...The Timeless Tide...หากแม้นสายนธีร์จะย้อนกลับ...[แจ้งข่าว หน้า๒๒ ค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...The Timeless Tide...หากแม้นสายนธีร์จะย้อนกลับ...[แจ้งข่าว หน้า๒๒ ค่ะ]  (อ่าน 308832 ครั้ง)

ออฟไลน์ knightprince

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
มาสั้นจังเลยยยย อานิดคงเป็นห่วงธีร์น่าดู
กำลังค้างกับทางอดีตด้วย โอยยย เรื่องมันถูกขมวดปมไว้เยอะไปหมด
อยากอ่านต่อละอ่าาาาา รอคะๆๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
อานิดอย่าเศร้าไปเลยเดี๋ยวพ่อธีร์ก็กลับมา(แต่อีกเดี๋ยวก็ไปต่อ 55)

ก็เข้าใจพ่อธีร์นะว่าถ้าจะให้บอกความจริง
ก็คงยากที่จะมีใครเชื่อถ้าไม่ได้เจอกับตัวหรือเห็นกับตาตัวเอง

รอร๊อรอๆๆๆครับ :katai4:

ออฟไลน์ uchikas

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
หลวงแก้วกับพ่อธีร์ รักกันแล้ว
แล้วต่อไปจะทำยังไง ธีร์จะต้องกลับโลกปัจจุบัน
หลวงแก้วจะอยู่ยังไง
ซึ้งกลอนของหลวงแก้ว T T

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
สงสารคนรอ  น่าจะให้คุณหลวงแก้วมาหาธีร์บ้าง  อยากเห็นคุณหลวงตกใจตอนมาบ้านธีร์ :hao3:

ออฟไลน์ iiam

  • อัยแอม Bulan
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
.หรือเจ้าคุณจิตราจักเป็นต้นตระกูลของพ่อธีร์

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
ยังไงก็คงต้องเลือกสินะ
เลือกที่จะอยู่กับอดีตหรือปัจจุบัน
ตอนนี้ธีร์อาจจะมีความสุข แต่หลังจากนี้จะมีความสุขหรือเปล่าน่ะสิ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คนที่รอไม่ว่าฝั่งไหนก็เจ็บปวดพอกันนั้นแหละ

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
ตอนที่ ๑๗...สองสิ่งที่เหมือนกัน


"คุณหลวงครับ...โต๊ะนั่น"


สิ่งที่ทำให้ใจผมสั่นได้มากกว่าการเข้ามาในห้องนอนของหลวงพิสิษฐคือของบางอย่างที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของผมในตอนนี้
ภาพของโต๊ะไม้สักโบราณคุ้นตาปรากฎให้เห็นตรงหน้า...ทั้งสีของไม้ ขนาด และรูปทรง เหมือนกับโต๊ะในห้องทำงานของเจ้าคุณจิตราไม่ผิดเพี้ยน...ผมเดินเข้าไปใกล้พลางไล่สายตาไปทั่ว...ที่ทับกระดาษรูปร่างเหมือนกันวางทับกองเอกสารหลายแผ่น...นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน

"มีอะไรรึพ่อ"เจ้าของห้องเอ่ยถามด้วยความสงสัยพลางสาวเท้าเข้ามายืนข้างๆ

"คุณหลวงได้โต๊ะนี่มาจากไหน"ผมขมวดคิ้วแน่น...สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้ผมมึนงงไปหมด

"นี่รึ...ลูกชายคุณพระคนสนิทของเจ้าคุณไพศาลแกมอบให้ แกมีความสามารถด้านงานไม้ จักหาใครในพระนครเทียบฝีมือยากนัก"เจ้าของห้องอธิบายเสียงเรียบ หากแต่สิ่งที่ผมติดใจกลับไม่ใช่ความปราณีตบรรจงในผลงานชิ้นนี้

"แต่โต๊ะตัวนี้กับที่เรือนเจ้าคุณจิตรา..."นิ้วเรียวชี้ไปที่โต๊ะพลางขมวดคิ้วมุ่น สมองกำลังประมวลผลอะไรบางอย่าง

"อ้อ เขาทำไว้สองตัวน่ะ เป็นของขวัญให้เจ้าคุณทั้งสองวันที่รับตำแหน่งพระยา แต่เจ้าคุณไพศาลกลับยกให้เราเสียนี่ ท่านว่ามันเข้ากับห้องนี้"ผมเคยได้ยินมาว่าเจ้าคุณทั้งสองสนิทกันมากเพราะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก...เข้ารับราชการก็พร้อมๆกัน และยังได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นพระยาพร้อมกันอีก...ไม่นึกว่าแม้แต่ของขวัญก็ยังได้ของที่เหมือนกัน...และผมก็พอจะเข้าใจเจ้าคุณไพศาล เพราะเมื่อเทียบกับห้องอื่นบนเรือนนี้ที่ตกแต่งแบบฝรั่ง...มีเพียงห้องของหลวงพิสิษฐห้องเดียวที่ยังดูเป็นแบบไทยโบราณอยู่ และผมก็ไม่เถียงว่ามันเข้ากับห้องนี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งสีและเนื้อไม้ก็เป็นแบบเดียวกันกับเตียงและตู้หนังสือในห้อง...แต่สิ่งที่เห็นมันทำให้ผมสับสนไปหมด...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน...สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างปัจจุบันของผมและปัจจุบันของที่นี่ กลับไม่ได้มีเพียงแค่ชิ้นเดียว...และถ้ามันไม่ได้มีแค่ชิ้นเดียว...แล้วในโลกปัจจุบันของผมล่ะ...โต๊ะอีกตัวหนึ่งอยู่ที่ไหน...หรือมันยังอยู่หรือไม่

"เป็นอะไรรึพ่อ"ถามเพียงสั้นๆ ผมเลยได้เพียงส่ายหน้าตอบ...แต่สัมผัสของมือใหญ่ที่แตะลงแผ่วเบาที่แก้มทำเอาเรื่องที่กำลังสงสัยกลับปลิวหายไปทันที รู้สึกร้อนวูบที่หน้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น...เขาเพียงยืนมองหน้าและโปรยยิ้มให้เช่นเคย

"คุณหลวงรู้มั้ยครับ ก่อนมาที่นี่ผมเคยฝัน"ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดเรื่องนี้ขึ้นมา...เจ้าของห้องมองหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงถาม

"ในฝันนั้นมีเพียงความมืด...มีเพียงเสียงเดียวที่ผมได้ยิน...เสียงนั้นเหมือนกับเสียงคุณหลวงไม่มีผิด"คนตัวสูงขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ฟังสิ่งที่ผมเล่า

"เสียงนั้นเรียกผมว่า..."


"-พ่อธีร์-"สองเสียงที่ประสานกันทำให้ผมหันไปมองคนตัวสูงด้วยความแปลกใจ


"คุณหลวงรู้..."หากแต่เจ้าตัวเพียงแค่ส่ายหน้า

"ยังจำวันแรกที่เราได้พบกับพ่อได้หรือไม่ วันนั้นพ่อถามว่าเราเคยพบกันมาก่อนไหม"ผมพยักหน้ารับ ยังคงจำได้ดี

"สิ่งที่เราตอบพ่อในวันนั้นเป็นความจริง เรามิเคยเห็นหน้าพ่อมาก่อน หากแต่เรารู้สึกถูกชะตา ในคราแรกเราคิดว่าเพราะพ่อเป็นคนประหลาดนัก ท่าทางแลการพูดจารึก็ไม่เหมือนชาวพระนคร"ผมหรี่ตามองคนตัวสูง ไม่แน่ใจว่ากำลังถูกชมหรือแอบด่า แต่ก็เลือกที่จะเงียบไว้ไม่อยากขัด

"แต่มันมิใช่อย่างที่เราคิด ทุกคราที่เราได้ใกล้ชิดพ่อ เรารู้สึกประหลาดนัก มันเป็นความรู้สึกที่แม้แต่หญิงใดในพระนครก็มิเคยทำให้เรารู้สึกเช่นนี้ได้"คำพูดที่ทำให้ผมหน้าแดงวาบขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่รอยยิ้มปรายบนใบหน้าของคนตัวสูงกลับแสดงออกได้ดีกว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นไหนๆ

"หากพ่อธีร์บอกว่าเคยฝันถึงใครบางคนที่เรียกพ่อแบบนั้น การที่เราได้มาเจอกับพ่อก็คงมิใช่เรื่องบังเอิญ"ในสมัยของผม คำว่าพรหมลิขิตคงกลายเป็นเรื่องล้าสมัยไปเสียแล้ว...แต่ในเวลานี้จะหาคำใดมาอธิบายสิ่งที่มันเกิดขึ้นทั้งหมดนอกจากคำนี้...ก็คงไม่มีอีกแล้วเช่นกัน

"ดึกมากแล้ว นอนเถิดพ่อ"คำพูดที่เรียกสติผมกลับมา...หันไปมองเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ที มองหน้าคนตัวสูงทีอย่างลังเล

"คุณหลวงจะให้ผมนอนห้องนี้จริงเหรอครับ"เห็นอีกฝ่ายกลั้นหัวเราะแล้วพาลรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกแกล้งเสียนี่

"ขำอะไรครับ"ถามกลับตาขวาง...ที่จริงไม่รู้จะทำอะไรเลยใส่อารมณ์แก้เก้อไปอย่างนั้น

"ไม่อยากนอนห้องนี้รึ"ยังยั่วไม่เลิก...ใช่ว่าไม่อยาก...แต่มันรู้สึกแปลกๆ...ก่อนจะได้ตอบอะไร มือใหญ่ก็ยื่นมาฉวยข้อมือของผมเอาไว้พลางเดินนำไปที่เตียง...แล้วผมก็เดินตามเขาไปโดยดีเสียด้วยสิ

"เราเพียงอยากให้พ่ออยู่ด้วย แต่ถ้าพ่อไม่สบายใจ..."ว่าพลางนั่งลงบนเตียงกว้างแล้วดึงให้ผมนั่งลงข้างๆ มือที่จับอยู่นั้นยังไม่ยอมปล่อย

"ยังไม่ได้บอกซักหน่อยว่าไม่สบายใจ"บ่นพึมพำกับตัวเองแต่ดูท่าจะดังพอให้คนข้างๆได้ยิน...นิ้วเรียวค่อยๆเกลี่ยปลายผมที่ยาวลงมาปรกหน้าของผมขึ้นไปทัดหู ดวงตาคมคู่นั้นยังมองมาไม่วางตา หากแต่ใบหน้าเจือรอยยิ้มอ่อนโยน

"ขอให้เราได้เห็นหน้าพ่อเช่นนี้ทั้งคืน เราก็มีความสุขมากแล้ว"ผมได้แต่ช้อนตามองใบหน้าคมนั้นโดยไม่มีคำพูดใดๆ ปลายนิ้วเรียวระเรื่อยลงมาไล้อยู่ข้างแก้มและวนเวียนอ้อยอิ่งอยู่เช่นนั้น

"คุณหลวง"ผมเรียกคนตรงหน้าเมื่อถูกมองด้วยดวงตาสวยคู่นั้น หากแต่เจ้าตัวเพียงส่ายหน้าเบาๆ

"พ่อธีร์...เราอาจเป็นหลวงพิสิษฐของใครต่อใคร แต่สำหรับพ่อแล้ว เราขอเป็นเพียงพี่แก้วของพ่อได้หรือไม่"น้ำเสียงเนิบนาบน่าฟังทำเอาผมรู้สึกร้อนวูบไปทั้งหน้าแม้แต่นิ้วเรียวของอีกฝ่ายที่ไล้อยู่บนแก้มก็คงสัมผัสได้เช่นกัน...ที่ทำได้...ก็เพียงแค่ก้มหน้าหลบสายตา

"...พี่แก้ว..."เสียงที่เอ่ยออกมาช่างเบายิ่งนัก แต่กลับดังพอที่คนตรงหน้าจะได้ยิน...ร่างสูงโน้มเข้ามาใกล้ จรดริมฝีปากได้รูปลงบนหน้าผากของผมเพียงแผ่วเบา ก่อนจะดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้

"พ่อธีร์ของพี่"เสียงนุ่มกระซิบเบาๆที่ข้างหู ลมหายใจอุ่นระเรี่ยต้นคอทำเอาผมต้องซุกหน้าเข้ากับอกกว้างนั้นยิ่งกว่าเดิม


...หากแม้หลวงพิสิษฐจะล่วงรู้...ผมเองก็มีความสุขเช่นกัน...



...แสงอรุณยามเช้าส่องลอดบานหน้าต่างทรงฝรั่งบนชั้นสองของเรือน...แว่วเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วและลมโชยเอื่อยโบกพลิ้วหยอกล้อกับผ้าม่านโปร่งบาง...ราวกับนาฬิกาบอกเวลาให้ตื่น...หากเพียงขยับตัวก็สัมผัสได้ถึงท่อนแขนแกร่งที่วางพาดผ่านตัว...ภาพแรกที่เห็นเมื่อลืมตาคือกรอบหน้าคมเข้มที่ถูกสรรสร้างมาอย่างงามพร้อมของคนตัวสูงที่ยังคงหลับตาพริ้ม ได้ยินเสียงลมหายใจเป็นจังหวะ ท่อนแขนที่พาดอยู่ยังโอบรอบเอาไว้เพียงหลวมๆ...ผมมองใบหน้ายามหลับใหลของอีกฝ่ายราวกับนักสำรวจ...แพขนตาหนา...สันจมูกโด่ง...ริมฝีปากหยักได้รูป หรือแม้แต่กรอบหน้าคมเข้ม...แม้ผมเองจะไม่สันทัดเรื่องการมองผู้ชายด้วยกันสักเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนตรงหน้านั้นช่างใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ...

"แอบมองคนหลับ...มิงามนะพ่อ"รอยยิ้มปรายปรากฎบนใบหน้าหากแต่เจ้าตัวยังคงหลับตาพริ้ม มีเพียงเสียงหยอกล้อเบาๆที่ทำให้ผมต้องละสายตาแทบจะทันที

"มองตอนตื่นก็ได้...เราไม่หวงหรอก"แพขนตาหนากระพริบช้าๆเผยให้เห็นดวงตาคมวาววับที่จดจ้องมา

"ตื่นแล้วก็ไม่บอกนะครับ"ได้แต่ทำหน้ามุ่ยแก้เก้อ

"ตื่นนานแล้ว...แต่นอนมองหน้าพ่อเสียเพลิน"รอยยิ้มกริ่มทำเอาหน้าผมร้อนวูบขึ้นมาอีกครั้ง...บางครั้งก็นึกตลกตัวเองที่มีอาการเขินอายอย่างกับผู้หญิงเป็นกับเขาเหมือนกัน...แต่ก็ดูเอาเถอะ ช่างหยอด ช่างล้อเสียขนาดนี้...ใครมันจะไปทนเฉยอยู่ได้

"เอ ปากหวานแบบนี้กับทุกคนรึเปล่านะครับ"แว่วเสียงหัวเราะเบาของอีกฝ่าย

"เห็นทีจะไม่ได้เสียแล้ว"

"ทำไมล่ะครับ"ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย

"เกรงว่าบางคนจะร้องไห้อีกน่ะซี"

"หลงตัวเองไปรึเปล่าครับ"ถึงจะเขินหน้าแดง แต่เรื่องต่อปากต่อคำก็ไม่เคยยอมเหมือนกัน

"ให้เราหลงตัวเองหน่อยเถิดพ่อ เราจะได้รู้ว่าไม่ได้คิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว"อ้อมแขนยิ่งกระชับแน่นกว่าเดิมทำเอาผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว


...และถ้าผมไม่ได้คิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว...ผมว่านี่มันก็เป็นเช้าที่สดใสวันหนึ่งเลยทีเดียวนะ...


หลวงพิสิษฐลงไปข้างล่างแล้ว เหตุเพราะเจ้าคุณไพศาลมีงานจะสั่งก่อนที่ท่านจะออกไปที่กรม...ส่วนผมที่ยังอยู่ในห้องไม่กล้าเสนอหน้าลงไปด้วยกลัวว่าเจ้าของเรือนเขาจะรู้เอาเสียก่อนว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนที่ห้องรับรองแขกอย่างที่แกว่า...แม้ผมจะล่วงรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนรอบข้างจะเข้าใจมัน...ผมรู้ดีว่าสมัยนี้เรื่องระหว่างผมกับคุณหลวงหนุ่มเป็นเรื่องยากนักที่ใครจะยอมรับได้ แม้แต่เจ้าคุณไพศาลเองถึงแม้ท่านจะมีเมตตาและเป็นคนใจดีอยู่มาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะเข้าใจเรื่องแบบนี้เช่นกัน...

...ผมสอดส่ายสายตาไปทั่วห้อง พลันสะดุดตากับโต๊ะไม้สักตัวเดิม...สิ่งที่สงสัยค้างคาเมื่อคืนนี้วนกลับมาในความคิดอีกรอบ...มันคือความบังเอิญจริงหรือ...โต๊ะโบราณที่ผมเคยคิดมาตลอดว่ามันมีเพียงหนึ่งเดียว มาวันนี้ผมกลับได้เห็นอีกหนึ่งตัวที่เหมือนกัน...ที่ทับกระดาษยังวางทับกองเอกสารปึกหนาบนโต๊ะ...ผมหยิบมันขึ้นมาพลางพลิกดูด้านล่าง...แน่ล่ะว่ามันไม่มีตัวอักษรอะไรอย่างที่ผมคาดหวังไว้...ผมไล่สายตาและนิ้วมือไปตามเนื้อไม้ของโต๊ะที่คุ้นตาเป็นอย่างดี...ฝีมือคนที่ทำมันช่างปราณีตบรรจง...ลวดลายสลักเสลาบนขาโต๊ะก็ทำได้อย่างวิจิตรงดงาม

"ทำอะไรอยู่รึพ่อ"เสียงนุ่มปลุกผมจากความคิดพร้อมเจ้าของห้องที่เดินเข้ามา

"เปล่าครับ"ผมส่ายหน้าตอบ

"เราเห็นพ่อธีร์สนใจโต๊ะตัวนี้ตั้งแต่เมื่อคืน มีอะไรรึ"คำถามที่ผมไม่รู้จะตอบอย่างไร...ใจหนึ่งผมก็อยากบอกความจริง แต่อีกใจก็คิดว่าเขาคงหาว่าผมบ้าเป็นแน่

"แค่คิดว่ามันเหมือนกันมากน่ะครับ"

"กับของที่เรือนเจ้าคุณจิตราน่ะรึ"ผมพยักหน้ารับ ยังไม่ละสายตาจากมัน

"ต้องเหมือนซี ก็ช่างคนเดียวกัน"

"เจ้าคุณท่านถูกใจโต๊ะตัวนี้นัก แต่กลับยกให้เราเสียนี่ ท่านว่ามันเข้ากับห้องนี้ ตอนแรกเราปฏิเสธเพราะมันเป็นของขวัญของท่าน แต่ท่านก็ยืนกรานให้เรารับไว้ ท่านว่าอย่างไรเสียก็อยู่ในเรือนเดียวกัน"

"แล้วคุณหลวงชอบมันมั้ยครับ"คนตัวสูงพยักหน้ารับ

"แต่มีอย่างอื่นที่ชอบมากกว่า"ผมขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มกริ่มมองมา

"พ่อธีร์ของพี่แก้วน่ะ"ก้มลงกระซิบข้างหูเบาๆทำเอาใบหน้าผมร้อนวูบอีกครั้ง

"คุณหลวง!"เจ้าของห้องเพียงแค่หัวเราะเบาๆเมื่อถูกผมตีที่แขนเข้าให้...ทำไมถึงเป็นคนชอบแกล้งแบบนี้นะหลวงพิสิษฐ!


...กว่าจะกลับมาถึงเรือนเจ้าคุณจิตราก็บ่ายแก่แล้ว เพราะต้องนั่งทำงานที่ค้างตั้งแต่เมื่อวานให้เสร็จ...พอกลับมาถึงก็เจอไอ้ตัวดีตั้งท่ากวนประสาทอยู่ที่ท่าน้ำนี่...ถึงขั้นต้องมารอรับเสด็จกันเลยทีเดียว

"เป็นสาวเป็นแส้ ริไปค้างอ้างแรมบ้านผู้ชาย"ทำเสียงเลียนแบบตัวร้ายในละคร ใส่อารมณ์เต็มที่เลยนะมึง

"เชี่ยยยย ถีบมาได้!"ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องโดน...ไม่เคยจะจำ

"แหม๊ๆ อารมณ์ดีนะจ๊ะน้องสาว"ไม่พูดเปล่ายื่นหน้ากวนๆเข้ามาอีก...ไอ้นี่ถ้าไม่เจ็บตัวอีกทีคงไม่เลิก

"จะไปไหนครับพี่ธีร์..."ไอ้แชมป์รีบคว้าคอเสื้อผมไว้ได้ทันก่อนที่ผมจะเดินขึ้นเรือน แล้วไอ้ท่ายักคิ้วหลิ่วตาของมันนี่คืออะไรครับ

"ไหนเล่าให้พี่แชมป์ฟังซิครับ ว่าอะไรยังไง"

"อะไรยังไงวะ"ผมปัดมือมันออกจากคอเสื้อแต่มันยังรั้งไว้แน่นไม่ปล่อย

"เอ้า บ้านช่องไม่กลับเนี่ยอะไรยังไงคร้าบบบบ"

"หึ! คิดจะเล่นกูไม่ดูตัวเองเลยนะครับ เชี่ยแชมป์"ไอ้ฉากโรแมนติกที่มีผมเป็นพยานรักนั่นมันยังติดตาผมอยู่เลยนะ

"เล่นไรวะ กูแค่ถาม ทำไมมึงต้องร้อนตัว อ๊ะๆ หรือว่ามีซัมติง"มันชี้หน้าพลางส่งเสียงแซว ท่าทางมันน่าถีบพิลึก

"เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน กูมีเรื่องสำคัญกว่า"แต่ผมรีบตัดประเด็นเสียก่อนเพราะมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า...ภาพของโต๊ะไม้สักในห้องหลวงพิสิษฐยังคงติดอยู่ในใจผม...และผมคิดว่าควรจะเล่าให้มันฟังเช่นกัน
.

.

.
"มึงบอกว่าห้องหลวงพิสิษฐมีโต๊ะที่เหมือนกับของเจ้าคุณจิตรา?"หลังจากได้ฟังที่ผมเล่ามันก็เอาแต่นั่งขมวดคิ้วแน่นพลางเคาะมือลงบนโต๊ะไม้ที่ศาลาข้างเรือนอย่างครุ่นคิด

"เหมือนเป๊ะเลยเหรอวะ"ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง

"ช่างคนเดียวกัน ทำไว้สองตัวพร้อมกัน"นั่นหมายความว่ามันเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน

"แล้วมึงว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับโต๊ะในห้องคุณจิตรามั้ย"คำถามที่ผมเองก็ไม่รู้คำตอบเช่นกัน...เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่ผมกลับมายังพระนคร และผมกับมันก็ไม่เคยได้ยินเสียงประหลาดหรือแสงเรืองรองจากที่ทับกระดาษนั้นอีกเลย

"ถ้าโต๊ะไม้สักกับที่ทับกระดาษในห้องเจ้าคุณเป็นตัวเชื่อมโลกปัจจุบันกับที่นี่...แล้วโต๊ะในห้องคุณหลวงล่ะ"ไอ้แชมป์ยังคงมีคำถามอย่างต่อเนื่อง แต่ผมเองก็ตอบมันไม่ได้เช่นกัน

"ว่าแต่...มึงบอกว่า โต๊ะนั่นอยู่ในห้องคุณหลวง..."ผมพยักหน้าให้กับคำถามของมันอีกครั้ง สมองยังคงใช้ความคิดอย่างหนัก

"งั้นเมื่อคืนมึงก็นอนห้องคุณหลวงอ่ะดิ!!"ก็ใช่อ่ะดิ...เห้ยยยยย!

"ฮืออออ น้องธีร์ของพี่แชมป์ หมดกันพี่แชมป์อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาเป็นสิบปี ดันเสร็จผู้ชายซะงั้น"ดูมันพูดเข้า อยากตะโกนใส่หน้ามันจริงๆว่ากูยังไม่เสร็จโว้ย แต่ไม่ได้ ต้องเนียนนิ่งไปก่อน

"ไม่น่าเลย ฮืออออ....เชี่ยยยย!"แต่พอได้ยินคำพูดกวนประสาทนี่แล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ นึกเหรอว่าผมจะยอมให้มันแซวได้นาน...กว่ามันจะรู้ตัวก็หัวทิ่มลงไปจูบพื้นหญ้าด้วยฝีเท้าของผมเสียแล้ว

"โอ๊ยมึงนี่ ซาดิสม์ขึ้นทุกวันนะ ไม่สงสารกูก็สงสารหลวงพิสิษฐเค้าบ้างเห๊อะ"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณหลวงเล่า!

"แน่ะ หน้าแดงทำไมวะ กูแค่ล้อเล่น"ไอ้นี่...ได้ทีแล้วเอาใหญ่...ผมได้แต่ยืนจ้องหน้ามันเขม็งในขณะที่มันเอาแต่หัวเราะจนตัวงอ นานๆทีจะไล่กูจนมุมได้นะครับไอ้แชมป์

"ไปดีกว่า เบื่อคนอารมณ์ดี ฮ่าๆๆ"ไม่พูดเปล่าเดินหนีไปทางโรงครัวอีก แต่ไม่ต้องมาหาเรื่องชิ่งหรอกเพราะผมเห็นว่าคุณพิกุลเพิ่งเดินลงจากเรือนไปทางโรงครัว...มันเองก็ไม่ได้เนียนไปกว่าผมเท่าไหร่หรอกครับ


...ผมมองภาพตรงหน้าแล้วก็อดยิ้มตามออกมาไม่ได้...เพื่อนผมกำลังมีความสุข แม้จะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร...แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นทางที่มันเลือกแล้ว...ผมเองก็เช่นกัน


...หากแต่วูบหนึ่งในความคิด คำพูดของหลวงพ่อในวันนั้นกลับวนเข้ามาในหัว...


'จิตของโยมนั้นผูกพันกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยที่โยมไม่รู้ตัว...เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม จิตที่เข้มแข็งจึงได้พากายไปยังที่แห่งนั้นได้ โดยอาศัยสิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างสองที่นั้น'


ถ้าจิตของผมที่ผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ทำให้ผมเดินทางย้อนเวลานับร้อยปีมายังพระนครได้...แล้วจิตของไอ้แชมป์ล่ะ?...ในเมื่อตัวมันเองก็สามารถเดินทางมายังที่นี่ได้พร้อมกับผม...มันไม่น่าเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ...ตรงกันข้าม...ไอ้แชมป์เองเสียอีกที่ดูจะผูกพันกับเรือนหลังนี้มากกว่าผม...ทั้งเรื่องคุณพิกุล แล้วไหนยังจะทำงานให้เจ้าคุณจิตราอีก...เมื่อเทียบกับผมที่วันหนึ่งๆใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่เรือนเจ้าคุณไพศาลแล้ว...ไอ้แชมป์ต่างหากที่ผูกพันกับเรือนหลังนี้มากกว่าใคร...


'หมายความว่าผมสามารถไปที่นั่นได้เพราะของสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันใช่มั้ยครับ'


คำถามที่ผมถามหลวงพ่อในวันนั้นผมยังจำมันได้ดี


'ไม่ใช่ทุกที่นะโยม ต้องเป็นที่ที่จิตโยมผูกพันอยู่เท่านั้น สมมติว่าบนโลกนี้มีของห้าชิ้นที่เหมือนกัน แต่โยมเคยเห็นแค่สองชิ้น โยมก็จะผูกพันกับของแค่สองชิ้นนั้น ส่วนอีกสามชิ้นที่โยมไม่เคยเห็นมาก่อน โยมก็จะไม่รู้สึกอะไรกับมัน'


ผูกพันกับของเพียงสองชิ้น...หากโต๊ะแฝดนั่นคือของสองชิ้นที่ว่า...เป็นไปได้ไหมว่ามันสามารถทำให้ผมเดินทางข้ามเวลาได้ทั้งคู่...และเป็นไปได้ไหมที่การเดินทางข้ามเวลาของผมในครั้งหน้าอาจจะลงเอยที่ห้องของหลวงพิสิษฐ...แต่ผมก็ยังสงสัย...ครั้งแรกที่ผมมาที่นี่...ผมไม่เคยเห็นโต๊ะที่เรือนของเจ้าคุณจิตรามาก่อน แล้วทำไมผมกับแชมป์ถึงได้มาลงเอยที่เรือนของเจ้าคุณจิตรา...ทำไมไม่ใช่ห้องของหลวงพิสิษฐ...แล้วยังเรื่องจิตที่ผูกพัน...ถ้าหากถามผม จิตที่ผูกพันของผมคงหนีไม่พ้นคนตัวสูงนั่นเป็นแน่...ส่วนจิตที่ผูกพันของแชมป์ก็คือคุณพิกุล...แต่ทำไมผมกับมันถึงมาลงเอยอยู่ที่เดียวกัน...แล้วโต๊ะตัวที่อยู่ในห้องทำงานของอาต้น...คือโต๊ะตัวไหนกันแน่?


ผมขมวดคิ้วแน่น...ความคิดในหัวมีมากมายไปหมด หากแต่มันเหมือนปมเชือกที่ผูกร้อยเรียงต่อกันอย่างไม่รู้จบ...การจะแก้ทีละปมนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลาอีกมาก...มันคงจะดีหากผมได้มีโอกาสกลับไปยังโลกปัจจุบันอีกครั้งเพื่อที่ผมจะได้ค้นหาความจริง...โดยเฉพาะเรื่องโต๊ะไม้สักอีกตัวนั่น...แต่อีกใจผมกลับภาวนา...ขออย่าเพิ่งให้มันถึงเวลานั้นเลย...ผมยังอยากอยู่ที่นี่ต่อไป แม้จะแค่อีกวันเดียวก็ตาม...
.

.

.
คืนนั้นผมฝันเห็นอานิดอีกครั้ง...เป็นเวลานานมากแล้วที่ผมไม่ได้ฝันถึงแก...ผมเห็นอานิดกำลังนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนั่งเล่น มือกำโทรศัพท์มือถือของผมเอาไว้แน่น...หน้าตาของเธอดูอิดโรยลงไปมาก...ผมรู้ว่าอานิดเป็นห่วง...ผมรู้ว่าอานิดรักผมเหมือนลูกแท้ๆ...แต่ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ถึงจะทำให้อานิดเข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับผมในตอนนี้...ใจหนึ่งผมก็อยากกลับไปเพื่อบอกความจริง...ความจริงที่ไม่รู้ว่าอานิดจะเข้าใจและยอมรับมันได้ไหม...แต่อีกใจ...ผมก็ยังอยากอยู่ที่นี่...ตั้งแต่สูญเสียพ่อกับแม่...ผมไม่เคยมีที่ที่คิดว่าเป็นที่ของตัวเองเลย...ผมรู้สึกว่าผมอยู่คนเดียว...แม้อานิดกับอาต้นจะให้ความรักกับผมมากมายขนาดไหน...แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของผม...แต่เมื่อผมได้มาที่นี่...ผมกลับรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง...แม้แต่ทุกคนที่ผมได้พบเจอที่นี่ ทั้งเจ้าคุณทั้งสอง คุณหญิงสร้อย คุณพิกุล พี่สน มิ่ง ป้าน้อย และบ่าวคนอื่นๆ...โดยเฉพาะ...คนๆนั้น...คนที่ทำให้ชีวิตของผมถูกเติมเต็มได้อย่างไม่น่าเชื่อ...ผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้หัวใจของผมรู้สึกอบอุ่นได้อย่างน่าประหลาด...และมันทำให้ผมรู้สึกว่าไม่อยากจะไปจากที่นี่อีกเลย...


ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาอานิดที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟา...เธอผลอยหลับไปแล้ว...ผมได้แต่คุกเข่าลงตรงหน้าและก้มกราบแทบตักของเธอเพียงแผ่วเบา

"ธีร์ขอโทษที่ทำให้อาเป็นห่วง ธีร์สบายดี อานิดไม่ต้องเป็นห่วงธีร์นะครับ"สิ่งที่ทำได้ในฝัน เพียงแค่จับมือของเธอไว้เพียงแผ่วเบา...หากความฝันนี้จะสามารถสื่อความรู้สึกของผมที่มีไปถึงเธอได้...ผมก็ขอให้เธอได้รับรู้มัน

"ธีร์รักอานะครับ แต่ธีร์ยังกลับไปไม่ได้...ธีร์ขอโทษนะครับอา"น้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมกับมือที่ยังจับเอาไว้แน่น...นั่นคือทั้งหมดของความฝันที่ผมจำได้...

.......................................................................






นิรมลสะดุ้งตื่นขึ้นมาในห้องนั่งเล่นห้องเดิม...เธอเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว มองไปรอบๆห้องที่ยังคงเงียบสนิทเช่นเคย หากแต่ภาพที่เธอได้เห็นเมื่อครู่ช่างเด่นชัด...มันคือความฝันหรือ...

หลานชายที่หายไปมาปรากฎตรงหน้าแล้วกราบลงแทบตักพลางเอ่ยคำขอโทษไม่หยุดปาก...เธอยังรู้สึกถึงไออุ่นจากมือของหลานชายที่ประคองมือเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย...และเธอก็ยังเห็น...ภาพหลานชายของเธออยู่ในสถานที่หนึ่งที่เธอไม่คุ้นตาแม้แต่น้อย...เรือนไม้โบราณทรงฝรั่งริมแม่น้ำ...กับใครอีกคนที่เธอคุ้นตาหากแต่เธอกลับนึกไม่ออก...แม้สถานที่นั้นแปลกตาแต่สีหน้าของหลานชายเธอช่างมีความสุข...เธอได้เห็นธีร์ยิ้ม...ยิ้มที่มาจากข้างในอย่างที่เธอไม่เคยได้เห็นอีกเลยนับตั้งแต่พ่อกับแม่ของเขาเสียไป...

"ธีร์...ธีร์สบายดีใช่ไหมลูก"แม้ในใจเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและกังวล หากแต่สิ่งที่เห็นก็ช่วยปลอบประโลมเธอได้ไม่น้อย...แม้ในใจลึกๆเธอยังคงหวัง...หวังว่าวันหนึ่งหลานชายของเธอจะกลับมา...


...


เค้ามีอะไรจะสารภาพ...ว่าตอนนี้หมดสต๊อกแล้วจ้าาาาา :mew5: :mew5: :mew5:
ตอนต่อไปรอเค้าหน่อยนะ กำลังเร่งปั่นอยู่ค่ะ  :katai4:

ฝากตอนนี้ด้วยนะคะ หวังว่าจะไม่งงและเข้าใจมากขึ้น กราบบบบ :call: :call: :call:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2014 23:09:38 โดย Vivid_Vuitton »

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
เห็นคำว่าหมดสต๊อกแล้วแทบเซ
เพราะติดเรื่องนี้ค่า5555555555

คิดตามธีร์ก็ปวดหัว ปล่อยให้เป็นไปตามอนาคตดีกว่า
น่าจะผลัดไปมาหาสู่กันนะคะ
นี่พี่แก้วยังไม่ได้นั่งรถไฟฟ้าเลยนะ อิอิ

สงสารอานิด คงเป็นห่วงหลานน่าดู
อย่างไงก็อยากให้ธีร์บอกอา สามหัวดีกว่าสองหัวนะ
แชมป์ช่วยได้ไม่ทุกเรื่อง รายนี้ยังจะมีคุณพิกุล55555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ knightprince

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ตอนหน้าคงต้องรออีกสักพักสินะคะ เรื่องราวมันจะซับซ้อนเกินไปแล้วว
โต๊ะอีกตัวจะอยุ่ที่ไหนในปัจจุบันละเนี่ย  มีปมเพิ่มขึ้นมาอีกแล้วอะ
เดาไม่ถูกละ ชอบเรื่องนี้มากกกก ทั้งภาษาทั้งเนื้อเรื่อง  รอตอนหน้าจ้าา

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
บอกตามตรงงงกับปมแฮะ ~_~
มารอคนเขียนเฉลยปม

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ก่อนอื่นขอกรีดร้องก่อน อ่านตอนนี้ไปละก็กรี๊ดเล็กๆตอนที่หลวงแก้วบอกว่า "มองตอนตื่นก็ได้...เราไม่หวงหรอก"
มันแบบ อธิบายไม่ถูกอ่ะ แต่กรี๊ด แต่พออ่านถึง "ให้เราหลงตัวเองหน่อยเถิดพ่อ เราจะได้รู้ว่าไม่ได้คิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว"
นี่แบบร้องลั่นบ้านออกมาจริงๆเลย โอ๊ย หลวงแก้วคะ เลี่ยนมากอ่ะ แบบโอ๊ย หยอดตลอด คือนี่จะหลงหลวงแก้วแทนพ่อธีร์แล้ว
จะว่าไป เค้ามีพัฒนาการกันนะเออ "พี่แก้ว" นี่คือหลวงแก้วนี่รุกเร็วมากนะคะ

เรื่องโต๊ะ คิดตามพ่อธีร์ก็แอบงงอยู่ว่า แล้วทำไมถึงมาโผล่ที่เรือนเจ้าคุณจิตรา หรือจะอย่างที่คุณiiam ว่า
.หรือเจ้าคุณจิตราจักเป็นต้นตระกูลของพ่อธีร์
คือมีน้ำหนักมากกว่า หนึ่งคือเจ้าคุณจิตราเป็นต้นตระกูลพ่อธีร์ สองคือแชมป์ผูกพันกับคุณพิกุล
เลยว้าบมาลงเรือนนี้ก่อน อย่างนี้หลังๆนี่จะผลัดกันว้าบไปมารึเปล่า แบบแยกกันเดี่ยวๆตามโต๊ะไปเลย

ทีนี้เรื่องที่ทับกระดาษ คือมาได้ตอนที่ทับกระดาษมีแสง มันก็ต้องเป็นที่ทับกระดาษที่เรื่องเจ้าคุณจิตราสิ
แต่อันยุคปัจจุบันมันมีสลักชื่อไว้ น่าจะเป็นที่ห้องหลวงแก้วมากกว่า แบบตอนพ่อธีร์หายไปนาน หรือหายไปเลย
หลวงแก้วอาจจะเก็บตัว ละคิดถึง คืออาจต้องเคยเห็นพ่อธีร์ว้าบผ่านที่ทับกระดาษนี่ ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเชื่อมโยง
ก็เลยสลักชื่อลงไปด้วยความอัดอั้นตันใจ คิดถึง คนึงหา แบบสลักไปเรียกให้กลับมาไปด้วยอะไรอย่างนี้

ว่าแล้วก็เครียดต่อ แทบจะเมนท์ทุกตอนว่าขอจบแฮปปี้ ตอนนี้ก็เช่นกัน
นอยด์ต่อเนื่อง ยิ่งอบอุ่น ยิ่งหวาน ยิ่งรักกัน ยิ่งนอยด์

รออ่านต่อนะคะ หมดสต๊อกแล้วต้องรอนานใช่มั้ยเนี่ย เง้อ


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เฝ้าลุ้นเฝ้ารอต่อไป

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
คนสมัยก่อนนี่ก็ปากหวานเหมือนกันนะ

ออฟไลน์ uchikas

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เราชอบคุณหลวง
คนอะไรหวานปากหวานเกิน เขินแทนพ่อธีร์
แต่มาสะดุดตรงช่วงท้ายที่คนเขียนบอกหมดสต็อค
ฮาา ถึงกับเงิบ
เป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ๆ  :katai4:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
"..พ่อธีร์ของพี่.."


โอย..... :m3:

ออฟไลน์ ►MoNkEy-PrInCe◄

  • อินเตอร์ไลน์
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 728
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
พี่แก้วทำคนอ่านเขินนะรู้ยัง?
ไม่คิดว่าพี่มันจะเลี่ยนนี่บอกเลย
คนอะไรมุ้งมิ้งก็เป็น แย๊กกกก!!!
 :pig4:

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หลวงแก้ว เค้าเขินตัวจะแตกแล้วพ่อ  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
นานแค่ไหนก็จะรอ พีเรียดย้อนยุค ชอบมาก

ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ชอบฟีลเรื่องนี้จังเลยค่า เนิบๆเรื่อยๆ แต่เดาไม่ถูก
สู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โห มีปมมาให้คิดเพิ่มอ่ะ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ๊ะ

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
ตอนที่ ๑๘...เวลาที่หมุนวนและการค้นพบความจริง...



สิ่งที่ค้างอยู่ในใจของผมตอนนี้มันมีมากเหลือเกิน...ไม่ว่าจะเป็นอดีตที่ผมกำลังใช้ชีวิตอยู่ตอนนี้ หรือ อนาคตที่ควรจะเป็นโลกของผม...ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลายครั้งที่ผมคิดถึงโลกปัจจุบัน...และคนที่ผมเป็นห่วงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น...อานิด...


ตั้งแต่เสียพ่อกับแม่...อานิดก็เป็นคนเดียวที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ผมกลับมายิ้มได้เหมือนเดิม...ไม่ใช่ว่าผมไม่รักอา...ผมเองก็รักเธอไม่น้อยไปกว่าใคร...แต่ทุกครั้งราวกับมีช่องว่างข้างในที่แม้แต่อานิดหรือใครๆในโลกนั้นก็ไม่สามารถเติมเต็มได้...ช่องว่างที่มีแต่ตัวผม ยืนอยู่เพียงลำพัง...ไม่ใช่ว่าอานิดรักผมไม่มากพอ...ตรงกันข้าม อานิดรักผมมากจนผมรู้สึกผิดต่างหาก...ผิดที่ทำให้อาเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า...ตั้งแต่ที่หนีออกจากบ้านคราวนั้น...ตอนที่ผมดื้อดึงจะไปอยู่หอ...และในครั้งนี้ก็เช่นกัน...ผมรู้ว่าอานิดเสียใจที่ผมหายไป...ผมรู้ว่าอาร้องไห้เพราะผมฝันเห็นอาบ่อยครั้ง...โดยเพาะช่วงนี้...ผมมักฝันเห็นอานิดนั่งอยู่ในห้องทำงานอาต้น ฟุบหน้าลงกับโต๊ะไม้สักตัวนั้น...โดยที่อาเองไม่รู้เลยว่าผมไปอยู่ที่ไหน...และทุกครั้งในฝันนั้น สิ่งเดียวที่ผมทำได้...คือคำว่าขอโทษ...



"คิดอะไรอยู่รึพ่อ"เสียงนุ่มปลุกผมจากภวังค์...มือใหญ่ที่ลูบผมเพียงแผ่วเบายังคงอ่อนโยนไม่เปลี่ยน...เป็นอีกครั้งที่ผมมาอยู่ที่ห้องนี้เพราะมัวแต่ทำงานที่ค้างอยู่จนดึกดื่น...แต่เจ้าของห้องเองก็ดูจะพอใจไม่น้อยที่สามารถถ่วงเวลาไม่ให้ผมกลับเรือนจนได้...บนเตียงสี่เสาที่คุ้นตา...เจ้าของนั่งเอนหลังพิงหัวเตียงอ่านหนังสือเล่มหนาโดยมีผมนั่งพิงไหล่อยู่ข้างๆ

"เปล่าครับ"ผมโกหก...ยิ่งผมฝันเห็นอาบ่อยเท่าไหร่ ความกังวลของผมมันก็ยิ่งมีมากขึ้นจนแม้แต่อีกคนหนึ่งก็สังเกตได้...ผมซุกหน้าลงกับอกกว้างของอีกฝ่ายราวกับกำลังหาที่พึ่งพิง...เขาเองก็สัมผัสได้จึงปิดหนังสือเล่มหนาแล้ววางมันไว้ที่หัวเตียง

"ช่วงนี้พ่อดูมิค่อยสบายใจนัก มีอะไรบอกเราได้หรือไม่"สัมผัสของมือที่ระเรื่อยไปบนเส้นผมมันทำให้ผ่อนคลายนัก...ถ้าหากหยุดเวลาไว้เสียตรงนี้ได้คงจะดีไม่น้อย


ผมได้แต่ถอนหายใจยาว...อยากบอกคนตรงหน้าถึงความอึดอัดที่มันค้างคาอยู่ข้างใน...แต่พูดไปเขาจะเชื่อผมหรือ...สิ่งที่แม้แต่ตัวผมเองยังไม่อยากจะเชื่อหากไม่ได้มาเจอกับตัว แล้วถ้าพูดไปใครเขาจะเข้าใจกัน

"พ่อธีร์"น้ำเสียงอ่อนโยนไม่เคยเปลี่ยน...ทั้งที่เพิ่งพบกันเพียงไม่นาน แต่กลับผูกพันมากกว่าใคร...ช่องว่างที่เคยมีกลับถูกเติมจนเต็มเพียงเพราะได้อยู่ใกล้ๆ...แต่จะทำอย่างไรล่ะ...ในเมื่อผมไม่ใช่คนของที่นี่...วันหนึ่งเมื่อมันถึงเวลา ผมก็ต้องกลับไป

"ผมอยากอยู่ที่นี่ไปนานๆ"เพียงคำตอบเดียวที่เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากอีกฝ่าย

"แล้วกัน เรามิได้ไล่พ่อไปที่ไหนเสียหน่อย"มือใหญ่เลื่อนลงมาเชยคางให้เงยขึ้นสบกับดวงตาคมวาววับทว่าอ่อนโยน

"เราเองก็อยากอยู่กับพ่อให้นานกว่านี้ หากพ่อมิเบื่อหน้าเราเสียก่อน"รอยยิ้มปรายบนใบหน้าคมนั้นยิ่งทำให้ผมคิดหนัก...ผมอยากอยู่ที่นี่...อยากอยู่กับคนๆนี้...แม้ว่าต่อไปมันจะลงเอยเช่นไรก็ตาม


ผมเอื้อมมือออกไปหยิบกระดาษแผ่นเดิมที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง...กระดาษที่เรียงร้อยตัวอักษรและความในใจของคนตัวสูงที่ผมได้อ่านกี่ครั้งก็ไม่มีวันเบื่อ...ผมเก็บมันติดตัวไว้ตลอดเวลาและชอบหยิบมันขึ้นมาอ่านเวลาว่าง

"อ่านทุกวันมิเบื่อรึ"ได้เพียงส่ายหน้าตอบเบาๆ พลางไล่สายตาไปตามตัวอักษรที่ร้อยเรียงครั้งแล้วครั้งเล่า...รอยยิ้มบางปรากฎบนใบหน้า...ถ้อยคำอ่อนหวานเหล่านี้...มันเป็นของผมเพียงคนเดียว

"ไว้วันหลังจะแต่งให้ใหม่"ผมรู้ตัวดีว่ากำลังทำหน้าเหมือนเด็กที่อ้อนขอของเล่นชิ้นใหม่ไม่มีผิด เพราะอีกฝ่ายเพียงแค่หัวเราะออกมาเบาๆ

"แต่งให้วันละบทเลยได้มั้ยครับ"สำหรับคนเจ้าบทเจ้ากลอนอย่างหลวงพิสิษฐคงจะไม่ใช่เรื่องยาก

"เห็นทีจะมิเป็นอันทำงานทำการกันเสียล่ะ หากต้องแต่งให้พ่อทุกวัน"

"แต่ผมอยากอ่าน"นานๆทีจะอ้อนเสียบ้าง ได้แต่ทำหน้ามุ่ยแกล้งคนตัวสูง...อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มรับแล้วลุกจากเตียงไปยังโต๊ะไม้สักตรงมุมห้อง...หยิบกระดาษและปากกาขนนกขึ้นมาพลางทำสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง...ผมเพียงยิ้มบางๆกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าก่อนจะลุกตามไป...มือใหญ่จรดปากกาขนนกลงบนกระดาษร้อยเรียงเป็นบทกลอนบทใหม่อย่างไหลลื่น ราวกับสิ่งที่เขียนมันออกมาจากข้างใน





'ห้วงนทีไหลวนมาอีกครา
เหมือนได้พาใจน้องคืนสู่อกพี่
ยินเสียงหวานแลไออุ่นของนที
รักเจ้านี้เติมเต็มพี่หมดดวงใจ'





ถ้อยคำเรียงร้อยสละสลวยทำเอาผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว...คนตัวสูงละมือจากแผ่นกระดาษก่อนจะหันมายิ้มให้ หากแต่ผมเอื้อมมือไปซ้อนกับมือใหญ่ที่จับปากกาขนนกเอาไว้เสียก่อน

"ชื่อผม...เขียนแบบนี้ต่างหาก"ว่าพลางจรดปลายปากกาในมืออีกฝ่ายแล้วค่อยๆบรรจงเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษแผ่นเดิม


"...ชลนธีร์..."



"ชื่อเพราะ แปลว่าอะไรรึพ่อ"

"ความหมายเดียวกัน แต่พิเศษกว่าครับ"แว่วเสียงคนตัวสูงหัวเราะเบาๆ

"พิเศษเพราะเป็นสายนทีของพี่แก้วคนเดียวหรือเปล่า"สายตาคมจดจ้องใบหน้าที่ร้อนวูบของผม...รอยยิ้มปรายที่ผมยังอยากเห็นไปอีกนาน

"แล้วคุณหลวงคิดว่ายังไงล่ะครับ"สบตาคมนิ่งเนิ่นนาน ก่อนที่มือใหญ่จะเอื้อมมาโน้มคอลงมาเพียงแผ่วเบาโดยที่ผมไม่ขัดขึ้นแม้แต่น้อย...ริมฝีปากอุ่นแตะสัมผัสกันอย่างนุ่มนวลทว่าหอมหวาน...ลมหายใจอุ่นระเรี่ยอยู่ตรงหน้า...หวานเสียจนไม่อยากละไปแม้แต่วินาทีเดียว


"พิเศษอย่างที่พ่อว่า"ยกยิ้มมุมปาก มือก็ยังคลอเคลียอยู่ข้างแก้มไม่ห่าง...หากผมสามารถเดินทางข้ามเวลาได้...ผมจะขอหยุดเวลาไว้ตรงนี้บ้างได้หรือไม่...
.

.

.
อ้อมกอดอุ่นของคนตัวสูงราวกับยานอนหลับชั้นดีที่ช่วยกล่อมให้ผมหลับสนิทยิ่งกว่าคืนไหนๆ...หากแต่เสียงกังวานกรีดร้องในหัวดังกึกก้องจนผมต้องสะดุ้งตื่น...เสียง...ที่ผมไม่ได้ยินมาเสียนาน...เสียง...ที่ผมไม่เคยลืม...ดั่งแก้วใสกรีดร้องกังวานก้องจนผมต้องลืมตาโพลง...คนตัวสูงหลับไปแล้วแว่วเพียงเสียงลมหายใจราบเรียบสม่ำเสมอ...หากแต่แสงเรืองรองบนโต๊ะนั้นกลับดึงสติผมให้กลับมา...


สิ่งที่ผมเคยคิดไว้มันเป็นจริง...สองสิ่งที่เหมือนกันย่อมมีคุณสมบัติที่เหมือนกัน...แสงเรืองรองบนนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก...โต๊ะไม้สักในห้องของหลวงพิสิษฐตัวนี้สามารถทำให้ผมเดินทางข้ามเวลาได้เช่นกัน...แต่ผมจะเลือกได้หรือไม่...เลือกที่จะไม่ก้าวออกไปแล้วอยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้า...เลือกที่จะมีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่...


หากแต่อีกใจผมรู้ดี...ว่าผมต้องกลับไป...เมื่ออะไรบางอย่างกำลังเรียกร้อง...ผมคงไม่อาจฝืนมันได้ เช่นเดียวกับในครั้งแรกที่ผมมาที่นี่...ผมก็ฝืนมันไม่ได้เช่นกัน...


ขาที่ก้าวออกไปอย่างเงียบเชียบด้วยเกรงว่าเจ้าของห้องจะตื่นเสียก่อน...แสงเรืองรองตรงหน้าเปล่งประกายนวลเช่นเคย...ถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับไป...มือที่สั่นยื่นออกไปหยิบมันขึ้นค่อยๆประคองเอาไว้ด้วยสองมือก่อนจะหลับตานิ่ง...ผมขอโทษครับคุณหลวง...แล้วผมจะรีบกลับมา


"พ่อธีร์"ภาพสุดท้ายที่ผมได้เห็นคือคนตัวสูงที่เบิกตากว้างอยู่บนเตียง ราวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงความฝัน...หากแต่ผมไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว...เพียงวูบเดียวที่ภาพตรงหน้านั้นถูกแทนด้วยแสงสว่างจ้าจนแม้แต่ผมเองยังต้องหลับตา...และผมรู้ว่าเมื่อผมลืมตาอีกครั้งผมจะไปอยู่ที่ไหน...




...ห้องทำงานของอาต้น...




"เชี่ยธีร์!"หากแต่ไม่ได้มีผมเพียงคนเดียว...น้ำหนักสิ่งของในมือกับฝ่ามือของอีกคนที่รองอยู่ทำให้ผมต้องลืมตามอง...ไอ้แชมป์!

"มึงมาได้ไง!"ผมถามมันที่มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน

"กูได้ยินเสียง...เสียงแบบที่มึงเคยบอกกู"ไอ้แชมป์ระล่ำระลักเล่าแบบไม่เป็นศัพท์นัก

"เสียงแม่งดังมากอ่ะ ดังจนกูปวดหัว กูเลยต้องเดินไปห้องทำงานเจ้าคุณ"แม้จะเหลือเชื่อแต่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก หากของสองสิ่งจะส่งเสียงเรียกในเวลาเดียวกัน

"แล้วมึงอ่ะ อย่าบอกนะว่าโต๊ะในห้องหลวงพิสิษฐ"ผมพยักหน้า...ภาพสุดท้ายที่เห็นก่อนกลับมายังเด่นชัด...เขาจะรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น

"เชี่ย กูว่ามันชักจะไปกันใหญ่ละ"มันยกมือขึ้นขยี้หัวเกรียนๆของตัวเองอย่างหงุดหงิด...ผมเองก็หงุดหงิดไม่แพ้กัน...แต่ในเมื่อกลับมาแล้ว...สิ่งที่ทำได้ คือการค้นหาความจริง

"กูลงไปหาอานิดก่อน"สิ่งแรกที่นึกถึงคือคนที่รออยู่ ผมรีบสาวเท้ายาวลงบันไดตรงไปยังห้องนั่งเล่น...หากแต่มันว่างเปล่า...มองนาฬิกาที่บอกเวลาตีสองกว่า อานิดคงขึ้นห้องนอนไปแล้ว...ใจหนึ่งผมก็อยากจะไปปลุกแก แต่อีกใจกลับคิดว่ารอให้ถึงเช้าก่อนคงจะดีกว่านี้

"มึงเอาไง จะนอนนี่หรือกลับบ้านเลย"ผมหันไปถามไอ้ตัวดีที่เดินตามหลังมาติดๆ สีหน้ามันไม่สู้ดีนัก

"ตีสองแล้ว กลับไปตอนนี้กูว่ายาว นอนนี่ก่อนแล้วพรุ่งนี้เช้ากูค่อยกลับ"ผมพยักหน้ารับ...ก่อนจะเดินกลับขึ้นมาบนห้อง...นี่เป็นครั้งที่สี่ที่ผมเดินทางข้ามเวลา...มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับผมอีกต่อไป...แต่สำหรับคนอื่น แน่นอนว่าพวกผมต้องมีคำอธิบายยืดยาวไว้รอ พร้อมกับคำถามมากมายที่ผมจะต้องเจอในวันพรุ่งนี้...


ภาพของหลวงพิสิษฐในตอนนั้นยังคงติดตา...ราวกับเรื่องตลกที่เมื่อตอนหัวค่ำผมยังได้ใช้เวลาอยู่กับคนตัวสูง ทั้งรอยยิ้มปรายและบทกลอนนั้นผมยังจำมันได้ดี...หากแต่ตอนนี้ผมกลับมาลงเอยอยู่ที่เตียงนอนในห้องของตัวเองในปี พ.ศ.๒๕๕๗...เขาจะเข้าใจหรือไม่ว่าสิ่งที่ได้เห็นคืออะไร...แล้วผมจะมีโอกาสได้กลับไปอธิบายอะไรให้เขาเข้าใจอีกไหม...แต่ผมก็ยังภาวนา...ขอให้ผมได้มีโอกาสกลับไป อีกครั้งก็ยังดี...
.

.

.
"ธีร์!!"เสียงอานิดแผดลั่นห้องเมื่อเห็นผมเดินลงมาจากชั้นบน...เธอรีบถลาจากโต๊ะกินข้าวเข้ามากอดผมเอาไว้แน่น

"ธีร์ กลับมาแล้วเหรอลูก ธีร์ไปไหนมา ธีร์บอกอาสิ!"เหมือนที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด คนตรงหน้าผมเป็นห่วงจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ ผมสังเกตได้จากใบหน้าที่อิดโรยและตัวที่บางลงอย่างเห็นได้ชัด

"อานิด ธีร์ขอโทษครับ"สิ่งที่ทำได้ เพียงแค่ยกมือกราบขอโทษแทบอก อานิดยังคงกอดผมเอาไว้แน่นก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองที่รื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

"ธีร์บอกอามาเดี๋ยวนี้ว่าธีร์หายไปไหนมา"เสียงของอานิดสั่นเครือทว่าดุดันไม่เหมือนเคย...อานิดที่เคยใจดีและตามใจผมทุกอย่างเพราะกลัวผมจะทำอะไรบ้าๆอีก แต่คราวนี้เธอกลับใช้น้ำเสียงดุดันกับผม...โดยที่ผมเองก็ไม่คิดจะเถียงแม้แต่น้อย

"แชมป์ด้วย ป๊ากับม๊าเราเป็นห่วงแค่ไหนรู้มั้ย"หันไปหาไอ้ตัวดีที่หลบอยู่ด้านหลัง...เมื่อเช้าตอนตื่นมันโทรไปที่บ้านเรียบร้อยแถมโดนบ่นจนหูชาทั้งๆที่มันพยายามอธิบายทุกอย่าง

"ผมโทรไปบอกแล้วครับ เดี๋ยวผมกลับก่อนนะครับอานิด สวัสดีครับ"มันรีบยกมือไหว้ก่อนจะเดินออกจากบ้าน ส่วนอานิดเองก็ยังไม่ปล่อยผมเช่นกัน

"ธีร์...ธีร์กับอาคงต้องคุยกันยาวล่ะคราวนี้"น้ำเสียงของอานิดแข็งกระด้างไม่เหมือนเคย เธอเดินนำผมไปที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟายาว

"บอกอามาทั้งหมดนะธีร์ รู้มั้ยว่าทำให้คนรอบข้างเป็นห่วงแค่ไหน เพื่อนธีร์ก็โทรมา แล้วยังขาดสอบอีก อาต้องไปคุยกับอาจารย์เค้าให้ นี่เค้าจะให้ธีร์ดรอปนะ รู้ตัวบ้างมั้ยว่าทำตัวเหลวไหลใหญ่แล้ว"ผมไม่แปลกใจเลยกับสิ่งที่อานิดพูดมาทั้งหมด...การที่ผมหายตัวไปเกือบเดือนย่อมสร้างความปั่นป่วนให้โลกปัจจุบันเป็นอย่างมาก...ผมยังเป็นนักศึกษา มีหน้าที่ต้องเรียนต้องสอบ การหายตัวไปเป็นเดือนย่อมส่งผลต่อการเรียนเป็นอย่างมาก

"อานิด ธีร์ขอโทษ"

"อาไม่ได้มานั่งตรงนี้เพื่อฟังคำขอโทษของธีร์ อาอยากได้คำอธิบาย"สิ่งที่อานิดต้องการ ผมจะพูดมันออกมาอย่างไร...ต่อให้พูดไปอาก็คงไม่เชื่อ

"อานิดครับ...ธีร์รู้ว่ามันตลก...แต่ที่ที่ธีร์ไป เป็นที่ที่ไม่มีใครเคยได้ไปมาก่อน"อานิดขมวดคิ้วแน่น ผมพยายามอธิบายให้อาฟังในสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด

"แม้แต่ธีร์เอง ธีร์ก็อธิบายให้อาฟังไม่ได้ว่าธีร์ไปที่นั่นได้ยังไง แล้วธีร์จะกลับมาได้ตอนไหน มันเป็นแค่จังหวะที่ถูกกำหนดไว้"พูดไปก็แทบจะทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด

"ธีร์ อาไม่เข้าใจหรอกนะ"

"ธีร์รู้ว่าอาไม่เข้าใจ แต่ธีร์ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาเป็นว่าที่ที่ธีร์ไป ธีร์อยู่สุขสบายดี ธีร์ไม่อยากให้อานิดเป็นห่วงธีร์นะครับ"

"ธีร์จะห้ามอาไม่ให้เป็นห่วงไม่ได้หรอกนะ หลานอาหายไปเกือบเดือน นี่รู้มั้ยว่าอาต้องไปแจ้งความเพราะไม่รู้ว่าจะไปหาธีร์ที่ไหน แล้วพอธีร์กลับมา ธีร์ก็บอกอาไม่ได้อีกว่าธีร์หายไปไหนมา นี่ธีร์เป็นอะไรกันแน่"น้ำเสียงของอานิดดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

"อาถามธีร์คำเดียว ที่ธีร์หายไปมันเกี่ยวกับโต๊ะในห้องอาต้นใช่มั้ย"คำถามที่ผมได้แต่หันไปมองอีกฝ่าย...ผมไม่รู้ว่าอานิดรู้ได้อย่างไร และรู้อะไรมาบ้าง แต่สิ่งที่อาถามมันทำให้ผมตกใจ

"ทำไมอานิดถามแบบนั้น"

"อาไม่รู้ถึงได้ถาม อาเห็นธีร์แปลกไปตั้งแต่เห็นโต๊ะนั่น มันเกี่ยวกันใช่มั้ย"ผมได้แต่เงียบกับคำถาม

"ใช่มั้ยธีร์"หากแต่น้ำเสียงของอานิดที่ดังกว่าเดิมคล้ายกับการคาดคั้นในสิ่งที่เธออยากรู้

"มันเกี่ยวกับโต๊ะตัวนั้น แต่ธีร์บอกไม่ได้ว่ามันเกี่ยวกันยังไง อานิดอย่าถามธีร์เลยครับ"ผมตอบได้เพียงเท่านี้...ถึงแม้ใจจริงผมอยากจะบอกความจริงทั้งหมด แต่ผมก็เลือกที่จะเก็บมันไว้ เพราะมันคงไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะเล่าให้ใครฟัง เรื่องแบบนี้หากไม่เจอกับตัวก็คงไม่เข้าใจ

"ธีร์! นี่ธีร์เป็นอะไร ธีร์หายไปเป็นเดือนแต่ธีร์ไม่ยอมบอกอาว่าธีร์ไปไหน ธีร์ไม่รู้เหรอว่าคนอื่นเค้าเป็นห่วง"หยาดน้ำตาใสรื้นขึ้นบนดวงตาของอานิดอีกครั้ง หากแต่คราวนี้มันคงเป็นเพราะความโกรธ

"อานิด ธีร์ขอโทษ ธีร์ไม่รู้จะอธิบายยังไง ธีร์ขอโทษที่ทำให้อาเป็นห่วง"ผมได้แต่ยกมือกราบแทบตักของอีกฝ่าย...ยิ่งเห็นอานิดโกรธ ยิ่งเห็นอาเสียใจ...ผมก็ยิ่งรู้ว่า...ที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม...ผมอาจจะดื้อดึงเข้าข้างตัวเอง...แต่ที่นี่ไม่สามารถเติมเต็มชีวิตผมได้เลย...ถึงแม้ผมจะไม่หายตัวไปจนทำให้อานิดเป็นห่วง แต่ผมก็ต้องหาทางบ่ายเบี่ยงไม่อยู่ที่บ้านนี้อยู่ดี...เพราะในใจผมตอนนั้นเอาแต่นับเวลาถอยหลังจนถึงวันที่ผมจะเรียนจบและได้ย้ายกลับไปอยู่บ้านเดิมของพ่อกับแม่...กลับไปใช้ชีวิตอย่างที่ผมเคยเป็น...ชีวิตที่มีแต่ตัวผมคนเดียว



"อาครับ ธีร์จะไปดรอป"คำพูดที่ทำให้อานิดเงียบไปทันที...ผมคงไม่มีอารมณ์จะไปเรียนถ้ายังคงมีแต่เรื่องให้คิดอยู่แบบนี้

"ถ้าธีร์ตัดสินใจแล้ว..."

"ธีร์ตัดสินใจแล้วครับอา เอาไว้ธีร์ค่อยกลับไปเรียนใหม่ปีหน้า ตอนนี้ธีร์ไม่พร้อม"ผมอยากให้อานิดรู้ ว่าสภาพจิตใจของผมในตอนนี้ก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน...มันไม่ง่ายเลยกับการที่คนๆหนึ่งจะผูกพันกับโลกถึงสองโลกที่มีคำว่ากาลเวลาเป็นตัวกั้นกลาง...กาลเวลานับร้อยปีหากแต่ยิ่งทำให้ผมผูกพันกับคนในอดีตได้มากเสียจนผมเคยคิดว่าอยากอยู่ที่นั่นไปตลอดและไม่กลับมายังโลกปัจจุบันของผมอีก...แต่ในความเป็นจริง ผมไม่ใช่คนที่จะบังคับกลไกทั้งหมดนี้...มันขึ้นอยู่กับอะไรบางอย่างที่แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้ได้...จนถึงตอนนี้...ผมยังไม่รู้อีกเช่นกันว่าผมจะได้กลับไปที่นั่นอีกไหม

"อารู้ว่าธีร์เองก็ไม่สบายใจ เอาเป็นว่าไปพักผ่อนให้เต็มที่ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกับอานะ"มือที่ตบบ่าผมเพียงเบาๆราวกับจะปลอบโยนหากแต่ผมไม่รู้สึกว่ามันช่วยอะไรได้แม้แต่น้อย



"อาครับ...ถ้าวันนึงธีร์หายไปอีก...อาไม่ต้องตามหาธีร์นะ"พูดเพียงแค่นั้นก่อนจะลุกเดินออกจากห้องนั่งเล่นทิ้งให้อีกฝ่ายนั่งเงียบกับสิ่งที่ได้ยิน...จะหาว่าผมใจร้ายก็ยอม...แต่ยังดีกว่าให้อามานั่งเป็นกังวลทุกครั้งที่ผมหายไป...นั่นมันยิ่งแย่กว่า


ผมเดินกลับขึ้นห้อง...สิ่งแรกที่ทำคือโทรหาไอ้แชมป์...ผมรู้ว่ามันเองก็คงโดนไม่น้อยไปกว่าผม โดยเฉพาะป๊ากับม๊ามันด้วยแล้ว...

-หูกูแทบชา นั่งฟังป๊ากับม๊าบ่นเกือบชั่วโมงอ่ะ-เสียงมันตอบกลับในโทรศัพท์ฟังดูก็รู้ว่าหงุดหงิดไม่แพ้กัน

"แล้วมึงบอกเค้าว่าไร"

-มึงเชื่อปะ กูบอกความจริง-

"เชี่ย แล้วเค้าเชื่อมึงมั้ย"

-เชื่่อกับผี แถมด่ากูอีกยาว หาว่ากูหนีเที่ยวแล้วยังกุเรื่องบ้าบอ- นี่เป็นสาเหตุที่ผมไม่ยอมบอกความจริงกับอานิด...เพราะสิ่งที่พวกผมเจอ มันเรียกได้ว่าเหนือธรรมชาติอย่างแท้จริง

-นี่จะกักบริเวณกูอีกนะ แต่กูขอไว้ กูก็เข้าใจนะเว้ยว่าหายไปเป็นเดือน แต่กูแทบจะกราบตีนเค้าแล้วอ่ะ กูบอกไปไม่รู้กี่รอบเค้าก็ไม่เชื่อแถมยังด่ากูอีก-

"ใครเค้าจะไปเชื่อมึง แล้วนี่เป็นไง หายเครียดยัง"ผมรู้ดีว่ามันเครียด แล้วก็รู้ด้วยว่ามันเครียดเรื่องอะไร

-ก็ดีขึ้น กูก็คิดถึงป๊ากับม๊านะ แต่กูคิดถึงอีกคนมากกว่า หึหึ-

"ไม่เห็นหน้าซักสามสี่วันไม่ตายหรอกครับมึง"ผมพยายามแค่นเสียงตอบให้เป็นปกติ แว่วเสียงมันหัวเราะมาตามสาย

-ปากดี มึงก็พอกันแหละวะกูว่า หึหึ-

"อย่ามาเหมารวมสัส"

-ถ้ามึงไม่ได้กลับไปอีกจะทำไงวะ-คำถามที่ผมไม่รู้จะตอบอย่างไร...เพราะผมไม่เคยคิดถึงข้อนี้มาก่อนเลย

"ต้องได้กลับดิวะ"

-ธีร์ กูตัดสินใจแล้วนะ-มันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ

-ถ้าได้กลับไปคราวนี้ กูจะไม่กลับมา กูอยากอยู่กับคุณพิกุล-คราวนี้เป็นทีผมเงียบบ้าง

-กูรักป๊ากับม๊านะ แต่กูอยากอยู่ที่นั่น ถึงพ่อแม่เค้าจะไม่ยอมรับกูเพราะกูเป็นแค่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่ให้กูอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ได้เห็นเค้าทุกวันกูก็พอใจแล้วว่ะ-

"มึงบ้าปะแชมป์...ถ้าพ่อแม่เค้าไม่ยอมรับวันนึงเค้าก็ต้องแต่งงานย้ายไปอยู่บ้านอื่น มึงก็ไม่ได้เจอเค้าอยู่ดี"ถึงแม้ใจหนึ่งผมจะเห็นด้วยกับสิ่งที่มันพูด แต่ผมก็ยังอดเป็นห่วงมันไม่ได้

-อย่างน้อยได้อยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน ถ้ากูยังอยู่เรือนนั้นวันนึงเค้าก็ต้องกลับมาเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่เค้าบ้าง- ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนอย่างไอ้แชมป์จะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ ผมนับถือในหัวใจมันที่มีให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง คุณพิกุลเป็นผู้หญิงที่โชคดี และผมก็หวังว่าเรื่องของมันกับเธอจะลงเอยด้วยดีเช่นกัน แม้ผมจะมองไม่เห็นหนทางใดในตอนนี้

"มึงอย่าเพิ่งคิดอะไรตอนนี้เลย คิดไปก็ปวดหัว เดี๋ยวกูไปนอนละ เพิ่งคุยกับอานิดเมื่อกี้ เครียดเลยมึง"

-เออ อานิดเค้าก็เป็นห่วง มึงจะทำอะไรก็นึกถึงเค้าหน่อยละกัน- คำพูดที่ไอ้แชมป์คอยเตือนสติผมเสมอเรื่องอานิด เพราะมันรู้ดีว่าปกติผมทำอะไรไม่ค่อยคิดถึงใคร เพราะเอาแต่คิดว่าผมมันตัวคนเดียว

"กูรู้แล้ว แค่นี้นะมึง ไว้ตื่นแล้วกูจะไปหาที่บ้าน"ผมพูดจบก่อนจะกดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งลงบนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวตาม...คำพูดของแชมป์ยังวนเวียนอยู่ในหัว...ถ้ามันไม่กลับมา โลกนี้ของมันจะเป็นอย่างไร...ป๊ากับม๊ามันจะเสียใจแค่ไหน...แล้วยังเพื่อนๆอีก...ผมยังไม่อยากคิดสภาพว่าถ้าไอ้โจ๊กกับไอ้ต่อรู้ว่าผมกลับมาแล้วจะเป็นอย่างไร...ตอนนี้ผมแค่เหนื่อย...อยากหลับตาไปนานๆโดยไม่ต้องคิดอะไรอีกเลย...นอกจากภาพของคนเพียงคนเดียว...คนที่ทำให้ผมยังยิ้มได้แม้ทุกอย่างรอบข้างมันจะแย่ไปหมดก็ตาม...


"ผมคิดถึงคุณหลวงนะครับ"คำพูดเพียงแผ่วเบาที่เอ่ยกับสายลมก่อนจะหลับตาลง...เห็นภาพคนตัวสูงกำลังยืนยิ้มโปรยมาให้เช่นเคย...มือที่ไล้เรื่อยอยู่ข้างแก้ม...ริมฝีปากอุ่นที่แตะลงเพียงแผ่วเบาบนหน้าผาก...แว่วเสียงนุ่มคุ้นหูที่เคยได้ยินไม่รู้กี่ครั้ง



'คิดถึงเหลือเกินพ่อธีร์ของพี่'
.

.

.

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0

ผมตื่นขึ้นมาก็บ่ายกว่าเสียแล้ว สังเกตได้จากดวงอาทิตย์ที่สาดแสงจ้าอยู่ด้านนอกหน้าต่าง...เดี๋ยวนี้ผมแทบไม่ต้องพึ่งนาฬิกาเพราะแค่เห็นแสงตะวันผมก็พอจะเดาได้ว่านี่มันกี่โมงกี่ยามกัน...ผมเดินลงมาข้างล่างพลางคิดว่าควรจะออกไปหาไอ้แชมป์ดีไหม...แต่ก็ยังลังเลเพราะไม่รู้ว่าป๊ากับม๊ามันจะหัวเสียกับผมมากน้อยขนาดไหน เพราะการที่ลูกชายเขาทั้งคนหายไปโดยที่ผมมีส่วนเกี่ยวข้อง ย่อมทำให้ท่านไม่พอใจเป็นแน่

"คุณธีร์ตื่นแล้วเหรอคะ หิวมั้ย เดี๋ยวป้าทำอะไรให้ทาน"เป็นป้าเพ็ญที่เห็นผมก่อนและทักขึ้นแต่ผมเพียงแค่ส่ายหน้าตอบ...ตอนนี้ไม่อยากจะกินอะไรแม้แต่น้อยทั้งๆที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อคืนแต่กลับไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด

"อ้อ คุณนิดบอกว่าถ้าคุณธีร์ตื่นแล้วให้ไปหาแกที่ห้องนั่งเล่นด้วยนะคะ"ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง สภาพยังคงงัวเงีย...ปกติกว่าจะใช้เวลาตื่นเต็มสติก็เกือบชั่วโมงได้ แต่ตั้งแต่ที่ผมได้ไปอยู่ที่เรือนเจ้าคุณจิตรา ต้องช่วยเจ้าคุณไพศาลและหลวงพิสิษฐทำงาน ต้องตื่นแต่เช้าเกือบทุกวัน ทำเอาอาการพวกนี้ค่อยๆหายไปทีละนิด


"ตื่นแล้วเหรอลูก"เสียงอานิดทักขึ้นเมื่อผมเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นในสภาพหัวยุ่งไม่เป็นทรง หน้าก็ไม่ค่อยจะรับแขกนักเพราะยังไม่ตื่นดี แต่จะให้ฝืนนอนต่อไปก็คงไม่ไหว

"อานิดมีอะไรรึเปล่าครับ"ผมเดินมานั่งบนโซฟาตัวยาวข้างๆแกที่กำลังอ่านนิตยสารค้างอยู่...อานิดปิดหนังสือลงก่อนจะวางลงบนโต๊ะ สีหน้าบ่งบอกว่าอารมณ์เย็นลงมากแล้ว

"อาว่าจะชวนธีร์ออกไปข้างนอก ไม่มีเพื่อนไปซื้อของด้วยนานแล้ว"ผมรู้ว่าอานิดเพียงแค่อยากให้ผมอยู่ใกล้ๆ เพราะปกติเวลาแกจะออกไปไหนแกมักออกไปกับเพื่อนที่เป็นอาจารย์เสมอ เหตุเพราะผมไม่ค่อยยอมกลับบ้านมาหาแกบ่อยนัก แต่คราวนี้มันไม่เหมือนกันเพราะผมเพิ่งหายตัวไปเกือบเดือน แกคงอยากให้ผมอยู่ด้วยให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

"ธีร์ปวดหัว ยังไม่อยากออกไปไหน"คำแก้ตัวที่ฟังไม่ค่อยขึ้น แต่ผมก็ไม่มีอารมณ์จะออกไปไหนจริงๆอย่างที่ว่า

"งั้นเดี๋ยวอาให้เพ็ญเอายามาให้นะ ธีร์กินยาแล้วก็พักผ่อนซะ"แต่จะให้นอนต่อก็คงนอนไม่หลับเพราะเมื่อเช้าก็นอนไปเสียเต็มที่แล้ว

"เดี๋ยวอาจะออกไปข้างนอก แล้วว่าจะเลยไปหาคุณหญิงอรเสียหน่อย วันนี้ท่านทูตกิตติแกชวนทานอาหารเย็นด้วย"ผมรู้ว่าอากำลังจะออกไปข้างนอกเพราะตอนนี้แกแต่งตัวพร้อม แล้วยังกระเป๋าถือที่วางอยู่ข้างๆอีก หากแต่สิ่งที่วางอยู่ใต้กระเป๋านั้นกลับสะดุดตาผมไม่น้อย...ขอบของกรอบรูปที่ถูกกระเป๋าของอานิดวางทับไว้

"รูปใครเหรอครับ"ผมถามขึ้นพลางมองตามไปยังกรอบรูปนั้น มันดูเก่าเสียจนผมสงสัย...อานิดกำลังจะออกไปข้างนอกแต่กลับจะเอากรอบรูปเก่าๆนี่ไปด้วย

"อ๋อ อาจะเอาไปคืนคุณหญิงอรน่ะ"ว่าพลางหยิบกรอบรูปขึ้นมาดู หากแต่สายตาผมเหลือบเห็นภาพนั้นพอดี พร้อมกับมือที่ยื่นออกไปดึงมันมาจากมือของอีกฝ่ายจนอานิดมีสีหน้าตกใจ

"ของคุณหญิงอรเหรอครับอา...แล้วนี่..."และคนในรูปนั้นก็ทำให้ผมต้องเบิกตาโพลง...แทบจะปล่อยมือจากมันให้ร่วงลงพื้นเสีย...กรอบรูปที่เก่ามากแล้วและภาพถ่ายนั้นก็ยังเป็นขาวดำ มีร่องรอยของกาลเวลาปรากฎให้เห็น...หากแต่คนในภาพเป็นสองคนที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี...แต่มันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรล่ะ

"รูปเจ้าคุณต้นตระกูลท่านทูตกิตติน่ะ วันนั้นอาไปถามเรื่องโต๊ะที่อาต้นซื้อต่อแกมา คุณหญิงแกเลยให้ดูรูปนี้ อารู้สึกติดใจเลยขอยืมมา...มีอะไรเหรอธีร์"คำถามของอานิดเลือนหายไปพร้อมกับคำอธิบายที่มาของรูป...เจ้าคุณต้นตระกูล...

"ธีร์ เป็นอะไรน่ะ"สองมือของอานิดเขย่าตัวผมเบาๆให้พอรู้สึกตัว...ผมมองหน้าอาที่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย

"อานิด...โต๊ะตัวนั้นเป็นของเจ้าคุณต้นตระกูลของลุงกิตติเหรอครับ"ผมเรียกท่านทูตว่าลุงกิตติเพราะท่านเป็นเพื่อนสนิทของพ่อผม ตอนเด็กๆพ่อเคยพาผมไปพบท่านบ่อยๆรวมถึงคุณหญิงอรภรรยาของท่าน

"ใช่ อาไปถามคุณหญิงแกเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่แกไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอกเพราะท่านทูตไม่อยู่...ธีร์ถามทำไม"หากเจ้าของโต๊ะคือคนในรูปจริง...ผมก็ได้รู้ความจริงอย่างหนึ่งแล้วว่าโต๊ะในห้องทำงานของอาต้นเป็นของใคร


"เดี๋ยวธีร์มานะครับ"พูดจบก็รีบลุกพรวดหยิบกุญแจรถแล้วขับออกจากบ้านทันทีโดยที่ไม่รอให้คนถามรั้งไว้แม้แต่น้อย...ความคิดที่ล่องลอยพาลให้เท้าเหยียบคันเร่งหนักกว่าเดิม...โชคดีที่เป็นวันหยุดถนนค่อนข้างโล่ง เลยใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีที่จะพาตัวเองมาจนถึงหน้าบ้านไอ้แชมป์

"โก แชมป์ล่ะครับ"อาของแชมป์ที่ยืนอยู่หน้าบ้านมองผมด้วยสีหน้าสงสัยในสภาพของผมที่ยังอยู่ในชุดนอนกับหัวที่ยุ่งไม่เป็นทรง

"อยู่ข้างในกับป๊าม๊าอีน่ะ"ผมรีบเดินเข้าไปในบ้านที่ตกแต่งแบบจีนแท้ๆของมัน ตรงไปยังห้องนั่งเล่นที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะมาเล่นที่นี่ตั้งแต่เด็ก

"ป๊า ม๊า หวัดดีครับ"เข้าไปก็เห็นไอ้ตัวดีนั่งดูทีวีอยู่ข้างป๊ากับม๊ามันอย่างเงียบเชียบ ดูท่าทางยังไม่หายโกรธง่ายๆที่ลูกชายหายไปเกือบเดือน

"อ้าวอาธีร์ มาหาตี๋ใหญ่เหรอ นี่ยังหายไปด้วยกันไม่พออีกใช่มั้ย"ม๊าของแชมป์หันมาทักแกมแดกดันเมื่อเห็นผม...ผมเพียงยกมือไหว้ตามมารยาท ในขณะที่ป๊าไอ้แชมป์เพียงแค่ปรายตามองก่อนจะยกมือรับไหว้...ส่วนไอ้ตัวดีมันดูตกใจที่เห็นผมวิ่งกระหืดกระหอบมาถึงนี่

"ผมขอโทษครับป๊า ม๊า...แต่ผมขอยืมตัวมันแป๊บ"ไม่พูดเปล่าลากแขนมันเดินขึ้นห้องอีกต่างหาก



"อะไรของมึงเนี่ยยยยย"ลากมันขึ้นมาจนถึงห้องนอนก่อนที่เจ้าตัวจะสะบัดแขนออก สีหน้ามันสงสัยอย่างเห็นได้ชัด

"มึง...โต๊ะในห้องอาต้น เป็นของหลวงพิสิษฐ"คำตอบที่ทำเอามันอ้าปากค้าง คำพูดที่กำลังจะก่นด่าออกมาถูกกลืนหายไปหมด

"มึงว่าอะไรนะ"

"กูบอกว่าโต๊ะในห้องอาต้นเป็นของหลวงพิสิษฐ"ผมย้ำคำตอบเดิมชัดๆให้มันได้ยิน

"แล้วที่กูกับมึงไปโผล่ในห้องเจ้าคุณจิตราคืออะไรวะ"นั่นคือคำถามที่ผมต้องการคำตอบเช่นกัน...หากโต๊ะที่อยู่ในห้องอาต้นคือโต๊ะของหลวงพิสิษฐ แล้วโต๊ะที่อยู่ในห้องเจ้าคุณจิตราตอนนี้อยู่ที่ไหน? แล้วทำไมผมกับมันถึงได้ข้ามเวลาไปยังเรือนเจ้าคุณจิตรา ไม่ใช่ห้องของหลวงพิสิษฐ...


"กูยืมคอมมึงหน่อย"หันไปบอกเจ้าของห้องที่ยังยืนงงไม่ได้สติ แต่มันก็ยังเดินไปหยิบโน๊ตบุคมาให้แต่โดยดี...สมัยนี้อยากรู้อะไรมันช่างง่ายดายแค่ปลายนิ้วกด...ไม่เหมือนตอนอยู่พระนครที่ต้องขวนขวายเรียนรู้กันด้วยตัวเอง นึกๆไปก็อดขอบคุณบรรพบุรุษที่ช่วยกันคิดค้นเทคโนโลยีให้มันก้าวหน้าจนมาถึงทุกวันนี้เสียไม่ได้


...ผมเปิดโน๊ตบุคของแชมป์ และคำแรกที่ผมพิมพ์ลงไปในช่องค้นหาก็คือ...


...ประวัติพระยาจิตรานุวัตร รัชกาลที่๕...


เพียงปลายนิ้วกดค้นหา...ข้อมูลมากมายก็ปรากฎตรงหน้า...ผมเลือกเข้าไปดูหน้าเพจหนึ่งที่รวบรวมประวัติของบุคคลสำคัญในสมัยนั้น โดยมีไอ้แชมป์นั่งประกบอยู่ไม่ห่าง...ดูมันเองก็อยากรู้ความจริงไม่น้อยไปกว่าผม

"นี่ไงมึง"มันชี้นิ้วไปที่จอเมื่อเห็นชื่อที่ผมกำลังค้นหาปรากฎอยู่ตรงหน้า...ผมกดเข้าไปดูประวัติ...ในหน้านั้นมีรูปถ่ายของเจ้าคุณที่ผมคุ้นหน้าเป็นอย่างดี เป็นภาพขาวดำเพียงภาพเดียวขนาดไม่ใหญ่นัก...สีหน้าและท่าทางขึงขังเหมือนตัวจริงไม่ผิดเพี้ยนทว่าแววตากลับอ่อนโยน แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นคนมีเมตตาอย่างที่พวกผมรู้กัน

"พระยาจิตรานุวัตร เป็นข้าหลวงกรมการต่างประเทศคนสำคัญในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๕"เป็นไอ้แชมป์ที่ไล่อ่านประวัติของท่านเสียงดัง ส่วนผมเองได้แต่ไล่สายตาตามตัวอักษรนั้น

"ท่านเป็นหนึ่งในตัวแทนฝ่ายสยามในการตกลงร่างอนุสัญญาลับกับฝ่ายอังกฤษที่มีขึ้นในวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๐ และยังมีส่วนช่วยไม่ให้สยามสูญเสียดินแดนมากไปกว่าที่ควรจะเป็น"

"มีแต่ประวัติการทำงาน มีประวัติครอบครัวมั้ยวะ"มันบ่นขึ้นอย่างหงุดหงิดพร้อมกับที่ผมเลื่อนหน้าจอลงมาเรื่อยๆ...เจ้าคุณจิตราช่างทำประโยชน์เพื่อแผ่นดินไว้มากเสียจริง เห็นได้จากประวัติการทำงานของท่านที่ยาวเหยียด ดูก็รู้ว่าท่านเสียสละเวลาเพื่อทำงานให้ชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง

"นี่ไง ประวัติส่วนตัวและครอบครัว"นิ้วของผมเลื่อนหน้าจอลงมาหยุดอยู่ในหมวดประวัติส่วนตัวพร้อมกับเสียงไอ้แชมป์ที่ดังขึ้น

"พระยาจิตรานุวัตรสมรสกับคุณหญิงสร้อย มีธิดาด้วยกันสองคน คือคุณหญิงดาวเรืองและคุณพิกุล ตามคำบอกเล่าของลูกหลาน เหตุเพราะพระยาจิตรานุวัตรไม่มีบุตรชายเมื่อคุณหญิงดาวเรืองให้กำเนิดบุตรชายคนที่สองท่านจึงขอให้หลานชายคนเล็กเป็นผู้สืบสกุล"

"ไม่มีลูกชายเลยให้หลานสืบสกุลแทน...แล้วคุณพิกุลล่ะ"ไอ้แชมป์ดูกระตือรือร้นที่จะค้นประวัติของลูกสาวคนเล็กมากกว่าประวัติของตัวเจ้าคุณเองเสียอีก

"ไม่ได้บอกไว้ว่ะ บอกแค่ว่าคุณดาวเรืองมีลูกชายสองคน"ผมไล่อ่านประวัติท่านจนจบแต่ไม่มีบันทึกไว้แม้แต่น้อยเรื่องของคุณพิกุล...ผมจึงลองค้นหาจากหน้าเพจอื่นที่ขึ้นบนหน้าจอ...แต่ประวัติของท่านก็ไม่แตกต่างจากที่ได้อ่านมาสักเท่าไหร่นัก

"มึงๆ อันนี้ๆ...เค้าบอกว่าธิดาคนเล็กของพระยาจิตรานุวัตรเป็นข้าหลวงเรือนในของทูลกระหม่อม ประวัติส่วนตัวไม่แน่ชัดแต่จากคำบอกเล่าของคนในตระกูลกล่าวว่าเธอใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในวัง และไม่มีประวัติการสมรส...เห้ยยยยย!"อ่านมาถึงตรงนี้ไอ้คนข้างๆผมถึงกับร้องเสียงหลง

"คุณพิกุลไม่ได้แต่งงาน...เจ้าคุณยอมได้ไงวะ"คำถามของมันมีมากมายไปหมดหากแต่สิ่งที่ผมสงสัยกลับไม่ใช่เรื่องของลูกสาวคนเล็กของเจ้าคุณจิตรา แต่เป็นโต๊ะไม้สักอีกตัวนั่นต่างหาก...แต่ไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ก็ไม่พบข้อมูลเพราะไม่ว่ากี่หน้าเพจที่ผมเปิดเข้าไปก็พบแต่ประวัติการทำงานเสียเป็นส่วนใหญ่และยังเหมือนกันเกือบทุกเพจ

"แล้วกูจะรู้ได้ไงว่าโต๊ะที่เรือนเจ้าคุณจิตราตอนนี้อยู่ที่ไหน ใครเป็นลูกหลานวะเนี่ย บอกแต่ประวัติการทำงาน"ผมบ่นขึ้นอย่างหัวเสียเมื่อรู้สึกว่าตัวเองมาถึงทางตัน...ผมอยากรู้ความจริง...ถึงแม้ความจริงนั้นมันจะไม่ได้มีส่วนช่วยให้ผมได้กลับไปยังพระนคร แต่อย่างน้อยการที่ผมได้กลับมาที่นี่ก็ถือเป็นโอกาสที่ผมจะได้รู้ในสิ่งที่ผมสงสัยมาตลอด...

"แล้วทำไมมึงไม่หาล่ะว่าเจ้าคุณเป็นต้นตระกูลของใคร ไอ้โง่!"อยู่เฉยๆกลับถูกมันด่าเอา ผมเลยลองค้นหาตามที่มันว่า...เพราะในสมัยรัชกาลที่๖มีการพระราชทานนามสกุล ลูกหลานของเจ้าคุณเองก็คงจะได้รับพระราชทานเช่นกัน ไม่เช่นนั้นท่านคงไม่ขอให้หลานชายเป็นผู้สืบสกุลต่อ

"นี่ไง...หลังจากที่ท่านเสียชีวิตหลานชายที่เป็นผู้สืบสกุลได้ขอพระราชทานนามสกุล และได้รับพระราชทานนามสกุล...จิตต์วัฒนา...ซึ่งผู้ถือนามสกุลนี้เป็นคนแรกก็คือคุณอัษฎา จิตต์วัฒนา บุตรชายคนเล็กของคุณหญิงดาวเรือง"ข้อความที่ผมไล่อ่านทำให้ผมได้รู้ข้อมูลมากขึ้น หากแต่นามสกุลนี้มันช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน

"จิตต์วัฒนา...นามสกุลใครวะ ไม่เคยได้ยิน"เป็นไอ้แชมป์ที่บ่นขึ้นก่อน...เจ้าคุณจิตราเป็นผู้ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากนัก หากแต่นามสกุลของท่านกลับไม่ได้เด่นดังในปัจจุบันเท่ากับคุณของท่านที่ทำไว้เลยแม้แต่น้อย...แต่เดี๋ยวนะ...จิตต์วัฒนา...


"โทรหาใครวะมึง"มือที่รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครคนหนึ่งซึ่งผมคิดว่าเธอน่าจะรู้คำตอบ เพราะชื่อนี้มันช่างติดหูผมเสียเหลือเกิน

"อานิดเหรอครับ"ผมกรอกเสียงไปยังปลายสายโดยมีไอ้แชมป์นั่งขมวดคิ้วมองอยู่ข้างๆ

"อานิดครับ...นามสกุลเก่าคุณย่านี่นามสกุลอะไรนะครับ"



...และคำตอบของอานิดก็ทำเอาโทรศัพท์ในมือผมแทบร่วงลงกับพื้น...เมื่อคำตอบที่ได้รับ มันคือคำตอบเดียวกันกับสิ่งที่ผมอยากรู้...คุณย่าเป็นลูกท่านทูตแต่แต่งงานกับปู่ของผมซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวจีนที่ต้นตระกูลของแกได้รับพระราชทานนามสกุลมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่๖เช่นกัน...


"เชี่ยธีร์ เป็นไรวะ"ไอ้ตัวดีสะกิดแขนผมยิกๆเมื่อเห็นผมนิ่งไป ผมกดตัดสายอานิดโดยไม่รอให้แกถามอะไรต่อ ก่อนจะหันไปมองหน้าคนข้างๆ

"มึง"ไอ้ตัวดีมองหน้าผมราวกับรอฟังคำพูดต่อไป

"เจ้าคุณจิตรา...เป็นต้นตระกูลของย่ากู"คำตอบที่ทำเอาอีกฝ่ายอ้าปากค้าง...ไม่ใช่แค่มัน ผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เพราะไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ผมเฝ้าสงสัยและพยายามหาคำตอบมันจะวนเวียนอยู่ใกล้ตัวของผมอย่างไม่น่าเชื่อ

"กูเข้าใจแล้ว ว่าทำไมมึงกับกูถึงไปโผล่ที่เรือนเจ้าคุณจิตราทั้งๆที่โต๊ะนั่นเป็นของหลวงพิสิษฐ"ใช่แล้ว ผมเข้าใจมันอย่างถ่องแท้...ทำไมโต๊ะที่อยู่ในห้องอาต้นที่เป็นของหลวงพิสิษฐถึงไม่ได้นำพาผมกับไอ้แชมป์ไปที่ห้องของคุณหลวง แต่กลับเป็นเรือนของเจ้าคุณจิตรา...หากแต่คนข้างๆยังคงมีสีหน้าสงสัย

"จิตที่ผูกพันไงแชมป์...ไม่ใช่แค่กู...มึงก็ด้วย จิตมึงผูกพันกับคนที่เรือนนั้น"ผมเคยคิดว่าการที่มันเดินทางข้ามเวลาไปพร้อมกันกับผมมันเป็นเรื่องบังเอิญ...แต่ผมเคยบอกไปแล้วว่าความบังเอิญไม่มีในโลก...หากมันเพียงแค่บังเอิญเดินทางข้ามเวลาไปพร้อมกับผม...มันคงไม่บังเอิญไปตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งในช่วงเวลานั้น และคงไม่บังเอิญผูกพันกันถึงขนาดนี้

"เดี๋ยวมึง กูงง...จิตกูผูกพันกับคนที่เรือนเจ้าคุณจิตรา...แต่มึงเองก็ผูกพันกับหลวงพิสิษฐ แล้วทำไม..."

"เพราะเจ้าคุณจิตราเป็นต้นตระกูลของกูไงแชมป์...กูกับท่านผูกพันกันทางสายเลือด มันยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่กูมีกับหลวงพิสิษฐมากนัก"หากโต๊ะไม้สักสองตัวสามารถทำให้ผมเดินทางย้อนไปในอดีตได้เหมือนกัน มันก็คงไม่แปลกที่ผมกับมันจะมาลงเอยที่เรือนเจ้าคุณจิตรา...จิตสองดวงที่ผูกพันกับสถานที่ใดที่หนึ่งและบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ย่อมมีพลังมากกว่าจิตของผมเพียงคนเดียว

"แต่ถ้าโต๊ะทั้งสองตัวมันทำให้เราข้ามเวลาได้เหมือนกัน...ทำไมมึงไม่ไปโผล่ที่ห้องหลวงพิสิษฐแต่แรกวะ"ผมเพียงยิ้มให้กับคำตอบนี้

"ไม่จำเป็นเลยมึง...เพราะสุดท้าย...กูกับเค้าก็ได้เจอกันอยู่ดี"ไม่จำเป็นเลยว่าผมจะต้องไปลงเอยที่ห้องของหลวงพิสิษฐ ในเมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดมันได้รับการเฉลยแล้วว่า สุดท้าย ไม่ว่าผมจะอยู่ที่เรือนไหน...ผมก็ยังได้เจอ...ได้รู้จัก...และได้รักคนๆนั้นเหมือนกัน...


...แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากรู้มากกว่านั้นก็คือ...โต๊ะอีกตัวหนึ่งตอนนี้อยู่ที่ไหน...


ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไล่หาเบอร์ของคนๆหนึ่งซึ่งผมคิดว่าน่าจะรู้คำตอบดี แน่นอนว่าไม่ใช่อานิด...ผมเลือกที่จะไม่ถามอานิดเพราะผมรู้ว่าอานิดจะต้องซักผมอีกยาวในเมื่อเธอเองก็สงสัยว่าการที่ผมหายตัวไปเกือบเดือนมันเกี่ยวกับโต๊ะนั่น...หากแต่บุคคลท่านนี้คงให้คำตอบผมได้ไม่ต่างจากอานิด...เพราะเขามีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆของผม...พี่ชายของพ่อ และลูกชายคนโตของคุณย่า...


"ลุงเอก...ธีร์นะครับ วันนี้ลุงว่างมั้ยครับ ธีร์จะเข้าไปหา"กรอกเสียงไปยังปลายสาย...สิ่งที่ผมอยากรู้...ผมกำลังจะได้รับคำตอบ...

..........................................................................................

เผางานส่งค่าาาาา  :z3: :z3: :z3:
จริงๆอยากยืดอีกหน่อยเพราะจะได้มีโมเม้นหวานๆของคุณหลวงกับน้องธีร์ แต่ขอปิดประเด็นนี้ก่อนดีกว่าเนอะ
แล้วค่อยไปหวาน(รึเปล่า)กันทีหลัง :hao3:

ฝากตอนนี้ด้วยนะคะ ตอนต่อไปกำลังปั่นอยู่ค่า

กราบบบบบบ :call: :call: :call:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
คุณหลวงคงคิดถึงแย่แล้ว   :impress2:


กลอนเพราะมากเหมือนเดิม   o13

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ลุ้นสุดๆ แบบนี้คุณหลวงก็รู้แลัวซิว่าพ่อธีร์หายไปไหน

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
ปริศนาต่างๆกำลังจะเฉลยปมสินะ ><

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด