ขณะที่ผมกำลังดื่มด่ำกับภาพบรรยากาศตรงหน้า กลับรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวเมื่อกำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคน...ผมเหลียวกลับเข้าไปมองในห้องจัดงานที่ยังคงพลุกพล่านด้วยผู้คน หากแต่สายตาแข็งกร้าวดุดันที่จดจ้องไม่วางตากลับโดดเด่น...ใบหน้าขึงขังของหลวงเจษฎารังสรรที่ผมจดจำได้ดีปรากฎขึ้นที่มุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยง แม้ถูกรายล้อมด้วยข้าหลวงอีกสามสี่คนแต่สายตาคมกริบยังปราดมองมาทางนี้นิ่ง...หากเพียงเสี้ยววินาทีที่ใบหน้าบูดบึ้งแปรเปลี่ยน ริมฝีปากหนายกยิ้มทันทีที่สบตา...รอยยิ้มที่แฝงความหมายบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ
...รอยยิ้มที่ผมรู้ว่า...มันไม่ใช่เรื่องดี
ผมรีบหันหลังกลับ...ทอดสายตาออกไปด้านนอกพลางสูดหายใจลึกเพื่อเรียกสติ...มือที่จับราวระเบียงแน่นจนสั่นน้อยๆเพราะความตระหนก...ผมเกลียดสายตานั้น...เกลียดใบหน้า...เกลียดท่าทีและการแสดงออก...และในขณะเดียวกัน
...ผมก็กลัว...
มือหนาทิ้งน้ำหนักลงบนไหล่ข้างซ้ายจนผมสะดุ้งโหยงยกมือขึ้นปัดมันออกเพราะปฏิกริยาตอบโต้จากร่างกาย สายตาตวัดมองจ้องจนคนข้างหลังผงะถอยเล็กน้อย
"คุณหลวง!"คนถูกเรียกขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นท่าทีแปลกๆ
"เป็นอะไรหรือพ่อ ท่าทางไม่สู้ดีนัก"เมื่อเห็นว่าไม่ใช่คนที่คิดไว้ถึงได้พรูลมหายใจยาวอย่างโล่งอก หันกลับไปมองยังมุมเดิมในห้องจัดเลี้ยง...คนตัวสูงใหญ่ยังคงยืนอยู่เพียงแต่สายตาเปลี่ยนไปจดจ่อกับคู่สนทนาตรงหน้าแทน
"เปล่าครับ"ทำได้เพียงส่ายหน้าตอบเมื่อถูกคาดคั้นด้วยสายตาคมกริบ หลวงพิสิษฐยังคงมองด้วยความสงสัยแต่เมื่อไม่ได้รับคำตอบใดเขาก็เพียงขยับเข้ามายืนข้างๆพลางเอนหลังพิงขอบระเบียง
"เบื่อแล้วรึถึงได้ออกมายืนตรงนี้คนเดียว"
"ออกมาสูดอากาศแป๊บนึงน่ะครับ"คนตัวสูงเพียงปรายตามองเล็กน้อยก่อนจะยกแก้ววิสกี้ในมือขึ้นดื่ม ผมเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของเขา ดวงตาคมทอดยาวไปยังจุดๆเดียวกันกับที่ผมเพิ่งละสายตาหากแต่สีหน้ายังคงเรียบเฉย
"เจ้าคุณจิตราท่านว่าหากพ่อเบื่ออยากกลับเรือนก่อนท่านก็ไม่ว่ากระไร"
"แล้วเจ้าคุณท่านล่ะครับ"
"เห็นทีต้องอยู่จนกว่างานจะเลิก พ่อแช่มเองก็ต้องอยู่ช่วยท่าน"ใจหนึ่งผมก็อยากกลับเรือนเสียทีเพราะตัวเองก็ไม่ได้มีหน้าที่อะไรต้องทำ บวกกับนิสัยไม่ชอบเข้าสังคมมากนักทำให้งานเลี้ยงน่าตื่นตาตื่นใจในวันนี้สามารถดึงดูดความสนใจของผมได้แต่เพียงช่วงแรกเท่านั้น
"หากพ่อธีร์อยากกลับพี่จะไปส่ง"
"อ้าว แล้วคุณหลวงไม่ต้องรอกลับพร้อมเจ้าคุณไพศาลเหรอ"
"ประเดี๋ยวท่านให้คนของทางกรมไปส่งที่เรือน หลวงวิเศษณ์เองก็ยังอยู่ พี่กลับไปสักคนคงไม่เป็นปัญหา"
ผมเพียงพยักหน้ารับก่อนตอบกลับ "ถ้างั้นกลับเลยก็ได้ครับ"ก่อนจะเดินตามคนตัวสูงเข้าไปในงานอีกครั้งเพื่อร่ำลาผู้ใหญ่บางท่านที่คุ้นหน้ากันเป็นอย่างดีรวมไปถึงเจ้าคุณจิตราและเจ้าคุณไพศาล...ได้ยินไอ้แชมป์บ่นอุบหาว่าผมทิ้งมันหนีกลับก่อนทั้งที่มันเองก็อยากกลับเต็มทนแต่ก็ต้องอยู่ช่วยงานเจ้าคุณท่าน...หลุยส์กับปิแอร์เองก็บ่นเสียดายเพราะเพิ่งได้พบคนที่คุยกันถูกคอ ถึงอย่างนั้นก็ยังกำชับหนักหนาเรื่องที่ผมสัญญาว่าจะพาทั้งสองคนไปเที่ยวรอบๆพระนคร
หลังจากร่ำลาคนรู้จักเสร็จสิ้นผมก็เดินตามหลวงพิสิษฐมุุ่งตรงไปยังทางออก...หากแต่ยังไม่ทันก้าวถึงประตูหน้างาน ร่างสูงทะมึนของคนที่ไม่อยากพบมากที่สุดกลับตรงเข้ามายืนขวางทาง ดวงตาดำขลับแข็งขึงขัดแย้งกับริมฝีปากหนาที่ยกยิ้มให้
"จะกลับกันแล้วรึ"น้ำเสียงดุดันทว่าใบหน้ายังคงเจือรอยยิ้มประหลาด...ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางตามหลังด้วยคนตัวสูงที่ปรายตามองอีกฝ่ายชั่วครู่ แว่วเสียงหัวเราะต่ำดังตามหลังทำเอาผมชะงักฝีเท้ากึก หากแต่มือหนาที่แตะข้อแขนเพื่อเรียกสติพาให้ผมรีบเดินออกจากงานทันที
"วันนี้พระจันทร์งามนัก ออกไปเดินเล่นก่อนกลับสักครู่ดีหรือไม่พ่อ"คงเพราะเห็นสีหน้าไม่สบายใจนักเขาถึงได้เอ่ยปากชวน ผมเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ดวงโตทอแสงนวลสวยก่อนจะพยักหน้ารับ
.
.
.
.
ถนนเส้นใหญ่หน้ากรมการต่างประเทศในเวลานี้กลับเงียบเหงา นานๆถึงจะเห็นรถม้าวิ่งผ่านหน้าไปสักคันหรือสองคัน แต่ยังมีพระจันทร์เต็มดวงช่วยส่องสว่างทางเดินทอดยาวออกไปเบื้องหน้าที่ตอนนี้มีเพียงเงาของผมกับคนตัวสูงพาดผ่าน...ผมก้มมองเงาทั้งสองที่ความสูงเหลื่อมล้ำกันไม่มากนัก ระยะห่างเพียงคืบถูกกั้นกลางด้วยแสงจันทร์สว่างจ้าเผยให้เห็นเงาของคนตัวสูงกว่ายกมือขึ้นทาบทับกับเงาของผมพร้อมๆกับความรู้สึกอุ่นซ่านที่มือ...ใบหน้าคมด้านข้างเจือรอยยิ้มปรายอย่างอารมณ์ดี มือหนาที่เกาะกุมกระชับแน่นให้ผมขยับเข้าใกล้จนไหล่ทั้งสองแตะสัมผัส
"อยากทำแบบนี้มานานไม่มีโอกาสเสียที"ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มน้อยๆพร้อมมือที่กระชับแน่น
"เดินจับมือเนี่ยนะครับ"คนตัวสูงพยักหน้ารับทำเอาผมขมวดคิ้วมุ่น...ก็แค่เดินจับมือ...ทีอะไรต่อมิอะไร'มากกว่านั้น'ก็ทำมาแล้ว...ว่าแต่...แบบนี้เขาเรียกข้ามขั้นไปไกลลิบเลยสินะครับ!
"หน้าแดงเชียว เป็นอะไรรึ"เผลอคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนหน้าร้อนวูบขึ้นมา...เพ้อเจ้อใหญ่แล้วไอ้ธีร์เอ๊ย!
"ม่ะ...ไม่มีอะไรครับ...แต่ว่าถ้าใครมาเห็นเข้าจะแย่เอานะครับ"รีบส่ายหน้ารัวสะบัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง พยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมหากแต่อีกฝ่ายยังคงขืนเอาไว้ แว่วเสียงหัวเราะเบาจากคนตัวสูงคงเพราะท่าทางแปลกๆของผม
"เห็นก็ดีน่ะซี เขาจะได้รู้ว่าพี่รักของพี่มากจนไม่อยากปล่อยให้ห่างตัว"
"จะบ้าเหรอคุณหลวง!"หันไปแยกเขี้ยวใส่ให้สักที เกิดมีใครมาเห็นเข้าจริงๆมีหวังได้ถูกโบยกันบ้างล่ะ
"กลัวอะไรเล่าพ่อ ดึกดื่นป่านนี้ไม่มีใครเขาออกมาเดินกันหรอก"ไอ้ท่าทีไร้กังวลเกินเหตุนี่บางทีก็น่าหมั่นไส้...ถึงตอนนี้จะดึกมากแล้วและไม่มีใครอย่างที่เขาว่าแต่ผมก็ยังไม่วางใจอยู่ดี ติดที่อีกคนยังดื้อดึงกุมมือผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย สุดท้ายก็เลยต้องยอมเดินไปทั้งแบบนี้นั่นล่ะ
"จริงซี...อีกไม่นานงานภูเขาทองก็จะเริ่มแล้ว อยากไปหรือไม่พ่อ"
"เมื่อไหร่ครับ"พูดถึงเรื่องเที่ยวล่ะหูตาแพรวพราวขึ้นมาเลยครับ...จำได้ว่าเขาเคยพูดถึงงานภูเขาทองให้ฟังว่าจัดกันใหญ่โตถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนจนผมอยากไปให้เห็นกับตา
"อีกสองอาทิตย์ เอาไว้ใกล้ถึงวันแล้วจะบอกอีกทีจะได้ไปขออนุญาตเจ้าคุณท่าน"
"พาแชมป์ไปด้วยนะครับ มันคงชอบอะไรแบบนี้"นึกไปถึงไอ้ตัวดีที่คงชอบอกชอบใจถ้าได้เห็นศิลปะสมัยโบราณกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
"ก็ให้พ่อแช่มพาแม่พิกุลไปซี รายนั้นคงดีใจที่จะได้ไปเที่ยว"ริมฝีปากหยักยกยิ้มบางอย่างรู้ทันทำเอาผมอ้าปากค้าง
"คุณหลวงรู้ได้ไง..."
"โถพ่อ...พี่ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ได้เห็นสายตาของพ่อแช่มแลแม่พิกุลพี่ก็ดูออก"อย่างไอ้แชมป์เป็นใครก็ดูออก แต่สำหรับคุณพิกุลที่แม้แต่ผมที่อยู่เรือนเดียวกันยังใช้เวลาตั้งนานสองนานกว่าจะรู้ว่าคุณพิกุลรู้สึกอย่างไร หรือคงเป็นเพราะเขากับคุณพิกุลโตมาด้วยกันถึงได้รู้นิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี
"แต่คุณหญิงคงไม่ยอมให้คุณพิกุลไปหรอกครับ"น้ำเสียงหม่นของผมเรียกให้คนข้างๆปรายตามองเพียงครู่ ดูท่าเขาเองก็เข้าใจปัญหานี้เช่นกัน
"พี่จะไปขออนุญาตคุณหญิงท่านให้ ไปด้วยกันสี่คนคุณหญิงท่านคงไม่ว่ากระไร"
"จริงเหรอครับ"คนตัวสูงเพียงพยักหน้ารับอย่างอารมณ์ดี
"คุณหลวงนี่...น่ารักจริงๆเลยนะ"เพราะคำพูดเมื่อครู่ถึงได้ยิ้มกว้างออกมา ใจอยากให้ถึงวันงานภูเขาทองเสียวันนี้พรุ่งนี้เพราะอยากออกไปเที่ยวเต็มที
"น่ารัก...แล้วรักหรือไม่เล่า"แต่พอเจอมุขหยอดกลับมาแบบนี้เล่นเอาแทบสะดุด
"ก็......"เหลือบมองสายตาคาดคั้นรอฟังคำตอบจากอีกฝ่ายแต่ยังไม่ตอบอะไรจนได้เห็นสีหน้าหงุดหงิดเล็กๆของเขาถึงได้หลุดหัวเราะออกมา
"รักสิครับ...ไม่รักพี่แก้วแล้วธีร์จะรักใคร"แสร้งเบียดไหล่เข้ากับไหล่กว้างของอีกฝ่ายแต่กลับถูกมือหนารวบเอวรั้งเข้าใกล้...ใบหน้าคมโน้มลงขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่แล้วผละออกทันที แว่วเสียงหัวเราะเบาจากคนตัวสูงขณะที่ผมรีบยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองอย่างลืมตัว
"นี่มันกลางถนนนะครับ!"
"ก็พ่อธีร์น่ารักนี่ พี่อดใจไม่ไหว"คนฉวยโอกาสยังคงลอยหน้าลอยตายกยิ้มกวนจนน่าหมั่นไส้ นึกอยากฟาดพลั่กเข้าให้สักที แต่ยั้งเอาไว้ทันเพราะเกิดเจ้าตัวเปลี่ยนใจไม่ยอมพาไปเที่ยวขึ้นมา ผมก็แย่สิครับ!
ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันต่อ ร่างสูงที่เดินเคียงข้างกลับชะงักฝีเท้ากึก...รอยยิ้มปรายบนใบหน้าเลือนหาย ดวงตาคมภายใต้คิ้วดกหนาที่ขมวดมุ่นจดจ้องไปเบื้องหน้าเรียกให้ผมหันไปมองตาม...บนทางเดินห่างออกไปไม่ไกลนักปรากฎร่างทะมึนสองร่างยืนพิงหลบเข้ากับเงาของต้นไม้ใหญ่ราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง...ผมมองเห็นหน้าของทั้งสองคนไม่ชัดนักเพราะถูกคาดทับด้วยผ้าดำเผยให้เห็นเพียงประกายตาดุดันส่องสะท้อนกับแสงจันทร์เบื้องบน
"พวกเอ็งเป็นใคร!"ท่าทีไม่น่าไว้ใจเรียกให้คนตัวสูงส่งเสียงดัง ทว่าไม่มีเสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย แว่วเพียงเสียงหัวเราะต่ำชวนขนลุกจนผมเบียดตัวเข้าหาคนข้างๆอย่างลืมตัว มือหนายังคงเกาะกุมมือของผมแน่น
"เรากลับกันเถิดพ่อ"เสียงทุ้มนุ่มเบาราวเสียงกระซิบเรียกให้ผมหันหลังตั้งท่าจะเดินกลับไปทางเดิมแต่ต้องชะงักนิ่งเมื่อประจันหน้าเข้ากับใครอีกคนที่ยืนขวางเอาไว้...ท่าทางการแต่งกายเหมือนกับสองคนด้านหน้าไม่มีผิด
"พวกเอ็งต้องการอะไร เงินทองรึ!"เพราะท่าทีของทั้งสามทำให้คิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากพวกโจรที่คอยดักปล้นผู้คนในยามวิกาลเช่นนี้...หลวงพิสิษฐเหลียวซ้ายทีขวาทีอย่างระแวดระวังขณะที่สองคนด้านหลังค่อยขยับเข้าใกล้
เพียงชั่ววินาทีที่ร่างทะมึนพุ่งเข้ามาหา พร้อมกับตัวผมที่ถูกเหวี่ยงไปอีกทางจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้นโดยมีร่างสูงโพกผ้าดำพุ่งปราดเข้ามาติดๆ
"เฮ้ยยยย!"เพราะความตกใจถึงได้ยกขาขึ้นถีบสุดแรงจนอีกฝ่ายทรุดลงกับพื้นตัวงอร้องโอดโอย แต่ก็เพียงชั่วครู่ก่อนที่มันจะยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาแข็งขึงจดจ้องอาฆาต ขณะที่ผมทำได้เพียงถดตัวหนีพลางปัดมือสะเปะสะปะกับพื้นทางเดินจนสะดุดเข้ากับกิ่งไม้ขนาดพอเหมาะ...ผมรีบฉวยมันขึ้นชี้ตรงไปข้างหน้าหวังข่มขวัญคู่ต่อสู้ แต่กลับได้ยินเพียงเสียงหัวเราะดังไร้ซึ่งความเกรงกลัว
"หัวเราะเชี้ยไรของมึงวะ!"ความกลัวระคนตระหนกจนมือที่กำท่อนไม้เริ่มสั่น...ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ๒๐ยังไม่เคยเจอโจรแบบจังๆสักครั้งแต่ดันมาเจอครั้งแรกเอาตอนอยู่พระนครนี่...มันชักจะบ้าบอกันไปใหญ่แล้ว!
โดยไม่รอคำตอบผมจัดการฟาดไม้ในมือเข้าที่ข้อพับของคนที่ยืนอยู่จนมันล้มลงยกมือกุมหัวเข่าตัวเองแน่น แล้วตามเข้าไปซ้ำที่แขนและลำตัวไม่ยั้ง...มือที่ยกขึ้นปัดป้องและเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดดังอยู่ไม่นานก่อนที่มันจะแน่นิ่งไปตรงหน้า ผมจำไม่ได้ว่าลงแรงไปกี่ครั้งเพราะแม้แต่ตัวเองก็ยังยืนหอบหายใจเหนื่อย หากแต่เสียงโหวกเหวกด้านหลังเรียกความสนใจให้ผมรีบหันกลับไปมอง
หลวงพิสิษฐยังคงถูกล้อมหน้าล้อมหลังโดยพวกมันสองคนที่เหลืออยู่...ชุดสูทที่สวมใส่ยับเยินหลุดลุ่ยเช่นเดียวกับใบหน้าด้านข้างที่มีรอยฟกช้ำขึ้นเป็นจ้ำบ่งบอกสภาพของเขาได้เป็นอย่างดี...ร่างสูงโพกผ้าดำปราดเข้าหาพลางเงื้อหมัดแน่นพุ่งไปยังเป้าหมายหากแต่คนตัวสูงเบี่ยงตัวหลบได้ทันแล้วสวนกลับด้วยหน้าแข้งหนักๆจนคู่ต่อสู้ทรุดตัวงอ...เมื่อเห็นพวกตัวเองพลาดท่าอีกคนข้างหลังก็รีบเข้ามาล็อคแขนของเขาเอาไว้แน่น...ผมเลยฉวยโอกาสตอนที่มือของมันไม่ว่างพุ่งเข้าไปหาแล้วฟาดไม้เข้าที่หลังดังพลั่ก เห็นมันสะดุ้งจนตัวโยนปล่อยมืออีกฝ่ายให้เป็นอิสระ ก่อนที่ผมจะเข้าไปกระหน่ำซ้ำเหมือนไอ้คนก่อนหน้า มันร้องจ้าเพราะความเจ็บปวดพลางบิดเร่าๆอยู่บนพื้น
...ร่วงไปสอง...เหลืออีกหนึ่ง...
ร่างสูงทะมึนหยัดยืนเต็มความสูงหลังถูกเตะเข้าที่ชายโครง ดวงตาขึงขังฉายแววโกรธจัด มือใหญ่ล้วงเข้าไปในผ้าคาดเอวเผยให้เห็นโลหะสีเงินคมกริบส่องประกายวาววับกับแสงจันทร์เบื้องบน...มีดสั้นขนาดพกพาถูกกำแน่นในมือที่สั่นด้วยความโกรธ ก่อนจะพุ่งปราดเข้ามาหาคนตัวสูงที่ยืนขวางอยู่...หลวงพิสิษฐเบี่ยงตัวหลบอีกครั้งจนอีกฝ่ายเสียหลักเซไปด้านหลัง มันพยายามประคองตัวยืดตรงพลางตวัดปลายมีดไปมาอย่างน่าหวาดเสียวก่อนจะพุ่งปลายมีดเข้าหาเป้าหมายอีกครั้งซึ่งคราวนี้เฉียดไปเพียงคืบ...คนตัวสูงฉวยโอกาสคว้าข้อมือบิดกลับจนมันร้องโอดโอยปล่อยมีดในมือหล่นลงพื้นหากแต่ยังกำหมัดอีกข้างอัดเข้าที่หน้าท้องของเขาอย่างจังจนเจ้าตัวทรุดลงกุมหน้าท้องตัวเองแน่นเป็นจังหวะเดียวกับผมที่ฉวยโอกาสตอนมันยืนหันหลังให้ฟาดไม้ในมือเข้าที่หัวมันสุดแรง...ร่างสูงทะมึนยืนโงนเงนเพียงครู่ก่อนจะล้มครืนร่างกระแทกพื้นเสียงดัง
"พี่แก้ว!"ผมรีบโยนไม้ในมือทิ้งแล้วปรี่เข้าไปหาคนที่นั่งนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ...เลือดสีแดงสดไหลซึมที่หางคิ้วแถมด้วยรอยฟกช้ำตามใบหน้าและลำตัว
"พ่อธีร์! เป็นอะไรหรือเปล่า"ทั้งที่ตัวเองถูกรุมจนแทบลุกไม่ขึ้นแต่ก็ยังยื่นมือออกมาจับหน้าจับตัวของผมเพื่อสำรวจให้ทั่ว...สีหน้าเป็นกังวลของเขาเรียกให้ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะพยุงร่างของคนตัวสูงให้ยืนขึ้น
ชั่ววินาทีที่สายตามองเลยบ่าคนตัวสูงไปทางด้านหลัง แสงสะท้อนสีเงินวาววับของโลหะคมกริบสะท้อนเข้าตาจนได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ...พวกมันคนแรกที่ผมจัดการยืนห่างไปไม่กี่ก้าว ผ้าสีดำที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้หลุดลุ่ยเผยให้เห็นใบหน้าแข็งขึงที่ผมจดจำได้ดี...มันคือหนึ่งในคนสนิทของหลวงเจษฎารังสรรที่คอยตามติดนายของมันไปเกือบทุกที่...แม้แต่ในวันนั้นที่เรือนแพริมน้ำ...ในมือของมันกระชับมีดพกที่หล่นเมื่อครู่เอาไว้แน่น...ความกลัวแล่นปราดจนชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเห็นปลายมีดสีเงินพุ่งเข้าหาแผ่นหลังของคนตัวสูงที่ผมประคองอยู่
"พี่แก้วระวัง!"เจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัวเหลียวหลังกลับไปมอง เป็นจังหวะเดียวกับสติที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดเรียกให้ผมเบี่ยงตัวเข้าขวางพลางกอดคนตัวสูงตรงหน้าเอาไว้แน่น...หัวใจกระตุกวูบเมื่อนึกไปถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้...ความกลัว...ความเจ็บปวด...หรือแม้แต่ความตาย...ทุกสิ่งดูเลวร้าย...หากแต่มันยังน้อยกว่าความสูญเสีย...
...ชั่วขณะหนึ่งของความคิด...
...ผมจะไม่ยอมเป็นฝ่ายสูญเสียอีกแล้ว...
เสียงโลหะกระทบกับพื้นอีกครั้งพร้อมกับที่ผมค่อยๆลืมตา...ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าคมของคนตัวสูงที่โปรยยิ้มบางเหมือนเคย...ความรู้สึกวูบโหวงก่อเกิดเมื่อสัมผัสเข้ากับของเหลวอุ่นๆใต้ฝ่ามือ
...แต่กลับไม่เจ็บปวด...
ผมเบิกตากว้าง...ยกมือที่ประคองช่วงเอวของอีกฝ่ายขึ้นดู ของเหลวสีแดงเปรอะเปื้อนไปทั่ว เพียงผละออกจากร่างสูงตรงหน้าก็ได้เห็น...รอยเลือดสีแดงสดแผ่ขยายบนเสื้อเชิ้ตตัวในสีขาวเป็นวงกว้างพร้อมกับร่างที่ทรุดลงตรงหน้า...แว่วเพียงเสียงหอบหายใจเบาของเขากับมือที่แดงฉานสั่นเทิ้มของตัวเอง
"พี่แก้ว!!"
เสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่ปลายมีดวาววับจะพุ่งแทงเข้าที่ตัว เขาเพียงเบี่ยงหลบไปอีกทางเพื่อเอาตัวเข้าขวางเอาไว้...ปลายมีดแหลมแทงทะลุช่วงเอวจนมิดด้าม โลหิตอุ่นไหลหยดลงบนพื้น หากแต่ท่อนแขนแกร่งยังโอบกระชับร่างของผมเอาไว้แน่น...มือหนายกขึ้นทาบทับข้างแก้มของผมที่ซีดเผือดเพราะสติที่ขาดหาย...ริมฝีปากหยักยังคงยกยิ้มบางขัดกับเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายบนใบหน้าคม
"ไม่เป็นอะไรใช่ไหมพ่อ"เสียงทุ้มแหบพร่าเบาราวเสียงกระซิบปนกับเสียงหอบหายใจ ดวงตาคมที่เคยส่องประกายระยับค่อยๆปรือลงพร้อมกับศีรษะที่ฟุบลงบนไหล่...มือหนาที่ประคองข้างแก้มละออกร่วงลงบนพื้นไร้เรี่ยวแรง...ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องของตัวเองดังกึกก้อง
"ม่ะ ไม่!!!...พี่แก้ว!"
สองมือเขย่าร่างสูงตรงหน้าระรัวพร้อมส่งเสียงเรียกไม่ขาดปาก...ตัวต้นเหตุทั้งสามที่ตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกรีบประคับประคองพรรคพวกวิ่งหนีหายไปในความมืดนานแล้ว...เหลือเพียงตัวผมที่ยังนั่งประคองร่างสูงที่นอนแน่นิ่ง...ความโกรธ เกลียด กลัว ก่อเกิดจนกลั่นตัวรวมกันเป็นหยดน้ำตาใสไหลลงอาบแก้ม
...น้ำตาที่ไหลริน...ไม่ต่างจากโลหิตแดงฉานที่ฉาบลงบนพื้น...
..................................โปรดติดตามตอนต่อไป..............................................
วิ่งหลบแม่ยกพี่แก้วก่อนนะเจ้าคะ

(คาดว่าจะโดนรุมทำร้าย)
ตอนนี้มาแบบยาวๆ ไม่อยากตัดเพราะเดี๋ยวจะเสียอรรถรสค่ะ
ฝากตอนนี้ไว้ในอ้อมใจด้วยนะเจ้าคะ กราบ
