ตรงนั้นคือหน้าที่ ตรงนี้คือหัวใจ บทส่งท้าย จบแล้วค่ะ หน้า 12 อัพเดต 9/8/2558
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ตรงนั้นคือหน้าที่ ตรงนี้คือหัวใจ บทส่งท้าย จบแล้วค่ะ หน้า 12 อัพเดต 9/8/2558  (อ่าน 94646 ครั้ง)

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
เพิ่งได้ลองอ่านเรื่องนี้  สนุกค่ะ  สำนวนอ่านแล้วลื่นไหลดี 

ขอบคุณค่ะที่เขียนนิยาย สนุก ๆ มาให้ได้อ่าน  เป็นกำลังใจให้จ้า

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
สนุกค่ะ  o13

ขอบคุณนักเขียน สู้นะคะ เราเป็นกำลังใจให้

รออ่านต่อไป

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
24. ความเข้าใจ


“พีท  เป็นยังไงบ้างลูก”  เสียงอ่อนโยนของพ่อเรียกเมื่อเห็นพีทลืมตาขึ้นช้า ๆ

“พ่อ  คุณโรส”  พีทเรียกด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน  เขาโล่งใจเมื่อเห็นใบหน้าของพ่อและคุณโรส 

‘นี่เขาไม่ได้ฝันใช่ไหม  พ่อกับคุณโรสอยู่ตรงนี้  เขาปลอดภัยแล้วใช่ไหม’


อ้อมแขนอบอุ่นของพ่อสวมกอดเขาไว้แน่น   คริสได้รับข่าวทันทีที่ลงจากเครื่องบินส่วนตัวว่าลูกชายถูกลักพาตัว โชคดีที่ฮั่นตามไปช่วยไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ให้อภัยตัวเอง 

นานทีเดียวกว่าพ่อลูกจะคลายอ้อมกอด  จากนั้นคุณโรสจึงเข้ามากอดเขาไว้บ้าง

“ไม่เป็นไรแล้วนะจ๊ะ”  คุณโรสเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน  มือบางลูบศีรษะเขานุ่มนวลเต็มไปด้วยความรักเช่นกัน

‘เขาอยู่ในห้องพักผู้ป่วย นี่เขาปลอดภัยแล้ว เขาจำได้ว่าเขาถูกบังคับให้กินยา แล้ว...แล้ว  เกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง’ 

คำถามมากมายมารออยู่  พีทสบตากับพ่อ ...แต่

“พีทพักผ่อนเถอะนะ  พ่อไม่ยังไม่อยากให้ลูกคิดอะไรตอนนี้  หมอบอกว่าลูกต้องพักผ่อนมาก ๆ  เราค่อยคุยกันทีหลังนะลูก” 

แท้จริงแล้วคุณคริสไม่กล้าคุยเรื่องนี้ต่างหาก เขารู้สึกผิดต่อลูกชาย เพราะเขาเป็นต้นเหตุทำให้พีทต้องตกอยู่ในอันตราย  พีทไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้ ให้เขาเจ็บแทนซะดีกว่า

พีทกลืนคำถามเหล่านั้นลงไปเมื่อเห็นหน้าพ่อ  พยายามฝืนยิ้มเพื่อให้ท่านเห็นว่าเขาไม่เป็นไร  แม้ว่าจะยังเจ็บแก้มซีกซ้ายทั้งแถบ

“พีทไม่เป็นไรแล้ว  พ่อไม่ต้องห่วง” เอ่ยพลางยิ้มกว้างขึ้น 

ทั้งสามคนใช้เวลาคืนนั้นด้วยกันในห้องพักผู้ป่วย   พ่อและคุณโรสไม่พูดถึงใครอีกคนราวกับว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีเขาอยู่ 

พีทไม่รู้จะถามพ่ออย่างไร  เขาอยากรู้ว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร  ใครไปช่วยเขาออกมาจากโรงแรมนั่น  แล้วพี่ฮั่นอยู่ที่ไหน  ทำไมพี่ฮั่นไม่มา  หรือพี่ฮั่นยังโกรธเขาอยู่  คำถามวนเวียนอยู่ในหัวเขาตลอดคืน

----------------------------



ประตูห้องพักผู้ป่วยเปิดออกอย่างเงียบเชียบ  ก่อนจะปิดลงอีกครั้งอย่างแผ่วเบาเพราะไม่ต้องการรบกวนคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้  ขายาวก้าวไปบนพรมอย่างเชื่องช้าเหมือนลังเล  ผิดกับใจที่ร้อนรุ่ม  กว่าจะกลับไปสะสางเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยก็ล่วงเลยเวลามานานจนใกล้รุ่ง  แต่เขาทนรอให้เช้าไม่ไหวเหมือนกัน  เขาอยากมาดูด้วยตาตัวเองว่าพีทปลอดภัยแล้ว

ระยะทางสั้น ๆ แต่กลับรู้สึกเหมือนแสนไกล  เมื่อเดินเข้าไปใกล้เตียงคนป่วยทีละก้าว  พีทนอนนิ่งใบหน้าตะแคงไปอีกด้าน  ภายนอกดูปกติไม่มีบาดแผลอะไร  เขาก้มมองคนที่นอนอยู่ด้วยสายตารู้สึกผิด  เพราะเขาทิ้งน้องไปวันนั้นทำให้พวกมันจับตัวไป  ถ้าเขายังอยู่น้องคงไม่ต้องเจ็บตัวอย่างนี้  ต้องขบฟันแน่นเพื่อข่มใจเมื่อนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้น
 
‘โชคดีที่ไปทันเวลา’ 

แสงไฟอ่อนจากโคมไฟข้างเตียงทำให้เห็นใบหน้าเรียวที่นอนตะแคง ยังมีรอยแดงเหลืออยู่จาง ๆ 

‘พวกมันทำรุนแรงขนาดนี้’

มือเขาสั่นเมื่อใช้นิ้วไล้ไปที่แก้มอย่างเบามือ  ทันทีที่มือสัมผัส   พีทก็ลืมตาขึ้นเหมือนคนยังไม่หลับ   

ฮั่นชะงัก...หยุดนิ่ง

เมื่อตาสบตากัน  ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่ผ่านมาเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น เหมือนเวลาสิบปีที่เต็มไปด้วยความโกรธ  การรอคอยของเขามลายไป เรื่องที่พวกเขาทะเลาะกันเป็นเพียงแค่ฝันร้าย

“พี่ฮั่น”  พีทลุกขึ้นโผเข้ากอดพี่ฮั่นเต็มแรง

‘นี่เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม นี่พี่ฮั่นตัวจริงใช่ไหม’

เขาเพิ่งรู้ว่าเขาคิดถึงพี่ชายคนนี้มากขนาดไหน  ช่วงเวลาแค่ไม่กี่วันที่พี่ฮั่นหายไป  ช่วงเวลาที่เขาตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงที่สุดเขานึกถึงแต่พี่ฮั่น  เขามีเรื่องจะพูดมากมายเหลือเกิน 

“พี่ฮั่น  พีท  พีทขอโทษ  ขอโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา  เรื่องที่โกรธพี่   พูดจาไม่ดีกับพี่......”  เขาพูดต่อไม่ได้  ไม่รู้จะพูดยังไงดี  เขาทำไม่ดีตั้งหลายเรื่อง ไม่รู้พี่ฮั่นจะยกโทษให้ไหม  ความรู้สึกผิดมากมายท่วมจิตใจ  น้ำตากลบตาอย่างรวดเร็ว

“พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษพีท พี่ไม่น่าทิ้งพีทไปทำให้พีทต้องถูกพวกมันทำร้ายขนาดนี้” 

แขนแข็งแรงนั้นกอดตอบแน่นเช่นกัน  เสียงพี่ฮั่นสะท้อนอยู่ข้างหูอย่างอ่อนโยน  มือใหญ่ลูบผมเขา  ปลอบเขาเหมือนเมื่อตอนเด็กเวลาเขาร้องไห้   

พีทผละแขนออก
 
“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ  พี่ต่างหากที่เป็นฝ่ายที่เจ็บปวดกว่าผม  ผมเลิกโกรธที่พี่จากไปแล้ว  แต่ผมโกรธที่พี่ไม่กลับมา  ผมรอพี่กลับมาแต่พี่ไม่กลับมาเลย  ฮึก ๆ  ผม...” 

คนพูดเริ่มร้องไห้หนัก สะอึกสะอื้นจนตัวโยน  พีทเอามือปาดน้ำตา  พยายามจะพูดต่อ  เขาต้องอธิบาย  เขาเข้าใจแล้วว่าพี่ฮั่นต้องเผชิญเรื่องร้ายแรงอะไรบ้าง  ที่ผ่านมาเขาคิดถึงแต่ตัวเองจนลืมนึกถึงใจพี่ฮั่น 

“ไม่เป็นไร พีท พี่ไม่เป็นไร  ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”  มือใหญ่ประคองหน้าเขาไว้  พี่ฮั่นสบตาแล้วเอ่ยประโยคนั้นช้า ๆ  พร้อมกับยิ้ม...ยิ้มที่อ่อนโยนที่สุด

“เราดีกันนะ”   

ฮั่นพูดประโยคที่คุ้นเคย  เมื่อก่อนพวกเขาพูดแบบนี้ด้วยกันเสมอเวลาต้องการขอคืนดีกัน   

พีทโผเข้ากอดพี่ชายไว้อีกครั้งแทนคำตอบ 

‘ไม่อีกแล้ว  เขาจะไม่โกรธพี่ฮั่นอีกและจะไม่ปล่อยให้พี่ฮั่นไปไหนอีกแล้ว’ 

ฮั่นเซนิด ๆ เมื่อพีทกอดเขาไว้เต็มแรง   แขนเข็งแรงกอดตอบแน่นเช่นกัน   เขารู้สึกโล่งอก  ความรู้สึกมากมายที่เขาต้องแบกรับมานานหายไปในพริบตา  เพียงแค่ได้กอดน้องไว้

พีทซุกหน้าที่ไหล่หนาของพี่ชาย  เพียงเท่านี้  สิ่งที่เขาต้องการมาตลอดอยู่ในอ้อมแขนเขาแล้ว   พีทคิดอะไรไม่ออกอีก  เขารู้แค่ว่าเขาได้พี่ชายกลับคืนมา

นานทีเดียวกว่าทั้งคู่จะผละจากกัน  พีทเขินนิด ๆ เมื่อนึกได้ว่าตัวเองร้องไห้หนักขนาดไหน   

‘นี่เขาอายุยี่สิบแล้วนะ  มาร้องไห้เป็นเด็ก ๆ ได้ไง’   เขาเหลือบตามองพี่ฮั่น  ‘อ๊ะ  พี่ฮั่นก็ร้องไห้เหมือนกัน’ 

ดวงตาชั้นเดียวของพี่ฮั่นแดงก่ำ มือใหญ่นั้นลูบท้ายทอยของตัวเองไปมา ยิ้มเขินก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง   ถามอย่างห่วงใย

“พีทเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า”

พี่ฮั่นถามแล้วก็นิ่งไปเมื่อเห็นข้อมือที่พันผ้าพันแผลไว้จนรอบทั้งสองข้าง   พี่ชายเอื้อมมือมาจับข้อมือเขาไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมอง  พีทที่มองอยู่ยิ้มให้อย่างปลอบใจเพราะดวงตาพี่ฮั่นที่เงยขึ้นสบ  มีน้ำตาคลอหน่วย 

“ไม่เจ็บเท่าไรหรอกครับ  แค่นี้เองสบายมาก  ดูสิคนป่วยต้องมาปลอบคนเยี่ยมไข้”  เขาพูดแล้วเอื้อมมือมาปาดน้ำตาที่กำลังจะหยดของพี่ชาย

“มานี่สิพี่” 

ฮั่นลุกขึ้นด้วยความงุนงง  หลังคำพูดนั้นพีทก็โอบพี่ชายไว้ทั้งตัว เขาปล่อยตัวเองให้ซบอยู่กับไหล่ที่กว้างไม่แพ้กันของน้องชาย  มือพีทยกขึ้นลูบหลังเขาเหมือนที่เขาเคยทำเวลาเขาปลอบใจพีทตอนเด็ก ๆ

“ที่ผ่านมา  พี่ปกป้องดูแลผมมาตลอด  ต่อจากนี้ไปขอให้ผมได้ตอบแทนพี่บ้างนะ”

“ได้ไง  นั่นมันหน้าที่พี่ตะหาก”  เสียงอู้อี้ของพี่ชายตอบกลับมา  เขาพูดทั้งที่ยังวางคางอยู่ที่ไหล่น้อง

“โห  พี่ที่ไหนขี้แยขนาดนี้ ร้องไห้ยังกะเขื่อนแตก”

คนน้องแซวทำให้ฮั่นรีบผละออก  แต่เมื่อมองเห็นหน้าน้อง  น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลอีกครั้ง  เพราะใบหน้าพีทก็เปียกน้ำตาไม่ต่างจากเขา 

คนทั้งสองสบตาที่มีน้ำตาคลอของอีกฝ่าย  มือของทั้งคู่ยกขึ้นพร้อมกัน  ต่างฝ่ายต่างยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้คนตรงหน้า
รอยยิ้มทั้งคู่สว่างไสวเมื่อสวมกอดกันไว้อีกครั้ง




เช้าวันถัดมา คุณคริสและคุณโรสที่เดินออกจากห้องพักรับรองที่อยู่ด้านในห้องผู้ป่วยก็ต้องแปลกใจ  เมื่อเห็นพีทหลับบนเตียง  ข้างกันนั้น ‘พี่ชาย’ นั่งเก้าอี้ข้างเตียงซบใบหน้าบนเตียงคนป่วย

ทั้งคู่หลับสนิท

--------------------------------



ขอบคุณ  insomniac,  titansyui, Spelling_B, Onlymin  ที่ติดตามอ่านและให้กำลังใจนะคะ

 :mew1: :mew1: :mew1:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-08-2014 21:59:47 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
25. กลับมาเป็นเหมือนเดิม



เกือบเที่ยงแล้วเมื่อพีทรู้สึกตัวตื่น  เขาหันไปมองข้างเตียงตรงที่พี่ฮั่นนั่งอยู่เมื่อคืนทันที   

พี่ฮั่นไม่อยู่!!

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอจ๊ะน้องพีท”

คุณโรสเดินยิ้มสดใสเข้ามาในห้องผู้ป่วย  ในมือเธอมีลิลลี่ช่อใหญ่  คุณโรสเดินเอาแจกันดอกไม้มาตั้งข้างเตียงแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“คุณพ่อกับพี่ฮั่นไปทำงานแล้วล่ะ” 

“คุณโรส....”  พีทกลับพูดไม่ออก
 
‘คุณโรส  แม่ของพี่ฮั่น’

“พีทขอโทษครับคุณโรส  สำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา  ที่พีทโกรธพี่ฮั่น  ทำตัวไม่ดีกับพี่ฮั่น  ทั้งที่คุณโรสกับพี่ฮั่นไม่เคยโกรธพีทเลย  ทั้งที่คุณโรสยอมอยู่ที่นี่เพื่อดูแลคุณพ่อกับพีท  ทำให้พี่ฮั่นต้องอยู่คนเดียว.....”

คุณโรสเข้ามากอดเขาไว้แน่น  มือบอบบางของเธอลูบผมพีทอย่างอ่อนโยน  เมื่อคุณโรสคลายอ้อมแขนออกแล้วมองหน้า ‘ลูกชายอีกคน’ ของเธอ  พีทน้ำตาคลอ

“น้าไม่เคยโกรธพีทหรอกลูก  พีทก็เหมือนลูกชายน้าคนหนึ่งเหมือนกัน  แล้วพีทก็เป็นน้องพี่ฮั่น  พี่เขาไม่เคยโกรธน้องชายตัวเองหรอกนะ”

คุณโรสบอกพร้อมกับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน   ยิ้มที่เหมือนลูกชายของเธอ

---------------------------------------



โรสแยกออกไปเตรียมอาหารกลางวัน  แต่ก็ลอบมองไปยังหนุ่มน้อยที่วุ่นวายกดโทรศัพท์หาพี่ชายตัวเองด้วยความรู้สึกโล่งใจที่ทั้งสองคนกลับมาดีกันแล้ว   สิ่งที่เธอกับคุณคริสคาดหวังมาตลอดสิบปีที่ผ่านมา   เธอคิดไปถึงวันแรกที่เดินเข้าไปในบ้านหลังนั้น  ในฐานะภรรยาคนใหม่ของตระกูลหยางที่ยิ่งใหญ่



ความกังวลใจต่าง ๆ ท่วมล้นหัวใจดวงน้อยของเธอ  โรสกุมมือลูกชายวัยแปดขวบของตนไว้แน่น  กลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้รับการยอมรับจากคนในบ้าน  กลัวเหลือเกินเพราะเธอไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือยอะไร  เธอเป็นแม่ม่าย  แถมยังมีลูกชายติดมาด้วย
ฝ่ายคุณคริสเองก็เป็นพ่อม่ายเหมือนกัน   โรสได้ทราบว่าเขามีลูกชายวัยกำลังซนคนหนึ่ง  ซึ่งคุณคริสเองกำลังหนักใจเพราะลูกชายนั้นขาดแม่ตั้งแต่เด็กและกำลังจะกลายเป็นเด็กมีปัญหาเพราะมีอารมณ์รุนแรงเวลาไม่ได้ดังใจ  ขว้างปาข้าวของ  ทำร้ายพี่เลี้ยงจนไม่มีใครทนได้

โรสหวั่นใจเหลือเกินว่าถ้าเธอและลูกชายเข้ามาเพิ่มในครอบครัวอาจจะทำให้ลูกชายคุณคริสยอมรับไม่ได้  มันอาจจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิม

คุณคริสพาเธอและลูกเดินไปรอบบ้าน  แนะนำให้เธอรู้จักกับ ‘พี่ฉี’ พ่อบ้านที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่เลี้ยงให้คุณคริสตั้งแต่เด็ก ๆ

“ลูกชายคุณล่ะคะ คริส”  โรสถามในที่สุด  เมื่อพวกเขาสามคนเดินชมบ้านจนทั่ว  กระทั่งมาถึงห้องรับแขกที่มองออกไปเห็นสวนดอกไม้

“ผมขอไปดูน้องนะครับแม่  ลุงคริส”  ใบหน้ากลม  แก้มแดง  ปากแดงอย่างเด็กสุขภาพดีเงยถามผู้ใหญ่ทั้งสองคน

“ไปสิฮั่น อยู่ห้องชั้นบนสุดทางเดินแน่ะ” คริสบอกด้วยรอยยิ้มพลางหันมาสบตาเธออย่างให้กำลังใจ  แววตาที่มีความรักเสมอมาทำให้เธออุ่นใจขึ้น

“แกอยากมีน้องมาตั้งนานแล้วค่ะ”  โรสบอกพลางมองตามหลังลูกชายที่วิ่งขึ้นไปข้างบนอย่างร่าเริง

ทั้งคู่พูดคุยกันในห้องรับแขก  แต่โรสกลับเหลือบตามองไปที่ประตูตลอดเวลาด้วยความกังวลจนคริสต้องเอื้อมมือมาจับมือเธอไว้ 

“มันต้องผ่านไปด้วยดีครับ”

หลังคำพูดนั้น  เสียงหัวเราะของเด็กชายสองคนดังแทรกเข้ามา เรียกสายตาของผู้ใหญ่ในห้อง  ภาพเด็กชายสองคนที่เกาะเอวกันวิ่งอยู่ในสวนทำให้ผู้ใหญ่สองคนยิ้มออกมา  โรสน้ำตาไหลด้วยความโล่งใจ


--------------------------------------



“พี่ฮั่น  พี่อยู่ไหน  พี่ทิ้งผมได้ไงอ่ะ ผมไม่ยอมนะ”

พีทโวยวายไปตามสาย   เมื่อตอนเช้ามืดพี่ฮั่นยังบอกว่าจะไม่ไปไหนแล้ว  แล้วทำไมเขาตื่นมาไม่เจอพี่ฮั่น

“พี่มาทำงาน”  พี่ฮั่นตอบเสียงเบาเหมือนมีพิรุธ

“อะไรอ่ะ  ทำไมต้องทำเสียงแบบนั้นล่ะ  ผมป่วยอยู่นะพี่   พี่ทิ้งผมไปได้ไง  ไม่รู้อ่ะ  พี่รีบกลับมาด้วย” 

โวยวายเสร็จแล้วก็ตัดสายไปเสียเฉย ๆ  แล้วยิ้มกริ่มอยู่คนเดียวที่ได้แกล้ง ‘พี่ชาย’     

ครั้งแรกในรอบสิบปีเชียวนะ

คนเป็นพี่วางสายลงด้วยความงุนงง  แต่เมื่อเงยหน้าไปเห็นดวงตาหลายคู่ที่มองมาที่เขาเป็นตาเดียวก็ต้องแกล้งทำขรึมกลบเกลื่อน   แล้วเริ่มประชุมต่อ

---------------------------------------



รถสองคันเคลื่อนเข้าสู่บ้านหลังใหญ่ที่มีอาณาเขตกว้างขวางตั้งอยู่ใจกลางเมือง  บนเขตเศรษฐกิจที่ราคาที่ดินมีค่ายิ่งกว่าทอง  รถสีดำคันใหญ่จอดสนิทลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่  แต่เฟอร์รารี่ที่ขับตามมากลับขับเลยไปจอดที่หน้าบ้านหลังน้อยริมสระ

คริสยืนมองลูกชายตัวเองที่โวยวายเสียงดังตั้งแต่ลงจากรถเลยทีเดียว เขาส่ายหน้ากับตนเองเพราะไม่รู้จะแก้นิสัยเอาแต่ใจของลูกชายได้ยังไง  แล้วยิ่ง ‘พี่ชาย’ กลับมาแบบนี้   อาการเอาแต่ใจของพีทน่าจะหนักกว่าเดิม

‘เห็นทีจะต้องพึ่งฮั่นซะแล้วล่ะ’  

คริสยิ้มพลางหันไปมอง ‘ลูกชายคนโต’ รายนั้นก็เป็นคนเดียวที่ทั้งยอมตามใจ  แต่ขณะเดียวกันก็มีวิธีทำให้พีทเลิกเอาแต่ใจ  โรสที่เพิ่งลงจากรถเดินมาสมทบข้างเขา  คริสเอื้อมมือใหญ่อบอุ่นมากอดไหล่ผู้หญิงที่เป็นแก้วตาดวงใจของเขาไว้ 

“ผมไม่รู้จะขอบคุณสิ่งที่ฮั่นทำเพื่อพีทได้อย่างไร  มันมากมายเหลือเกิน  ถ้าไม่มีเขาเสียคนพีทคงไม่ได้มายืนอยู่ที่นี่”

“อย่าพูดแบบนั้นสิคะคริส  คุณต่างหากที่ช่วยพวกเราไว้  โรสต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ  ถ้าไม่มีคุณ  ฮั่นอาจจะไม่ได้มายืนตรงจุดนี้คงมาไม่ได้ไกลขนาดนี้เหมือนกัน” 

คริสต่างหากที่ช่วยเธอและลูกไว้  เมื่อธุรกิจของครอบครัวเธอต้องล้มละลายจากวิกฤตฟองสบู่แตกกลายเป็นหนี้มหาศาล  สามีเครียดจนหัวใจวาย  ก็มีคริสเพียงคนเดียวที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ  ปลดภาระหนี้สินและกอบกู้ธุรกิจของครอบครัวเอาไว้ได้  และยังส่งต่อกิจการนั้นคืนให้ลูกชายของเธอเมื่อเขาโตขึ้น

“เราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่คะ  พี่จะช่วยน้องก็ไม่แปลก  ฮั่นทำถูกต้องแล้วค่ะ”

“งั้นที่ผมทำก็ไม่แปลกใช่ไหม  ก็นั่นลูกชายคนโตของผมเหมือนกันนี่” 

สองสามีภรรยายิ้มให้กันอย่างเข้าใจ  ทั้งคู่ยืนมองลูกชายของตนสักพักแล้วจึงเดินเข้าบ้านไป



“ผมไม่เป็นไรแล้วน่าพี่”  พีทว่าอย่างอ่อนใจขณะเดินไปตามทางเดินเล็ก ๆ เข้าไปยังบ้านของเขา  ตลอดทางจากโรงพยาบาลจนถึงบ้าน  พวกเขาเถียงกันเรื่องที่พีทต้องการกลับไปร้องเพลงที่ร้านในคืนนี้   ในขณะที่คนพี่สั่งห้ามเด็ดขาด

พีทโวยจนเหนื่อย  แต่พี่ฮั่นก็ไม่ยอมสักที

“ไม่ได้ไปที่ร้านตั้งหลายวัน  พี่ร๊อกกี้โทรมาบ่นจนหูจะยานอยู่แล้ว  ผมไม่อยากให้พี่ ๆ ว่าได้ว่าผมไม่มีความรับผิดชอบอ่า” 

“ไปไม่ได้  นายเพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะ ตัวยังช้ำอยู่เลย  จะไปทำไม  เดี๋ยวไข้กลับอีก”

คนเป็นพี่เดินตามหลัง  มองจับอยู่ที่เด็กขี้โวยวายที่เดินอยู่ข้างหน้า  ดวงตาชั้นเดียวมีแววเสียใจอยู่ในนั้น  ไม่กล้าพูดต่อว่า  น้องเพิ่งโดนลักพาตัวไปหมาด ๆ ความคิดนั้นทำให้เขาเจ็บปวดอยู่เสมอเมื่อนึกถึง

“ก็ ก็ ผมอยากร้องเพลงนี่”

พีทหันกลับมารวดเร็วแล้วหยุด ทำให้คนที่ตามมาต้องเบรกตัวโก่ง ทั้งคู่หยุดยืนตรงทางเดิน  ฮั่นมองไปที่คนขี้โวยวาย  ใบหน้าเรียวยิ้มเผล่ให้เขา  ดวงตามีแววอ้อนวอน

“ผมอยากร้องเพลง  คงเพราะมีความสุขละมั้ง  ก็พี่ฮั่นกลับมาแล้ว” พีทยิ้มอีก

“ไม่ได้”  ฮั่นกัดฟันตอบกลับไปแล้วหลบตา  เสไปมองสระน้ำด้านหน้า ถ้าขืนเขาสบตาเด็กนี่ต่อ  เขาต้องใจอ่อนแน่

“โห พี่อ่ะ ก็ผมอยากไปนี่  น๊า ให้ผมไปเหอะ นะ  นะครับ”  พีทเริ่มงัดลูกอ้อนออกมาใช้หลังจากที่โวยวายอยู่นานแล้วไม่สำเร็จ   เอื้อมมือไปเขย่าแขนของคนตรงหน้า

“ไม่ได้”

คราวนี้พี่ชายทำหน้ายุ่งเมื่อจำใจต้องปฏิเสธ  พีทหุบยิ้มทันที หน้ามุ่ยไปทีเดียว  ร่างที่สูงพอ ๆ กับเขากำลังจะหันกลับแต่เขาคว้าแขนไว้ก่อน
 
“พีท  รอให้หายดีก่อนเถอะนะ  พี่เป็นห่วงพีท  เราเพิ่งโดนพวกมัน เอ่อ...พี่   พี่ขอเวลาสะสางเรื่องพวกมันก่อน  พี่ถึงจะวางใจให้พีทไปร้องเพลงที่เดิมอีก  พีทรอก่อนได้ไหม”  เพราะกลัว  ทำให้เขาไม่รู้ตัวเลยว่าทอดเสียงอ่อนขนาดไหน

พีทที่หันหน้าไปอีกทางจึงหันหน้ากลับมา  สบตาพี่ชายแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า   ฮั่นจึงปล่อยแขนที่ยึดไว้ให้เป็นอิสระดังเดิม  หนุ่มน้อยหันกลับไปเดินเข้าบ้านต่อ 
 
“ไม่ไปก็ได้  แล้วทำไมพี่จะต้องทำเสียงแบบนั้นด้วยล่ะ ใครอ้อนใครกันแน่เนี่ย”  หนุ่มน้อยบ่นพึมพำอยู่คนเดียว  ทำหน้ายุ่ง  ยกมือเกาหัววุ่นวาย

พีทจำใจต้องโทรไปบอกพี่ร็อกกี้ว่าขอลาต่ออีกหลายวัน  เสียงพี่ร็อกกี้บ่นมาตามสายอยู่นาน  ทำให้หนุ่มน้อยต้องดึงมือถือออกห่างพลางทำหน้ายุ่ง

พี่ชายที่ยืนประกบอยู่ได้ยินเสียงแว่วจากโทรศัพท์ว่า ‘คนดูเรียกร้อง’ ‘ให้ชินมาร้องแทน’ และ ‘รีบกลับมา’

ในที่สุดพีทก็วางสาย   เงยหน้ามามองเขาที่ยืนกอดอกมองอยู่เงียบ ๆ ด้วยแววตาจริงจังเป็นการบังคับกลาย ๆ ตั้งแต่เริ่มโทร 

“พอใจยัง” 

เขาไม่ตอบว่าอะไร  เพียงแต่ยิ้มให้อย่างพอใจที่พีทยอมทำตามที่เขาขอร้อง

---------------------------------------



“พี่โดม อาจารย์ว่าไงบ้างครับ”

พีทถามขณะกำลังนั่งกินอาหารเกาหลีกันในห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง   แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปร้องเพลงแต่พี่ฮั่นก็พาเขารวมทั้งพี่โดมออกมาหาอะไรอร่อย ๆ กิน  เป็นการเลี้ยงปลอบใจคนป่วยที่ดูเหมือนจะเข้าทางพี่โดมเป็นพิเศษ   เพราะพีทเห็นพี่โดมเอาแต่กินแทบจะไม่เงยหน้ามาคุยกับใครเลย   พี่โดมยังคงมีผ้าพันแผลที่ศีรษะและข้อมือเช่นเดียวกับเขา

“อาจารย์ให้นายกับพี่ส่งใบรับรองแพทย์  แล้วเราก็มีสิทธิ์สอบเหมือนเดิม”

พีทกับพี่โดมขาดเรียนไปสองวันในวิชาอาจารย์สุดโหดที่ห้ามนักศึกษาขาดเรียนแม้แต่คาบเดียว  ไม่อย่างนั้นจะหมดสิทธิ์สอบ

“เฮ้อ  แล้วไป  ถ้าผมไม่ได้สอบวิชานี้พ่อบ่นตายแน่   แล้วต้องอดไปร้องเพลงอีก  ขนาดตอนนี้...” พีทปรายตามองพี่อีกคนที่นั่งกินเงียบ ๆ “....ขนาดตอนนี้ยังไม่ได้ไปเลย”  เขาต่อจนจบประโยค

ฝ่ายคนที่ถูกพาดพิงถึงกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ใช้ตะเกียบคีบอาหารวางให้ที่จานของน้องชายแล้วคีบส่งเข้าปากตัวเองบ้าง

“ดีแล้วเราเป็นน้องก็ควรจะเชื่อฟังพี่เขาไว้เดี๋ยวพี่ฮั่นหนีไปอีก  คราวที่แล้วใครไม่รู้ร้องไห้หาพี่ตาปูดเชียว”   โดมหันไปพยักพเยิดเล่าให้คนที่กินข้าวเงียบ ๆ   

“เฮ้ย  พี่โดม!” พีทพยายามทำไม้ทำมือห้ามพี่โดมเล่าเรื่องที่เขาร้องไห้หาพี่ฮั่นจนตาบวมไปเรียน   แต่ไม่ทันแล้ว

‘พี่โดมอ่า เอาความลับมาเล่าได้ไง’ 


“หือ ร้องไห้ตาปูด? ”
 
พี่ชายชะงักมือที่กำลังจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วหันไปมองพีท   คิ้วหนาเลิกขึ้นอย่างคาดไม่ถึงก่อนจะเริ่มต้นหัวเราะ

“ไม่ขำนะพี่  ตัวเองเป็นต้นเหตุแท้ ๆ ยังจะขำอีก เดี๋ยวจะโกรธแล้วนะ”  พีทรู้สึกเขินเรื่องที่ตัวเองร้องไห้หนักขนาดนั้น 

‘ก็คนมันเสียใจนี่นา’

โดมส่ายหน้าเมื่อเห็นพีทโวยที่เขาถาม  ทำให้พี่ฮั่นรู้ว่าตัวเองขี้แยขนาดไหน 

‘เจ้าพีทเอ๋ย ไม่ทันแล้วล่ะ’ 

เขาคีบอาหารเข้าปากแล้วมองไปที่สองคนตรงข้ามที่นั่งเถียงกันอยู่ สองคนนี้คงคิดถึงกันมากเพราะตลอดเวลาที่นั่งกินข้าวด้วยกัน โดมเห็นพี่ฮั่นกับพีทพูดคุย  หัวเราะด้วยกันอยู่ตลอดเวลา  เหมือนลืมไปว่าเขาก็นั่งอยู่ด้วย  ปล่อยให้เขากินอาหารไปเรื่อย ๆ  นานพอดูกว่าพีทจะหันมาถามเขาเรื่องเรียน   
 
พีทเล่าเรื่องพี่ฮั่นให้เขาฟังทั้งหมดตอนที่พวกเขาอยู่ที่โรงพยาบาล โดมแทบจะตบเข่าฉาดทีเดียวตอนที่รู้ว่า  พี่ฮั่นคือพี่ชายที่ไปอยู่อังกฤษนานถึงสิบปี 


“พี่ก็คิดอยู่ว่าทำไมพี่ฮั่นถึงดูแลและเป็นห่วงพีทมากผิดปกติ เกินกว่าบอดี้การ์ดธรรมดา” 

พีทบอกว่าตัวเองนั้นจำพี่ฮั่นตอนอายุ 14 ได้แม่น  แต่พี่ฮั่นที่พีทเจออีกสิบปีถัดมาทำให้เขาลังเล  เพราะพี่ฮั่นไม่ได้เจ้าเนื้อเหมือนตอนวัยรุ่นแต่ตัวสูงใหญ่ ใบหน้านั้นแม้จะคล้ายเดิมแต่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยตามวัย แล้วพ่อกับพี่ฮั่นก็ไม่ยอมบอกความจริงทำให้เขาสับสนอยู่นาน

“พีททำเหมือนจะบอกพี่ว่าถ้าพ่อพีทบอกว่าเป็นพี่ฮั่น พีทจะหายโกรธงั้นสิ” เขาจำได้ว่าย้อนพีทไปแบบนั้น


“ไม่รู้เหมือนกัน  ผมไม่ได้คิดไว้นี่”  พีททำหน้าสลดตอบกลับเขา

“คราวนี้นายก็อย่าดื้อ  อย่าเอาแต่ใจมากล่ะพีท ไม่งั้นพี่เขาทนไม่ได้ขึ้นมาหนีไปแล้วนายจะร้องไห้ขี้มูกโป่งมาฟ้องพี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วนะ”



โดมทำหน้าตาสลักสำคัญเมื่อกล่าวประโยคตักเตือนนั้น    เห็นทีเขาต้องแอบไปกระซิบพี่ฮั่นสักหน่อย  ให้สั่งสอนเจ้าเด็กเอาแต่ใจนี่ให้เข็ด 

แต่ตอนนี้   เมื่อเขาเห็นพี่ฮั่นกับพีทตั้งแต่เจอกันมาจนถึงเดี๋ยวนี้  เขาก็ต้องเปลี่ยนใจ 

พีทน่าจะอาการหนักกว่าเดิม  เพราะตั้งแต่เขาเจอหน้าสองคนนี้   คนเป็นพี่ไม่เคยขัดอะไรพีทสักอย่างเดียว   ตามใจยิ่งกว่าตอนเป็นพี่ฮัทซะอีก

‘ก็ต้องคอยดูกันต่อไป’  โดมได้ข้อสรุปในที่สุด



-----------------------------------



  :mew3: :mew3: :mew3:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2014 20:26:51 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4

ออฟไลน์ green1313

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากกก มาเป็นกำลังใจให้คนแต่ง อย่าหายไปน่ะ รอตอนต่อไปอยู่ :monkeysad:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
26. เรื่องบนเตียง


ฮั่นเพิ่งออกจากห้องน้ำเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูนอกห้อง ร่างที่ยังเปียกน้ำพันผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวเดินไปเปิดประตู

“เฮ้ย ทำไมพี่ไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะ”

พีทที่ยืนอยู่หน้าห้องหันหน้าหนีคนที่เปิดประตูให้ทำให้ฮั่นยิ้มนิด ๆ ที่คนน้องโวยวาย   แปลกตรงไหนที่เขานุ่งผ้าเช็ดตัวมาเปิดประตูให้  ก็คนเพิ่งออกจากห้องน้ำ   

“เข้ามาสิ”  เจ้าของห้องว่าพลางเดินไปเช็ดตัวเร็ว ๆ แล้วคว้ากางเกงนอนมาสวม

พีทที่สวมชุดนอนเรียบร้อยเดินถือหมอนเข้ามาด้วย  เขาเดินไปนั่งบนเตียง
 
“มานอนด้วย”  เขาว่าง่าย ๆ วางหมอนลงแล้วก็ทิ้งตัวลงนอน   ดวงตาจับอยู่ที่ด้านหลังของพี่ชายที่กำลังค้นเสื้อนอนอยู่  แผ่นหลังกว้างนั้นเต็มแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นรูป  V shape  สวยงาม 

‘สาว ๆ เห็นคงกรี๊ดสลบ’
  คนเป็นน้องคิดในใจ

“ทำไม  กลัวผีเหรอ”  คนพี่ถามแล้วแอบอมยิ้ม  ตั้งแต่เขาแอบเข้าห้องพีทตอนดึก ๆ   พีทเปิดไฟหัวเตียงทิ้งไว้ทุกคืน  โรคกลัวผีนี่เป็นตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยหาย

“กลัวที่ไหน  ผมไม่กลัวผีแล้ว  ผมมานอนเป็นเพื่อนพี่ต่างหาก”  คนไม่กลัวผีว่า

“ให้มันจริงเหอะแล้วนอนเปิดไฟทุกคืนทำไม  ถ้าไม่กลัวผี  กลัวความมืด หืม?”  พี่ชายเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียงพลางก้มมองคนที่นอนเถียงเขาอยู่

“แล้วพี่รู้ได้ไงว่าผมนอนเปิดไฟอ่ะ”  พีทกลับย้อนเขา  แววตาใคร่รู้

“เอ่อ” 

‘เอาล่ะสิ จะตอบยังไงล่ะเนี่ย’
  เขายกมือปัดผมไปมาเพราะจนด้วยคำตอบ  จะให้บอกว่าแอบเข้าห้องน้องบ่อย ๆ ก็เพิ่งรู้สึกว่ามันแปลก ๆ อยู่  พีทจะว่ายังไงนะถ้ารู้เรื่องนี้

“ก็เห็นแสงลอดออกมาไง”  ในที่สุดก็หาข้ออ้างได้

“โธ่  นึกว่าแอบเข้าห้องผมตอนดึก ๆ ซะอีก” 

‘เฮ้ย เดาถูกด้วยแฮะ’ 

คนพี่สะดุ้งอยู่ในใจ แต่แววตาของพีทที่เขามองเห็นนั้นไม่ได้แฝงความนัยอะไรไว้  ฮั่นทรุดตัวนั่งข้างเตียง  คว้าข้อมือน้องมาดู
 
“นี่ อาบน้ำแล้วทำไมปล่อยให้ผ้าพันแผลเปียกแบบนี้เนี่ย  เดี๋ยวแผลก็ไม่แห้งสักที” 

พี่ชายบ่นเสร็จก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลขึ้นมา  พีทยังนอนอยู่ท่าเดิมเมื่อคนเป็นพี่เดินกลับเข้ามาในห้องนอนแล้วเริ่มต้นทำแผลใหม่ให้เขา  หนุ่มน้อยจ้องมองพี่ฮั่นที่กำลังเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาอย่างเบามือ

‘ทำไมพี่ฮั่นถึงดีกับเขาแบบนี้นะ’

“เอาล่ะ  เสร็จแล้ว”  ใบหน้าที่ก้มทำแผลนั้นเงยขึ้นแล้วยิ้มให้ 

“ขอบคุณครับ”  พีทยิ้มตอบมาตาหยี 

คนเป็นพี่เดินเอากล่องยาไปวางไว้ที่โต๊ะแล้วเดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน

“พี่นอนดิ้นนะ” คนนอนดิ้นว่าเมื่อล้มตัวลงนอนบ้าง ซ่อนใบหน้าอมยิ้มของตัวเองไว้เมื่อนึกเรื่องสนุก ๆ ได้  เตือนพีทไว้ก่อนเผื่อน้องตื่นมากลางดึกจะได้ไม่ตกใจ  แต่ขออย่าให้คนขี้เซาอย่างพีทตื่นตอนดึกเลยจะดีกว่า 

“ไม่เห็นจำได้เลย” พีทหันมาทางพี่ฮั่นที่ดูวุ่นวายจัดผ้าห่มให้เขาและตนเอง




หลังจากปิดไฟแล้ว ไม่มีใครพูดอะไรอยู่ครู่ จนกระทั่งพีททำลายความเงียบขึ้น

“ผมขอโทษนะ”   พีทพูดลอย ๆ ในความมืด 
 
“ขอโทษเรื่องอะไร”

“ก็...ก็ทุกเรื่อง”

น้ำเสียงติดขัดนั้นทำให้คนฟังเข้าใจทันทีว่า  พีทกำลังเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา  ดีนะที่พี่ฮั่นปิดไฟแล้วทำให้เขากล้ามากขึ้น  เขาอยากขอโทษพี่ฮั่นอีกหลายครั้งกับหลายเรื่องที่เขาทำให้พี่ฮั่นเสียใจ  ตั้งแต่คืนนั้นที่พวกเขาทำความเข้าใจกัน  พีทยังไม่มีโอกาสเลย  ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไรเขาก็ยิ่งสำนึกได้ว่าพี่ฮั่นทำอะไรมากมายเพื่อเขา  ในขณะที่เขาก็ทำอะไรมากมายที่ทำร้ายจิตใจพี่ฮั่น

“พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่โกรธเราน่ะ” 

“แต่ผมทำไม่ดีกับพี่หลายเรื่องนี่  ขอโทษกี่ครั้งก็ไม่หมดหรอก”

“ถ้าไม่เลิกขอโทษ  พี่จะโกรธจริง ๆ นะ”  เขาทำเสียงเข้มขึ้นมา

“โธ่ พี่อ่ะ คนกำลังสำนึกผิดนะ” 

พีทว่าเสียงอ่อน  ทำให้ฮั่นอยากเห็นหน้าคนที่ทำเสียงนั้นตงิด ๆ ตอนนี้เจ้าตัวคงกำลังทำหน้างออยู่แน่ ๆ

“เอาล่ะ เลิกคิดมากแล้วก็นอนได้แล้ว”  เขาพูดแล้วก็เอื้อมมือไปวางบนผมนุ่มของคนที่นอนข้างเขา  ลูบไปมา

ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งหนึ่ง 

“ตอนพี่ไปอยู่อังกฤษ  เอ่อ  เป็นไงบ้าง  เล่าให้ผมฟังได้ไหม”  เสียงพีทเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“จะรู้ไปทำไม พี่ไม่อยากไปนึกถึงมันอีกแล้ว มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว” 

เสียงเรียบเฉยของพี่ฮั่นตอบกลับมาเหมือนรู้สึกแบบนั้นจริง  แต่พีทยังอยากรู้

“คุณปู่ส่งคนไปขู่พี่ที่อังกฤษจริงเหรอ” 

เสียงพีทขยับตัวบนที่นอน  ในความสลัวรางนั้นเขาเห็นพีทเปลี่ยนมานอนตะแคงหันมาทางเขา  ตาวาว ๆ ในแสงสลัวมองมาที่เขานิ่ง

“อืม” 

“ตอนนั้นพี่ลำบากมากไหม”

“พวกนักเลงนั่นไม่ได้ทำอะไรพี่หรอก  เขาแค่ส่งมาคุมไม่ให้พี่ติดต่อกับใครที่บ้าน  พี่โดนยึดพาสปอร์ต จะไปทำใหม่ก็ไม่ได้เพราะพวกนั้นตามประกบตลอดเวลา พวกมันขู่ไม่ให้พี่บอกใคร ไม่งั้นแม่จะมีอันตราย  แต่เขาก็ห้ามไม่ให้ลุงคริสกับแม่มาเยี่ยมพี่ไม่ได้เหมือนกัน”

“เวลาลุงคริสกับแม่ชวนให้กลับบ้าน  พี่ต้องโกหกว่าติดเรียนบ้าง ไปซัมเมอร์แคมป์บ้าง  ซ้อมกีฬาบ้าง  เพราะพี่บอกท่านไม่ได้ว่าพาสปอร์ตโดนยึดไป  พี่กลัวแม่จะไม่ปลอดภัยตามที่พวกมันขู่  ตอนนั้นพี่ยังเด็ก  ไม่รู้จะทำยังไงก็จำเป็นต้องทำตาม”

หลังจากที่ลุงคริสรู้ว่าคุณอาของตัวเองส่งคนมาคุมเขาที่อังกฤษอยู่นาน   ลุงคริสโกรธมาก  มากแบบที่เขาไม่เคยเห็นลุงคริสโกรธขนาดนี้มาก่อน  ลุงคริสบินกลับทันที  เขาไม่รู้ว่าลุงคริสจัดการอย่างไร  แต่อีกสัปดาห์ต่อมาพวกนักเลงนั่นก็หายตัวไปและเขาก็ได้พาสปอร์ตคืน   

“ทำไมคุณปู่ถึงไม่อยากให้พี่ฮั่นกลับบ้าน  ไม่ให้ติดต่อใครที่บ้านล่ะ  ผมไม่เข้าใจ”  พีทถามอีก

เขาถอนหายใจ  เขากำลังคิดว่าจะตอบคำถามพีทอย่างไรดี เรื่องพวกนี้ควรจะเก็บให้ตายไปกับวันเวลาที่ผ่านไป หรือควรจะเล่าให้พีทได้รับรู้เอาไว้  เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเรื่องเก่าพวกนี้ถึงเป็นต้นเหตุให้เขาต้องเผชิญเรื่องร้าย ๆ มาหลายปี

“พี่บอกมาเถอะ  ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครบอกอะไรผมสักอย่าง  ผมต้องอยู่กับความเข้าใจผิดมาตั้งนานจนทำอะไรไม่ดีไปตั้งหลายอย่าง  คราวนี้ผมขอรู้ความจริงบ้างได้ไหมพี่ฮั่น...” พีทเอื้อมมือมาจับแขนเขาเขย่าเบา ๆ น้ำเสียงอ้อนนั่นทำให้เขาใจอ่อน

“มันเป็นเรื่องตั้งนานมาแล้ว  พี่ก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานเท่าไร” 

“แม่เล่าว่าเมื่อก่อนคุณตากับคุณยายของพี่กับ ‘เขา’ เป็นเพื่อนรักกันมาก  พวกเขาสามคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก” 

‘อะไรนะ  คุณปู่น้อยเป็นเพื่อนกับคุณตาคุณยายของพี่ฮั่น!’

พีทตกใจกับเรื่องที่เขาเพิ่งได้รับรู้เป็นครั้งแรกแต่ยังกลั้นใจฟังพี่ฮั่นพูดต่อ  เขาขยับตัวไปใกล้พี่ฮั่นมากขึ้น

“แม่บอกว่าตอนที่คุณตากับคุณยายตกลงใจจะแต่งงานกัน เขาเสียใจมาก  ทุกคนตกใจที่เห็นเขาเสียใจขนาดนั้น  ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าเขาแอบรักคุณยายอยู่  เขาทะเลาะกับคุณตารุนแรง  เขาโกรธคุณตามาก  หลังจากนั้นเขาก็ตัดความเป็นเพื่อนกับคุณตาคุณยาย  ไม่ว่าคุณตาคุณยายจะทำอย่างไรเขาก็ไม่ยอมยกโทษให้  คุณยายก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงโกรธไม่เลิก  คุณแม่เองก็รู้เพียงเท่านี้”

“ตอนแรกคุณยายไม่เคยเล่าให้แม่ฟังหรอกเพราะคุณยายบอกว่ามันเป็นเรื่องเก่า  เขาน่าจะลืมหรือยกโทษให้คุณตาคุณยายได้แล้ว  แต่ตอนที่แม่มาบอกว่าจะแต่งงานกับลุงคริสซึ่งเป็นหลานชายของเขา  คุณยายเลยจำเป็นต้องเตือนคุณแม่ไว้”

“ลุงคริสเล่าเหมือนกันว่าถ้าเขารู้เขาคงทำทุกวิถีทาง ไม่ให้ลุงคริสแต่งงานกับแม่  แต่ตอนนั้นลุงคริสแอบไปจดทะเบียนกับแม่เงียบ ๆ  เพราะกลัวเขาไม่ยอมรับ  กว่าเขาจะรู้เรื่องลุงคริสกับแม่ก็แต่งงานกันตามกฎหมายไปแล้ว  เขาเลยทำอะไรไม่ได้”

“คุณปู่ฟงเลยพาลไม่ชอบทั้งคุณโรสกับพี่ด้วยใช่ไหม  ถึงไม่ยอมให้พ่อรับพี่เป็นลูกบุญธรรม  ไม่อยากให้พี่กลับมาบ้านอีก”

“ก็น่าจะเป็นแบบนั้น”   

‘เรียกว่าเกลียดเข้ากระดูกดำน่าจะเหมาะกว่า’ พี่ชายคิดแต่ไม่ได้พูดออกมา

“เรื่องร้ายแรงขนาดนี้เลยหรือ  ผมไม่คิดเลยว่าคุณปู่จะทำขนาดนี้” 

พีทพึมพำ  ลำคอแห้งผากเมื่อได้รับรู้เรื่องราว  พวกเขาเงียบกันไปอีกครั้งหนึ่ง  ไม่มีใครพูดอะไรต่อ  เรื่องราวทั้งหมดกำลังวนเวียนอยู่ในหัว พีทไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย 

คุณปู่ฟงของเขาครองตัวเป็นหนุ่มโสด  ไม่สนใจใคร  ค่อนข้างเข้มงวดแต่ก็ใจดีกับเขาเสมอ   พีทไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณปู่ฟงจะเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมด

“ผม  ผมไม่เคยรู้อะไรเลยแล้วผมยังโกรธพี่ตั้งนาน” 

พีทผุดลุกขึ้นนั่ง  สิ่งที่เขารู้มันเกินกว่าที่เขาเคยคาดคิดไว้มากนัก เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ฮั่นถึงได้เกลียดคุณปู่ฟง  พี่ฮั่นต้องเจอเรื่องแย่ ๆ เพราะคุณปู่ของเขา 

“ผม ผมขอโทษแทนคุณปู่ด้วย” ความรู้สึกผิดกลับมาอีกแล้ว พีทก้มหน้า ไหล่สั่นสะท้าน  เขาพูดกระท่อนกระแท่นเพราะพยายามกลั้นน้ำตาไว้

“ไม่เป็นไร พีท ไม่เป็นไร  มันผ่านมาแล้ว พี่ไม่เป็นไร” ฮั่นลุกขึ้นนั่งด้วย  เอื้อมมือไปแตะไหล่น้องในความมืดเพื่อบอกว่าเขาไม่ได้คิดมากเรื่องพวกนั้นแล้ว

เสียงร้องไห้แผ่วเบาของพีทแทรกมากับความมืด  พีทพยายามกลั้นไว้แล้วแต่เขาทำไม่ได้  เขายกแขนขึ้นเช็ดน้ำตา  มือพี่ชายที่แตะไหล่เลื่อนมาที่ท้ายทอยรั้งคนที่ร้องไห้หนักเข้ามาแล้วกอดไว้อย่างนุ่มนวล

“พี่ไม่เป็นไรแล้ว พีทอย่าร้องเลย”  เสียงอ่อนโยนปลอบอยู่ข้างหูพร้อมกับลูบผมน้องชายเพื่อปลอบใจ 

“เพราะแบบนี้ไง  ถึงไม่อยากเล่าให้ฟัง” 

พีทซบที่ไหล่หนาของพี่ฮั่น  แขนทั้งสองข้างกอดคนเป็นพี่ไว้แน่น ปลดปล่อยความรู้สึกเสียใจออกมาเป็นน้ำตา  เขารู้แล้วว่าคนคนนี้ทำอะไรเพื่อเขามากมายขนาดไหน 

ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ฮั่นดูแลเขาเป็นอย่างดีในขณะที่เขาหาเรื่องพี่ฮั่นตลอดเวลา  ดื้อรั้น  เอาแต่ใจ  แต่พี่ฮั่นก็อดทน  พี่ฮั่นทำทุกอย่างเพื่อป้องกันเขาจากอันตราย  ทั้งที่คุณปู่ฟงทำร้ายพี่ฮั่นมาตลอดเวลาหลายปี  แต่พี่ฮั่นกลับทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเขาซึ่งเป็นหลานของคนที่พี่ฮั่นเกลียด  เขารู้ว่าพี่ฮั่นเกลียดคุณปู่ฟงมากขนาดไหนแม้พี่ฮั่นจะไม่พูดออกมา ภาพใบหน้าพี่ชายที่เขาเห็นตอนทะเลาะกันนั้นยังติดตาเขาอยู่  เขาไม่เคยเห็นพี่ฮั่นทำหน้าน่ากลัวขนาดนั้นมาก่อน

“ถ้าเสียใจมาก  พีทก็ชดใช้ให้พี่สิ เอามั้ย”  คนเป็นพี่พยายามทำเสียงร่าเริง  ขืนปล่อยให้พีทร้องไห้ต่อไปแบบนี้  ไม่นานเขาคงร้องตามไปด้วยแน่ ๆ

‘หือ  พี่ฮั่นว่าอะไรนะ’   พีทผละออกเพื่อมองหน้าพี่ฮั่นในความมืด 

“พี่จะให้ผมทำอะไร  ผมจะทำให้หมดเลย  บอกมาเลย  พี่ฮั่น”

“ยังไม่บอก”   นิ้วเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาให้เบามือ โชคดีที่เขาปิดไฟแล้วพีทจึงไม่ได้เห็นว่าเขากำลังอมยิ้มเมื่อคิดไปถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เขาจะหาโอกาสแกล้งน้อง

“อ้าว  อะไรอ่ะ  บอกมาเถอะ  ผมจะทำให้ทุกอย่างเลย” 

“ถึงเวลาแล้วจะบอก  อย่าลืมที่พูดก็แล้วกัน”

“ผมไม่ลืมแน่”   พีทให้สัญญา

คืนนั้น  กว่าทั้งคู่จะหลับก็เลยเที่ยงคืนไปนานแล้ว  พีทนอนขดตัวอย่างเป็นสุขข้าง ๆ พี่ชาย   

เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่เขาหลับสนิทโดยไม่ฝันอะไรเลย




------------------------------------



 :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
ฟินค่ะ ท่ามกลางความมืดภายในห้องนอนนั่น....เขาสองคนนอนคุยกัน ลุกขึ้นมากอดกันไว้ปลอบใจ สุดท้ายก็มีกันและกันข้างกายตลอดทั้งคืน :ling1:

ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
27. วันใหม่



ความรู้สึกเหมือนเตียงยวบลงทำให้คนที่นอนขดตัวใต้ผ้าห่มรู้สึกตัวตื่น  เขายืดตัวช้า ๆ กวาดมือออกไปจนสุดแขน  ทันใดนั้นร่างที่นอนอยู่ก็ดีดตัวผึงขึ้นจากที่นอน  ทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงตกใจเมื่อน้องชายเกือบชนเข้ากับเขาที่นั่งอยู่

“พี่ฮั่น” พีทลืมตาเห็นพี่ชายนั่งอยู่ริมเตียง  อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว  เขาขยับเข้าไปกอดคนเป็นพี่ไว้ทันที

“มากอดพี่ทำไมเนี่ย หืม” คนเป็นพี่กอดตอบหลวม ๆ มือข้างหนึ่งลูบท้ายทอยก่อนจะสอดมือไปตามเส้นผมนุ่ม  ลูบหัวทุยที่ซบอยู่ที่ไหล่เขา

“ก็จะได้มั่นใจไงว่าไม่ได้ฝันไป พี่กลับมาแล้ว” พีทตอบแล้วคลายอ้อมแขน หันมองพี่ฮั่นเต็มตา  คนตรงหน้ายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน 

“พี่ตัวหอมจัง” พีทว่าแล้วยิ้มให้พี่ชาย 

เมื่อก่อนเขาก็เคยได้กลิ่นน้ำหอมของนายหมีบ้างเวลาพวกเขาใกล้ชิดกันโดยไม่ตั้งใจ  แต่เช้าวันนี้พี่ฮั่นตัวหอมมาก  มากจนเขาไม่อยากปล่อยแขนเลย 

“อะไร ไปอาบน้ำได้แล้ว  เดี๋ยวลุงคริสกับแม่จะรอนาน”  คนตัวหอมว่าแล้วหลบตาไปมองผ้าห่มแทนเพราะรู้สึกเขินที่พีทพูดแบบนั้น 

พีทรับคำแล้วก็กระโดดจากเตียงกลับเข้าห้องตัวเองอย่างร่าเริง  ทิ้งให้คนเป็นพี่นั่งอมยิ้มอยู่ที่เดิม




“เล่นอะไรน่ะพีท” 

พี่ฮั่นเอียงหน้ามาถามเขา  ขายาวก็ก้าวไปข้างหน้า  เช้าวันนี้พวกเขาเดินไปบ้านใหญ่เพื่อกินอาหารเช้ามื้อแรก ‘ทั้งครอบครัว’ 
หนุ่มน้อยที่เดินตามหลังพี่อมยิ้มกับคำถามของพี่ฮั่น เขาเอื้อมมือทั้งสองข้างมาเกาะเอวคนที่เดินข้างหน้าไว้ไม่ยอมปล่อยตั้งแต่เดินออกจากบ้านริมสระ 

“เล่นรถไฟไง ไม่ได้เล่นตั้งนานแล้ว” คนน้องว่า หน้าตาสดใส ใบหน้าเขาตอนนี้เหมือนเป็นเด็กชายตัวน้อยอายุสักห้าขวบก็ไม่ผิดนัก

เพราะเดินตามอยู่ข้างหลังคนน้องจึงไม่ได้เห็นใบหน้ายิ้มกว้างของคนเป็นพี่  พีทอาจจะจำไม่ได้แล้วว่าครั้งแรกที่พวกเขาเจอกัน  เขาก็ชวนพีทเล่นรถไฟแบบนี้   

“งั้นแวะไปสวนก่อนไปกินข้าวไหม”  คนขับรถไฟถามผู้โดยสาร 

“ไป  ไปเล้ยยยย” 

มือใหญ่ของพี่ฮั่นยกขึ้นมาจับมือเขาที่เกาะเอวพี่ฮั่นไว้ทั้งสองข้าง  จากนั้นทั้งสองคนก็ขี่รถไฟอ้อมไปที่สวน  วนรอบสระว่ายน้ำที่คนขับรถไฟแกล้งวิ่งเฉียดไปริมสระทำเอาผู้โดยสารร้องเสียงหลงเพราะกลัวตกน้ำ  เสียงหัวเราะทั้งคู่ดังประสานกันดังแว่วเข้าไปถึงในครัวก่อนจะตรงไปบ้านใหญ่

พีทรู้สึกแปลกเมื่อพี่ฮั่นจับมือเขาพาวิ่งเหยาะ ๆ ไป   เขาก้มมองมือตัวเองที่อยู่ในมือใหญ่อบอุ่นนั้น    เมื่อก่อนพวกเขาก็เล่นด้วยกันแบบนี้   แต่ทำไมคราวนี้มันแปลกไป   

พีทมัวแต่มองจึงไม่ทันระวังเมื่อคนข้างหน้าหยุดกะทันหัน  เพราะพวกเขามาถึงประตูด้านข้างของบ้านซึ่งติดกับห้องครัวแล้ว  พีทจึงชนเข้ากับหลังพี่ฮั่นเต็มแรง  หน้าผากโขกกับศีรษะคนข้างหน้า

“โอ๊ย!” 

“อ้าวพีท เจ็บมั้ย เหม่อรึไงถึงหยุดไม่ทัน”  คนข้างหน้าหันกลับมารวดเร็ว  แววตาเป็นห่วงเป็นใย 

“ไหน  เจ็บตรงไหน”  ยกมือขึ้นใช้นิ้วโป้งคลึงที่หน้าผากเขา

“เอาล่ะ หายเจ็บนะ เพี้ยง”  ลมอุ่นสัมผัสหน้าผากเขาแผ่วเบาเมื่อพี่ฮั่นจับหัวเขาให้ก้มลง   

“เมื่อก่อนจำได้ว่าพี่ต้องก้มไปคุยกับพีท เดี๋ยวนี้สูงเท่าพี่แล้วนะ” มือใหญ่เลื่อนลงมาจับบ่าน้องชายทั้งสองข้าง  มองสำรวจเขาอยู่ครู่

พีทนิ่งไปแล้วตั้งแต่พี่ฮั่นเอื้อมมือมาแตะที่หน้าผาก เกิดอะไรขึ้นบ้างเขาไม่รู้ตัวเท่าไรเพราะมัวแต่จ้องหน้าพี่ฮั่น 

“หายรึยัง”  คนเป่ายิ้มให้ 

“ไป  ไปกินข้าวกัน”  ว่าแล้วก็เข้ามาโอบไหล่เขา  ดึงเข้าบ้านไป 

พีทพยายามเรียกสติตนเองกลับมา  ก้าวตามพี่ฮั่นเข้าไปภายใน

‘แล้วทำไมเราต้องตื่นเต้นด้วยเนี่ย’

ความรู้สึกแปลกที่เกิดขึ้น ทำให้พีทเดินแยกจากพี่ฮั่นเข้าไปในครัวที่คุณโรสกำลังเตรียมอาหารง่วนอยู่  พี่ชายกำลังจะเดินตามเข้าไปแต่คุณคริสที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะอาหารหันมาเห็นเข้าพอดี  จึงพยักหน้าเรียกให้ไปคุยด้วย

คุณโรสยืนหันหลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ในครัวขนาดใหญ่ที่สว่างไสวจากแสงแดดยามเช้าที่ส่องผ่านกระจกเข้ามา  พีทสอดแขนกอดคุณโรสจากข้างหลัง วางคางตัวเองบนไหล่บอบบางของแม่เลี้ยง  เอ่ยถามเสียงหวาน

“คุณโรส  วันนี้ทำอะไรให้พีทกินมั่งครับ”

คุณโรสสะดุ้งเล็กน้อย  เธอหันมาหัวเราะให้คนขี้อ้อนด้านหลัง

“ของโปรดพี่ฮั่นทุกอย่างเลย  ไม่มีของพีทสักอย่าง”  คุณโรสแกล้งว่า

“ดีครับ  เพราะพี่ฮั่นชอบอะไร  พีทก็ชอบเหมือนกัน” 

หนุ่มน้อยว่าพลางยิ้มกว้าง  ทำให้คุณโรสหันมาค้อนให้เขา  ใบหน้าที่มีส่วนคล้ายกับลูกชายนั้นยิ้มสดใสทำให้ดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม  ความจริงคุณโรสก็ดูไม่แก่เลยสักนิด  ใครหลายคนมักบอกเขาว่าคุณโรสดูเหมือนพี่สาวเขามากกว่าจะเป็นแม่เลี้ยง  เพราะแบบนี้พ่อถึงไม่เคยปล่อยให้คุณโรสไปไหนมาไหนคนเดียวสักครั้ง  ต้องพาคุณโรสไปด้วยตลอด  ยิ่งเขาโตขึ้นดูแลตัวเองได้แล้วพ่อกับคุณโรสแทบจะทิ้งเขาไว้ที่บ้านเลยทีเดียว 

โชคดีที่พี่ฮั่นกลับมาแล้ว  เขาจะไม่ต้องเหงาอีกต่อไป

พีทช่วยคุณโรสยกจานอาหารมาวางบนโต๊ะ หันไปกล่าวอรุณสวัสดิ์กับพ่อที่นั่งคุยกับพี่ฮั่นเสียงเบา  พ่อกับพี่ฮั่นรีบหยุดการสนทนาทันที

“อะไรอ่ะพ่อ  ทำไมต้องมีความลับกัน บอกพีทบ้างสิ” เขาทรุดตัวลงนั่งข้างพ่อ  ตรงข้ามพี่ฮั่น

“ไม่มีอะไรหรอกลูก เรื่องงานน่ะ” พ่อบอกพลางยิ้มกว้าง  แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขที่ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม

“พี่ฮั่น”  พีทหันไปคาดคั้นพี่แทน

“เอาไว้พี่จะเล่าให้ฟังทีหลังนะ”  คนพี่ว่าพร้อมกับหันไปยิ้มให้คุณคริส  อย่างรู้กันสองคน

‘พ่อกับพี่ฮั่นมีความลับกับเขาอีกแล้ว’ พีทเลิกคิ้วหนาของตนเองอย่างสงสัยแต่เขาก็ไม่ซักอะไรต่อ  เดี๋ยวพี่ฮั่นก็คงบอกเองเมื่อถึงเวลา

มื้อเช้าที่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ทำให้ทุกคนเจริญอาหาร  เสียงพูดคุยประสานเสียงหัวเราะดังออกมาเป็นระยะ  บางครั้งบางคราวก็มีเสียงโวยวายของพีท  เด็กโข่งเอาแต่ใจ

“พีท คราวนี้พ่อคงไม่ต้องไปไหนแล้วแต่คงไม่มีเวลาอยู่บ้านเท่าไร เพราะตอนนี้ทางพรรคกำลังจะเปิดตัวพ่อแล้ว  คงต้องเริ่มเดินสายหาเสียงเสียที” 

คริสหันมาบอกลูกชายหลังจากพวกเขาทานอาหารกันเสร็จแล้ว  คุณโรสกำลังเสิร์ฟกาแฟ

“พ่อคงต้องให้พี่ฮั่นดูแลลูกต่อไป  มีอะไรก็ปรึกษาพี่เขานะ พ่อยกทุกอย่างให้พี่เขาตัดสินใจ  ตกลงไหม” 

“ครับ”   พีทหันไปยิ้มให้พ่อ  เลื่อนเหยือกนมกับโถน้ำตาลไปตรงหน้าให้อย่างเอาใจ

“คราวนี้ไม่บ่นแล้วเหรอลูก  คราวที่แล้วยังโวยเต็มบ้านเลย พ่อหนีแทบไม่ทัน”  พ่อหัวเราะแล้วเอื้อมมือมาวางบนศีรษะของเขา โยกเบา ๆ อย่างเอ็นดู 

พีทย่นจมูก  ทำให้พี่ชายที่นั่งตรงข้ามมองนิ่ง

“อะไรล่ะพ่อ  ก็ตอนนั้นพ่อหลอกผมนี่  ตอนนี้ผมรู้แล้ว”  คนพูดเหลือบตาไปมองพี่ฮั่นที่นั่งตรงข้ามเขา   แววตาที่ส่งไปยังพี่ชายทำให้คนเป็นพี่ยิ้มออกมา

-----------------------------------



หลังอาหารเช้าอันแสนสุข  พ่อกับคุณโรสก็ออกไปทำงาน  พีทก็เตรียมตัวไปเรียนตามปกติ เขาแปลกใจที่พี่ฮั่นยังทำเหมือนเดิมคือตามเขาไปมหาวิทยาลัยด้วย  พี่ฮั่นให้เหตุผลว่ายังไม่วางใจเรื่องความปลอดภัยของเขา แม้ว่าพ่อจะประกาศตัวเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐแล้วก็ตาม  ฝ่ายตรงข้ามคงจะมุ่งเป้าไปที่ตัวพ่อแทน  แต่เขาเองก็ยังคงไม่ปลอดภัย

แม้พี่ฮั่นจะยอมบอกเขา ‘นิดหน่อย’ ว่าได้เตรียมการโต้กลับฝ่ายโน้นมานานแล้ว  การเอาคืนครั้งนี้ใช้เวลาพอสมควรจึงจะเห็นผล  แต่พี่ฮั่นก็ไม่ยอมบอกเขาชัดเจนว่าจัดการอะไรไปบ้าง  บอกแค่ให้เขารอดู   

พีทไม่ต้องรอนาน  เพราะอีกไม่กี่วันต่อมาก็เกิดข่าวใหญ่ขึ้น  เมื่อนักข่าวได้รับเอกสารแสดงการทุจริตการจัดซื้ออาวุธของกองทัพจำนวนหลายพันล้าน   ซึ่งหัวหน้าพรรคฝ่ายตรงข้ามดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอยู่ หลักฐานนั้นนอกจากจะมีเอกสารการจัดซื้ออย่างผิดกฎหมาย  ยังมีหลักฐานการโอนเงินหลายร้อยล้านเข้าบัญชีธนาคารของตัวแทนหลายทอด  และคลิปวีดีโอการพบปะอย่างลับ ๆ ระหว่างรัฐมนตรีกับตัวแทนบริษัทค้าอาวุธขณะเดินทางไปดูงานต่างประเทศ  รวมทั้งคลิปเสียงการพูดคุยทางโทรศัพท์อีกหลายครั้ง  ข่าวนี้ทำให้หัวหน้าพรรคและลูกพรรคหลายคนถูกตรวจสอบ

นอกจากจะถูกตรวจสอบเรื่องการทุจริตแล้ว  ยังมีการเผยแพร่ ‘คลิปฉาว’ ระหว่างหัวหน้าพรรคกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกในพรรคนั้นด้วย  หัวหน้าพรรคถูกตั้งคำถามจากประชาชนเรื่องศีลธรรม   เพราะเขามีภาพพจน์เป็นคนรักครอบครัว   ตรงข้ามกับสิ่งที่ประชาชนเห็นในคลิปนั้นอย่างสิ้นเชิง คลิปฉาวนั้นดูจะเป็นกระแสแรงยิ่งกว่าข่าวการทุจริตเสียอีก  ประชาชนแทบทุกคนที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตต่างก็พูดคุยกันอย่างเผ็ดร้อนเมื่อได้ดูคลิปนั่น เรื่องนี้เป็นข่าวดังไปทั้งประเทศเพราะทุกคนให้ความสนใจอย่างมาก มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในสังคมและในโลกไซเบอร์   และเนื่องจากกำลังจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐในอีกสองเดือนข้างหน้า  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จึงส่งผลต่อคะแนนเสียงของพรรค  และทำให้ความเชื่อมั่นของพรรคสั่นคลอนอย่างมาก

พีทที่ติดตามข่าวนี้เช่นกันเข้าไปกอดพี่ฮั่นในเช้าวันหนึ่งก่อนพวกเขาจะออกจากบ้านไปมหาวิทยาลัย

“ขอบคุณนะพี่  สำหรับทุกเรื่องที่ทำให้พ่อกับผม” 

เสียงเขาสั่นจากความตื้นตันใจ  สิ่งที่พี่ฮั่นทำเพื่อเขาและพ่อทำให้เขาพูดไม่ออก

พี่ฮั่นไม่ตอบอะไร   ทำเพียงยกมือขึ้นลูบผมเขาแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นเช่นกัน

--------------------------------------------



“พี่อ่ะ ไหนพี่บอกว่าถ้าจัดการพวกนั้นได้แล้ว จะให้ผมกลับไปร้องเพลงที่ร้านไง”

พีทเอ่ยถามพี่ฮั่นเย็นวันหนึ่งหลังจากกลับถึงบ้าน  พี่ฮั่นสัญญาว่าจะรอให้เขาหายดีก่อนแล้วถึงจะอนุญาตให้กลับไปร้องเพลงได้ นี่เขาหายดีมาตั้งหลายวันแล้ว  พวกพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามก็เกือบจะถูกยุบพรรคอยู่แล้ว   

เขายังไม่ได้ร้องสักเพลง!

พี่ชายนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวยาว  ละสายตาจากรายการข่าวตรงหน้ามามองเขา  ก่อนจะหยิบรีโมทมากดปิดโทรทัศน์

“พีท พี่คิดว่าพีทควรจะไปเลิกร้องเพลงที่ผับได้แล้วนะ”

พี่ชายตอบเขาอย่างระมัดระวังราวกับรู้ว่าพีทจะต้องถามขึ้นมาสักวันหนึ่ง  และคำตอบของเขาจะเป็นตัวกำหนดปฏิกิริยาต่อไปของน้องชาย

“อ้าว ทำไมพี่พูดแบบนี้ล่ะ ผมไม่ยอมหรอก นี่พี่กะจะให้ผมเลิกไปร้องเพลงที่นั่นใช่ไหม  ถึงไม่ยอมให้ผมไปตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลน่ะ?” 

นั่นไง  คุณชายกำลังจะเริ่มแล้ว

“พี่เห็นว่าพีทกำลังจะสอบแล้ว  แล้วเทอมนี้พีทขาดเรียนบ่อย  น่าจะเลิกร้องเพลงแล้วมาเตรียมตัวสอบ  อีกอย่างเทอมหน้าก็ต้องไปฝึกงานด้วย  พี่กลัวพีทจะเหนื่อย” 

“แต่ว่า...”   

“ให้โอกาสคนอื่นที่เขาพร้อมกว่าเราได้ขึ้นไปยืนบนเวทีบ้างดีกว่าไหม?” 

พี่ชายพูดตัดบทขึ้นมาก่อนที่พีทจะหาข้ออ้างอะไรทัน
 
“พี่พูดแบบนี้หมายความว่าไง พี่คิดว่าผมไม่ดีเหรอ”

พีทโวยวายทันทีเมื่อได้ยินพี่ฮั่นพูดแบบนั้น  นี่พี่ฮั่นคิดว่าเขาไม่พร้อมอะไร  เขาร้องเพลงไม่ดีตรงไหน?

“มานี่มา”  คนเป็นพี่ต้องลุกไปกอดคอน้องชายมานั่งด้วยกันก่อนจะอธิบาย

“พี่หมายความว่าตอนนี้มีคนอื่นที่เขาพร้อมจะทำเป็นอาชีพแต่พีทน่ะทำเป็นงานอดิเรก  ทำเพราะใจรัก  อีกอย่างช่วงนี้พีทมีหน้าที่หลายอย่างต้องทำ  ทั้งเรียน  สอบและต้องฝึกงาน”   

“พีทต้องลางานบ่อย  อ๊ะ อย่าเพิ่งโวย”  พี่ฮั่นยกนิ้วชี้ห้ามไว้ก่อนที่พีทจะทันอ้าปากด้วยซ้ำ

“พี่หมายถึงพีทจำเป็นต้องขาดงาน  ทำให้คนในวงเขาต้องวุ่นวายหาคนร้องแทนหลายครั้ง  แล้วตอนนี้เขาก็หาคนใหม่ได้แล้วแต่นักร้องใหม่เขายังไม่มีโอกาสได้ทำเต็มตัวเพราะติดที่ว่าพีทเป็นนักร้องนำอยู่แล้ว  เขาต้องรอวันที่พีทไม่ว่างเท่านั้นถึงจะได้ร้อง  พีทคิดว่าแบบนี้มันไม่สร้างความลำบากให้คนอื่นเหรอ”

พีทนิ่งไปเมื่อได้ฟังเหตุผลยืดยาวทั้งหมดที่พี่ฮั่นพูด  เขาลืมคิดเรื่องนี้ไป  เขาคิดแค่ว่าเขาอยากร้องเพลง  เขาชอบที่ได้ยืนอยู่บนเวที  แต่เขาลืมไปว่ายังมีอีกหลายคนต้องเดือดร้อนเพราะเขาอีกหลายคน

“แต่พี่ร็อกกี้บอกว่าลูกค้าอยากให้ผมไปร้องนี่” เด็กดื้อยังคงพยายามจะหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองเสียงอ่อย

“พี่รู้ เป็นเพราะพีทร้องประจำที่นั่นมาพักใหญ่  พีทมีคนที่ชื่นชมอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง  วันที่พีทหายไปเขาก็ต้องเรียกร้องให้กลับมามันเป็นเรื่องปกติ  แต่พีทจะร้องเพลงอยู่ที่ร้านนั้นได้อีกกี่ปี   พีทจะเป็นนักร้องในผับตลอดไปจนแก่งั้นหรือ  พี่ถามจริง ๆ”

“วันหนึ่งพีทก็ต้องเลิกร้องเพลงถูกไหม  พีทก็ต้องไปทำอะไรอย่างอื่น เพียงแต่ว่าพีทอาจจะเลิกเร็วไปหน่อยแค่นั้นเอง  เราควรจะเปิดโอกาสให้คนอื่นได้มายืนอยู่ตรงนั้นบ้าง  อย่าลืมสิว่าเราน่ะมีภาระที่รออยู่ข้างหน้าอีกมากมายเลยนะ  กิจการของลุงคริสน่ะ  ไม่ใช่ของเล่น ๆ พี่จะเตือนไว้ก่อน”  พี่ชายบอกเสียงอ่อน

“ผมไม่สนงานของพ่อหรอก  พี่ฮั่นก็รับไปสิ” 

ทายาทของคุณคริสหน้างอเป็นจวัก โยนหน้าที่ให้พี่ชาย  พี่ฮั่นพูดเหมือนพ่อเลยว่าเขาต้องเป็นคนสืบทอดกิจการของพ่อ  ทั้งที่เขาไม่ได้ต้องการเลย  เขาอยากทำอย่างอื่นมากกว่า

“ไม่ได้หรอก มันเป็นของพีท พี่อาจจะช่วยได้นิดหน่อยแต่มันเป็นความรับผิดชอบของพีทนะมาโยนให้พี่ได้ไง”  พี่ฮั่นวางมือใหญ่บนหัวเขา โยกไปมาเหมือนที่ทำเป็นประจำ

“ผม ผม ผมยังไม่อยากทำนี่ ผมอยากวิ่งเล่นก่อน นะพี่ฮั่น” 

พีทเริ่มจะทำเสียงอ่อนเขย่าแขนหนาของพี่ชายเบา ๆ  แต่ดูเหมือนพี่ฮั่นจะรู้ทันเขาเพราะพี่ฮั่นยังทำหน้าเฉย   แววตาเอาจริงแบบที่เขาก็รู้ว่าถึงเขาจะดึงดันไปก็ไม่มีประโยชน์

“พีทไม่อยากเริ่มงานของลุงคริสตอนนี้ก็ได้  แต่ยังไงเรื่องร้องเพลงพี่เห็นว่าควรจะหยุด” 

ถึงแม้พี่ฮั่นจะพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาแต่ประโยคนั้นกลับแฝงด้วยอำนาจบางอย่างที่ทำให้เขาไม่กล้าขัด  พีทย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจเมื่อเห็นลางแพ้ของตัวเองอยู่รำไร   พี่ฮั่นหาเหตุผลอะไรตั้งมากมายมาค้านเขาได้ทุกประเด็น

‘หึ  เจ็บใจชะมัด!’

-----------------------------------



พีทซึมไปเลยเมื่อต้องคิดหนักเรื่องนี้  เขาไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบ  เขารู้ว่าเขามีภาระเรื่องใดรออยู่ข้างหน้า เขาไม่คิดจะหนีหรอก  เขาแค่ต้องการเวลา เขาอยากจะทำสิ่งที่เขาชอบอย่างการร้องเพลง  เล่นดนตรีต่อไปสักพัก  พีทยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ตลอดคืนจนกระทั่งเช้า  เรื่องแรกที่เข้ามาในหัวตอนตื่นก็คือการต้องตัดสินใจว่าจะเลิกร้องเพลง

“พีท  เป็นอะไร” 

พี่ชายสังเกตเห็นหน้างอของพีทตั้งแต่ตื่นนอน  จนเมื่อมานั่งที่โต๊ะอาหารแล้ว  ก็ยังเขี่ยอาหารไปมาไม่ยอมกินอะไร 

หลังจากคุยกันเรื่องให้พีทเลิกไปร้องเพลงที่ผับแล้วน้องก็เงียบไปนานจนเข้านอน  ความจริงเขาถูกลุงคริสขอร้องให้ช่วยพูดให้พีทเลิกร้องเพลงตั้งแต่วันแรกที่กลับมาแล้ว  ที่ผ่านมาเขายังปล่อยให้พีทไปร้องเพลงที่นั่นอยู่ทั้งที่รู้ว่ามันอันตราย  เพราะเขาเองก็รู้ว่าพีทรักการร้องเพลงขนาดไหน
 
ที่สำคัญเขาเองก็ ‘รัก’ ที่จะเห็นน้องร้องเพลง เขาชอบมองแววตาสดใสเวลาพีทร้องเพลง  แววตาที่เขาหลงใหลตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นพีทร้องเพลงบนเวทีก่อนจะกลับมาในฐานะ ‘ผู้ดูแล’  ของคุณชาย

“ไม่เป็นไรครับ  ผมปวดหัวนิดหน่อย” 

‘นั่นไง  ตอบตามสูตรเป๊ะ’

“เสียดายจัง อุตส่าห์จะชวนไปดูคอนเสิร์ตซะหน่อย”  คนถามเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงร่าเริง  จับตามองที่น้องชายที่ทำหน้างออยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะอาหาร

“อะไรนะพี่”  พีทเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารทันควัน

“พี่จะชวนไปดูคอนเสิร์ต  กะจะทำเซอร์ไพรส์สักหน่อย  พีทดันไม่สบายซะนี่”

คนพูดยิ้มให้  ล้วงมือไปที่กระเป๋าเสื้อเชิ้ต  หยิบบัตรคอนเสิร์ตสองใบมาวางบนโต๊ะ  พีทหันไปคว้าบัตรใบหนึ่งขึ้นมาดูแล้วก็ทำตาโต

“เฮ้ย  ผมอยากดูวงนี้เล่นมาตั้งนานแล้ว  พี่ไปหามาได้ไงอ่ะ  ผมยังจองไม่ทันเลย”  พีทหันไปมองพี่ฮั่นตาเป็นประกาย  ลืมตัวไปว่าเมื่อกี้เพิ่งปดพี่ว่าปวดหัวอยู่แหมบ ๆ

“มือชั้นนี้แล้ว  เรื่องแค่นี้สบายมาก”  คนพี่พูดพลางยิ้มโอ่ที่ตัวเองหาบัตรคอนเสิร์ตนี้มาได้ 

“ทำหน้ายังกะเจ้าแรมโบ้เห็นกระดูกงั้นแหละ”  พี่ฮั่นแซวเขา

พีทไม่เคืองสักนิดกับคำแซวนั้น  เขากำลังดีใจ  เพราะวงนี้เป็นวงโปรดของเขามานานแล้ว  พีทติดตามข่าวการจัดคอนเสิร์ตและรอคอยเวลาเปิดขายบัตรอย่างใจจดใจจ่อ  แต่เมื่อถึงวันเปิดขายบัตรจริง ๆ  เขากลับกำลังเศร้าเรื่องที่ทะเลาะกับพี่ฮั่นจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง  ขนาดวันนี้เป็นวันเล่นคอนเสิร์ตเขายังจำไม่ได้สักนิด  ถ้าพี่ฮั่นไม่หยิบบัตรคอนเสิร์ตนี่มาวางที่โต๊ะเขาก็คงลืมไปแล้ว 

พีทก้มมองตั๋วคอนเสิร์ตในมืออีกครั้ง  กัดปากตัวเอง  เขาดีใจสุด ๆ เลย 

“แต่พีทปวดหัวนี่นา พี่ว่าเราอย่าไปเลย พักผ่อนดีกว่า” มือใหญ่เอื้อมมาคว้าตั๋วคอนเสิร์ตในมือเขาไปอย่างรวดเร็วแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ   ทำท่าไม่สนใจอีก

พีทตาค้าง 

“เฮ้ย  พี่ฮั่น  ไม่ไปได้ไง  ผมหายปวดหัวแล้ว  เราไปกันเหอะ นะ นะ” 

เขาชะโงกตัวข้ามโต๊ะมาเขย่ามือพี่ฮั่นทีเดียว

“อยากไปจริงอ่ะ” คนพี่ยิ้ม  ซ่อนแววตาเจ้าเล่ห์ไว้แทบไม่มิด

“จริงสิคร้าบ” 

“ไหนอ้อนหน่อยสิ” 

‘หา  ว่าไงนะ  พี่ฮั่นจะให้เขาอ้อนเนี่ยนะ  เห็นเขาเป็นเด็กหรือไง’ 


‘แต่ว่า...’ พีทมองไปที่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตพี่ฮั่น  ทำท่าคิด 

‘มันก็คุ้มอยู่นะ  ไม่ได้ดูคอนเสิร์ตนี้คงหาโอกาสดูอีกยากแน่ ๆ แล้วตั๋วนั่นก็เป็นที่วีไอพีซะด้วย  อยู่หน้าสุด!’ 

‘โอ๊ย  คิดแล้วเรื่องอ้อนนั่น’ 

‘เรื่องเล็ก!’





คนเป็นพี่มองไปที่พีทที่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี  หนุ่มน้อยกำลังวุ่นวายอยู่กับการค้นตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ของตัวเองเพื่อหาเสื้อใส่ไปดูคอนเสิร์ตเย็นนี้พร้อมกับร้องเพลงไปด้วย 

เขาส่ายหน้าน้อย ๆ ให้น้องชาย  เย็นนี้จะไปดูวงเล่นอยู่แล้วแต่พีทก็ยังเปิดแผ่นของวงดนตรีชื่อดังนี้ดังกระหึ่มห้องนอน

นึกไปถึงตอนเช้าที่โต๊ะอาหาร  พีททำตัวเหมือนแมวทีเดียว  หนุ่มน้อยลุกจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมาทรุดนั่งที่เก้าอี้ข้างเขา  เอาหัวทุยของตัวเองมาสีที่ไหล่  ยกมือมาเกาะแขน   ยิ้มหวานนั่นยังไม่เท่ากับเสียงอ่อนที่อ้อนวอนเขาขอไปดูคอนเสิร์ต

 
“พี่หมี  ให้น้องไปดูคอนเสิร์ตน๊า  พี่หมีใจดี”

“นะคร้าบบบ”

‘พี่หมี’ ยิ้มเมื่อนึกถึงคำนี้  พีทสารภาพกับเขาเขิน ๆ ว่าแอบเรียกเขาว่า ‘นายหมี’ ตั้งแต่ตอนโน้น  พีทช่างสรรหาคำเรียกแต่เขากลับชอบชื่อนี้

เขาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งเพื่อซึมซับภาพของพีทที่เขาเห็นไว้ 

เวลาพีทยิ้มอ้อนแบบนี้  มันเป็นภาพน่ารักในสายตาเขาเสมอมาตั้งแต่พีทยังเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ แล้วลากเสียงแบบนี้อีก  คนใจแข็งที่ไหนก็อดใจอ่อนไม่ได้หรอก 

เขาต้องข่มใจอย่างมากไม่ให้ตัวเองตอบตกลงเร็วเกินไป ปล่อยให้พีทอ้อนวอนอยู่นานทีเดียวก่อนจะพยักหน้า  พีทยิ้มร่าลุกจากเก้าอี้มากอดคอเขาจากด้านหลังวางคางเรียวของตัวเองบนไหล่เขาแล้วขอบคุณซ้ำ ๆ อยู่นาน  เขายกมือขึ้นลูบหัวทุยนั่นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ 

‘น้องใครนะ  น่ารักชะมัด’

คุ้มจริง ๆ ที่โทรไปขู่แคนให้หาบัตรมาให้จนได้

“พี่จำไว้เลยนะ  ผมต้องติดสินบนใครตั้งเยอะแยะ  กว่าจะเอาบัตรนี่มาได้เนี่ย  คอนเสิร์ตบ้าอะไร  บัตรหายากยิ่งกว่าตั๋วดูแมนยู ลิเวอร์พูลเตะกันซะอีก  คราวหน้าพี่ต้องช่วยผมด้วย”  แคนว่าพลางทำหน้าเคืองตอนที่ยื่นบัตรคอนเสิร์ตให้เขา




“พี่ฮ่านนน   พี่ฮั่น”  เด็กชายพีทเดินหน้างอมาทรุดตัวนั่งข้างเขา

“ผมไม่มีเสื้อใส่”  เขาว่า 

ฮั่นเลิกคิ้วหนาของตัวเองอย่างแปลกใจ  แล้วไอ้ที่กองอยู่บนเตียงเป็นภูเขาย่อม ๆ นี่มันอะไร

“ขอไปดูที่ตู้พี่หน่อยนะ  น๊า” 

‘นี่คนหรือแมว?’

พี่ชายคิดพร้อมกับยิ้มเมื่อพีทเอาหัวมาถูกับไหล่เขาอีกแล้ว  คราวนี้เหลือบตากลม ๆ มาใช้สายตาอ้อนวอนแทน

“ไปสิ...”

เขาก็ไม่เคยทนได้หรอกกับท่าทางอ้อนแบบนี้  พีทฝึกวิทยายุทธจนเชี่ยวชาญตั้งแต่เด็กเชียวล่ะ  ไม่ว่าลุงคริส  แม่เขาหรือลุงฉี โดนพีทอ้อนใส่แล้วเป็นต้องใจอ่อนทุกราย

ในที่สุดพีทก็หาเสื้อตัวที่ถูกใจได้  แถมยังยึดหมวกเขาไปด้วย

“พี่ใจดีที่สุดเลย”  คนน้องว่าพลางเข้ามากอด

‘หายซึมไปเลยสินะ’   

-------------------------------------


แล้วเจอกันค่ะ

 :mew1: :mew1: :mew1:




ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
พี่ฮั่นสอนน้องซะหายดื้อเลย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
28. ก่อนสอบ


“ไหนวันก่อนพี่บอกว่าช่วยงานพ่อไง วันนี้ไม่ทำเหรอ”

พีทหันไปถามพี่ฮั่นที่แต่งตัวยังกะนักศึกษาอย่างเขา  พี่ฮั่นมักจะใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์สีเข้ม  บางวันก็มีหมวกหรือเสื้อกั๊กสวมทับ  และเพราะพี่ฮั่นเป็นคนสูงใหญ่ รูปร่างดีอย่างนักกีฬาทำให้ดึงดูดสายตาคนทั้งมหาวิทยาลัย
 
ใครต่อใครก็เลิกสงสัยกันแล้วว่าพี่ฮั่นมาทำอะไรที่คณะของเขา  ทุกคนในคณะของเขาเคยชินเสียแล้วที่เห็นพี่ฮั่นมานั่งรอเขาเรียน  เพื่อนเขาหลายคนก็รู้จักคุ้นเคยกันดีกับพี่ฮั่น  โดยเฉพาะสาว ๆ ในคณะ  ทั้งสาวแท้สาวเทียมที่ตั้งตารอกันเลยทีเดียว

“ทำสิ”  คนที่ขับรถตอบโดยไม่ละสายตาจากถนน

“ทำตอนไหนล่ะ  ตอนผมเรียนน่ะเหรอ”  พีทหันหน้าไปมองคนที่ขับรถอยู่  เขาเลิกคิ้ว

“ใช่ ก็ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ไง” 

เขาใช้เวลาตอนที่พีทเข้าเรียน  สั่งงานทางอินเตอร์เน็ตหรือโทรศัพท์  บางครั้งบางคราวก็ให้เลขาเอาเอกสารที่เป็นเรื่องด่วนมาให้เซ็นที่มหาวิทยาลัย  พีทไม่ทันสังเกตหรอก  ก็ตอนนั้นหน้าเขาพีทยังไม่ค่อยจะมอง

“แล้วพี่ทำงานอะไร”  พีทยังคงสงสัย

“ทำงานให้ลุงคริสไง” 

“ทำอะไรล่ะ ทำไมไม่บอกให้ชัด ๆ ล่ะ”  น้องยังถามอีก

“ทุกอย่าง”
 
“ไม่บอกผมอีกแล้วนะ”  หน้าคุณชายเริ่มเหวี่ยงแล้ว

“ไม่บอกตรงไหน  ก็ตอบคำถามทุกคำเลย”  คนเป็นพี่ว่า ใบหน้าอมยิ้ม

เท่านี้พีทก็รู้ตัว ‘พี่ฮั่นกำลังแกล้งยั่วโมโหเขาอยู่ใช่มั้ย?’

“พี่อ่า แกล้งยั่วโมโหผมอีกแล้ว” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปเขย่าแขนพี่ชายอย่างมันเขี้ยว 

“เฮ้ย  พีท  พี่ขับรถอยู่”  คนพี่ยกแขนหนี  ทำเสียงดุไม่จริงจังนัก

“ชอบยั่วโมโหผมตลอดเลย  สนุกรึไง”  พีทโวย  เหลือบตากลมมามองคนข้างกายอย่างขัดเคือง

“สนุกดีออก พี่ชอบดูหน้าเราตอนโมโหนี่”  คนพี่ว่าแล้วเอื้อมมือใหญ่มาโยกหัวเขา   

พี่ฮั่นหัวเราะเสียงเบา  ดวงตาชั้นเดียวนั้นแทบปิดเวลาพี่ฮั่นหัวเราะแบบนี้ทำให้พีทมองหน้าพี่ฮั่นเพลินทีเดียว  เขาชอบมองเวลาพี่ฮั่นหัวเราะ เพราะมันทำให้เขารู้สึกเป็นสุขไปด้วย 

คนถูกมองเมื่อรู้ตัวก็ค่อย ๆ หยุดหัวเราะ จากนั้นก็เม้มปากแน่นเหมือนทำตัวไม่ถูกที่น้องชายจ้องมองไม่วางตา 

พีทมองพี่ฮั่นจนพอใจแล้วก็หันหน้ากลับไปสนใจวิวข้างทางต่อ  เพราะตัวเองก็เริ่มรู้สึกแปลกเช่นกัน  เขาจ้องหน้าพี่ฮั่นนาน ๆ แล้วรู้สึกเหมือนตกบ่อทรายดูดยังไงไม่รู้   เหมือนยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนถูกดูดลึกลงไป



เหลืออีกไม่กี่วันพวกเขาจะปิดเทอมแล้ว  พี่ฮั่นเสนอว่าจะมา ‘อยู่เป็นเพื่อน’  จนพีทปิดเทอมแล้วหลังจากนั้นจะกลับไปทำงานเสียที  พีทหน้างอเมื่อพี่ฮั่นพูดแบบนั้น  เลยโดนพี่ฮั่นเหนี่ยวคอไว้  มือพี่ฮั่นยกมาขยี้ผมเขาจนยุ่งไปหมด

“หน้างอทำไม  เรานอนด้วยกันทุกคืน”  พี่ฮั่นว่า

“ไหนพี่ว่าผมอาจจะยังไม่ปลอดภัยไง” เขาเถียง

“ก็เดี๋ยวพีทก็จะไปฝึกงานแล้วนี่   พี่ก็ทำงานแถวนั้นแหละ”

คำตอบนั้นทำให้เขายิ้มออกมาได้

--------------------------------



หลังเลิกเรียนแล้ว หมีสามตัวก็มาห้องซ้อมหลังจากที่หยุดซ้อมไปนาน ริทแทบกระโดดเข้าหาพี่ฮั่นทันทีที่เข้ามาในห้องซ้อมทีเดียวเพราะพี่ฮั่นหายไปหลายวัน

อยากจะกอดพี่โดมแน่น ๆ สักทีเมื่อพีทไม่ต้องแก้ไขความเข้าใจผิดอะไรมากตอนที่บอกเพื่อนในวงว่าความจริงแล้ว ‘พี่ชายพีท’  ชื่อฮั่น ไม่ได้ชื่อฮัท 
 
“พี่หายไปไหนมา  พวกผมซ้อมเพลงใหม่กันแล้วนะ งานคอนเสิร์ตวันคริสต์มาสอีฟคราวหน้าจะใช้เพลงนี้ด้วย  คราวนี้พี่โดมได้โชว์เดี่ยวส่งท้ายก่อนจบแน่  พี่คงไม่ปวดท้องไส้ติ่งจะแตกเหมือนคราวที่แล้วใช่ป่ะ”  ริทหันมาแซวโดม 

เรื่องโดมปวดท้องเพราะไส้ติ่งอักเสบจนขึ้นร้องเพลงไม่ได้เมื่อตอนพวกเขาอยู่ปีหนึ่งเป็นเรื่องตลกที่พวกเขามักเอามาแซวโดมเสมอ

“อ้าวริท  คนเราจะมีไส้ติ่งกันสองสามอันให้อักเสบได้ทุกปีเชียวเหรอ  นายก็ว่าไป”   โดมหันมาแก้ตัว  นี่เป็นคำตอบโต้ที่แรงที่สุดแล้วสำหรับคนเรียบร้อยอย่างโดม  ผู้ชายใจดี

“ก็ไม่แน่นะพี่โดม  ผมว่าพี่อาจจะมีอยู่หลายอันก็ได้นะ ก็พุงพี่ใหญ่ขนาดนี้อ่ะ” 

ริทยังคงแซว  เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาจากคนอื่นได้เป็นอย่างดี  โดมส่ายหน้ากลมของตัวเองแต่ไม่ว่าอะไร  เพราะทุกคนในวงรู้ดีว่าถึงโดมจะมีพุง แต่เรื่องความฮอตนี่เขาก็ไม่น้อยหน้าใครในวงหรอกนะ 

ใครจะคิดว่าหนุ่มอ้วนกลมอย่างโดม  สาว ๆ วิ่งเข้าหากันยิ่งกว่าพวกที่หน้าตาดีไปวัน ๆ ซะอีก  ดูได้จากเวลาซ้อมเสร็จ  หน้าห้องซ้อมมักจะมีขนมนมเนยมาวางไว้ให้  ของโดมทั้งนั้น  แม้ว่าช่วงหลังจะเริ่มมีของฝากของ ‘พี่ชายพีท’ มาบ้างก็ตาม

“อ้าวพีท  หวัดดี”  ดูเหมือนริทเพิ่งมองเห็นเขา  ทั้งที่เขายืนอยู่ข้างพี่ฮั่นตั้งแต่แรก

“หวัดดีคร้าบบบ” 

หนุ่มน้อยลากเสียงยาว  โอบแขนไปที่ไหล่พี่ชาย  มองคนตัวเล็กด้วยสายตาอย่างหนึ่งทำให้คนตัวเล็กต้องคิ้วขมวด  ริทคุยอยู่ครู่จึงถอยไปเตรียมตัวกับคนอื่นในวง  จากนั้นพีทก็ไม่ได้สนใจใครอีกเพราะเขาเอาแต่คุยกับพี่ชายตลอดเวลาจนสมาชิกมากันครบแล้วก็ยังไม่รู้ตัว

โดมถูกริทสะกิดให้ดูอะไรบางอย่าง  คนตัวเล็กไม่พูดอะไร  แต่ท่าทางของริทนั้นทำให้โดมต้องหันกลับไปดูอย่างตั้งใจ  เขามองสองพี่น้องแล้วก็ยิ้มเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็น  ตั้งแต่พี่น้องกลับมาคืนดีกันพีทไม่เคยละสายตาจากพี่ชายเลย  จะทำอะไรต้องมีพี่ชายอยู่ด้วยตลอดเวลา  ตัวเขาแทบจะตกกระป๋องไปเลยทีเดียว 

“ช่วงก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้  ทำไมอยู่ดี ๆ มาคุยกันกระหนุงกระหนิงได้ล่ะพี่โดม”  ริทกระซิบถามเขา

“ช่วงก่อนทะเลาะกันนิดหน่อย  ตอนนี้ดีกันแล้ว”  โดมว่า

“ผมว่ามันแปลกนะ”  ริททำหน้ายุ่ง  คนตัวเล็กหรี่ตาเหมือนจับความผิดปกติได้  ทำให้โดมต้องหันกลับไปมองคนทั้งคู่อีกครั้ง

‘แปลกเหรอ ไม่มั้ง’ 

“อย่าคิดมากเลยริท  เราซ้อมกันเถอะ” โดมตัดบทเพียงเท่านี้แต่ตัวเองกลับแอบสังเกตการณ์อยู่คนเดียวตลอดการซ้อมที่เหลือ

หลังซ้อมเสร็จ  ทุกคนในวงตกลงกันว่าจะไปฉลองกันก่อนสอบ  โดยที่ ‘นางงามมิตรภาพ’  ของพีทเสนอตัวเป็นเจ้ามือ

“พี่ฮั่นใจดีจังเลย  งั้นผมไม่เกรงใจละนะจะกินให้เรียบเลย”  เสียงริทว่า 

พีทแอบมองไปที่คนตัวเล็กที่ชอบไปอยู่ใกล้พี่ฮั่นของเขา    แล้วหันไปมองพี่แทนที่กำลังยืนมองคนทั้งคู่อยู่เช่นกัน 

‘จะวางมวยกันรึเปล่านี่’   เขาแอบคิดอย่างหวั่นใจพลางหันไปมอง ‘ตัวต้นเหตุ’ 

พี่ฮั่นมองสบตาเขาทันทีเหมือนรออยู่แล้ว  พยักหน้าเล็กน้อยเหมือนเรียกให้เขาเข้าไป  พีทกัดปากตัวเองคิดอยู่ครู่จึงยอมเดินเข้าไปใกล้  เขาวางสองมือเกาะไหล่กว้างของพี่ฮั่นทางด้านหลัง  ยื่นหน้าวางคางตัวเองไว้กับไหล่พี่ชายด้านหนึ่ง  จากนั้นจึงหันไปยิ้มให้ริทแล้วทำท่าพยักพเยิดไปข้างหลัง

ริทหันหลังไปเห็นพี่แทนยืนมองมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่สายตาน่ากลัวแล้วก็แทบทรุด  คนตัวเล็กรีบเข้าไปเกาะแขนพี่แทนทันที

“ป่ะ พี่แทน  ไปกินเลี้ยงกัน  ริทหิวแล้ว  พวกเราไปกันเถอะ  ไปร้านเดิมนะ เร็วเข้า”

ประโยคหลัง  ริทหันไปชวนเพื่อนคนอื่นในวงที่เตรียมพร้อมกันอยู่แล้ว รอแต่ริทนั่นแหละ  คนที่เหลือส่ายหน้าอย่างเคยชินเสียแล้วกับเรื่องแบบนี้แล้วทยอยเดินออกจากห้องซ้อม 

พี่ฮั่นหันมายิ้มใส่ตาเขาแล้วเอ่ยชวนให้เดินไปด้วยกัน  ทั้งสองหนุ่มเดินคุยกันไปโดยที่พีทยังเกาะไหล่พี่ฮั่นไปตลอดทาง  มีโดมเดินปิดท้ายขบวน

------------------------------



เสียงเคาะประตูหน้าห้องพีทดังสองสามครั้งประตูก็เปิดออก เจ้าของห้องหันไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามาเพียงแวบเดียวก็หันไปสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ

“พี่ฮั่นยังไม่นอนเหรอ  ดึกแล้วนะ”

“กึก”   แก้วนมสีขาวถูกวางลงบนโต๊ะทำให้คนอ่านหนังสือต้องเงยหน้าขึ้นมอง

“เอานมมาให้”  พี่ฮั่นพูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

“ขอบคุณคร้าบ”  คนที่นั่งอยู่ขอบคุณพร้อมกับเงยหน้ายิ้มให้จนตาแทบปิดทีเดียว

“อ่านหนังสือสอบเหรอ” คนส่งนมถามพลางยกมือเกาท้ายทอยตัวเอง เพราะทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น   เขายังไม่เดินออกจากห้องไปแต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อจึงได้แต่มองไปรอบห้อง  หาเรื่องคุย

“ครับ”  เจ้าของห้องตอบขณะที่ก้มหน้าลงไปจดอะไรบางอย่างบนกระดาษที่เต็มไปด้วยเนื้อหาสำคัญที่เขาย่อไว้จนเต็ม  เวลานี้ล่วงเข้าวันใหม่มาเกือบชั่วโมงแล้วแต่พีทยังคงตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสืออยู่  เพราะก่อนหน้านี้เขาขาดเรียนไปหลายครั้งจึงต้องกลับมาทบทวนบทเรียนเอง

“ดึกแล้ว ยังไม่นอนเหรอ  พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาอ่านต่อก็ได้นี่”  คนพี่เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างไม่รู้จะทำอะไรแต่ก็ไม่ยอมออกจากห้องไปสักที  ทำเหมือนจะรอนอนพร้อมใครอีกคน

“พี่นอนก่อนเหอะ ขออ่านตรงนี้ให้จบก่อน”  พีทบอกโดยไม่หันหน้ามาเพราะแอบอมยิ้มกับท่าทางพี่ฮั่นที่ไม่ยอมนอน
 
ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาล  พีทก็อพยพตัวเองไปนอนกับพี่ฮั่นทุกคืน  เขาไม่อยากนอนคนเดียวอีกแล้ว  อีกอย่างเมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ  พวกเขามักเข้านอนด้วยกันเสมอ    แม้ว่าต่างคนก็ต่างมีห้องนอนของตัวเองแต่พีทเคยชินเสียแล้วที่ต้องมีพี่ฮั่นนอนด้วยทุกคืน  พี่ฮั่นทำให้เขาอุ่นใจและฝันดี

หนุ่มน้อยกลับมาสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ  ไม่ได้สนใจว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร  เมื่ออ่านทบทวนจนพอใจแล้วจึงวางปากกา  เก็บหนังสือ  ปิดโคมไฟ  เขาเมื่อยขบไปทั้งตัวจากการนั่งอ่านหนังสือเป็นเวลานาน   อยากจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้ว 

แต่เมื่อเขาหันกลับไปก็ต้องแปลกใจเพราะพี่ฮั่นนอนหลับบนเตียงอยู่ก่อนแล้ว 

พีทเดินไปใกล้เตียงพลางก้มลงมองคนที่ครองเตียงเขาอยู่ พี่ชายนอนแผ่อยู่กลางเตียงเต็มที่  ท่าทางหลับสบาย  เห็นแบบนี้แล้วทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะนอนตรงไหน 

ใบหน้าพี่ชายตอนหลับสนิททำให้เขาอยากจะหนีบจมูกโด่ง ๆ นี่สักที  เอาคืนบ้างเพราะพี่ฮั่นชอบกวนประสาทเขา  ตั้งแต่แรกเจอเลย 

‘ยั่วโมโหเก่งชะมัด  ไอ้พี่บ้า’

คนเป็นน้องแอบมองหน้าพี่ฮั่นจนพอใจแล้วจึงเดินไปปิดไฟ เดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน  หย่อนตัวลงนอนทีละนิดเพราะกลัวทำคนตัวใหญ่สะดุ้งตื่น

“ราตรีสวัสดิ์ครับ  พี่ชาย”
-----------------------------------



จากนั้นทุกคืนที่พีทอ่านหนังสือเตรียมสอบ  ก็จะมีนมอุ่น ๆ มาส่งให้ก่อนนอนทุกคืน  พนักงานร่างใหญ่ส่งนมเสร็จก็นอนรอพีทอ่านหนังสือ  บางครั้งก็เอาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลาบ้าง  บางครั้งก็หลับไปก่อน  เป็นแบบนี้ทุกคืนจนเขาสอบเสร็จ 

พีทคิดว่าตอนพี่ฮั่นยังไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร  เขาต้องอยู่กับนายหมีแทบตลอดเวลาแล้ว  แต่ตอนนี้พวกเขากลับอยู่ด้วยกันตลอดแทบยี่สิบสี่ชั่วโมงตั้งแต่ตื่นเช้าจนกระทั่งเข้านอนเลยทีเดียว

เขาลืมไปแล้วว่าที่ผ่านมาเขาอยู่คนเดียวมาได้อย่างไร  รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาอยู่คนเดียวไม่ได้อีกต่อไป  เขาต้องการเห็นพี่ฮั่นอยู่ในสายตาตลอดเวลา  ไม่ว่าพี่ฮั่นจะทำอะไรอยู่ที่ไหน  ไม่รู้ว่าเป็นเขาเองที่ติดพี่ซะจนไม่ยอมห่างหรือเป็นเพราะพี่ฮั่นเองที่ไม่ยอมให้เขาอยู่คนเดียว  พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา  ผลัดกันเล่าเรื่องที่ผ่านมาของตนเองเหมือนจะชดเชยเวลาสิบปีที่ต้องห่างกัน




เวลานี้พีทกำลังช่วยพี่ฮั่นจัดของ เพราะของบางส่วนยังอยู่ในกล่องที่พี่ฮั่นขนมาจากอังกฤษ  พวกเขาตกลงกันว่าจะไม่ย้ายกลับไปนอนที่บ้านใหญ่ เพราะพี่ฮั่นก็ชอบบ้านหลังนี้เหมือนกัน

เสียงพีทร้องฮือฮาดังอยู่เป็นระยะเวลาเปิดกล่องโน้นกล่องนี้แล้วเจอของถูกใจทำให้พี่ชายต้องคอยมองอยู่บ่อย ๆ  ว่าเจ้าน้องชายจะเจออะไรบ้าง   พีทช่วยพี่ฮั่นเคลียร์ของได้มากเพราะพอเห็นอะไรถูกใจพีทก็ ‘ยึด’ ทันที 
   
เจ้าแรมโบ้ก็ทำตัวเหมือนนายของมันด้วย  เวลาพีทค้นของอะไรมันก็ทำจมูกฟุดฟิดดมกล่องไปด้วยและคอยเห่าใส่อะไรก็ตามที่มีกลิ่นผิดปกติ สุดท้ายเจ้าแรมโบ้ก็เดินไปทิ้งตัวลงนอนที่พรมหน้าเตียงเพราะโดนพีทดุใส่

หลังจากจัดของไปได้มากแล้วพวกเขาก็นั่งลงที่พรมหน้าเตียง  นิ้วเรียวของนักเปียโนพลิกอัลบั้มรูปดูพร้อมกับเอ่ยถามถึงใครต่อใครในรูปหรือสถานที่ที่ปรากฏในรูปนั้น

“พี่ไปหัดพวกป้องกันตัวนี่ตอนไหน  แล้วยิงปืนอีก ยังกะพวกมืออาชีพ” 

พีทถามเมื่อเห็นรูปพี่ฮั่นถ่ายกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ทุกคนใส่เสื้อยืดแขนยาวสีดำเหมือนเป็นเสื้อทีม  หลายคนในภาพนั้นถือปืนสั้น  บางคนก็ถือปืนยาวอัดลม  แต่ละคนในรูปดูแตกต่างกันเหมือนมาจากคนละมุมโลก  บางคนผิวขาวจัด  บางคนเป็นผิวสี  พี่ฮั่นดูจะอายุน้อยที่สุดในกลุ่มนอกนั้นเป็นผู้ใหญ่กันหมด 

“ก็เพราะพวกนักเลงที่ตามประกบพี่ไง  บางครั้งมันก็เข้ามาขู่เอาเงินบ้าง  ตอนแรกก็พี่ก็ให้ไปแต่ระยะหลังชักหนักข้อ  พอพี่ไม่ให้พวกมันก็จะใช้กำลัง  พี่เลยไปเรียนเพิ่มเพื่อป้องกันตัวเอง  เลยพอเอาตัวรอดได้  ก็ได้พวกนักเลงนั่นแหละเป็นคู่ซ้อม  หลัง ๆ มาพี่โตขึ้นพวกนักเลงพวกนั้นก็ไม่กล้ามาทำอะไรอีก  จนบอดี้การ์ดของลุงคริสสังเกตเห็นพวกนั้นว่าเป็นคนของ ‘เขา’ เรื่องมันก็เลยแดงขึ้นมา”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ  พี่เป็นอิสระแล้วทำไมพี่ไม่กลับบ้านล่ะ”  พีทถามเรื่องที่ยังคาใจเขาอยู่  ก็เขารอพี่ฮั่นกลับมาตั้งหลายปี 

“ก็มีคนโกรธพี่อยู่น่ะสิ ไม่ยอมยกโทษให้สักที”  ตอบพร้อมกับเอามือมาวางบนหัวน้องชาย  โยกเบา ๆ อย่างเอ็นดู

“เพราะผมเอง”  พีทว่า  ใบหน้าสดใสนั้นหมองลง  วางอัลบั้มรูปในมือลงอย่างไม่มีแก่ใจจะดูต่อ

“ก็..มีส่วนบ้าง  ความจริงช่วงนั้นพี่ทำหลายอย่าง  ต้องเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย  เรียนหนักมาก ช่วงปิดเทอมพี่ก็ไปช่วยงานลุงคริส  ตอนนั้นโรงแรมเราที่อังกฤษกับยุโรปกำลังขยายสาขา  ลุงคริสเลยให้พี่ไปช่วย”

“ผมคิดว่าพี่คงลืมผมแล้วซะอีก” พีทเงยหน้ามอง  แววตาเศร้าเสมอเมื่อคิดว่าพี่ฮั่นลืมเขา

“พี่ไม่เคยลืมพีทหรอก  ความจริงพี่ก็กลับมาหลายครั้ง”

“หา! อะไรนะ พี่กลับมาบ้านเหรอ  เมื่อไร ทำไมผมไม่รู้ล่ะ”  พีทคิ้วขมวดอย่างแปลกใจ  หันไปคว้าไหล่ของพี่ฮั่นที่รีบหลบตาเขาทันทีที่พูดจบ 

‘พี่ฮั่นพูดจริงหรือแกล้งพูดเล่นกันแน่  ทำไมเขาไม่เคยรู้เลยล่ะ’

“ก็พี่ไม่อยากให้รู้น่ะแหละ  อีกอย่างพี่คิดว่าพีทคงเกลียดพี่แล้ว  พีทคงไม่อยากเจอพี่อีกแล้วพี่ก็เลยไม่บอก  บางครั้งพี่ก็อยู่ที่บ้านใหญ่แล้วพีทก็นอนอยู่บ้านนี้แต่พี่ไม่กล้ามา  พี่ยอมรับว่าพี่กลัว”
 
ฮั่นหันไปมองหน้าน้องแวบหนึ่งแล้วก็เฉไฉไปมองที่อื่นแทน 

พีทไม่เคยรู้เลยว่าหลายครั้งที่เขากลับมา  เขามักจะมาแค่วันสองวันแล้วก็มาพักที่บ้านใหญ่ทุกครั้ง  แต่พีทที่ย้ายตัวเองไปอยู่บ้านริมน้ำทำให้ไม่สังเกตว่ามีใครบางคนกลับมา  ไม่มีใครกล้าบอกเพราะพีทเคยสั่งทุกคนไว้แล้วว่าห้ามเอ่ยชื่อพี่ฮั่นให้ได้ยินอีก  ทุกคนในบ้านจึงเข้าใจว่าพีทยังโกรธอยู่  เขาทำเพียงแค่เฝ้ามองพีทเพียงลำพังอยู่ในห้องนั่งเล่น   มุมที่เห็นบ้านริมน้ำชัดที่สุด  บางครั้งบางคราวก็เดินไปใกล้ยามดึกแล้วหยุดยืนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่  เฝ้ามองไปที่ห้องนอนที่เปิดไฟทิ้งไว้ทุกคืน

“อะไรนะ ทำไมพี่ทำแบบนี้อ่า ไม่รู้รึไงว่าผมรอพี่อยู่ตั้งหลายปี” พีทว่าเสียงเบาแล้วก็เงียบไป  ก็เขานั่นแหละเป็นต้นเหตุให้ใครต่อใครคิดไปว่ายังโกรธพี่ฮั่นอยู่ 

พีทเริ่มจะเศร้าอีกแล้ว  พี่ชายจึงยกแขนไปกอดไหล่คนเป็นน้องไว้  เขย่าเบา ๆ เป็นเชิงบอกว่าเขาไม่เป็นอะไร

“พีทอย่ารู้สึกผิดเลย  ก็พีทไม่รู้เรื่องอะไรเลยนี่  พีทก็โกรธไปตามประสาของพีท พี่รู้ว่าถ้าพีทรู้เรื่องทั้งหมด  พีทคงไม่โกรธพี่  ถูกไหม” 

“อีกอย่างเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับพีทเลย มันเป็นเพราะเขาที่เจ้าคิดเจ้าแค้น  เรื่องมันก็ตั้งนานมาแล้วเขายังไม่ยอมให้อภัย” 

“แต่เป็นเพราะผม  ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าผมยังโกรธพี่อยู่” 

“พี่อย่าทำแบบนี้อีกนะ อย่าหันหลังแล้วเดินจากไปเหมือนที่ผ่านมา มีอะไรพี่คุยกับผมก่อนอย่าหนีไปแบบนั้นอีก  ผมคงรับมันไม่ไหวอีกแล้วถ้าพี่หันหลังจากไปอีก” 

พีทพูดเสียงเศร้า  เขายังจำความรู้สึกพวกนั้นได้ดี  เขาต้องจมอยู่กับการรอคอยให้พี่ฮั่นกลับมาโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย  การรอคอยมันทรมานเพียงใดเขารู้ดี  ไม่เอาอีกแล้วความรู้สึกถูกทิ้งอยู่ข้างหลังเฝ้ารอคอยให้พี่ฮั่นกลับมา

“ครับ”  คนเป็นพี่รับคำ  ส่งแววตามาเหมือนให้สัญญา 

พีทจึงค่อยโล่งใจมากขึ้น 

“โฮ่ง” แรมโบ้ที่นอนกลิ้งอยู่ใกล้เห่าตอบรับด้วย  เรียกรอยยิ้มจากเจ้านายของมัน

“อะไรแรมโบ้ นี่แกก็คิดเหมือนชั้นใช่ป่ะ”  เจ้านายหันไปลูบหัวแรมโบ้สุนัขตัวโปรด  แรมโบ้ส่ายหางเป็นพวงใหญ่โตของมันตอบรับ 

“พีทเลี้ยงหมาเก่งนะ  แรมโบ้แก่ขนาดนี้แล้วยังดูแข็งแรงดี”  ฮั่นเอื้อมมือมาลูบเจ้าแรมโบ้บ้าง

“พี่ทำยังไง  แรมโบ้ถึงยอมดีด้วยล่ะ  ปกติมันดุจะตายไม่เชื่องกับใครเลย  ขนาดพ่อซื้อมันมามันยังไม่ยอมให้จับเลย”

พีทถามในสิ่งที่สงสัยมานาน   เขาคิดว่าแรมโบ้คงจะชอบพี่ฮั่นมันถึงยอมเชื่องกับพี่ฮั่นเป็นคนแรกนอกจากเขา 

พี่ฮั่นไม่ตอบว่าอะไรแต่เดินไปค้นอัลบั้มรูปในกล่องอีกใบหนึ่งมาเปิดให้เขาดู  รูปที่เขาเห็นเป็นรูปพี่ฮั่นตอนไปอังกฤษใหม่ ๆ สวมเสื้อสเวตเตอร์สีครีมนั่งอยู่หน้าเตาผิงขนาดใหญ่กำลังอุ้มสุนัขสีน้ำตาลตัวหนึ่งในอ้อมแขน 

“แรมโบ้?”  พีทแปลกใจ 

ที่พี่ฮั่นอุ้มอยู่นั่นมันแรมโบ้ตอนเล็ก ๆ นี่นา  แต่แรมโบ้ดูตัวเล็กกว่าตอนที่เขาได้รับแรมโบ้เป็นของขวัญจากพ่อ   พีทจำปลอกคอในรูปนั้นได้  มันคือปลอกคออันเดียวกับที่ติดมากับแรมโบ้  วันแรกที่แรมโบ้มาอยู่หน้าห้องนอนเขาเมื่อสิบปีที่แล้ว 

เขามองหน้าพี่ฮั่นที่ยิ้มให้

“พี่เลี้ยงแรมโบ้มาตั้งแต่มันอายุได้เดือนเดียว   ตอนแรกก็เลี้ยงไว้แก้เหงา   พอแม่กับลุงคริสมาเยี่ยมแล้วเล่าเรื่องพีทไม่ยอมพูดกับใครให้ฟังพี่ก็เลยฝากเจ้าแรมโบ้มาให้พีทเลี้ยงไงจะได้ไม่เหงา  แต่กลัวพีทจะโกรธแล้วไม่ยอมเลี้ยงแรมโบ้เลยขอให้ลุงคริสบอกว่าซื้อมันมาเอง”

“แรมโบ้มันคงจำกลิ่นพี่ได้  มันเลยไม่กัด”

มิน่าล่ะ เจ้าแรมโบ้เคยเข้าไปคาบตุ๊กตาที่อยู่ในห้องนอนของพี่ฮั่นออกมาวางบนตักเขาเหมือนอยากเล่นด้วย  มันคงคุ้นกลิ่นพี่ฮั่นซึ่งเป็นเจ้านายคนแรกของมัน   

พีทจ้องมองรูปนั้นอยู่นาน  เขาเงยหน้าขึ้นสบตาพี่ฮั่น  พูดอะไรไม่ออก

“เจ้าแรมโบ้มันรู้จักพีทตั้งแต่แรกแล้ว  เพราะพี่เอาตุ๊กตาของพีทติดไปที่โน่นด้วย  มันชอบเล่นกับตุ๊กตาตัวนั้น  พีทคงไม่ว่านะ  ตอนนี้ตุ๊กตาของพีทมันขาดหมดแล้ว”

คนพูดเล่าเรื่อย ๆ เหมือนว่าเป็นเรื่องธรรมดาเสียเหลือเกิน  แต่พีทกลับตื้นตันจนไม่รู้จะพูดอย่างไร 

เขาได้แต่คอยสอบถามเรื่องราวตอนที่พี่ฮั่นอยู่ที่อังกฤษ  บางครั้งพี่ฮั่นก็เล่าเรื่องพี่แคนให้ฟังว่าพวกเขารู้จักกันได้อย่างไร  พี่ฮั่นกับพี่แคนเคยไปสร้างวีรกรรมพิเรนทร์ ๆ อะไรไว้บ้าง   

แต่มีอีกเรื่องที่พีทยังไม่ได้ถามและก็ไม่กล้าถาม  นั่นคือเรื่องที่เขาถูกบังคับให้กินยา  เขารู้แค่ว่าพี่ฮั่นมาช่วยไว้ได้ทันแต่เขาไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง  เขายังจำความรู้สึกตอนกินยานั่นเข้าไปได้  มันเป็นประสบการณ์อันเลวร้ายที่เขาอยากจะลืม 

พี่ฮั่นก็ไม่เล่าเรื่องคราวนั้นให้เขาฟังเช่นเดียวกัน

-----------------------------------



คืนนี้มีปาร์ตี้เลี้ยงอำลาให้เขา พีทจำใจต้องลาออกจากวงหลังจากคิดอยู่นาน  ในที่สุดเขาก็ต้องยอมลาออกตามเหตุผลของพี่ฮั่น  บรรดาลูกค้าที่ได้ทราบข่าวต่างพากันเสียดาย  คืนอำลานี้จึงมีนักเที่ยวกลางคืนมารวมตัวกันจนแน่นร้าน  พีทใช้เวลาร้องเพลงเพื่ออำลาอยู่จนดึกดื่น

เกรซไม่ว่าอะไร  เธอเข้าใจเหตุผลของเขา  ที่จริงแล้วเกรซแทบจะเลิกพูดไปแล้วด้วยซ้ำ  ถามคำตอบคำและยิ่งเงียบมากขึ้นเมื่อเธอมาที่ร้าน  อย่างเช่นคืนนี้  เกรซนั่งเฉยอยู่กับพี่ฮั่น  ไม่พูด  ไม่ยิ้มแย้มเหมือนเคย

ฮั่นมองสาวน้อยที่นั่งอย่างนิ่งเฉยด้วยแววตากังวล  หลังจากที่ประกาศหมั้นแล้วแคนก็ไม่มาที่ร้านอีกเหมือนกัน  เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้  แคนก็หายเข้ากลีบเมฆ  ไม่ติดต่อเขาเหมือนเดิม 

‘เดี๋ยวคนอื่นก็ทำคะแนนนำไปก่อนนะแคน’
   ฮั่นครุ่นคิดอยู่คนเดียวเมื่อสายตาคมสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง

‘ชิน’ นักร้องนำคนใหม่ของวงที่มาแทนพีทยืนอยู่อีกมุมของร้าน  เขาเป็นหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดี  ใบหน้าคมเข้ม  จมูกโด่งจากเชื้อชาติทางยุโรปแต่มีตาและสีผมเป็นสีดำอย่างคนเอเชีย   ชินไม่ได้เป็นคนยิ้มเก่งเหมือนพีท  เขามักจะทำหน้านิ่งเฉย  จะยิ้มก็ต่อเมื่อมีเรื่องสนุกจริง ๆ เท่านั้น  แต่ดวงตานิ่งนั้นกลับน่าดึงดูดอย่างประหลาด   

และเวลานี้ดวงตาคู่นั้นก็กำลังจ้องตรงมายังสาวน้อยที่นั่งอยู่ไม่ไกลเขา  มองอยู่นานแล้วแต่เกรซไม่รู้ตัวสักนิด

คนที่ผ่านโลกมาพอสมควรเห็นแววตาแบบนั้นก็รู้ทันทีว่านักร้องคนใหม่ของวงคิดอย่างไรกับเจ้านายสาวสวย   แววตาคนมีความรักดูไม่ยากหรอก เวลาเรารักใคร  คนคนนั้นก็อยู่ในสายตาเราตลอดเวลา  โดยไม่รู้ตัวเขาหันกลับไปมองหนุ่มนักร้องอีกคนที่กำลังจะร้องเพลงสุดท้ายของตัวเอง

“เพลงสุดท้ายนี้  ผมอยากจะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่อธิบายยาก  มันเหมือนเป็นเรื่องมหัศจรรย์ในชีวิตที่ผมได้มายืนอยู่ตรงนี้  ตอนนี้  ผมอยากจะขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราได้มาเจอกัน  ราวกับว่ามันเป็นพรหมลิขิตครับ”

เสียงกรี๊ดหูแทบดับของกลุ่มลูกค้าสาว ๆ หน้าเวทีดังตอบรับประโยคนั้น  ผู้คนที่อยู่หน้าเวทีร้องคลอไปกับเพลงนั้นดังกระหึ่ม พี่ ๆ ในวงปล่อยให้พีทโชว์เดี่ยวเป็นการอำลา 

พีทร้องเพลงสุดท้ายพร้อมกับเล่นกีตาร์โปร่งไปด้วย  สายตาของน้องชายจ้องตรงมาที่เขาส่งความหมายตามที่ร้องทุกคำ  เขามองสบตากลับไปเช่นกัน  หัวใจพองโตทีละน้อยกับเพลงที่มีความหมายลึกซึ้ง

เพลงสุดท้ายจบลงอย่างสวยงาม  ทุกคนในวงเดินเข้ามากอดหนุ่มน้อยกลางเวทีพลางกล่าวคำอำลา   เป็นภาพที่สวยงามในสายตาทุกคู่ที่จ้องมองจากด้านล่าง

เกรซถึงกับน้ำตารื้น  เมื่อเห็นภาพนั้น

-----------------------------



“พี่ฟังเพลงสุดท้ายรึเปล่า”

พีทเอ่ยถามเสียงยานคางเพราะถูกคะยั้นคะยอจากทุกคนในวงให้ดื่มไปหลายแก้ว  จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะพี่ร็อกกี้ขู่ว่าจะร้องเพลงให้ฟัง  ทุกคนในวงหัวเราะกันใหญ่เมื่อเห็นพีทรีบยกแก้วเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นดื่มจนหมดแก้วทีเดียว

“ฟังสิ” คนที่ทำหน้าที่ขับรถตอบเสียงเบา 

เขากังวลเมื่อเห็นพีทดื่ม  เพราะครั้งสุดท้ายที่พีทดื่ม  พวกเขาทะเลาะกันรุนแรง 

“ผมร้องให้พี่นะ” คนเมาหันมายิ้มให้อย่างน่ารัก  ดวงตาส่งความหมายตามที่พูด

ไม่ต้องบอกก็รู้  ก็เล่นร้องเพลงแล้วมองตรงมาที่เขาตลอดเวลา  ขนาดเกรซที่นั่งเฉยไม่สนใจใครยังรู้สึกได้

พีทหันกลับไปตามเดิมพลางหัวเราะร่วนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปพอสมควร  ใบหน้าแดงก่ำ  มือไม้เปะปะไม่อยู่นิ่ง  ฮัมทำนองตามเพลงที่เปิดคลอในรถอย่างอารมณ์ดี 

‘วันนี้แปลก  ดื่มแล้วอารมณ์ดี’    ฮั่นคิดเงียบ ๆ

เขาเห็นพีทดื่มไปหลายแก้ว ใจหนึ่งก็อยากจะห้าม แต่เห็นพีทสนุกสนานอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนในวงแล้วเขาก็ไม่อยากขัดใจ  อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะคอแข็งสักแค่ไหน  แต่พอเห็นสภาพคนที่นั่งคอพับคออ่อนข้างเขาแล้วก็สรุปได้ว่าน้องยัง ‘อ่อน’ กว่าเขานัก   

คนขับเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีกเพราะท่าทางคนคออ่อนจะไม่ไหวแล้ว




คนเมาเดินเซนิด ๆ เมื่อเข้ามาถึงห้องนอน  พีทยืนยันว่ายังไหว  ฮั่นจึงปล่อยให้พีทจัดการตัวเอง   ส่วนเขาก็กลับเข้าห้องตนเองเพื่ออาบน้ำเช่นกัน

เจ้าของห้องนอนนิ่งไปแล้วเมื่อฮั่นเดินกลับมาที่ห้องน้องชาย  เขาหันไปจัดผ้าห่มให้เรียบร้อยจึงล้มตัวลงนอนบ้าง 

พีทขยับเมื่อรู้สึกว่าเตียงยวบเพราะน้ำหนักตัวของใครอีกคน  เจ้าน้องชายขยับเข้ามานอนจนชิด  หนุนหมอนใบเดียวกัน  เอื้อมมือมากอดเขาไว้  ซุกหน้าที่ไหล่เขา

“รักพี่มาก ๆ นะคร้าบ”  เสียงงัวเงียนั้นบอกก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็ว


---------------------------------------

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า   :mew1: :mew1: :mew1:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2014 22:37:53 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
นอนหมอนใบเดียวกันด้วย คึคึ

คือจริงๆน่าจะต่ออีกหน่อย ให้พี่ฮั่นแอบหอมแก้มน้องบ้างไรบ้าง :ling1:

ขอบคุณนักเขียนค่ะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ smile_aex

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ green1313

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นกำลังใจให้คนแต่ง เนื้องเรื่องสนุกมาก

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
29. ฝึกงาน



“ทำไมเช้านี้พี่กินกาแฟตั้งสองถ้วย  นอนไม่พอเหรอ”  พีทถามพี่ชาย  ทำหน้าแปลกใจ

ฮั่นเพียงแค่ยิ้มแต่ไม่ยอมสบตา  เขาไม่ตอบอะไร 

‘จะบอกยังไงล่ะ  ก็ตัวเองเป็นต้นเหตุแท้ ๆ ยังไม่รู้ตัวอีก’

เมื่อคืนหลังจากพีทพูดประโยคนั้นจบก็หลับไปเลย ไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้ใครต้องนอนไม่หลับเพราะเขาเกิดใจเต้นแรงจากประโยคนั้น  แล้วลมหายใจอ่อนที่รดอยู่ข้างแก้มอีก  มันทำให้เขาหน้าร้อนขึ้นมากะทันหัน  ได้แต่นอนนิ่งไม่กล้าขยับตัวมาก  ประโยคนั้นทำให้เขาคิดอะไรไปมากมาย  จนเผลอหลับไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเช้า

เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำหนังสือพิมพ์ไว้แน่นจนกระดาษยับย่นเมื่อนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน  รู้สึกร้อนไปทั้งหน้าอีกแล้ว



พีทมองพี่ฮั่นที่แปลกไป  ไม่ยอมสบตาเขาตั้งแต่เช้าแล้ว 

‘งอนอะไรเขารึเปล่าเนี่ย’

“พี่เป็นอะไรอ่ะ ทำไมพูดแล้วไม่มองหน้า โกรธอะไรผมรึเปล่า”  พีทอดไม่ได้ที่จะถามคนที่นั่งขับรถมาเงียบ ๆ  ตั้งแต่ออกจากบ้าน

“เปล่า  ไม่มีอะไรนี่”  พี่ฮั่นตอบและยังคงไม่หันมามองเขาสักนิด

“นี่พี่  น้องอยู่ตรงนี้นะ  เวลาพูดน่ะสบตาด้วยสิ”  พีทอดไม่ได้หันไปมองพี่ฮั่น  พลางยกนิ้วโป้งชี้เข้าหาตัวเอง

“ครับ”  คนเป็นพี่หันมาสบตาเพียงแวบเดียวแล้วหันไปขับรถต่อ

“เฮ้อ”  พีทแกล้งถอนหายใจเสียงดัง  ‘พี่ใครทำไมดื้อแบบนี้เนี่ย’



ออดี้ R8  ที่กลับมาสวยเหมือนเดิมหลังจากเข้าอู่อยู่นาน  จอดลงตรงหน้าล็อบบี้โรงแรมสาขาใหม่ของตระกูลหยางที่พีทเพิ่งมีโอกาสมาเป็นครั้งที่สอง  พนักงานเปิดประตูให้พวกเขาพร้อมกับโค้งให้  เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปในห้องโถง  ชายหนุ่มทั้งสองคนก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนบริเวณนั้นทันที พนักงานเกือบทั้งหมดในล็อบบี้หันมาเห็นพวกเขาก็หยุดกิจกรรมทุกอย่างที่กำลังทำแล้วโค้งให้เหมือนเมื่อครั้งที่เขามางานเลี้ยง 

พีทกำลังจะหันมาถามแต่พี่ฮั่นกลับเอามือรุนหลังเขาให้เดินต่อไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาซักถามอะไร   เมื่อพวกเขาเข้าไปในส่วนรับแขกก็พบพี่โดมรออยู่แล้วด้วยความกระวนกระวายใจ

“พีท  พี่ฮั่น  มาสักที  ผมรอจนตื่นเต้นไปหมดแล้วเนี่ย”
 
โดมบอกทันทีที่สองพี่น้องเดินมาถึง  เขามาถึงโรงแรมก่อนหน้านี้สักครึ่งชั่วโมง  พอพนักงานทราบว่าเขามาฝึกงานพร้อมกับคุณชาย  พนักงานก็ต้อนรับอย่างดี  เสิร์ฟชาและอาหารว่างมากมายจนเขาทำตัวไม่ถูกที่อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นคนสำคัญ   เขาก็รู้มาบ้างว่าพีทเป็นลูกชายเจ้าของโรงแรม  แต่เขาไม่คิดว่าโรงแรมหกดาวที่เขากำลังยืนอยู่นี้จะ ‘อลังการ’ ขนาดนี้
 
โรงแรมนี้ออกแบบมาอย่างหรูหรา  ทันสมัย  สร้างด้วยกระจกและโครงสร้างเหล็กที่ออกแบบให้เป็นโดมทรงสูง  มีต้นไม้ใหญ่หลากชนิดปลูกอยู่ภายใน  มีการตกแต่งสวนสวยงาม  เสียงน้ำตกจำลองไหลเอื่อยสร้างบรรยากาศธรรมชาติ   ดอกกุหลาบหลากสีประดับอยู่ทุกมุมของโรงแรม   กลิ่นกุหลาบอ่อน ๆ  กระจายไปทั้งล็อบบี้เลยทีเดียว   ของประดับตกแต่งก็ล้วนได้รับการคัดสรรอย่างดี มีรูปภาพขนาดใหญ่วาดโดยศิลปินระดับโลกประดับอยู่เป็นระยะ  นอกจากนี้บรรดาแขกที่มาใช้บริการในโรงแรมดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นบุคคลระดับสูง  แต่งกายดี   พนักงานบริการของโรงแรมคอยให้บริการอย่างดีเยี่ยมเหมือนที่เขาได้รับจนต้องมานั่งทำตัวไม่ถูกอยู่นี่

‘โรงแรมหรูขนาดนี้  เด็กนี่มันว่าที่มหาเศรษฐีชัด ๆ  แล้วก็ไม่บอกกันก่อนว่ารวยขนาดนี้’  โดมคิดอย่างหมั่นไส้น้อย ๆ 

วันนี้เป็นวันแรกของการฝึกงาน  เดิมทีพวกเขาต้องเริ่มฝึกงานในเทอมที่สอง  แต่ทางโรงแรมเรียกให้พวกเขามาฝึกงานทันทีที่สอบเสร็จ  พีทกับพี่โดมแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว  ผูกเนคไทเรียบร้อย  ต้องไปพบผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมเพื่อรายงานตัวและรับมอบหมายงาน

“ไม่ไปด้วยกันเหรอ” พีทหันไปถามพี่ฮั่นที่เปลี่ยนมาสวมสูทสีเข้ม ดูเหมือนจะมาทำงานเช่นกัน

“ไม่ล่ะ  พวกนายไปกันเถอะ”  คนพูดหันมามองพลางยิ้ม

พีทเลิกคิ้วอย่างฉงนเล็กน้อยกับใบหน้ายิ้มมีเลศนัยนั้น  แต่เขาไม่ซักถามอะไร   ตั้งแต่พี่ฮั่นกลับมาก็มีแต่เรื่องเซอร์ไพรส์เขาตลอดเวลา ไม่แน่วันนี้คงมีอะไรอีก   

ลับหลังน้องชาย  แววตาคนพี่กลับมาเจ้าเล่ห์อีกครั้ง  เขายืนมองส่งพีทกับโดมที่พากันเดินเข้าลิฟต์เพื่อเริ่มต้นการฝึกงาน

“เดี๋ยวก็เจอกัน”  คนเจ้าเล่ห์พึมพำอยู่คนเดียวจากนั้นก็เดินไปขึ้นลิฟต์สำหรับผู้บริหารที่พนักงานเปิดคอยอยู่แล้ว

---------------------------------



สองหนุ่มมาลงทะเบียนฝึกงานพร้อมกับนักศึกษาจากหลายคณะหลากสถาบัน  โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมหกดาวขนาดใหญ่  ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบโรงแรมที่ดีที่สุดของเอเชีย  รวมทั้งได้รับรางวัลการให้บริการยอดเยี่ยมจากหลายสถาบัน  จึงมีนักศึกษาจำนวนมากสนใจจะเข้าฝึกงานเพื่อเก็บไว้ในประวัติของตนเองก่อนจบการศึกษา 

“คนเยอะเหมือนกันนะพีท”  พี่โดมเปรยกับเขาเมื่อพวกเขาเข้ามาในห้องประชุม

“ถ้ามาจากมหาวิทยาลัยเดียวกับเราก็คงสักยี่สิบ  แต่มีมาจากที่อื่นด้วย  ปีนี้คนฝึกงานเยอะจริง ๆ” 

ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมขึ้นกล่าวต้อนรับนักศึกษาฝึกงาน  จากนั้นจึงได้แนะนำโรงแรมอย่างกว้าง ๆ ให้นึกศึกษาทุกคนได้รู้จัก  เสียงพึมพำของนักศึกษาเกิดขึ้นเป็นระยะเมื่อได้เห็นภาพโรงแรมสาขาอื่นทั่วโลก  และโรงแรมสาขาใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว  การให้บริการอันหลากหลาย  รวมไปถึงบุคคลระดับโลกที่โรงแรมเคยให้การต้อนรับ   พี่โดมที่นั่งข้างเขาก็ทำเสียงตื่นเต้นไปด้วย พีทแอบอมยิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนในห้องประชุม 

‘พ่อเขาก็เก่งเหมือนกันนะนี่’ 

หลังจากแนะนำเรื่องต่าง ๆ ไปจนถึงเวลาการทำงาน   กฎเกณฑ์ที่นักศึกษาทุกคนต้องปฏิบัติตามแล้ว  ผู้จัดการก็ขึ้นมากล่าวอีกครั้ง

“ก่อนที่นักศึกษาทุกคนจะแยกย้ายกันไปฝึกงานแต่ละส่วนของโรงแรม  ผมขอเชิญรองประธานบริหารของโรงแรมขึ้นมากล่าวต้อนรับนักศึกษาทุกคน..”

“....ขอเชิญคุณ เฮนรี หยาง ครับ”   

สิ้นคำประกาศนั้นนักศึกษาทุกคนปรบมือต้อนรับ พร้อมกับมีเสียงฮือฮาเกิดขึ้นโดยเฉพาะจากนักศึกษาสาว ๆ ที่นั่งด้วยกันเป็นกลุ่มด้านหน้า
   
“ใครอ่ะพีท  ไม่ใช่พ่อนายนี่”  พีทกับพี่โดมที่นั่งด้านหลังหันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ 

คำตอบของคำถามเดินขึ้นมาบนเวทีแล้ว

--------------------------------------



“เฮนรี หยาง  งั้นเหรอ” 

พีทเอ่ยทักคนที่ยืนริมผนังกระจกบานใหญ่มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง   ใบหน้าคมที่มองตรงไปยังวิวทิวทัศน์ด้านนอกหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเขา  หนุ่มน้อยเดินไปหยุดยืนใกล้  ใบหน้าเรียวยิ้มกว้าง  ดวงตาจับจ้องไปยังคนที่ก้มหน้าไม่ยอมสบตากับเขา 

“รองประธานบริษัทสินะ”

เขายิ้ม ไม่แปลกใจเท่าไร  ก็จับพิรุธได้ตั้งหลายอย่างตั้งแต่แรก

บอดี้การ์ดที่ไหนจะขับซูเปอร์คาร์ราคาสิบกว่าล้าน  รู้เรื่องงานโรงแรมและธุรกิจทั้งหมดถึงขนาดพ่อส่งมาสอนงานให้เขา  เดินเข้าโรงแรมแต่ละทีพนักงานพร้อมให้บริการยิ่งกว่าแขกวีไอพี  ไปทางไหนก็มีพนักงานโค้งให้ตลอดทาง ก็ตำแหน่งเป็นรองแค่พ่อเขาคนเดียวนี่นา  ขนาดเขาเป็นลูกพ่อ  พนักงานที่นี่ยังไม่รู้จักเขาสักนิด

‘นายหมี’ นี่ ‘ใหญ่’ กว่าที่เขาคิดซะอีก

เวลานี้ทั้งคู่อยู่ในห้องทำงานของรองประธานบนชั้นสูงสุดของอาคารสำนักงานซึ่งสร้างติดกับตัวโรงแรม  หลังจากเสร็จพิธีการต้อนรับแล้วทางโรงแรมได้จัดอาหารกลางวันไว้เป็นการเลี้ยงต้อนรับ  ก่อนจะให้ทุกคนแยกย้ายไปเริ่มต้นฝึกงานตามแผนกของตนในตอนบ่าย  เขาถูกผู้จัดการเชิญขึ้นมาที่ห้องนี้ทันทีที่เลิกประชุม
 
“ตอนนี้เราก็เป็นพี่น้องกันตามกฎหมายแล้วสิเนี่ย  ไม่รู้ตัวเลย” พีทกอดอกมองดูรองประธานบริษัท  พ่อรับพี่ฮั่นเป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมายตั้งแต่เมื่อไรเขาไม่รู้เลย  แล้วตำแหน่งรองประธานอีก  แต่ช่างเถอะ  ยังไงเขาก็ยินดีอยู่แล้ว

“ก็ เอ่อ ไม่รู้จะบอกยังไง” เจ้าตัวว่า  ยกมือขึ้นปัดผมแถวท้ายทอยตัวเองดูขัดเขิน

“โกรธพี่รึเปล่า”

“โอ๊ย  ใครจะโกรธพี่ล่ะ  ที่ผ่านมาผมโกรธพี่มามากพอทั้งชีวิตแล้ว  ต่อจากไปนี้พี่จะทำอะไร  ผมไม่มีวันโกรธพี่หรอก”  พีทบอกพี่ฮั่นเสียงดัง  ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา

‘พี่ฮั่นเขินเขาทำไมเนี่ย’

“ไม่ว่าพี่จะเป็นใคร  นามสกุลอะไร  พี่ก็ยังเป็นพี่ของผมตลอดไป  รู้ไว้ซะ”  ประโยคนั้น  พีทยื่นหน้าเข้าไปบอกคนเป็นพี่ใกล้ ๆ  ราวกับจะให้แน่ใจว่าพี่ฮั่นจะต้องได้ยินทุกคำของเขา 

ดวงตาทั้งคู่สบกัน  ฮั่นยืนนิ่งไปกับคำพูดของน้องชาย  ค่อย ๆ ซึมซับความหมายของประโยคนั้นทุกคำ  เขาขยับตัวเข้ามาใกล้   ดวงตาทั้งคู่ยังสบกันอยู่แน่วแน่   คนเป็นพี่ยกมือแตะข้างแก้ม  นิ้วเรียวยาวสอดไปตามเส้นผมนุ่มก่อนจะเลื่อนมือไปด้านหลังรั้งเข้ามาใกล้   มืออีกข้างคว้าตัวพีทมากอดไว้แน่น

“พี่ฮั่น”  พีทประหลาดใจกับท่าทีของพี่ฮั่นที่เปลี่ยนไป  แล้วมากอดเขาไว้อีก 

“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ”  เสียงพี่ชายบอกอยู่ข้างหู 

พีทยกแขนขึ้นกอดตอบพี่ชายบ้าง  เขาหลับตา  วางคางตัวเองบนไหล่หนาของพี่ฮั่น  ปล่อยตัวตามสบาย  ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรง  รู้สึกสุขใจเมื่ออยู่แบบนี้

“รักพี่มาก ๆ นะ”  อยู่ ๆ เขาก็อยากบอก 

“รู้แล้ว  เมื่อคืนพีทก็บอกแล้ว”  เสียงพี่ฮั่นตอบข้างหูเสียงเบา

“บอกตอนไหน  ไม่เห็นจำได้เลย”

“พี่ได้ยินก็แล้วกัน”




เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้สองหนุ่มคลายอ้อมกอดกันและกันอย่างอ้อยอิ่ง  โดมเดินเข้ามาในห้องอีกคน  เขาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นคนสองคนในห้องมีท่าทีขัดเขิน   แม้ทั้งสองคนจะยืนห่างกันคนละมุมแต่ทำไมบรรยากาศในห้องดูสดใสบอกไม่ถูก เขามองไปที่พี่ฮั่นที่ทำหน้านิ่ง  เม้มปากแน่นแต่หน้าแดงไปถึงหู  ส่วนพีทนั้นก็หันมายิ้มกว้างให้  แววตาสดใสอย่างคนที่มีความสุข

‘ต้องมีอะไรสักอย่างสิน่า’ 

------------------------------------



“ทำอะไรไม่เคยปรึกษากันเลยนะคริส  แกคงเห็นว่าชั้นเป็นแค่ไอ้แก่ใกล้ตายคนหนึ่ง ไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจ ไม่จำเป็นที่จะต้องให้เกียรติกันแล้วใช่ไหม” 

“ผมเห็นว่าคุณอากำลังรักษาตัวอยู่เลยไม่อยากรบกวนครับ  คุณอาไม่ควรมีเรื่องใดให้กังวล  มันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพนะครับ”

“แกไม่ต้องมาทำพูดดีหรอก  ชั้นรู้ว่าแกพยายามปกปิดเรื่องพวกนี้แค่ไหน  แกไม่อยากให้ชั้นรู้ด้วยซ้ำ!”  คนที่นอนอยู่บนเตียงตะคอกกลับ  ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยดูโกรธเกรี้ยว

“จัดการอะไรตามใจชอบเลยนะ  เห็นว่าชั้นแก่แล้ว  หมดพิษสงแล้วล่ะสิถึงได้กล้าทำอะไรใต้จมูกชั้นขนาดนี้  แกกล้าเอาหลานของคนที่ชั้นเกลียดมาเป็นลูก  เอามันมาบริหารกิจการของตระกูล  แกกล้าดียังไงถึงทำแบบนี้!!”

“คุณอาครับ  ฮั่นเป็นเด็กดี  เขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการดูแลกิจการของเรา  คุณอาอยากให้ผมเล่นการเมืองไม่ใช่เหรอครับ  ตอนนี้ผมก็กำลังทำอย่างที่คุณอาต้องการแล้ว  ผมต้องพึ่งเขาให้ดูแลกิจการ  เขาทำเพื่อผม  เพื่อพีทนะครับ  คุณอาเลิกเกลียดพวกเขาเถอะครับ”

“ไม่มีทาง!! ชั้นไม่มีวันยกโทษให้พวกมันเด็ดขาด  แล้วชั้นขอเตือนแกไว้ก่อนนะคริส  อย่าให้ไอ้ฮั่นอยู่ใกล้ชิดกับพีทมากไปกว่านี้  ชั้นพยายามจะแยกพวกมันออกตั้งแต่เด็ก  แต่แกก็ทำให้มันกลับเข้ามาในชีวิตของลูกชายของแกอีก แล้วแกจะต้องเสียใจ”

“ทำไมล่ะครับคุณอา  พีทอยู่กับฮั่นปลอดภัยที่สุดแล้ว  ฮั่นช่วยชีวิตพีทไว้หลายครั้งแล้วนะครับ  ผมไว้ใจเขา”

“ไม่ได้  แกไม่เข้าใจ  ชั้นจะไม่ยอมให้พีทอยู่ใกล้ชิดมันอีกต่อไป  ถ้าแกไม่ฟังที่ชั้นเตือน  ชั้นจะจัดการเอง!” 

คริสไม่เข้าใจหรอก  ตั้งแต่เขากลับจากรักษาตัวที่อเมริกา  ครั้งแรกที่เขาเห็นมันในลิฟต์นั่น  เขาก็ต้องสั่งคนให้สืบข่าวเรื่องนี้อยู่เงียบ ๆ  แล้วสิ่งที่เขากลัวก็เป็นจริง 

รูปถ่ายของพีทที่นักสืบส่งมาให้ จะต้องมีไอ้พี่ชายนอกสายเลือดติดมาด้วยแทบทุกภาพ  มันอยู่กับพีทตลอดเวลาแทบไม่เคยห่างกัน  ลักษณะท่าทางที่เห็น  ดูก็รู้ว่ามันใกล้ชิดกับพีทขนาดไหน  แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่เขากลัวนั่นคือ  สายตา!

สายตาของหลานชายคนเดียวของเขา  สายตาของพีทเวลาที่มองมัน  สายตาแบบนั้นเขามองปราดเดียวก็รู้แล้ว  เขาเห็นหลานชายก็เหมือนเห็นตัวเอง  พีทจะต้องเสียใจเพราะมัน  คนพวกนั้นทำเขาเจ็บแสบที่สุดในชีวิตจนกระทั่งตอนนี้  เขาจะไม่ยอมให้หลานคนเดียวของเขาต้องเจ็บปวดเหมือนกับที่เขาเป็น   

ไม่มีวัน!

“ชั้นขอสั่งให้แกรีบแยกเจ้าพีทออกจากมันซะ  ก่อนที่แกจะต้องเสียใจ”

“ถ้าแกไม่ทำ  ชั้นจะทำเอง  แล้วอย่าหาว่าชั้นไม่เตือน” 

“คุณอาอย่าทำอะไรแบบนี้อีกเลยครับผมขอร้อง เลิกยุ่งกับครอบครัวของผมเสียที  ไม่งั้นคุณอาก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนเหมือนกัน”

น้ำเสียงอ่อนใจในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง  เมื่อคริสต้องเตือนคุณอาให้เลิกทำร้ายคนในครอบครัวเขา  ความอดทนของเขาก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน 

“แก! ไอ้คริส  ไอ้หลานทรยศ  ชั้นจะไม่ยกสมบัติให้แก  ชั้นจะถอนหุ้นคืนทั้งหมด”

“ตามใจคุณอาสิครับ  อย่าลืมว่าตอนนี้หุ้นของคุณอาเหลือเพียงนิดหน่อยเท่านั้น  คุณอาจะถอนหุ้นไปก็ไม่ทำให้ผมสะเทือนอะไรเลย  คนที่ถือหุ้นใหญ่มีเพียงผมกับฮั่นเท่านั้น   มันไม่เหมือนเมื่อสิบปีที่แล้วที่คุณอาเอาเรื่องหุ้นมาขู่ผมได้แล้วนะครับ”

“เป็นไปไม่ได้!!  หุ้นอีกส่วนเป็นของบริษัทอื่นร่วมทุน  มันจะเป็นของไอ้ฮั่นได้ยังไง”

“นั่นมันแค่บริษัทบังหน้าเท่านั้นแหละครับ  ก็แค่ยืมชื่อคนอื่นมาเป็นตัวแทน  แต่เจ้าของที่แท้จริง...”

“ชื่อ เฮนรี หยางครับคุณอา”   คริสเอ่ยชื่อของฮั่นอย่างตั้งใจจะตอกย้ำ

“อะไรนะ! แก คะ  โอ๊ย  โอ๊ย”  มือแห้งเหี่ยวของคุณฟงยกขึ้นมากดตรงหน้าอกไว้  ใบหน้าแสดงความเจ็บปวด

“คุณอา!”

คริสเห็นดังนั้นจึงชะงักไป   เขาตกใจที่อาการของคุณอากำเริบขึ้นกะทันหัน

พยาบาลส่วนตัวที่ยืนอยู่ริมห้องปราดเข้ามาข้างเตียงทันที 

“ท่านคะ  ออกไปก่อนเถอะค่ะ  เดี๋ยวอาการคุณฟงจะทรุดหนักกว่านี้” 

คริสออกจากคฤหาสน์ใหญ่ของคุณอาของเขามาด้วยหัวใจเหนื่อยหน่าย  เหนื่อยกับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของอาของตน 

คุณอาเกลียดพ่อกับแม่ของโรสมากถึงกับไม่ยอมให้เขาแต่งงานกับโรสทั้งที่พวกเขารักกันมาก  เขายังจำปฏิกิริยาร้ายแรงของคุณอาตอนที่รู้ว่าผู้หญิงที่เขารักและต้องการแต่งงานด้วยเป็นลูกสาวของคนที่คุณอาเกลียด   เขาถูกกีดกันทุกวิถีทางไม่ให้คบกับโรสต่อไป  ถูกบังคับให้แต่งงานกับแม่ของพีท  ส่วนโรสก็ถูกพ่อแม่บังคับให้แต่งงานกับคนที่ครอบครัวหาให้เช่นกัน 

เขากับโรสไม่เคยเข้าใจเรื่องพวกนี้จนกระทั่งมาเจอกันอีกครั้ง  ความรักของพวกเขายังคงอยู่แม้ว่าต่างฝ่ายจะต้องแต่งงานกับคนอื่น  แต่เขากับโรสยังคงมีความรักต่อกันเสมอจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยที่ในที่สุดพวกเขาก็มีโอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ลูกของเขาทั้งคู่ก็เข้ากันได้ดีชนิดที่เขาเองยังไม่กล้าหวัง  พีทรักพี่ชายต่างสายเลือดคนนี้มาก  ในขณะที่ฮั่นก็ทำอะไรเพื่อพีทมาตลอดตั้งแต่เด็ก  แทบจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพีททีเดียว

ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดีแต่คุณอาก็เข้ามาขวางไว้อีกครั้ง  เขากับโรสต้องทนทุกข์กับความแตกแยกของครอบครัวอยู่นานหลายปี  จนวันนี้เมื่อครอบครัวได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน  คุณอาก็ต้องการให้เขาแยกพี่น้องออกจากกันอีกแค่เพราะคุณอาเกลียดตากับยายของฮั่น

เขาไม่มีวันยอมแน่ 

------------------------------



พีทกับพี่โดมได้รับมอบหมายให้ไปฝึกงานที่ฝ่ายจัดการประชุมสัมมนา  มีหน้าที่ประสานงานลูกค้าและเตรียมห้องสำหรับการประชุมหรืองานสัมมนาและห้องจัดเลี้ยงสำหรับงานแต่งงาน   

โรงแรมสาขาใหม่นี้ได้สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติไว้เพื่อรองรับการจัดการประชุมขนาดใหญ่ระดับประเทศ  โดยมีการลงทุนสร้างศูนย์ประชุมขนาดใหญ่จุคนได้หลายพันคน  สามารถใช้จัดคอนเสิร์ต  แข่งกีฬา  มีฮอลล์แสดงสินค้าขนาดใหญ่และขนาดเล็กไว้รองรับ  นอกจากการให้บริการห้องพักอันหรูหราซึ่งเป็นการให้บริการหลักของโรงแรมแล้ว  ฝ่ายจัดประชุมก็ถือได้ว่าเป็นการให้บริการที่สำคัญไม่แพ้กันอีกด้านหนึ่งด้วย 

เริ่มฝึกงานวันแรกเขาก็ถูกจัดให้มาประจำในแผนกสำคัญทั้งที่เด็กฝึกงานส่วนใหญ่ได้ประจำในแผนกอื่น  พีทคิดว่าเรื่องนี้คงมีการแทรกแซงจาก ‘ใครบางคน’ 

และแม้ว่าทุกคนในแผนกจะทราบดีว่าเขาเป็นใคร  แต่ทุกคนก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานธรรมดาคนหนึ่ง  ทำให้เขาสบายใจอย่างมากเพราะเขาชอบทำตัวธรรมดามากกว่าการเป็นคุณชายลูกเจ้าของโรงแรม 

เวลานี้เขากับพี่โดมกำลังช่วยกันจัดเตรียมงานสัมมนาที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า  ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ร่วมเข้าประชุมการจัดเตรียมงานและได้รับมอบหมายงานของแต่ละคนแล้ว

“ผมว่าเราน่าจะมีจอฉายเพิ่มอีกข้างละตัวนะ  เผื่อคนนั่งข้างหลังมองไม่เห็น” 

“พี่ก็คิดเหมือนกัน  เป็นจอโปรเจคเตอร์หรือเป็นทีวีจอแบน  อันไหนจะดีกว่ากัน”

“จอโปรเจคเตอร์ก็ดีเหมือนกันนะ เก็บง่าย น้ำหนักเบา แล้วก็ขนาดใหญ่ ดูจากรายการของสงสัยเราต้องทำเรื่องขอซื้อเพิ่มแล้ว”

“อนุมัติ”  เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังพวกเขา

“อ้าวพี่ฮั่น  มาตั้งแต่เมื่อไร”  โดมหันไปทัก  ‘ท่านรองประธาน’ 

ตอนเช้าที่รู้ความจริงเขาก็ตกใจในตอนแรก  แต่พอมาคิดดูอีกที รองประธานจะไม่ใช่พี่ฮั่นได้อย่างไร  ก็เป็นลูกชายท่านประธาน  เป็นพี่ของพีทนี่  ก็ต้องเป็นคนนี้แหละ

“มาเดี๋ยวนี้แหละ   พี่มาตรวจความเรียบร้อยของศูนย์ประชุมน่ะ  เพราะวันนี้ท่านรัฐมนตรีจะมาดูความคืบหน้างานประชุมผู้นำเศรษฐกิจตอนนี้น่าจะมาถึงแล้ว”

“อ้าว  แล้วพี่มาอยู่ตรงนี้ทำไมล่ะ ไปรับแขกสิ”  พีทเงยหน้ามาถามอย่างสงสัย

“ก็มาชวนพีทไปด้วยกัน  จะได้รู้จักผู้ใหญ่ไว้  เร็วเข้า”

“ผมต้องไปด้วยเหรอ ทำไมอ่ะ พี่ไปคนเดียวก็ได้นี่นา” พีทคิ้วขมวดอย่างสงสัยเพราะเขาเป็นเด็กฝึกงานจะให้ไปรับท่านรัฐมนตรีก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร

“ไม่ได้  ต้องไปด้วย  ห้ามดื้อ  เร็วเข้า” รองประธานพยักหน้าเรียกยิก ๆ 

พีทหันไปลาพี่โดมทันที   แล้วลุกเดินตามท่านรองประธานไปอย่างว่าง่าย

‘ตานี้ล่ะเชื่อฟังเชียวนะพีท  ตอนเป็นพี่ฮัทล่ะ  เห็นดื้อจะเป็นจะตาย’ 


โดมมองตามพีทที่เดินโอบไหล่พี่ฮั่นไปแล้วก็ส่ายหน้า  พี่ฮั่นก็อีกคน   ความจริงพี่ฮั่นเป็นถึงรองประธาน  ใหญ่สุดในโรงแรมนี้แล้ว จะโทรสั่งให้ใครมาตามเด็กฝึกงานก็ได้  ไม่จำเป็นต้องเดินลงมาเองถึงฝ่ายจัดประชุมนี่ 
 
‘คงเป็นห่วงล่ะสิ’  คนหัวไวอย่างโดมมองปราดเดียวก็รู้แล้ว 



พีทถูกพี่ฮั่นลากไปพบท่านรัฐมนตรีที่มาดูสถานที่จัดประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจซึ่งรัฐบาลเป็นเจ้าภาพในเดือนหน้า 

โรงแรมของพวกเขาเป็นผู้ชนะการประมูลเป็นสถานที่จัดประชุมและที่พักสำหรับผู้นำสำคัญจากหลายประเทศ  การเตรียมการส่วนใหญ่ดำเนินการไปแล้วกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์  เหลือเพียงรายละเอียดบางส่วนที่ต้องรอการตอบรับจากตัวแทนประเทศที่จะเข้าร่วมประชุม 

การพูดคุยรายละเอียดส่วนใหญ่พี่ฮั่นเป็นคนอธิบายทั้งหมด  ส่วนเขาก็กลายมาเป็นเลขาส่วนตัว  คอยจดบันทึกสิ่งที่ได้มีการพูดคุยกัน  พีทแปลกใจอย่างมากเพราะก่อนหน้านี้พี่ฮั่นตามดูแลเขาตลอดเวลา  แล้วพี่ฮั่นเอาเวลาที่ไหนไปเตรียมการประมูลและเตรียมการงานประชุมพวกนี้ที่ต้องใช้เวลาการเตรียมการอย่างน้อยสามเดือน 
 
เพียงระยะเวลาที่เดินตามพี่ฮั่นพาคณะรัฐมนตรีดูงานในโรงแรมเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ฮั่นถึงมีตำแหน่งสูงขนาดนี้ทั้งที่อายุยังน้อย  พี่ฮั่นทำงานเก่งมาก  พี่ชายของเขามีบุคลิกของผู้นำ  มีความมั่นใจในตนเอง ที่สำคัญคือรู้ทุกเรื่องในธุรกิจนี้  เป็นตัวแทนของพ่อได้สบาย ๆ   

มิน่า  พ่อถึงวางมือไปเล่นการเมือง  ก็มีคนช่วยเก่งขนาดนี้ 

พีทมองแผ่นหลังพี่ฮั่นอย่างทึ่งจัด  เพราะเขาเพิ่งเคยเห็นพี่ฮั่นเวลาทำงานเป็นครั้งแรก  ใบหน้านั้นไม่ได้มีความขี้เล่นหรือกวนประสาทเหมือนเคย กลับเต็มไปด้วยความจริงจัง  เอาใจใส่งานทุกรายละเอียดแต่ยังคงมีรอยยิ้มเสมอ  เขาใช้เวลาที่เดินตามพี่ฮั่นสังเกตทุกคนรอบตัว  พนักงานแต่ละคนที่เขาพบต่างก็ตั้งใจทำงานอย่างแข็งขัน  แววตาของพนักงานที่มองมายังผู้บริหารมีแต่ความชื่นชม   ดูเหมือนพวกเขามี ‘ศรัทธา’ ต่อผู้บริหารของเขา แม้แต่ท่านรัฐมนตรีก็ดูชื่นชมพี่ฮั่น  ถึงกับเอ่ยปากชวนไปออกรอบเมื่อเสร็จสิ้นการจัดประชุมที่สำคัญนี้   
 
หลังจากส่งท่านรัฐมนตรีและคณะผู้ติดตามกลับแล้ว  ฮั่นเพิ่งมีโอกาสคุยกับ ‘เด็กฝึกงาน’ เป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาลงไปลากตัวมา

“เบื่อไหม  เหนื่อยรึเปล่า”

“ไม่ครับ สนุกดี” ใบหน้าเรียวนั้นยิ้มส่งมาให้  ดูเหมือนพีทไม่เคยเหนื่อยที่จะยิ้มให้เขาเสมอ

“พี่อยากให้พีทได้รู้จักผู้ใหญ่กับศึกษางานไปด้วยเลยพามา  พี่ก็เรียนรู้งานจากลุงคริสด้วยวิธีนี้เหมือนกัน” 

รองประธานเล่าช้า ๆ  เอื้อมมือไปแตะหลังพีทให้ออกเดินไปด้วยกัน  เวลานี้เลยเวลาเลิกงานมาพอสมควรพีทจึงไม่กลับไปที่แผนกอีก  ทั้งสองคนเดินตรงไปที่ลิฟต์ผู้บริหาร

“ฝึกงานวันแรกเป็นไงมั่ง  สนุกไหม” 

“ก็สนุกดี ขอบคุณพี่นะ” พีทหันไปกระแทกไหล่ตัวเองกับไหล่คนข้างกายเป็นเชิงหยอก

“เรื่องอะไร”  คนถูกกระแทกอมยิ้มเมื่อทำไม่รู้ไม่ชี้ถาม 

“โธ่  พี่  ผมรู้นะว่าทำไมผมถึงได้ไปอยู่ฝ่ายจัดประชุมน่ะ เด็กฝึกงานเกือบห้าสิบคนมีผมกับพี่โดมแค่สองคนที่ได้อยู่แผนกนั้น  แล้วพี่ไปบอกหัวหน้าฝ่ายให้ทำตัวปกติเหมือนผมเป็นนักศึกษาธรรมดาใช่มั้ยล่ะ  ไม่งั้นเขาไม่กล้าใช้ผมทำงานหรอก”   

พีทรู้ว่าพี่ฮั่นต้องทำแบบนั้นแน่ อยู่กับพี่ฮั่นไปนาน ๆ แล้วเขาก็ชักจะเริ่ม ‘อ่าน’ พี่ฮั่นออกบ้างแล้ว 


(มีต่อ)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2014 01:19:22 โดย Tigerintherain »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
29. ฝึกงาน (ต่อ)


หลังจากกลับมาจากโรงแรม  ท่านรองประธานยังหอบงานกลับมาทำต่อที่บ้านอีก  พีทที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วเห็นคนเป็นพี่ก้มหน้าอ่านเอกสารหน้าเคร่งอยู่จึงเอ่ยถาม

“งานมันเร่งขนาดนั้นเลยเหรอ  ถึงยังไม่อาบน้ำอ่ะ  มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”

คนที่นั่งทำงานอยู่เงยหน้ามายิ้มให้ 

“ดีเลย มานั่งสิ  เดี๋ยวพี่อธิบายให้”

เด็กฝึกงานไปยกเก้าอี้มานั่งข้างพี่ฮั่นแล้วเริ่มต้นฟังสิ่งที่พี่ฮั่นอธิบายอย่างตั้งใจ  ทั้งคู่นั่งทำงานด้วยกันอยู่จนดึกดื่น  ยิ่งเวลาผ่านไปพีทก็เกิดความสงสัยอะไรอีกหลายอย่าง  เขาตั้งคำถามตลอดเวลาเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เรียนรู้งานของพ่อ

กว่าทั้งคู่จะเข้านอนก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว  พอหัวถึงหมอนพีทก็หลับไปทันที  คนพี่ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินมาหยุดที่ข้างเตียงแล้วยิ้ม   

‘เด็กฝึกงาน’ ของเขาพอถึงเวลาก็เอาจริงเอาจังเหมือนกัน  เขานึกใบหน้าพีทที่ตั้งอกตั้งใจฟังที่เขาสอนทุกคำแล้วก็ยิ้มกว้างมากขึ้น  ตั้งใจแล้วก็ฉลาด  หัวไว 

“พี่ฮั่นมานอนเร็วเข้า  ดึกแล้ว”  พีทพูดทั้งที่ยังหลับตาอยู่  เขาได้ยินเสียงพี่ฮั่นออกจากห้องน้ำตั้งนานแล้ว

“อ้าว พี่นึกว่าหลับไปแล้วซะอีก”

พี่ชายพูดแล้วก็เดินไปล้มตัวนอนอีกด้าน ปิดไฟหัวเตียง พีทรอจนพี่ฮั่นนอนเรียบร้อยแล้วจึงขยับตัวเข้าไปจนชิด  พาดแขนไปกอดพี่ฮั่นไว้แถมยกขาก่ายพี่ฮั่นไว้อีกด้วย 

“พีท  อะไรเนี่ย  นอนดี ๆ สิ”  คนพี่บ่น

“ไม่เอา ก็พีทชอบกอดพี่ฮั่นนี่  อุ่นดี”  คนพูดทำเสียงงัวเงียเหมือนง่วงเต็มแก่

“เฮ้อ”  คนพี่ถอนหายใจแล้วก็เงียบไปโดยไม่เห็นว่าเจ้าน้องชายตัวดีแอบยิ้มในความมืด 

เจ้าน้องชายก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่า กลางดึกหลังจากที่เขาพลิกตัวเปลี่ยนท่านอน  กลับกลายเป็นตัวเองนั่นแหละที่โดนกอด..

ทั้งคืน

-----------------------------------



“มาแล้ว เร็วเข้า”  เสียงนักศึกษาสาวที่มาฝึกงานร้องบอกเพื่อน ๆ เมื่อเธอเห็น ‘คุณชาย’ เดินมา   

เสียงชื่นชมดังขึ้นเมื่อพวกเธอเห็นคนที่ลือกันว่าเป็นลูกชายคนเล็กของเจ้าของโรงแรมมาฝึกงานในโรงแรมนี้ด้วย 

ภาพหนุ่มน้อยที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเดินติดต่องานระหว่างแผนกทำให้พนักงานสาวทั้งโรงแรมแอบมองและลอบยิ้มให้กัน  ก็คนอะไรน่ารัก  ยิ้มเก่งและไม่ถือตัวสักนิด 

“โอ๊ย  หล่อมาก  ยิ้มทีใจละลายเลย”

“เพื่อนชั้นที่ฝึกงานอยู่ฝ่ายจัดประชุมบอกว่าชื่อพีท  เก่งมาก ๆ เลยล่ะ เค้าว่ายังไม่มีแฟนด้วย”

“จริงเหรอ  ว๊าย  เดินไปทางโน้นแล้ว”

“นี่พวกเธอทำอะไรกัน” 

เสียงหัวหน้าแผนกที่มายืนฟังอยู่นานแล้วเอ่ยถามอยู่ข้างหลังกลุ่มนักศึกษาฝึกงานที่กำลังแอบมองทำให้ทั้งกลุ่มวงแตก  ต่างรีบแยกย้ายกันไปทำงาน  หัวหน้าแผนกส่ายหน้าอย่างระอากับพฤติกรรมของสาว ๆ พวกนี้   

ตั้งแต่ ‘คุณชาย’ มาฝึกงานก็ทำให้เกิดความวุ่นวายขนาดย่อม ๆ ภายในโรงแรม  นักศึกษาฝึกงานและพนักงานทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ต่างจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนี้แทบไม่เป็นอันทำงาน

ลูกชายคุณคริสมาฝึกงานเหมือนนักศึกษาทั่วไป  ตอนแรกก็ไม่มีใครรู้  แต่เพียงไม่นานข่าวก็กระจายไปทั่วโรงแรมอย่างรวดเร็ว  ทุกคนก็อยากเห็นลูกชายคนเล็กกันทั้งนั้น  เพราะตอนที่ ‘คนพี่’ มาทำงานใหม่ ๆ ก็ทำเอาสาว ๆ ในโรงแรมแทบคลั่งไปแล้วเพราะความที่หน้าตาดี  ทำงานเก่ง  คล่องแคล่วและเป็นกันเองอย่างมาก  ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ชนะใจคนทั้งโรงแรมไว้ได้

พอมีข่าวลือเรื่อง ‘คนน้อง’ มาฝึกงาน  ทุกคนก็ตั้งตารอ  และก็ไม่ผิดหวังเลย  ข่าวที่ได้ยินมีแต่เสียงชื่นชม  เมื่อลูกชายท่านประธานปฏิบัติตัวเหมือนนักศึกษาฝึกงานธรรมดา  ไม่มีสิทธิ์พิเศษอะไรแต่กลับตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่  แม้เลิกงานแล้วก็มักจะเห็น ‘คนน้อง’ เดินตามพี่ชายไปทั่วโรงแรม 

ดูเหมือนเป็นกิจวัตรไปแล้วที่คนทั้งโรงแรมจะได้เห็น  ภาพสองพี่น้องใช้เวลาหลังเลิกงานเดินดูแต่ละแผนกทั่วโรงแรม  ทั้งโรงครัว  ห้องซักรีด  จนกระทั่งห้องเก็บของหลังโรงแรม  ท่านรองประธานมักจะเดินอธิบายแต่ละแผนกในโรงแรมโดยมีหนุ่มน้อยเดินตาม  คอยจดทุกสิ่งทุกอย่างลงสมุดในมือและตั้งคำถามในสิ่งที่สงสัย  บางครั้งก็สอบถามกับพนักงานโดยตรงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม   คนที่ได้พูดคุยหรือทำงานร่วมกันต่างก็มาเล่าให้ฟังถึงความน่ารัก เก่งและขยันขันแข็งของคุณชาย

------------------------------------




แล้วเจอกันค่า

 :mew1: :mew1: :mew1:





ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เด็กฝึกงานคนนี้น่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
สองพี่น้องน่ารักกันจัง :mew1:

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
30. เมา



หลังจากการเดินตรวจโรงแรมทุกเย็นแล้วพีทก็ขึ้นมาช่วยงานพี่ฮั่นต่อ  ทั้งคู่นั่งทำงานด้วยกันจนค่ำทุกวันเพราะการประชุมผู้นำเศรษฐกิจกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ 

“พีท  เหนื่อยรึเปล่า  พี่จะชวนไปข้างนอกหน่อย”

“ไปไหนครับ” พีทเงยหน้าจากกองเอกสารขึ้นมาถาม เวลานี้ก็เกือบสองทุ่มแล้วพวกเขายังนั่งทำงานอยู่ในห้องรองประธาน  แล้วพี่ฮั่นจะชวนไปไหน

“เหอะน่า  ตามมาแล้วกัน”




สถานที่ที่พวกเขามาถึงอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก  แถบนี้เป็นย่านร้านอาหารและผับหรูหลายแห่ง  พี่ฮั่นจอดรถหน้าผับแห่งหนึ่งซึ่งพีทเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก  เขามองดูสถานที่อย่างสนใจเพราะที่นี่เป็นผับสำหรับคนวัยทำงานจึงแตกต่างจากผับของเกรซที่เป็นแหล่งรวมวัยรุ่น  ดูวุ่นวาย 

พนักงานที่แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกหูกระต่ายปรี่เข้ามาต้อนรับทันทีที่เห็นพี่ฮั่น  พี่ชายหันมาพยักหน้าเรียกเขาก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้านอย่างคุ้นเคย  ภายในร้านไม่ค่อยสว่างมากนัก  มีเพียงแสงจากโคมไฟเล็กตั้งโต๊ะ ชุดเก้าอี้หนังบุนวมอย่างดี  เสียงเพลงแจ๊สนุ่มหูคลอเบา ๆ สร้างบรรยากาศ 
 
เขาสังเกตเห็นสาวสวยหลายคนในชุดเดรสสุดเซ็กซี่ส่งสายตามาทางเขาอย่างสนใจ  คนที่เพิ่งเข้าสู่วัยหนุ่มยิ้มตอบกลับ  แววตาแพรวพราว

“เห็นสาว ๆ ล่ะยิ้มหวานเชียวนะ” 

คนพี่ที่แอบสังเกตอยู่เอ่ยแซว   แต่แทนที่พีทจะเขินที่ถูกพี่ชายแซว   เขากลับยักคิ้ว  หันมายิ้มให้

“ของมันแน่อยู่แล้ว”  พูดพลางยิ้มร่า 

“ทำไมตอนร้องเพลงที่ร้านเกรซไม่เห็นสนใครเลย  ทำไมมาเจ้าชู้เอาตอนนี้ล่ะ” 

“โธ่พี่  ก็ที่โน่นน่ะมีแต่เด็กวัยรุ่นผมไม่ชอบหรอก  ผมชอบสาว ๆ ที่โตแล้ว  คุยกันรู้เรื่องดี” หนุ่มน้อยตอบ  ยังคงยิ้มหวานส่งให้หญิงสาวในร้านไม่หยุด

“ชอบคนอายุมากกว่าเหรอ”  คนพี่หันไปถามจริงจัง

“ฮื่อ”  คนน้องตอบแล้วยิ้มให้พี่ชาย 
 
‘ถ้ายิ้มแบบนี้  สาว ๆ เสร็จทุกรายแน่’   ฮั่นส่ายหน้าเล็กน้อย   ยกแขนไปกอดคอน้องชายแล้วเดินนำไปยังโต๊ะประจำ
 
“โผล่มาสักทีนะ แคน”  เขาเอ่ยเมื่อเดินมาถึงและพบคนที่โทรนัดเขาออกมารออยู่ก่อนแล้ว

“ไปดูงานที่ยุโรปแทนพ่อน่ะพี่  กะทันหันนิดหน่อยเลยไม่ได้บอก”

แคนทำหน้าแปลกใจที่พี่ฮั่นพาพีทมาที่นี่ด้วย  เขาหันไปสบตาเพื่อนรุ่นพี่ด้วยสายตาสงสัย   พี่ฮั่นยิ้มตอบเป็นเชิงบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี 

“สวัสดีครับพี่แคน”  พีทเอ่ยทักพี่แคนก่อน 

“เอ่อ  พีท หวัดดีครับ”

แคนยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง  ทักตอบอย่างขัดเขินเมื่อคิดได้ว่าเขาแกล้งทำเป็นไม่รู้จักพีทตอนที่แอบไปเป็นเด็กเสิร์ฟ  แล้วเขาก็ยังแอบไม่พอใจบ่อยครั้งเวลาเห็นพีทอยู่กับ....คู่หมั้นของเขา

“พี่เป็นคู่หมั้นเกรซก็ไม่บอก  เพื่อนผมเครียดมากเลยนะ” 

พีทว่าพลางนั่งลงข้างพี่ฮั่น  แคนถึงกับหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ก็ที่เขาโทรชวนพี่ฮั่นมาวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้นั่นแหละ   

“แล้ว  เอ่อ  เพื่อนพีทเป็นยังไงบ้าง” 

“ก็ซึมไป  ไม่ร่าเริงเท่าไร”  คำตอบนั้นทำให้แคนยิ่งเศร้าลง

“รีบทำอะไรสักอย่างเถอะแคน  ไม่งั้นนายจะเสียใจทีหลังนะ” ฮั่นพูดขึ้นบ้าง  เขายังไม่แน่ใจว่าจะบอกแคนอย่างไรเรื่องนักร้องใหม่ของเกรซ 

“ไหนลองเล่าเรื่องราวให้ฟังที วันก่อนนายมัวแต่ดื่ม พี่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไร”

คนอายุมากสุดในกลุ่มหันมาถามแคน   

แคนเล่าให้พี่ฮั่นฟังสั้น ๆ  เขาไม่อยากพูดมากนักเพราะพีทนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย  จะบอกได้ยังไงว่าเป็นเพราะเขาทนเห็นพีทสนิทสนมกับคู่หมั้นเขาไม่ได้เลยประกาศหมั้นกลางอากาศแบบนั้น   

พีทเองก็สังเกตได้เหมือนกันว่าพี่แคนคงเข้าใจผิดเรื่องเขากับเกรซเหมือนกับคนอื่น

“พี่คิดว่าผมกับเกรซคบกันอยู่ใช่มั้ยล่ะ” พีทถามตรงไปตรงมา

แคนเสมองไปที่แก้วเหล้าตรงหน้า  ก่อนที่จะยอมรับออกมาตรง ๆ เช่นกัน

“งั้นผมขอพูดตรงนี้เลยว่า  ผมกับเกรซเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น  เราไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกันนอกจากนี้  ชัดไหมพี่” 

“เอ่อ  ครับผม”  แคนรับคำ 

แววตาเขาเศร้าลงไปอีกเมื่อสบตาจริงจังของอีกฝ่าย  เขาเริ่มตระหนักแล้วว่าความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเลย  เรื่องทั้งหมดที่มันยุ่งเหยิงนี่เป็นเพราะเขาคิดไปเองทั้งนั้น  พีทก็ยืนยันแล้วว่าพวกเขาเป็นแค่เพื่อนกัน  แล้วที่เขาโกรธเวลาสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน จนทำให้ต้องมีการหมั้นหมายกันกะทันหัน ทั้งที่ยังไม่เคยได้แนะนำตัวกันสักครั้งก็เป็นความผิดเขาทั้งหมด  เขาเอง

มือของแคนคว้าแก้วเหล้ายกดื่มจนหมด 

พีทเห็นอาการนั้นแล้วจึงหันไปหาพี่ฮั่นเหมือนจะปรึกษา ‘เอาไงดี’

“ผมขอถามจริง ๆ เหอะ  พี่คิดยังไงกับเพื่อนผม”

“เอ่อ อะไรนะ” แคนดูตกใจที่ถูกพีทถามเรื่องนี้  เรื่องที่เขาก็ยังไม่แน่ใจ  ไม่กล้ายอมรับกับตัวเอง

“พี่ชอบเพื่อนผมรึเปล่า  ถึงยอมหมั้นน่ะ”

‘ตรงประเด็นเลยนะ’   คนที่นั่งฟังเงียบ ๆ คิดอยู่ในใจ  ชำเลืองไปมองน้องชายที่ทำหน้าจริงจังสอบถามแคนอย่างตรงไปตรงมา 

“ถ้าพี่ยังไม่รู้ว่าพี่คิดยังไงกับเพื่อนผมแล้วพี่ไปเร่งให้อาปีเตอร์ประกาศหมั้นทำไมละครับ  หรือพี่ไม่สนใจว่าจะรักหรือไม่รักก็ได้แค่ทำตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ  แค่นั้นรึเปล่า”

“ไม่  มันไม่ใช่อย่างนั้น  พี่ไม่ได้อยากทำตามผู้ใหญ่  ไม่งั้นไม่ลงทุนไปเป็นเด็กเสิร์ฟให้เพื่อนนายโขกสับหรอก”  แคนว่า

“ถ้างั้นเพราะอะไรล่ะครับ”  พีทย้อนถาม

“.....”

“ถ้าพี่ชอบเกรซจริงก็รีบแก้ไขอะไรเสียเถอะครับ  ผมไม่อยากให้เพื่อนผมเสียใจ  ตอนนี้เกรซก็เครียดมากแล้ว  ข้าวปลาไม่กิน  ผอมจะแย่แล้ว” 

พีทไม่มีความเห็นเรื่องที่พี่แคนไม่บอกเกรซว่าตัวเองเป็นใคร  เขาไม่อยากจะโทษว่าเป็นความผิดของพี่แคนทั้งหมด  บางทีพี่แคนก็คงมีเหตุผลของเขาเอง  เพราะ...เขาหันไปมองพี่ฮั่น 

เพราะพี่ฮั่นก็มีเหตุผลของตัวเองที่ไม่ยอมบอกความจริงกับเขาเหมือนกัน  รู้สึกโล่งอกที่เขากับพี่ฮั่นเข้าใจกันแล้ว  ไม่งั้นเขาก็คงไม่ต่างจากเกรซตอนนี้  พีทเอื้อมมือไปตบขาพี่ฮั่นเบา ๆ ยิ้มอยู่คนเดียวแล้วเอนตัวพิงกับเบาะนุ่ม  พาดแขนบนพนักเก้าอี้นั้นอย่างสบายใจ  พี่ฮั่นหันมาทำตาโตใส่แต่ไม่ถามอะไร

แคนนิ่งไปอย่างกำลังใช้ความคิด  เขาคิดยังไงกับเกรซนะ 

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอหน้าในห้องผู้จัดการ ร่างสมส่วนที่แต่งกายด้วยเสื้อแขนกุดสีสดใส  กางเกงดิสโก้แพนท์ที่แนบติดลำตัวอวดสะโพกกลมกลึง  ขาเรียวงาม  ดูเซ็กซี่จนเขาแอบกลืนน้ำลาย   

คุณหนูเดินตรงมา  ดวงตากลมโตที่พิจารณาเขาอย่างละเอียดทำให้เขาอดใจเต้นไม่ได้  ตอนนั้นเขาคิดเพียงว่าเขาคงตื่นเต้นเพราะกลัวถูกจับได้ว่าปลอมตัวมา  ยิ่งคุณหนูเอ่ยว่าคุ้นหน้าเขายิ่งทำให้เขายิ่งเครียด หัวสมองคิดวุ่นวายเพราะนึกไม่ออกว่าเกรซจะคุ้นหน้าเขาได้อย่างไรเพราะพวกเขาไม่เคยเจอกันมาก่อน

คุณหนูที่เขาเห็น เปรี้ยวเข็ดฟันเชียวล่ะ  ต่างจากที่เขาเคยคิดไว้อย่างสิ้นเชิง  เขาเคยคิดว่าลูกสาวของคุณเจมส์ที่เลี้ยงยังกับไข่ในหินคงจะนุ่มนิ่ม อ่อนแอ  เป็นประเภทที่ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา  แต่คุณหนูเกรซ ‘ตัวจริง’ ที่เขาเจอไม่ใช่แบบนั้น คุณหนูเก่งทีเดียวที่กล้าทำอะไรนอกกรอบขนาดนี้  จัดการบริหารธุรกิจกลางคืนได้ดีแม้ว่าจะเรียนหนังสือไปด้วย  เพราะครั้งแรกที่เขาได้ยินจากพี่ฮั่นว่าร้านที่พีทไปร้องเพลงเป็นของว่าที่คู่หมั้นก็ทำให้เขาตกใจจนต้องขอฟังซ้ำเพราะคิดว่าพี่ฮั่นพูดผิด
 
แอบไปซื้อผับไว้แล้วหนีที่บ้านไปขลุกอยู่ที่นั่นเกือบทุกคืน  ทำให้เขาเกิดอยากเห็นหน้าถึงขนาดเขาตัดสินใจยอมไปเป็นเด็กเสิร์ฟ  พอเจอแล้วก็เกิดอยากรู้จักตัวตนที่แท้จริง  ไม่ใช่ในแบบที่ครอบครัววางกรอบไว้ให้  ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เรื่องมันเลยเถิดขึ้นมาจนเขาไม่อยากไปไหน  อยากอยู่กวนใจคุณหนูไปเรื่อย ๆ

จนกระทั่งวันนั้น  หลังจากประกาศหมั้นสายฟ้าแลบ  เขาก็ไม่มีโอกาสเห็นหน้าคู่หมั้นตัวเองอีกเลย  เกรซก้มหน้าตลอดเวลาจนกระทั่งเดินลงจากเวทีพร้อมคุณพ่อแล้วหายออกจากงานไปโดยที่คุณเจมส์ยังไม่รู้  เขาจึงไม่มีโอกาสได้อธิบายอะไร

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา  หลับตาทุกคืนก็เห็นแต่หน้าคู่หมั้น  ดวงตากลมที่มีน้ำตาคลอ 

แบบนี้เรียกว่ารักรึเปล่าล่ะ

พีทสะกิดพี่ฮั่นให้มองไปที่พี่แคนที่เงียบไปอย่างใช้ความคิด  เขาดึงไหล่พี่ฮั่นให้เอนตัวมาพิงเบาะหนังนุ่มด้วยกัน  กอดไหล่พี่ฮั่นไว้ เอียงหน้าไปกระซิบเพราะไม่อยากให้คนที่นั่งตรงข้ามรู้ตัว

“พี่ว่าไง  พี่แคนชอบเพื่อนผมรึเปล่า” 

“ดูจากอาการแล้วก็คงใช่แหละ ไม่งั้นจะหึงเกรซขนาดนั้นเหรอ  แค่พีทกับเกรซคุยกันยังแทบเต้น  แต่คงยังไม่รู้ตัว”  คนแก่ประสบการณ์ตอบเสียงกระซิบปานกัน

“ไม่รู้ได้ไง  เวลาเรารักใครเราต้องรู้สิ  เวลาเกลียดยังรู้เลย”  คนน้องว่า

“หืม?  ก็ไม่แน่นะพีท  บางทีคนเราก็อาจจะความรู้สึกช้าก็ได้นี่  กว่าจะรู้ตัวอาจต้องใช้เวลา”  พี่ฮั่นโต้

“อะไร  ไม่รู้ตัวได้ไง  เวลาเรารักใครก็ต้องคิดถึงคนคนนั้นตลอดเวลา อยากอยู่ใกล้ชิด  อยากแชร์ความรู้สึกอะไรด้วยกันไม่ใช่เหรอ”

“แน่ะ  รู้ดีจริงนะ  ไหนบอกมาสิว่ามีแฟนมากี่คนแล้ว”  พี่ฮั่นเอียงหน้าถามเขา

“โห  อย่ามาดูถูกกันนะ  มันก็ต้องมีกันบ้างสิ  สาว ๆ น่ะ”  คนน้องว่า  ยักคิ้วให้

“ถ้าเป็นน้องเชอร์รี่  คริสติน่ากับอึนเฮนี่อย่าเอามารวมนะ”  คนพี่พูดดักคอไว้ก่อน

“โธ่ พี่อ่ะ ไม่นับสามคนนี้ผมก็ไม่เหลือใครแล้วสิ” 

พีทอยากจะโวยที่พี่ฮั่นไม่ให้เขานับ ‘แฟนสมัยอนุบาล’ ด้วย   แต่เขากลับยิ้มเพราะพี่ฮั่นจำเรื่องสมัยนั้นได้

ฮั่นคิดถึงเรื่องเก่าแล้วก็ยิ้มกว้าง 



พีทริมีแฟนตั้งแต่เข้าอนุบาลเลยทีเดียว แล้วก็ยังร้ายไม่เบาที่คบทีเดียวสามคนรวด แถมยังพาสาวน้อยทั้งสามคนมาแนะนำตัวให้เขารู้จักอีกต่างหาก 

ฮั่นเมื่อตอนนั้นหมั่นไส้น้องเป็นกำลัง  พีทกลับบอกอย่างไม่แคร์ว่าสามสาวเป็นฝ่ายเข้ามาขอเป็นแฟนเขาเอง

แต่เวลาผ่านไปไม่นานพีทกลับทำหน้าบูดใส่เขาเย็นวันหนึ่งที่เขาไปรับที่ห้องเรียน

“น้องพีทเป็นอะไรครับ”  คนเป็นพี่ก้มหน้าถาม

“โป้งพี่แล้ว” ใบหน้าอ้วนกลมนั้นบูดบึ้ง คิ้วขมวดมากที่สุดเท่าที่พีทจะทำได้

“อ้าว พี่ทำอะไรล่ะ โกรธพี่เรื่องอะไร ไหนบอกมาก่อน”  คนเป็นพี่ย่อตัวนั่งลงเพื่อถามน้อง

“พวกสามสาวเค้าบอกว่าจะไม่เป็นแฟนกับพีทแล้ว”  ปากอวบ ๆ นั้นฟ้อง

“อ้าว ทำไมล่ะครับ” คนพี่ถามใบหน้าอมยิ้ม โถ โดนสาวหักอก หนีมาฟ้องพี่เลย

“พวกนั้นบอกว่าชอบพี่ฮั่นอ่ะ ไม่ยอมนะ พีทไม่ยอม โป้งพี่แล้ว  พีทโป้งพี่” 

พีทโวยวายหนักขึ้นทุกที ร่างอ้วนกลมนั้นพยายามดิ้นหนีแต่ฮั่นจับแขนน้องไว้แน่น ไม่ยอมให้ไปไหน

“ไม่มั้ง  เค้าจะมาชอบพี่ทำไมล่ะ”  คนเป็นพี่พยายามแก้ไข

“อึนเฮกับเชอร์รี่บอกว่าพี่ฮั่นใจดี คริสติน่าบอกว่าชอบคนอายุมากกว่า  เขาอยากให้พี่ฮั่นมารับตอนเย็นเหมือนพีท  พีทไม่ยอมนะ ห้ามพี่ฮั่นมีแฟน พี่ฮั่นของพีท พีทไม่ยอมยกให้ใคร”  คุณชายร่างกลมส่ายหน้ายืนยันคำพูด

ฮั่นส่ายหน้าน้อย ๆ ที่โป้งนี่ไม่ใช่เพราะกลัวสามสาวมาเป็นแฟนเขา แต่โป้งเพราะไม่ยอมยกเขาให้คนอื่นเหรอเนี่ย

สุดท้ายคนเป็นพี่ต้องปล่อยให้พีทกึ่งลากกึ่งจูงมือเข้าไปหาสามสาวที่นั่งเล่นชิงช้ากันอยู่  แล้วบอกสามสาวตามที่พีทบังคับว่าเขามีแฟนแล้ว  คงจะมาเป็นแฟนสามสาวอีกไม่ได้ 

สาว ๆ กลับทำให้พีทโมโหมากขึ้นอีก  เมื่อพวกเธอตอบเขาว่า  พวกเธอรับได้  ขอแค่พี่ฮั่นยอมเป็นแฟนกับพวกเธอก็พอ

พีทโกรธเขาไปสามวันเลยทีเดียว




“มีเท่านี้ทำมาคุย” 

คนพี่ว่ากับคน ‘มีประสบการณ์’ อย่างพีท  ถ้าเป็นเมื่อก่อนพีทอาจจะโกรธที่ต้องถูกสาวบอกเลิก  แต่เขาคิดว่าถ้าเป็นตอนนี้พีทไม่จำเป็นต้องโกรธเลย  เพราะมีสาวสวยตั้งมากมายที่แอบมองน้องชายเขาอยู่  แค่ในผับนี้ก็แทบเลือกไม่ไหวแล้วแต่พีทคงไม่รู้ตัว

“อะไรอ่ะ  ข่มเหรอ  แล้วพี่ล่ะ  มีใครที่ไหนเล่ามาเลยพี่ฮั่น” 

“ไม่มีหรอก” 

“โห ไม่เชื่อหรอก  พี่ผมหล่อ  เสน่ห์แรงขนาดนี้  พวกสาว ๆ ที่มหาวิทยาลัยมองพี่ตาปรอยกันทุกคน  ไม่รู้ตัวรึไง”   

พี่ฮั่นของเขาแทบจะทำให้นักศึกษาสาวที่คณะไม่เป็นอันทำอะไรเวลาไปไหนมาไหนกับเขาและพี่โดม  ตอนนี้เพื่อนที่คณะเขารู้จักพี่ฮั่นกันแทบทั้งนั้นเพราะความที่เป็นคนอัธยาศัยดี  เห็นใครมองมาก็ยิ้มให้  บางคนที่กล้าหน่อยก็เข้ามาคุยด้วย  พี่แกก็คุยตอบเป็นอันดีแนะนำตัวเสร็จสรรพว่าเป็นพี่ชายเขา  แบบนี้จะไม่ให้สาว ๆ  หลงได้ยังไงล่ะ 

คิดไปคิดมาเขาก็อดโมโหไม่ได้ไม่รู้เพราะอะไร  พีทไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอทำหน้าเหวี่ยงใส่คนพี่ที่นั่งเคียงข้าง

“ไม่มีจริง ๆ พี่ไม่มีเวลา” 

คนเจ้าเสน่ห์ยังคงยืนยันคำเดิม  พี่ชายประหลาดใจที่พีททำหน้าเหมือนกำลังเคืองเขาอยู่

“เป็นอะไร  พีท  ทำไมทำหน้าแบบนั้น  พี่พูดอะไรผิดเหรอ”

“เอ่อ เปล่าครับ” 

เขาเพิ่งรู้สึกตัวจึงพยายามกลบเกลื่อนอาการนั้น  มือเขาเสไปคว้าแก้วมาดื่ม 

‘แล้วเขาจะโมโหทำไมเนี่ย’

ทั้งสองคนกลับมาวิจารณ์เรื่องแคนต่อไป  จากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนมาคุยเรื่องอื่น 

แคนที่คิดอะไรอยู่นานเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาเงียบนานเกินไปแล้ว  แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นกลับต้องแปลกใจเพราะพี่ฮั่นและพีทไม่มีใครสนใจเขาอยู่เลย  เอาแต่นั่งคุยกันสองคน  แคนมองอย่างพิจารณาแล้วก็คิ้วขมวด 

‘ปกติพี่ฮั่นไม่คุยกะใครแบบนี้นี่หว่า’ 

ระยะเวลาที่เขารู้จักพี่ฮั่นมาหลายปีที่อังกฤษ  เวลาพี่ฮั่นพูดคุยกับเพื่อนฝูงมักจะสรวลเสเฮฮา  เวลาคุยเรื่องจริงจังก็ไม่เคยต้องกระซิบกระซาบหน้าแทบจะชนกันขนาดนี้   

‘แต่นี่น้องรักนี่นะ’  เขานึกขึ้นได้   

พี่ฮั่นเคยเล่าเรื่องพีทให้เขาฟังอยู่เหมือนกัน  จากกันตั้งหลายปีพี่ฮั่นยังรักน้องเหมือนเดิมตลอดเลย  ลูกคนเดียวอย่างเขาเห็นแล้วยังอิจฉา 

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร แคนก็ยิ่งดื่มหนักขึ้นทุกที เขาคะยั้นคะยอให้อีกสองคนดื่มเป็นเพื่อนด้วย  พีทหันไปมองหน้าพี่ฮั่นยังไม่ได้ถามอะไร  คนพี่สั่งห้ามทันที

“พีทอย่ากินเลย  เหล้าพวกนี้มันแรง  คออ่อนอย่างเราเดี๋ยวก็เมาพับหรอก”

“อะไรอ่ะ พี่หาว่าผมคออ่อนเหรอ  ดูถูกกันนี่นา”  พีทโวยวายไม่ยอมแพ้  เขาคว้าแก้วเตรียมจะยกขึ้นดื่มแต่มือพี่ฮั่นคว้าไว้ก่อน

“พี่ล้อเล่น  อย่าดื่มเลยเดี๋ยวไม่มีใครขับรถ  พี่จะดื่มเป็นเพื่อนแคนเองนะ”

พี่ฮั่นทำเสียงแบบนี้อีกแล้ว  เวลาพี่ฮั่นพูดเสียงอ่อนแบบนี้ทีไรเขาก็ดื้อไม่ออกทุกที   

พีทปล่อยให้พี่ฮั่นดื่มเป็นเพื่อนพี่แคนไปเรื่อย ๆ ทั้งสามหนุ่มใช้เวลาพูดคุยอยู่ในผับจนดึกดื่นโดยที่ไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลย  พีทก็ไม่รู้จะช่วยพี่แคนได้อย่างไรเพราะเกรซก็ไม่คุยเรื่องนี้กับเขาเลยตั้งแต่รู้ว่าพี่ฮั่นเป็นใครและรู้จักกับพี่แคนมาหลายปีตั้งแต่อยู่อังกฤษ

ในที่สุดทั้งสามคนก็ต้องกลับเมื่อได้เวลาปิดร้าน  ฮั่นโทรเรียกคนขับรถของแคนให้ช่วยพาแคนที่เมาหนักกลับบ้าน   ส่วนตัวเขาที่ดื่มหนักเหมือนกันคว้าคอพีทมากอดไว้และปล่อยให้น้องชายประคองเดินออกจากผับ  พีทจับมือพี่ฮั่นที่พาดไหล่เขาไว้  มืออีกข้างโอบไปรอบเอวคนตัวใหญ่แล้วพาเดินออกจากร้าน  คนในอ้อมแขนเขาเดินเซไปมาทำให้เขาเดินลำบากขึ้น 

“พี่เดินดี ๆ หน่อย  ผมหนัก จะแบกไม่ไหวแล้ว”  คนน้องบ่น  แต่ดูเหมือนคนเมาไม่ได้ยินอะไร

“ฟู่ว์”  พีทพ่นลมหายใจ 

ในที่สุดเขาก็ประคองพี่ชายกลับมาขึ้นรถได้เรียบร้อย  เขาเดินอ้อมไปอีกด้านเพื่อไปประจำที่คนขับ 

ทันใดนั้นก็มีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งร้องขึ้นทำให้เขาหันไปมอง  ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังขอโทษขอโพยหญิงสาวที่เขาชนจนล้มลงไปนั่งพับกับพื้น  เขาช่วยฉุดร่างหญิงสาวคนนั้นให้ขึ้นมายืนเหมือนเดิม 

พีทขมวดคิ้วเพราะใบหน้าด้านข้างของชายคนนั้นที่เขาเห็นในมุมมืดมีส่วนคลับคล้ายคลับคลากับคนที่เขารู้จัก  เขาเพ่งมองอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ  ดูเหมือนชายคนนั้นก็รู้ตัวว่ากำลังเป็นจุดสนใจของเขาจึงรีบขอโทษผู้หญิงที่เขาชนแล้วรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

พีททิ้งความสงสัยของเขาไว้  เดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไป


----------------------------------

  :monkeysad: :o12:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-08-2014 01:19:05 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
พี่ฮั่นเมาแบบนี้ ตอนนอนนั่จะมีแอบหอมแก้มน้องป่ะเนี่ย :ling1:

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
31. หวั่นไหว



“ไม่ไหว  เดินไม่ไหว  พีทช่วยหน่อย”

เสียงอ้อแอ้พูดไม่ชัดของพี่ฮั่นร้องบอก  เมื่อเขาขับรถมาจอดหน้าบ้านเรียบร้อยแล้วเปิดประตูเข้าไปดึงตัวพี่ฮั่นออกมา 

“พี่เดินด้วยสิ  ผมจะไม่ไหวแล้วนะ”  พีทพยายามร้องบอกให้พี่ฮั่นช่วยก้าวขาเดินบ้าง  เพราะตอนนี้พี่ฮั่นแทบจะทิ้งน้ำหนักทั้งหมดมาที่เขา

ทุลักทุเลพอสมควรกว่าเขาจะพาคนเมาตัวใหญ่ขึ้นบันไดเข้าไปในห้องนอนได้  เขาเอื้อมไปเปิดไฟข้างประตูห้องนอนทำให้ต้องปล่อยมือ  คนเมาเสียหลักเอียงตัววูบ

“เฮ้ย!”   สิ้นเสียงร้องอย่างตกใจของเขา  ทั้งคู่ล้มลงที่เตียง

“เฮ้อ”  พีทพลิกตัวลงจากร่างคนเมาที่เขานอนทับอยู่มานอนแผ่หราบนเตียงอย่างหมดแรง 

‘ไหนอวดว่าคอแข็ง ทำไมถึงเมาไม่รู้เรื่องแบบนี้เนี่ย’


คิดพลางเหลือบตามามองคนที่นอนนิ่ง  พี่ฮั่นเมาหลับไปแล้ว  พีทพลิกตัวนอนตะแคง  เท้าแขนกับศีรษะตัวเองมองดูคนที่หลับไม่รู้เรื่อง  เขาลองยกมือพี่ฮั่นขึ้นแล้วปล่อย  มือพี่ฮั่นตกลงข้างตัวแล้วก็นิ่งไปเหมือนเดิม  พีทยิ้มเมื่อเห็นสภาพพี่ชาย

‘ท่านรองประธาน  บอดี้การ์ดจอมกวนของเขา  เมากะเค้าเป็นด้วยเหรอเนี่ย’


เขานึกสนุกจึงเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่ง ๆ นั้นไว้   เพียงครู่เดียวคนเมาก็สะบัดหน้าหนีเพราะหายใจไม่ออกแล้วก็กลับไปนอนต่อ

“ฮ่า ๆ”  พีทหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งพี่ 

‘แกล้งอะไรต่อดีนะ’

เขายื่นหน้าไปใกล้มากขึ้น  จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วเบาของคนที่นอนอยู่  เวลามองใกล้แบบนี้แล้วเพิ่งรู้ว่าพี่ฮั่นมีแผลเป็นที่หน้าผากด้วยเขาไม่เคยสังเกตเห็นเลย 

‘ไปโดนอะไรมานะ’   นิ้วยาวลากผ่านหน้าผากแผ่วเบาแล้วหยุดที่รอยแผลเป็นเล็กกลางหน้าผาก

‘คิ้วพี่ฮั่นหนาจัง’   นิ้วชี้ของเขาไล้ไปตามแนวคิ้วดกหนา

‘จมูกสวย’
 
เขาเลื่อนนิ้วมาลากไปตามสันจมูกโด่งอย่างเชื่องช้า  มองตามนิ้วที่ลากลงไปเรื่อยจนหยุดที่ริมฝีปาก  เขาจ้องมองปากแดง ๆ นั้นอยู่นานโดยไม่รู้ตัว 

จู่ ๆ ความคิดประหลาดอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมอง 

‘เฮ้ย!!!’  พีทตกใจความคิดของตนเอง  พรวดพราดลุกขึ้นนั่ง 

‘บ้าน่า คิดอะไรบ้า ๆ’

เขาแปลกใจตัวเองที่คิดอะไรประหลาดแบบนั้นจึงตัดสินใจลุกออกจากเตียง



ทันทีที่คนน้องหายลับเข้าไปในห้องน้ำ  คนที่นอนนิ่งอยู่ลืมตาขึ้นทันที เขายกมือขึ้นเสยผมอย่างแรง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ 

‘โอ๊ย  ใจหายหมด’ 

ตอนแรกเขาคิดแค่ว่าจะแกล้งน้องให้แบกเขาขึ้นมานอน  ก็เลยแกล้งทำเป็นเมาไม่รู้เรื่องจนกระทั่งล้มลงไปบนเตียงด้วยกัน 

เสียงพีทหัวเราะคิกคักเมื่อแกล้งบีบจมูกเขา เขากำลังคิดหาทางแกล้งน้องอยู่จึงยังนอนนิ่ง จากนั้นก็สัมผัสถึงลมหายใจบางเบารินรดใบหน้า ความรู้สึกเหมือนคืนที่พีทเมาแล้วขยับมานอนจนชิดกลับมาในสมองอีกครั้ง เขายังจำได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของหัวใจตัวเองได้ดี  ไม่กล้าลืมตาขึ้นมา 

นิ้วที่สัมผัสแผ่วที่หน้าผากทำให้เขาใจเต้นอยู่เพียงลำพัง  รู้สึกร้อนไปตามนิ้วที่ลากผ่านหน้าผาก  คิ้ว จนกระทั่งถึงปลายจมูก   สัมผัสนั้นก็หยุดอยู่นาน  เขากลั้นใจนอนนิ่งต่อไปโดยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งรู้สึกว่าพีทลุกออกไปจากเตียง ได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำจึงลืมตาขึ้นมา

อะไรกันเนี่ย  ตั้งใจจะแกล้งน้องแท้ ๆ  แต่พีทกลับทำให้เขา
 
....หัวใจจะวาย....




หลังจากพีทเข้าห้องน้ำไปยืนสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่ครู่ใหญ่จึงออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นตรงไปที่เตียงนอนของตัวเอง พี่ชายยังคงนอนนิ่งอยู่เหมือนเดิม  เขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าและลำคอให้คนที่นอนอยู่เพื่อให้สบายตัว  คิดหนักว่าจะเปลี่ยนเสื้อให้พี่ฮั่นได้อย่างไรเพราะพี่ฮั่นตัวใหญ่กว่าเขามาก  แค่ตอนพยุงพี่ฮั่นเดินเข้าบ้านเขายังประคองแทบไม่ไหว   

ในที่สุดพีทจึงตัดสินใจลองเรียกคนที่นอนนิ่งดู

พี่ฮั่นงัวเงียอยู่ครู่แล้วจึงลืมตาขึ้น 

“พี่ไปอาบน้ำนะ” คนเมาพูดโดยไม่มองหน้า แล้วก็ลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องนอนตัวเอง  ทิ้งให้พีทนั่งงงที่พี่ฮั่นหายเมาลุกเดินกลับห้องหน้าตาเฉย

“อะไรเนี่ย”   คนน้องพึมพำอย่างประหลาดใจ   

--------------------------



“พีท พีท เป็นอะไร  ฟังพี่อยู่รึเปล่า” 

เสียงเรียกจากคนที่นั่งตรงข้ามทำให้พีทเพิ่งรู้สึกตัว  เขาไม่รู้เลยว่าพี่ฮั่นกำลังพูดอะไรอยู่เพราะมัวแต่....

เขาเอาแต่คิดเรื่องเมื่อคืนก่อน  ตั้งแต่คืนก่อนที่เขาเกิดความคิดประหลาดนั้นขึ้นเขาก็สลัดความคิดนั้นไม่หลุด  มันคอยแต่จะลอยเข้ามาในหัวเสมอเวลาที่เขาเผลอ  เวลาที่เขาต้องเผชิญหน้ากับพี่ฮั่น  แล้วอาการที่เขาใจสั่นบ่อย ๆ นี่อีก
 
นี่เขาเป็นอะไร  เขาคิดมาตั้งหลายวันแล้วก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง  เขามักจะทำตัวไม่ถูกเวลาพี่ฮั่นอยู่ใกล้  บางทีก็เอาแต่จ้องพี่ฮั่นอยู่แบบนั้นโดยไม่รู้สึกตัวจนพี่ฮั่นจับได้บ่อย ๆ

“ว่าไงล่ะ  พีทเป็นอะไรรึเปล่าหรือว่าเหนื่อย” 

เสียงพี่ฮั่นถามอย่างอ่อนโยน  มองมาที่เขาด้วยแววตาห่วงใย  สายตาของพี่ฮั่นที่มองมาทำให้เขา...ไม่อยากยอมรับเลยว่าสายตาแบบนั้นทำให้เขาหวั่นไหว ได้แต่คิดว่าตัวเองต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ ๆ

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ พี่พูดถึงไหนแล้วขออีกทีนะ”

พีทกลบเกลื่อนแล้วหันกลับไปถามเรื่องงาน  เปิดเอกสารที่วางตรงหน้าแล้วทำทีเป็นตั้งใจอ่านเอกสาร

พี่ชายที่นั่งมองอยู่ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจที่เห็นท่าทางเหม่อลอยของน้อง  ปกติพีทเป็นคนเอาจริงเอาจัง  ไม่เคยเหม่อลอยเวลาทำงาน  แต่สองสามวันมานี้พีทแปลกไป

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นดึงให้ทั้งสองคนกลับมาสู่โลกแห่งความจริง  พี่ฮั่นรับโทรศัพท์แล้วเดินไปคุยที่ริมกระจกอีกด้านของห้องทำงาน  ทำให้พีทมีเวลาตั้งตัวหลังจากก้มลงอ่านเอกสารแต่เนื้อหาในนั้นไม่เข้าหัวเขาเลยสักนิด

หนุ่มน้อยลอบถอนหายใจ  ทำไมเขาต้องฟุ้งซ่านขนาดนี้   ทำไมเขาต้องคิดแบบนั้นกับพี่ฮั่นด้วย  เขาไม่เข้าใจตัวเองเลย

ขายาวของพี่ฮั่นเดินกลับมานั่งลงตรงหน้าเขาอีกครั้ง  พีทรีบรวบรวมสติกลับมาที่เอกสารตรงหน้า  แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก  คราวนี้เป็นสายของเขา

“เกรซชวนไปฟังเพลงที่ร้านพี่โดม พี่จะไปกับผมไหม”   

พีทที่วางสายลงแล้วหันมาถามพี่ชาย

“ไปสิ  ว่าแต่ชวนแคนไปด้วยได้ไหม”  คนตรงหน้าเขาถามอย่างไม่แน่ใจนัก

“จะดีเหรอพี่  เดี๋ยวเกรซโกรธผมนะ  นี่ดีเท่าไรแล้วที่ชวนผมไปข้างนอก  เกรซไม่คุยกับผมตั้งหลายวันแล้วตั้งแต่รู้เรื่องน่ะ”
 
“เอาเป็นว่าพี่จะโทรบอกแคนแล้วกัน  จะมาหรือไม่มาก็แล้วแต่   อย่างน้อยก็สร้างโอกาสให้แคนได้คุยกับเกรซบ้าง”

แคนเล่าให้พวกเขาฟังว่า  พยายามจะไปขอโทษคู่หมั้นตัวเอง  ทั้งไปหาที่บ้านและที่ร้าน  แต่เกรซไม่เคยยอมคุยเลยสักครั้ง  แคนเองก็กลุ้มใจอย่างมาก

ทั้งสองหนุ่มเดินออกจากลิฟต์ตรงไปยังล็อบบี้ด้านหน้าที่มีออดี้จอดรออยู่แล้ว  พีทดึงแขนพี่ฮั่นไว้ก่อนจะบอก

“วันนี้ให้ผมขับนะ”  เขาเอ่ยขออนุญาตพร้อมทั้งยิ้มอ้อน  เพราะรู้แล้วว่าถ้ายิ้มแบบนี้แล้วพี่ฮั่นไม่เคยปฏิเสธอะไรเขาเลยสักครั้ง

“ได้สิ”  คนพี่เห็นรอยยิ้มนั้นแล้วก็ปฏิเสธไม่ลงเหมือนเคย 

ภาพคุณชายทั้งสองเดินไปขึ้นรถหรูนั้นอยู่ในสายตาบุคคลหนึ่งตลอดเวลา  คนที่นั่งอยู่บริเวณล็อบบี้ทำทีเป็นอ่านหนังสือพิมพ์แต่กดโทรศัพท์รายงานให้คนปลายสายฟังอย่างละเอียด

----------------------------




เสียงกีตาร์ดังแว่วเข้ามาในห้องนอนทำให้คนที่เพิ่งออกจากห้องน้ำยิ้มกับตัวเอง  พี่ฮั่นชอบหยิบกีตาร์ไปเล่นบ่อย ๆ แต่ไม่ค่อยร้องเพลงเท่าไร  อย่างดีก็ฮัมเพลงตาม  แต่กลับชอบคะยั้นคะยอให้เขาเป็นคนร้องแทน

“พี่ชอบฟังพีทร้องเพลง” 

มันเป็นประโยคธรรมดาที่ใครหลายคนก็เคยบอกเขาแบบนี้ แต่คราวนี้พี่ฮั่นทำให้เขาถึงกับทำตัวไม่ถูกไปเลย  ก็ประโยคธรรมดานั้นมาพร้อมกับรอยยิ้มอ้อนและเสียงทอดอ่อน  แล้วสายตาแบบนั้นอีก  ถ้าเขาเป็นผู้หญิงเขาคงตกหลุมรักพี่ฮั่นไปแล้ว

พี่ฮั่นชอบฟังเสียงของเขา

พีทยิ้มเมื่อนึกถึง  เขานึกย้อนกลับไปครั้งก่อนที่พวกเขานั่งเล่นกีตาร์กันที่ชานหน้าบ้าน  การได้ร้องเพลงทำให้เขามีความสุข  แต่พอมีพี่ฮั่นอยู่ด้วยไม่รู้ทำไมเขารู้สึกว่ามันดีกว่าเดิม 

พีทยิ้มกว้างมากขึ้น  ถ้าใครมาเห็นหน้าเขาตอนนี้ต้องคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว  ก็เขาหุบยิ้มไม่ได้  แค่คิดถึงพี่ฮั่นเขาก็รู้สึกมีความสุขแล้ว 

มันคืออะไรกันนะ 

พีทเช็ดผมลวก ๆ แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เปิดโน้ตบุ๊กเพื่อเตรียมเอกสารสำหรับการประชุมพรุ่งนี้

“ไม่เช็ดผมให้แห้ง เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”

พร้อมกับคำพูดนั้นเขาก็มองอะไรไม่เห็นเพราะมีผ้าขนหนูลอยมาโป๊ะบนหัว  พี่ฮั่นเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้  มือใหญ่ขยี้หัวเขาอย่างมันเขี้ยว

“พี่อ๊า  ผมเจ็บน๊า”  เขาประท้วง 

แต่เมื่อคนพี่เริ่มต้นเช็ดผม  กลับทำได้นุ่มนวลนัก

“พี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไร  เลิกเล่นกีตาร์แล้วเหรอ” พีทเงยหน้าถามพี่ชายที่ยืนเช็ดผมให้อยู่ข้างหลัง 

“ก็นักร้องไม่มาร้องเพลงสักที  เลยมาดู”

พี่ฮั่นต้องพูดไปด้วยยิ้มไปด้วยแน่เลย ทำเสียงน่ารักเชียว  เขาอยากจะเห็นหน้าพี่ฮั่นตอนนี้จัง  พีทหลับตาปล่อยให้พี่ฮั่นยืนเช็ดผมไปเรื่อย ๆ  นิ้วพี่ฮั่นที่ขยับนวดศีรษะเขาลงน้ำหนักกำลังดี  ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย   

เขายิ้มกับตัวเอง 

‘รักพี่ฮั่นจัง’

พร้อมกับความคิดที่แวบเข้ามานี้พีทก็เริ่มรู้สึกตัวทีละน้อย 

จากจุดเล็ก ๆ ในใจ  ความรู้สึกกลับแผ่ขยายกว้างขึ้น  มากขึ้น  เขาเพิ่งรู้ตัวตอนนี้เองว่าความรู้สึกนี้พอกพูนขึ้นทุกวันที่ผ่านไป  ทุกวันที่เขามีพี่ฮั่นอยู่ 

เหมือนน้ำไหลซึมจากภูเขาไปรวมกันเป็นสายน้ำเล็กที่ซอกซอนไปตามทางแล้วรวมกันเป็นลำธาร  น้ำเพิ่มปริมาณมากขึ้น  ลำธารขยายกว้างขึ้น  จนกระทั่งไหลรวมกันเป็นแม่น้ำสายใหญ่   แม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลเชี่ยวกราก  กระแทกตัวไปตามโขดหินอย่างไม่กลัวเกรง  ปริมาณน้ำมากขึ้นจนกระทั่งรวมกันไปสู่ทะเลอันกว้างไกล

ความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นนี้ก็เหมือนน้ำ  ที่ไหลเอ่อล้นออกจากใจเขา  ท่วมร่างกาย   

พีทรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว  นี่เขาเป็นอะไร 

‘ไม่น่า.....เขาแค่ฟุ้งซ่านไปเอง’  เขาลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว   

‘ไม่น่า  แค่รักแบบ...พี่น้อง’


‘แล้วจังหวะหัวใจที่เต้นแรงอยู่นี่คืออะไรล่ะ’
  เขาได้แต่ถามตัวเองอย่างสับสน

--------------------------------------


 :bye2:



ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
น้องพีทอย่ามัวแต่คิดในใจนะคะนะ พี่ฮั่นออกจะอบอุ่นและเท่ขนาดนี้ หวั่นไหวแล้วรีบ ๆ บอกไปเล๊ยย

ขอบคุณนักเขียนค่ะ :mew1:


ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
รู้ใจตัวเองไวๆนะหนูพีท :ling1:

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
32. ถูกติดตาม



“พี่ฮั่น  ตื่นได้แล้ว จะสายแล้วนะ” 

พีทเดินไปเขย่าตัวพี่ฮั่นที่ยังนอนซุกตัวใต้ผ้าห่ม  พี่ฮั่นพลิกตัวไปมาเหมือนคนไม่อยากตื่นอยู่ครู่หนึ่งจึงลุกขึ้นนั่ง  คนที่เพิ่งตื่นผมยุ่ง  หน้าตาเหมือนคนยังไม่ตื่นเต็มตา  ซุกตัวครึ่งหนึ่งอยู่ใต้ผ้าห่มโผล่ตัวออกมาแค่ช่วงไหล่ พีทยืนมองก็รู้สึกแปลกอีกแล้ว

ทำไมช่วงนี้เขามองพี่ฮั่นแล้วต้องตื่นเต้นด้วยก็ไม่รู้ทั้งที่เขาก็อยู่กับพี่ฮั่นมาหลายเดือนแล้ว  เขาไม่กล้ามองภาพนั้นต่อจึงเบนหน้าหนี   แต่ยังคงเร่งพี่ชายให้ลุกไปอาบน้ำก่อนที่พวกเขาจะสายไปมากกว่านี้

คนเป็นพี่เดินลงมานั่งที่โต๊ะอาหารด้วยสภาพที่ดูดีขึ้นเล็กน้อย  พีทรินกาแฟใส่ถ้วยแล้วเลื่อนไปตรงหน้า

“แฮงค์ล่ะสิ  เมื่อคืนกินหนักขนาดนั้น  วันนี้จะทำงานไหวเหรอ” 

พี่แคนโทรมาบังคับให้พวกเขาไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนอีกแล้ว โดยไม่ยอมเล่าอะไรให้เขาฟังเลย  พีทได้แต่ปล่อยให้พี่ฮั่นคุยกับพี่แคนอย่างไม่อยากจะรบกวน   ส่วนเขาก็ใช้เวลานั้นมองพี่ฮั่นและครุ่นคิดเรื่องของตัวเองไปเงียบ ๆ

คนเป็นพี่พยักหน้าตอบ  ดูเหมือนต้องจำใจไปทำงานมากกว่า  มือใหญ่คนกาแฟอยู่ครู่แล้วยกขึ้นจิบ

“ปวดหัวรึเปล่า  เอายาไหม”  คนน้องถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย 

“อืม  ดีเหมือนกัน” 

หลังอาหารเช้าพวกเขาออกจากบ้านตามปกติ  พีทที่เปลี่ยนมาขับรถหันไปมองคนข้างตัวที่นอนหลับตาไปตลอดทางตั้งแต่ออกจากบ้านจนถึงโรงแรม

‘หายซ่าเลยนะ’   เขาคิดขำ ๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นพี่ฮั่นในสภาพนี้  ทั้งขำทั้งสงสาร   

เมื่อรถจอดหน้าล็อบบี้แล้ว  เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วหันไปมองพี่ชาย  แต่พี่ฮั่นยังไม่รู้สึกตัว  พีทมองที่ใบหน้าด้านข้างที่หลับตานิ่ง  เรื่องเมื่อคืนก่อนวนกลับมาในสมอง  เขาเลื่อนสายตาไปจับที่ริมฝีปาก  หัวใจที่สงบค่อยเพิ่มจังหวะเร็วขึ้นจนเขารู้สึกได้

‘บ้าไปแล้ว จะมาใจเต้นอะไรกับพี่ฮั่น นี่พี่ชายนะ’

แต่ดูเหมือนว่าหัวใจจะซื่อสัตย์กับความรู้สึก  เขาปล่อยให้มันเต้นแรงอยู่แบบนั้น  เหลือบตาไปมองคนที่นอนอยู่อีกครั้ง  เมื่ออดไม่ได้จึงเอื้อมมือไปใช้หลังมือแตะที่หน้าผากคนที่นอนหลับตา  พี่ฮั่นจึงรู้สึกตัวลืมตาขึ้น

“ไหวไหมพี่  กลับบ้านไปนอนไหม  ลาป่วยสักวัน”  คนน้องถามด้วยน้ำเสียงกังวล 

“พี่ไม่เป็นไร ไปเถอะ  วันนี้พี่มีประชุม” 

ทั้งคู่ลงจากรถเดินเข้าโรงแรม  พีทเดินตามพี่ฮั่นไปเข้าลิฟต์ผู้บริหารด้วยทำให้คนเป็นพี่หันมามองเหมือนจะถาม

“ไปส่งพี่ก่อน  เดี๋ยวค่อยไปทำงาน”  เขาว่า  ดูภายนอกพี่ฮั่นก็เหมือนเดิมแต่เขารู้ว่าพี่ฮั่นคงปวดหัวน่าดูแต่ฝืนทำตัวปกติ 

---------------------------------



“ทำไมพี่ฮั่นไม่รับโทรศัพท์ผมเนี่ย”  เสียงพีทบ่น  ทำให้โดมที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ ๆ ต้องหันมามองอย่างแปลกใจ 

“พี่โดมวันนี้ผมไม่ไปกินข้าวด้วยนะ จะขึ้นไปดูพี่ฮั่นหน่อย  ไม่รู้หายปวดหัวรึยัง”

โดมมองใบหน้าที่เคร่งเครียดของพีทแล้วก็เข้าใจ ท่าทางแบบนี้คงจะเป็นห่วงพี่ชายมากแต่พีทคงไม่รู้ตัว  เขาเห็นพีทเอาแต่กดโทรศัพท์มาครู่ใหญ่แล้ว 

“เอาสิ  ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวพี่ไปกินกับสาว ๆ”  โดมว่าพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยน
 
สาว ๆ ที่ว่าน่ะก็เป็นเพื่อนที่ฝึกงานด้วยกันที่นี่แหละ  ที่รู้จักกันก็เพราะพวกเธอเห็นเขาเป็นเพื่อนของ ‘คุณชาย’ จึงชอบมาชวนไปกินข้าว เพื่อจะได้สอบถามเรื่องของคุณชาย  เขาไม่ว่าอะไรหรอกที่มีสาว ๆ มาคอยสอบถามเรื่องของคุณชายอยู่เนือง ๆ เขาสงสารมากกว่า  เพราะดูท่าทีแล้วพีทไม่สนใจใครเลย
 
ตั้งแต่รู้จักกันมา  เขาไม่เคยเห็นพีทสนใจสาวที่ไหนเลย  ทั้งที่ผู้หญิงแทบทั้งมหาวิทยาลัยคลั่งไคล้เขาทั้งนั้น  เพราะพีทเป็นเด็กเรียนเก่ง  ดนตรี  กีฬาก็ทำได้หมด  รูปหล่อพ่อรวย  ครบสูตรทุกอย่าง  แต่เท่าที่เขาเห็นคนที่พีทให้ความสนใจ ‘เป็นพิเศษ’  มีเพียงคนเดียว
 
ก็พี่ชายสุดที่รักนั่นแหละ

ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเพราะพวกเขาห่างกันมานาน  พอมาเจอกันอีกครั้งเลยต้องมีเรื่องพูดคุยกันมากมาย  แต่นี่ก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้วพีทไม่มีทีท่าว่าจะหายเห่อพี่ชายเลย  ตรงกันข้ามหนุ่มน้อยกลับติดพี่ชายยิ่งกว่าเดิมซะอีก  นอกเหนือจากเวลางานแล้ว พี่น้องไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา พูดคุยกันไม่รู้เบื่อ  พีทมักจะคอยอยู่ใกล้ชิดพี่ฮั่นตลอด  ทั้งที่ก่อนหน้านี้พี่ฮั่นเป็นฝ่ายคอยตามดูแล  แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นพีทที่คอยตามติดไปไหนมาไหนด้วย

พีทจะรู้ตัวไหมนะว่าทำตัวผิดปกติมากขึ้นทุกวัน  ชนิดที่ใครอาจจะไม่สังเกต  แต่เขาที่รู้จักพีทมาพอสมควรสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเชียวล่ะ



เลขาหน้าห้องแจ้งว่ารองประธานสั่งห้ามใครรบกวน  พีทพยักหน้ารับแต่กลับเดินไปเปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบาแล้วก้าวเข้าไปอย่างเงียบกริบ ทิ้งให้เลขายืนอึ้งอยู่ด้วยดวงตาหวั่น  ถ้าเกิดรองประธานโมโหขึ้นมาเธอคงแย่

พีทปิดประตูตามหลังเงียบเชียบ  ขายาวก้าวช้า ๆ ไปบนพรม  พี่ฮั่นไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน  เขาหันไปมองที่ชุดรับแขกอีกด้าน  ร่างสูงใหญ่นอนเหยียดยาวอยู่ที่โซฟา  พีทเดินเข้าไปใกล้  ก้มมองพี่ชาย  แววตาแสดงความกังวลเมื่อเห็นพี่ฮั่นนอนหลับ 
นี่แสดงว่าคงปวดหัวมากถึงได้นอน 

เท่าที่เขารู้  พี่ฮั่นเป็นคนแข็งแรงไม่เคยป่วยอะไรกับใคร  แม้จะทำงานหนักขนาดไหนก็ยังสดชื่นเสมอ ไม่ว่าจะกลับมาดึกดื่นขนาดไหนพี่ฮั่นก็ตื่นก่อนเขาทุกวัน  เพิ่งมีเช้าวันนี้แหละที่เขาตื่นก่อน

เด็กหนุ่มถอยไปที่เก้าอี้นวมฝั่งตรงข้าม  ทรุดตัวนั่งเงียบ ๆ   เขานั่งมองพี่ฮั่นที่นอนหลับตา  มือข้างหนึ่งรองศีรษะ มืออีกข้างวางอยู่บนหน้าอก  เหยียดขายาวไขว้กันพาดเลยออกจากเก้าอี้นวมตัวยาวไปอีก

เรื่องฟุ้งซ่านเรื่องเดิมวนกลับมาอีกแล้ว  พีทได้แต่ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปอย่างไม่รู้จะจัดการอย่างไร  ช่วงนี้เขาทำตัวแปลกไปมากชนิดที่ตัวเองก็สังเกตเห็น  เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร  รู้แค่ว่าห้ามตัวเองไว้ไม่ไหว หรือเพราะ...เขารักและคิดถึงพี่ฮั่นมานานตลอดสิบปีที่เขาอยู่คนเดียว  ทำให้เขาอยากอยู่กับพี่ฮั่นตลอดเวลา  อยากอยู่ใกล้ชิดและหลายครั้งอยากสัมผัส เขาชอบที่จะกอดหรือแค่แตะไหล่เพียงนิดก็สบายใจ

จนกระทั่งคืนนั้น  เป็นครั้งแรกที่เขาอยากสัมผัส  ‘แบบอื่น’   

พีทยกมือลูบหน้า  เขาเป็นอะไรกันแน่  หลับตาอย่างอ่อนใจกับตัวเอง  หนุ่มน้อยเอนตัวพิงหลังกับเบาะนุ่ม  เหยียดขาไปข้างหน้า  ปล่อยตัวตามสบาย  เฝ้าสังเกตความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองที่ลอยเข้าออกในหัวสมอง  ความคิดที่ไหลผ่านเข้ามาเหมือนแผ่นฟิล์มที่มีภาพไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว 

ความทรงจำหลายเรื่องผ่านเข้ามา   

เขาเริ่มรับรู้ ‘สิ่งหนึ่ง’ จากการที่ปล่อยความคิดให้ล่องลอยอยู่นาน  มีภาพคนคนเดียวที่ลอยเข้ามาเสมอ ๆ  หายไปแวบหนึ่งแล้วก็กลับเข้ามาใหม่ 




ความรู้สึกเหมือนมีสัมผัสนุ่มแผ่วเบาที่หน้าผากทำให้คนที่เผลอหลับบนเก้าอี้นวมรู้สึกตัว  พีทขยับใบหน้า  จากนั้นก็รู้สึกว่ามีใครเอามือมาวางบนหน้าผากจึงลืมตาขึ้น

“พี่ฮั่น”

พี่ฮั่นก้มตัวอยู่เหนือเก้าอี้นวมที่เขานั่งอยู่  มือข้างหนึ่งวางบนที่พักแขน  มืออีกข้างกำลังลูบผมเขาจากนั้นจึงวางมือกับพนักเก้าอี้ที่เขานอนพิงอยู่  พีทรู้สึกเหมือนตัวเล็กลงเมื่อพี่ฮั่นยืนอยู่เหนือเขาเช่นนี้  มือที่วางบนเก้าอี้เหมือนกับต้องการกักเขาไว้ ใบหน้าที่ก้มมองเขาอยู่ทำให้พีทนิ่งงัน   

พีทเผลอมองตาพี่ฮั่นอยู่อย่างนั้นเหมือนเมื่อครั้งแรกที่พวกเขาสบตากันในห้องออกกำลังกายตอนที่พวกเขาสู้กัน   รู้สึกหายใจติดขัดเพราะสายตาแบบนั้น  ตาคู่นั้นเหมือนมีพลังดึงดูด

“พีทมาตั้งแต่เมื่อไร”  พี่ฮั่นถามทำลายความเงียบ  แต่ยังคงสบตาเขาอยู่ตลอดเวลา

“หืม?”  เสียงในลำคอนั้นเหมือนจะถามซ้ำ  ทำให้พีทได้สติ

“พักกลางวันก็ขึ้นมาครับ”

“ผมเห็นพี่ฮั่นนอนอยู่เลยไม่อยากปลุก”  พีทหลบสายตาคมกล้าที่มองมา 

“ก็เลยนอนเป็นเพื่อนพี่เหรอ”  พี่ชายยิ้มบาง  เขาตื่นขึ้นมาก็เห็นพีทนั่งอยู่ที่เก้าอี้นวมฝั่งตรงข้าม  ใบหน้าเอียงซบกับพนักเก้าอี้  ดูเหมือนเผลอหลับไป 

ในที่สุดพี่ฮั่นก็ยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง  สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง   

พีทลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก  เขาลุกขึ้นยืนบ้าง 

“พี่เป็นไงบ้าง  หายปวดหัวรึยัง” 

“ได้นอนก็ดีขึ้นแล้วล่ะ สงสัยเมื่อคืนนอนดึกด้วยเลยแฮงค์”  พี่ฮั่นยิ้มมุมปาก  ตวัดสายตามามองเขาแวบหนึ่ง

“ไปเถอะ”  คนเป็นพี่เอื้อมมือมากอดไหล่เขาไว้  พาออกเดิน

เลขาหน้าห้องถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นรองประธานเดินออกจากห้องทำงานพร้อมกับคุณชาย  ไม่ว่าอะไร   

“บ่ายนี้ผมจะออกไปธุระนะครับ  คงไม่กลับเข้ามาแล้ว  มีอะไรไว้คุยกันพรุ่งนี้”

เลขากับคุณชายที่ยืนอยู่ทำหน้าแปลกใจพร้อมกัน  พีทกำลังจะเอ่ยปากถาม  คนที่กอดไหล่เขาไว้ก็ดึงตัวให้เดินตามไปทันที 

เด็กฝึกงานทำตาโตเมื่อรองประธานกดปิดโทรศัพท์ของตัวเองทันทีที่วางสาย  เพราะพี่ฮั่นเพิ่งโทรไปลางานให้เขาโดยมีข้ออ้างว่า ‘ไปพบผู้ใหญ่’ 

“อะไรพี่” พีทยังงุนงงอยู่ที่เขาจะต้องไปพบผู้ใหญ่ที่ไหน  พี่ฮั่นกลับแบมือใหญ่ของตัวเองมาตรงหน้าเขา

“โทรศัพท์”

พีทหยิบโทรศัพท์ของตัวเองวางให้  ยิ่งงงหนักไปอีกเมื่อพี่ฮั่นคว้าไปกดปิดแล้วส่งคืนให้เขา

“พี่จะทำอะไรกันเนี่ย ผมงงแล้วนะ”

เด็กฝึกงานที่รับโทรศัพท์ตัวเองกลับคืนมาเริ่มจะทำหน้ายุ่งแล้ว พี่ฮั่นลากตัวเขาออกมาจากห้องทำงานโดยไม่บอกกล่าวอะไร  ออกจากโรงแรมไปไหนเขาก็ยังไม่รู้   แล้วโทรไปลางานให้เขาเสร็จสรรพ  ทำเหมือนว่าบ่ายนี้จะไม่กลับมาทำงานอีก 

“ไปเที่ยว”

คนขับรถทำหน้าทะเล้นเมื่อตอบเขา ใบหน้าที่นิ่งขรึมเสมอเวลาทำงานตอนนี้หายไป  กลับมายิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนตอนเป็นนายหมีอีกครั้ง 

“ไปไหนพี่ ไหนว่าไปพบผู้ใหญ่ไง  นี่มันเวลางานไม่ใช่เหรอ  พี่เป็นรองประธานนะ”  คนจริงจังอย่างพีทซักมาเป็นชุด

“ก็ใช่น่ะสิ  ถึงพี่นั่งทำงานต่อก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก  มันไม่เข้าหัวสักนิด ไปเที่ยวดีกว่า  พักผ่อน”  รองประธานหันมายิ้มให้เขาตาปิดเลยทีเดียว 

“เฮ้อ  ให้มันได้อย่างนี้สิ”  พีทแกล้งถอนหายใจ  พี่ฮั่นของเขาอู้งานก็เป็นด้วย 

สถานที่เที่ยวของพี่ฮั่นคือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่กลางเมือง  เวลาบ่ายเช่นนี้คนจึงไม่พลุกพล่านมากนัก  พี่ฮั่นถอดสูทกับเนคไทโยนทิ้งไว้บนเบาะ  แล้วหันมาเร่งให้เขาลงจากรถ  มือใหญ่ก็พับแขนเสื้อขึ้นเหนือศอกไปด้วย  พีทเลิกคิ้วหันไปมองคนที่ซ่อนหน้าภายใต้แว่นตาดำอันใหญ่  ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ 

‘เอาล่ะ  เที่ยวก็เที่ยว’

พวกเขาใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายกินข้าว  ซื้อของ  เขาถูกพี่ฮั่นลากเข้าร้านโน้นออกร้านนี้แทบหมดห้างทีเดียว  แต่สุดท้ายคนที่ได้ของมากที่สุดคือเขาเพราะพี่ฮั่นเห็นอะไรก็หยิบให้เขาลองทุกที

“เอ้า ตัวนี้เป็นไง” 

หนุ่มน้อยเดินออกจากห้องลองเสื้อ  เขาถูกบังคับให้ลองเสื้อมาหลายตัวแล้วแต่พี่ฮั่นยังไม่ถูกใจสักที  คนพี่เขม้นมองเขาอย่างพิจารณา  มือก็จับไหล่เขาให้หมุนตัว

ชั่วขณะที่เขาหันตัวไปด้านนอก  สายตาก็เจอกับใครบางคนที่คุ้นตายืนหลบอยู่นอกร้าน  ร่างสันทัดนั้นหันข้างให้เขา  ยกมืออีกข้างแนบหูเหมือนกำลังโทรศัพท์  แต่เมื่อเขาจะหันกลับไปดูซ้ำก็ถูกพี่ฮั่นจับไหล่ให้หันกลับไปแล้ว

“เฮ้ย  พีททำอะไร” 

คนพี่แปลกใจที่อยู่ดี ๆ พีทก็ฉุดเขาเข้าไปในห้องลองเสื้อ  ห้องนั้นก็ไม่เล็กเท่าไรแต่พอชายหนุ่มตัวสูงใหญ่เข้าไปอยู่ในนั้นถึงสองคน  กลับทำให้รู้สึกว่าห้องคับแคบไปถนัดตา  คนพี่ถูกดันเข้าไปข้างใน  พีทดันเขาจนหลังพิงกับผนังกระจก  ส่วนพีทขยับเข้ามาใกล้แล้วปิดประตูตามหลัง 

“ชู่ว์” พีทยกมือดันหน้าอกเขาไว้  นิ้วชี้อีกข้างยกแตะริมฝีปากตัวเองเพื่อบอกให้เขาเงียบ
 
การที่พีทหุนหันผลักเขาเข้ามาในห้องแคบ ๆ แล้วเบียดตัวเข้ามาจนใกล้ทำให้เขาเกิดตื่นเต้นขึ้นมาเฉย ๆ กับการกระทำอันแปลกประหลาดนี้  ร่างกายที่ชิดใกล้  ใบหน้าที่อยู่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ  ทำให้เขาคิดอะไรไปไกล

เพียงครู่เดียวพีทก็หันหลังออกไปแล้วปิดประตูตามหลัง  ปล่อยให้คนพี่ยืนอยู่คนเดียวในห้องลองเสื้อพลางทำหน้าประหลาดใจ  ไม่นานนักหนุ่มน้อยก็เปิดประตูเข้ามาอีกครั้ง  ใบหน้าขมวดมุ่นเหมือนครุ่นคิดอะไรในใจ

“พีท เล่นอะไรเนี่ย แล้วลากพี่เข้ามาทำไม”

เพราะคนพี่กำลังคิดอะไรฟุ้งซ่านจึงไม่ทันสังเกตใบหน้าเคร่งเครียดของน้องชาย

พีทปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว   เขาส่งยิ้มให้พี่ฮั่น

“ก็อยากให้รู้ไงว่าอยู่ในห้องลองเสื้อมันอึดอัด  ผมลองมาหลายตัวแล้วนะ เมื่อไรพี่จะเลือกได้ล่ะคร้าบ” ท้ายประโยค  พีทลากเสียงแล้วยิ้ม  กลบเกลื่อนความกังวลของตัวเองไว้ได้มิดชิด 

ทั้งคู่เถียงกันเล็กน้อยขณะที่รอชำระเงินแล้วก็ออกจากร้านโดยที่พี่ฮั่นซื้อเสื้อทุกตัวที่เขาลอง  ถ้าเป็นเวลาปกติพีทคงจะบ่น  แต่ตอนนี้เขามีเรื่องให้คิด

เพราะคนที่เขาเห็นเมื่อครู่  คนที่ไม่ควรมาอยู่ในห้างแบบนี้  คนที่เขาเห็นที่ผับเมื่อคืนก่อนเป็นคนเดียวกับคนที่เขาเห็นติดตามคุณปู่ฟงตลอดเวลา

-------------------------------


คืนนี้พี่ฮั่นนอนหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอนเลยทีเดียว แต่พีทกลับนอนไม่หลับเพราะคนที่เขาเห็นเมื่อตอนบ่ายทำให้เขาเป็นกังวลจนข่มตานอนไม่ได้   

เจเจ เป็นเด็กกำพร้าที่คุณปู่ฟงอุปถัมภ์ไว้ตั้งแต่เด็ก  พีทจำความได้ก็เห็นเขาติดสอยห้อยตามปู่ฟงแล้ว  เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ร่างเล็ก  ดวงตาชั้นเดียวแต่กลับมีผิวเข้มทำให้เขาดูแตกต่างจากคนอื่น  เจเจเป็นคนสนิทของคุณปู่ฟงที่คอยตามดูแลใกล้ชิดคุณปู่  เป็นคนที่คุณปู่ไว้ใจให้คอยจัดการธุระทุกอย่าง  เขามั่นใจว่าคุณปู่ฟงต้องส่งเจเจมาแน่นอน   

แต่สิ่งที่เขากังวลคือเจเจมาเฝ้าใคร  เขาหรือพี่ฮั่น?  หรือคุณปู่คิดจะทำอะไรพี่ฮั่นเหมือนตอนที่พี่ฮั่นอยู่อังกฤษอีก

พีทพยายามเลิกคิดแต่เขาคงเป็นกังวลมากเกินไปจนทำให้ข่มตาไม่ลง  เขาหันไปมองคนที่นอนเคียงข้าง  พี่ฮั่นหลับสนิทเหมือนคนที่ไม่มีความกังวลใด  มือข้างหนึ่งวางบนหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ  เขาพลิกตัวหันไปอีกด้านบ้าง  พีทนอนขดตัวอย่างที่ทำประจำ  หัวสมองยังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้

พี่ฮั่นอาจจะกำลังอยู่ในอันตรายก็ได้  เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณปู่ฟงจะส่งคนมาประกบเขา  ถ้ามีอะไรคุณปู่ก็โทรเรียกเขาได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว  เขาจะทำยังไงกับเรื่องนี้ 

เตียงนอนสั่นเล็กน้อยเมื่อพี่ฮั่นขยับตัว   จู่ๆ คนข้างหลังก็เอาแขนมาพาดเขาไว้ 

‘โอย  ตกใจหมด’

พี่ฮั่นขยับตัวเข้ามาจนชิด ชิดจนลมหายใจรดต้นคอเขาทีเดียว แต่ดูเหมือนไม่รู้ตัว  พีทได้แต่นอนนิ่ง ไม่กล้าขยับตัว  แม้แต่สมองที่ทำงานหนักเมื่อครู่ยังหยุดหมุน  เขาคิดอะไรไม่ออกอีก  สิ่งที่ยังเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งมีเพียงสิ่งเดียว

หัวใจของเขาเอง

--------------------------------



“ขอบใจมากเคน  เรื่องนี้อย่าให้พี่ฮั่นรู้นะ” พีทวางสาย ใบหน้าเครียดขึ้นมาทันทีที่ได้รับข่าวนั้น

คุณปู่ส่งเจเจตามประกบเขากับพี่ฮั่นจริง ๆ 

พีทขอให้เคนซึ่งเป็นบอดี้การ์ดของพี่ฮั่นสืบเรื่องนี้อยู่เงียบ ๆ  เคนรายงานว่าเจเจตามเขากับพี่ฮั่นตลอดเวลา 

เขาคงจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เขาจะไม่ยอมให้คุณปู่ทำอะไรพี่ฮั่นได้อีกเป็นอันขาด




“มาได้สักทีนะพีท  นึกว่าลืมไปแล้วว่ายังมีปู่คนนี้อยู่”   

เสียงแหบแห้งของชายชราที่ครึ่งนั่งครึ่งนอนบนเตียงผู้ป่วยเอ่ยทัก  ราวกับรออยู่แล้วว่าพีทจะต้องมา
 
“สวัสดีครับคุณปู่  สบายดีไหมครับ” พีททักตอบคุณปู่ฟง 

เขายืนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยขนาดใหญ่ที่คุณปู่ฟงพักรักษาตัวอยู่ ก่อนหน้านี้เขารู้ว่าคุณปู่อาการทรุดหลังจากที่โมโหคุณพ่อ ทำให้ต้องกลับเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้งทั้งที่อาการเพิ่งดีขึ้น

คุณปู่ฟงเป็นญาติสนิทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่  ท่านเป็นน้องชายคนเดียวของคุณปู่ของเขา  ตระกูลหยางที่มั่งคั่งมักมีลูกชายเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น  เหมือนคุณปู่ของเขาที่มีน้องชายเพียงคนเดียวคือปู่ฟงซึ่งเป็นหนุ่มโสด ไม่ยอมแต่งงาน  พีทจึงเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล 

 “ไอ้โรคภัยภายนอกมันไม่เท่าไรหรอก  แต่เรื่องจิตใจนี่ต่างหากที่ทำให้ปู่กินไม่ได้นอนไม่หลับ” คุณฟงมองตรงไปยังหลานชายคนเดียวของตน  แววตากังวล

“ก็เลยส่งเจเจไปตามประกบผมงั้นหรือครับ  แล้วก็ตั้งใจให้ผมเห็นด้วยใช่ไหม  ถ้าปู่อยากคุยกับผมทำไมไม่โทรหาผมล่ะครับ ปู่ทำแบบนี้ทำไม จะบอกอะไรผมรึเปล่า”

พีทยืนข้างเตียงมองไปยังคุณปู่น้อยที่ซูบผอมลงไปมาก  แต่แววตายังคงแฝงไปด้วยอำนาจดุจเดิม

“ปู่อยากจะเตือนพีท  อย่าอยู่ใกล้ชิดไอ้ฮั่นมัน  ระวังมันจะแย่งสมบัติของเราไป”

เป็นข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผลเลย  ตระกูลหยางไม่เคยพลาดให้ใครมาฉกชิงสิ่งของที่พวกเขาครอบครองได้  คุณฟงแค่อยากจะอ้างเพื่อดูปฏิกิริยาของหลานชายมากกว่า

“พี่ฮั่นไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกครับปู่  พ่อไว้ใจพี่ฮั่น  ผมก็ไว้ใจพี่ฮั่น” 

‘หึ พ่อลูกก็คิดแบบเดียวกันสินะ  รักไอ้พวกตระกูลนั้นจริงนะ’ 

คุณฟงคิดแล้วก็สะท้อนใจ 

“ทั้งที่มันถูกปู่ทำถึงขนาดนั้นแล้ว  พีทคิดว่าคนอย่างมันจะไม่โกรธแค้น  ไม่อยากเอาคืนพวกเราบ้างรึไง  พีทจะไว้ใจมันไม่ได้”

“คุณปู่หยุดเถอะครับ  เรื่องมันตั้งนานมาแล้วไม่มีใครเขาโกรธแค้นอะไรแล้ว  มีแต่คุณปู่เท่านั้นแหละที่ยังคิดแค้นอยู่  คุณตาคุณยายของพี่ฮั่นก็เสียกันไปหมดแล้ว  ปู่จะโกรธเกลียดใครอีกทำไมครับ”

คุณฟงไม่แปลกใจที่พีทรู้เรื่องนี้   ถ้าไอ้ฮั่นมันกลับมาดีกับหลานของเขา  มันก็คงจะเล่าให้กันฟังมาแล้ว 

‘ไอ้ฮั่น’  คุณฟงคิดอย่างเคียดแค้นชื่อนี้อยู่ในใจ 

เขาพยายามแยกมันออกจากชีวิตหลานของเขาแต่มันก็กลับมาอีก  คุณฟงรู้สึกกำลังใจถดถอยเมื่อรู้ว่าตนเองไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนเมื่ออดีตอีกแล้ว  เขาต้องวางมือจากธุรกิจและยกกิจการให้คริสดูแลเพราะโรคภัยร้ายแรงของตน โรคที่หมอกำชับว่าห้ามเครียดเพราะความเครียดเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายทรุดลงแต่เขากลับสลัดเรื่องพวกนี้ไปไม่ได้  ถ้าทำได้คงทำตั้งแต่เมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว 

ยิ่งตอนนี้เมื่อได้รู้ว่า  หลานชายเพียงคนเดียวกำลังจะเดินเข้าสู่วังวนเดียวกัน   เขาก็กลัวเหลือเกินว่าพีทจะต้องมีชีวิตเหมือนเขา

ยิ่งใหญ่แต่โดดเดี่ยว 

เขารู้ซึ้งทีเดียวว่าการอยู่แบบนี้มันทรมานเพียงใด  พีทต้องไม่เป็นเหมือนเขา   เขาจะต้องทำทุกวิถีทางให้หลานชายเขาหลุดจากชีวิตที่โดดเดี่ยวนี้

คุณฟงอยากจะบอกเหลือเกินว่า  ตัวเองกับพีทนั้นเหมือนกันมากเพียงใด

“หึ  มั่นใจจริงนะ  รักมันแล้วล่ะสิ” 

‘อะไรนะ! คุณปู่พูดว่าไงนะ’

“คุณปู่  คุณปู่พูดแบบนี้หมายความว่าไง  พี่ฮั่นเป็นพี่ผม” 

เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดแบบนี้กับเขา  พีทตกใจที่คุณปู่พูดเหมือนกับว่าเขารักพี่ฮั่นในแบบอื่น  ‘คุณปู่คิดอะไรบ้า ๆ’

“มันไม่ใช่พี่แก!!!!!!!”

คุณปู่ฟงตะคอกเสียงดังจนสั่นไปทั้งตัว  เสียงยิ่งดังขึ้นไปอีกเมื่อท่านพูดต่อ

“แกก็รู้อยู่เต็มอก  แกรักมันแล้วใช่ไหม!!  ถึงได้เถียงแทนกัน  ใช่สิ  แกมันหลานอกตัญญู  ไปรักศัตรูของปู่!!”

“คุณปู่คิดมากไปรึเปล่า  พี่ฮั่นเป็นพี่ผมนะครับ  ปู่บ้าไปแล้ว” 

พีทไม่ยอมรับคำกล่าวหาของคุณปู่   แต่ทั้งที่พูดไปแบบนั้นเขากลับใจเต้นแรง นี่คุณปู่หมายความว่าไง   

‘เขารักพี่ฮั่น?’

“อย่ามาเถียงปู่!! ทำไมปู่จะไม่รู้  ปู่เป็นปู่แกนะ  แกรัก  แกเกลียดอะไรดูปราดเดียวก็รู้แล้ว อยู่ให้ห่างจากมันซะ มันไม่มีทางรักแกเหมือนที่แกรักมันหรอก  คนอย่างมันเห็นแก่หน้าตาหน้าที่ความรับผิดชอบมากกว่าความรักเหมือนตาของมันนั่นแหละ!! แล้วแกจะต้องเสียใจ” 

“พี่ฮั่นไม่มีวันทำให้ผมเสียใจหรอกครับ”   น้ำเสียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจยิ่งยวด  พีทมองตรงไปยังคุณปู่อย่างต้องการยืนยันความคิดตน

“พีท!!   นี่ปู่เตือนเราด้วยความหวังดีนะ  พีทเป็นหลานคนเดียวของปู่ ทำไมปู่จะไม่รู้ว่ามันจะทำให้พีทเสียใจ!”  คุณฟงก็ตะคอกกลับด้วยความมั่นใจไม่แพ้กัน 

เขารู้  รู้ดีทีเดียว

“คุณปู่ครับ  เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะครับ”  พีทตัดบท  เขาไม่อยากเถียงกับคุณปู่เรื่องแปลก ๆ พวกนี้อีก

“แล้วผมขอร้องให้เจเจเลิกตามผมซะทีเถอะครับ  ไม่งั้นบอดี้การ์ดของพี่ฮั่นจะต้องทำตามหน้าที่นะครับ   ผมไม่อยากให้ใครถูกทำร้ายเพราะผมอีก” 

“พีท!  นี่แกขู่ปู่เหรอ  ทำไมไม่ฟังสิ่งที่ปู่เตือนบ้าง  อยู่ให้ห่างจากมันซะ  กำจัดมันออกจากตระกูลได้ยิ่งดี”

“ปู่เกลียดมัน!  เกลียดมัน!  เกลียดพวกมันทุกคน!” 

คุณปู่เริ่มขึ้นเสียงอีกครั้งเมื่อพูดประโยคถัดมาเหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้ท่านสะเทือนใจ  ใบหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดที่ฝังแน่นอยู่ในใจ

“เกลียด  เกลียด  ไอ้หลิว  ลิลลี่  เกลียดมันทุกคน!”

พีททนฟังสิ่งที่คุณปู่ของเขาพูดไม่ได้อีกต่อไป   เขาลาคุณปู่แล้วเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยรวดเร็ว   

พ่อพูดไว้ไม่มีผิดว่าอย่าไปคุยกับคุณปู่เรื่องนี้อีก คุณปู่บ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่ยังคงคิดแค้นเรื่องเก่าอยู่แบบนั้นจนทำให้อาการกำเริบขึ้นมาอีกทั้งที่เพิ่งหายดีจากการรักษาตัวที่อเมริกา   

เขาพบเจเจยืนอยู่หน้าห้อง

“เลิกตามผมกับพี่ฮั่นได้แล้ว ไม่งั้นนายจะลำบาก” 

เขาหันไปบอกชายวัยกลางคนแววตาเอาจริงตามที่พูด เจเจเพียงแต่โค้งให้ไม่ตอบว่าอะไร  รู้ดีว่าคุณชายพูดแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เขาเดือดร้อน เจเจรู้ดีว่าบอดี้การ์ดของคุณชายฮั่นนั้นมีฝีมือเพียงใด 

ร่างสูงของคุณชายก้าวเท้ารวดเร็วไปตามทางเดินในโรงพยาบาล  พีทสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้ปู่ทำอะไรพี่ฮั่นได้อีก  ถ้าคุณปู่จะทำร้ายพี่ฮั่น 

เขานี่แหละที่จะทุ่มเทกำลังทั้งหมดปกป้องพี่ฮั่นเอง!




พีทก้าวเท้าเร็ว ๆ เข้าไปในโรงแรมหลังจากที่แอบออกจากโรงแรมเวลาพักกลางวันเพื่อไปเยื่ยมคุณปู่ฟง  มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง  ใบหน้าที่มีรอยยิ้มเสมอเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเพราะยังครุ่นคิดถึงเรื่องที่เขาเพิ่งคุยกับคุณปู่
 
เขาไม่กล้าบอกพี่ฮั่นว่าจะไปไหนจึงให้ลีมูซีนของโรงแรมไปส่งและไปเพียงคนเดียว  เคนพุ่งปราดมาเปิดประตูให้เขาทันทีที่ลีมูซีนจอดลงหน้าโรงแรม พีทก็รู้ชะตาตัวเองทันที  แอบหวั่นใจเมื่อขึ้นมาถึงห้องรองประธานโดยมีเคน ‘คุม’ เขาขึ้นมาถึงหน้าห้องเลยทีเดียว 

“พีท  หายไปไหนมา”  พี่ฮั่นถามเสียงเรียบ 

พี่ฮั่นกลับไปทำหน้าตาน่ากลัวเหมือนเมื่อตอนที่พวกเขาทะเลาะกันอีกครั้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณปู่  พี่ฮั่นมักคุมอารมณ์ไม่อยู่เสมอ

พีทคิดว่าพี่ฮั่นคงรู้แล้วว่าเขาไปไหน   เขาจึงตัดสินใจพูดความจริง

“ผมไปเยี่ยมคุณปู่ที่โรงพยาบาลมาครับ”

“พีทรู้แล้วใช่ไหมว่าไม่ควรไปไหนมาไหนคนเดียว”

“ผมขอโทษครับ  แต่คุณปู่ไม่สบาย  ผมแค่ไปเยี่ยม”  เขาพยายามอธิบาย

พี่ฮั่นกำมือแน่นอย่างข่มอารมณ์  แล้วหันหน้าออกไปมองวิวภายนอก 

“ไปทำงานเถอะ”  ในที่สุดพี่ฮั่นก็พูดออกมา

--------------------------------



 :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด