ตอนที่ 16
“งั้นเดี๋ยวพี่จะอาบให้เอง”
คำพูดอุกอาจเอาแต่ใจมาพร้อมกับปฏิกิริยาอันรวดเร็วจนจงรักตั้งตัวไม่ทัน ตอนนี้แค่พยายามยึดเกาะรอบคอของพี่เมฆเอาไว้เพื่อกันไม่ให้ตัวเองตกลงไปเสียก่อนก็นับว่ายากมากแล้ว หัวใจเต้นเร็วแรงจนคิดว่ามันกำลังจะทะลุออกมานอกอก เมื่อเข้ามาถึงในห้องน้ำ พี่เมฆก็วางจงรักลงใต้ฝักบัวก่อนเดินผละออกไปเปิดไฟแล้วปิดประตูล็อคกลอนเสร็จสรรพ ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อเนื่องในขณะที่จงรักทำได้แค่ยืนทื่ออยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหนหรือทันได้ทำอะไร
หนุ่มหน้าดุกลับมายืนต่อหน้าอีกครั้ง ใต้แสงไฟสีนวลจงรักเห็นริมฝีปากกดยิ้มอย่างมีความหมาย ก่อนเจ้าของรอยยิ้มนั้นจะรุกเข้ามาประชิดจนแผ่นหลังของจงรักแนบสนิทกับผนังห้องน้ำ ความรู้สึกสะเทิ้นอายพุ่งสูงเสียดเพดานกระทั่งไม่อาจทนมองหน้าของคนรักได้อีกต่อไป จำต้องก้มลงมองเท้าของตัวเองเสียคางชิดอก จงรักไม่เคยเห็นพี่เมฆในแบบนี้เลยสักครั้ง มันดูต่างออกไปจนเขากลัว กลัวว่าตัวเองจะละลายเพราะสายตากรุ่นปรารถนากับรอยยิ้มทรงเสน่ห์นี่เสียก่อน
เมฆายกมือข้างหนึ่งยันผนังเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างนั้นค่อยๆเชยคางของจงรักให้เงยขึ้น เมื่อน้องเงยหน้าแล้วเมฆาจึงพบว่าสิ่งที่เขาทำอยู่และกำลังจะทำต่อ ส่งผลให้คนรักตัวเล็กประหม่าแค่ไหน นัยน์ตาคมแขกหลุกหลิกไปมาเหมือนหาทางหนีทีไล่ ทั้งดวงหน้าเล็กลามถึงใบหูและลำคอขึ้นสีแดงก่ำไปหมด ริมฝีปากช้ำนิดๆนั้นเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง เจ้าตัวดีคงจะนึกกลัว หากแต่เมื่อระลึกถึงคำอนุญาตแสนกล้าหาญแล้วเมฆากลับไม่อยากปล่อยน้องไปอีก
“ไหนว่าจะอาบน้ำ ทำไมยืนนิ่งเลย”
“ก็…พี่เมฆ” จงรักหลุดเสียงออกมานิดหน่อยก่อนเม้มปากอีกครั้งเพราะตระหนักได้ว่าสิ่งที่เกือบเผลอพูดออกไปนั้นน่าอายแค่ไหน
“ใช่สิ พี่บอกว่าจะอาบให้เองนี่ อย่างนั้น…เราอาบน้ำกันนะ”
“มะ…ไม่เอาครับ…”
เสียงปฏิเสธของจงรักหายไปเพราะฤทธิ์ของจุมพิตที่ริมฝีปาก ทั้งมัวเมาและอ่อนหวานยากขัดขืน มัวแต่หลงอยู่ในรสจูบเสียจนไม่รู้ตัวว่าท่อนบนที่เปลือยเปล่าอยู่ก่อนแล้วถูกมือหนาลูบไล้ ปลายนิ้วสากบีบขยี้จุดสีเข้มบนหน้าอกไม่เบานัก หากแต่มันกลับโหมกระพือความต้องการให้สูงขึ้นจนน่าใจหาย
“พี่เมฆ...อือ”
เสียงน้องครางเรียกชื่อเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ มือหนาผละจากแผ่นอก ย้ายเลื่อนมาจับที่กระดุมกางเกงแล้วย่อตัวลงนั่งยองๆ เสียงรูดซิปบาดหูจนจงรักเผลอก้มมอง แล้วชั่วพริบตาเดียวกางเกงทำงานขายาวกับชั้นในสีเข้มก็ถูกรูดลงไปกองที่ปลายเท้า
“ช่วยยกขาให้พี่หน่อย” ตาคมปราบปราดมองขึ้นมาปะทะกับตาของจงรักพอดี คนตัวเล็กรีบยกมือปิดหน้าแล้วยกขาให้เมฆาถอดกางเกงได้สะดวกตามต้องการ
นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว!ผลุบ
มีเสียงเสียดสีของผ้าจากนั้นกางเกงของจงรักกับชุดนอนของเมฆาก็ถูกโยนทิ้งไปที่ไหนสักแห่งอย่างไม่ใยดี ร่างสูงลุกขึ้นยืนอีกครั้งแล้วเปิดก๊อกให้น้ำไหลออกจากฝักบัว เมื่อน้ำเย็นๆกระทบผิวคนที่ยืนปิดหน้าอยู่ก็ถึงกับสะดุ้ง ความร้อนในกายถูกทำให้จางลงไปเพียงอึดใจเดียว อยู่ๆร่างใหญ่โตของเมฆาก็ขยับเข้ามาชิด จงรักหันหน้าหนีเข้าหามุมของผนังห้องน้ำโดยสัญชาติญาณ แต่นั่นยิ่งเปิดโอกาสให้เมฆารุกไล่ได้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้น
แม้ยืนอยู่ใต้ละอองฝอยของน้ำเย็นฉ่ำก็ไม่อาจทำให้ร่างกายหนาวสะท้าน ร่างของจงรักถูกโอบกอดจากด้านหลัง พี่เมฆไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ไม่ต้องมองก็รู้สึกได้ เพราะแผ่นอก หน้าท้องตลอดจนส่วนล่างของลำตัวแนบชิดกับพื้นที่ด้านหลังของจงรัก ส่วนมือสองข้างก็โอบมาด้านหน้า ลูบไล้ไปทั่วทั้งแผ่นอก หน้าท้อง และจุดสำคัญที่อยู่ต่ำกว่านั้น ถึงจะงอตัวเบี่ยงหลบก็ยังถูกติดตามราวกับเงา ลาดไหล่ที่ใบหน้าคมซุกซบถูกขบเม้มเบาๆแต่ชวนให้กระแสความรู้สึกในร่างกายยิ่งทวีความปั่นป่วน
“พี่เมฆครับ…รักจะอาบน้ำ” รวบรวมกำลังเพื่อเอ่ยปากออกไปต่อกร หากแต่คำตอบที่ได้ยินกลับทำให้หัวสมองเกือบจะว่างเปล่าขาวโพลน
“งั้นรักก็หันมาสิ พี่จะช่วยถูกสบู่ให้”
ไม่ต้องรอให้หันไปร่างกายที่อ่อนระทวยก็ถูกพลิกกลับไปก่อน สบู่เหลวในมือที่เมฆาเอื้อมไปกดถูกละเลงไปทั่วแทบทุกซอกทุกมุม ฟองสีขาวลื่นยิ่งทำให้มือปลาหมึกเคลื่อนที่ไวจนตามไปหยุดไม่ทัน กระทั่งมือร้ายนั่นเลื่อนไปหยุดที่กึ่งกลางลำตัวของจงรัก เมฆากอบกุมสิ่งนั้นไว้แล้วรูดรั้งขึ้นลง ดวงตาดุเผยแววเจ้าเล่ห์มองคนที่อยู่ในกำมืออย่างหยอกเย้า จงรักตัวสั่นระริกเหมือนลูกนกพลัดรัง มือสองข้างเกาะบ่ากว้างเอาไว้แน่น ส่งเสียงครางครือในลำคออย่างไร้การควบคุม
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่เมฆในยามนี้นั้นแตกต่างไปจากพี่เมฆยามปรกติมากเหลือเกิน ไม่รู้จะต้องรับมืออย่างไร แม้จะยินยอมพร้อมใจด้วยรักและมีฐานะเป็นคนรักกัน หากแต่สองมือที่โอบกอดก็ทำให้รู้สึกเขินจนประเดี๋ยวก็ต่อต้านประเดี๋ยวก็ยินยอม เขาถูกทำให้อายจนสมองเลอะเลือนไปหมดแล้ว ยิ่งยามที่ร่างสูงเคลื่อนตัวลงไปครอบครองสิ่งนั้น หยอกเย้ามันด้วยโพรงปากอุ่นร้อน ความรู้สึกภายในยิ่งปั่นป่วนจนจำต้องกรีดร้องออกมา
“อ้า…พี่เมฆ!”
ร่างกายคล้ายกับไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไป มันทรุดลง เข่าอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง สองมือขยุ้มเส้นผมแอ่นกายสะท้าน เมฆาประคองเอวน้องเอาไว้ก่อนส่งปลายนิ้วชุ่มน้ำลายสอดลึกเข้าไปในช่องทางด้านหลัง ตอนขยับเจ็บหน่วง ยิ่งเพิ่มจำนวนนิ้วก็ยิ่งเจ็บขึ้น แต่เมื่อถูกจุดหนึ่งเข้า ความรู้สึกเจ็บกลับมีส่วนผสมของความวาบหวามเข้ามาด้วย จงรักโดนไล่ต้อนทั้งข้างหน้าข้างหลัง สะโพกบิดไปมาอยู่ไม่สุขจนต้องส่งเสียงครางหวิวผะแผ่ว
“ม..ไม่ไหว…แล้ว..อื้อ”
เมื่อได้ยินเสียงนั้นร่างสูงก็รู้ได้ทันทีว่าจงรักพร้อมแล้ว เขาหยุดสิ่งที่ทำอยู่ ถอนริมฝีปากและนิ้วร้อนออกมา ปล่อยให้ความวูบโหวงเข้าแทนที่ จากนั้นจึงจับร่างเล็กให้พลิกกายหันหลัง จงรักสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสถึงตัวตนร้อนผ่าวของพี่เมฆที่แนบอยู่ตรงสะโพก ร่างทั้งร่างแดงซ่านร้อนรุ่มดั่งคนเป็นไข้ ความรู้สึกแปลกประหลาดแล่นผ่านตั้งแต่งเส้นผมจรดปลายเท้า
“รัก”
เสียงทุ้มต่ำแหบพร่ากระซิบชิดริมใบหู ไม่ต้องเอ่ยอะไรไปมากกว่านั้นจงรักก็รู้ได้ทันทีว่าพี่เมฆเรียกเขาทำไม แล้วร่างกายก็ค่อยๆถูกกดแทรกเข้ามาทีละน้อย ทีละน้อย รู้สึกเจ็บเหมือนบางอย่างกำลังจะฉีกขาด ต้องกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกไป มาถึงขั้นนี้เขาไม่อยากให้พี่เมฆหยุดกลางคัน ดูเหมือนพี่เมฆจะรู้ว่าจงรักทรมาน ร่างสูงจึงโน้มตัวมาพรมจูบซ้ำๆที่หัวไหล่และท้ายทอยให้เขาผ่อนคลายลง
“รัก..ไหวไหม”
“ไหว…ไหวครับ”
แล้วเมฆาก็สอดตัวเข้ามาจนหมด ร่างสองร่างแนบสนิทเหมือนเป็นร่างเดียวกัน
ตอนนั้นเองที่จงรักรู้สึกว่าไม่ใช่แค่หัวใจ แต่ตอนนี้แม้ร่างกายของเขาก็ได้กลายเป็นของพี่เมฆแล้ว มือหนาดันใบหน้าของจงรักให้หันกลับมารับจูบ เป็นจูบที่นุ่มนวลชวนให้เคลิ้มฝัน จากนั้นมันจึงค่อยทวีความดื่มด่ำมากขึ้น อารมณ์ละมุนบางๆแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนเร่า เรียวลิ้นถูกเกี่ยวกระหวัดลึกซึ้ง ก่อนจะค่อยๆขยับกายจังหวะโยกเนิบช้าไม่นานนักถูกเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นจนร่างบางสั่นคลอน จงรักยกมือขึ้นค้ำกับผนังห้องน้ำรับแรงกระทั้นที่ถูกส่งมาไม่หยุดหย่อน ความรู้สึกในตอนแรกนั้นเจ็บเกินบรรยาย หากแต่เมื่อพี่เมฆหาจุดที่ไหวต่อความรู้สึกได้ จงรักกลับหวิวรัญจวนในช่องท้อง เสียวซ่านจนเผลอขยับกายตอบรับ ส่งเสียงครางหวานที่บางครั้งก็ขาดห้วงติดขัดผสานกับเสียงหอบหายใจพร่ำเพรียกชื่อเมฆากระตุ้นอารมณ์วาบหวามให้คนฟังได้ยิ่งนัก
“อื้อ…พี่เมฆ…พ..พี่เมฆ”
“รัก…”
กระทั่งจังหวะสุดท้ายของบทรักมาเยือน แรงปรารถนาลึกซึ้งส่งผลให้อุณหภูมิในห้องน้ำแทบลุกเป็นไฟ ร่างสูงหยัดกายลึกเข้าไปปลดปล่อยหยาดรักจนล้น เช่นเดียวกับคนตัวเล็กที่ได้รับการปรนเปรอจนร่างกายสะท้านเยือก เสียงหวีดร้องสะท้านก้องหอบพัดคลื่นความสุขใส่คนทั้งคู่ เมฆากอดพยุงจงรักเอาไว้แน่นพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังบางก่อนถอนกายออกมา
“หนาวไหม”
“นิดหน่อยครับ”
“ถ้างั้นรีบอาบหน่อยดีกว่า จะได้กลับเข้าห้อง” เมฆาหอมแก้มน้องอย่างรักใคร่ตอนเอ่ยถาม เนื่องจากสังเกตเห็นน้องตัวสั่นน้อยๆอยู่ตลอดเวลา ความจริงแล้วเขาอยากจะ’ทำ’มันอีกครั้งและอีกครั้ง แต่เกรงว่าร่างกายของจงรักคงไม่ไหว แม้จะไม่ได้เลือดตกยางออกเพราะเมฆคอยระวังอยู่ แต่อย่างไรก็ยังถือว่าเป็นครั้งแรกของน้องอยู่ดี
“…ครับ” จงรักอยากประท้วงว่าทำไมไม่รีบอาบเสียแต่ทีแรก หากก็คงไม่ทันเพราะข้าวสารได้กลายเป็นข้าวสุกเสียแล้ว
หลังจากนั้นก็เป็นเมฆาที่อาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวให้จงรักอย่างตั้งใจ ใส่ใจทุกรายละเอียดแม้จะต้องล้วงเอาอะไรๆที่คั่งค้างออกมาให้ก็ยังทำ จงรักเองแม้กระดากในใจแต่ก็ไม่มีแรงขัดขืน เพราะนาทีนี้กระทั่งให้ยืนด้วยสองขาของตัวเองยังยืนไม่อยู่
จนเมื่อชำระล้างร่างกายเสร็จ เมฆาก็ใช้ผ้าขนหนูห่อตัวน้องแล้วอุ้มออกจากห้องน้ำเหมือนเมื่อตอนขามาไม่มีผิด จงรักถูกจับใส่เสื้อยืนตัวโคร่งกับกางเกงนอนขาสั้น ส่วนเมฆาก็สวมกางเกงนอนขายาวตัวเดียว แต่งตัวเรียบร้อยดีแล้วจงรักก็ยังถูกพามานอนแล้วห่มผ้าให้เหมือนเด็กตัวเล็กๆ คนหน้าดุสอดตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกัน ก่อนพลิกกายหันมารวบจงรักเข้าไปกกกอดไว้
ตลอดเวลาสองคนแทบไม่ได้คุยอะไรกันอีก แต่หัวใจของจงรักก็ยังไม่สามารถหยุดเต้นแรงได้เลยจนถึงตอนนี้ ทั้งที่เหนื่อยและเพลียหากก็ข่มตาให้หลับไม่ได้เพราะความสุขที่แผ่ซ่านอยู่ในทุกอณูกาย คนตาโตลืมตามองดูเจ้าของใบหน้าดุที่อยู่ห่างแค่คืบ ก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยไปทั่วทั้งวงหน้าคมนั้นราวกับจะฝังจำ ฝังความทรงจำเหล่านี้เอาไว้ให้มากที่สุด เผื่อว่าวันหนึ่งเขาอาจต้องใช้มันเพื่อระลึกถึงเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้น
เมฆารับรู้ถึงสัมผัสที่ไล้กรอบหน้าของตัวเองจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง มือหนาจับข้อมือของจงรักเอาไว้มั่นก่อนแนบริมฝีปากไปบนฝ่ามือนั้นทั้งที่สายตายังคงจดจ้องเจ้าของมือน้อยอยู่ มองเห็นสายตาหวานที่มีแววสุขทว่าปนโศกอย่างล้ำลึกก็คิดบางอย่างในใจ เขาไม่ใช่ผู้วิเศษ ไม่สามารถอ่านความคิดใครได้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจงรักกำลังคิดอะไร อะไรที่ทำให้แววตาใสคู่นี้โศกสลด แต่สิ่งที่ทำได้คงมีเพียงแค่
“รัก”
“ครับ”
“รัก”
“ครับ” จงรักตอบรับคำเรียกขาน ทว่า…
“รัก…จงรัก” พ่อเคยบอกว่าจงรักเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ตั้งแต่เล็กๆก็ไม่ค่อยร้องไห้งอแงให้พ่อกับแม่เหนื่อยใจนัก แต่จงรักคิดว่าพ่ออาจคิดผิดก็เป็นได้ เพราะตอนนี้แค่คนคนหนึ่งพูดกับจงรักว่า’รัก’ เพียงแค่นี้น้ำตาของจงรักก็ไหลออกมาแล้ว หากน้ำตานั้นก็ไหลมาด้วยความดีใจ หัวใจปริ่มล้นไปด้วยความรู้สึกรักและอิ่มเอมเนื่องจากถูกรัก
“รักก็รักพี่เมฆนะ รักมาก”
“
พี่รู้ ไม่ต้องร้องไห้นะ”
เมฆาดึงจงรักไปกอดจนจมอก ก้มลงจูบหน้าผากและกลุ่มผมนุ่มสีดำสนิทเพื่อปลอบประโลม เขาอยากให้จงรักมั่นใจ ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยรักใคร แต่ตอนนี้คนที่เขารักมีเพียงจงรักเท่านั้น จงรักเองก็ซุกกายเข้าไปใกล้ จมอยู่กับอ้อมกอดอุ่น ดำดิ่งอยู่ในช่วงเวลาที่รอคอยมาตลอดกระทั่งเผลอหลับไป
ชายหนุ่มตัวเล็กขยับตัวไปมาใต้ผ้าห่มผืนหนาอย่างไม่สบายตัวเนื่องจากรู้สึกหนาวจนขาสั่น และเพราะความหนาวเย็นนั้นจึงทำให้ข่มตาหลับต่อไปไม่ได้อีก เปลือกตาสีมุกค่อยๆปรือเปิดขึ้นสู้แสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ้าม่านซึ่งปัดปลิวพเยิบพะยาบ ที่แท้บานกระจกถูกเลื่อนเปิดไว้นี่เองลมหนาวจึงหอบอวลเข้ามาในห้องได้ เหลือบมองข้างกายพบว่าคนรักหน้าดุหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เหลือบมองนาฬิกาปลุกเห็นว่าสายมากแล้วจึงคะเนได้ว่าพี่เมฆคงไปทำงานแล้วเป็นแน่
อดน้อยใจนิดๆไม่ได้ที่ตื่นมาไม่เจออีกคน ทว่าคิดในแง่ดีพี่เมฆอาจจะรีบไปทำงานแล้วไม่อยากปลุกหรือกวนให้เขาตื่นก็ได้ จงรักยิ้มกับตัวเองเนื่องจากฉุดคิดได้ว่าคำรักที่ได้ยินเมื่อคืนมีผลให้เขาเข้าข้างตัวเองขนาดนี้เชียวหรือ เจ้าตัวรีบสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระก่อนจะบิดขี้เกียจนิดหน่อย จากกิจกรรมที่ทำไปเมื่อคืนทำให้จงรักรู้สึกเมื่อยขบไปทั้งตัว แต่โชคดีที่ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหน ถึงแม้จะตื่นสายไปสักหน่อยแต่ก็น่าจะไปที่ร้านได้อยู่
กำลังจะลุกจากที่นอนหูพลันได้ยินเสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยดังอยู่ที่ระเบียง คิดจะส่งเสียงเรียกแต่ฟังดีๆพบว่าพี่เมฆกำลังคุยกับใครสักคนอยู่
“แล้วผมจะโทรหาใหม่นะครับ รักษาสุขภาพด้วยครับ”
แอบมองเห็นความเคลื่อนไหวของคนข้างนอกว่าเขาเคลื่อนตัวเตรียมจะกลับเข้ามาในห้อง จงรักจึงรีบล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมต้องทำพฤติกรรมเช่นนั้น แต่มันก็ช้าเกินกว่าจะหลบเร้นจากสายตาของเมฆาได้ คนตัวสูงมองคนรักตัวเล็กที่ล้มตัวลงนอนคลุมโปงเหมือนเด็กหนีความผิด เขาจึงเอาโทรศัพท์วางไว้เหนือตู้ลิ้นชักแล้วเดินมาหย่อนตัวลงนั่งบนที่นอน
“ตื่นแล้วทำไมไม่ลุก รู้สึกไม่สบายหรือเปล่า” เพราะเสียงที่ถามพร้อมกับฝ่ามืออุ่นที่ลูบผ่านผ้าห่มทำให้จงรักยอมโผล่หน้าออกมาจนได้
“พี่เมฆ…”
“ว่าไงครับ ไม่สบายหรือเปล่า ไหนดูหน่อยตัวร้อนไหม” ว่าพลางคนตัวสูงก็ขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม จงรักก็เลยทำใจกล้าขยับไปหนุนตักแล้วจับมือหนาวางบนหน้าผากของตัวเองเสีย เมฆายิ้มให้ความกล้าหาญเล็กๆนั่นก่อนวัดอุณหภูมิที่หน้าผากและคลำๆตรงซอกคอ “ตัวไม่ร้อน”
“เมื่อยตัวนิดหน่อย คงไม่ป่วยหรอกครับ แต่ไม่อยากอาบน้ำเลย…หนาว” จงรักว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปล้างหน้าแปลงฟัน ลงไปกินข้าวเช้ากัน สายมากแล้ว เดี๋ยวพี่จะหายาคลายกล้ามเนื้อกับยาแก้อักเสบในตู้ยาให้”
“ครับ” จงรักรับคำง่ายๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินโขยกเขยกเข้าห้องน้ำไป
ตอนที่เข้าไปอาบน้ำจงรักเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนตัวเองหุงข้าวแล้วก็ทำไข่น้ำเอาไว้ ตั้งใจขึ้นมาตามพี่เมฆไปกินข้าวด้วยกันแต่ก็ลืมไปสนิท ไม่รู้ป่านไข่น้ำที่เขาทำไว้จะเสียหรือเปล่า ไม่ได้เอาเข้าตู้เย็นไว้เสียด้วย จงรักจึงรีบอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วลงไปดูผลงานที่ถูกทิ้งของตัวเอง
เข้าครัวได้ครู่เดียวก็เห็นพี่เมฆหิ้วถุงข้าวต้มปลาหน้าปากซอยเข้ามาในครัวพอดี ถามดูเจ้าตัวก็บอกว่าออกไปซื้อตอนที่เขากำลังล้างหน้าอยู่ เนื่องจากจำได้ว่าที่บ้านไม่มีอะไรที่พอจะทำเป็นอาหารเช้าได้ จงรักเดินไปชิมไข่น้ำสรุปว่าไม่ได้เสียอย่างที่คิด คาดว่าเป็นเพราะอากาศเย็นอาหารที่วางทิ้งไว้ข้างนอกจึงไม่เสียง่ายๆ หนุ่มตัวเล็กยกหม้อไปตั้งเตาอุ่นตั้งใจว่าเอาไว้กินเป็นมื้อกลางวันจะได้ไม่เสียของ อุ่นไข่น้ำเสร็จก็เปิดตู้หยิบเอาชามสองใบกับช้อนสองคันมาที่โต๊ะกินข้าวแล้วจัดการแกะข้าวต้มปลาที่พี่เมฆซื้อมา
คนหน้าดุเองก็ไม่ได้นั่งว่างๆ เขาลุกขึ้นเทน้ำใส่แก้วแล้วออกไปหยิบยามาให้น้องกินก่อนอาหาร พอจงรักกินยาแล้วทั้งคู่จึงเริ่มลงมือจัดการมื้อเช้า
“วันนี้พี่เมฆไม่ไปทำงานเหรอครับ”
“พี่ลาน่ะ”
“ทำไมล่ะครับ เห็นว่าช่วงนี้ที่ออฟฟิศยุ่งๆไม่ใช่เหรอ”
“ก็ยุ่ง แต่ลาอยู่กับเราวันนึงไม่เป็นไรหรอก” เมฆไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ ขาดงานวันเดียวแลกกับการได้อยู่ดูให้แน่ใจว่าจงรักไม่ได้เป็นอะไรแค่นี้ถือว่าเรื่องเล็กนัก
“ผมทำให้พี่เสียงาน ไม่ดีเลย” ข้าวต้มปลาฝืดคอขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าพี่เมฆต้องขาดงานเพราะตัวเอง
“อย่าคิดอย่างนั้น พี่เองก็ทำให้รักเสียงานเหมือนกัน ให้พี่ได้หยุดดูแลเรา ดูว่าเราโอเค ไม่ได้ไม่สบายตรงไหนแบบนี้ดีแล้ว ดีกว่าให้ไปนั่งทำงานแล้วพะวงถึงคนที่หลับปุ๋ยอยู่บนที่นอน นี่โชคดีว่าเราไม่ได้ป่วย เมื่อคืนอาบน้ำนาน แถมยังทำกันในห้องน้ำอีก”
“ผะ…ผมแข็งแรงไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกครับ” จงรักว่าทั้งที่แก้มสองข้างเริ่มแดงปลั่ง ดีใจที่พี่เมฆเป็นห่วง แต่อดรู้สึกเขินไม่ได้ ก็พี่เมฆเล่นพูดเรื่องนั้นออกมาโต้งๆ เป็นใครก็ต้องอายทั้งนั้นแหละ
“แข็งแรงก็ดีแล้ว คราวหลังพี่จะได้ไม่ต้องออมมือ” เมฆาเอ่ยประโยคนั้นออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มแบบที่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเมื่อคืน ส่งผลให้จงรักรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้ายิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
“พี่เมฆ!”
“หึ” นอกจากจะไม่สะทกสะท้านแล้วยังยิ้มกว้างมากกว่าเก่า จงรักอ้าปากพะงาบๆแต่พูดไม่ออก จึงได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มของตัวเองให้หมดโดยไว
หลังอาหารมื้อนี้เมฆาเป็นคนอาสาล้างจานเองเพราะไม่อยากเอาเปรียบน้องมากเกินไปนัก แม้ว่าเจ้าตัวจะเต็มใจก็ตามที จงรักจึงเดินออกไปที่สวนข้างบ้าน ตอนนี้สายมากแล้วจึงไม่ควรรดน้ำต้นไม้อีก มองต้นไม้ที่ซื้อมาปลูกเมื่อหกเดือนก่อนงอกงามแล้วก็อดภูมิใจไม่ได้ จงรักหมายมั่นปั้นมือว่าไหนๆวันนี้ก็เกเรไม่ยอมไปทำงาน ถ้าอย่างนั้นชวนพี่เมฆออกไปหาต้นไม้มาปลูกในสวนอีกสักต้นสองต้นคงจะดี
แต่ก่อนหน้านั้นระหว่างรอให้เจ้าบ้านล้างถ้วยจาน นักจัดสวนมือวางอันดับหนึ่งก็โดดแผ้วลงไปนั่งถอนวัชพืชที่ขึ้นอยู่ข้างๆอ่างน้ำผุด แม้จะรู้สึกขัดยอกที่สะโพกแต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนัก ทำนู้นทำนี่เพลินพอรู้ตัวอีกทีพ่อหนุ่มหน้าดุก็เดินมาหยุดอยู่ข้างหลังพร้อมทั้งฉุดแขนให้จงรักลุกขึ้น ก่อนจะบ่นออกมา
“มานั่งถอนหญ้าอะไรตอนนี้ สายมากแล้ว แดดก็ร้อน เดี๋ยวไม่สบายจะหาว่าพี่ไม่เตือน”
จงรักไม่ได้พูดแย้งอะไร ปล่อยให้ตัวเองถูกพาไปล้างไม้ล้างมือจากนั้นก็ถูกพาตัวเข้าบ้าน เมฆาเอากระดาษทิชชู่ซับเหงื่อให้น้องปากก็บ่นไปด้วย หากแต่จงรักกลับยิ้มแป้นใส่หน้าบอกบุญไม่รับของคนหน้าดุเสียเฉย
“ที่พูดเนี่ยฟังบ้างหรือเปล่า เอาแต่ยิ้มอะไรหืม”
“ฟังสิครับ แต่ที่ยิ้มเพราะผมแค่ดีใจที่พี่เป็นห่วง”
"หึ” เมฆายิ้มออกมาได้ในที่สุดเมื่อฟังที่จงรักบอก เช็ดเหงื่อให้เสร็จจงรักจึงเอ่ยปากชวนเมฆไปเดินซื้อต้นไม้ แต่คนหน้าดุกลับขอเลื่อนออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่าอยากไปซื้อของเข้าบ้านมากกว่า จงรักเห็นว่าของใช้รวมถึงอาหารสดหมดหลายอย่างจึงตอบตกลง
“เดี๋ยววันอาทิตย์เราค่อยไปเดินจัตุจักรกัน” เมฆายื่นข้อเสนอ
“ครับ” จงรักพยักหน้ารับ จากนั้นทั้งสองคนจึงขึ้นไปเปลี่ยนชุดบนห้อง แล้วพากันออกไปซื้อของนอกบ้าน
เมฆาพาจงรักไปเดินห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก เนื่องจากเป็นช่วงสายของวันธรรมดาจำนวนลูกค้าที่มาเดินจึงไม่เยอะมากเท่าไหร่ ทั้งคู่ลงไปเดินในส่วนของซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อของใช้จำเป็นและของสดที่สามารถใช้ทำอาหารได้จนถึงวันอาทิตย์ ก่อนพากันกลับบ้านทั้งคู่แวะร้านอาหารตามสั่ง ซื้ออาหารสำเร็จรูปสำหรับมื้อกลางวันเข้าไปเลยเพื่อทุ่นแรงไม่ต้องมานั่งทำให้เหนื่อยอีก
กว่าจะกลับมาทานกลางวันที่บ้านก็ล่วงไปบ่ายโมง กินเสร็จมีโทรศัพท์จากไซด์งานเข้ามาเมฆาเลยเลี่ยงออกไปคุยงานอยู่เป็นนาน จงรักเก็บโต๊ะเรียบร้อยไม่มีอะไรทำจึงโทรเข้าหาพี่มิ้นที่ร้านบ้าง สั่งงานสองสามอย่างทั้งยังสัญญาว่าพรุ่งนี้จะเข้าร้านจึงวางสาย มองนาฬิกาแล้วคิดว่ายังเหลือเวลาอีกครึ่งวันก่อนกลับคอนโด ตั้งใจว่าหากพี่เมฆคุยงานเสร็จจะชวนดูซีรี่ส์ที่เคยดูค้างไว้
จงรักเดินไปที่หน้าทีวี มองหารีโมตก่อนเห็นว่ามันวางอยู่ชั้นบนของตู้ใส่แผ่นหนัง ด้วยความเป็นคนตัวเล็กเจ้าตัวจึงเขย่งเท้าขึ้นน้อยๆให้หยิบถึง ระหว่างที่หยิบได้แล้วเตรียมตัวจะหันกลับมาวงแขนปริศนาก็โอบรัดรอบเอว จงรักสะดุ้งตกใจแล้วหันหน้ากลับมาพบว่าพ่อหนุ่มหน้าดุวางคางเกยกับไหล่ตนอย่างถือสิทธิ์
“ทำอะไรอยู่” เสียงทุ้มเอ่ยถาม
“หยิบรีโมตครับ ว่าจะดูทีวี พี่เมฆคุยงานเสร็จแล้วเหรอครับ”
“อืม เสร็จแล้ว” เมฆาตอบแค่นั้นแล้วก็เงียบ ใช้สายตาคมดุจ้องมองจงรักจนเจ้าตัวทำตัวไม่ถูก
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ความจริงก็…ก็มี” พูดแบบตะกุกตะกักอย่างที่ไม่เคยเป็นบ่อยนักทำให้จงรักสงสัย
“มีอะไรครับ” จงรักถามซื่อๆ พอเห็นน้องรอคอยอย่างใจเย็นสุดท้ายเมฆาจึงเอ่ยออกมา
“
มาอยู่ด้วยกันไหม”
“ห๊ะ! อะไรนะครับ” จงรักถามอีกครั้งอย่างไม่ค่อยเชื่อหูเท่าไรนัก ตกใจที่ได้ยินจนปล่อยรีโมตทีวีหล่นจากมือ
“
มาอยู่กับพี่ไหม อยู่ด้วยกันที่นี่”
จงรักรู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ทบทวนสิ่งที่ได้ยินสองครั้งดูแล้วคิดว่าคงฟังไม่ผิด อ้อมกอดอุ่นๆที่โอบรอบกายเอาไว้ช่วยยืนยันว่าไม่ได้ฝันไป แม้ยังไม่ให้คำตอบแต่เจ้าตัวก็ยิ้มนำหน้ามาก่อนแล้ว เมฆาเห็นน้องยืนนิ่งเอาแต่ยิ้มแล้วไม่ยอมตอบจึงยื่นข้อเสนอ
“พี่โทรไปขอพ่อรัญแล้วเมื่อเช้า พ่อบอกว่าไม่ว่าอะไรถ้ารักตกลง เพราะฉะนั้นก็แล้วแต่เรา ค่อยๆคิดก็ได้ ไม่ต้องตอบตอนนี้หรอก พี่รอได้”
“อยู่ครับ” ทว่าเมื่อได้ยินประโยคนี้ของเมฆาจงรักก็ได้สติ ขยับพลิกตัวกลับมาหาแล้วตอบรับทันที
“หืม?” คราวนี้เป็นเมฆาที่ต้องขอฟังอีกรอบ
“รักจะอยู่กับพี่เมฆ”“งั้นก็นอนที่นี่ตั้งแต่วันนี้ วันเสาร์ค่อยไปเก็บของที่คอนโด โอเคไหม”
“โอเคครับ” จงรักพยักหน้ารับโดยไม่คิดโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น
“อยู่ด้วยกันแล้ว มีอะไรไม่สบายใจก็บอก สงสัยอะไรให้ถาม”
“ครับ”
“แล้วอยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่า”
“อืม…” จงรักกรอกตามองไปรอบๆ ก่อนกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้งแล้วบอกด้วยท่าทางทะเล้นๆ “อยากได้รีโมตใหม่ครับ” ก็รีโมตเจ้ากรรมดันเผลอทำหลุดมือจนฝาหลังแตกกระจายน่ะสิ ไม่รู้ว่าจะยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า ได้ยินดังนั้นเมฆาก็โน้มตัวเข้าไปจูบปากที่กำลังยิ้มแป้นนั่นแรงๆแล้วว่า
“ไม่ต้องซื้อใหม่หรอก เดี๋ยวพี่ซ่อมให้”
<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>
พายุในสนามสอบผ่านพ้นไป ก็หันหน้ากลับมาปั่นนิยายต่อ
ตอนนี้ยากมาก ยากที่สุดเท่าที่แต่งมา
ไม่ค่อยถนัดฉากอะไรแบบนี้เลยจริงๆ
แต่ก็ตั้งใจสุดๆแล้วนะคะ ยังไงก็ติติงเข้ามาได้เลยน้า
ตอนนี้สองพระนายก็รักกันหวานแหววตามท้องเรื่อง
ส่วนมรสุมพิสูจน์รักนั้นอาจจะพัดเข้ามาปกคลุมเหนือน่านฟ้าเร็วๆนี้(สปอย55555)
เอาเป็นว่ารอติดตามกันต่อไปนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ดีใจที่มีคนชอบ มันทำให้เรามีกำลังใจในการแต่งมากๆ
ยังไงก็เจอกันตอนหน้าค่ะ
pungjungza
[03/02/2558 ,23:10]