DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]  (อ่าน 615533 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ PROLOGUE 050614 [P.1]
«ตอบ #30 เมื่อ08-06-2014 19:07:51 »

กลัวงูแต่ก็จจะอ่าน 555

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ PROLOGUE 050614 [P.1]
«ตอบ #31 เมื่อ08-06-2014 22:50:33 »

แปะ

ออฟไลน์ GIRL [Y] 100%

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ PROLOGUE 050614 [P.1]
«ตอบ #32 เมื่อ09-06-2014 10:42:51 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ชอบมากแนวนี้ ฟินเลย

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 100614 [P.2]
«ตอบ #33 เมื่อ10-06-2014 12:19:34 »

ONE




            ‘ข้ารักเจ้า’

            ‘ข้าก็รักเจ้าเช่นกัน’

            ‘ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ข้าก็จะยังรักเข้าอยู่แบบนี้ ข้าไม่มีวันที่จะลืมเจ้า แล้วเจ้าล่ะ เมื่อถึงวันนั้น จะลืมข้าหรือไม่’

            ‘ไม่ ข้าจะรักเจ้าเหมือนกับวันนี้ วันที่ข้ารักเจ้าสุดหัวใจ’

            ก๊อกๆๆ!!!

            เฮือก!

            “โยชิตื่นได้แล้วลูก พ่อจะเข้าไร่แล้ว” เสียงเรียกของพ่อที่ดังอยู่หน้าประตูปลุกผมให้ตื่นจากความฝัน ฝันที่เหมือนความจริงจนน่าใจหาย ความรู้สึกบอกว่าความฝันนั้นอาจเป็นความจริง ทุกอย่างแม้จะลางเลือนแต่ก็คุ้นเคย เหมือนเคยเกิดขึ้นมาก่อน ความฝันที่มีแต่เสียง ไม่อาจรู้ได้ว่าใครเป็นคนพูด แค่เสียงแต่ก็เพียงพอให้รู้สึกว่า...คุ้นเคย

            ผมสะบัดหัวไล่ความมึนงง ยกมือลูบหน้าลูบตาก่อนจะลุกเดินเข้าห้องน้ำอย่างง่วงงุน ความเคยชินที่ไม่ต้องลืมตาก็สามารถเดินเข้าห้องน้ำถูก ความคุ้นเคยคือสิ่งที่ผมรัก เพราะความคุ้นเคยเปรียบได้กับความปลอดภัย

            แต่หลังจากนี้มันไม่ใช่ อีกสองวันผมจะต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง บ้านของผมอยู่เชียงใหม่ แต่ที่ต้องย้ายไปเรียนที่กรุงเทพ แถมยังเป็นโรงเรียนเอกชนก็เพราะว่า...ผมได้รับคำเชิญ

            เป็นอะไรที่แปลกมาก จู่ๆก็มีจดหมายของทางมหาวิทยาลัยเชิญตัวผมให้ไปเรียนที่นั่นเพราะเห็นว่าผมสนใจทางด้านวิทยาศาสตร์สาขาสัตววิทยา และด้วยผลการเรียนของผมที่ไม่เคยต่ำกว่าเกรดสี่เลยสักวิชา เขาจึงได้อยากให้ผมไปเรียน โดยมอบทุกการศึกษาให้ฟรีแบบไม่ต้องใช้คืน

            แน่นอนว่าไม่ต้องคิดให้มากความ ผมตัดสินใจตกลงคำเชิญทันที เพราะมีแต่ได้กับได้ แม้พี่ยอร์ชจะแซวว่าผมกำลังจะเข้าไปเรียนในฮอควอร์ด แต่นี่มันโลกแห่งความจริงนะครับ ไม่ใช่นิยาย ไม่มีเรื่องประหลาดแบบนั้นหรอก

            สาเหตุที่ผมยอมไปเรียนที่ Arch University ก็เพราะว่าที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยของต่างประเทศที่มาเปิดในไทย หมายความว่าระบกการศึกษาก็ย่อมต้องดีกว่า แถมยังได้ใช้ภาษาอังกฤษในระหว่างที่เรียนและได้เพื่อนต่างชาติต่างวัฒนธรรม ผมจะได้อะไรที่เขาว่ากันว่าดีที่สุดเท่าที่มหาวิทยาลัยชั้นนำอันดับห้าของโลกพึงมี และขอบอกเลยว่าค่าเทอมที่นี่แพงชนิดที่ขายบ้านเรียนก็อาจไม่จบ

            ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องลังเล แทบจะลืมความกลัวที่อาจจะต้องตกอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยที่ผมไม่ชอบเสียสนิท และอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผมจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่น แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วครับ

             “พ่อครับ วันนี้มีอะไรกินบ้าง” ผมเดินเข้าไปกอดเอวพ่อไว้ก่อนจะหอมแก้มสองที พ่อลูบหัวลูกผมเบาๆก่อนจะก้มลงหอมแก้มลูกทั้งสองข้างด้วยความรักความห่วงใย ผมทำแบบนี้ประจำแหละ บ้านเรามีกันแค่สามคน พ่อกับพี่ยอร์ชดูแลผมอย่างดี เพราะผมมีโรคประจำตัวแบบแปลกๆ ทั้งสองคนเลยค่อนข้างสปอยผมมากพอควร ส่วนแม่ของผมท่านเสียตอนที่คลอดผม...พ่อเล่าให้ผมฟังตอนที่ผมเริ่มจำความได้ ตอนนั้นผมร้องไห้เศร้าโศกอยู่เป็นปีๆ กว่าจะเข้มแข็งได้รู้อีกทีพ่อกับพี่ยอร์ชก็เลี้ยงดูผมอย่างกับไข่ในหิน

             “มีของโปรดเรานั่นแหละไอ้ลูกชาย” พ่อขยี้หัวผมอีกครั้งอย่างหมันเขี้ยว

            “พ่อนี่รู้ใจโยจริงๆ” ผมยิ้มกว้างให้พ่อ ถึงจะไม่มีแม่ แต่ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองขาด กลับรู้สึกว่าได้รับความรักมากจนเกินพอดีด้วยซ้ำ แต่เป็นความเกินที่ผมชอบนะ

            “ฮ่าๆๆ พ่อต้องเข้าไปในไร่แล้ว มีอะไรก็โทรหาพ่อ อ่อ ของนี่ไม่ต้องเก็บนะ เดี๋ยวพ่อกับยอร์ชกลับมาเก็บให้เอง”

            “ครับ” อย่างนี้ทุกที งานหนักหน่อยผมไม่เคยได้แตะ แค่ตอนเด็กๆเคยเป็นหอบ รักษาจนอาการดีขึ้นจนแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง แต่ไม่ว่ายังไงพ่อกับพี่ยอร์ชก็ไม่ค่อยให้ผมทำอะไรที่ต้องลงแรงหนัก เพราะงั้นผมเลยไม่ค่อยได้ช่วยงานในไล่

            พ่อของผม ‘พ่อศิลา’ เป็นเจ้าของไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงมากในภาคเหนือ โดยมีพี่ยอร์ช พี่ชายสุดหล่อเป็นผู้ช่วยงานทุกอย่างในไร่ น้อยครั้งที่ผมจะได้ออกไปช่วยงาน ส่วนมากคือออกไปเดินเล่นเสียมากกว่า เพราะพ่อและพี่ยอร์ชได้กำชับคนงานทุกคนในสวนแล้วว่า ถ้าผมเข้ามาในไร่ต้องรีบบอกให้ทั้งคู่รู้ทันที และห้ามใครอนุญาตให้ผมทำงานไม่ว่าผมจะอ้อนแค่ไหนก็ตาม ดูนะครับดู ทำอย่างกับผมเป็นลูกสายไปได้ ทั้งๆที่ผมออกจากมาดแมนแฮนด์ซัม

            “ว่าไงตัวเล็ก ตื่นแล้วเหรอครับ” พี่ยอร์ชที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านเอ่ยทักผมที่กำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่ นั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆแล้วก้มลงไปหอมแก้มผมสองฟอดใหญ่

            “ตื่นแล้วครับ พี่ยอร์ชไปไหนมา” ผมหอมแก้มพี่ชายคืนก่อนจะกลับมากินข้าวต้มที่ส่งกลิ่มหอมเรียกน้ำย่อยตรงหน้าต่อ

            “ไปทำธุระข้างนอกมาครับ” ปากตอบมือก็ลูบหัวผมไปด้วย พ่อกับพี่ยอร์ชชอบลูบหัวผมมาก ผมก็ชอบให้ลูบ

            “อืม พี่ยอร์ชกินข้าวหรือยัง เดี๋ยวโยชิไปตักให้นะ” ผมกระตือรือร้นลุกไปตักข้าวต้มให้พี่ยอร์ช เดี๋ยวพอผมไปเรียนแล้วก็ไม่ได้ดูแลทั้งสองคนอีก ทั้งพ่อและพี่ยอร์ชชอบบ้างานจนลืมกินข้าว เป็นผมที่ต้องคอยดูแลเรื่องอาหารการกินให้ทั้งคู่

            “พี่เข้าไร่ก่อนนะตัวเล็ก ของพวกนี้ไม่ต้องทำเองนะ ตอนเย็นพี่จะกลับมาเก็บให้”

            เหมือนกันเลยพ่อกับพี่ยอร์ช

            ลับหลังผมก็ทำตัวเป็นเด็กไม่ดีไม่เชื่อฟังคำสั่งของพ่อกับพี่ยอร์ช จัดการเก็บข้าวของที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทาง และของใช้บางอย่างที่จะขนเข้าหอของมหาวิทยาลัย เท่าที่หาข้อมูลดู หอพักของแอชยูสวยอย่างกับคอนโดใจกลางเมือง และผมได้อยู่แบบไม่ต้องเสียเงินด้วย งานนี้มีแต่ได้กับได้ คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

            “เฮ้อ กว่าจะเสร็จ” ทันทีที่ยัดรองเท้าคู่สุดท้ายใส่ลงกล่องผมก็ทิ้งตัวลงกับโซฟาในห้องนั่งเล่น ปาดเหงื่อบริเวณหน้าผากและไรผมทิ้ง เอนกายผิงโซฟาเงยหน้ามองเพดาน หลอดไฟกลางหัวเรียกความทรงจำเมื่อคืนให้กลับมา หลังจากที่ได้สติเพราะถูกพ่อเรียกอยู่สักพัก เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่ยอร์ชเปลี่ยนหลอดไฟเสร็จ บ้านทั้งบ้านก็พลันสว่างขึ้น

            ‘ฟะ ไฟดับ’

            ‘หลอดไฟขาดน่ะเจ้าตัวเล็ก ดีนะที่เราไม่เข้ามายุ่ง สายไฟมันขาดได้ไงไม่รู้ พี่เกือบถูกไฟดูดไปแล้ว’

            สายไฟขาด?

            ไฟดูด?

            จะบอกว่าเขาโชคดีที่งูตัวนั้นทำให้เขาสลบไปก่อนที่จะถูกไฟดูดงั้นเหรอ บ้าสิ้นดี!

            และที่แปลกไปกว่านั้น พ่อบอกว่าผมนอนหลับที่โซฟาไม่ได้นอนอยู่บนพื้น ทั้งๆที่ผมเป็นลมล้มพับใต้หลอดไฟ เป็นไปไม่ได้ที่จะละเมอไปนอนที่โซฟา

            คิดมากๆก็เริ่มฟุ้งซ่าน ผมสะบัดหัวไล่ความคิดงี่เง่าออกจากหัว ใครจะรู้ว่าแวบหนึ่งผมเผลอคิดไปว่า เจ้างูนัยน์ตาน่ากลัวนั่นช่วยชีวิตผมเอาไว้ 


            Three days later

            @ Arch University

            ถึงเวลาที่ผมต้องจากบ้านจากอ้อมอกของพ่อและพี่ยอร์ชไปใช้ชีวิตเพียงลำพังในเมืองหลวงที่แสนวุ่นวาย รถยนต์คันหรูสีดำมันเงาไปทั้งคันหยุดที่หน้าหอพักนักศึกษา ตามมาด้วยรถกระบะที่ขนของมาเต็มคันรถ

            Arch University ตั้งอยู่แทบจะใจกลางกรุงเทพ กินพื้นที่มหาศาลแบบที่เอามหาวิทยาลัยรัฐอันดับต้นๆของประเทศมารวมกับสามแห่งก็ยังมีพื้นที่น้อยกว่าที่นี่เสียอีก เมื่อห้าปีก่อนผมได้ดูข่าวการก่อตั้งแอชยู ทั้งปัญหาการกว้างซื้อที่ดินที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่ต้องยอมรับว่าทางมหาลัยมีวิธีแก้ปัญหาที่ค่อนข้างดี จัดหาที่พักให้แก่ผู้ที่เดือนร้อนแทบทุกหลังคาเรือน เงินจำนวนมหาศาลที่ถูกจ่ายไปเพื่อให้ได้พื้นที่ตรงนี้มา ผมก็ไม่รู้ว่าแอชยูไปเอามาจากไหน มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ผมต้องรู้ เพราะสิ่งที่ผมต้องทำต่อจากนี้ก็คือ ผมจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยป่าดงดิบกลางเมืองแห่งนี้ให้ได้

            ไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด ต้นไม้เยอะมากๆ แม้แต่ตามตึกอาคารเรียนที่แสนจะหรูหราด้วยการออกแบบสไตล์กรีกและโรมันก็ยังมีต้นไม่ขึ้นแซมราวกับโอเอซิส มีทั้งน้ำพุและสระน้ำ นี่ถ้ามีกวางหรือลิงสักหน่อย ผมคงคิดว่าที่นี่เป็นสวนสัตว์แทนมหาวิทยาลัย

            “ให้พี่ช่วยจัดของไหม” พี่ยอร์ชยืนท้าวเอวมองไปรอบๆห้องพักก่อนจะหันมาพูดกับผม หลังจากลงทะเบียนเข้าพักเสร็จพ่อก็ให้คนงานที่พามาขนของขึ้นมาให้ผม ห้องนี้อยู่สองคน แต่รูมเมทของผมยังไม่มา ขอบอกเลยว่าห้องพักนักศึกษาของที่นี่ใหญ่มาก มากจนกลายเป็นโอเวอร์ เพราะมันไม่ต่างอะไรกับอยู่คอนโดราคาห้าล้านอัพ

            เวอร์จริงๆที่นี่ -_-;

            “ไม่เป็นไรครับ โยชิจัดเองได้” ผมยิ้มตาหยี เดินไปที่ระเบียงของห้องพัก มองลงไปจะเห็นวิวทั่วมหาวิทยาลัย ดีที่เลือกห้องสูงๆ ถ้าอยู่ต่ำว่านี้ก็จะไม่เห็นวิวสวยๆในมุมกว้าง

            “อยู่ได้นะลูก” พ่อเดินไปยืนข้างๆ ลูบหัวผมเบาๆอย่างที่ชอบทำ ผมขยับกอดเอวพ่ออย่างออดอ้อน พี่ยอร์ชเองก็กอดผมไว้เช่นกัน

            “อยู่ได้สิครับ ลูกพ่อเก่งจะตาย” พูดแล้วก็หัวเราะเอง

            “ครับ ลูกพ่อเก่งที่สุด” แววตาของพ่อมันเต็มไปด้วยความเอ็นดูเสมอ และตอนนี้ผมก็เห็นความกังวลในแววตาของคนทั้งสอง ก็คงจะเป็นห่วงที่ผมต้องอยู่ที่นี่คนเดียว

            “มีปัญหาอะไรต้องรีบโทรบอกพ่อกับพี่รู้ไหม” พี่ยอร์ชกำชับเป็นรอบที่สิบเห็นจะได้ตั้งแต่รู้ว่าผมจะต้องมาเรียนที่นี่

            “ครับผม รอบที่ร้อยแล้ว” ผมแซวขำๆ เลยได้มะเหมกมาหนึ่งที

            “ไปๆ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า เดี๋ยวค่อยขึ้นมาจัดห้อง” พ่อโอบไหล่ผมเดินออกจากห้อง พี่ยอร์ชขับรถพาเราไปหาอะไรกินที่ห้างดัง หลังจากนั้นก็ไปเดินซื้อเสื้อผ้าและข้าวของอีกหลายอย่างก่อนจะพากลับมาส่งที่หอ

            “ดูแลตัวเองด้วยนะลูก” พ่อกอดลูกชายอีกครั้งก่อนจาก กอดพ่อเสร็จผทก็เดินไปกิดพี่ชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆกัน

            “ขับรถดีๆนะพี่ยอร์ช”

            “ครับ ไหนมาหอมทีสิ” จบคำขอของพี่ชายผมก็เขย่งเท้าขึ้นจุ๊บที่แก้มตอบได้รูปของพี่ยอร์ชตามด้วยหันไปหอมแก้มของพ่อ เมื่อล่ำลากันเรียบร้อยแล้วพี่ยอร์ชก็ออกรถกลับเชียงใหม่ ผมยืนมองรถของพี่ชายที่ขับออกไปจนแสงไฟท้ายรถหายลับไปในที่สุด

            ตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้าส่งผลให้รอบด้านมืดลงเรื่อยๆ สายลมยามเย็นพัดอ่อนๆ แม้มหาวิทยาลัยจะตั้งอยู่ในเมืองหลวง หาแต่ภายในปลูกต้นไม้และดอกไม้ไว้เป็นจำนวนมาก กลิ่นลมที่พัดโชยมาจึงหอมกลิ่นดอกไม้ใบหญ้า พาลให้รู้สึกสดชื่น ไร้ซึ่งมลพิษเหมือนได้อยู่ในป่าจริงๆ

            ผมหมุนตัวเดินกลับเขาหอ แต่เสี้ยววินาทีที่หมุนตัว หางตากลับแวบเห็นอะไรบางอย่าง

            เหมือน...มีคนกำลังจ้องมอง

            แต่พอหันไปดูก็ไม่พบใครอยู่ในรัศมีสายตา

            “ท่าจะตาฝาด” ส่ายหัวให้กำกับความขี้ระแวงของตัวเองก่อนจะเดินขึ้นห้องไปจัดของ คืนนี้กว่าจะได้นอนก็คงดึก แต่ไหนๆก็ไม่มีอะไรทำ ผมเลยกะจะจัดของให้เสร็จ เตรียมรับการเปิดเรียนที่จะมาถึงในอีกสองสามวันข้างหน้า

            ลับหลังโยชิที่เดินเข้าไปในหอพัก ร่างของผู้ชายคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นไม่ไกลจากหน้าหอพักมากนัก

            “สุดท้ายนายก็มาที่นี่จนได้” น้ำเสียงและแววตาที่ติดจะหวั่นวิตกลอยไปตามลมแล้วก็หายไปในที่สุด



            ทุกพื้นที่ในมหาวิทยาลัยในวันนี้เต็มไปด้วยความครื้นเครงทั้งนิสิตนักศึกษาใหม่และเก่าต่างกระจายอยู่ทั่วบริเวณ เสียงคุยจอแจ เสียงหัวเราะ สีสันของการเปิดภาคเรียนเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความสุข บรรยากาศไม่เหมือนกับการเปิดภาคเรียนแบบไทย ไม่มีการรับน้อง ไม่มีว๊าก แต่มันก็ไม่เลยเลนนะผมว่า

            “แกจะยิ้มอีกนานไหมไอ้โย แกจะยิ้มอะไรนักหนา”

            ‘เติร์ด’ เพื่อนหมายเลขหนึ่งที่ผมเจอเป็นคนแรกถามอย่างไม่เข้าใจในอารมณ์ของผมเลยสักนิด

            “ฉันยิ้มเพราะมีความสุข แล้วมันหนักหัวแกหรือไง” ผมเบ้หน้าใส่เพื่อนที่ไม่เข้าใจความสุข ไอ้พวกนี้มันโลกมืดมน ไม่มีทางเข้าใจคนโลกสวยอย่างผมหรอก

            เห็นผมเรียบร้อยเวลาอยู่กับพ่อกับพี่ยอร์ช แต่พออยู่กับเพื่อน ผมก็เป็นผู้ชายปกติทั่วไปที่มีเฮ้วบ้างมีซ่าบ้างตามประสา

            ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง ผมและเพื่อนอีกสองคนมานั่งเล่นที่ร้านค็อฟฟี่ที่อยู่ไม่ไกลจากคณะวิทยาศาสตร์ที่เรียนอยู่มากนัก แต่เป็นจุดที่มองเห็นบรรยากาศรอบได้ได้ดีเพราะเป็นร้านแบบโอเพ้นเฮ้าท์ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนต่างชาติ เหมือนไม่ได้อยู่ประเทศไทย

            “ไม่หนักหรอก แต่แม่งเหมือนคนบ้าวะ”

            “เหอะ! ใครจะไปเหมือนแกไอ้เติร์ด วันๆไม่ทำหน้าหม้อก็ทำหน้ามึน” ผมกระแทกเสียงใส่เพื่อน

            “แหมๆ น้องโยก็พูดเกินไป พี่ทำหน้ามึนตรงไหนครับ” เติร์ดเอื้อมมือไปขยี้หัวทุยๆของผมจนยุ่ง ผมตีหน้ายุ่งใส่มัน

            “จิ๊! ผมยุ่งหมดไอ้เติร์ด! หมดหล่อกันพอดี” ประโยคท้ายผมพึมพำกับตัวเอง แต่เพื่อนสองคนบนโต๊ะก็ยังได้ยิน แล้วพากันส่ายหน้าเบาๆ

            “พูดมาได้ว่าตัวเองหล่อ ส่องกระจกบ้างไหมโยชิ หน้าอย่าแกเขาเรียกว่าน่ารัก!”

            “พูดถูกมากนิกกี้ อย่าไปเที่ยวบอกใครว่าตัวเองหล่ออีกล่ะ หน้าแตกกันพอดี ฮ่าๆๆ”

            พวกเพื่อนบ้า!!!

            “เออนี่ ได้ดูข่าวนั่นไหม...” นิกกี้เพื่อนอีกคนของผมเอ่ยเปลี่ยนเรื่องขึ้นกลางวง แต่ยังไม่ทันพูดอะไรมากกว่านี้ก็ถูกเติร์ดขัดก่อน

            “ข่าวอะไรวะ”

            “ก็ฟังให้จบได้ไหมไอ้เติร์ดแล้วค่อยถาม”

            “เอ้า เล่าสิ” แถวบ้านผมเรียกกวน

            “ก็ข่าวที่ว่ามีคนตายไง ช่วงนี้คนตายทุกวัน ตายอย่างน่าประหลาด พวกแกคิดว่าไงวะ” นิกกี้หยิบยกประเด็นร้อนสุดฮอตในตอนนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น และแน่นอนว่ามันทำให้ผมและเติร์ดสนใจเป็นอย่างมาก

            “ฉันคิดว่าเป็นพวกโรคจิตแน่ๆเลย เหมือนในหนังเรื่องซอว์อะไรแบบนั้น” เติร์ดพูดแล้วก็ลูบแขนตัวเองทำท่าขนลุกกับเรื่องสยองขวัญนั่น

            “แต่ทางกองพิสูจน์หลักฐานแล้วก็หมอที่ชัณสูตรศพเขาบอกว่าเป็นร่องรอยบาดเจ็บที่ถูกกระทำจากสัตว์” ผมพูดในสิ่งที่ได้ฟังและอ่านจากหนังสือพิมพ์มา เป็นข่าวที่ผมให้ความสนใจมากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ จะไม่สนใจได้ไง ภัยใกล้ตัวขนาดนี้

            “มันก็จริงที่เขาบอกแบบนั้นนะเว้ย แต่ไม่คิดบ้างเหรอว่าพวกเสือหรือหมีควายที่ไหนมันจะมาเดินเล่นในกรุงเทพโดยไม่มีใครเห็นมันน่ะ” เติร์ดว่า ซึ่งมันก็จริง

            “ช่างมันเถอะ หวังว่ามันจะไม่มาเกิดแถวในมหาลัยนะ ไม่งั้นได้ย้ายที่เรียนกลางคันแน่” นิกกี้เอ่ยตัดบท บรรยากาศดีๆในวันเปิดเทอมวันแรกไม่ควรมาเสียไปกับเรื่องไม่จรรโลงใจแบบนี้ ซึ่งเราทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย

            ผมทิ้งสายจับจ้องไปยังนอกร้าน แต่แล้วก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาบังภาพที่จับจ้องอยู่ กลุ่มชายหญิงจำนวนห้าคนนั่งลงที่โต๊ะด้านนอกร้านตัวหนึ่ง เด่นจนไม่ไม่ต้องเสียเวลาพิจารณาให้มากความ

            ‘หน้าตาดียังกันดาราแหนะ’

            ผมคิดในใจหลังจากที่ไล่มองใบหน้าของพวกเขาเหล่านั้นแล้ว จนมาถึงคนสุดท้าย คนที่เหมือนจะกระชากวิญญาณของผมให้ออกจากร่าง

            คนที่...จ้องมองผมอยู่ก่อนแล้ว

            รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดปกติจนต้องรีบก้มหน้าลงเป็นการหลบสายตาดุดันที่มองมา...ชั่ววินาทีหนึ่งผมกลัวการเงยหน้าที่จะมองหน้าผู้ชายคนนั้น แววตาที่สะท้อนออกมาเพียงแค่แวบเดียว แต่มันเหมือนตอนที่ผมจ้องตากับงูตัวนั้น ในวันที่ฝนตกหนัก วันที่ผมได้จ้องตากับงูตัวใหญ่ในระยะใกล้แค่มือเอื้อม

            จะไม่เหมือนกันก็ตรงที่งูตัวนั้นมีนัยน์ตาสีทอง แต่ผู้ชายคนนี้มีนัยน์ตาสีดำสนิท ดำจนไม่อาจเดาได้ว่ามีอะไรปิดบังซ่อนเร้นอยู่ข้างใน

            และผมคิดว่าบางทีผมคงเพ้อพกเกินไปหน่อยที่คิดอะไรแปลกๆไม่ได้ความ แต่...

            ความรู้สึกตอนที่สบตากันนั้นมันเหมือนกันไม่มีผิด

            “แกมองอะไรวะโยชิ อ่า...คนห่าอะไรวะ หล่อฉิบหาย” เติร์ดมองตามสายตาผมแล้วก็อุทานอย่างลืมตัว แต่มันพูดไม่ผิดหรอก คนพวกนั้นหล่อมากจริงๆ

            “อะไรกัน...อ่อ” นิกกี้มองตามอย่างสนใจก่อนจะครางอุทานเสียงเบา

            “เขาเป็นใครเหรอ” ผมเบนสายตาหันหานิกกี้ที่ดูเหมือนตกตะลึงในความหล่อของคนกลุ่มนั้นไปแล้ว ถึงได้นั่งอ้าปากค้างทำตาโตหลังจากที่ได้เห็นว่าใครมานั่งอยู่ไม่ไกล

            “แกรู้จักเหรอนิกกี้” เติร์ดถามนิกกี้ด้วยคน

            “เอ่อ กลุ่มนั้นน่ะเหรอ ไม่เชิงรู้จักหรอก แต่ก็พอได้ยินข่าวมาบ้างก่อนที่จะมาที่นี่ เห็นเขาว่ากันว่า พวกนี้เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลในมหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้มีกลุ่มเดียวนะ ยังมีอีกสามกลุ่ม แบบว่าพวกเขาทั้งหน้าตาดีและเก่ง ความสามารถเพียบพร้อม ตระกูลสูงศักดิ์อะไรทำนองนั้น ขนาดหอพักของเขายังไม่อยู่รวมกับคนทั่วไปเลย” นิกกี้อธิบายเสียงเบาพลางโน้มตัวไปข้างหน้า ผมและเติร์ดจึงทำตาม กลายเป็นว่าพวกเราสามคนสุมหัวกันเมาท์อย่างลับๆล่อๆจนทำให้ใครหลายคนมองมาอย่างสงสัย

            “อ้าว แล้วไปอยู่ไหนล่ะ”

            “อยู่ด้านหลังของมหาวิทยาลัยนู่น เห็นว่าเป็นบ้านของพวกเขา ที่นั่นไม่มีใครเคยเห็น ว่ากันว่าเป็นเขตหวงห้าม ทั้งสี่ทิศของมหาวิทยาลัยจะมีบ้านพักของผู้สูงศักดิ์ทั้งสี่ตระกูล” นิกกี้หยุดพูด เหลือบตามองไปนอกร้าน ก่อนจะรีบเบนสายตากลับมาจ้องผม “คนพวกนี้ส่วนใหญ่มันเป็นคนต่างชาติ เห็นใช่ไหม และพวกเขาไม่ธรรมดา บางคนเป็นพวกเชื้อสายราชวงศ์ของต่างประเทศ บ้างก็ลูกประธานาธิบดี ลูกนักธุรกิจอันดับต้นๆของโลก ข้อมูลพวกนี้มีในเว็ปไซต์ของมหาวิทยาลัยเข้าไปดูได้”

            บอกผมที่ว่าผมยังอยู่ในเมืองไทย ไม่ได้หลุดออกไปอยู่ต่างประเทศหรือหลุดเข้าไปในกองถ่ายภาพยนต์เรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ มันเกินไปแล้วจริงๆ ยิ่งกว่าคำว่าเหลือเชื่อ เพิ่งรู้ว่าแบบนี้ก็มีอยู่ในเมืองไทย

            “นี่ขนาดไม่ค่อยรู้นะเนี่ย” คำพูดกระแหนะกระแหนของเติร์ดทำให้นิกกี้ถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจนิดๆ

            “ก็บอกว่าอ่านตามข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมา พวกนั้นดังจะตาย หาไม่ยากหรอก ไม่เชื่อก็ลองเซิร์ชหาดูสิ”

            “ไม่ละ ฉันไม่มีความจำเป็นต้องใส่ใจเรื่องคนพวกนั้น” เติร์ดทำหน้าไม่แยแส ยกแก้วน้ำดูดทีเดียวหมดแก้ว

            ผมเอนตัวกลับพิงเก้าอี้ พลางหันไปมองที่โต๊ะของบุคคลกลุ่มนั้นเพียงแค่แวบตาไม่กล้าที่จะจ้องมองนาน คนพวกนั้นดูมีเสน่ห์แบบแปลกๆ เป็นเสน่ห์ที่แฝงไปด้วยไอของความน่ากลัวไม่ว่าจะเป็นท่าทีที่หน้าเกรงขามของผู้ชาย หรือรังสีความหยิ่งยะโสของผู้หญิง แต่สิ่งเหล่านั้นกลับทำให้พวกเขาดูดีอย่างน่าทึ่ง

            “รู้ไหมว่าพวกเขาชื่ออะไร” ผมถามนิกกี้ เธอทำหน้าแปลกใจที่ผมถามก่อนจะพยักหน้า

            “ก็พอรู้ คนเสื้อสีน้ำเงินชื่อเวสตัน ส่วนผู้หญิงคนที่นั่งข้างคือแฟนเวสตัน หล่อนชื่อปารีส ส่วนผู้หญิงอีกคนกับผู้ชายผมสีเทาฉันไม่รู้”

            “แล้วคนผมสีดำที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ล่ะ” คำถามที่แม้แต่ผมก็ยังแปลกใจว่าทำไมถึงถามออกไป อยู่ๆปากมันก็ไปเอง

            “เขาชื่ออาซา ผู้ชายเย็นชาไร้ความรู้สึก หมอนั่นดูดีใช่ไหมล่ะ แต่มนุษย์สัมพันธ์แย่โคตรๆ นอกจากเพื่อนในกลุ่ม ก็ไม่มีใครได้ใกล้ชิดเขาหรอก เหมือนจะเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว พวกโลกส่วนตัวสูง”

            “...”พวกมนุษยสัมพันธ์แย่งั้นเหรอ ก็อาจจะจริง เพราะแววตาของอาซาดูแข็งกร้าวและไม่แยแสต่อโลก แม้จะเป็นตอนที่มองมาทางผมก็เถอะ

            “ทางที่ดีอยู่ห่างเขาไว้ดีกว่า พวกเขาเป็นตัวอันตราย”

            “อืม” ผมเผลอครางรับเบาๆอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เพราะทันทีที่อาซาหันมาสบตากับผมอีกครั้ง ร่างทั้งร่างก็ขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง

            ตึกๆๆๆๆๆๆ

            ทำไม...หัวใจถึงได้เต้นแรงขนาดนี้ มันไม่ได้เต้นแรงอย่างอาการตกหลุมรัก แต่...เต้นแรงเหมือนวันที่ได้สบตากับงูในระยะประชั้นชิด

            มีอะไรบางอย่างบอกผมว่าผู้ชายคนนั้นอันตรายมาก อย่าเข้าใกล้

            แต่อีกซอกลึกของความรู้สึก ผมกลับอยากที่จะรู้จักผู้ชายคนนั้น

            ผู้ชายที่ชื่ออาซา



................................
            จะเอ่ยยังไงดี เอาเป็นว่า...อ่านให้สนุกนะตัวเอง เรื่องนี้เป็นแนว โรแมนติกแฟนตาซีที่ดาร์กนิดๆ แต่มันก็ไม่ได้จะแฟนตาซีจ๋าเลยทีเดียว ไม่ได้อภินิหารสะท้านฟ้าขนาดนั้นนะ ทีแรกว่าจะรอเดือนหน้า แต่ไม่อยากให้ทุกคนรอนาน ก็จัดมาเลยดีกว่า  :laugh:
           ไม่ต้องเดาเนอะว่าใครเป็นพระเอก น่าจะรู้อยู่แล้วล่ะในตอนนี้ ส่วนเรื่องที่พี่อาซาของเราเป็นอะไร ก็ไม่ต้องบอกหรอกเนอะ รู้กันๆ ฮ่าๆๆ แต่เราต้องมารอดูกันว่าทั้งคู่จะรักกันได้ยังไง ในเมื่อหนูโยชิของเรากลัวงูเข้าไส้ขนาดนั้น บางรายละเอียดอ่านแล้วจับดีๆนะ เดี๋ยวไปอ่านหลังๆแล้วจะงง ไม่แนะนำให้อ่านข้ามนะคะ   :z2:
            อ่านแล้วชอบไม่ชอบตรงไหนบอกด้วยนะคะ บางประโยคอาจอ่านแล้วทะแม่งๆ คือริริติดเรียงแกรมม่าเป็นภาษาอื่นที่ไม่ใช่ไทย บางประโยคจะแปลกไปหน่อย แต่คือริริเองจะไม่ค่อยรู้ตัวว่ามันไม่ถูกนะ สมองปรับเปลี่ยนรูปประโยคจากไทยเป็นจีนและอังกฤษลำบาก ฮืออออ  :katai1:
            เจอกันอีกทีอีกสักสามสี่วัน แต่ถ้าอยากเร็วๆก็เม้นบอกกันรัวๆๆ แล้วจะรีบวิ่งมาลงให้อ่านนะจ้ะ จุ๊บๆ  :mew1:
 :กอด1: :L2: :L1: :pig4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2014 02:44:28 โดย RiRi »

ออฟไลน์ ioohja

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 100614 [P.2]
«ตอบ #34 เมื่อ10-06-2014 12:44:59 »

 :mew1: มาแล้ว จิ้มๆๆๆ :z13: มาต่อไวๆนะค๊า

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 100614 [P.2]
«ตอบ #35 เมื่อ10-06-2014 13:03:35 »

และแล้ว หนูโยชิ ก็ได้เจอเนื้อคู่

รอตอนต่อไปจ้า

หนูโยชิ จะเจออะไรบ้างน้า


ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 100614 [P.2]
«ตอบ #36 เมื่อ10-06-2014 13:32:16 »

ไหวมั้ยโยชิ  :mew3: :mew4:

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 100614 [P.2]
«ตอบ #37 เมื่อ10-06-2014 13:33:53 »

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 100614 [P.2]
«ตอบ #38 เมื่อ10-06-2014 13:41:41 »

 :hao4:สบตากันแล้ว หนูโยชิจะเป็นไงต่อ รอค่ะ

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 100614 [P.2]
«ตอบ #39 เมื่อ10-06-2014 15:12:39 »

อุ๊ยว๊ายยยยยย  :impress2: แบบว่าผูกพันกันมาแต่ชาติก่อน หรือภพก่อนรึเปล่าเนี่ย ใจเต้นแบบนี้ อีกไม่นานได้เผชิญหน้ากันแน่ :mew4:
มาต่อเร็วๆน้า ตื่นเต้นๆ :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 100614 [P.2]
« ตอบ #39 เมื่อ: 10-06-2014 15:12:39 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 10-06-14 [P.2]
«ตอบ #40 เมื่อ10-06-2014 16:25:20 »

จะรอดไหมเนี่ย โยชิ กลัวซะขนาดนั้น

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 10-06-14 [P.2]
«ตอบ #41 เมื่อ10-06-2014 17:38:37 »

ชอบ มาต่อเร็วๆ

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 10-06-14 [P.2]
«ตอบ #42 เมื่อ10-06-2014 17:58:59 »

โยชิหนูจะรอดมั้ยลูกกกก
กลัวงูแต่จะได้งูเป็นคู่เนี่ย 5555
สู้ๆนะโยชิ

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 10-06-14 [P.2]
«ตอบ #43 เมื่อ10-06-2014 19:30:49 »

อาซา....ฟังดูหล่อจังเลย  แค่ชื่อก็หล่อแล้ววววว    :hao7: 

ว่าแต่ใครกันนะ ที่บอกว่า มาที่นี่จนได้ อะไรประมาณนี้น่ะ   :katai1: 

ออฟไลน์ graysia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 10-06-14 [P.2]
«ตอบ #44 เมื่อ10-06-2014 19:55:44 »

 ขอบอกว่าชอบมากจ้า ติดนามไรเตอร์ตลอดทุกเรื่องเลย และเรื่องนี้ก็โดนสุดๆๆ รีบมาต่อนะจ๊ะ  :mew2:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 10-06-14 [P.2]
«ตอบ #45 เมื่อ10-06-2014 21:00:01 »

ไม่มีใครปองร้ายหนูโยใช่ป่าวอ่ะ คุณงูต้องดูแลหนูโยนะ ค่อย ๆ จีบอย่ารุกมากเดี๋ยวหนูโยตื่น 555

ออฟไลน์ บี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 10-06-14 [P.2]
«ตอบ #46 เมื่อ10-06-2014 21:54:02 »

น่าตื่นเต้นๆๆๆๆ รอติดตามๆๆ ชอบมากๆ ริริ ลึกลับดี อิอิ

ออฟไลน์ KURATA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ ONE 10-06-14 [P.2]
«ตอบ #47 เมื่อ10-06-2014 22:28:06 »

มาต่อแล้วววว  ตามมาอ่าน
คุณอาซา กับน้องโยชิ กลัวอะไรได้อย่างนั้นนะคร๊าาา
ชอบคุณอาซา ชอบผู้ชายดุ อิอิ  :hao6: :hao6:
รอตอนต่อไปนะจ๊ะ จ๊วบๆ

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ TWO 12-06-14 [P.2]
«ตอบ #48 เมื่อ12-06-2014 19:51:54 »

TWO




         “แกได้ทำเรื่องอะไรวะโยชิ” เติร์ดมองหัวข้อในกระดาษของตัวเองแล้วทำหน้าเซ็งก่อนจะชะโงกหน้ามาดูกระดาษในมือผม
ตัวผมสตันท์แข็งค้างมากกว่าสองนาทีได้ตั้งแต่ที่เห็นข้อความพยางค์เดียวในกระดาษพร้อมภาพประกอบ

         ‘งู’

         ผมช็อคจนทำอะไรไม่ถูก ฟ้าโคตรจะกลั่นแกล้งผมเลยให้ตายสิ! สัตว์มีเป็นร้อยทำไมผมต้องจับได้งูด้วย!

         “ของฉันได้ตุ๊กแกวะ ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ น่าเกลียดน่ากลัวพอกัน”

         ผมมองเติร์ดที่เอามือถูแขนทั้งสองข้างทำท่าขนลุก ก่อนจะยื่นกระดาษของตัวเองไปตรงหน้าเพื่อน มันเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

         “แลกกันไหม” ผมยอมอยู่กับตุ๊กแกอ่ะ กับงูนี่ไม่ไหวจริงๆ

         “ไม่เอาอ่ะ” เติร์ดสะบัดหน้าส่ายหวืด

         ขนทั่วร่างผมตั้งชันไม่ยอมลง รูปงูสีดำมะเมื่อมตัวใหญ่ในกระดาษทั้งน่ากลัวและสยดสยองเกินใจจะทน ยิ่งมองยิ่งนึกไปถึงงูในคืนนั้น ทั้งที่เป็นสิ่งที่เกลียดจับใจ แต่ทำไมเวลาเผลอต้องคิดถึงมันด้วยก็ไม่รู้

         “เอาน่า มันก็น่ารักออก” นิกกี้ให้กำลังใจผม เลยหันไปค้อนเข้าให้สักที

         “ถ้าน่ารัก งั้นเรามาแลกกันไหมล่ะนิกกี้” ผมประชดเล็กๆ นิกกี้ได้แต่หัวเราะแห้งแต่ก็ไม่ยอมแลก ก็แหงล่ะได้น้องแมวที่แสนน่ารัก เป็นผมผมก็ไม่แลกหรอก

         “เอาเถอะๆ แล้วตกลงเราต้องทำยังไงกับไอ้สัตว์พวกนี้เนี่ย” เติร์ดเกาหัวถามงงๆ ตอนต้นคาบอาจารย์แกพล่ามอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่ามันชวนง่วงมากเพื่อนหลายคนเลยเผลอหลับ ผมเองก็เกือบจะหลับเหมือนกันถ้าไม่เอาแต่...

         ...คิดถึงผู้ชายคนนั้น

         ผมนี่เพ้อเจ้อเข้าขั้นจริงๆ

         อย่าสงสัยว่าทำไมผมถึงมีโมเม้นต์นั่งคิดถึงผู้ชายราวกับเด็กสาวกำลังตกหลุมรัก ก็ผมชอบผู้ชายด้วยกัน ไม่รู้ทำไม รู้อีกทีผมก็คิดในทางชู้สาวกับผู้หญิงไม่ได้ บางทีอาจเป็นเพราะพ่อกับพี่ยอร์ชดูแลผมมากเกินไป เลยทำให้ผมติดนิสัยอยากได้คนมาดูแล ไม่ชินที่จะต้องดูแลใคร

         แต่ต่อให้ผมชอบผู้ชาย...เขากับผม มันเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้อย่างรุนแรง

         “เขาบอกว่าให้ศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสืบค้นในหนังสือ หรือไปถามผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ใช่อาจารย์ หรือไม่ก็เลี้ยงด้วยตัวเอง” โยชิอธิบายให้เติร์ดกับนิกกี้ฟัง

         “ดีเลย ฉันจะไปหาแมวมาเลี้ยง!”

         “แล้วแกจะเลี้ยงยังไง อยู่หอเขาไม่ให้เลี้ยงสัตว์นะเว้ย” เติร์ดเก็บของใส่กระเป๋าหันไปมองนิกกี้งงๆ

         “ก็แอบเสี้ยงสิ เขาทำกันทั้งนั้นแหละ” นิกกี้ยักไหล่ไม่ใส่ใจ เดินออกจากห้องเรียนเป็นคนแรก

         พวกผมตรงไปที่หอสมุดกลางเพื่อหาหนังสือทำรายงานที่เพิ่งได้มาตะกี้ ขืนไปช้ามีหวังหนังสือหมด เพราะหัวข้อมันก็มีซ้ำๆกัน ที่คณะก็มีห้องสมุดแต่ขนาดเล็กกว่าเยอะ ที่หอสมุดกลางของมหาวิทยาลัยจะใหญ่กว่าและมีหนังสือให้เลือกอ่านเยอะกว่ามาก

         “ดูเหมือนว่าวันนี้ฝนจะตกนะ” นิกกี้เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ผมเงยหน้ามองตาม ผมไม่ชอบฝน เพราะฝนจะนำพาสิ่งมีชีวิตที่ไม่พึ่งประสงค์ออกมา พวกสัตว์เลือดเย็น พวก...งู!

         ยิ่งช่วงหน้าฝนผมจะไม่เข้าไปในสวนในไร่เด็ดขาด เพราะจะเป็นช่วงที่งูชุมมากถึงมากที่สุด บางทีพี่ยอร์ชก็กลับมาเล่าให้ฟังว่าคนงานในไร่ถูกงูกัดบ้าง หรือไม่ก็เจองูเลื้อยพันอยู่บนเถาองุ่นห้าหกตัวบ้าง ด้วยเหตุนี้ผมจึงเกลียดฝนพอๆกับที่เกลียดงู

        “ตามรายงานข่าวเมื่อเช้าวันนี้ที่ผ่านมา ได้พบรูปปั้นคนที่มีท่าทางตื่นตระหนกอีกรายอยู่ข้างมหาวิทยาลัยT เราได้สอบถามคนที่อยู่ในระแวก แต่ไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์ในครั้งนี้เหมือนครั้งก่อนๆ เจ้าหน้าที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่านี่เป็นเพียงการก่อกวนเมืองหรือเป็นคำสาบตามที่....”

         อีกแล้วเหรอ...?

         ผมหยุดยืนฟังรายงายข่าวจากทีวีในหอสมุดชั้นล่างด้วยความสนใจ คราวนี้ดูเหมือนจะอยู่ใกล้มาก หลายคนที่ฟังข่าวต่างก็เริ่มจับกลุ่มคุยกันในเรื่องที่ประหลาดที่สุดในรอบหลายร้อยหลายพันปีมานี้

         “ไปเถอะ” นิกกี้จับแขนผมให้เดินตามเข้าไปในหอสมุด ขึ้นไปที่ชั้นสามก่อนจะจับกลุ่มกันที่โต๊ะมุมในสุด

         “แกคิดว่าไง จากที่เห็นในรูปมันเหมือนกับในหนังไม่มีผิด” เติร์ดเริ่มสันนิฐานขึ้นเป็นคนแรก

         ไม่มีใครหรอกที่จะไม่สนใจข่าวนี้ อาชกรรมที่เกิดขึ้นติดต่อกันมาสักพักและดูจะหนักขึ้นเรื่อยๆโดยที่ไม่มีใครสามารถหาเบาะแสได้ว่าเกิดจากอะไร เป็นภัยอันตารายในเงามืดที่เรามองไม่เห็น มันอาจอยู่รอบตัวเราและฆ่าเราได้ทุกเมื่อ เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นไม่ใช่หน้าที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกคนต้องช่วยกันหาเบาะแส และผมคิดว่าผมก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น

         “ใช่ มันเหมือนกับ...” นิกกี้เว้นช่วงค้าง พูดเสียงเบาทำอารมณ์ระทึกขวัญก่อนจะมองมาที่ผม

         “โดนเมดูซ่าจ้องตา” ผมพูดต่อประโยคที่นิกกี้พูดออกมา

         “ใช่ ถูกต้องที่รัก ฉลาดที่สุด” นิกกี้ลูบหัวผมเหมือนอย่างชื่นชมก่อนที่เธอจะลุกออกจากโต๊ะไป สักพักเธอก็กลับมาพร้อมหนังสือสามเล่ม ผมหยิบมาดูเล่มหนึ่ง เป็นเรื่องที่ว่าด้วยเรื่องเทพเจ้าในตำนาน

         “อย่าบอกนะว่าแกคิดว่าเมดูซ่ามันมีจริง” เติร์ดพูดเหมือนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้

         “ก็มันน่าคิดน้อยเสียเมื่อไหร่ คิดดูนะ ใครจะบ้าปั้นรูปคนทำมีหน้าตาตื่นตกใจหรือกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างสุดชีวิตแบบนั้น สถานการณ์แบบนี้มันเหมือนกับในตำนานไม่มีผิด” นิกกี้เปิดหนังสือที่เป็นตำนานเกี่ยวกับเมดูซ่ามาอ่านให้ฟัง แถมรูปในหนังสือยังเหมือนกับรูปในทีวีเมื่อกี้ราวกับถอดแบบกันมา

         “แต่ดูยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้วะ นั่นมันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น จะไปมีอยู่จริงได้ยังไง” เติร์ดส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ แต่นิกกี้ก็ยังไงไม่คลายความสงสัย จึงได้เริ่มจับเรื่องนั้นเรื่องนี้มาวิเคราะห์เป็นประเด็นๆ ตั้งใจใฝ่ความรู้ยิ่งกว่าตอนเรียนหรือตอนที่รู้ว่าต้องทำรายงานเรื่องน้องแมวเสียอีก

         ผมนั่งฟังนิกกี้เล่าอย่างตั้งใจ แต่พอเงยหน้าขึ้นก็สบสายตาเข้ากับผู้ชายที่เคยเจอเมื่ออาทิตย์ก่อน

         “อาซา...” ผมเอ่ยชื่อของชายหนุ่มเบาๆในลำคอ

         ใบหน้าของเขาเชิญชวนให้หลงใหลและ...เป็นมิตร

         ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น แต่...รอยยิ้มบางๆที่แต่งแต้มอยู่บนริมฝีปากคู่งามมันช่างสมบูรณ์แบบจริงๆ

         ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องผมไม่วางตา ในสายตานั้นสื่อแววแห่งความปรารถนาไว้ไม่มิด แวบหนึ่งของความรู้สึก ผมรู้สึกเขินเมื่อถูกอาซาจ้องมองนิ่งขนาดนั้น ผมจึงแสร้งก้มหน้าเปิดหนังสือในมือ เพราะทนสู้สายตาคู่นั้นไม่ไหว และพยายามอย่างหนักที่จะเบี่ยงความสนใจจากชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า
   
         บาซิลิสก์(Basilisk) …ราชาแห่งงู

         ...หรือเจ้าแห่งอสรพิษ!


         ผมกวาดสายตาไล่อ่านตัวอักษรด้วยความสนใจทีละบรรทัดๆ โสตประสาทการรับรู้ทุกอย่างถูกตัดออกจากโลกภายนอก ไม่รู้ทำไมถึงสนใจ แต่จิตใต้สำนึกมันบอกว่าผมควรจะต้องอ่าน

         บาซิลิสก์ เป็นงูใหญ่ที่น่ากลัวและน่าสยดสยองในตำนานกรีกและยุโรป ซึ่งแค่มองผ่านเหยื่อก็ทำให้เหยื่อตายได้ ในทำนองเดียวกับ เมดูซ่า...

         “เหมือนเมดูซ่างั้นเหรอ...” ถ้าอย่างนั้นก็ต้องสาปคนให้เป็นหินได้เพียงแค่มองตาน่ะสิ

         ...การมองเห็นบาซิลิกก์นั้นน่ากลัวสยดสยองมาก ถ้าสัตว์ใดก็ตามได้เพียงเห็นมันมองผ่าน แม้แต่ทางกระจกก็อาจตายได้ทันทีเพราะความกลัว วิธีเดียวที่จะฆ่ามันได้ก็คือต้องถือกระจกไว้ข้างหน้าตัวมันก่อนที่มันจะมองผ่านมา เมื่อมันมองมาในกระจกนั้น มันก็จะเห็นเงาตัวมันเองในกระจกและตายในทันที...

         ถ้าอย่างนั้น วิธีฆ่าบาซิลิสก์ ก็คือทำให้มันยอมส่องกระจกสินะ

         พอผมเงยหน้ามองตรงไปยังตำแหน่งที่อาซาเคยนั่งอีกครั้ง เขาก็หายไปแล้ว หันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอ ไปไหนของเขากันนะ

         “หาอะไรโยชิ”

         “ปะ เปล่า เดี๋ยวเราไปหาหนังสือทำรายงานก่อนนะ” ผมส่ายหน้าบอกนิกกี้แล้วก็ลุกจากโต๊ะไปหาหนังสือสำหรับทำรายงานโดยที่ในมือมีหนังสือเกี่ยวกับบาซิลิสก์ติดมาด้วย

         เดินเข้าไปในช่องที่เป็นหนังสือเกี่ยวกับสัตว์ตามหมายเลขหนังสือที่เดินไปเสริชมาในระบบOPAC [1] ผมใช้นิ้วชี้ไล่ไปตามขอบหนังสือก่อนจะคว้าออกมาทั้งหมดสามเล่ม แต่เล่มสุดท้ายไม่ได้อยู่ในที่เดียวกัน กลับอยู่ในชั้นบนสุดซึ่งเป็นชั้นที่หนังสือมีขนาดความยาวกว่าชั้นจึงต้องวางในแนวนอน

         “บ้าจริง ทำไมต้องเอาไปวางไว้ซะสูงเลยนะ ไม่เห็นใจคนเตี้ยบ้างเลย” แล้วทำไมไม่วางต่ำๆ ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันจะลำบากคนเตี้ยอย่างผม ที่พยายามเขย่งเท้าเพื่อจะหยิบแต่ก็ยังไม่ถึงอยู่ดี หันซ้ายแลขวาก็ไม่มีใครอยู่ใกล้พอจะขอความช่วยเหลือได้

         ผมก็ได้แต่บ่นก่อนจะเหยียบเท้าที่ชั้นหนังสือชั้นแรก ออกแรงปีนขึ้นไปหยิบ

         “ฮึบ อ๊ะ!” เสียงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะจังหวะที่กำลังเอื้อมคว้าหนังสือลงมา ทำให้หนังสือเล่มหนาข้างบนนั้นทำท่าจะเอนร่วงลงมาทั้งกอง แต่หนังสือเหล่านั้นก็ไม่ได้ร่วงลงมาใส่หน้าผม เนื่องจากมีมือปริศนามาจับหนังสือไว้ทัน

         ลำแขนยาวสีขาวผ่องดันหนังสือให้เข้าที่เข้าทางตามเดิม และเอื้อมไปหยิบหนังสือที่ผมต้องการลงมา ก้าวถอยเพียงครึ่งก้าว แผ่นหลังก็ชนกับหน้าอกของคนที่ซ้อนอยู่ข้างหลัง ลมหายใจร้อนๆเบารินรดที่ใบหูและลำคอ และนอกเหนือจากนั้นผมได้กลิ่นดินจากผู้ชายที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง

         “Be careful” เขาว่า

         “...”

         “This book, right?” น้ำเสียงเรียบนิ่งกระซิบแผ่วเบาที่ใบหู ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าตอบกล้อมแกล้ม

         “umm..Yes, thank you”

         ผมยื่นมือไปรับหนังสือมาถือไว้ จังหวะเดียวกับที่คนข้างหลังถอยห่าง ผมลอบถอนหายใจเบาๆไม่ให้คนที่มาช่วยหยิบหนังสือรู้ว่าผมเกร็งเอามากๆ แต่พอหันกลับไปเพื่อที่จะมองหน้าคนที่เข้ามาช่วย ตัวทั้งตัวก็แข็งค้าง ริมฝีปากอ้ากว้างด้วยความตกใจ จนคนใจดีต้องใช้มือดันคางผมขึ้นเพื่อให้ปิดเหมือนเดิม

         “Do you get shocked a lot?”

         “A..Asa”

         “Hmm...you know me?”

         “เอ่อ...คือ...” ผมเกิดอาการใบ้กิน จะบอกได้ยังไงเล่าว่าพวกผมนินทาถึงพวกเขาก่อนหน้านี้ ก็ได้แต่หาทางแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน ผมหมายถึงหาข้ออ้างอ่ะนะ ไม่ใช่แก้ผ้าจริงๆ

         “ก็...นายดังออกจะตายไป” ผมพูดเสียงเบาพลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เก้อ

         “งั้นเหรอ” อาซาหรี่ตามองจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของผม

         “ว่าแต่...นายชื่ออะไรละ”

         “ฉันชื่อโยชิ”

         “น่ารัก” อาซาเอ่ยชมเมื่อได้ยินชื่อของผม พอถูกชมแบบไม่ทันตั้งตัวก็รู้สึกเขินขึ้นมา ใบหน้าร้อนผ่าว เคยถูกชมเรื่องชื่ออยู่ก็บ่อย แต่ไม่เคยรู้สึกดีที่ถูกชมแบบนี้มาก่อน ผมคงบ้าไปแล้วจริงๆ

         “ครับ เอ่อ...ขอบคุณอีกครั้งที่หยิบหนังสือให้” ผมกอดหนังสือขึ้นแนบอกเพราะไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหน ยอมรับเลยว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นคนที่หล่อและดูดีมาก มากถึงขนาดที่ผมไม่กล้าที่จะมองจ้องหน้าหรือสบตาตรงๆในระยะห่างที่ใกล้กันเพียงแค่ก้าวเดียวแบบนี้

         เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างที่แฝงอยู่ในดวงตาสีนิลคู่นั่น ที่ทำให้ผมไม่อาจจ้องมองได้โดยตรง ทั้งที่อยากจะมองดวงตาที่สุดแสนจะล้ำลึกให้นานกว่านี้ แต่เหมือนร่างกายจะตอบสนองไปเองว่าไม่ควรมอง เขาทำให้ผมมีความรู้สึกต่อเขาได้มากกว่าหนึ่งหรือสองอารมณ์ในเวลาเดียวกัน

         ทั้งอยากอยู่ใกล้ อยากพูดคุย และก็อยากถอยห่างให้ไกล ไม่อยากจ้องตามองหน้าหรืออะไรทั้งสิ้น

         และอีกอย่างที่สร้างความแปลกใจให้ผมอยู่นิดหน่อยก็คงจะเป็นไอเย็นและกลิ่นดินที่มาจากตัวของอาซาเนี่ยแหละ เพราะปกติเวลาที่ผมอยู่ใกล้คนที่ตัวใหญ่กว่าอย่างพ่อหรือพี่ยอร์ชก็มักจะรู้สึกได้ถึงไออุ่น ไม่ใช่ไอเย็นแบบนี้

         “ไม่เป็นไร แต่ทีหลังเรียกใครมาช่วยจะดีกว่า ไม่อยากนั้นจะเจ็บตัวเองได้” อาซายืนล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนมองตามอยู่นานสองนาน

         รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เติร์ดเดินเข้ามาตามเพราะต้องไปเรียนวิชาต่อไป นั่นแหละผมถึงได้รู้สึกตัวว่าเขายืนยิ่งงันอยู่นานเกือบยี่สิบนาที
ไม่เห็นเหมือนที่ใครเขาบอกเลยสักนิด

         ก็ดูเป็นคนที่อัธยาสัยดีและนิสัยดีออก

         หรือว่าน้อยคนที่จะได้เห็น งั้นผมก็เป็นคนที่โชคดีสินะ

         แล้วตกลงเขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ…ผมอาจจะต้องบอกอีกครั้งว่าผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เพราะผมอยากคุยกับเขาอีกครั้งและอีกครั้ง

         อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่โยชิดินกลับคณะไปพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนแล้ว เขาก็เดินออกมาจากมุมมืดมุมหนึ่ง สายตาจับจ้องไปยังแผ่นหลังบางที่เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้มาไว้ในอ้อมกอด แม้เพียงน้อยนิด แต่มันก็ทำให้อาซาทั้งมีความสุขและทุกข์ปนกันอย่างไม่น่าเชื่อ

         “ไหนบอกจะไม่เข้าหาไง” น้ำเสียงเนือยๆของฟรินน์เอ่ยอยู่ข้างๆกัน

         “ก็มันจำเป็น...” ในเมื่อเด็กนั่นกำลังจะถูกกองหนังสือกองโตนั่นหล่นทับ จะไม่ให้เข้าไปช่วยได้ยังไง

         “ก็ถ้านายไม่คอยจับตาดูเจ้าเด็กนั่น นายจะรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง” ทำไมฟรินน์จะไม่รู้ว่าเพื่อนของตนแทบจะไม่ละสายตาจากคนตัวเล็กผิวขาวใสที่แทบจะไม่ต่างจากพวกเขาแทบไม่วางตา ไอ้ที่บอกว่าจะอยู่ให้ห่าง เห็นทีว่าจะยาก

         “ฉันคงต้องพยายามให้มากกว่านี้” อาซาได้แต่มองไปยังทางที่โยชิเดินจากไปอย่างเหม่อลอย

         “พยายามให้ตายยังไง แต่ถ้าหัวใจนายยังจะคอยแต่คิดถึงเจ้าเด็กนั่น เห็นทีว่านายคงจะทำไม่ได้อย่างที่ปากพูด” นี่ถือเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่ฟรินน์เคยพูดมาเลยก็เป็นได้ ก็เห็นจากอาการของอาซา ต่อให้เป็นมนุษย์ผู้โง่เขลาก็ยังมองออกเลยว่าอาซาหลงรักเด็กหนุ่มหน้าขาวปากแดงตัวหอมนั่นเพียงใด

         อืม...ถ้าอาซาไม่หมายปองไว้ก่อนแล้ว บางทีฟรินน์อาจจะสนใจเจ้าเด็กนั่นก็เป็นได้

         “ยังไงก็เริ่มจากเลิกตามตัวเขาเป็นเงาก่อนเถอะ เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”



         หลังจากเรียนเสร็จผมก็ขอแยกกับเพื่อนๆเพื่อกลับหอพัก แม้ว่าเพื่อนทั้งสองคนจะช่วยกันโน้มน้าวให้ไปดูหนังก็เถอะ แต่วันนี้ผมกลับไม่อยากออกไปไหน แถมไม่มีหนังที่ผมอยากดูอีกด้วย

         “กลับมาแล้วเหรอ” รูมเมตของผมเอ่ยทัก ผมพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะเดินเอากระเป๋าและหนังสือไปวางที่โต๊ะเขียนหนังสือของตัวเอง จากนั้นก็เดินไปล้างเท้าในห้องน้ำพลางเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขาสั้นที่ยาวแค่คลุมต้นขากับเสื้อยืดผ้านิ่มที่ใส่สบายตัวแทน

         “วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอดาวเสาร์”

         รูมเมทต่างคณะของผมมีชื่อที่เพราะพริ้งว่า ‘ดาวเสาร์’ แต่เจ้าตัวไม่ยอมให้เรียกว่าดาว เพราะมันเหมือนผู้หญิง ทุกคนเลยเรียกว่าเสาร์ หรือไม่ก็ดาวเสาร์เต็มๆ

         “ไม่ล่ะ ขี้เกียจ แล้วนี่ขนหนังสืออะไรมาเยอะแยะ” ดาวเสาร์หยิบหนังสือขึ้นดูก่อนจะโยนทิ้งลงพื้นแทบจะทันที ผมได้แต่ตกใจกับสิ่งที่ดาวเสาร์ทำและถลาเข้าไปเก็บหนังสือ

         “อย่าโยนหนังสือทิ้งสิดาวเสาร์” ถึงจะไม่ชอบรูปงูที่อยู่บนหน้าปกหนังสือเท่าไหร่ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังสือก็ควรจะถนอมมันให้ดี คนอื่นจะได้อ่านต่อได้

         “ฉันเกลียดงู” ดาวเสาร์พูดแล้วก็เอามือทั้งสองข้างลูบแขนตัวเองไปมาเพราะรู้สึกขนลุกด้วยความขยะแขยง

         “ฉันก็เกลียด แต่ต้องทำรายงานเรื่องนี้”

         “เอาเถอะ นายอย่าเอามาวางให้ฉันเห็นเป็นพอ” ดาวเสาร์ล่าถอยกลับไปนั่งที่เตียงตัวเองตามเดิม พร้อมกับเปิดทีวีดูสารคดีสัตว์โลกน่ารักที่กำลังฉายเรื่องงูอนาคอนด้าอยู่พอดี ดาวเสาร์ทำท่าจะเปลี่ยนแต่ผมร้องห้ามเอาไว้

         “เดี๋ยว อย่าเพิ่งเปลี่ยน ฉันจะดูไว้ทำรายงาน”

         รูมเมทตัวโตจึงได้ยอมเปิดทีวีทิ้งไว้ ส่วนตัวก็นั่นดูข้างๆผมด้วยหน้าตาไม่สู้ดีนัก

         “มันไม่ยุติธรรมเลยว่าไหมที่ไอ้สัตว์ไร้ขาพวกนี้จะเป็นนักล่าอันดับต้นๆ แถมบรรพบุรุษของมันยังเป็นสัตว์ที่ร้ายกาจอีกด้วย รู้อย่างนี้แล้วมันน่าหงุดหงิดรู้ไหม กลายเป็นว่าฉันอ่อนกว่ามัน ทั้งๆที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ บ้าบอสิ้นดี สักวันฉันจะทำให้มันรู้ว่าหมาป่าเก่งกว่างู!” ดาวเสาร์บ่นออกมาเสียยาวยืด ผมที่กำลังสนใจสารคดีงูหันมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

         “นายพูดอะไรของนาย พูดเหมือนตัวเองเป็นสัตว์อย่างนั้นแหละ”

         “รู้ไหม ว่าหมาป่าไม่ถูกกับงู”ดาวเสาร์เลี่ยงไม่ตอบคำถามผม

         “นายรู้ได้ไง เป็นหมาป่าหรือไง”

         “หึหึ ก็คงงั้น”

         “ตลก” ผมส่ายหัวเบาๆก่อนจะหันไปสนใจสารคดีต่อ

         “นายพักผ่อนเถอะ อย่าดูไอ้สัตว์เลื้อยคลานพวกนี้เยอะละ มันน่ารังเกียจ” ร่างสูงเดินออกจากห้องไปทิ้งให้ผมนั่งงงอยู่คนเดียว ใครกันแน่ที่ต้องพักผ่อน ผมยังสติดี มีแต่ดาวเสาร์นั่นแหละที่เพี้ยนไปแล้ว


..................................
[1] OPAC ย่อมาจาก Online Public Access Catalog ใช้สำหรับค้นหาข้อมูลทางบรรณานุกรมของทรัพยากรสารสนเทศ ที่ห้องสมุดจัดหาเข้ามา นอกจากใช้สำหรับค้นหาข้อมูลทางบรรณานุกรมของทรัพยากรสารสนเทศ แล้วยังสามารถใช้ในการตรวจสอบข้อมูลการยืมของตนเองได้อีกด้วย



………
         เพิ่งรู้ว่าอาซาของเราผันตัวจากพระเอกเป็นสตอลเกอร์นะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ ก็เด็กมันน่ารักนี่เนอะ ไม่ตามติดได้ไง แต่ใจเย็นๆนะพี่นะ เดี๋ยวไก่ตื่น  :hao6:
         ช่วงแรกๆอาจจะยังไม่มีอะไรตื่นเต้นนะคะ แต่อีกไม่กี่ตอนก็ได้ลุ้นกันละ จะพยายามทำให้เต็มที่เลยนะคะสำหรับเรื่องนี้
         กระแสเรื่องนี้ไม่ดีเท่าไหร่ เม้นน๊อยน้อยยยย ไม่สนุกเหรอตัวเอง ริริแต่งตอนหนึ่งเกือบ 6 ชั่วโมงเลยนะ เพราะแต่งค่อนข้างยาก ถ้ายังไงให้กำลังใจกันนิดหนึ่งก็ยังดีนะคะ 2-3 นาทีน่าจะไม่เสียเวลาจนเกินไปเนอะ แต่ถ้าใครไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ ยังไงริริก็ลงล่ะ ไม่ต้องห่วง ได้อ่านกันอยู่แล้ว
         และขอขอบคุณคนที่เม้นให้ด้วยนะคะ รักฝุดๆไปเลยยย ^_^  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2014 02:46:31 โดย RiRi »

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ TWO 12-06-14 [P.2]
«ตอบ #49 เมื่อ12-06-2014 19:57:05 »

     :z13:

พี่งูออกมานิดเดียวเองอ่ะ  แต่เอาใจไปเลย  :m1:   

ว่าแต่ฟรินน์เนี่ยเป็นตัวอะไรเอ่ย? งูด้วยรึเปล่า? หรืออย่างอื่น ? แล้วอะไรที่ถูกกับงูล่ะ?

โยชิที่แสนเกลียดงู ต้องมาทำรายงานเรื่องงูเนี่ยดูหนักไม่ใช่เล่นเลยนะ  แต่การศึกษาเรื่องงูอาจจะทำให้หนูเข้าใจงูมากขึ้นก็ดีอ่ะ  เรียนรู้ไปเดี๋ยวก็รัก ฮิ้ววววววว  :hao7:   

มีรูมเมทเป็นหมาป่าซึ่งไม่ถูกกับงูแบบนี้ต้องเกิดปัญหาในอนาคตอันใกล้นี้แน่ๆ

พี่งูจะทนทำไมอ่ะ หรือไม่อยากให้น้องมีอันตราย หรือยังไง  :katai4: 

รอตอนต่อไปค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2014 20:15:09 โดย MK »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ TWO 12-06-14 [P.2]
« ตอบ #49 เมื่อ: 12-06-2014 19:57:05 »





ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ TWO 12-06-14 [P.2]
«ตอบ #50 เมื่อ12-06-2014 20:07:40 »

คุณพระเอกกับคุณรูมเมทจะได้ฆ่ากันตายไหมเนี่ยยยยย :hao7:

ออฟไลน์ nayne

  • miKapleXD
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
    • Super Сasual Dating - Actual Women
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ TWO 12-06-14 [P.2]
«ตอบ #51 เมื่อ12-06-2014 20:34:32 »

เรื่องนี้สนุกค่ะ น่าติดตามแปลกดีด้วย  ริริต้องมาอัพไวไวนะค่ะ
อยากรู้ว่าอาซากับโยชิเขามีความหลังอะไรกัน

เรื่องนี้คงไม่มีตัวละครคนไหนตายใช่ไหมค่ะ
จะดราม่าไหมเนี่ย แต่เราก็จะติดตามนะค่ะ
เรื่องนี้เราว่ามันดำเนินไปแบบมีอะไรคาใจเนื้อเรื่องค่อนข้างช้านิดหนึ่ง(แน่สิพึ่งสองตอน)
แต่มันทำให้เราอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ อยากรู้ว่ามันจะแฟนตาซีแบบปลอดโปร่ง(ปลอดโปร่ง?)
แฟนตาซีแบบดราม่า หรือว่าแฟนตาซีปนสยองขวัญ(ข่าวคนตายทำเราคิดไปไกลแล้วนะ)
เราชอบงานเขียนสไตล์ริริค่ะ

ออฟไลน์ tuckky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ TWO 12-06-14 [P.2]
«ตอบ #52 เมื่อ12-06-2014 20:37:39 »

เรื่องใหม่ติดตามๆ
โยชิน่ารัก  :กอด1:

ปล. คนอ่านน้อย เม้นน้อยน่าจะเป็นเพราะชื่อเรื่องรึเปล่า เหมือนมันจะอ่านยาก มันเลยดูไม่ดึงดูดมั้ง ความเห็นส่วนตัวนะจ้ะ ยังไงก็ติดตามจ้า :mew3:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ TWO 12-06-14 [P.2]
«ตอบ #53 เมื่อ12-06-2014 20:39:15 »

โอเช ตอนนี้เราก๊รู้แล้วว่าเรื่องนี้มีทั้งงู และหมาป่า :ruready
โอ้วววว เราอยู่ในมอนเตอร์ยูนิเวอร์ฯแน่แล้ว :laugh:

อาซาาาาาาา ตามติดชีวิตโยชิมากกก เห็นว่าสุขปนทุกข์ มีเรื่องออะไรน้อ? แถมพูดเหมือนจริงๆต้องห่างๆกัน  :hao4:
รอตอนต่อไปดีกว่าเนาะ

ออฟไลน์ KURATA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ TWO 12-06-14 [P.2]
«ตอบ #54 เมื่อ12-06-2014 21:25:07 »

อาซาน่าร๊ากกก อิอิ
ตามติดชีวิตโยชิมาก
มีหมาป่าด้วยอ่ะ
รอตอนต่อไปนะจ๊ะ

ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ TWO 12-06-14 [P.2]
«ตอบ #55 เมื่อ13-06-2014 00:13:29 »

สนุกค่า ช่วงนี้เราชอบแฟนตาซีแบบนี้มากเลย
แต่ยังจับประเด็นไม่ค่อยได้อ่ะ /ก็แหงล่ะเพิ่งมาได้ 2 ตอนเอง
ตอนนี้เราเลยมีแต่คำถาม อิอิ
รอเฉลยปมในตอนต่อๆ ไปอยู่นะคะ

ปล. พี่งูขรึมๆ แบบนี้เวลาหวานต้องมุ้งมิ้งแน่เลย อิอิ

ออฟไลน์ April❤

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ TWO 12-06-14 [P.2]
«ตอบ #56 เมื่อ13-06-2014 02:36:06 »

ชอบค่าาา
นานๆจะเจอแนวแฟนตาซีที
มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ GIRL [Y] 100%

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ TWO 12-06-14 [P.2]
«ตอบ #57 เมื่อ13-06-2014 08:04:20 »

ดาวเสาร์เป็นหมาป่า รู้สีกถีงความไม่ปลอดภับของโยชิซะแล้วสิ

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ TWO 12-06-14 [P.2]
«ตอบ #58 เมื่อ13-06-2014 08:56:21 »

อาซา จะเปิดเผยตัวตนให้ หนูโย ได้รู้จักเมื่อไรเนี่ย

รีบๆ นะเดี๋ยวเราจะรอฟิน

555

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
Re: DG.Series-COLD-HEART SNAKE ❁S.E.C.R.E.T❁ TWO 12-06-14 [P.2]
«ตอบ #59 เมื่อ13-06-2014 10:10:10 »

อาซาน่ารักอ่ะ
ดูแบบรักใสๆมาก
แอบดูแอบช่วยเหลือโยชิตลอดเลย
ว่าแต่ถ้าโยชิรู้ความจริงขึ้นมาจะช็อกกว่านี้มั้ยเนี่ยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด