...The Timeless Tide...หากแม้นสายนธีร์จะย้อนกลับ...[แจ้งข่าว หน้า๒๒ ค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...The Timeless Tide...หากแม้นสายนธีร์จะย้อนกลับ...[แจ้งข่าว หน้า๒๒ ค่ะ]  (อ่าน 309374 ครั้ง)

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
ไอ้คนอันธพาล อย่าอยู่เลยมึ๊งงงงงงงงงงง :5779:

ออฟไลน์ ลูกลิงแสดงตัว

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
พ่อธีร์ไปกับพี่แก้วเถอะนะ ไปไวๆมาไวๆด้วยนะ :katai3:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ไอ้หลวงนี่มันน่านะะะะะะมาทำธีร์ของพี่แก้ว
เดี๋ยวๆเดี๋ยวเจอ
สงสารธีร์อะ คิดมากจนได้ โธหน่วงตามเลย
แต่ตอนพี่แก้วใช้แชมป์นี่โคตรชอบบบบ
เค้าแคร์มากรักมากเลยนะ
ไปไปกลับไปรังรักกะพี่แก้วนะธีร์กร้ากกกก

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
หลวงเจษฎ์แกเลวได้ใจจริงๆ
จีบ(?)เขาไม่ติดก็ตีหัวลากเข้าถ้ำ

พี่แก้วจะ"กอด"ปลอบน้องธีร์เหรอออ? o18

รอฮะ

ออฟไลน์ My_Rain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เย่ ตามทันแล้วรีบมาต่อเร็วๆนะคะ  สูัๆ o13

ออฟไลน์ nongshu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากเลยค่ะ รอติดตามอยุ่นะคะ o13

ออฟไลน์ My_Rain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0

ตอนที่ ๒๗...แก้วกลางนธีร์...





...กฎของกระจกคือสะท้อนสิ่งที่เห็นออกมา...

...กฎของกาลเวลาคือการไม่หมุนวนกลับไป...



...กรอบหน้าคมสะท้อนผ่านบานกระจกเผยให้เห็นร่องรอยจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น...มือใหญ่หยาบกร้านยกขึ้นแตะรอยช้ำที่มุมปากก่อนจะเผลอส่งเสียงออกมาเพราะความเจ็บปวด...ใบหน้าที่สะท้อนออกมานั้นบิดเบี้ยวด้วยความโกรธที่สุมอยู่ภายใน...เจ็บกายยังไม่เท่าไหร่แต่เจ็บใจที่ถูกหยามหน้ากันถึงถิ่นเสียมากกว่า...ที่มากไปกว่านั้นคือเขาไม่สามารถเรียกร้องเอาความจากอีกฝ่ายได้ด้วยรู้แก่ใจดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะใคร...หากเรื่องถึงหูผู้เป็นพ่อ คนที่จะถูกตำหนิคงหนีไม่พ้นตัวเขาเอง...แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจลบล้างความโกรธแค้นที่สุมอยู่ข้างในได้

"ทายาเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ"เสียงหวานของผู้เป็นภรรยาดังขึ้นหากแต่ยิ่งทำให้เจ้าตัวเกิดโทสะ...มือใหญ่ยกขึ้นปัดโถยาที่อีกฝ่ายถืออยู่ในมือจนร่วงหล่นกระจัดกระจาย

"หล่อนไม่ต้องมาแสร้งทำดี อยากกลับไปพร้อมไอ้แก้วเต็มทีล่ะสิ!" ใบหน้าหวานตื่นตระหนกแต่กระนั้นก็ยังไม่ปริปากบ่นอะไร เธอเพียงก้มลงเก็บเศษกระเบื้องที่กระจายเกลื่อนบนพื้นหากแต่อีกฝ่ายรุดเข้ามาฉวยข้อมือของเธอเอาไว้แน่น...แววตาแข็งกร้าวดุดันบ่งบอกอารมณ์ชัดเจน

"เป็นเมียฉันแท้ๆ กลับไปเข้าข้างชายอื่น งามหน้าเสียจริง"แรงบีบที่ข้อมือทำให้เจ้าของร่างเล็กได้แต่นิ่วหน้าเพราะความเจ็บ

"ดิฉันไม่ได้เข้าข้าง แต่สิ่งที่คุณพี่ทำ..."เพราะเหตุการณ์ที่เกิดตรงหน้ามันช่างน่าอับอายเกินกว่าที่เธอจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้

"นั่นมันเรื่องของฉัน หล่อนเองก็เถอะ แส่ไม่เข้าเรื่อง"เพราะโทสะที่บดบังทำให้ลืมไปจนหมดสิ้นว่าคนตรงหน้าคือภรรยาของตัวเอง...ลืมแม้กระทั่งความรู้สึกของคนตัวเล็กที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด...ลืมแม้แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี


ร่างเล็กขืนตัวออกให้เป็นอิสระหากแต่ดวงตาคมสวยยังคงจดจ้องอีกฝ่ายนิ่ง...หลายครั้งหลายคราที่เธอพยายามมองคนตรงหน้าโดยปราศจากอคติ...สามีผู้ซึ่งเปลี่ยนไปราวกับคนละคนหลังจากแต่งงานกันได้ไม่นาน ซึ่งแม้แต่เธอเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเป็นเพราะอะไร...เธอเคยมีความสุขมากกว่านี้...แม้แรกเริ่มมันจะไม่ใช่ความรักแต่เธอเองก็เคยคิดว่าเธอคงรักเขาได้ไม่ยาก...หากแต่การเปลี่ยนแปลงของเขายิ่งทำให้ความคิดนีค่อยๆจางหายไป...คงเหลือไว้เพียงความเคยชินและทนอยู่เช่นนี้เรื่อยมา

"คืนนี้ดิฉันจะขึ้นไปนอนบนเรือนใหญ่ คุณพี่พักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ"ท่าทีเฉยชาของเธอกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาเช่นกัน...ร่างเล็กค่อยๆเก็บเศษถ้วยกระเบื้องที่เกลื่อนกลาดบนพื้นก่อนจะลุกเดินออกจากเรือนแพริมน้ำ...ไม่แม้แต่จะเหลียวกลับมามองเจ้าของเรือนที่นั่งกำหมัดแน่นเพราะความโกรธ...เจ็บทั้งตัว...แต่ที่เจ็บกว่าคือใจ...ถูกหยามหน้ากันถึงถิ่น หนำซ้ำคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาแท้ๆกลับเข้าข้างอีกฝ่ายจนออกนอกหน้า...ตั้งแต่เกิดมาเขาเคยได้ทุกอย่างที่ปรารถนา...ทรัพย์สิน เงินทอง ความสุข หรือแม้แต่คู่ชีวิต...หากแต่ตอนนี้เขายิ่งรู้สึกว่าภรรยาที่ยืนเคียงข้างเขานั้นมีเพียงแค่ตัว...นั่นยิ่งทำให้โทสะในใจเพิ่มขึ้นจนไม่อาจอยู่เฉยได้




"แม่เดือน"เสียงเรียกทำให้เธอต้องชะงักฝีเท้าเมื่อก้าวขึ้นมาบนเรือนใหญ่...หันกลับไปพบเจ้าของเรือนผู้มีศักดิ์เป็นพ่อของสามี...สีหน้าของท่านไม่สู้ดีนักคงเพราะได้เห็นสภาพของลูกชายตัวเองเมื่อครู่ แต่กระนั้นก็ไม่ได้รู้ความอะไรในเมื่อไม่มีใครยอมปริปาก

"พ่อเจษฎ์ไปมีเรื่องกับใครมาอีกแล้วรึ"คำถามที่ทำให้เธอลำบากใจยิ่งนักเพราะไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่อาจพูดความจริงได้

"ดิฉันไม่ทราบเจ้าค่ะ"ได้แต่ส่ายหน้าตอบ...แว่วเสียงถอนหายใจยาวจากอีกฝ่าย

"ลูกคนนี้ก็เหลือเกิน มีเรื่องชกต่อยไม่เว้นแต่ละวัน"คนเป็นพ่อมีหรือจะไม่รู้จักนิสัยลูกชายของตัวเอง...แม้พยายามเอ่ยปรามด้วยคำพูดกี่ครั้งก็ไม่เคยฟัง...ตัวท่านเองก็มีงานราชการต้องดูแลไม่ได้มีเวลามาตามสะสางให้ทุกครั้ง

"นี่หล่อนจะไปไหน ไม่ไปดูแลสามีของหล่อนเล่า"นึกขึ้นได้จึงถามออกไปเมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้กลับขึ้นมาบนเรือน ทั้งที่เวลานี้ควรอยู่ดูแลสามีของเธอตามหน้าที่

"ดิฉันบอกคุณหลวงแล้วเจ้าค่ะว่าวันนี้จะนอนบนเรือนใหญ่"ใบหน้าหวานก้มงุดเพราะเกรงว่าจะถูกเอ็ดเข้าที่ไม่ยอมดูแลลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านให้ดี หากแต่เจ้าของเรือนเองก็รู้แก่ใจถึงปัญหาของลูกชายและลูกสะใภ้ที่เกิดขึ้นหลังจากแต่งงานไม่นาน...แม้จะเป็นห่วงแต่เรื่องภายในครอบครัวต่อให้ตนเป็นเจ้าของเรือนก็ไม่สมควรเข้าไปก้าวก่าย ถึงกระนั้นก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ด้วยว่าลูกสะใภ้คนนี้ก็ไม่เคยทำหน้าที่ขาดตกบกพร่องอะไร มีแต่ลูกชายของท่านเองที่คอยแต่จะสร้างปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน

"ฉันรู้ว่าหล่อนเองก็ไม่สบายใจนักเรื่องพ่อเจษฎ์ แต่หล่อนได้ชื่อว่าเป็นสะใภ้เรือนนี้แล้วฉันก็ขอให้หล่อนอดทน"แม้อยากปลอบใจกับสภาพที่ลูกสะใภ้ของตนต้องพบเจอแต่ด้วยนิสัยของเจ้าพระยาผู้สูงศักดิ์ สิ่งที่ทำได้คงเป็นเพียงคำกล่าวคล้ายเตือนสติเสียมากกว่า...หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ด้วยว่าเธอรู้แก่ใจดีว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เธอต้องใช้ความอดทนมากเพียงใด...ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรู้สึกโล่งใจเพราะแม้ผู้เป็นสามีจะทำตัวเหลวไหลสร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวันแต่เขาเองก็ไม่เคยถึงขั้นลงไม้ลงมือกับเธอเลยสักครั้ง



เสียงถอนหายใจดังก้องห้องนอนทันทีที่เธอก้าวพ้นประตู...ใบหน้าหวานฉายแววหนักใจไม่ต่างจากทุกวัน หากแต่วันนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้เธอตกใจยิ่งนัก...จริงอยู่ที่เธอรู้ดีถึงนิสัยและรสนิยมของสามีซึ่งเธอเองก็ไม่คิดเข้าไปก้าวก่าย แต่กับเด็กหนุ่มเมื่อกลางวันที่เธอเพิ่งได้พบเป็นครั้งแรกกลับทำให้เธอเป็นกังวล...รูปร่างหน้าตาที่แตกต่างจากชาวพระนครยังไม่ทำให้เธอติดใจสงสัยมากไปกว่าการที่เขามาเยือนในฐานะคนสนิทของใครคนหนึ่ง...เด็กหนุ่มที่ดูราวกับของมีค่าของใครคนนั้นหากแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอไม่มีโอกาสได้เอ่ยถาม...มือเรียวเอื้อมไปหยิบหนังสือเล่มโปรดบนหัวเตียงก่อนจะพลิกเปิดหน้าที่ถูกคั่นเอาไว้เผยให้เห็นช่อดอกแก้วที่เคยส่งกลิ่นหอมฟุ้งหากแต่ตอนนี้กลายเป็นเพียงช่อดอกไม้แห้งสีน้ำตาล...ดอกไม้ที่ทำให้เธอระลึกถึงคนสำคัญในอดีตที่ยังคงเด่นชัดในความคิด...แต่ก็เป็นได้เพียงแค่คนในความทรงจำที่เธอไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก...เพราะสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่การตัดสินใจของเธอเพียงคนเดียว



"พี่แก้ว"เสียงหวานที่เอ่ยออกมาแม้สั่นเครือเศร้าหมองหากแต่ใบหน้าหวานยังคงเจือรอยยิ้ม...เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่เขาคนนั้นยังคงเป็นแรงผลักดันให้เธอเสมอ



...แม้ตอนนี้เขาจะอยู่ข้างเธอหรือไม่ก็ตาม...






..............................................................................
.

.

.

.

...ร่างสูงทว่าผอมบางสะท้อนผ่านกระจกไม้บานใหญ่...แม้ดวงไฟสีส้มในห้องไม่ได้ส่องแสงสว่างจ้านักหากแต่ผิวกายขาวเนียนละเอียดโผล่พ้นเสื้อผ้าฝ้ายตัวหลวมยังคงโดดเด่น...ไหล่กว้างสมดุลรับกับลำคอระหง...ริมฝีปากบางได้รูปเจือสีส้มอมชมพูเผยอออกเพียงให้ได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบา...จมูกโด่งรั้นกั้นกลางนัยน์ตาคมสีน้ำตาลเข้ม...กรอบหน้าเรียวรีได้รูปถูกบดบังด้วยเรือนผมดำสนิทยาวละต้นคอ...หยดน้ำใสเกาะพราวตามเรือนผมร่วงหล่นลงบนผิวกายเนียนละเอียดเปียกปอนไปถึงเสื้อผ้าฝ้ายเนื้อบาง...นิ้วเรียวทาบทับลงบนพื้นกระจกลากเลื่อนอย่างไร้จุดหมาย...เช่นเดียวกับประกายระยับในดวงตาที่หายไปกลับกลายเป็นความเลื่อนลอยว่างเปล่า...



...ร่างผอมบางช่างแปลกตาจนเกือบลืมไปว่าสิ่งที่สะท้อนออกมาคือตัวผมเอง...



นิ้วเรียวลากเรื่อยไปตามโครงร่างสะท้อนในกระจก...ใบหน้านี้เป็นของผม...ริมฝีปาก...จมูก...คาง...แก้ม...ทั้งหมดนี้คือตัวผม หากแต่ประกายหม่นในแววตาที่สะท้อนอยู่ตรงหน้ากลับทำให้ตัวตนของผมเลือนลางไม่ชัดเจน...หยดน้ำเย็นเยียบบนร่างกายยังไม่เทียบเท่าความเย็นที่เกาะกุมอยู่ข้างใน...ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็ให้นึกถึงเหตุการณ์นั้น...สัมผัสหยาบกร้านน่ารังเกียจ...เสียงหัวเราะที่ดังก้องในโสตประสาท...แม้ไม่สูญเสียแต่บางสิ่งที่มีกลับสูญหายไป

แว่วเสียงประตูห้องถูกปิดลงหากแต่ความคิดของผมยังคงจดจ่ออยู่กับเงาสะท้อนตรงหน้า...นิ้วมือลากเลื่อนสะเปะสะปะจนมาหยุดอยู่ที่รอยแดงบนไหล่ซ้าย...ร่องรอยที่ไม่ว่าจะพยายามล้างมันให้ออกสักกี่ครั้งก็ยังคงอยู่...

"ปล่อยเนื้อตัวเย็นแบบนี้ประเดี๋ยวได้จับไข้เอาเสียล่ะ"เสียงถอนหายใจดังมาจากจากด้านหลัง...สองมือบรรจงใช้ผ้าเช็ดผมที่เปียกชื้นให้อย่างเบามือ...ผมมองคนตัวสูงผ่านเงาสะท้อนในกระจก...ดวงตาคมจดจ้องบนเรือนผมดำสนิทเพียงชั่วครู่ก่อนที่เขาจะชะงักมือเพราะเหลือบไปเห็นร่องรอยที่เหลืออยู่บนไหล่ข้างซ้าย...นิ้วเรียวเกลี่ยปลายผมออกเผยให้เห็นรอยแดงชัดเจน...ประกายหม่นในดวงตาคมส่องสะท้อนผ่านกระจกบานใหญ่

"หากเราไม่หลงเชื่ออุบายของหลวงเจษฎ์เหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น"เสียงทุ้มนุ่มดังแผ่ว...สองมือของเขาสอดประสานโอบเอวของผมเอาไว้จากด้านหลัง...ใบหน้าคมโน้มลงฝังจมูกโด่งบนไหล่ข้างเดิม...ความรู้สึกผิดที่ส่งผ่านมานั้นผมรับรู้ได้หากแต่ความขัดแย้งในใจกลับมีมากกว่า...คำพูดของหลวงเจษฎ์วนเข้ามาในความคิดอีกครั้ง

"คุณหลวง"สายตาที่จดจ้องผ่านกระจกบานใหญ่เห็นภาพคนตัวสูงเงยหน้าขึ้นสบตา

"ถ้าไม่ใช่คุณเดือน...คุณหลวงจะปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวมั้ย"ประกายวูบไหวในแววตาเหมือนกับที่ผมได้เห็นเมื่อตอนกลางวันส่องสะท้อนออกมาให้เห็น

"ถ้าคนที่เรียกให้คุณหลวงไปหาเป็นเจ้าคุณไพศาลหรือคนอื่น คุณหลวงจะไปมั้ยครับ"ผมรู้ดีว่าคาดคั้นหาคำตอบไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา...แต่เสี้ยวหนึ่งของความคิด...ผมหยุดตัวเองที่กำลังเป็นแบบนี้ไม่ได้

"ทำไมพ่อถามเช่นนี้"คิ้วดกหนาขมวดมุ่น...สองมือที่โอบรอบเอวละออกเพียงเพื่อจับตัวของผมให้หันมาเผชิญหน้า

"พ่อธีร์คิดว่าเราเห็นแม่เดือนสำคัญกว่างั้นรึ"มันไม่ใช่ความคิดแต่เป็นการกระทำต่างหาก...ผมไม่ปฏิเสธเลยว่าคำพูดของหลวงเจษฎ์มีอิทธิพลต่อความคิดของผมมากเพียงใด...โดยเฉพาะในเวลาที่ผมอ่อนแอมากที่สุด คำพูดและการกระทำเหล่านั้นยิ่งกลับมาทำร้าย...ร่องรอยบนร่างกายยังไม่เทียบเท่าสิ่งที่หลงเหลืออยู่ข้างใน


แว่วเสียงถอนหายใจยาวเมื่อไม่มีคำตอบใด...เขาเพียงออกแรงดึงมือของผมให้เดินตามไปนั่งลงบนเตียงสี่เสาหลังใหญ่...ดวงตาคมจดจ้องไม่วางตาพร้อมกับสองมือที่จับไหล่ของผมเอาไว้มั่น

"ฟังเรานะพ่อ...ทั่วทั้งพระนครนี้จะหาใครที่เราให้ความสำคัญมากไปกว่าพ่อธีร์หามีไม่"คำพูดหนักแน่นส่งผ่านพร้อมแรงบีบลงบนไหล่ทั้งสอง หากแต่คำพูดนั้นกลับส่งมาไม่ถึงทั้งที่ผมนั่งอยู่ตรงหน้าเขาเพียงแค่เอื้อม...การรับรู้ของผมถูกปิดตายด้วยเหตุการณ์เมื่อกลางวัน...ด้วยสีหน้าของเขาเมื่อผมถามถึงผู้หญิงคนนั้น...ด้วยคำพูดของหลวงเจษฎ์ หรือแม้แต่ท่าทีของคุณเดือนตอนที่เธอเข้ามาขวางเอาไว้

"แต่ก็ไม่สำคัญไปกว่าคนที่พี่แก้วเคยให้ความสำคัญ...ธีร์เข้าใจครับ คนเคยมีความรู้สึกดีๆให้กันมาก่อนยังไงก็ตัดกันไม่ขาด"คำพูดพรั่งพรูจากปากของผมราวกับคนขาดสติ...ผมกำลังพาล...พาลโกรธคนนั้นคนนี้ไปทั่วเพียงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น...ทั้งที่ความจริงแล้ว ตัวผมเองก็ผิด...ผิดที่ประมาทไม่ดูแลตัวเอง

"เรื่องของพี่กับแม่เดือนมันไม่ได้เป็นอย่างที่พ่อเข้าใจ"วูบหนึ่งที่ได้เห็นสีหน้าไม่พอใจของอีกฝ่ายหากแต่เขาพยายามสะกดมันเอาไว้...ผิดกับผมที่ในตอนนี้ไม่สามารถเก็บกักอะไรไว้ได้อีกแล้ว

"แล้วมันเป็นแบบไหนครับ คุณเดือนรักพี่แก้วแม้แต่หลวงเจษฏ์ยังรู้ถึงได้ใช้เธอมาเป็นข้ออ้าง"ผมไม่ได้โวยวายเสียงดังเหมือนพวกนางร้ายในละครแต่ทุกคำพูดที่ส่งผ่านกลับเต็มไปด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นจนแม้แต่เขาเองก็รับรู้ได้

"พี่แก้วเองก็เป็นห่วงเธอ ถึงได้รีบไปหาตอนที่บ่าวมาตาม ถ้าพี่แก้วกับคุณเดือนรักกันทำไมถึงยอมให้เธอแต่งงานกับหลวงเจษฎ์"





"เพราะพี่ไม่ได้รักแม่เดือน"คำตอบเพียงสั้นๆที่ทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง...น้ำเสียงหนักแน่นของเขาดึงเอาสติที่หลุดลอยกลับมาตรงหน้า...ผมมองตามคนตัวสูงที่ผละลุกจากเตียงไปหยุดยืนริมหน้าต่าง สายตาของเขาทอดยาวออกไปด้านนอก...คำตอบนั้นชัดเจน...ที่ยังเหลืออยู่คือความไม่เข้าใจ

"ถ้าพี่รักแม่เดือนเรื่องทั้งหมดคงไม่เป็นเช่นนี้"ใบหน้าด้านข้างของเขาเรียบเฉย แม้แต่ผมเองก็บอกไม่ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่...ความเงียบที่ปกคลุมยิ่งทำให้ผมอึดอัดแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกไป


"พ่อธีร์..."ชั่วขณะที่เขาหันกลับมา...ผมเห็นประกายหม่นในแววตานั้นชัดเจน

"ที่แม่เดือนตัดสินใจแต่งงานกับหลวงเจษฎ์เป็นเพราะว่าพี่ปฏิเสธเธอ"ได้แต่เบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน...เรื่องทั้งหมดยิ่งซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจเพราะสิ่งที่เคยคิดไว้มันกลับตรงกันข้ามไปหมด

"เพราะพี่เป็นคนทำให้แม่เดือนต้องมาเป็นทุกข์เช่นนี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพี่ถึงไปพบเธอ"เขาเดินกลับมาหยุดยืนตรงหน้า ผมเพียงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มที่เคยมีรอยยิ้มปรายประดับแต่ตอนนี้มันกลับหายไป

"แต่ถ้าพี่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..."มือใหญ่เอื้อมมาเกลี่ยปลายผมออกเผยให้เห็นรอยแดงช้ำ...ร่องรอยที่ผมเองก็อยากให้มันหายไปเสียที

"ไม่มีใครรู้ได้หรอกครับนอกจากคนที่ทำมัน"กลายเป็นตัวเองที่เป็นฝ่ายปลอบใจ หากแต่คำตอบที่ได้คือร่างสูงที่โถมเข้ามากอดเอาไว้แน่น

"ตอนที่เห็นพ่อธีร์เป็นแบบนั้น ใจพี่จะขาด"เสียงทุ้มต่ำแว่วอยู่ข้างหู อ้อมกอดของเขาช่างแตกต่างจากทุกครั้งเพราะมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นในใจ สองแขนที่โอบรอบนั้นสั่นทว่าแรงที่ส่งออกมากลับทำให้ผมอึดอัด

"พี่แก้ว ธีร์เจ็บ"คนตัวสูงผละออกทันทีราวกับคำพูดนั้นดึงสติของเขาให้กลับมา

"พี่ขอโทษที่ทำให้พ่อธีร์เจ็บ"ผมรู้ดีว่าคำขอโทษนั้นหมายถึงอะไร...ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นเพราะเหตุการณ์เมื่อกลางวัน โดยที่ผมเองก็เป็นฝ่ายยัดเยียดความรู้สึกนี้ให้กับเขาเช่นเดียวกัน...สิ่งที่ทำได้ เพียงแค่เอื้อมมือออกไปโอบรอบคนตัวสูงเอาไว้ราวกับคำปลอบใจว่าผมไม่เป็นอะไร...มือใหญ่ยกขึ้นลูบผมเพียงแผ่วเบาไล้เรื่อยลงมาประคองแก้มช้อนขึ้นสบกับดวงตาคมสวยหากแต่ประกายหม่นในแววตานั้นยิ่งทำให้ผมใจหาย...ใบหน้าคมโน้มลงประทับริมฝีปากหยักหนาได้รูปเข้ากับริมฝีปากของผม ลมหายใจอุ่นระเรี่ยตรงหน้าเชื่องช้านุ่มนวลจนผมได้แต่หลับตาปล่อยให้ความรู้สึกทั้งหมดเป็นฝ่ายควบคุมแทนหากเพียงแค่อึดใจที่สัมผัสอ่อนโยนนั้นเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงรุนแรง...นิ้วเรียวลากเรื่อยสอดเข้าใต้เสื้อผ้าฝ้ายตัวบางดึงเอาสติที่เริ่มหลุดลอยให้กลับมา...ผมได้แต่เบิกตาโพลงกับสัมผัสหนักหน่วงของคนตรงหน้าที่แปลกไปกว่าทุกที...หากเพียงแค่ยกมือทาบลงบนหน้าอกกว้างของอีกฝ่ายทุกอย่างก็หยุดนิ่ง...ใบหน้าคมฉายแววตระหนกชัดเจนเช่นเดียวกันกับผม...สีหน้าของความไม่เข้าใจเพราะสัมผัสที่เขาหยิบยื่นมาเมื่อครู่นั้นไม่ได้ใกล้เคียงกับตัวเขาเลยแม้แต่น้อย



...ร่างสูงผลุดลุกขึ้นยืนจนผมได้แต่มองตาม...



"นอนเถิดพ่อ คืนนี้พี่จะไปนอนที่ห้องรับรองแขก"ไวกว่าความคิดเมื่อผมเอื้อมมือออกไปฉวยมือใหญ่ของอีกฝ่ายเอาไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะก้าวหนี...คนตัวสูงเพียงหยุดยืนนิ่งหากแต่ไม่ยอมหันกลับมา...ผมช้อนตามองแผ่นหลังกว้างนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลายปนเปกัน...ความรู้สึกรุนแรงเมื่อครู่ยังคงอยู่...สัมผัสที่แตกต่างไปจากทุกครั้งจนชั่วขณะหนึ่งทำให้ผมหวนนึกไปถึงเหตุการณ์นั้น


"ไหนบอกว่าจะอยู่กับธีร์ไงครับ"หากแต่ผมรู้ดีว่าคนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้เป็นใคร...ความกลัวที่เกิดขึ้นเพียงชั่ววูบไม่ได้ทำให้ตัวตนของเขาเลือนลางแต่กลับยิ่งเด่นชัดในความคิด

"คืนนี้เห็นทีจะไม่ได้"

"ทำไมครับ"ความเงียบปกคลุมเพียงชั่วอึดใจก่อนที่เขาจะเอ่ยบางสิ่งออกมา



"ยิ่งได้เห็นพ่อธีร์เป็นแบบนี้พี่ยิ่งอยากครอบครอง พี่ช่างเห็นแก่ตัวยิ่งนักทั้งที่พ่อธีร์เพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมาแท้ๆ"มือหนาที่ถูกเกาะกุมนั้นสั่น ความรู้สึกผิดต่อเหตุการณ์เมื่อกลางวันรวมไปถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ฉายแววเด่นชัดจนผมเข้าใจได้ในทันที...สิ่งที่ผมทำได้...เพียงแค่ลุกขึ้นสอดแขนประสานโอบรอบตัวเขาเอาไว้จากด้านหลังพลางโน้มหน้าซบลงบนแผ่นหลังกว้างที่ตอนนี้กลับดูเลือนลางในความคิดของอีกฝ่าย

"คนเห็นแก่ตัวเค้าไม่พูดแบบนี้กันหรอกนะครับ"อ้อมแขนที่กระชับแน่นราวกับต้องการส่งผ่านความรู้สึก...ชั่วขณะหนึ่งที่ไหล่กว้างตรงหน้านั้นวูบไหวหากแต่เจ้าของร่างสูงยังคงยืนนิ่ง


"พี่แก้ว"เจ้าของชื่อเพียงหันกลับมาช้าๆให้ผมได้เห็นประกายหม่นในดวงตาคมคู่นั้นชัดเจน...ผมยกมือขึ้นแตะแก้มของอีกฝ่ายที่เอียงซบลงรับสัมผัสนั้น

"เรื่องเมื่อกลางวัน...ขอบคุณมากนะครับที่ทำแบบนั้นเพื่อธีร์"เพียงคำพูดและรอยยิ้มที่ส่งออกไปกลับทำลายกำแพงที่คนตัวสูงก่อกางกั้นตรงหน้า...มือหนายกขึ้นทาบทับมือของผมที่ยังแตะอยู่ข้างแก้ม มืออีกข้างเอื้อมรั้งเอวของผมให้เข้าไปประชิดตัว...ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่าย





"คืนนี้อยู่กับธีร์นะครับ"สองแขนของเขาโอบกระชับแน่นกว่าเดิม...เสียงหัวใจเต้นระรัวดังก้องอยู่ข้างหู...หากเพียงเขาได้ยิน...หัวใจของผมเองก็เช่นกัน

"แน่ใจแล้วหรือพ่อ"ใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาเมื่อถูกถามซ้ำอีกครั้งแต่ก็เพียงพยักหน้าตอบกลับไป...มือหนายกขึ้นช้อนคางของผมให้เงยขึ้น...ริมฝีปากหยักยกยิ้มบางก่อนจะประทับลงบนหน้าผากของผมเพียงแผ่วเบา...สัมผัสอุ่นไล้เรื่อยลงมาหยุดตรงหน้าเผยให้เห็นดวงตาคมส่องประกายระยับห่างเพียงแค่ปลายจมูกกั้น...ใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย...ใกล้...จนผมต้องหลับตาลงเพราะไม่อาจต้านแรงดึงดูดของดวงตาคมสวยคู่นั้น...หากเพียงชั่ววินาทีที่หลับตากลับรับรู้ถึงริมฝีปากอุ่นที่ทาบทับลงมาชัดเจน...สัมผัสเนิบนาบคลอเคลียหยอกล้อ จากแผ่วเบากลายเป็นหนักหน่วงทว่าอ่อนโยนต่างจากเมื่อครู่...สองมือเอื้อมโอบรอบคอคนตัวสูงยิ่งรั้งให้แนบชิด...รู้สึกตัวอีกทีเมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับฟูกนุ่มบนเตียงสี่เสาหลังใหญ่



...ชั่วขณะหนึ่งที่ความกลัวแล่นปลาบเข้ามา...หากแต่เพียงได้สบกับดวงตาคมสวยที่จดจ้องพร้อมรอยยิ้มปรายยิ่งทำให้รับรู้ถึงตัวตนของคนตรงหน้าเด่นชัด...ความกลัวถูกแทนที่ด้วยสัมผัสอบอุ่นอ่อนโยนที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้...ริมฝีปากหยักได้รูปพร่ำเอ่ยคำปลอบโยนไม่ขาดเช่นเดียวกับท่อนแขนแกร่งที่โอบรอบกายไม่ห่างหาย...ในห้วงสุดท้ายของความคิด...



...ผมได้ยินเพียงเสียงลมหายใจสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวและเสียงทุ้มนุ่มกระซิบแผ่วเบาข้างหู หากกลับดังก้องกังวานเด่นชัดในโสตประสาท...น้ำเสียงอ่อนโยนทว่าหนักแน่นส่งผ่านความรู้สึกของคนตรงหน้าให้ผมได้รับรู้...






'พี่รักพ่อธีร์เหลือเกิน...พ่อธีร์ของพี่'


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2014 00:52:59 โดย Vivid_Vuitton »

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0



...สัมผัสอุ่นจากปลายนิ้วเรียวไล้เรื่อยข้างแก้มปลุกให้ผมค่อยๆลืมตาตื่น...แสงแดดยามสายที่ส่องลอดผ้าม่านโปร่งสีขาวเข้ามาในห้องนั้นสว่างจ้าเสียจนผมต้องหรี่ตาลงกระพริบช้าๆเพื่อปรับสายตาให้ชิน...สิ่งแรกที่รับรู้คือหน้าอกอุ่นที่ใช้หนุนต่างหมอน...ท่อนแขนวางพาดผ่านลำตัวหนาถูกทาบทับด้วยมือใหญ่...ผมเพียงเหลือบตามองคนตัวสูงที่นั่งเอนหลังพิงหัวเตียง...ริมฝีปากหยักยกยิ้มบางเมื่ออีกฝ่ายก้มลงสบตา

"ตื่นแล้วหรือพ่อ"คำทักทายธรรมดาแต่กลับทำเอาหน้าของผมร้อนวูบเมื่อพาลนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน...ใบหน้าคมเจือรอยยิ้มปรายอย่างอารมณ์ดีจนผมได้แต่หลุบตาลงต่ำ

"สายป่านนี้แล้วเหรอครับ"เพราะแสงแดดจ้าทำให้นึกขึ้นได้...ตื่นสายป่านนี้เห็นทีจะถูกเจ้าคุณไพศาลบ่นยาว...ผมรีบยันตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความทุลักทุเล ทั้งเรี่ยวแรงที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนหมดและยังความรู้สึกเจ็บแล่นริ้วไปทั้งตัวนี่อีก...หากแต่ถูกมือหนารั้งตัวเอาไว้ให้ซบลงกับหน้าอกอุ่นตามเดิม

"วันนี้วันหยุด ตื่นสายเสียบ้างไม่เป็นอะไรหรอก"ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็ไม่เคยเห็นคนพระนครตื่นสายกันสักวัน

"เดี๋ยวเจ้าคุณท่านเอ็ดเอานะครับ"

"เจ้าคุณท่านออกไปเรือนใหญ่ เห็นว่าจะกลับมาตอนบ่าย"เจ้าคุณไพศาลก็ช่างเลือกวันได้พอเหมาะเสียจริง

"แล้วป้าชื่นล่ะครับ"เริ่มหาข้ออ้างเพื่อลุกจากเตียง...ความจริงอยากนอนต่ออีกสักพักแต่เพราะความเคยชินกับการเป็นอยู่ที่นี่เลยรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย

"แม่ชื่นทำไมรึ"

"ก็ป้าชื่นแกคงเตรียมสำรับรอ ไม่ลงไปกินเดี๋ยวแกน้อยใจ"พูดให้ถูกคงต้องใช้คำว่าสงสัยมากกว่า

"แม่ชื่นแกรู้ว่าเราไม่ค่อยรับมื้อเช้า อีกอย่างเราก็อิ่มเสียแล้ว"คำตอบที่ทำเอาผมขมวดคิ้วมุ่น

"ยังไม่ได้กินอะไรแล้วอิ่มได้ไงครับ"

"อิ่มอกอิ่มใจ"รู้สึกเหมือนขุดหลุมฝังตัวเองเข้าให้...ใบหน้าที่ร้อนวูบขึ้นมาเรียกเสียงหัวเราะเบาจากอีกฝ่าย

"หน้าแดงเป็นลูกตำลึงเชียว ร้อนหรือพ่อ"น้ำเสียงนุ่มหยอกล้อหากแต่ผมไม่ตอบอะไร...กลัวว่าจะโดนเล่นมุขอะไรกลับมาอีก...แล้วดูเขาทำเถอะ ถามว่าร้อนไหมแต่ดันกอดผมไว้เสียแน่น



...แต่เอาเถอะครับ...นานๆทีได้ตื่นสายบ้างก็ดีเหมือนกัน...



...ที่สำคัญ...ผมยังลุกไม่ขึ้นต่างหากเล่า!






ผมกลับมาถึงเรือนช่วงบ่ายแก่ๆ ความจริงตั้งใจกลับมาเร็วกว่านั้นแต่เพราะเจ้าคุณไพศาลมาถึงพอดีจึงนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกับท่านต่อสักพักก่อนจะขอตัวลา...วันนี้เป็นวันหยุด ที่เรือนเจ้าคุณจิตราเลยคึกครื้นเป็นพิเศษ เพราะเจ้าของเรือนทั้งสามอยู่กันพร้อมหน้า...หากแต่คนที่ทำให้ผมตกใจจนชะงักฝีเท้าทันทีที่ก้าวพ้นซุ้มประตูกลับกลายเป็นผู้มาเยือนที่นั่งเด่นสง่าบนพื้นยกกลางเรือน...ผมจำใบหน้าหวานระเรื่อนั้นได้แม่นยำเพราะเพิ่งได้พบกันไปเมื่อวาน...ลูกสะใภ้คนสวยของเจ้าพระยาเดโชกำลังนั่งสนทนากับเจ้าคุณจิตรา คุณหญิงสร้อยและคุณพิกุลอย่างออกรส หากแต่รอยยิ้มปรายระบายบนใบหน้าของเธอเลือนหายไปทันทีที่หันมาสบตา

"อ้ายแช่มมันว่าไปค้างที่เรือนโน้นถึงสองวัน งานทางโน้นมีมากรึ"เจ้าของเรือนถามขึ้นหลังจากผมกล่าวทักทายตามปกติ

"เมื่อวานต้องไปพบเจ้าคุณเดโชแต่เช้า เจ้าคุณไพศาลเลยให้อยู่ค้างที่เรือนครับ"สีหน้าของผู้มาเยือนไม่สู้ดีนักเมื่อได้ยินคำตอบ...ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร

"เช่นนั้นก็ได้พบแม่เดือนแล้วซี"คุณหญิงสร้อยทักขึ้นอย่างอารมณ์ดีพลางหันไปมองหญิงสาวตัวเล็กข้างๆ

"ได้พบแล้วครับ"ผมมองตามเจ้าของชื่อด้วยความรู้สึกหลากหลายปนเป...ใจหนึ่งนึกสงสารเธอเพราะได้ฟังเรื่องราวจากหลวงพิสิษฐ...ใจหนึ่งก็นึกขอบคุณเพราะถ้าเธอไม่เข้ามาขัดจังหวะเอาไว้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้ผมจะเป็นอย่างไรบ้าง...แต่อีกใจ...ผมกลับลังเล...เพราะรู้ดีถึงความรู้สึกของคนตรงหน้า

"เรื่องสถานที่จัดงานได้ความอย่างไรบ้าง"เจ้าของเรือนถามขึ้นจนผมต้องละสายตาจากผู้มาเยือน

"เจ้าคุณท่านว่าจะกราบทูลทูลกระหม่อมเรื่องขอเปลี่ยนสถานที่ให้ครับ"

"ดีจริงเชียว ข้ารึเป็นกังวลเสียหลายวันเกรงว่าเจ้าคุณท่านจะไม่ยอม" คำตอบที่ทำให้เจ้าคุณจิตรายิ้มออกมาได้ทันที...ท่าทีคลายกังวลพาเอาผมโล่งใจตามไปด้วยคงเพราะได้นั่งอยู่กลางวงสนทนาดุเดือดเมื่อวานนี้จึงทำให้เข้าใจสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี

"ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวลงไปช่วยงานข้างล่างก่อนนะครับ"เจ้าของเรือนเพียงพยักหน้ารับก่อนจะหันกลับไปร่วมวงสนทนาต่อ...ชั่วขณะที่กำลังก้าวลงจากเรือน ผมเหลือบไปเห็นดวงตากลมสวยที่จดจ้องมาเพียงครู่...ประกายหม่นในแววตานั้นฉายแววชัดเจน






"ไม่รู้มาก่อนว่าพ่ออยู่เรือนนี้"เสียงหวานคุ้นหูดังขึ้นด้านหลังขณะที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ริมท่าน้ำหน้าเรือน

"ถ้าไม่รู้ ก็คงไม่มาไม่ใช่เหรอครับ...คุณเดือน"ผมไม่แปลกใจที่เธอหาจังหวะปลีกตัวมาคุยกับผมเช่นนี้...เพราะหากผมเป็นเธอ ก็คงทำแบบเดียวกัน

"เราเพียงมาเยี่ยมเยียนเจ้าคุณท่าน มิได้มาเสียนานตั้งแต่ออกเรือนไปกระมัง"คำโกหกที่ส่งออกมาไม่ได้แนบเนียนอย่างที่เจ้าตัวคิดหากแต่ผมเลือกที่จะเงียบเอาไว้เพราะไม่อยากเถียงกลับให้มากความ

"พ่อเป็นอย่างไรบ้าง"เสียงหวานถามขึ้นอีกครั้ง...ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าใจว่ามันเป็นเพียงคำถามทั่วไปแต่สำหรับผมมันกลับหมายถึงอะไรที่มากกว่านั้น

"สบายดีครับ"หากแต่คำตอบของผมคงไม่ถูกหูคนฟังเท่าไหร่นัก

"เรื่องเมื่อวาน..."

"ผมไม่อยากพูดถึงมัน"รีบตัดบทก่อนที่เจ้าตัวจะได้พูดอะไรต่อ...หันกลับมาสบดวงตาหวานที่ฉายแววตระหนกชัดเจน

"แต่ยังไงผมก็ต้องขอบคุณคุณเดือน...ขอบคุณมากนะครับ"แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ากำลังมีสีหน้าแบบไหนตอนพูดคำนั้นออกไป...มันอาจจะราบเรียบจนอีกฝ่ายใจหายหรือแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

"เราเองก็ต้องขอโทษแทนหลวงเธอเช่นกัน"ชั่วขณะหนึ่งของความคิด...ผู้หญิงคนนี้ช่างน่าสงสาร เพราะเธอไม่แม้เพียงต้องอดทนกับชีวิตคู่หากยังต้องออกรับแทนสามีผู้ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอะไร จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอจะทนมีชีวิตแบบนี้ได้นานเท่าไหร่กัน

"คุณเดือนไม่ต้องขอโทษหรอกครับ มันไม่ใช่ความผิดของคุณเดือนเลย"ผมมองใบหน้าหวานระเรื่อหากแต่แววตาของเธอช่างเศร้านัก...ยิ่งได้ฟังเรื่องของเธอก็ยิ่งเข้าใจว่าเธอต้องผ่านอะไรมาบ้าง...แต่ถึงอย่างนั้น ความจริงที่ว่าเธอเป็นภรรยาของผู้ชายคนนั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

"ได้ยินมาว่าพ่อเป็นคนสนิทของพี่......หลวงแก้ว"เสียงหวานชะงักไปเมื่อกล่าวถึงบุคคลที่สาม...ผมเพียงพยักหน้ารับแทนคำตอบ

"หลวงเธอเป็นเช่นไรบ้างรึ"

"คุณหลวงสบายดีครับ งานยุ่งนิดหน่อยเพราะต้องช่วยเจ้าคุณไพศาลเตรียมงานเลี้ยงท่านทูต"

"เราไม่ได้หมายความถึงเรื่องนั้น"ผมรู้ดีว่าเธอหมายถึงเรื่องไหน...เพียงแต่มันเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากตอบเท่านั้นเอง...เหตุการณ์เมื่อวานสมควรถูกลืมไปเสียโดยไม่มีใครยกขึ้นมาพูดอีก เพราะนั่นจะเป็นการดีต่อทุกฝ่าย

"ถ้าเป็นเรื่องอื่น ผมไม่ทราบครับ"ความเงียบเข้าปกคลุม แว่วเพียงเสียงถอนหายใจยาวของคนตัวเล็ก...นั่นยิ่งทำให้ผมอึดอัด

"ถ้าคุณเดือนไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ ต้องไปช่วยงานที่เรือนบ่าว"ข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่นักแต่ก็พอทำให้อีกฝ่ายเข้าใจได้ดีว่าผมอยากไปให้พ้นจากตรงนี้เสียที

"ขอบคุณอีกครั้งนะครับ"เพียงคำพูดนี้ที่ผมไม่ได้ฝืนพูดออกไป...ผมรู้สึกขอบคุณ...แม้เธอเองไม่ได้ตั้งใจช่วยก็ตาม...ส่วนเรื่องอื่น...ผมไม่ขอรับรู้อะไรอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสามีของเธอหรือแม้แต่เรื่องของเธอกับบุคคลที่เธอเพิ่งเอ่ยถามเมื่อครู่...เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะเข้าไปก้าวก่ายแม้แต่น้อย


"พ่อธีร์"หากเสียงหวานที่เรียกขึ้นอีกครั้งทำให้ผมชะงักฝีเท้า แต่ก็เพียงยืนนิ่งไม่หันกลับไปมอง

"ที่เรามาในวันนี้เพียงเพื่อขอโทษพ่อธีร์แลหลวงแก้ว ขอพ่อธีร์อย่าถือโทษโกรธเคืองหลวงเธอเลย"ผมเข้าใจเจตนาของเธอตั้งแต่ที่เห็นเธอบนเรือนในตอนแรก...ผมรู้ว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้าย หากแต่สิ่งที่เธอขอ...ผมคงทำให้ไม่ได้...เพราะผมไม่ใช่คนใจกว้างพอที่จะให้อภัยคนที่เคยทำร้ายกันถึงขนาดนี้




...คำตอบของผม...คือการเดินจากมาและไม่หันกลับไปมองเธออีกเลย...
.

.

.

.

.
"มึงรู้จักคุณเดือนเหรอ"ไอ้ตัวดีถามขึ้นเมื่อท้ายที่สุดผมก็มีเวลาได้อยู่กับมันตามลำพังเสียที...เจอหน้ากันตั้งแต่ช่วงบ่ายแถมมันยังทำหน้าเหมือนอยากถามเต็มที ทั้งเรื่องเมื่อวานนี้และยังเรื่องที่มันเห็นผมกับลูกสะใภ้คนสวยของเจ้าพระยาเดโชยืนคุยกันที่ริมท่าน้ำ แต่จนแล้วจนรอดต่างคนก็ต่างมีงานต้องทำจนมันไม่มีโอกาสได้ถาม

"เพิ่งเจอเมื่อวานตอนไปเรือนเจ้าคุณเดโช"ตอบเสียงเรียบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย...สายตาของผมยังคงจดจ้องอยู่ที่เงาสะท้อนของตัวเองผ่านบานกระจกโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอน...เงาที่สะท้อนตัวตนของผมชัดเจนผิดกับเมื่อวานลิบลับ

"ตอนแรกที่รู้กูโคตรตกใจอ่ะ ไม่คิดว่าคนอย่างไอ้หลวงนั่นจะมีบุญได้แต่งงานกับผู้หญิงดีๆแบบคุณเดือน"

"เป็นถึงลูกเจ้าพระยาจะหาผู้หญิงดีๆซักคนแต่งงานก็ไม่แปลก"ไอ้ตัวดีพยักหน้ารับเห็นด้วย...แต่ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น ผมก็ไม่เคยคิดว่าคุณเดือนเป็นผู้หญิงแบบที่ว่า...คงเป็นเพราะโชคชะตาหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เธอต้องทนทุกข์แบกรับภาระทั้งตัวเองและสามีอันธพาลของเธอเอาไว้



"แล้วมึง...เป็นไงมั่งวะ เมื่อวานท่าทางไม่ค่อยดี"น้ำเสียงของมันดูลังเลเมื่อถามคงเพราะรู้นิสัยของผมดี...ผมมันเป็นพวกปากหนัก มีปัญหาอะไรไม่ค่อยเล่าให้ใครฟังแม้แต่มันที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม

"ดีขึ้นละ ขอบใจที่เป็นห่วง"

"พูดแบบนี้ไม่คิดจะเล่าให้กูฟังสินะ"เหลือบไปเห็นไอ้ตัวดีนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนเตียงสะท้อนผ่านบานกระจกตรงหน้าแล้วก็อดขำออกมาไม่ได้...ไม่รู้ว่าผมบอกมันไปกี่ครั้งว่าไอ้หน้าแบบนี้ไม่ได้เข้ากับตัวมันเลยสักนิด

"อย่ามางอน ช่วยดูด้วยว่ามันเข้ากับหน้าโหดๆของมึงมั้ย"

"หู๊ยยยย เจ็บ! ใช่ซิ๊ กูมันไม่ใช่คุณหลวงหวานใจมึงนิ่"แล้วไอ้น้ำเสียงตัดพ้อต่อว่านี่มันไปจำมาจากใครครับ

"อ๊ะๆๆๆๆๆ!"อยู่ดีๆก็โวยวายเสียงดังจนผมสะดุ้งโหยง...รู้ตัวอีกทีมันก็แถมาอยู่ตรงหน้าพลางส่งยิ้มกวนมาให้

"อะไรของมึงเนี่ย"เป็นทีผมขึ้นเสียงบ้างเมื่อมันยกมือขึ้นจับคางของผมให้แหงนขึ้น ส่วนมืออีกข้างจัดการแหวกคอเสื้อที่มันกว้างอยู่แล้วออก

"นี่อะไรครับพี่ธีร์"ไม่รู้ทำไมแต่ผมว่าเสียงหัวเราะมันน่าถีบพิลึก...ผมรีบยกมือดึงเสื้อขึ้นมาปิดรอยบนไหล่ซ้ายตามเดิมก่อนจะใช้เท้ายันไอ้คนขี้สงสัยออกไปให้ห่าง

"กูว่าแล้วววว เมื่อวานกลับมาหน้าเป็นตูด แต่พอวันนี้เสือกอารมณ์ดีซะงั้น"ไม่พูดเปล่ายังยื่นหน้ากวนๆเข้ามาจนผมต้องใช้มือยันหน้ามันเอาไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้กว่านี้

"เอาหน้ามึงออกไปไกลๆหน่อยดิ๊ กูเห็นแล้วสยอง"

"ทีกับกูล่ะสยอง สองมาตรฐานนะมึงอ่ะ"

"ก็มึงมันไม่ได้มาตรฐานนี่หว่า"

"ปากคอเราะร้ายขึ้นทุกวันนะครับพี่ธีร์ ใครสั่งใครสอนให้พูดจาแบบนี้กับคนหล่อครับ"สงสัยกวนประสาทมันมากไปหน่อยเลยโดนมันโบกเข้าให้...แต่มีเหรอที่คนอย่างผมจะยอม...ตอนนี้ในห้องนอนเลยเกิดเป็นสงครามย่อมๆแทน



...แต่หากแชมป์รู้ว่ารอยนี้เกิดขึ้นเพราะอะไรมันคงไม่ยิ้มร่าอยู่แบบนี้...หากแชมป์รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้างมันคงไม่ยอมอยู่เฉย เพราะแบบนั้นผมถึงเลือกที่จะไม่เล่าอะไรให้มันฟังแม้จะรู้สึกผิดต่อมันอยู่บ้าง...แต่แชมป์เองก็เข้าใจไม่ผิด เพราะร่องรอยที่เด่นชัดขึ้นกว่าเดิมนี้ถูกทาบทับโดยใครอีกคนราวกับต้องการจะลบรอยเดิมให้หายไป...รอยแดงเด่นชัดบนไหล่ซ้ายที่เมื่อวานเป็นเพียงสิ่งย้ำเตือนให้ผมหวนนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น...หากแต่ตอนนี้กลับเป็นสิ่งที่ทำให้ผมระลึกถึงเจ้าของริมฝีปากหยักได้รูปและรอยยิ้มปรายอย่างอารมณ์ดี กับเสียงทุ้มนุ่มที่ยังดังก้องในความคิดวนเวียนไม่รู้จบ...


................................................................................................



ก่อนอื่นขอกราบสวัสดีมิตรรักผู้อ่านทุกท่าน ขอโทษที่หายหน้าไปนานเลยค่ะ  :call:

สำหรับตอนนี้จริงๆแล้วอยากตั้งชื่อตอนว่า จับน้องธีร์ผูกโบถวายพี่แก้ว แต่คิดแล้วสงสารน้องธีร์ยังไงก็ไม่รู้  o22

ขอฝากตอนนี้ไว้ด้วยนะคะ...ช่วงนี้คนเขียนเครียดนิดหน่อยค่ะ เพราะรู้สึกว่ายิ่งแต่งภาษาที่ใช้ก็ยิ่งยากขึ้นทุกที
ทำให้บางช่วงบางตอนออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ยังไงก็ติชมกันเข้ามาได้นะคะ จะนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป
ส่วนตอนต่อไป รอกันนิดนึงน๊า ขอไปปรับสมองและภาษาให้กลับมาเข้าที่ก่อนแล้วจะรีบมาต่อ แต่สัญญาว่าไม่หนีไปไหนแน่นอนค่ะ  :bye2: :bye2: :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2015 18:20:31 โดย Vivid_Vuitton »

ออฟไลน์ หยาดน้ำค้าง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มายืนส่ง(ถวาย)พ่อธีร์ 55555
เจอเรื่องร้ายๆมาก็ต้องปลอบกันแบบนี้สิถึงจะลบรอยได้ 555555
พ่อธีร์ออกเรือน(?)ไปแล้ว ถถถถถ พี่แก้วดูแลพ่อธีร์ดีๆนะ อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกล่ะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เค้าเล่นจ้ำจี้กันแล้วอ่ะแก!!!!! :impress2:
แล้วถ้ากลับกรุงเทพคราวนี้พี่แก้วจะยอมเร๊ออออออ

คุณเดือนนี่ยังไง?

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เรียบร้อยโรงเรียนหลวงแก้ว

ออฟไลน์ ลูกลิงแสดงตัว

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
เค้าได้กันแล้ววว >///<

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เปิดตอนมาได้อึนมาก หน่วงได้ที่เลย
เรายิ่งเป็นพวกเครียดกับการให้ความสำคัญในด้านเกี่ยวกับแฟนด้วย
คือ อ่านไป กัดปากไป ลุ้นไปสุดๆ ที่พ่อธีร์ถาม พี่แก้วตอนแรกยังไม่ตอบ
เครียดมากตอนอ่าน แม้ช่วงนั้นจะไม่กี่บรรทัดก็เถอะ
แต่พอพี่แก้วบอกแล้ว ก็ได้สติมาพร้อมๆกับน้องธีร์เลย
กลายเป็นว่าสงสารคุณเดือน แล้วยิ่งตอนท้ายที่มาขอโทษถึงเรือนนี่แบบ
โหย สงสารอ่ะ ต้องมาตามล้างตามเช็ดเรื่องหลังบ้านที่ไม่ดีของสามี
แล้วเป็นเรื่องแนวชู้สาวด้วยนะ สงสารจริงๆอ่ะ

และแล้วตอนนี้ก็มาถึงฉากที่ทุกคนรอคอย
คนเขียนผูกโบให้น้องธีร์ แต่น้องธีร์กระโดดขึ้นพานเองเลยค่ะ555
หลวงแก้วเค้าพยายามสงบจิตสงบใจจะไปนอนห้องอื่นแล้ว
น้องธีร์รั้งไว้ พร้อมอ้อน?ให้อยู่ด้วย โอ๊ยยย น้องธีร์แอบอ่อยใช่มั้ย
น้องธีร์รู้ว่าคนอ่านลุ้น เลยรีบถวายตัวให้หลวงแก้ว เพื่อเป็นกำลังใจให้แม่ยก
หลวงแก้วนี่ละมุนเวอร์ได้อีก ฮือ แต่ก็ไม่ทิ้งความกวนเลยจริงๆ
แหมๆอยากจะแซว คนอิ่มอกอิ่มใจ
นี่สงสัยว่าคงทั้งหลงทั้งรักน้องธีร์จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วใช่มั้ย

เจอฉากหวานๆเข้าไป หน่วงขึ้นมาอีกทันที
ทำไมต้องจำได้ตลอดว่าธีร์กับแชมป์อาจจะต้องกลับมายุคปัจจุบันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
หรือเราเครียดและนอยด์ไปเองคนเดียวหว่า

รออ่านต่อนะคะ555 ลงตอนใหม่ปุ๊บ ก็รอตอนต่อไปปั๊บ กร๊ากกก

ออฟไลน์ Mississippi

  • Don't act like it's a bad thing to fall in love with me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แหล่วๆๆๆๆว่าแล้วว่าเค้าต้องอะโบ๊ะจาม๊ะกัน แค่อ่านชื่อตอนก็จินตนการไปไกลละค่ะเอริ้กกกกกกกกกกกกกกกกก :hao7:

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ว้ายยยย  ในที่สุด... ในที่สุด...  พี่แก้วกับน้องธีร์ก็... อ้ายยย เขินนน  :m3:
ชอบนะคะแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องบรรยายอะไรให้ละเอียดมากมาย
แต่ก็ให้เรารับรู้ได้ว่า พี่แก้วกับพ่อธีร์ เค้าได้มีความสุขร่วมกันแล้ว อ่านแล้วเขิน  :o8:
ชอบที่น้องธีร์ถามพี่แก้วเรื่องคุณเดือนไปตรง ๆ แบบนี้นะ เราไม่ยักรู้สึกว่าน้องธีร์พาลตรงไหน
ดีกว่าเก็บไว้ให้คลุมเครือในหัวใจ มันยิ่งจะทำให้อะไร ๆ แย่ไปกว่าเดิมนะเราว่า
แต่คำตอบของพี่แก้วนี่สิ แหม คนที่รัก คนแรกและคนเดียว คือ น้องธีร์จริง ๆ ด้วย ชอบ ๆ  :m1:
เข้าใจความรู้สึกของพี่แก้วนะ ที่จะยังคงรู้สึกผิดต่อคุณเดือนอยู่ แต่คุณเดือนก็เข้มแข็งดีนะ นับถือเลย
แล้วที่น้องธีร์ ไม่ให้อภัยไอ้หลวงหื่นนั่น ก็ทำถูกแล้ว ใช่เรื่องที่จะยกโทษให้กันได้ง่าย ๆที่ไหน ฮึ
น้องธีร์ จดจำแค่สัมผัสอันอ่อนโยนของพี่แก้วแค่นั้นพอแล้ว เรื่องแย่ ๆ ทิ้งมันไปให้หมดเลยนะจ้ะ
ปล. ชอบชื่อตอนจังเลยค่ะ "แก้วกลางนธีร์" หวานจับใจจริง   :-[
เรื่องภาษา เราคงไม่มีความรู้มากพอจะติชมอะไรคนเขียนได้น่ะคะ แค่อยากบอกให้รู้ว่า
เราได้อ่านเรื่องนี้ทีไร มันให้ความรู้สึกสบายใจทุกทีเลย อ่านเพลิน ชอบมาก ๆ เลยค่ะ
ขอบคุณที่มาต่อแต่ละตอน ยาว ๆ ทุกครั้งเลยด้วยนะคะ รอตอนต่อไปนะจ้ะ



ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
"จับน้องธีร์ผูกโบถวายพี่แก้ว"

ชื่อนี้ถูกต้องแล้วค่ะ  :o8:

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
 :o8: แหม อารมณ์พลิกเลยนะคะทั้งคู่

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ทำไรกันอะ  :z1:  ไปไวนะพ่อ กระโดดข้ามขั้น ต้องขอก่อนสิพ่อ  :hao6:

ออฟไลน์ eye-lifestyle

  • พรุ่งนี้ไม่เคยมีจริง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
พ่อธีร์.... :z10:

.....


......







.....ข้ามีเรื่องจะสารภาพ



.....ข้าหลงรักพ่อธีร์กับหลวงแก้วเข้าเต็มเปาแล้วล่ะ  :hao7: :hao7:

แอร๊ยยยยยย :o8: :impress2: ชอบเรื่องนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :z13:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
เดชะบุญที่ได้มาอ่าน 2-3 ตอนทีเดียว ถ้าไปค้างตอนเรือนเจ้าคุณเดโชฯ คงลงแดงตายแน่


แล้วหลวงเจษฯมันจะเลิกรามั้ยเนี่ย  :katai1:



ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ลบรอยเกลี้ยงเลยค่ะพี่แก้วอร้ายยย
ชอบเวลาอยู่ด้วยกัน พี่แก้วกะพ้อธีร์
โอ๊ยยยสงสารคุณเดือนจัง
นางไม่ร้ายเลยนางน่าสงสารอะ

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
ตอนที่ ๒๗.๕...รัศมีจันทร์เจ้า (ครึ่งแรก)






...ยามแรกรักรักนั้นช่างหอมหวล
ดุจแสงนวลของจันทร์เจ้าจรัสฉาย
ทอแสงจ้าอุ่นไอล้อมโอบรอบกาย
ชื่นฤทัยเพียงใกล้ชิดจิตผูกพัน...





...เด็กหญิงตัวเล็กนั่งพับเพียบสงบนิ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้พบเห็นยิ่งนัก ด้วยว่ากิริยามารยาทของเธอเมื่อประเมินด้วยสายตานั้นช่างเรียบร้อยงดงามผิดกับเด็กวัยใกล้เคียงทั่วไป...แต่ใครเล่าจะรู้ว่าภายใต้ท่าทีสงบนิ่งนั้น เธอทั้งเหนื่อยและเมื่อยล้าเพียงใด...ถ้าไม่เพราะถูกผู้เป็นพ่อกำชับไว้เป็นหนักหนาเรื่องกิริยามารยาทเมื่อมาเยือนเรือนของเจ้านาย มีหรือที่เด็กหญิงวัย๑๐ขวบปีอย่างเธอจะยอมอยู่เฉยเช่นนี้ได้

"พ่อยอดมิต้องเป็นกังวลไป แม่พิกุลเองก็ถึงวัยต้องเรียนรู้การบ้านการเรือน ดีเสียอีก คุณหญิงแกได้มีลูกศิษย์เพิ่มขึ้นอีกคน"เจ้าของเรือนกล่าวอย่างอารมณ์ดีเมื่อคุณพระคนสนิทพาลูกสาวเพียงคนเดียวมาฝากฝังให้เรียนรู้กิริยามารยาทและการบ้านการเรือนจากคุณหญิงผู้เป็นภรรยา ด้วยว่าภรรยาของเขานั้นเสียไปเมื่อหลายปีก่อน ส่วนตัวเขาเองก็มีงานราชการที่ต้องรับผิดชอบ ไม่มีเวลาดูแลอบรมลูกสาวที่กำลังเติบโตเป็นสาวได้อย่างเต็มที่

"กระผมต้องรบกวนเจ้าคุณท่านแลคุณหญิงแล้วขอรับ"พระพินิจภักดีกล่าวอย่างนอบน้อม

"รบกวนที่ใดกันเล่า ดีเสียอีกที่แม่พิกุลจักได้มีเพื่อน"คุณหญิงของเรือนรีบสำทับทันที เธอเองก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กมาตั้งแต่เด็กและยังรู้จักสนิทสนมกับภรรยาของคุณพระเป็นอย่างดีก่อนที่จะเสียชีวิต ในสายตาของเธอเด็กคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกกับหลาน ยิ่งในเวลาที่ลูกสาวคนโตของเธอกำลังจะเข้าไปรับใช้เจ้านายในวังด้วยแล้วยิ่งทำให้เธอเอ็นดูเด็กหญิงคนนี้มากขึ้นอีก

"แม่เดือน เข้ามาใกล้ๆป้าซี"เมื่อถูกเรียกถึงได้ค่อยๆคลานเข่าเข้าไปหาอย่างนอบน้อม ทั้งที่ตอนนี้เธอรู้สึกชาที่ขาไปหมดเพราะนั่งนิ่งอยู่เสียนาน

"ผิวพรรณงามเหมือนแม่แต่หน้าตากระเดียดไปทางพ่อยอดเสียมากกว่านะเจ้าคะ"คุณหญิงหันไปหาเจ้าของเรือนหลังได้พินิจใบหน้าของเด็กหญิงอย่างใกล้ชิด...เพราะไม่ได้พบกันเสียนานถึงได้ดูแปลกตาไปบ้าง

"ลูกสาวเหมือนพ่อโบราณเขาว่ามีบุญนัก"เจ้าของเรือนตอบกลับผู้เป็นภรรยาพลางส่งสายตาเอ็นดูมาให้ ขณะที่ผู้เป็นพ่อได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความภูมิใจก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบไปทำงานเพราะมัวแต่เสียเวลาฝากฝังกันอยู่เสียนาน


"อยู่เรือนท่านอย่าทำให้ท่านลำบากใจเสียเล่า"พระพินิจภักดีกล่าวทิ้งท้ายขณะลงมารอเจ้าของเรือนอยู่ด้านล่าง

"โถ คุณพ่อเจ้าขา ลูกรึจักทำอะไรให้คุณหญิงท่านลำบากใจ"พอลับตาผู้ใหญ่ อาการเกร็งเมื่อครู่ก็หายไปหมดเหลือแต่เพียงใบหน้ายิ้มแย้มสดใสสมวัย

"เป็นเสียเช่นนี้พ่อถึงได้เป็นกังวล"เพราะรู้นิสัยซุกซนของลูกสาวดีถึงได้ปรามไว้...เมื่อครู่ก็กังวลแทบแย่กลัวว่าจะแสดงอาการพิเรนทร์อะไรออกมาหรือเปล่า...ถึงกระนั้นก็ยังอุ่นใจว่าลูกสาวคนสวยจะได้เรียนรู้วิชาการบ้านการเรือนจากคุณหญิงด้วยตัวเองคงช่วยขัดเกลานิสัยได้บ้างไม่มากก็น้อย



...หากแต่คุณพระคงลืมคิดไปว่าของแบบนี้มันต้องใช้เวลา...



"คุณเดือนเจ้าขา ลงมาเถิดเจ้าค่ะ!"เสียงบ่าวคนสนิทแผดลั่น ลนลานจนพาลจะเป็นลมเอาเสียให้ได้...เหลือกตามองมะขามต้นใหญ่ตรงหน้าที่ยอดด้านบนไหวยุกยิก

"ประเดี๋ยวพลัดตกลงมาบ่าวโดนลงหวายเป็นแน่แท้"ทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่นกับตัวเอง...เพราะถูกมอบหมายให้ติดตามมาเป็นบ่าวคนสนิทคอยดูแลลูกสาวของคุณพระ...แม้จะรู้นิสัยใจคอดีแต่ก็ไม่คิดว่าเพียงแค่อาทิตย์แรกก็จะสำแดงฤทธิ์เสียแล้ว

"คุณเดือนเจ้าขา!"ตะโกนเรียกอีกครั้งแต่เพราะไม่ทันระวังถึงได้โดนฝักมะขามที่ถูกโยนมาจากด้านบนตกใส่หน้าผากเข้าให้จนร้องเสียงหลง

"อู้ยยย! บ่าวเจ็บนะเจ้าคะ"แว่วเสียงหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี แต่คนข้างล่างสนุกไปด้วยเสียเมื่อไหร่...ทั้งเจ็บตัว ทั้งกังวล ถ้าคุณหญิงท่านมาเห็นเข้าคนถูกเอ็ดจะเป็นใครได้นอกจากตัวเธอเอง

"ได้มะขามมากแล้ว ลงมาได้แล้วเจ้าค่ะ"

"เสียงดังเสียจริงพี่แย้ม ประเดี๋ยวคุณหญิงท่านได้ยินเข้าได้ถูกเอ็ดกันทั้งคู่"บ่นงึมงำขณะค่อยๆหย่อนขาลงด้วยความระมัดระวัง...เพราะเมื่อครู่เห็นมะขามฝักใหญ่บนต้นจนอดปีนขึ้นมาเก็บเสียไม่ได้...เรื่องปีนต้นไม้นี่ก็ของถนัดนักเพราะหัดปีนตั้งแต่ยังเล็ก

"ระวังนะเจ้าคะคุณเดือน"ยังไม่ทันขาดคำดี เท้าที่เหยียบลงบนกิ่งมะขามใหญ่กลับลื่นพรืดจนตัวเองเสียหลัก หมายจะเอื้อมมือคว้ากิ่งที่อยู่ใกล้ตัวก็ไม่ทันเสียแล้ว

"โอ๊ยยยย!"ลงมานั่งร้องโอดโอยเสียงดังเพราะก้นกระแทกเข้ากับพื้นเต็มแรงจนปวดไปหมด เดือดร้อนบ่าวต้องรีบเข้ามาประคอง

"ปัดโถ่! บ่าวห้ามก็มิฟัง เจ็บตรงไหนหรือเจ้าคะ"ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมาเพียงแค่บ่นอุบอิบไม่เป็นภาษา

"ขึ้นเรือนก่อนเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวบ่าวไปหายามาใส่ให้นะเจ้าคะ"รีบประคองคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นพลางปัดฝุ่นที่ติดตามเสื้อผ้าออก...โจงกระเบนสีน้ำเงินเปื้อนฝุ่นจนเปลี่ยนสีแล้วยังเสื้อคอกลมติดลูกไม้สีอ่อนนี่อีก เห็นทีคราวนี้จะปิดคุณหญิงท่านยากเต็มที...แต่ก็ต้องรีบกลับขึ้นเรือนเพราะได้ยินเสียงเจ้าของเรือนเรียกมาแต่ไกลจนลืมสำรวจตัวเองอีกครั้งว่ามาลัยดอกมะลิที่คล้องกับผมมวยนั้นหล่นหายตอนที่ตกลงมาจากต้นไม้



"แม่เดือน! ไปเล่นพิเรนทร์อะไรมาเนื้อตัวถึงได้สกปรกมอมแมมเยี่ยงนี้"กลายเป็นคำบ่นจนเกือบติดปากของคุณหญิงเจ้าของเรือนไปเสียแล้วเมื่อได้เห็นสภาพของเด็กหญิงที่เพิ่งเดินขึ้นเรือนมา...ครั้งแรกที่คุณพระคนสนิทพามาฝากฝังก็ดูว่าเรียบร้อยดีแต่เพียงแค่อาทิตย์แรกก็ได้เห็นว่าความจริงแล้วเหมือนท่านรับเลี้ยงลูกลิงตัวเล็กๆเสียมากกว่า...ก็เจ้าหล่อนทั้งซนทั้งแก่นเกินเด็กผู้หญิงวัยเดียวกันจนบางครั้งคุณหญิงท่านยังเกือบถอดใจ...ยังดีที่เวลาสั่งสอนอะไรยังยอมฟังกัน มิเช่นนั้นคงต้องให้ผู้เป็นพ่อพาไปฝากฝังกับคนอื่นเป็นแน่...จะมีก็แต่เรื่องเล่นซนเกินเด็กทั่วไปนี่ล่ะที่ตักเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟัง

"เดือนหกล้มเจ้าค่ะคุณหญิง"อ้อมแอ้มแก้ตัวไม่เต็มเสียงแต่มีหรือที่คนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างคุณหญิงสร้อยจะดูไม่ออก...นึกแล้วก็อดเป็นห่วงลูกสาวตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆไม่ได้ ด้วยเกรงว่าจะติดนิสัยแก่นแก้วแบบนี้ไปด้วยอีกคน

"ไปล้างหน้าล้างตาเสียก่อน ประเดี๋ยวจักสอนร้อยมาลัย"เพราะรู้ว่าบ่นไปอีกฝ่ายก็ไม่ฟังถึงทำได้เพียงถอนหายใจยาว...เห็นทีเรื่องนี้จะสอนกันยาก



"คุณหญิงขอรับ คุณแก้วมาขอรับ"เสียงบ่าวท้วงขึ้นก่อนที่เด็กหญิงจะทันลุกไปไหน...เหลือบไปมองต้นเสียงพร้อมกับคุณหญิงเจ้าของเรือนและลูกสาวคนเล็กที่อายุน้อยกว่ากันเพียงสามปี

"พ่อแก้ว จักมามิบอกกล่าว"เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เพิ่งเดินขึ้นเรือนมายกมือไหว้อย่างนอบน้อม...แม้อายุเพียง๑๕ปีแต่กลับมีบุคคลิกมารยาทดีกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก

"เจ้าคุณไพศาลให้กระผมมารับของจากเจ้าคุณท่านขอรับ"เสียงทุ้มทว่าแหบพร่าเอ่ยตอบ เพราะเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มได้ไม่นานทั้งน้ำเสียงและรูปร่างถึงได้อยู่ในช่วงกำลังเปลี่ยนแปลง

"ให้บ่าวมันมาเอาก็ได้มิเห็นต้องลำบากมาเอง"

"มิได้ขอรับ เอกสารราชการจักให้บ่าวมารับไปคงไม่เหมาะ"เจ้าของเรือนเพียงพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย...แม้อายุเพียงเท่านี้แต่กลับรู้จักช่วยเหลืองานเจ้าคุณผู้รับอุปการะเป็นอย่างดี

"แม่พิกุล แม่เดือน ไหว้พี่เขาเสียซี"สิ้นเสียง ลูกสาวคนเล็กก็รีบวางมือจากมาลัยดอกมะลิตรงหน้าแล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม...เช่นเดียวกันกับเด็กหญิงเจ้าของชื่ออีกคน

"พ่อแก้วจำแม่เดือนได้หรือไม่"คนถูกถามเพียงมองตาม...เด็กหญิงตัวเล็กผิวขาวแต่เนื้อตัวกลับมอมแมม...ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อยๆเมื่อได้เห็นเพราะนึกขันสภาพของคนตรงหน้า

"ลูกสาวคุณพระพินิจหรือขอรับ ได้พบเมื่อครั้งยังเล็กนัก"ดวงตาคมที่จดจ้องมาทำให้เธอหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะเกรงคุณหญิงเจ้าของเรือนอยู่บ้าง

"นั่นถืออะไรมาด้วยเล่าพ่อ"เพราะสังเกตเห็นของในมือผู้มาเยือนจึงถามขึ้น...เจ้าตัวขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆคลายมือออกเผยให้เห็นมาลัยดอกมะลิสีขาวนวลวงขนาดไม่ใหญ่นัก...หากแต่เมื่อเจ้าของตัวจริงได้เห็นถึงเพิ่งรู้ตัวรีบยกมือขึ้นจับมวยผมตัวเองเป็นพัลวัน

"เห็นตกอยู่ใต้ต้นมะขามหน้าเรือน สงสัยมีคนทำหล่นไว้ขอรับ"อาการยุกยิกผิดสังเกตจนอีกฝ่ายจับได้...ดวงตาคมชำเลืองมองเพียงเล็กน้อยพลางยกยิ้มบางอย่างเอ็นดูแต่กลับยิ่งทำให้เจ้าของมาลัยหงุดหงิดหนักเพราะเข้าใจว่าถูกแกล้งเข้าให้เสียแล้ว...ดูท่าคุณหญิงสร้อยเองก็รู้ดีเช่นกันเพราะเธอเพียงเหลือบมองเด็กหญิงที่นั่งยุกยิกอยู่ข้างๆแต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ต่อความอะไร เพียงแค่ชักชวนผู้มาเยือนให้อยู่รับมื้อกลางวันด้วยกันตามมารยาท





"ขอคืนได้หรือไม่เจ้าคะ"เสียงหวานเจื้อยแจ้วเมื่อคุณหญิงคล้อยหลังลงจากเรือนไปดูแลเรื่องสำรับได้ไม่นาน...ลูกสาวคนเล็กที่นั่งอยู่ด้วยเพียงชะงักมือจากของเล่นตรงหน้า...ส่วนคู่กรณีหันกลับมามองมือเล็กที่แบยื่นออกมา

"อะไรรึ"แสร้งถามทั้งที่รู้ความ แต่เพราะสีหน้าไม่พอใจของเด็กหญิงตัวเล็กเลยนึกสนุกอยากแกล้งขึ้นมา

"มาลัยวงนั้นเจ้าค่ะ"

"ของหล่อนรึ"ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อยๆอย่างอารมณ์ดี...คนตัวเล็กเพียงพยักหน้ารับ

"ของหล่อนแล้วทำไมถึงมาอยู่ในมือพี่เล่า"

"เดือนทำหล่น ขอคืนได้หรือไม่เจ้าคะ"คิ้วบางขมวดมุ่นเพราะความหงุดหงิด

"มิมีหลักฐาน จักบอกว่าเป็นของหล่อนได้อย่างไร"

"ก็มันเป็นของเดือนนี่เจ้าคะ"ความอดทนเริ่มหมดเพราะความยียวนของคนตรงหน้า...แว่วเสียงหัวเราะเบาจากลูกสาวคนเล็กของเรือนเพราะรู้นิสัยใจคอพี่ชายคนสนิทดี

"พี่ถามเท่านี้มิเห็นต้องขึ้นเสียง"น้ำเสียงแหบกลั้วเสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกับมือที่ยื่นมาลัยสีขาวนวลวงน้อยคืนให้เจ้าของ...เด็กหญิงเพียงยกมือไหว้แบบขอไปทีก่อนจะรับมันมาคาดทับบนมวยผมเช่นเดิม

"เล่นอะไรอยู่รึแม่พิกุล"เพราะคนที่เพิ่งต่อปากต่อคำด้วยยังวุ่นอยู่กับมวยผมถึงได้หันมาถามลูกสาวคนเล็กที่นั่งเงียบอยู่นานแทน

"หม้อข้าวหม้อแกงเจ้าค่ะ"เสียงเจื้อยแจ้วตอบกลับพร้อมรอยยิ้มหวาน

"เล่นคนเดียวมิเบื่อรึ"

"อยู่เฉยๆมิมีอะไรให้ทำนี่เจ้าคะ"คนถูกถามส่ายหน้าตอบ กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอไปเสียแล้วเพราะช่วงนี้พี่สาวต้องเตรียมตัวเข้าไปรับใช้เจ้านายในวัง ส่วนผู้เป็นแม่ก็วุ่นวายกับการสอนลูกศิษย์ตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอจึงมักหาอะไรมานั่งเล่นแก้เหงาคนเดียวเสมอ

"เช่นนั้นอยากเรียนหนังสือหรือไม่ พี่จักสอน"ได้ยินแบบนั้นถึงได้วางมือจากของเล่นตรงหน้าหันมายิ้มหวานตาเป็นประกายให้ทันที เพราะคนสนิทของเจ้าคุณไพศาลมาเยี่ยมเยียนทีไรตัวเองเป็นต้องขอให้สอนหนังสือให้ทุกครั้งไป

"แล้วหล่อนเล่า อยากเรียนด้วยกันหรือไม่"หันกลับมาถามอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก แต่อีกฝ่ายรีบส่ายหน้าหวือปฏิเสธ...แค่คุยด้วยยังเถียงกันเสียขนาดนี้ให้มาสอนหนังสือจะไม่ยียวนจนไม่เป็นอันเรียนหรือ

"แล้วกัน มีแต่คนเขาอยากเรียนจักได้มิวิชาความรู้ติดตัว"

"อยากเรียนเจ้าค่ะ แต่มิอยากเรียนกับครูคนนี้"ตอบเสียตรงจนคนฟังชะงักไป

"พี่เดือน!"แม้แต่ลูกสาวเจ้าของเรือนเองยังตกใจจนต้องร้องเรียก

"ประเดี๋ยวต้องเรียนร้อยมาลัยกับคุณหญิงท่านเจ้าค่ะ"เพราะรู้ตัวว่าเสียมารยาทถึงได้อ้อมแอ้มตอบกลับไป...แต่ถ้าจะให้ขอโทษล่ะก็...ไม่มีทางเสียล่ะ...แว่วเสียงหัวเราะเบาจากเด็กหนุ่มถึงได้พอโล่งใจว่าอีกฝ่ายคงไม่ติดใจกับคำพูดของเด็กหญิงตัวเล็กๆอย่างเธอ

"หัดเรียนร้อยมาลัยแล้วก็อย่าไปทำหล่นที่ไหนอีกเล่า เดือดร้อนคนเก็บได้เขาต้องเอามาคืน"นึกว่าจะสงบศึกกันไปแล้วแต่ยังถูกย้อนเอาเสียได้ แต่เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำเลยได้แต่นั่งหน้ามุ่ยด้วยความหงุดหงิดแทน


...นั่นเป็นการพบกันครั้งแรกที่เธอจำได้...เด็กหนุ่มคนสนิทของเจ้านายของผู้เป็นพ่อ...ท่าทางนิ่งๆแต่เมื่อได้พูดกลับยียวนไม่ยอมใคร แม้แต่กับเด็กหญิงตัวเล็กอย่างเธอ...เพราะไม่ถูกชะตาถึงได้คิดว่าไม่อยากเจอหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เพราะหลังจากนั้นเธอก็ยังต้องพบเด็กหนุ่มคนที่ว่าเป็นประจำ...ถ้าไม่เพราะติดสอยห้อยตามเจ้าคุณไพศาลมาที่เรือนนี้บ้างเป็นบางครั้ง ก็เป็นเจ้าตัวที่มาเองเพราะถูกลูกสาวคนเล็กของเรือนขอร้องให้สอนหนังสือให้เมื่อมีเวลาว่าง...เจ้าคุณผู้เป็นเจ้าของเรือนก็ดูจะเห็นดีเห็นงามไปด้วยที่ลูกสาวคนเล็กจะได้มีวิชาความรู้ติดตัวกับเขาบ้าง...แต่สำหรับเด็กหญิงแก่นแก้วแบบเธอที่ต้องมาเจอกับคนที่ดูเหนือกว่าเช่นนี้...



...นี่ไม่ใช่เรื่องสนุก...



"เป็นอะไรของหล่อน นั่งบิดไปบิดมาน่ารำคาญเสียจริง"คุณหญิงเจ้าของเรือนเอ็ดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นอาการยุกยิกของนักเรียนตัวเล็ก...ห้าเดือนแล้วที่เด็กหญิงตัวน้อยมาเรียนรู้การบ้านการเรือนจากคุณหญิงสร้อย แม้โดยรวมจะดูดีขึ้นกว่าตอนแรกที่มา แต่อาการซุกซนอยู่ไม่สุขเช่นนี้แก้เท่าไหร่ก็ไม่หายเสียที

"เมื่อยขาเจ้าค่ะ"ลูกศิษย์ตัวน้อยอ้อมแอ้มตอบพลางยกมือที่ถือเข็มปักผ้าแกว่งไปมาบิดขี้เกียจ เดือดร้อนคุณหญิงสร้อยต้องร้องปรามเสียงดัง

"วันนี้พอเท่านี้ก่อน ให้หล่อนนั่งนานกว่านี้ประเดี๋ยวได้เอาเข็มแทงใครเข้าให้"ถูกบ่นอีกรอบเลยได้แต่หัวเราะแก้เก้อตอบไป ก่อนจะขอตัวลงไปนั่งเล่นข้างล่างแทนแต่ก็ไม่ลืมที่จะชวนลูกสาวคนเล็กที่วัยใกล้เคียงกันลงไปด้วย



"แม่พิกุลมิเบื่อรึทำแบบเดิมทุกวันๆ"บ่นอุบเมื่อเดินลงมาจากเรือน เพราะปกติไม่เคยต้องทำเช่นนี้มาก่อนถึงได้รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิตประจำวันแบบนี้

"มิเบื่อหรอกจ้ะ พี่เดือนเบื่อรึ"คำถามที่คนฟังรีบพยักหน้ารับทันที

"คุณแม่ท่านสอนว่าเป็นหญิงต้องเรียนรู้การบ้านการเรือนต่อไปภายหน้าเมื่อออกเรือนจักได้ดูแลสามี"

"โถแม่คุณ หล่อนเพิ่งอายุเพียงเจ็ดปี กว่าจักได้ออกเรือนอีกกี่ปีกันเชียว"

"แต่เรียนรู้ไว้ก็มิเสียหายมิใช่หรือจ๊ะ"ท่าทีไร้เดียงสาของคนตัวเล็กกว่าจนเธอต้องยอมแพ้ ไม่อยากต่อปากต่อคำอะไรเพราะอีกฝ่ายก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี...เด็กที่โตมาในกรอบของครอบครัวที่อบอุ่นอย่างพิกุลคงไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นแน่ เพราะตัวเธอนั้นถูกเลี้ยงมาด้วยพ่อเพียงคนเดียวทำให้ความอ่อนโยนแบบสตรีที่พึงมีขาดหายไปบ้าง การที่ถูกจับมาอยู่ในกรอบเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ

"ไปเล่นที่ท่าน้ำหน้าเรือนกันเถิด มาแข่งกันใครถึงก่อนคนนั้นชนะ"พูดถึงการบ้านการเรือนเข้าถึงกับหน้ามุ่ย แต่พอคิดถึงเรื่องเล่นซนกลับยิ้มร่าออกมาได้ทันที แต่คนตัวเล็กกว่ายังมีท่าทีอิดออดด้วยกลัวจะถูกผู้เป็นแม่เอ็ดเอาเพราะท่านเคยสั่งห้ามไม่ให้ไปเล่นแถวท่าน้ำตามลำพัง ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทันได้ท้วงอะไรเพราะถูกอีกฝ่ายกึ่งดึงกึ่งลากให้ตามไปเสียก่อน


สองขาเร่งก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ทันระวังจนสะดุดล้มลงไปกองไม่เป็นท่าอยู่กับพื้น เดือดร้อนคนตัวเล็กกว่าต้องช่วยฉุดขึ้นมาแต่อีกฝ่ายกลับร้องโอดโอยเพราะแผลถลอกที่หัวเข่า...เลือดแดงสดเริ่มซึมออกมาจากปากแผลจนเจ้าตัวนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ

"ประเดี๋ยวพิกุลขึ้นไปตามคุณแม่ให้นะจ๊ะ"พูดจบก็รีบวิ่งกลับขึ้นเรือนไปทันทีเพราะความตกใจ ปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งโอดโอยอยู่บนพื้นใกล้กับท่าน้ำ...เจ็บจนน้ำตาซึมออกมาแถมยังทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้คุณหญิงสร้อยลงมาดูอาการ


"แม่เดือน"หันกลับไปมองที่ท่าน้ำเห็นผู้มาเยือนสองคนที่ช่วงหลังกลายเป็นคนคุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี

"เป็นอะไร ทำไมเลือดออกเช่นนี้"เจ้าคุณไพศาลรีบเดินเข้ามาดูอาการเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวนั่งหมดท่าอยู่กับพื้น

"เดือนหกล้มเจ้าค่ะ"พยายามกลั้นน้ำตาเพราะว่าเจ็บแผลจนเริ่มทนไม่ไหว

"พ่อแก้ว พาน้องขี้นเรือนก่อน ของในเรือประเดี๋ยวเราให้บ่าวมันช่วยยกขึ้นไป"เด็กหนุ่มคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆพยักหน้ารับก่อนจะก้มลงประคองอีกฝ่ายให้ยืนขึ้น

"ลุกไหวหรือไม่"คนตัวเล็กส่ายหน้าตอบเพราะเจ็บขาจนลงน้ำหนักไม่ได้ เลือดก็ยิ่งซึมออกมากกว่าเดิมจนตัวเองไม่กล้าก้มลงมอง...เด็กหนุ่มตัวสูงเห็นท่าไม่ดีจึงค่อยย่อตัวลงนั่งตรงหน้ายิ่งทำให้คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร มือหนาก็เอื้อมมาคว้ามือของเด็กหญิงตัวเล็กให้เข้ามากอดไว้ที่คอของตัวเอง

"จับให้มั่นประเดี๋ยวตก"ว่าพลางเอื้อมมือช้อนเข้าที่ขาทั้งสองก่อนจะยกตัวขึ้น...อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวรีบกอดคอคนข้างหน้าเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าจะตก...น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มเพราะแสบแผลจนทนไม่ไหว แว่วเสียงสะอื้นดังอยู่ข้างหู

"มิต้องร้อง ประเดี๋ยวทำแผลเสร็จก็หายเจ็บ"คำปลอบใจที่ทำเอาคนข้างหลังพยักหน้ารับทั้งที่ยังร้องไห้อยู่...ยังไม่ทันถึงเรือนดี คุณหญิงสร้อยก็เดินลงมาเสียก่อน ท่าทางร้อนใจเพราะถึงแม้จะคอยบ่นคอยปรามเรื่องความซนของลูกศิษย์ตัวน้อยแต่ในเวลาเช่นนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้

"ไปทำอีท่าไหนถึงได้เจ็บตัวเยี่ยงนี้"คุณหญิงเจ้าของเรือนบ่นอุบเมื่อขึ้นมาถึงด้านบน...เด็กหนุ่มตัวสูงค่อยๆย่อตัวลงให้คนข้างบนนั่งลงกับพื้นก่อนจะหันกลับมาดูแผลถลอกที่หัวเข่าของอีกฝ่าย

"แผลไม่ลึกมากขอรับ ล้างแผลแลพันผ้าไว้ประเดี๋ยวก็หาย"หันไปบอกเจ้าของเรือนที่ยืนมองด้วยความเป็นห่วง

"ขอบใจพ่อแก้วมาก"เจ้าของชื่อเพียงพยักหน้ารับก่อนจะหันกลับมาช่วยดูแผลของเด็กหญิงตัวเล็กอีกครั้ง

"คราวหน้าระวังให้มาก เป็นผู้หญิงแท้ๆเอาแต่วิ่งเล่นซุกซนไม่น่ามองรู้หรือไม่"แม้จะถูกบ่นแต่ก็ไม่มีแรงจะเถียงกลับเพราะมัวแต่พะวงกับแผลที่หัวเข่า ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไรทั้งยังเก็บคำสอนเมื่อครู่มาคิดเสียมากกว่า



...หลังจากพบกันหลายต่อหลายครั้ง นี่คงเป็นครั้งแรกที่เด็กหญิงตัวเล็กเริ่มมองอีกฝ่ายในทางที่ดีขึ้นมาบ้าง...อย่างน้อยอาการไม่ถูกชะตาโดยไม่ทราบสาเหตุอย่างเช่นก่อนหน้านั้นก็หายไป...





ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0



...ห้าปีผ่าน จากเด็กหญิงตัวเล็กเติบใหญ่เป็นสาวแรกแย้ม แม้กิริยามารยาทจะไม่ได้งดงามเพียบพร้อมเทียบเทียมสาวชาววัง ทว่าด้วยการอบรมสั่งสอนจากครูชั้นดีอย่างคุณหญิงสร้อยก็ทำให้แม่เดือนผู้แก่นแก้วในวัยเด็กเติบโตอย่างงดงามไม่แพ้ลูกสาวบ้านไหน...ทั้งยังใบหน้าสวยหวานและผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนผู้เป็นแม่ที่มาจากหัวเมืองเหนือยิ่งทำให้เด็กสาวงามโดดเด่นจนเป็นที่ต้องตาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หลายต่อหลายคน


และถึงแม้จะไม่ต้องมาเรียนการบ้านการเรือนจากคุณหญิงสร้อยทุกวันเหมือนเมื่อครั้งยังเด็กแต่เธอก็ยังแวะเวียนมาหาอยู่เสมอ ด้วยเพราะยังมีอีกหลายสิ่งที่คุณหญิงยังต้องคอยสั่งสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเติบใหญ่เป็นสาวแรกแย้มเช่นนี้


"นี่อะไรหรือเจ้าคะคุณหญิง"เสียงหวานถามขึ้นเมื่อเห็นคุณหญิงเจ้าของเรือนกำลังง่วนอยู่กับการผสมแป้ง...วันนี้ย้ายที่เรียนจากบนเรือนมาเป็นโรงครัวแทน

"เขาเรียกบุหลันดั้นเมฆ เป็นขนมหวาน ใช้แป้งสองอย่างผสมกับน้ำดอกอัญชันแลน้ำตาลหยอดใส่ถ้วย เอาไปนึ่งจักได้เนื้อขนมสีฟ้า"คุณหญิงสร้อยอธิบายยาวเหยียดขณะที่ลูกศิษย์คนสวยยืนฟังอย่างตั้งใจ

"แล้วไข่นี่ล่ะเจ้าคะ"ถามขึ้นเมื่อเหลือบไปเห็นเครื่องปรุงอื่นๆวางเรียงราย

"ไข่ใช้ทำหน้าบุหลัน มีไข่ กะทิ น้ำตาล มะพร้าวผสมให้เข้ากันหยอดใส่หน้าขนมที่นึ่งไว้"เมื่อเห็นว่าวิธีการทำไม่ได้ยากเกินความสามารถจึงขอลงมือทำเองบ้าง แต่พอเอาเข้าจริงกลับถูกติจากคุณหญิงท่านสารพัดเพราะถึงแม้วิธีการไม่ได้ซับซ้อนเกินความเข้าใจหากแต่น้ำหนักมือและการกะส่วนผสมนั้นยังห่างชั้น สุดท้ายแล้วบุหลันดั้นเมฆของเธอกลับเหมือนพระจันทร์ข้างแรมเสียมากกว่า ผิดกับของคุณหญิงสร้อยที่ออกมาเป็นพระจันทร์ดวงกลมลอยเด่นกลางเมฆสีฟ้าสด

"ยากแท้เจ้าค่ะ"บ่นอุบเมื่อพยายามอีกครั้งก็ยังออกมาเป็นแบบเดิมจนเจ้าตัวเริ่มถอดใจ

"น้ำหนักมือต้องพอเหมาะเมื่อหยอดขนมครั้งแรก หยอดมากไปมันจักล้นมิสามารถหยอดหน้าขนมได้เหมือนที่หล่อนทำ"เด็กสาวยืนมองเจ้าของเรือนค่อยๆหยอดขนมลงในถ้วยตะไลอย่างเบามือ ทั้งน้ำหนักและปริมาณถูกกะได้อย่างเท่ากันเกือบทุกถ้วย ก่อนจะให้เธอได้ลองทำอีกครั้ง...คราวนี้ออกมาเป็นที่พอใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็ยังไม่เทียบชั้นกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นครู


ทำขนมเสร็จก็ถึงเวลาชิม แต่จะให้ทำเองชิมเองเห็นทีจะไม่เหมาะเลยจัดแจงยกถาดขนมเดินขึ้นเรือนใหญ่ที่ลูกสาวคนเล็กของคุณหญิงสร้อยกำลังตั้งอกตั้งใจเรียนหนังสือกับพี่ชายคนสนิทของเธอ...จะเป็นใครที่ไหนได้นอกจากคนสนิทของเจ้าคุณไพศาลที่มักเทียวไปเทียวมาที่เรือนนี้ไม่ขาด หากแต่ตอนนี้เขาเติบโตกลายเป็นหนุ่มใหญ่เข้ารับราชการในกรมธรรมการแถมยังพ่วงด้วยงานด้านการต่างประเทศที่คอยช่วยเหลือเจ้าคุณคนสนิท

"พี่เดือนทำเองหรือจ๊ะ"เสียงหวานเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงวัย๑๒ปีร้องทักเมื่อได้เห็นขนมหน้าตาสะสวยตรงหน้า ขณะที่เจ้าตัวเพียงพยักหน้ารับพลางยิ้มกริ่มเพราะกว่าจะได้ขนมหน้าตาใกล้เคียงกับฝีมือคุณหญิงสร้อยแบบนี้ เธอต้องทำซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่หลายรอบทีเดียว

"เพิ่งได้ทำเป็นครั้งแรก มิรู้ว่าจักถูกปากหรือไม่"แต่ดูท่าเด็กหญิงตัวเล็กจะไม่สนใจเพราะรีบคว้าเอาขนมชิ้นพอดีคำขึ้นมาใส่ปากเป็นที่เรียบร้อย

"อร่อยมากจ้ะพี่เดือน...พี่แก้วลองชิมดูซีเจ้าคะ"ว่าพลางยื่นถาดขนมตรงหน้าไปให้ทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก...เจ้าของชื่อเพียงยกยิ้มอย่างเอ็นดูน้องสาวตัวเล็กก่อนจะหยิบขนมขึ้นมาชิมบ้าง หากแต่ชิ้นที่หยิบขึ้นมากลับเป็นบุหลันข้างแรมที่เจ้าตัวทำพลาดเสียนี่...คนตัวสูงมองชิ้นขนมในมือพลางหัวเราะออกมาเบาๆจนคนที่ลงมือทำได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจเพราะอุตส่าห์ตั้งใจทำสุดฝีมือยังมาหัวเราะเยาะกันเสียได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเอ่ยปากชมเพราะรสชาตินั้นต่างจากหน้าตาอยู่มากนัก


"เห็นว่าปีหน้าจักไปเล่าเรียนที่เมืองฝรั่งรึพ่อแก้ว"คำถามของคุณหญิงเจ้าของเรือนที่ทำเอาเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆชะงักมือจากเข็มปักผ้าเพียงเล็กน้อย ชั่วขณะหนึ่งที่เธอรู้สึกใจหายคงเป็นเพราะได้เห็นหน้ากันอยู่บ่อยครั้งจนกลายเป็นความเคยชิน

"ขอรับ เป็นทุนจากมหาวิทยาลัยทางโน้น เจ้าคุณไพศาลท่านเสนอชื่อของกระผมไป ท่านว่าจักได้ศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมของเมืองฝรั่งแลนำความรู้กลับมาสอนชาวสยามต่อไปขอรับ"

"ดีจริงเชียว ไปนานเท่าใดเล่าพ่อ"คุณหญิงสร้อยพยักหน้ารับอย่างอารมณ์ดี ส่วนหนึ่งเพราะเอ็นดูชายหนุ่มที่เห็นกันมาตั้งแต่เล็กดุจลูกหลานคนหนึ่งเช่นกัน

"รวมเวลาเดินทางก็เกือบสองปีได้ขอรับ"เพราะต้องเดินทางด้วยเรือโดยสารขนาดใหญ่จึงทำให้กินเวลามากกว่าที่ควรจะเป็น

"พี่แก้วไม่อยู่นานเช่นนี้ใครจักสอนหนังสือพิกุลเล่าเจ้าคะ"ลูกศิษย์ตัวน้อยบ่นอุบทันทีที่ได้ยิน ตั้งแต่เล็กมาก็ได้พี่ชายคนสนิทคอยสอนวิชาความรู้ให้ พอรู้ว่าต้องห่างไปถึงสองปีจึงอดน้อยใจไม่ได้

"สองปีมินานหรอก ดีเสียอีกพี่ไปเรียนกลับมาจักได้สอนภาษาของเมืองฝรั่งให้แม่พิกุล"ได้ยินแบบนั้นถึงได้ยิ้มร่าพยักหน้ารับด้วยความดีใจแทน

"แล้วจักไปเมื่อใดรึ"คุณหญิงสร้อยยังคงถามต่อ ความจริงท่านพอรู้ความจากเจ้าคุณผู้เป็นสามีมาบ้างแต่เมื่อมีโอกาสได้พบเจ้าตัวจึงได้ถามไถ่อีกครั้ง

"เข้าหน้าฝนปีหน้าขอรับ ยังมีเวลาเตรียมตัวอีกนานนัก"



บทสนทนาของคุณหญิงสร้อยและผู้มาเยือนยังคงดำเนินต่อไป หากแต่เด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆกลับรู้สึกใจหายอย่างน่าประหลาด...ความรู้สึกที่ก่อเกิดในใจนั้นยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ว่าเธอนั้นเสียดายเพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นพี่ชายคนสนิทที่เห็นกันมาแต่เล็ก...หรือเธอกำลังเสียใจเพราะความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆกันแน่




"หลบมาอ่านหนังสือคนเดียวอีกแล้วนะเจ้าคะ"เสียงหวานดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนตัวสูงที่กำลังมีสมาธิจดจ่อกับหนังสือเล่มหนาตรงหน้า...ชายหนุ่มละสายตาขึ้นมองเด็กหญิงตัวเล็กที่ตอนนี้เติบโตเป็นสาวเต็มตัว...เสื้อคอกลมติดลูกไม้ที่เคยสวมเมื่อครั้งยังเป็นเด็กกลับกลายเป็นสไบสีกลีบกุหลาบตัดกับโจงกระเบนสีเขียวเข้มคาดทับด้วยเข็มขัดนาคเส้นโต...ผมมวยสูงที่เคยคาดทับด้วยมาลัยดอกมะลิสีขาวนวลก็กลับยาวสยายเลยบ่าลงมา...ใบหน้าหวานระเรื่อรับกับผิวขาวเนียนละเอียดที่ได้มาจากฝั่งแม่...เป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้พินิจคนตรงหน้าอย่างจริงจัง...ดวงตาคมสบกับดวงตาหวานภายใต้แพขนตายาว ริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะปิดหนังสือเล่มหนาลงแล้ววางไว้ข้างตัว...หญิงสาวเหลือบมองหน้าหนังสือที่ถูกคั่นเอาไว้ด้วยอะไรบางอย่าง

"นั่นอะไรหรือเจ้าคะ"แม้จะโตเป็นสาวแรกแย้มแต่ความซุกซนอยากรู้อยากเห็นก็ยังคงอยู่...คนถูกถามเพียงเปิดหน้าหนังสือขึ้นอีกครั้งก่อนจะหยิบช่อดอกไม้แห้งที่ถูกทับเอาไว้ใช้แทนที่คั่นหนังสือ

"ดอกแก้วน่ะ"ดอกไม้แทนตัวเจ้าของร่างสูงตรงหน้า...กลีบดอกขาวนวลส่งกลิ่นหอมฟุ้งที่เธอเองได้เห็นอยู่บ่อยครั้ง

"พี่แก้วต้องไปเมืองฝรั่งจริงหรือเจ้าคะ"ถามขึ้นอีกครั้งหากในใจกลับวูบไหวอย่างประหลาด คนถูกถามเพียงพยักหน้ารับช้าๆแทนคำตอบ

"ไปเสียนาน กลัวว่าจักลืมเมืองสยามเสียกระมัง"ใบหน้าหวานงอง้ำเพราะความน้อยใจเรียกเสียงหัวเราะเบาจากอีกฝ่าย

"จักลืมได้เช่นไร ที่ไปเล่าเรียนก็เพื่อนำความรู้กลับมาสั่งสอนชาวสยามให้ก้าวหน้ามิแพ้เมืองอื่นเขา"ถึงจะตอบแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้นสักนิด...เพราะใจจริงแล้วเธอไม่อยากให้ไปต่างหาก

"ไปอยู่เมืองฝรั่งเห็นทีคงลำบากน่าดู ไหนจักต้องเรียนแลยังความเป็นอยู่มิเหมือนชาวสยามอีก"อีกฝ่ายเพียงพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

"แม่เดือนเองอยู่ทางนี้ก็ตั้งใจเล่าเรียนจากคุณหญิงท่านให้มาก ภายหน้าออกเรือนไปสามีของหล่อนจักได้ภูมิใจว่ามีภรรยาที่เพียบพร้อม"ดวงตาหวานเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยิน

"ออกเรือนหรือเจ้าคะ"เพราะไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน...ยิ่งเป็นคำพูดจากคนตรงหน้าด้วยแล้วยิ่งทำให้หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ

"ก็ใช่น่ะซี เมื่อพี่กลับมาป่านนั้นแม่เดือนคงออกเรือนไปแล้วกระมัง"ริมฝีปากหยักยกยิ้มบางพลางนึกไปถึงเด็กหญิงแก่นแก้วตัวเล็กที่เคยปีนต้นมะขามเล่นจนพลัดตกลงมาหากตอนนี้กลับเติบโตใกล้วัยที่จะออกเรือนไปกับคนที่เหมาะสม

"เดือนมิได้นึกถึงเรื่องนั้นเลยเจ้าค่ะ"ให้พูดตามตรงก็เพิ่งมาเริ่มคิดตอนที่อีกฝ่ายพูดออกมานี่ล่ะ

"ถึงเวลานั้นคุณพระท่านคงเลือกคนที่เหมาะสมไว้ให้"และตัวเขาเองก็มั่นใจว่าคนอย่างพระพินิจภักดีย่อมต้องเลือกคนที่ดีที่สุดเพื่อจะมาเป็นสามีของลูกสาวเพียงคนเดียวของท่าน

"แล้วพี่แก้วเล่าเจ้าคะ"คิ้วดกหนาขมวดมุ่น มองหน้าคนตัวเล็กแทนคำถาม

"ก็...เมื่อใดพี่แก้วจักออกเรือน ปีนี้ก็ครบ๒๐ปีแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ"

"เห็นทีคงอีกนาน กว่าจักกลับมาจากเมืองฝรั่งก็อีกตั้งสองปี ที่สำคัญ..."น้ำเสียงทุ้มนุ่มเงียบไปเพียงอึดใจหากยิ่งทำให้อีกฝ่ายใจจดจ่อรอฟัง


"พี่ยังมิเคยพบหญิงใดที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้นเสียที"ชั่วขณะหนึ่งที่ความเงียบเข้าปกคลุม แว่วเพียงเสียงหัวใจของเธอเองที่กระตุกวูบจนเผลอนึกไปว่ามันหล่นหายไปที่ใดหรือเปล่า...ความรู้สึกที่ก่อเกิดในใจจนถึงตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจว่ามันคือความรู้สึกแบบไหน หากแต่คนตรงหน้ากลับไม่มีท่าทีเหมือนกันเลยสักนิด...ทั้งที่อยู่ใกล้กันมาตั้งแต่เด็ก แม้ไม่ได้ใกล้ชิดถึงขั้นพบหน้ากันทุกวันแต่ก็ถือได้ว่าเป็นผู้ชายคนแรกที่เข้ามาวนเวียนในชีวิตของเธอได้นานขนาดนี้


ยังไม่ทันได้ท้วงอะไรคุณหญิงสร้อยก็ให้บ่าวมาตามกลับขึ้นเรือนเสียก่อน หากแต่คนตัวเล็กยังคงอิดออดไม่ยอมกลับขึ้นเรือนทันทีจนอีกฝ่ายสงสัย

"มีอะไรรึ"

"เดือน..."ได้แต่อ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี...คนตัวสูงเพียงนั่งมองอาการแปลกๆของเด็กสาวตรงหน้า

"เดือนขอดอกแก้วดอกนั้นได้หรือไม่เจ้าคะ"สูดหายใจลึกรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดออกไป หากคำตอบที่ได้รับเป็นเพียงเสียงหัวเราะเบาจากอีกฝ่าย

"ดอกไม้แห้งเช่นนี้หล่อนจักเอาไปทำอะไร"

"เดือนอยากได้เจ้าค่ะ ที่เรือนคุณพ่อก็มิมีต้นแก้วเสียด้วย เดือนชอบกลิ่นดอกแก้วเจ้าค่ะ"บ่ายเบี่ยงไม่ตอบตามตรงว่าใจจริงแล้วอยากได้ไว้เป็นที่ระลึกเผื่อวันหน้าจะไม่ได้เจอกันอีกนาน

"ดอกแก้วนี้พี่เก็บไว้เสียนานแล้ว มิมีกลิ่นหรอก เอาไว้วันหลังจักเก็บมาให้ใหม่"

"แต่เดือนอยากได้ดอกนี้เจ้าค่ะ"ยังคงยืนยันคำเดิมจนอีกฝ่ายยอมแพ้

"แปลกคนนักเชียว"แม้ไม่ค่อยเข้าใจคนตัวเล็กนักแต่ก็ยังยื่นดอกแก้วในมือส่งให้ไป สำหรับเขามันก็เป็นแค่ดอกแก้วที่ถูกเก็บมาใช้ต่างที่คั่นหนังสือแต่สำหรับอีกคนที่ได้รับกลับมีความหมายมากกว่านั้น


ดอกไม้ที่เป็นตัวแทนความดีและความบริสุทธิ์ กลับกลายเป็นตัวแทนของใครบางคน...ใครคนหนึ่งซึ่งมีอิทธิพลต่อความคิดของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นเธอเองก็ไม่อาจรู้ได้...หากเมื่อรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นเธอที่คอยมองตามอีกฝ่ายเรื่อยมา แม้จะรู้ดีว่ามันเป็นเพียงความรู้สึกจากเธอฝ่ายเดียวก็ตาม...ถึงอย่างนั้นก็ยังหวังอยู่ลึกๆว่าวันหนึ่งเมื่อเขากลับมา...เขาจะหันกลับมามอง...และได้เห็น...ว่ายังมีใครอีกคนที่ยืนรออยู่ตรงนี้


...ไม่ว่ามันจะเป็นเวลานานเท่าไหร่ก็ตาม....


...


ตอนแทรกของคุณเดือนกับพี่แก้วค่ะ ขอแบ่งเป็นสองตอนเพราะเรื่องยาวมากจบในตอนเดียวไม่ไหว :z3:
ตอนนี้จะบอกที่มาที่ไปของคุณเดือนกับพี่แก้วแล้วก็หลวงเจษฎ์ค่ะ
ใครคิดถึงน้องธีร์รอกันอีกแป๊บน๊า ช่วงนี้น้องธีร์เก็บตัวค่ะ ใช้พลังงานเยอะไปหน่อย :hao7: :hao7: :hao7:(ทำอะไรนะ 555)

ฝากตอนนี้ด้วยนะคะ รักผู้อ่านทุกคนค่า  :mew1:

ปล.เผื่อใครนึกภาพไม่ออกเลยนำรูปขนมบุหลันดั้นเมฆมาให้ดูค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2014 17:31:18 โดย Vivid_Vuitton »

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
โอ๊ย ฮาบุหลันข้างแรม555 อยากชิมดูบ้างแฮะ บุหลันดั้นเมฆ
ไม่คิดว่าเป็นชื่อขนมไทย เพราะเคยเจอเป็นชื่อร้านอาหาร
แล้วมันให้ความรู้สึกชื่อแบบจีนๆไงไม่รู้

พี่แก้วนี่กวน เกรียนแต่เด็ก ฮือ นี่แหละสเน่ห์พี่แก้ว
นิ่ง หล่อ แต่กวนและเกรียน แล้วยิ่งคิดถึงเวลาหวานๆใส่น้องธีร์
เขินๆและดีงาม

รออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ถ้าไม่ใช่นิยายวาย มันคงเป็นเรื่องโรแมนติกน่าดู

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
อดีตของพี่แก้วกับคุณเดือน โห ไม่คิดนะเนี่ย ว่าคุณเดือนจะเคยเป็นเด็กแก่นแก้วขนาดนั้น
ส่วนคุณพิกุลนี่สิ เรียบร้อยน่ารักตั้งแต่เด็ก จนโตเป็นสาวก็ไม่เปลี่ยนไปเลย
พี่แก้ว สมัยละอ่อน ก็ไม่ต่างจากพี่แก้วของน้องธีร์ในปัจจุบันเลย น่ารักที่สุดอ่ะ
ถึงจะกวนได้โล่ แต่ก็อบอุ่นใจดี ให้ความรู้สึกถึงผู้ชาย ที่สามารถเป็นที่พึ่งพาได้ ตั้งแต่วัยเยาว์เชียว  :-[
ไม่แปลกใจเลย ที่จะทำให้คุณเดือนเกิดความรู้สึกพิเศษต่อพี่แก้วขึ้นมาได้
คุณเดือนน่าสงสารนะ จากเด็กผู้หญิงแก่นแก้วสดใส กลับต้องมาใช้ชีวิตอย่างขมขื่นใจ
เพราะเลือกสามีผิดแท้ ๆ เลย แต่ก็ทำให้รู้ว่า เพราะอย่างนี้สินะ ปัจจุบันคุณเดือนถึงได้เข้มแข็งนัก
อ่านตอนนี้แล้ว ยิ่งทำให้หลงรักพี่แก้วของน้องธีร์มากขึ้น ๆ ไปอีกไม่รู้กี่เท่า ผู้ชายในฝันเลย  :m1:
รู้สึกดีใจกับน้องธีร์จัง ที่เป็นคน ๆ เดียว ที่สามารถกุมหัวใจของพี่แก้วคนนี้เอาไว้ได้
ปล. 1 ตอนนี้ไม่มีน้องธีร์เลย แต่ไม่เป็นไร ยอมให้น้องธีร์ได้พักก่อนก็ได้ เผื่อต้องใช้พลังงานในคืนอื่น ๆ อีกอ่ะนะ อิอิ :haun5:
ที่สำคัญ ก็ยังอยากรู้จักพี่แก้วสมัยยังละอ่อนต่ออีกด้วยจ้า
ปล. 2 ขนมน่าทานจังเลยค่ะ แปลกด้วย เพิ่งเคยเห็น เคยได้ยินชื่อครั้งแรกเลยนะเนี่ย ขอบคุณสำหรับภาพ และความรู้ใหม่ ๆ ด้วยนะคะ
รอตอนต่อไปจ้า เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  ชอบเรื่องนี้มาก ๆๆๆ

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
พี่แก้วช่างมีอารมณ์ขันนัก น่ารัก  :กอด1:

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ย้อนอดีตพี่แก้ว  มาดูสิธีร์มาเร็ว

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ไปอ่านตอนที่ ๒๗ ซ้ำอีกรอบ เขินยิ่งกว่าอ่านครั้งแรกอีกอ่ะ
พี่แก้วกับน้องธีร์ ทำอะไรกับหัวใจของเราคะเนี่ย  :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด