กินข้าวกันเสร็จพวกบ่าวบางคนก็ต้องตามผู้เป็นนายกลับเรือน ตอนนี้โรงครัวเลยกลับสู่ภาวะปกติ จะมีก็เพียงเสียงจอแจของพวกบ่าวที่ต้องมาคอยเก็บกวาดพื้นที่ให้เรียบร้อย...ผมไม่ได้กลับขึ้นไปบนเรือนเพราะถูกไอ้ตัวดีลากมานั่งเล่นที่ท่าน้ำเล็กท้ายเรือนเพราะตอนนี้ท่าน้ำใหญ่คงวุ่นวายน่าดูเมื่อผู้มาร่วมงานต่างพากันทยอยกลับ
"เมื่อวานมึงโดนคุณหญิงด่าเหรอ"ถามขึ้นเพราะเมื่อวานเห็นว่าคุณหญิงแกเรียกมันไปคุย...อาการหลังจากนั้นก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรในตอนนั้น
"เปล่า"ตอบเพียงสั้นๆ
"มึงอย่าเป็นงี้ดิ พากูหดหู่ไปด้วยเลย"ผมเป็นห่วงเพราะไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อน...ตั้งแต่ที่มันนอนไม่หลับเมื่อคืนนี้แล้ว
"ใครแม่งเล่นตลกกับชีวิตกูวะธีร์ พากูมาที่นี่ทำไม"เมื่อลงกับใครไม่ได้ก็หันไปโทษฟ้าโทษดินแทน...ผมเอื้อมมือไปโอบไหล่มันแน่น เหมือนอย่างที่มันเคยทำเมื่อตอนที่ผมเสียพ่อและแม่
"ไหนมึงเคยบอกว่า ต่อให้เค้าแต่งงานออกเรือนไปมึงก็จะรอเค้าอยู่ที่นี่ไง"อีกฝ่ายเพียงแค่ถอนหายใจยาว
"ปากดีไงกู ทำตัวเป็นพระเอกแล้วเป็นไงวะ มานั่งเป็นบ้าเป็นบออยู่คนเดียว"
"แชมป์"ผมเรียกชื่อ...แต่มันยังคงเงียบไม่ตอบกลับ
"ตอนที่มึงรู้ว่าเค้าก็รู้สึกแบบเดียวกับมึง มึงรู้สึกไงวะ"คำถามที่ทำให้มันขมวดคิ้วแน่น
"กู...ดีใจ กูไม่เคยคิดว่าคนอย่างเค้าจะหันมามองคนอย่างกูอ่ะ"
"แล้วทำไมวันนี้มึงเป็นแบบนี้ ทำไมไม่เก็บความรู้สึกดีๆที่เค้าอุตส่ามีให้มึงวะ"มันหันกลับมามองหน้า...นานๆผมจะยอมปริปากพูดอะไรสักที...ปกติเอาแต่คอยกวนมันตลอด แต่ในเมื่อคราวนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ผมเองก็คงทนเห็นมันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
"แม่เค้าไม่ยอมรับกู ทำไมวะธีร์ เพราะกูไม่มีอะไรเลยใช่มั้ย"แววตาสั่นระริกนั่นทำให้ผมใจหาย...ไอ้แชมป์ที่เคยร่าเริงกวนประสาท แต่กลับต้องมานั่งทำหน้าอมทุกข์แบบนี้
"ใช่ เพราะเรามันไม่มีอะไรเลย กูเข้าใจคุณหญิงนะ จะให้แกเอาชีวิตลูกสาวมาฝากไว้กับคนที่ไม่มีอะไรติดตัวซักอย่าง เป็นกูก็คิดหนัก"แว่วเสียงมันถอนหายใจยาว
"มึงรู้ป่ะ บางทีกูก็อิจฉาที่มึงมีเวลาอยู่กับหลวงพิสิษฐ ทำงานด้วยกัน ออกไปข้างนอกด้วยกัน แต่เพราะเค้าเป็นผู้หญิงกูถึงทำอะไรแบบนั้นไม่ได้"ได้ยินแบบนี้ผมเลยโบกหัวมันเต็มแรงจนมันร้องเสียงหลง ยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองพลางบ่นอุบ
"แล้วมึงคิดว่ากูสบายใจเหรอ สุขไปวันๆ อนาคตจะเป็นไงก็ไม่รู้ บอกใครก็ไม่ได้ ถึงบอกไปแม่งก็ไปก็ไม่มีใครเค้ารับได้ ยิ่งกว่าคู่มึงอีก"ผมโมโห...เพราะสิ่งที่ผมเป็นมันไม่ได้น่าอิจฉาเลยแม้แต่น้อย...แม้จะได้อยู่ใกล้กัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างมันจะจบลงด้วยดี
"ธีร์ กูขอโทษ"เมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรโดยไม่คิดเลยรีบหันมาขอโทษทันที
"อะไรดีๆที่เก็บไว้ได้ก็เก็บเอาไว้ อะไรที่มันเกินเอื้อมเราก็ปล่อยมันไปเหอะมึง ความรู้สึกดีๆที่เค้ามีให้มึงอะ มันมีค่ามากนะ ถ้ามึงจะโยนมันทิ้งด้วยการพยายามตัดใจไม่เจอ ไม่มองหน้า ไม่คุย ไม่ทัก กูว่ามึงโง่อะ"อีกฝ่ายยังคงเงียบ ไม่รู้ว่ากำลังใช้ความคิดหรือว่าตกใจที่วันนี้ผมพูดมากกว่าปกติกันแน่
"อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ห้องก็ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว มึงจะหนีหน้าเค้าไปได้ถึงไหนวะ ถ้าเป็นงี้กูว่ามึงกลับบ้านเหอะ"ได้ยินเสียงมันถอนหายใจยาวอีกครั้ง
"มึงเจ็บมั่งปะวะ เวลาคิดถึงอนาคต"แชมป์ถามกลับเสียงเรียบ...ผมได้แต่ทอดสายตาออกไปยังพื้นน้ำเบื้องหน้า
"เจ็บ"คำตอบสั้นๆที่ทำให้อีกฝ่ายต้องหันมามอง
"แต่กูเลือกแล้ว เพราะงั้น เจ็บยังไงก็ต้องทน"ไม่มีใครรู้ได้ว่าสุดท้ายเรื่องทุกอย่างจะจบลงเช่นไร...วันนี้ผมมีความสุขดีแต่ไม่ได้หมายความว่าความสุขนี้จะอยู่กับผมไปตลอด...ผมรู้ว่าคนของผมเองก็คิดเช่นเดียวกัน...สิ่งที่เราสองคนทำได้...คือการใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุดเพราะอย่างน้อยหากวันหนึ่งต้องถึงวันจากลา ก็ยังพอยิ้มออกมาได้บ้างว่า...เราเคยทำอะไรดีๆมาด้วยกัน...
"ธีร์...กูรักมึงว่ะ!"อยู่ดีๆก็โถมตัวเข้าใส่จนผมแทบเซ...ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆนะครับมึง แล้วนี่มันอะไร อยู่ดีๆเปลี่ยนอารมณ์กระทันหันจนผมตั้งตัวไม่ทัน
"อะไรของมึงเนี่ยยย"พยายามยกมือดันหัวมันออกไปไกลๆ แต่มันยังคงกอดผมแน่นไม่ปล่อย...เกิดใครมาเห็นเข้าคงได้คิดว่าผมกับมันกำลังพลอดรักกันอยู่เป็นแน่
"ถ้ากูไม่มีมึงอยู่ตรงนี้กูคงเป็นบ้า ขอบคุณนะมึง"เหมือนกับวันแรกๆที่ผมกับมันมาอยู่ที่นี่...ผมเคยพูดคำนี้กับไอ้ตัวดีไปแล้ว...ในโลกอีกโลกที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน มีแต่คนแปลกหน้าพูดจาด้วยภาษาที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ ใช้ชีวิตไม่เหมือนที่ผมเป็น...การมีใครสักคนที่เข้าใจเราอยู่ข้างๆ ย่อมทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมาได้...ยกมือขึ้นตบบ่ามันเบาๆทั้งที่มันยังกอดผมแน่นไม่ยอมปล่อย
"เออ แต่ปล่อยกูได้ยัง กอดกูซะแน่นคิดอะไรกับกูปะเนี่ย หึหึ"แซวมันเล่นจนมันรีบผละตัวออกทันทีแล้วหันมาทำหน้าพิลึกใส่
"เชี้ย กำลังซึ้ง มึงนี่ทำกูเสียอารมณ์หมด"ผมหัวเราะร่า อย่างน้อยมันก็ดีขึ้นมาบ้าง
"ดีละ อย่ามามีอารมณ์กะกูเลย กูสยอง ฮ่าๆ"สงสัยกวนมากไปหน่อยเลยโดนมันโบกกลับ...ตอนนี้ยังหัวเราะได้...ก็ถือว่าดีแล้ว...ต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน
"ขึ้นเรือนเหอะมึง เดี๋ยวเจ้าคุณด่า เสร็จงานแล้วหายหัวเลย"ลุกขึ้นยืนพลางหันไปเรียกไอ้ตัวดีที่ตอนนี้ยิ้มออกมาได้เหมือนเดิมแล้ว...มันลุกขึ้นตามพลางปัดฝุ่นตามเนื้อตัว...แต่งตัวกันเสียหล่อดันมานั่งให้เลอะเทอะอยู่ริมท่าน้ำ
.
.
.
ทันทีที่ก้าวขึ้นเรือนมาก็พบกับเจ้าของเรือนที่นั่งสง่าอยู่บนพื้นยก พร้อมด้วยคุณหญิงสร้อย คุณพิกุล และแขกคุ้นหน้าของผมอีกสองคน...แต่ที่ทำให้ผมชะงักฝีเท้าเห็นทีจะเป็นเจ้าพระยาจอมวางมาดกับลูกชายที่ยังคงนั่งอยู่ด้วยนี่ล่ะ
"เสร็จงานก็หายหัวเชียวนะพวกเอ็ง"ผิดคำผมที่ไหน...โดนเจ้าคุณจิตราเอ็ดเอาจนได้
"ลงไปช่วยพวกพี่สนเก็บของอยู่ข้างล่างน่ะครับ"ได้แต่แก้ตัวตอบไป ขืนบอกว่าไปนั่งเล่นบทดราม่าอยู่ริมท่าน้ำกันสองคนคงได้โดนด่าเปิง
"ขึ้นมานั่งด้วยกันเสียบนนี้เถิดพ่อ"เจ้าคุณไพศาลทักขึ้นเมื่อเห็นว่าผมสองคนเพียงเดินมานั่งอยู่บนพื้นเรือนด้านข้าง...ผมกับไอ้แชมป์มองหน้ากันเลิกลั่กเพราะเห็นว่ามีแต่ระดับเจ้านายทั้งนั้นที่นั่งอยู่ แล้วยิ่งคนที่ถือตำแหน่งสูงสุดที่แสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
"เป็นเพียงผู้ช่วย ให้ขึ้นมาตีเสมอนายจักดีรึ"แล้วยังคำพูดค่อนขอดนี่อีก หากแต่เจ้าคุณไพศาลเพียงแค่ขยับตัวเพื่อให้พวกผมมีพื้นที่นั่งด้านบน ยิ่งทำให้คนท้วงหน้าเสียหนักกว่าเดิม
"พ่อธีร์เคยพบเจ้าคุณท่านแลหลวงเจษฎ์แล้วใช่หรือไม่"เจ้าคุณไพศาลถามขึ้นอีกครั้ง
"เคยครับ"ผมพยักหน้ารับ พลางยกมือไหว้ชายร่างท้วมที่มีศักดิ์เป็นถึงเจ้าพระยาหากแต่ทำตัวไม่น่าเคารพเลยแม้แต่น้อย กับลูกชายร่างสูงใหญ่ที่ไม่ได้ต่างไปจากผู้เป็นพ่อนัก
"นี่อ้ายแช่มขอรับ กระผมให้มาช่วยงานอยู่ที่เรือนนี้ มันรู้ภาษาฝรั่งเศส ช่วยกระผมได้มากเรื่องงานเลี้ยงท่านทูตขอรับ"เจ้าคุณจิตราแนะนำคนข้างๆผมบ้าง มันจึงยกมือไหว้ผู้มาเยือนทั้งสองเช่นกัน
"รู้ภาษาฝรั่งเศสรึเอ็ง"น้ำเสียงเหยียดหยันถามขึ้น คนถูกถามได้เพียงพยักหน้าตอบ
"น่าแปลก ไปร่ำเรียนมาจากที่ใด"คำถามทั่วไปแต่กลับไม่น่าฟังเพราะน้ำเสียงของผู้ถาม...ราวกับกำลังดูถูกที่มาที่ไปของมัน
"มหาวิทยาลัยครับ"โดนไอ้แชมป์กวนกลับเข้าให้จนได้แต่ทำหน้าสงสัย...ก็พระนครสมัยนี้มันมีมหาวิทยาลัยเสียที่ไหนเล่า
"ที่ใดนะ"ยังคงถามต่อ...ผมเหลือบมองไอ้ตัวดีที่ยกยิ้มมุมปากส่งมาให้...รู้ดีว่ามันเองก็ไม่ถูกชะตาเจ้าพระยาเดโชนี่สักเท่าไหร่
"มหาวิทยาลัย หรือuniversityในภาษาอังกฤษ หรือuniversitéในภาษาฝรั่งเศสครับ"เป็นผมไม่ถามต่อแล้วนะครับท่านเจ้าคุณ...แอบเห็นเจ้าพระยาเดโชหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อโดนตอกกลับแบบมีมารยาท
"กระผมว่าจักปรึกษาเจ้าคุณท่านเรื่องพื้นที่จัดงานเลี้ยงสักหน่อยขอรับ"เจ้าคุณไพศาลที่เห็นท่าไม่ค่อยดีเลยรีบเปลี่ยนเรื่องทันที...เห็นดังนั้นคุณหญิงสร้อยกับคุณพิกุลจึงขอตัวลงไปดูความเรียบร้อยข้างล่าง ปล่อยให้พวกเจ้าคุณท่านปรึกษางานกัน...ผมเห็นไอ้แชมป์ลอบมองคุณพิกุลเมื่อเธอลุกเดินลงจากเรือน...แววตาของมันกลับมามีชีวิตชีวาเช่นเคย จะแปลกไปก็ตรงที่อีกฝ่ายไม่สบตากลับมาแม้แต่น้อย...คุณพิกุลดูแปลกไปตั้งแต่เมื่อวานแต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
"ถ้างั้นพวกผมขอตัวลงไปช่วยคุณหญิงนะครับ"เมื่อเห็นว่ากำลังจะคุยงานผมเลยไม่ขออยู่ร่วมดีกว่า เพราะไม่ได้มีหน้าที่อะไรเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย...เจ้าคุณจิตราเพียงพยักหน้ารับ ผมสองคนเลยรีบเดินลงจากเรือนแทบจะทันที
"มึงกวนตีนว่ะแชมป์ หึหึ"ก้าวขายังไม่พ้นบันไดขั้นสุดท้ายดีก็หันมายิ้มเผล่ให้มันที่ยักคิ้วกวนตอบกลับมา
"พี่แชมป์จะไม่ทนครับ จะเป็นเจ้าพระยามาจากไหนกูไม่สนหรอก"เห็นอย่างนี้ไอ้แชมป์มันเป็นคนความอดทนค่อนข้างต่ำเพราะถูกพ่อแม่ตามใจมาตั้งแต่เด็ก
"แล้วนี่มึงจะให้กูเสนอหน้าไปให้คุณหญิงเค้าด่าอีกเหรอไงถึงได้บอกเจ้าคุณจิตราแบบนั้น"สีหน้ามันดูลังเลเมื่อคิดว่าจะต้องไปช่วยคุณหญิงดูแลความเรียบร้อยแถวโรงครัว
"คุณหญิงกับคุณพิกุลแกก็หาเรื่องปลีกตัวออกมาเหมือนกันแหละวะ ผู้ใหญ่เค้าจะคุยงานกันแล้วกูกับมึงจะนั่งเสนอหน้าอยู่ทำไม"มันพยักหน้ารับเมื่อคิดขึ้นได้...แต่ยังไม่ทันจะก้าวขาออกไปไหนกลับมีใครไม่รู้มาฉุดแขนผมเอาไว้เสียก่อน...ผมหันกลับไปมองปรากฏเป็นร่างสูงใหญ่ที่กำลังยืนแสยะยิ้มส่งมาให้...ส่วนไอ้แชมป์ได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
"หลวงเจษฎ์"ผมพยายามขืนข้อมือที่ถูกจับอยู่แน่นหากแต่ไม่ต้องใช้แรงมากนักเพราะอีกฝ่ายยอมปล่อยมือแต่โดยดี
"มีอะไรครับ"ยืนสบตาอีกฝ่ายนิ่ง...เป็นถึงหลวงแต่มารยาททรามยิ่งกว่าบ่าวบางคนเสียอีก
"มิได้เจอเสียนาน สบายดีรึพ่อ"จะไม่สบายก็ตอนเห็นหน้าเขานี่แหละ
"สบายดีครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวนะครับต้องไปช่วยงานคุณหญิงท่าน"ว่าพลางฉวยแขนไอ้แชมป์ตั้งท่าจะเดินหนี แต่ถูกอีกฝ่ายก้าวมายืนขวางตรงหน้าเสียก่อน
"พี่คุยด้วยดีๆ ทำไมเดินหนีพี่เสียเล่า"แสยะยิ้มน่ารังเกียจมาให้เช่นเคย...เห็นไอ้แชมป์มองหน้าเหรอหราเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน
"ผมมีงานต้องทำครับ"ถึงจะไม่ชอบหน้า แต่ด้วยมารยาทและศักดิ์ของเจ้าพระยาผู้เป็นพ่อทำให้ต้องข่มอารมณ์ไว้มากพอสมควร
"มีงาน ก็ให้บ่าวมันทำซี ต้องลงแรงทำเองเชียวรึ"
"ผมเองก็เป็นบ่าวคนนึงครับ จะให้ผมไปทำงานได้รึยังครับ"ตอบกลับเสียงแข็งแต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านอะไร
"โถๆ ทำไมดูถูกตัวเองเช่นนั้นเล่า เอาตัวไปเปรียบกับบ่าวพวกนั้นได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามชัดเจน
"พี่เพียงอยากคุยกับพ่อ มิได้พบกันเสียนานหวังว่าพ่อยังมิลืมเรื่องที่พี่เคยบอก"ใครจะไปลืมท่าทีก้าวร้าวและคำพูดหยาบกระด้างนั่น...แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรอีกฝ่ายก็ฉวยข้อมือผมเอาไว้อีกครั้งและคราวนี้เขาออกแรงมากกว่าเก่า
"เอ่อ คุณหลวงครับ คือ ผมกับไอ้ธีร์มีงานต้องทำ"ไอ้แชมป์ที่เห็นท่าไม่ค่อยดีรีบขัดขึ้น แต่ดูท่าอีกฝ่ายไม่แยแสแม้แต่น้อย
"มีงานต้องทำ ก็ไปทำสิวะ ข้ามีธุระต้องคุยกับพ่อธีร์"ท้ายประโยคหันมาแสยะยิ้มให้ผมที่พยายามขืนข้อมือตัวเองออกอีกครั้งแต่คราวนี้กลับสู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้...แรงกดที่ข้อมือทำให้ผมเจ็บจนต้องขมวดคิ้วแน่น หากแต่อีกฝ่ายไม่ยอมผ่อนแรงลงแม้แต่น้อย
"พ่อรู้หรือไม่ พี่คิดถึงพ่อทุกคืนนับแต่วันที่พี่ได้พบหน้าพ่อ"กลายเป็นไอ้แชมป์ที่ยืนอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดออกมาตรงๆเช่นนี้...อีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมผงะหนี หากแต่มือหยาบใหญ่นั้นยังบีบแน่นบนข้อมือของผม...มืออีกข้างของผมกำแน่นเพราะกำลังข่มอารมณ์เต็มที่ กลัวว่าจะทนไม่ไหวจนเสยหน้าอีกฝ่ายเข้าให้
"พ่อธีร์"เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นด้านหลังหากแต่ดุดันกว่าเคย...ผมหันกลับไปมองคนตัวสูงที่เดินตามลงมาจากเรือนใหญ่...ใบหน้าคมเข้มเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆหากแต่น้ำเสียงนั้นที่ทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจ
"มีอะไรรึหลวงแก้ว"คนตัวใหญ่กลับเป็นฝ่ายถามขึ้นเสียเองแต่ยังคงไม่ปล่อยมือของผมให้เป็นอิสระ...สายตาของหลวงพิสิษฐที่มองจ้องมือหยาบใหญ่นั้นยากจะคาดเดาอารมณ์ได้
"เรามีธุระสำคัญกับพ่อธีร์ ขอตัวประเดี๋ยวได้หรือไม่"เขาเลือกที่จะพูดกับผมแทน ซึ่งผมก็รีบพยักหน้ารับทันที
"ธุระอันใดถึงต้องตามลงมาคุยกันข้างล่างนี่"น้ำเสียงแข็งกร้าวดุดันดังขึ้นด้วยความไม่พอใจที่มีคนมาขัดจังหวะ
"เราจักคุยเรื่องงานกับ'คนของเรา'มิได้เชียวรึหลวงเจษฎ์"ตอบกลับเสียงเรียบหากแต่สบตาอีกฝ่ายนิ่งทำเอาผมที่ยืนอยู่ตรงกลางรู้สึกหนาววูบขึ้นมาทันที...เหลือบไปเห็นไอ้แชมป์กลืนน้ำลายดังเอื้อกแต่ก็ไม่กล้าเดินหนีไปไหน...ได้จังหวะผมเลยสะบัดข้อมือตัวเองออกสุดแรงจนแทบเซ...เห็นคนตัวใหญ่ขบกรามแน่นด้วยความไม่พอใจจนใบหน้าบูดเบี้ยว ส่วนอีกคนยังคงยืนนิ่งไม่แสดงอารมณ์...นี่มันถึงยุคสงครามเย็นแล้วหรือไงนะ
"คุณหลวง...มีธุระไม่ใช่เหรอครับ"เมื่อต่างฝ่ายต่างนิ่งอยู่นานผมเลยถามขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียดนี่เสียที...คนตัวสูงละสายตามาสบกับผมพร้อมพยักหน้ารับ...ส่วนอีกฝ่ายยังคงยืนจ้องตาเขม็งก่อนจะสาวเท้ากลับขึ้นเรือนไปอย่างไม่พอใจนัก...แว่วเสียงไอ้แชมป์ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกเมื่อหลวงเจษฎ์ลับตาไป
"พ่อแช่มมีอะไรต้องทำก็ไปทำเถิด"บอกไอ้แชมป์ที่ยืนนิ่งเป็นไม้ประดับอยู่นาน...มันพยักหน้ารับก่อนจะหันมายกยิ้มกวนให้ผม
"ศึกชิงนางเหรอวะมึง หึหึ"ยื่นหน้าเข้ามากระซิบเสียงกวนให้พอได้ยินกันแค่สองคน ผมเลยตบรางวัลด้วยการส่งนิ้วกลางไปให้เกือบชิดหน้าจนมันผงะออกก่อนจะเดินยิ้มร่าไปทางท้ายเรือน...มองตามหลังมันพลางนึกด่าในใจจนหันมาสบเข้ากับดวงตาคมสวยของคนตัวสูง...สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ทำเอาผมใจคอไม่ค่อยดี...กลัวเขาจะเข้าใจผิดเหมือนวันนั้นจนกลายเป็นเรื่องใหญ่อีก
"คุณหลวง"เรียกขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนาน
"คุยตรงนี้มิสะดวก ไปที่ท่าน้ำเถิดพ่อ"ตอบเสียงเรียบพลางเดินนำไปที่ท่าน้ำใหญ่หน้าเรือนโดยมีผมเดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ
"คุณหลวงครับ"ผมมองแผ่นหลังกว้างของเขาอยู่นานก่อนจะตัดสินใจส่งเสียงเรียกเพราะบรรยากาศที่เงียบจนเกินไป...ไม่รู้ว่าคนที่ยืนยกมือไพล่หลังอยู่นี่กำลังคิดอะไรอยู่
"เจ็บหรือไม่"เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นโดยที่เจ้าตัวยังไม่หันหน้ามาทำเอาผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย...เจ็บ?
"มือน่ะ"ยกแขนตัวเองขึ้นมาดูเลยเพิ่งสังเกตว่าถูกบีบแน่นจนข้อมือขึ้นเป็นรอยแดง...ไอ้หลวงนั่นแรงเยอะเป็นบ้า
"ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้เอง"เพิ่งมารู้สึกตัวว่ามันเจ็บก็เมื่อได้เห็นรอยแดงนี่ แต่ไม่อยากทำให้กลายเป็นปัญหา...อีกฝ่ายเพียงหันกลับมาแล้วฉวยข้อมือข้างเดิมของผมขึ้นมาพลิกดูอย่างเบามือ
"แดงเสียขนาดนี้ยังว่ามิเจ็บรึ"น้ำหนักมือช่างต่างกันลิบลับกับคนตัวใหญ่นั่น...คิ้วดกหนาขมวดมุ่น แววตาแข็งกร้าวแสดงให้รู้ว่าเขาไม่พอใจนัก
"ผมไม่เป็นไรหรอกครับ"คำตอบที่หวังให้อีกฝ่ายคลายกังวล แต่มือใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือของผมหากแต่เพียงใช้ปลายนิ้วไล้ไปมาอย่างเบามือ
"เราเห็นหลวงเจษฎ์ตามพ่อธีร์ลงมา เห็นท่ามิค่อยดีจึงตามมา"
"มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณหลวงคิดนะครับ"ไอ้นิสัยชอบคิดไปเองทำให้ผมชักกังวลจนต้องรีบปฏิเสธเสียงแข็งก่อน หากแต่อีกฝ่ายเพียงถอนใจยาวแล้วส่ายหน้าช้าๆ
"เราเข้าใจ"แล้วเข้าใจถูกหรือผิดเล่า!
"เข้าใจว่า?"หรี่ตามองคนตัวสูงอย่างสงสัย
"เข้าใจว่าพ่อมิชอบใจนัก"ผมพยักหน้ารับ...คราวนี้เข้าใจถูกเสียทีนะครับหลวงพิสิษฐ
"ต้องบอกว่าไม่ชอบใจมากกกกก"ลากเสียงยาวอย่างโมโห...ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเขาลงมาไม่ทันแล้วผมเผลอปล่อยหมัดใส่หน้าไอ้หมอนั่นมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง...ถึงตัวใหญ่กว่าก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะกลัว
"คราวหน้าต้องระวังตัวให้มาก เราได้ยินเรื่องหลวงเจษฎ์มาหนาหูนัก"ถึงไม่เคยได้ยินมาแต่ได้มาเจอกับตัวเองผมก็รู้แล้วว่าควรระวังตัวมากกว่าเดิม
"คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะมั้งครับ"เมื่อนึกได้ว่าตัวเองก็ไม่ได้มีธุระอะไรต้องเกี่ยวข้องกับเขาอีกทำให้พอสบายใจขึ้นมาบ้าง
"หากมีอะไรพ่อต้องรีบบอกเรา เข้าใจหรือไม่"ดวงตาคมสวยสั่นระริกทำเอาผมเผลอยิ้มออกมา
"ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ...พี่แก้ว"เรียกชื่อท้ายประโยคพลางยกยิ้มกวนให้เสียที ถึงได้เห็นรอยยิ้มปรายของคนตัวสูงบ้าง
"ทั้งห่วง ทั้งหวง ก็พ่อธีร์เป็น'คนของเรา'นี่"ย้ำคำนั้นชัดเจนพาลให้ผมนึกไปถึงตอนที่เถียงกับคนตัวใหญ่เมื่อครู่...ไม่ทันคิดว่าเขาหมายความถึงแบบนี้
"มั่วครับ ยังไม่ได้เป็น"คำตอบที่เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะโน้มตัวเข้ามาใกล้เพื่อกระซิบอะไรบางอย่าง
"มิได้เป็นวันนี้ วันหน้าก็ได้เป็น"ยกยิ้มกวนก่อนจะปล่อยมือแล้วเดินจากไปทันทีโดยไม่รอให้ผมตอบอะไรกลับ
"อะ ไอ้พี่แก้ว!!"ได้แต่ยืนแหกปากโวยวายตามหลังทั้งที่หน้าแดงวาบ ไอ้ที่มาทิ้งระเบิดแล้วจากไปนี่มันคืออะไรครับหลวงพิสิษฐ!
...แว่วเสียงหัวเราะจากคนตัวสูงอย่างอารมณ์ดีขณะกำลังเดินกลับขึ้นเรือน...ส่วนผมคงต้องยืนระงับอารมณ์อยู่ตรงนั้นอีกนานหน่อยเพราะถ้าโผล่ไปหาไอ้แชมป์ตอนนี้มีหวังโดนแซวยาว...
...เห็นทีคนที่ทำให้สายนทีที่สงบนิ่งปั่นป่วนได้คงจะมีแต่หลวงพิสิษฐคนเดียวนี่ล่ะ...
............................................................................................
พี่แก้วเค้าแอบกวนนะเผื่อยังไม่รู้กัน

ฝากตอนนี้ด้วยนะคะ ตอนหน้าไปฟังพี่แชมป์ระบายความในใจกันเนอะ
