...The Timeless Tide...หากแม้นสายนธีร์จะย้อนกลับ...[แจ้งข่าว หน้า๒๒ ค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...The Timeless Tide...หากแม้นสายนธีร์จะย้อนกลับ...[แจ้งข่าว หน้า๒๒ ค่ะ]  (อ่าน 309401 ครั้ง)

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ฮื้อ สงสาร ฮึก ไม่เอา ส่ายหน้า :ling3:

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ไม่ได้อ่านมานานหลายตอน พี่แก้วววว  กรี๊ดดดดด
สมใจพี่แล้วสินะ  :hao6: :hao6: :hao6:
ระบมไม่พ่อธีร์

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
โอ้ยยยยยยยยยยยมันหวานไม่สุด
มันหน่วงๆอยู่ด้วย กรี๊ดดดดดด
อยู่ต่อเลยได้ไหม

nutiez

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดด อ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนถึงตอนล่าสุดเลยค่ะ

ชอบนิยายภาษาแบบนี้ กลิ่นอายแบบโบราณพีเรียด อ่านไปก็ฟินไปหน่วงไป

อยากให้พี่แก้วได้อยู่กับพ่อธีร์ทุกชาติเลย ถ้าน้องธีร์ย้อนกลับไปอยู่อดีตไม่ได้แล้ว แนะนำให้คุณหลวงพี่แก้วมาเกิดในยุคปัจจุบันนะคะ แล้วจีบกันใหม่ 555

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
รู้สึกหน่วงๆถ้าต้องจากเป็นกับคนที่เรารัก

พี่แก้วก็ช่างแกล้งน้องธีร์เสียกระไรน่ะเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
พี่แก้วนี่ช่างหยอดเสียจริงนะเจ้าคะ

หากจับน้องธีร์กลืนกินเสียทั้งตัวได้คงทำไปแล้วสินะเจ้าคะ

อ้ายเจษฏ์นั่นก็ไม่น่าไว้ใจนัก พี่แก้วต้องระวังให้ดีนะเจ้าคะ ข้าน้อยกลัวนักว่ามันจะหาโอกาสในงานเลี้ยงนี้เพื่อกลั่นแกล้งพี่แก้วและน้องธีร์

//รู้สึกอินมาก ๆ ค่ะ หลงรักนิยายเรื่องนี้เข้าเต็มเปาเลย

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
จากกันทั้งยังรักคงร้าวรานเพราะความคิดถึงกัน
ขอให้เป็นการจากเพื่อกลับมาพบกันใหม่ทีเถอะ

 :กอด1:

ออฟไลน์ eye-lifestyle

  • พรุ่งนี้ไม่เคยมีจริง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
หื้ออออออออออ ตอนนี้ ช่วงท้ายๆคือชอบคือฟินคือดีงาม :hao6:

ว่าแต่ :m29: :m26:...คนเขียนจะเอามาม่ามาแจกไหมอ่ะ ข้าน้อยไม่เอาาาาาานะะะะะะะะะะะะ  :katai4: :z3:
ขอความสุขแบบนี้เรื่อยๆได้ไหมมมมม :mew2:

**พิมพ์ไปก็ลุ้นตอนหน้าไป** โอ้ยยยยย รักหลวงแก้วกับพ่อธีร์อย่างยิ่งไม่อยากให้จบ :o12: :sad4:

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0

ตอนที่ ๓๐...งานเลี้ยง...




ในที่สุดวันที่ข้าหลวงแห่งกรมการต่างประเทศทั้งหลายรอคอยก็มาถึง เพราะนั่นหมายความว่าหลังจากวันนี้ ชีวิตการทำงานของพวกเขาจะกลับมาสู่ภาวะปกติ ไม่ต้องคอยวิ่งวุ่นจัดการเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างที่ทำกันมาตลอดทั้งเดือน...งานเลี้ยงรับรองคณะทูตจากประเทศฝรั่งเศสที่กำลังจะเกิดขึ้นในค่ำวันนี้กลายเป็นที่จับตามองจากข้าราชการทุกฝ่าย ไม่เพียงแค่กรมการต่างประเทศที่เป็นผู้รับผิดชอบ แม้แต่เหล่าเจ้านายชั้นสูงเองก็ให้ความสำคัญไม่ต่างกัน เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดแม้เพียงนิดอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศก็เป็นได้...ถึงกระนั้นงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ก็ถูกตระเตรียมไว้อย่างเพียบพร้อมสมเกียรติเรียกว่าแทบจะหาช่องโหว่มาติติงกันไม่ได้เลยทีเดียว


และหนึ่งในหัวเรือใหญ่ของงานในวันนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากพระยาจิตรานุวัตร ข้าหลวงคนสำคัญแห่งกรมการต่างประเทศ ที่ตอนนี้กำลังออกอาการกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดพื้นเรือนจนคนรอบข้างพาลเข้าหน้ากันไม่ติด

"ใจเย็นก่อนเถิดเจ้าค่ะ งานเขาก็ตระเตรียมเพียบพร้อมไม่มีปัญหาอะไรมิใช่หรือเจ้าคะ"แม้แต่คุณหญิงผู้เป็นภรรยาที่พยายามเงียบอยู่นานยังอดรนทนไม่ได้ต่ออาการกระวนกระวายของสามีจนต้องเอ่ยปรามออกไป

"ฉันอยากไปดูให้เห็นกับตาว่ามันเรียบร้อยจริงดังที่เขาว่ากันหรือเปล่า"กระนั้นน้ำเสียงร้อนรนของเจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง

"เมื่อคืนอยู่โยงจนดึกดื่นเจ้าคุณก็ว่าเรียบร้อยดีมิใช่หรือเจ้าคะ...นี่ก็เพิ่งย่ำรุ่งดิฉันว่าเจ้าคุณไปพักผ่อนเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ คืนนี้ยังมีเรื่องให้เหนื่อยอีกมากนัก"คุณหญิงเองก็เป็นกังวลไม่ต่างกัน แต่กังวลเรื่องที่สามีไม่ยอมหลับยอมนอนตั้งแต่เมื่อคืนเอาแต่กระสับกระส่ายจนไม่เป็นอันทำอะไร...ส่วนเรื่องงานเลี้ยงรับรองปล่อยให้เจ้าคุณท่านกังวลเพียงคนเดียวคนอื่นก็พาลนั่งไม่ติดกันไปด้วยแล้ว

"จะให้ฉันหลับลงได้อย่างไรเล่าแม่สร้อย อีกไม่กี่ชั่วยามงานก็จะเริ่มแล้ว"ไม่กี่ชั่วยามที่เจ้าของเรือนว่าคือตั้งแต่เช้ายันค่ำ หากเพราะคนกำลังวิตกถึงได้คิดว่ามันเป็นเวลาเพียงไม่นาน

"เอ็งสองคนน่ะ เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วรึ!"สุดท้ายไม่รู้จะไปลงกับใครก็ต้องมาลงที่ผมกับไอ้แชมป์ทุกที...ทั้งที่เมื่อคืนตั้งใจว่าวันนี้จะตื่นสายเสียหน่อยเพราะงานเริ่มตอนหัวค่ำแต่กลับถูกเจ้าของเรือนให้คนไปปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางให้มานั่งดูแกเดินวนไปเวียนมาบนโถงเรือนจนผมกับไอ้แชมป์แทบจะหลับพิงกัน...พอถูกถามถึงได้สะดุ้งโหยงตอบกลับแทบไม่ทัน

"เรียบร้อยแล้วครับ!"พร้อมใจกันประสานเสียงดัง ส่วนคนถามก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ



อันที่จริงผมกับแชมป์เราแทบไม่ต้องเตรียมตัวอะไร เสื้อผ้าก็มีพร้อมจากที่วันนั้นออกไปซื้อกัน หน้าที่อะไรในงานหรือก็ไม่มี...สำหรับแชมป์อาจจะมีบ้างเพราะมันพูดฝรั่งเศสได้ ส่วนผมถ้าไม่คิดจะพูดไทยกับอังกฤษก็ลาขาดกันเลยครับ...จนถึงตอนนี้ก็ยังสงสัยว่าเจ้าคุณท่านจะให้ผมไปร่วมงานด้วยทำไมทั้งที่เป็นงานใหญ่โตขนาดนั้น...แต่ถามท่านกี่ทีก็ได้คำตอบเดิมคือ'ให้ไปช่วยกัน'...ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเจ้าคุณท่านจะให้ไปช่วยอะไร เดี๋ยวตอนค่ำไปถึงงานก็คงได้รู้เอง



ในที่สุดเจ้าคุณท่านก็ยอมแพ้กลับเข้าไปพักผ่อนในห้องเสียทีเมื่อเห็นว่าการนั่งกระวนกระวายอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร...แว่วเสียงคุณหญิงสร้อยถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกพลางโบกไม้โบกมือให้ผมกับไอ้แชมป์แยกย้ายกันไปได้ก่อนที่แกจะตามหลังเจ้าคุณท่านเข้าห้องไป

"เจ้าคุณจิตรายังตื่นเต้นขนาดนี้ กูล่ะทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ"ไอ้ตัวดีบ่นขึ้นบ้าง ส่วนผมก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย

"กลับไปนอนให้เต็มตื่นก่อนดีกว่า กูว่าคืนนี้ยังอีกยาวไกล"ยกมือตบบ่ามันสองสามทีก่อนจะยันตัวลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้อง...ฟ้าเพิ่งสางยังมีเวลาให้พวกผมนอนอีกนาน ถ้าไม่ถูกใครทะลึ่งมาปลุกอีกรอบซึ่งผมก็หวังว่าคงไม่มี
.

.

.

.

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีเอาตอนเที่ยง...พระอาทิตย์ดวงโตสาดแสงจ้าอยู่กลางหัวพอดิบพอดี...ไอ้แชมป์ยังนอนแผ่หราอยู่ข้างๆ เห็นมันหลับสบายเลยไม่ได้ปลุก...ผมลุกออกมาข้างนอก ตั้งใจจะไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแต่เหลือบไปเห็นลูกสาวคนสวยของเจ้าคุณท่านนั่งอยู่ที่โถงกลางเรือนเสียก่อน

"ตื่นแล้วหรือพ่อธีร์"เสียงหวานส่งมาทักทายเมื่อหันมาพบ...คุณพิกุลกำลังนั่งแกะสลักแตงโมลูกใหญ่ให้เป็นดอกไม้ลวดลายสวยงามโดยมีพี่บุญมีเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ...ผมทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นเรือนใกล้ๆพลางท้าวคางมองมือเล็กของเธอที่บรรจงตวัดปลายมีดไปมาอย่างสนอกสนใจ

"พ่อแชมป์ยังไม่ตื่นรึ"ลูกสาวคนเล็กของเจ้าคุณท่านถามขึ้นอีกครั้งแต่สายตายังคงจดจ่อกับงานฝีมือตรงหน้า

"ยังครับ เดี๋ยวบ่ายว่าจะไปปลุก"หากแต่คำตอบของคนตัวเล็กมีเพียงรอยยิ้มหวานชวนมองเท่านั้น




ช่วงหลังๆมานี้ทุกครั้งที่ผมได้พบคุณพิกุลมักมีความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นในใจ...มันคือความสงสัยในอนาคตของเธอ...หลังจากที่ผมหาข้อมูลเรื่องของเจ้าคุณจิตราเมื่อตอนที่กลับไปยังกรุงเทพมหานครคราวก่อน ผมมีโอกาสสืบค้นประวัติของลูกสาวคนเล็กของท่านมาบ้างเพราะถูกไอ้ตัวดีรบเร้า...สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจ คือการที่เธอใช้บั้นปลายชีวิตอยู่ในวังและไม่มีประวัติการสมรส...มันแปลกที่คนอย่างเจ้าคุณจิตราและคุณหญิงสร้อยจะยอมให้ลูกสาวคนสวยใช้ชีวิตเพียงลำพัง ทั้งที่ในตอนนี้คุณหญิงแกดูพยายามเป็นพิเศษที่จะหาคนที่เพียบพร้อมเหมาะสมมาเป็นลูกเขย...ส่วนเรื่องของเธอกับแชมป์ ผมแทบไม่รู้อะไรเลยเพราะปกติพวกผมสองคนไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องนี้เท่าไหร่นัก แต่เท่าที่สังเกตได้ทุกอย่างยังคงดูราบรื่นดีในความคิดของผม...สายตาของคนสองคนที่คอยลอบมองกันและกันทุกครั้งที่พบหน้าทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาเมื่อได้เห็น...ความสุขเล็กๆน้อยๆภายใต้ขอบเขตที่มีกลับเติมเต็มความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย...เพียงแต่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้อีกนานสักเท่าใด...คุณพิกุลเองยังมีหน้าที่ในวัง แล้วยังเรื่องคู่ครองที่พ่อแม่ตั้งความหวัง...อนาคตของคนทั้งสองยังน่าเป็นห่วง




...ไม่ต่างอะไรกับอนาคตของผม...




"แชมป์บอกว่าคุณพิกุลไม่ต้องรีบกลับเข้าวังแล้วเหรอครับ"คนตัวเล็กยกยิ้มบางเมื่อได้ยินคำถาม

"เจ้าคุณพ่อท่านอยากให้อยู่นานสักหน่อย ข้าหลวงนางในก็ยังอยู่รับใช้อีกหลายคน เราคิดว่าจะขอหม่อมท่านอยู่ต่ออีกสักเดือนหนึ่ง"ใบหน้าหวานระเรื่อเจือแววดีใจเมื่อพูดถึงและผมก็รู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร...ติดก็ตรงที่ปัญหาสำคัญ

"แล้วคุณหญิง.......ไม่ว่าอะไรเหรอครับ"คำพูดที่ขาดหายไปชั่วครู่พร้อมกับมือเรียวเล็กละออกจากผลแตงโมตรงหน้า ก่อนที่เธอจะปรายสายตามองพี่บุญมีที่ยังนั่งเงียบหากแต่หูตาหลุกหลิกคอยแอบฟัง

"เอ็งลงไปบอกป้าน้อยให้เตรียมสำรับเย็นเฉพาะของข้ากับคุณแม่ ไม่ต้องทำมากนักเพราะเจ้าคุณพ่อท่านต้องไปร่วมงานเลี้ยง"คนรับคำสั่งมีท่าทีลังเล ใจหนึ่งเพราะความอยากรู้อยากเห็นตามประสาบ่าวไพร่ อีกใจก็ไม่อยากขัดคำสั่งผู้เป็นนาย แต่เพียงแค่เหลือบมองสายตาเย็นเยียบของลูกสาวเจ้าของเรือนแล้วก็ต้องจำใจข่มความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้เพียงเท่านั้นแล้วรีบคลานเข่าลงจากเรือนทันที

"คุณแม่ท่านก็ไม่สบายใจนักหรอก พ่อธีร์ก็รู้..."น้ำเสียงหวานดังขึ้นอีกครั้งหลังบ่าวคนสนิทคล้อยหลังลงจากเรือน...แว่วเสียงถอนหายใจเบาจากคนตัวเล็กบ่งบอกให้รู้ว่าเธอเองก็กังวลใจไม่ต่างจากผู้เป็นแม่ เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เธอคาดหวังกับสิ่งที่ผู้เป็นแม่ต้องการนั้นมันขัดแย้งกันเสียจนไม่รู้จะหาทางลงเอยได้อย่างไร

"แล้ว...คุณพิกุลจะทำยังไงต่อไปครับ"ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเพียงนิดพร้อมรอยยิ้มบางเบาที่เหือดหาย

"เราจะทำอะไรได้หรือพ่อ เราเป็นหญิง มีหน้าที่ทำตามความต้องการของพ่อแม่...ถึงแม้นั่นจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ"กลับกลายเป็นผมเองที่ถอนหายใจยาวเพราะความหนักใจ...ภายใต้ใบหน้าหวานเจือรอยยิ้มสวยของคนตรงหน้ากลับซ่อนความทุกข์ใจเอาไว้หนักหนา...ทุกข์ เพราะไม่มีทางออก...ทุกข์ เพราะขนบธรรมเนียมประเพณีที่ขีดกั้น



...ทุกข์...เพราะความรัก...



"เราขออะไรพ่อธีร์อย่างหนึ่งได้หรือไม่"เสียงหวานเรียกสติของผมให้กลับมาจดจ่อที่คนตัวเล็กตรงหน้าอีกครั้ง

"อะไรเหรอครับ"ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยนั้น...ดวงตากลมโตหวานฉ่ำส่องประกายระยับราวกับเธอกำลังตัดสินใจบางอย่าง

"แม้เราจะไม่รู้ว่าพ่อสองคนมาจากที่ใด แต่ในวันหน้าหากเจ้าคุณพ่อแลคุณแม่ตัดสินใจยกเราให้ชายอื่น...เมื่อถึงเวลานั้น......"น้ำเสียงราบเรียบสะดุดเพียงครู่ยิ่งเร่งเร้าให้ผมกลั้นหายใจรอฟัง







"เราขอให้พ่อธีร์พาพ่อแชมป์กลับไป"


ดวงตาของผมเบิกกว้าง...จ้องลึกเข้าไปยังดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้แข็งขึงนิ่งเงียบราวกับกระจกเงาที่สะท้อนเข้าไปไม่ถึงตัวตนของเธอ

"แต่แชมป์บอกว่าจะไม่ไปไหนนะครับ"คำพูดย้ำเตือนสติคนฟังเรียกรอยยิ้มบางเบา ทว่ามันกลายเป็นรอยยิ้มหวานชวนมองแต่กลับเศร้าจนน่าใจหาย

"เราถึงขอร้องพ่อธีร์...เพราะเรารู้ดีว่าพ่อแชมป์ไม่มีทางยอมทำเช่นนั้น"คำตอบของผมคือความเงียบ...เพราะเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะไปตัดสินใจแทนแชมป์ได้เลย และถึงผมตัดสินใจได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอย่างแชมป์จะยอมทำตามง่ายๆ...ความดื้อรั้นเอาแต่ใจของมันไม่ต่างจากนิสัยของผมเอง...โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้ที่ผมคิดว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว แม้ในใจลึกๆจะเป็นห่วงคนสองคนมากเพียงใดก็ตาม

"พ่อธีร์อาจคิดว่าเราใจร้ายใจดำที่ตัดสินใจเช่นนี้ แต่วันหนึ่งพ่อธีร์จะเข้าใจ..."

"ผมไม่เข้าใจหรอกครับ...แชมป์รักคุณพิกุลมากนะครับ ถ้ามันรู้ว่าคุณพิกุลผลักไสมันแบบนี้จะให้มันคิดยังไงครับ"ชั่วขณะหนึ่งที่ความไม่เข้าใจก่อเกิดจนเผลอส่งเสียงดังออกไปอย่างลืมตัว...คนตัวเล็กยังคงนิ่งเงียบ มีเพียงรอยยิ้มหมองเจือบนใบหน้ายิ่งทำให้ผมสงสัย

"แล้วพ่อธีร์จะให้พ่อแชมป์ทนเห็นเราออกเรือนไปกับชายอื่นรึ..."เสียงหวานเอ่ยตัดอารมณ์ที่พุ่งพล่านของผมให้เย็นลงจนนิ่งสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจทิ้งช่วงหนักเพราะคำพูดที่พรั่งพรูด้วยอารมณ์ของตัวเองเมื่อครู่

"ไม่ว่าใครก็อยากสมหวังในความรักด้วยกันทั้งนั้นล่ะพ่อ แต่หากไม่สมหวังแล้วยังต้องทนเห็นคนที่เรารักตกเป็นของคนอื่น...เป็นพ่อธีร์จะทนได้หรือ"ความเงียบก่อเกิดอีกครั้งพร้อมกับมือของตัวเองที่กำแน่นจนสั่น...คำพูดของเธอพาลให้นึกไปถึงเรื่องของตัวเอง...เพียงเพราะความสงสัยเรื่องหลวงพิสิษฐกับคุณเดือนยังทำให้ผมร้อนรนจนอยู่เฉยไม่ได้ แล้วถ้าหากวันหนึ่งต้องเห็นเขาออกเรือนไปกับคนอื่นจริงๆ...ผมจะทนได้อย่างที่คุณพิกุลถามอย่างนั้นหรือ

"เราเองหากต้องออกเรือนก็ด้วยความจำใจ แต่หากต้องทนเห็นคนที่รักเป็นทุกข์อยู่เรื่อยไปเพราะการกระทำของตนแล้ว...เราก็ทนไม่ได้เช่นกัน..."น้ำเสียงเรียบทว่าหนักแน่นช่วยให้ความกระจ่าง...หญิงสาวตรงหน้าแม้จะเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆแต่กลับเข้มแข็งไม่แพ้ใคร...การตัดสินใจที่ทำให้ผมเพิ่งเข้าใจแจ่มแจ้งว่าเธอเองก็เจ็บปวดไม่น้อย...เพียงแต่เธอเลือกที่จะรับความเจ็บปวดนั้นเอาไว้เพียงลำพังไม่ยอมให้คนที่เธอรักได้เห็น...



...นั่นเป็นเหตุผลที่เธอขอร้องให้ผมพาแชมป์ไปจากที่นี่...เมื่อเวลานั้นมาถึง...


...เพียงแต่ผมเองก็ไม่รู้ว่า...เมื่อเวลานั้นมาถึง...ผมจะเข้มแข็งพอที่จะพามันออกไปจากตรงนี้หรือเปล่า...





แชมป์ตื่นขึ้นมาเอาตอนคล้อยบ่ายใกล้เย็นเมื่อถึงเวลาที่พวกผมต้องเตรียมตัว...ได้ยินเสียงเจ้าคุณจิตราบ่นยาวเหยียดไม่ขาดปากเพราะความกังวลใจจนไอ้ตัวดีต้องรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว...ชุดสูทที่พวกผมคุ้นเคยถูกสวมใส่อย่างไม่ยากเย็นนัก...ผมยาวละต้นคอของผมถูกรวบไว้ครึ่งหนึ่งแล้วเก็บลูกผมระเกะระกะด้วยน้ำมันใส่ผมที่หยิบยืมมาจากเจ้าคุณท่านเผยให้เห็นกรอบหน้าที่มักถูกปกปิดเอาไว้...โบว์หูกระต่ายที่ดูจะเป็นปัญหาเมื่อตอนลองเสื้อกลับถูกผูกเข้าอย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือของแชมป์...ส่วนของมันเป็นเนคไทลายขวางที่เจ้าตัวดูจะชื่นชอบเป็นพิเศษเพราะทำให้ชุดสูทสีดำทะมึนดูมีสีสันขึ้นมาได้บ้าง...ใบหน้าของแชมป์ปราศจากซึ่งความกังวลตามนิสัยไม่ค่อยคิดอะไรมากของมัน...ผิดกับผมที่ยังมีเรื่องให้กังวลใจไม่จบสิ้น...ทั้งเรื่องงานเลี้ยงใหญ่โตที่กำลังจะเกิดขึ้น และเรื่องที่เพิ่งได้ยินจากลูกสาวคนเล็กของเจ้าคุณท่าน



"มึงเป็นอะไรรึเปล่าวะ"น้ำเสียงห้วนของแชมป์ดังขึ้นขณะที่พวกผมนั่งอยู่บนรถม้าคันใหญ่ที่เจ้าคุณจิตราเตรียมไว้สำหรับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้...เจ้าคุณท่านอยู่บนรถม้าอีกคันที่นำหน้าพร้อมทั้งหลวงวิเศษณ์คนสนิทที่มารอตั้งแต่บ่าย

"เปล่า...ไม่ได้เป็นอะไร"ไอ้ตัวดีหรี่ตาเรียวเล็กมองอย่างคาดคั้น สีหน้าเจือความสงสัยเมื่อเห็นว่าผมเอาแต่เงียบตั้งแต่ตอนที่มันตื่นจนถึงตอนนี้

"เครียดเรื่องงานเลี้ยงมั้ง..."สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ต้องบ่ายเบี่ยงเมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจของอีกฝ่าย...ผมยกมือขึ้นตบบ่ามันสองสามทีขณะที่รถม้ายังคงมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง...แชมป์ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะมันเองก็รู้นิสัยของผมดี...เรื่องอะไรที่ผมไม่อยากเล่าต่อให้มันคาดคั้นให้ตายผมก็ไม่ยอมพูด...
.

.

.

.
แต่ความกังวลใจเมื่อได้พูดคุยกับคุณพิกุลเมื่อตอนเที่ยงราวกับถูกลมพัดปลิวหายไปทันทีเมื่อรถม้าคันใหญ่เคลื่อนเข้ามาหยุดหน้าตึกทำการของกรมการต่างประเทศ...เสียงพูดคุยจอแจจากด้านในดังออกมาถึงหน้ามุกเรียกความสนใจจากพวกผมสองคนได้เป็นอย่างดี...ทหารยามสองนายในชุดราชการเต็มยศยืนประจำการอยู่ด้านหน้าเพื่อดูแลความเรียบร้อยของผู้ร่วมงาน...ใบหน้าขึงขังบึ้งตึงค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเมื่อเจ้าคุณจิตราที่วันนี้อยู่ในชุดสูทแบบสากลเดินผ่าน ตามติดด้วยหลวงวิเศษณ์ที่สง่างามไม่แพ้กัน และผมกับไอ้แชมป์ที่ดูจะเข้ากับชุดแบบสากลนี้มากที่สุด


...พวกผมเดินตามโถงทางเดินที่ทอดยาวไปยังประตูไม้ประดับกระจกลวดลายสวยงามเบื้องหน้าที่เปิดกว้างออกเผยให้เห็นบรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยง...ภาพตรงหน้าทำเอาลมหายใจของผมขาดช่วงด้วยความรู้สึกตื่นเต้นระคนตระหนก...ดวงไฟสีส้มส่องสว่างภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวางให้ความรู้สึกอบอุ่น...โต๊ะไม้ตัวยาวทอดตัวเต็มความกว้างของพื้นที่ห้องจัดเลี้ยงเรียงรายด้วยอาหารนานาชนิดที่ถูกปรุงแต่งทั้งรสชาติและหน้าตาอย่างสุดฝีมือประดับประดาด้วยงานแกะสลักผักผลไม้หน้าตาสวยงาม...ขวดวิสกี้ชั้นเลิศถูกวางเรียงไว้อีกมุมหนึ่งรายล้อมด้วยแก้วรูปทรงแตกต่างกันตามแต่การใช้งาน...บริกรหนุ่มนับสิบในชุดราชปะแตนแบบไทยแท้ยืนเรียงรายประจำจุดเพื่อคอยอำนวยความสะดวกแก่แขกที่มาร่วมงานเรียกคำชมจากผู้มาเยือนไม่ขาดปากด้วยประทับใจกับรูปแบบงานที่แสดงถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชาวสยามอย่างชัดเจน...เสียงเพลงบรรเลงเนิบนาบจากเครื่องดนตรีไทยดังคลอกับเสียงผู้คนยิ่งสร้างสีสันให้กับงานเลี้ยงได้เป็นอย่างดี

"อ้ายแช่ม...เอ็งมากับข้า ข้าจะพาไปพบท่านทูต"ไอ้ตัวดีสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจ้าคุณจิตราเรียกหาเพราะมัวแต่ชื่นชมความงดงามของภาพตรงหน้าอย่างลืมตัว...มันเพียงเดินตามหลังเจ้าคุณท่านและหลวงวิเศษณ์ไปอีกฝั่งที่มีชายชาวยุโรปสี่ห้าคนยืนจับกลุ่มคุยกับชายวัยกลางคนตัวสูงใหญ่ที่ยืนอยู่กลางวงสนทนา...ท่าทีนอบน้อมของคนรอบข้างทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเขาคือท่านทูตฝรั่งเศส บุคคลสำคัญของงานในวันนี้...เจ้าคุณไพศาลเองก็อยู่ร่วมวงสนทนานั้นด้วย...ท่านดูแปลกตาไปมากคงเพราะชุดสูทที่สวมใส่ ใบหน้าของท่านยังคงเปื้อนยิ้มหากแต่แฝงไปด้วยความนอบน้อมเมื่อพูดคุยกับแขกเหรื่อ


ผมสอดส่ายสายตามองหาคนสนิทของเจ้าคุณไพศาลด้วยความเคยชินจนไปสะดุดเข้ากับร่างสูงโปร่งที่คุ้นตากำลังยืนสนทนากับชายหนุ่มชาวยุโรปสองสามคนอย่างออกรส...หลวงพิสิษฐอยู่ในชุดสูทสีดำสนิท ด้านในเป็นเสื้อเชิ๊ตคอตั้งสีขาวคาดทับด้วยโบว์เส้นเล็กสีดำไขว้กันตรงปกเสื้อแล้วกลัดด้วยกระดุมเม็ดบน...เรือนผมดำสนิทของเจ้าตัวถูกเสยเรียบไปด้านหลังอย่างเรียบร้อยเผยให้เห็นกรอบหน้าคมชัด...ดวงตาคมส่องประกายระยับยามพูดคุยเช่นเดียวกับสีหน้าอมยิ้มนิดๆชวนมอง...ในมือของเขาถือแก้วทรงสูงที่บรรจุของเหลวสีทองระเรื่อไว้เกือบเต็ม

ร่างสูงโปร่งที่คุ้นตาแต่กลับดู...'เท่ห์ชิบหาย'...ในความคิดของผม คงเพราะเสื้อผ้าที่สวมใส่บวกกับบุคคลิกโดดเด่นทำเอาผมได้แต่ยืนจดจ้องจนอีกฝ่ายรู้สึกตัวจึงปรายสายตากลับมามอง...ริมฝีปากหยักยกยิ้มกว้างเมื่อสบตาก่อนจะหันไปขอตัวจากคู่สนทนาแล้วเดินตรงเข้ามาหา

"เพิ่งมาถึงหรือพ่อ...ทำไมมายืนอยู่คนเดียวเล่า"ร่างสูงโปร่งก้าวมายืนประชิดตัวจนผมเผลอผงะถอยเล็กน้อยเพราะความตกใจ...มัวแต่ยืนมองอีกฝ่ายจนเกือบไม่ได้ฟังคำถาม

"เอ่อ...เจ้าคุณจิตราพาไอ้แชมป์ไปพบท่านทูตน่ะครับ"เมื่อตั้งสติได้จึงตอบกลับไปแล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นสายตาของคนตรงหน้าที่จดจ้องไม่วางตา

"มีอะไรครับ"หากแต่ดวงตาคู่สวยยังคงมองปราดตั้งแต่หัวจรดเท้า

"วันนี้พ่อธีร์หล่อเสียจริง"คำว่า'หล่อ'ที่ผมเคยสอนเขาเมื่อตอนงานบุญวันเกิดคุณพิกุลถูกนำมาใช้อีกครั้ง แต่คราวนี้กลับทำให้หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อมันออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูปที่ยกยิ้มบางอย่างอารมณ์ดี

"หล่ะ...หล่ออะไรกันล่ะครับ"นึกอยากเขกกระโหลกตัวเองสักทีสองที แค่เขาชมว่าหล่อก็เขินจนไปไม่เป็นแล้วไอ้ธีร์เอ๊ย! นี่ผมกลายเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?

"มาทางนี้เถิด พี่จะแนะนำคนของคณะทูตให้รู้จัก"คนตัวสูงหัวเราะเบากับท่าทีประหลาดของผมก่อนจะยื่นมือมาฉวยข้อมือของผมให้เดินตามไปอีกฝั่งที่มีชายหนุ่มกลุ่มเดิมยืนล้อมวงกันอยู่...ใบหน้าของพวกเขาเปื้อนยิ้มพร้อมยกมือขึ้นทักทายเมื่อหลวงพิสิษฐแนะนำผมให้รู้จักในฐานะผู้ช่วยคนสนิท


"หลุยส์กับปิแอร์เป็นผู้ติดตามมากับคณะทูตเพื่อศึกษางาน อายุน่าจะไล่เลี่ยกับพ่อธีร์กระมัง"ผมผงกหัวรับเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้...หลุยส์เป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่...ผมยาวประบ่าสีน้ำตาลอ่อนถูกรวบไว้อย่างหลวมๆเป็นหางม้าด้านหลัง เขามีดวงตาสีเดียวกับเรือนผม สีหน้าเจือรอยยิ้มบางตลอดเวลา...ส่วนปิแอร์นั้นตัวเล็กกว่าผมนิดหน่อย ผมซอยสั้นสีเข้ม ดวงตาคมโตทว่าเว้าลึก จมูกโด่งตามแบบชาวยุโรปแต่ปลายเชิ่ดรั้นบ่งบอกว่าเป็นเด็กดื้อพอตัว ดูจากภายนอกแล้วหลุยส์น่าจะอายุมากกว่าเพราะท่าทางสุขุมเป็นผู้ใหญ่ ผิดกับคนตัวเล็กที่ติดจะหัวเสียเล็กน้อยเมื่อได้พูดคุยกัน


หลังจากฝากฝังผมกับหนุ่มฝรั่งเศสทั้งสองคนเรียบร้อย หลวงพิสิษฐก็ขอปลีกตัวไปพบเจ้าคุณไพศาลที่เรียกหา ปล่อยให้ผมยืนอยู่กับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งได้พบกัน

"ผมเพิ่งมาสยามเป็นครั้งแรก"ภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งๆของหลุยส์เรียกให้ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยในครั้งแรกที่ได้ยิน

"แล้วคุณชอบมั้ยครับ"คนถูกถามยิ้มร่าก่อนจะพยักหน้ารับ ส่วนคนตัวเล็กข้างๆเพียงผงกหัวเล็กน้อยหากแต่สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์

"ผมชอบมากแต่ปิแอร์บ่นว่าร้อน อากาศที่นี่ไม่เหมือนฝรั่งเศส ที่นั่นอากาศเย็นสบายตลอดปี"อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้ชายหนุ่มตัวเล็กออกอาการหงุดหงิด แม้จะเข้าสู่หน้าฝนได้ระยะหนึ่งแล้วแต่ในบางวันอากาศก็ยังร้อนอบอ้าว สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศเขตร้อนแบบนี้คงหัวเสียเป็นธรรมดา

"ได้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างรึยังครับ"

"เมื่อสามวันก่อนพวกผมไปวัดมา มันสุดยอดมาก ผมไม่เคยเห็นอะไรที่สวยงามขนาดนี้มาก่อน"ท่าทีตื่นเต้นของหลุยส์ทำเอาผมเผลอยิ้มกว้างออกมา...ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน วัดไทยก็ยังคงเป็นที่ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

"ผมชอบภาพที่เขาวาดบนฝาผนัง เห็นเขาว่ามันบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของสยาม...น่าเสียดายที่ผมดูไม่ออกเพราะมันไม่เหมือนภาพวาดของพวกเราแต่ผมคิดว่ามันงดงามมาก"กลายเป็นคนตัวเล็กอย่างปิแอร์เปิดปากเล่าเพราะดูท่าว่าหัวข้อสนทนานี้จะดึงดูดใจเขาอยู่บ้าง

"บรรพบุรุษของเราบอกเล่าเรื่องราวผ่านภาพและตัวอักษรเพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่าก่อนหน้านี้เราผ่านอะไรมาบ้างน่ะ"

"ผมอิจฉาคุณนะ ประเทศคุณมีทั้งทรัพยากร ทั้งศิลปะ วัฒนธรรม หรือแม้แต่ผู้คนที่นี่ก็ใจดี...ทุกอย่างมันดู...สวยงามไปหมด"ท่าทีชื่นชมของหลุยส์กับศีรษะที่ผงกขึ้นลงอย่างเห็นด้วยของปิแอร์บ่งบอกให้รู้ว่าเขาสองคนประทับใจเมืองสยามมากเพียงใด นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ชาติตะวันตกหลายชาติอยากได้สยามเป็นเมืองขึ้น เพราะสิ่งที่เรามีเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ

"ไม่เห็นต้องอิจฉาเลยครับ...สยามเป็นเพียงประเทศเล็กๆไม่ได้มีกำลังทัดเทียมมหาอำนาจอย่างฝรั่งเศส......"คนฟังยกยิ้มอย่างพึงใจเมื่อได้รับคำเยินยอ


"แต่สิ่งหนึ่งที่เรามี...คือความสำนึกรักชาติบ้านเมืองและพร้อมจะปกป้องรักษาประเทศนี้เอาไว้ให้ลูกหลานเหมือนอย่างที่บรรพบุรุษของเราเคยทำมา"หากแต่ประโยคถัดมาทำเอาสองหนุ่มหุบยิ้มแทบจะทันที...ใบหน้าเปื้อนยิ้มของผมแฝงด้วยน้ำเสียงจริงจัง...ประโยคบอกเล่าธรรมดาที่ทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าถึงแม้เราจะเป็นเพียงประเทศเล็กๆแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมตกเป็นอาณานิคมของใครโดยง่าย


ชั่วขณะหนึ่งที่ความเงียบปกคลุมวงสนทนา...ผมรับรู้ได้ถึงความอึดอัดที่ลอยวนเวียนอยู่รอบตัวผมและชายหนุ่มอีกสองคนตรงหน้า...หากแต่เสียงหัวเราะแก้เก้อของหลุยส์ที่ดังขึ้นช่วยประคับประคองบทสนทนาที่ติดขัดให้ไหลลื่นต่อไปโดยง่าย...เขาชวนคุยเรื่องสถานที่เที่ยวต่างๆเพื่อเบี่ยงประเด็น ซึ่งผมเองก็ให้คำตอบได้เท่าที่เห็นมาเพราะสยามในเวลานี้กับประเทศไทยในยุคของผมมีอะไรหลายอย่างที่แตกต่าง ถึงอย่างนั้นสองหนุ่มก็ดูพออกพอใจไม่น้อยแถมยังขอให้ผมเป็นไกด์พาเที่ยวเมื่อมีโอกาส


บรรยากาศภายในงานยังคงครึกครื้นไปด้วยผู้คนและเสียงเพลง...ผมเห็นไอ้แชมป์เดินตามหลังเจ้าคุณจิตราไปทางโน้นทีทางนี้ทีคอยทำหน้าที่เป็นล่ามให้เจ้าคุณท่านแล้วก็อดเหนื่อยแทนไม่ได้...ด้านหลวงวิเศษณ์เองก็คอยตามประกบเจ้าคุณไพศาลไม่ห่าง...เหลือบไปเห็นคนตัวสูงยืนคุยกับผู้ใหญ่ในกรมการต่างประเทศด้วยท่าทีนอบน้อม ใบหน้าคมเจือรอยยิ้มอ่อนโยน


ผมขอตัวจากหลุยส์และปิแอร์เพื่อออกมายืนรับลมริมระเบียง...ลมเย็นพัดเอื่อยให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าบรรยากาศคึกคักภายในงาน...พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นทอแสงนวลส่องสว่างให้เห็นภาพตัวเมืองพระนครโดยรอบ ยิ่งได้วิสกี้ชั้นเลิศในแก้วที่ถืออยู่ยิ่งช่วยขับอารมณ์ได้เป็นอย่างดี




ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0

ขณะที่ผมกำลังดื่มด่ำกับภาพบรรยากาศตรงหน้า กลับรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวเมื่อกำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคน...ผมเหลียวกลับเข้าไปมองในห้องจัดงานที่ยังคงพลุกพล่านด้วยผู้คน หากแต่สายตาแข็งกร้าวดุดันที่จดจ้องไม่วางตากลับโดดเด่น...ใบหน้าขึงขังของหลวงเจษฎารังสรรที่ผมจดจำได้ดีปรากฎขึ้นที่มุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยง แม้ถูกรายล้อมด้วยข้าหลวงอีกสามสี่คนแต่สายตาคมกริบยังปราดมองมาทางนี้นิ่ง...หากเพียงเสี้ยววินาทีที่ใบหน้าบูดบึ้งแปรเปลี่ยน ริมฝีปากหนายกยิ้มทันทีที่สบตา...รอยยิ้มที่แฝงความหมายบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ


...รอยยิ้มที่ผมรู้ว่า...มันไม่ใช่เรื่องดี


ผมรีบหันหลังกลับ...ทอดสายตาออกไปด้านนอกพลางสูดหายใจลึกเพื่อเรียกสติ...มือที่จับราวระเบียงแน่นจนสั่นน้อยๆเพราะความตระหนก...ผมเกลียดสายตานั้น...เกลียดใบหน้า...เกลียดท่าทีและการแสดงออก...และในขณะเดียวกัน


...ผมก็กลัว...


มือหนาทิ้งน้ำหนักลงบนไหล่ข้างซ้ายจนผมสะดุ้งโหยงยกมือขึ้นปัดมันออกเพราะปฏิกริยาตอบโต้จากร่างกาย สายตาตวัดมองจ้องจนคนข้างหลังผงะถอยเล็กน้อย

"คุณหลวง!"คนถูกเรียกขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นท่าทีแปลกๆ

"เป็นอะไรหรือพ่อ ท่าทางไม่สู้ดีนัก"เมื่อเห็นว่าไม่ใช่คนที่คิดไว้ถึงได้พรูลมหายใจยาวอย่างโล่งอก หันกลับไปมองยังมุมเดิมในห้องจัดเลี้ยง...คนตัวสูงใหญ่ยังคงยืนอยู่เพียงแต่สายตาเปลี่ยนไปจดจ่อกับคู่สนทนาตรงหน้าแทน

"เปล่าครับ"ทำได้เพียงส่ายหน้าตอบเมื่อถูกคาดคั้นด้วยสายตาคมกริบ หลวงพิสิษฐยังคงมองด้วยความสงสัยแต่เมื่อไม่ได้รับคำตอบใดเขาก็เพียงขยับเข้ามายืนข้างๆพลางเอนหลังพิงขอบระเบียง

"เบื่อแล้วรึถึงได้ออกมายืนตรงนี้คนเดียว"

"ออกมาสูดอากาศแป๊บนึงน่ะครับ"คนตัวสูงเพียงปรายตามองเล็กน้อยก่อนจะยกแก้ววิสกี้ในมือขึ้นดื่ม ผมเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของเขา ดวงตาคมทอดยาวไปยังจุดๆเดียวกันกับที่ผมเพิ่งละสายตาหากแต่สีหน้ายังคงเรียบเฉย

"เจ้าคุณจิตราท่านว่าหากพ่อเบื่ออยากกลับเรือนก่อนท่านก็ไม่ว่ากระไร"

"แล้วเจ้าคุณท่านล่ะครับ"

"เห็นทีต้องอยู่จนกว่างานจะเลิก พ่อแช่มเองก็ต้องอยู่ช่วยท่าน"ใจหนึ่งผมก็อยากกลับเรือนเสียทีเพราะตัวเองก็ไม่ได้มีหน้าที่อะไรต้องทำ บวกกับนิสัยไม่ชอบเข้าสังคมมากนักทำให้งานเลี้ยงน่าตื่นตาตื่นใจในวันนี้สามารถดึงดูดความสนใจของผมได้แต่เพียงช่วงแรกเท่านั้น

"หากพ่อธีร์อยากกลับพี่จะไปส่ง"

"อ้าว แล้วคุณหลวงไม่ต้องรอกลับพร้อมเจ้าคุณไพศาลเหรอ"

"ประเดี๋ยวท่านให้คนของทางกรมไปส่งที่เรือน หลวงวิเศษณ์เองก็ยังอยู่ พี่กลับไปสักคนคงไม่เป็นปัญหา"

ผมเพียงพยักหน้ารับก่อนตอบกลับ "ถ้างั้นกลับเลยก็ได้ครับ"ก่อนจะเดินตามคนตัวสูงเข้าไปในงานอีกครั้งเพื่อร่ำลาผู้ใหญ่บางท่านที่คุ้นหน้ากันเป็นอย่างดีรวมไปถึงเจ้าคุณจิตราและเจ้าคุณไพศาล...ได้ยินไอ้แชมป์บ่นอุบหาว่าผมทิ้งมันหนีกลับก่อนทั้งที่มันเองก็อยากกลับเต็มทนแต่ก็ต้องอยู่ช่วยงานเจ้าคุณท่าน...หลุยส์กับปิแอร์เองก็บ่นเสียดายเพราะเพิ่งได้พบคนที่คุยกันถูกคอ ถึงอย่างนั้นก็ยังกำชับหนักหนาเรื่องที่ผมสัญญาว่าจะพาทั้งสองคนไปเที่ยวรอบๆพระนคร


หลังจากร่ำลาคนรู้จักเสร็จสิ้นผมก็เดินตามหลวงพิสิษฐมุุ่งตรงไปยังทางออก...หากแต่ยังไม่ทันก้าวถึงประตูหน้างาน ร่างสูงทะมึนของคนที่ไม่อยากพบมากที่สุดกลับตรงเข้ามายืนขวางทาง ดวงตาดำขลับแข็งขึงขัดแย้งกับริมฝีปากหนาที่ยกยิ้มให้

"จะกลับกันแล้วรึ"น้ำเสียงดุดันทว่าใบหน้ายังคงเจือรอยยิ้มประหลาด...ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางตามหลังด้วยคนตัวสูงที่ปรายตามองอีกฝ่ายชั่วครู่ แว่วเสียงหัวเราะต่ำดังตามหลังทำเอาผมชะงักฝีเท้ากึก หากแต่มือหนาที่แตะข้อแขนเพื่อเรียกสติพาให้ผมรีบเดินออกจากงานทันที



"วันนี้พระจันทร์งามนัก ออกไปเดินเล่นก่อนกลับสักครู่ดีหรือไม่พ่อ"คงเพราะเห็นสีหน้าไม่สบายใจนักเขาถึงได้เอ่ยปากชวน ผมเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ดวงโตทอแสงนวลสวยก่อนจะพยักหน้ารับ
.

.

.

.
ถนนเส้นใหญ่หน้ากรมการต่างประเทศในเวลานี้กลับเงียบเหงา นานๆถึงจะเห็นรถม้าวิ่งผ่านหน้าไปสักคันหรือสองคัน แต่ยังมีพระจันทร์เต็มดวงช่วยส่องสว่างทางเดินทอดยาวออกไปเบื้องหน้าที่ตอนนี้มีเพียงเงาของผมกับคนตัวสูงพาดผ่าน...ผมก้มมองเงาทั้งสองที่ความสูงเหลื่อมล้ำกันไม่มากนัก ระยะห่างเพียงคืบถูกกั้นกลางด้วยแสงจันทร์สว่างจ้าเผยให้เห็นเงาของคนตัวสูงกว่ายกมือขึ้นทาบทับกับเงาของผมพร้อมๆกับความรู้สึกอุ่นซ่านที่มือ...ใบหน้าคมด้านข้างเจือรอยยิ้มปรายอย่างอารมณ์ดี มือหนาที่เกาะกุมกระชับแน่นให้ผมขยับเข้าใกล้จนไหล่ทั้งสองแตะสัมผัส

"อยากทำแบบนี้มานานไม่มีโอกาสเสียที"ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มน้อยๆพร้อมมือที่กระชับแน่น

"เดินจับมือเนี่ยนะครับ"คนตัวสูงพยักหน้ารับทำเอาผมขมวดคิ้วมุ่น...ก็แค่เดินจับมือ...ทีอะไรต่อมิอะไร'มากกว่านั้น'ก็ทำมาแล้ว...ว่าแต่...แบบนี้เขาเรียกข้ามขั้นไปไกลลิบเลยสินะครับ!

"หน้าแดงเชียว เป็นอะไรรึ"เผลอคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนหน้าร้อนวูบขึ้นมา...เพ้อเจ้อใหญ่แล้วไอ้ธีร์เอ๊ย!

"ม่ะ...ไม่มีอะไรครับ...แต่ว่าถ้าใครมาเห็นเข้าจะแย่เอานะครับ"รีบส่ายหน้ารัวสะบัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง พยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมหากแต่อีกฝ่ายยังคงขืนเอาไว้ แว่วเสียงหัวเราะเบาจากคนตัวสูงคงเพราะท่าทางแปลกๆของผม

"เห็นก็ดีน่ะซี เขาจะได้รู้ว่าพี่รักของพี่มากจนไม่อยากปล่อยให้ห่างตัว"

"จะบ้าเหรอคุณหลวง!"หันไปแยกเขี้ยวใส่ให้สักที เกิดมีใครมาเห็นเข้าจริงๆมีหวังได้ถูกโบยกันบ้างล่ะ

"กลัวอะไรเล่าพ่อ ดึกดื่นป่านนี้ไม่มีใครเขาออกมาเดินกันหรอก"ไอ้ท่าทีไร้กังวลเกินเหตุนี่บางทีก็น่าหมั่นไส้...ถึงตอนนี้จะดึกมากแล้วและไม่มีใครอย่างที่เขาว่าแต่ผมก็ยังไม่วางใจอยู่ดี ติดที่อีกคนยังดื้อดึงกุมมือผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย สุดท้ายก็เลยต้องยอมเดินไปทั้งแบบนี้นั่นล่ะ



"จริงซี...อีกไม่นานงานภูเขาทองก็จะเริ่มแล้ว อยากไปหรือไม่พ่อ"

"เมื่อไหร่ครับ"พูดถึงเรื่องเที่ยวล่ะหูตาแพรวพราวขึ้นมาเลยครับ...จำได้ว่าเขาเคยพูดถึงงานภูเขาทองให้ฟังว่าจัดกันใหญ่โตถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนจนผมอยากไปให้เห็นกับตา

"อีกสองอาทิตย์ เอาไว้ใกล้ถึงวันแล้วจะบอกอีกทีจะได้ไปขออนุญาตเจ้าคุณท่าน"

"พาแชมป์ไปด้วยนะครับ มันคงชอบอะไรแบบนี้"นึกไปถึงไอ้ตัวดีที่คงชอบอกชอบใจถ้าได้เห็นศิลปะสมัยโบราณกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

"ก็ให้พ่อแช่มพาแม่พิกุลไปซี รายนั้นคงดีใจที่จะได้ไปเที่ยว"ริมฝีปากหยักยกยิ้มบางอย่างรู้ทันทำเอาผมอ้าปากค้าง

"คุณหลวงรู้ได้ไง..."

"โถพ่อ...พี่ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ได้เห็นสายตาของพ่อแช่มแลแม่พิกุลพี่ก็ดูออก"อย่างไอ้แชมป์เป็นใครก็ดูออก แต่สำหรับคุณพิกุลที่แม้แต่ผมที่อยู่เรือนเดียวกันยังใช้เวลาตั้งนานสองนานกว่าจะรู้ว่าคุณพิกุลรู้สึกอย่างไร หรือคงเป็นเพราะเขากับคุณพิกุลโตมาด้วยกันถึงได้รู้นิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี

"แต่คุณหญิงคงไม่ยอมให้คุณพิกุลไปหรอกครับ"น้ำเสียงหม่นของผมเรียกให้คนข้างๆปรายตามองเพียงครู่ ดูท่าเขาเองก็เข้าใจปัญหานี้เช่นกัน

"พี่จะไปขออนุญาตคุณหญิงท่านให้ ไปด้วยกันสี่คนคุณหญิงท่านคงไม่ว่ากระไร"

"จริงเหรอครับ"คนตัวสูงเพียงพยักหน้ารับอย่างอารมณ์ดี

"คุณหลวงนี่...น่ารักจริงๆเลยนะ"เพราะคำพูดเมื่อครู่ถึงได้ยิ้มกว้างออกมา ใจอยากให้ถึงวันงานภูเขาทองเสียวันนี้พรุ่งนี้เพราะอยากออกไปเที่ยวเต็มที

"น่ารัก...แล้วรักหรือไม่เล่า"แต่พอเจอมุขหยอดกลับมาแบบนี้เล่นเอาแทบสะดุด

"ก็......"เหลือบมองสายตาคาดคั้นรอฟังคำตอบจากอีกฝ่ายแต่ยังไม่ตอบอะไรจนได้เห็นสีหน้าหงุดหงิดเล็กๆของเขาถึงได้หลุดหัวเราะออกมา

"รักสิครับ...ไม่รักพี่แก้วแล้วธีร์จะรักใคร"แสร้งเบียดไหล่เข้ากับไหล่กว้างของอีกฝ่ายแต่กลับถูกมือหนารวบเอวรั้งเข้าใกล้...ใบหน้าคมโน้มลงขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่แล้วผละออกทันที แว่วเสียงหัวเราะเบาจากคนตัวสูงขณะที่ผมรีบยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองอย่างลืมตัว

"นี่มันกลางถนนนะครับ!"

"ก็พ่อธีร์น่ารักนี่ พี่อดใจไม่ไหว"คนฉวยโอกาสยังคงลอยหน้าลอยตายกยิ้มกวนจนน่าหมั่นไส้ นึกอยากฟาดพลั่กเข้าให้สักที แต่ยั้งเอาไว้ทันเพราะเกิดเจ้าตัวเปลี่ยนใจไม่ยอมพาไปเที่ยวขึ้นมา ผมก็แย่สิครับ!




ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันต่อ ร่างสูงที่เดินเคียงข้างกลับชะงักฝีเท้ากึก...รอยยิ้มปรายบนใบหน้าเลือนหาย ดวงตาคมภายใต้คิ้วดกหนาที่ขมวดมุ่นจดจ้องไปเบื้องหน้าเรียกให้ผมหันไปมองตาม...บนทางเดินห่างออกไปไม่ไกลนักปรากฎร่างทะมึนสองร่างยืนพิงหลบเข้ากับเงาของต้นไม้ใหญ่ราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง...ผมมองเห็นหน้าของทั้งสองคนไม่ชัดนักเพราะถูกคาดทับด้วยผ้าดำเผยให้เห็นเพียงประกายตาดุดันส่องสะท้อนกับแสงจันทร์เบื้องบน

"พวกเอ็งเป็นใคร!"ท่าทีไม่น่าไว้ใจเรียกให้คนตัวสูงส่งเสียงดัง ทว่าไม่มีเสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย แว่วเพียงเสียงหัวเราะต่ำชวนขนลุกจนผมเบียดตัวเข้าหาคนข้างๆอย่างลืมตัว มือหนายังคงเกาะกุมมือของผมแน่น

"เรากลับกันเถิดพ่อ"เสียงทุ้มนุ่มเบาราวเสียงกระซิบเรียกให้ผมหันหลังตั้งท่าจะเดินกลับไปทางเดิมแต่ต้องชะงักนิ่งเมื่อประจันหน้าเข้ากับใครอีกคนที่ยืนขวางเอาไว้...ท่าทางการแต่งกายเหมือนกับสองคนด้านหน้าไม่มีผิด

"พวกเอ็งต้องการอะไร เงินทองรึ!"เพราะท่าทีของทั้งสามทำให้คิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากพวกโจรที่คอยดักปล้นผู้คนในยามวิกาลเช่นนี้...หลวงพิสิษฐเหลียวซ้ายทีขวาทีอย่างระแวดระวังขณะที่สองคนด้านหลังค่อยขยับเข้าใกล้


เพียงชั่ววินาทีที่ร่างทะมึนพุ่งเข้ามาหา พร้อมกับตัวผมที่ถูกเหวี่ยงไปอีกทางจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้นโดยมีร่างสูงโพกผ้าดำพุ่งปราดเข้ามาติดๆ

"เฮ้ยยยย!"เพราะความตกใจถึงได้ยกขาขึ้นถีบสุดแรงจนอีกฝ่ายทรุดลงกับพื้นตัวงอร้องโอดโอย แต่ก็เพียงชั่วครู่ก่อนที่มันจะยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาแข็งขึงจดจ้องอาฆาต ขณะที่ผมทำได้เพียงถดตัวหนีพลางปัดมือสะเปะสะปะกับพื้นทางเดินจนสะดุดเข้ากับกิ่งไม้ขนาดพอเหมาะ...ผมรีบฉวยมันขึ้นชี้ตรงไปข้างหน้าหวังข่มขวัญคู่ต่อสู้ แต่กลับได้ยินเพียงเสียงหัวเราะดังไร้ซึ่งความเกรงกลัว

"หัวเราะเชี้ยไรของมึงวะ!"ความกลัวระคนตระหนกจนมือที่กำท่อนไม้เริ่มสั่น...ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ๒๐ยังไม่เคยเจอโจรแบบจังๆสักครั้งแต่ดันมาเจอครั้งแรกเอาตอนอยู่พระนครนี่...มันชักจะบ้าบอกันไปใหญ่แล้ว!


โดยไม่รอคำตอบผมจัดการฟาดไม้ในมือเข้าที่ข้อพับของคนที่ยืนอยู่จนมันล้มลงยกมือกุมหัวเข่าตัวเองแน่น แล้วตามเข้าไปซ้ำที่แขนและลำตัวไม่ยั้ง...มือที่ยกขึ้นปัดป้องและเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดดังอยู่ไม่นานก่อนที่มันจะแน่นิ่งไปตรงหน้า ผมจำไม่ได้ว่าลงแรงไปกี่ครั้งเพราะแม้แต่ตัวเองก็ยังยืนหอบหายใจเหนื่อย หากแต่เสียงโหวกเหวกด้านหลังเรียกความสนใจให้ผมรีบหันกลับไปมอง


หลวงพิสิษฐยังคงถูกล้อมหน้าล้อมหลังโดยพวกมันสองคนที่เหลืออยู่...ชุดสูทที่สวมใส่ยับเยินหลุดลุ่ยเช่นเดียวกับใบหน้าด้านข้างที่มีรอยฟกช้ำขึ้นเป็นจ้ำบ่งบอกสภาพของเขาได้เป็นอย่างดี...ร่างสูงโพกผ้าดำปราดเข้าหาพลางเงื้อหมัดแน่นพุ่งไปยังเป้าหมายหากแต่คนตัวสูงเบี่ยงตัวหลบได้ทันแล้วสวนกลับด้วยหน้าแข้งหนักๆจนคู่ต่อสู้ทรุดตัวงอ...เมื่อเห็นพวกตัวเองพลาดท่าอีกคนข้างหลังก็รีบเข้ามาล็อคแขนของเขาเอาไว้แน่น...ผมเลยฉวยโอกาสตอนที่มือของมันไม่ว่างพุ่งเข้าไปหาแล้วฟาดไม้เข้าที่หลังดังพลั่ก เห็นมันสะดุ้งจนตัวโยนปล่อยมืออีกฝ่ายให้เป็นอิสระ ก่อนที่ผมจะเข้าไปกระหน่ำซ้ำเหมือนไอ้คนก่อนหน้า มันร้องจ้าเพราะความเจ็บปวดพลางบิดเร่าๆอยู่บนพื้น



...ร่วงไปสอง...เหลืออีกหนึ่ง...



ร่างสูงทะมึนหยัดยืนเต็มความสูงหลังถูกเตะเข้าที่ชายโครง ดวงตาขึงขังฉายแววโกรธจัด มือใหญ่ล้วงเข้าไปในผ้าคาดเอวเผยให้เห็นโลหะสีเงินคมกริบส่องประกายวาววับกับแสงจันทร์เบื้องบน...มีดสั้นขนาดพกพาถูกกำแน่นในมือที่สั่นด้วยความโกรธ ก่อนจะพุ่งปราดเข้ามาหาคนตัวสูงที่ยืนขวางอยู่...หลวงพิสิษฐเบี่ยงตัวหลบอีกครั้งจนอีกฝ่ายเสียหลักเซไปด้านหลัง มันพยายามประคองตัวยืดตรงพลางตวัดปลายมีดไปมาอย่างน่าหวาดเสียวก่อนจะพุ่งปลายมีดเข้าหาเป้าหมายอีกครั้งซึ่งคราวนี้เฉียดไปเพียงคืบ...คนตัวสูงฉวยโอกาสคว้าข้อมือบิดกลับจนมันร้องโอดโอยปล่อยมีดในมือหล่นลงพื้นหากแต่ยังกำหมัดอีกข้างอัดเข้าที่หน้าท้องของเขาอย่างจังจนเจ้าตัวทรุดลงกุมหน้าท้องตัวเองแน่นเป็นจังหวะเดียวกับผมที่ฉวยโอกาสตอนมันยืนหันหลังให้ฟาดไม้ในมือเข้าที่หัวมันสุดแรง...ร่างสูงทะมึนยืนโงนเงนเพียงครู่ก่อนจะล้มครืนร่างกระแทกพื้นเสียงดัง


"พี่แก้ว!"ผมรีบโยนไม้ในมือทิ้งแล้วปรี่เข้าไปหาคนที่นั่งนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ...เลือดสีแดงสดไหลซึมที่หางคิ้วแถมด้วยรอยฟกช้ำตามใบหน้าและลำตัว

"พ่อธีร์! เป็นอะไรหรือเปล่า"ทั้งที่ตัวเองถูกรุมจนแทบลุกไม่ขึ้นแต่ก็ยังยื่นมือออกมาจับหน้าจับตัวของผมเพื่อสำรวจให้ทั่ว...สีหน้าเป็นกังวลของเขาเรียกให้ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะพยุงร่างของคนตัวสูงให้ยืนขึ้น



ชั่ววินาทีที่สายตามองเลยบ่าคนตัวสูงไปทางด้านหลัง แสงสะท้อนสีเงินวาววับของโลหะคมกริบสะท้อนเข้าตาจนได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ...พวกมันคนแรกที่ผมจัดการยืนห่างไปไม่กี่ก้าว ผ้าสีดำที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้หลุดลุ่ยเผยให้เห็นใบหน้าแข็งขึงที่ผมจดจำได้ดี...มันคือหนึ่งในคนสนิทของหลวงเจษฎารังสรรที่คอยตามติดนายของมันไปเกือบทุกที่...แม้แต่ในวันนั้นที่เรือนแพริมน้ำ...ในมือของมันกระชับมีดพกที่หล่นเมื่อครู่เอาไว้แน่น...ความกลัวแล่นปราดจนชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเห็นปลายมีดสีเงินพุ่งเข้าหาแผ่นหลังของคนตัวสูงที่ผมประคองอยู่


"พี่แก้วระวัง!"เจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัวเหลียวหลังกลับไปมอง เป็นจังหวะเดียวกับสติที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดเรียกให้ผมเบี่ยงตัวเข้าขวางพลางกอดคนตัวสูงตรงหน้าเอาไว้แน่น...หัวใจกระตุกวูบเมื่อนึกไปถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้...ความกลัว...ความเจ็บปวด...หรือแม้แต่ความตาย...ทุกสิ่งดูเลวร้าย...หากแต่มันยังน้อยกว่าความสูญเสีย...



...ชั่วขณะหนึ่งของความคิด...



...ผมจะไม่ยอมเป็นฝ่ายสูญเสียอีกแล้ว...








เสียงโลหะกระทบกับพื้นอีกครั้งพร้อมกับที่ผมค่อยๆลืมตา...ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าคมของคนตัวสูงที่โปรยยิ้มบางเหมือนเคย...ความรู้สึกวูบโหวงก่อเกิดเมื่อสัมผัสเข้ากับของเหลวอุ่นๆใต้ฝ่ามือ



...แต่กลับไม่เจ็บปวด...



ผมเบิกตากว้าง...ยกมือที่ประคองช่วงเอวของอีกฝ่ายขึ้นดู ของเหลวสีแดงเปรอะเปื้อนไปทั่ว เพียงผละออกจากร่างสูงตรงหน้าก็ได้เห็น...รอยเลือดสีแดงสดแผ่ขยายบนเสื้อเชิ้ตตัวในสีขาวเป็นวงกว้างพร้อมกับร่างที่ทรุดลงตรงหน้า...แว่วเพียงเสียงหอบหายใจเบาของเขากับมือที่แดงฉานสั่นเทิ้มของตัวเอง


"พี่แก้ว!!"


เสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่ปลายมีดวาววับจะพุ่งแทงเข้าที่ตัว เขาเพียงเบี่ยงหลบไปอีกทางเพื่อเอาตัวเข้าขวางเอาไว้...ปลายมีดแหลมแทงทะลุช่วงเอวจนมิดด้าม โลหิตอุ่นไหลหยดลงบนพื้น หากแต่ท่อนแขนแกร่งยังโอบกระชับร่างของผมเอาไว้แน่น...มือหนายกขึ้นทาบทับข้างแก้มของผมที่ซีดเผือดเพราะสติที่ขาดหาย...ริมฝีปากหยักยังคงยกยิ้มบางขัดกับเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายบนใบหน้าคม

"ไม่เป็นอะไรใช่ไหมพ่อ"เสียงทุ้มแหบพร่าเบาราวเสียงกระซิบปนกับเสียงหอบหายใจ ดวงตาคมที่เคยส่องประกายระยับค่อยๆปรือลงพร้อมกับศีรษะที่ฟุบลงบนไหล่...มือหนาที่ประคองข้างแก้มละออกร่วงลงบนพื้นไร้เรี่ยวแรง...ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องของตัวเองดังกึกก้อง



"ม่ะ ไม่!!!...พี่แก้ว!"



สองมือเขย่าร่างสูงตรงหน้าระรัวพร้อมส่งเสียงเรียกไม่ขาดปาก...ตัวต้นเหตุทั้งสามที่ตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกรีบประคับประคองพรรคพวกวิ่งหนีหายไปในความมืดนานแล้ว...เหลือเพียงตัวผมที่ยังนั่งประคองร่างสูงที่นอนแน่นิ่ง...ความโกรธ เกลียด กลัว ก่อเกิดจนกลั่นตัวรวมกันเป็นหยดน้ำตาใสไหลลงอาบแก้ม




...น้ำตาที่ไหลริน...ไม่ต่างจากโลหิตแดงฉานที่ฉาบลงบนพื้น...







..................................โปรดติดตามตอนต่อไป..............................................




วิ่งหลบแม่ยกพี่แก้วก่อนนะเจ้าคะ :o12: (คาดว่าจะโดนรุมทำร้าย)
ตอนนี้มาแบบยาวๆ ไม่อยากตัดเพราะเดี๋ยวจะเสียอรรถรสค่ะ

ฝากตอนนี้ไว้ในอ้อมใจด้วยนะเจ้าคะ กราบ  :call: :call: :call:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2014 04:46:54 โดย Vivid_Vuitton »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
กรี๊ด คนเขียนทำร้ายหนักค่ะ
มายาว ไม่ตัดก่อนหน้า ตัดตอนนี้ก็กรีดร้องนะคะ
แต่เราเชื่อว่าพี่แก้วจะไม่เป็นไรมาก
เพราะจำได้ว่าตอนที่น้องธีร์ไปหาคนรู้จักในยุคปัจจุบัน
ก็ยังมีรูปพี่แก้วนี่นา แล้วก็ไม่ทีเรื่องอะไรใหญ่โตเล่าซะด้วย
แสดงว่าน่าจะไม่เป็นอะไรมาก เดี๋ยวก็หาย
แต่ลึกๆก็กลัวว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นเหมือนกันนะ

เปิดตอนมาก็หน่วงด้วยเรื่องคุณพิกุลก่อนเลย
แถมย้อนไปเรื่องข้อมูลคุณพิกุลเท่าที่รู้มาจากปัจจุบัน...
พ่อแชมป์ของเราคงไม่ได้อยู่ที่พระนครยาวนานแน่นอน
ว่าแล้วคนอ่านก็เครียดกันไป

อ่านไปต้องหยุดอ่านเป็นระยะๆ
ลุ้นทุกจังหวะที่เปลี่ยนฉากประมาณนั้น555

แอบคิดไปคิดมา หรือบั้นปลาย พี่แก้วจะออกบวช
ไปอยู่กับหลวงพ่อที่เคารพ ที่หน้าเหมือนหลวงพ่อที่กรุงเทพ
หลวงพ่อที่กรุงเทพก็เลยรู้ๆอะไรอยู่แล้ว

จะว่าไปก็แอบคิด(อีกแล้ว)
ว่าในยุคปัจจุบัน พี่แก้วอาจมาเกิดใหม่เป็นใครซักคนมั้ย
แต่คงไม่...เพราะไม่มีเกริ่นๆมาก่อน
แต่นั่นจะเป็นหนทางเดียวที่ทำให้พี่แก้วน้องธีร์ได้รักกันอยู่ด้วยกัน
แบบไม่ต้องกลัวอยู่ลึกๆแบบนี้อ่า
นี่คือมโนหนักเพื่อปลอบใจตัวเองล่วงหน้าไว้ก่อน555

รออ่านต่ออยู่นะค้า

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
พี่แก้วคะะะะ!!!

ไอ้พวกนั้นนี่ควรเอาเรื่องได้แล้วนะคะ เลว เลวมาก เลวมากถึงมากที่สุด

แค่พี่แก้วกับน้องธีร์เองก็ลุ้นจะตายอยู่แล้ว เจอพวกนี้ไปนี่ระทึกเลยค่ะ

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ไม่นะไม่ๆๆๆ พี่แก้วต้องไม่เป็นอะไร   :ling1:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
โถพี่แก้วของน้องอย่าเป็นอะไรไปนะเจ้าคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
ใครก็ด้ายยยยยยยยย ช่วยพี่แก้วด้วยยยยย  :sad4:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
กรี๊ดดดดดดดไอ้โจรไร้สมองงงง
นายสั่งอะไรก็ทำหรอออออ
โอ้ยยยยยยพี่แก้วววว เจ็บจนาดนั้นยังหวงธีร์
ธีร์ต้องชอคมากแน่ๆอยู่ในเหตุการ์ณงี้
พี่แก้วอย่าเป็นอะไรนะะะ ลุ้นมากกกกค่ะ

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
โอ้ยยยย ไอ้เจษฎา จะจองเวรจองกรรมกันอีกนานไหมมมม ไอ้ตัวร้าย อ้ายเลวววว (อินขั้นสุด)

ต้องไม่เป็นไรนะพระเอกเรา กริ้ดดด

ออฟไลน์ eye-lifestyle

  • พรุ่งนี้ไม่เคยมีจริง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :z3: :z3: :z3: :z3: :a5: :a5: :a5: o22 o22

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
รอคอยนิยายแบบนี้มานานนนนนนนแล้ว ขอบคุณที่ทำให้การรอคอยสิ้นสุดลง

สนุกมากกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ befol2e

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คุณหลวงถูกแทง!!! โอ้ยย แล้วใครจะมาช่วยน้องธีร์พาคุณหลวงไปหาหมอล้ะเนี่ยยย
ค้างมากเลยค่ะคนแต่ง  :serius2:

รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0


ตอนที่ ๓๑...ภาวนา...




'...พลั่ก!...'


บทสนทนาตึงเครียดจบลงด้วยฝ่ามือหยาบหนาที่ฟาดลงบนหน้าของคู่สนทนาจนขึ้นเป็นริ้วแดง ขณะที่คนถูกกระทำได้แต่ยกมือกุมใบหน้าของตัวเองหากแต่ไม่กล้าปริปากบ่นแม้สภาพของตัวเองก่อนหน้าก็ย่ำแย่เต็มที...ตามตัวมีรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้าย คราบเลือดเกรอะกรังบนหน้าผากและมุมปาก...ถึงอย่างนั้นก็ยังถูกซ้ำรอยเดิมเข้าให้โดยร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า

"อ้ายพวกโง่! ข้าบอกให้ไปสั่งสอนให้มันเข็ดหลาบ ใครใช้ให้พวกเอ็งเอามีดไปแทงมัน!"เสียงแหบต่ำแผดลั่นด้วยความโมโหหลังได้ฟังรายงานจากผู้ใต้บัญชาเรื่องที่สั่งให้ไปจัดการ แต่กลับผิดแผนกลายเป็นเหตุการณ์ใหญ่โตจนไม่อาจข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ได้ถึงขั้นลงไม้ลงมือ

"พวกมันยอมให้สั่งสอนง่ายเสียเมื่อไหร่เล่าขอรับ คุณหลวงก็เห็นว่าพวกกระผมถูกทำร้ายกลับมาถึงเพียงนี้"แม้ถูกตำหนิแต่ก็ยังบ่ายเบี่ยงเรียกร้องความเห็นใจจากผู้เป็นนาย

"เอ็งก็เลยเอามีดไปแทงมันเช่นนั้นรึ! เกิดมันตายขึ้นมาได้ฉิบหายกันหมดล่ะคราวนี้!"ทั้งความโกรธที่พุ่งพล่านระคนความหวาดระแวงกลัวความผิดยิ่งเร่งเร้าให้แผดเสียงดังจนคนฟังพากันก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา

"แล้วมันเห็นหน้าพวกเอ็งหรือไม่!"คำถามที่ทำเอาผู้ใต้บัญชาหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก แม้ไม่แน่ใจนักแต่สายตาของเด็กหนุ่มที่จดจ้องในตอนนั้นยังคงติดตา ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าบอกความจริงเพราะกลัวถูกผู้เป็นนายบันดาลโทสะใส่อีกรอบ

"ม่ะ...ไม่เห็นหรอกขอครับ...มืดเสียขนาดนั้นแลพวกกระผมเองก็ปิดหน้าปิดตากันอย่างดี"ได้ยินดังนั้นถึงเบาใจลงบ้างหากยังไม่วางใจเสียทีเดียว

"พวกเอ็งรีบไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าแล้วปิดปากให้เงียบ หากข้ารู้ว่าใครมันปากโป้ง มันผู้นั้นจะได้ตายก่อนไอ้แก้ว!"สิ้นเสียง ลูกสมุนทั้งสามก็รีบแจ้นออกจากเรือนกันแทบไม่ทัน คงเหลือไว้เพียงร่างสูงใหญ่ยืนกำหมัดแน่นจนมือไม้สั่น...จริงอยู่ว่าเขาโกรธแค้นอีกฝ่ายจนไม่อยากอยู่ร่วมโลกแต่การแก้แค้นที่อาจส่งผลเสียกลับมาถึงตัวย่อมไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เพราะหากเรื่องนี้แดงขึ้นมา แม้แต่บารมีของผู้เป็นพ่อก็คงไม่อาจคุ้มหัวเขาได้



'โครม!'


เสียงแปลกปลอมดังอยู่นอกตัวเรือนเรียกให้เจ้าของเรือนแพสะดุ้งเฮือกหันควับไปมองต้นเสียง เท้าค่อยๆก้าวไปยังประตูไม้บานใหญ่ก่อนจะเปิดมันออกด้วยความร้อนใจ...ดวงตาแข็งกร้าวเบิกกว้างเมื่อได้เห็น...ร่างบอบบางยืนปิดปากกลั้นเสียงจนตัวสั่น...บนพื้นมีแจกันไม้ลวดลายสวยงามที่เคยตั้งเด่นอยู่หน้าเรือนกลิ้งขลุกขลักอันเป็นต้นเหตุของเสียง...ดวงตาหวานฉ่ำมีน้ำคลอเต็มหน่วยหากแต่ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้




"แม่เดือน!"




.............................................................................................
.

.

.

.

ไม่รู้ว่าผมมานั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน และมาที่นี่ได้ยังไง...ใครสักคนคงพาผมมาที่นี่...ใครสักคนที่ได้ยิน เสียงกรีดร้องที่มันดังก้องจนแทบไม่ได้ยินเสียงอื่นใด นอกจากเสียงสะอื้นของตัวเองและปากที่พร่ำเรียกชื่อของใครบางคนไม่ขาด...ร่างกายของผมชาวาบจนแทบไร้ความรู้สึก ไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดเมื่อใครสักคนพยายามทำแผลบนใบหน้า หากแต่รสเฝื่อนลิ้นกับกลิ่นคาวจางๆในปากบ่งบอกสภาพของร่างกายได้เป็นอย่างดี...เลือดสีแดงสดไหลซึมจากปากแผลบนโหนกแก้มและแขนซ้ายถูกใครสักคนใช้ผ้าซับจนเลือดซึมติด...ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เจ็บเท่ากับตอนที่ได้เห็นรอยเลือดเปรอะเปื้อนบนเสื้อผ้า...เลือด...ที่ไม่ใช่ของตัวเองแต่กลับทำให้ความเจ็บปวดทวีความรุนแรงจนแทบยืนไม่อยู่


แว่วเสียงจอแจล่องลอยไกลละลิบ...บทสนทนาทั้งไทยและอังกฤษผสมปนเปจนฟังไม่เป็นศัพท์...ใครบางคนกำลังพูดกับผมด้วยภาษาที่ผมไม่เข้าใจแต่ไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ


ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ผมได้ยินเสียงหนึ่งที่คุ้นเคย...น้ำเสียงอบอุ่นทว่าร้อนรนจนผิดสังเกตดังแข่งกับเสียงภายนอก


"เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร..."


หากแต่เสียงคุ้นเคยนั้นกลับดังแผ่วในความคิด...ภาพตรงหน้าช่างพร่ามัวเช่นเดียวกับโสตประสาทที่ไม่รับรู้เรื่องราวอะไร


...นอกจากเสียงกรีดร้องของตัวเองในตอนนั้น...


"พ่อธีร์..."


"พ่อธีร์!"


รู้สึกตัวอีกทีเมื่อรับรู้ถึงแรงเขย่าที่หัวไหล่...ผมไล่มองตามมือที่มีริ้วรอยบ่งบอกอายุไปจนหยุดที่ใบหน้าอ่อนโยนทว่าฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด

"เจ้าคุณ..."เจ้าคุณไพศาลยืนขมวดคิ้วแน่นอยู่ตรงหน้า หลังทราบข่าวท่านก็รีบออกจากงานตรงมาที่นี่ทันที...ผมเหลียวมองบรรยากาศโดยรอบ...ห้องโถงของเรือนไม้ทรงฝรั่งหลังใหญ่ส่องสว่างด้วยดวงไฟสีส้มนวล...ข้างกายมีเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาทอประกายสีฟ้าเหมือนท้องทะเล ในมือของเขาถือถาดอุปกรณ์ทำแผล หากแต่เพียงลุกออกไปเมื่อผู้อาวุโสกว่ามาถึง

"เราถามว่าเกิดอะไรขึ้น"คำถามที่พาลให้นึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ราวกับหนังฉายซ้ำ...ร่างสูงโปร่งที่ทรุดลงต่อหน้าโดยที่ผมทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย ลมหายใจของเขารวยรินขาดช่วงแต่น้ำเสียงแหบพร่ายังคงแสดงความห่วงใย...เบื้องหลังภาพนั้น...คือคมมีดสีเงินส่องประกายน่ากลัว

"ว่าอย่างไรเล่าพ่อ..."คำถามของผู้อาวุโสกว่าดังขึ้นเป็นครั้งที่สามพร้อมแรงบีบหนักที่หัวไหล่เพื่อเรียกสติ...สติที่มันหลุดลอยหายไปตั้งแต่เหตุการณ์ตอนนั้น

"เลือด...เลือดเต็มไปหมดเลยครับ"ภาพในความคิดเต็มไปด้วยโลหิตสีแดงเปรอะเปื้อนไปทั่ว ทั้งมือของผมเองก็ฉาบฉานไปด้วยสีเดียวกัน...ความกลัวส่งผลต่อร่างกายจนสั่นเทิ้มควบคุมไม่ได้ ดวงตากลอกไปมาพยายามสลัดภาพน่ากลัวให้หายไป ริมฝีปากถูกกัดจนห้อเลือดอันเป็นที่มาของรสเฝื่อนแปลกๆในปาก...แต่สิ่งเดียวที่ยังชัดเจน...คือใบหน้าเปื้อนยิ้มที่หลับตาพริ้มซบลงบนไหล่...ความอบอุ่นยังคงทิ้งร่องรอยบนฝ่ามือแดงฉานราวกับผมยังคงกอดเขาเอาไว้แน่น


"คุณหลวง!...คุณหลวงจะเป็นอะไรมั้ยครับ!"ผู้อาวุโสกว่าผงะเล็กน้อยเมื่อผมเอื้อมมือขึ้นรั้งแขนที่วางพาดบนบ่าแล้วเขย่าจนสุดแรง...แว่วเพียงเสียงถอนหายใจยาวและสีหน้าหนักใจของอีกฝ่าย

"ใจเย็นก่อนเถิดพ่อ...หมอเขากำลังเร่งช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เราเองก็หวังว่าพ่อแก้วจะไม่เป็นอะไร"ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาอ่อนโยนแต่กลับฉายแววร้อนรนและกังวลอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกผิดก่อเกิดเพียงเพราะได้เห็นท่าทีเป็นห่วงของอีกฝ่าย...ในตอนนั้น...หากผมปฏิเสธแล้วขอให้เขาพากลับเรือนทันทีหลังออกจากงานก็คงไม่ต้องพบเจอไอ้พวกนั้น...และหากวันนั้นไม่เกิดเรื่องที่เรือนแพ...เรื่องทั้งหมดคงไม่จบลงแบบนี้

"ผม...ผมขอโทษครับ...ผมผิดเอง...ผมขอโทษ..."คำพูดที่พรั่งพรูราวกับคนไร้สติเรียกให้เจ้าคุณไพศาลทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ สองมือยึดบ่าที่สั่นเทิ้มของผมเอาไว้มั่น

"ตั้งสติหน่อยซีพ่อ...มันเป็นเหตุสุดวิสัยไม่มีใครเขาโทษพ่อหรอก"

"ไม่...มันเป็นความผิดของธีร์...ธีร์ผิดเอง..."ได้ยินเพียงเสียงของตัวเองดังวนเวียนจนกระทั่งเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้น...ชายสัญชาติยุโรปวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพลางยกมือขึ้นซับหยาดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก


"เป็นอย่างไรบ้างหมอ"เจ้าคุณไพศาลที่ยังควบคุมอารมณ์ได้ดีถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ

"บาดแผลฉกรรจ์ทำให้เสียเลือดมากจนหมดสติ"คนตัวใหญ่ตอบกลับด้วยภาษาไทยสำเนียงแปร่งหู ใบหน้าของเขาดูอิดโรยเพราะการรักษาที่ยาวนาน ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เทียบเท่าสีหน้าเป็นกังวลของเจ้าคุณแห่งกรมการต่างประเทศ

"ปลอดภัยดีแล้วหรือ"กลับกลายเป็นคนถูกถามที่ถอนหายใจยาว

"ยังวางใจไม่ได้ ต้องรอให้ฟื้นเสียก่อน...เจ้าคุณกลับไปก่อนเถิด วันพรุ่งค่อยมาใหม่"

"ผมขออยู่เฝ้าคุณหลวงที่นี่ได้มั้ยครับ!"หากแต่คำถามของผมที่แทรกขึ้นเรียกให้เจ้าของเรือนละสายตาจากเจ้าคุณไพศาลทันที...ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนภายใต้ริ้วรอยจางๆบนใบหน้าพินิจสารรูปของผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความเป็นกังวล

"กลับไปพักผ่อนเสียก่อนเถิด ทางนี้มีคนคอยดูแล วันพรุ่งพ่อจะมาเช้าหน่อยก็ได้"

"แต่..."

"เชื่อหมอเถิดพ่อธีร์ พ่อเองก็เจ็บไม่น้อย กลับไปพักผ่อนเสียก่อนแลวันพรุ่งค่อยมาพร้อมเรา"เจ้าคุณไพศาลเองก็ช่วยสมทบเข้าอีกแรงจนผมไม่รู้จะเถียงอะไรต่อ ได้แต่พยักหน้ารับก่อนจะกล่าวลาเจ้าของเรือน...ความเป็นห่วงเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อไม่ได้รับการยืนยันใดๆ ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ผมทำได้...ก็เพียงแค่รอ...


"พ่อไม่ต้องเป็นกังวล หมอเบ็นเขามีฝีมือเลื่องชื่อนัก เราเชื่อว่าพ่อแก้วจะไม่เป็นอะไร"ผู้อาวุโสกว่าเพียงยกมือขึ้นตบบ่าเบาๆเป็นเชิงปลอบใจก่อนที่ท่านจะก้าวขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่หน้าเรือนพลางกำชับให้ผมรีบกลับไปพักผ่อน...ผมยกมือไหว้ลาคนบนรถม้าที่ทอดสายตาอ่อนโยนลงมองแล้วเดินอ้อมไปขึ้นรถม้าอีกคันที่จอดรออยู่ด้านหลังที่เจ้าคุณท่านเตรียมไว้
.

.

.

"ไอ้ธีร์!"เสียงแหวดังลั่นทันทีที่ร่างของผมก้าวพ้นซุ้มประตูเรือนด้านบน...เจ้าของเรือนทั้งสามเองก็รีบผุดลุกขึ้นยืนด้วยความเป็นห่วง...แชมป์เป็นคนแรกที่ปรี่เข้ามาหา มันจับผมยกแขน หมุนตัว สำรวจสารรูปที่ตอนนี้คงย่ำแย่เต็มที...ชุดสูทยับยู่ยี่เกรอะกรังไปด้วยคราบเลือดที่ไม่ใช่ของตัวเอง...รอยแผลถลอกบนโหนกแก้มและแขนซ้ายให้ความรู้สึกเจ็บแปลบเป็นระยะ...ผมเผ้ายุ่งเหยิงผิดกับสภาพตอนออกไปจากเรือนเมื่อเย็น...ทั้งยังดวงตาที่ปวดตุบๆจนเริ่มพร่ามัว...ร่างของผมยืนโงนเงนไปตามแรงของแชมป์จนมันต้องลากตัวให้มานั่งพักบนโถงกลางเรือน...เหลือบไปเห็นสายตาเป็นกังวลของทั้งเจ้าคุณจิตรา คุณหญิงสร้อยและคุณพิกุลอยู่ไม่ไกล

"พ่อแก้วเป็นอย่างไรบ้าง"เจ้าของเรือนเป็นฝ่ายยิงคำถามขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงร้อนรน

"อ้ายธีร์...ข้าถามว่าพ่อแก้วเป็นอย่างไรบ้าง!"แต่เพราะสติที่ไม่อยู่กับตัวทำให้เจ้าคุณท่านต้องถามซ้ำอีกรอบด้วยเสียงดังกว่าเดิม

"ผม...ผมไม่รู้ครับ"

"แล้วหมอเขาว่าอย่างไรเล่า!"ผมนั่งนิ่ง พยายามนึกไปถึงคำพูดของหมอฝรั่งที่บอกเจ้าคุณไพศาล...เสียงล่องลอยไกลละลิบจนแทบฟังไม่เป็นศัพท์เพราะในหัวตอนนั้นมีแต่เรื่องของคนตัวสูงเต็มไปหมด

"หมอบอกว่า...ต้องรอให้ฟื้นก่อน...มั้งครับ"แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่ได้ยินมาถูกหรือไม่

"ผมว่าให้มันไปพักก่อนเถอะครับ ท่าทางมันเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่"แชมป์ยังคงประคองตัวผมเอาไว้เมื่อพยายามดึงผมให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

"นั่นซีเจ้าคะ คนเพิ่งผ่านเรื่องร้ายมาคงขวัญเสียไม่น้อย...เอ็งพามันไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อน ประเดี๋ยวข้าไปเอาลูกประคบมาให้ เอ็งเอาประคบตามรอยฟกช้ำไม่กี่ชั่วยามก็จะดีขึ้น"คุณหญิงสร้อยรีบปรามก่อนจะหันมาสั่งไอ้แชมป์ยืดยาว ขณะเจ้าคุณท่านเพียงถอนหายใจพลางทิ้งตัวลงนั่ง



"ไม่รู้เคราะห์กรรมอะไรของพ่อแก้วถึงต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้นะเจ้าคะ"น้ำเสียงเป็นกังวลของคุณหญิงสร้อยดังไล่หลังขณะที่ผมกำลังเดินตรงไปยังห้องนอน

"อยากรู้นักว่าใครมันกล้าทำเรื่องเช่นนี้"หากแต่เสียงห้วนของเจ้าคุณจิตราทำเอาผมชะงักฝีเท้านิ่ง...ภาพชายตัวสูงสีหน้าแข็งขึง ในมือกำมีดพกส่องประกายสีเงินเอาไว้แน่นวนกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง...เสียงหัวเราะเย็นเยียบดังก้องจนผมต้องสะบัดหัวตัวเองแรงๆเพื่อไล่ความคิดเหล่านั้นให้หายไป

"มึงเป็นอะไรรึเปล่าวะ"ผมส่ายหน้าตอบคำถามของแชมป์และมันไม่ได้ถามอะไรต่อ เพียงแค่ประคองตัวผมให้เดินมาจนถึงห้องนอน



ทันทีที่แชมป์ปล่อยมือ ร่างของผมก็ทรุดฮวบลงกับพื้น...เรี่ยวแรงที่เคยมีกลับหายไปหมด ได้ยินเสียงไอ้ตัวดีร้องลั่นด้วยความตกใจก่อนจะถลาเข้ามายึดไหล่ทั้งสองข้างของผมเอาไว้แน่น

"ไอ้ธีร์!"แรงเขย่าจนตัวโยนเรียกให้สายตาที่เหม่อลอยสบเข้ากับดวงตาเรียวรีของมัน...แชมป์ยังคงเรียกชื่อผมไม่ขาดปากราวกับกำลังเรียกสติที่หายไปให้กลับมา


"ธีร์มึงได้ยินกูมั้ย...ไอ้ธีร์!"แม้สบตากันแต่ภาพที่สะท้อนอยู่ตรงหน้ากลับไม่ใช่ภาพของแชมป์...แววตาของผมว่างเปล่ามองเห็นเพียงภาพเรือนลางและเสียงเรียกดังไกลละลิบ


"มึงฟังกูนะธีร์...กูรู้ว่ามึงรู้สึกยังไง แต่มันจะไม่เป็นแบบนั้น มึงได้ยินมั้ย มันจะไม่เป็นแบบที่มึงคิด หลวงพิสิษฐจะไม่เป็นอะไร...มึงได้ยินกูมั้ยธีร์!"



"กู......กลัว......"สิ้นเสียง ไอ้ตัวดีก็โผเข้ามากอดผมเอาไว้แน่น...ความรู้สึกของผมมีเพียงแชมป์เท่านั้นที่รู้ดี...ผมไม่ได้ขวัญเสียจากเหตุการณ์เมื่อครู่...ไม่ได้กลัวถูกทำร้าย...ไม่ได้กลัวความเจ็บปวด หรือแม้แต่ความตาย...หากแต่สิ่งที่ผมกลัว


...คือความสูญเสีย...



"กูรู้ว่ามึงกลัว...แต่มันจะไม่เป็นแบบนั้น หลวงพิสิษฐรักมึงจะตายห่า เค้าไม่ทิ้งมึงไปไหนหรอก"แชมป์รู้ดี...ว่าชลนธีร์ในตอนนี้อ่อนแอเหลือเกิน...และแชมป์ก็รู้ดี ว่ามันต้องพยายามทำทุกวิถีทางไม่ให้ผมกลับไปเป็นแบบตอนนั้น...ตอนที่ผมเสียพ่อและแม่

"ตอนนี้มึงต้องเข้มแข็งเข้าใจมั้ย...ถ้ามึงเป็นอะไรไปอีกคนแล้วเค้าฟื้นขึ้นมาไม่เห็นมึง เค้าจะรู้สึกยังไงวะ!"คำพูดเตือนสติคำแล้วคำเล่าถูกส่งผ่าน...แววตาที่ว่างเปล่าเหม่อลอยกลับมาจดจ่อที่ภาพตรงหน้าอีกครั้ง...ใบหน้าของแชมป์...เสียงของมัน...มือที่ยังเขย่าร่างของผมไปมาเรียกให้รู้สึกตัว...ผมยกมือขึ้นบีบมือของมันเอาไว้แน่น

"แชมป์...กู...ขอบคุณ"รับรู้ถึงแรงบีบที่มือตอบกลับมา...สีหน้าของมันยังคงเป็นกังวลแต่ยังยิ้มออกมาได้เมื่อเห็นภาพสะท้อนตัวเองในแววตาของผม...ไม่ว่าเมื่อไหร่ แชมป์ก็ยังเป็นคนเดียวที่สามารถดึงผมกลับมาได้เสมอ แม้ในเวลาที่ผมอ่อนแอที่สุด...อย่างเช่นตอนนี้

"ไปอาบน้ำแล้วนอนซะ...ดูสภาพตัวเองตอนนี้ดิ พรุ่งนี้ถ้าหลวงพิสิษฐฟื้นมาเจอมึงแบบนี้ได้ช็อคตายห่า โทรมชิบหาย"

"เชี้ยมึงอย่าแช่งดิ!"มันหัวเราะเมื่อเห็นว่าผมมีแรงต่อปากต่อคำได้บ้าง ก่อนจะไล่ให้ผมไปอาบน้ำ พอกลับมามันก็จัดการประคบรอยฟกช้ำตามตัวให้ตามที่คุณหญิงสร้อยสั่ง...ผมเพิ่งมารู้ตัวตอนถูกมือหนักๆของมันกดลูกประคบลงกับผิวว่าสภาพของผมเองก็สะบักสะบอมไม่แพ้กัน


...แต่ยังน้อยกว่านักเมื่อเทียบกับคนที่นอนหายใจรวยรินอยู่ที่เรือนหมอในตอนนี้...
.

.

.

.

.

"ฟื้นหรือยังเล่าหมอ"เจ้าคุณจิตราถามขึ้นทันทีที่มาถึงเรือนหมอเบ็นตอนบ่ายแก่ๆ...ระหว่างทางเจ้าคุณท่านเล่าให้ฟังว่าหมอเบ็นเป็นหมอฝีมือดีชาวอังกฤษที่ติดตามคณะทูตมายังสยามเมื่อหลายปีก่อน เขาเปิดเรือนเป็นโรงหมอคอยให้ความช่วยเหลือชาวบ้านและข้าราชการหลายต่อหลายคนในละแวกใกล้ๆจนได้รับพระราชทานยศหลวงบริบาลเวชสาส์นจากสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง...ซ้ำยังบอกว่าพวกผมโชคดีที่จุดเกิดเหตุห่างจากเรือนของเขาไม่มากนักทำให้พาตัวหลวงพิสิษฐส่งถึงมือหมอได้ทันเวลา

"เพิ่งฟื้นเมื่อครู่นี้เองแต่ยังอ่อนเพลียนักเพราะเสียเลือดไปมาก"เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นรอยยิ้มบางเจือบนใบหน้าของอีกฝ่าย...ท่าทีของเขาดูคลายกังวลลงมากกว่าเมื่อคืนมากนัก

"ขอพวกฉันเข้าไปดูอาการได้หรือไม่"เจ้าคุณจิตรายิ้มกว้างพลางเร่งเร้า ไม่ต่างอะไรจากสีหน้าของเจ้าคุณไพศาล ไอ้แชมป์...และตัวผมเอง...เจ้าของเรือนเพียงพยักหน้ารับก่อนจะผายมือให้ผู้อาวุโสทั้งสองเดินนำเข้าไปก่อนตามด้วยไอ้แชมป์และผมเป็นคนสุดท้าย



"เขาเรียกหาแต่พ่อธีร์"สำเนียงแปร่งหูดังพอให้ได้ยินเพียงสองคนทำเอาผมชะงักฝีเท้า...หันกลับไปมองใบหน้าอ่อนโยนเจือริ้วรอยที่ส่งยิ้มบางอยู่ด้านหลัง

"ท่าทางจะเป็นห่วงพ่อมาก"สิ่งที่ทำได้ เพียงแค่ค้อมตัวลงเล็กน้อยเป็นการตอบรับก่อนจะเดินตามหลังไอ้แชมป์เข้าไปด้านใน




ออฟไลน์ Novemberist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0



ห้องรักษาถูกกั้นด้วยฉากไม้แบบบานพับ...ได้กลิ่นยาและสมุนไพรคละคลุ้งจนน่าเวียนหัว...ภายในห้องมีชายชาวสยามสองคนที่คาดว่าเป็นผู้ช่วยของหมอเบ็นกำลังยืนผสมยาอยู่ด้านหน้าฉากกั้นก่อนจะละมือเดินออกไปเมื่อเห็นผู้มาเยือน...พวกผมเดินอ้อมไปอีกฟากหนึ่งของห้อง เผยให้เห็นร่างสูงโปร่งนอนเหยียดยาวสงบนิ่งบนเตียงไม้หลังใหญ่...ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าหากแต่ถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวรอบช่วงเอว...บนใบหน้าและตามลำตัวมีรอยฟกช้ำขึ้นเป็นจ้ำ รวมไปถึงรอยแตกที่หางคิ้ว...ลมหายใจราบเรียบสม่ำเสมอแผ่วเบาเช่นเดียวกับเปลือกตาที่ปิดสนิท

"พ่อแก้ว"น้ำเสียงอ่อนโยนจากเจ้าคุณคนสนิทเรียกให้เจ้าของชื่อค่อยๆปรือตาขึ้น...ดวงตาคมภายใต้แพขนตาหนากระพริบช้าๆก่อนจะเบือนหน้ามองข้างเตียง...วินาทีนั้น...ผมรับรู้ถึงเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังโครมครามราวกับมันอยากกระโดดออกมาอยู่ข้างนอก ความอึดอัดทั้งมวลที่สะสมปลิวหายไปในทันทีที่ได้เห็นดวงตาคมคู่นั้นส่องประกายวาววับอยู่ตรงหน้า

"เป็นอย่างไรบ้าง"เจ้าคุณไพศาลยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้ามีสีเลือดฝาดของคนบนเตียงเป็นสัญญาณบ่งบอกให้คลายกังวล...หลวงพิสิษฐยังคงนิ่งเงียบเพราะยังไม่รู้สึกตัวเต็มที่ มีเพียงดวงตาคมไล่มองคนข้างเตียงทีละคน...จนมาหยุดที่ผมเป็นคนสุดท้าย...ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อยๆก่อนจะละสายตามาที่เจ้าคุณคนสนิทอีกครั้ง

"ไม่เป็นอะไรแล้วขอรับ"น้ำเสียงของเขาแหบพร่าจนแทบฟังไม่เป็นศัพท์

"ทำเขาตกอกตกใจกันไปหมด"

"กระผมขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงขอรับ"คนตัวสูงพยายามยกมือขึ้นพนมจนเจ้าคุณไพศาลต้องรีบปรามเอาไว้ให้เขานอนนิ่งๆตามเดิม

"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะพ่อ"

"อ้าว! ทำไมไปขอบคุณพระขอบคุณเจ้าล่ะครับ ต้องขอบคุณคุณหมอสิถึงจะถูก"กลายเป็นไอ้แชมป์ที่แหวกบทสนทนาเรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างเพราะความซื่อของมัน มีเพียงเจ้าคุณจิตราที่หันไปถลึงตาใส่จนมันรีบยกมือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน

"ทะลึ่งนักเอ็งนี่ ลามปามถึงพระถึงเจ้า ประเดี๋ยวเถอะเหาจะกินกบาลเอา"คนถูกดุทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อน



"พ่อแก้วฟื้นแล้วจะกลับเรือนได้เมื่อใดเล่าหมอ"เจ้าคุณคนสนิทเงยหน้าขึ้นถามหมอเบ็นที่ยืนอยู่อีกฝั่งของเตียง

"เชิญเจ้าคุณออกไปคุยกันข้างนอกเถิด คุณหลวงเพิ่งฟื้นให้พักผ่อนอีกเสียหน่อยจะดีกว่า"คนถูกถามเพียงถอนหายใจเบาก่อนจะผายมือไปทางประตูบานเดิม

"พักผ่อนเถิดพ่อ วันพรุ่งเราจะมาใหม่"คนบนเตียงยกยิ้มรับก่อนที่เจ้าคุณทั้งสองจะเดินนำออกไปด้านนอกโดยมีไอ้ตัวดีเดินตามหลัง...ส่วนผม ยังคงยืนอ้อยอิ่งมองคนตรงหน้าไม่วางตา ทั้งยังไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกเช่นไร ทั้งดีใจและเป็นห่วงในคราวเดียวกัน...ถึงอย่างนั้นก็ยังคิดว่าควรให้เขาได้พักผ่อนอีกสักหน่อย


หากเพียงแค่หันหลังกลับ มือหนาก็ฉวยเข้าที่ข้อมือของผมจนต้องชะงักฝีเท้า...แรงบีบที่ข้อมือแผ่วเบาราวกับเขาเพียงแตะสัมผัสแล้วออกแรงดึงให้ผมขยับเข้าใกล้...ประตูห้องรักษาถูกปิดลงคงเหลือเพียงผมและคนป่วยอยู่ในห้องตามลำพัง...ผมทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นที่ว่างข้างเตียงพลางพินิจใบหน้าคมที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ อีกทั้งผ้าพันแผลรอบเอวก็มีเลือดซึมออกมาให้เห็น

"เจ็บมากมั้ยครับ"คนถูกถามเพียงแค่ยกมือขึ้นแตะรอยช้ำที่ปลายคางจนผมนิ่วหน้าเพราะความเจ็บแล่นปราดขึ้นมา...มือหนาชะงักเพียงครู่แล้วเลื่อนลงมากุมมือของผมเอาไว้ตามเดิม

"เห็นหน้าพ่อธีร์พี่ก็หายเจ็บแล้ว"ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อยๆแต่สีหน้าของเขายังดูอิดโรยนัก

"เจ็บขนาดนี้ยังพูดเล่นได้อีกนะครับ"ผมดึงมือกลับ ตั้งใจจะให้เขาพักผ่อนต่อเพราะเห็นท่าทางอ่อนเพลียหากแต่เขายังคงขืนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

"อยู่กับพี่อีกสักครู่เถิด"เสียงแหบพร่าเรียกให้ผมอยู่ต่อ...ใบหน้าคมแม้มีสีเลือดฝาดแต่ยังซีดเซียวนัก เช่นเดียวกับมือเย็นชืดที่เกาะกุมอยู่...คนบนเตียงดูไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับเขยื้อนตัวแต่ถึงอย่างนั้นดวงตาคู่สวยก็ยังทอประกายระยับ...แววตาที่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงลมหายใจของคนตรงหน้า

"อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ"คิ้วดกหนาขมวดมุ่นเมื่อได้ยินหากเพียงครู่ก็คลายออก

"แล้วพ่อธีร์จะให้พี่ยอมให้พวกนั้นทำร้ายพ่อหรือ"

"แต่ธีร์เป็นห่วง ถ้าคุณหลวงเป็นอะไรขึ้นมา..."คำพูดของผมขาดหายเมื่อมือหนากระชับแน่นขึ้น ความอุ่นปลาบแผ่ซ่านทั้งที่มือของเขาเย็นเยียบเช่นเดียวกับดวงตาคมที่สะกดให้ผมนิ่งเงียบ

"พี่รู้ว่าพ่อธีร์เป็นห่วง...พี่เองก็เป็นห่วงพ่อไม่น้อยไปกว่ากัน พ่อธีร์ไม่คิดหรือหากพ่อเป็นคนที่นอนอยู่ที่นี่ตอนนี้ พี่จะรู้สึกเช่นไร"เสียงนุ่มทว่าแหบพร่าพยายามเค้นคำพูดยาวเหยียดอย่างยากลำบาก

"พี่ต่างหากที่ต้องบอกพ่อธีร์ว่าอย่าทำเช่นนั้นอีก"สีหน้าไม่พอใจของคนบนเตียงเรียกให้ภาพเหตุการณ์เดิมกลับมาฉายวนอีกครั้ง...ภาพของตัวเองที่พยายามเอาตัวเข้าบังคมมีดวาววับ...สติที่รับรู้เพียงว่าจะไม่ยอมสูญเสียคนตรงหน้าไม่ว่าตัวเองจะเป็นยังไงก็ตาม

"หากมีใครสักคนต้องตาย...ขอให้เป็นพี่เถิด...โอ๊ย!"คนตัวสูงร้องลั่นเมื่อผมยกมือข้างที่ว่างขึ้นปิดปากเขาทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น...มือที่พลาดไปโดนรอยช้ำที่มุมปากจนอีกฝ่ายเผลอส่งเสียงออกมาแทน

"ทำไมชอบพูดแบบนี้ครับ อยากตายมากเหรอไง"ครู่เดียวจากที่เขานิ่วหน้าเพราะความเจ็บกลายเป็นรอยยิ้มมุมปากเมื่อผมละมือออก ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะเบาได้ไม่นานแล้วก็กลับมาขมวดคิ้วแน่นตามเดิมเพราะกระเทือนไปถึงแผลที่เอว

"แล้วพี่ตายหรือไม่เล่า ก็ยังอยู่ดีให้พ่อธีร์บ่นปาวๆเช่นนี้"เพิ่งฟื้นได้ไม่เท่าไหร่ก็ยียวนเหมือนเดิมจนผมได้แต่ส่ายหน้าปลง

"มีแรงเถียงแบบนี้เดี๋ยวก็ลุกขึ้นมาเดินได้แล้วนะครับ"

"ลุกขึ้นมาทำอย่างอื่นก็ได้นะพ่อ"คนบนเตียงส่งสายตาพราวระยับจนผมแทบอยากฟาดพลั่กเข้าให้สักรอบถ้าไม่ติดที่ผ้าพันแผลที่
เอวคอยเตือนสติเอาไว้เลยทำได้แค่แยกเขี้ยวใส่ ส่วนอีกฝ่ายได้แต่ลอยหน้าลอยตาซีดเซียวจนน่าหมั่นไส้


ยังไม่ทันได้เถียงอะไรกันต่อ เจ้าคุณจิตราก็เปิดประตูเข้ามาตามพอดี...ผมกล่าวลาคนป่วยพร้อมกำชับให้เขาพักผ่อน ตั้งใจไว้ว่าวันพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่ ถึงจะถูกยียวนกวนประสาทยังไงก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี เจ้าคุณไพศาลเองก็ยังบอกว่าหมอเบ็นบอกว่าอาการยังไม่น่าวางใจนักเพราะแผลที่ถูกแทงนั้นลึกมากต้องคอยดูกันอย่างใกล้ชิด แต่ถ้าไม่มีปัญหาอะไรพอแผลปิดสนิทดีแล้วถึงจะยอมให้กลับเรือนได้ ตอนนี้ยังต้องให้อยู่ที่เรือนหมอแกไปก่อนเพราะไม่อยากให้แผลกระทบกระเทือน ถึงอย่างนั้นผมก็ยังพอโล่งใจได้บ้างหลังได้เห็นเขาฟื้นขึ้นมา

.

.

.

.

"ผมมีเรื่องอยากขอร้องเจ้าคุณครับ"ผู้อาวุโสทั้งสองหันมามองพร้อมกันหลังกลับมาถึงเรือนได้ไม่นาน วันนี้คุณหญิงสร้อยท่านลงครัวแสดงฝีมือด้วยตัวเอง เจ้าคุณไพศาลจึงอยู่รอร่วมสำรับเย็นเหมือนเช่นเคย

"คือ......"ท่าทีอ้ำอึ้งทำให้เจ้าของเรือนออกอาการหงุดหงิดด้วยว่าท่านเป็นคนตรงไม่ชอบอะไรอ้อมค้อม ส่วนเจ้าคุณผู้มาเยือนเพียงนั่งรอฟังเงียบๆ

"ถ้าคุณหลวงกลับเรือนแล้ว...ผม...ผมขอไปช่วยดูคุณหลวงได้มั้ยครับ"จะว่าเป็นห่วงก็เป็นห่วง แต่อีกใจก็กลัวโดนเจ้าคุณท่านสงสัยเอาถึงได้ออกอาการอึกอักแบบนี้...ผมเหลือบมองเจ้าคุณจิตราที่นั่งขมวดคิ้วแน่นต่างจากอีกคนที่ยังคงนิ่งเงียบไม่แสดงสีหน้าใด

"เอ็งจะไปทำไม ทางโน้นเขาก็มีบ่าวไพร่คอยดูแลไม่ขาด"

"ก็......"จะพูดยังไงดีวะไอ้ธีร์...คิดสิคิด...จะบอกว่าเป็นห่วงก็ไม่ได้ออกนอกหน้าไป...กลัวหลวงพิสิษฐ์ตาย? เดี๋ยวก็ได้โดนถีบลงจากเรือน อยู่ดีๆไปแช่งคนสนิทเขา...แล้วผมจะบอกว่าอะไรดีวะเนี่ย!

"ถ้าพ่อธีร์อยากไปก็ไปเถิด ดีเสียอีกพ่อแก้วจะได้มีเพื่อน ให้นั่งๆนอนๆอยู่แต่ในห้องประเดี๋ยวจะเบื่อเอา"กลายเป็นเสียงสวรรค์จากเจ้าคุณไพศาลที่ทำให้ผมไม่ต้องคิดหาข้ออ้างอะไรต่อ เจ้าคุณท่านเพียงอมยิ้มน้อยๆพลางส่งสายตามีนัยยะมาให้...สายตา...ที่ผมเริ่มรู้สึกว่ามันแปลกไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่ผมกลับบอกไม่ถูกว่ามันหมายความถึงอะไร

"จะไม่เป็นการรบกวนเจ้าคุณหรือ"เจ้าของเรือนยังคงไม่แน่ใจหากแต่อีกฝ่ายเพียงส่ายหน้าเบาๆ

"รบกวนอะไรกันเล่า พ่อธีร์เองก็ไปที่เรือนบ่อย ให้ไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อแก้วสักพักไม่เห็นจะเป็นอะไร"ได้ยินแบบนั้นเจ้าคุณจิตราถึงได้เอาแต่มองหน้าผมสลับกับผู้มาเยือนไปมาอย่างชั่งใจก่อนจะพรูลมหายใจยาว

"เอ้า! เจ้าของเรือนเขาอนุญาตแล้ว ข้าจะไปขัดอะไรได้ เอ็งไปอยู่เรือนโน้นก็อย่าเกียจคร้านหากเจ้าคุณเขามีงานอะไรให้ช่วยได้ก็ช่วย เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่"ผมฉีกยิ้มกว้างรีบรับคำแข็งขัน...แต่คำพูดเจ้าคุณท่านมันทะแม่งๆนะครับ เริ่มไม่แน่ใจว่าผมขอไปดูแลคนป่วยหรือถูกส่งตัวเข้าหอกันแน่วะเนี่ย?!...เหลือบไปเห็นไอ้ตัวดีนั่งปิดปากกลั้นหัวเราะอยู่ไม่ไกล ท่าทางมันน่าถีบพิลึก




"กูนึกว่าพ่อเจ้าสาวอวยพรคืนวันส่งตัวเข้าหอซะอีก"ยังไม่ทันขาดคำ ไอ้ตัวดีก็แกว่งปากแซวตั้งแต่ก้าวขาเข้าห้องนอน ผมเลยจัดการโบกมันไปสักทีให้มันหายคิดถึง

"เชี่ย! เขินแรงตลอด"คนถูกกระทำยกมือขึ้นลูบหัวเกรียนๆของตัวเองพลางบ่นอุบ แล้วผมเขินอะไรวะ...ไม่ได้เขินสักหน่อย ไอ้นี่พูดจาเลอะเทอะ

"แหม่ เป็นห่วงถึงขนาดต้องขอตามไปดูแลที่เรือน นี่ถ้าคุณหลวงหายดีไม่รีบยกขันหมากมาขอมึงเลยเหร๊อ อะไรจะรักกันขนาดน้านนนนน"ผมปล่อยให้แชมป์พล่ามของมันไปตามประสาแล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งขัดสมาธิบนเตียงแทนจนไอ้ตัวดีที่บ่นยาวเหยียดไปเรื่อยหันมามองก่อนจะหุบปากฉับ

"เป็นอะไรอีกวะ"คำถามที่ผมทำได้เพียงถอนหายใจยาว...จะว่าดีใจก็ดีใจอยู่แต่มันกลับมีความรู้สึกแปลกๆซ้อนขึ้นมา...ไอ้ความรู้สึกหน่วงหนึบเหมือนมีใครเอาหินมาวางทับไว้ ถึงได้เห็นเขาลืมตาฟื้นขึ้นต่อหน้าความรู้สึกนี้มันก็ยังไม่หายไป นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเอ่ยปากขอไปดูแลเขาที่เรือนทั้งที่รู้ว่าเจ้าคุณจิตราเองก็คงสงสัยไม่น้อย


ผมเป็นห่วง...ในขณะเดียวกัน...ผมก็กลัว...กลัวอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น


"ธีร์! เป็นอะไรอีกเนี่ย"ผมเพียงไหวไหล่ตอบแชมป์ที่ตอนนี้มานั่งอยู่ข้างๆ เห็นมันขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ




"เออ แล้วเรื่องคนร้าย...มึงเห็นหน้ามันรึเปล่าวะ"


หากแต่ความกังวลเมื่อครู่กลับหายวับเมื่อได้ยินคำถามของมัน ความรู้สึกชาวาบแล่นปราดขึ้นมาแทนที่จนมือไม้เย็นเยียบ...ดวงตาของผมแข็งกร้าวเมื่อสบเข้ากับดวงตาเรียวรีของแชมป์จนมันได้แต่ห่อไหล่ด้วยความตระหนก


"เห็น..."

"ใครวะ...มึงรู้จักเหรอ"คำตอบของผมมีเพียงเสียงแค่นหัวเราะหึในลำคอ...คนๆนั้น...รู้จักเสียยิ่งกว่าอะไร ทั้งที่ตั้งแต่แรกก็ไม่เคยมีความคิดอยากรู้จักด้วยเลยสักนิด


"ใครวะธีร์"ไอ้ตัวดียื่นหน้าเข้ามาถามอย่างกล้าๆกลัวๆเมื่อเห็นว่าผมเงียบไปนาน


"มึงไม่ต้องรู้หรอกว่ามันเป็นใคร......."คนฟังขมวดคิ้วมุ่นตามนิสัยอยากรู้อยากเห็นของมัน





"...แต่กูไม่ปล่อยมันไว้แบบนี้แน่..."




........................................โปรดติดตามตอนต่อไป................................................



พี่แก้วปลอดภัยแล้ว (จริงเร้อออออ :ruready)

ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามกันนะคะ รักผู้อ่านทุกท่านเหมือนเดิม
แต่ตอนหน้าขอเวลานานหน่อยเพราะมีภารกิจค่า
อาจจะกลับมาต่อได้ต้นเดือนหน้าเลย แต่จะพยายามลงให้เร็วกว่านั้น(ถ้าทำได้)

แล้วเจอกันใหม่ค่ะ  :bye2:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
มาม่าต้มเปื่อยรึยังคะ อยากยกลงแล้วต้มน้ำตาลแทนแล้วจ้าาา55555

ขออนุญาตจิ้มก่อนนะคะ ปั่นงานเสร็จแล้วจะมาฟินเจ้าาา ^_^ +ค่า

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รอดูพ่อธีร์จะจัดการยังไง

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ผู้ใหญ่เหมือนจะรู้เลยยย
แต่ธีร์จะโหดละนะมาทำพี่แก้วแบบนี้
ดีใจที่คุณหลวงปลอดภัยค่าาา

ออฟไลน์ Mississippi

  • Don't act like it's a bad thing to fall in love with me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หน่วงอ่ะค่าาาาาาาาาาาาาาา อย่าทำร้ายพี่แก้วกับพ่อธีร์ไปมากกว่านี้เลยยยย ให้เค้ารักกันอย่างแฮปปี้เอนดิ้งเถอะนะเจ้าคะ บ่าวขอร้องงงงงงงงงงง :heaven

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เฮ้อ โชคดีที่ใกล้เรือนหมอนะนั่น
ตอนแรกกลัวมาก เพราะสมัยนั้นเครื่องไม้เครื่องมือไม่ทันสมัย
หากช้าไปนิด มันจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าในยุคปัจจุบันมาก
พี่แก้วนี่ ยังมีแรงมาเล่น จะทำอะไรน้องธีร์ล่ะ ฮุๆๆ
เจ้าคณไพศาลต้องจับความรู้สึกหรือสายตาหรืออะไรก็แล้วแต่ได้แน่เลย
ยังดีที่ไม่กีดกัน แต่ทางเจ้าคุณจิตรานี่สิ ถ้าระแคะระคายขึ้นมา ต้องแย่แน่ๆ
แล้วน้องธีร์หน่วงอะไรอ่า พาเอาคนอ่านเครียดไปด้วยเลย งื้อ

เกือบลืม แม่เดือนจะโดนอะไรมั้ย
แต่อยากให้หลวงเจษฎ์โดนอะไรซะบ้าง
อยากให้คนอื่น หรืออย่างน้อยก็เจ้าคุณทั้งสองรู้ว่าเป็นฝีมือหลวงเจษฎ์อ่ะ
คนเขียนช่วยจัดด้วยนะคะ ฮึ่มๆ

รออ่านต่อนะคะ ทำไมจะหายไปนาน ดิ้นๆๆ
แต่ชอบที่เวลามาต่อทีแต่ละตอนยาวได้ใจ

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
ชลนธีร์นี่สายโหดนะรู้ยัง พวกเอ็งเจอดีแน่!! //ยังไงไม่รู้ ขู่ไว้ก่อน
 :fire:

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เจ้าคุณไพศาลไม่กีดกันสะด้วยยย 
ว่าแต่งพ่อทีหนึบๆอะไรอีกละเนี้ย ไม่ขอมาม่าเเล้วนะคะ
ใจหานยังไงไม่รู้ อยากกินน้ำตาลแล้วค่า 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด