...The Timeless Tide...หากแม้นสายนธีร์จะย้อนกลับ...[แจ้งข่าว หน้า๒๒ ค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...The Timeless Tide...หากแม้นสายนธีร์จะย้อนกลับ...[แจ้งข่าว หน้า๒๒ ค่ะ]  (อ่าน 309303 ครั้ง)

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0


"เป็นไรวะมึง หน้าแดงๆ ไข้ขึ้นหราาาา"ไม่ต้องสืบเลยว่าใครถ้าไม่ใช่ไอ้ตัวดีที่ตั้งท่าแซวตั้งแต่ผมเดินกลับมาถึง พวกบ่าวในเรือนกินข้าวกันเสร็จหมดแล้ว ที่เหลือก็ต้องมานั่งเก็บเครื่องทองเหลืองที่ยกออกมาขัดวันนี้

"รู้สึกว่าตั้งแต่กลับมาพี่ธีร์จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะครับ"ยังกวนไม่เลิก

"แล้วมึงล่ะครับพี่แชมป์ เมื่อกี้พอพี่ชดบอกเรื่องหลวงพิสิษฐกับคุณพิกุล หูตั้งหางกระดิกเชียวนะมึง"นึกว่าผมรู้ไม่ทันมันหรือไง ไอ้อาการดีใจออกนอกหน้าเนี่ย แม้แต่เด็กสามขวบก็ดูออก

"ก็นิดนึง แต่กูสงสัยเรื่องคุณหญิงสร้อยว่ะ ไม่รู้แกเป็นอะไร กูพูดด้วยบางทีก็ทำเป็นไม่ได้ยินซะงั้น"

"ก็มึงจีบลูกสาวเค้าออกนอกหน้าขนาดนี้ เค้าคงดูไม่ออกเลยมั้ง"ว่าพลางยื่นมือไปดีดหน้าผากมันสักทีให้หายบื้อ...จริงที่ว่ามันไม่เคยทำอะไรรุ่มร่ามกับคุณพิกุล แต่คุณหญิงสร้อยแกก็ไม่ได้ตาบอดถึงจะได้มองไม่เห็นอะไรเลย...ไอ้การที่มันเดินตามหลังคุณพิกุลต้อยๆลงมาที่โรงครัวเกือบทุกวันนี่มันก็ชัดเจนพอแล้ว

"แต่กูไม่ได้ทำอะไรเสียหายนะเว้ย"มันยังคงเถียงเสียงแข็ง

"เออกูรู้ ไม่มีอะไรหรอกมึง กูว่าแกคงเครียดเรื่องงานบุญนี่แหละ"ตบบ่ามันสองทีเป็นเชิงปลอบ...ผมคิดว่าคงไม่มีอะไรมากนอกจากเครียดเรื่องเตรียมงาน เพราะเห็นแกบ่นนู่นบ่นนี่มาตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ผมว่าแกก็ยังไม่เลิกบ่น
.

.

.
แต่ไอ้แชมป์ดันพูดถูกเรื่องคุณหญิงสร้อย...เมื่อรุ่งขึ้นของอีกวันที่พวกผมกำลังช่วยพวกบ่าวปัดกวาดเช็ดถูเรือนหลังใหญ่...คุณหญิงสร้อยยังคงนั่งสั่งงานไม่ขาดปากอยู่กลางเรือน พร้อมด้วยคุณพิกุลที่กำลังเลือกสีผ้าสไบที่พี่ชดยกออกมาให้ดู...ผมเห็นไอ้แชมป์นั่งมองลูกสาวเจ้าของเรือนเป็นเรื่องปกติขณะที่มันกำลังปัดฝุ่นออกจากตู้ไม้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก...คุณพิกุลเองก็ลอบมองสบตากันบ่อยครั้ง...แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็น คือสายตาของคุณหญิงสร้อย ที่ดูเผินๆเหมือนแกจะไม่ได้สนใจอะไร หากแต่คอยปรายตามองลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเป็นระยะ

"สีนี้ดีหรือไม่เจ้าคะคุณแม่"เสียงหวานของคุณพิกุลเอ่ยถามผู้เป็นแม่พลางยกผ้าสไบสีม่วงเข้มให้ดู

"สีม่วงโบราณเขาถือว่าเป็นสีแม่หม้าย วันมงคลห่มสีสดจักเหมาะกว่า"ลูกสาวเพียงพยักหน้ารับก่อนจะหันไปเลือกผ้าชิ้นอื่นต่อ

"อ้ายแช่ม เสร็จแล้วก็ลงไปช่วยอ้ายสนมันข้างล่างโน่น"พูดกับลูกสาวจบก็หันกลับมาพูดเสียงเย็นใส่ไอ้แชมป์ที่ยืนปัดฝุ่นตู้อยู่ทันที...ผมเห็นมันสะดุ้งเฮือกก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินลงจากเรือนแต่โดยดี โดยไม่ลืมเหลียวมองคุณพิกุลที่ส่งยิ้มหวานตามไปให้ จนผู้เป็นแม่ถึงกับต้องกระแอมเตือนเบาๆ

"เอ็งน่ะ ถ้าไม่มีอะไรทำก็ลงไปช่วยพวกข้างล่างมัน หรือจักมาช่วยนังชดมันขัดเครื่องแก้วตรงนี้ก็ตามใจ"ผมไม่ได้คิดไปเองว่าน้ำเสียงที่คุณหญิงแกพูดกับผมและไอ้แชมป์มันช่างต่างกันลิบลับ...น้ำเสียงแกยังอ่อนโยนเช่นเคยเมื่อพูดกับผม

"เดี๋ยวลงไปช่วยพวกพี่สนก็ได้ครับ"คุณหญิงสร้อยพยักหน้ารับ ผมจึงรีบเดินลงจากเรือนตรงไปทางโรงครัวทันที



"มึงเห็นมั้ยๆ"ไอ้แชมป์รีบหันมาโวยวายทันทีที่เห็นผม เสียงมันดังจนพวกบ่าวที่อยู่แถวนั้นหันมามองกันหมด

"เบาๆสัส แหกปากซะลั่น กลัวคนอื่นเค้าไม่รู้เหรอไง"

"ก็มึงดูดิ...เป็นงี้มาสามสี่วันแล้วนะ แค่กูนั่งอยู่ข้างบนก็หาเรื่องไล่กูลงมาข้างล่างทุกที"นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันโดนไล่ลงมาจากเรือนตอนที่คุณพิกุลอยู่ เพราะผมเองก็สังเกตเห็นมาสักพักแล้ว...คุณหญิงสร้อยแกมักจะหางานให้ไอ้แชมป์ลงมาทำข้างล่างเมื่อเห็นว่าบางทีมันก็ไปนั่งเสนอหน้าอยู่บนเรือนเฉยๆ

"กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ"มันขมวดคิ้วมุ่น...ท่าทางหงุดหงิดไม่น้อย


"แชมป์ แค่มึงชอบลูกสาวเค้าก็ถือว่าทำแล้ว"ผมพอจะรู้แล้วว่าคุณหญิงสร้อยเป็นอะไร...และผมก็เข้าใจว่าทำไมแกมีอาการแบบนี้

"กูผิดมากเลยเหรอวะธีร์"น้ำเสียงจริงจังของมันทำเอาผมนิ่งไป...นั่นสิ...มันทำอะไรผิด...ถ้าการที่คนสองคนจะรักใคร่ชอบพอกัน แต่ต่างกันด้วยฐานะ และที่มา...อย่างนี้เขาเรียกว่าผิดหรือไม่

"กูขอแค่ได้มองเค้าทุกวันแบบนี้ กูไม่เคยขออะไรมากกว่านี้เลย แค่อยู่ใกล้ๆกูก็ผิดแล้วใช่มั้ย"มันไม่ผิดหรอกที่ไอ้แชมป์จะมีความคิดแบบนี้...แต่มันผิดที่คุณพิกุลก็ดันมีใจให้มันเหมือนกันนี่สิ

"แต่กูตัดใจไม่ได้หรอกนะธีร์ ถึงวันนึงเค้าต้องแต่งงานกับคนอื่น ความรู้สึกกูที่มีให้เค้ามันก็ยังเหมือนเดิม"ไม่บ่อยเลยที่จะได้ยินมันสาธยายความรู้สึกในใจให้ผมได้ฟัง...เพราะปกติพวกผมมันเป็นประเภทปากหนัก ต้องให้รู้กันเอาเอง ไม่ค่อยเล่าอะไรกันตรงๆ...นี่แสดงว่ามันกำลังเครียดหนัก...แต่ผมเองก็ไม่รู้จะช่วยมันอย่างไร

"ทำเต็มที่แล้วกันมึง...กูเป็นกำลังใจให้"สิ่งที่ทำได้คือการตบบ่าปลอบใจมันเบาๆ แม้จะรู้ว่ามันไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลยก็ตาม


คุณพิกุลเพิ่งลงมาจากเรือนเมื่อผมคุยกับไอ้แชมป์เสร็จ...เธอเดินตรงมายังโรงครัว คงจะมาเตรียมสำรับให้คุณหญิงและเจ้าคุณจิตราที่ใกล้จะกลับมาเต็มที...กิริยามารยาทของเธอช่างอ่อนช้อยสมกับเป็นชาววัง แม้เพียงท่วงท่าการเดินก็ยังเนิบนาบน่ามอง...ใบหน้าหวานฉ่ำรับกับผิวเนียนละเอียด...แม้ผมเองก็ยังคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่งามพร้อม...คงไม่แปลกถ้าไอ้แชมป์จะหลงรักเธอเช่นเดียวกัน

"พ่อธีร์ พ่อแชมป์ เสร็จงานแล้วรึ"เสียงหวานทักขึ้นเมื่อเห็นผมสองคนอยู่หน้าโรงครัว...แต่ไอ้ตัวดีกลับหลบฉากมาอยู่ด้านหลังผมจนผิดสังเกต

"เป็นอะไรรึพ่อแชมป์"ถามขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งไม่ยอมสบตา

"เปล่าครับ"มันส่ายหน้าตอบ หากแต่คนถามยังคงมีสีหน้าสงสัยไม่น้อย

"คุณพิกุลลงมาเตรียมสำรับเหรอครับ"เมื่อเห็นว่าบรรยากาศไม่สู้ดีนักผมเลยต้องเอ่ยถามคนตัวเล็กตรงหน้า

"ใช่จ้ะ...พ่อแชมป์ ช่วยเราหน่อยได้หรือไม่"ท้ายประโยคถามไปถึงคนข้างหลังที่ยังคงยืนนิ่ง...ผมเลยจัดการกระทืบเท้ามันเบาๆเพื่อเรียกสติ...เขาอุตส่าห์มาเรียกให้ช่วยถึงที่ จะมาเล่นตัวก็ไม่ใช่เรื่องแล้วครับมึง...แว่วเสียงมันบ่นอุบอิบแต่ก็พยายามนิ่งไว้ด้วยเพราะคนตัวเล็กยังยืนรอคำตอบอยู่

"ถ้าคุณพิกุลอยากให้ช่วยก็ได้ครับ"ตอบกลับเสียงเบาแต่ยังไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย...ผมเพียงแค่ตบบ่ามันเบาๆก่อนจะเดินหนีขึ้นเรือน ปล่อยให้มันได้ใช้เวลาที่ช่วงนี้ไม่ค่อยจะมีกันตามลำพัง...หากแต่ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นคนที่ยืนนิ่งอยู่บนบันไดเรือน



"คุณหญิง มีอะไรรึเปล่าครับ"ผมเงยหน้ามองคุณหญิงเจ้าของเรือนที่ยืนสง่าอยู่ด้านบน สีหน้าของท่านช่างเรียบเฉยยากจะคาดเดาความคิด

"อ้ายแช่มล่ะ"คำถามที่ทำเอาผมอึกอัก ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

"อยู่ ที่โรงครัวครับ"

"ไปทำอะไรที่โรงครัว"น้ำเสียงไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

"ก็คุณหญิงให้มันลงไปช่วยพี่สนทำงานนี่ครับ"ท่านเพียงแค่พยักหน้ารับ ก่อนจะหันกลับเดินเข้าเรือนไปโดยมีผมเดินตามหลังไปไม่ห่าง


"คุณหญิงเป็นอะไรรึเปล่าครับ"ผมถามขึ้นหลังจากคุณหญิงเจ้าของเรือนทรุดตัวลงนั่งบนพื้นยกกลางเรือน...แกดูเงียบผิดปกติ

"ช่วงนี้เอ็งมิต้องไปทำงานที่เรือนเจ้าคุณไพศาลรึ"อยู่ๆก็เปลี่ยนเรื่องกระทันหันจนผมรับอารมณ์แทบไม่ทัน

"งานใกล้เสร็จแล้วก็เลยไม่ต้องไปทุกวันน่ะครับ"ช่วงนี้กว่าจะได้ไปที่เรือนเจ้าคุณไพศาลทีก็ทิ้งช่วงไปสามสี่วันได้ เพราะไม่ค่อยมีอะไรให้ทำมากนัก

"เอ็งทำงานกับหลวงพิสิษฐ พอรู้เรื่องของหลวงแกบ้างหรือไม่"คำถามที่ทำเอาผมขมวดคิ้วมุ่น

"เรื่องอะไรเหรอครับ"

"ที่ว่าหลวงแกมีคนในใจ เอ็งพอรู้หรือไม่ว่าเป็นลูกสาวเรือนไหน"ผมรู้สึกชาไปทั้งตัวเมื่อได้ยินคำถาม ราวกับถูกใครเอาไม้ฟาดเข้าที่หน้าอย่างจัง...เจ้าคุณจิตราคงเล่าให้คุณหญิงสร้อยฟังถึงเรื่องในวันนั้น หรืออาจจะเป็นบ่าวสักคนที่นำมาฟ้อง...แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกถามต่อหน้าตรงๆเช่นนี้

"ไม่ทราบครับ ผมกับหลวงพิสิษฐคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น"แม้ไม่อยากโกหกผูู้ใหญ่ หากแต่เรื่องนี้คงไม่สามารถพูดความจริงให้ท่านฟังได้

"หลวงแกมิเคยเอ่ยถึงหญิงใดเลยรึ"ได้แต่ส่ายหน้าตอบอีกครั้ง จนคนถามถอนหายใจยาว

"หมายมั่นไว้เสียดิบดีเรื่องแม่พิกุล อยากรู้จริงเชียวว่าเป็นลูกสาวเรือนไหน"ผมไม่รู้ว่าท่านเพียงแค่เสียดายคนดีอย่างหลวงพิสิษฐ หรือเพราะต้องการให้คุณพิกุลรีบแต่งงานออกจากเรือนนี้โดยเร็วกันแน่

"คุณหญิง อยากให้คุณพิกุลออกเรือนกับหลวงพิสิษฐเหรอครับ"คำถามที่ผมเองก็หน่วงในใจไม่น้อย...หากดูตามความเหมาะสม ก็คงต้องบอกว่าสองคนนี้เหมาะสมกันมากเหลือเกิน

"ข้ากับเจ้าคุณปรึกษาเรื่องนี้กับเจ้าคุณไพศาลเมื่อนานมาแล้ว ครานั้นหลวงแกก็มิได้มีท่าทีปฏิเสธ แต่เมื่อวานเจ้าคุณท่านว่าหลวงแกมีคนในใจเสียแล้ว ข้ายิ่งนึกแปลกใจ"ผมเองก็อยากเห็นคุณหญิงสร้อยสมหวัง เพราะท่านเองก็เป็นหนึ่งในต้นตระกูลของผมที่ผมเคารพรัก...แต่ผมไม่สามารถช่วยอะไรเรื่องนี้ได้เลย...ไม่ใช่เพราะเป็นหลวงพิสิษฐ...แต่เป็นเพราะเพื่อนของผมต่างหาก...ถ้าแชมป์ไม่มีความรู้สึกอะไรให้คุณพิกุลและคุณพิกุลไม่ได้มีท่าทีอะไรอย่างเช่นทุกวันนี้...สิ่งที่ผมจะทำ...คงเพียงแค่กลับไปยังที่ของผม แล้วปล่อยให้คนที่ควรคู่กันได้อยู่ด้วยกัน...อย่างที่ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ตั้งใจเอาไว้

"ช่างเถอะ หลวงแกปฏิเสธเสียขนาดนี้ ให้ดึงดันต่อก็มิใช่เรื่อง"คุณหญิงเจ้าของเรือนได้แต่ถอนใจยาว

"ผมเชื่อว่าคนดีๆอย่างคุณพิกุล วันนึงต้องได้เจอกับคนที่เหมาะสมกับเธอเช่นกันครับคุณหญิง"ราวกับคำปลอบใจที่ทำให้อีกฝ่ายพยักหน้ารับ


...ผมอยากบอกคุณหญิงสร้อยเหลือเกิน...ว่าเพื่อนของผมเองก็ดีไม่น้อยไปกว่าใคร...ติดเพียงแค่มันเป็นแค่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ ไม่ได้ทำงานรับราชการเป็นข้าหลวงกรมใด...ไม่มีแม้แต่เงินเดือนที่จะมาเลี้ยงดูครอบครัว...แต่สิ่งที่มันมี...กลับยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก...นั่นคือใจที่มันมีให้กับผู้หญิงหนึ่งคน โดยไม่เคยหวังแม้แต่จะครอบครอง...กลับกันเพียงแค่หวังให้เธอมีความสุขและมีชีวิตที่ดี


...ผมหวังว่าวันหนึ่ง คุณหญิงสร้อยจะเข้าใจและยอมรับได้...และถ้าวันนั้นมาถึง ผมมั่นใจว่าคุณพิกุลจะกลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดคนหนึ่ง...


...


แต่งถึงเช้า อยากให้จบไวๆ :katai4:

ฝากตอนนี้ด้วยนะคะ  :call: :call: :call:

หมายเหตุ : มีคอมเม้นนึงถามถึงสรรพนามที่หลวงแก้วเรียกแทนตัวเองว่าเรา
คนเขียนขอชี้แจงนิดนึงน้า จากที่ได้อ่านพีเรียดหลายๆเรื่อง และนิยายพีเรียดมาพอสมควร
สรรพนามที่ผู้พูดเรียกแทนตัวเองว่า เรา ถูกใช้ในสมัยก่อนเช่นกันค่ะ อย่างเช่นในบทกลอนบางบทที่ผู้พูดเอ่ยถึงตัวเอง
เช่น อันตัวเรานี้...แต่จะมีอีกสรรพนามที่ใช้คือ ฉัน
สองคำนี้ใช้เมื่อผู้พูดมีอาวุโสมากกว่า หรือมีตำแหน่งสูงกว่า...แต่ผู้แต่งเห็นว่าคำว่าฉันคงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ จึงเลือกใช้คำว่า เรา ค่ะ

ส่วนที่บอกว่าอยากให้เรียกน้องธีร์กับพี่แก้ว...เค้าก็อยากให้เรียกเหมือนกัน อิอิ แต่เก็บไว้เรียกกันสองคนดีกว่าเนอะ
เกรงว่าถ้าเรียกพี่แก้วต่อหน้าผู้ใหญ่ท่านจะตกใจเอานะ  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ►MoNkEy-PrInCe◄

  • อินเตอร์ไลน์
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 726
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
นี่จักดราม่ากันอีกแล้วหรือแม่นาง
เราหาได้ชอบไม่ รันทดเกินไป
สงสารพ่อแช่ม เขามิได้ทำสิ่งใดผิด
ใยแม่สร้อยถึงคอยกีดกันพ่อแช่มวะ
 :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หลวงแก้วรุกหนักเลยแหะ  ถ้าผูกธีร์ได้คงทำไปแล้ว   //สงสารแชมป์ใจตรงกันทั้งทีแต่โดนผู้ใหญ่กีดกัน

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
พี่แก้วพูดซะเขินเลย  :-[

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
แชมป์เริ่มดราม่าแล้วธีร์คงไม่ ใช่มั้ยคะ555555
ดู๊ดู พี่แก้วออกมาฉากเดียว ทำเอาธีร์หน้าดำหน้าแดง
แต่ยังอยากให้ธีร์บอกอา คือคนที่อยู่ทางนู้นคงห่วงมาก
สร้างอีกโลกให้อยู่ด้วยกันดีกว่า กลัวดราม่าแงงง

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
พี่แก้วครับแถวบ้านพี่มีคนแบบพี่อีกซักคนไหม?
อยากได้ๆๆๆๆจะเอาแบบนี้จะเอาแบบนี้//นอนแถก

+1  +เป็ด ให้ครับ

ออฟไลน์ knightprince

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
โอยยยยย พี่แก้วน่ารักไปแล้วววว นั่งอ่านเรื่องนี้ไปนั่งบิดนั่งเขินแทนพ่อธีร์เสียทุกที
เรื่องของพ่อแช่มอ่านละหน่วงเหลือเกิน สงสารทั้งคู่เลยอะ
ค่อยๆเป็นค่อยๆไปก็ได้นะคะ ยังไม่อยากให้จบเลย

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อยากอ่านตอนต่อไปไวๆ นะคะ  แต่ก็ยังไม่อยากให้จบเร็วตามไปด้วย  :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ แชมป์ ลูกอาเสี่ยไม่ต้องรีบกินมาม่าก็ได้นะ
หวังว่าธีร์คงไม่อยากกินตามเค้าอีกคนหรอกนะ

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
มาให้กำลังใจก่อนจ้า

เดี๋ยวมาอ่าน

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เอาล่ะสิ คุณหญิงสร้อยคงจะไม่ค่อยพอใจซักเท่าไหร่เรื่องแชมป์ คือคืดว่าดูออกแน่นอนล่ะนะ แล้วยิ่งแม่พิกุลมีใจให้พ่อแชมป์ มันก็ยิ่งเห็นได้ชัด แล้วนี่หลวงแก้วเค้าก็ปฏิเสธชัดๆ ยิ่งแบบ ทีนี้จะหาผู้ชายดีๆให้ลูกสาวออกเรือนยิ่งยากขึ้นไปอีก จะมาม่ามากมั้ยนะ หวังว่าถ้ามาม่า ก็จะไม่นานนะคะ555 เครียด

พี่แก้วคะ พูดซะตรงและชัดเจน น้องธีร์ก็เขินนะคะ ชอบเวลาพี่แก้วอยู่กับน้องธีร์นะ เพราะเหมือนเป็นตัวของตัวเองดี กวนๆนั่นน่ะ อยู่กับผู้หญิงอย่างแม่พิกุลคงไม่ได้กวนอะไรแบบนี้ ชอบที่พี่แก้วตอบไปตรงๆ จะได้ไม่ยืดเยื้อดึงกันไปมา น้องธีร์ก็จะได้สบายใจ(เหรอออ?555) แต่จะทำยังไงได้หนอ สมัยนั้นก็ไม่เป็นที่ยอมรับ เรื่องแบบนี้ เออ ตั้งแต่อ่านมาตอนแรก ไม่คิดว่าน้องธีร์จะขี้เขินขี้อาบแบบนี้เลยนะ เรียกได้ว่าพี่แก้วมาที ทำเอาน้องธีร์บิดเลยทีเดียว ชอบบบ

รออ่านต่ออยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกเรื่องเลย

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
ตอนที่ ๒๒.๕...หนักใจ...




คุณหญิงสร้อยกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ และเป็นปัญหาหนักอกที่ติดอยู่ในใจเธอมาหลายวันเต็มที โดยตัวเธอเองก็จนปัญญาที่จะหาทางออก


...จะเรื่องอะไรเสียอีกถ้าไม่ใช่ความกังวลเป็นห่วงลูกสาวคนเล็กที่บัดนี้เติบโตงามพร้อมเป็นสาวสะพรั่ง และยังกิริยา มารยาทอ่อนช้อยงดงามเพราะได้เล่าเรียนมาจากในวัง...ความงามของแม่พิกุลเองก็เลื่องชื่อเสียจนหนุ่มน้อยใหญ่ในพระนครต่างแวะเวียนมาหามิเคยขาด มีตั้งแต่ระดับขุนเรื่่อยไปจนถึงพระยา...แต่จนแล้วจนรอดลูกสาวคนเล็กของพระยาจิตรานุวัตรและคุณหญิงสร้อยก็ไม่ได้มีท่าทีต่อใครเลยสักคน...สุดท้ายผู้เป็นพ่อและแม่จึงได้หมายมั่นที่จะฝากฝังแม่พิกุลไว้กับคุณหลวงคนสนิทของพระยาไพศาลราชวราการผู้ซึ่งเป็นสหายสนิทของพระยาจิตรานุวัตรมาช้านาน


...ทุกอย่างดูราบรื่นในตอนแรกเมื่อคู่หนุ่มสาวดูเข้ากันได้ดีจนใครต่อใครก็พากันชมว่าช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก...หากแต่ในใจลึกๆของคุณหญิงสร้อยแล้ว เธอรู้ดีว่าลูกสาวของตัวเองไม่ได้มีใจให้คุณหลวงหนุ่มมากไปกว่าความเป็นพี่น้องเลยแม้แต่น้อย...ส่วนด้านคุณหลวงหนุ่มเองด้วยความที่เป็นคนสุภาพ นอบน้อม ทำให้เธอเองไม่สามารถเดาใจอีกฝ่ายได้ว่าที่ไปมาหาสู่ที่เรือนนี้อยู่บ่อยครั้ง เป็นเพราะเขามีใจให้กับลูกสาวของเธอ หรือเพียงเพราะความนับถือเธอและสามีดุจญาติสนิทเท่านั้น...ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหากทั้งสองจะออกเรือนไปด้วยกัน เช่นเดียวกับเธอและสามีที่ก่อนแต่งงานก็ได้พบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง หากเมื่ออยู่กันไปนานเข้าก็เกิดเป็นความผูกพันและความรักขึ้นมา


...แต่ความกังวลใจกลับมีมากกว่าเดิม...เมื่อเด็กหนุ่มสองคนปรากฎตัวขึ้นบนเรือนของเธอในคืนหนึ่ง...ท่าทีประหลาดแตกต่างจากชาวพระนครทั่วไป และยังสำเนียงการพูดจาที่เธอไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน...หัวนอนปลายเท้าหรือก็ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน...แต่เพราะความสงสารจึงรับให้มาอยู่ที่เรือนคอยช่วยงานพวกบ่าวไพร่...จนเมื่อได้ทราบว่าเด็กหนุ่มทั้งสองมีความรู้ติดตัว เจ้าคุณผู้เป็นสามีจึงให้ขึ้นมาช่วยงานราชการของท่านเอง


...แม้ทั้งสองจะเป็นเด็กนอบน้อมมีสัมมาคารวะ แต่การพูดจาและกิริยาท่าทางช่างประหลาดนักในความคิดของคุณหญิง...ถึงกระนั้นเธอก็ยังเอ็นดูเด็กทั้งสองคนเหมือนลูกเหมือนหลาน ไม่เคยนึกเปรียบเทียบพวกเขากับบ่าวไพร่ในเรือน แม้จะคอยช่วยงานพวกบ่าวไพร่อยู่เนืองๆก็ตามที...โดยเฉพาะเด็กหนุ่มตัวสูงโปร่งผมยาวคนนั้น เธอรู้สึกผูกพันกับเขาอยู่มากทั้งที่ไม่รู้ที่มาที่ไปของเขาเลยแม้แต่น้อย...ส่วนอีกคนท่าทางเหมือนลูกคนจีน แต่กลับรู้มารยาททางสังคมและรู้หนังสือผิดกับพวกเจ๊กในตลาด...


...สิ่งที่ทำให้คุณหญิงสร้อยหนักใจ ไม่ใช่การปรากฎตัวของเด็กหนุ่มสองคนนั้น...หากแต่เป็นการพบกันของเด็กหนุ่มคนหนึ่งกับลูกสาวคนเล็กของเธอต่างหาก...เธอยังจำวันที่ลูกสาวของเธอกลับมาอยู่ที่เรือนหลังจากเข้ารับใช้เจ้านายในวังมานานหลายเดือนได้ดี...เธอยังจำสายตาของเด็กหนุ่มที่มองลูกสาวเธอไม่วางตาอย่างชื่นชมและเป็นมิตร...หากแต่เธอยังคงมั่นใจในตอนนั้นว่าคงไม่มีอะไรผิดปกติ ด้วยลูกสาวของเธอเองก็ถูกอบรมมาให้อยู่ในกรอบธรรมเนียมตั้งแต่เล็ก...การวางตัวและกิริยามารยาทก็ทำได้เหมาะสม


...แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน เธอกลับรู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์บางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างคนทั้งสอง...ท่าทีของเด็กหนุ่มแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขามีใจให้ลูกสาวของเธอ...ส่วนแม่พิกุลเองก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจ กลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ...หลายครั้งที่เธอเห็นทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนิทสนม หรือแม้แต่การที่เด็กหนุ่มคอยหาโอกาสใกล้ชิดลูกสาวของเธอ นั่นยิ่งทำให้เธอขุ่นหมองในใจ...เธอไม่เคยรังเกียจเด็กหนุ่มทั้งสอง แต่หากพูดถึงการฝากฝังชีวิตลูกสาวทั้งคนไว้กับคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ไม่มีตำแหน่งหน้าที่ใดๆ และยังได้ชื่อว่าเป็นเพียงเด็กบนเรือนของพระยาจิตรานุวัตร...ย่อมเป็นเรื่องที่คุณหญิงสร้อยไม่มีวันยอมรับได้


"หม่อมท่านจักกลับวังเมื่อใดรึแม่พิกุล"คุณหญิงสร้อยถามถึงผู้เป็นนายขณะที่กำลังนั่งมองลูกสาวคนเล็กบรรจงปักลวดลายลงบนผ้าไหมผืนงาม

"อีกสิบวันเจ้าค่ะคุณแม่"รอยยิ้มหวานฉ่ำเจือบนใบหน้า หากแต่สายตายังคงจดจ้องกับเข็มปักในมือ

"ต้องกลับเข้าวังเลยหรือไม่"

"หม่อมท่านว่ามิต้องรีบเจ้าค่ะ ข้าหลวงเรือนในยังอยู่อีกหลายคน หม่อมท่านอยากให้ลูกอยู่กับเจ้าคุณพ่อและคุณแม่ให้นานเจ้าค่ะ"เธอเพียงพยักหน้ารับกับคำพูดนั้น หากแต่ในใจกลับอยากให้ลูกสาวกลับเข้าวังโดยเร็ว

"แล้วหล่อนจักกลับเข้าวังเมื่อใดเล่า"ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองผู้เป็นแม่

"คุณแม่อยากให้ลูกกลับแล้วหรือเจ้าคะ"แสร้งทำเสียงน้อยอกน้อยใจ ถึงจะเป็นข้าหลวงเรือนในที่มารยาทงามพร้อม แต่แม่พิกุลก็ยังถือว่าเป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่ยังคงมีความซุกซนแบบเด็กน้อย...จนผู้เป็นแม่ได้แต่ส่ายหน้าตอบ

"คงอีกสักพักใหญ่เจ้าค่ะคุณแม่ เกรงว่าเจ้าคุณพ่อและคุณแม่จักเหงา"คนตัวเล็กตอบกลั้วเสียงหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี



...ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ เด็กหนุ่มตัวปัญหาสำหรับเธอก็เดินขึ้นเรือนมาพอดี...เมื่่อเช้าเธอวานให้เขาลงไปช่วยพวกบ่าวที่โรงครัวเตรียมของสำหรับเลี้ยงพระวันเกิดของลูกสาวคนเล็กที่จะมีขึ้นในวันรุ่งขึ้น...เธอสังเกตเห็นสายตาของเขา เช่นเดียวกับลูกสาวของเธอ

"งานเสร็จแล้วรึเอ็ง"น้ำเสียงที่ถามเรียบเฉยจนผิดสังเกต...อีกฝ่ายเพียงเดินเข้ามานั่งอยู่บนพื้นด้านล่าง ไม่เคยตีตนเสมอขึ้นมานั่งบนพื้นยกกลางเรือนเลยสักครั้งหากไม่มีใครบอก

"เสร็จแล้วครับ คุณหญิงมีอะไรให้ผมทำอีกมั้ยครับ"สำเนียงการพูดจาแปลกหูที่คุณหญิงสร้อยเริ่มคุ้นเคย ด้วยว่าได้ฟังมานานพอสมควร

"เอ็งมาก็ดี ประเดี๋ยวไปเก็บผักบุ้งให้ข้า เย็นนี้ข้าจะแกงเทโพ"คำสั่งที่ทำเอาเด็กหนุ่มเบิกตากว้างเล็กน้อย...ปกติเคยใช้ให้ทำแต่งานในครัวหรืออย่างมากก็ปัดกวาดเช็ดถูทั่วไป...แต่คราวนี้กลับให้พายเรือออกไปเก็บผักบุ้ง

"คุณแม่จะแกงเทโพหรือเจ้าคะ"เสียงหวานเอ่ยแทรก ละมือจากงานตรงหน้ามองผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้างตัว...คุณหญิงสร้อยเพียงพยักหน้ารับ

"เอ้า นั่งบื้ออยู่ได้ ข้าสั่งอะไรก็ไปทำเสียสิ"หันกลับไปดุเด็กหนุ่มที่ยังนั่งเหรอหราอยู่ จนต้องรีบผลุดลุกลงจากเรือนไป...แว่วเสียงคุณหญิงเจ้าของเรือนถอนหายใจเบา...สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ คือพยายามไม่ให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากกว่าเคย


"แม่ว่าหล่อนเข้าวังเสียตอนหม่อมท่านกลับมาก็ดี"น้ำเสียงเรียบเอ่ยจนฝ่ายลูกสาวได้แต่หันมามอง

"หากหม่อมท่านมีการใดให้ทำ หล่อนจักได้อยู่ช่วย"เมื่อเห็นลูกสาวมีสีหน้าสงสัยจึงอ้อมแอ้มหาเหตุผลตอบไป

"เจ้าค่ะ"และเมื่อเป็นคำสั่งของผู้เป็นแม่ จะเถียงอย่างไรก็คงไม่เป็นผล...คุณหญิงสร้อยได้เพียงลอบมองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง...ความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้อยากให้แม่พิกุลรีบกลับแม้แต่น้อย หากแต่ตอนนี้คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
.

.

.
ยิ่งเข้าช่วงบ่ายคล้อย บรรดาบ่าวในเรือนก็ยิ่งวิ่งวุ่นมากกว่าเดิม ด้วยว่าใกล้หมดวันเต็มทีและงานจะมีขึ้นในวันพรุ่ง...ทั้งเรือนเลยจอแจไปด้วยเสียงของทั้งผู้เป็นนายและบ่าวให้อื้ออึง...เจ้าคุณผู้เป็นเจ้าของเรือนเองก็เพิ่งกลับมาจากราชการที่กรม...หากแต่ยังออกมาช่วยดูแลความเรียบร้อยบนเรือนที่ตอนนี้ถูกจัดแจงไว้อย่างเป็นระเบียบ...นานๆจะมีโอกาสเลี้ยงพระบนเรือนสักทีเลยต้องเตรียมการให้เพียบพร้อม ไหนจะแขกเหรื่อที่เชิญมาร่วมอีก แม้จะเป็นจำนวนไม่มากนักหากแต่ด้วยหน้าตาของเจ้าของเรือนเห็นทีจะให้มีข้อบกพร่องไม่ได้

"วันพรุ่งเจ้าคุณไพศาลกับพ่อแก้วจักมาด้วยหรือไม่เจ้าคะ"คุณหญิงสร้อยเอ่ยถามผู้เป็นสามีที่ตอนนี้นั่งตรวจเอกสารราชการอยู่บนเรือน

"มาสิ เห็นว่าเจ้าพระยาเดโชกับหลวงเจษฎ์ลูกชายท่านจักมาด้วย"คนฟังขมวดคิ้วมุ่น จริงอยู่ที่ตอนนี้เจ้าคุณผู้เป็นสามีต้องติดต่อประสานเรื่องงานเลี้ยงท่านทูตฝรั่งเศสกับเจ้าพระยาฝ่ายกรมวังอยู่บ่อยครั้ง แต่นอกเหนือจากเรื่องงานแล้ว ทั้งสองก็ไม่ได้มีความสนิทชิดเชื้อกันแม้แต่น้อย...ตรงกันข้ามกลับดูเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาแต่ไหนแต่ไร...ส่วนคุณหลวงผู้เป็นลูกชายเองก็เคยมาติดพันแม่พิกุลเมื่อครั้งก่อนออกเรือน...หากแต่ถูกลูกสาวคนเล็กปฏิเสธกลับไป ซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยเพราะรู้จักนิสัยใจคอคุณหลวงคนนี้มากพอควร

"มิเป็นอะไรแน่หรือเจ้าคะ"แม้เจ้าของเรือนจะยืนยัน แต่ก็ยังถามกลับเพื่อความแน่ใจ...เจ้าคุณจิตราเพียงถอนหายใจยาว

"ท่านว่าจักมา เราก็ขัดท่านมิได้หรอกแม่สร้อย"เธอเพียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ...ด้วยตำแหน่งที่สูงกว่า หากพูดคำไหน ก็คงไม่มีใครกล้าขัด...ถึงได้ทนงตัวว่ามีศักดิ์สูงนัก แม้แต่ขุนนางท่านอื่นก็รู้กิตติศัพท์พ่อลูกคู่นี้ดี



"อ้ายธีร์ อ้ายแช่ม"เจ้าของเรือนเอ่ยปากเรียกเด็กหนุ่มสองคนที่เพิ่งเดินขึ้นเรือนมา...คุณหญิงได้แต่มองเด็กหนุ่มหน้าตี๋ด้วยความไม่สบายใจนัก หากแต่ต้องระงับเอาไว้เพียงเพราะไม่อยากให้เกิดปัญหา...สามีของเธอไม่รู้เรื่องที่เธอกำลังเป็นกังวล และเธอเองก็ไม่อยากบอกเช่นกัน

"วันพรุ่งเอ็งสองคนช่วยคุณหญิงท่านดูแลแขกเหรื่อที่มาเสียด้วย ลำพังคุณหญิงคงดูแลมิทั่วถึง"ด้วยความที่เคยทำงานร่วมกันและยังมีความรู้ความสามารถติดตัวทำให้เจ้าคุณจิตราไว้ใจเด็กหนุ่มสองคนมากทีเดียว

"มากันเยอะมั้ยครับ"เด็กหนุ่มตัวสูงกว่า ผมยาวละต้นคอเป็นคนถามขึ้น...ส่วนอีกคนได้แต่นั่งเงียบลอบมองคุณหญิงสร้อยเป็นพักๆ

"ไม่มากนัก แต่มีข้าหลวงคนสำคัญหลายท่าน"สองหนุ่มได้แต่มองหน้ากันเหรอหรา...แม้จะเคยช่วยงานอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยได้ออกงานต้อนรับแขกเหรื่อเช่นนี้มาก่อน

"พวกเอ็งมิต้องกังวล คนกันเองทั้งนั้น"คนกันเองของเจ้าคุณจิตรา ใช่ว่าจะเป็นคนกันเองของพวกเขาสองคนเสียเมื่อไหร่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังตกปากรับคำแต่โดยดี

"งานข้างล่างเรียบร้อยแล้วรึ"เป็นคุณหญิงสร้อยที่ถามขึ้นบ้าง...เธอปรายตามองเด็กหนุ่มหน้าตี๋ที่มองมาทางนี้บ่อยครั้ง

"เสร็จหมดแล้วครับ เหลือแต่อาหารที่จะถวายพระ ป้าน้อยกำลังเร่งทำอยู่ครับ"แม้งานจะมีขึ้นในวันพรุ่ง แต่อาหารที่จะเตรียมถวายพระมีมากนัก บางอย่างจึงต้องเตรียมกันตั้งแต่ช่วงเย็น


พอดีกับที่ลูกสาวคนเล็กของเจ้าคุณจิตราเดินขึ้นมาบนเรือน...คุณหญิงสร้อยสังเกตเห็นสีหน้าและแววตาของเด็กหนุ่มหน้าตี๋ที่มีต่อลูกสาวของเธออย่างชัดเจน...และยังลูกสาวของเธอเองที่มองตอบมาเช่นกัน...ใจหนึ่งเธอกำลังคิด...อีกไม่กี่วันแม่พิกุลก็จะกลับเข้าวัง คงไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล...หากแต่อีกใจเธอรู้สึกอยากจะยกก้อนหินที่มันทับแน่นอยู่ในอกนี้ให้ออกไปเสียที...พอดีกับที่เด็กหนุ่มหน้าตี๋ขอตัวลงจากเรือน เธอจึงสบโอกาสที่จะได้คุยกับเขาตามลำพัง...เธอเดินตามลงมาด้านล่าง ทันเห็นหลังของเด็กหนุ่มไกลๆ


"อ้ายแช่ม"ส่งเสียงเรียกจนเจ้าของชื่อชะงักฝีเท้า...เมื่อเห็นว่าเป็นคุณหญิงเจ้าของเรือนจึงรีบเดินกลับมาหา

"ครับคุณหญิง"ท่าทีนอบน้อมไม่ต่างจากเดิม...หากแต่สายตาที่มองเธอกลับเปลี่ยนไป

"ข้ามีอะไรจักพูดกับเอ็งเสียหน่อย"เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ...เหลือบไปเห็นเพื่อนสนิทอีกคนยืนมองอยู่ไกลๆคงเพราะความเป็นห่วง ก่อนที่เธอจะเดินนำเขามายังศาลาไม้สักข้างเรือนซึ่งถือเป็นที่ปลอดคน



"คุณหญิงมีอะไรรึเปล่าครับ"เด็กหนุ่มถามขึ้น มือทั้งสองประสานกันอยู่ด้านหน้าแสดงความนอบน้อม...แม้สำเนียงการพูดจะผิดแปลกจากชาวพระนครหากแต่เจือไปด้วยความเคารพ

"เอ็งมาอยู่ที่เรือนข้าได้นานเท่าใดแล้ว"คำถามที่ทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่น...หากนับเวลาทั้งหมดจริงๆแล้วก็นานอยู่

"ประมาณสองเดือนมั้งครับ"เขาตอบอย่างไม่แน่ใจนัก อีกฝ่ายเพียงแค่พยักหน้ารับ

"อยู่เรือนนี้สะดวกสบายดีหรือไม่"

"ครับ คุณหญิงกับเจ้าคุณเองก็เมตตาพวกผมมากจริงๆครับ"น้ำเสียงยังคงนอบน้อมด้วยสำนึกในบุญคุณ

"ข้าเห็นเอ็งตั้งใจทำงานช่วยเจ้าคุณท่าน แลยังงานบ้านงานเรือนของพวกบ่าว ข้าขอบใจเอ็งมาก"น้ำเสียงเรียบเจือด้วยความอ่อนโยน...เธอไม่ใช่คนใจร้ายใจดำ หากแต่เพราะความเป็นห่วงและความกังวลต่างหากที่ทำให้เธอมีทีท่าเช่นนี้

"จริงสิ เอ็งมาอยู่ที่นี่เสียนาน มิได้หมายปองหญิงใดบ้างรึ"คำถามที่ทำเอาเด็กหนุ่มเบิกตากว้าง...ท่าทีอึกอักแสดงออกชัดเจน

"ก็...มีครับ"อ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง...หากแต่อีกฝ่ายรู้ดีว่าคนที่เขาหมายถึงคือใคร

"ใครเล่า บอกข้าได้หรือไม่ พวกบ่าวในเรือนหรือลูกสาวแม่ค้าในตลาดคนใด"คำถามที่ทำเอาเด็กหนุ่มหน้าเจื่อนไปทันที...เขารู้ดีว่าคุณหญิงต้องการจะสื่ออะไร...สำหรับคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างตัวเขา...หากจะหมายปองใครสักคน ก็คงหนีไม่พ้นพวกบ่าวในเรือนหรือลูกสาวชาวบ้านอย่างที่คุณหญิงแกว่า

"หากเอ็งหมายปองลูกสาวใคร ข้าจักช่วยเป็นธุระให้ อย่างไรเสียเอ็งก็ถือเป็นคนในเรือนของข้าเช่นกัน"คุณหญิงสร้อยยังคงพูดต่อโดยไม่หันมามองสีหน้าของเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย...เธอเองก็เอ็นดูเขามากอยู่ แต่ถ้าจะให้ถึงขั้นยอมฝากฝังลูกสาวไว้ เห็นทีจะยอมไม่ได้



"ขอบคุณคุณหญิงมากครับ...แต่คนที่ผมชอบ...ผมไม่กล้าจะไปแตะต้องเธอหรอกครับ สิ่งที่ผมต้องการ แค่เห็นเธอมีความสุข มีชีวิตที่ดี แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว...คุณหญิงไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าต้องการจะสื่อถึงอะไร...แม้ไม่ต้องพูดกันออกมาตรงๆ

"เอ็งเป็นคนดีมีน้ำใจนักอ้ายแช่ม ข้าเชื่อว่าวันหน้าเอ็งจักได้พบคนที่คู่ควรกับเอ็ง"เป็นเหมือนคำขอบคุณจากปากคุณหญิง อย่างน้อยเธอก็สบายใจขึ้นมาบ้างที่ได้พูดความในใจออกไป และยิ่งได้รับคำยืนยันจากปากของอีกฝ่าย...หากแต่ในใจลึกๆเธอยังคงเป็นกังวล...ว่าสิ่งที่เธอทำนั้น มันดีแน่แล้วหรือ...

"ผมพบคนที่ผมรัก...และผมไม่คิดจะเปลี่ยนใจ ถึงแม้ชาตินี้ผมจะไม่มีโอกาสได้อยู่กับเธอ ผมก็จะไม่ตัดใจ"น้ำเสียงหนักแน่นชัดเจนผิดกับทุกครั้ง...เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเลย...เขาหนักแน่นและมั่นคง...ติดเพียงฐานะและที่มา...หากเขามีพร้อม ลูกสาวของเธอก็คงจะมีความสุข


คุณหญิงสร้อยไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอเพียงเดินจากขึ้นเรือนปล่อยให้เด็กหนุ่มยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม...เขารู้ดีว่าเขาไม่คู่ควร...และไม่ว่าจะทำดีเช่นไรก็ไม่สามารถหักล้างความคิดในใจของคุณหญิงในเรื่องฐานะหรือชาติกำเนิดได้


"โอเคมั้ยมึง"คำปลอบใจจากคนเป็นเพื่อนพร้อมมือที่บีบลงบนไหล่...เขาพยักหน้ารับ หากแต่สีหน้ากลับตรงข้ามกับคำตอบ

"เดี๋ยวมันก็ผ่านไป"ธีร์รู้จักเขาดีกว่าใคร...เขาเองก็รู้จักธีร์ดีเช่นกัน...ต่อให้ปากจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่คนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กย่อมรู้ใจอีกฝ่ายดี

"กูทำดีที่สุดแล้วธีร์"เจ้าของชื่อทำได้เพียงยกมือจับหัวเกรียนๆของเขาโยกไปมา...ในเวลาเช่นนี้การมีใครสักคนอยู่ข้างๆมันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

"กูเชื่อ ว่ามึงทำดีที่สุดแล้ว"แม้เวลาปกติจะกวนประสาทกันอยู่ตลอด แต่เมื่อคนใดคนหนึ่งมีปัญหา อีกคนก็พร้อมจะยืนอยู่เคียงข้างเสมอ

"กูขออยู่คนเดียวซักพักนะธีร์"อีกฝ่ายพยักหน้ารับ ตบบ่าเขาอีกสองทีก่อนจะเดินจากไปทางโรงครัว...เขายังคงนั่งอยู่ที่ศาลาไม้สักเรือนนั้น...มันไม่ใช่ความเสียใจ...ไม่ใช่ความเศร้า...แต่เป็นการยอมรับความจริง...ความจริงที่เขาเองก็รับรู้มาตั้งแต่แรก...จะไปโทษใครก็คงไม่ได้ ถ้าจะผิดก็ผิดที่ตัวเขาเองไม่คิดจะห้ามใจทั้งที่รู้อยู่ว่าสุดท้ายมันจะลงเอยแบบนี้...แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ไม่เคยนึกเสียดายแม้แต่น้อย





...คุณหญิงสร้อยนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอน พร้อมลูกสาวที่นั่งอยู่หน้ากระจก...เธอมองผ่านกระจกเพื่อสำรวจใบหน้าและเรือนผมของลูกสาวคนเล็ก...พรุ่งนี้แม่พิกุลจะอายุครบ๑๘ปี...ใบหน้าหวานฉ่ำ ดวงตาคมเหมือนผู้เป็นพ่อ...ผิวสีน้ำผึ้งสวยเนียนละเอียด...นั่นทำให้เธอไม่แปลกใจเลยหากลูกสาวจะเป็นที่หมายปองของใครต่อใคร

"คุณแม่มีอะไรหรือเจ้าคะ เห็นมองลูกอยู่นาน"เสียงเรียกปลุกเธอจากความคิด...หันไปสบตาลูกสาวที่มองจ้องอยู่นาน...เธอเพียงยิ้มอ่อนโยนรับก่อนจะลุกมานั่งข้างๆลูกสาวคนเล็ก

"วันพรุ่งหล่อนก็ครบ๑๘ปีแล้ว แม่ดีใจที่ได้เห็นหล่อนเติบโตเพียบพร้อมเช่นนี้"ริมฝีปากบางแย้มรับคำชมจากผู้เป็นแม่

"ต่อไปภายหน้าหล่อนก็ต้องออกเรือนมีครอบครัว แม่อยากให้ถึงวันนั้นเสียที แม่กับเจ้าคุณพ่อจักได้วางใจว่าหล่อนมีคนที่ดูแลหล่อนได้"ยกมือขึ้นลูบเรือนผมดำสนิทของลูกสาวอย่างอ่อนโยน โดยที่เธอไม่ทันสังเกตว่าสีหน้าของแม่พิกุลเจื่อนลงเล็กน้อย

"แม่จักหาคนที่เพียบพร้อมและเหมาะสม"หากแต่คำว่าเพียบพร้อมและเหมาะสมของเธอ คงเป็นคนละความหมายกับสิ่งที่ลูกสาวต้องการ

"ถ้าหากคนที่เพียบพร้อมและเหมาะสมมิใช่คนที่ลูกรักล่ะเจ้าคะคุณแม่"คำถามที่ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องสะอึก...ลูกสาวคนเล็กเพียงพิงซบลงบนไหล่ของเธอราวกับเด็กน้อยที่กำลังออดอ้อน...สำหรับผู้เป็นแม่แล้ว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ลูกก็ยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่เช่นนั้น

"ความรักสามารถสร้างขึ้นได้ แต่ฐานะแลชาติกำเนิดมิสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้หรอกนะแม่พิกุล"

"ถึงแม้เขาจักเป็นคนดีก็ตามหรือเจ้าคะ"ลูกสาวยังคงเอ่ยถาม...เธอรู้ดีว่าแม่พิกุลกำลังหมายถึงใคร นั่นทำให้เธอทำได้เพียงถอนหายใจยาว ก่อนจะจับไหล่ของลูกสาวให้ลุกขึ้นสบตาเธอนิ่ง

"หล่อนอาจคิดว่าแม่มิเข้าใจ แต่ขอให้รู้ไว้เถิดว่าไม่มีใครรักและปรารถนาดีกับหล่อนมากไปกว่าแม่และเจ้าคุณพ่ออีกแล้ว แลถ้าหล่อนได้ออกเรือนกับคนที่เหมาะสมเพียบพร้อม นั่นก็ถือเป็นหน้าเป็นตาให้เจ้าคุณพ่อเช่นกัน แม่หวังว่าหล่อนคงเข้าใจ"ประกายสั่นระริกในดวงตาคมหวานฉ่ำนั้นกำลังบ่งบอกว่าลูกสาวของเธอเสียใจยิ่งนัก

"คุณแม่เป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูกมาแต่เล็ก หน้าที่ของลูกคือการตอบแทนพระคุณคุณแม่แลเจ้าคุณพ่อ หากคุณแม่ต้องการให้ลูกทำสิ่งใด ลูกก็ยินดีทำเจ้าค่ะ"น้ำเสียงของเธอหนักแน่นขัดกับประกายในดวงตาที่สั่นระริกนั้น...คุณหญิงสร้อยทำได้เพียงโอบลูกสาวเอาไว้แนบอก...ใจของผู้เป็นแม่หากเห็นลูกสาวเป็นกังวลตนเองย่อมเป็นหนักยิ่งกว่า...หากแต่เรื่องนี้เธอคงไม่สามารถทำตามใจแม่พิกุลได้...หรือแม้ตัวเธอเองจะยอมใจอ่อน แต่เจ้าคุณผู้เป็นสามีคงไม่ยอมเป็นแน่ ด้วยฐานะและหน้าตาในสังคม...นั่นทำให้เธอตัดสินใจจัดการเรื่องนี้แต่เพียงลำพัง



...เธอได้แต่หวังว่าวันหนึ่งลูกสาวของเธอจะเข้าใจว่าสิ่งที่เธอทำลงไปทั้งหมด นั่นคือความปรารถนาดีจากผู้ที่ได้ชื่อว่า...แม่...



อีกฟากหนึ่งของเรือน...ในห้องนอนลูกสาวคนโตของเจ้าของเรือนหากแต่ตอนนี้กลายเป็นห้องนอนของเด็กหนุ่มพลัดถิ่นทั้งสอง...คนตัวสูงกว่าหลับไปได้สักพักแล้วเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นมาช่วยงานแต่เช้า...หากแต่ความอึดอัดที่สุมอยู่ในอกของเด็กหนุ่มอีกคนทำให้เขาไม่สามารถข่มตาหลับลงได้...มือข้างหนึงก่ายบนหน้าผาก คิ้วดกได้รูปขมวดแน่นอยู่นาน...สมองยังคงใช้ความคิดวนเวียนวกวนไม่จบสิ้นและไม่มีทางออก...สิ่งที่ทำได้เพียงแค่พลิกตัวไปมาเพื่อบรรเทาอาการอึดอัดใจ

"ไม่นอนวะแชมป์ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านะมึง"น้ำเสียงงัวเงียของคนข้างๆดังขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงอาการยุกยิกของอีกฝ่ายจนทำให้เขาสะดุ้งตื่น

"นอนไม่หลับ"ตอบเพียงสั้นๆ หากแต่ยิ่งทำให้คนที่ถูกปลุกยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม

"นอนไม่หลับแล้วกลิ้งไปกลิ้งมากวนกูแบบนี้ มึงลงไปนอนพื้นเลยไป"คนตัวสูงพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตาแต่ยกขามาสะกิดคนข้างๆอย่างไม่สบอารมณ์นัก

"เออๆ"เมื่อเห็นว่าทำอย่างไรก็คงหลับไม่ลงเป็นแน่ ถึงได้หอบหมอนกับผ้าห่มอีกผืนลงไปนอนอยู่ข้างเตียงแทนเพราะไม่อยากรบกวนเพื่อนสนิท...ในตอนนี้ทั้งความคิดของเขามีเพียงคนๆเดียว...ใบหน้าหวานฉ่ำลอยเวียนวนไม่ห่างหาย...เรียวปากบางสีกลีบบัวคลี่ยิ้มละมุน...ดวงตากลมโตส่องประกายระยับ...กิริยามารยาทเนิบนาบอ่อนช้อย...และแก้มเนียนใสระเรื่อที่เขาเคยได้สัมผัสเพียงครั้งเดียว...ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่สามารถสลัดภาพพวกนี้ออกไปจากหัวได้...หรืออาจจะเป็นเพราะเขาเองไม่อยากทำมันก็ตาม...



ถ้าหากแชมป์จะรู้...ว่าอีกฟากของเรือน...คนตัวเล็กเองก็กระสับกระส่ายจนนอนไม่หลับเช่นกัน...ใบหน้าหวานเจือความกังวลอย่างเห็นได้ชัด...คำพูดของผู้เป็นแม่ยังคงดังก้องในความคิด...หากแต่เพราะสิ่งที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กทำให้เธอไม่สามารถปฎิเสธหรือต่อต้านได้...อีกสิบวันเธอคงต้องกลับเข้าวังตามความต้องการของผู้เป็นแม่...อีกสิบวันที่เธอไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกับเขาอีกไหม...และอีกสิบวันที่เธอภาวนาขอให้เวลามันผ่านไปอย่างเชื่องช้า...ทั้งที่เธอรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร...


...แล้วจะมีหนทางใดที่ทำให้คนทั้งสองที่มีหัวใจตรงกัน...จะได้สมหวังในสิ่งที่ต้องการ...


...เขาได้แต่เฝ้าภาวนา...และเธอเองก็เช่นกัน...


...ขอให้วันหนึ่งสิ่งที่พวกเขาปรารถนาจะกลายเป็นความจริง...


.........................................................................................


ตอนแทรกของคุณหญิงแม่ค่ะ
หัวอกคนเป็นแม่ยังไงก็ต้องห่วงลูกเนอะ

ฝากตอนนี้ด้วยนะคะ  :call: :call: :call:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
มาให้กำลังใจก่อนจ้า

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
โอย โดนพูดดักไว้ขนาดนี้ เครียดแทนเลย
ทำยังไงได้ล่ะ คืออยู่ดีๆก็โผล่มา การแต่งตัว การพูดจาก็ประหลาดกว่าคนทั่วไป
คนเป็นแม่ก็คงจะไม่อยากยกลูกสาวให้หรอก แล้วยิ่งสมัยนั้นนะ ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
พ่อแม่มีหน้าตาในสังคม มีตำแหน่งด้วย แล้วจะทำไงล่ะเนี่ย พ่อแชมป์แม่พิกุล เฮ้อ

นี่ดูจากว่าพ่อแชมป์พ่อธีร์ต้องช่วยรับแขก...ได้กินมาม่าอีกแหง หลวงเจษฎ์ต้องมาทำเรื่องแน่ๆ
ไม่อยากให้มีดราม่าเลย งื้อ แต่มาม่าไรก็ทนได้ ขอแค่ไม่ผิดใจกันก็โอเคแล้ว

รออ่านต่ออยู่น้า

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

meili run

  • บุคคลทั่วไป
ดราม่าซ้าาาาาาาาาาาาาาา สู้ๆนา อ้ายแช่ม ไม่งั้นเดี๋ยวอุ้มสม อุต๊ะ ไปดีกว่า :hao3:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ห่วงได้แต่อย่าจับไปแต่งงานกะคนที่ไม่ได้รักนะคะ
นั่นน่ะฆ่าลูกทั้งเป็น
พ่อแช่มไม่ร่าเริงเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ได้แต่หวังว่าคู่นี้จะมีทางออกดีๆนะ  :ling1:

ออฟไลน์ Redz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ขอให้มันสมหวัง ทั้งหมดเลยได้ไหม ได้โปรด เจอพีเรียดมาแต่ละเรื่องนี้ปวดร้าวกันมาก :hao5:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ชอบการดำรงชีวิตและทุกสิ่งอย่างของคนสมัยก่อนนะ
ยกเว้นอยู่สองเรื่องๆทาสกับคลุมถุงชน

นับถือแชมป์เลย รักแต่ไม่หวังครองแบบนี้มีน้อย(มาก)นะแต่ใช่ว่าไม่มี
รอร๊อรอรอรอรอครับ
 :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
ตอนที่๒๓...พบกันอีกครั้ง...




...งานบุญวันเกิดของลูกสาวเจ้าของเรือนถูกจัดขึ้นอย่างไม่ใหญ่โตนัก...ก็แค่...นิมนต์พระสงฆ์๙รูปมาให้ศีลให้พรพร้อมเทศนาธรรมแก่เจ้าของวันเกิดรวมไปถึงแขกเหรื่อที่มาร่วมงานอีกประมาณ๒๐คน...ส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าราชการจากกรมการต่างประเทศที่มาพร้อมภรรยาและครอบครัว ที่แม้จะเป็นงานบุญแบบไม่เป็นทางการแต่ก็ล้วนแต่งองค์ทรงเครื่องกันมาเต็มที่ โดยเฉพาะคุณหญิงคุณนายทั้งหลายที่ต่างอวดโฉมเครื่องแต่งกายอันงามงด...ผ้าสไบและโจงกระเบนหลากสีเหล่านั้นล้วนสร้างสีสันให้เรือนของพระยาจิตรานุวัตรดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม



...นั่นเขาเรียกงานเล็กๆเหรอครับ?...ผมเพิ่งรู้!



"แชมป์ เร็วๆดิมึง สายแล้วยังไม่ออกไปเดี๋ยวได้โดนเจ้าคุณด่าเปิง"ผมจัดแจงเสื้อผ้าและผมเผ้าให้เข้าที่ก่อนจะหันไปเรียกไอ้ตัวดีที่ยังยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้ากระจก

"มึงใจเย็นดิ เกิดมากูไม่เคยนุ่งโจงกระเบน กูนุ่งไม่เป็นโว้ย"ท่าทางมันตลกพิลึกเวลาที่มันพยายามหมุนตัวไปมาแล้วจับชายโจงกระเบนขมวดขึ้นสอดเข้าด้านหลัง...ผมเองก็เจอปัญหาเดียวกันแต่เพราะผมตื่นเช้ากว่าเลยมีเวลาวุ่นวายกับชีวิตตัวเองนานหน่อย...ส่วนไอ้แชมป์ เมื่อคืนเห็นมันพลิกตัวไปมาอยู่นานกว่าจะหลับได้คงเพราะมีเรื่องกังวลใจเลยทำให้ตื่นสายโด่ง...โชคดีที่วันนี้อาการซึมเศร้ามันลดลงไปมากเพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับงานบุญที่จะมีขึ้น

"ธีร์มึงมาช่วยกูหน่อย กูเอื้อมไม่ถึง"มันว่าพลางสอดชายโจงกระเบนส่งมาให้ผมด้านหลัง...ผมเลยต้องเป็นคนช่วยมันแต่งตัวให้เรียบร้อย



...วันนี้เจ้าคุณจิตราท่านว่ามีแขกสำคัญมาหลายท่าน ให้พวกผมแต่งตัวค่อนข้างเป็นทางการซึ่งก็คือไอ้โจงกระเบนเจ้าปัญหานี่แหละ ส่วนด้านบนก็เป็นเสื้อเชิ้ตคอตั้งสีน้ำเงินติดกระดุมหน้าทรงคล้ายกับเครื่องแบบราชการของเจ้าคุณจิตราแต่เนื้อผ้าบางกว่า...ผมเผ้าที่มันยาวละต้นคอที่เคยปล่อยตามธรรมชาตินี่ก็ต้องจับเสยเก็บทัดหูให้เรียบร้อย...พวกผมเลยค่อนข้างทุลักทุเลกับการแต่งตัวเพราะไม่เคยใส่อะไรแบบนี้มาก่อน...อยากจะหยิบเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่ใส่ติดตัวมาขึ้นมาใส่ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปแต่เกรงว่าแขกเหรื่อเขาจะตกใจเสียก่อน


...แต่งตัวกันเสร็จก็รีบออกมาข้างนอกทันที...ได้ยินเสียงจอแจของผู้คนดังไปทั่วด้านบนของเรือน...ส่วนด้านล่างเองก็คงครึกครื้นไม่แพ้กัน เพราะแขกเหรื่อที่มาต่างก็มีบ่าวไพร่ติดตามมาด้วย จึงเหมือนเป็นงานสังสรรค์ย่อมๆที่เรือนบ่าวด้านหลัง ถ้าไม่ติดที่ผมต้องช่วยรับแขกให้เจ้าคุณจิตรา ผมคงลงไปหมกตัวอยู่ที่เรือนบ่าวแทน เพราะด้านบนมีแต่แขกผู้ใหญ่ทั้งนั้น คุยไม่สนุกเหมือนพวกบ่าวท้ายเรือนหรอกครับ



"กว่าจักออกมาได้นะพวกเอ็งสองคน"ผิดคำผมเสียที่ไหน เพราะออกมาช้าเลยถูกเจ้าของเรือนเอ็ดเข้าให้...ตอนนี้บนเรือนค่อนข้างวุ่นวายและจอแจไปด้วยผู้คน...พระสงฆ์ยังมาไม่ถึง บรรดาแขกเหรื่อเลยอาศัยจังหวะนี้พูดคุยทักทายกัน

"ไปช่วยคุณหญิงแกรับแขกทางโน้น แกต้องลงไปดูกับข้าวกับปลาที่โรงครัว"รับคำเจ้าคุณจิตราเสร็จก็แยกย้ายกันไปคนละมุม...ผมเดินไปรับช่วงต่อจากคุณหญิงสร้อยที่วันนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก คงเป็นเพราะผ้าสไบสีเขียวสดที่เธอห่มอยู่กับรอยยิ้มหวานที่คอยต้อนรับบรรดาผู้มาเยือนไม่ขาด



...หน้าที่ของผมก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่ดูแลความเรียบร้อยบนเรือน ส่วนบรรดาแขกของเจ้าคุณที่มาในงานส่วนใหญ่ผมไม่รู้จักก็เลยแค่ยกมือไหว้ทักทายพอเป็นพิธี...มีเพียงบางท่านที่เคยพบหน้ากันมาก่อนถึงจะหยุดทักทายถามสารทุกข์สุขดิบกันบ้าง...เหลือบไปเห็นเจ้าของวันเกิดอยู่อีกฟาก...วันนี้เธอก็สวยหวานเช่นเคยในชุดเสื้อแขนพองสีขาวห่มทับด้วยสไบสีกลีบบัวตัดกับโจงกระเบนสีน้ำเงินคาดทับด้วยเข็มขัดนาคเส้นโต...ใบหน้าหวานฉ่ำโดยไม่ต้องแต่งแต้มเครื่องสำอางค์ใดๆ ไม่เหมือนกับสาวๆในยุคของผมที่ล้างหน้าออกมาทีแทบจำกันไม่ได้เลยทีเดียว...คุณพิกุลกำลังยืนคุยกับเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันสองสามคน ทุกคนดูงามตามแบบฉบับหญิงไทยแท้ๆจนผมเองยังเผลอมองเสียเพลิน...

"อ้ายธีร์ เอ็งช่วยรับถาดผลไม้ไปวางตรงนั้นให้ข้าที"ได้ยินเสียงพี่ชดร้องเรียกอยู่ตรงบันได ในมือมีถาดผลไม้ที่แกะสลักลวดลายอย่างสวยงามและหั่นเป็นชิ้นพอคำสำหรับแขกที่มาร่วมงาน...ดูท่าแกไม่อยากขึ้นมาวุ่นวายบนเรือนถึงได้ให้ผมเป็นคนรับช่วงแทน...ผมเห็นไอ้แชมป์เดินคุยกับคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างอารมณ์ดี มันทำงานกับเจ้าคุณจิตราทำให้รู้จักผู้มาร่วมงานอยู่หลายคน...แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตได้ แม้มันจะมีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่มันไม่ยอมเฉียดเข้าไปใกล้เจ้าของวันเกิดเลยสักครั้ง แถมไม่มองหน้าอีกต่างหาก คุณพิกุลเองก็เช่นเดียวกัน


...และวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบคุณดาวเรือง ลูกสาวคนโตของเจ้าคุณและคุณหญิงสร้อย...เธอมาพร้อมกับพระยาโสภณผู้เป็นสามี...ความงามของเธอไม่แพ้น้องสาวเลยทีเดียว แต่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก...ส่วนเจ้าคุณสามีของเธอแม้จะดูสูงวัยกว่าแต่ยังคงมีท่าทีสง่าไม่แพ้เด็กหนุ่มรุ่นๆ


"เจ้าคุณไพศาลสวัสดีครับ...สวัสดีครับคุณหลวง"ผมยกมือไหว้แขกสองคนที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดีเมื่อท่านเดินขึ้นเรือนมา

"วันนี้ดูแปลกตาไปนะพ่อธีร์"เจ้าคุณไพศาลทักขึ้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เห็นทีจะเป็นเพราะชุดกับทรงผมที่เปลี่ยนไป

"เจ้าคุณไพศาลกับคุณหลวงก็เหมือนกันนะครับ"เจ้าคุณเองก็ดูแปลกตาไปเช่นกัน คงเพราะวันนี้ไม่ใช่งานที่เป็นทางการ ท่านจึงแต่งตัวคล้ายกับผมต่างกันที่เสื้อของท่านเป็นสีขาวเหมือนชุดราชการ...ส่วนคุณหลวงคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นต้องบอกว่าแปลกตาไปมากทีเดียว เพราะวันนี้เขาสวมเสื้อแขนยาวสีครีมแบบเดียวกันกับผมซึ่งเข้ากันดีกับโจงกระเบนสีกรมท่า...ผมรองทรงเสยเรียบไปด้านหลังเช่นเคยเผยให้เห็นกรอบหน้าคมเข้มรับกับจมูกโด่งสวยได้รูป และยิ่งดูดีขึ้นอีกเมื่อถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มปรายบนใบหน้า

"เจ้าของเรือนไปไหนเสียเล่า มิออกมาต้อนรับหน่อยรึ"ผมหันไปมองหาเจ้าคุณเจ้าของเรือน เห็นว่าท่านกำลังคุยกับผู้ชายวัยกลางคนท่านหนึ่ง ก่อนจะเดินนำผู้มาเยือนทั้งสองไปพบ...ทักทายกันพอเป็นพิธี เจ้าคุณไพศาลก็ขอตัวไปอวยพรวันเกิดให้ลูกสาวเจ้าของเรือนเสียหน่อย


"ไม่ไปอวยพรวันเกิดให้คุณพิกุลหน่อยเหรอครับ"หันไปถามอีกฝ่าย...จะว่าไปวันนี้เขาก็ดูดีกว่าปกติมากทีเดียว...คงเป็นเพราะชุดที่ใส่นี่ด้วย

"ผู้ใหญ่เขาให้พรก็พอแล้ว"คนตัวสูงคลี่ยิ้มบางส่งมาให้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแปลก

"มีอะไรรึเปล่าครับ"ใบหน้าคมเข้มส่ายไปมาหากแต่รอยยิ้มยังเจืออยู่บนริมฝีปากหยักหนาได้รูป

"วันนี้พ่อธีร์ดูแปลกตา..."ผมหรี่ตามองคนตัวสูงอย่างสงสัย

"เอ มิเคยชมผู้ชายด้วยกันเสียด้วย หากเป็นหญิงเห็นทีต้องบอกว่างามแท้"แล้วผมควรจะดีใจกับคำชมแบบนี้รึเปล่าเนี่ย

"ถ้าจะชมผู้ชายด้วยกัน ต้องบอกว่าหล่อครับ"หันไปยักคิ้วกวนให้สักที...อยู่ไปนานเข้าก็เริ่มชินกับคำพูดหวานๆนี่แล้ว...สงสัยภูมิต้านทานดีขึ้น

"หล่อ รึ"คนตัวสูงขมวดคิ้วมุ่น ผมไม่แน่ใจว่าสมัยนี้เขามีคำนี้ใช้กันหรือยัง

"ถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็handsomeน่ะครับ"เอากับผมสิครับคุณผู้อ่าน คุยกับคนไทยด้วยกันแต่ต้องมานั่งแปลกันเป็นภาษาอังกฤษ...เพราะถึงผมจะอยู่ที่นี่มานานแต่ก็ไม่ชินกับภาษาไทยแท้แบบโบราณนี่จริงๆ

"อ้อ!...แต่พ่อธีร์ก็มิได้หล่อเสียทีเดียว"แล้วผมหล่อสองทีหรือสามทีล่ะ

"ขอเรียกว่ารูปงามก็แล้วกัน"ผมว่าถ้าจับคุณหลวงไปอยู่ในสมัยผมได้ผมคงรวยไปแล้วเพราะได้พระเอกลิเกรูปหล่อคารมดีมาร่วมคณะ

"ว่าแต่ไม่เคยชมผู้ชาย แต่พอเป็นผู้หญิงนี่รู้ดีเลยนะครับว่าต้องชมแบบไหน"แว่วเสียงคนตัวสูงหัวเราะเบา

"จะให้เราไปชมชายใดกันเล่า หากคิดจะชมก็คงมีเพียงพ่อธีร์คนเดียว"ท้ายประโยคลดเสียงลงพลางก้มหน้ามากระซิบใกล้ๆ...ผมว่าผมยังไม่ค่อยชินกับคำพูดพวกนี้นะ เพราะดันรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาที่หน้าเสียนี่...แต่เรื่องอะไรจะยอมอยู่ต่อปากต่อคำ ผมเลยขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยอีกด้านหนึ่งแทน...



...ทักทายบรรดาผู้มาเยือนได้ไม่นานนัก พระสงฆ์ที่นิมนต์มาท่านก็ทยอยเดินขึ้นเรือน ทำเอาเสียงจอแจของผู้คนเงียบลงได้บ้างแล้วพากันจับจองที่นั่งรอบๆเพื่อรอฟังพระท่านสวด...เห็นไอ้แชมป์นั่งพับเพียบอยู่ไม่ไกลนักตั้งใจจะเดินไปนั่งด้วยแต่กลับถูกคนตัวสูงยืนขวางไว้เสียก่อน

"นั่งด้วยกันได้หรือไม่"ยืนยิ้มกริ่มอยู่ตรงหน้า พลางผายมือไปยังที่ว่างข้างๆ...ผมเห็นว่าไม่ได้มีอะไรเสียหายจึงยอมนั่งลงแต่โดยดี...เจ้าคุณเจ้าของเรือน คุณหญิงสร้อย และลูกสาวทั้งสองนั่งอยู่ด้านหน้าสุด...ถัดมาเป็นเจ้าคุณไพศาลและแขกผู้ใหญ่อีกหลายท่าน...ส่วนผมกับหลวงพิสิษฐนั่งกันอยู่ด้านหลังเพราะปกติแล้วไม่ชอบเสนอตัวไปอยู่ข้างหน้าเท่าไหร่นัก...ไอ้แชมป์เองก็นั่งอยู่กับคุณหลวงคนสนิทของเจ้าคุณจิตราที่เห็นว่าเพิ่งกลับมาจากหัวเมืองเพราะลางานไปเยี่ยมครอบครัว...เมื่อบรรดาแขกเหรื่อพากันนั่งลงเรียบร้อยแล้ว พระท่านจึงเริ่มสวดให้ศีลให้พรกับเจ้าของวันเกิดและผู้มาร่วมงาน...ผมนั่งพับเพียบพนมมือนิ่งอย่างตั้งใจเพราะตัวเองไม่ได้ทำบุญมานานมากแล้ว ครั้งล่าสุดก็ตอนไปวัดกับคนข้างๆแต่ก็เพียงแค่ไหว้พระขอพรจากพระประธานในพระอุโบสถเท่านั้น...เหลือบมองคนตัวสูงที่นั่งพนมมือนิ่งรับพรไม่ต่างกัน...ดวงตาคมสวยจดจ้องไปที่พระสงฆ์เบื้องหน้า...ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าถูกมองจึงได้หันกลับมาสบตานิ่ง

"ตั้งใจฟังพระท่านสิพ่อ"รู้ว่าแกล้งดุเพราะเขาคลี่ยิ้มออกมา ผมเลยรีบหันกลับแทบจะทันที...แว่วเสียงคนตัวสูงหัวเราะเบา

"ขำอะไรครับ"หันกลับไปถามอีกรอบ

"คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ"ใบหน้ากรุ้มกริ่มนั่นยิ่งทำให้ผมขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย และโดยไม่ต้องรอให้ผมถามเขาก็เฉลยคำตอบที่ทำเอาผมหน้าแดงวาบ

"โบราณเขาว่าทำบุญร่วมกัน ชาติหน้าจะได้เกิดมาคู่กันอีก"เอ่ยเสียงเรียบเบาๆพอให้ได้ยินกันแค่สองคน

"ตลกครับหลวงพิสิษฐ แค่นั่งฟังพระสวดเค้าไม่เรียกทำบุญร่วมกันครับ"ตอบกลับโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย...ไม่รู้ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน

"งั้นรึ...เช่นนั้นพ่ออยากทำบุญร่วมกับเราหรือไม่เล่า จักพาไป"ใครช่วยเอาคนข้างๆผมไปเก็บไกลๆที...ผมเขิน!

"ไม่ตั้งใจรับพรเดี๋ยวไม่ได้บุญนะครับ"รีบเปลี่ยนเรื่่องทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงสบตานิ่ง...ดวงตาคมสวยส่องประกายระยับราวกับจะคาดคั้นเอาคำตอบ

"ไป...ก็ได้ครับ"ตอบกลับโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย เขาจึงยอมละสายตามองตรงไปข้างหน้าได้เสียที แอบเห็นรอยยิ้มบางเจือบนใบหน้าคม



ฟังพระสวดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้เวลาถวายภัตตาหารเพล โดยมีเจ้าของวันเกิดและเจ้าของเรือนทั้งสองเป็นผู้ถวาย...ส่วนบรรดาผู้ร่วมงานบางท่านก็จับวงสนทนาทั้งเรื่องการบ้านการเมือง หรือแม้แต่เรื่องความสวยความงามทั่วไป...เห็นคุณหญิงสร้อยเปรยขึ้นเมื่อวันก่อนว่าหลังถวายเพลเสร็จจะมีการเทศนาธรรมแก่ผู้ร่วมงานได้ฟังกัน ตอนนี้ทุกคนเลยยังไม่ได้ลุกไปไหนเพียงแค่รอให้พระท่านฉันเพลเสร็จ...



...เสียงผู้คนรอบข้างดังขึ้นเรียกให้ผมหันไปมองทางบันไดขึ้นเรือน...ปรากฎร่างท้วมหนาของชายสูงวัยกับร่างสูงใหญ่ของคนที่เดินตามหลังขึ้นมา...ผมจำสองคนนั้นได้แม่นโดยเฉพาะคนข้างหลัง...ร่างกายสูงใหญ่กำยำผิวสีเข้มแบบคนไทยแท้...ผมรองทรงสูงของเจ้าตัวยิ่งทำให้สันกรามใหญ่ดูเด่นชัด...เจ้าพระยาเดโชกับหลวงเจษฎารังสรรผู้เป็นลูกชายปรากฎกายขึ้นพร้อมเสียงฮือฮาของบรรดาแขกเหรื่อ...การที่พ่อลูกทั้งสองมาร่วมงานที่เรือนเจ้าคุณจิตราก็นับว่าแปลกแล้ว แต่ดันมาถึงเมื่อตอนที่พระท่านสวดจบแล้วนี่คงเป็นเรื่องแปลกกว่า...ผมขมวดคิ้วมองพ่อลูกทั้งสองที่เยื้องย่างขึ้นมาบนเรือนก่อนจะแทรกตัวเข้าไปนั่งอยู่ด้านหน้าสุด...แน่ล่ะ ตำแหน่งสูงส่งเสียขนาดนั้น จะให้มานั่งหลบมุมอยู่ด้านหลังเหมือนพวกผมก็คงไม่ใช่เรื่อง...เจ้าของเรือนและคุณหญิงที่นั่งอยู่ด้านหน้ายกมือไหว้ตามมารยาท ส่วนอีกฝ่ายเพียงรับไหว้แบบไม่เต็มใจนัก...นั่นทำให้ผมยิ่งสงสัย...จากที่ได้ยินมาสองท่านนี้ก็ไม่ค่อยจะถูกกันเสียเท่าไหร่ ยิ่งมีเรื่องงานที่ต้องทำร่วมกันเห็นว่ามีเรื่องโต้แย้งกันบ่อยครั้ง...หากแต่เจ้าคุณผู้ถือศักดิ์เจ้าพระยากลับมาร่วมงานที่เป็นเพียงแค่งานบุญวันเกิดลูกสาวเจ้าของเรือน

"มิทราบมาก่อนว่าท่านจักมาด้วย"เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นใกล้ๆ...ผมหันไปมองหลวงพิสิษฐที่มีสีหน้าแปลกใจไม่ต่างกัน

"ได้ยินว่าไม่ค่อยถูกกันไม่ใช่เหรอครับ"ผมยื่นหน้าเข้าไปกระซิบเพียงเบาๆเพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน เดี๋ยวจะหาว่าผมนินทานายเสียก่อน

"มิได้ถึงขั้นนั้นหรอก แต่แปลกนักที่ท่านมา"ผมเองก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน...ลำพังเจ้าพระยาผู้เป็นพ่อว่ารับมือยากแล้ว...แต่ลูกชายที่นั่งเคียงข้างนั่นยิ่งหนักกว่า...พาลให้ผมนึกไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้นที่ผมอยากจะเสยหมัดเข้าให้ที่หน้าถ้าไม่ติดว่าพ่อเขายังต้องร่วมงานกับเจ้าคุณจิตราอยู่


และก็เหมือนกระแสจิตด้านลบของผมจะส่งไปถึงเจ้าตัว เมื่อเขาหันกลับมาสบตาผมนิ่งพลางแสยะยิ้มน่ารังเกียจเช่นเคยให้จนผมต้องรีบเสมองไปทางอื่น...ไม่ได้เขินครับ...แถวบ้านเรียกรังเกียจ

"ดูท่าจะมีคนคิดถึงพ่อ"แล้วคนข้างๆนี่ก็คิดได้นะครับ...เตรียมหันกลับไปเถียงแต่พอเห็นหน้าบอกบุญไม่รับของอีกฝ่ายแล้วก็ขอแกล้งสักหน่อยเถอะ

"หึง...เหรอครับหลวงพิสิษฐ"คราวนี้เป็นทีผมเอาคืนบ้าง...ยื่นหน้าเข้าไปถามเสียงกวนส่วนคนตัวสูงเพียงแค่ปรายตามองนิ่ง

"แกล้งเรารึ"ดูก็รู้ว่าไม่พอใจจนผมแทบหลุดหัวเราะออกมา แต่เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยของเขาเลยต้องกลั้นเอาไว้แทน

"อ้อ ผมลืมไปว่าคุณหลวงชอบคิดไปเองงงง"ท้ายประโยคลากเสียงยาวแถมลอยหน้าลอยตาพูดแบบไม่สนใจคนข้างๆ

"พ่อธีร์"ได้แต่เรียกขึ้นด้วยความไม่พอใจ...ไอ้ที่แหย่ไปนี่ได้ผลเกินคาด

"หรือไม่จริงครับ"เลิ่กคิ้วมองหน้าอีกฝ่าย...ยังจำได้เรื่องที่คิดเองเออเองเรื่องหลวงเจษฎ์แล้วมาลงเอากับผมจนไม่คุยกันนานเป็นอาทิตย์...คนตัวสูงไม่ตอบอะไรเพียงแค่ถอนหายใจยาวราวกับกำลังสะกดอารมณ์


...ก่อนจะได้เถียงอะไรกันต่อพระท่านก็ฉันเพลเสร็จพอดี...พวกบ่าวที่นั่งรออยู่แถวบันไดเรือนค่อยๆเดินเรียงกันเข้ามายกสำรับเพลลงไปข้างล่าง ก่อนที่พระท่านจะเริ่มเทศนาธรรมให้บรรดาผู้มาร่วมงานได้ฟัง...เรื่องนี้ผมไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่ได้แต่ฟังไปหาวไป แต่ก็ต้องแอบเอาเพราะเกรงว่าจะดูไม่งามนัก...เหลือบไปเห็นไอ้แชมป์นั่งพิงตู้ไม้หลับไปแล้วเพราะเมื่อคืนมันคงไม่ได้นอน ยังดีที่นั่งหลบมุมอยู่เพราะถ้าเจ้าของเรือนเห็นเข้ามีหวังโดนบ่นหูชา...ส่วนคนตัวสูงข้างๆผมเพียงนั่งฟังอย่างสงบ...ผมพอจับใจความได้นิดหน่อยเพราะความง่วงเริ่มเข้าครอบงำ พระท่านสอนเจ้าของวันเกิดเรื่องการวางตัวของผู้หญิงหรืออะไรสักอย่าง...แต่ผมว่าอย่างคุณพิกุลคงไม่ต้องสอนกันแล้วล่ะครับ เพราะอย่างเธอผมยังยอมยกให้ว่าเป็นผู้หญิงที่แทบไม่มีที่ติเลยจริงๆ


...เทศนาธรรมเสร็จก็ต่อด้วยพรมน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลทั้งผู้ร่วมงานและเรือนของเจ้าคุณอีกด้วย...หลังรับพรรับน้ำมนต์กันเสร็จก็ได้เวลาที่พระท่านจะกลับวัด...เจ้าคุณจิตราผู้เป็นเจ้าของเรือนลุกเดินตามไปส่งถึงบันไดเรือนแล้วจึงสั่งให้พวกบ่าวยกสำรับขึ้นมาให้แขกเหรื่อที่มาร่วมงาน...หลวงพิสิษฐถูกเจ้าคุณไพศาลเรียกไปร่วมวงเป็นที่เรียบร้อยโดยไม่ลืมที่จะหันมาชวนผมไปด้วยแต่ผมปฏิเสธไปเพราะยังไม่ค่อยชินกับการร่วมวงอาหารกับพวกผู้ใหญ่สักเท่าไหร่...ได้เพียงบอกเขาว่าจะลงไปช่วยดูแลความเรียบร้อยข้างล่างและคงอยู่ทานข้าวกับพวกบ่าวท้ายเรือนเสียทีเดียวเลย...อีกฝ่ายไม่คัดค้านอะไรไม่รู้เป็นเพราะเข้าใจหรือเพราะคนตัวสูงใหญ่ที่นั่งร่วมวงอยู่กันแน่


"ง่วงชิบหายยยยยย"ไอ้แชมป์บ่นขึ้นทันทีที่ก้าวลงจากเรือนได้...มันยกมือเหยียดยาวบิดขี้เกียจสองสามทีไล่ความเมื่อยล้าเพราะต้องนั่งหลังตรงฟังพระสวดเสียนาน

"ง่วงไร กูเห็นมึงแอบหลับ"ได้นั่งอยู่มุมอับแล้วเนียนหลับยาวเสียด้วย ไม่เหมือนผมที่นั่งเด่นอยู่กลางเรือนถ้าหลับขึ้นมาได้โดนบ่นแน่

"เห็นใจกูหน่อยเห๊อะ เมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอน"หน้ามันเจื่อนลงเล็กน้อย...ผมเพียงแค่ยกมือขึ้นขยี้หัวเกรียนๆของมันราวกับจะปลอบ

"เออ เสร็จงานแล้วเดี๋ยวก็ได้นอน ไปๆกินข้าวกันดีกว่า หิวแล้ว"มันพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามผมมาถึงท้ายเรือน ที่วันนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะมีพวกบ่าวจากเรือนอื่นที่ตามเจ้านายมาด้วย


"อ้ายธีร์ อ้ายแช่ม! มาๆ กินข้าวกันพวกเอ็ง"เป็นมิ่งที่ตะโกนเรียกเสียงดังเมื่อเห็นพวกผม...มิ่งนั่งล้อมวงอยู่กับพี่สนและบ่าวผู้ชายจากเรือนอื่นอีกสี่ห้าคน

"อ้ายมิ่ง เขาเป็นนาย เอ็งเรียกเช่นนี้ได้เยี่ยงไรวะ"แว่วเสียงคนในวงดังขึ้น คงเพราะเห็นการแต่งตัวของผมกับไอ้แชมป์ที่ต่างจากบ่าวทั่วไป

"ไม่เป็นไรครับพี่ ผมชินแล้ว มิ่งมันก็เพื่อนพวกผมเหมือนกัน"หันไปตอบคนที่เพิ่งเอ็ดมิ่งไป แต่เขายังมีท่าทางเกรงใจอยู่

"นี่อ้ายแสง เป็นบ่าวเรือนพระยาโสภณสามีคุณดาวเรือง อ้ายแสง นี่อ้ายธีร์กับอ้ายแช่ม มันสองคนช่วยเจ้าคุณท่านทำงานราชการบนเรือน แต่เวลาปกติก็ลงมาสุมหัวอยู่กับข้านี่ล่ะ เอ็งมิต้องกังวลไป"มิ่งรีบสาธยายยาวเหยียดจนอีกฝ่ายหายเกร็งขึ้นมาได้บ้าง

"อยู่บนเรือนเสียนานหิวไหมพวกเอ็ง"พี่สนถามขึ้นบ้าง ปากก็ยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ

"หิวดิพี่ ท้องร้องแล้วเนี่ย"ว่าพลางลูบท้องตัวเองไปมา...ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้านี่ก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว...ว่าแล้วก็รีบเข้าไปร่วมวงกับพวกพี่สนทันที โดยมีไอ้ตัวดีนั่งอยู่ข้างๆเหมือนเคย

"เออพี่ ปกติเวลาที่เรือนมีงานเค้าต้องเตรียมงานล่วงหน้ากันขนาดนี้เลยเหรอ"ผมถามเพราะสงสัยมาหลายวัน แต่ทุกคนดูวุ่นวายกับงานของตัวเองเลยไม่มีเวลาถามใครสักคน

"วันนี้งานยังเล็กนัก หากเป็นงานใหญ่เช่นงานแต่งหรือทำบุญขึ้นเรือนใหม่นะเอ็งเอ๊ย สิบวันเห็นทีจักไม่พอ"ไอ้ที่ผมทำกันอยู่นี่เขาเรียกว่าเล็กแล้วใช่ไหมครับ

"เมื่อครั้งคุณดาวเรืองออกเรือนพวกข้าหูชากันไปสามวันแปดวันเพราะคุณหญิงท่านบ่นมิขาดปาก"ผมพอจะนึกภาพออก เพราะขนาดแค่สามวันผมยังฟังแกบ่นหูแทบชา

"ข้าว่างานคุณพิกุลคงหนักกว่านี้เป็นแน่ ลูกสาวคนเล็กเจ้าคุณท่านทั้งคน"พี่สนยังคงว่าต่อ คราวนี้พวกบ่าวที่นั่งล้อมวงต่างพากันทำหน้าเหยเกด้วยความขยาด...ยกเว้นไอ้คนข้างๆผมไว้คนหนึ่งล่ะ

"เอ็งเป็นอะไรวะอ้ายแช่ม หน้าตาเหมือนคนอมทุกข์"เป็นมิ่งที่สังเกตอาการคนข้างๆได้ก่อน รีบหันไปถามไอ้ตัวดีที่นั่งกินข้าวเงียบๆไม่พูดจากับใคร

"เปล่าเว้ย ไม่ได้เป็นไร"พยายามตอบกลับให้ดูเป็นปกติ มิ่งเลยได้แต่หันมามองผมแทน ส่วนผมก็ได้แต่ยักไหล่ตอบเหมือนคนไม่รู้เรื่องอะไรด้วย...อาการหนักนะไอ้แชมป์



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2014 23:28:09 โดย Vivid_Vuitton »

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0



กินข้าวกันเสร็จพวกบ่าวบางคนก็ต้องตามผู้เป็นนายกลับเรือน ตอนนี้โรงครัวเลยกลับสู่ภาวะปกติ จะมีก็เพียงเสียงจอแจของพวกบ่าวที่ต้องมาคอยเก็บกวาดพื้นที่ให้เรียบร้อย...ผมไม่ได้กลับขึ้นไปบนเรือนเพราะถูกไอ้ตัวดีลากมานั่งเล่นที่ท่าน้ำเล็กท้ายเรือนเพราะตอนนี้ท่าน้ำใหญ่คงวุ่นวายน่าดูเมื่อผู้มาร่วมงานต่างพากันทยอยกลับ


"เมื่อวานมึงโดนคุณหญิงด่าเหรอ"ถามขึ้นเพราะเมื่อวานเห็นว่าคุณหญิงแกเรียกมันไปคุย...อาการหลังจากนั้นก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรในตอนนั้น

"เปล่า"ตอบเพียงสั้นๆ

"มึงอย่าเป็นงี้ดิ พากูหดหู่ไปด้วยเลย"ผมเป็นห่วงเพราะไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อน...ตั้งแต่ที่มันนอนไม่หลับเมื่อคืนนี้แล้ว

"ใครแม่งเล่นตลกกับชีวิตกูวะธีร์ พากูมาที่นี่ทำไม"เมื่อลงกับใครไม่ได้ก็หันไปโทษฟ้าโทษดินแทน...ผมเอื้อมมือไปโอบไหล่มันแน่น เหมือนอย่างที่มันเคยทำเมื่อตอนที่ผมเสียพ่อและแม่

"ไหนมึงเคยบอกว่า ต่อให้เค้าแต่งงานออกเรือนไปมึงก็จะรอเค้าอยู่ที่นี่ไง"อีกฝ่ายเพียงแค่ถอนหายใจยาว

"ปากดีไงกู ทำตัวเป็นพระเอกแล้วเป็นไงวะ มานั่งเป็นบ้าเป็นบออยู่คนเดียว"

"แชมป์"ผมเรียกชื่อ...แต่มันยังคงเงียบไม่ตอบกลับ

"ตอนที่มึงรู้ว่าเค้าก็รู้สึกแบบเดียวกับมึง มึงรู้สึกไงวะ"คำถามที่ทำให้มันขมวดคิ้วแน่น

"กู...ดีใจ กูไม่เคยคิดว่าคนอย่างเค้าจะหันมามองคนอย่างกูอ่ะ"

"แล้วทำไมวันนี้มึงเป็นแบบนี้ ทำไมไม่เก็บความรู้สึกดีๆที่เค้าอุตส่ามีให้มึงวะ"มันหันกลับมามองหน้า...นานๆผมจะยอมปริปากพูดอะไรสักที...ปกติเอาแต่คอยกวนมันตลอด แต่ในเมื่อคราวนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ผมเองก็คงทนเห็นมันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้

"แม่เค้าไม่ยอมรับกู ทำไมวะธีร์ เพราะกูไม่มีอะไรเลยใช่มั้ย"แววตาสั่นระริกนั่นทำให้ผมใจหาย...ไอ้แชมป์ที่เคยร่าเริงกวนประสาท แต่กลับต้องมานั่งทำหน้าอมทุกข์แบบนี้

"ใช่ เพราะเรามันไม่มีอะไรเลย กูเข้าใจคุณหญิงนะ จะให้แกเอาชีวิตลูกสาวมาฝากไว้กับคนที่ไม่มีอะไรติดตัวซักอย่าง เป็นกูก็คิดหนัก"แว่วเสียงมันถอนหายใจยาว

"มึงรู้ป่ะ บางทีกูก็อิจฉาที่มึงมีเวลาอยู่กับหลวงพิสิษฐ ทำงานด้วยกัน ออกไปข้างนอกด้วยกัน แต่เพราะเค้าเป็นผู้หญิงกูถึงทำอะไรแบบนั้นไม่ได้"ได้ยินแบบนี้ผมเลยโบกหัวมันเต็มแรงจนมันร้องเสียงหลง ยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองพลางบ่นอุบ

"แล้วมึงคิดว่ากูสบายใจเหรอ สุขไปวันๆ อนาคตจะเป็นไงก็ไม่รู้ บอกใครก็ไม่ได้ ถึงบอกไปแม่งก็ไปก็ไม่มีใครเค้ารับได้ ยิ่งกว่าคู่มึงอีก"ผมโมโห...เพราะสิ่งที่ผมเป็นมันไม่ได้น่าอิจฉาเลยแม้แต่น้อย...แม้จะได้อยู่ใกล้กัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างมันจะจบลงด้วยดี


"ธีร์ กูขอโทษ"เมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรโดยไม่คิดเลยรีบหันมาขอโทษทันที

"อะไรดีๆที่เก็บไว้ได้ก็เก็บเอาไว้ อะไรที่มันเกินเอื้อมเราก็ปล่อยมันไปเหอะมึง ความรู้สึกดีๆที่เค้ามีให้มึงอะ มันมีค่ามากนะ ถ้ามึงจะโยนมันทิ้งด้วยการพยายามตัดใจไม่เจอ ไม่มองหน้า ไม่คุย ไม่ทัก กูว่ามึงโง่อะ"อีกฝ่ายยังคงเงียบ ไม่รู้ว่ากำลังใช้ความคิดหรือว่าตกใจที่วันนี้ผมพูดมากกว่าปกติกันแน่

"อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ห้องก็ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว มึงจะหนีหน้าเค้าไปได้ถึงไหนวะ ถ้าเป็นงี้กูว่ามึงกลับบ้านเหอะ"ได้ยินเสียงมันถอนหายใจยาวอีกครั้ง

"มึงเจ็บมั่งปะวะ เวลาคิดถึงอนาคต"แชมป์ถามกลับเสียงเรียบ...ผมได้แต่ทอดสายตาออกไปยังพื้นน้ำเบื้องหน้า


"เจ็บ"คำตอบสั้นๆที่ทำให้อีกฝ่ายต้องหันมามอง


"แต่กูเลือกแล้ว เพราะงั้น เจ็บยังไงก็ต้องทน"ไม่มีใครรู้ได้ว่าสุดท้ายเรื่องทุกอย่างจะจบลงเช่นไร...วันนี้ผมมีความสุขดีแต่ไม่ได้หมายความว่าความสุขนี้จะอยู่กับผมไปตลอด...ผมรู้ว่าคนของผมเองก็คิดเช่นเดียวกัน...สิ่งที่เราสองคนทำได้...คือการใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุดเพราะอย่างน้อยหากวันหนึ่งต้องถึงวันจากลา ก็ยังพอยิ้มออกมาได้บ้างว่า...เราเคยทำอะไรดีๆมาด้วยกัน...


"ธีร์...กูรักมึงว่ะ!"อยู่ดีๆก็โถมตัวเข้าใส่จนผมแทบเซ...ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆนะครับมึง แล้วนี่มันอะไร อยู่ดีๆเปลี่ยนอารมณ์กระทันหันจนผมตั้งตัวไม่ทัน

"อะไรของมึงเนี่ยยย"พยายามยกมือดันหัวมันออกไปไกลๆ แต่มันยังคงกอดผมแน่นไม่ปล่อย...เกิดใครมาเห็นเข้าคงได้คิดว่าผมกับมันกำลังพลอดรักกันอยู่เป็นแน่

"ถ้ากูไม่มีมึงอยู่ตรงนี้กูคงเป็นบ้า ขอบคุณนะมึง"เหมือนกับวันแรกๆที่ผมกับมันมาอยู่ที่นี่...ผมเคยพูดคำนี้กับไอ้ตัวดีไปแล้ว...ในโลกอีกโลกที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน มีแต่คนแปลกหน้าพูดจาด้วยภาษาที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ ใช้ชีวิตไม่เหมือนที่ผมเป็น...การมีใครสักคนที่เข้าใจเราอยู่ข้างๆ ย่อมทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมาได้...ยกมือขึ้นตบบ่ามันเบาๆทั้งที่มันยังกอดผมแน่นไม่ยอมปล่อย

"เออ แต่ปล่อยกูได้ยัง กอดกูซะแน่นคิดอะไรกับกูปะเนี่ย หึหึ"แซวมันเล่นจนมันรีบผละตัวออกทันทีแล้วหันมาทำหน้าพิลึกใส่

"เชี้ย กำลังซึ้ง มึงนี่ทำกูเสียอารมณ์หมด"ผมหัวเราะร่า อย่างน้อยมันก็ดีขึ้นมาบ้าง

"ดีละ อย่ามามีอารมณ์กะกูเลย กูสยอง ฮ่าๆ"สงสัยกวนมากไปหน่อยเลยโดนมันโบกกลับ...ตอนนี้ยังหัวเราะได้...ก็ถือว่าดีแล้ว...ต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน


"ขึ้นเรือนเหอะมึง เดี๋ยวเจ้าคุณด่า เสร็จงานแล้วหายหัวเลย"ลุกขึ้นยืนพลางหันไปเรียกไอ้ตัวดีที่ตอนนี้ยิ้มออกมาได้เหมือนเดิมแล้ว...มันลุกขึ้นตามพลางปัดฝุ่นตามเนื้อตัว...แต่งตัวกันเสียหล่อดันมานั่งให้เลอะเทอะอยู่ริมท่าน้ำ
.

.

.
ทันทีที่ก้าวขึ้นเรือนมาก็พบกับเจ้าของเรือนที่นั่งสง่าอยู่บนพื้นยก พร้อมด้วยคุณหญิงสร้อย คุณพิกุล และแขกคุ้นหน้าของผมอีกสองคน...แต่ที่ทำให้ผมชะงักฝีเท้าเห็นทีจะเป็นเจ้าพระยาจอมวางมาดกับลูกชายที่ยังคงนั่งอยู่ด้วยนี่ล่ะ

"เสร็จงานก็หายหัวเชียวนะพวกเอ็ง"ผิดคำผมที่ไหน...โดนเจ้าคุณจิตราเอ็ดเอาจนได้

"ลงไปช่วยพวกพี่สนเก็บของอยู่ข้างล่างน่ะครับ"ได้แต่แก้ตัวตอบไป ขืนบอกว่าไปนั่งเล่นบทดราม่าอยู่ริมท่าน้ำกันสองคนคงได้โดนด่าเปิง

"ขึ้นมานั่งด้วยกันเสียบนนี้เถิดพ่อ"เจ้าคุณไพศาลทักขึ้นเมื่อเห็นว่าผมสองคนเพียงเดินมานั่งอยู่บนพื้นเรือนด้านข้าง...ผมกับไอ้แชมป์มองหน้ากันเลิกลั่กเพราะเห็นว่ามีแต่ระดับเจ้านายทั้งนั้นที่นั่งอยู่ แล้วยิ่งคนที่ถือตำแหน่งสูงสุดที่แสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน

"เป็นเพียงผู้ช่วย ให้ขึ้นมาตีเสมอนายจักดีรึ"แล้วยังคำพูดค่อนขอดนี่อีก หากแต่เจ้าคุณไพศาลเพียงแค่ขยับตัวเพื่อให้พวกผมมีพื้นที่นั่งด้านบน ยิ่งทำให้คนท้วงหน้าเสียหนักกว่าเดิม

"พ่อธีร์เคยพบเจ้าคุณท่านแลหลวงเจษฎ์แล้วใช่หรือไม่"เจ้าคุณไพศาลถามขึ้นอีกครั้ง

"เคยครับ"ผมพยักหน้ารับ พลางยกมือไหว้ชายร่างท้วมที่มีศักดิ์เป็นถึงเจ้าพระยาหากแต่ทำตัวไม่น่าเคารพเลยแม้แต่น้อย กับลูกชายร่างสูงใหญ่ที่ไม่ได้ต่างไปจากผู้เป็นพ่อนัก

"นี่อ้ายแช่มขอรับ กระผมให้มาช่วยงานอยู่ที่เรือนนี้ มันรู้ภาษาฝรั่งเศส ช่วยกระผมได้มากเรื่องงานเลี้ยงท่านทูตขอรับ"เจ้าคุณจิตราแนะนำคนข้างๆผมบ้าง มันจึงยกมือไหว้ผู้มาเยือนทั้งสองเช่นกัน

"รู้ภาษาฝรั่งเศสรึเอ็ง"น้ำเสียงเหยียดหยันถามขึ้น คนถูกถามได้เพียงพยักหน้าตอบ

"น่าแปลก ไปร่ำเรียนมาจากที่ใด"คำถามทั่วไปแต่กลับไม่น่าฟังเพราะน้ำเสียงของผู้ถาม...ราวกับกำลังดูถูกที่มาที่ไปของมัน

"มหาวิทยาลัยครับ"โดนไอ้แชมป์กวนกลับเข้าให้จนได้แต่ทำหน้าสงสัย...ก็พระนครสมัยนี้มันมีมหาวิทยาลัยเสียที่ไหนเล่า

"ที่ใดนะ"ยังคงถามต่อ...ผมเหลือบมองไอ้ตัวดีที่ยกยิ้มมุมปากส่งมาให้...รู้ดีว่ามันเองก็ไม่ถูกชะตาเจ้าพระยาเดโชนี่สักเท่าไหร่

"มหาวิทยาลัย หรือuniversityในภาษาอังกฤษ หรือuniversitéในภาษาฝรั่งเศสครับ"เป็นผมไม่ถามต่อแล้วนะครับท่านเจ้าคุณ...แอบเห็นเจ้าพระยาเดโชหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อโดนตอกกลับแบบมีมารยาท

"กระผมว่าจักปรึกษาเจ้าคุณท่านเรื่องพื้นที่จัดงานเลี้ยงสักหน่อยขอรับ"เจ้าคุณไพศาลที่เห็นท่าไม่ค่อยดีเลยรีบเปลี่ยนเรื่องทันที...เห็นดังนั้นคุณหญิงสร้อยกับคุณพิกุลจึงขอตัวลงไปดูความเรียบร้อยข้างล่าง ปล่อยให้พวกเจ้าคุณท่านปรึกษางานกัน...ผมเห็นไอ้แชมป์ลอบมองคุณพิกุลเมื่อเธอลุกเดินลงจากเรือน...แววตาของมันกลับมามีชีวิตชีวาเช่นเคย จะแปลกไปก็ตรงที่อีกฝ่ายไม่สบตากลับมาแม้แต่น้อย...คุณพิกุลดูแปลกไปตั้งแต่เมื่อวานแต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

"ถ้างั้นพวกผมขอตัวลงไปช่วยคุณหญิงนะครับ"เมื่อเห็นว่ากำลังจะคุยงานผมเลยไม่ขออยู่ร่วมดีกว่า เพราะไม่ได้มีหน้าที่อะไรเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย...เจ้าคุณจิตราเพียงพยักหน้ารับ ผมสองคนเลยรีบเดินลงจากเรือนแทบจะทันที



"มึงกวนตีนว่ะแชมป์ หึหึ"ก้าวขายังไม่พ้นบันไดขั้นสุดท้ายดีก็หันมายิ้มเผล่ให้มันที่ยักคิ้วกวนตอบกลับมา

"พี่แชมป์จะไม่ทนครับ จะเป็นเจ้าพระยามาจากไหนกูไม่สนหรอก"เห็นอย่างนี้ไอ้แชมป์มันเป็นคนความอดทนค่อนข้างต่ำเพราะถูกพ่อแม่ตามใจมาตั้งแต่เด็ก

"แล้วนี่มึงจะให้กูเสนอหน้าไปให้คุณหญิงเค้าด่าอีกเหรอไงถึงได้บอกเจ้าคุณจิตราแบบนั้น"สีหน้ามันดูลังเลเมื่อคิดว่าจะต้องไปช่วยคุณหญิงดูแลความเรียบร้อยแถวโรงครัว

"คุณหญิงกับคุณพิกุลแกก็หาเรื่องปลีกตัวออกมาเหมือนกันแหละวะ ผู้ใหญ่เค้าจะคุยงานกันแล้วกูกับมึงจะนั่งเสนอหน้าอยู่ทำไม"มันพยักหน้ารับเมื่อคิดขึ้นได้...แต่ยังไม่ทันจะก้าวขาออกไปไหนกลับมีใครไม่รู้มาฉุดแขนผมเอาไว้เสียก่อน...ผมหันกลับไปมองปรากฏเป็นร่างสูงใหญ่ที่กำลังยืนแสยะยิ้มส่งมาให้...ส่วนไอ้แชมป์ได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

"หลวงเจษฎ์"ผมพยายามขืนข้อมือที่ถูกจับอยู่แน่นหากแต่ไม่ต้องใช้แรงมากนักเพราะอีกฝ่ายยอมปล่อยมือแต่โดยดี

"มีอะไรครับ"ยืนสบตาอีกฝ่ายนิ่ง...เป็นถึงหลวงแต่มารยาททรามยิ่งกว่าบ่าวบางคนเสียอีก

"มิได้เจอเสียนาน สบายดีรึพ่อ"จะไม่สบายก็ตอนเห็นหน้าเขานี่แหละ

"สบายดีครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวนะครับต้องไปช่วยงานคุณหญิงท่าน"ว่าพลางฉวยแขนไอ้แชมป์ตั้งท่าจะเดินหนี แต่ถูกอีกฝ่ายก้าวมายืนขวางตรงหน้าเสียก่อน

"พี่คุยด้วยดีๆ ทำไมเดินหนีพี่เสียเล่า"แสยะยิ้มน่ารังเกียจมาให้เช่นเคย...เห็นไอ้แชมป์มองหน้าเหรอหราเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน

"ผมมีงานต้องทำครับ"ถึงจะไม่ชอบหน้า แต่ด้วยมารยาทและศักดิ์ของเจ้าพระยาผู้เป็นพ่อทำให้ต้องข่มอารมณ์ไว้มากพอสมควร

"มีงาน ก็ให้บ่าวมันทำซี ต้องลงแรงทำเองเชียวรึ"

"ผมเองก็เป็นบ่าวคนนึงครับ จะให้ผมไปทำงานได้รึยังครับ"ตอบกลับเสียงแข็งแต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านอะไร

"โถๆ ทำไมดูถูกตัวเองเช่นนั้นเล่า เอาตัวไปเปรียบกับบ่าวพวกนั้นได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามชัดเจน

"พี่เพียงอยากคุยกับพ่อ มิได้พบกันเสียนานหวังว่าพ่อยังมิลืมเรื่องที่พี่เคยบอก"ใครจะไปลืมท่าทีก้าวร้าวและคำพูดหยาบกระด้างนั่น...แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรอีกฝ่ายก็ฉวยข้อมือผมเอาไว้อีกครั้งและคราวนี้เขาออกแรงมากกว่าเก่า

"เอ่อ คุณหลวงครับ คือ ผมกับไอ้ธีร์มีงานต้องทำ"ไอ้แชมป์ที่เห็นท่าไม่ค่อยดีรีบขัดขึ้น แต่ดูท่าอีกฝ่ายไม่แยแสแม้แต่น้อย

"มีงานต้องทำ ก็ไปทำสิวะ ข้ามีธุระต้องคุยกับพ่อธีร์"ท้ายประโยคหันมาแสยะยิ้มให้ผมที่พยายามขืนข้อมือตัวเองออกอีกครั้งแต่คราวนี้กลับสู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้...แรงกดที่ข้อมือทำให้ผมเจ็บจนต้องขมวดคิ้วแน่น หากแต่อีกฝ่ายไม่ยอมผ่อนแรงลงแม้แต่น้อย


"พ่อรู้หรือไม่ พี่คิดถึงพ่อทุกคืนนับแต่วันที่พี่ได้พบหน้าพ่อ"กลายเป็นไอ้แชมป์ที่ยืนอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดออกมาตรงๆเช่นนี้...อีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมผงะหนี หากแต่มือหยาบใหญ่นั้นยังบีบแน่นบนข้อมือของผม...มืออีกข้างของผมกำแน่นเพราะกำลังข่มอารมณ์เต็มที่ กลัวว่าจะทนไม่ไหวจนเสยหน้าอีกฝ่ายเข้าให้





"พ่อธีร์"เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นด้านหลังหากแต่ดุดันกว่าเคย...ผมหันกลับไปมองคนตัวสูงที่เดินตามลงมาจากเรือนใหญ่...ใบหน้าคมเข้มเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆหากแต่น้ำเสียงนั้นที่ทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจ

"มีอะไรรึหลวงแก้ว"คนตัวใหญ่กลับเป็นฝ่ายถามขึ้นเสียเองแต่ยังคงไม่ปล่อยมือของผมให้เป็นอิสระ...สายตาของหลวงพิสิษฐที่มองจ้องมือหยาบใหญ่นั้นยากจะคาดเดาอารมณ์ได้

"เรามีธุระสำคัญกับพ่อธีร์ ขอตัวประเดี๋ยวได้หรือไม่"เขาเลือกที่จะพูดกับผมแทน ซึ่งผมก็รีบพยักหน้ารับทันที

"ธุระอันใดถึงต้องตามลงมาคุยกันข้างล่างนี่"น้ำเสียงแข็งกร้าวดุดันดังขึ้นด้วยความไม่พอใจที่มีคนมาขัดจังหวะ

"เราจักคุยเรื่องงานกับ'คนของเรา'มิได้เชียวรึหลวงเจษฎ์"ตอบกลับเสียงเรียบหากแต่สบตาอีกฝ่ายนิ่งทำเอาผมที่ยืนอยู่ตรงกลางรู้สึกหนาววูบขึ้นมาทันที...เหลือบไปเห็นไอ้แชมป์กลืนน้ำลายดังเอื้อกแต่ก็ไม่กล้าเดินหนีไปไหน...ได้จังหวะผมเลยสะบัดข้อมือตัวเองออกสุดแรงจนแทบเซ...เห็นคนตัวใหญ่ขบกรามแน่นด้วยความไม่พอใจจนใบหน้าบูดเบี้ยว ส่วนอีกคนยังคงยืนนิ่งไม่แสดงอารมณ์...นี่มันถึงยุคสงครามเย็นแล้วหรือไงนะ

"คุณหลวง...มีธุระไม่ใช่เหรอครับ"เมื่อต่างฝ่ายต่างนิ่งอยู่นานผมเลยถามขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียดนี่เสียที...คนตัวสูงละสายตามาสบกับผมพร้อมพยักหน้ารับ...ส่วนอีกฝ่ายยังคงยืนจ้องตาเขม็งก่อนจะสาวเท้ากลับขึ้นเรือนไปอย่างไม่พอใจนัก...แว่วเสียงไอ้แชมป์ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกเมื่อหลวงเจษฎ์ลับตาไป

"พ่อแช่มมีอะไรต้องทำก็ไปทำเถิด"บอกไอ้แชมป์ที่ยืนนิ่งเป็นไม้ประดับอยู่นาน...มันพยักหน้ารับก่อนจะหันมายกยิ้มกวนให้ผม

"ศึกชิงนางเหรอวะมึง หึหึ"ยื่นหน้าเข้ามากระซิบเสียงกวนให้พอได้ยินกันแค่สองคน ผมเลยตบรางวัลด้วยการส่งนิ้วกลางไปให้เกือบชิดหน้าจนมันผงะออกก่อนจะเดินยิ้มร่าไปทางท้ายเรือน...มองตามหลังมันพลางนึกด่าในใจจนหันมาสบเข้ากับดวงตาคมสวยของคนตัวสูง...สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ทำเอาผมใจคอไม่ค่อยดี...กลัวเขาจะเข้าใจผิดเหมือนวันนั้นจนกลายเป็นเรื่องใหญ่อีก



"คุณหลวง"เรียกขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนาน

"คุยตรงนี้มิสะดวก ไปที่ท่าน้ำเถิดพ่อ"ตอบเสียงเรียบพลางเดินนำไปที่ท่าน้ำใหญ่หน้าเรือนโดยมีผมเดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ




"คุณหลวงครับ"ผมมองแผ่นหลังกว้างของเขาอยู่นานก่อนจะตัดสินใจส่งเสียงเรียกเพราะบรรยากาศที่เงียบจนเกินไป...ไม่รู้ว่าคนที่ยืนยกมือไพล่หลังอยู่นี่กำลังคิดอะไรอยู่

"เจ็บหรือไม่"เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นโดยที่เจ้าตัวยังไม่หันหน้ามาทำเอาผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย...เจ็บ?

"มือน่ะ"ยกแขนตัวเองขึ้นมาดูเลยเพิ่งสังเกตว่าถูกบีบแน่นจนข้อมือขึ้นเป็นรอยแดง...ไอ้หลวงนั่นแรงเยอะเป็นบ้า

"ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้เอง"เพิ่งมารู้สึกตัวว่ามันเจ็บก็เมื่อได้เห็นรอยแดงนี่ แต่ไม่อยากทำให้กลายเป็นปัญหา...อีกฝ่ายเพียงหันกลับมาแล้วฉวยข้อมือข้างเดิมของผมขึ้นมาพลิกดูอย่างเบามือ

"แดงเสียขนาดนี้ยังว่ามิเจ็บรึ"น้ำหนักมือช่างต่างกันลิบลับกับคนตัวใหญ่นั่น...คิ้วดกหนาขมวดมุ่น แววตาแข็งกร้าวแสดงให้รู้ว่าเขาไม่พอใจนัก

"ผมไม่เป็นไรหรอกครับ"คำตอบที่หวังให้อีกฝ่ายคลายกังวล แต่มือใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือของผมหากแต่เพียงใช้ปลายนิ้วไล้ไปมาอย่างเบามือ

"เราเห็นหลวงเจษฎ์ตามพ่อธีร์ลงมา เห็นท่ามิค่อยดีจึงตามมา"

"มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณหลวงคิดนะครับ"ไอ้นิสัยชอบคิดไปเองทำให้ผมชักกังวลจนต้องรีบปฏิเสธเสียงแข็งก่อน หากแต่อีกฝ่ายเพียงถอนใจยาวแล้วส่ายหน้าช้าๆ

"เราเข้าใจ"แล้วเข้าใจถูกหรือผิดเล่า!

"เข้าใจว่า?"หรี่ตามองคนตัวสูงอย่างสงสัย

"เข้าใจว่าพ่อมิชอบใจนัก"ผมพยักหน้ารับ...คราวนี้เข้าใจถูกเสียทีนะครับหลวงพิสิษฐ

"ต้องบอกว่าไม่ชอบใจมากกกกก"ลากเสียงยาวอย่างโมโห...ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเขาลงมาไม่ทันแล้วผมเผลอปล่อยหมัดใส่หน้าไอ้หมอนั่นมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง...ถึงตัวใหญ่กว่าก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะกลัว

"คราวหน้าต้องระวังตัวให้มาก เราได้ยินเรื่องหลวงเจษฎ์มาหนาหูนัก"ถึงไม่เคยได้ยินมาแต่ได้มาเจอกับตัวเองผมก็รู้แล้วว่าควรระวังตัวมากกว่าเดิม

"คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะมั้งครับ"เมื่อนึกได้ว่าตัวเองก็ไม่ได้มีธุระอะไรต้องเกี่ยวข้องกับเขาอีกทำให้พอสบายใจขึ้นมาบ้าง

"หากมีอะไรพ่อต้องรีบบอกเรา เข้าใจหรือไม่"ดวงตาคมสวยสั่นระริกทำเอาผมเผลอยิ้มออกมา

"ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ...พี่แก้ว"เรียกชื่อท้ายประโยคพลางยกยิ้มกวนให้เสียที ถึงได้เห็นรอยยิ้มปรายของคนตัวสูงบ้าง


"ทั้งห่วง ทั้งหวง ก็พ่อธีร์เป็น'คนของเรา'นี่"ย้ำคำนั้นชัดเจนพาลให้ผมนึกไปถึงตอนที่เถียงกับคนตัวใหญ่เมื่อครู่...ไม่ทันคิดว่าเขาหมายความถึงแบบนี้

"มั่วครับ ยังไม่ได้เป็น"คำตอบที่เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะโน้มตัวเข้ามาใกล้เพื่อกระซิบอะไรบางอย่าง



"มิได้เป็นวันนี้ วันหน้าก็ได้เป็น"ยกยิ้มกวนก่อนจะปล่อยมือแล้วเดินจากไปทันทีโดยไม่รอให้ผมตอบอะไรกลับ




"อะ ไอ้พี่แก้ว!!"ได้แต่ยืนแหกปากโวยวายตามหลังทั้งที่หน้าแดงวาบ ไอ้ที่มาทิ้งระเบิดแล้วจากไปนี่มันคืออะไรครับหลวงพิสิษฐ!




...แว่วเสียงหัวเราะจากคนตัวสูงอย่างอารมณ์ดีขณะกำลังเดินกลับขึ้นเรือน...ส่วนผมคงต้องยืนระงับอารมณ์อยู่ตรงนั้นอีกนานหน่อยเพราะถ้าโผล่ไปหาไอ้แชมป์ตอนนี้มีหวังโดนแซวยาว...



...เห็นทีคนที่ทำให้สายนทีที่สงบนิ่งปั่นป่วนได้คงจะมีแต่หลวงพิสิษฐคนเดียวนี่ล่ะ...


............................................................................................



พี่แก้วเค้าแอบกวนนะเผื่อยังไม่รู้กัน  :hao7:

ฝากตอนนี้ด้วยนะคะ ตอนหน้าไปฟังพี่แชมป์ระบายความในใจกันเนอะ  :call: :call: :call:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
เอากำลังใจมาส่งจ้า

สู้ๆ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
พี่แก้วพูดงี้น้องก็อยากให้ถึงวันข้างหน้าเร็วๆ5555555
โอ้ยยยยยยยมาแบบอ่อนโยนตลอดดดด
แต่คาดว่าคงได้เจอหลวงเจษอีกชัวร์
ชอบค่ะชอบอ่านเวลาพี่แก้วหึง อิอิ
นี่ขนาดงานบุญยังหวานนะ สองต่อสองคงแบบอรั่กกกกเขิน


แต่สงสารแชมป์ ถ้าแม่คุณพิกุลพูดไร
แล้วคุณพิกุลมาห่างเหินงี้ ยิ่งเจ็บ

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
กรี๊ดดด ศึกชิงน้องธีร์ค่า น้องธีร์ช่างมีสเน่ห์แรงนัก ดีนะเนี่ยที่พี่แก้วมาช่วยไว้ทัน แต่ทำไมนิ่งล่ะ คิดอะไรเหรอ เอ่ยถามว่าเจ็บมั้ยโดยไม่หันกลับไปมองก่อน อาจจะระงับความโกรธอยู่ แล้วที่คิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกนี่สงสัยจะได้มีเรื่องให้เจอน่ะสิ อย่าประมาทคนแบบนี้ อันธพาล อยากได้อะไรต้องได้ แต่เราไม่ยกน้องธีร์ให้หรอก จะยื้อไว้จนสุดความสามารถแล้วใส่พานถวายพี่แก้วคนเดียว เฮอะ!

ตอนนี้นี่เริ่มๆอ่านละแบบ โหย หยอดเยอะนะคะพี่แก้ว ทำเอาทั้งยิ้ม ทั้งกัดฟัน และกรีดร้อง แต่มาเจอประโยคเด็ดตอนท้ายนี่แทบเสียสติกันไปเลย
"มิได้เป็นวันนี้ วันหน้าก็ได้เป็น"
อ่านแล้วโอ๊ยยย พี่แก้ว จะฆาตกรรมคนอ่านเหรอคะ(หรือคนเขียนฆาตกรรมคนอ่านผ่านพี่แก้ว?) น้องธีร์ถึงกับไปไม่เป็นสุดๆแล้ว555 มันแบบ โง้ย อยากจะตะโกนเหมือนน้องธีร์ว่า ไอ้พี่แก้ว!!! แต่แหม ย้ำจังนะ "คนของเรา" คนอ่านก็ลุ้นค่ะ รอให้มีสถานะตามที่พูดนี่จริงๆซะทีแบบที่น้องธีร์เถียงไม่ได้เลย แต่น้องธีร์ก็รู้นะว่าหมายถึงอะไร ถึงกวน(มั้ง? ซึ่งก็เข้าตัวแท้ๆ)กลับไปว่ายังไม่ได้เป็น นี่คนอ่านรอพี่แก้วจัดอยู่นะคะ แอร๊ยยย   แต่น้องธีร์เห็นเก่งๆนี่ยอมพี่แก้วคนเดียวเลยนะ ส่งสายตาพิฆาตมาก็จบกัน รับปากว่าจะไปทำบุญร่วมชาติอย่างว่าง่าย พี่แก้วเล่นของ หรือน้องธีร์ยอมสุดๆ กร๊าก

ตอนนี้แอบมีโมเมนท์เพื่อนรักกันด้วย น่ารักจริงๆ ดีนะที่พี่แก้วไม่มาเห็น หึงโหดและชอบคิดไปเองเนี่ย น่ากลัว แถมมีความหลวงเจษฎ์แทรกอีก เดี๋ยวจะยุ่งเหยิงกันไปใหญ่ เอาแค่พอน่ารักกรุบกริบแบบนี้นี่ดีแล้ว

สงสารพ่อแชมป์อย่างต่อเนื่องด้วย คุณพิกุลเลี่ยงหน้าซะแล้ว เฮ้อ จากเหี่ยวๆอยู่กลัวว่าจะยิ่งเหี่ยวเข้าไปกันใหญ่ ให้พอได้ส่งยิ้มถึงกันบ้างก็ยังดี แม้รู้ว่าจะโดนห้ามให้รักกัน ดีกว่าไม่มองกันแบบนี้

ว่าแต่พระยาเดโชมาทำไมยังงงๆอยู่ หรือหลวงเจษฎ์บอกว่าอยากมาเลยพามา เพราะอยากเจอน้องธีร์ ไม่งั้นก็คงมาทันทำบุญช่วงเช้าแล้วสิ

รออ่านต่ออยู่นะคะ รีบๆแต่งต่อให้จบเร็วๆน้า

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด