โรตี : ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบรับของแบบไหนจากคนที่ตัวเองชอบกันนะ?
วันนี้ผมมาเปิดร้านเช้ากว่าปกติ เพราะต้องรีบออกไปซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋หน้าปากซอยก่อน
พอซื้อเสร็จก็เดินเข้ามาในซอยเจอหอพัก Z ที่พี่ช้างทำงานอยู่ตรงหน้า เห็นยามกะกลางคืนเดินปิดปากหาวปั่นจักรยานอกไปหน้าปากซอย มองซ้ายมองขวาแล้วไม่มีใครกำลังมองอยู่ก็รีบเดินเข้าไปในป้อมทันที
ผมวางของที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ รปภ.ในป้อม คาดว่าอีกสักพักไม่นานเกินห้านาทีพี่ช้างคงเข้ามาทำงานแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นผมควรจะหนีออกไปก่อนที่เขาจะกลับมาสินะ
ขณะที่กำลังย่องจะออกจากป้อมยามนั้นเท้าผมก็เหยียบเข้ากับบัตรเล็กแข็งๆ อันหนึ่ง
พอหยิบขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นบัตรประชาชน เอ...นี่มันของพี่ช้างนี่นา อย่าบอกนะว่าลืมเอาไว้ สะเพร่าจริงๆ เลย
หืม...?
ดูจากวันเกิดบนบัตรประชาชนนี้...วันนี้มันวันเกิดพี่ช้างนี่นา
ผมยิ้มจางๆ เมื่อคิดอะไรออกก่อนจะวางบัตรประชาชนนั้นลงบนโต๊ะข้างถุงน้ำเต้าหู้ก่อนจะเดินออกไปเปิดร้านหนังสือตัวเองตามปกติ
ในหัวก็ร้อยเรียงแผนการบางอย่างที่เพิ่งคิดออกสดๆ ร้อนๆ
มันคงไม่แปลกหรอกนะ...ที่ผมชอบแสดงการกระทำมากกว่าคำพูด
พี่ช้าง : วันดีๆ ของผมกับเด็กน่ารักที่อายุห่างกันเป็นสิบปี 1
ผมอาศัยอยู่หอพักเล็กๆ ราคาไม่แพงในซอยถัดไปนี่เอง
เช้านี้พอไปทำบุญวันเกิดที่วัดใกล้ๆ เสร็จก็กลับมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงานตามปกติ เพราะอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ผมมีเวรกะเช้า พอสัปดาห์หน้าไปถึงเป็นเวรช่วงเย็นจนถึงดึก
พอมาถึงป้อมที่ทำงานประจำผมก็ต้องแปลกใจที่เห็นถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋วางบนโต๊ะ โดยที่ข้างๆ ถุงมีบัตรประชาชนของผมที่คงจะทำตกเมื่อวานหลังเลิกงานวางอยู่
แปลกจัง...คราวที่แล้วก็มีคนที่ซื้อขนมปังกับน้ำมาให้ ถามใครก็บอกว่าไม่รู้ไม่เห็น แล้วผมจะหาตัวแล้วตามไปขอบคุณเขาได้ยังไงเนี่ย
วันนี้ยังมีน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาเพิ่มให้อีก...
คนแปลกหน้าที่ใส่ใจผมแบบนี้ เขาเป็นใครกันนะ?
ผมคิดอย่างมึนๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้หยิบหลอดดูดเสียบถุงน้ำเต้าหู้กินพร้อมกับหยิบปาท่องโก๋ใส่ปากไปด้วย ถือว่าเพิ่มพลังในการทำงานวันนี้แล้วกัน
หนังสือนิยายรวมเรื่องสั้นที่ผมยืมจากร้านโรตีกลับไปอ่านที่บ้านทำให้ผมเริ่มเข้าใจว่ามันไม่ใช่แนวจริงๆ ผมอ่านพวกตัวหนังสือติดกันเยอะแบบนี้แล้วรู้สึกปวดตาจนอ่านต่อไม่ลง เพราะฉะนั้นเอาไปคืนแล้วยืมการ์ตูนเบาสมองกลับมาอ่านเหมือนเดิมดีกว่า
พอช่วงพักกลางวันผมจึงเดินข้ามไปอีกฝั่งเอาหนังสือนิยายไปคืน
"สวัสดีน้องโรตี" ผมเอ่ยทักหนุ่มน้อยที่นั่งหลังเคาน์เตอร์ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสดใส
“สะ...สวัสดีครับพี่ช้าง” โรตียกมือไหว้ผมแล้วทำตาหลุกหลิกไปมาอย่างกับคนไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นแหละ แถมยัง...ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองไหมเหมือนแก้มโรตีมันแดงเหมือนลูกตำลึงเวลาสบตาผมยังไงไม่รู้
หรือว่าน้องเขาจะเขินผม...?
ความคิดแบบเข้าข้างตัวเองสุดๆ นั่นพลอยทำให้ผมเขินไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
ผมข่มความรู้สึกแสนแปลกประลาดนั่นลงไปในอกพร้อมกับเอ่ยชวนคุยอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดในแบบฉบับของผม
"พี่ว่าอ่านนิยายแล้วปวดตาไปหน่อย อยากอ่านการ์ตูนเหมือนเดิม ถ้ายังไงโรตีลองแนะนำเรื่องอื่นให้พี่หน่อยสิ"
เด็กหนุ่มตรงหน้าเหมือนจะสงบจิตใจตัวเองได้แล้วจึงยิ้มออกมาจางๆ
"ได้ครับได้ มีโดเรม่อนเล่มใหม่มา พี่ช้างลองเอาไปอ่านดูนะ ผมว่าสนุกดี"
"ครับผม เอาโดเรม่อนนั่นแหละ"
โรตียิ้มและรับหนังสือในมือผมไปสแกนทำการคืนก่อนจะลุกเดินไปที่ชั้นหนังสือมุมเดิมที่มีการ์ตูนเด็กอยู่
ร่างเล็กๆ ไม่สูงไม่เตี้ยกับใบหน้าบริสุทธิ์ที่แฝงแววคิดจางๆ ไว้ทำให้ผมรู้สึกชื่นชมเขาอยู่ในใจ ท่าทางที่แสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติปราศจากการปรุงแต่งทำให้ผมเผลอหวั่นไหวเป็นบางครั้ง
จะว่ายังไงดีล่ะ...ถ้าบอกว่าผมเคยมีแฟนเป็นผู้ชายจะเชื่อไหม?
ใช่ครับ ผมเคยมีแฟนเป็นผู้ชายแล้วก็เลิกกันไปเพราะผมไม่มีเงินซื้อของแพงๆ ให้เขา
มีให้แค่ความรักจากใจจริงเท่านั้น...แต่คนสมัยนี้ปัจจัยเดียวแค่ความรักคงเป็นไปไม่ได้ ผมเข้าใจเขาและไม่คิดจะโกรธเลยสักครั้งเพราะถือว่าเราจบกันด้วยดี แต่ละคนมีเหตุผลที่ฟังขึ้นและยังสามารถคบกันเป็นเพื่อนได้เสมอ
อ้อ ผมเล่าลัด โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยปิดกั้นเรื่องเพศเสียเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายล้วนมีหัวใจรักเหมือนกัน หากเราใจเต้นหรือมีความรู้สึกดีๆ กับใคร นั่นก็นับว่าเป็นความรักแล้ว แม้มันจะแปลกในสายตาคนมองทั่วไปหน่อยก็ตาม
แค่เรารักกัน...แค่คนในครอบครัวรับรู้ในสิ่งที่เราเป็น มันก็เพียงพอมากแล้วล่ะสำหรับผม
เอ๊ะ ว่าแต่ผมจะมารำลึกเรื่องความชอบส่วนตัวเวลาอยู่ต่อหน้าเด็กคนนี้ทำไมเนี่ย
ไม่แน่หรอกนะ...ความรู้สึกชอบมันเกิดขึ้นง่ายดายจะตายไป แต่ความรักต่างหากที่เกิดขึ้นยากต้องใช้เวลาหรืออาจจะไม่ใช่เวลาเลยก็ได้หากมองตาแล้วรู้ใจกัน
ในกรณีผม...มันเป็นแบบไหนกันนะ เอาเถอะ ไว้ค่อยคิดก็แล้วกัน เพิ่งเจอแปปเดียวแท้ๆ
"นี่ครับ มีสองเล่มนะพี่ช้าง"
โรตีเดินกลับมาที่โต๊ะและเริ่มทำการสแกนหนังสือก่อนคิดเงินให้ผมเหมือนทุกครั้ง...น่ารักจัง
โธ่ ช้างเอ๋ย...ทำไมทำตัวเหมือนเป็นตาลุงแก่อยากกินเด็กแบบนี้เนี่ย บอกตัวเองเข้าไว้สิว่านี่มันแค่ความชอบชั่วคราว ไม่ใช่ความรักหรอก เดี๋ยวก็ลืม
"ขอบคุณครับ"
ผมยิ้มน้อยๆ ให้โรตีหลังจากจ่ายเงินเสร็จและเดินออกจากร้านกลับไปทำงานต่อ
โดยไม่รู้ตัวเลยว่าวันนั้นทั้งวันผมจะไม่สามารถลบภาพคนตัวเล็กนั่นไปจากใจได้เลย ภาพของโรตีวิ่งวนอยู่ในใจผมและทำให้ผมต้องคอยมองกลับไปที่ร้านหนังสือฝั่งตรงข้ามทุกครั้งว่าเจ้าตัวยังอยู่ดีเสมอไหม
เอ...ผมว่าอาการผมเริ่มรุนแรงขึ้นมากแล้วล่ะ!
"เฮ้อ...หลับสักงีบแล้วกัน ห้านาทีพอนะ"
ผมบอกตัวเองแบบนั้นแล้วก้มหน้าซบลงกับท่อนแขนตัวเองเพื่อพักสายตาสักห้านาที แต่ต้นแขนดันไปชนกับถุงปาท่องโก๋ที่ยังกินไม่หมดจนมันเซเกือบหล่นลงพื้น ดีที่ผมยังเอามือตะครุบไว้ได้ทัน
พอหยิบมันขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะตามเดิมก็เพิ่งเห็นว่ามีเศษกระดาษแผ่นเล็กลายมือเดียวกับของคราวที่แล้วจากคนแปลกหน้าที่ซื้อขนมปังมาให้ผม
'สู้ๆ กับการทำงานครับ'
นอกจากความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นกับโรตีแล้ว เจ้าของความห่วงใยปริศนาที่ส่งมาให้ผมนี้ก็น่าคิดเหมือนกันว่าท้ายสุดเขาคือใครกันแน่
เอ๋...? นี่มันอะไรกัน
ผมลองจ้องลายมือบนแผ่นกระดาษนั้นแบบชัดๆ ประมวลความทรงจำในสมองเท่าที่มีว่าเคยผ่านตากับตัวอักษรในลักษณะนี้มาจากไหน
นี่มัน... ใช่ ผมนึกออกแล้ว มันเป็นของคนที่เขียนรายละเอียดกฎการยืมหนังสือเล็กๆ ให้ผม
นี่มันตัวหนังสือของโรตีนี่นา!
โรตี : ของเล็กๆ ที่ผมอยากให้เขาเก็บไว้ใช้
ผมปิดร้านแล้วเขย่งเท้ามองซ้ายขวาว่าพี่ช้างออกเวรไปหรือยัง พอเห็นว่าไม่มีใครนั่งอยู่ในป้อมแล้วผมเลยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หยิบถุงเท้ากับรองเท้าผ้าใบออกมาใส่และเก็บรองเท้าแตะที่ใส่มาไว้ในถุงนั้นและนำมันไปว้างที่ซอกเล็กๆ ข้างร้าน ตอนกลับค่อยเดินมาเอา
ในมือผมมีกล่องของขวัญชิ้นเล็กๆ อยู่ประมาณกล่องแหวนได้ มันเป็นผ้าเช็ดหน้าสีน้ำตาลอ่อนเรียบๆ ไม่มีลวดลายอะไรซึ่งพี่ช้างน่าจะได้ใช้ เพราะผมเห็นว่าพี่เขาเหงื่อออกแล้วไม่มีอะไรเช็ด ชอบใช้มือปาดทิ้งไปง่ายๆ อาจทำให้หน้าสกปรกได้ จึงเป็นที่มาของของขวัญนี้นี่เอง
ผมยกมือดูนาฬิกาแล้วรีบวิ่งเข้าไปในซอยข้างหอพักที่จะมีลานกีฬาเล็กๆ อยู่ มองซ้ายมองขวาแล้วตัดสินใจไปรำไทเก๊กกับพวกคุณป้ากัน สองสายตาก็กวาดมองหาเป้าหมายไปด้วย
อัพเดทหน่อยนะครับ...คือตอนพักกลางวันช่วงที่ผมจะแวบไปเซเว่นหน้าปากซอยเจอคุณป้าคนหนึ่งเดินผ่านมาก็คุยกันตามปกติ แต่เจ๊แกดันบอกว่า
'มีหนุ่มหล่อที่น่าจะเป็นยามคนหนึ่งมาออกกำลังกายด้วยกันทุกเย็นเลย'
แล้วหนุ่มหล่อที่เป็นยามในบริเวณนี้มันไม่ได้มีสิบคนเสียหน่อย มีแค่คนเดียวเองผมเลยเดาได้ไม่ยากว่าพี่ช้างแกคงมาออกกำลังกายที่นี่แหละนะ (ไม่มั่นใจเท่าไหร่หรอก แต่ลองดูก็ไม่เสียหายใช่ไหมล่ะ)
ผมยกแขนไปมามองเท่าไหร่พี่ช้างก็ยังไม่มาสักที...หรือวันนี้พี่เขาจะไม่มากันเพราะเป็นวันเกิดเลยจะไปฉลองกับแฟน
ถ้าอย่างนั้นผมก็มาเสียเที่ยวน่ะสิ!
แล้วพี่ช้าง...มีแฟนแล้วอย่างนั้นเหรอ? บ้าน่า นี่ผมคิดไปเองคนเดียวไม่ได้ถามพี่เขาเลยสักนิด เพราะฉะนั้นต้องหยุดมโนก่อน ใครบอกกันว่ามโนคือชนะ!
อ๊ะๆ นั่นไง ผมเจอพี่ช้างเดินเข้าซอยมาแล้ว...
_________________________________
ผมหายไปนานพอสมควรเลย มีคนรอเรื่องนี้กันอยู่ไหม 5555
อัพอีกครั้งก็จบแล้วนะ
จบเรื่องนี้มีเรื่องสั้นคั่นอีกเรื่องแล้วเตรียมเจอหมอไกด์นะครับ อิอิ
โกรธตัวเองมากเลย แต่งๆ หมอไกด์อยู่ พลอตของคุณครูที่รัก ชาวประมงที่รัก มันมาเอง
แล้วมาแบบเป็นเรื่องยาวด้วย 55555
เจอกันตอนสุดท้ายครับ
ปล.เรื่องนี้ไม่มีตอนพิเศษนะครับ