___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]  (อ่าน 90509 ครั้ง)

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline

#26 เรื่องเล่าของหนมปัง




ผมค่อนข้างรู้สึกตื่นเต้นและประหม่ากับความคิดที่ว่าตัวเองจะได้เจอ'อามัว'ตัวเป็นๆ….

คือ.... จะว่าไงดี ? ผมชอบน้ำเสียงเขานะ ไม่ได้อลังการแก้วแตก แต่เป็นเสียงที่ฟังแล้วแตกต่างจากเสียงเพลงทั่วไปที่ผมเคยได้ฟัง ได้สัมผัสมา น้ำเสียงของอามัวจะออกทุ้มๆ ให้ความรู้สึก'อบอุ่น'ฟังแล้วมันพีคอ๊ะครับสำหรับผม

ถ้าวันนี้มีโอกาส ผมก็อยากจะสัมผัสกับคนที่ชอบ ...เรียกว่าI dol ก็ได้มั่งครับ ผมอยากรู้ว่าคนที่ผมติดตามแชลแนลมานานเกือบๆสองปีเนี้ย เขาจะมีหน้าตาแบบไหน? ลุคของเขาเป็นยังไง อะไรแบบนี้นะครับ...

ย้ำอีกครั้งว่า ถ้าผมมี'โอกาส'นะ...

"นี้คนรึว่าหนอนว่ะ!?!?"

ไอ้เฟรมพูดขึ้นก่อนจะส่งกล้องส่องทางไกลมาให้ผม ตอนนี้พวกเราอยู่กันตรงระเบียงอาคารห้าครับ ที่เคยจัดรับน้องนะ

แม้จะเพิ่งเก้าโมงกว่าๆ แต่ตอนนี้ผู้คนที่มาร่วมงานวิชาการเพลินจิตวิทยาเรียกได้ว่าล้นหลามมากครับ ผมเห็นพวกบริหารกับพิทักษ์วิ่งเคลียร์พื้นที่กันจ้าล่ะหวั่น เด็กครัวเองก็วิ่งเสิร์ฟของว่างให้แขกกันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตอีกทั้งพวกวิชาการที่พยายามพรีเซนการเรียนการสอนของเพลินจิตเพื่อดึงดูดให้ผู้ปกครองเด็กม.สามพาเด็กมาสมัครที่นี้

แต่ที่เพลินจิตมีเงินอย่างเดี่ยวเรียนไม่ได้หรอกนะครับ มันต้องมีองค์ประกอบอื่นๆซึ่งช่างหัวมันก่อนเถอะครับ

"พวกคนจากค่ายเพลงเต็มเลยว่ะ กูเห็นมีคนจากค่ายXYWด้วย"

ไอ้อู๋ส่องกล้องก่อนจะบอกให้ผมมองตาม วันนี้เพื่อนผมสองคนเองก็มีหน้าทีที่ต้องดูแลครับ ไอ้เฟรมต้องไปประจำการแถวพวกกีฬำ ไอ้อู๋กับต้องตาต้องคอยดูแลแขกพิเศษที่ไม่ได้รับเชิญแต่ก็มีมาทุกปี

"กระจอกว่ะ"

มันว่า ก่อนจะกดส่งตั๊กแตนรำข้าวออกไปจัดการไวรัสของอีกฝ่าย

อย่างที่เคยบอกไปครับ เจ็ดเทพของโรงเรียนผม'โด่งดัง'จนเป็นที่นับหน้าถือตา แต่มีแสงก็ต้องมีเงา มีคนชอบย่อมมีไม่ชอบ
เพราะงั้นวันวิชาการของโรงเรียนผม ทุกๆปีจะมีแขกมาขอท้าดวลเสมอนั้นแหละครับ ท้าแข่งเต้นกับเทพลีลาบ้าง ดวลกีต้าร์กับเทพดนตรี แข่งทำอาหารกับเด็กครัว เยอะแยะครับ... แต่จริงๆต่อให้แพ้-ชนะก็ไม่ได้อะไร แค่'ศักดิ์ศรี'ของแหวนที่สวมมันค้ำคอครับ

"เดี่ยวพวกกูต้องไปแล้วนะ"

ไอ้อู๋เก็บโน๊คบุ๊คใส่กระเป๋า หลังดูนาฬิกา พวกมันถึงเวลาต้องไปแล้วนะครับ

"เออ โชคดี เดี่ยวเที่ยงๆเจอกัน"

ผมว่าก่อนจะโบกมือให้มันสองคน

ปกติทุกปีเวลามีงานวันวิชาการ ผมกับไอ้สองแสบนี้จะพากันเดินเหล่สาวต่างโรงเรียน(ซึ่งพวกหล่อนก็มาเหล่หนุ่มโรงเรียนผมนั้น
แหละ)ตกบ่ายผมก็ประกวดเดือนโรงเรียน แต่พอขึ้นม.ห้ามาอะไรๆก็เปลี่ยนไป เพราะส่วนใหญ่แล้วโรงเรียนผมจะให้พวกม.ห้าเป็นผู้คุมกิจกรรม ผู้ดูแลงานต่างๆมากกว่าพี่ม.หก เพื่อที่รุ่นพี่พวกผมจะได้เตรียมสอบเข้ามหาลัยได้อย่างเต็มที่ ส่วนผมเองปีนี้ก็ขี้เกลียดเลยไม่ได้สมัครลงเดือน

รักเพื่อน เคารพรุ่นพี่ ดูแลรุ่นน้อง เป็นวลีสั้นๆที่ติดหูผมตั้งแต่สมัยเข้ามาม.ต้น พอผ่านมาสักพักผมถึงได้เข้าใจความหมายของมัน

"อยู่นี้นิเอง"

เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากทางซ้ายมือ ผมขมวดคิ้วตอบกลับไป

"แวบออกมาได้ด้วยเหรอ?"

ผมถามไอ้ป้องกลับไป

วันนี้ป้องมันเป็นสตาร์ฟของฝ่ายจัดเวทีครับเลยได้อภิสิทธิ์ใส่เสื่อโปโลสีดำของงาน ซึ่งถือว่ามีอำนาจเดินเข้า-ออกพื้นที่ที่ห้าม
คนนอกเข้าได้ครับ แน่ล่ะว่างานมันเยอะมากๆ ตั้งแต่ขับรถมาส่งเมื่อเช้าก็เพิ่งได้เจอกันเนี้ยแหละครับ

"คิดถึง เลยแวะมาหา..."

"อีกรอบ..."

ไอ้ป้องทำหน้างงๆ ผมดึงมือมันมาวางซ้อนทับตรงที่เท้าแขนของระเบียบก่อนจะอธิบายให้มันฟัง

"อ้อนเกียร์อีกรอบได้ไหมครับ หื้ม?"

เพราะอยู่ในสถานที่ที่ไม่จัดว่าสมควรแก่การแสดงออก ผมเลยทำอะไรไม่ได้มากนักนอกจากกุ่มมือมัน ผมไม่ได้กลัวหรอกนะว่าถ้า
ตัวเองกอดไปแล้วบังเอิญมีใครมาเห็นจะมองผมไม่ดีกลับกันผมกลัวคนอื่นมองมันไม่ดีต่างหาก

ถ้าเราเลือกแล้วที่จะรักอีกฝ่าย ผมคิดว่าการให้เกียรติ์กันเป็นสิ่งที่สำคัญ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมยังคงเห็นไอ้ป้องเป็นผู้ชายคนหนึ่งมาโดยตลอด

แค่เป็นผู้ชายที่ผมหลงรักก็เท่านั้นเอง...

"ไม่เอาหรอก อ้อนบ่อยๆเดี่ยวไม่ศักดิ์ศิทธ์ ป้องแวะเอาของออกมาให้"

มันว่า พร้อมชูเสื่อโปโลไซร์แอลสีดำอีกตัวหนึ่ง ด้านหลังสกรีนคำว่าสตาร์ฟเหมือนๆกับของไอ้ป้อง

"จะดีเหรอ เอามาให้คนนอกเนี้ย?"

ปากพูดไปงั้น แต่มื่อก็รับเสื่อมาอยู่ดีแหละครับ

"คนนอกที่ไหนกัน เกียร์ก็ช่วยป้องเตรียมงานตั้งหลายอย่าง"

ไอ้ป้องยกยิ้มมุมปาก ผมแกะกระดุมปลดเสื้อเชิตที่ใส่มาออก ก่อนจะใส่โปโลไปแทนที่

"ขอบคุณนะ ว่าแต่ป้องกินไรยัง?"

เมื่อเช้านี้เพราะต้องรีบมาเตรียมงานป้องเลยอดข้าวเช้าครับ ผมเองก็เลยเลือกไม่กินจะได้มาส่งอีกฝ่ายทัน จากนั้นก็เดินดูงาน
เพลินจนมาถึงบนตึกนี้

"ยังเลย ป้องว่าจะกินตอนเที่ยงที่เดี่ยวเลย"

"แล้วไม่หิวเหรอ? "

สุดท้ายผมงัดไม้ตายชูถุงหมูปิ้งเจ้าอร่อยจากหน้าโรงเรียนขึ้นมา สุดท้ายมันกับผมเลยทรุดตัวนั่งลงกับพื้นกินข้าวเหนี่ยวหมูปิ้งกัน
ตรงระเบียงเนี้ยแหละครับ ลมเย็นดี

"เออเกียร์"

"ครับ?"

"อย่าลืมไปดูคอนเสิร์ทวันนี้นะ"

ไอ้ป้องพูดพร้อมเคี้ยวหมูปิ้งไปด้วยจนเต็มสองแก้ม แก้มมันน่าหยิกเล่นชะมัด!!!

"นี้ก็ตั้งใจไปดูเหมือนกัน ป้องเคยเห็นอามัวรึยัง?"

ไอ้ป้องชะงักไปกึกหนึ่งก่อนจะตอบกลับผม

"เคยสิ...จริงๆแล้วป้องมีเรื่องจะบอกเกียร์ด้วย"

"เรื่องอะไรล่ะ?"

ผมเหยียดขาตรงนั่งหลังชนกับระเบียงรอฟังอีกฝ่ายพูด

"คือว่าจริงๆแล้ว อามัวนะ..."

'โครม'

เสียงของไอ้ป้องขาดหายไปหลังเสียงถังขยะโลหะตรงปลายระเบียงทาวเชื่อมล้มลงไป ผมกับไอ้ป้องหันขวับไปมอง ก่อนจะเห็น
เด็กสาขาสองคนหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะวิ่งทะเล่อไปชนถังขยะล้มลงอยู่

"นาย...เห้ย เดียร์!!!!"

ไอ้ป้องที่วิ่งเข้าไปช่วยดึงอีกฝ่ายขึ้นร้องเสียงหลง คนรู้จักสินะ

"จริงๆเราชื่อหนมปัง... แต่ตอนนี้ขอที่ซ่อนให้เราหน่อย!!!!"

"ที่ซ่อน?"

"อื้มอะไรก็ได้ ขอตอนนี้เลย!!!"

ผมกับไอ้ป้องหันมามองหน้ากัน ก่อนจะชี้ไปที่ถังน้ำแข็งยูนิตที่ใช้ในวันรับน้อง อีกฝ่ายผงกหัวขอบคุณๆ ก่อนจะวิ่งไปเปิดฝาแล้ว
ปีนลงไปอย่างรวดเร็ว คือ.... ในนั้นมันมืดและไม่มีอากาศนะครับ(ผมเคยโดนไอ้พวกทโมนในห้องจับยัด-*-) แต่ดูเหมือนอีกฝ่าย
ไม่แคร์เลยวุ้ยแค่หน้าที่นั้นได้ซ่อนตัวก็คงพอใจแล้ว

........แล้วซ่อนตัวจากอะไร?

"นู้นไง NPC ปริศนามาโน้นแล้ว"

ไอ้ป้องบุ้ยปากตอบสิ่งที่ผมสงสัย

ผมเห็นเด็กสาขาสองอีกคนหนึ่งวิ่งอ้อมทางเชื่อมตึกจนมาถึงหน้าหอประชุมเล็กที่พวกผมอยู่ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อแสดงออก
ถึงความพยายามในการติดตามอะไรบางอย่าง ซึ่งก็คงไม่แคล้วคนในถัง

"โทษนะ...นาย...ป้อง เห็นคนที่สูงประมาณนี้ ใส่แว่นอันโตๆวิ่งมาไหม?"

อีกฝ่ายพูดพลางหอบด้วยน้ำเสียงร้อนรน สิ่งที่ทำให้ผมสงสัยคือแววตาที่แสดงออกมา มันเป็นแววตาคู่หนึ่งที่ผมรู้จักดี เป็นแววตาที่ผมเคยมีสมัยช่วงตกหลุมรักไอ้ป้อง

...แววตาของคนที่รู้ว่าตัวเองตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว

"เห็น/ไม่เห็น"

ผมหันกลับไปมองหน้าคนข้างๆด้วยความไม่เข้าใจ ผมว่าคนในถังน้ำแข็งคงกำลังก่นด่าไอ้ป้องแหง่มๆ

"เกียร์ไม่ต้องโกหกหรอก...เราเห็น 'หนมปัง' วิ่งไปทางนู้น"

พอไอ้ป้องชี้นิ้วไปในทิศทางตรงกันข้ามนั้นแหละผมเพิ่งได้เข้าใจว่ามันพูดว่าเห็นเพราะอะไร

"อ่า ขอบคุณครับป้อง"

อีกฝ่ายพูดขอบคุณก่อนจะเตรียมวิ่งไปแต่ไอ้ป้องพูดเนิบๆดักทางไว้ก่อน

"ถึงจะเป็น'สีเทียน' แต่ถ้ามีเรื่องในสาขาหนึ่ง ผมก็ไม่ไว้หน้าหรอกนะ"

อีกฝ่ายก้มโค้งรับคำให้พวกผม ก่อนจะยิ้มจางๆให้ก่อนจะวิ่งหายไป

"ตกลงป้องจะรู้จักNPCลับทุกตัวเลยใช่ไหมครับ?"

ผมถามหยอกอีกฝ่าย เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเวลาพวกนี้ปรากฏที่ไรไม่เห็นมีคนที่ผมรู้จักเลย ไอ้ป้องจิกตาใส่ผม พลางพูดผ่าน
ริมฝีปากว่า'ไม่ใช่เวลา' โห่ก็ผมไม่อยากให้แฟนเครียดนิครับ

"ออกมาเถอะหนมปัง เขาไปแล้ว"

ผมรู้สึกเหมือนๆไอ้ป้องจะเลี่ยงการพูดชื่ออีกฝ่ายตรงๆแหะ

หนมปังค่อยๆดันฝาถังน้ำแข็งขึ้นก่อนจะมองลอดสายตากวาดไปรอบๆพอเห็นว่าปลอดภัยแล้วถึงค่อยกระโจนออกมา

"โอ๊ย หนมปังเกือบตายในนั้นแล้วป้อง นึกว่าป้องจะบอกมันซะอีก"

หนมปังทรุดตัวลงไปนั่งกับเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้อง ก่อนจะโบกมือพัดระบายความอบอาวจากการเข้าไปอยู่ข้างใน

"กินน้ำก่อน คิดว่าสีเที..เขาคงยังไม่วิ่งกลับมาหรอก"

ไอ้ป้องบอก หนมปังรับน้ำไปก็กระดกลงอย่างไม่เกรงใจ

"ขอบใจนะป้อง"

หนมปังว่าพลางถอนหายใจยาวๆ

"แล้ววิ่งหนีเขาทำไมอ๊ะหนมปัง"

พอเห็นอีกฝ่ายจัดการตัวเองเข้าที่เข้าทางแล้วไอ้ป้องก็ถามขึ้น

“ก็แค่...ไม่อยากเจอ ....”

“โกรธกันอยู่เหรอ....?”

“เปล่าหรอก...คือจริงๆ เราไมได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ”

ผมเห็นหนมปังเม้มปากตอนพูดท่อนสุดท้าย อะไรบางอย่างในแววตาหมองลงไป

“คือจริงๆเราก็ไม่ได้สนิทกัน.... แต่ถ้ามีอะไรไม่สบายใจพูดให้ป้องกับเกียร์ฟังก็ได้นะ”

ไอ้ป้องพูด ก่อนตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ

หนมปังเม้มปากสนิท ก่อนจะค่อยๆเล่าเรื่องให้ผมฟัง จริงๆแล้วผมคิดว่าหนมปังคงไม่ได้อยากเล่านักหรอก แต่สิ่งที่อยู่ข้างในคงอัดแน่นเกินกว่าจะทนเก็บเอาไว้  อีกทั้งป้องเองก็มีลักษณะที่น่าเชื่อถือมากพอว่าจะพูดเรื่องของอีกฝ่ายในทางที่เสียหาย
ในเมื่อมันเป็นเรื่องของ ‘หนมปัง’ ผมเองก็ขอแค่รับฟังไว้ แต่ไม่ขอเล่าต่อ….







..




.

.


.

.


.




.

.



“แล้วนี้มึงรอดมาได้ยังไงว่ะ ?”

ไอ้ป้องถามขึ้นหลังจากหนมปังเล่าฉากที่ระทึกขวัญที่สุดให้ฟัง โปรดอย่าแปลกใจกับสรรพนามที่เปลี่ยนไปครับ เด็กผู้ชายอยู่ใกล้ๆกันแปปๆก็สนิทกันแล้วครับ

“กูเอาขวดเหล้าที่กลิ้งอยู่แถวพื้นนั้นแหละฟาดหัวมัน”

หนมปังตอบหน้าตาย ไอ้ป้องหัวเราะร่วนถูกใจ ก่อนทั้งคู่จะยกหมัดขึ้นมากระแทกเบาๆเป็นเชิงถูกใจกันและกัน

“ดีแล้วมึง เราไม่ใช่นางเอกเว้ย จะได้ยอมให้พระเอกปล้ำแบบนั้น”

“ใช่ๆ กูไม่ใช่นางเอก”

ครับ.... ก็รู้ว่าไม่ใช่นางเอกกันทั้งคู่นั้นแหละ แต่มีอย่างที่ไหนเอาขวดเหล้าฟาดพระเอกว่ะ!!!

ผมแอบสยองหน่อยๆ พอคิดว่าถ้าเกิดตัวเองเมาแล้วปลุกปล้ำไอ้ป้องบ้าง มันจะเอาขวดเหล้าฟาดหัวผมเหมือนที่หนมปังทำกับสี
เทียนไหม....

“แล้วหลังจากฟาดแล้วทำไงต่อว่ะ ??”

ไอ้ป้องถามต่อ หนมปังฮึดฮัดจมูกก่อนจะตอบ

“จริงๆอยากจะใจไม้ไส้ระกำปล่อยมันนอนเลือดอาบหัวตายตรงนั้นแหละ แต่ขี้เกลียดเจ็บกวาดศพ”

“เลย... ?”

“ก็เลยช่วยทำแผลให้นั้นแหละ จริงๆหัวมันแตกแค่นิดหน่อยเพราะฟาดไม่เต็มแรงมาก ..ยั้งๆแรงไว้อยู่นะ แค่ต้องการเรียกสติมัน”

หนมปังตอบกลับมา ไอ้ป้องพยักหน้ารับก่อนจะพูดต่อ

“แล้วอีกฝ่ายว่าไงมั่งหลังสร่างเมา ?”

รอบนี้หนมปังทำหน้าเบื่อโลกสุดชีวิต ก่อนจะเขี่ยๆไม้แหลมหมูปิ้งเล่น(พอสนิทกันปุบ แมร่งแย่งของผมแดรกปับ ขอบคุณนะหนม
ปัง-*-)

“เหอะ....มันจะพูดว่าไงเหรอ ....? มันหาว่ากูโมเมไง แถมยังถีบกูตกเตียงอีกต่างหาก รู้งี้นะ เมื่อคืนน่าจะฟาดให้ตายไปเลย”

หนมปังกำหมัดชูขึ้นมานิดๆ ใบหน้าบ่งบอกว่าเอาจริงสุดๆ   ไอ้ป้องพยักหน้าขึ้นลงเห็นด้วย

..........นี้ผมกลายเป็นส่วนเกินตอนแม่บ้านเขาคุยกันรึเปล่าครับ... ?

“แต่เอาจริงๆนะ หนมปัง...ยังชอบสีเทียนใช่ไหม ?”

ผมถามประเด็นที่ตัวเองสงสัย หลังจากทั้งคู่มีช่องว่างให้ผมเข้าไปแทรกได้สักที่

หนมปังฟังคำถามผมแล้วก็เงียบไป ถ้าให้ผมเดาก็คงกำลังสับสนกำกึ่งระหว่างความรู้สึกกับสิ่งที่อีกฝ่ายได้กระทำไว้กับตัวเองนั้น
แหละครับ แต่เรื่องนี้จะโทษหนมปังก็ไม่ได้ เพราะสีเทียนผิดเองที่ทำอะไรแย่ๆลงไปแบบนั้น อีกทั้งถ้าผมเดานิสัยของสีเทียนจาก
คำพูดของหนมปังนะ ผู้ชายคนนี้อ่อนข้อให้ใครไม่เป็นครับ

“หนมปังไม่รู้หรอก ว่ายังใช้คำว่า ‘ชอบ’ ได้ไหม ..... หนมปังอาจจะยังอยากอยู่ใกล้ๆเขา อะไรแบบนี้ แต่ทุกๆครั้งที่ได้ขยับเข้าไป
ใกล้ๆ ความกลัวของหนมปังจะเพิ่มพูนเข้ามาในทางตรงกันข้าม สิ่งที่เขาทำไว้มันหนักหนาจริงๆนะเกียร์ หนมปังอึดอัด หนมปังไม่ชอบท่าที่ของเขา หนมปังไม่ได้อยากให้เขาบอกใครๆหรอกถ้าเกิดว่าเราจะคบกันจริงๆ สิ่งเรานั้นมันไม่จำเป็น.....”

หนมปังเว้นวรรคช่วงไปก่อนจะพูดต่อ

“การแสดงออกของสีเทียนเป็นเหมือนเงา..... หนมปังเหมือนจะมองเห็นมันแต่ก็มองไม่ชัด มันเป็นความรู้สึกที่หนมปังขยาดและ
หวาดกลัวเกินกว่าจะตัดสินได้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป ทุกครั้งเวลาที่หนมปังคิดจะเลิกชอบเขา มันเหมือนกับว่าเขาเล่นตลกกับหนมปังด้วยการขยับเข้ามาใกล้ๆอีกหนึ่งก้าว มันเหมือนให้ความหวังกันเลยเนาะ......”

เสียงของหนมปังเริ่มสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ไอ้ป้องหันมาเอ็ดผมหน่อยๆที่ทำเพื่อนมันเศร้า

“หนมปังกลัวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ความรัก .... มันอาจจะเป็นทิฐิของเด็กผู้ชายก็ได้ เวลาสูญเสียสิ่งที่คิดว่าตัวเองได้ครอบครองลงไป กลัวว่าจะเสียศักดิ์ศรี เลยพยายามลากให้หนมปังเข้าไปในวังวนของเขา”

“แต่เขาอาจจะจริงจังกับหนมปังก็ได้นิ ?”

ผมพูดในแง่ของคนที่รับฟัง และค่อยๆให้คำปรึกษา ไม่อยากชี้ชัดอะไรมากครับ

“เอาเป็นว่าทำตามที่หนมปังสบายใจเถอะ เรื่องแบบนี้ค่อยๆคิดก็ได้ ให้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน”

ไอ้ป้องที่เงียบไปนานพูดขึ้นมาบ้าง ก็คงจะจริงอย่างที่ป้องมันว่าล่ะครับ เรื่องของหนมปังกับสีเทียนซับซ้อนมากเกินกว่าที่คนนอกสองคนอย่างพวกผมจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว มันเป็นเรื่องที่คนสองคนต้องหันหน้าเข้าคุยกันจริงๆ แต่ดูเหมือนตอนนี้คงเป็นไปได้ยาก เพราะหนมปังเองก็หวาดกลัวกับเรื่องที่โดนกระทำเกินกว่าจะเปิดใจให้สีเทียนได้

ผมแอบดีใจนิดๆที่ป้องกับผมไม่ซับซ้อนแบบคู่นี้แหะ....

“อื้ม...หนมปังจะค่อยๆตัดสินใจนะ ขอบใจป้องกับเกียร์มากเลยที่มานั่งฟังอะไรไร้สาระแบบนี้...”

“โหย แค่นี้จิ๊บๆ เรื่องของเพื่อนนี้ไม่ไร้สาระหรอก ...อีกอย่าง หนมปังกับป้องเจอกันบ่อยๆแต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสมานั่งคุยกันแบบนี้เลย”

“ฮ่าๆ ก็จริงแหะ เจอกันที่ไหร่มีแต่เรื่องยุ่งๆตลอดเลย”

แล้วหนมปังกับป้องก็นั่งหัวเราะร่วมกัน  โดยมีผมเป็นตัวประกอบแบล็กกราว....(ผมยังเป็นพระเอกของเรื่องนี้อยู่ไหม ...ตอบ ?)

“แล้วมึงไม่คิดจะฟังกูพูดบ้างเหรอ ?”

น้ำเสียงเย็นๆดังขึ้นจากหน้าห้องประชุมเล็ก ผมเห็นหนมปังแทบจะโดดไปหลบอยู่หลังป้องด้วยซ้ำ

“เดี่ยว.... ใจเย็นก่อนสีเทียน”

ไอ้ป้องยืนกั่นห้ามทัพระหว่างหนมปังกับคนที่เพิ่งมา สีเทียนตอนนี้ทั่วทั้งร่างอาบไปด้วยเหงื่อ ผมเห็นแววตาเหน็ดเหนื่อยของอีกฝ่ายถูกเคลื่อบไว้จางๆด้วยความรู้สึกของคนที่กำลังน้อยใจ

“ป้อง ....สีเทียนของคุยกับหนมปังเป็นการส่วนตัว...ได้ไหม ?”

สีเทียนพูดช้าๆชัดๆ เต็มถ้อยคำ ผมเห็นหนมปังเกาะหลังไอ้ป้องแจเหมือนกลัวไอ้ป้องจะหายไปจากตรงนั้น

“เทียนกลับไปก่อนเถอะ...ป้องทิ้งปังไมได้หรอก เกิดเทียน....”

สีเทียนปั้นหน้ายาก ก่อนจะหันมาทางผม ....แววตาที่ส่งออกมาสื่อสารกันได้เป็นอย่างดีจนผมเข้าใจ  แววตาที่ผมแสดงออกมาตอนจะขอร้องลุกผู้ชายด้วยกันสักคนหนึ่ง

“ป้อง ไปกันเถอะ”

สุดท้ายไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่ผมรู้สึกสงสารสีเทียนจนยอมไปดึงป้องออกมาจากตรงนั้น  ไอ้ป้องทำหน้าเหวอ แต่ก็โดนผมลากออกมาอยู่ดี

“เดี่ยวก่อน เกียร์...เห้ย!!!”

“สีเทียนคุณต้องรับปากผม.... ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหนมปัง ผมจะเป็นคนแรกที่เอาเรื่องคุณ!!!”

ผมทิ้งท้ายไว้แค่นั้น สีเทียนส่งแววตาขอบคุณมาให้ ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับหนมปังที่ตอนนี้แทบอยากจะกระโดดหน้าต่างหอ
ประชุมหนีออกไปด้วยซ้ำ

ผมลากป้องออกเดินออกมาเรื่อยๆ  ไอ้ป้องเองแม้จะขัดขื่นบ้างแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรผมนัก

“ทำไมเกียร์ทำแบบนี้อ๊ะ...เกิดสีเทียนทำอะไรหนมปังขึ้นมาจะว่ายังไง ?”

ไอ้ป้องเอ็ดผมชุดใหญ่หลังผมพามันมาหยุดตรงทางเชื่อม ดวงตาคู่เรียวมองผมด้วยความไม่เข้าใจ

“ป้อง  ในเขตโรงเรียนเรายังไงพวกเราก็ใหญ่ที่สุด เกียร์ว่าดีกว่าให้เขาไปเคลียร์กันที่อื่นนะ มันอาจจะเป็นโอกาสที่ดีก็ได้ในการที่เขาสองคนจะเข้าใจกัน”

“แต่เกียร์ สีเทียนทำไม่ดีกับหนมปังไว้นะ”

“เกียร์ก็เคยทำไม่ดีไว้กับป้อง ทำไมตอนนี้เราถึงยังรักกันได้ล่ะครับ ?”

ถ้าจะคุยกับป้อง ต้องยกตัวอย่างและเหตุผลที่มีน้ำหนักมากเพียงพอให้อีกฝ่ายคิดตามครับ ผมอยู่กับป้องมาจนจับหลักได้แล้ว

“ก็...ก็เกียร์รักป้องไง....”

ไอ้ป้องพูดไป หน้าแดงนิดๆไป

“ก็นั้นไง เหตุผลที่เกียร์กล้าปล่อยหนมปังไว้กับสีเทียน”

“เกียร์หมายความว่า.... ?”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะอธิบายความรู้สึกของตัวเองให้ฟัง

“ป้องฟังที่เกียร์พูดนะ เรื่องที่หนมปังเล่ามา เกียร์ไม่ได้บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ป้องรู้ไหม หลายๆเรื่องถ้าเราไม่ได้เป็นคนในเหตุการณ์นั้นๆ หรือเจอมากับตัวเอง เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าทำไมถึงทำแบบนั้น ทำไมถึงเลือกที่จะทำแบบนี้  สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างสองคนนั้นเกียร์ว่ามันเป็นความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นจากทิฐิของพวกเขา เรื่องแบบนี้เราไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง สีเทียนอาจจะมีเหตุผลที่ต้องทำอะไรแบบนั้นลงไปก็ได้นิครับ ที่เกียร์พูดนี้จริงไหม ?”

ไอ้ป้องค่อยๆคิดตามที่ผมพูด ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ

“หน้าที่ของเพื่อนคือการยืนอยู่ข้างๆกัน  ไม่ต้องกลัวหรอกว่าหนมปังจะเป็นอะไร  ป้องคิดว่าคนที่มีสติตอนตัวเองกำลังจะถูกปล้ำนี้
จะเอาตัวรอดไม่ได้จริงๆเหรอ ? เผลอๆเกียร์ว่าคนที่น่าห่วงกลัวว่าจะเป็นอะไรสมควรเป็นสีเทียนมากกว่าซะอีก”

ผมพยายามพูดตลกให้ไอ้ป้องคลายความกังวล.... แต่จริงๆแล้วผมว่าผมห่วงสีเทียนนะ เพราะถ้าขนาดหนมปังกล้าเอาขวดเหล้าฟาดหัว ผมว่าของในห้องนั้นหนมปังก็คงไม่ลังเลที่จะใช้มันเป็นอาวุธในการป้องกันตัวหรอกครับ

“ตอนนี้หน้าที่ของป้องอีกอย่างคือการเตรียมสตาร์ฟไม่ใช่เหรอครับ ? นี้มันบ่ายโมงแล้วนะ”

ผมพูดเตือน ก่อนจะชุนาฬิกาข้อมือในอีกฝ่ายดู ไอ้ป้องเบิกตากว้างก่อนจะพูดขึ้น

“เออใช่ มัวแต่คุยกับหนมปังจนลืมเวลาเลย!!!!”

นั้นไงล่ะ ผมเดาผิดซะที่ไหน ป้องนะเวลาทำอะไรเพลินๆแล้วลืมเวลาตลอดครับ

“งั้นก็รีบไปกันเถอะครับ เดี่ยวสองคนนั้นเคลียร์เสร็จก็คงลงมาจากตึกเองแหละ”

แม้จะอยากย้อนกลับไปดูเพื่อน แต่ไอ้ป้องคงถือว่าคำพูดของผมมีน้ำหนักมากเพียงพอ มันเลยเลือกจะจับมือผมแล้ววิ่งไปทางหอ
ประชุมใหญ่ อีกประมาณครึ่งชั่วโมงการแข่งขันดนตรีต้านยาเสพติดของวงแรกจะเริ่มประกวดแล้ว และต่อจากนั้นอีกสองชั่วโมงอามันจะขึ้นแสดงสด ไอ้ป้องวานผมให้ไปเป็นสตาร์ฟในหอประชุมเหมือนกัน ผมรู้ว่ามันคงไม่อยากทิ้งผมไว้แค่คนเดี่ยวนั้นแหละ

อีกแค่สองชั่วโมงสินะ....


แล้วเจอกัน.....


....อามัว




TBC.


ตอนนี้เกียร์รู้สึกเหมือนเป็นตัวประกอบจริงๆแหะ


ตอนหน้าได้เจอกับ 'อามัว' แน่นอนครับ สัญญา   :hao6:


ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เปิดตัวอีกคู่แล้ว

แกช็อคแน่ เกียร์เอ๋ย  :hao3:

มันพีคอ๊ะครับ => มันพีคอ่ะครับ
I dol => Idol
แชลแนล => แชนแนล
เกือบๆสองปีเนี้ย => เกือบๆสองปีเนี่ย
อะไรแบบนี้นะครับ => อะไรแบบนี้น่ะครับ
"นี้คนรึว่าหนอนว่ะ!?!?" => "นี่คนรึว่าหนอนวะ!?!?"
พรีเซน => พรีเซนต์
มีเงินอย่างเดี่ยว => มีเงินอย่างเดียว
แถวพวกกีฬำ => แถวพวกกีฬา
ขี้เกลียด => ขี้เกียจ
"อยู่นี้นิเอง" => "อยู่นี่ นี่เอง"
สตาร์ฟ => สต๊าฟ หรือ สตาฟ
ก็เพิ่งได้เจอกันเนี้ยแหละครับ => ก็เพิ่งได้เจอกันเนี่ยแหละครับ
นอกจากกุ่มมือมัน => นอกจากกุมมือมัน
ศักดิ์ศิทธ์ => ศักดิ์สิทธิ์
ชูเสื่อโปโลไซร์แอล => ชูเสื้อโปโลไซส์แอล
เอามาให้คนนอกเนี้ย => เอามาให้คนนอกเนี่ย
แต่มื่อก็รับเสื่อ => แต่มือก็รับเสื้อ
เสื้อเชิต => เสื้อเชิ้ต
กินตอนเที่ยงที่เดี่ยว => กินตอนเที่ยงทีเดียว
ตรงระเบียงเนี้ยแหละครับ => ตรงระเบียงเนี่ยแหละครับ
ปลายระเบียงทาวเชื่อม => ปลายระเบียงทางเชื่อม
เห้ย => เฮ้ย
"นู้นไง NPC ปริศนามาโน้นแล้ว" => "นู่นไง NPC ปริศนามาโน่นแล้ว"
แหง่มๆ => แหงมๆ
ทำไมอ๊ะ => ทำไมอ่ะ
เราไมได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ => เราไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ
“แล้วนี้มึงรอดมาได้ยังไงว่ะ ?” => “แล้วนี้มึงรอดมาได้ยังไงวะ ?”
ทั้งคู่นั้นแหละ => ทั้งคู่นั่นแหละ
แต่ขี้เกลียดเจ็บกวาดศพ => แต่ขี้เกียจเก็บกวาดศพ
สับสนกำกึ่ง => สับสนก้ำกึ่ง
กระทำไว้กับตัวเองนั้นแหละครับ => กระทำไว้กับตัวเองนั่นแหละครับ
แบล็กกราว => แบล็คกราวน์
“เดี่ยว.... ใจเย็นก่อนสีเทียน” => “เดี๋ยว.... ใจเย็นก่อนสีเทียน”
ไอ้ป้องยืนกั่นห้ามทัพ => ไอ้ป้องยืนกั้นห้ามทัพ
ถูกเคลื่อบ => ถูกเคลือบ
ทำไมเกียร์ทำแบบนี้อ๊ะ => ทำไมเกียร์ทำแบบนี้อ่ะ
กำลังจะถูกปล้ำนี้ => กำลังจะถูกปล้ำนี่
นั้นไงล่ะ => นั่นไงล่ะ
แค่คนเดี่ยวนั้นแหละ => แค่คนเดียวนั่นแหละ

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ตอนหน้าเชิญพบกับ ป้อง(อามัว) ได้เลยคะ ทำเสียงหวาน
ปล. คิดถึงต่าง มาจุ๊ฟที  :กอด1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ถ้าเป็นอย่างที่เดาไว้ เกียร์จะเข้าใจป้องมั้ยนะ
แต่เกียร์เป็นคนมีเหตุมีผลและฟังด้วย

หนมปัง สีเทียน ก็น่ารักอีกคู่แล้วนะ

ออฟไลน์ ROCKLOBSTER

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-4
ไมก๊อตซิป้องมันดูเมะกว่าเกียร์หว่า   o22


ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
#27 เพลงที่ร้องออกมาจากใจ








“รบกวนช่วยขยับตัวเข้าไปอีกหน่อยนะครับ คนหลังจะได้เข้ามาได้”

ผมพยายามยิ้มหวานให้สาวๆคอนแวนโรงเรียนดังแห่งหนึ่งขยับตัวเข้าไป เมื่อพวกคุณเธอเล่นขวางประตูไว้ คนอื่นจะเข้าไปได้ยังไงล่ะครับ

พวกหล่อนมองผมตาละห้อย ก่อนจะหันไปซุบซิบกัน ไม่นานหนึ่งในนั้นก็เดินมาหาผม

“คือ...นายมีไลน์ไหมอ๊ะ ? เพื่อนเราอยากได้”

สาวเจ้าบอก ก่อนจะชี้ไปที่เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม

ก็น่ารักดีนะครับ ดูสดใสสมวัยดี แถมกลุ่มนี้ไม่แต่งหน้าอีกต่างหาก....

....แต่ไอ้ป้อง ‘ของผม’ ยังไงๆก็น่ารักกว่าอยู่ดี

“ขอโทษนะครับ คือ....ผมมีแฟนแล้วนะครับ”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงให้ไป พร้อมคิดในใจเสร็จสรรพว่าจะควงกี่วันดี แล้วแต่อารมณ์ ณ ตอนนั้น ...แต่ตอนนี้ ผมมีแฟนแล้ว และ
ผมรักแฟนของผมมาก ถ้าทำแบบนั้นคงไม่ดีแน่ๆ

หล่อนฟังผมพูดแล้วหน้าเจื่อนๆไป ก่อนจะก้มหัวให้ผมแล้วเดินกลับไป พร้อมกันนั้นเองกลุ่มเพื่อนของหล่อนก็มองผมประมาณว่าเสียดายอะไรแบบนั้น ฮ่าๆ เอาเถอะครับ บอกเขาไปตรงๆดีกว่าให้ไลน์ไปแล้วเขามาจีบ แบบนั้นมันเหมือนเราเล่นด้วยครับ

“โหพี่ มายื่นแปปเดี่ยว สาวๆตอมซะ ...ผมนี้ยื่นมาทั้งวันยังไม่มีใครมาถามแบบนั้นเลย”

น้องที่คุมงานตรงประตูเป็นเพื่อนผมแซ่วขึ้นมา ก็กูหล่ออ๊ะ ต้องเข้าใจ นะน้อง
ผมยิ้มตอบให้น้องมัน ก่อนจะพยายามตะโกนบอกคนที่เข้ามาขวางประตูให้เข้าไปข้างใน เพื่อที่คนที่มาที่หลังจะได้มีที่ยืนดูครับ

ตอนนี้บนเวทีเริ่มมีวงดนตรีขึ้นไปเล่นบ้างแล้ว ผมรู้สึกได้ว่าทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่หลายๆคนของผมเกร็งๆไป เมื่อเห็นว่ามีคนจากหลายๆค่ายเพลงส่งคนมาดู ถึงแม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้มาดูตน แต่หากบังเอิญจับพลัดจับพลูเล่นเข้าตากรรมการ โอกาสในการเข้าไปในวงการก็คงไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป

เวลาเดินผ่านไปอีกประมาณครึ่งขั่วโมง หลายๆวงที่ขึ้นไปเล่น พยายามปล่อยของกันสุดฤทธิ์ ผมเห็นพวกแมวมองจับกลุ่มกันซุบซิบ พอๆกับคนนอกที่เข้ามาชมการแสดง ถ้าเดาไม่ผิดต่อให้พวกเขาไม่ได้ตัวอามัวไป ผมว่าก็อาจจะมีใครสักคนในกลุ่มได้ ‘เพชร’เม็ดอื่นไปแทน แม้จะไม่ใช่จุดประสงค์หลักที่มางาน แต่ก็ถือว่าพอชดเชยกันไปได้

ตราพ.ว. เบิกทางได้เหมือนเคยแหะ...

เอาเข้าจริงๆถามว่าผมชอบไม่  ? ก็ไม่นะ ... จริงๆผมอยากให้พวกเขาดูที่ศักยภาพของพวกผมที่แสดงออกมา มองให้ลึกลงไปถึงสิ่งที่พวกผมมี ไม่ใช่แค่ว่าพอเห็นตราสถาบันแล้วก็คัดๆพวกผมไป พร้อมบอกว่าใช้ได้ ทั้งๆที่จริงแล้วพวกเขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าพวกผมมีความสามารถถึงขั้นไหน สมควรได้รับการคัดเลือกไหม ?

มันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมยอมรับว่ามีในสังคมไทยจริงๆ ชื่อสถาบันคือใบเบิกทาง ครั้งหนึ่งผมเคยจับพลัดจับพลู ถูกส่งไปแข่งขันวาดรูปศิลปะระดับภาคแทนเพื่อนสนิทตัวเองอีกคนหนึ่ง พอพวกกรรมการเห็นชื่อโรงเรียนผมแล้วก็กรอกคะแนนให้ผ่านเข้ารอบไปได้ ทั้งๆที่จริงแล้วมองตามเนื้องานแล้วมันไม่ใช่!!! ตัวผมเองแทบจะไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยแม้แต่น้อย กระทั้งโจทย์ที่ต้องวาดผมก็เพิ่งรู้ตอนไปถึงสถานที่แข่งขัน  ไม่เหมือนเด็กคนอื่นที่เตรียมตัวมาแรมเดือนตั้งใจมาประกวดจริงๆ ผมมองหน้าเด็กโรงเรียนอื่นที่ผลงานดีกว่าผมแล้วไม่ได้เข้ารอบด้วยความละอายด้วยซ้ำ

เพราะรู้สึกเหมือนโกงคนอื่น  สุดท้ายเลยตัดสินใจขออาจารย์สละสิทธิ์ไปดีว่าอาจารย์ท่านก็เข้าใจ เรื่องเลยจบลงด้วยดี....

ถ้าสิ่งทีได้รับมา ไมได้เกิดจากความสามารถของตัวเอง ผมคงไม่ภูมิใจกับมันหรอกนะครับ

“เกียร์ !!! มานี้เร็วๆ”

เสียงของใครสักคนดังแข่งกับเสียงเพลงร็อคหนักๆจากบนเวที ก่อนผมจะถูกมือมืดปริศนาลากเดินฝาผู้คนผ่านเข้าไปกลางหอ
ประชุม

“เดี่ยว เราเฝ้าหน้าประตูอยู่นะ”

ผมแจง พอหันกลับไปมองก็เห็นว่าหน้าประตูมีคนอื่นมายืนคู่กับรุ่นน้องแทนผมแล้ว

“ไม่เป็นไร ตรงนั้นปล่อยใครทำก็ได้ ...พี่เซียร์สั่งว่าให้พานายมายืนอยู่ตรงนี้ แล้วกำชับว่าห้ามเดินไปไหนเด็ดขาด!!! ยืนเง้าระวังอยู่ตรงนี้จนกว่าจะจบ โอเคนะ เราไปแล้ว...”

ผมมองเห็นหน้าคนพูดไม่ขัด เพราะในหอประชุมดับไฟเกือบหมดทุกดวง เพื่อเน้นแสงสว่างให้กับบนเวที อีกฝ่ายพอพูดจบแล้วก็วิ่งไปอีกทางหนึ่ง

สรุปคือ ... ผมถูกลากมาทิ้งไว้กลางหอประชุมโดยที่ไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร แต่ถ้าลองเดาเล่นๆ ผมคิดว่าไอ้ป้องคงขอให้พาผมมาตรงนี้แหละ มันคงไม่อยากให้ผมยืนอยู่ตรงนั้นล่ะมั่งครับ

เอาเถอะครับ เขาให้เราอยู่ตรงไหนเราก็อยู่ตรงนั้นแหละ...

ผมยืนอยู่ตรงจุดเดิม ก่อนจะปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเพลงบนเวที หลายๆวงที่ขึ้นไปแสดง โชว์ให้ทุกคนเห็นถึงความพยายาม
ของพวกเขา ทั้งวงที่เล่นเพลงยากโคตรๆในความคิดของผม และหลายๆวงที่ปล่อยของออกมา จนคนข้างล่างเพลิดเพลินไปกับอารมณ์ กระทั้งผมยังรู้สึกสนุกสนานไปด้วยเลย

เพลินจนกระทั้งการแสดงวงสุดท้ายจบลงไป...


‘พรึ่บ!!!’


ไฟในหอประชุมพร้อมใจกับดับทุกดวงไม่เว้นกระทั้งหน้าเวที หลายๆคนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันขึ้นมา ก่อนไฟสีฟ้าอ่อนจะค่อยๆเปิดออกมากลางเวที พร้อมๆกันนั้นเองเสียงกรี๊ดทั้งสาวแท้และเทียมก็ดังขึ้นเหมือนกับงานเปิดตัวดาราดังๆสักคนหนึ่ง ก่อนดวงตาของ
ผมจะค่อยๆเปิดกว้างขึ้นมาพร้อมๆกับหัวใจที่เต้นรั่ว....


แสงไฟสีฟ้าอ่อนค่อยๆส่องสว่างจนมองเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่บนเวที

“ความฝัน.....คำๆหนึ่งที่มีความหมาย....”

ผมรู้สึกว่าตัวเองเหงื่อออกขึ้นมาดื้อๆ ทั้งๆที่แอร์ในหอประชุมเย็นเฉียบจนเรียกได้ว่าเกือบจะแช่แข็งพวกผมด้วยซ้ำ แต่เพราะอะไรบางอย่างในความรู้สึกที่กำลังหลอมละลายผมนั้นแหละ แอร์ในหอประชุมเหมือนพัดลมเก่าๆตัวหนึ่งไปเลย

“ทำให้มีพลัง...ทำให้ร้อนรน...ทำให้ดิ้นรน.....”

เสียงกรี๊ดในหอประชุมยังคงดังกระหึ่มตามคำพูดของเขา

“แม้บางครั้ง ....ความฝันนั้นอาจจะเป็นเพียงฝัน....แต่ผมว่าอย่างน้อยๆ....การที่เราได้ฝัน ถึงอะไรสักอย่างมันก็ยัง......”

เขาเว้นวรรคช่วงไปก่อนจะพูดปิดท้าย

“ดีกว่าเราไม่เคยคิด....ที่จะฝัน”

แสงไฟในหอประชุมสว่างขึ้นมา เสียงกรี๊ดที่แต่เดิมก็ดังอยู่แล้วกลับดังขึ้นไปอีกหลายระดับ เมื่อบนเวลาปรากฏนักดนตรีครบเซตเหมือนภูมิผีปีศาจที่ไม่มีใครทราบที่มาที่ไป พร้อมกันนั้นเองแต่ละคนยังคงสวมหน้ากากคาบูโต๊ะแบบของญี่ปุ่น  แต่ที่ดูเหมือนจะเป็นจุดเด่นมากที่สุด ไม่ใช่เพียงแค่อามัว แต่เป็นมือกีต้าร์ไฟฟ้าอีกคน ที่ส่วมแหวนสีน้ำเงินเข้มเอาไว้ที่นิ้วนาง

เทพดนตรีคนใหม่!!!

เสียงเบสไฟฟ้าค่อยๆดังขึ้น ก่อนเสียงเบลข้างๆจะเคาะตามเป็นจังหวะที่สอดคล้องกัน ‘อามัว’ ที่ตอนนี้อยู่ในชุดสีดำสนิทอีกทั้งยังสวมหน้ากากปีศาจตามแบบฉบับของญี่ปุ่นเอาไว้ค่อยๆยกไมค์ขึ้น

ก่อนเพลงแรกของพวกเขาจะเริ่มต้น....


‘แม้อาจทำได้เพียงแค่นั้น
อาจทำได้เพียงแค่ฉันจะเปลี่ยน
แต่ฉันจะปล่อย…..’

อามัวลากเสียงสูงขึ้นไล่ตามเนื้อเพลง ก่อนจะค่อยๆลดระดับลงพร้อมๆกับเสียงในหอประชุมที่ดังกระหึ่มตอบรับ

‘จะขอเก็บมันเอาไว้อย่างนั้น
เก็บฝันส่วนตัวเอาไว้กับฉัน
แค่เธอเท่านั้น’

หลายๆคนเริ่มปล่อยตัวไปกับจังหวะ แม้บางคนอาจจะไม่รู้จักเพลงนี้ แต่พวกที่ชอบเพลงที่เน้นความหมายมากๆอย่างผมรู้จักดีเลยครับ เพลงนี้ชื่อว่าเพลง ‘ฝันส่วนตัว’ ของพี่ๆวงBarbies ของเดิมออริจินัลจะเป็นเพลงที่ให้ความหมายเกี่ยวกับความฝัน เป็นเพลงที่ผมชอบฟังตอนเวลาเหนื่อยๆเลยล่ะครับ มันให้กำลังใจดี

วงของอามัวใส่ลูกเล่นหลายๆอย่างเพิ่มเข้าไป น่าแปลกที่ผมกลับไม่รู้สึกรำคาญกับลูกเล่นเหล่านั้น จริงๆแล้วเพลงแนวป็อบแบบนี้ถ้าจะใส่ลูกเล่นเข้าไปแทนของเดิมก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่วงโคฟเวอร์บางวงกลับใส่ลูกเล่นจนทำให้เนื้อเพลงเพี้ยน หรือสูญเสียคุณค่าในตัวมันเองไป

....นับว่าอามัวยังคงไม่ทำให้คนที่มาดูผิดหวังจริงๆแหะ

เสียงเพลงและท่วงทำนองยังคงขับร้องต่อไป เพลงแรกผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พร้อมๆกับกระแสที่โหมกระหน่ำในหอประชุม

“เพลงที่ผ่านมา แด่ความฝันของทุกคน..... ส่วนเพลงต่อไปที่ผมจะเล่น เป็นเพลง เพลงแรกที่ทำให้ผมเริ่มที่อยากจะร้องเพลงขึ้นมามันเป็นเพลงที่ใครคนหนึ่งร้องให้ผมฟังตอนเจอกันครั้งแรก....”

ผมนิ่งเงียบ รอฟังเพลงที่กำลังดังขึ้น พร้อมๆกันนั้นเองผมก็เริ่มจะนึกออกได้ถึงเรื่องบางเรื่องที่เคยเกิดขึ้นสมัยที่ผมยังอยู่ม.หนึ่ง….

‘ไอ้แว่น ฟังกูร้องเพลงนะ’

ผมในตอนนั้นอายุประมาณสัก12ขวบเห็นจะได้  กำลังพูดคุยกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่สวมแว่นตาอันโตๆ แน่นอนว่าผมไม่ได้รู้จักเขาหรอกนะ แต่ผมชอบกวนคนไปเรื่อย

ผมแหกปากร้องเพลงโดเรม่อนกรอกใส่หูมัน  ไอ้เด็กแว่นนั้นส่ายหน้าเอื้อมๆก่อนจะยกหนังสือเล่มหนาๆกั่นหน้าของตัวเองเอาไว้  จำได้ว่ามันเป็นเด็กห้อง5 .... ตอนนั้นผมอยู่ห้อง11 แล้วผมเสือกจำคาบผิด คิดว่าไปเรียนที่ห้องสมุด รู้ตัวว่าเข้าห้องผิดก็ตอนที่
อาจารย์เช็คชื่อนั้นแหละครับ

ท่วงทำนองโซ่โล่กีต้าร์ดังขึ้น ก่อนเพลงในวัยเด็กของทุกคนจะดังขึ้น

เพลง โดราเอม่อน....

.........เวอร์ชั่น ‘ร็อค’

“...มินนะมินนะมินอินะ คะนะเอะเตะคุเระรุ
ฟูชิงินะพกเก็ตโตะดะ คะนะอิเตะคูเระรู
โซราจิยูนิ โทบิตะอินะ ฮาอิ ทาเคะคอปต้า
...อัง อัง อัง ตดเตะโมะดาอิซุคิ โดราเอ..มอนน...”

เสียงทุ้มๆของเขาดังกระหึ่มก้องไปทั้งหอประชุม แม้จะเป็นเพลงสดใสอย่างเพลงโดราเอม่อน แต่ผมเพิ่งเคยเห็นคนที่เอามาแปลงเป็นเวอร์ชั่นร็อคเนี้ยล่ะครับ สุดยอดจริงๆ !!!

เพลงโดราเอม่อนเวอร์ชั่นร็อคจบลงไปพร้อมเสียงปรบมือกราว อามัวยืนนิ่งๆอยู่บนเวทีก่อนจะค่อยๆพูดต่อ

“ผมรู้ว่ามันบ้า....ตลอดเวลาที่ผ่านมากว่าห้าปี ผมรู้สึกดีกับคนๆหนึ่ง...เริ่มแรก ผมไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร....แต่ตอนนี้ผมมั่นใจแล้ว ว่าผมคิดถูกแล้วจริงๆ.....”

ผมนิ่งเงียบ มองคนบนเวทีที่ดูเหมือนจะมองตรงลงมาตรงจุดที่ผมยืนอยู่

“ถูกแล้วที่รักเธอ....”

สิ้นเสียงจบประโยค ทำนองเพลงช้าๆแต่แผ่วเบาก็ค่อยๆดังขึ้นมา .... ผมกับคนดูหลายๆคนรู้สึกเหมือนถูกเบรกอารมณ์กลาง
อากาศ แต่เป็นการเบรกอารมณ์ที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าไม่ดีแต่อย่างไร กลับกัน ผมรู้สึกว่าคนๆนี้เก่งจริงๆที่สามารถร้องเพลงได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งยังไม่ยึดติดกับกรอบเดิมๆ ที่จำกัดไว้  ใครว่าโดเรม่อนร้องแบบร็อคไมได้ ใครว่าเพลงร็อคร้องแบบป็อบไม่ได้ อามัวได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว

......ว่าอยากมองให้เห็นเป็นอะไรก็เป็นได้ อยู่ที่ใจคนมอง




‘วันที่ฝุ่นได้จางหาย
ก็จะเหลือตัวจริงเท่านั้น
ใครที่ยืนกับฉัน ฉันจะให้ใจ
วันเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าฉันจะเจออะไร
มองเห็นเธอเท่านั้น ที่อยู่ข้างกัน
อยู่กับฉันทั้งทุกข์และสุข

ถูกแล้วที่รักเธอ
ถูกแล้วที่หัวใจเลือกเธอ
เลือกเธอคนนี้ให้เป็นคนดีของหัวใจ
ถูกแล้วที่รักเธอ
ถูกแล้วที่หัวใจเลือกเธอ
เขียนคำว่ารักและคำว่าเธอไว้ในใจ
และยิ่งนานนับวันตัวฉันยิ่งมั่นใจ
ถูกแล้วที่รักเธอ

เราจะมีกันเสมอ
แค่ได้ยินถ้อยคำสั้นสั้น
มันสำคัญกับฉัน เหมือนคำมั่นสัญญา
ว่าจะไม่ต้องหวั่นไหว
กับอะไรในวันข้างหน้า
เธอไม่มีวันปล่อยฉัน ไม่มีทิ้งกัน
ไม่ว่าฉันจะทุกข์หรือสุข


มีคำใดมีความหมาย
มากเกินกว่าคำว่ารักมาก
คำนั้นถ้าหากมี ฉันจะให้เธอ
แต่ถ้ายังไม่มี ก็มีแค่นี้ รักเธอ
รักเธอ หมดใจ

ถูกแล้วที่รักเธอ
ถูกแล้วที่หัวใจเลือกเธอ
เลือกเธอคนนี้ให้เป็นคนดีของหัวใจ
ถูกแล้วที่รักเธอ
ถูกแล้วที่หัวใจเลือกเธอ
เขียนคำว่ารักและคำว่าเธอไว้ในใจ
และยิ่งนานนับวันตัวฉันยิ่งมั่นใจ
.......ถูกแล้วที่รักเธอ’




เนื้อเพลงท่อนสุดท้ายค่อยๆขับขานลง ก่อนเสียงปรบมือในหอประชุมจะส่งก้องไปถึงคนที่ยืนอยู่บนเวที

“ขอบคุณ...ที่รักผม....เหมือนๆกับที่ผม....รักคุณหมดใจ.....”

เสียงกรี๊ดกระหึ่มดังขึ้นมาหลังจบประโยคชวนเลี่ยน ผมรู้สึกเหมือนคนที่โดนหมักฮุค เหมือนๆกับว่าผมกำลังโดนสารภาพรักอยู่กลายๆ ทั้งๆที่ปกติแล้ว ผมต่างหากที่ต้องทำให้อีกฝ่ายเขิน

ไม่ใช่ตัวเองมายืนอายหน้าแดงแบบนี้....

“ผมเองก็ไม่รู้กัน ว่าเรื่องของผมกับเขา เราจะเดินกันไปได้ถึงวันไหน วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เรายังจะมีกันเรื่อยไปรึเปล่า.....”

ผมเงียบกริบ รอฟัง ‘ไอ้ตัวดี’ พูดความในใจออกมา

“แต่ผมจะทำทุกวัน ....ให้เป็นวันของเรา.....”

จบประโยค เสียงเพลงนุ่มเคลิ้มชวนฝันก็ค่อยๆดังขึ้น นี้ก็เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ผมเคยฟังมาตั้งนานแล้ว เป็นเพลงที่เรียกได้ว่าเหมือนผมกับมันจริงๆนั้นแหละ....




‘ไม่เคยคิดเลย ว่าจะเจอกับวันที่ดี ที่เราอยู่ตรงนี้
แค่เพียงแรกเจอรู้สึกทันที เหมือนว่ามีอะไร
เมื่อเราได้คุยก็พอรู้ และดูว่ามันก็คงมีความหมาย
ระหว่างสองเราคงมีอะไร เชื่อมข้างในให้ถึงกัน

(ต่างคนต่างเข้าใจ) อย่างง่ายดาย
(ต่างกับคนทั่วไป) ตั้งมากมาย
(ตอบความจริงข้างใน) ว่าคิดกันอย่างไร
(เข้ากันดีกับที่หัวใจบอกไว้)

อาจมีหลายทีที่สับสน กี่คนผ่านมาและคงต้องผ่านไป
แต่เมื่อพบเธอมันต่างกันไป เพราะว่าฉันมั่นใจ
หากวันนี้เราจะจบลง ก็คงจะเป็นอะไรที่ผิดไป
เมื่อได้พบคนที่เคยวาดไว้ เข้ากันดีกับหัวใจ

(ต่างคนต่างเข้าใจ) อย่างง่ายดาย
(ต่างกับคนทั่วไป) ตั้งมากมาย
(ตอบความจริงข้างใน) ว่าคิดกันอย่างไร
(เข้ากันดีกับที่หัวใจบอกไว้)

ฉันไม่เคยเจอใคร ไม่ขวา ไม่ซ้าย ไม่สมบูรณ์ไป
ไม่มองแง่ร้าย หรือ เอาแต่ใจ แต่มีอะไรไม่ธรรมดา

ฉันไม่เคยเจอใคร ไม่เร็วไม่ช้า ไม่น้อยเกินไป
แต่มีอะไรที่ดีกว่าใคร ลงตัวกับใจอยู่กันได้พอดี

(ต่างคนต่างเข้าใจ) อย่างง่ายดาย
(ต่างกับคนทั่วไป) ตั้งมากมาย
(ตอบความจริงข้างใน) ว่าคิดกันอย่างไร
(เข้ากันดีกับที่หัวใจบอกไว้)

ฉันไม่เคยเจอใคร ไม่ขวา ไม่ซ้าย ไม่สมบูรณ์ไป
ไม่มองแง่ร้าย หรือ เอาแต่ใจ แต่มีอะไรไม่ธรรมดา

ไม่เคยคิดเลย ว่าจะเจอกับวันที่ดี ที่เราอยู่ตรงนี้
แค่เพียงแรกเจอรู้สึกทันที เหมือนว่ามีอะไร’





ไม่ได้ต้องการคนที่สมบูรณ์    ไม่ได้ต้องการคนที่เหมือนๆกัน  ต้องการแค่คนที่พร้อมจะเข้ากันได้....

.......นี้คงเป็นสิ่งที่มันส่งผ่านมาให้ผมสินะ

แสงไฟบนเวทีดับวูบลงไป  ก่อนไฟสีขาวนวลจะสว่างขึ้นมา ตอนนี้บนเวทีปรากฏเพียงแค่ร่างของอามัว ส่วนสมาชิกที่เหลือพร้อมเครื่องดนตรีอันตรธานหายไปเหมือนตอนขามา สิ่งที่เพิ่มเข้ามามีเพียงกีตาร์โปร่งหนึ่งตัว


“เพลงนี้ เป็นเพลงสุดท้ายแล้วที่ผมจะร้องในวันนี้....เป็นเพลงที่แทนความรู้สึกของผมทั้งหมด”



‘มันพูดขึ้น’ ก่อนนิ้วมือจะค่อยๆจรดกีตาร์ขึ้นมาเป็นท่วงทำนอง




‘ในโลกที่มี ความวกวน
ในโลกที่ทุกคนต้องดิ้นรน
ที่สับสน ร้อนรนจนใจ นั้นแสนเหนื่อย
ในโลกที่ความทุกข์ท้อใจ
ได้เดินผ่านเข้ามาเรื่อยๆ
จนบางครั้งไม่รู้จะข้ามไปเช่นไร
แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ

ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
และฉันรู้และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด แน่ใจ
ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะไม่เหลือใครๆ
แต่ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้
ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่กับฉัน’





ผมรู้สึกเหมือนเวลาถูกแช่แข็ง ทุกคนในหอประชุมเงียบกริบ กระทั้งใครสักคนหนึ่งปรบมือขึ้นมา เหมือนๆเป็นชนวนที่ทำให้คนอื่นปรบมือตาม ผมเองก็อยากจะปรบมือนะ แต่มือตอนนี้ไม่ว่างจริงๆ....

ผมกลัวว่าถ้าไม่รีบเช็ดตอนนี้ เกิดไฟสว่างขึ้นมามันคงไม่น่าดูสักเท่าไหร่ ผู้ชายตัวโตๆยืนน้ำตาไหลเนี้ย......

....ก็ใครใช้ให้ไอ้ป้องมันร้องเพลงให้ผมแบบนี้ล่ะครับ

"ผมดีใจ...ที่มีคุณ"




       
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:






สายลมเอื่อยๆตอนเย็นปะทะเข้ากับใบหน้าของผม  ตะวันที่ส่องอยู่ตรงหน้ากำลังใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มที่

หลังจบเพลงสุดท้ายแสงไฟในหอประชุมก็ดับลงไป พร้อมๆกับร่างบนเวทีที่หายตัวไป เล่นเอาเกิดการจลาจลนิดๆเลยล่ะครับ ดีว่าพวกคณะกรรมการนักเรียนห้ามทัพคนในหอประชุมทัน เล่นเอาวุ่นวายไปตามๆกัน

“ชั้นสองตึกห้านี้มันมีมนต์ขลังอะไรรึเปล่า ? มายืนบ่อยจัง”

เสียง ‘ตัวต้นเหตุ’ ความวุ่นวายดังขึ้น ก่อนมันจะเดินมายืนข้างๆผม

“มีสิ ...... ก็ตึกนี้เป็นตึกที่เจอกันครั้งแรกนิ”

ผมเอามือไปวางทาบมันไว้  แดดยามเย็นที่มันอุ่นดีจริงๆแหะ

“จำได้แล้ว ?”

อีกฝ่ายเริกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ ผมไม่ตอบแต่กุมมือมันแน่นๆแทน

“วันนี้ร้องเพลงแล้วทำไมถึงยังสวมหน้ากากล่ะครับ ?”

ผมถามสิ่งที่สงสัย

ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น ผมก็รู้แล้วล่ะครับว่าอามัวของผมนะเป็นใคร  ผมเองก็ไม่ได้งี่เง้าและคิดเล็กคิดน้อยจนจะเอามาเป็นประเด็น
โกรธอีกฝ่ายหรอกนะครับ ว่าทำไมไม่บอกผมเรื่องนี้  ถ้าให้เดาไอ้ป้องมันคงตั้งใจจะบอกผมตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันแล้ว แต่ดันวุ่นๆเรื่องขนมปังแทนเลยไมได้บอกออกไป อีกอย่างมากสุดในความรู้สึกของผมก็แค่ตกใจเท่านั้นแหละครับ ที่คนที่เราฟังเพลงเขามานานคือคนที่นอนข้างๆกันทุกคืน

ในความรู้สึก...มันเหลือแค่คำว่ารัก

“เกียร์รู้เหรอ ? ”

“กอดอยู่ทุกวันจนจำหุ่นได้ แค่เห็นช่วงเอวก็มองออกแล้ว   อ้วนๆแบบนี้มีคนเดี่ยวแหละ”

แต่นอนว่าผมยังคงโดนตีแขนเสมอต้นเสมอปลาย เอาเถอะครับ เป็นแบบนี้ก็ดี....

.....อยู่ข้างๆกันแบบนี้ตลอดไปเถอะนะ

“เพลงเพราะ....”

“เพลงเพราะ....เพราะเธอ”

ไอ้ป้องหยอดกลับ เดี่ยวนี้ทำไมแฟนผมมันวิวัฒนาการไวจังวะ .... แล้วงี้ผมควรจะหยอดกลับไปยังไงดี ?

ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกไปดี หรือเวลานี้ควรจะทำอะไรกับอีกฝ่ายดีไหม  ไอ้ป้องเองก็คงคิดเหมือนกับผม

รัก...จนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรตอบแทนกันและกันแล้ว.....

“ข้างๆกัน.....”

“อื้ม...ข้างๆกัน....ตลอดไป”

ผมฝ่าฝืนกฎตัวเองข้อหนึ่งที่เคยตั้งไว้ว่าในโรงเรียนผมจะไม่ทำตัวรุ่มร่ามกับไอ้ป้องมัน เพื่อเป็นการให้เกียรติ์มัน

แต่วันนี้ขอเหอะ....

แค่กอดคนที่เรารัก...คงไม่เป็นอะไรหรอกมั่งครับ….

ผมกอดมันแน่น จนแอบกลัวเหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะเจ็บรึเปล่า แต่เพราะมันไม่ว่าอะไรก็เลยกอดไปแบบนั้น มันเองก็กอดผมตอบ
กลับมาเหมือนกัน

ถ้าเปรียบผมกับมันเป็นละครเรื่องหนึ่ง ตอนนี้คงเป็นตอนที่ผมมีความสุขมากที่สุด มีความสุขที่ได้รับ มีความสุขที่ได้รัก มีความสุขที่ได้อยู่ข้างๆกัน…. ผมโคตรอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้จริงๆ  หยุดเอาไว้ตรงที่เรามีความสุข ....

แต่ตัวผมเองก็ลืมไปถนัด....

....ว่าละคร มันไม่ได้มีแค่ฉากที่มีความสุข



TBC.


มาเร็วครับ อาทิตย์หน้าต่างเหลือสอบตัวสามหน่วยกิตกะว่าพรุ่งนี้จะอ่านหนังสือเลยมาลงให้ก่อน  ^ ^

ตอนนี้ต่างเปิดโหวตแล้วนะครับ อยากจะสอบถามเพื่อนๆคร่าวๆก่อนว่ามีใครบ้างที่อยากจะได้น้องเกียร์น้องป้องเวอร์ ฯหนังสือไปครอบครอง    :hao6: ส่วนตอนพิเศษรับรอบว่าจัดเต็ม  :hao7:


อย่าลืมโหวตโพลกันนะครับ   :bye2:


ปล. ใกล้จบแล้วนะครับ  ถ้าต่างนับไม่ผิด ก็อีกประมาณ6-7ตอนพอดี  ไม่รวมตอนพิเศษ

ปลล.  ใครสนใจหนังสือ ลองดูรายละเอียดหน้า 8 ก่อนได้นะครับ  ต่างลงคร่าวๆไว้ให้แล้ว 


ขอบคุณครับ   :L2: :L2: :L2:








ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หวานโคตรๆ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :impress2: อร๊างงงงงงง ฟินนาเล่

แต่จะทิ้งท้ายให้ฉันเครียดทำม้ายยยยยยย  :o12:

ปอลิง: วันนี้ไม่มีเวลามานั่งแก้คำผิดให้เลยอ่ะ มีเยอะเหมือนกัน ขอโทษทีนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
มันหวานจนเราฟิน
แต่ประโยคสุดท้ายก่อนจบคือไรอ่ะ
ต้องการสื่ออัลไลค้าาาาาา
พูดเหมือนพายุมาอ่ะตัวเทอ ไม่นะๆ :katai1: :ling3:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
กำลังอ่านเพลินๆ กับอารมณ์หวานๆ ซึ้งๆ
ต้องเบรคไปกับความคิดของเกียร์ในตอนท้ายเลย

ว่าแต่อะไร หรือใครกันที่จะเป็นคนเสริฟมาม่าชามโต

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
หวานมากกกก ฟินเลยค่าาาาา อ่านไปยิ้มไปจนแก้มแทบปริ อิอิ ชอบมากๆๆๆๆ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
รู้สึกดีๆมากมาย :กอด1:

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
กรี๊ดดดด ป้อง มาจุ๊บที  เกียร์จ๋า  :mew2:   ยืมป้องควงวันนึงเดี๋ยวเค้าเอามาคืนเหมือนเดิมทุกประการ  :L2:

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
หวัดดีครับเพื่อนๆ
วันนี้ต่างมาแจ้งข่าวนิดหน่อยครับ ต่างติดสอบจนถึงพฤหัสนู้นนนเลยครับแถมช่วงนี้มรสุมชีวิตค่อนข้างหนักหน่วงพอสมควร ตั้งแต่ย้ายอยู่หอ ปัญหาเยอะแยะสุดพลัง พอย้ายมาอยู่คนเดี่ยวถึงได้รู้พ่อแม่เลี้ยงเราดีขนาดไหน #ซึ่งกับวลีที่ว่ามาม่าเป็นอาหารประจำชาติของเด็กหอ(ซึ่งมันจริง5555)
ต่างอยากขอพักหน่อยนะครับ แต่คิดว่าคงไม่นานนัก อาจแค่พอให้หายเหนื่อย ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยเกินไปจนใจเริ่มๆท้อ เหนื่อยกับชีวิต เหนื่อยกับปัญหา ยิ่งตัวเองเป็นคนคิดมากด้วย #คิดน้อยก็ไม่ใช่เราคิดมากก็ปวดหัว
รู้สึกเหมือนใช้พื้นที่ในการบ่นเยอะเกินไป เอาเป็นว่าขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามนิยายของต่างนะครับ
แวะมาแจ้งข่าวเท่านี้งับ เพราะปกติจะอัพวันเว้นวัน #เพื่อบางคนรอ (คำถามคือจะมีไหม?5555 TTuTT)
ด้วยรัก(คนอ่าน)และจะรักตลอดไป
ขอบคุณทุกโอกาสและทุกกำลังใจต่างจะพยายามฟื้นตัวจากทุกปัญหานะครับ :|
แตกต่างเติมเต็ม
28/7/57
Ps.ฝนตก ดูแลสุขภาพกันด้วยน่า เป็นห่วง
Ps2.เราคิดถึงทุกคนนะแต่ช่วงนี้เราโคตรๆเหนื่อยจริงๆ TTuTT
Ps3.รอบนี้ขออ้อน อยากได้กำลังใจจากทุกคนจังครับ(โทร.หาแม่ไม่ติดTTuTT)
Ps.4ถ้าหายดีแล้วเราจะลบรีพลายนี้นะงับ รู้สึกเวิ้นเว่อเหลือเกิน

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
รอได้จ้า เดี๋ยวอยู่ไปซักพักอาจจะมีอาการ Homesick หน่อยๆ
ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆด้วยจ้า  :mew1:

ออฟไลน์ RinNam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สู้ๆค่ะ แล้วปัญหาทุกอย่างก็จะผ่านไปนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จ้า

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
รอได้อยู่แล้วค่ะ พักให้หายเหนื่อย
กายพร้อม ใจพร้อมเมื่อไร เจอกัน

แอบมโนว่าคนแต่งบุคลิกคงไปทางป้อง
เพราะป้องเป็นคนคิดมาก ซึ่งตรงข้ามกับเกียร์

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
รับทราบ
หายเหนื่อยแล้วค่อยมาต่อก็ได้ สู้ๆ
เฮ้อ ชีวิตเด็กหอ

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
#28 ยิ่งรัก....ยิ่งห่าง




"เอ้า ชน!!!!"

เสียงไอ้อู๋ดังขึ้น ก่อนแก้วเหล้าของทุกคนจะชนกันเป็นสัญญาณฉลองความสำเร็จในวันนี้

หลังจบงาน พี่เซียร์กับพี่ยาซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ได้แสดงการขอบคุณน้องๆสตาฟทุกคนทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังด้วยการพามาเลี้ยงหมูกระทะแน่ล่ะ ฉลองทั้งที่มันต้องมีเครื่องดื่มลูกผู้ชาย และสิ่งที่แน่นอนไปกว่านั้นคือบรรดาแม่บ้านทั้งหลายที่ทำหน้าหงิกไอ้ป้องเองก็เหมือนกันแต่มันเลือกที่จะไม่พูดออกมาต่างหากเลยนั่งเงียบๆคีบหมูกินไป

"พี่ขอขอบคุณทุกคนมากนะที่ช่วยกันจนเหนื่อย วันนี้กินให้เต็มที่!!!"

พี่เซียร์บอก

ตอนแรกพี่แกลงทุนเหมาร้านครับ แต่เฮียเจ้าของร้านขอบริเวณหนึ่งไว้ให้กับลูกเฮียแกพร้อมเพื่อนๆเห็นบอกว่าฉลองแข่งกีฬาสี
เสร็จนะครับ สรุปแล้วทั้งร้านเลยมีแค่สองกลุ่มใหญ่ๆ คือกลุ่มเด็กพ.ว.ที่นั่งกันเป็นกลุ่มย่อยๆ กับอีกฟากที่เป็นเด็กโรงเรียนชาย
ล้วนชื่อดังพอๆกับพวกผม แต่ผมเห็นมีประมาณสิบกว่าคนเองน่ะนะ

บรรยากาศของร้านเป็นร้านติดแม่น้ำครับ จากจุดที่พวกผมนั่งอยู่มองเห็นวิวแม่น้ำยามค่ำเรียกได้ว่าบรรยากาศชวนนั่งดื่มนั่งกินจริงๆแหะแต่ที่เห็นจะไม่เข้ากับบรรยากาศก็อารมณ์มาคุของคนข้างๆผมเนี้ยแหละ

"ป้อง ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย"

ผมสะกิดเรียกเบาๆ ก่อนเราสองคนจะลุกออกไปจากวงหมูกระทะ ผมเดินพาป้องออกมายืนหน้าร้านตรงริมฟุตบาทไม่ใช่ห้องน้ำ
เหมือนที่บอกมันตอนแรก

"ป้องโกรธเกียร์เหรอ?"

ผมเปิดประเด็นขึ้น ไอ้ป้องส่ายหน้าช้าๆแต่ไม่ได้มองหน้าผม

"ป้อง.... เกียร์ดื่มแค่สองแก้วเองนะ"

"ครับ ป้องรู้แล้ว ...ก็ไม่ได้ว่าอะไร"

ปากไม่ได้ว่า แต่หน้าไปแล้วครับ

ผมดึงแก้มอีกฝ่ายทั้งสองข้างให้มันย้วยๆ ก่อนจะพูดต่อ

"ไหนเราตกลงกันแล้วไงครับ ว่าถ้ารู้สึกไม่ดีให้พูดออกมาไหนเราจะไม่เงียบใส่กันไง"

อีกฝ่ายถอนหายใจเหนื่อยอ่อน หลังพิงกำแพงร้านเอา

"ก็ป้องไม่อยากให้เกียร์ดื่ม มันไม่ดีต่อสุขภาพ"

ไหนที่สุดมันก็ยอมพูดออกมา ผมว่าแหละต้องเป็นเรื่องนี้

"ป้องครับ เกียร์ดื่มแค่บางครั้งเองนะ ไม่ได้ดื่มเมาหัวราน้ำทุกวัน"

ไอ้ป้องพยักหน้ารับฟัง แต่ดูเหมือนจะยังหม่นๆในใจอยู่

"เอางี้ เกียร์สัญญาว่าจะดื่มแค่บางครั้งจริงๆ และวันนี้แค่สองแก้ว แบบนี้พอโอเคไหมครับ?"

เรื่องบุหรี่ผมยอมเลิกแล้วหันไปเคี้ยวหมากฝรั่งแทนได้นะครับ แต่เรื่องดื่มเนี่ยผมว่ามันไม่ได้ร้ายแรงอะไรนะครับ ผมดื่มแค่พอเห็นว่าดื่ม ไม่ได้ดื่มแบบเป็นบ้าเป็นหลัง ทั้งยังคงสติไว้อยู่ในความคิดของผมการที่เราดื่มนี้ไม่ผิดนะครับ ถ้าดื่มแล้วเรารับผิดชอบตัวเองได้ดื่มแล้วไม่เป็นภาระใครก็ดื่มไปเถอะครับแม้จะยังคงหม่นๆ แต่สีหน้าที่แสดงออกของมันก็ ทำผมใจชื่นขึ้นมาหน่อยๆ

ตั้งแต่คบกับป้องถามว่ามีความสุขไหม? มีนะครับ เยอะด้วย แล้วทะเลาะกันมันก็มีบ้างเป็นธรรมดา ดีหน่อยตรงที่เราทั้งคู่ไม่งี้เง้า ไอ้ป้องอาจคิดเล็กคิดน้อยบ้างแต่นั้นก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ผมรับได้ เหมือนๆกับที่เราพูดกันก่อนจะคบกัน

ไม่ต้อง'เปลี่ยน'จนไม่ใช่เรา แค่'ปรับ'ให้อยู่ด้วยกันได้

นั้นต่างหากคือความรักที่ดีสำหรับผม....

ผมรักป้อง อยากดูแลป้อง แต่ก็มีบางเรื่องที่ผมอยากทำ อยากสนุก บางครั้งเราก็รู้แหละครับ ว่าที่ๆทะเลาะกันก็เพราะเขารักเราเลยห่วงเรา เหมือนๆปัญหาตอนนี้

"ตกลงไหมครับ?"

ผมถามย้ำ อีกฝ่ายพยักหน้าตอบเบาๆ ผมเลื่อนมือไปดึงแก้มไอ้ป้องเล่นอีกรอบก่อนจะพูดเสียงใส

"ขอบคุณที่เข้าใจเกียร์นะ"

อยากกอดขอบคุณอีกฝ่ายนะครับ แต่หน้าร้านก็ดูจะประเจิดประเจ้อไปหน่อย

"แต่ถ้าเกินสองแก้ว นอนชั้นบน!!!"

ผมบีบมือมันเบาๆแทนคำตกลง ก่อนจะพากันกลับเข้าไปในร้าน พอเงยหน้ามองฟ้ารู้สึกเหมือนๆข้างนอกร้านฝนกำลังตั้งเค้าแหะ

"เห้ย เดี่ยวก่อน!!! เต้จับไอ้ฟ้าดิ"

เสียงตกอกตกใจดังขึ้น ก่อนผมจะดึงไอ้ป้องหลบคนที่วิ่งสวนออกมาจากภายในร้าน

"เชรี้ยเอ๊ย!!! มึงอยู่นี้ก่อนนะ ไอ้ตี๋วิ่งหนีไปแล้ว"

ผู้ชายตัวสูงๆสบถหลังจับตัวคนวิ่งออกไปนอกร้านไม่ทัน ก่อนเพื่อนตัวเล็กๆมัดผมไว้เป็นกระจุกที่วิ่งมาด้วยกันจะหันมาขอโทษผมกับป้องที่ยังยืนงงๆ

"เราขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ ที่วิ่งสวนพวกนายออกไปแบบนั้น"

คนตัวสูงกว่าหันมาขอโทษผมพร้อมกันก่อนจะวิ่งออกนอกร้านไปทิ้งไว้เพียงไอ้ป้องที่ยิ้มจืดๆรับคำ พอผมเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองแล้วเลยเดินพากันเดินเข้าไปด้านในต่อ

"สัส พวกมึงพลาดฉากเด็ด"

ไอ้อู๋ทัก หลังผมกับไอ้ป้องนั่งลงที่เดิมก่อนมันจะพูดขยายความ

"เมื่อกี้นี้เขาสารภาพรักกันเว้ย แมร่งดีดกีตาร์อย่างพลิ้ว แต่สรุปเด็กเขาไม่เล่นด้วยวะ วิ่งหนีไปนู้น"

ไอ้อู๋บุ้ยปากไปตรงประตูทางออกผมยักไหล่ไม่ใส่ใจเรื่องชาวบ้านเขาครับจะอยากรู้ไปทำไมไอ้ป้องเองก็คงคิดเหมือนผมเลยไม่
ได้ถามต่อแต่นั่งกินหมูกะรทะไปเงียบๆแทน

ผมรู้สึกว่าแต่ล่ะคนจะมีวิธีการง้อคนของตัวเอง(ใช้คำว่าแฟนเหมารวมไม่ได้เพราะบางคนยังไม่ใช่แฟน หึหึหึ) อย่างพี่เซียร์ก็ดูแลน้องเพลงเป็นพิเศษ ไอ้อู๋เอาขนมมาล่อต้องตา ส่วนคนอื่นๆก็ง้อกันไปตามบริบท สรุปแล้วพวกผมได้แค่คนละแก้วครับดีเหมือนกัน
ไม่เปลื้องเงินก็อย่างที่บอกครับกินแค่แก้อยากผมนั่งกินต่อสักพัก ก่อนเพื่อนคนหนึ่งจะเดินเข้ามาหา

"ไอ้หมาเกียร์ กูมีของจะขายมึงสองร้อย"

ไอ้ปั้น เพื่อนที่เป็นช่างภาพประจำห้องผมพูดขึ้น ก่อนมันจะล้วงเอาอะไรสักอย่างขึ้นมาจากกระเป๋า

"อะไรวะ ตั้งสองร้อย?"

มันคลี่ยิ้มก่อนทำท่าจะส่งมาให้ผมดู แต่ไอ้ป้องคว้าหมับเอาไปดูก่อน

"กูซื้อเอง"

มันพูดเรียบๆก่อนจะยัดรูปลงกระเป๋าตัวเองหลังเห็นภาพดังกล่าว ไอ้ปั้นยักคิ้วกวนตรีนก่อนจะกลับไปนั่งโต๊ะเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจไถ่
ตังค์เพื่อน

"รูปไรวะป้อง?"

ผมถามด้วยความสงสัย ก็ดูไอ้ป้องมันลุกลี้ลุกลนนิครับ

"รูปหลุด"

"ดูหน่อย"

"ไม่เอา"

"ป้องครับ ขอเกียร์ดูหน่อยน่า"

ผมอ้อนเสียงหวานเอาหน้าถูไถต้นแขนมัน แต่ดูเหมือนไอ้ป้องจะไม่อยากให้ผมเห็นจริงๆแหะ

ตกลงมันเป็นรูปอะไรกันแน่ ?

"เดี่ยวถ้าผลสอบกลางภาคออกมาผ่านทุกวิชาแล้วจะให้ดู โอเค๊?"

มันพูดเสียงสูงจนผมต้องยอมรับอย่างเสียไม่ได้พลางสงสัยว่าเป็นรูปอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้ไอ้ป้องลงทุนควักกระเป๋าซื้อได้ตั้ง
สองร้อยบาท ปกติป้องมันใช้เงินเป็น(งก)จะตายไป

พวกเรานั่งดื่มกินกันไปดูแม่น้ำไป ตอนนี้ฝนด้านนอกตกแล้วครับแถมลมยังแรกมากๆอีกต่างหาก ผมสังเกตเห็นกลุ่มเด็กที่อยู่อีกฟากหลายๆคนกำลังนั่งไม่ติดโดยเฉพาะผู้ชายที่ตัวเล็กๆไอ้คนที่ขอโทษผมกับไอ้ป้องนะครับสงสัยคงเป็นเรื่องของไอ้ผู้ชายตัวขวาๆที่วิ่งสวนกับพวกผมนั้นแหละนะ

พอวกกลับมาฝั่งผม ไอ้ป้องคงเหนื่อยๆ แถมอากาศตอนนี้ก็เย็นจนน่านอนมันเลยหลับพิงไหล่ผมเอาดื้อๆ เวลาล่วงเลยไปราวเกือบๆสี่ทุ่มกว่า หลังกินกันเสร็จสิ้น พี่กาเซียร์อาสาพาพวกเพื่อนผมกับไอ้ป้องทยอยกันไปส่ง(พี่มันขับรถส่วนตัวมาครับ)ส่วนผมเองก็พาไอ้ป้องนั่งCbrกลับบ้าน ไอ้ป้องยังคงเหนื่อยจนหลับซบกับหลังผมไป

สิ่งที่เหนี่ยวรั้งผมกับมันเอาไว้ คือวงแขนของมันที่เอื้อมมาจับกัน... ผมมองผ่านกระจกหลังพลางคิดในใจเรื่อยเปื่อย

อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปนะป้อง....



….



..

.

.



หลังจบงานวันวิชาการ โรงเรียนผมก็ได้จัดละครเวทีแทบจะต่อเนื่องกันเพื่อโหมกระแสของเพลินจิตวิทยา คลิปการแสดงสดของ
อามัวหรือไอ้ป้องของผมถูกอัพลงยูทูปภายในวันนั้น ก่อนยอดวิวจะพุ่งทะยานถึงสามหมื่นวิวภายในวันเดี่ยว และยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็นประวัติการ

งานวันวิชาการว่ายุ่งยากและมีเรื่องเกิดขึ้นเยอะมากแล้ว งานวันแสดงละครเวทียุ่งยากมากกว่ายกกำลังสิบ!!!

เริ่มจากเหตุการณ์ป่วนๆที่เกิดขึ้นจากสีเทียนและหนมปัง โอเค...ถ้าจะพูดให้ถูกต้องโทษไอ้สีเทียนคนเดี่ยวต่างหาก(สนิทกันแล้วครับ เพราะหนมปังมาสาขาหนึ่งที่ไรจะเกาะติดไอ้ป้อง สีเทียนเลยมานั่งกับผมบ่อยๆ)ที่แมร่งบ้าขึ้นไปบทเวทีทั้งๆที่ไม่รู้บทในฐานะอัศวินเพื่อนสนิทของพระเอก แต่ดันเจือกมาชอบเจ้าหญิงจำเป็น(โดนบังคับ)ซึ่งรับบทโดยหนมปัง เรื่องมันคงไม่ยุ่งถ้าไอ้คนที่รับบทเจ้าชายก็ดันจีบหนมปังอยู่ สรุปแล้วฉากที่พวกเสนาธิการพยายามแปลงบทกันก็ได้แปลงบทจริงๆชนิดที่ว่าแทบจะลืมต้นฉบับไป เจ้าชายกับอัศวินทะเลาะกันแย่งเจ้าหญิงสุดท้ายนางฟ้า(ที่โผล่มาแบบงงๆเพราะตอนแรกไม่มีบท)มาเสกให้เจ้าหญิงสลายไป(วิ่งหนีลงเวทีด้วยความอับอาย)

แมร่ง เวอร์ชั่นพิสดารไปไหน.... พิสดารถึงขนานที่ว่าแทบจะล้มลงไปทั้งกอง ดีว่าผู้ชมที่มาชมดันคิดว่าพวกผมเตี๋ยมกันมาเลยไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่แน่นอนว่าหลังงานทุกคนโดนหัวหน้าใหญ่ของทั้งสองสาขาคือพี่เซียร์และพี่ยาทำโทษ ข้อหาที่ทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมา สุดท้ายทั้งสามคน(หนมปังก็โดนข้อหาต้นเหตุ เจ้าตัวเลยตอบแทนเจ้าชายและอัศวินไปคนละหมัด ...โหดเชรี้ยๆ)เลยโดนทำโทษด้วยการทำตัวเป็นจิตสาธารณะให้แก่โรงเรียนทั้งสองสาขาเป็นเวลาหนึ่งเดือน

แต่ก็ถือว่าทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี......

.......ยกเว้นสอบกลางภาคของผมนะน่ะ...

สอบไปแปดวิชาตกไปหนึ่งวิชา สุดท้ายแล้วผมก็ไปไม่รอดกับพันธุกรรม ได้9คะแนน(แมร่งอีกศูนย์จุดห้าก็ทำไม่ได้นะไอ้เกียร์) ดีว่าคุณแฟนของผมเมตตาปราณีเพราะถือว่าขาดแค่ศูนย์จุดห้าเลยลงโทษเบาๆด้วยกันแยกกันนอนสามวัน

พระเจ้า ตั้งสามวันเชี่ยวนะครับ!!! ผมงี้แทบจะลงแดงตาย ไอ้ป้องโหดจริงๆเลยพับผ่าสิ....

เรื่องต่อมาคือปกติแล้วทุกเย็นผมกับป้องจะกลับบ้านด้วยกันนะครับ เพียงแต่ทุกวันนี้ผมลงเรียนพิเศษดรออิ้ง ของสถาบันสอนวาดรูปแห่งหนึ่ง ทำให้ช่วงนี้ไอ้ป้องจะกลับบ้านถึงก่อนผม(ถ้ามันไม่ติดประชุมนะ) วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมกลับถึงบ้านช้ากว่าไอ้ป้อง ผมเดินผ่านห้องนั่งเล่นก่อนจะเห็นพ่อกับแม่นั่งกันอยู่

“พ่อครับ แม่ครับ สวัสดีครับ”

ผมส่งเสียงทักก่อนจะยกมือไหว้พ่อกับแม่ ท่านทั้งสองหันมามองหน้าผมก่อนจะยิ้มรับให้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมรู้สึกว่าสายตาของแม่ลีลาวดีดูจะเศร้าแปลกๆ ใบหน้าเองก็เศร้ามองลงไปมาก พอมองไปทางพ่อผมก็มีสภาพไม่ต่างกันนัก

“มีอะไรรึเปล่าครับ ทำไมพ่อกับแม่ดูเครียดๆจัง ?”

ผมถาม ก่อนพวกท่านจะพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา

“ไม่มีอะไรหรอก เกียร์ขึ้นไปทำการบ้านเถอะ แล้วเดี่ยวลงมากินข้าวด้วยกันนะ”

แม่ลีลาวดีบอกผมแบบนั้น สุดท้ายผมเลยฟังคำแม่ด้วยการขึ้นไปบนห้อง

“ป้องจ้า กลับมาแล้ววววว”

ผมลากเสียงหวานก่อนจะปิดประตูลงแผ่วเบา ไอ้ป้องนั่งอัดเทปอะไรสักอย่างอยู่ตรงเตียงชั้นล่างก่อนจะหยุดลงเมื่อผมเดินเข้าไป
ถึงตัว

“ทำอะไรอยู่ครับ ?”

ผมกอดอีกฝ่ายแผ่วเบา ก่อนจะซุกหน้าถูไถไปมา ไอ้ป้องยิ้มให้ผมจางๆเหมือนเคยก่อนจะกอดผมกลับ

แปลกๆแหะ....


“ไม่ได้ทำอะไรครับ นั่งเล่นอยู่”

“อืม ป้องสอนผันเต๊ะกับไนหน่อย เกียร์ลืมวิธีผันไปแล้วอ๊ะ”

ผมพูดถึงไวยากรณ์ญี่ปุ่นที่ได้เรียนมาวันนี้ ก่อนจะหยิบหนังสือเรียนสีส้มออกมาจากกระเป๋า

“อ่า...วันนี้ป้องปวดหัวอ่ะ....”

“อ้าวเหรอ งั้นไม่เป็นไรช่างมันก่อนก็ได้”

เพราะเห็นสีหน้าเหนื่อยๆของอีกฝ่ายผมเลยเลิกตอแย ก่อนจะเหวี่ยงเสื่อนักเรียนลงตะกร้าผ้าแล้วเดินไปเปิดคอมเล่นดอทเอรอเวลากินข้าว เล่นไปสักตาไอ้ป้องก็ชวนผมกินข้าว น่าแปลกที่วันนี้ทั้งโต๊ะอาหารดูจะเงียบไปสนิท ไอ้ป้องเองก็กินน้อยลงมากๆทั้งๆที่กับข้าวก็เป็นปลาทับทิมทอดกรอบของโปรดมัน พ่อกับแม่เองต่างคนก็ต่างทานกันเงียบๆ ผมอุปปมาไปเองว่าพวกท่านคงเหนื่อยจากการทำงานที่ต้องเจอกับผู้คนเยอะๆในทุกๆวัน

“ป้อง ไม่กินปลาวะ”

ผมพูดก่อนจะทำท่าตักให้ แต่มันยกมือกันช้อนผมไว้

“กูไม่สบายนิดหน่อยวะ”

ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกผม เพราะมันเลิกแทนตัวเองว่ากูกับผมมาตั้งแต่วันนั้นของเราแล้วครับ พอได้ยิน
แบบนี้เลยไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ท้วงอะไรออกไป ผมเลยเลือกที่จะทานข้าวเงียบๆ ก่อนไอ้ป้องจะกินเสร็จก่อนผมแล้วเดินขึ้นห้องไป พอตามขึ้นไปมันก็กวักเรียกผมไปนั่งตรงโต๊ะคอม

“อะไรวะ”

ผมถามงงๆ ไอ้ป้องไม่ตอบแต่จับผมนั่งตรงๆก่อนจะหยิบผ้าขนหนูที่บิดหมาดๆจากการชุบน้ำอุ่นมาค่อนๆเช็ดหน้าผม พอรู้สึกสบายตัวผมเลยปล่อยให้อีกฝ่ายจัดแจงตามใจชอบ

“หนวดมึงยาวแล้วนะ...เดี่ยวกูโกนให้”

อีกฝ่ายชี้แจงจุดประสงค์ ก่อนจะค่อยๆป้ายครีมสีขาวสำหรับโกนหนวดให้กับผม

ไอ้ป้องค่อนๆช้อนหน้าผมขึ้นก่อนจะมองต่ำลงมา ในแววตาของมันเจือปนไปด้วยความรู้สึกต่างๆที่ผมแยกไม่ถูกเหมือนๆกับมันกำลังกลัวอะไรบางอย่างที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

ใบมีดโกนหนวดค่อยๆขยับช้าๆเบาๆ ไอ้ป้องเริ่มไล่โกนให้ผมจากซ้ายไปขวาจนกระทั้งสะอาดก่อนจะค่อยๆเอาผ้าเช็ดให้ผมที่ละนิดๆ ปิดท้ายด้วยการป่ายของเหลวอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมไม่แสบบริเวณที่เพิ่งถูกโกนไป ผมรู้สึกดีจนฟินนั่งนิ่งๆไปเลยแหละขอบอก

พอโกนหนวดให้เสร็จมันก็ไล่ผมไปอาบน้ำ ก่อนวันนี้จะบอกให้ผมรีบนอนไวๆ น่าแปลกที่วันนี้ผมไม่ต้องอ้อนอีกฝ่ายก็ลงมานอนกับผมดีๆ เพราะปิดไฟทุกดวงในห้องไปแล้วผมเลยไม่เห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้ายังไง รู้เพียงแต่มันหันหน้ามาทางผมก็เท่านั้นเอง

“วันนี้เป็นอะไรรึเปล่าครับ อ้อนเกียร์จัง ?”

ผมพูดหลังสัมผัสได้ถึงหัวทุยๆของมันที่ซบลงมา ปกติแล้วไอ้ป้องไม่ค่อยจะอ้อนผมนักหรอกนะครับ

“เกียร์ ....”

“ครับว่า... ?”

“ทำไมถึงชอบป้องล่ะ”

คำถามนี้ออกมาจากปากมัน ก่อนผมจะขยี้หัวเบาๆแล้วตอบกลับไป



“นกจะบินจำเป็นต้องมีเหตุผลเหรอป้อง ?”




ผมกลายเป็นพวกชอบตอบคำถามด้วยคำถามตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แหะ รู้แต่ว่าที่ตอบไปนั้นมันก็น่าจะทราบถึงความคิดของผมนะ ไอ้ป้องหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนมันจะนอนนิ่งๆไป

“หลับแล้วเหรอ ?”

ผมถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไป ก่อนแรงขยับเบาๆจะตอบผมแทนเจ้าตัว

“ป้อง....อย่าเลือนมือไปแถวนั้น...”

ผมเตือนเบาๆ เมื่อมือบางของไอ้ป้องเริ่มไปแถวๆบริเวณโซนอันตรายด้านล่างของผม แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ฟังที่ผมพูดเลยแม้แต่น้อยเพราะมือมันล้วงเข้าไปในขอบกางเกงของผมแล้ว!!!

“พรุ่งนี้ไม่ไปโรงเรียนเหรอ ?”

ผมเตือนต่อเพราะเริ่ม ‘ตื่นเต็มตัว’

อย่างที่กล่าวไปเริ่มต้นแต่แรกแล้วว่าผมปิดไฟหมดทุกดวงแล้วเลยไม่เห็นหรอกว่าสีหน้าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่  มือบางๆของมันล้วงเข้าไปประชิดชายแดนก่อนจะค่อยๆจับอย่างแผ่วเบา

“พรุ่งนี้กูไม่ไปโรงเรียน”

“ไปไหน”

“ทำธุระ...กับแม่นะ”

เพราะได้ยินแบบนั้น ผมเลยพลิกตัวอีกฝ่ายให้ลงไปอยู่ด้านล่างแทน

“งั้นคือนี้...ขอนะ”

เหมือนๆได้ยินเสียงมันหัวเราะเบาๆในลำคอ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม.....

แต่ผมกลับรู้สึกว่ามัน....

....กำลังเศร้าอยู่








.

.

.

.



.

.



“งั้นเดี่ยวเกียร์ไปโรงเรียนก่อนนะ”

ผมบอกกับไอ้ป้องที่นอนอยู่บนเตียงในสภาพยับเยิน เมื่อคืนนี้กว่าจะปล่อยมันนอนก็ล่อไปเกือบๆเที่ยงคืน ที่สำคัญคือไอ้ป้องเป็นคนเริ่มครั้งแรกตั้งแต่คบกันมา ถ้าผมไม่เริ่มก็ไม่มีทางได้เลย....

เจ้าตัวยิ้มรับคำให้ผมจางๆก่อนจะพูดเบาๆ

“โชคดีนะเกียร์”

“พูดเหมือนกับเกียร์จะไปไกลๆงั้นแหละ”

ผมแปลกใจกับคำพูดอีกฝ่ายเพราะมันดูเหมือนผมกับมันจะไม่ได้อยู่ด้วยกันงั้นแหละครับ ไอ้ป้องยิ้มให้ผมกว้างๆก่อนจะพูดต่อ

“ไม่ไกลหรอก...เกียร์อยู่ในใจเสมอนั้นแหละ”

แน๊ะ....เดี่ยวนี้หัดหยอดเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ผมแลบลิ้นให้มันก่อนจะก้าวออกจากห้องนอนไป พอเดินลงไปข้างล่างก็เห็นแม่ลีลาวดีในชุดทำงานกำลังยืนอยู่

“แม่หวัดดีครับ...วันนี้จะพาป้องไปไหนเหรอแม่ ?”

แม่ลีลาวดีไม่ตอบ แต่ดึงผมไปกอดแน่นๆแทน ก่อนจะปล่อยออกแล้วยื่นบางอย่างให้ผม

“แม่ซื้อมาให้ เกียร์เก็บไว้ใช้นะ”

ผมขมวดคิ้วก่อนจะเปิดออกดู แล้วพบกับปากกาโคปิกอยู่ในกล่องของขวัญเล็กๆยี่สิบแท่งเรียงตัวบรรจุอยู่ในกล่องอย่างเป็นระเบียบ

“ขอบคุณครับแม่”

ผมกอดขอบคุณ ก่อนแม่ลีลาวดีจะลูบหัวผมแผ่วเบา

“เกียร์ ตั้งใจเรียนนะลูก แม่รักเกียร์มากๆนะเหมือนๆกับเราเป็นลูกคนหนึ่งของแม่เลย....”

“ครับ”

ผมรับคำเพราะรู้สึกแปลกๆในใจ ทำไมแม้กระทั้งแม่ลีลาวดีก็พลอยพูดแปลกๆไปอีกคน

“งั้นเกียร์ไปโรงเรียนก่อนนะครับแม่”

“โชคดีนะลูก”

แม่ลีลาวดียิ้มให้ผมจางๆ ก่อนจะยอมปล่อยผมออกจากอ้อมกอด พอเดินไปที่หน้าบ้านผมเห็นพ่อยืนสูบบุหรี่อยู่...แปลกแหะ ผมรู้สึกเหมือนๆพ่อจะเลิกสูบตั้งแต่ตอนเจอกับแม่แล้วนะครับ แถมวันนี้ยังไม่ไปทำงานอีกต่างหาก

“ไปโรงเรียนก่อนนะพ่อ”

ผมตะโกนบอกก่อนจะเตรียมตัวเดินออกไป

“เย็นนี้กลับมาพ่อมีเรื่องจะคุยด้วยนะ”

พ่อผมพูดด้วยน้ำเสียงสงบๆแบบบอกไม่ถูก ผมพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินออกนอกบ้านไป

หวังเพียงขอแค่ให้เวลาผ่านไปไวๆให้ผมกลับมาเจอไอ้ป้องอีกครั้งหนึ่งก็พอ....

..

..
.
.
.
.





วันนี้ทั้งวันผมรู้สึกเรียนไม่รู้เรื่องเลยครับ ไม่ใช่ว่าไม่เคยมาเรียนคนเดี่ยวหรอกนะ เพียงแต่ผมรู้สึกเหงาๆแบบบอกไม่ถูกเพราะพอมองไปที่นั่งของไอ้ป้องแล้วเห็นว่ามันไม่อยู่

อย่าคิดมากดิวะไอ้เกียร์ กลับบ้านไปเดี่ยวก็ได้เจอกันแล้ว....

ผมไม่เคยรู้สึกอยากได้ยินเสียงออดตั้งแต่เกิดจนกระทั้งถึงวันนี้เลยครับ พอได้ยินเสียงออดปุ๊บผมแทบจะหนีบจาคอปแล้ววิ่งหูตั้งออกไปนอกโรงเรียนเพื่อไปเรียนพิเศษดรออิ้งจนกระทั้งหกโมงเย็น

......แค่คิดถึงใครที่คอยอยู่ที่บ้าน ผมก็แทบจะรอไม่ไหวแล้วครับ

ผมกลับมาถึงบ้านในเวลาจวนเจียนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า รู้สึกคุ้นตาเหมือนๆตอนที่ผมกับไอ้ป้องยืนด้วยกันที่ชั้นสองตึกห้าเลยแหะมันเป็นวันแรกที่พบได้จับมือกับมันอังแสงพระอาทิตย์

พอก้าวเข้าไปในบ้านผมยกเดินผ่านห้องนั่งเล่นยกมือไหว้พ่อ ก่อนจะแทบจะถลาขึ้นไปห้องตัวเองชั้นบน....

.....ก่อนจะพบว่าห้องทั้งห้องที่เหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า

มันว่าง....เหมือนก่อนที่ใครอีกคนจะก้าวเข้ามาในชีวิต

สิ่งของที่เคยยืนยันว่ามีใครอีกคนหนึ่งใช้ชีวิตตลอดระยะเวลาสี่เดือนในห้องๆนี้กับผม....

.....หายไปหมดแล้ว

แขนของผมที่หนีบจาคอปไว้คลายตัวออกอัตโนมัติ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ผมค่อยๆยกมือที่แทบจะหมดแรงเปิดประตูตู้ออกมา ก่อนจะพบว่าข้างในเหลือเพียงแต่เสื่อผ้าของผมห้องทั้งห้องดูโล่งไปถนัดตา ผมเดินไปนั่งที่เตียงชั้นล่าง ก่อนจะเห็นเทปอัดเสียงที่ไอ้ป้องชอบอัดคำศัพท์ไว้ให้ผมฟังเวลาล่างวางไว้ข้างๆสมุดเล่มหนาสีเทา นิ้วมือของผมค่อยๆเลื่อนไปกดปุ่มเพลย์

เงียบ....ผมเห็นเครื่องบันทึกเสียงวิ่ง แต่กลับไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา ผมนั่งฟังแนบมันไว้กับหูก่อนเสียงๆหนึ่งจะรอดออกมาให้ผมได้ยิน

‘พอถึงเวลาจริงๆ.....กูพูดไม่ออก......’

น้ำเสียงของ ‘คนที่หายไป’ ดังออกมา ผมนั่งเม้มปากนิ่งรอฟังเสียงที่รอดออกมา

‘มันจุก...จนพูดไม่ออก......กูไม่รู้ว่า....จะต้องบอกมึงยังไง.......’

น้ำเสียงที่พูดออกมาเจือปนไปด้วยความรู้สึกใจหาย

ไม่ใช่แค่คนพูด....

....คนฟังอย่างผมก็แทบจะหยุดหายใจ

‘กูมันคนขี้ขลาด...เกียร์.....’

มันเว้นวรรคไปก่อนเสียงกีตาร์จะดังขึ้น ผมแทบจะกลั่นหายใจฟังด้วยซ้ำ

‘เหตุผลเป็นร้อยเป็นพันที่เจอ
ทำให้เธอและฉันดูเหมือนยิ่งรักยิ่งห่าง
เหตุใดความรักที่พร้อมทุกอย่าง
บางสิ่งกลับดูขาดหาย สุดท้ายก็หาไม่เจอ’


‘เป็นเพราะเราต่างกัน
บนสวรรค์บันดาลให้ฉันและเธอต้องจาก
อยากให้เธอรู้เอาไว้อย่าง’


เสียงกีตาร์เงียบหายไป ก่อนเสียงร้องของมันจะออกมาพร้อมๆกับน้ำตาที่เอ่อร้นออกมาทั้งสองข้างของผม

‘......ว่าฉันจะมีแต่เธอ....อึก.....ในใจเสมอ’

หยาดน้ำตามากมายของผมไหลออกมา ก่อนเสียงร้องที่ปนไปกับเสียงสะอื้นร้องไห้ของไอ้ป้องจะดังออกมา

‘ความทรงจำดีดี...อึก....จะคงเหมือนเดิม..’

‘อย่างน้อยได้รู้ว่ารัก...เธอมากแค่ไหน...อึก....’

‘ฉันไม่เคยเลยไม่เคยเสียใจ............................’

‘ที่ได้รักเธอ.....’

เสียงไอ้ป้องเงียบหายไปนานมากแต่ไม่มากเท่าน้ำตาของผมที่ยังคงไหลรินออกมาจากดวงตา....

‘ป้อง...อึก....ป้องขอโทษ....ที่ต้องไป.......’

‘ไม่ได้อยากห่าง....แม้กระทั้ง...สักวินาที’

‘แต่ถ้าป้องไม่ไป.....เรื่องมันคง....เลวร้ายมากกว่านี้.........’

‘อึก....ขอโทษนะเกียร์...............’

‘ปกป้อง....จะรักก้องเกียรติ์เสมอไป....ครับ......’

ผมทรุดตัวลงไปนอนตรงที่ๆใครคนหนึ่งเคยนอนอยู่ทุกๆวัน หมอบใบเดิมถูกวางอย่างเป็นระเบียบเหมือนกับไม่มีใครมานอนนานมากแล้ว คราบฟูกจางๆยังติดจมูกผมอยู่ กลิ่นของคนที่ผมรักยังคงตลบอบอวลไปทั้งห้อง ผมร้องไห้จนปวดตาทั้งสองข้าง สมอง
เองก็ตื้อไปหมด

รู้ตัวอีกที่ผมก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพ่อของผมแล้ว....

“พี่ป้อง....ไปไหนเหรอครับ......”

ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พ่อของผมนั่งลงกับโต๊ะของห้องรับแขกก่อนจะพูดออกมา

“ย้ายออกไปแล้ว”

มันเหมือนมีมีดสักร้อยสักพันมากรีดใจของผมแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผมแทบล้มทั้งยืนด้วยซ้ำ

“ทำไม...ครับพ่อ......”

“..........................”

“ผมกับป้อง....ทำผิดอะไร....”

ผมสะอื้น พยายามควบคุมน้ำเสียงและร่างกาย ไม่ให้อ่อนแอไปมากกว่านี้

“ความรัก....มันผิดตรงไหนครับ”

“มันผิดตรงที่พวกแกทั้งคู่เป็นผู้ชาย !!! เกียร์ พ่อเลี้ยงแกมาตั้งแต่อ้อนแต่ออดตั้งแต่แม่ของแกทิ้งไป แกไม่เคยผิดปกติหรือจะเป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว แต่ทำไมแกถึงได้ชอบผู้ชาย!!! พ่อไม่เคยคิดเลยว่าแกจะเป็นแบบนี้”

พ่อลุกขึ้นยืนตวาดเสียงดังลั่น ถ้าเป็นปกติผมคงหงอแล้วเดินกลับห้องไป

“ผมแค่มีความรัก...ผมทำผิดอะไรร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ แค่คนที่ผมรัก....คือไอ้ป้อง”

“ผิดสิ ความรักของแก มันไม่ใช่ความรักที่ถูกต้อง !!!! แกคิดจริงๆเหรอว่าผู้ชายกับผู้ชายมันจะไปด้วยกันรอด มันไม่มีหรอก ไอ้รักแท้จอมปลอมนั้น ขนาดผู้หญิงกับผู้ชายปกติทั่วไปยังเลิกรากันออกจะเยอะแยะไป แล้วไหนจะคนในสังคมอีก ความรักของแก มันเป็นความรักที่สังคมไม่ยอมรับ!!!! แกจะให้ชั้นเอาหน้าไปไว้ที่ไหนที่มีลูกชายเป็นเกย์ ห๊ะ!!!!”

น้ำตาของผมไหลออกมาอีกระลอกเมื่อได้ฟังคำพูดของคนเป็นพ่อ ผมบีบเครื่องอัดเสียงของไอ้ป้องไว้แน่นก่อนจะหันหลังให้กับพ่อ

“ถ้าแกยังดื้อดึงไม่เลิก ฉันจะส่งแกไปนอก และจะไม่ให้กลับมาที่ไทยอีก”

ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าไอ้พวกตัวเอกที่โดนพ่อแม่พูดใส่แบบนี้จะยืนนิ่งๆช็อกอะไรรึเปล่า แต่สภาพจิตใจของผมตอนนี้ มันไม่มีอะไร
จะแย่ไปเท่ากับการที่หัวใจอีกครึ่งดวงของผมต้องโดนพรากจากไปหรอกครับ ผมแทบจะวิ่งออกไปด้วยซ้ำ แทบไม่อยากจะรับรู้ว่ามันคือเรื่องจริง

 “ไอ้เกียร์ แกจะไปไหน!!!!”

ผมไม่ตอบคำถามของพ่อ ไม่สนใจสิ่งที่อยู่ข้างหลัง ... ผมแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะไปไหน แค่รู้ว่าอยากตามมันกลับมา อยากตามคนๆนั้นมาอยู่ข้างๆกันอีกครั้ง  ผมได้ยินเสียงพ่อตะโกนไล่ตามหลังออกมาอีกมากมาย แต่เหมือนระบบรับรู้ของผมจะดับลงไปแล้ว ผมแทบจะคิดอะไรไม่ออกแล้วด้วยซ้ำ นอกจากไถ่สเกตออกไปข้างนอกก่อนจะถึงบริเวณโค้งตรงทางเลี้ยวออกไปนอกซอย  ไอ้ป้องย้ำกับผมเสมอว่าเวลาขับรถให้ระวังตรงโค้งนี้ เพราะคนที่ขับสวนเข้ามาจะมองไม่เห็นผมหรือใครก็ตามที่กำลังจะออกไป

......และผมก็ลืมคำเตือนนั้นไปสนิทใจ

‘ปรี๊นนนนนนนนนนนนนน’

แสงไฟจากหน้ารถยนต์คันหนึ่งซึ่งขับเข้ามาในซอยสะท้อนใส่แก้วตาของผมก่อนร่างกายจะสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกที่มากพอจะ
ทำให้ร่างทังร่างกระเด็นลอยกลับไป ผมได้ยินเสียงคนร้องตกใจมากมาย ได้ยินเสียงพ่อตะโกนเรียกชื่อผม ของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากศีรษะและลำตัวที่กระแทกเข้ากับพื้นถนน สติที่เหลืออยู่ของผมสั่งให้มือทั้งสองข้างกุมเทปที่บันทึกเสียงของไอ้ป้องไว้

ป้อง....อย่าทิ้งกูนะ....

นั้นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมคิด ก่อนโลกทั้งใบจะดับวูบลงไป......


TBC.




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
อร๊ายยยย ไม่น้าาา เกียร์โดนกีดกันก็แย่แล้ว อย่าให้เป็นอะไรเลย สงสารทั้งสองคนเลย แต่สงสัยจังทำไมต้องให้แม่ย้ายออกไปด้วยล่ะ พ่อไม่รักแม่เหรอ จะต้องเลิกกันด้วยเหรอ เศร้าเลย แม่ออกจะน่ารักอ่า รออ่านตอนต่อไปน้า

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
คุณพ่อออออออออออออ
เกียร์..............อย่าเป็นอะไรนะ
ยังไม่ได้เจอป้องเลย ป้องอยู่ไหน
รีบมาหาเกียร์นะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ทำไมมาม่าชามแรกรสชาติมันจี๊ดขนาดนี้ล่ะ
คิดว่าจะไต่ระดับ ที่ไหนได้เลยมีนไปซะเยอะ
ทำเอาน้ำตาร่วงหล่นไปเยอะเลย สงสารจัง
ว่าแต่พ่อกับแม่ป้อง ต้องเลิกกันด้วยเรื่องนี้ใช่ป่ะ
แล้วเกียร์จะเป็นอะไรมากมั้ย ป้องจะรู้หรือเปล่า

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อ่านแล้วถอนหายใจ เฮ่อออออออออ ในความเป็นจริงมีคนคิดแบบนี้เยอะแยะ
มันอาจจะจริงที่เป็นความหลงชั่วครู่ แต่การปฏิเสธทุกอย่างก็เหมือนผลักไสลูกออกไปนั่นแหละ

สงสารคุณแม่ ปกป้อง แล้วก็เกียร์

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส  :hao5: :hao5: :hao5:  :ling1: :ling1: :ling1:
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
ทำไมทำร้ายจิตใจกันอย่างนี้
คณพ่อหัดเปิดรับอะไรๆบ้างสิ ตัวเองก็บอกอยู่ว่าขนาดคู่ชายหญิงก็ไปไม่รอดต้องหลายคู่
คุณพ่อรู้ได้ไงว่าถ้าเกียร์คบผู้หญิงจะไปรอด
ช กับ ช รักกันได้มันต้องรักกันมากๆนะคุณพ่อ เค้าถึงจะยอมทิ้งชีวิตแบบคนทั่วไป
ต้องมาอยู่อีกฝั่งที่มีคนแบบคุณพ่อรุมประนาม คุณพ่อควรจะเป็นกำลังใจให้เกียร์นะ

การที่เกียร์โดนรถชนหวังว่าจะทำให้ป้องกลับมา
สาธุขอให้เกียร์ความจำเสื่อม  :call:
แล้วโดนป้องจับกด กลายเป็นศรีภรรเมียแทน  :hao6:



ไม่งี้เง้า => ไม่งี่เง่า
นั้นต่างหาก => นั่นต่างหาก
แต่สรุปเด็กเขาไม่เล่นด้วยวะ วิ่งหนีไปนู้น => แต่สรุปเด็กเขาไม่เล่นด้วยว่ะ วิ่งหนีไปนู่น
กินหมูกะรทะ => กินหมูกระทะ
ไอ้ผู้ชายตัวขวาๆ => ?????? ขาวๆ ป่ะ
ยกเว้นสอบกลางภาคของผมนะน่ะ... => ยกเว้นสอบกลางภาคของผมน่ะนะ...
“ป้องจ้า กลับมาแล้ววววว” => “ป้องจ๋า กลับมาแล้ววววว”
เหวี่ยงเสื่อนักเรียน => เหวี่ยงเสื้อนักเรียน
ผมอุปปมาไปเอง => ผมอุปมาไปเอง
“กูไม่สบายนิดหน่อยวะ” => “กูไม่สบายนิดหน่อยว่ะ”
จากซ้ายไปขวาจนกระทั้งสะอาด => กระทั้ง?? แก้เป็นกระทั่ง ไม่ก็ตัดคำนี้ไปเลยไหม อ่านแล้วสะดุด
ผ้าเช็ดให้ผมที่ละนิดๆ => ผ้าเช็ดให้ผมทีละนิดๆ
การป่ายของเหลว => การป้ายของเหลว
“งั้นคือนี้...ขอนะ” => “งั้นคืนนี้...ขอนะ”
“งั้นเดี่ยวเกียร์ไปโรงเรียนก่อนนะ” => “งั้นเดี๋ยวเกียร์ไปโรงเรียนก่อนนะ”
กลับบ้านไปเดี่ยวก็ได้เจอกันแล้ว => กลับบ้านไปเดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว
อัดคำศัพท์ไว้ให้ผมฟังเวลาล่าง => อัดคำศัพท์ไว้ให้ผมฟังเวลาว่าง
นอกจากไถ่สเกต => นอกจากไถสเกต
ปอลิง : เฮิร์ตเกิน เรดาห์ตรวจคำผิดอาจจะทำงานบกพร่อง

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เฮ้ย  :a5:   ไม่เอาแบบนี้นะต่าง แง๊ เกียร์ฟื้นสิฟื้นขึ้นมา พ่อไม่ยอมรับแล้วไงละ หาเงินส่งตัวเองก็ได้นี่นาแล้วหลังจากนั้นก็เป็นชีวิตของเรา สู้ ๆ ขอให้ฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัย ไม่เอาความจำเสื่อมนะ

ล.พึ่งว่างมาเหมือนกัน มีเทสฟิสิกส์ เกือบตาย ฮื้ออ  ต่างสู้ ๆ ยังไงเราก็อยู่ตรงนี้ อยู่ด้วยกันจะคอยเป็นกำลังใจให้ แรกๆอยู่หอปรับตัวยากหน่อย แต่พอผ่านไปซักะักจะชินไปเอง

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline

#29  Diaryของปกป้อง



20/07/52

อื้ม... วันนี้วันเกิด แม่ลีลาวดีซื้อสมุดให้เป็นของขวัญ เล่มสีเทาสวยมากเลย ตอนแรกกะว่าอยากจะทำเป็นสมุดโน้ตย่อ แต่มันหนาๆอ๊ะ งั้นทำสมุดบันทึกแล้วกัน ฮ่าๆ ไม่ชอบพูด แต่ชอบเขียน ไม่แปลกหรอกมั่ง
งั้นสวัสดีนะ ‘บราว’ สีน้ำตาลชื่อบราวนี้ คงโอเคแล้วเนาะ...
ฝากตัวด้วยนะ บราว

22/07/52

เห้ยบราว เราสอบติดเพลินจิตวิทยาแล้ว!!! โรงเรียนที่เด็กทั่วประเทศอยากเข้าเลยนะ !!! เราติดด้วยแถมยังได้อยู่ห้องห้าวิทย์-คณิตอีกต่างหาก จริงๆมีเรื่องจะบอก เราเป็นเด็กที่อ่อนภาษามากกกกกกกกก ที่สุดในสามโลก อย่าว่าแต่ภาษาอังกฤษเลย ภาษาไทยเรายังไม่คล่องเลย แต่ยังไงก็ได้เรียนวิทย์คณิตสมใจอยากแล้วนะ แต่ที่นี้ค่าเทอมแพงน่าดูเลย เอาเป็นว่าจะพยายามสอบให้ได้ทุน จะได้ไม่เปลื้องเงินแม่

แล้วเจอกัน เพลินจิตวิทยา !!!

ปล. สวนที่โรงเรียนนี้สวยมากเลย ไว้ว่างๆจะถ่ายรูปมาฝากบราวนะ


28/07/52

วันนี้ไปโรงเรียนมาวันแรก ....

อ่า.... จริงๆแล้วไม่ค่อยดีเท่าที่คิดแหะ บราว เด็กที่นี้แข่งขันกันจังเลย นี้ความเป็นมิตรหายไปไหน !!! เจอกันวันแรกก็แข่งกันอยากจะเอาเกรดสูงๆแล้ว

ช่วยกันเรียนไม่ได้รึไงนะ... ?

แต่สวนดอกไม้ที่นี้สวยจริงๆแหะ พอๆกับที่เชียงใหม่บ้านเราเลยบราว จะว่าไปแล้วตั้งแต่แม่พาเราย้ายมากรุงเทพเราก็ไม่ได้กลับไปเชียงใหม่เลย คิดถึงที่นั้นจัง.... เด็กเชียงใหม่จริงใจกันทุกคน ไม่เหมือนที่นี้เลย....

เอาเถอะ อดทนนะไอ้ปลื้ม เพื่ออนาคตที่ดี




04/08/52

ไปโรงเรียนสัปดาห์ที่สองมาบราว แย่ๆๆๆๆๆๆ  ทำไมเห็นแก่ตัวกันจังเลย .... เฮ้อ  เด็กต่างจังหวัดแล้วไงวะ  ก็ฉลาดจนสอบเข้าติดอ่ะ  โด่วววว เบื่อเด็กกรุงขี้อวด อวดโทรศัพท์ อวดนู้น อวดนี้

ของพวกนั้นใช้เงินตัวเองซื้อเหรอ ? ตลกจัง  น้ำพักน้ำแรงของพ่อของแม่ เพื่อบำเรอลูกๆด้วยของไร้สาระแบบนั้น
น่าสงสารพ่อแม่พวกนั้นจริงๆ

เออบราว วันนี้มีเรื่องตลกๆมาเล่าให้ฟังด้วย

วันนี้เว้ย เรามีคาบเรียนที่ห้องสมุด ที่นี้เราเลยไปนั่งตรงโต๊ะตัวเดียว จู่ๆมีเด็กห้องอื่นมานั่งข้างๆ เราก็อื้ม อ่านหนังสือไป สักพักมันมาร้องเพลงกรอกหูเราเฉย ขอโทษเหอะ เสียงร้องแมร่งโคตรตกคีย์ นี้เสียงคนรึชามแตก 5555+  แถมตัดผมทรงสกินเฮดอีกต่างหาก มั่นใจว่าไม่ใช่เด็กห้องเราแน่ๆ เพราะเด็กห้องเราตัดรองทรงสวยงามกันทุกคน สรุปคือหมอนี้เข้าผิดห้อง 55555+ โอ๊ย ขำ คนบ้าอะไรติ๊งต๊องจริงๆ

หมอนั้นสอนเราสะกดคำว่า ‘happy’ ด้วย ...

ก็บอกแล้วว่าเราอ่อนภาษา

แต่คิดว่าคงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ เพราะเรียนกันคนละห้อง แถมอยู่กันคนละสายอีก

อื้ม....แต่อีกฝ่ายก็ได้ลงบันทึกของเรานี่หว่า งั้นแทนชื่อให้แมร่งหน่อยล่ะกัน....

แล้วจะแทนว่าอะไรดี .... ?

อื้ม... จุดเด่นที่ทำให้ลืมไม่ลงเหรอ.....อย่างมันก็......

.......หวัดดีนะเว้ย ‘ไอ้เหม่ง’ 555555+

Ps. นั้นหน้าผากคนหรือพระอาทิตย์ ?  5555555555555555+





09/08/52

เห้ย !!! ความบังเอิญมีอยู่จริง

บราวจำคนที่เราบอกว่าหัวเหม่งได้ไหม  วันนี้เจอหมอนั้นที่ห้องปกครอง  แง่ง  เด็กบ้านั้นสูบบุหรี่แหละ โดนจารย์จับได้ สมน้ำหน้า แบร่ๆ  แต่บราเทนเดอร์โครวก็โหดไปนะ เล่นฟาดไปสิบกว่าที่ ตูดมันเลยเป็นรอยไม้เรียวยาวๆ ทำไมเราถึงรู้นะเหรอ ?...

.....ก็เห็นเต็มสองตาไง

เออวะ  เราลืมดูชื่ออีกฝ่ายเลย....

Ps. บราเทนเดอร์เรียกเราไปใส่ยาให้หมอนั้นไง  ไม่งงใช่ป๊ะ

Ps.2 รู้สึกเสียสายตานิดๆ ต้องไปมองตูดมันเนี้ย





10/08/52



บราว วันนี้เรามีเรื่องมาเล่าให้ฟัง ….

อีกแล้ว!!! เจอหมอนั้นอีกแล้ว บังเอิญไปไหม ?

แต่ทำไมเจอกันแต่ละครั้งมีแต่เรื่องนะ ...

ก็วันนี้เราไปเดินแถวตลาดข้างๆโรงเรียนเรามากะว่าจะหาของขวัญวันแม่ให้แม่ล่ะ  หมอนั้นกับพวกไปมีเรื่องกับพวกเด็กอาชีวะ รู้สึกเหมือนๆเพื่อนหมอนั้นจะไปหาเรื่องก่อนนะ  แย่งแฟนหรืออะไรกันเนี้ยแหละ  (แก่แดดที่สุด อายุแค่นี้มีฟงมีแฟน -  -*) พอจะมีเรื่องกันเราเลยโทร.ตามบราเทนเดอร์โครวมาจัดการ ดีนะว่าไมใกล้จากโรงเรียนเท่าไหร่ ครูเลยมาไวมากกกกก
นี้เราไม่ได้เสือกเรื่องชาวบ้านใช่ไหม ? 55555+


Ps. และก็เสียสายตาอีกรอบ.... รอยเก่าไม่ทันหาย โดนประทับรอยใหม่ซะแหละ…สงสารตูดแกจัง เกิดมาโคตรมีกรรม มีเจ้าของเป็นเด็กเกเรเนี้ย


PS.2 เราก็ยังไม่รู้จักชื่อหมอนั้นอยู่ดี ทั้งชื่อจริงชื่อเล่น รู้แค่ว่าอยู่ห้อง11 ตึก2  ห่างจากตึกเรียนเราไปสองตึก


...แล้วนี้จะอยากรู้ตึกเรียนมันไปทำไมวะ.....





13/08/52

ในที่สุดก็รู้จักชื่อหมอนั้น...

เปล่า วันนี้ไม่ได้เจอกันหรอกนะ  เราแค่ไปค้นทะเบียนประวัตินักเรียนดู

ไม่อยากจะคุยนะบราว แต่ในห้องปกครองนี้เราเดินไปไหนมาไหนก็ได้  55555+ โคตรมีอำนาจแหะ  วันนี้พี่ยิ้มแย้มออกมาจากห้องด้วย(ประธานนักเรียนโรงเรียนเราเอง)  ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ชาย หน้าตาโคตรสวยยยยยยย อ้ากกกกกกก  ขนาดเราเป็นเด็กเหนือยังขาวไม่เท่าพี่เขาเลย  แต่ก็ยังว่าแหละ เราทำงานพิเศษกลางแดดจนผิวกลายเป็นสีน้ำผึ้งไปแล้ว

อย่าดำเลยนะ ตัวของฉัน  ....

อ้อ เกือบลืมประเด็นหลักไปเลย....

มันชื่อ ‘เกียร์’ …(ชื่อแปลกๆเนาะ ?)  ชื่อจริงชื่อก้องเกียรติ์ .... โห ชื่อดูภูมิฐานมากกกก แปลว่าชีวิตเต็มไปด้วยเกียรติ์ยศและ
ศักดิ์ศรี แต่ทำไมเจ้าของชื่อโคตรเกเรเลยก็ไม่รู้


Ps. เรานี้ไม่เจอเหม่งแล้วรู้สึกแปลกๆแหะ




19/08/52



โหยยยยย ไม่ได้เขียนนานเลย โทษนะ งานยุ่งมากกกกกกกก นี้แน่ใจนะว่างานเด็กม.1  ???  รายงาน แบบฝึกหัด สอบย่อย  อ้ากกกกกกกกก แทบจะทับเราตายอ๊ะบราว แถมวันนี้รู้สึกปวดๆหัวใจด้วย T  T  ไม่อยากไปหาหมอเลยไมได้บอกแม่  เรากลัวเข็มฉีดยาอ๊ะ




Ps. วันนี้เจอเหม่งที่โรงอาหารด้วย  หมอนั้นเพื่อนเยอะจัง.....


......อยากมีเพื่อนเยอะๆแบบนั้นจัง......





20/08/52



วันนี้เจอเด็กสาขาสองด้วย  ชื่อมู่หลาน 5555+ ชื่อแปลกอีกแล้ว  หมอนั้นบอกว่าพ่อชอบดูหนังจีน อยากได้ลูกสาวเลยตั้งชื่อนี้ให้ แต่นิสัยดีนะ  ฉลาด พึงพาได้  นี้สิถึงจะเรียกว่าเพื่อน ไม่ใช่พวกเห็นแก่ตัว ที่อาศัยคำว่าเพื่อนหาผลประโยชน์จากเรา แง่งๆ เราตัดสินใจแล้วล่ะบราว  ไม่มีเพื่อนในห้องก็ไม่เป็นไร


เราไม่ชอบอยู่กับคนมากๆอยู่แล้วนิ....

Ps.  บรรทัดสุดท้ายเราโกหก




04/09/52


อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  ขอโทษบราว เราหากุญแจลิ้นชักไม่เจอวะ  เพิ่งมาเจอตอนเก็บห้องเนี้ยแหละ ///ปัดฝุ่นๆ
มีเรื่องจะเล่าให้ฟังเยอะแยะเต็มไปหมดเลย  ตอนนี้ประธานโรงเรียนเราเปลี่ยนคนแล้วนะ  ประธานคนใหม่ชื่อพี่กาเซียร์ ฉลาดมากกกกกก ติดค่ายสอวน.ตั้งแต่ม.4 เคยไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกา สุดยอดดดดดดด !!! ไอดอลเราเลยแหละบราว แถมพี่เขายังใจดีมากๆอีกต่างหาก ซื้อขนมมาฝากพวกเราประจำเลย

เรื่องต่อมา บราวคงยังไม่ลืมไอ้เหม่งใช่ไหม ?  หลายๆวันมานี้เจอบ้างไม่เจอบ้างแหะ แต่วันไหนที่เจอเป็นอันต้องมีเรื่องเดือดร้อนตลอด นี้มันตัวหายนะชัดๆ แง่ง แต่หมอนี้ฟันสวยชะมัดยาด  เรียงกันเป็นระเบียนแถมยังสะอาดสะอ้านอีกต่างหาก เป๊ะทั้งตัวจริงๆแหะ

เออ ใช่ หมอนี้วาดรูปเก่งเมพๆเลยบราว  วันนี้จารย์ส่งหมอนี้ไปแข่งวาดภาพกำแพงสีมา หมอนี้เข้ารอบนะ แต่ดันสละสิทธิ์สะงั้นอ่ะ เสียดายแทนเลยเพราะนี้มันการแข่งขันระดับประเทศเลยนะ  แต่เห็นสีหน้าหมอนั้นตอนลงรถแล้วเราว่าก็ดีแล้วล่ะที่สละสิทธิ์ หมอนั้นบอกว่าไม่อยากได้รางวัลที่มาจากคนอื่นไม่ใช่ตัวเอง

หล่อ รวย หยิ่ง ...

บ๊ะ ....นี้มันคุณสมบัติพระนิยายไทยน้ำเน่าแท้ๆ

Ps. เราก็ไปแข่ง ได้เหรียญทองคณิตด้วย เก่งป๊ะล่ะ ???

Ps.2  อาจารย์พาไปเลี้ยงหมูกระทะ  หมอนี้กินโคตรจุเลย  ทานเข้าไปได้ยังไงตั้งเยอะขนาดนั้น ถ้ามีเมียนะ เมียมันคงเบื่ออ๊ะ ต้องทำกับข้าวให้กันเยอะๆ ...

......  แล้วเราไปคิดแทนเมียหมอนั้นทำไม... ?




05/09/52

เราว่าเราเกลียดความบังเอิญ....

กีฬาสีของเพลินจิตวิทยาจะสุ่มเด็กหลายๆห้องมารวมกันเป็นหนึ่งสี ....

ห้อง  1  ห้อง 5  และห้อง  ....

11

.......

แต่ดีหน่อยนะ เด็กปีหนึ่งไม่ต้องทำอะไรมาก แค่นั่งสแตนท์เชียร์ก็พอ พอเด็กสามห้องมาร่วมกันแล้วดูสนามแคบลงไปถนัดตาเลยแหะ พวกพี่ๆโหดกันจัง เดี่ยวว๊ากๆ

แต่แอบสงสารอ๊ะ  ว๊ากจนเจ็บคอเสียงหายหมดเลยแหะ...

รักเพื่อน เคารพพี่ ดูแลน้อง นี้เป็นวลีเด็ดของเพลินจิตวิทยา เราว่าไอ้เคารพพี่กับดูแลน้องนี้จริงๆนะ พี่ๆดูแลดีมาก พวกเราก็เคารพพวกพี่ๆเขานั้นแหละ แต่รักเพื่อนคงไม่ใช่

นี้มันโรงเรียนชายล้วนนะเว้ย!!! ลองรักเพื่อนสิครับ 555555555555555555+

Ps.ไอ้เหม่งถูกเลือกให้เป็นเทวดาเดินพาเหรด

Ps.2 มันโดนบังคับโดนพี่ๆแก๊งนางฟ้า

Ps.3 มันถูกถอดเสื้อโชว์คนในสี พี่ๆต้องการวัดไซร์ตัดชุด (เชื่อไหมว่าข้ออ้างอยากดูหุ่นมัน -  - *) เห็นพี่ๆกรี๊ดใหญ่เลย ขนาดเห็นแค่ช่วงบนนะเนี้ย โด่วววววววววว

....เราเห็นข้างล่าง(ก้นขาวๆ)มาแล้วยังไม่คุยเลย ชิชะ  เห็นแค่นั้นทำเป็นกรี๊ด

.....แล้วนี้เราทำหน้าหงุดหงิดทำไมวะ.....




12/09/52


หมอนั้นแมนสุดๆเลยบราว...

วันนี้มีแข่งขันแฮนด์บอล  ที่นี้คนในสีปาลูกบอลไปกระแทกใส่เพื่อนคนหนึ่ง เราเห็นล้มตึ่งไปเลย ไอ้เหม่งแมร่งแข็งแรงมาก ช้อน
ตัวแล้วอุ้มไปเฉย (แข็งแรงไปไหนนนน) แต่หมอนี้รักเพื่อนตัวเองจริงๆนะ ช่วยกันขนาดนี้

.......ชักอยากเป็นเพื่อนกับหมอนั้นแล้วสิ



15/09/52



วันนี้วันเสาร์  เราไปทำงานพิเศษที่ห้างแถวบ้านมา จริงๆแม่ก็ไม่อยากให้ทำนะ แต่เราไม่อยากนั่งเฉยๆวะ เลยหางานทำ เรายืนแจกไปเรื่อยๆ สักพักหนึ่งมีคนเดินมาชนเราจนใบปลิวตกเกลือนกลาดไปหมดเลยวะ


นั้นยังไม่พีคนะ  พีคสุดคือเจอไอ้เหม่ง....


....กับแฟนมัน

เดิน ‘เหยียบ’ ใบปลิวเราไปเฉยเลย....

แล้วเราร้องทำไมวะ.... มันคงไม่รู้ ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย


Ps. ขอโทษนะที่ทำบราวเปียก พอนั่งเขียนๆแล้วจู่ๆมันก็ร้องออกมาเอง...





18/09/52


บราว....นี้เราต้องบ้าไปแล้วแน่ๆเลย ทำไมเราถึงต้องไปสนใจด้วยนะ ว่าหมอนั้นจะมีแฟนรึอะไร โอ๊ยปวดหัว บราวเชื่อไหม วันนี้เราเจอมันกับเด็กผู้หญิง ‘อีกคน’


แมร่ง.... จะหล่อเลือกได้ไปไหนวะ


ไม่เข้าใจ ไม่ชอบใจเลย ไอ้ความรู้สึกร้อนๆในอกเนี้ย มันคืออะไรกันแน่ !!! เราหงุดหงิดตัวเองวะบราว  เราอยากตะโกนดังๆแบบไมได้ใจความ แค่อยากระบายๆออกไป……


เบื่อคนหน้าม่ออออออออออออออออออออออออออออออออออ


Ps. ขอโทษนะ  วันนี้ไม่เปียกแต่ดันทำกระดาษยัน  แงๆ  ไม่โกรธปลื้มนะ  T  T





24/09/52


สอบกลางภาคมาถึงแล้วบราว !!!  ข้อสอบง่ายจังแหะ แง้วๆ


Ps . ผ่านทุกวิชาแน่เลย !!!




04/10/52

ผลสอบออกมาแล้ว ผ่านทุกวิชาจริงๆด้วย !!!

วันนี้เราว่าง เลยไปช่วยมิสประริสาคุมเด็กสอบซ่อม  เราเจอไอ้เหม่งแอบส่งโพลยด้วย

....

ทำไมเราไม่ฟ้องครูวะ..... ?

Ps. ถ้าเราเป็นแฟนหมอนั้นนะ จะกวดขันให้มันสอบให้ผ่านให้ได้ เหอะๆ ไม่ใช่ตกแทบทุกวิชาแบบนี้ (ไปแอบดูมา)

Ps.2  นั้นไง เขียนอะไรบ้าๆไปอีกแล้ว มันเป็นผู้ชาย เราก็ผู้ชาย จะเป็นแฟนกันได้......

....ได้ยังไงวะ......

.............แล้วเราถอนหายใจทำไม  ...........


Ps.3 หมอนั้นมีแฟนเยอะจนจำหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ....


TBC.








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-08-2014 21:11:57 โดย ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เห...นี่แสดงว่า ป้องชอบเกียร์มาต้ั้งแต่แรกๆเลยน่ะสิ โอ้ววว อยากอ่านบันทึกต่อแล้วสิ อิอิ อยากรู้ว่า จะเป็นยังไง

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ป้องเจอเกียร์มานานแล้ว แต่เกียร์จำป้องไม่ได้
แอบรักเกียร์มานาน กว่าจะได้รักกัน
รออ่านไดอารี่ของป้องจนถึงปัจจุบัน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ช็อคอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด