็บแต่อย่างปุยเมฆหรือจะสู้กับมนุษย์ตัวโตกว่าตัวหลายเองสิบเท่าได้ เจ้าแมวนิสัยไม่ดีชอบทำให้ผมเป็นห่วง



        PUIMEK

        ดูเหมือนว่าผมจะทำให้พี่เติร์ดไม่พอใจ ไม่รู้เป็นเพราะว่าผมไปตะปบมือผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า แต่พี่เติร์ดก็ไม่ได้ดุผม แถมยังไล่คนๆนั้นออกจากห้องอีก ตอนนั้นผมดีใจมาก แต่หลังจากนั้นพี่เติร์ดก็ทำเมินเฉยใส่ผม คือไม่พูดไม่จา ไม่เรียกหาหรือกอดผมเลย พี่เติร์ดทำให้ผมงงว่าสรุปแล้วเป็นผมหรือเขากันแน่ที่ควรจะโกรธ

        แบบว่าผมก็ยังงอนไม่หายที่เขาทำให้ขาของผมหัก แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะหายเพราะได้ยาดีของหมอวีร์ก็ตาม แต่เพราะว่ามันเร็วเกินไปพี่หมอเลยบอกให้ผมแกล้งทำเป็นยังเจ็บขาแบบเดินช้าๆเซๆอะไรแบบนี้

        ตอนกลางคืนผมก็อยากจะไปนอนกับพี่เติร์ดบนเตียงมากๆ แต่เพราะว่าผมยังเจ็บขา ผมหมายถึงพี่เติร์ดเห็นว่าผมยังไม่หายดี เลยทำให้ตอนนอนเขาต้องระวังและตื่นมาดูผมหลายรอบ พี่เติร์ดกลัวว่าตัวเองจะนอนทับผม เพราะพี่เติร์ดไม่ใช่ผู้ชายที่นอนนิ่งๆ ติดจะนอนดิ้นด้วยซ้ำ นั่นแหละ ผมก็เลยตัดสินใจมานอนที่เบาะนอนของตัวเองเพื่อที่ให้พี่เติร์ดนอนหลับสบายมีแรงที่จะตื่นไปเรียนและดูแลผม

        ผมนอนแหมะอยู่บนโซฟาตัวนุ่ม มองตามร่างกายสูงสวยงามที่เดินเข้าออกห้องนอน อยู่สองสามรอบ อวดความหล่อเหลาจนผมไม่อาจละสายตา ลอบมองเพลินจนรู้ตัวอีกทีพี่เติร์ดก็อุ้มผมขึ้นเดินเข้าห้องนอนแล้วตรงเขาห้องน้ำ ผมรู้ได้เลยว่าพี่เติร์ดกำลังจะทำอะไรกับผม

        ห้านาทีต่อมา ตัวของผมก็ถูกยัดลงในห่วงยางขนาดเล็กพอดีกับตัวผม เป็นห่วงยางที่ไว้สำหรับอาบน้ำแมวทำให้ผมลอยตัวในน้ำได้แบบไม่ต้องกลัวจม

        พี่เติร์ดบีบน้ำยาสำหรับอาบน้ำให้ผมลงบนกลุ่มขนแล้วค่อยๆใช้มือเกาๆแล้วก็ขยี้เบามือ น้ำอุ่นกำลังดีผสมกับน้ำหนักมือที่ช่วยให้ผมผ่อนคลายจนอยากจะหลับ หนังตากค่อยๆปรือปิดแต่ผมก็พยายามฟื้นลืมตาขึ้นเพื่อมองหน้าคนที่ผมแอบรัก สักพักพี่เติร์ดก็ใช้แปรงขนนุ่นแปรงทำความสะอาดให้ผม ค่อยๆแปลงอย่างช้าๆ เบามือพร้อมเสียงฮัมเพลงในลำคอเป็นโทนทุ่มสบายหู

        มีความสุขจังเลย ผมอยากอยู่แบบนี้ไม่นานๆ กับช่วยเวลาที่พี่เติร์ดมีแค่ผมนั้น

        ผมเป็นแมวที่เริ่มจะมีแต่ความโลภเสียแล้ว


        นับจากวันนั้นที่พี่เติร์ดไล่คนชื่อบิวไป ผมก็ไม่เจอเขาอีก และไม่ได้กลิ่นของผู้ชายคนนั้นติดตัวพี่เติร์ดกลับมา มีเติร์ดไม่ทำตัวเย็นชากับผมแล้ว ดูแลผมดีเหมือนเดิม และผมก็กลับขึ้นไปนอนบนเตียงกับพี่เติร์ดแล้วด้วย ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ รวมไปถึงชีวิตของพี่เติร์ดที่ต้องพบเจอผู้คนมากมายอยู่ทุกวัน ด้วยใบหน้าของพี่เติร์ดก็หล่อเหลาไม่แพ้ใคร ไม่แปลกเลยที่จะมีคนมาชอบ และนั่นทำให้ผมว้าวุ่นใจไม่น้อย

        ทุกครั้งที่พี่เติร์ดพาผมเข้าไปในที่ๆเขาไปเรียน หรือออกไปเที่ยวข้างนอก ผมก็เริ่มจะตระหนักรู้ว่าผู้ชายที่เป็นเจ้าของชีวิตผมนั้นเป็นที่คลั่งไคล้ของหนุ่มๆและสาวๆอยู่ไม่น้อย ส่วนผมก็เป็นได้แค่แมวที่ได้แค่มองดูตอนที่มีคนผู้หญิงเข้ามาขอเบอร์พี่เติร์ด และเด็กผู้ชายที่เข้ามาทำความรู้จักกับเขา

        ผมเฝ้าถามตัวเองอยู่ทุกวันว่า แค่เพียงผมได้อยู่กับเขาผมก็มีความสุขแล้ว แต่ทำไมเวลาเห็นพี่เติร์ดเหมือนจะสนใจคนอื่น แค่คิดว่าพี่เติร์ดอาจเจอและพบคนที่จะมายืนเคียงข้าง เป็นคนรัก เป็นคนที่พี่เติร์ดอยากจะดูแล ผมก็เริ่มจะทนไม่ไหว ถึงขนาดที่ผมอยากจะกลายเป็นมนุษย์ได้บ้าง

        ไม่กี่วันต่อมาพี่โยชิก็มานอนค้างที่คอนโดพี่เติร์ดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยพร้อมกลิ่นงูติดตัว ผมจึงได้รู้ว่าความจริงแล้วพี่โยชิก็เป็นมนุษย์กลายร่างเหมือนกันและเป็นงู ข้อดีคือผมสามารถใช้ภาษาสัตว์สื่อสารกับพี่โยชิได้ง่ายและเข้าใจกันมากขึ้น แต่ข้อเสียคือผมไม่ค่อยชอบกลิ่นงูเท่าไหร่

        พี่โยชิมานอนค้างกับพี่เติร์ดบ่อยขึ้นและพี่เขาก็ได่เล่าให้ผมฟังว่าพี่อาซาบาดเจ็บหนักอยู่ที่ๆไกลมาก พี่โยชิกำลังรอให้พี่อาซาหายดีแล้วกลับมาหา ผมทำได้แค่เลียมือเลียหน้าพี่โยชิเพื่อปลอบใจและคอยอยู่ติดกับเขาตอนที่พี่โยชิมานอนที่นี่จนพี่เติร์ดบ่นว่าผมเป็นแมวแปรพรรค์ ซึ่งผมไม่เข้าใจความหมายเอาเสียเลย

        “นี่ ไม่อึดอัดบ้างเหรอ” พี่โยชิที่นั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรดของผมเป็นเพื่อนถามขึ้น ผมจำใจต้องละสายตาจากเจ้าหนูตัวเล็กที่วิ่งหนีทอมแมวตัวใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตาย

        ‘เมียวว’

        ‘อึดอัด?’

        ผมกำลังสงสัยว่าพี่โยชิหมายถึงอะไร ทำไมผมต้องอึดอัด

        “ก็เราน่ะ ชอบเติร์ดไม่ใช่หรือไง”

        ถึงผมจะรู้อยู่แล้วว่าทั้งพี่โยชิและพี่อาซารู้ว่าผมคิดยังไงกับพี่เติร์ด แต่พอมาโดนถามตรงๆผมก็ไปไม่ถูก

        “ช่วงนี้เติร์ดมันค่อนข้างเนื้อหอมนะ ไม่หึงบ้างเลยเหรอ”

        ‘หึง?’

        ผมทวนซ้ำในสิ่งที่ไม่เข้าใจ

        พี่โยชิทำหน้าครุ่นคิด “ก็แบบ ไม่พอใจเวลาที่เติร์ดอยู่กับคนอื่น หรือแบบทำท่าจะสนใจคนอื่นแบบคนรักอะไรแบบนี้”

        แบบคนที่ชื่อบิวนะเหรอ?

        ‘ไม่ น้องปุยไม่ชอบ’

        ผมตอบ ขยับลุกขึ้นยืนบนตักพี่โยชิก้าวย่ำขาหน้าแรงๆให้รู้ว่าผมไม่ชอบและไม่พอใจ แล้วร่างของผมก็ลอยขึ้นสูงเพราะถูกมือบางนุ่มอุ้มขึ้นให้ใบหน้าของผมกับเขาใกล้กัน

        “อยากกลายร่างเป็นคนได้ไหม” พี่โยชิกระซิบถาม เหลือบมองไปทางห้องนอนที่มีพี่เติร์ดอยู่ในนั้นเพราะยังนอนไม่ตื่น

        ‘เป็นคนเหรอครับ’

        ผมไม่ได้ฟังไม่รู้เรื่องหรือไม่เข้าใจ แต่เพราะถูกถามในสิ่งที่ตัวเองก็ต้องการเลยอยากแน่ใจว่ามันจะเป็นไปได้จริง

        “ใช่ กลายร่างเป็นคน ถ้าปุยอยู่ในร่างแมวแบบนี้จะมีวันได้สมหวังเหรอไง”

        ผมรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางสมหวัง

        ‘แต่...น้องปุยไม่รู้จะทำยังไง ปุยอยากกลายร่างเป็นคนได้ หมอวีร์ก็ช่วยปุยเรื่องนี้ไม่ได้ ยาที่ได้มาจากพี่อาซาหมอวีร์บอกว่าถ้ากินเข้าไปน้องปุยอาจตายได้ น้องปุยอยากเป็นคนแต่...’

        ผมสับสน หนทางที่จะไปสู่สิ่งที่ต้องการมีแต่ความมืดมิดจนผมหาทางออกไม่เจอ

        “ไม่ต้องห่วง พี่รู้จักคนที่จะช่วยเหรอเราได้ ถ้าเราตกลงพี่จะพาไปหาคนๆนั้น”

        ‘ใครเหรอครับ’

        ‘อาจารย์ในมหาวิทยาลัยพี่ ท่านเก่งเรื่องช่วยให้ตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์กลายร่างตื่นขึ้นมา สนใจไหม แค่เราบอกว่าสนใจ พี่จะพาไปทันที’

        ผมมองหน้าพี่โยชิอย่างดีใจ แววตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง ถ้าผมเป็นคนผมคงจะยิ้มได้กว้างที่สุดเท่าที่มนุษย์จะยิ้มได้

        ‘ช่วยน้องปุยด้วย ช่วยให้น้องปุยกลายร่างเป็นคนทีนะ’



       
        ......
        ตอนนี้ตอนที่สามแล้ว เคยบอกไว้ว่าจะลงถึงตอนที่ห้า ก็จะจะที่เหลือให้วันเว้นวันนะคะ ก็จะเป็นการสิ้นสุดตอนพิเศษที่จะเอาลงในเว็บแต่เพียงเท่านี้
        ดูก็รู้ว่าต่อไปที่น้องปุยเป็นคนแล้ว พี่เติร์ดจะหลงขนาดไหน
        #พี่เติร์ดทาสแมว #พี่เติร์ดทาสเมีย?  :laugh:

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
อยากเห็นน้องปุยกลายเป็นคนไวๆ ยั่วพี่เติร์ดให้หนักๆเลย เป็นแมวยั่วสวาทเลยน้องปุย #เสี่ยมแต่เด็กเลย  :z1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ทาสแมวมารอ 555

ออฟไลน์ TuiLoveKhaKing

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องปุยย :mew1:

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
อ่านตอนที่ 11 โยชินางจะตายเพราะตวามอยากรู้นี่แหล่ะ

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น้องปุยน่ารักน่าเอ็นดู น้องเป็นคนแล้วต้องน่ารักมากแน่ๆ พี่เติร์ดทาสแมวและทาสเมีย  :hao6: :hao7:

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
SPECIAL
F.L.U.F.F.Y

FOUR



       


   ในวันหยุดของพี่โยชิแต่พี่เติร์ดมีเรียน พี่โยชิพาผมออกจากห้องไปหาคนที่จะช่วยให้ผมกลายร่างเป็นคนได้ เอาเข้าจริงผมก็กังวลไม่น้อย เริ่มจะลังเลว่าผมควรจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนจริงหรือ จะมีปัญหาอะไรตามมาหรือเปล่า ผมจะตายไหมแล้วผมจะกลายร่างเป็นคนได้ยังไง

        ผมมัวแต่กังวลและคิดไม่ตก จนกระทั่งพี่โยชิพาผมเข้ามาอยู่ในห้องๆหนึ่ง และกลิ่นของสัตว์นักล่าก็โชยเข้าจมูก กลิ่นของผู้มีอำนาจที่ทำให้ผมตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

        “ชู่วว ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรหรอกนะ” พี่โยชิปลอบผม ก่อนจะส่งเสียงเรียกผู้ชายที่กำลังก้มหน้าเอาตาจ่อกับเครื่องอะไรสักอย่าง “ขออนุญาตครับอาจารย์จอนห์นี่”

        อาจารย์ของพี่โยชิเงยหน้าขึ้นจากอุปกรณ์ ผินหน้ามาทางเราแล้วยืดตัวยืนตรง

        “ว่าไงโยชิ มีอะไรหรือเปล่าถึงมาหาฉันถึงที่นี่ แล้วนั่น” สายตาของเขามองมาทางผม อาจารย์ท่านนี้เป็นคนต่างชาติ มนุษย์ในที่นี้ก็เป็นคนต่างชาติมากกว่าครึ่ง

        “เขาไม่ใช่แมวธรรมดา แต่เป็น...”

        “ฉันรู้ๆ เขาคือพวกเรา” ผู้ที่เป็นอาจารย์เดินเข้ามาใกล้ผม แววตาของเขาดูอบอุ่นเหมือนเวลาที่พ่อมองลูก ผมจิตนาการว่าเป็นแบบนั้น และรอยยิ้มอ่อนโยนช่วยปลอบประโลมความตื่นกลัวในใจผมได้ในระดับนึง

        “น้องแมวชื่อปุยเมฆ เป็นเพศชาย” พี่โยชิแนะนำผมสั้นๆ

        “ยินดีที่ได้รู้จักนะปุยเมฆ” อาจารย์จอนห์นี่โน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วยกมือขยี้หัวผมเบาๆ ผมหลับตารับสัมผัส  “นั่งก่อนสิ”

        อาจารย์เดินกลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงาน และพี่โยชิก็นั่งที่ฝั่งตรงกันข้าม วางผมลงบนโต๊ะ ผมนั่งหมอบไม่กล้าขยับตัว ได้แต่หันหน้าไปมองพี่โยชิเพื่อขอกำลังใจ ก็เลยได้รอยยิ้มหวานๆมาช่วยให้ผมกล้าที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองกำลังกังวลมากขึ้น

        “อยากให้ฉันช่วยอะไรอย่างนั้นเหรอ” อาจารย์ถาม

        “ผมอยากให้อาจารย์ช่วยให้ปุยเมฆกลายร่างเป็นคนได้น่ะครับ” พี่โยชิบอกจุดประสงค์หลักในการมาพบอาจารย์ ท่านเลิกคิ้วสูง พยักหน้าเบาๆสองทีว่ารับรู้ สายตาสุขุมจองมองผมอย่างพิจารณา และยื่นนิ้วมาเขี่ยขนสีเทาเข้มของผมตั้งแต่หัวไปจนถึงหาง

        “อาจจะได้และอาจจะไม่ได้” อาจารย์ชักมือกลับแล้วตอบ

        “ยังไงครับ” พี่โยชิถามอีกครั้ง

        “มนุษย์กลายร่างที่เป็นแมว หนึ่งในพันเท่านั้นที่จะกลายร่างได้ ส่วนมากจะถูกตัวตนภายในฉีกทึ้งจิตวิญญาณจนตายเพราะหลุดออกจากสิ่งที่กลบฝังมันไม่ได้ ต้องมีจิตที่แข็งแกร่งและร่างกายที่แข็งแรง ถึงจะเอาชนะความเจ็บปวดนั้นได้” ท่านอธิบาย ผมกับพี่โยชิมองหน้ากัน สีหน้าของพี่โยชิเริ่มมีความกังวลไม่ต่างจากผม

        “แต่ก็พอจะทำได้ใช่ไหมครับ”

        “ก็ใช่” ท่านตอบ แล้วมองหน้าผม “คิดว่าตัวเองทนไหวไหมเจ้าแมวน้อย เธอจะเจ็บมากและทรมานมากจนอาจจะร้องหาความตายแทนก็ได้”

        ผมไม่ตอบในทันที ถ้าเป็นความทรมานที่ผมเคยเจอ ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้ไหม แต่ทว่าผม ถ้าให้ผมอยู่ในร่างแมวไปจนตาย โดยไม่ได้พยายามที่จะได้ยืนเคียงข้างพี่เติร์ดมากกว่าการเป็นสัตว์เลี้ยง ผมก็ไม่อยากให้ตัวเองหยุดอยู่แค่นี้ นับผมผมยิ่งรักพี่เติร์ดมากขึ้นจนน่าตกใจ

        อย่างน้อยผมก็อยากจะพยายาม ถ้าผมกลายเป็นคนแล้วไม่สามารถทำใหพี่เติร์ดรักผมแบบคนรักได้ ผมก็จะกลับคืนสู่ร่างแมวแล้วเป็นสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเขาไปชั่วชีวิต

        เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าผมควรลองเสี่ยง

        ‘เมียวว ม๊าวๆ เมี๊ยววว’

        ‘ถ้าอาจารย์สัญญาว่าผมจะไม่ตาย เจ็บแค่ไหนผมก็ทนได้ ได้โปรดช่วยผมทีนะครับ’

        ผมตัดสินใจสู้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าความเจ็บปวดที่ผมจะได้รับมันยิ่งกว่าตายทั้งเป็น



        ‘ม๊าววววว!!!!!’

        แม้เสียงกรี๊ดร้องของตัวเองจะดังก้องมากแค่ไหน แต่ผมไม่ได้ยินอะไรเลย ยาบางอย่างที่อาจารย์ฉีดเข้ามาในตัวผมมันกำลังทำปฏิกริยาอย่างหนัก ทั้งเจ็บและปวด แขนขาเดี๋ยวชาเดี๋ยวกระตุกเกร็ง ร่างกายเริ่มจะทนไม่ไหว ผมกำลังจะตายและผมก็พยายามที่จะวิ่งหนีออกจากความเจ็บปวดนี้ แต่กลายเป็นว่าตัวของผมวิ่งชนกรงเหล็กขนาดใหญ่อย่างแรง กรงที่อาจารย์ขังผมไว้ จำกัดพื้นที่ไว้ไม่ให้ผมวิ่งพล่านเตลิดแบบไม่รู้ทิศรู้ทาง

        “ใจเย็นๆเจ้าแมวน้อย ต่อสู้กับมัน เอาชนะมันให้ได้”

        “สู้ๆปุยเมฆ พยายามเข้า”

        ไม่ ผมทำไม่ได้!

        เจ็บเหลือเกิน ผมน้ำตาไหล วิ่งพล่านไม่สนว่าร่างกายตัวเองจะชนกับอะไร ความเจ็บภายนอกเทียบเท่าไม่ได้เลยกับบางอย่างที่กำลังกัดกินเนื้อในของผม

        “อีกนิดนึงเจ้าเหมียว อดทนไหว อย่ายอมแพ้”

        นานนับชั่วโมงที่ผมดิ้นทุรนทุรายอยู่ในกรงเหล็ก ความรู้สึกเหมือนนานนับเป็นปีที่ผมต้องต่อสู้กับอะไรบางอย่างที่อยู่ในตัวผม มันกรีดร้องไปพร้อมกับผมและมันทำให้ผมเจ็บปางตาย สุดท้ายตอนที่ผมกำลังจะหมดแรง มันก็สงบลง

        “มันหยุดลงแล้ว” เสียงของอาจารย์เบาเหลือเกิน

        “เก่งมากเด็กดี”

        ‘พี่ยะ โย...เจ็บ’ผมครางเสียงแหบสั่น

        ร่างของผมถูกอุ้มขึ้น ผมปรือตามอง อาจารย์จอนห์นี่ยิ้มให้ผมพร้อมถ้อยคำชมเพื่อให้กำลังใจอีกยาวเหยียด พี่โยชิเองก็เข้ามาปลอบผมที่น้ำตาค่อยๆซึมไหล วันแรกของการปลุกจิตวิญญาณมนุษย์ให้ตื่นขึ้นเกือบทำให้ผมตายจากไปตลอดกาล

        พี่โยชิรีบต่อสายหาพี่หมอวีร์ให้มารับผม เรื่องที่ผมตัดสินใจจะไปฝึกให้กลายร่างเป็นคนได้พี่หมอวีร์ก็รับรู้เพราะผมเล่าให้เขาฟัง แรกๆเขาก็ไม่เห็นด้วยที่ผมจะทำเพื่อพี่เติร์ดขนาดนี้ แต่ผมก็บอกพี่หมอไปว่า ผมทำเพื่อตัวผมเอง และยืนกรานว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจ พี่หมอถึงได้ยอมและรับปากว่าจะช่วยดูแลผมจนกว่าผมจะกลายร่างเป็นคนได้สำเร็จ

        ผมนอนพักไม่นานพี่หมอก็รีบมาอุ้มผมจากมือพี่โยชิไปตรวจเป็นการใหญ่ ตอนนั้นผมถึงได้รู้ว่าภายในผมบอบช้ำพอสมควร โชคดีหน่อยที่พี่โยชิพาผมมาฝึกวันแรกเป็นวันที่พี่เติร์ดต้องกลับบ้านไปหาครอบครัวและต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งทีแรกพี่เติร์ดจะพาผมไปด้วยแต่พี่โยชิขอไว้ว่าให้ผมอยู่เป็นเพื่อนพี่เขา พี่เติร์ดถึงได้ยอมทิ้งผมไว้กับเพื่อน

        “ร่างกายบอบช้ำมาก ผมต้องพาเขาไปโรงพยาบาล” หมอวีร์ตอบ

        “รักษาตัวเองดีๆนะเด็กน้อย แข็งแรงแล้วเราจะได้มาฝึกกันใหม่” อาจารย์จอนห์นี่บอกกับผม

        ‘มิ มิววว’

        ‘ผมจะ พยายาม’ เสียงของผมช่างอ่อนแรง และพละกำลังของผมก็ลดถอยจนหมดสติในที่สุด

        ผมใช้เวลาร่วมสองอาทิตย์ในการพักฟื้น สองวันแรกผมสลบไม่ได้สติ วันที่สามถึงได้รู้สึกตัว ผมกลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องพี่เติร์ด มีพี่โยชิและพี่หมอวีร์คอยดูแลอย่างใกล้ชิดจนอาการของผมดีขึ้นมานิดนึง แต่ที่แย่ก็คือผมต้องทำตัวเป็นปกติไม่ให้พี่เติร์ดรู้ตอนที่เขากลับมา แต่พี่เติร์ดก็สงสัยไม่น้อยเพราะผมเอาแต่นอนหลับนิ่งไม่เดินไม่ขยับ พอเขาจับตัวผมผมก็สะดุ้งเพราะเจ็บ เป็นพี่โยชิที่เข้ามาช่วยดุพี่เติร์ดไม่ให้กวนผม

        “จะนั่งจ้องน้องปุยอีกนานไหม นี่มันกี่โมงแล้วเติร์ด”

        ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงพี่โยชิ ค่อยๆปรือตามอง เห็นพี่เติร์ดนั่งอยู่ข้างเบาะนอนของผม ดวงตาเข้มจับจ้องผมไม่กระพริบ ผมเลยส่งเสียงร้องทักทาย จากหน้าบึ้งๆก็ยิ้มออกมา ครบอาทิตย์แล้วอาการผมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ พี่หมอวีร์ให้ยารักษายาบำรุงรวมทั้งวิตามินพิเศษเยอะแยะมากมายให้ร่างกายผมหายเร็วขึ้น

        “น้องปุยตื่นแล้วเหรอครับ” พี่เติร์ดยิ้มกว้าง จับตัวผมอุ้มขึ้นแล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงไม่ออมแรง ทำเหมือนหมั่นเขี้ยวผมมากจนต้องเล่นกับผมแรงๆ แต่เขาทำให้ผมเจ็บและจุก

        “ไอ้เติร์ด! มึงทำบ้าอะไรวะ” พี่โยชิรีบวิ่งมาแย่งผมจากมือพี่เติร์ด ประคองผมไว้ในมืออย่างอ่อนโยน ผมเจ็บมากแต่ไม่กล้าร้องนั่นก็เพราะกลัวพี่เติร์ดจะเป็นห่วง

        “อะไรโยชิ ฉันแค่เล่นกับแมว โวยวายทำไม เอาน้องปุยมานี่เลย” พี่เติร์ดจะเข้ามาแย่ง แต่พี่โยชิเบี่ยงตัวหนี

        “ไม่ต้องเล่นแล้ว มัวแต่นั่งจ้องจนจะไปเรียนสายแล้วเนี่ย” พี่โยชิบ่นวางผมลงบนเบาะนอนเบามือ

        “ก็น้องปุยยังไม่ตื่นมาทานมื้อเช้าเลย นี่ครับตัวเล็ก หิวไหม กินเยอะๆนะ” พี่เติร์ดเลื่นจากปลาสีส้มของโปรดของผมมาตรงหน้า ผมฝืนขยับลุกขึ้นยืนช้าๆ เดินออกจากเบาะนอนไปตรงจานอาหาร แล้วค่อยๆกินให้พี่เติร์ดพอใจ เขาจะได้ออกไปเรียนเสียทีแล้วปล่อยให้ผมพักผ่อน

        “ทำไมช่วงนี้กินน้อยจังเลยครับ หืม” พี่เติร์ดก้มลงมาถามผม ผมเงยหน้าแล้วก็ร้องเหมียวๆให้เขาเป็นการตอบรับ

        “ไปได้แล้วเติร์ด สายแล้ว” พี่โยชิบ่นพลางส่งสายตาเห็นใจมาให้ผม แต่ดวงตาที่เคยสดใสบวมเปล่ง เมื่อคืนพี่โยชิคงจะร้องไห้เพราะคิดถึงพี่อาซาอีกแล้วสินะ

        “อืมๆ พี่ไปเรียนก่อนนะน้องปุย” พี่เติร์ดก้มหน้าลงจุ๊บจมูกของผมหนึ่งทีแล้วก็พากันออกไปจากห้องพร้อมพี่โยชิ ทิ้งให้ผมชะงักค้างกับสัมผัสเมื่อสักครู่

        จวบจนกระทั่งผมหายดี นัดครั้งใหม่กับอาจารย์จอนห์นี่ก็เกิดขึ้น พี่โยชิเป็นคนพาผมไปอีกครั้งในช่วงกลางวันที่ทั้งพี่เติร์ดและพี่โยชิมีเรียน แต่พี่โยชิแอบแวบมาพาผมที่ออกไปยืนรออยู่ที่พุ่มไม้หน้าคอนโดไปพบกับอาจารย์ที่บ้านของเขา จากนั้นพี่โยชิก็รีบกลับไปเข้าเรียนให้ทันเวลา

        “เป็นอย่างไงบ้างเจ้าแมวน้อย” อาจารย์ถามผมทันทีที่เหลือเราแค่สองคนในบ้าน

        ‘ดีขึ้นมากแล้วครับ’

        “ขอฉันเช็คหน่อยสิ”

        อาจารย์จอนห์นี่แตะนิ้วที่บริเวณหัวใจ หลับตาลงชั่วครู่แล้วระบายยิ้มลืมตามองผม “ถูกต้อง เจ้าแข็งแรงพอแล้วสำหรับบทเรียนใหม่”

        ‘วันนี้เราจะทำอะไรกันเหรอครับ แบบเดิมหรือเปล่า’

        นึกย้อนถึงความเจ็บปวดก็ทำเอาผมขยาดเหมือนกัน

        ท่านส่ายหน้า “ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว เพราะครั้งที่แล้วฉันต้องการเห็นว่าเธอจะเป็นอย่างไรหากสิ่งที่อยู่ภายในพร้อมที่จะระเบิดออกมา ซึ่งเธอก็ทำให้ฉันเห็นว่าเธออดทนต่อมันได้ดีเยี่ยม ซึ่งหมายความว่าเธอมีโอกาสที่จะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างที่เธอต้องการ”

        ‘แล้วถ้าวันนั้นผมทนไม่ได้ล่ะครับ’

        “เธอก็จะตาย”

        ‘ตาย!?’

        ผมอุทานเสียงหลง

        “ขอโทษทีนะที่วันนั้นไม่ได้บอกเธอก่อน ฉันต้องการรู้ว่าเธอจะทนได้มากแค่ไหนหากสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ข้างในตัวเธอมันจะระเบิดออกมา และต่อให้มันระเบิดจริงๆ หากเป็นมนุษย์กลายร่างตนอื่นก็คงจะกลายเป็นร่างอีกร่างที่แอบแฝง อย่างเช่นคนก็กลายเป็นสัตว์ หรือไม่สัตว์ก็กลายเป็นคน แต่สำหรับเธอ ถ้าเธอทนไม่ไหว เธอจะตาย แต่เธอก็ผ่านมันมาได้นะปุยเมฆ”

        ผมพูดไม่ถูกเลย ตอนนี้สมองผมตื้อไปหมดตั้งแต่ได้ยินว่าผมเกือบจะตายไปแล้ว ตอนนั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอดทนได้ยังไง เพราะถึงไม่ตายแต่ความทรมานที่ได้รับก็เหมือนตายทั้งเป็น เป็นความเจ็บปวดที่บรรยายไม่ได้เพราะมันเกินกว่าความเจ็บทั้งหมดที่ผมจะเคยเจอหรือจินตนาการออก

        แล้วถ้าวันนั้นผมตาย ผมคงไม่ได้เจอพี่เติร์ดอีกตลอดไป

        “ตกใจเหรอ”

        ผมดึงสติตัวเองกลับมา

        ‘ครับ’

        เสียงของผมแผ่วลงเล็กน้อยจนอาจารย์หัวเราะขำเบาๆ มือใหญ่ลูบหัวผมแล้วไล่ลงมาเกาคางให้ผมรู้สึกสงบ ผมขยับหัวถูมืออาจารย์เพื่อขอบคุณ เรื่องนี้จะโทษอาจารย์ก็ไม่ได้ เพราะผมเองที่เป็นฝ่ายต้องการให้ท่านช่วยเหลือ

        “จงจำความเจ็บปวดนั้นไว้ให้ดีหลังจากนี้ทุกวันที่พระจันทร์เต็มดวง ตัวตนของเธอจะคอยท่าเตรียมระเบิดออกมาเหมือนที่เธอเคยเป็นแต่ว่าจะรุนแรงกว่ามาก เธอจะต้องฝึกควบคุมจิตใจตัวเอง และต้องฝึกจิตให้เข้าถึงตัวตนเพื่อที่เธอจะได้ควบคุมมันได้ มันจะมีผลต่อการควบคุมการกลายร่างในอนาคต”

        อาจารย์อุ้มผมพาเดินเข้าไปส่วนในของบ้าน ตรงเข้าห้องๆหนึ่งที่มืดมิด ไม่มีแสงเล็ดลอดเข้าแม้เพียงนิดเดียว แต่ผมสามารถมองเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนเพราะผมเป็นแมว แต่ถึงอย่างนั้นห้องๆนี้ก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากเก้าอี้สองตัว อาจารย์จอนห์นี่วางผมบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง และท่านนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่หันหน้าเข้าหาผม

        “สิ่งที่เธอจะต้องฝึกไม่ใช่สิ่งที่ยาก สิ่งง่ายๆที่มนุษย์เรียกว่าการนั่งสมาธิ เธอจะต้องฝึกโดยไม่คิดอะไรเลย และจะต้องไม่วอกแวกกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นรอบตัว พร้อมไหม”

        ผมฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร แค่ทำตามที่อาจารย์บอก ฟังดูแล้วเหมือนว่าจะไม่ยาก แค่นั่งหลับตานิ่งๆแล้วไม่คิดอะไร

        “อย่าลืมว่าห้ามคิดอะไร ถ้าเธอทนได้ถึงหนึ่งชั่วโมงก็เป็นอันผ่าน”

        หนึ่งชั่วโมงเองเหรอ ผมคิดว่ามันง่ายมากๆ

        “หลับตาลง แล้วเริ่ม”

        สิ้นเสียงของอาจารย์ ผมก็ปิดตาลง และเริ่มทำตามที่อาจารย์บอกก็คือ ไม่คิดอะไร สองสามนาทีแรกทุกอย่างดูง่าย ผมไม่คิดอะไรเลย แต่พอเวลาเริ่มผ่านไป สติผมเริ่มจะหลุด สมองเริ่มจะคิดนั่นคิดนี่ แต่ผมก็ยังพอดึงสมองและจิตใจของตัวเองให้สงบนิ่ง ผมกำลังจะทำได้แต่ฉับพลันผมก็ได้ยินหวี่ๆดังขึ้นข้างหู ผมลืมตามองทันทีแต่แล้วเสียงนั้นก็หายไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม และคนที่นั่งตรงข้ามผมเพียงแค่มองมายิ้มๆเท่านั้น

        “อดทนต่อสิ่งเร้า จงมีสติ”

        ผมหายใจเข้าออกลึกสุดปอด แล้วเริ่มฝึกสมาธิอีกครั้ง เรื่องที่คิดว่าง่ายกลับยากถึงยากที่สุด ครั้งนี้ไม่มีเสียงหวี่ๆของแมลงดังที่ข้างหู แต่เป็นแสงไฟที่สว่างวาบส่องเข้าดวงตา ผมสะดุ้งหยีตาทั้งๆที่ยังปิด สุดท้ายสติก็หลุด

        “เริ่มใหม่”

        แต่ละบททดสอบที่ผมไม่คาดคิดเกิดขึ้นภายในห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่มีอะไรเลย แต่ไม่รู้ว่ากลิ่นไฟไหม เสียงรบกวน คลื่นไฟฟ้าบางอย่างที่ทำให้ผมมึนงง สุดท้ายผมก็ไม่สามารถประคองสมาธิตัวเองให้อยู่นานเกินสิบนาทีไปได้ แค่เพียงสองชั่วโมงที่ผมฝึก ผมเหนื่อยแทบขาดใจเหมือนกับว่าผมวิ่งรอบเมือง

        อาจารย์ให้ผมพักแต่เพียงเท่านี้ ให้น้ำให้นมผมดื่มเรียกพลัง ผมแทบหมดแรงและรู้สึกมึนงงในหัว ผมฟุบหมอบบนโซฟานุ่มในห้องรับแขกจนเผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีอาจารย์ท่านก็บอกผมว่าวันนี้พี่โยชิมารับผมไม่ได้และท่านจะไปส่งผมเอง ผมให้ท่านปล่อยผมลงที่หน้าคอนโดแล้วผมจะเดินเข้าไปเองโดยไม่ลืมที่จะขอบคุณทิ้งท้าย อาจารย์จอนห์นี่กำชับผมไว้ให้ผมหมั่นไปฝึกฝนบ่อยๆหากว่าผมอยากจะกลายร่างได้ในเร็ววัน

        ผมกำลังเดินเข้าหอก็เจอกับพี่หมอวีร์ พี่เขาอุ้มผมขึ้นแล้วก็พาเข้าลิฟต์ ผมดีใจมากเพราะไม่ต้องเดินขึ้นบันไดหลายๆชั้นให้เหนื่อย

        “เป็นไงวันนี้” พี่หมอถาม

        ‘ไม่ได้เรื่องเลย ผมฝึกสมาธิไม่ได้’

        “เดี๋ยวก็ได้ ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อน”

        แต่ผมอยากกลายร่างเป็นคนได้เร็วๆนี่นา

        ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นของห้องพี่เติร์ด พี่หมอวีร์กำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ แต่ติดคนที่ยืนขวางอยู่แล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นผู้ชายหน้าหล่อเจ้าของผมเอง

        ‘เมี๊ยววว’ ผมร้องหาพี่เติร์ด ผมพุ่งตัวเองไปหาเขาจนเกือบจะหลุดออกจากมือของพี่หมอวีร์ แต่พี่เติร์ดก็รับผมไว้ได้ทัน

        “ผมเจอน้องปุยที่ชั้นล่างน่ะ เลยอุ้มขึ้นมาส่ง” พี่หมอวีร์บอกกับพี่เติร์ด

        ผมเอาใบคลอเคลียตามแขนแล้วก็คอของพี่เติร์ด ชอบจังเลยกลิ่นของเขาที่ทำให้ผมอุ่นใจ

        “ขอบคุณครับ” พี่เติร์ดบอกกับพี่หมอแล้วอุ้มพากลับห้อง พร้อมกับบ่นผมไปด้วย แต่ผมไม่สนใจเพราะผมกำลังมีความสุข

        “ทำไมซนก็ไม่รู้ รู้ไหวมาเราทำพี่ตกใจแค่ไหนที่เราหายไปน่ะหึ อยากให้พี่ตีเราจริงๆใช่ไหมน้องปุย เมื่อไหร่จะเลิกหนีออกจากห้องไปเล่นซนสักที พี่ชักจะโมโหแล้วนะ”

        ผมยิ้มคนเดียวในใจ มีความสุขที่พี่เติร์ดเป็นห่วง แล้วก็อยากจะบอกเขาว่าตราบใดที่ยังมีช่องระบายอากาศในห้องน้ำกับประตูระเบียงยังเป็นแบบเดิมที่ผมเปิดเข้าออกจนชิน ผมก็ออกไปเที่ยวเล่นได้อยู่ดีนั่นแหละ






พี่เติร์ด แกล้งน้องปุยทำไม 5555

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
รอวันปุยเมฆกลายเป็นคน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด