...The Timeless Tide...หากแม้นสายนธีร์จะย้อนกลับ...[แจ้งข่าว หน้า๒๒ ค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...The Timeless Tide...หากแม้นสายนธีร์จะย้อนกลับ...[แจ้งข่าว หน้า๒๒ ค่ะ]  (อ่าน 308920 ครั้ง)

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
แปะ เดี๋ยวมาอ่านค่ะ อยู่ข้างนอก อ่านไม่สะดวกเลย

*edit
อื้อหือ กระอักค่ะเมื่ออ่านจบตอน
เอาแต่แรกก่อน มันน่ารัก ละมุนละไม อบอุ่นจริงๆค่ะ บรรยากาศโดยรวม
แต่เรื่องที่เจอหลวงพี่หน้าคุ้นเคยนั้น ดูราวกับเป็นปริศนา บางทีท้ายที่สุดแล้ว
ถ้าน้องธีร์ต้องกลับโลกยุคปัจจุบันเลยจริงๆ พี่แก้วอาจได้หลวงพี่พูดให้เข้าใจได้
หน่วงไปหนึ่งดอก...

ดอกแก้ว - พี่แก้ว ถึงพี่แก้วเป็นผู้ชายแต่ก็ดูเข้ากับดอกแก้วได้ดีอย่างอธิบายไม่ถูก
หรือความรู้สึกเราจะลำเอียง อวยพี่แก้วมากไปหน่อย...ไม่มั้ง555
แต่ตอนนี้ทำเอาเราอยากไปาดอกแก้วมาดมเลย

ฉากพระนายเนี่ย มันละมุนจริงๆนะ รู้สึกว่าพี่แก้วละมุนอ่ะ
มันแบบทำเราเขินทุกที ยิ้มทุกครั้งที่อ่าน แม้จะยังไม่มีอะไรเกินเลยก็ตาม
me\จับน้องธีร์ห่อของขวัญผูกโบว์ถวายพี่แก้ว
เพราะพี่แก้วดูช่างทีความอดทนต่อสิ่งยั่วยวนอย่างน้องธีร์เสียจริง

แต่ตอนต่อไปช่างน่ากลัวนัก มาขึ้นต้นเรื่องความสุข-ความทุกข์
อยู่กับเราไม่นาน มีมามีไป มาเลยค่ะ หน่วงดอกที่สอง...
วันพรุ่งนี้จะเป็นไงเนี่ย ความรู้สึกบอกเลยว่าอาจเป็นชนวนของมาม่าชามใหญ่ของเรื่องอยู่เหมือนกัน
ถ้าไม่นับเรื่องย้อนอดีต-กลับปัจจุบันให้คนอ่านได้พึงระลึกถึงความไม่แน่นอนตรงนี้ไว้เสมอน่ะนะ

รออ่านตอนต่อไปนะคะ แล้วตอนต่อไปจะมาเร็วมั้ยน้า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-09-2014 02:23:57 โดย AeRoMoZa »

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
หวานกันน้ำตาลจืดเลยอ่ะตอนนี้
อยากซุกอกพี่แก้วบ้างอะไรบ้าง :กอด1:

รอร๊อรอรอรอรอครับ
 :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
คิดถึงพี่แก้วใจจะขาด หวังว่าตอนต่อไป หลวงหื่นจะไม่ทำอะไรพ่อธีร์นะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
คนแต่งหายไปนานจริงๆ ค่ะ  คิดถึงพ่อธีร์

ชอบฉากหวานๆ แบบนี้  :3123:

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หวานมาก~  เขินเลย

คนเขียนไปไหนมาเอ่ย คิดถึงมากๆ เหนื่อยไหม นวดให้ นวดๆๆๆ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
พี่แก้ววววววววววววววน้องคิดถึงงงงง
ยังสติลเป็นผชอบอุ่นของธีร์เสมอออ
ตอนหน้ามีศึกชิงนายแน่เลย
อีตาลูกพระยาเดโชแผลงฤทธิ์แน่ๆ
เผื่อพี่แก้วจะได้บู๊ค่ะ 55555555555555

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ s.mosis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
โดนลงหวาย 50 ที บัดเดี๋ยวนี้ :m16: :fire:

ออฟไลน์ ohuii

  • Why I cannot upload profile picture?
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-4
สนุกมากกกกกกกก เราไปอยู่ที่ไหนมาถึงเพิ่งได้อ่าน อ่านรวดเดียวตามทันแล้ว
เรารออยู่นะตะเอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
หวานนนน เหลือเกินนะพี่แก้ว ทำเราเขินตามพ่อธีร์ได้ตลอด ๆ จริง ๆ ผู้ชายคนนี้นี่  :-[
แต่ในความหวาน ก็ยังมีเรื่องอนาคตของทั้งคู่ให้กังวลอยู่ด้วยอ่ะ ฮือ
หลวงพี่ที่ได้พบนี่ เป็นบรรพบุรุษของหลวงพี่ที่อานิดพาน้องธีร์ไปพบหรือเปล่านะ
คนเราฝืนชะตาไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้ชะตาชีวิตของน้องธีร์ ได้อยู่กับพี่แก้วที่นี้เถอะน้า
รอตอนต่อไปจ้า พี่แก้วปกป้องน้องธีร์จากหลวงหื่นให้ดี ๆ นะ

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 o13 ในที่สุดก็ตามอ่านทัน สนุกมาเลยค่ะ

รอตอนต่อไปน้าา :mew1:

sm37an2j2

  • บุคคลทั่วไป
รออยู่นะคับ เปนกำลังใจไห้ ถ้ามาเมื่อไหร่ บอกด้วย :mew2:

ออฟไลน์ matame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 707
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
บอกได้คำเดียวสนุกมากๆ ชอบภาษา ชอบทุกอย่างเลย

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
กราบสวัสดีมิตรรักผู้ติดตามทุกท่านค่ะ (ใครเค้าติดตามแก มโนป่าว  :mew5:)
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกคนที่ยังรอคอยพี่แก้วกับน้องธีร์ไม่หนีกันไปไหนนะคะ อยากบอกว่าดีใจมากที่ยังมีคนติดตามกัน (เห็นยอดวิวเกินหมื่นแทบจุดพลุฉลอง ><')

แจ้งข่าวการอัพตอนต่อไปนะคะ ตอนนี้กำลังปั่นอยู่ใกล้จบตอนแล้วค่า คาดว่าไม่เกินวันอาทิตย์จะมาลงได้
แอบรู้สึกผิดที่เว้นระยะนานไปนิดกว่าจะมาต่อแต่ละตอน แต่สัญญาว่าจะพยายามอัพให้ต่อเนื่องนะคะ :mew2:

สุดท้าย ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่ฝากกันไว้ ถึงจะไม่ได้ตอบแต่ได้อ่านทุกข้อความนะคะ  :call: :call: :call:

ออฟไลน์ ลูกลิงแสดงตัว

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
รออยู่นะคะ
ปล.พี่แก้วน่ารักมากมาย  :o8:

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106

ออฟไลน์ MiniMick00

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0

ตอนที่ ๒๖...ธาราไหลริน...


"เจ้าคุณท่านได้โปรดฟังกระผมบ้างเถิดขอรับ"น้ำเสียงอ่อนน้อมเอ่ยร้องขอผูู้มีศักดิ์สูงกว่า

"กล่าวเช่นนี้จักหาว่าฉันเป็นตาแก่หัวรั้นมิฟังความใครรึ"หากแต่ถูกตอบกลับด้วยเสียงแข็งกระด้างเจือความไม่พอใจอย่างหนัก

"หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ขอรับ กระผมเพียงขอให้เจ้าคุณท่านรับฟังเหตุผลของทางกระผมบ้าง"

"เรื่องนี้มิใช่การตัดสินใจของฉัน ทูลกระหม่อมทรงมีรับสั่งเช่นนี้ หากเจ้าคุณไพศาลอยากแก้ไขก็ไปกราบทูลเองเถิด"

"กระผมเชื่อว่าหากเจ้าคุณท่านเป็นผู้ทูลให้ทราบโดยตรงท่านต้องรับฟังเป็นแน่ขอรับ"

"คำสั่งมีมาเช่นนี้ จักให้ฉันไปกราบทูลเรื่องใดอีก เรื่องการจัดงานฝ่ายกรมวังก็ทำได้อย่างครบถ้วนมิมีข้อบกพร่อง เห็นทีฝ่ายที่มีปัญหาจักมิใช่ทางฉันเสียกระมัง"

"กระผมมิได้ตำหนิการจัดงานของฝ่ายกรมวังแม้แต่น้อย กระผมเพียงอยากขอให้เจ้าคุณท่านพิจารณาเรื่องสถานที่จัดงานขอรับ"



บทสนทนาที่ดุเดือดราวกับการโต้วาทีชิงแชมป์โลกเริ่มขึ้นได้สักพักและยังไม่มีท่าทีจะจบลงโดยง่าย ด้วยต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลงให้กันเสียที...ฝั่งหนึ่งคือเจ้าพระยาฝ่ายกรมวังผู้รับหน้าที่หัวเรือใหญ่ในการเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตจากฝรั่งเศส...อีกฝั่งคือพระยาฝ่ายกรมการต่างประเทศผู้มีหน้าที่รับรองแขกโดยตรง


ส่วนผม...นายชลนธีร์...ผู้ชายธรรมดาๆที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับงานนี้เลยแม้แต่น้อย แต่เพราะคำขอของพระยาไพศาลราชวราการแห่งกรมการต่างประเทศจึงต้องจำใจกลับมาเหยียบเรือนนี้อีกครั้งแม้ไม่เต็มใจนัก...ใครจะอยากกลับมาในเมื่อครั้งแรกนั้นได้รับการต้อนรับที่สุดแสนประทับใจ...ทั้งสายตาเหยียดหยาม คำพูดถากถาง หรือแม้แต่กริยาอาการดูถูกดูแคลนจากเจ้าของเรือน...ซึ่งการมาเยือนของผมในครั้งนี้ก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่...เพราะตั้งแต่ก้าวเท้าขึ้นเรือนมาก็ได้รับการต้อนรับด้วยปลายสายตาของเจ้าของเรือน...แถมด้วยคำพูดทักทายที่ช่างน่าประทับใจอย่างประโยคที่ว่า


'ถึงกับต้องยกพวกมาขู่กันเชียวรึ'


ที่ทำให้เจ้าคุณไพศาลหน้าเสียไม่น้อย...และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตลอดการสนทนา ผมจะทำได้เพียงนั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัว...แม้บางครั้งอยากจะลุกขึ้นขัดเจ้าของเรือนบ้าง แต่ก็เลือกที่จะเงียบเอาไว้เพราะคิดว่าคงไม่เป็นผลดีต่อเจ้าคุณไพศาลเองด้วย


"ลานหน้าสระบัวหลวงออกกว้างขวางแลงดงาม ฉันมิเห็นว่ามันจักเป็นปัญหา"เจ้าคุณไพศาลถึงกับจนด้วยคำพูดเมื่ออีกฝ่ายยืนกรานเสียงแข็ง เพราะไม่ว่าจะยกเหตุผลใดขึ้นมาก็เป็นอันต้องถูกอีกฝ่ายโต้กลับเสียทุกทีไป


"เจ้าคุณท่านขอรับ"คนตัวสูงที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นบ้าง

"เอ็งไม่เกี่ยว นี่มันเรื่องของฝ่ายกรมวังกับกรมการต่างประเทศ"แต่ก็ถูกสวนกลับทันทีด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวของเจ้าพระยาเดโช...โชคดีที่ทั้งเจ้าคุณไพศาลและหลวงพิสิษฐยังใจเย็น ไม่เช่นนั้นคงมีการวางมวยกันตั้งแต่มาถึง

"พ่อแก้วช่วยกระผมเรื่องงานนี้มากอยู่ เจ้าคุณท่านฟังพ่อแก้วเสียหน่อยเถิดขอรับ"เจ้าของเรือนเพียงปรายตามองด้วยสายตาไม่พอใจนัก แต่ยังเงียบไว้เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายพูดต่อได้


"เรื่องสถานที่ กระผมเกรงว่ามิเหมาะสมด้วยเป็นเขตพระราชฐาน ตามกำหนดเดิมเพียงให้คณะทูตเข้าเฝ้าสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงแล้วจึงโปรดเกล้าให้จัดงานเลี้ยงภายในพื้นที่ของกรมการต่างประเทศขอรับ"คุณหลวงหนุ่มอธิบายอย่างนอบน้อมหากแต่มีเหตุผลที่ชัดเจนจนอีกฝ่ายมีสีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย

"เช่นนั้นข้ามิต้องเตรียมสถานที่ถึงสองแห่งรึ"

"ธรรมเนียมปฏิบัติมีมาแต่โบราณ การรับรองแขกบ้านแขกเมืองมิสมควรจัดภายในเขตพระราชฐานด้วยว่าคณะที่เดินทางมานั้นเป็นเพียงเอกอัคราชทูต มิใช่บุคคลชั้นเจ้านายขอรับ"แม้จะไม่ได้ทำงานสายนี้โดยตรง แต่ความรู้เรื่องงานการต่างประเทศของหลวงพิสิษฐก็ไม่เป็นรองใครเพราะใกล้ชิดเจ้าคุณไพศาลมาตั้งแต่เล็กจึงได้รับการถ่ายทอดความรู้มาเป็นอย่างดี

"อีกทั้งการจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของกรมการต่างประเทศ การที่สมเด็จท่านมีรับสั่งให้ฝ่ายกรมวังลงมาช่วยดูแลนั้นถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ด้วยว่างานเลี้ยงครั้งนี้อาจส่งผลต่ออนาคตของสยามประเทศก็เป็นได้ขอรับ"น้ำเสียงนอบน้อมหากแต่ทุกถ้อยคำเชือดเฉือนคนฟังจนหน้าเสีย...ใครๆก็รู้ดีว่างานเลี้ยงทูตในครั้งนี้ขึ้นตรงต่อกรมการต่างประเทศ เพียงแต่พระพุทธเจ้าหลวงทรงโปรดเกล้าฯให้ขุนนางฝ่ายกรมวังบางท่านลงมาช่วยดูแลความเรียบร้อยเพราะเมื่อพูดถึงการจัดงานเลี้ยงหรืองานพระราชพิธีแล้วนั้นจะหาฝ่ายใดทำได้ดีกว่าฝ่ายกรมวังเห็นทีจะไม่มี...แต่การที่ลงมาช่วยงานแล้วถืออำนาจตัดสินเด็ดขาดเพราะถือว่าตนมีศักดิ์สูงกว่านั้น เห็นทีจะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครยอมได้

"เช่นนั้นก็ทำกันเอง จักมาให้ข้าช่วยทำไม"น้ำเสียงแข็งกร้าวไม่พอใจจากเจ้าของเรือนดังก้อง...แม้จะเสียหน้าแต่จะให้ยอมแพ้ก็คงไม่ใช่เจ้าพระยาเดโชเสียล่ะ

"หามิได้ขอรับ เจ้าคุณท่านเชี่ยวชาญการจัดงานพระราชพิธียิ่งกว่าผู้ใด หากขาดเจ้าคุณท่านไปเสีย งานในครั้งนี้เห็นทีจะไม่สำเร็จเป็นแน่"คำพูดยกยอทำเอาเจ้าของเรือนเงียบลงได้บ้าง...ส่วนเจ้าคุณไพศาลเองก็ได้แต่ยิ้มอย่างพึงใจเพราะสติปัญญาของหลวงพิสิษฐช่วยแก้ไขสถานการณ์ตึงเครียดนี้ได้ดีทีเดียว

"เรื่องลานริมสระบัวหลวงนั้น หากเจ้าคุณท่านช่วยกราบทูลให้ทรงทราบ ทูลกระหม่อมต้องทรงเข้าใจเป็นแน่ขอรับ"ปิดท้ายด้วยประเด็นโต้แย้งที่ถกเถียงกันมาเสียนาน...แว่วเสียงถอนหายใจยาวอย่างไม่ค่อยพอใจนักจากเจ้าของเรือน

"ฝ่ายจัดงานพูดมาถึงเพียงนี้ ข้าจักทำอะไรได้"เพราะดื้อแพ่งต่อไปคงไม่มีประโยชน์ เจ้าพระยาผู้สูงศักดิ์จึงยอมยกธงขาวแต่โดยดี

"ขอบพระคุณเจ้าคุณท่านมากขอรับ กระผมแน่ใจว่างานครั้งนี้ต้องสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเพราะมีเจ้าคุณท่านคอยช่วยเหลือ"เจ้าคุณไพศาลรีบสำทับ...เป็นอันว่าการมาเยือนเรือนเจ้าพระยาเดโชในวันนี้ไม่เสียเปล่า เหลือก็แต่รอให้ถึงวันงาน...เพราะปัญหาใหญ่ไม่ได้มีเพียงแค่สถานที่จัดงานแต่ยังรวมไปถึงการรับมือกับคณะทูตจากฝรั่งเศสที่ใครๆก็ต่างรู้ดีว่ากำลังต้องการขยายอำนาจเข้ามาในประเทศสยาม...หากมีข้อผิดพลาดแม้เพียงนิดคงถูกนำมาเป็นข้อพิพาทเป็นแน่


"เจ้าคุณท่านขอรับ กระผมยังมีเรื่องรบกวนปรึกษาเจ้าคุณท่านอีกเรื่องขอรับ"ดูท่าเจ้าของเรือนจะหงุดหงิดไม่น้อยที่ต้องมานั่งถกปัญหากันแต่เช้าจนตอนนี้ก็ยังไม่จบ

"มีอะไรก็ว่ามา"น้ำเสียงห้วนตอบกลับ พลางเอนตัวพิงหมอนอิงทรงสามเหลี่ยมข้างกาย

"พ่อแก้ว พ่อธีร์ เราขอปรึกษางานกับเจ้าคุณท่านสักประเดี๋ยว"ได้ยินดังนั้นพวกผมจึงขอตัวลงมารอด้านล่างแทน ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยงานกันต่อไป



"กว่าจะยอมกันได้นะครับ"บ่นอุบทันทีที่ลงมาจากเรือน...เพราะสถานการณ์เมื่อครู่ทำให้ผมอึดอัด อดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าคุณไพศาลขอให้ผมมาด้วยทำไมทั้งที่ผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย แถมยังนั่งเงียบเป็นคนใบ้ตั้งแต่ไปถึง

"เจ้าคุณท่านเป็นคนหัวรั้นแลยังมีศักดิ์สูงกว่า จะให้ยอมฟังผู้น้อยเป็นเรื่องยาก"คนตัวสูงตอบกลับเสียงเรียบ หากแต่มีสีหน้าโล่งใจขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อตอนอยู่บนเรือน

"ผมขอโทษนะครับที่ไม่ได้ช่วยอะไรเจ้าคุณกับคุณหลวงเลย"หลายครั้งที่นึกอยากแทรกความคิดของตนเองระหว่างบทสนทนา แต่เพราะสถานการณ์ตึงเครียดจนแม้แต่หลวงพิสิษฐเองยังต้องรอจังหวะที่เหมาะสม ผมเองจึงได้แต่นั่งเงียบมาตลอด

"พ่อธีร์ไม่ต้องกังวลไป ขอเพียงเจ้าคุณท่านเปลี่ยนใจก็พอแล้ว"ใบหน้าเจือรอยยิ้มอบอุ่นเช่นเคยราวกับจะปลอบใจ

"แต่ผมสงสัยอย่างนึง"อีกฝ่ายเพียงหันมามองหน้าเป็นเชิงถาม

"ถ้าคนที่รับผิดชอบงานนี้คือฝ่ายต่างประเทศ แล้วทำไมทูลกระหม่อมที่เป็นเสนาบดีกรมวังถึงอนุญาตให้เจ้าพระยาเดโชจัดงานที่ริมสระบัวทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นเขตพระราชฐานล่ะครับ"แว่วเสียงอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆแล้วก็ยิ่งสงสัยหนัก

"เพราะเจ้าคุณท่านกราบทูลว่าเป็นคำขอจากกรมการต่างประเทศน่ะซี"ผมได้แต่เบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน

"อันที่จริงการจัดงานริมสระบัวหลวงนั้นสามารถทำได้เพราะเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอก เพียงแต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างสูงเพราะอย่างไรเสียก็ได้ชื่อว่าเขตพระราชฐาน หากมีเหตุร้ายอันใดเกิดขึ้นความผิดคงไม่พ้นตกมาที่ข้าหลวงฝ่ายกรมการต่างประเทศซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง เจ้าคุณไพศาลท่านจึงไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้"

"แล้วเจ้าพระยาเดโชจะทำแบบนี้ไปทำไมครับ"ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ฟัง

"ความขัดแย้งในหมู่ข้าหลวงมีอยู่ทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่คนดีอย่างเจ้าคุณไพศาล"สีหน้าเป็นกังวลของเขาพาลเอาผมไม่สบายใจตามไปด้วย

"ท่านทั้งสองเคยมีปัญหากันเหรอครับ"

"เห็นว่าอย่างนั้น แต่เจ้าคุณท่านไม่เคยเล่าให้ฟังหรอก มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่"ผมไม่แปลกใจถ้าเจ้าพระยาเดโชจะมีปัญหากับใครต่อใครเพราะลักษณะท่าทางของท่านดูเป็นคนแบบนั้น แต่กับเจ้าคุณไพศาลนี่สิที่แปลก แม้จะได้รู้จักท่านเพียงไม่นานแต่ผมก็พอรู้นิสัยของท่านดี


นั่งรอด้านล่างสักพักเจ้าของเรือนก็ให้บ่าวลงมาตามไปร่วมสำรับกลางวัน...ซึ่งผมก็ดูออกว่าเป็นเพียงแค่คำชวนตามมารยาทเท่านั้น เพราะคนอย่างเจ้าพระยาเดโชคงไม่อยากร่วมวงอาหารกับคนธรรมดาอย่างผมนัก...กลับขึ้นมาบนเรือนเห็นบ่าวไพร่ยกสำรับมาพร้อมสรรพ...เจ้าของเรือนและเจ้าคุณผู้มาเยือนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม...แต่ที่สะดุดตาผมกลับเป็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ...ผิวของเธอขาวต่างจากหญิงสาวชาวพระนครทั่วไป ใบหน้าหวานระเรื่อรับกับผมดำยาวถึงกลางหลัง สไบสีม่วงอ่อนตัดกับโจงกระเบนสีน้ำเงินที่เธอสวมอยู่ยิ่งขับให้ผิวขาวของเธอเด่นชัด...หากให้ผมเปรียบเทียบความงามก็คงต้องบอกว่าใกล้เคียงกับคุณพิกุลเลยทีเดียว...หญิงสาวยกมือไหว้หลวงพิสิษฐอย่างนอบน้อมเมื่อได้พบกัน

"พ่อธีร์คงยังมิเคยพบคุณเดือน เธอเป็นภรรยาของพ่อเจษฎ์"คำพูดของเจ้าคุณไพศาลทำเอาผมเกือบแหกปากลั่น...เคยได้ยินมาว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าพระยาเดโชแต่งงานแล้ว แต่ไม่คิดว่าภรรยาของไอ้หลวงหื่นกามนั่นจะสวยขนาดนี้...หญิงสาวเจ้าของชื่อเดือนเพียงยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้มหวาน

"นี่พ่อธีร์ เราให้มาช่วยงานราชการพ่อแก้วที่เรือน"กลับเป็นเจ้าคุณไพศาลเสียเองที่เป็นฝ่ายแนะนำ ส่วนเจ้าของเรือนเอาแต่นั่งเงียบตั้งแต่พวกผมเดินขึ้นมา...สงสัยเถียงกันมาตั้งแต่เช้าจนท่านเหนื่อยจะพูดเสียแล้ว
"พ่อเจษฎ์ไม่อยู่หรือขอรับ"เจ้าคุณผู้มาเยือนเอ่ยถาม เมื่อบนเรือนไร้วี่แววลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าพระยาเดโช

"อยู่ที่เรือนแพริมน้ำ ให้บ่าวมันไปตามอีกประเดี๋ยวคงมา"ยังไม่ทันขาดคำดี ร่างสูงใหญ่ของลูกชายเจ้าของเรือนก็โผล่พ้นซุ้มประตูเรือนเข้ามา...ใบหน้าฉายแววไม่พอใจที่ถูกผู้เป็นพ่อตามตัวขึ้นมาบนเรือน เพราะจากที่ได้ยินมาแกชอบใช้ชีวิตอยู่ที่เรือนแพริมน้ำเสียมากกว่า เหตุเพราะไกลหูไกลตาเจ้าพระยาผู้เป็นพ่อ

"สวัสดีขอรับเจ้าคุณไพศาล สวัสดีหลวงแก้ว...พ่อธีร์ก็มาด้วยรึ"ท้ายประโยคหันมาแสยะยิ้มน่ารังเกียจให้เช่นเคย...เห็นทีมื้อนี้ผมจะกินอะไรไม่ค่อยลงเพราะได้รับเกียรติให้ร่วมวงอาหารกับไอ้หลวงหื่นกามหน้าโหดนี่


...สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตได้ขณะร่วมวงอาหารคือท่าทีของคุณเดือนที่มีต่อสามีของเธอ...เพราะมันดูห่างเหินจนน่าแปลก...ผมเคยได้ยินมาว่าผู้หญิงในสมัยนี้มักถูกจับคลุมถุงชนเรื่องคู่ครอง...แต่อย่างน้อยการได้ใช้ชีวิตร่วมกันทุกวันก็น่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาดีขึ้นบ้าง...กรณีของคุณเดือนกลับตรงกันข้าม...ท่าทีของเธอที่มีต่อหลวงเจษฎ์นั้นเฉยชาราวกับคนแปลกหน้า...ส่วนสามีของเธอนั้นก็ไม่ต่างกันเพราะถึงแม้จะมีภรรยาคนสวยนั่งอยู่เคียงข้าง แต่ไอ้หมอนี่กลับนั่งจ้องหน้าพร้อมส่งรอยยิ้มน่ารังเกียจมาให้จนผมแทบกินข้าวไม่ลง...ยังดีที่ไม่มีใครสังเกตเห็น นอกจากคนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างผม...ดวงตาคมปรายมองเป็นระยะหากแต่สีหน้ายังคงยิ้มแย้มขณะสนทนากับเจ้าพระยาเจ้าของเรือน...


ดูท่าว่าธุระของเจ้าคุณไพศาลกับเจ้าพระยาเดโชยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จท่านยังขอปลีกตัวเพื่อคุยงานกันต่อ ทั้งที่เจ้าของเรือนเองก็ดูไม่ค่อยเต็มใจนักแต่เห็นทีคงเป็นธุระสำคัญที่บ่ายเบี่ยงไม่ได้...คุณเดือนขอตัวลงไปตรวจดูความเรียบร้อยที่โรงครัว ส่วนผมกับหลวงพิสิษฐได้แต่ลงมารอด้านล่างเช่นเคยโดยมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าพระยาเดโชตามติดลงมาด้วย

"ได้ยินว่าพ่อธีร์มาอยู่พระนครได้ไม่นาน ได้ออกไปไหนบ้างหรือยัง"วันนี้ไอ้หลวงนี่มาแปลก เกิดนึกอยากคุยกับผมดีๆขึ้นมา

"ไปมาบ้างครับ"ตอบกลับโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย

"วันหลังพี่จะพาพ่อธีร์ไปเที่ยว พ่อธีร์จะได้ชมความงามของพระนครให้เต็มตา"ผมจำได้ว่าผมเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่มีน้องที่ไหนแล้วไอ้คำพูดตีสนิทราวกับรู้จักกันมาสามชาติเศษนี่มันคืออะไรครับ

"รบกวนหลวงเจษฎ์เปล่าๆครับ อีกอย่างช่วงนี้ผมมีงานต้องทำอีกเยอะคงไม่มีเวลา"ได้แต่สาวเท้าตามหลังคนตัวสูงที่เดินนำไปทางศาลาริมน้ำข้างเรือนเพราะดูท่าธุระของผู้ใหญ่ทั้งสองท่านคงยังไม่จบลงง่ายๆ

"ทำแต่งานทุกวันไม่เบื่อรึ ออกไปเที่ยวเล่นพักผ่อนเสียบ้างเถิด"ผมว่าผมก็ปฏิเสธไปชัดเจนแล้วทำไมหมอนี่ยังไม่เข้าใจอีกนะ

"หน้าที่ก็ต้องสำคัญกว่าการเที่ยวเล่นสิครับ หรือหลวงเจษฎ์เห็นแก่เที่ยวมากกว่า"อีกฝ่ายถึงกับยิ้มค้างเมื่อได้ยินคำถาม แต่ยังคงพยายามปั้นแต่งสีหน้าให้เป็นปกติ

"โถ ทำไมพูดเช่นนั้น พี่เองก็ไม่ใช่คนเห็นแก่เที่ยวมากกว่างานเสียหน่อย"ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับเพียงเหลือบมองหลวงพิสิษฐเป็นระยะ...ท่าทีของเขายังคงเป็นปกติ สีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ สองเท้ายังคงก้าวตรงไปยังศาลาริมน้ำเบื้องหน้าที่ผมเพิ่งสังเกตว่ามันตั้งอยู่ไม่ไกลจากเรือนแพของลูกชายเจ้าของเรือนมากนัก

"เห็นทีเจ้าคุณพ่อแลเจ้าคุณไพศาลคงมีธุระสะสางกันอีกนาน อย่างไรเสียพี่ขอเชิญพ่อธีร์ไปพักผ่อนที่เรือนแพของพี่ก่อนเถิด"ริมฝีปากหนายกยิ้ม หากแต่ผมไม่คิดว่ามันน่ามองแม้แต่น้อย

"ขอบคุณมากครับแต่ผมว่าศาลานี่ก็เย็นสบายดี ผมไม่รบกวนดีกว่า"ว่าพลางทิ้งตัวลงบนม้านั่งในศาลา

"ปัดโธ่ ศาลาไม้หลังเท่านี้จะไปเย็นสบายเท่าเรือนแพริมน้ำของพี่ได้อย่างไรเล่า"


"เกรงว่าจะเป็นการรบกวนหลวงเจษฎ์เสียเปล่า อีกอย่างศาลานี้ลมโกรกเย็นสบายดี เรากับพ่อธีร์รอที่นี่จะสะดวกกว่า"กลายเป็นคนตัวสูงที่เงียบอยู่นานตอบกลับแทนจนอีกฝ่ายได้แต่นิ่วหน้าด้วยความไม่พอใจ

"ข้าถามพ่อธีร์ เอ็งเกี่ยวอะไรด้วย"น้ำเสียงแข็งกระด้างไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อดังขึ้น ผิดกับท่าทีสุภาพเมื่อครู่ลิบลับ

"เราเพียงเห็นว่าพ่อธีร์ไม่เต็มใจ ไม่ได้มีเจตนาก้าวก่าย"น้ำเสียงเรียบเอ่ยตอบ เหลือบไปเห็นลูกชายเจ้าของเรือนกำมือแน่นด้วยความโกรธ

"อย่าให้มันมากนักหลวงแก้ว พ่อธีร์ยังไม่ได้พูดสักคำว่าไม่เต็มใจ"แล้วไอ้ที่ผมพยายามปฏิเสธเป็นสิบรอบนั่นเขาเรียกว่าเต็มใจหรือไงวะ

"ผมรอที่นี่ดีกว่าครับ ไม่ค่อยชอบที่อุดอู้"คนตัวใหญ่ได้แต่หันกลับมามอง...แววตาแข็งกร้าวด้วยความไม่พอใจที่ถูกตอกกลับจนเสียหน้า

"ปฏิเสธกันถึงเพียงนี้พี่จะว่ากระไรได้"มือใหญ่กำแน่นจนสั่น ก่อนจะหันหลังกระแทกเท้าปึงปังเดินกลับไปที่เรือนของตน...ผมได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกก่อนจะลุกมานั่งบนมานั่งฝั่งตรงข้ามข้างคนตัวสูงที่นั่งเงียบตั้งแต่เมื่อครู่

"เป็นอะไรรึเปล่าครับ"ขมวดคิ้วมุ่นพลางมองหน้าอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่านิ่งไปเสียนาน

"ดูท่าหลวงเจษฎ์คงไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้"เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น ประกายสั่นระริกในแววตาคมนั้นทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังไม่สบายใจ

"คิดมากไปมั้งครับ ไม่มีอะไรหรอก"พูดเพียงเพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวลเพราะรู้ดีว่ามันเป็นอย่างที่เขาว่า...คนอย่างหลวงเจษฎารังสรรคงไม่ยอมหยุดเพียงเพราะคำพูดตรงไปตรงมาของผม...ได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่เจ้าคุณไพศาลจะคุยงานเสร็จจะได้รีบกลับกันเสียที



ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
นั่งรอที่ศาลาริมน้ำได้ไม่นาน บ่าวผู้หญิงร่างผอมบางก็เดินตรงเข้ามาหา...ท่าทีของเธออ่อนน้อมขัดกับสีหน้าเป็นกังวล

"คุณหลวงเจ้าคะ...คุณเดือน...ให้บ่าวมาเชิญคุณหลวงไปพบที่ท่าน้ำเจ้าค่ะ"ผมได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยิน ผิดกับอีกฝ่ายที่ไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจแม้แต่น้อย

"ไปเถิดพ่อ"ลุกขึ้นยืนพลางหันมามองผมที่ยังมีเครื่องหมายคำถามอันเบ้อเร่อแปะอยู่กลางหน้าผาก หากแต่ท่าทีอึกอักของบ่าวคนเดิมทำให้เขาชะงักไป

"คุณเดือนเธอขอให้คุณหลวงไปพบตามลำพังเจ้าค่ะ"สีหน้าของเธอเป็นกังวลซึ่งผมเองก็พอเข้าใจได้...การที่สะใภ้ของเรือนให้คนมาเชิญแขกหนุ่มไปพบตามลำพัง ต่อให้เป็นที่รโหฐารก็คงไม่ใช่เรื่องเหมาะสม...คนตัวสูงได้แต่ขมวดคิ้วแน่น ดูท่าเขาเองก็หนักใจไม่แพ้กัน

"เอ็งไปเรียนคุณเดือนว่าประเดี๋ยวข้าจะตามไป"หญิงสาวร่างผ่ายผอมพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับไปทางหน้าเรือน...แว่วเสียงถอนหายใจเบาจากคนตัวสูงยิ่งทำให้ผมสงสัยหนัก

"คุณหลวงรู้จักกับคุณเดือนเหรอครับ"ปากที่ไวกว่าใจโพล่งถามออกไปทันที

"แม่เดือนเป็นลูกสาวคุณพระคนสนิทของเจ้าคุณไพศาล"คำตอบที่ไม่ตรงกับสิ่งที่ผมอยากรู้นัก

"แล้ว..."อยากถามออกไปตรงๆว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่เชิญให้ไปพบสองต่อสอง แต่รู้ว่าไม่ควรเลยได้แต่เงียบไว้

"พ่อธีร์อยากรู้เรื่องอะไรเราจะเล่าให้ฟัง"คนตัวสูงตอบกลับราวกับรู้ความคิดในใจจนผมได้แต่ส่ายหน้าไปมา

"ถ้ามันเป็นเรื่องส่วนตัว..."

"ไม่ได้... หากมันทำให้พ่อแคลงใจในตัวเรา ถึงเป็นเรื่องส่วนตัวเราก็ต้องเล่า"น้ำเสียงหนักแน่นกับแววตาจริงจังขัดขึ้นก่อนที่ผมจะพูดจบ...แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมสงสัย ถึงความสัมพันธ์ของเขากับสะใภ้ของเรือน

"งั้นก็แล้วแต่คุณหลวง"อีกฝ่ายเพียงยืนทอดสายตาออกไปยังลำคลองสายเล็กที่พาดผ่านตรงหน้า

"เมื่อครั้งยังเล็กคุณพระพ่อของแม่เดือนฝากฝังแม่เดือนกับคุณหญิงสร้อยให้ไปเรียนรู้การบ้านการเรือนจากคุณหญิงท่านแลแม่พิกุล"ผมได้แต่นั่งเงียบขณะที่อีกฝ่ายเริ่มต้นเล่าย้อนไปถึงอดีต

"เธออาภัพนักเพราะเสียแม่ตั้งแต่ยังเล็ก คุณพระท่านก็มีงานราชการต้องดูแลไม่มีเวลาให้เท่าที่ควร ตอนนั้นเราได้พบเธอที่เรือนเจ้าคุณท่านบ่อยครั้ง เธอเป็นเด็กอ่อนน้อมถ่อมตนแลกิริยามารยาทก็งามพร้อมไม่ต่างจากแม่พิกุล"ไอ้ประโยคหลังนี่มันแปลกๆว่าไหมครับ

"คงไม่ใช่ว่าคุณพระท่านอยากได้คุณหลวงไปเป็นเขยอีกคนหรอกนะครับ"ผมยังจำได้ดีว่าเจ้าคุณทั้งสองและคุณหญิงสร้อยอยากให้หลวงพิสิษฐแต่งงานกับคุณพิกุลมากเพียงใด...แว่วเสียงคนตัวสูงหัวเราะเบา ก่อนจะเริ่มเล่าต่อ

"คุณพ่อของเธอหวังให้เธอได้ออกเรือนกับข้าหลวงระดับสูง ในตอนนั้นเราเป็นเพียงขุน แลยังเป็นเพียงญาติห่างๆของเจ้าคุณไพศาลไม่ได้มีฐานันดรสูงส่งเทียบเทียมบุตรชายของเจ้าพระยาเดโชได้"ผมพอเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อย่อมอยากให้ลูกสาวได้อยู่กับคนดีมีอนาคต แต่ต้องบอกว่าคุณพระท่านคาดการณ์ผิดไปถนัดที่หวังฝากชีวิตของลูกสาวไว้กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าพระยาผู้สูงศักดิ์

"มัวแต่ห่วงฐานะ ไม่นึกถึงความสุขของลูกสาวบ้างเหรอไง"นึกแล้วอดอึดอัดใจแทนผู้คนในสมัยนี้ไม่ได้ที่พ่อแม่บางคนมัวแต่ยึดติดกับประเพณีคลุมถุงชนจนลืมนึกถึงความสุขของคนสองคนที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันอีกนาน

"แม้ได้ยินเสียงร่ำลือจากคนรอบข้างมาบ้างแต่เริ่มแรกนั้นหลวงแกก็มีท่าทีรักใคร่จริงใจต่อแม่เดือน เห็นว่าไปมาหาสู่ที่เรือนบ่อยครั้งจนกระทั่งคุณพระท่านวางใจยอมยกลูกสาวให้"

"ไปจีบลูกสาวเค้าก็ต้องสร้างภาพเป็นธรรมด๊า"ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง...ผู้ชายไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็เหมือนกัน...ไม่ต้องไปหาตัวอย่างที่ไหนไกล ผมเองก็เคยทำอยู่บ่อย...เขาเรียกว่าช่วงโปรโมชั่นไงครับ...ใครจะไปเผยธาตุแท้ของตัวเองต่อหน้าคนที่ชอบตั้งแต่แรกกันเล่า

"คุณพระท่านทุกข์ใจนักหลังทราบความจริงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ด้วยเกรงบารมีเจ้าคุณท่าน"ถ้าเป็นสมัยของผมแต่งงานอยู่กินกันไปถ้าไม่ถูกใจก็แค่หย่ากัน แต่ในยุคนี้เรื่องแบบนั้นคงเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่มีใครยอมรับกันได้

"น่าสงสารคุณเดือนนะครับ"แว่วเสียงคนตัวสูงถอนหายใจยาว

"เธอเคยเป็นเด็กสาวร่าเริง เมื่อพบกันเธอมักมีเรื่องมาเล่าให้เราหัวเราะได้เสมอ แต่หลังจากออกเรือนเธอก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน เห็นแล้วก็อดเวทนาเสียไม่ได้"


สิ่งหนึ่งที่แล่นเข้ามาในความคิดกลับไม่ใช่เรื่องของคุณพระคนสนิทของเจ้าคุณไพศาลกับลูกสาวคนสวยหรือสามีของเธอ...แต่เป็นคำพูดของหลวงพิสิษฐที่พูดออกมาต่างหาก...ท่าทางและน้ำเสียงของเขายามที่พูดถึงคุณเดือนทำให้ผมรู้สึกแปลกใจ...แปลก...จนอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

"คุณหลวงเคยชอบคุณเดือนเหรอครับ"นัยน์ตาคมคู่นั้นวูบไหวหากแต่เพียงชั่ววินาทีก็กลับมาเป็นปกติ...ชั่ววินาที...ที่ทำให้ใจของผมกระตุกวูบราวกับได้ยินคำตอบโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยออกมา

"อะไรทำให้พ่อคิดเช่นนั้น"คนตัวสูงถามกลับพลางขมวดคิ้วมุ่น...จะไม่ให้ผมคิดได้อย่างไรในเมื่อน้ำเสียงของเขายามเอ่ยถึงลูกสะใภ้ของเจ้าพระยาเดโชช่างต่างจากเวลาเขาพููดถึงผู้หญิงคนอื่น แม้แต่คุณพิกุลเองก็เถอะ

"ผมถามคุณหลวงนะครับ"ผมไม่รู้ว่าควรเรียกอาการนี้ว่าอะไรดี...มันไม่ใช่อาการหึงหวงเพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าจะหึงไปทำไม...แต่มันเป็นความรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ได้รู้ว่าเขาเองก็เคยมีคนในใจมาก่อนทั้งที่ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะแม้แต่ผมเองก็เคยมีความรู้สึกชอบใครต่อใคร เพียงแต่มันไม่ใช่ความรัก...แล้วสำหรับเขาล่ะ...มันเป็นเพียงความรู้สึกชอบ...หรือว่า...รัก


...รอยยิ้มบางปรากฎบนใบหน้าก่อนที่เจ้าของร่างสูงจะก้าวเข้ามาประชิดตัว...ดวงตาคมส่องประกายระยับเช่นเคย...

"หากเรารักแม่เดือนเราคงไม่ยอมให้เธอออกเรือนไปกับชายอื่น"ผมได้แต่ยืนสบตาอีกฝ่ายนิ่ง...คำพูดของเขาชัดเจนหนักแน่นแต่ผมเองก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก

"พ่อธีร์"เสียงทุ้มนุ่มเรียกขึ้นคงเพราะเห็นว่าผมเงียบไป

"ครับ"

"เราเคยบอกพ่อธีร์มิใช่รึว่าพ่อธีร์เป็นคนแรกที่ทำให้เรารู้สึกเช่นนี้"ริมฝีปากหยักยกยิ้มบางแต่กลับทำให้หัวใจของผมเต้นระส่ำ...คำพูดเดียวกันกับวันที่ผมบังเอิญเจอกระดาษที่เรียงร้อยบทกลอนสารภาพความรู้สึกของเขา...บทกลอนที่ผมได้อ่านกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ

"พ่อธีร์ไม่เชื่อเรารึ"ใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้จนผมต้องเป็นฝ่ายผงะหนีเพราะกลัวว่าพวกบ่าวที่เดินผ่านมาแถวนี้จะเห็นเข้าเสียก่อน

"ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อนี่ครับ แค่..."แค่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไงครับ

"เราเอ็นดูแม่เดือนเสมือนน้องสาวคนหนึ่งไม่ต่างจากแม่พิกุล เห็นเธอทุกข์ใจเราย่อมเป็นกังวล"อย่าว่าแต่เขาที่เห็นกันมาตั้งแต่ยังเล็ก แม้แต่ผมที่เพิ่งได้พบเธอครั้งแรกยังรู้สึกไม่ต่างกัน...นึกด่าตัวเองในใจเป็นสิบรอบที่ถามอะไรไร้สาระออกไปทั้งที่ความจริงแล้วถึงแม้เขาจะเคยรู้สึกแบบนั้นหรือไม่ก็ตาม...มันก็เป็นเพียงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว

"หากพ่อธีร์ยังแคลงใจก็ไปพบเธอกับเราเถิด"

"ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น...ก็แค่ถาม"รีบส่ายหน้าตอบทันที...เหลือบไปเห็นคนตัวสูงกลั้นหัวเราะเพราะท่าทีประหลาดของผม

"ตอนนี้ได้คำตอบหรือยังเล่า"แล้วยังน้ำเสียงยียวนนี่อีก

"ได้แล้ว...คุณหลวงก็รีบไปได้แล้วนะครับ ให้คุณเดือนรอนานคงไม่ดี"รอยยิ้มปรายยังคงเจือบนใบหน้าคม ผิดกับผมที่ได้แต่เสมองไปทางอื่นแทน

"รอตรงนี้สักครู่ เสร็จธุระแล้วจะรีบมา"ผมได้แต่ยืนมองตามแผ่นหลังกว้างขณะที่เขากำลังเดินห่างออกไปทุกทีจนลับตา...เคยคิดว่ายังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่รู้เกี่ยวกับผู้ชายคนนี้...จริงอยู่ที่เขาเองเคยเล่าเรื่องราวต่างๆมากมายให้ฟัง ทั้งวีรกรรมในตอนเด็ก หรือแม้แต่เรื่องพ่อแม่ที่เสียไปแล้ว...หลายสิ่งที่เคยเล่าและอีกมากที่ไม่เคยพูดถึง...แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดนั้น...มันก็เป็นเพียงอดีต...อดีตที่เขาเองก็มีสิทธิ์จะเก็บเอาไว้...เหมือนกับที่ผมเองเลือกเก็บอดีตบางเรื่องไว้เพียงคนเดียว...


...เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจึงไม่ทันสังเกตว่ามีใครอีกคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลัง...มือใหญ่เอื้อมมาปิดปากเอาไว้ได้ทันก่อนที่ผมจะส่งเสียงร้องออกมา ส่วนมืออีกข้างโฉบฉวยข้อมือทั้งสองเอาไว้แน่น...ผมได้แต่เบิกตาโพลงเพราะความตกใจและตื่นกลัวที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน...ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามดิ้นจนสุดแรงทว่าไม่เป็นผลเมื่ออีกฝ่ายมีกำลังเหนือกว่ามากนัก...ลมหายใจอุ่นพ่นรดต้นคอทำให้รู้สึกชาวาบไปทั้งตัว...แว่วเสียงหัวเราะเบาจากอีกฝ่าย...และเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าเสียงนี้มันช่างน่ากลัว

"มิต้องกลัวไปหรอกพ่อ"เสียงแหบต่ำกระซิบเบาที่ข้างหูจนผมต้องเบี่ยงหลบแต่ก็ทำได้ไม่ถนัดนักเมื่ออีกฝ่ายยังคงออกแรงขืนตัวเอาไว้...แม้ไม่เห็นหน้าก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่กล้าทำกิริยาห่ามๆภายในเขตเรือนของเจ้าพระยาเดโชนี้เป็นใคร...แต่คงจะดีกว่านี้ไม่น้อยหากตอนนี้มีเพียงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าของเรือนเพียงลำพังไม่ได้มีลูกสมุนคุ้นหน้าตามติดมาด้วยอีกสองคน...ผู้ชายสองคนที่ตามติดเจ้านายของมันเมื่อตอนเจอกันที่ตลาด...คนที่ดูถูกพี่สนว่าเป็นเพียงบ่าวไร้ค่าทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำตัวมีค่าไปมากกว่าพี่สนเลยแม้แต่น้อย...สีหน้าและแววตาของพวกนั้นน่ารังเกียจไม่ต่างจากนายของพวกมัน

"อื้อออ!"มันน่าหงุดหงิดที่ผมทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ไม่เป็นศัพท์เมื่อร่างสูงใหญ่ของเขาออกแรงกึ่งดึงกึ่งลากตัวผมหลบไปทางด้านหลังของศาลาที่มีทางเดินเล็กๆทอดยาวไปจนถึงเรือนแพริมน้ำ...แม้พยายามขัดขืนแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่ออีกฝ่ายมีถึงสามคน...สิ่งที่ทำได้คือพยายามดิ้นพล่านจนสุดแรงเพราะความกลัวที่เริ่มเกาะกุมข้างในไม่อาจระงับสติและร่างกายให้อยู่เฉยได้...นึกภาวนาในใจขอให้มีใครสักคนผ่านมาเห็นเพราะอย่างน้อยคนพวกนี้ก็น่าจะเกรงบารมีเจ้าของเรือนอยู่บ้าง...แต่คำภาวนาของผมไม่เป็นผลเพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้คือเรือนแพริมน้ำหลังย่อมที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าของเรือนภูมิใจนักหนาว่าสวยงามร่มรื่น หากแต่ในสายตาของผมในตอนนี้...มันช่างน่ากลัว...เพราะผมไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรกันแน่


"พวกเอ็งไปเฝ้าด้านหน้าไว้"เสียงทุ้มใหญ่แผดลั่นสั่งลูกสมุนอีกสองคนที่เพียงพยักหน้ารับแต่ยังหันมาแสยะยิ้มน่ารังเกียจให้ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก

"โถๆ หน้าซีดเซียวถึงเพียงนี้ กลัวพี่หรือจ๊ะ"กรอบหน้าคมชัดยื่นเข้ามาใกล้ทว่าผมไม่สามารถเบี่ยงหนีได้เพราะมือหยาบใหญ่ของเขายังคงปิดปากผมเอาไว้แน่น...ร่างสูงใหญ่ขยับประชิดจนผมรู้สึกได้ถึงผนังไม้เย็นเยียบด้านหลัง

"โอ๊ยยยย!"เมื่อเห็นจังหวะจึงกัดเข้าที่มือใหญ่จนสุดแรง...อีกฝ่ายได้แต่ร้องเสียงหลงพลางชักมือกลับ

"ทำเชี่ยไรวะ!"แผดเสียงลั่นใส่อีกฝ่ายด้วยความโกรธ...ความรู้สึกเคารพยำเกรงผู้เป็นพ่อของเขาหายไปจนหมดสิ้น...กับคนห่ามๆไร้มารยาทคงไม่จำเป็นต้องพูดดีใส่กัน...แต่ก็ทำได้เพียงส่งเสียงออกไปเท่านั้นเพราะมือทั้งสองข้ายังถูกรวบเอาไว้แน่นและยังร่างสูงใหญ่ของลูกชายเจ้าของเรือนที่ยืนประจันหน้าอยู่ในขณะนี้...ผมไม่รู้เลยว่าจะหาทางหนีให้พ้นจากคนตรงหน้าได้อย่างไร

"อยู่กันเพียงแค่นี้มิเห็นต้องเสียงดัง"ว่าพลางแสยะยิ้มที่ผมคิดว่าน่ารังเกียจที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในชีวิต

"เชี่ยยย ปล่อยกู!"พยายามยกขาทั้งถีบทั้งเตะหวังให้หลุดจากพันธนาการแต่กลับได้ผลตรงกันข้ามเมื่อถูกอีกฝ่ายผลักตัวกระแทกเข้ากับกำแพงด้านหลังพร้อมกับเอื้อมมือมาปิดปากของผมเอาไว้อีกครั้ง

"พ่อธีร์นี่เหลือเกิน พี่รึอุตส่าห์ทำดีต่อพ่อถึงเพียงนี้ยังปฏิเสธกันเสียได้"ไอ้ที่มันทำอยู่เขาเรียกว่าทำดีตรงไหนวะ...ใครช่วยบอกผมที

"ในเมื่อพูดกันดีๆไม่รู้เรื่อง พี่ก็คงต้องใช้กำลัง หึหึ"เสียงหัวเราะต่ำนั่นทำให้ผมขนลุก...ใช้กำลัง...กำลังอะไรวะ...ไอ้หมอนี่คิดจะทำอะไรผม!!


...แม้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่จะมีไม่มากนักเพราะทั้งดิ้น ทั้งถีบ ทั้งเตะ จนแม้แต่ตัวเองก็แทบยืนไม่ไหวแต่ก็ยังรวบรวมแรงที่มียกเท้ากระทืบลงไปที่เท้าของอีกฝ่ายจนสุดแรงจนคนตัวใหญ่ผงะตัวถอยออกร้องโอดโอย...ชั่ววินาทีที่เป็นอิสระ...ผมเบี่ยงตัวมุดหลบร่างสูงใหญ่ของคนตรงหน้าพุ่งตัวตรงไปยังประตูเรือนแพที่อยู่แค่เอื้อม หากแต่อีกฝ่ายรู้สึกตัวคว้าข้อมือของผมเอาไว้ได้ทันจนผมเสียหลักล้มลงไปกองอยู่กับพื้น...ร่างสูงทะมึนขึ้นคร่อมอยู่ด้านบน...ข้อมือทั้งสองข้างของผมถูกรวบเอาไว้แน่นจนเกิดเป็นรอยแดง...แผ่นหลังที่กระแทกกับพื้นเรือนตอนล้มเริ่มรู้สึกเจ็บแปลบ...สภาพของผมในตอนนี้เรียกได้ว่า...ไร้ทางสู้โดยสิ้นเชิง

"ฤทธิ์เยอะเหลือเกินนะ"

"ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยผมที!"ในเมื่อดิ้นไม่หลุดก็ต้องร้องขอความช่วยเหลือเท่านั้น...ทั้งที่มันไม่ใช่วิสัยของผม...ผมไม่ค่อยขอความช่วยเหลือใครแต่ตอนนี้ผมมองไม่เห็นทางอื่นเลยสักทาง...มันเพียงปล่อยให้ผมแหกปากโวยวายไม่หยุดหย่อน

"ช่วยด้วยโว้ยยยย!...พี่แก้ว...ช่วยธีร์ด้วยยย!"แม้แต่ตัวเองก็ไม่แน่ใจนักว่าตะโกนอะไรออกไปบ้าง เพราะความกลัวที่ก่อตัวข้างในมันทำให้สติที่เคยมีเลือนหายไปเกือบหมด

"พี่แก้วรึ..."น้ำเสียงเย็นเยียบของอีกฝ่ายทำให้ผมเงียบลงทันที...แว่วเสียงหอบหายใจของตัวเองดังไม่ขาด...สีหน้าของหลวงเจษฎ์เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่สาม...เพียงครู่เดียวก่อนจะแสยะยิ้มน่ารังเกียจออกมาเช่นเคย

"หลวงแก้วมันมีดีอะไรถึงได้เป็นที่ต้องตาใครต่อใครนัก ทั้งแม่พิกุล แม่เดือน หรือแม้แต่พ่อธีร์"ถ้าเทียบกับคนตรงหน้า...ต่อให้ยกผู้ชายมาทั้งพระนครผมก็ว่าพวกนั้นดีกว่าเห็นๆ

"ดูอย่างเมียเราสิ กับเรารึแสนเฉยชา ทีกับไอ้หลวงแก้วนั่น..."ผมได้แต่ขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินที่มันพูด...น้ำเสียงแข็งกร้าวดุดันด้วยความไม่พอใจยิ่งทำให้ผมสงสัยหนัก

"มันเองก็คงอยากตีท้ายครัวเราเสียจริง ดูสิ เพียงเราอ้างชื่อแม่เดือนก็รีบแจ้นไปหาเสียแล้ว"ประโยคที่ทำให้ผมเบิกตากว้าง...เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่การจัดฉาก...มันคืออุบายสกปรกของคนตรงหน้าที่อาศัยจุดอ่อนของภรรยาตัวเองมาใช้เป็นเครื่องมือเพียงเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ...จนถึงตอนนี้ผมแน่ใจ...ว่าคุณเดือนเธอมีใจต่อหลวงพิสิษฐไม่ผิดแน่...แต่การใช้ความรู้สึกของคุณเดือนมาเป็นอุบาย โดยเฉพาะจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอเองด้วยแล้ว...

"เลว!!!"แม้แต่คำนี้ยังน้อยไป...ผมเคยเกลียดผู้ชายคนนี้เพราะความเจ้ายศเจ้าอย่าง...เกลียดเพราะความเอาแต่ใจคิดว่าตัวเองต้องได้ในสิ่งที่ปรารถนาทั้งหมด...แต่ในตอนนี้...แม้แต่คำว่าเกลียดมันยังน้อยไป

"แม้ไม่ได้แม่พิกุลมาเป็นเมีย แต่แม่เดือนเองก็งามพร้อมไม่แพ้กัน แลยังพ่อธีร์อีก อยากรู้นักหลวงแก้วจะทำเช่นไร หึหึ"ท้ายประโยคหันมาส่งสายตาน่ารังเกียจให้

"คุณหลวงเค้าไม่ได้วิปริตเหมือนมึงหรอก ไอ้โรคจิต! ปล่อยกูนะโว้ย!"ในเมื่อดิ้นไม่หลุดก็อาศัยโวยวายเอานี่แหละวะ...ผมได้แต่ทิ้งคำถามมากมายเอาไว้เบื้องหลังเพราะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือทำอย่างไรถึงจะหนีพ้นคนบ้าๆแบบนี้ต่างหาก

"วิปริตรึ! ประเดี๋ยวจะได้รู้ว่าเขาเรียกวิปริตหรือไม่"ริมฝีปากหนายกยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี...มือหยาบใหญ่สอดเข้าใต้เสื้อผ้าป่านตัวบางจนผมสะดุ้งเฮือก...ลมหายใจร้อนพ่นรดต้นคอยิ่งทำให้ผมรู้สึกรังเกียจ หากแต่ไม่สามารถหนีไปไหนได้เมื่อร่างสูงใหญ่ของเขายังคงนั่งคร่อมอยู่ด้านบน...สิ่งที่ทำได้เพียงแค่ดิ้นขลุกขลักไปมา...ความโกรธและความกลัวเริ่มกลั่นตัวออกมาเป็นหยดน้ำใสรื้นอยู่รอบดวงตา...ผมไม่ได้อ่อนแอ...เพียงแต่ไม่มีทางออกต่างหาก

"เชี่ยปล่อยยยย!"มือใหญ่ลากสะเปะสะปะยิ่งทำให้ผมแหกปากลั่นก่อนที่ริมฝีปากหนาจะฝังลงบนไหล่ข้างซ้าย...แรงกดรุนแรงจนผมต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ...เจ็บทั้งตัวที่สะบักสะบอมเพราะพยายามต่อสู้ขัดขืน...ข้อมือที่แดงฉานเพราะถูกบีบเอาไว้แน่น...แต่ที่เจ็บกว่า...คือใจ...ความโกรธ เกลียด กลัวพร้อมกันประดังเข้ามาจนไม่อาจกลั้นน้ำตาที่รื้นอยู่กลับเข้าไปได้...ผมไม่มีเรี่ยวแรงอะไรที่จะไปต่อสู้กับคนๆนี้ได้เลย



(ต่อคอมเม้นท์ล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2014 06:12:47 โดย Vivid_Vuitton »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0

"เพล้งงง!"เสียงแก้วตกกระทบพื้นดังจนคนตัวใหญ่ชะงักงัน...ร่างสูงใหญ่ผละออกเงยหน้ามองต้นเสียง เช่นเดียวกับผมที่เหลือบตาขึ้นมอง...คุณเดือนที่กำลังยืนมือไม้สั่นด้วยความตกใจ...สีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด...ร่างแบบบางของเธอสั่นเทิ้ม...บนพื้นมีเศษชามกระเบื้องแตกกระจายเกลื่อนไปหมด

"คุณพี่..."เสียงหวานสั่นเครือหากแต่ผู้ถูกเรียกกลับดูไม่แยแสเท่าไหร่นัก...เขาเพียงปล่อยมือที่รั้งข้อมือของผมเอาไว้พลางลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา...หากแต่ผมคงไม่อยู่รอดูดราม่าฉากใหญ่ระหว่างผัวเมียเพราะทันทีที่เป็นอิสระผมก็รีบดันตัวลุกแล้ววิ่งออกจากเรือนแพหลังนั้นทันที...เหลือบไปเห็นท่าทางตกใจของลูกสมุนสองคนที่ยืนเฝ้าหน้าประตู...แต่ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว...เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้สติของผมหลุดกระเจิง...ความกลัวที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักเกาะกุมอยู่ข้างในจนทำให้ร่างกายสั่นไปหมด...เสื้อผ้าและผมเผ้ายุ่งเหยิงหากแต่ผมไม่สนใจมันสักนิด เพียงแค่สองเท้าที่พยายามวิ่งออกไปให้ไกลเรือนแพนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้



"พ่อธีร์"เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังจนผมต้องชะงักฝีเท้า...ร่างกายยังคงสั่นเทิ้มแต่ยังพยายามสูดหายใจลึกทำตัวให้เป็นปกติ...แว่วเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาหากแต่ผมไม่กล้าหันกลับไป

"เรากำลังไปหาที่ศาลา พ่อธีร์รีบร้อนไปไหนรึ"น้ำเสียงของเขายังเป็นปกติขณะเดินเข้ามาใกล้

"ปะ เปล่าครับ"แม้แต่การพยายามสะกดเสียงที่เปล่งออกมาไม่ให้สั่นยังทำได้ยาก

"บ่าวเรือนนี้ประหลาดนัก ให้เราไปรอที่ท่าน้ำเสียนานมิเห็นแม่เดือนจะมา"หากเป็นเวลาปกติผมคงหันกลับไปบ่นเขายาวเหยียดที่ดันตกหลุมพรางของลูกชายเจ้าพระยาผู้สูงศักดิ์เอาง่ายๆ...แต่คงไม่ใช่เวลานี้เพราะสิ่งที่ผมทำได้มีเพียงการพยายามตั้งสติและอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติ

"พ่อธีร์...เป็นอะไรหรือเปล่า"เมื่อเห็นว่าท่าทีของผมแปลกไปจึงก้าวเท้ามาหยุดยืนตรงหน้าแทน...สายตาคมกริบจดจ้องก่อนจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ

"เกิดอะไรขึ้น ทำไมพ่อธีร์เป็นแบบนี้"หากแต่คำตอบที่ได้คือความเงียบ...ชั่วขณะหนึ่งของความคิด...คำพูดของหลวงเจษฎ์กลับลอยเข้ามา...ความสัมพันธ์ของเขากับลูกสะใภ้คนสวยของเจ้าพระยาเดโชที่ผมเคยคิดว่ามันไม่สำคัญเลยแม้แต่น้อย...ในเวลานี้มันกลับทำให้ผมหงุดหงิด...คำพูดของไอ้หลวงหื่นนั่นมีอิทธิพลต่อจิตใจในยามนี้ของผมมากนัก...เพียงเพราะชื่อของคุณเดือนเขาถึงยอมปล่อยผมไว้เพียงลำพัง...เพียงเพราะไปหาคุณเดือนผมถึงต้องเจออะไรแบบนี้...ผมรู้ว่าความคิดนี้มันงี่เง่าและเห็นแก่ตัว...แต่ในเวลานี้ผมกลับคิดอะไรนอกเหนือไปจากนี้ไม่ได้เลย

"พ่อธีร์"น้ำเสียงห้วนกว่าเก่าดังขึ้นเมื่อไม่ได้รับคำตอบใด...เขาเพียงยกมือขึ้นหมายจะแตะที่ข้างแก้มของผมเช่นที่เคยทำมาทว่าผมกลับปัดมันออก...มือที่ปัดผ่านปกเสื้อคอจีนจนเปิดออกเผยให้เห็นร่องรอยจากเหตุการณ์เมื่อครู่ที่แม้แต่ผมเองก็ไม่รู้ตัว...ดวงตาคมเบิกกว้างพร้อมกับมือใหญ่คว้าเข้าที่ปกเสื้อ...มือของเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อได้เห็นรอยแดงบนไหล่ซ้าย

"ใครทำพ่อธีร์"คิ้วดกหนาขมวดมุ่น...มือใหญ่ยังคงคว้าปกเสื้อของผมเอาไว้แน่น

"พ่อธีร์! ใครทำกับพ่อเช่นนี้"น้ำเสียงที่เคยทุ้มนุ่มน่าฟังกลับแผดกร้าวดังลั่น...สองมือจับเข้าที่ไหล่ของผมพลางเขย่าเสียจนตัวโยน...หากเป็นเวลาปกติผมคงตกใจที่ได้เห็นหลวงพิสิษฐโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ...หากแต่ไม่ใช่เวลานี้



...โดยไม่ต้องรอคำตอบ เขาเพียงผละมือออกแล้วสาวเท้ากลับไปยังทางที่ผมเพิ่งวิ่งจากมา...ร่างสูงโปร่งสาวเท้าเร็วขึ้นจนผมอดไม่ได้ที่จะเดินตามไปแม้ไม่อยากกลับไปเหยียบเรือนนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง...แว่วเสียงโวยวายของลูกสมุนทั้งสองด้านหน้าเรือนเมื่อเห็นผู้มาเยือน ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของเขาจะหายลับเข้าไปด้านใน

"หลวงแก้ว!"เสียงแหบต่ำของเจ้าของเรือนแพแผดลั่นจนแม้แต่ผมที่เพิ่งตามมาถึงยังตกใจ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของภรรยาคนสวย...ภาพแรกที่ผมได้เห็นเมื่อก้าวพ้นประตูเรือน คือร่างสูงใหญ่ของหลวงเจษฎารังสรรที่ลงไปนั่งแผ่อยู่บนพื้น...เลือดแดงสดซึมออกมาจากมุมปากจนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นปาดมันออก แววตาแข็งกร้าวดุดันจ้องมองคนตัวสูงที่ยืนกำหมัดแน่นอยู่ตรงหน้า...ดวงตาคมจดจ้องอีกฝ่ายไม่วางตาเช่นเดียวกัน

"มันจะมากไปแล้วนะ ข้าจะเรียนเจ้าคุณพ่อ!"ร่างสูงทะมึนหยัดยืนประจันหน้าหากแต่อีกฝ่ายยังคงเฉย...ได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจเพราะเพิ่งระเบิดอารมณ์ออกไปเมื่อครู่

"หากหลวงเจษฎ์ไม่หยุดเพียงเท่านี้ เราจะเป็นฝ่ายเรียนเจ้าคุณท่านด้วยตัวเอง ถึงเวลานั้นหลวงเจษฎ์ก็หาข้อแก้ต่างกับเจ้าคุณท่านเองก็แล้วกัน"คำพูดดุดันที่ทำให้ลูกชายเจ้าของเรือนชะงักไปชั่วครู่...หากเรื่องนี้ไปถึงหูเจ้าพระยาเดโช แม้เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเจ้าคุณท่านก็คงไม่อาจลำเอียงปกป้องได้

"มึง!"อารมณ์ที่ปะทุของอีกฝ่ายจนต้องปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อของคนตัวสูง...มืออีกข้างง้างหมัดแน่นเตรียมเอาคืนที่เพิ่งโดนไปเมื่อครู่

"พอเถิดเจ้าค่ะ! อย่าให้เรื่องราวใหญ่โตไปมากกว่านี้เลย เท่านี้ก็อับอายกันมากพอแล้วนะเจ้าคะ"กลายเป็นคุณเดือนที่เข้ามายืนขวางเอาไว้ได้ทัน...ร่างแบบบางของเธอยังคงสั่นเทิ้มด้วยความตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...หลวงเจษฎารังสรรเพียงปรายตามองภรรยาคนสวยด้วยสีหน้าไม่พอใจ

"ปกป้องกันถึงเพียงนี้ ยังอาลัยอาวรณ์มันอยู่งั้นรึ!"นัยน์ตาหวานฉ่ำเบิกกว้างหากแต่จนด้วยคำพูด ถึงอย่างนั้นก็ยังคงยืนขวางอยู่ตรงหน้าไม่หลบไปไหน...ภาพที่ผมเห็นยิ่งตอกย้ำความคิดที่มีต่อคุณเดือนและหลวงพิสิษฐ...ความคิดโง่ๆที่ไม่ควรเกิดขึ้นแต่ผมไม่สามารถหยุดยั้งมันได้

"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่เดือน แต่เป็นสิ่งที่หลวงเจษฎ์กระทำต่อพ่อธีร์ต่างหาก"คนตัวสูงตอบกลับ...แววตาดุดันของหลวงเจษฎ์ปรายตามองผมเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปสบกับดวงตาคมของอีกฝ่าย

"ข้ายังมิได้ทำอะไรเสียหน่อย ถึงกับต้องวิ่งแจ้นไปฟ้องกันเชียวรึ"น้ำเสียงเย้ยหยันจนคนตัวสูงแทบปรี่เข้าไปประเคนหมัดให้อีกรอบถ้าไม่ติดที่คุณเดือนเธอยังยืนขวางเอาไว้

"พี่แก้ว พอเท่านี้เถิด"ดวงตากลมสวยช้อนมองอีกฝ่ายโดยไม่มีคำพูดใด...เขาเพียงลดมือลงพลางถอนหายใจยาว หากแต่สายตาคมกริบยังจดจ้องที่ตัวปัญหา ก่อนจะหันกลับฉวยข้อมือของผมให้เดินตามออกมา...แว่วเสียงเจ้าของเรือนตะโกนโหวกเหวกตามหลังไม่ขาดปากหากแต่ฝีเท้ายังคงก้าวต่อไม่หยุด...กลับกลายเป็นผมเองที่สะบัดมือนั้นออกจนอีกฝ่ายได้แต่หันมามองด้วยสีหน้าสงสัย

"เจ็บตรงไหนหรือไม่"น้ำเสียงดุดันเมื่อครู่กลับมาเป็นปกติพลางไล่สายตาสำรวจไปทั่ว...มือใหญ่ยื่นมาฉวยข้อมือของผมอีกรอบเมื่อเห็นว่ามันแดงจนช้ำ

"ผมไม่เป็นไร...เจ้าคุณท่านคุยงานเสร็จรึยังครับ ผมอยากกลับแล้ว"ตอบกลับเสียงเรียบทั้งที่ความรู้สึกข้างในนั้นตีกันวุ่นวายไปหมด...ผมนึกขอบคุณอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้ผมรอดพ้นจากเรื่องบ้าๆเมื่อครู่มาได้ ในขณะเดียวกันความโกรธ เกลียดที่มีต่อลูกชายเจ้าของเรือนกลับเพิ่มทวีคูณ...รวมไปถึงความรู้สึกที่มีต่อเรื่องของคนตรงหน้ากับคุณเดือน

"เมื่อครู่ท่านให้บ่าวมาแจ้งว่าให้เรากับพ่อธีร์กลับไปก่อน ประเดี๋ยวเสร็จธุุระจะให้บ่าวเรือนนี้ไปส่ง"สีหน้าของเขายังเป็นกังวล...แม้ผมไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้นที่เรือนแพนั้น เขาเองก็คงเดาได้ไม่ยากนัก

"งั้น...ไปส่งผมที่เรือนก่อนได้มั้ยครับ"เพราะสิ่งที่ผมต้องการในตอนนี้คือการได้อยู่กับตัวเองแล้วปล่อยให้เวลามันผ่านไปโดยไม่ต้องคิดอะไรอีกเลย

"ไปที่เรือนเราเถิด ให้เราแน่ใจว่าพ่อไม่เป็นอะไร"

"ผมไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากกลับเรือน"ตอบกลับเสียงแข็งจนอีกฝ่ายได้แต่ถอนหายใจยาวก่อนจำใจพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้




...ทันทีที่เรือเข้าเทียบท่าน้ำหน้าเรือนเจ้าคุณจิตราผมก็แทบกระโดดขึ้นจากเรือทันที...หันกลับไปมองคนตัวสูงที่ยังคงนั่งนิ่ง...สีหน้าของเขาเรียบเฉยยากจะคาดเดาอารมณ์เพราะตลอดทางที่กลับมาจนถึงเรือนนี้ทั้งผมและเขาต่างนิ่งเงียบไม่มีแม้บทสนทนาใดๆ

"ขึ้นเรือนไปไหว้คุณหญิงท่านก่อนมั้ยครับ"เพียงแค่คำชักชวนตามมารยาทซึ่งเขาเองก็รู้ดีเพราะเขาเพียงส่ายหน้าตอบกลับเท่านั้น

"ถ้างั้นผมไปนะครับ"


"พ่อธีร์"หันกลับไปสบกับดวงตาคมสวยที่วูบไหวเพราะความไม่สบายใจ...ผมรู้ว่าเขาเองก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน...แต่ผมในตอนนี้คงไม่มีปัญญาไปดูแลความรู้สึกของใครได้...เพราะแม้แต่ความรู้สึกของตัวเอง...ผมยังดูแลไม่ได้เลย

"ไม่มีอะไร ขึ้นเรือนเถิดพ่อ"เสียงนุ่มเอ่ยตอบก่อนจะหันไปสั่งให้บ่าวพายเรือออก...ผมยืนมองเรือลำเดิมค่อยๆเคลื่อนตัวไกลออกไป...ก่อนจะหันหลังกลับเดินขึ้นเรือนบ้าง





"เฮ้ยยย! ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ"ยังไม่ทันก้าวขาพ้นบันไดเรือน ไอ้ตัวดีก็โพล่งขึ้นเสียงดัง...แชมป์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่กลางเรือนเพียงลำพัง...สีหน้าของมันตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นสภาพของผม

"เออ เกือบโดนหมามันฟัดเอา"ตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะรีบสาวเท้าเดินเข้าห้อง...โชคดีที่คุณหญิงสร้อยไม่อยู่แถวนั้นเพราะผมไม่พร้อมที่จะตอบคำถามยืดยาวที่แกต้องถามแน่นอนถ้าได้เห็นสภาพของผมแบบนี้



...ประตูห้องนอนปิดลงพร้อมกับร่างของผมที่ทรุดลงแทบทันที...ผมไม่รู้เลยว่าไปเอาเรี่ยวแรงและความเข้มแข็งมาจากไหนถึงได้ประคองตัวให้เป็นปกติอยู่ได้นานขนาดนั้น ทั้งที่ความจริงแทบยืนไม่อยู่...ข้อมือแดงช้ำกับร่องรอยบนไหล่ซ้ายยิ่งตอกย้ำภาพเหตุการณ์ที่เรือนแพริมน้ำนั่น...ราวกับความรู้สึกที่ถูกสะกดกลั้นเอาไว้ระเบิดออกมาเป็นหยดน้ำตาใสรื้นไหลไม่หยุดหย่อน...ผมไม่ปฎิเสธเลยว่าเหตุการณ์ตอนนั้นทำให้ผมกลัวมากเพียงใด...ผมเกือบถูกข่มขืน...มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่ใครจะผ่านไปได้ง่าย...หากคุณเดือนไม่เข้ามาเห็น...ตอนนี้ผมจะเป็นอย่างไรบ้าง...ความคิดวนเวียนซ้ำซากที่ผมไม่สามารถไล่ออกไป ทำได้เพียงนั่งกอดตัวเองร้องไห้จนตัวโยน...ผมกลัว...ในขณะเดียวกันผมก็เกลียด...เกลียดคนที่มันทำให้ผมเป็นแบบนี้...เกลียดที่มันทำให้ผมกลายเป็นคนพาล...พาลโกรธใครต่อใครทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ความผิดของเขาเลยแม้แต่น้อย...เกลียดตัวเองที่อ่อนแอดูแลตัวเองไม่ได้


"ธีร์! มึงเป็นอะไรป่าววะ"เสียงไอ้แชมป์ดังขึ้นอีกฝั่งของประตูจนผมสะดุ้งเฮือก...ได้แต่ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลเปรอะไปทั่วพลางสูดหายใจลึก

"กูไม่เป็นไร"พยายามตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าเป็นปกติที่สุด...แชมป์ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น...แต่สิ่งที่แชมป์รู้...คือผมไม่ใช่ชลนธีร์คนเดิม

"มึงแน่ใจนะ"

"เออ"

"งั้นมึงเปิดประตูให้กูหน่อย"การโกหกด้วยเสียงย่อมง่ายกว่าการโกหกทางสีหน้าและผมยังไม่อยากให้มันได้เห็นสภาพของผมใน
ตอนนี้

"มึงมีไรป่าวแชมป์"

"ไม่มี แต่เปิดประตูให้กูหน่อย"อีกฝ่ายยังคงยืนยันคำเดิม

"ธีร์ ได้ยินกูมั้ยเนี่ย เปิดประตูหน่อยยยย"ลากเสียงยาวตามนิสัยของมันเวลาดึงดันจะเอาอะไรสักอย่างจนผมยอมแพ้...พยายามปั้นแต่งสีหน้าให้เป็นปกติแม้ไม่มากนักแต่ผมรู้นิสัยมันดี...แชมป์จะไม่ถามถ้าผมไม่เต็มใจเล่า...มือที่เอื้อมไปผลักบานประตูเผยให้เห็นคนที่ยืนอยู่ด้านนอก ที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับแชมป์เลยแม้แต่น้อย...ใบหน้าคมฉายแววกังวลเมื่อได้เห็นดวงตาที่บวมช้ำของผม

"ขอบใจมากนะพ่อแช่ม"ไอ้ตัวดีที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังเพียงพยักหน้ารับก่อนจะหันมาสบตากับผม...สีหน้าของมันเป็นกังวลไม่ต่างกันแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามแค่นยิ้มส่งกลับมาราวกับเป็นการให้กำลังใจ


"ผมนึกว่าคุณหลวงกลับไปแล้ว ลืมอะไรเหรอครับ"เป็นอีกครั้งที่ต้องพยายามฝืนตัวเองให้เป็นปกติ...เขาเพียงก้าวเข้ามาด้านในพลางดันประตูไม้สักให้ปิดลง

"คุณ..."ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ร่างสูงโปร่งกลับโถมตัวเข้ามากอดเอาไว้แน่นในขณะที่ผมได้แต่ยืนแข็งทื่อเป็นรูปปั้นเพราะความตกใจ

"รู้สึกอย่างไรทำไมไม่พูดกับเรา เอาแต่ร้องไห้อยู่คนเดียวพ่อรู้ไหมว่าเราเป็นห่วง"มือใหญ่ลูบผมเพียงแผ่วเบายิ่งทำให้ความพยายามของผมลดน้อยลงทุกที...การฝืนตัวเองในเวลาเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย...โดยเฉพาะเวลาที่ผมอยู่ต่อหน้าคนๆนี้...ความอ่อนแอเริ่มกลั่นตัวรวมกันเป็นก้อน ดวงตาของผมร้อนผ่าวอีกครั้ง...เพียงแค่เอื้อมมือที่สั่นเทิ้มออกไปกอดอีกฝ่าย กลับทำให้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

"ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่แล้ว"เสียงทุ้มนุ่มกระซิบเบาข้างหูยิ่งทำให้ผมสะอื้นจนตัวโยน...เขาเพียงกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นแล้วปล่อยให้ผมร้องไห้อยู่อย่างนั้น...ราวกับได้ปลดปล่อยความรู้สึกอัดอั้นทั้งหมดออกมา...ทั้งความเกลียด ความกลัว หรือแม้แต่ความสงสัยถูกระบายออกผ่านหยดน้ำตาที่รื้นไหลอาบสองแก้ม...ผมทรุดตัวลงกับพื้นเพราะความเหนื่อยอ่อน...แต่อ้อมแขนที่กระชับอยู่ยังคงตามประคองเอาไว้ไม่ห่าง

"พ่อธีร์"ได้แต่เงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาคู่สวยที่หมองลงอย่างเห็นได้ชัด...เขาเองก็ทุกข์ใจไม่แพ้กัน



"คืนนี้ไปอยู่กับพี่เถิด ให้พี่แน่ใจว่าพ่อธีร์ไม่เป็นอะไร"มือใหญ่เลื่อนมาเกลี่ยน้ำตาข้างแก้ม...ผมเพียงพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรต่อ...


...


มาแล้วเจ้าค่ะ...เลทไปนิดเลยลงให้ยาวหน่อยชดเชยนะเจ้าคะ  :hao5:
ฝากติดตามตอนนี้ด้วยนะคะ
ตอนต่อไปรออีกแว๊บเน๊อะ จะพยายามรีบมาลงค่า

ปล. ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตาม รักเสมอเจ้าค่ะ  :mew1:
ปล2. ตอนนี้ดราม่าเบาๆ แถมน้องธีร์โหมดดาร์คให้นะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2014 06:39:57 โดย Vivid_Vuitton »

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ไม่เสียแรงที่นอนดึก555

ดราม่าเล็กๆ แต่ทิ้งรอยไว้ในใจน้องธีร์หนักอยู่นะ
นึกออกเลยที่แบบ ความรู้สึกที่ ทำไมเค้าสนใจคนอื่นมากกว่าเรา
แถมยังมีทีท่าว่าอาจจะเป็นคนที่เคยชอบมาก่อน
มันแบบ โอ๊ย ฮือ จะร้องไห้ตามน้องธีร์แล้ว
แล้วยิ่งเจอเหตุการณ์ที่หลวงเจษฎ์โผล่มาทำแบบนี้
โหย มันยิ่งจุก น้อยใจขึ้นมาอ่ะ ฮือ
โชคดีที่แม่เดือนมาเห็นเข้าพอดี
ไม่งั้นน้องธีร์เราแย่แน่ๆ เกือบไปแล้วจริงๆอ่ะ
หลวงเจษฎ์ทุเรศมาก อยากได้น้องธีร์จนหน้ามืดตามัว
แถมของขึ้นตอนน้อธีร์ตะโกนเรียกพี่แก้วให้ช่วย
งี้อาจจะผสมความไม่พอใจส่วนตัวและความอยากเอาชนะไว้ด้วยแน่ๆ
พี่แก้วต้องทำให้น้องธีร์เชื่อนะ คือตอนนี้มีแผลแล้ว
คราวนี้อะไรสะกิดนิดหน่อยนี่อาจมีกู่ไม่กลับอ่ะ
แต่พี่แก้วเท่ค่ะ ชกหลวงเจษฎ์ซะได้เลือดเลย555
บ้านนี้นี่ก็นะ พ่อก็ถือตัวถือยศ โอ๊ย ดีที่หลวงแก้วเค้ามีความรู้ดี รู้จักวิธีพูด
ก็เลยแก้ปัญหาไปได้ ตัวพ่อก็แบบอยู่ในสังคมมานาน ยศสูงด้วย ก็ยังพอรับฟังบ้าง
แต่ตัวลูกนี่ยากเกินเยียวยา
ต่อจากนี้น้องธีร์ก็ต้องระวังตัวให้มากขึ้น พี่แก้วไม่ได้ตัวติดเป็นปาท่องโก๋จะได้ช่วยได้ตลอดเวลา
นี่น้องธีร์ยอมไปค้างด้วย หวังว่าจะเคลียร์กันได้
เราไม่รู้หรอกว่าพี่แก้วรู้สึกเจ็บแค่ไหน แต่เราเจ็บแทนน้องธีร์จริงๆ
มัน2เรื่องติดๆแบบผูกโยงถึงกันอ่ะ
ก็รักนั่นแหละ ไม่งั้นจะเป็นงี้เหรอ เชียร์พี่แก้วนิดๆก็ได้
ก็ไม่ได้อยากให้น้องธีร์ปวดใจขึ้นมาเป็นริ้วๆนานนักหรอก

มาต่อทีนี่ อื้อหือ อ่านไปใจเต้นไป เครียดไป
กลัวน้องธีร์โดนข่มขืนจริงๆนะ
อยากให้ดราม่านี้ผ่านไปเร็วๆ
แต่ดราม่ากลับปัจจุบันยังมีอยู่ทุกชั่วขณะของการดำเนินเรื่องนะ
ยิ่งมีพี่แก้วน้องธีร์มากเท่าไหร่ ยิ่งหน่วงมากเท่านั้น

ตอนต่อไปจะมาต่อเมื่อไหร่คะ รออ่านเลย
เป็นกำลังใจในการแต่งนะคะ

ป.ล.อื้อหือ รูปประกอบน้องธีร์อย่างเท่ ฮือ ชอบบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2014 06:56:23 โดย AeRoMoZa »

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
โถ พ่อธีร์ ขวัญเอ้ยขวัญมา ไม่เป็นอะไรแล้วน้า  :กอด1:
โชคดีที่คุณเดือนมาพบซะก่อน ส่วนไอ้หลวงเจษฎ์ ไม่อยากพูดถึงมัน เกลียดมันจริง ๆ :beat:
คุณเดือนก็น่าสงสารนะ ต้องมามีสามีแบบนี้ แต่ก็เข้าใจความรู้สึกน้อยใจของน้องธีร์นะ
ที่พี่แก้วทิ้งตัวเองไว้เพราะชื่อคุณเดือน ทำให้ต้องเจอเรื่องร้าย ๆ อย่างนี้ เป็นเราก็คงคิดเหมือนกันล่ะ
เอาเถอะ เรื่องอดีตของพี่แก้วกับคุณเดือนจะเป็นยังไง มันก็ผ่านมาแล้ว
แค่ตอนนี้ ใจของพี่แก้วมีเพียงน้องธีร์เท่านั้น พี่แก้วก็ต้องทำให้น้องธีร์เชื่อ และมั่นใจให้ได้นะ
กอดปลอบน้องธีร์อีกทีนึง  :กอด1:

ออฟไลน์ Mississippi

  • Don't act like it's a bad thing to fall in love with me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
กลับเรือนไปให้พี่แก้วรักษาใจให้นะจ๊ะพ่อธีร์ :katai2-1:

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หน่วงอะ สงสารธีร์

meili run

  • บุคคลทั่วไป
และแล้วก็...ปลอบใจพ่อธีร์หน่อยนะพ่อแก้ว พ่อธีร์กำลังเสียขวัญ  :hao5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
น่าจะกระทืบให้หนักกว่านี้น่ะหลวงแก้ว

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
กรี้ดดดดดด


ชอบบบบบบบบบบบบบ






 o13

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด