"วันพรุ่งต้องไปที่เรือนโน้นอีกแล้วหรือพ่อ"เจ้าของห้องถามขึ้นหลังได้ยินผมขออนุญาตเจ้าคุณท่านกลับไปที่เรือนเจ้าคุณจิตราเป็นวันที่สองติดๆกันที่โต๊ะอาหาร...เจ้าตัวยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงอ่านหนังสือเล่มหนาเช่นที่เคยทำเหมือนทุกวัน อาการของเขาดีขึ้นมากจนเกือบหายเป็นปกติ ถึงอย่างนั้นทั้งเจ้าคุณไพศาลและป้าชื่นก็ยังคอยห้ามไม่ให้เจ้าตัวลุกเดินไปไหนบ่อยนัก ยิ่งเดินขึ้นลงบันไดแต่ละครั้งเป็นต้องได้ยินเสียงป้าชื่นแกบ่นยาวทุกครั้งไป
"มีธุระกับแชมป์น่ะครับ"ผมอ้อมแอ้มตอบเมื่อนึกถึงเรื่องที่คุยกับแชมป์เมื่อตอนบ่าย...หลังจากให้มันเป็นฝ่ายลงมือคนเดียวมานาน นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้จัดการไอ้หมอนั่นด้วยตัวเองเสียที และตั้งใจไว้ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน เพราะสำหรับผม การตามจองเวรใครสักคนไม่ใช่เรื่องน่าสนุก แม้คนนั้นจะได้ชื่อว่าเป็นคนที่ผมเกลียดนักหนาก็ตาม อีกอย่างตอนนี้ชีวิตของมันก็ปั่นป่วนไม่เป็นท่าหลังจากถูกแชมป์ตามรังควานไม่หยุดหย่อน
"ธุระสำคัญรึ ต้องไปถึงสองวัน"คนถามละสายตาจากตัวหนังสือตรงหน้าเหลือบมองผมที่นั่งท้าวค้างอยู่กับโต๊ะไม้สัก มืออีกข้างหมุนที่ทับกระดาษเล่นโดยไม่ใส่ใจกับมันมากนัก
"ก็...สำคัญครับ"ไม่รู้จะตอบอะไรเลยได้แต่เนียนไปตามน้ำ...เจ้าตัวเพียงขมวดคิ้วมุ่นมองด้วยความสงสัยก่อนจะปิดหนังสือในมือลงแล้วลุกเดินมาหาผมแทน
"ไม่ไปไม่ได้รึ"ผมชะงักมือที่หมุนที่ทับกระดาษเล่นก่อนเหลือบมองเจ้าของร่างสูงที่ตอนนี้พิงตัวลงกับขอบโต๊ะ
"มีอะไรรึเปล่าครับ ปกติเห็นอยากให้ธีร์ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกจะแย่"
"ข้างนอกที่ว่าไม่ได้หมายถึงเรือนโน้นเสียหน่อย"แล้วไอ้สีหน้าไม่สบอารมณ์แบบนี้หมายความว่าอะไรล่ะครับ
"อ้าว แล้วทำไมถึงไม่อยากให้ไปเรือนโน้น"
"กลัวว่าไปแล้วจะไม่อยากกลับมาน่ะซี"คราวนี้ผมหลุดหัวเราะพรืด สงสัยเจ้าตัวคงกลัวว่าหายดีแล้วผมจะรีบเผ่นกลับไปอยู่กับไอ้แชมป์...อันที่จริงผมก็เคยคิดแบบนั้นบ่อยๆ ไม่ใช่ไม่อยากอยู่กับเขาหรอกครับ แต่ผมเกรงใจเจ้าคุณไพศาลท่าน ที่ขอมาก็เพียงแค่มาดูแลคนป่วยชั่วคราวแต่ตอนนี้เขาเองก็แทบหายเป็นปกติแล้ว ผมเลยไม่รู้ว่าจะอยู่ทำอะไรต่อ
เสียงหัวเราะของผมคงเรียกความสงสัยจากเจ้าตัวได้ไม่น้อยเมื่อเขาเอาแต่ยืนขมวดคิ้วมุ่น
"กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง"ผมว่าพลางหมุนที่ทับกระดาษในมือเล่นอีกครั้ง นึกตลกกับคำพูดของเขา หากแต่มือของผมกลับถูกหยุดเอาไว้ด้วยมือหนาที่ยื่นมาสอดประคองข้างใต้ พร้อมกับดวงตาคมที่คราวนี้ดูจริงจังผิดกับเมื่อครู่
"ก็เรื่องของพ่อธีร์ น่ากลัวน้อยเสียที่ไหน"ลมหายใจของผมสะดุดกึกเมื่ออยู่ดีๆน้ำเสียงของเขากลายเป็นเคร่งเครียดไม่แพ้ดวงตาที่จดจ้อง...สายตา...ที่หยุดอยู่บนที่ทับกระดาษในมือ...นั่นทำให้ผมเข้าใจความหมายได้ในทันที
นานเท่าไหร่แล้วที่ผมกลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง...นานเท่าไหร่ที่ผมไม่ได้ยินเสียงเรียกจากโต๊ะตัวนี้ หรือแม้แต่ที่เรือนเจ้าคุณจิตรา...นานเท่าไหร่...ผมเองก็จำไม่ได้...รู้แต่ว่ามันนาน...นานจนผมเกือบลืมไปแล้วเพราะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมากมายในช่วงเวลานั้น เรื่องราวที่ทำให้ผมเป็นกังวลมากกว่าเรื่องสำคัญที่สุดที่ผมควรระลึกถึงตลอดเวลา
"คนทางบ้านพ่อธีร์คงเป็นห่วงพ่อน่าดู"นิ้วเรียวไล้วนอ้อยอิ่งอยู่บนหลังมือของผม เช่นเดียวกับสายตาที่ยังคงจดจ้องอยู่ที่เดิม...คำว่า'คนทางบ้าน'พาลให้ผมนึกไปถึงหน้าของอานิดและอาต้น หลังจากฝันร้ายคราวนั้น ผมก็ไม่เคยฝันถึงอานิดอีกเลย อาจเป็นเพราะทางนี้มีเรื่องให้ผมเป็นกังวลมากจนแทบนอนไม่หลับ แต่ผมไม่เคยลืม...สีหน้าของอานิดในตอนนั้นที่พูดถึงโต๊ะไม้สักโบราณ แววตาแข็งกร้าวจริงจังของแกที่ทำให้ผมนึกกลัว...กลัวว่าวันหนึ่งอานิดจะลุกขึ้นมาทำอย่างที่แกพูดในความฝัน...กลัวว่าโต๊ะตัวนั้นจะหายไป...ที่สำคัญ...ผมกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากอานิดเผาโต๊ะตัวนั้นขึ้นมาจริงๆ...ถ้าเป็นแบบนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของผมกับแชมป์...ผมต้องกลับไป...หรือติดอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต...ผมไม่สามารถรู้ได้เลย
"แล้วถ้าธีร์ต้องกลับไปจริงๆ...คนทางนี้จะเป็นห่วงธีร์บ้างมั้ยครับ"ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ละสายตาจากมือที่ประคองอยู่กลับมาสบตา ดวงตาคมพราวระยับหากแต่ฉายแววหม่นเหมือนทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ พร้อมกับมือหนาที่เอื้อมมาโน้มศีรษะของผมให้อิงเข้ากับตัว
"หากไม่เป็นห่วงพี่จะถามพ่อเช่นนี้รึ"ลมหายใจอุ่นระเรื่อยอยู่ใกล้ๆเมื่อเขาโน้มลงฝังจมูกลงบนเรือนผมยาวละต้นคอของผม
"พี่ขออะไรพ่อธีร์อย่างหนึ่งได้หรือไม่"
"อะไรเหรอครับ"
"ย้ายมาอยู่ที่เรือนนี้เสียด้วยกันกับพี่ได้หรือไม่พ่อ"
คำขอที่ทำเอาผมขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย เพราะหากเป็นเวลาปกติ ผมคงอดยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีไม่ได้...ก็คำขอของเขามันช่างเหมือนกับ
...คำขอแต่งงาน...
หากยังไม่ทันได้ตอบอะไร เจ้าตัวก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน...คำตอบ...ที่ทำให้ลมหายใจของผมสะดุดนิ่ง ไม่ต่างจากดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ...คำตอบที่เฉลยทุกคำถามในใจผมให้กระจ่าง
"จะหาว่าพี่เห็นแก่ตัวพี่ก็ยอม...แต่พี่อยากอยู่กับพ่อธีร์ ในวันที่สิ่งนี้ส่งเสียงเรียกพ่ออีกครา"หลวงพิสิษฐปรายตามองวัตถุในมือก่อนเลื่อนสายตาขึ้นสบกันอีกครั้ง
"แลหากพ่อธีร์บอกพี่คำเดียวว่าไม่อยากไป...พี่จะไม่ยอมปล่อยมือพ่อธีร์เป็นอันขาด"น้ำเสียงเน้นย้ำหนักแน่นจนผมแทบปล่อยวัตถุในมือให้ร่วงไปเสีย ติดที่มือหนาของคนข้างๆยังคงกระชับซ้อนมันเอาไว้...ผมเหลือบตามองคนตัวสูงที่ตอนนี้เอาแต่จดจ้องวัตถุทรงเหลี่ยมในมือ นัยน์ตาคมสั่นระริกของเขายิ่งทำให้ผมหนักใจ
สองครั้งที่ผมเดินทางข้ามเวลาโดยที่ผมไม่สามารถยับยั้งหรือฝืนความต้องการของตัวเองได้...หนึ่งครั้งที่ผมหายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่เขาไม่มีแม้แต่โอกาสได้เอ่ยปากท้วงอะไร
ไม่มี...แม้แต่โอกาสได้บอกลา...
"แล้วถ้า...พี่แก้วไม่สามารถหยุดมันได้ล่ะครับ"
ร่างสูงตรงหน้าทรุดลงนั่งคุกเข่าพร้อมมือหนาที่แตะลงข้างแก้ม ทำให้ผมได้เห็น...ใบหน้าคมเข้มเจือรอยยิ้มปราย และดวงตาคู่สวยที่จดจ้องแม้มันดูหม่นหมองนัก
"หากพี่ไม่สามารถหยุดยั้ง...ก็ขอให้พี่ได้เห็นว่าพ่อธีร์กำลังจากไปที่ใด...ไม่ใช่หายไปโดยที่พี่ไม่รู้ความอันใดเลย"
สิ้นเสียง...ผมเพียงปล่อยวัตถุต้นเหตุในมือแล้วโผเข้าหาร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่ลังเล...น้ำหนักที่โถมทับเรียกให้อีกฝ่ายนิ่วหน้าเพราะความเจ็บแล่นปลาบถึงแผลที่ช่วงเอว...ถึงอย่างนั้นสองมือของเขาก็ยังโอบรอบตัวผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อยไปไหน...มือหนายกขึ้นลูบผมเพียงเบาๆหากแต่รับรู้ได้ว่ามันสั่น...สั่น...จนน่าใจหาย
"พี่แก้ว..."เจ้าของมือชะงักเล็กน้อยราวกับรอฟังคำตอบ...คำตอบที่เบาราวเสียงกระซิบเพราะผมกำลังซบหน้าลงบนไหล่กว้างของเจ้าตัว
"ถ้าวันนั้นมาถึง...อย่าปล่อยมือธีร์นะครับ"...
เหตุการณ์ในวันนั้นยังคงเรียกรอยยิ้มของผมได้ทุกครั้งที่นึกถึง...แม้ไม่ใช่รอยยิ้มที่มาจากความโล่งอกเสียทีเดียว แต่ผมก็ยังยิ้มได้...คำพูดของเขาในวันนั้นเหมือนเครื่องย้ำเตือนให้ผมรับรู้...ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...เขาจะไม่ยอมปล่อยมือจากผม
...หากผมไม่เอ่ยปาก...
ทุกอย่างยังคงผ่านไปด้วยดี...ทั้งเรื่องแผนการที่ออกไปจัดการกับแชมป์ ที่สุดท้ายมันก็เป็นฝ่ายลงมือเองอีกครั้งเพราะความคิดมากเกินเหตุ ถึงผมไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็เลือกที่จะไม่โต้แย้งอะไร เพราะอย่างน้อยผมก็ได้มีส่วนร่วมในแผนการนั้นไม่มากก็น้อย...หรือแม้แต่ความเป็นไปบนเรือนเจ้าคุณไพศาล ที่ดูเป็นปกติจนเหลือเชื่อหลังจากที่ผมมีโอกาสได้คุยกับป้าชื่นในวันนั้น...ท่าทีของเจ้าของเรือนหรือแม้แต่ป้าชื่นที่ยังเอ็นดูผมไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งที่ตัวต้นเหตุเองก็ดูจะเอาอกเอาใจผมจนเกินเหตุอยู่บ่อยครั้ง
และมันคงจะดีกว่านี้...หากไม่มีใครบางคนมาเยือนถึงเรือนเจ้าคุณไพศาลในวันหนึ่ง...ใครบางคนที่ผมไม่รู้จักแต่กลับสามารถทำให้หัวใจที่กำลังลอยละล่องจมดิ่งลงสู่ความมืดได้ในชั่วพริบตา...ใครคนนั้น ที่พูดกับผมเพียงประโยคสั้นๆที่ท่าน้ำใหญ่หน้าเรือน แต่กลับทำให้ทั้งตัวผมชาวาบราวกับคนไร้ความรู้สึก
"ใครมาหาหรือพ่อ"เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามหลังจากที่ผมกลับมาถึงห้องนอน...คำพูดที่ลอยผ่านโสตประสาทแต่กลับไม่รับรู้...รู้เพียงมือของตัวเองที่กำแน่นจนสั่น
"พ่อธีร์..."เจ้าตัวยังถามย้ำเมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบอะไร...ผมเหลือบมองคนที่นั่งพิงหัวเตียงพลางขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย...สีหน้า...ของคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยตั้งแต่แรก ไม่มีแม้แต่ความเป็นกังวล เพียงแค่ถามเพราะความอยากรู้
"พี่แก้ว..."เจ้าของชื่อเพียงเหลือบมอง และตัวผมที่พยายามข่มอารมณ์ทั้งหมดให้เป็นปกติ
...ทั้งที่ข้างในมันเดือดพล่านจนแทบควบคุมไม่อยู่...
"พรุ่งนี้...ธีร์กลับไปนอนที่เรือนโน้นนะครับ"
เพราะคำพูดของใครคนนั้น...ที่ทำให้ผมรู้ว่า...ผมไม่ควรคิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป
'หลวงเจษฎ์ให้มาเรียนคุณว่า เพลานี้เพื่อนของคุณอยู่กับหลวงเธอ...หากอยากพบ ให้คุณไปหาที่ท้ายตลาดคืนวันพรุ่งตาม
ลำพัง...หลวงเธอจะรออยู่ที่นั่น'.......................................โปรดติดตามตอนต่อไป.................................................
Author's Talk :
หายไปสองอาทิตย์...ไม่สบายเจ้าค่ะ เป็นไข้นอนซมต้องให้น้องธีร์มาดูแล (พี่แก้วง้างมือเตรียมตบ)
พอดีขึ้นก็คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาถึงได้มาปั่นให้จบตอน
ตอนนี้อยากให้หวาน...แต่อ่านแล้วมันก็ไม่หวาน

(ทำไมล่ะ นี่เค้าพยายามหวานที่สุดแล้วนะ)
ตอนหน้าจะเป็นยังไง...ติดตามกันด้วยนะเจ้าคะ
รักผู้อ่านทุกท่านเหมือนเดิม...ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
