___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]  (อ่าน 90009 ครั้ง)

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อ้างถึง
  -คุณคิดว่าทำไมผู้คนถึงต่างกัน แล้วต่างกันนี้มันดีไม่ดียังไง

- ต่างกัน เพราะเป็นคนละคนกัน ขนาดคนเดียวกันยังมีความต่างกัน ในแต่ล่ะวัน แต่ช่วงความคิดเลย
- ต่างกันดีกว่า เพราะจะได้เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ

อ้างถึง
-ฉากไหน/ตัวละคร/เหตุการณ์ใด ในเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ทำให้คุณชื่นชอบนิยายเรื่องนี้ หรือฉากใดที่ประทับใจมากที่สุดพร้อมเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นฉากนั้น/ตัวละครนั้น/เหตุการณ์นั้นๆถึงประทับใจคุณ

ชอบการเดินเรื่อง ภาษาที่ใช้เขียนอ่านแล้วชอบ คำพูด/ความคิด ของตัวละครละเอียดอ่อนดี อย่างที่เม้นไปก่อนหน้าแล้ว ว่าชอบที่ไม่เปิดหมดและปิดหมด คือไม่ได้บอกว่าตอนนั้นตัวละครตัวนี้คิดยังไง แต่ให้คนอ่านเดาจากการกระทำเอาเอง หรืออย่างตอนที่จะเปิดเผยเรื่องของอามัว คนเขียนไม่ได้เขียนแบบพยายามปิดบังคนอ่าน คือรู้อยู่แล้วว่าคนอ่านเดาถูกอยู่แล้วว่าอามัวคือใคร คนอ่านแค่รอว่าจะเปิดเผยเมื่อไรเท่านั้นเอง มีอีกหลายฉากหลายตอน หรือจะเรียกว่าทุกตอนเลยก็ได้ที่ชอบ เพราะถ้าไม่ชอบคงไม่ตามอ่าน

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
มาเล่นเกมส์ อิอิ

คุณคิดว่าทำไมผู้คนถึงต่างกัน แล้วต่างกันนี้มันดีไม่ดียังไง
ตอบตามแนวเด็กวิทย์: ที่ผู้คนแตกต่างกันเพราะแต่ละคนมีหน่วยพันธุกรรมที่ต่างกัน ตามหลักแล้วความแตกต่างทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าวิวัฒนาการได้ตามทฤษฎีของชาร์ล ดาร์วิน สิ่งที่ปรับตัวได้จะอยู่รอดต่อไป ซึ่งวิวัฒนาการก็ต้องจัดว่าเหมาะสมโดยให้คำจำกัดความว่าดีหรือไม่ดีไม่ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า #โดนตบ  :beat:

ตอบแบบคนเพ้อ: แต่ละคนแตกต่างกันเพราะเกิดมาจากการแตกออกมาจากแบบที่สมบูรณ์ ถึงจะมีความคล้ายคลึงกันแต่ทุกคนย่อมแตกต่างกัน แต่ละคนย่อมมีเอกลักษณ์และมีบทบาทต่อโชคชะตาที่ไม่เหมือนกัน ได้พบเจอ เปลี่ยนแปลง ผูกสายสัมพันธ์ ทำให้เกิดสิ่งต่างๆขึ้นมากมาย เหมือนกับคลื่นน้ำที่ไปกระทบกับอะไรก็จะมีคลื่นอื่นๆตามมา เหมือนเฟืองนาฬิกาที่ขับเคลื่อนไปพร้อมๆกัน ทุกชิ้นต่างมีหน้าที่ของมัน บางชิ้นหายไปชิ้นอื่นอาจจะทำงานต่อได้ แต่.....มันย่อมไม่เหมือนเดิม ฟันเฟืองหมุนและขับเคลื่อนไปทำให้เราพบเจอสิ่งใหม่ๆ ความคิดเปลี่ยนไป ความรู้สึกต่างๆที่ได้พบเจอ จะทำให้ตัวเราได้เติบโตและขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ขอให้ซื่อสัตย์กับตัวเองก็พอ คำจำกัดความว่าดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นกับว่าคนส่วนใหญ่คิดอย่างไร เช่น การที่คนรวยถูกโจรปล้นแล้วเอาเงินไปให้คนจน มันดีแล้วจริงหรือ ถ้าคนรวยนั้นเป็นคนดีมาตลอดคอยช่วยเหลือคนอื่นล่ะ เพราะรวยจึงผิด?
แต่โดยทั่วไปแล้วสำหรับสภาพสังคมที่เราเจอหากเราไม่อยากโดนกีดกัน เราไม่อยากโดนทำร้าย เราก็คงต้องทำตามคนอื่นๆเขา
ซึ่งอาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ ความแตกต่างทำให้เกิดการพัฒนาและก็ทำให้เกิดความขัดแย้งได้เช่นกัน อาจจะขึ้นกับจิตใจเราว่ารับได้ไหม เข้าใจไหม แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าเราจะพยายามดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เราก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่มีการเลือกสรรค์ของมัน เราเป็นเพียงจุดเล็กในจักรวาล ซึ่งอาจจะไม่มีความหมายหรือมีความหมายก็ได้ หากเราให้ความสำคัญกับตัวเรากับคนรอบๆ จุดเล็กก็จะใหญ่ขึ้นและสำคัญขึ้นมา ความแตกต่างก็เป็นแค่เอกลักษ์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็เท่านั้น
อ๊ายยยยยยยยย  :z3: ฉันพิมพ์อะไรลงไป


ฉากไหน/ตัวละคร/เหตุการณ์ใด ในเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ทำให้คุณชื่นชอบนิยายเรื่องนี้ หรือฉากใดที่ประทับใจมากที่สุดพร้อมเหตุผลว่าทำไมถึงเป็น ฉากนั้น/ตัวละครนั้น/เหตุการณ์นั้นๆถึงประทับใจคุณ
สารภาพเลย ชอบป้องมากกกกกกกกก ชอบทุกตอนที่ป้องออก อยากให้ป้องเป็นพระเอก แต่แตกต่างทำร้ายฉัน
ปล่อยให้เกียร์มันกดป้องโดยไม่ใยดี ฮือออออออออ  :hao5:
แต่ฉากที่ชอบที่สุดนั้นคงไม่พ้นฉากตอนที่ป้องกอดปลอบเกียร์ แล้วเกียร์เริ่มจะยอมรับป้อง ว่าได้ป้องเป็นพี่ชายก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่
(แล้วทำไมแกถึงกดพี่ชายล่ะเกียร์ อ๊ายยยยยยยยย  :z3: :z3:)
มันเป็นตอนแรกที่ทำให้เราหลงเสน่ห์ปกป้องอย่างจริงจัง และตั้งใจจะเชียร์ให้ป้องเป็นเมะให้ได้
สถานการณ์สั้นๆนี้ทำให้เราได้รับรู้ว่าปกป้องคนนี้เป็นคนอบอุ่นขนาดไหน น่าเป็นแฟนด้วยขนาดไหน จนแทบจะจับกระชากอิเกียร์ออกจากเรื่องเพราะอยากได้ผู้ชายนิสัยแบบนี้ พอหลายๆตอนฟินๆรวมกันทำให้รักผู้ชายคนนี้มาก
ยิ่งตอนใส่ชุดเป็นก๊อตซิป้องล่ะก็นะ อ๊ายยยยยยยย  :z3: รู้สึกว่ามันน่ารักจนอยากเอาหัวโขกผนังสิบแปดรอบ
ความจริงฉากที่จะทำให้ฉันปลื้มปิติได้มากที่สุดคือฉากที่ป้องได้กดเกียร์และกลายเป็นพระเอกถาวร  :haun5: :haun5: #โดนตบ  :beat:


ปอลิง: สั่งจองไปแล้วนะ
ปอลิ่ง: หนังสือหนาจัง กลัวแหก อย่าให้แหกนะแตกต่าง

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
พึ่งได้ตามมาอ่านจ้า ชอบเรื่องนี้ในหลายๆจุด ชอบตรงที่เนื้อเรื่องไม่ได้นิยายจ๋าเกินไป

ชอบที่ความรักค่อยๆเกิดขึ้น

ชอบที่ใช้เวลาในการสร้างความรู้สึก

ส่วนตัวคิดว่า ผู้แต่งน่าจะแต่งแนวแฟนตาซีได้ดีทีเดียวนะ ดูจากช่วงที่เขียนเรื่องโรงเรียน แหวน

ถ้าเพิ่มเรื่องตรงนี้เข้าไปจัดเป็นแฟนตาซีเบาๆสักเรื่องได้เลยทีเดียว น่าสนุกค่า

ปล. ติดตามเรื่องใหม่ต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
คุณคิดว่าทำไมผู้คนถึงต่างกัน แล้วต่างกันนี้มันดีไม่ดียังไง
-เพราะคนไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ผลิตออกมาจากโรงงานยังไงล่ะ ถึงได้มีความแตกต่างกัน เพื่อมาเติมเต็มกันและกัน ถ้าพระเจ้าสร้างคนทุกคนให้เหมือนกันหมด โลกนี้คงพิลึกมากมาย เพราะทุกคนจะมีทั้งสีหน้าและแววตาที่เหมือนกัน จิตใจเราก็คงตายด้าน ไม่รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่แตกต่างจากเรา เราว่ามันดีนะ ความแตกต่าง เพราะ แตกต่างเพื่อเติมเต็มกันและกัน แตกต่างเพื่อกระตุ้นให้หัวใจความรู้สึกทำงาน มันสร้างความสุขอ่ะ นึกถึงคำที่มีคนเลยบอกเลยว่า แตกต่างที่ลงตัว อะไรแบบนี้เลยล่ะ




-ฉากไหน/ตัวละคร/เหตุการณ์ใด ในเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ทำให้คุณชื่นชอบนิยายเรื่องนี้ หรือฉากใดที่ประทับใจมากที่สุดพร้อมเหตุผลว่าทำไมถึงเป็น ฉากนั้น/ตัวละครนั้น/เหตุการณ์นั้นๆถึงประทับใจคุณ
-ชอบทุกฉากนะจริงๆแล้ว แต่ที่ประทับใจที่สุดก็คงเป็นฉากจบนั่นล่ะ ที่ในที่สุดพ่อก็ยอมรับตัวตนของเกียร์ ยอมรับว่า สิ่งที่เกียร์เป็นถึงแม้มันจะไม่ใช้่สิ่งที่สังคมส่วนใหญ่ยอมรับแต่มันไม่ใช่สิ่งที่ผิด สุดท้ายความสุขของลูกต้องมาก่อนเรื่องอื่น เราชอบมากนะ คือ เหมือนตามดูการเติบโตและการแก้ปัญหาของเกียร์ด้วยไง โล่งอกมากตอนที่พี่ขวัญมาช่วยพูด ให้พ่อเข้าใจ  ชอบที่พ่อบอกว่า เราจะไปรับครอบครัวเรากลับ อะไรทำนองเนี่ย อ่านแล้วแบบ รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีเลย  ชอบเรื่องนี้มากกก ในเรื่องนี้ชอบป้องอ่ะ คือ ชื่อนี่แสดงตัวตนเลยนะ เรียนเก่ง หัวดี คอยปกป้องเกียร์ แต่ดันกลายเป็นโดนกดซะได้ ตอนแรกนี่กะเลยนะว่ายังๆเกียร์ไม่รอดแน่ ดันพลิกโผ หนูป้องเราเลยโดนกดซะเลย หนุ่มน้อยผู้หลงไหลปลา เราว่า ป้องเป็นตัวละครที่เราอยากได้เป็นน้องชายอ่ะ คงฟินดี #อัลลไลลล

ออฟไลน์ YYY

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
สนุกมากค่ะขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องที่อ่านแล้วประทับใจ
ขอบคุณค่ะ 

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
ทุกคนนนนนน แจ้งข่าวนะครับ ตอนพิเศษตอนแรกจะลงพรุ่งนี้เด๊อ !!!!

Ps. เปิดจองหนังสือแล้วนะครับ  :ling1:  อย่าลืมสั้งจองกันน่า ถ้าอยากได้น้องๆไปกอดไว้ในรูปแบบหนังสือ

Ps.2 ในเล่มมีเซอร์ไพร์แน่นอนครับ  :katai5: คิคิ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
วันใหม่แล้วนะ อิอิ  :katai5:

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
อัพเดทล่าสุดนะครับ หลังจากได้ลองปรึกษากับทางโรงพิมพ์และรุ่นพี่หลายๆคนที่เคยทำหนังสือแล้วต่างจึงตัดสินใจลดขนาดตัวหนังสือลงหนึ่งพอยท์ ปรากฏว่าพื้นที่ว่างเหลื่ออีกบานตะไทเลยที่เดี่ยว !!!! แน่นอนว่าตอนพิเศษที่จะแถมให้ยังคงจุใจเหมือนเดิม

พร้อมNCที่ใครหลายๆคนอยากอ่าน....

ถ้าป้องเมะ.... มันจะเป็นยังไงนะ ?

สรุปคือ ตอนนี้หนังสือลดจำนวนหน้าลง(จากการหายบ๊องของคนจัดทำ) จึงทำให้ราคาหนังสือถูกลงไปด้วย


รวมแล้วราคาหนังสือเหลือเพียง 600บาทครับ จัดส่งฟรี !!!!แบบลงทะเบียนครับ 


สำคัญสุดคือ อาจจะไม่มีการรีปริ้นอีกแล้ว จึงอยากให้เพื่อนๆที่สนใจ จับจองกันได้นะครับ

Ps. ขออนุญาตผิดคำพูดนิดๆเรื่องตอนพิเศษ เนื่องจากวันนี้มีควิชแบบมิได้นัดหมาย T  T ขอให้ต่างออกจากห้องสอบก่อนนะครับ แล้วเดียวจะดูว่าพอลงได้ไหม ขอโทษจริงๆนะครับ  :z3: :z3: :z3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2014 19:41:26 โดย ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ »

ออฟไลน์ boworange

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-0
 :กอด1:  สนุกมากๆคะ ขอบคุณคนเขียนที่แต่งนิยายที่สนุกๆแบบนี้มาให้อ่าน  อ่านไปยิ้มไป หวานๆ นัวๆ    :pig4:

ออฟไลน์ ฟาเรนไฮ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
 :a5: :hao7:
โฮกกกกก!! จบแล้ว อ่านแบบรวดเดียวจบ

น้ำตาแทบแตกสงสารปกป้องกับก้องเกียรติ์ :z3: :sad4:

ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆให้อ่าน เป็นกำลังใจให้คนเขียน  :L2:

เขียนนิยายสนุกๆแบบนี้ให้เราอ่านต่อไป สู้ๆ :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย รอนานไหม ? ในที่สุดหน้าปกก็เสร็จสิ้นแล้วนะครับ  ขอขอบคุณนายแบบ(?)ใจดีท่านสองท่าน สัญญาตรงนี้เลยว่าถ้ายอดทะลุเป้าจะพาด้านหน้ามาเซอร์วิส 5555  -//////- 

<img src="http://เวปมีไวรัส/images/2014/09/20/159rG7Eu.jpg" alt="159rG7Eu.jpg" border="0" />


ขยายรูปยังไงอ๊ะ ทำได้แค่นี้ สนใจดูรูปใหญ่ๆเชิญที่เพจได้นะครับ >M<

https://www.facebook.com/PokpongGonggend


อย่าลืมสั่ง จอง โอนเงิน กันนะครับทุกคน >///////////////<  น้องๆรอให้จับจองกันอยู่นะครับ   :mew1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-09-2014 09:20:16 โดย ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ »

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
ตอนพิเศษ  เรื่องราวต่อจากนั้น... [1]


“ผมดีใจที่ได้เข้าศึกษาในที่แห่งนี้ ที่ซึ่งมีเกียรติ์และศักดิ์ศรี ที่ๆซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผม ถ้าหาก..... ”

เสียงร่ายยาวของไอ้ป้องดังขึ้นจากด้านหน้าผมก่อนผมจะยืนสัปหงกไปเรื่อยๆ

 อ่า...แอร์ในหอประชุมเย็นจริงๆด้วยแหะ แล้วไอ้อู๋จะสกิดอะไรหนักหนาวะ คนจะ(ยืน)หลับจะนอน

“นาย ก้องเกียรติ์  ออกไปพูดเดี่ยวนี้!!!”

ผมสะดุ้งตัวพรวดก่อนจะก้าวออกมาข้างหน้าตามคำสั่ง ชิบ...มิสอร่ามศรี...มาตั้งแต่ตอนไหนวะ พอหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทตัว
เองไอ้อู๋ขยับปากอ่านได้ว่า ‘กูปลุกมึงแล้ว ไอ้สัส’ ผมแอบชูนิ้วกลางเมื่อเห็นรอยยิ้มขบขันจากมัน ไอ้เวร นี้จงใจแกล้งกูสินะ

“พูดสุทรพจย์จบให้เพื่อนๆฟังเดี่ยวนี้ !!!”

มิสอร่ามศรีสั่ง ก่อนจะผายมือให้ผมเดินไป แน่ล่ะว่าผมทำอะไรไมได้หรอกนอกจากจะเดินไปตามคำสั่งที่ว่า ไอ้ป้องเองแค่ขมวดคิ้วนิดหน่อยตอนที่เห็นผมเดินมา ก่อนมันจะยิ้มขำให้อีกคน..... ดูสิครับขนาดแฟนยังยิ้มขำผมอ๊ะ

“เออ....”

ผมพูดค้างก่อนจะกวาดตามองเพื่อนๆร่วมสายชั้นสี่ร้อยกว่าคน หลายๆคนเองผมก็รู้จัก บางคนแม้ไม่ได้เรียกห้องเดี่ยวกันแต่ก็เคยเดินสวนกัน ทุกๆคนอาจจะจำกันได้ไม่หมดแต่ก็รู้ว่าพวกเราเป็นพื่อนกัน

“ก่อนอื่น..ขอบอกก่อนว่าผมด้นสดเพราะโดนผลักมา...โอเคนะ”

คำพูดของผมเรียกเสียงหัวเราะให้เหล่าทโมนในห้องประชุมได้ไม่น้อย  มิสอร่ามศรีค้อนขวับมาให้ผม  ส่วนไอ้ป้องแอบหยิกต้นแขนผมเบาๆหลังไมค์โทษฐานที่เล่นกระทั้งวันจบการศึกษา

อ่า...ฟังไม่ผิดหรอกครับ

ผมกับมัน(รวมทั้งไอ้พวกทโมนทั้งหลาย)ทุกคนเรียนจบกันด้วยจริงๆแหะ.....

“ผมก็...ไม่รู้จะพูดยังไงดี.....”

ผมว่าต่อ ก่อนจะกวาดตาไปรอบๆห้องประชุม

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่นี้เป็นเหมือนบ้าน  เหมือนที่ๆหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกสุขใจทุกครั้งที่ได้อยู่  ผมได้เจอเพื่อน ไอ้เจออาจารย์ที่ดี ไอ้รับสิ่งที่ดีๆมากมายจากการศึกษาตลอดระยะเวลาหกปีที่ผ่านมา.....”

“ยิ่งผมโดนบังคับ...โอเค สมยอมเป็นเลขาธิการสภานักเรียนผมถึงได้รู้ว่าแฟนผมทำงานหนักมากขนาดไหน..โอ๊ย  ป้องหยิกเกียร์ทำไมเนี้ย....โทษนะครับถึงไหนแล้วนะ...อ้อ”

ไอ้ป้องคาดโทษผมไว้ ก่อนมันจะฟังผมพูดต่อ

“ขอบคุณครับ......”

“ขอบคุณเพลินจิตวิทยา บ้านที่ทำให้ผมได้พบกับเพื่อน.....ขอบคุณมิสและบราเดอร์ทุกท่านที่เหนื่อยกับไอ้พวกทโมนอย่างพวกผม ขอบคุณคุณพ่อและคุณแม่ที่คอยเป็นกำลังใจให้มาตลอดจนถึงตอนนี้ ผมเองก็ยังงงๆเลยว่าตัวเองจบการศึกษาได้ยังไง ฮ่าๆ...โอ๊ย ป้องบอกว่ากอย่าหยิก”

ประโยคหลังผมลดเสียงพูดกับมัน ไอ้ป้องตวัดตามองผมอีกครั้งก่อนหน้ามันจะแปลความหมายได้ว่า ‘เลิกเล่น’

“โอเค...สุดท้ายนี้ผมอยากจะฝากเอาไว้”

“ไม่ว่าเราทุกคนจะเป็นยังไง ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นแบบไหน เราทุกคนยังเป็นเพื่อนกัน....ผมสีญญาว่าถ้ามีโอกาสจะมาออกแบบภายในให้กับรุ่นน้องๆแน่นอน ฮ่าๆ ถ้าผมติดมหาลัยที่สมัครนะน่ะ”

เสียงโห่ฮาดังขึ้นจากด้านล่างอีกครั้ง ผมกับพวกคณะกรรมนักเรียนชุดนี้ทั้งหมดโค้งตัวพร้อมกัน ก่อนจะเอ่ยคำว่า ‘ขอบคุณ’ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไรอีกดีเพราะทุกอย่างเราทุกคนล้วนรับรู้กันด้วยใจแล้วนั้นเอง พวกเพื่อนผมทั้งหมดช่วยกันร้องเพลงมาร์ชของโรงเรียนเพลินจิตวิทยา ก่อนต่างคนจะต่างแยกย้ายกันไปให้เหล่ามิสและบราเดอร์ผูกข้อมือให้เป็นของขวัญวันจากลา

“จบจนได้เนาะ.....”

ผมพูดขึ้นเรียบๆหลังเราทั้งคู่ไปให้เซนเซผูกข้อมือให้เสร็จแล้ว

“แต่กว่าจะจบได้...เล่นเอาเหงื่อตกเลย...”

จริงอย่างที่ไอ้ป้องมันว่า ตลอดเวลาหนึ่งปีที่มันเป็นประธานนักเรียน มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายจริงๆ ทั้งตอนที่สาขาสองถูกไฟไหม้จนต้องมาเรียนกับพวกผมสักพักใหญ่ๆ หรือกระทั้งการที่โรงเรียนยกพวกตีกัน แน่นอนว่าพวกมือปราบยังทำงานได้ดีเสมอต้น
เสมอปลาย  ผมเองก็สอบติดรับตรงไปได้ด้วยดี ส่วนไอ้ป้อง....

....มีจดหมายเชิญเข้ามหาวิทยาลัย พร้อมทุนการศึกษาเรียนฟรีสี่ปี

ให้ตายเหอะ โคตรลำเอียง....

“ไม่ดีเลยวะ แบบนี้แปลว่าช่วงที่ต้องไปเรียนกูกับมึงก็ต้องห่างกันอ๊ะดิ”

ผมว่า เพราะตัวเองดันทะลึ่งติดจังหวัดที่เป็นบ้านเกิดของไอ้ป้องมัน...ครับ ผมติดมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่นี้ล่ะครับ ส่วนไอ้ป้องมันดันได้ทุนจากม.แห่งหนึ่งที่จังหวัดปทุมธานี เล่นเอาผมเซ็งเลย จะย้ายไปก็ดันไม่มีสาขาที่ผมต้องการจะเรียนอีก ไอ้ป้องเองก็ติดสัญญาค่ายเพลงทำให้ต้องเรียนที่นั้น

“เป็นไร ทำหน้าเศร้าอีกแหละ...กรุงเทพ-เชียงใหม่ ไม่ได้ไกลขนาดนั้นสักหน่อย บินแปปๆก็ถึง”

มันว่าพลางดึงมือผมเอาไว้

“ไม่ไกล...แต่กลัวคนใกล้ทำให้ใจเปลี่ยน”

“ไม่ไหว”

“.......”

“เปลี่ยนไม่ไหวหรอก .... รักมากขนาดนี้”

มันว่าก่อนจะส่งรอยยิ้มซื่อๆให้ผม

“พูดงี้ไม่อยากนอนใช่ไหม ?”

“จะไม่รักก็แบบนี้แหละ หื่นตลอดกาล”

“พูดเล่นนะ คืนนี้ต้องไปกินเลี้ยงจบไม่ใช่เหรอ ?”

“เออวะ”

ไอ้ป้องทำหน้าเหมือนเพิ่งคิดได้  นี้หมายความว่ามึงไมได้ดูเอกสารที่กูส่งไปให้เซ็นเลยสินะ แต่ถ้าผมเป็นมันผมเองก็คงได้แต่
เซ็นเพราะมันเยอะจริงๆทำให้อดนึกไม่ได้ว่าไอ้พี่กาเซียร์มันทำได้ยังไงถึงจบออกไปพร้อมเกรดสวยๆแบบนั้น  ก็ขนาดไอ้ป้องเกรดยังลดเลยอ๊ะครับ!!! (ส่วนผมแค่สามกว่าๆก็คางเหลืองแล้วครับT T )

“เกียร์”

“ห๊ะ ?”

“ไปตึกห้าชั้นสองกัน...”

มันพูดจบก็ไม่รอฟังคำตอบหรอกครับ เดินลิ่วไปนู้น จะทำยังไงล่ะครับก็ตามไปสิ ผมกับไอ้ป้องเดินลัดเลาะสนามยงยุทธก่อนจะเดินมาถึงอาคารห้า จริงๆผมรู้อยู่แล้วล่ะว่ามันอยากขึ้นมาบนนี้ทำไม

“ไม่น่าเชื่อเลยเนาะ....เรื่องของพวกเราเนี้ย.....”

มันเริ่มพูดขึ้นก่อน

“อื้ม...ก็จริงๆนั้นแหละ ไม่คิดเหมือนกัน....ว่าจะรักได้ขนาดนี้”

“ไปเชียงใหม่จะเป็นยังไงบ้างเนี้ย.....”

“ก็จะรักเหมือนเดิมนั้นแหละ...”

ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่หวง...มันเองก็ห่วงผมเหมือนกันนั้นแหละ

“ถ้าเรามีเวลาหนึ่งวันเราจะได้เจอกัน ถ้าเรามีเวลาหนึ่งชั่วโมงเราจะได้สไกด์คุยกัน ถ้าเรามีเวลาหนึ่งนาทีเราจะโทร.หากัน สัญญา
นะ......”

นิ้วก้อยยาวถูกส่งมาให้กับผม ก่อนมันจะคลี่ยิ้มออกมา ผมยิ้มตอบรับก่อนจะยืนนิ้วก้อยไปเกี่ยวไว้

“ตลอดไป.... เกียร์สัญญาว่าจะตั้งใจเรียน แล้วจะรีบสร้างบ้านไวๆ”

ผมกอดอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นแค่การจากลาช่วงสั้นๆ เรายังไปมาหากันได้เสมอทุกครั้งที่คิดถึงกัน แต่เพราะความไกลไม่ใช่รึยังไงที่ทำให้ใครหลายคนเลิกราจากกัน ผมไม่อยากเลิกกับไอ้ป้องและไม่เคยแม้แต่จะคิด แน่นอนว่ามันเองก็คงคิดแบบเดี่ยวกับผมนั้นแหละ แต่เราทั้งคู่เองก็โตมากพอที่จะแยกแยะความรู้สึกส่วนตัวและหน้าที่ออกไปได้ จริงอยู่ที่ว่า
เรื่องครั้งนี้มันไม่ได้หนักหนาอะไรนัก เราแค่แยกย้ายกันไปเรียน

แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง เรื่องที่ทำให้เราแยกกัน ถ้าหากว่ามัน...เป็นความฝันของใครคนหนึ่ง

......ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าจะต้องทำยังไงต่อไป

หลังจากวันนั้นผมกับไอ้ป้องใช้ช่วงระยะเวลาสามเดือนที่เหลืออยู่ในกรุงเทพฯทำสิ่งที่อยากจะทำด้วยกัน  ผมพามันออกงานสเกตบอร์ดถี่ขึ้นมาก  มันเองก็พาผมไปนู้นไปนี้บ่อยๆ  เราทั้งคู่ยังไปเยี่ยมน้องร่าเริงเป็นประจำ และทุกๆครั้งที่ไปก็จะเจอพี่หมอที่มา
เยี่ยมเหมือนๆกัน

พี่หมอบอกผมกับไอ้ป้องว่า พี่เขาไม่ได้เลือกที่จะจมกับอดีต

เขาแค่เลือกที่จะไม่ลืม.....

วันเวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำ ระยะเวลาสามเดือนของเราหมดลงไป ผมนั่งมองพวงกุญแจรูปปลาตัวโตๆที่ใครคนหนึ่งซื้อให้เป็นเครื่องรางบนรถไฟ วิวสองข้างทางไม่ได้ชวนให้ผมรู้สึกอยากมองเท่าไหร่เลย จริงอยู่ที่เชียงใหม่อากาศมันก็ดี แต่มันจะดีกว่านั้นถ้าหากมีคนๆนั้นข้างๆกัน

ให้ตายเหอะ ผมติดมันมากจริงๆนั้นแหละ

แล้วป่านี้มันจะเป็นยังไงนะ ? มันจะคิดถึงผมแบบที่ผมคิดถึงมันรึเปล่า ? แล้วที่มหาวิทยาลัยของมันจะมีการรับน้องแบบไหน ไอ้ป้องจะเข้ากับคนที่คณะนั้นได้ไหม ? มันจะยังมีเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษามันใช่ไหมนะ ?

ผมครุ่นคิดไปเรื่อยๆ วิวสองข้างทางก็ค่อยๆเปลี่ยนไป รู้สึกตัวอีกที่มือถือก็สั่นเป็นสัญญาณว่ามีใครส่งไลน์มา ผมหยิบขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอก่อนจะสไลด์ดูข้อความที่ส่งมา

‘ปกป้อง  : วันนี้รับน้องหนุกมาก’

ไอ้ป้องส่งข้อความสั้นๆ พร้อมรูปมันในชุดนิสิตชายที่โดนมันจุก รอบๆตาโดนเขียนด้วยลิปสติกสีแดง รวมๆแล้วทั้งหน้าใช้คำว่าเละก็คงยังไม่พอแบล็กกราวด้านหลังคือเพื่อนผู้ชายสามสี่คน  ผมหลุดขำทันทีที่เห็นภาพดังกล่าวก่อนจะยิ้มร่าตอบกลับมันไป

‘ไว้ถึงเชียงใหม่แล้วจะส่งรูปให้ดูอีกรอบ’

ผมกดส่งภาพตัวเองจุ๊บพวงกุญแจรูปปลาส่งกลับไปให้มัน ข้อความของผมขึ้นว่า ‘seen’ เป็นว่าอีกฝ่ายได้อ่านข้อความของผมเรียบร้อยแล้ว มันกดส่งสติกเกอร์ยกนิ้วโป้งข้างหนึ่งขึ้น ก่อนจะเงียบหายไป ผมยิ้มให้กับตัวเองหน่อยๆ

จริงสินะ.....ไอ้ป้องเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว มันเองก็มีเพื่อนเยอะแยะ

 นับว่าเราทั้งคู่ เปลี่ยนแปลงขึ้นจากเดิมมากจริงๆ.....

ผมพิงผนังรถไฟก่อนจะค่อยๆหลับตาลงไป หวนคิดถึงหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่ทำให้เรามีเราในวันนี้ สี่ปีกับอนาคตที่กำลังจะสร้างมันขึ้นมา ผมปรารถนาให้มันเป็นไปได้ดั่งใจเหลือเกิน.....





__________________________________________________________________________________





“และนี้คือกองทัพคาราวานแฟนคลับที่มาคอยคิวซื่อบัตรคอนเสิร์ตนะค่ะ เดียวเราเข้าไปถามพวกเขากันดีกว่าว่ามาจากที่ไหนกันบ้าง”

นักข่าวสาวในทีวีพูดขึ้นก่อนจะยื่นไมค์ไปให้เหล่าแฟนคลับที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเข้าแถวพูดออกอากาศ

“มาจากที่ไหนกันบ้างค่ะ ?”

“น่านค่ะแล้วก็เพื่อนอีกสองคนมาจากแพร่ นั่งๆรถกันมาค่ะ”

สาวน้อยคนนั้นตอบยิ้มๆ ก่อนจะพากันบิดเขินอายเมื่อกล้องฉายไปที่เสื้อของหล่อนซึ่งเป็นรูปของศิลปินชื่อดังเจ้าของบัตรคอนเสิร์ตในวันนี้

“เป็นแฟนคลับ ‘อามัว’ มานานรึยังค่ะเนี้ย ?”

หล่อนพูดต่อก่อนจะยื่นไมค์ให้อีกครั้งหนึ่ง เด็กสาวทั้งกลุ่มบิดไปบิดมาก่อนจะตอบด้วยท่าที่เหนียมอาย

“นานแล้วค่ะพี่ ตั้งแต่สมัยที่อามัวยังไม่เปิดเผยตัวตนค่ะ จนถึงตอนนี้ก็เกือบๆห้าหกปีแล้วที่ติดตามผลงานมา พี่เขาน่ารักค่ะ แล้วก็...ยังโสด”

คำพูดนั้นเรียกเสียงกรี๊ดได้จากทั้งกลุ่มพ้องเพื่อนและคนที่อยู่ใกล้เคียง นักข่าวสาวอมยิ้มก่อนจะถามต่อ

“ถ้าบอกถึงอามัวได้ถึงอย่างจะบอกว่าอะไรค่ะ ?”

หล่อนทำท่านึก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงกระดี๊กระด๊า..จนผมเริ่มหมั้นไส้

“อยากจะบอกพี่อามัวว่า หนูไปคอนฯพี่ทุกครั้งเลย ก็ถ้าไม่มีปัญหาอะไร....หนูขอเป็นแฟนคลับวีไอพีได้ไห....”

‘พรึ่บ’

ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคผมก็กดรีโมทในมือให้ดับลงก่อนจะยกขามาพาดไว้กับโต๊ะแก้วที่ไว้วางของด้านหน้า ให้ตายเหอะ รู้สึกไม่สบอารมณ์ชะมัด....

ยังโสด...

ใช่ ....นั้นคือสถานะไอ้ป้อง ‘ของผม’ที่คนอื่นรับรู้ แน่ล่ะ ก็ศิลปินที่มีแฟนแล้วกับศิลปินที่ยังไม่มีแฟน ดีกรีความนิยมมันต่างกัน
คนละเรื่องนิครับ ผมเองก็โตมากพอแล้วที่จะเป็นผู้ใหญ่รับฟังเหตุผลจากไอ้ป้องมัน ซึ่งหลายๆครั้งมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่ผมไม่ชอบที่ใครเข้ามาเกาะแกะกับมัน ยิ่งหลังมันเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งเสือสิงกระทิงแรดแทบจะวิ่งถลาเข้าใส่มัน จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่ผมไปเยี่ยมไอ้ป้องที่หอผมต้องช่วยมันจากการจะโดนผู้หญิงข่มขืนด้วยซ้ำ ดีว่าสิ่งที่เราเคยพูดกันว่าช่วยทำให้อุ่นใจเราทั้งคู่

ถ้าเรามีเวลาหนึ่งวันเราจะได้เจอกัน

ถ้าเรามีเวลาหนึ่งชั่วโมงเราจะได้สไกด์คุยกัน

ถ้าเรามีเวลาหนึ่งนาทีเราจะโทร.หากัน

เราทั้งคู่ทำตามสิ่งที่ได้พูดไว้จริงๆ

เพราะงั้น....ความสัมพันธ์ของผมกับไอ้ป้องเลยเป็นเหมือนเดิมเสมอม......

ไม่ใช่แค่แฟนแต่มันคือคนรัก คนที่พร้อมจะอยู่ด้วยกันไปอีกนานแสนนาน พ่อกับแม่เองก็ยินยอมตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นในครั้งนั้น  จะว่าไปแล้วก็คิดถึงไอ้พวกนั้นแหะต่างคนต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง  ถึงจะไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันเหมือนตอนเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่ทั้งผม ไอ้เฟรม และไอ้อู๋ ร่วมทั้งเพื่อนๆของไอ้ป้องก็ยังนัดเจอกันบ่อยๆ จะมีก็แต่สีเทียนที่ไม่ค่อยได้เจอ

ผมคิดว่านั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของสีเทียนนะ....

เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นของทุกคู่ใช่ว่าจะลงเอยเสมอไป สุดท้ายแล้วหนมปังก็ตัดสินใจยุติเรื่องราวทุกอย่างด้วยการหนีไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นและตัดการติดต่อสื่อสารทุกอย่างกับสีเทียน  ผมเหมือนเห็นตัวเองตอนช่วงที่ไอ้ป้องหายไปจากสีเทียน สิ่งที่เหมือนกันมากที่สุดคือหมอนั้นยังรอ ....

รอสักวันที่หนมปังจะให้อภัย....และกลับมาคืนดีกันอีกครั้งหนึ่ง

คล้ายๆเหมือนเพลงที่ผมเคยเขียนให้ไอ้ป้อง เรื่องราวชีวิตยังคงเดินต่อไปจริงๆ ตอนนี้ทั้งผมและไอ้ป้องเองก็อายุขึ้นหลักสองกันมานานแล้ว(ผมยังไม่แก่นะครับแค่โตขึ้นเฉยๆ....) เราทั้งคู่จบมหาวิทยาลัยในปีการศึกษาเดียวกัน ก่อนไอ้ป้องจะโหมงานสร้างอนาคตเต็มตัว

และผมเอง....ที่ก็ทำงานมาได้นานแล้ว

หลังจากจบด้านการออกแบบภายในหรือมัณฑนากร ผมเริ่มต้นจากศูนย์ด้วยการเข้าทำงานกับบริษัทเก่าของพ่อ ออกแบบห้องประชุม ห้องรับรองจากความคิดสร้างสรรค์หลายๆแบบ สำหรับตัวผมเองแล้วก็ต้องยอมรับว่าการทำอาชีพมัณฑนากรเป็นงานที่สนุก ท้าทาย และได้สร้างสรรค์สิ่งสวยงาม  ทำให้คนมีความสุข  แต่งานที่สนุกของผมเองก็ไม่ได้เป็นงานที่สบาย  ไม่ได้นั่งขีดเขียนออกแบบอยู่กับโต๊ะเหมือนที่หลายคนเข้าใจ  แถมยังต้องเสี่ยงต่อการโดนช่างหนีงาน   โดนลูกค้าเบี้ยว ไม่จ่ายเงิน   และอันตรายต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้เวลาลงพื้นที่หน้างาน  สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ที่ร่ำเรียนมาทางด้านการออกแบบและตกแต่งภายในผันตัวเองจากการทำอาชีพมัณฑนากรไปประกอบอาชีพอื่นก็มีมาก  แต่ก็มีเพื่อนร่วมอาชีพอีกมากมายที่ยังทำงานกันด้วยใจรัก  และสิ่งสำคัญที่จะทำให้งานดำเนินลุล่วงตามเป้าหมายก็คือความซื่อสัตย์  อดทน  และคิดถึงใจเขาใจเรา นั้นเป็นสิ่งที่ผมยึดถือเสมอมา

ไอ้ป้องเองก็ทำงานหนักไม่ต่างจากผมเลย นักร้องแบบมันต้องเดินสายโปรโมทอยู่แทบจะตลอดเวลา เวลากินเวลานอนไม่เคยมีหรอกครับ มีแค่ทำงานเสร็จก็ได้นอน ทำไม่เสร็จก็อดนอน

แต่ถึงจะยุ่งขนาดไหน มันก็มันจะหาเวลามาหาผมอยู่เสมอๆ

เหมือนวันนี้....

“ทำไรอยู่ครับ...หื้ม.... ?”

เสียงนุ่มๆดังขึ้นข้างหูผม ก่อนแขนคู่หนึ่งจะกอดมาจากด้านหลัง

“เรื่อยเปื่อย...วันนี้คุณกลับบ้านไวจัง”

เพราะสรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้อีกฝ่ายจับสังเกตได้ ไอ้ป้องส่ายหัวน้อยๆคล้ายจะชินกับนิสัยของผมแล้วล่ะที่เป็นแบบนี้  มัน
เลือนตัวมาข้างหน้าก่อนจะนั่งซ้อนทับผมพร้อมกอดผมเอาไว้

“งอนอะไรป้องอีกเนี้ย”

“เปล่า”

“ให้ตาย....เรื่องน้องผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม ?”

“..........”

“เงียบแบบนี้แปลว่าใช่ ?”

“ก็...นิดหน่อย”


มันถอนกอดก่อนจะมองหน้าผม

“อะไรหว่า อยู่ด้วยกันมาเกือบๆจะขึ้นเลขสองหลักแล้ว ยังคิดว่าจะชอบคนอื่นได้อีกเหรอครับ ? หื้ม ?”

ไอ้ป้องพูดต่อ ก่อนสันจมูกจะกดลงบนแก้มของผม ตั้งแต่เรื่องงานวันเกิดเมื่อคราวก่อนนี้รู้สึกผมจะเสียเปรียบขึ้นเยอะแหะ

ก็วันนั้นผมเมานี้ครับแล้วใครจะไปคิดว่าคนที่อยู่ข้างล่างมาตลอดจะอยากอยู่ข้างบนบ้างแบบมัน....โอเค ผมจะไม่เล่าไปมากกว่านี้(บอกตรงๆว่าอายเข้าใจความรู้สึกมันตอนครั้งแรกชะมัด..!!!!) เอาเป็นว่าตอนนี้ทั้งผมและมันเสมอกันในทุกเรื่องนั้นแหละครับ [ติดตามต่อได้ในต่อ งานวัดเกิดของป้อง... ครั้งแรกของการทำประตู]

“เอาไว้ว่างๆจะเปิดตัวกับสื่อ”

มันพูดหยอก

“ให้มันจริงเถอะ”

“จริงๆครับ”

ไอ้ป้องพูด ก่อนจะเอาหัวทรงรากไทรถูหน้าอกผมไปมา ผมใช้สองมือขยี้เส้นหัวมันแรงๆจนโดนวงค้อนโตๆขวับเข้าให้ ก่อนเราทั้ง
คู่จะหัวเราะออกมาด้วยความสุข

โดยที่ผมก็ไม่รู้เลยว่า

ความสุข....มันมีสองด้านเสมอ....

อะไรที่ทำให้เราสุขได้

มันก็ทำให้เราทุกข์จนแทบขาดใจตายได้เช่นเดี่ยวกัน.....




TBC.


เรื่องราวทุกอย่าง มันยังไม่ได้จบลงมันกำลังเดินไปตามทางของมันครับ   :กอด1:

สนใจสั่งจอง จิ้มๆ  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43584.msg2812998#msg2812998

Ps. อัพเดทรายชื่อคนจองหนังสือและคนที่โอนเงินมาเรียบร้อยแล้วนะครับ  :pig4:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2015 00:39:54 โดย ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ใบโพธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เกียร์น่ารักขึ้นนะ ออร่าฝ่ายรับฟุ้งกระจาย  :hao7:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เปิดตัวเถอะ จะได้มีแฟนคลับสายวายเพิ่มขึ้น อิอิ  :o8:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
กระซิกๆ สุดท้ายเกียร์ก็โดน

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
สนุกมากๆเลย ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ขอบคุณนิยายดีๆนะคะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
สนุกมากเลยครับผม,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ live_evil

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เนื่องในวันพิเศษของผม ที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราเรียกว่าแม่ยอมเจ็บตัวเพื่อให้ผมเกิดมา เพราะงั้นจึงขอแบ่งปันความสุขด้วยการแจก .5 จ้าาาา ซึ่งจุด5ตอนแรกก็ฉากต่อจากด้านบนเลย

หลังไมค์มานะครับ หรือคอมเม้นท์ทิ้งไว้หนอ เดี่ยวไม่เกินเย็นพรุ่งนี้จะเสิร์ฟ.5ไปทางPM.นะครับ สำหรับใครที่ไม่มีไอดีเ้ป็ดสามารถขอได้ผ่านแฟนเพจนะครับ

*** ขอเพิ่มเติมนิดหน่อยนะครับ รบกวนผู้ที่อยากไ้ด้0.5 ช่วยตอบเราหน่อยนะครับ ว่ามีฉากใดที่ประทับใจเป็นพิเศษพร้อมเหตุผลจะสั้นจะยาวก็ได้ครับ จะหน้าไมค์หรือหลังไมค์ตามสะดวกเลย [แก้ไข ณ 22.01น. คนที่ขอมาก่อนนั้นจะส่งให้ตามปกตินะครับ ]



ปล. ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะนุ่มนวลพอไหม ถ้าอ่า่นแล้วยังไงลองคอมเม้นท์ในส่วนนี้ให้ด้วยนะึีครับ เราจะนำไปปรับปรุงในครั้งต่อไปจ้า (ครั้งต่อไป???)

สุขสันต์วันเกิดของผม ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆจ้า   :L2:




ขอ .5 ตอนนี้ทันไหมอ่ะ 55 พึ่งเข้ามาไล่อ่าน หลังจากที่หายไปนาน 555+
ถ้าถามว่าชอบตอนไหน ก็พูดยากนะ แต่ชอบตอนที่เกียร์แอบมองป้องอ่ะ มองทั้งๆที่ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร
มองแล้วก็คอยเป็นห่วงว่าเขากำลังทำอะไร เป็นอะไรหรือป่าว มันอบอุ่นดี 55

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline

แจ้งข่าวสำหรับหนังสือนะครับ


มาถึงตรงนี้แล้ว เอาเป็นว่าขอเรียบเรียงเหตุการณ์ดังนี้แทนนะครับ

1.ต่างเปิดรับจองหนังสือมาประมาณเดือนครึ่ง โดยกำหนดการพิมพ์จริงๆแล้วมันต้องพิมพ์วันที่ 4 พ.ย. 2557 หลังจากปิดยอดล่าสุดแล้ว ณ วันที่1 พ.ย. ซึ่งสรุปแล้วมีคนจองหนังสิอ 25 คน โอนมาแล้ว ณ วันนี้ (4พ.ย.) 17คน อันนี้ต่างเองไม่ซีฯ เท่าไหร่
เท่านั้น เพราะพิมพ์ครั้งหนึ้งต้อง 20เล่ม+ ต่างคิดว่าจะทำอีกสามเล่มไว้เป็นผลงานประดับของตัวเองนี้แหละ

2.ต่างเช็คไฟล์บรู้ฟครั้งสุดท้ายหลังจากกลับมาจากงานวิจัยที่ภูเก็ต ณ  วันที่ 31 ต.ค. 2557 และยังพบว่าน้องไฟล์ในเครื่องโน้ตบุ้คยังอยุ่ดีมีสุข พร้อมที่จะพิมพ์ทันที่หลังจากรวมลิงค์หน้าปกจากรุ่นพี่ที่อาสาทำให้

3.  ณ วันที่ 1 พ.ย. ต่างตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าน้องไฟล์ซึ่งอยู่ในโน้ตบุ้ค...
.....เปิดไม่ติด

เปิดไม่ติดแบบยกเครื่อง...

เปิดไม่ติดแบบยกเครื่อง แบบที่เสียบแล้วไฟช็อต

เปิดไม่ติดแบบยกเครื่อง แบบที่เสียบแล้วไฟช็อต แล้วพอเอาไปซ่อมที่ศูนย์เขาก็บอกว่าซ่อมได้ แต่ข้อมูล = 0




 T T


.....


.
.

.

โอเค ตอนแรกยอมรับเลยว่ายังไม่เครียด เพราะตัวเองทำแบ็กอัพไว้ที่ไดรฟ์เมลล์ แต่พอลองกดเช้คเข้าไปดู กลับกลายเป็นไฟล์
เก่าที่เพิ่งจัดหน้าเสร็จแต่ยังไม่ได้ตรวจคำผิด....

.

มาถึงตรงนี้ต่างจะไม่แก้ตัวนะ มันเป็นความสะเพร่าของต่างเองที่ไม่ยอมทำการอัพเดทแบล็กอัพไว้ดีๆโดยหลงเชื่อแต่เพียงน้องบุ้คว่าจะเอาอยู่ ทำให้กำหนดการณ์ในการตีพิมพ์หนังสือล่าช้ามากยิ่งขึ้น จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าไม่เกิน 2อาทิตย์ของเดือนพ.ย.อาจจะเลือนไปถึงประมาณต้นเดือนธันวาคม หรือเร็วกว่านั้น เพราะตอนนี้ต่างเริ่มนั่งแก้ไฟล์งานใหม่ สิ่งที่ต้องทำให้ตอนนี้จึงมีเพียงแค่การตรวจคำผิดซึ่งตรงนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวต่างเอง



ดังนั้นต่างขอให้ผู้ที่สั่งจองหนังสือไว้แล้วได้โอนเงินมาแล้ว หากท่านใดที่ไม่สามารถรอได้จริงๆ ต่างยินดีโอนเงินคืนให้ครับ T T โดยส่งเมลล์ที่ใช้จองหรือจะรีเมลล์เดิมก็ได้ครับ ยืนความจำนงต์พร้อมเลขที่บัญญีนะครับ ขออภัยจริงๆสำหรับความผิดพลาดครั้งนี้ครับ ส่วนท่านใดที่รอได้ ต่างจะขอโทษด้วยการแถมของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆเป็นการตอบแทนไปพร้อมกับหนังสือนะครับ ขออภัยในความผิดพลาดครั้งนี้จริงๆครับ



ต่างต่าง  :hao5:
ผู้ทำผิดพลาดในการทำหนังสือครั้งแรก


04/11/57

ออฟไลน์ Bear Company

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline


ตอนพิเศษ เรื่องราวต่อจากนั้น... [2]




“ผมดีใจที่ได้เข้าศึกษาในที่แห่งนี้ ที่ซึ่งมีเกียรติ์และศักดิ์ศรี ที่ๆซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผม ถ้าหาก..... ”

เสียงร่ายยาวของไอ้ป้องดังขึ้นจากด้านหน้าผมก่อนผมจะยืนสัปหงกไปเรื่อยๆ

อ่า...แอร์ในหอประชุมเย็นจริงๆด้วยแหะ แล้วไอ้อู๋จะสกิดอะไรหนักหนาวะ คนจะ(ยืน)หลับจะนอน

“นาย ก้องเกียรติ์ ออกไปพูดเดี่ยวนี้!!!”

ผมสะดุ้งตัวพรวดก่อนจะก้าวออกมาข้างหน้าตามคำสั่ง ชิบ...มิสอร่ามศรี...มาตั้งแต่ตอนไหนวะ พอหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทตัวเองไอ้อู๋ขยับปากอ่านได้ว่า ‘กูปลุกมึงแล้ว ไอ้สัส’ ผมแอบชูนิ้วกลางเมื่อเห็นรอยยิ้มขบขันจากมัน ไอ้เวร นี้จงใจแกล้งกูสินะ

“พูดสุทรพจย์จบให้เพื่อนๆฟังเดี่ยวนี้ !!!”

มิสอร่ามศรีสั่ง ก่อนจะผายมือให้ผมเดินไป แน่ล่ะว่าผมทำอะไรไมได้หรอกนอกจากจะเดินไปตามคำสั่งที่ว่า ไอ้ป้องเองแค่ขมวดคิ้วนิดหน่อยตอนที่เห็นผมเดินมา ก่อนมันจะยิ้มขำให้อีกคน..... ดูสิครับขนาดแฟนยังยิ้มขำผมอ๊ะ

“เออ....”

ผมพูดค้างก่อนจะกวาดตามองเพื่อนๆร่วมสายชั้นสี่ร้อยกว่าคน หลายๆคนเองผมก็รู้จัก บางคนแม้ไม่ได้เรียกห้องเดี่ยวกันแต่ก็เคยเดินสวนกัน ทุกๆคนอาจจะจำกันได้ไม่หมดแต่ก็รู้ว่าพวกเราเป็นพื่อนกัน

“ก่อนอื่น..ขอบอกก่อนว่าผมด้นสดเพราะโดนผลักมา...โอเคนะ”

คำพูดของผมเรียกเสียงหัวเราะให้เหล่าทโมนในห้องประชุมได้ไม่น้อย มิสอร่ามศรีค้อนขวับมาให้ผม ส่วนไอ้ป้องแอบหยิกต้นแขนผมเบาๆหลังไมค์โทษฐานที่เล่นกระทั้งวันจบการศึกษา

อ่า...ฟังไม่ผิดหรอกครับ

ผมกับมัน(รวมทั้งไอ้พวกทโมนทั้งหลาย)ทุกคนเรียนจบกันด้วยจริงๆแหะ.....

“ผมก็...ไม่รู้จะพูดยังไงดี.....”

ผมว่าต่อ ก่อนจะกวาดตาไปรอบๆห้องประชุม

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่นี้เป็นเหมือนบ้าน เหมือนที่ๆหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกสุขใจทุกครั้งที่ได้อยู่ ผมได้เจอเพื่อน ไอ้เจออาจารย์ที่ดี ไอ้รับสิ่งที่ดีๆมากมายจากการศึกษาตลอดระยะเวลาหกปีที่ผ่านมา.....”

“ยิ่งผมโดนบังคับ...โอเค สมยอมเป็นเลขาธิการสภานักเรียนผมถึงได้รู้ว่าแฟนผมทำงานหนักมากขนาดไหน..โอ๊ย ป้องหยิกเกียร์ทำไมเนี้ย....โทษนะครับถึงไหนแล้วนะ...อ้อ”

ไอ้ป้องคาดโทษผมไว้ ก่อนมันจะฟังผมพูดต่อ

“ขอบคุณครับ......”

“ขอบคุณเพลินจิตวิทยา บ้านที่ทำให้ผมได้พบกับเพื่อน.....ขอบคุณมิสและบราเดอร์ทุกท่านที่เหนื่อยกับไอ้พวกทโมนอย่างพวกผม ขอบคุณคุณพ่อและคุณแม่ที่คอยเป็นกำลังใจให้มาตลอดจนถึงตอนนี้ ผมเองก็ยังงงๆเลยว่าตัวเองจบการศึกษาได้ยังไง ฮ่าๆ...โอ๊ย ป้องบอกว่ากอย่าหยิก”

ประโยคหลังผมลดเสียงพูดกับมัน ไอ้ป้องตวัดตามองผมอีกครั้งก่อนหน้ามันจะแปลความหมายได้ว่า ‘เลิกเล่น’

“โอเค...สุดท้ายนี้ผมอยากจะฝากเอาไว้”

“ไม่ว่าเราทุกคนจะเป็นยังไง ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นแบบไหน เราทุกคนยังเป็นเพื่อนกัน....ผมสัญญาว่าถ้ามีโอกาสจะมาออกแบบภายในให้กับรุ่นน้องๆแน่นอน ฮ่าๆ ถ้าผมติดมหาลัยที่สมัครนะน่ะ”

เสียงโห่ฮาดังขึ้นจากด้านล่างอีกครั้ง ผมกับพวกคณะกรรมนักเรียนชุดนี้ทั้งหมดโค้งตัวพร้อมกัน ก่อนจะเอ่ยคำว่า ‘ขอบคุณ’ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไรอีกดีเพราะทุกอย่างเราทุกคนล้วนรับรู้กันด้วยใจแล้วนั้นเอง พวกเพื่อนผมทั้งหมดช่วยกันร้องเพลงมาร์ชของโรงเรียนเพลินจิตวิทยา ก่อนต่างคนจะต่างแยกย้ายกันไปให้เหล่ามิสและบราเดอร์ผูกข้อมือให้เป็นของขวัญวันจากลา

“จบจนได้เนาะ.....”

ผมพูดขึ้นเรียบๆหลังเราทั้งคู่ไปให้เซนเซผูกข้อมือให้เสร็จแล้ว

“แต่กว่าจะจบได้...เล่นเอาเหงื่อตกเลย...”

จริงอย่างที่ไอ้ป้องมันว่า ตลอดเวลาหนึ่งปีที่มันเป็นประธานนักเรียน มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายจริงๆ ทั้งตอนที่สาขาสองถูกไฟไหม้จนต้องมาเรียนกับพวกผมสักพักใหญ่ๆ หรือกระทั้งการที่โรงเรียนยกพวกตีกัน แน่นอนว่าพวกมือปราบยังทำงานได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย ผมเองก็สอบติดรับตรงไปได้ด้วยดี ส่วนไอ้ป้อง....

....มีจดหมายเชิญเข้ามหาวิทยาลัย พร้อมทุนการศึกษาเรียนฟรีสี่ปี

ให้ตายเหอะ โคตรลำเอียง....

“ไม่ดีเลยวะ แบบนี้แปลว่าช่วงที่ต้องไปเรียนกูกับมึงก็ต้องห่างกันอ๊ะดิ”

ผมว่า เพราะตัวเองดันทะลึ่งติดจังหวัดที่เป็นบ้านเกิดของไอ้ป้องมัน...ครับ ผมติดมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่นี้ล่ะครับ ส่วนไอ้ป้องมันดันได้ทุนจากม.แห่งหนึ่งที่จังหวัดปทุมธานี เล่นเอาผมเซ็งเลย จะย้ายไปก็ดันไม่มีสาขาที่ผมต้องการจะเรียนอีก ไอ้ป้องเองก็ติดสัญญาค่ายเพลงทำให้ต้องเรียนที่นั้น

“เป็นไร ทำหน้าเศร้าอีกแหละ...กรุงเทพ-เชียงใหม่ ไม่ได้ไกลขนาดนั้นสักหน่อย บินแปปๆก็ถึง”

มันว่าพลางดึงมือผมเอาไว้

“ไม่ไกล...แต่กลัวคนใกล้ทำให้ใจเปลี่ยน”

“ไม่ไหว”

“.......”

“เปลี่ยนไม่ไหวหรอก .... รักมากขนาดนี้”

มันว่าก่อนจะส่งรอยยิ้มซื่อๆให้ผม

“พูดงี้ไม่อยากนอนใช่ไหม ?”

“จะไม่รักก็แบบนี้แหละ หื่นตลอดกาล”

“พูดเล่นนะ คืนนี้ต้องไปกินเลี้ยงจบไม่ใช่เหรอ ?”

“เออวะ”

ไอ้ป้องทำหน้าเหมือนเพิ่งคิดได้ นี้หมายความว่ามึงไมได้ดูเอกสารที่กูส่งไปให้เซ็นเลยสินะ แต่ถ้าผมเป็นมันผมเองก็คงได้แต่เซ็นเพราะมันเยอะจริงๆทำให้อดนึกไม่ได้ว่าไอ้พี่กาเซียร์มันทำได้ยังไงถึงจบออกไปพร้อมเกรดสวยๆแบบนั้น ก็ขนาดไอ้ป้องเกรดยังลดเลยอ๊ะครับ!!! (ส่วนผมแค่สามกว่าๆก็คางเหลืองแล้วครับT T )

“เกียร์”

“ห๊ะ ?”

“ไปตึกห้าชั้นสองกัน...”

มันพูดจบก็ไม่รอฟังคำตอบหรอกครับ เดินลิ่วไปนู้น จะทำยังไงล่ะครับก็ตามไปสิ ผมกับไอ้ป้องเดินลัดเลาะสนามยงยุทธก่อนจะเดินมาถึงอาคารห้า จริงๆผมรู้อยู่แล้วล่ะว่ามันอยากขึ้นมาบนนี้ทำไม

“ไม่น่าเชื่อเลยเนาะ....เรื่องของพวกเราเนี้ย.....”

มันเริ่มพูดขึ้นก่อน

“อื้ม...ก็จริงๆนั้นแหละ ไม่คิดเหมือนกัน....ว่าจะรักได้ขนาดนี้”

“ไปเชียงใหม่จะเป็นยังไงบ้างเนี้ย.....”

“ก็จะรักเหมือนเดิมนั้นแหละ...”

ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่หวง...มันเองก็ห่วงผมเหมือนกันนั้นแหละ

“ถ้าเรามีเวลาหนึ่งวันเราจะได้เจอกัน ถ้าเรามีเวลาหนึ่งชั่วโมงเราจะได้สไกด์คุยกัน ถ้าเรามีเวลาหนึ่งนาทีเราจะโทร.หากัน สัญญานะ......”

นิ้วก้อยยาวถูกส่งมาให้กับผม ก่อนมันจะคลี่ยิ้มออกมา ผมยิ้มตอบรับก่อนจะยืนนิ้วก้อยไปเกี่ยวไว้

“ตลอดไป.... เกียร์สัญญาว่าจะตั้งใจเรียน แล้วจะรีบสร้างบ้านไวๆ”

ผมกอดอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นแค่การจากลาช่วงสั้นๆ เรายังไปมาหากันได้เสมอทุกครั้งที่คิดถึงกัน แต่เพราะความไกลไม่ใช่รึยังไงที่ทำให้ใครหลายคนเลิกราจากกัน ผมไม่อยากเลิกกับไอ้ป้องและไม่เคยแม้แต่จะคิด แน่นอนว่ามันเองก็คงคิดแบบเดี่ยวกับผมนั้นแหละ แต่เราทั้งคู่เองก็โตมากพอที่จะแยกแยะความรู้สึกส่วนตัวและหน้าที่ออกไปได้ จริงอยู่ที่ว่าเรื่องครั้งนี้มันไม่ได้หนักหนาอะไรนัก เราแค่แยกย้ายกันไปเรียน

แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง เรื่องที่ทำให้เราแยกกัน ถ้าหากว่ามัน...เป็นความฝันของใครคนหนึ่ง

......ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าจะต้องทำยังไงต่อไป

หลังจากวันนั้นผมกับไอ้ป้องใช้ช่วงระยะเวลาสามเดือนที่เหลืออยู่ในกรุงเทพฯทำสิ่งที่อยากจะทำด้วยกัน ผมพามันออกงานสเกตบอร์ดถี่ขึ้นมาก มันเองก็พาผมไปนู้นไปนี้บ่อยๆ เราทั้งคู่ยังไปเยี่ยมน้องร่าเริงเป็นประจำ และทุกๆครั้งที่ไปก็จะเจอพี่หมอที่มาเยี่ยมเหมือนๆกัน

พี่หมอบอกผมกับไอ้ป้องว่า พี่เขาไม่ได้เลือกที่จะจมกับอดีต

เขาแค่เลือกที่จะไม่ลืม.....

วันเวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำ ระยะเวลาสามเดือนของเราหมดลงไป ผมนั่งมองพวงกุญแจรูปปลาตัวโตๆที่ใครคนหนึ่งซื้อให้เป็นเครื่องรางบนรถไฟ วิวสองข้างทางไม่ได้ชวนให้ผมรู้สึกอยากมองเท่าไหร่เลย จริงอยู่ที่เชียงใหม่อากาศมันก็ดี แต่มันจะดีกว่านั้นถ้าหากมีคนๆนั้นข้างๆกัน

ให้ตายเหอะ ผมติดมันมากจริงๆนั้นแหละ

แล้วปานี้มันจะเป็นยังไงนะ ? มันจะคิดถึงผมแบบที่ผมคิดถึงมันรึเปล่า ? แล้วที่มหาวิทยาลัยของมันจะมีการรับน้องแบบไหน ไอ้ป้องจะเข้ากับคนที่คณะนั้นได้ไหม ? มันจะยังมีเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษามันใช่ไหมนะ ?

ผมครุ่นคิดไปเรื่อยๆ วิวสองข้างทางก็ค่อยๆเปลี่ยนไป รู้สึกตัวอีกที่มือถือก็สั่นเป็นสัญญาณว่ามีใครส่งไลน์มา ผมหยิบขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอก่อนจะสไลด์ดูข้อความที่ส่งมา

‘ปกป้อง : วันนี้รับน้องหนุกมาก’

ไอ้ป้องส่งข้อความสั้นๆ พร้อมรูปมันในชุดนิสิตชายที่โดนมันจุก รอบๆตาโดนเขียนด้วยลิปสติกสีแดง รวมๆแล้วทั้งหน้าใช้คำว่าเละก็คงยังไม่พอแบล็กกราวด้านหลังคือเพื่อนผู้ชายสามสี่คน ผมหลุดขำทันทีที่เห็นภาพดังกล่าวก่อนจะยิ้มร่าตอบกลับมันไป

‘ไว้ถึงเชียงใหม่แล้วจะส่งรูปให้ดูอีกรอบ’

ผมกดส่งภาพตัวเองจุ๊บพวงกุญแจรูปปลาส่งกลับไปให้มัน ข้อความของผมขึ้นว่า ‘seen’ เป็นว่าอีกฝ่ายได้อ่านข้อความของผมเรียบร้อยแล้ว มันกดส่งสติกเกอร์ยกนิ้วโป้งข้างหนึ่งขึ้น ก่อนจะเงียบหายไป ผมยิ้มให้กับตัวเองหน่อยๆ

จริงสินะ.....ไอ้ป้องเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว มันเองก็มีเพื่อนเยอะแยะ

นับว่าเราทั้งคู่ เปลี่ยนแปลงขึ้นจากเดิมมากจริงๆ.....

ผมพิงผนังรถไฟก่อนจะค่อยๆหลับตาลงไป หวนคิดถึงหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่ทำให้เรามีเราในวันนี้ สี่ปีข้างหน้าอนาคตที่กำลังจะสร้างมันขึ้นมา ผมปรารถนาให้มันเป็นไปได้ดั่งใจเหลือเกิน.....

 

 

 

 

“และนี้คือกองทัพคาราวานแฟนคลับที่มาคอยคิวซื่อบัตรคอนเสิร์ตนะค่ะ เดียวเราเข้าไปถามพวกเขากันดีกว่าว่ามาจากที่ไหนกันบ้าง”

นักข่าวสาวในทีวีพูดขึ้นก่อนจะยื่นไมค์ไปให้เหล่าแฟนคลับที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเข้าแถวพูดออกอากาศ

“มาจากที่ไหนกันบ้างค่ะ ?”

“น่านค่ะแล้วก็เพื่อนอีกสองคนมาจากแพร่ นั่งๆรถกันมาค่ะ”

สาวน้อยคนนั้นตอบยิ้มๆ ก่อนจะพากันบิดเขินอายเมื่อกล้องฉายไปที่เสื้อของหล่อนซึ่งเป็นรูปของศิลปินชื่อดังเจ้าของบัตรคอนเสิร์ตในวันนี้

“เป็นแฟนคลับ ‘อามัว’ มานานรึยังค่ะเนี้ย ?”

หล่อนพูดต่อก่อนจะยื่นไมค์ให้อีกครั้งหนึ่ง เด็กสาวทั้งกลุ่มบิดไปบิดมาก่อนจะตอบด้วยท่าที่เหนียมอาย

“นานแล้วค่ะพี่ ตั้งแต่สมัยที่อามัวยังไม่เปิดเผยตัวตนค่ะ จนถึงตอนนี้ก็เกือบๆห้าหกปีแล้วที่ติดตามผลงานมา พี่เขาน่ารักค่ะ แล้วก็...ยังโสดค่ะ”

คำพูดนั้นเรียกเสียงกรี๊ดได้จากทั้งกลุ่มพ้องเพื่อนและคนที่อยู่ใกล้เคียง นักข่าวสาวอมยิ้มก่อนจะถามต่อ

“ถ้าบอกถึงอามัวได้อยากจะบอกว่าอะไรค่ะ ?”

หล่อนทำท่านึก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงกระดี๊กระด๊า..จนผมเริ่มหมั้นไส้

“อยากจะบอกพี่อามัวว่า หนูไปคอนฯพี่ทุกครั้งเลย ก็ถ้าไม่มีปัญหาอะไร....หนูขอเป็นแฟนคลับวีไอพีได้ไห....”

‘พรึ่บ’

ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคผมก็กดรีโมทในมือให้ดับลงก่อนจะยกขามาพาดไว้กับโต๊ะแก้วที่ไว้วางของด้านหน้า ให้ตายเหอะ รู้สึกไม่สบอารมณ์ชะมัด....

ยังโสด...

ใช่ ....นั้นคือสถานะไอ้ป้อง ‘ของผม’ ที่คนอื่นรับรู้ แน่ล่ะ... ก็ศิลปินที่มีแฟนแล้วกับศิลปินที่ยังไม่มีแฟน ดีกรีความนิยมมันต่างกันคนละเรื่องนิครับ ผมเองก็โตมากพอแล้วที่จะเป็นผู้ใหญ่รับฟังเหตุผลจากไอ้ป้องมัน ซึ่งหลายๆครั้งมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่ผมไม่ชอบที่ใครเข้ามาเกาะแกะกับมัน ยิ่งหลังมันเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งเสือสิงกระทิงแรดแทบจะวิ่งถลาเข้าใส่มัน จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่ผมไปเยี่ยมไอ้ป้องที่หอ ผมต้องช่วยมันจากการจะโดนผู้หญิงข่มขืนด้วยซ้ำ ดีว่าสิ่งที่เราเคยพูดกันว่าช่วยทำให้อุ่นใจเราทั้งคู่

ถ้าเรามีเวลาหนึ่งวันเราจะได้เจอกัน

ถ้าเรามีเวลาหนึ่งชั่วโมงเราจะได้สไกด์คุยกัน

ถ้าเรามีเวลาหนึ่งนาทีเราจะโทร.หากัน

เราทั้งคู่ทำตามสิ่งที่ได้พูดไว้จริงๆ

เพราะงั้น....ความสัมพันธ์ของผมกับไอ้ป้องเลยเป็นเหมือนเดิมเสมอ......

ไม่ใช่แค่แฟนแต่มันคือคนรัก คนที่พร้อมจะอยู่ด้วยกันไปอีกนานแสนนาน พ่อกับแม่เองก็ยินยอมตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นในครั้งนั้น จะว่าไปแล้วก็คิดถึงไอ้พวกนั้นแหะต่างคนต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง ถึงจะไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันเหมือนตอนเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่ทั้งผม ไอ้เฟรม และไอ้อู๋ ร่วมทั้งเพื่อนๆของไอ้ป้องก็ยังนัดเจอกันบ่อยๆ จะมีก็แต่สีเทียนที่ไม่ค่อยได้เจอ

ผมคิดว่านั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของสีเทียนนะ....

เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นของทุกคู่ใช่ว่าจะลงเอยเสมอไป สุดท้ายแล้วหนมปังก็ตัดสินใจยุติเรื่องราวทุกอย่างด้วยการหนีไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นและตัดการติดต่อสื่อสารทุกอย่างกับสีเทียน ผมเหมือนเห็นตัวเองตอนช่วงที่ไอ้ป้องหายไปจากสีเทียน สิ่งที่เหมือนกันมากที่สุดคือหมอนั้นยังรอ ....

รอสักวันที่หนมปังจะให้อภัย....และกลับมาคืนดีกันอีกครั้งหนึ่ง

คล้ายๆเหมือนเพลงที่ผมเคยเขียนให้ไอ้ป้อง เรื่องราวชีวิตยังคงเดินต่อไปจริงๆ ตอนนี้ทั้งผมและไอ้ป้องเองก็อายุขึ้นหลักสองกันมานานแล้ว(ผมยังไม่แก่นะครับแค่โตขึ้นเฉยๆ....) เราทั้งคู่จบมหาวิทยาลัยในปีการศึกษาเดียวกัน ก่อนไอ้ป้องจะโหมงานสร้างอนาคตเต็มตัว

และผมเอง....ที่ก็ทำงานมาได้นานแล้ว(ใครจะปล่อยให้ภรรยาสร้างบ้านคนเดียวครับแหม....)

หลังจากจบด้านการออกแบบภายในหรือมัณฑนากร ผมเริ่มต้นจากศูนย์ด้วยการเข้าทำงานกับบริษัทเก่าของพ่อ ออกแบบห้องประชุม ห้องรับรองจากความคิดสร้างสรรค์หลายๆแบบ สำหรับตัวผมเองแล้วก็ต้องยอมรับว่าการทำอาชีพมัณฑนากรเป็นงานที่สนุก ท้าทาย และได้สร้างสรรค์สิ่งสวยงาม ทำให้คนมีความสุข แต่งานที่สนุกของผมเองก็ไม่ได้เป็นงานที่สบาย ไม่ได้นั่งขีดเขียนออกแบบอยู่กับโต๊ะเหมือนที่หลายคนเข้าใจ แถมยังต้องเสี่ยงต่อการโดนช่างหนีงาน โดนลูกค้าเบี้ยว ไม่จ่ายเงิน และอันตรายต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้เวลาลงพื้นที่หน้างาน สิ่งเหล่านี้ทำให้เพื่อนๆของผมที่เรียนมาทางด้านการออกแบบและตกแต่งภายในผันตัวเองจากการทำอาชีพมัณฑนากรไปประกอบอาชีพอื่นก็มีมาก แต่ก็มีเพื่อนร่วมอาชีพอีกมากมายที่ยังทำงานกันด้วยใจรัก และสิ่งสำคัญที่จะทำให้งานดำเนินลุล่วงตามเป้าหมายก็คือความซื่อสัตย์ อดทน และคิดถึงใจเขาใจเรา นั้นเป็นสิ่งที่ผมยึดถือเสมอมา

ไอ้ป้องเองก็ทำงานหนักไม่ต่างจากผมเลย นักร้องแบบมันต้องเดินสายโปรโมทอยู่แทบจะตลอดเวลา เวลากินเวลานอนไม่เคยมีหรอกครับ มีแค่ทำงานเสร็จก็ได้นอน ทำไม่เสร็จก็อดนอน

แต่ถึงจะยุ่งขนาดไหน มันก็มันจะหาเวลามาหาผมอยู่เสมอๆ

เหมือนวันนี้....

“ทำไรอยู่ครับ...หื้ม.... ?”

เสียงนุ่มๆดังขึ้นข้างหูผม ก่อนแขนคู่หนึ่งจะกอดมาจากด้านหลัง

“เรื่อยเปื่อย...วันนี้คุณกลับบ้านไวจัง”

เพราะสรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้อีกฝ่ายจับสังเกตได้ ไอ้ป้องส่ายหัวน้อยๆคล้ายจะชินกับนิสัยของผมแล้วล่ะที่เป็นแบบนี้ มันเลื่อนตัวมาข้างหน้าก่อนจะนั่งซ้อนทับผมพร้อมกอดผมเอาไว้

“งอนอะไรป้องอีกเนี้ย”

“เปล่า”

“ให้ตาย....เรื่องน้องผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม ?”

“..........”

“เงียบแบบนี้แปลว่าใช่ ?”

“ก็...นิดหน่อย”

มันถอนกอดก่อนจะมองหน้าผม

“อะไรหว่า อยู่ด้วยกันมาเกือบๆจะขึ้นเลขหลักสามแล้ว ยังคิดว่าจะชอบคนอื่นได้อีกเหรอครับ ? หื้ม ?”

ไอ้ป้องพูดต่อ ก่อนสันจมูกจะกดลงบนแก้มของผม ตั้งแต่เรื่องงานวันเกิดเมื่อคราวก่อนนี้รู้สึกผมจะเสียเปรียบขึ้นเยอะแหะ

ก็วันนั้นผมเมานี้ครับแล้วใครจะไปคิดว่าคนที่อยู่ข้างล่างมาตลอดจะอยากอยู่ข้างบนบ้างแบบมัน....โอเค ผมจะไม่เล่าไปมากกว่านี้(บอกตรงๆว่าอายเข้าใจความรู้สึกมันตอนครั้งแรกชะมัด..!!!!) เอาเป็นว่าตอนนี้ทั้งผมและมันเสมอกันในทุกเรื่องนั้นแหละครับ

“เอาไว้ว่างๆจะเปิดตัวกับสื่อ”

มันพูดหยอก

“ให้มันจริงเถอะ”

“จริงๆครับ”

ไอ้ป้องพูด ก่อนจะเอาหัวทรงรากไทรถูหน้าอกผมไปมา ผมใช้สองมือขยี้เส้นหัวมันแรงๆจนโดนวงค้อนโตๆขวับเข้าให้ ก่อนเราทั้งคู่จะหัวเราะออกมาด้วยความสุข

โดยที่ผมก็ไม่รู้เลยว่า

ความสุข....มันมีสองด้านเสมอ....

อะไรที่ทำให้เราสุขได้

....มันก็ทำให้เราทุกข์จนแทบขาดใจตายได้เช่นเดียวกัน

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline

ผมนอนเกยขาขึ้นในระดับตัวของไอ้ป้อง เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของมันบอกผมได้ว่าเจ้าตัวกำลังหลับสนิท

ผมนอนไม่หลับ...

มันไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มแฟนคลับของ'อามัว'ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อและไม่บ่อยนักที่ตัวผมเองจะ'รู้สึก'แบบนี้ ผมมีป้อง อยู่กับมันมากกว่าใครๆ ผมควรจะมีความสุขดีไม่ใช่เหรอ ? แล้วทำไมผมกลับรู้สึกว่าภาพของมันที่นอนข้างๆผมเริ่มเลือนลางลงไปทุกที่ๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่มันขึ้นเวทีจนถึงตอนนี้ผมเห็นแก่ตัวมากไปไหมนะ ?

แสงสว่างจากเสาไฟฟ้าด้านนอกส่องให้ผมเห็นหน้าของไอ้ป้องรางๆ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีใบหน้าของมันจะยังคงยิ้มตลอดเวลาทั้งตอนหลับและตอนตื่น ตากลมโตทั้งสองข้างของมัน คิ้วของมัน ริมฝีปากนั้นอีก ผมยกมือขึ้นมาค่อยๆลูบใบหน้าที่ยังหลับสนิท มันจะรู้สึกเหมือนผมไหมนะ มันจะกลัวเหมือนกันไหม...

ผมกลัว

ผมกลัวว่าถ้าวันใดวันหนึ่งเรื่องของเรามันไม่ใช่แค่เรื่องของเรา

ผมกลัววันนั้นจริงๆ

วันที่ป้องต้องเลือกระหว่างผมกับความฝัน วันที่ความเป็นจริงจำทำร้ายพวกเราทั้งคู่จนเจียนตาย วันที่อะไรหลายๆอย่างบังคับให้มันต้องเลือก ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ...

จริงๆแล้วผมก็เคยคุยกับมันเรื่องนี้ เรื่องอนาคตของมัน ถ้าวันที่มันต้องเลือกมาถึง


"สัญญากับกูนะป้อง......"
"อะไรวะ...."
"ถ้าชีวิต...ถึงจุดที่ต้องเลือกจริงๆระหว่างกูกับความฝัน......ถ้าถึงวันนั้น....."
"..................."
"มึงเดินออกไปจากชีวิตกูได้เลย...."


แทนคำตอบรับหรือปฏิเสธ มันตบหัวผมเบาๆหนึ่งที่แล้วพูดต่อ

"อย่ามาพระเอก มึงไม่ใช่เจ้าชายในนิยาย กูไม่ใช่เจ้าหญิงของใคร และเรื่องของเรามันจะไม่มีวันจบลงตราบใดที่มึงยังคงเชื่อ
ในตัวของกู ดีเท่าไหร่แล้วที่กูไม่เตะมึง มึงว่าที่ผ่านมานั้นคือกูไม่จริงจังเหรอเกียร์ ?"


กู....อยากอยู่ข้างๆมึงนะป้อง

แต่ถ้าการมีอยู่ข้างๆกันแล้วมันทำลายทุกอย่างลง

กูขอเดินจากไปนะป้อง..

"กาแฟสักแก้วไหมครับพี่เกียร์ ?"

เสียงไอ้อ๊อฟรุ่นน้องในออฟฟิศของผมพูดขึ้น มันคงถามหลังเห็นท่าที่โคตรสัปหงกของผม

"ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมาครับ"

มันว่าก่อนมือจะหมุนช้อนไปด้วย แล้วค่อยยกมาวางตรงหน้าผม

"กลุ้มใจนิดหน่อยวะ"

"กลุ้มใจ ?"

"เออ"

"เรื่องไรครับเฮีย เล่าให้ผมฟังได้นะ"


ผมหันไปมองใบหน้ากระล่อนๆของมัน ตาสองข้างประกายแวววาถึงความเจ้าเล่ห์ในแบบที่ใครก็เลียนแบบมันไม่ได้ ถึงจะเป็น

แบบนี้แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นคนที่เอาจริงเอาจังคนหนึ่งกับชีวิต เวลามีปัญหาโปรเจคที่ไรผมก็ค่อนข้างจะซักถามเอาไอเดียจากมัน
เรียกได้ว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ลูกหนึ่งเลยก็ว่าได้

"อ๊อฟ...สมมุติมึงมีแฟน แล้วเกิดแฟนมึงบอกใครไม่ได้ว่ามึงเป็นแฟนเขา หรือหนักไปกว่านั้นคือมีคนมาจีบแฟนมึงแต่มึงทำอะไร
ไม่ได้เลย มึงจะทำยังไงว่ะ ?"

รอยยิ้มมุมปากมันหายไป แววตาทั้งสองข้างจ้องมองเข้ามาที่ผม

"ผมจะ......"

"จะ......"

มันยื่นหน้าเขามาใกล้ๆก่อนจะพูดให้ผมฟังว่า...

"ไม่ทำอะไรเลยครับเฮีย"


ถ้าไม่ติดว่าหน้ามันจริงจังผมคงจะโบกหัวเกรียนๆของมันให้ลั่นสักที่เป็นการตบทิป โอเคกูจะให้โอกาสมึงอธิบาย

"ยังไง ?"


"ก็แล้วทำไมเราต้องไปทำอะไรด้วยล่ะครับ ในเมื่อคนที่ขึ้นชื่อว่า'แฟน'หมายความว่าเฮียเลือกแล้วที่จะเชื่อใจเขาเลือกแล้วว่าจะมี


ความสุขไปพร้อมๆกัน เลือกแล้วว่าไม่ว่าจะเจออะไรก็ยังยืนยันว่าจะไปด้วยกันต่อ....."

"........."

"เพราะงั้น....ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ ขอแค่ยังมีใจให้กัน ขอแค่ยังเหมือนเดิม ยังไงซะสักวันถ้าแฟนเฮียพร้อมเดียวเขาก็คง
บอกทุกคนเองนั้นแหละครับ"

"อื้มก็คงงั้น......เห้ย!!!"


ผมหลุดสบถเบาๆเหมือนรอยยิ้มเจ้าเลห์ของมันปรากฏออกมาอีกครั้ง

เชรี้ย…

...ผมหลุดปาก

"ผมไม่แปลกใจหรอก ก็ว่าอยู่ว่าทำไมคุณอรถึงไม่ได้งาบเฮียสักที่ ที่แท้ก็มีอยู่แล้วนี้เอง...."

มันพูดเรียบๆพาดพิงบุคคลที่สาม

"งาบเงิบอะไรพูดจาหน้าเกลียด คุณอรเขาเป็นลูกค้าใหญ่เรานะแล้วก็เป็นผู้หญิงด้วย"


ผมเตือนมันเบาๆก่อนจะเฉเฉไปที่แบบแปลนบ้านต่อ มือสองข้างยกขึ้นเกาหัวเบาๆ

"จ้าาาา ไม่อยากกินเฮียหรอก แค่มาเช้ามาเย็น มาคอยดูแลเอาออกเอาใจ คอยซื้อขนมมาฝาก ไปเที่ยวเมืองนอกก็หอบข้าวของ

มาให้เฮียใช้...ชิชะ ที่แท้ก็มีแฟนแล้วนี้เอง"

ไอ้อ๊อฟพูดล้อเลียนผม ก่อนจะรีบเผ่นกลับโต๊ะไปเพราะกลัวจะโดนทรีน แมร่งพูดซะตัวผมเองเห็นภาพเลย ผมส่ายหน้าเบาๆก่อน
จะเบนสายตาไปมองที่ริสแบนด์ตรงข้อมือซ้าย


ริสแบนด์ของผม....

...ริสแบนด์ที่ทำให้ใครบางคนเกือบจะจากผมไปตลอดกาล

ผมยกมือลูบมันขึ้นเบาๆ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองใส่มันมานานมากขนาดไหน แต่ที่นี้ๆทั้งของผมและของไอ้ป้องไม่เคยมีสัก
ครั้งที่เราจะถอดมันออกห่างจากตัว ผมยังจำได้เสมอถึงวันที่มันและผมรับปริญญา จำได้เสมอถึงวันที่ทุกคนเห็นผมกับมันยิ้มให้กัน
และไม่คิดอะไร เพราะพ่อแม่ของเรา รวมทั้งการแสดงออก หรืออะไรหลายๆอย่าง ถ้าจะนับกันจริงๆแล้วในชีวิตของไอ้ป้องกับผมมี
คนนอกรู้เรื่องของเราไม่กี่คนด้วยซ้ำ ผมยังเคยคิดเล่นๆเลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดคนอื่นไปตลอดชีวิต ไอ้ป้องเองมันก็บอกกับ
ผมว่ามันไม่ได้เลือกที่จะโกหกใคร แค่ไม่ได้บอกก็เท่านั้นเอง

‘ครืนนนน’

เสียงริงโทนโทรศัพท์ของผมดังขึ้นก่อนหน้าจอจะแสดงชื่อของคนที่โทร.เข้ามา ผมอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีครับ พี่นานา”

‘ไหว้พระครับ’

เสียงพี่นานายังคงตอบกลับมาสั้นๆห้วนๆเหมือนวันแรกที่ผมกับไอ้ป้องเจอพี่เขาจนกระทั้งวันนี้

พี่นานาหรือที่รู้จักกันในชื่อ นานาเอเจนซี่ คือผู้จัดการส่วนตัวของไอ้ป้องครับ คือจะว่ายังไงดีล่ะ จริงๆนานาอายุน้อยกว่าผมหรือไอ้
ป้องอีกนะ แต่สาเหตุที่ผมกับไอ้ป้องเรียกพี่ก็อาจจะเพราะประสบการณ์ตรงนี้หรือกระทั้งบุคลลิคส่วนตัวของพี่เขา พี่นานาเริ่ม
ทำงานเกี่ยวกับวงการบันเทิงตั้งแต่อายุสิบสามจนกระทั้งตอนนี้ครับแรกเริ่มเดิมทีทางบริษัทต้นสังกัดของเจ้าป้องเองก็ส่งผู้จัดการส่วนตัวมาให้นั้นแหละครับ เพียงแต่ว่าทัศนคติและอะไรหลายๆอย่างไม่ถูกโฉลกกับเจ้าป้อง สิ่งที่ดูจะทำให้มันปรี๊ดที่สุดคือการที่
บังคับมันล่ะมั้งครับ แต่กับนานานี้คนละเรื่องเลย

เวลาทำงานนานาจะมีอีกอารมณ์หนึ่งที่โตมากๆจนผมกับไอ้ป้องกลัว แต่เวลาอยู่ด้วยกันแล้วในฐานะเพื่อนจะไม่แม้แต่รู้สึกอึดอัด....

นานาเป็นทุกๆอย่างให้กับไอ้ป้องได้ยกเว้นแฟน(นานาเป็นคนพูดประโยคนี้เอง) ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป้องไปรู้จักกันได้อย่าง
ไงกับนานา แต่จากทัศนคติต่างๆผมเคยได้สัมผัสมากับตัวก็คงจะยืนยันได้ว่า คนๆนี้แหละที่จะดูแลไอ้ป้องได้ดีพอๆกับผม นานา
เคยพูดกับผมและไอ้ป้องไว้ว่า คนเป็นผู้จัดการดาราหรือศิลปินต้องเป็นทุกอย่างของกันและกัน เป็นพี่ไว้คอยเตือน เป็นครูไว้คอยสอน เป็นน้องไว้คอยอ้อน หรือเป็นกระทั้งเพื่อนที่อยู่ข้างข้างกัน คุณสมบัติเหล่านั้น นานาสอบผ่านครับ

‘เกียร์...ผมมีเรื่องจะบอก’

พี่นานาพูดบอกผมด้วยน้ำเสียงหนักๆ ปลายปากกาในมือผมหลุดออกดดยอัติโนมัติ ผมหันซ้ายแลขวาก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป
ที่ระเบียงออฟฟิศพร้อมกดเลือนประตูกระจกปิดสนิท

“ไอ้ป้องเป็นอะไรรึเปล่าครับพี่....”

อย่างที่ผมเคยเกริ่นไป คนที่รู้เรื่องผมกับไอ้ป้องมีน้อยมากๆ พี่นานาเองเป็นหนึ่งในนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำยังไง แต่แกรู้แล้วก็
เฉยๆ ไม่พูดต่อ ไม่กวนใจ ไม่ถามให้มากความ คำเดียวที่พูดออกมาคือ ‘อื้ม’ แล้วทุกๆอย่างก็เหมือนเดิม ยกเว้นแต่เวลามีงานอะไรใหญ่ๆพี่เขาก็จะคอยหาบัตรงานมาให้ผมไปดูเจ้าป้องได้ ว่าง่ายๆคือช่วยให้ผมสวีทกับมันได้อย่างสบายใจนั้นแหละครับ แรกๆก็เขิน หลังๆมานี้ผมอ้อนกันต่อหน้า นานาก็ยังเฉยๆ(สีหน้าตายด้านมากจริงๆ....)

‘มีคนเอาข่าวเกียร์กับเจ้าป้องไปลงในเวปทันพิป ภายในกระทู้ค่อนข้างแรงและมีเนื้อหาไปในทางที่เสื่อมเสียมากๆ สำคัญที่สุดคือมีประเด็นเรื่องของเกียร์กับป้องด้วย ตอนนี้ผมกำลังแจ้งทางเวปในช่วยลบแต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะใช้เวลานานขนาดไหน สำคัญสุดคือทำไมสื่อถึงรู้เรื่องนี้ได้เร็วขนาดนี้ทั้งๆที่ผมเองก็แอบๆ‘จัดการ’ไปแล้วพอสมควร เรื่องสุดท้ายนี้แหละที่ผมหนักใจ
เพราะรอบนี้เล่นหนัก’

ผมยืนชะงักไปเสียววินาทีก่อนจะเอานิ้วเคาะกระจกไปเรื่อยๆ ปากก็เม้นติดกันสนิท

วันที่ผมกลัว...มันจะมาเร็วเกินไปไหมนะ ?

“ตอนนี้ไอ้ป้องเป็นไงมั้งครับ”

‘ผู้ใหญ่เรียกเข้าไปคุยอยู่ ผมเองก็กำลังเครียดๆนิดหน่อย ฮ่าๆ แต่ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ร้ายแรงอะไรมาก...’

“พี่นานา...”

‘ครับ ?.....’

“ยังจำได้ใช่ไหมครับ เรื่องที่ผมขอให้พี่รับปาก ? เรื่องที่เราคุยกันตอนนั้น.....”

‘…………….’

ผมเงียบ ปลายสายเงียบ พวกเราทั้งคู่ปล่อยให้ความคิดย้อนนึกกลับไปในวันนั้น วันที่ผมได้คุยกับนานาครั้งแรก ผมพูดเล่าเรื่อง
ทั้งหมดพร้อมทั้งการให้สัญญาว่าจะรับผิดชอบดูแลไอ้ป้องให้ดีที่สุด ในวันที่ผมไม่อยู่ พี่นานายิ้มแค่นๆก่อนจะโชว์นิ้วกลางให้ผมเป็นของขวัญการพบกัน แล้วพูดเพียงว่า

‘ผมเป็นผู้จัดการดารา ดูแลได้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องหัวใจ อย่าโยนภาระมาให้ผมครับ จะดูแลให้แต่คุณก็ต้องช่วยผมดูแลเขาด้วย’
นั้นแหละครับการเจอกันครั้งแรกของผมกับนานา คนตรงขนาดไหนคิดดูเถอะ...

“ถ้ามันที่สุดจริงๆก็ตามที่ว่ากันเลยครับ....ผมพร้อมนะ”

‘แต่ผมไม่พร้อม....’

ปลายสายขึ้นเสียงทุกครั้งที่กำลังจะดุอะไรสักอย่างแก่ผม

‘ผมเคยบอกไปแล้วนะ ผมเบื่ออะไรที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ จำได้ไหมว่าผมบอกว่าจะบอกทุกเรื่องที่เกิดขึ้นและจะช่วยพวกคุณทั้งสอง
คนแก้ปัญหา ถ้าไม่มีทางแก้ก็สร้างมันขึ้นมา อะไรไม่มีก็สร้างมันขึ้นมาดิ แล้วอย่าไปพูดว่าจะไปจากมันให้ผมได้ยินอีก ไอ้ป้องเป็น
เหมือนน้องของผมคนหนึ่ง ถ้าคุณไป คุณนั้นแหละจะเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ...’

ผมทรุดตัวลงหลังพิงบานกระจก

ทุกครั้งไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้ามันใหญ่ในระดับหนึ่ง พี่นานาจะโทร.มาบอกผมเหมือนๆครั้งนี้ สาเหตุที่บอกคือเพื่อที่จะรับรู้ปัญหาและหาวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุด ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไรหรือทำไม แต่ผมเชื่อว่าการตัดสินใจของพี่นานาคือการ
ตัดสินใจที่ดีที่สุด

.....แต่ผมเหนื่อย

ผมรักไอ้ป้อง แต่ทุกๆครั้งเองผมก็เหนื่อยเหมือนกัน

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline

ผมเหนื่อยที่ต้องคอยบอกใครๆว่าเราเป็นพี่น้องกัน ผมเบื่อที่ผมต้องแอบๆซ่อนๆขนาดม่านกระจกยังต้องปิดลง ผมเบื่อที่เราไม่ได้ไปเที่ยวกันแค่สองต่อสองแต่ต้องยกโขยงไปเพื่อให้ไม่ผิดสังเกตุ ผมเบื่อที่ผมไม่สามารถจะพูดอะไรออกไปได้ ผมอึดอัด และทุกๆครั้งมันรวมกันไปหมด แต่แน่ล่ะ ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่เครียด ทุกๆครั้งเองไอ้ป้องมันก็รับรู้ปัญหาและบอกผมว่าอยากให้ผมอดทน มันรักผม มันเข้าใจผม

แต่ผมแทบจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ....

“ผมเหนื่อยวะพี่....”

‘……………’

“ตั้งแต่วันที่มันเซ็นสัญญาจนถึงวันนี้...ผมเหนื่อยมากจริงๆพี่นานา”

‘ใจเย็นๆนะ’

ผมยกมือขึ้นมาเอามืกเสยเส้นผมขึ้นไป ร่างกายรู้สึกอ่อนล้าจนอยากหลับตาลง

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่วันแรกที่ผมตกหลุมรัก จนถึงวันนี้ก็ยังรัก ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ข้างๆกันกับมัน แต่ผมเองก็รู้สึก
เหนื่อยที่ไม่สามารถบอกใครๆได้ว่าเราเป็นอะไรกัน ผมรู้ ผมเข้าใจ ผมไม่ได้อยากเรียกร้องอะไร แต่ในความรู้สึกจริงๆมันไม่ใช่พี่ ผมอยากทำอะไรได้แบบคนอื่นบ้าง อยากบอกใครๆว่าเราเป็นอะไร อยากยืนข้างๆมันโดยที่มันไม่ต้องโดนใครว่า ทำไมว่ะพี่ คนรักกันทำไมถึงบอกคนอื่นไม่ได้.....”

‘เกียร์.....’

น้ำเสียงจากปลายสายที่เปลี่ยนไปทำให้ผมสะดุ้งยันตัวลุกขึ้นมา

“ป้อง.....เหรอ”

‘……….’

“...............”

‘ขอโทษ........’

ผมเงียบ ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้ยินปลายสายสะอื้นต่อเบาๆ ผมเม้มปากแน่นมองนาฬิกาก่อนจะถามปลายสายไปรัวๆ

“ป้องอยู่ที่ไหน ตอนนี้กลับบ้านได้รึยัง ?”

‘เดียวพี่พากลับไปส่งให้เจอกันที่บ้านนะ ไม่เป็นไรนะพวกมึง’

กลายเป็นเสียงพี่นานาที่ตอบกลับมาแทน ผมพยักหน้ารัวๆกับตัวเองในกระจกเงาเพราะพอคิดออกว่ามันจะทำหน้ายังไง ยิ่งเรารัก
กันมากขนาดไหนความรู้สึกมันยิ่งแคร์กันลึกมากเท่านั้น

“พี่กลับบ้านก่อนนะ ถ้าคุณอรเข้ามาเรื่องงานหรือใดๆฝากรับหน้าแทนด้วย ดูแลเขาดีๆนะ”

ไอ้อ๊อฟยกมือทำท่ารับทราบก่อนจะยิ้มให้ผมแล้วชูนิ้วโป้งมาแทนคำตอบ

“สตินะพี่นะ”

นั้นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนจะเดินออกมาจากในห้องทำงาน....

ผมขับรถด้วยความเร็วที่บอกไม่ถูกว่าช้าหรือเร็ว อาจจะเพราะผมเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วทำให้ใจร้อนแบบเมื่อก่อนไม่ได้ ถ้าเป็นตอน
สมัยแรกๆผมอาจจะเหยียบร้อยแปดสิบเลยด้วยซ้ำ ในหัวตอนนี้ก็มีเพียงแค่ข้อมูลที่พี่นานาแจ้งทางโทรศัพท์

จริงๆแล้วกระทู้พวกนั้นไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนตั้ง กระทู้จิ้นผมกับมันมีบ่อยจนผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำ แต่ไอ้กระทู้ที่ประเภทขุดคุ้ยประวัติผมกับไอ้ป้องนี้มันก็น่ากลัวมากจริงๆนั้นแหละครับ ผมอ่านไปบางเรื่องทั้งๆที่ผมเป็นคนทำเองผมยังลืมไปแล้วด้วยซ้ำ
โลกออนไลน์บางครั้งมันก็น่ากลัวตรงนี้แหละครับ

โอเค จากที่ได้ฟังมา การที่ผู้ใหญ่เรียกมันเข้าไปคุยก็แปลว่ามันต้องใหญ่ในระดับหนึ่งและไม่ใช่ปัญหาที่ผ่านๆมา ผมเองก็หัวใจกระตุกหน่อยๆ ไม่ใช่แค่เรื่องที่รับรู้หรอกครับ มากสุดก็เรื่องที่มันร้องไห้เนี้ยแหละครับ

ผมกับป้องเองก็เหมือนคนอื่นทั่วไป เอาเข้าจริงแล้วเราอาจจะทะเลาะมากกว่าคู่อื่นด้วยซ้ำไป ทะเลาะกันได้ทุกเรื่องแต่ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ผมรู้สึกว่าเราเข้าใจกันมากขึ้น เราให้เกียรติ์กันมากขึ้น นั้นแหละมั้งครับที่ผมกับมันยังคบกันมาถึงทุกวันนี้ เพราะทุกๆการทะเลาะเราทะเลาะกันเพื่อที่จะเข้าใจกันมากขึ้น

ผมกดเหยียบเบรคช้าๆเมื่อมาถึง ‘บ้าน’ ของผมและไอ้ป้อง หลังจากเราทำงานมาได้สักพักผมและไอ้ป้องก็ตัดสินใจออกบ้านใหม่ให้พ่อกับแม่ครับ ดีแต่ว่าช่วงนี้ท่านทั้งสองไปต่างจังหวัดกัน ผมเดินเข้าไปในบ้านก่อนจะตรงไปที่ห้องนั้งเล่น หน้าบ้านเองก็มีรองเท้าของไอ้ป้องและพี่นานาถอดไว้อยู่

“ป้อง”

ผมเรียกมันเสียงเบาหวิว มันนั้งชั้นเข่ากอดขาตัวเองจ้องมองไปที่ทีวีอยู่ครับ พอเห็นหน้าผมมันก็ซุกหน้าลงไปกับขา ผมเดินเข้า
ไปนั้งข้างๆก่อนจะจับมือมันเบาๆ

“อย่าร้องดิ มึงร้องแล้วกูใจไม่ดีเลย”

ผมว่า มันพยักหน้ารับกับขาตัวเองต่อ

“ป้อง.....”

“...........”

“มองหน้าเกียร์...มีอะไรที่เกียร์ต้องรับรู้ในปัญหาของเราไหมครับ ? หื้ม ว่าไง....”

ผมคุมน้ำเสียงในอ่อนกว่าปกติเป็นการปลอบอีกฝ่าย มือหยาบๆของตัวเองก็ลูบเส้นผมมันเบาๆ นานพอสมควรกว่ามันจะเงยหน้า
มองผมแล้วก็เงียบไป

“แย่พอควรนะ”

เสียงเล็กๆบอกผม ก่อนพี่นานาจะเดินผ่านไปนั้งอีกฝั้งหนึ่ง ข้างหน้ามีโน้ตบุ๊คคู่กาย ในมือมีถ้วยมาม่าเล็กๆที่เพิ่งไปทำมาจากใน
ครัวของผม ไม่ว่าจะกี่ครั้ง พี่แกก็ยังแต่งตัวชิลได้ตลอดจริงๆแหะ กางเกงขาสั้น เสื่อโปโลสีเทา รักษาภาพพจน์ให้คนอื่นได้แต่ไม่เคยคิดจะรักษาภาพพจน์ให้ตัวเอง ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า ‘ขี้เกรียจ’

“แล้วพี่แจ้งทางเวปรึยังครับ ? มันน่าจะขอลบได้นะครับในกรณีกระทู้ที่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแบบนี้”

ผมถาม ในกระทู้นั้นมันมีข้อมูลส่วนตัวของผมและไอ้ป้องเต็มไปหมด ถึงจะบอกว่าไม่ได้จงใจเปิดเผยก็เหอะ แต่ทำไมรู้สึกว่าเนื้อหามันชักจูงไปในทางที่ไม่ว่าใครจะเข้าไปอ่านก็ตาม ก็จะรู้สึกว่าผมกับไอ้ป้องมีอะไรกันเกินเลยจริงๆ (แหมมันจะเป็นเรื่องจริงก็เหอะ)

“แจ้งตั้งแต่อ่านสรุปคร่าวๆแล้วล่ะ แปลกแหะ จริงๆกระทู้นี้รู้สึกมันรู้เยอะมากเกินไป เยอะเหมือนกับต้องมั่นใจแน่ๆว่าตัวเองรู้จริง
แถมยังมีประวัติที่ชัดเจนของป้องตั้งแต่สมัยก่อนมาเชียงใหม่อีก อีกอย่างเรื่องของป้องนะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เรื่องของเกียร์นี้สิมายังไง ? ถึงจะบอกว่ามีคนตามเกียร์จากการเป็นพี่น้องกับป้องเองก็เหอะ มันแปลกเกินไป.....อื้อออ......”

พี่นานาพูด ก่อนมือข้างหนึ่งจะซดมาม่า มืออีกข้างกดเลื่อนเมาส์รัวๆ คิ้วเข้มๆขมวดเป็นปม ไม่อยากจะบอกว่าผมเองก็รู้สึกแบบพี่นานานั้นแหละครับ ว่าเจ้าของกระทู้ไปเอาเรื่องราวในอดีตแบบนี้มาจากไหน ผมเห็นคิ้วตาซ้ายพี่นานาแกกระตุกๆถี่ รู้ว่าอาจจะไม่ใช่เวลาแต่อดทักไม่ได้ครับ

“พี่นานา ตาซ้ายกระตุกจังครับ”

แกพยักหน้ารับก่อนจะพูดลอยๆ

“สงสัยจะได้แต่งงานเร็วๆนี้มั้ง”

ผมหัวเราะพรืดกับคำพุดหน้าตายของพี่นานา ไอ้ป้องเองก็แอบหลุดยิ้มออกมาเล็กๆ

“ถ้าผมจะได้แต่งงานแล้วมันน่าหัวเราะตรงไหน ?”

พี่นานาหันมามองด้วยสายตานิ่งๆ แกไม่ได้โกรธหรอกครับออกแนวคำถามถามต่อหลังเกิดเหตุประมาณนั้น

“ไม่หรอกครับ แค่คิดไม่ออกว่าคนแบบไหนที่จะทำให้พี่ยอมแต่งงานด้วยได้”

“นั้นสิ...พี่ชอบคนแบบไหนอ่ะ ?”

แทบจะไม่ต้องเสียเวลาในการคิด พี่นานาหยุดลากเม้าส์แล้วซดเส้นมาม่า ก่อนจะตอบกลับมาว่า

“ขอรวยก่อนแล้วกันนะ”

ผมกับไอ้ป้องหันมามองหน้าพร้อมๆกัน....ก็สมกับเป็นพี่นานาดีล่ะนะ ตรงๆไม่โลกสวย ไม่อ้อมค้อม

“แต่ก็นะ เดียวจะมามันมาเองอ่ะ ไม่แน่พอกลับออกไปจากนี้อาจจะได้แต่งงานเลยก็ได้ นี้ใจสั่นๆมาตั้งแต่เช้าแล้ว ตาซ้ายกระตุก

ตั้งแต่ตื่นนอน”

แกพูดต่อเรียบๆ ก่อนดวงตาสองข้างจะขมวดเข้าหากันแล้วหันมามองผม

“เกียร์”

“ครับ ?”

“ตอนนี้มีใครมายุ่งวุ่นวายอะไรกับเราไหม ?”

“.........”

“ทุกรูปแบบ ตั้งแต่จีบ ดีลงาน คนรอบๆตัวหลายๆคน เล่าให้ผมฟังหน่อย...”

พี่นานาเป็นสายข้อมูลครับ ไม่แปลกใจนักว่าทำไมแกถึงบอกให้ผมเล่าอะไรหลายๆอย่างให้ฟัง ผมเริ่มเล่าตั้งแต่ชีวิตประจำวันส่วน
ตัว ตื่น กิน นอน ไปจนกระทั้งคนรอบๆตัวที่มีดีเทลกันในตอนนี้ รวมไปถึง....

“แล้วก็..คุณอรอณงครับ เป็นลูกค้าอีกเจ้าที่ชอบใช้บริการผมบ่อยๆ มี..จีบๆผมบ้าง..มั้ง ?”

พี่นานาพยักหน้ารับก่อนกระดาษสามสี่ใบจะเขียนออกมาเป็นมายแมปอักษรย่อ ที่ไม่ว่าผมกับไอ้ป้องจะสนิทกับพี่นานาขนาดไหน
ก็ยังไม่เข้าใจมันอยู่ดี รู้แค่ว่าทุกครั้งที่พี่นานาทำแบบนี้ มันจะได้คำตอบที่ต้องการออกมาๆเสมอ

“อื้ม...เป็นไปได้แหะ....”

“อะไรเหรอครับพี่ ?”

แทนคำตอบ พี่นานาส่ายหน้าก่อนจะบอกผมเบาๆ

“ป้องโดนผู้ใหญ่เรียกเข้าไปว่าเรื่องการวางตัว จากนี้ไปแกสองคนอาจจะต้องห่างๆกันนะ...เข้าใจคำว่าห่างใช่ไหม คือไม่ได้ลง
ดาบถึงขนาดว่าต้องเลิกกัน แต่อาจจะต้องแยกๆกันไปให้อะไรๆมันเบาบางลงไปกว่านี้ก่อน ส่วนเรื่องกระทู้นั้นก็ยังไม่ค่อยมีผลกระทบเท่าไหร่หรอก มันเป็นแค่ชนวนที่ใครบางคนจงใจปล่อย ว่าพวกแกสนิทกันเกินพี่น้อง ผู้ใหญ่เขาก็กลัวว่ามันจะเลยเถิดนะ ก็
อย่างที่บอกบางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าพวกแกใช้คนล่ะนามสกุลกัน”

ผมพยักหน้ารับฟังสิ่งที่พี่นานาบอก ไอ้ป้องเองก็พยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับว่าเข้าใจ จริงอยู่ที่แม่เปลี่ยนมาใช้นามสกุลพ่อผม แต่ไอ้ป้องยังคงเลือกที่จะใช้นามสกุลของแม่น้ำอยู่นั้นเอง

“ที่นี้มีเรื่องจะเตือนนิดหน่อย”

“ครับ..?”

“ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่มันเป็นแค่ลางสังหรณ์ พี่แค่รู้สึกว่ามันแค่เพิ่งเริ่มต้น แต่ก็นั้นแหละ...ยังไงหน้าที่ของผู้จัดการคือการจัดการ
กับอะไรก็ตามแต่ที่มาขวางทางของไอ้ป้องมัน ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงถ้าแย่สุดๆจริงๆก็จะหาทางที่มันแย่น้อยที่สุดแล้วกัน”

ผมเป่าปาก ระบายลมหายใจและความรู้สึกแย่ๆข้างในออกไป คนข้างๆผมเองก็ดูจะเย็นใจลงขึ้นมากแล้ว หลังพูดเสร็จ พี่นานานั้งสรุปตารางงานของไอ้ป้องพร้อมบรีฟงานวันพรุ่งนี้อยู่สักพักก่อนแกจะขอตัวกลับไปพร้อมโน๊คบุ๊คคู่ใจ จริงๆผมอาสาจะไปส่งแล้วเพราะแถวนี้หารถค่อนข้างยากแล้วเปลี่ยวเป็นบางส่วน แต่นานาบอกว่าผมควรจะดูแลคนใกล้ๆตัวก่อนดีกว่า ผมเลยไม่คิดจะขัดแกอีก

พอพี่นานากลับไป จากที่ห้องเงียบๆกลายเป็นยิ่งเงียบไปมากกว่าเดิม


ผมน่าจะรู้....ว่าสักวันหนึ่งเรื่องมันก็ต้องเป็นแบบนี้ อาชีพที่เป็นคนของประชาชน.....จะทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ยังไง ไอ้ป้องนั่งเงียบไมได้มองหน้าผม แต่กลับก้มลงต่ำแทน หน้าจอทีวีเองก็ยังคงฉายข่าวบันเทิงที่ทำให้เราทั้งคูต้องมานั่งก้มหน้าแต่ไม่กล้าคุยกันแบบนี้ จนกระทั้งเป็นผมเองที่อดทนไม่ไหว ต้องเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง

“ป้อง....”

“..........”

“เราเลิกกัน...ดีไหม ?”

ไม่มีคำตอบ ไม่มีเสียงใดๆรอดออกมา

มีแค่แขนสองข้างที่มันกอดผมไว้แน่น แน่นจนเหมือนตัวผมจะระเบิด เหมือนมันจะกลัวผมหายไป.....

....ผมรู้สึกถึงความอุ่นบนเสื้อของตัวเองที่โดนหยาดน้ำตาของมันมือสองข้างของไอ้ป้องสั่น สั่นจนผมรับรู้ได้ถึงน้ำหนักของหลายๆสิ่งที่มันต้องแบกรับเอาไว้ บ่าของมันสั่นตามแรงร้องไห้ มันยังคงไม่ได้พูดอะไร แค่ร้องออกมา แค่ระบายความรู้สึกแย่ๆที่ไม่สามารถเก็บไว้ได้อีกต่อไป

“ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะพูดแบบนี้ล่ะมั้ง.....”

ผมลูบหัวไอ้ป้องเบาๆ แรงสะเทือนจากการร้องไห้ยังมีให้เห็น

“ไม่รู้สิ...เกียร์เหนื่อย....แต่”

“..........”

“เกียร์รักป้องครับ”

“เกียร์รัก รักจนเกียร์หายเหนื่อยได้”

หยาดน้ำตาของผมหยาดหนึ่ง...หยดลงใส่หัวมัน ผมดึงไอ้ป้องออกจากอ้อมกอด มองหน้ามันชัดๆ ถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่มีให้มัน

ตลอดระยะเวลาทั้งหมดของชีวิตที่ผ่านมา

“กลัวมาก กลัวมากเลย กลัวว่าถ้าวันนั้นมาถึง ป้องจะทิ้งเกียร์ไปไหม ? ป้องจะทิ้งเกียร์แล้วหันหลังเดินจากไปไหม มันกลัว กลัว
ไปหมดทุกอย่างเลย กลัวป้องไปเจอคนอื่นที่ดีกว่าด้วย กลัวมากๆ”

ไอ้ป้องมองหน้าผมจนแทบจะทะลุ ดวงตาคู่นั้นมองผมกลับมาทั้งๆที่ก็ยังคงร้อง

“ป้องเจอคนที่ดีกว่าแล้วทำไมล่ะครับ....”

“.......”

“คนพวกนั้น ต่อให้ดีขนาดไหน.... ก็ไม่ใช่คนที่ป้องรักนี้ครับเกียร์”

น้ำเสียงของผมสะอื้นไปหมด ผมรู้สึกจุกขึ้นมาที่คอ

.....ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมกลัวจริงๆนั้นแหละ เพราะป้องได้เจอคนที่หลากหลาย คนที่เหมาะสมกว่า มันทำให้ผมกลัวที่จะ
โดนบอกเลิก ผมถึงได้เป็นฝ่ายที่อยากจะพูดออกไปก่อน มันอาจจะเป็นหลักให้ผมได้ทำใจในตอนต้องเลิกรากัน ว่าผมเป็นคนเสียสละ ผมอยากให้เขาไปได้มากกว่า ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ผมมันก็แค่ไอ้คนที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่งก็เท่านั้น. ผมคิดอย่างงั้นเสมอมา ....ผม...ผมมันแย่....แย่มาก..จริงๆ

“จำได้ไหม กลอนบทหนึ่งที่ป้องเคยอ่านเจอแล้วอ่านให้เกียร์ฟัง”

ผมพยักหน้า จำได้ถึงกลอนบทหนึ่งที่เจ้าป้องเคยพูดใส่หูให้ผมฟังบ่อยๆ

“เป็นการง่าย ยิ้มได้ ไม่ต้องฝืน
เมื่อชีพชื่น เหมือนบรรเลง เพลงสวรรค์
แต่คน ที่ควรชม นิยมกัน.....”


ผมยิ้มให้มันก่อนจะต่อท่อนจบ

“ต้องใจมั่น ยิ้มได้ เมื่อภัยมา”

ผมเชื่อใจป้อง

เชื่อว่ามันจะไม่ทิ้งผมไป

แต่ผมกลับไม่เชื่อใจตัวเองว่าจะดูแลมันให้ได้ดีพอ ให้สมกับความรักที่มันมอบให้

“เพราะงั้น...ขอร้องนะเกียร์”

“.........”

“อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ.....อึก....ไม่ว่าจะพูดจริงหรือพูดเล่น...อึก ก็ตาม....”

“อื้อ....จะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว สัญญาเลย”

ผมไม่รู้หรอก ว่าผมกอดมันแน่นขนาดไหน ผมรู้แค่ว่าวันนั้นผมกอดมันจนกระทั้งรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือน้ำตาให้ร้องไห้นั้นแหละ

ค่ำคืนของวันนั้นจบลงด้วยการที่ผมโดนมันด่าเรื่องที่ไม่เชื่อใจกัน ไม่ยอมบอกมันบ้างว่าผมกลัวหรือผมรู้สึกยังไง เอ้า ก็แล้วใครจะ
กล้าบอก ก็ผมกลัวจริงๆนิครับ ลองคิดในมุมกลับกันนะ เมื่อก่อนมันเป็นฝ่ายที่อยากครอบครองผม แต่ตอนนี้ป้องมันมีทุกอย่าง มีหน้าที่การงานดีๆ ได้เจอคนเป็นร้อยเป็นพัน เป็นคุณคุณจะไม่กลัวบ้างเหรอครับ ?

.....แต่ช่างมันเถอะครับ

เพราะนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ผมเองก็คงไม่กล้าพูดว่าเรื่องราวของเรามันจะมีกันแบบนี้ตลอดไป มันจะไม่จบลงไปเหมือนกับใครอื่น เราจะมีเราตลอดไปบางครั้งมันอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ผมมันก็คงได้แค่สัญญา
สัญญาว่าต่อแต่นี้ไป จะรักมันและเชื่อใจมันไปมากกว่านี้

.....มากเท่าที่คนๆหนึ่งจะทำให้กันได้

วันนี้ผมหยุดงานครับ ไอ้ป้องเองก็ไมได้ไปที่บริษัทวันนี้ ทำให้กลายเป็นอีกวันหนึ่งที่เราทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ผมลงทุนเข้าครัวทอดปลาทับทิมกรอบของโปรดไอ้ป้องเป็นการขอโทษ ส่วนเจ้าป้องเองก็ดูเหมือนจะหายๆงอนผมแล้ว(มั้งครับ...)

“ป้อง.....”

“.........”

ที่เดิม เวลาใกล้เคียงกับเมื่า คำพูดและบรรยากาศคล้ายๆแบบเดิมๆ

.....แต่ประโยคต่อไปที่ผมจะพูด ผมรับรู้ได้ว่า มันจะเปลี่ยนเรื่องราวของเราไปตลอดกาล

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก็คิดและทบทวนมาตลอดทั้งคืนแล้วนิหว่า.....

ดวงตากลมโตของไอ้ป้องมองผมด้วยความสงสัย ผมใช้ส้อมที่สางตรงหน้าจิ้มเนื้อปลาทับทิมกรอบก่อนจะแตะๆน้ำจิ้มนิดๆแล้วส่ง
เข้าปากมัน ไอ้ป้องเคี้ยวเนื้อปลาที่ผมส่งไปให้ตุ้ยๆเต็มปาก ตาสองข้างยังคงมองผมเพื่อรอประโยคคำถามถัดไป

ไม่รู้สิ....มันเหมือนกับการที่เราทั้งคู่กลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง

จุดเริ่มต้นที่พวกเรา

.....ยังคงต้องเดินต่อไป

“เรา...แต่งงานกัน....ดีไหม ?”



TBC.


ขอบคุณสำหรับคนที่ยังรอ ขอโทษมากจริงๆสำหรับคนที่ต้องรอหนังสือครับ ผมพลาดเรื่องการจัดการด้านเวลาจริงๆ จะพยายามคุมเวลาแล้วทำให้หนังสืออกมาให้เร็วที่สุด ดีที่สุด หนาที่สุด ขอบคุณและขอโทษอีกครั้งกับความไม่เป็นมืออาชีพของผม และหากท่านใดที่เห็นสมควรแก่การพิจารณาสามารถแจ้งเลขบัญญีขอคืนเงินได้ทางอีเมลล์ที่ได้ยืนยันมานะครับ
ขอขอบคุณอีกครั้ง
แตกต่างเติมเต็ม

24/02/58

Ps.พรุ่งนี้จะมาลงตอนจบของน้องร่าเริงให้ได้ครับ สัญญาเลย....
คิดถึงบ้านนี้มากที่สุดแล้ว เข้ามาอีกครั้งหนึ่งแหมบ้านจะเปลี่ยนไป
แต่ผมยังรักบ้านหลังนี้เหมือนเดิม
ิคิดถึงคุณเดียร์ คุณเทพอสูร และอื่นๆอีกหลายๆท่าน
:sad4:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ทำให้ร้องไห้อีกแล้ว

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
แต่งเลย อิอิ
ออกสื่อเรื่องจะได้จบๆไป  :hao7:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ประกาศแต่งเลย

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
เป็นอีกเรื่องที่สนุกมากครับ
ชอบอารมณ์ของคนแอบชอบ
ชอบเรื่องราวที่มี7เทพ
ชอบความรักแบบเพื่อนๆในวัยเรียน
ชอบสำนวนที่อ่านง่าย และไม่ยืดเยื้อ

ขอบคุณผู้แต่งมากๆครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด