Only 'Wan' เพียงหนึ่ง : บทพิเศษส่งท้าย 2 (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Only 'Wan' เพียงหนึ่ง : บทพิเศษส่งท้าย 2 (จบ)  (อ่าน 61598 ครั้ง)

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
น้องวันนนนนนนนนนนนนน
ดีใจที่มีความสุขกับเขาซะที
ยั่วเก่งจริงจริ้ง เป็นไงล่ะ เจอจัดหนักซะเลย ฮ่าๆๆๆ

รออ่านตอนพิเศษอยู่นะคะ

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
เขียนเก่งจัง หน่วงทั้งเรื่อง555 เยลลี่หายไปไสสสพอเป็นแฟนกันแล้วเหมือนเยลลี่หายตัวไปเลย

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เสน่ห์เหลือร้ายทั้งคู่เลย
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Raiwyn

  • - ไรวิน -
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เขินจัง  :m1:

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
วันสุขยั่วเก่งขึ้นน๊า คิ ๆ รอตอนพิเศษต่อจ้า

ออฟไลน์ NIMME

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
สนุกมากจ้า รอตอนพิเศษน้าาา

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ชอบจัง ไม่ค่อยเจอลักษณะการบรรยายแบบนี้ มันเหมือนจะอบอุ่นแบบขมุกขมัว
เหมือนจะสบายๆ แต่หนักหน่วง อารมณ์คนเป็นไบโพลาร์เลยค่ะ คือรู้สึกบรรยายได้ถึงอาการจิตไม่คงที่

ผู้ป่วยไบโพลาร์เนี่ยต้องการคนที่เข้าใจ ซึ่งดีแล้วละที่วันมีซาน :)

ออฟไลน์ ArgèntaR๛

  • "ความสุข" แบ่งปันได้
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-0
    • turelight's Fanpage
บทพิเศษ - เพียงดิน



เขาเกลียดท้องฟ้าเหลือเกิน...
   

จันทร์กลมโตลอยเด่น ดาวพร่างพราย อากาศหนาวเหน็บ ความงดงามที่ไม่มีวันเอื้อมถึง... ขาที่สัมผัสกับดิน ราวกับจะตอกย้ำว่าตัวตนนี้ต้อยต่ำเพียงไร
   

บ้านเงียบสนิท ไม่มีใครกลับมาที่นี่นานแล้ว จำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่คุยกับพ่อมันนานเท่าไหร่ พี่เลี้ยงที่ดูจะห่างเหินกันเหลือเกินก็กลับไปตั้งแต่เย็น อาหารชืดๆ ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ไม่ได้มีอะไรพร่องลงไปเลยแม้แต่น้อย
   

ทำไมดาวบนฟ้าถึงอยู่คู่กัน ทั้งที่บนดินนี่มีเขาแค่คนเดียว?
   

ยิ่งมองก็ยิ่งเกลียด แต่เพราะมันสวยงามเหลือเกินถึงได้ไม่เคยละสายตาได้สักครั้ง...
   

เสียงของรถดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ บ้านหลังข้างๆ ซึ่งเงียบไปนานดูจะคึกคักขึ้นมาเป็นพิเศษ เขาจำได้ว่ามีคู่รักคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น แต่ไม่นานก็ย้ายออกไป หลังจากนั้นก็ไม่มีใครมาอยู่อีก ซอยเปลี่ยวเงียบเหงานี่ถึงได้ไร้ชีวิตชีวาเหลือเกิน...
   

ไฟจากรถบรรทุกฉายเข้ามาผ่านแนวรั้ว เสียงร้องไห้ของเด็กดังมากระทบหู เขาขมวดคิ้ว เดินออกไปหน้าบ้าน เขย่งขามองผู้มาใหม่ ก่อนจะพบว่าเป็นผู้ชายตัวสูงคนหนึ่ง และเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังยืนสะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ
   

ชั่วขณะหนึ่ง โดยไม่ทันรู้สึกตัว ดวงตากลมโตรื่นด้วยหยาดน้ำใสๆ นั่นก็เงยขวับขึ้นมองมาที่เขาทันใด เสียงร้องไห้หยุดชะงัก ร่างเล็กๆ ถอยกรูดไปหลบอยู่ด้านหลังของผู้ชายตัวใหญ่ และความเคลื่อนไหวนั่นก็ทำเอาคนที่กำลังวุ่นวายกับการย้ายของรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของเขา
   

“สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย” เขาทักทายก่อน เมื่อเห็นใบหน้านั่นก็จำได้ทันทีว่าเป็นอดีตเพื่อนบ้านซึ่งเคยย้ายออกไป แต่คราวนี้กลับมาพร้อมกับเด็กตัวเล็ก... ลูกหรือ?
   

“อ้าวดิน... สวัสดีครับ เสียงดังรบกวนหรือเปล่า?” ใบหน้าคมคายยกยิ้มอ่อนส่งมาให้ เขาส่ายศีรษะ ดวงตาก็ยังคงมองสิ่งมีชีวิตเล็กๆ นั่นอย่างสนอกสนใจ
   

“น้องวัน มาทักทายพี่ดินเขาเร็ว” เพราะสังเกตเห็นท่าทางของเขา มือใหญ่นั่นจึงดุนหลังเล็กๆ ให้ออกมาจากที่ซ่อน
   

“สวัสดีครับ ชื่ออะไรน่ะเรา” เขาเปิดรั้วบ้าน สาวเท้าเข้าไปใกล้เด็กที่กำลังมองมาอย่างขลาดกลัว แล้วย่อตัวนั่งแตะเข่ากับพื้นเพื่อให้ระดับสายตาตรงกัน
   

“วัน...สุข เป็นหลานคุณอา” เสียงเล็กๆ พูดแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน และท่าทางตื่นกลัวก็ไม่ได้ลดน้อยลง
   

“เขากลัวคนน่ะ” ชายคนนั้นว่า ในดวงตาคมนั่นฉาบประกายหม่นเล็กน้อย “อารบกวนดินหน่อยได้หรือเปล่า พอดีต้องให้คนงานขนของเข้าบ้าน...” ก่อนจะเกริ่นประโยคขอร้องด้วยท่าทางหนักใจ
   

“ได้สิครับ” เขาพูด เพราะอย่างไรเสียก็อยู่บ้านว่างๆ ไม่ได้ทำอะไร รับฝากเด็กสักคนไว้ชั่วคราวคงไม่มีปัญหา ทว่าดูเหมือนเจ้าตัวเล็กนี่จะไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเขาสักนิด
   

“ไม่เอา! น้องวันจะอยู่กับคุณอา”
   

พอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเขาได้ก็เริ่มดิ้นขลุกขลัก เนื้อตัวสั่นเทาจนน่าสงสัย ร้องไห้โยเยจนคนเป็นอาต้องรับไปอุ้มกล่อมปลอบเสียยกใหญ่
   

“ไม่เอานะครับ ไม่ร้องนะ” เสียงนุ่มอ่อนโยนพูดปลอบ เขามองสองอาหลานนั่นด้วยนึกอิจฉาลึกๆ อาจเพราะไม่เคยได้รับความเอาใจใส่แบบนั้นเลยสักครั้ง
   

“นี่...ชอบท้องฟ้าหรือเปล่า?”
   

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดอะไรออกไป เสียงร้องไห้ชะงักกึก ตากลมโตเงยขึ้นมองหน้าเขาอีกครั้ง แสงจากไฟรถสะท้อนเข้ามา ทำเอาเห็นชัดว่าดวงตาคู่สวยนั่นเป็นสีน้ำตาลอ่อนพราวเหมือนลูกปัดราคาแพง
   

“น้องวันชอบดาว...” เสียงหงุงหงิงพูดแผ่ว แต่ยังมองมายังเขาด้วยท่าทีหวาดระแวง
   

“ถ้าอย่างนั้นไปดูดาวกันไหม ที่บ้านพี่มีกล้องดูดาวด้วยนะ”
   

สิ้นคำพูด จากเด็กที่ร้องไห้ไม่ยอมท่าเดียวก็ยิ้มร่า ชูมือออกกว้างหวังให้เขาอุ้ม เห็นแบบนั้นแล้วก็ต้องยิ้มอ่อน รับร่างเล็กๆ เขามาไว้ในอ้อมแขน ไออุ่นๆ ทำให้รู้สึกดีอย่างประหลาด
   

แม้จะเป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่ก็อุ่นหัวใจอย่างประหลาด
   

ค่ำนี้หนาวกว่าทุกวัน แต่น่าแปลกที่ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างที่เคย...


   


“คุณอาเมื่อไหร่จะกลับ”
   

เสียงบ่นดังขึ้นเบาๆ ในบ้านเงียบเฉียบ เขาชะงักมือที่กำลังปลดกระดุมเสื้อนักศึกษา สายตาเหลือบไปมองคนคนหนึ่งซึ่งเท้าคางทอดสายตาออกไปยังด้านนอก
   

“อีกเดี๋ยวก็คงกลับ โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง?” เขาเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้คนที่มักจะทำหน้าอมทุกข์ตลอดเวลามีสีหน้าเศร้าไปมากกว่านั้นนัก ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ...เตียงยุบยวบลงไป
   

“เหมือนเดิม” เด็กหนุ่มตรงหน้าถอนหายใจเฮือก เอนศีรษะพิงกับไหล่เขาอย่างถือวิสาสะ แพขนตายาวอยู่ใกล้เพียงแค่หรุบตามอง
   

“ไม่คิดจะหาเพื่อนกับเขาเลยเหรอ?” เขายิ้ม ถามเสียงนุ่ม ยกมือขึ้นลูบปอยผมอีกฝ่าย
   

“วันมีแค่พี่ดินก็พอแล้ว”
   

เขานิ่งไป ในอกสั่นสะท้านอย่างประหลาด ทั้งดีใจ อบอุ่น ชั่วขณะเดียวกันก็เจ็บปวดอยู่ลึกๆ ก้มลงมองคนที่เอาแต่ดูฟ้ายามค่ำ ทั้งที่รับรู้มาตลอดเวลาว่าตัวเองสำคัญกับเด็กคนนี้มากแค่ไหน แต่คล้ายกับว่ายิ่งตักตวงความสุขนี่มากเท่าไหร่ ความกระหายนี่ก็ไม่เคยถูกเติมจนเต็ม
   

“ท้องฟ้ามีอะไรน่าสนใจนัก” เขาถามเสียงแผ่ว พยายามกลบความไม่พอใจของตัวเองไว้ เพราะตั้งแต่เข้ามาในห้องนี่ เด้กคนนั้นยังไม่ได้หันมามองเขาเต็มๆ ตาเลยสักครั้ง
   

ทั้งที่ยังอยู่ตรงนี้แท้ๆ แต่ทำไมถึงไม่หันมามอง...
   

หรือว่าเม็ดดินตรงหน้านี่มันไม่ได้พร่างพราวเหมือนดาวบนฟ้ากัน?
   

“ข่าวบอกว่าคืนนี้จะมีดาวตก” ดาวตาสีน้ำตาลอ่อนหันมาสบเข้ากับเขา ใบหน้าอ่อนเยาว์ยกยิ้มบาง “มาอยู่ดูด้วยกันดีไหม” พร้อมคำถามที่เขาไม่เคยปฏิเสธได้ลง...
   

เกลียดฟ้านัก... แต่ก็ไม่เคยบอกความรู้สึกออกไป เพราะอีกฝ่ายดูจะรักสิ่งนั้นเหลือเกิน สิ่งที่อยู่สูงจนเขาไม่อาจเอื้อมถึง ไม่ว่าจะพยายามไขว่คว้าเท่าไหร่ ดินก็ยังคงเป็นเพียงดิน ...ถ้าหากคนตรงหน้าก้มลงมามองเม็ดดินกระจ้อยนี่สักหน่อยก็คงจะดี
   

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น? เรียนเหนื่อยหรือเปล่า?”เสียงทักดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
   

คล้ายสติถูกเรียกกลับมา ตะกอนดำมืดในใจถูกกวาดปัดไปซุกไว้ใต้รอยยิ้มอ่อนอีกครั้ง เขาปรือตา ทิ้งตัวลงนอนกับเตียงกว้าง ฉุดรั้งคนตัวเล็กกว่าลงมาด้วย ในขณะที่ตากลมๆ นั่นจ้องเขาอย่างสงสัย นอนนิ่งไม่ขัดขืนให้เขากอดอยู่แบบนั้น
   

“เหนื่อย...” ว่าเสียงแผ่ว ปิดเปลือกตา แสงจากจันทร์บนฟ้าแยงลงมาจนไม่อยากจะเงยขึ้นมอง
   

“ถ้าอย่างนั้นวันไม่กวนดีกว่า เดี๋ยวจะกลับไปรอคุณอาที่บ้าน พี่ดินจะได้พัก” คนเด็กกว่าว่าเสียงเรียบ แต่ก็ยังมีความห่วงใยแฝงอยู่ในนั้น
   

“อยู่ที่นี่ได้ไหม” เขาอ้อนวอน... รั้งข้อมือนั่นเอาไว้ หูแว่วยินเสียงหัวเราะแผ่ว
   

“แต่วันจะดูฝนดาวตก ไม่รบกวนพี่ดินเหรอ?”
   

“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากขอพรด้วย...” ความง่วงเริ่มคืบคลานเข้ามา แต่ก็ยังไม่กล้าหลับ เพราะกลัวเหลือเกินว่าคนตรงหน้าจะแอบย่องหนีไป
   

“จะขออะไรล่ะ?”
   

ชั่วขณะหนึ่งที่เขาจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ริมฝีปากเปิดเผยอ... ก่อนจะกลืนถ้อยคำทั้งหมดลงไปในคอ นิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจในที่สุด
   

“อยากได้อะไรก็ขอแบบนั้นไปแล้วกัน”
   

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กตรงหน้าพูดอะไรต่อจากนั้น สัมผัสได้เพียงแค่ไออุ่นๆ ซึ่งยังตกค้างอยู่ในอุ้งมือ พอตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวัน...คนคนนั้นก็ไม่อยู่เสียแล้ว
   

เช้าในหน้าร้อนวันนี้... ทำไมถึงได้หนาวนัก?
   

ยิ่งอยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่ ทำไมถึงมีแค่เขานะที่ยังย่ำอยู่ที่เดิม...


   


“หันมามองกันหน่อยได้ไหม?”
   

เขาพูดเสียงแผ่ว สายตาทอดมองแผ่นหลังในชุดนักเรียนนั่น ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงแต่ความเงียบงัน และนั่นก็ทำเอาเจ็บจนหายใจไม่ออก
   

“ทำไมถึงคบกับลูกหว้า” น้ำเสียงเย็นชา กระชากถาม ไม่มีแม้แต่ความนุ่มนวลอย่างทุกที
   

“...” เขาเลือกที่จะเงียบ ใบหน้าของเด็กสาวคนนั้นผุดขึ้นมาในหัวสมอง เสียงหัวเราะหวานใสยังดังก้องอยู่ในหัว สมาชิกใหม่ของกลุ่มที่เพิ่งเข้ามา เป็นเด็กสาวที่สดใสสว่างจ้าเหมือนดวงอาทิตย์เที่ยงวัน
   

แค่คิดขึ้นมา ความชิงชังก็พุ่งพรวดมาจุกอยู่ที่คอ
   

“คบเหรอ?” เขาถามเสียงฉงน จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปคบกับเธอตอนไหน เกลียดขี้หน้ากันอย่างกับอะไรดี แค่ทำทียิ้มแย้มสนิทสนมกันได้ก็เต็มกลืนแล้ว
   

...ผู้หญิงนั่นคิดจะทำอะไร?
   

“พี่กำลังคิดอะไรอยู่... ทำไมถึงทำแบบนั้น...”
   

คำถามนั่นทำเอาเขานิ่งงันไป หากอธิบายไปตอนนี้ก็คงไม่ฟังใช่ไหม? ในเมื่อปักใจเชื่อไปแล้ว ยังจะมีที่ว่างอะไรให้เขาเข้าไปแก้ตัวได้อีก คล้ายรอยร้าวระหว่างพวกเขามันเริ่มมากขึ้นทุกที ตั้งแต่วันที่ผู้หญิงนั่นเดินเข้ามา
   

นี่เขาไม่สำคัญแล้วใช่ไหม? เศษดินนี่ไม่สำคัญอีกแล้วใช่ไหม?
   

“...วันพรุ่งนี้ไปท้องฟ้าจำลองกันไหม” เขาเปลี่ยนเรื่อง ฝืนยิ้มให้กับแผ่นหลังนั่น “ไม่มีโอกาสได้ไปกับวันสักที” แสร้งพูดเสียงนุ่ม ทั้งที่ขอบตามันเริ่มจะร้อนผ่าว เขายังคงยืนรอคำตอบ แต่สุดท้ายก็มีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น
   

เขาทำอะไรผิด?
   

อดถามกับตัวเองไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะพยายามควานหาคำตอบสักเท่าไหร่ สุดท้ายก็เจอเพียงความสับสนเท่านั้น ใจเจ็บร้าว สมองอื้ออึง สุดท้ายก็เลือกที่จะก้าวถอยกลับ ไม่กล้าแม้แต่จะเริ่มอธิบายความเข้าใจผิดนี้ ...อย่างไรเสีย ถึงพูดไป สุดท้ายความผิดก็จะโยนโครมลงมาที่เขาอยู่ดี
   

พลันเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นด้านหลัง ร่างบอบบางวิ่งเข้ามา ท่าทางเหนื่อยหอบ เสียงหวานตะโกนเรียกชื่อพวกเขาลั่น ก่อนที่แขนนุ่มนิ่มนั่นจะเข้ามาคล้องกับเขาราวกับคนสนิทสนม
   

“วัน! พี่ดิน! มาอยู่ตรงนี้นี่เอง กลับกันเถอะ เย็นป่านนี้แล้ว”
   

“ลูกหว้า...” เขาพึมพำชื่อของเธอ ใบหน้าสวยนั่นเงยขึ้นมอง ก่อนจะฉีกยิ้มหวาน
   

“ลูกหว้า” เด็กหนุ่มซึ่งยืนเกาะระเบียงหันมองมาที่พวกเขา ใบหน้านุ่มนวลไม่ได้มีเค้าความเศร้าอย่างที่คิดไว้ แต่ดวงตาราบเรียบคู่นั้นกลับทำเอาใจวูบโหวง
   

ได้โปรด...อย่ามองมาด้วยสายตาแบบนั้นเลย...
   

“ยินดีด้วยนะ”
   

เหมือนค้อนปอนด์อันใหญ่ที่ฟาดลงมากลางกระหม่อม ลมหายใจชะงักกึก หนาววาบไปทั้งกาย มือกำแน่นจนเกร็ง โดยเฉพาะเมื่อหูแว่ววานเสียงหัวเราะคิกคักที่จงใจให้เขาได้ยิน
   

“ขอบคุณจ้ะ”
   

เขาเหลือบมองเด็กสาวคนนั้นด้วยหางตา เพลิงสีดำกำลังลุกโชนอยู่ในอก... สมองเริ่มจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้างแล้ว
   

จะเอาแบบนี้หรือ? ท้าทายกันแบบนี้หรือ? ถ้าอย่างนั้นเขาเองก็คงไม่มีทางเลือก...
   

“กลับกันเถอะ” เขาว่าเสียงแผ่ว ส่งยิ้มให้คนทั้งสองราวกับไม่สะทกสะท้านกับบรรยากาศหนักๆ  “เดี๋ยวพี่จะแวะส่งวันก่อนแล้วกัน ว่าจะพาลูกหว้าไปซื้อของสักหน่อย”
   

ถ้าหากย้อนเวลาไปได้ล่ะก็...เขาจะไม่มีวันพูดประโยคนั้นเด็ดขาด
   

รอยบิ่นที่มุมกระจก เริ่มปริร้าวจนแตกหัก...
   

ไม่นานเศษคมๆ ก็คงจะร่วงกราวลงมา...ทิ่มแทงหัวใจจนแหลกเละไม่มีชิ้นดี


   


เสียงของน้ำซาซ่าดังอยู่ข้างหู รู้สึกง่วงอย่างบอกไม่ถูก สัมผัสเย็นเฉียบไหลผ่านเส้นผมลู่ลงตามเนื้อหนัง แผ่นหลังพิงกับผนังกระเบื้องอุ่น สติดูจะเลื่อนลอย บอกไม่ถูกสักนิดว่านี่เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่
   

เหนื่อยจนไม่อยากจะหายใจ...
   

อาทิตย์ที่ผ่านมา เขาจำได้ว่าขังตัวเองอยู่ในห้องมืดแคบๆ น้ำตามันไหลออกมาไม่หยุด... ในความมืดไม่มีสิ่งใด กลับมาอยู่กับความเงียบเหงาอีกครั้งเหมือนทุกครั้ง
   

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเริ่มทำร้ายตัวเองทั้งแต่เมื่อไหร่ คมมีดซึ่งกรีดลงแขน ความเจ็บปวดที่ได้รับ คล้ายกับจะปลุกสติให้ตื่นขึ้นมา ย้ำให้รู้ว่าร่างกายนี้ยังมีชีวิต ยังคงหายใจ แต่ยิ่งนานวันเข้า มันยิ่งชาจนแทบจะไม่รู้สึก ไม่ว่าจะกรีดคมลึกเท่าไหร่ นอกจากของเหลวสีแดงสดที่เทบ่าลงมา ก็ไม่มีสิ่งใดอีก...
   

ใจลึกๆ มันยังคงรอคอย ให้คนคนนั้นฉุดมือข้างนี้ขึ้นไปจากวังวน เพราะขาทั้งสองข้างมันหมดสิ้นเรี่ยวแรง ไม่อาจฝืนยืนต่อได้อีกแล้ว ทว่ากลับไม่มีแม้แต่คำห้าม ...การลาจากครั้งสุดท้ายนั้นเหมือนด้ายรั้งที่ถูกตัดจนขาดสะบั่น
   

อยากให้เขาหายไปขนาดนั้นเลยหรือ?
   

เพราะเป็นแค่ดินใช่หรือเปล่า ต่อให้พยายามสักเท่าไหร่ ...สายตานั่นก็ไม่เคยละจากฟ้าสักครั้ง คงมีเพียงแค่ดินที่พยายามจะตะเกียกตะกาย ครั้งแล้วครั้งเล่า... เพราะหากไม่ทำเช่นนั้นแล้ว ตัวตนของเม็ดดินก้อนเล็กๆ นี้คงไร้ความหมาย
   

สมองหวนนึกไปถึงวันวานเก่าๆ เด็กตัวเล็กๆ ที่วิ่งตามเขาในวันนั้น... ตากลมโตที่มักจะมองมาด้วยความรัก เสียงสดใสที่ทำให้ยิ้มได้เสมอ ไออุ่นที่ยังติดอยู่ในอ้อมแขน
   

ไม่เหลือแล้ว... ไม่เหลืออะไรเลย... ไม่เหลืออะไรสักอย่าง...
   

“พี่ดิน!”
   

เพล้ง!
   

เสียงเรียกคุ้นเคยดังก้องในความมืด ผสมปนเปไปกับเสียงแตกของกระจก ปลุกให้หัวใจอ่อนล้าเต้นกระตุก ...จู่ๆ ก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา มุมปากยกยิ้มอ่อน ความรู้สึกหนักอึ้งในใจปลิวหาย เหมือนถูกน้ำเย็นฉ่ำสาดซัด
   

ปึง!
   

ประตูไม้ถูกชนอย่างแรงด้วยอะไรสักอย่าง กลอนขึ้นสนิมส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดคล้ายใกล้จะหลุด... เขาหัวเราะแผ่ว ระบายลมหายใจยาว ดวงตาค่อยๆ ปรือปิด ความง่วงคล้ายกับจะเข้ามาคืบคลานสติ ทั้งที่อยากจะตื่นอีกสักพัก แต่ก็ไม่อาจฝืนร่างกายเอาไว้ได้
   

ปึง!
   

เสียงสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบหาย และแม้จะหลับตาอยู่ ทว่าแสงที่สาดเข้ามาหลังประตูบานนั้น... ทั้งเจิดจ้าและอบอุ่นเหลือเกิน...

   

แล้วเจอกันนะครับ...
   

ณ ที่ใดสักแห่ง... บนฟ้ากว้างพราวดาวนั่น...



Hope to see you again...


ถ้าพูดกันตามตรง หากพี่ดินยังมีชีวิตอยู่ ตำแหน่งพระเอกของซานนี่จะสั่นคลอนมาก
อาจมีการ NTR ดราม่าหนักหน่วงกระชากตับกว่านี้หลายสิบเท่า (หัวเราะ)

พี่ดินเป็นตัวละครที่ชอบมากคนหนึ่ง ทุกครั้งที่เขียนเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ จะทำให้รู้สึกได้ถึงอะไรๆ ที่มันไม่แน่นอนเอาซะเลย
เหมือนที่เราตัดสินใจอะไรสักอย่างหนึ่ง ทั้งที่เห็นว่า โอกาสมันก็กองอยู่ตรงหน้า แต่สมองมันก็สั่งให้เลือกไปอีกทาง สุดท้ายก็กลับมาแก้อะไรไม่ได้แล้ว และทุกอย่างก็ไม่ได้สวยงาม ...การจบชีวิตลงของพี่ดินก็เป็นเรื่องชั่ววูบที่สร้างรอยแผลเอาไว้ให้วันสุข

"ถ้าตอนนั้นพูดออกไปตรงๆ ก็คงจะดี"
"ถ้าพูดห้ามเอาไว้ก็คงจะดี"
สองวลีนี้เป็นสิ่งที่สื่อได้ค่อนข้างดีเกี่ยวกับคนสองคน

ตอนหน้าจะเป็นตอนพิเศษอุ่นๆ ของซาน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม แล้วเจอกันฮับ
 :กอด1: :L2: :กอด1:


เพลงบังคับฟัง (หัวเราะ)
เนื้อแปลค่อนข้างจะมีความหมาย แต่ถ้าดูจากในเล้ามันจะขึ้นบรรทัดไม่ครบซะงั้น
(สามารถกดที่คำว่า youtube เพื่อขึ้นหน้าต่างใหม่, หากใครเนื้อแปลไม่ขึ้นกดที่รูปฟันเฟือน > ตรงช่อง Annotations เลือก On)
http://www.youtube.com/v/7bvJJ4urbjQ
เพลงนี้มีความหมายกับตัวละครหลายตัวในนิยายที่แต่งเลยทีเดียว พี่ดินคือหนึ่งในนั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2014 13:55:19 โดย ArgèntaR๛ »

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
เรื่องนี้เศร้า ปมเยอะจริงๆ เขียนดีมากกกกกกกกกกกค่ะ ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
วัน... นี่นายดึงดูดแต่คนประหลาดมาหลงรักเหรอเนี่ย

มีแต่พวกอยากเป็นที่รักทั้งนั้น แถมยังทำอะไรแปลกๆ เรียกร้องความสนใจจากวันอีก
อ่านแล้วหลอนแทน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อ่านมาจนจบ พูดได้้คำเดียวว่า ดีแล้ว มันสนุกน่ะแต่หาคำพูดไม่ได้

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4

ออฟไลน์ michiri.sama

  • ลูกเป็ดที่หมกมุ่นในโลกสีม่วง (´∀`)♡
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อยากอ่านตอนพิเศษของซานจังค่ะ >___<

ออฟไลน์ ArgèntaR๛

  • "ความสุข" แบ่งปันได้
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-0
    • turelight's Fanpage
บทพิเศษ 2 - โซฟาที่ถูกยึดตัวนั้น


Spirited Away: Always With Me piano version
http://www.youtube.com/v/7GCz7MbBM_U?loop=1&playlist=7GCz7MbBM_U


เขาเกลียดผู้หญิง...
   

ความรู้สึกนั้นมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่วันที่แม่ตายจากโลกนี้ไป พ่อแต่งงาน พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาใหม่... เขาเกลียดแม่นั่น พอเกลียดมากๆ เข้าก็พานพาให้ไม่ชอบผู้หญิงเข้าไปด้วย
   

เสียงวี้ดว้ายน่ารำคาญ นิสัยจุกจิก เห็นแก่เงิน รอยยิ้มเสแสร้ง
   

ไม่ว่าจะกี่คนที่ผ่านเข้ามา อย่างน้อยต้องมีสิ่งเหล่านั้นหนึ่งถึงสองอย่าง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงเลือกที่จะแต่งงานใหม่ แต่เขาทำได้แค่เงียบ เป็นเสียงส่วนน้อยของบ้าน มองดูผู้หญิงคนนั้นใช้เงินที่พ่อหามาราวกับเทไวน์ลงพื้นสนามหญ้า
   

หลายปีที่อดทน สุดท้ายพ่อก็ตายจากไปด้วยโรคหัวใจ... เขาถูกทิ้ง... ผู้หญิงนั่นหอบเงินหนีไปแต่งงานกับสามีใหม่ที่อายุน้อยกว่า เห็นแบบนั้นก็ต้องยกยิ้มเหยียด นึกสาปแช่งลึกๆ ในใจ ภาวนาขอให้แม่นั่นโดนทำอย่างที่มันทำกับพ่อของเขา
   

ในงานแต่งงานที่จัดแจงเสียยิ่งใหญ่ จู่ๆ ญาติห่างๆ ของพ่อซึ่งมาร่วมงานด้วยก็เข้ามาคุยกับเขา จำไม่ได้แล้วว่าบทสนทนาดำเนินไปอย่างไร แต่เธอคนนั้นเป็นผู้หญิงซึ่งต่างจากคนก่อนๆ ที่เขาเคยเจอมา
   

เขาได้บ้านใหม่... บ้านหลังใหญ่ซึ่งมีคนอยู่เพียงแค่สองคน และคนใช้อีกเป็นโขยงไม่ต่างจากในหนัง คุณอาผู้หญิง...ผู้ปกครองคนใหม่ของเขามาจากตระกูลเศรษฐีผู้ดีเก่า เธอมีลูกชายที่อายุมากกว่าเขาเป็นสิบปีอยู่คนหนึ่ง รายนั้นจบหมอจากมหาวิทยาลัยดัง และกำลังอยู่ในช่วงเรียนต่อเฉพาะทาง
   

ตอนแรกก็นึกว่าจะเข้ากันไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะอยากได้น้องชายเป็นพิเศษ ชีวิตที่คิดว่าคงจะต้องอยู่เงียบๆ คนเดียวเหมือนเดิมก็คล้ายกับจะวุ่นวายขึ้นมาทันตา แต่ดูเหมือนสิ่งหนึ่งที่จะแปลกประหลาดที่สุดจะไม่ใช่พี่ชายคนใหม่... แต่เป็นเพื่อนของพี่ชายต่างหาก


   


“คุยกับใคร? ทำไมต้องมานั่งคุยในห้องมืดๆ ”
   

เขาถามพี่ชายที่เพิ่งวางสายจากโทรศัพท์ เงาดำขยับไหว ไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งเข้ามาแกล้งเขาอย่างทุกที เห็นแบบนั้นก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น อยากจะถามอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบยุ่มย่ามกับเรื่องของผู้ใหญ่นัก
   

“เป็นเด็กเป็นเล็ก อาบน้ำเข้านอนไป อยู่แค่มัธยมต้น ริอ่านกลับบ้านดึกนะ” เสียงทุ้มเข้มดูดุดังขึ้นมาอย่างคาดโทษ เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู อักษรดิจิตอลโชว์หราเป็นเลขยี่สิบเอ็ด
   

“รถมันติด ช่วยไม่ได้” หยักไหล่ว่าอย่างไม่ใส่ใจ
   

“บีทีเอสติดได้ด้วยเหรอ?” เสียงนั่นเข้มขึ้นกว่าเดิม
   

“ไปแวะซื้อหนังสือมา” ว่าแล้วก็ชูหลักฐานเล่มใหญ่ให้อีกฝ่ายเห็น มันเป็นนิทานภาพภาษาอังกฤษที่วาดด้วยสีน้ำ ราคาแพงเอาเรื่องอยู่ แต่เขาชอบปลายพู่กันของคนเขียน ถึงได้ยอมควักค่าขนมซื้อติดมือมา
   

“เล่มนั้นเพื่อนพี่มี” คนในเงามืดพูดเสียงแผ่วผิดวิสัย
   

“เวย์มีเพื่อนด้วยเหรอ?” ถามอย่างนึกฉงน นับตั้งแต่อยู่ที่นี่มา เขาไม่เคยเห็นคนตรงหน้าจะพูดถึงเพื่อนสักที มีก็แต่คนในโทรศัพท์ที่เจ้าตัวคุยไปทีไรก็ทำหน้าเศร้าๆ ตลอด
   

“ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนสักหน่อย... เอ้าไปนอนไป พรุ่งนี้สอบไม่ใช่หรือไง?” ต้นประโยคแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน น้ำเสียงสั่นสะท้านดูอ่อนแอจนน่าสงสัย ก่อนจะปรับเป็นเข้มดุ เพื่อไล่ให้เขาขึ้นนอน
   

“นี่ยังจีบไม่ติดอีกเหรอ? อ่อนหัดชะมัด” เขาเยาะเย้ย ไม่ยอมขึ้นนอนง่ายๆ มุมปากยกยิ้มเหยียดอย่างที่อีกฝ่ายไม่ชอบให้ทำ
   

“เงียบน่ะ! ไม่ได้จีบสักหน่อย ตอนนี้เป็นแค่เพื่อนสนิทกันต่างหาก” พี่ชายโวยวายขึ้นมา ท่าทางจะเริ่มโมโหเข้าเสียแล้ว
   

“ประโยคแก้ตัวของพวกขี้แพ้” เขาหัวเราะหยัน ก้าวเท้าหลบหมอนอิงที่ลอยหวือออกมาจากห้องมืดๆ นั่น “เห็นมีแต่สาวๆ รุมล้อม คนอย่างเวย์ผิดหวังกับเขาเป็นด้วยเหรอ? ผู้หญิงนั่นเป็นยังไง? ยากเหรอ?” ก่อนจะถามคำถามที่ถ้าคุณอาผู้หญิงยังมีชีวิตอยู่ เขาคงจะโดนดุยาวจนหูชา
   

“เหอะ... ถ้าได้เจอตัวจริงจะพูดแบบนั้นไม่ออก” อีกฝ่ายว่าเสียงหงุดหงิด
   

“เหรอ?” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้น เก็บความสงสัยและอยากรู้อยากเห็นไว้ในใจ หัวก็นึกถึงภาพของคนที่ว่า แต่ทำยังไงก็นึกไม่ออก...


   


บ่ายสามโมงวันนี้ที่ห้องนั่งเล่น...
   

เพราะโดดเรียนวิชาสุดท้ายกลับมาบ้าน พี่ชายส่งข้อความมาว่าจะกลับดึก บ้านเงียบเชียบกว่าทุกที เพราะคนงานพากันลากลับหมดเนื่องจากวันหยุด อุตส่าห์วางแผนเสียดิบดีว่าจะนั่งไล่ดูหนังเก่าๆ ที่วางเรียงไว้เต็มชั้น แต่พอเปิดประตูเข้ามาในห้องนั่งเล่นของบ้านได้เท่านั้น...
   

ใคร?
   

เครื่องหมายคำถามผุดวาบลอยคว้างอยู่เต็มไปหมด เท้าที่กำลังจะก้าวเหยียบพรมนุ่มชะงักกึก สายตาทอดมองร่างในชุดสีดำล้วนซึ่งกำลังนอนนิ่งอยู่กลางห้อง
   

“เฮ้... คุณ...” เรียกฝ่ายนั้นเสียงเบา เริ่มสงสัยว่านี่เป็นแขกของพี่ชายหรือเปล่า แต่เพราะอีกฝ่ายนอนคู้ตัวเหมือนกำลังเจ็บปวดทรมาน เขาถึงได้ไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้กว่านั้น
   

“อึก...” เสียงครางแผ่วดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ไหล่ที่ห่อเข้าหากันกำลังสั่นสะท้านจนน่ากลัว
   

“เป็นอะไรหรือเปล่า” สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ ย่อตัวลง ก่อนจะต้องชะงักกึกเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย ...ถ้าจะให้นิยามกับสิ่งที่เขาเห็น คงจะบอกได้แค่ว่า สิ่งมีชีวิตตรงหน้านี่เข้านิยามของคำว่า ‘คุณชาย’ แทบจะทุกประการ
   

มนุษย์ที่ดูดีจัดจนน่ากลัวแบบนี้...มีชีวิตรอดมาได้ยังไงนะ?
   

เคยมีคนบอกว่า ของบางอย่าง ต่อให้วาดแทบตายสักเท่าไหร่ สุดท้ายก็ไม่ได้เสี้ยวของของจริง ตอนนี้เขาชักจะเข้าใจเจ้าประโยคนั่นไม่มากก็น้อย ก็คนคนนี้น่ะ...ให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
   

“ปวดหัว...” เสียงนุ่มเพราะครางงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์ มือขาวพยายามชันร่างขึ้นมาจากพรม ท่าทางไม่ได้สนใจการมีอยู่ของเขาสักนิด
   

“ฮะ...เฮ้!”
   

น้ำหนักมหาศาลโถมลงมาจนเขาล้มไปกองกับพื้น คนที่พยายามชันตัวเมื่อครู่นอนนิ่งไม่ขยับ ท่าทางเหมือนจะหมดสติไปแล้ว แต่ก็ยังคงทิ้งปัญหาไว้ให้
   

“หนัก...” อดที่จะบ่นขึ้นมาไม่ได้ พยายามดันตัวอีกฝ่ายออก เพราะร่างกายเล็กกว่าเกือบครึ่ง จะทำอะไรก็ทุลักทุเลจนน่าหงุดหงิด ...อย่าให้สูงบ้างก็แล้วกัน
   

กลิ่นหอมนวลอ่อนลอยมาแตะจมูก ทำเอาความหงุดหงิดในใจถูกพัดพาไปจนหมด เขาถอนหายใจเฮือก หลังจากหนีออกมาจากการถูกทับได้ งานหนักต่อมาก็คือการพาคนตัวสูงไปนอนที่โซฟากว้าง สุดท้ายก็มานั่งหอบมองหน้าคนหลับสนิทที่ดูจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร...
   

ผู้ชายคนนี้เข้ามาในบ้านเขาได้ยังไงนะ? อีกทั้งนี่เป็นส่วนนั่งเล่นด้านใน... ไม่มีทางเสียหรอกที่คนนอกจะเข้ามาขนาดนี้ได้ถ้าไม่มีคีย์การ์ด ซึ่งพอคิดมาถึงตรงนี้แล้ว สิ่งที่เขาพอจะนึกออกอย่างเดียวก็คือ คนคนนี้คงเป็นแขกของพี่ชายแน่แท้
   

“อย่า...ไป...” เสียงพึมพำดังขึ้นขัดความคิดอีกครั้ง เขาสะดุ้งโหยง มองคนหลับที่เริ่มขมวดคิ้ว ก่อนที่หยาดน้ำสีใสจะร่วงหล่นลงมาตามแนวแก้มเนียน
   

ทำอะไรไม่ถูก...
   

หันซ้ายหันขวา ละล้าละลัง ไม่รู้ว่าควรเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายดีไหม แต่ท่าทางโดดเดี่ยวรวมกับเสียงสะอึกสะอื้นนั่น ทำให้รู้สึกเจ็บปวดลึกๆ อย่างประหลาด... บรรยากาศชวนให้หดหู่ และมารู้ตัวอีกที เขาก็คว้ามือที่ใหญ่กว่าของตัวเองนั่นมากุมไว้เสียแล้ว
   

ทั้งที่ตัวใหญ่กว่าเขาตั้งเยอะ แต่ทำไมถึงดูอ่อนแอแบบนี้นะ?


   


เขามารู้ทีหลังว่าผู้ชายคนนั้นชื่อ วันสุข ...ชื่อประหลาด แต่ก็ติดหู จะบอกว่าเพราะไหมก็บอกไม่ถูก แต่มันดูมีความหมายแบบแปลกๆ เป็นความหมายที่เขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าคืออะไร
   

พักหลังมานี่ ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้กลับบ้านเร็วกว่าเดิมนัก เพราะเมื่อก่อนเอาแต่กลับดึก ถึงได้คลาดกับคนคนนั้นอยู่บ่อยๆ มารู้เมื่อไม่นานนี้เองว่าแขกคนนี้มักจะมาที่บ้านเขาอาทิตย์ละสี่วัน เจ้าตัวจะอยู่ในห้องนั่งเล่น หากไม่เหม่อเหมือนคนยังไม่ได้สติดี ก็ต้องหลับสนิทแน่นิ่ง บางครั้งก็เพ้อ และร้องไห้บ่อยๆ
   

และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาเปิดเข้ามาในห้องนั่งเล่น แล้วก็เจอะกับแขกคุ้นหน้าซึ่งกำลังนอนอยู่บนพื้นพรม เห็นท่าทางแบบนั้นแล้วก็ต้องคิ้วขมวด สาวเท้าเข้าไปใกล้ รวบรวมแรงแบกคนตัวหนักขึ้นไปบนโซฟาอย่างยากลำบากเหมือนทุกที
   

คล้ายกับเป็นหน้าที่ไปแล้ว... ถึงจะไม่เคยคุยกันสักคำก็เถอะ...
   

“นี่... ทำไมถึงมาที่ได้ได้ตลอดนะ” เขาคุยกับคนหลับ... งานอดิเรกใหม่ฆ่าเวลา ในบ้านเงียบๆ ที่ไม่มีใครนี่ คงมีแค่คนตรงหน้านี่แหละที่พอจะเป็นหุ่นนิ่งๆ ให้เขาเล่าสารพัดเรื่องให้ฟังได้โดยไม่มีการโต้ตอบ
   

“วันนี้มีคนตีกันที่โรงเรียนด้วย... แล้วก็...”
   

เล่าไปเรื่อยๆ ทั้งที่รู้อยู่ว่าคนฟังคงไม่หือไม่อืออย่างเช่นทุกครั้ง มือเองก็คลี่ผ้าห่มขึ้นคลุมอีกฝ่าย ก่อนจะลงไปนั่งข้างโซฟา มองหน้าคนหลับอย่างไม่รู้จะทำอะไร
   

“ทำไมเวย์ถึงไปรู้จักคนอย่างพี่ได้นะ?” ถามอย่างนึกสงสัย ก็พี่ชายเขาน่ะให้ความรู้สึกตรงข้ามกับคนคนนี้โดยสิ้นเชิง ดูแล้วไม่น่าจะมาบรรจบกันได้ อีกอย่างยังสนิทถึงขั้นมีกุญแจบ้านเขาได้นี่...
   

“อย่าบอกนะว่าคบกันอยู่”
   

“เปล่า...”
   

แทบสะดุ้งสุดตัว เมื่อคนที่ควรจะหลับกลับเอ่ยตอบคำถามของเขาเสียอย่างนั้น กายถอยพรวดออกห่างจากโซฟา ในขณะที่แพขนตาหนาของใครอีกคนค่อยๆ ปรือเปิดอย่างเชื่องช้า
   

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเลื่อนลอยจับจ้องมาที่เขา แต่เหมือนว่าจะมองผ่านทะลุร่างกายนี้ไปยังที่ไหนสักแห่ง ความว่างเปล่าที่สัมผัสได้จากบุคคลเบื้องหน้าทำเอาวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากอิ่มสีสวยเผยอออก กระซิบกระซาบถ้อยคำบางอย่างที่เขาฟังไม่ออก
   

“สวัสดี...”
   

ทักทายอีกฝ่ายไปอย่างคนที่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาอย่างไรดี แต่เหมือนเสียงของเขาจะส่งไปไม่ถึงคนฟัง สุดท้ายก็เลยพูดย้ำหนักอีกรอบ “สวัสดีครับ” แล้วก็ได้ผล...
   

ดวงตาคู่สวยสบเข้ากับเขา ท่าทางจะเริ่มรับรู้การมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย และเพียงชั่วแวบ ดวงตาคู่นั้นก็ผละจากเขาไปอย่างรวดเร็ว แขกของพี่ชายกลับไปจมกับโลกแห่งความคิดของตัวเองอีกครั้ง
   

...สื่อสารด้วยยากจริงๆ
   

เขาถอนหายใจยอมแพ้ ชันกายลุกขึ้น เตรียมกลับไปทำการบ้านที่ยังค้างอยู่บนห้อง แต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อปลายกางเกงนักเรียนถูกกระตุกเบาๆ พอหันกลับไปมองก็พบว่าเจ้าของมือซึ่งรั้งเขาเอาไว้ มองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว... ด้วยดวงตาเลื่อนลอยคู่นั้นนั่นแหละ
   

“อย่า...ไป...”
   

เหมือนถูกสะกดจิต...
   

สุดท้ายก็ทิ้งตัวนั่งลงอีกรอบ คว้ามือเย็นเฉียบนั่นมากุมไว้เหมือนทุกที...


   


วันนี้ที่โรงเรียนเลิกครึ่งวัน ใกล้ช่วงงานกีฬาสีแล้ว อากาศหน้าหนาวก็เย็นกว่าทุกที กุหลาบที่ปลูกไว้หน้าบ้านเริ่มออกดอกสวย รออีกสักพักคงจะเอามาเป็นแบบวาดรูปได้
   

พอเปิดประตูเข้าบ้านไปก็เห็นรองเท้าคู่เดิมซึ่งจะเริ่มคุ้นตา เขาแทบจะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนร่วมบ้านไปเสียแล้ว ยิ่งพักหลังมานี่กิจวัตรประจำวันอย่างการพาคนหลับไปนอนบนโซฟา เขาเองก็ทำจนเป็นเรื่องปกติ …กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโดยไม่รู้ตัว
   

ทว่าวันนี้ต่างไปจากทุกวัน... เพราะทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่น คนที่ควรจะหลับเหมือนทุกครั้งกลับนั่งกอดเข่าคู้ตัว ไหล่ใต้เชิ้ตสีดำสั่นสะท้าน เสียงสะอื้นดังแผ่ว
   

“...” ขาที่จะก้าวเข้าไปหากลับหยุดชะงัก ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู ใช้ดวงตาจับจ้องคนคนนั้นอย่างที่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร... เพราะท่าทางนั่นดูทรมานกว่าทุกที และเพราะเริ่มที่จะคุ้นเคย ความรู้สึกหดหู่เจ็บปวดนั่นถึงส่งมายังเขาซึ่งทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
   

เพราะเป็นแค่เด็ก เลยไม่เข้าใจว่าทำไมคนคนนั้นถึงมีท่าทีแบบนี้ เขาเคยพยายามถามพี่ชายบ่อยครั้ง แต่ฝ่ายนั้นก็ทำเพียงแค่ส่งยิ้มหมองๆ มาให้ สุดท้ายก็เลยเลิกถามไปเสีย ปล่อยทุกอย่างมันดำเนินไป แต่เหมือนยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ สภาพของคนเบื้องหน้าก็ไม่ได้ดีขึ้นแม้แต่นิดเดียว
   

ไม่อยากให้ร้องไห้เลย...
   

“อยากฟังเพลงหรือเปล่า?” โพล่งถามออกไป แต่เหมือนเสียงของเขาก็ยังคงส่งไปไม่ถึงอีกฝ่ายสักที ได้แต่เม้มปากแน่น เลี่ยงเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น ตรงไปยังโถงบ้านซึ่งอยู่ติดกัน ก่อนที่สายตาจะจับจ้องไปยังวัตถุขนาดใหญ่ซึ่งถูกคลุมทับด้วยผ้าสีขาวสะอาด
   

เขาดึงมันออก... ฝุ่นกระจายลอยบางอยู่ในอากาศ แสงแดดจากบานหน้าต่างติดกับสวนด้านนอกสาดส่องลงมา แกรนด์เปียโนสีขาวงาช้างดูนวลตากว่าทุกครั้ง...
   

“จะไหวไหมนะ” บ่นกับตัวเองเบาๆ เพราะไม่ได้เล่นมาเกือบปี
   

เขาทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ ความรู้สึกเก่าๆ กำลังไหลบ่าเข้ามาในสมอง ปลายนิ้วกดลงไปบนคีย์ เสียงนุ่มดังขึ้นท่ามกลางบ้านที่เงียบสงัด... ตัวโน้ตค่อยๆ ไล่เรียงอยู่ในสมอง พยายามนึกเพลงที่พอจะจำได้ ก่อนที่มือจะเริ่มพรมลงคีย์บอร์ดขาว
   

…Always With Me…
   

ทำนองเพลงอุ่นๆ ปนเหงาเบาบางดังขึ้น ความรู้สึกที่ชวนให้นึกถึงวันวานเก่าๆ ทำเอาเขายกยิ้ม... เพลงโปรดที่ไม่ว่าจะเล่นกี่ครั้งก็ทำให้หัวใจอบอุ่นเสมอ หวังเพียงแค่ว่าเสียงนี่จะส่งไปถึงคนห้องข้างๆ บ้าง
   

โน้ตไล่เรียงอ่อนหวาน... ก่อนที่คีย์ตัวสุดท้ายจะทิ้งช่วงแผ่วนุ่มนวล
   

ไม่รู้ว่าเสียงร้องไห้นั่นเงียบหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่...
   

เขาเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น เริ่มกิจวัตรเดิมๆ ด้วยการแบกคนหลับขึ้นไปนอนบนโซฟา หาผ้ามาห่มให้ ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คว้ามือใหญ่นั่นมากุมไว้เช่นทุกที แปลกก็เพียงแค่ว่า...ริมฝีปากสีส้มสวยนั่นยกยิ้มอ่อนๆ อย่างที่ไม่เคยเป็น
   

หัวใจเหมือนจะเต้นกระตุก...
   

ไม่เข้าใจนักหรอกว่าอาการนี่มันคืออะไร...
   

แต่ไม่กี่ปีหลังจากนั้น...ใครจะไปรู้ว่าเขาจะได้กลับมาสัมผัสกับความรู้สึกนี้อีกครั้ง



I wish to see you again...


จบไปแล้วกับตอนพิเศษสุดท้ายของเรื่องนี้ :D
ทีนี้ก็จะได้รู้กันแล้วว่า ตาซานทำไมถึงได้ทำตัวสนิทสนมกับพี่วันนัก เหตุแท้แล้วเป็นอย่างนี้นี่เอง

ช่วงที่แต่งนิยายเรื่องนี้ เป็นช่วงที่ได้รู้สึกว่า กำลังแข่งกับตัวเองอยู่อย่างไรชอบกล และเพราะหน้ากระดาษที่จำกัด
ผนวกกับปัจจัยอีกหลายๆ อย่าง ช่วงค่อนท้ายของเรื่องจึงค่อนข้างเร่ง และอาจจะจบห้วนไปสักนิดหนึ่ง
การเขียนพี่วันทำให้ได้รู้ว่า ตัวเองยังขาดฝีมือในหลายๆ ด้าน ซึ่งก็ต้องเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ และระหว่างนี้ก็อยากให้ตัวเองรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ทำด้วย โดยการเขียนเรื่องนี้ก็ให้อะไรหลายๆ อย่าง แล้วก็นิสัยการเขียนที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน (หัวเราะ)

ขอบคุณทุกท่านที่ตามมาจนถึงตอนนี้ฮับ
ข่าวสารต่างๆ สามารถดูได้ทางเฟสบุ๊กจากลิ้งค์หน้าแรกของนิยาย และสามารถไปตามกันต่อได้ที่นิยายอีกเรื่องหนึ่ง ไกลกว่ารัก

ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งสำหรับกำลังใจ และหลายๆ อย่างฮับ
 :กอด1: :L2: :กอด1:

ปล. จนจบเรื่องแล้วเวย์เพิ่งจะได้ออก
ปลล.สุดท้ายก็ยังไม่ได้คิดชื่อคุณอา

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เราเสียดายมากเลย ที่เข้ามาอ่านตอนมันจบแล้ว เราอยากให้กำลังใจคุณคนแต่งมากกว่า ๑ เม้นท์นี้จังค่ะ :z2:
สนุกจนเราไม่ทำการบ้านเลยล่ะ พรุ่งนี้มีพรีเซ้นท์งานก็ช่าง (ดูไม่มีความรับผิดชอบเนอะ :laugh:)
เอาใจช่วยตัวเองตลอดว่าจะทนอ่านจนจบไหม เพราะปกติเราไม่ชอบนิยายสีเทาๆซักเท่าไหร่ค่ะ เพราะเราจะอินมาก เราอ่อนไหว แต่เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เราไม่หนีไปไหน ต้องอ่านจนจบให้ได้  :mew6:
ก็อยากให้วันมีความสุขจริงๆนี่นา :hao5:
แต่ว่าชอบคุณอานะคะ ชอบมากกว่าซานอีก :jul3:
สุดท้ายกำลังจะไปตามอ่านอีกเรื่องนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ Raiwyn

  • - ไรวิน -
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เพิ่งรู้ว่าพี่วันลักษณะหน้าตาเหมือนคุณชาย เราก็จินตนาการตอนแรกแบบ หนุ่มร่างบางผมยาวระคอไรงี้ 555555555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
บอกตามตรงน่ะทุกวันนี้ก็ยังนึกหน้าวันสุขไม่ออกว่าจะมาแนวไหน 5555 เขาชอบเรื่องนี้น่ะ

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
เค้าคุ้นเคยกันมาก่อนขนาดนี้นี่เอง
ดีจัง ที่ได้กลับมาเจอ ให้ซานได้เข้ามาดูแลจนได้

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
อ่านแล้วหน่วงจริงๆ อึมครึมกับสภาพนายเอก สงสารด้วยที่ต้องทนทุกข์ในใจ

ดีแล้วที่สุดท้ายแฮปปี้

ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
อ่านเริ่มแรกรู้สึกว่าตัวเอกคือผู้กระทำ แต่อ่านมาเรื่อยๆ กลายเป็นผู้ถูกกระทำที่น่าสงสารไปซะแล้ว เรื่องราวผูกปมมาด้วยผู้หญิง จนมาปมที่ชื่อลูกหว้า  รู้สึกว่าถ้าไม่มีคนนี้ คงจะมีความสุขแท้ ทั้งๆ. ที่เป็นตัวสร้างความเลวร้ายด้วยความเห็นแก่ตัวของลูกหว้าเองแท้เลย แต่มันก็ผ่านไปแล้ว เรื่องราวชวนติดตามมาก  อ่านแล้วต้องตามไปเรื่อยจริง ขอบคุณสำหรับเรื่องราวชวนติดตามอีกเรื่อง ^_^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
ชอบนิยายเรื่องนี้ ชอบความละมุนละมัย ชอบวันสุขที่ดูร้ายลึกและเหม่อลอย ความจริงชอบโกเด้นท์อย่างปรัญช์นะ ไม่ค่อยชอบพวกคว้าไม่ได้อย่างซานเท่าไหร่ แต่ก้พอรับได้เพราะชอบ วันสุขมาก ชอบในความหมายหลายๆ อย่าง ชอบมากจริงๆ ขอบคุณคนแต่งมาก ขอบคุณงานดีๆ เราเชียร์อยู่นะ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ เราชอบทุกอย่างที่เขียนไว้ ตรงกับความชอบเราทุกอย่าง ขอบคุณ

**ปล.เราไม่อ่านบทของพี่ดิน เพราะเราไม่ถูกจริตกับผู้ชายประเภทนั้น ถึงแม้จะรักมาก แต่ถ้าชีวิตตัวเองยังไม่รัก เราก็ไม่อยากจะคิดถึงเรากลัวว่าถ้าคิดถึงไป เราจะกลายเป้นอีกคนที่ฝังใจพี่ดิน แล้วคิดมากเหมือนวันสุข

ออฟไลน์ poisongodx

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อ่านจบในสองวัน..และนั่งอึนอย่างนั้นสองวัน.
เป็นเรื่องที่อ่านแรกๆแล้วดูเหมือนโลกช่างอบอุ่น สว่างสดใสมาก แต่พออ่านเจอเม้นนึงบอกครือๆเหมือนจะมีเรื่องไม่ดีเกิด
ก็สงสัยทำไมบอกแบบนั้น จนเข้าตัวกลางเรื่อง..
อึนยาวเลย.. ปกติเป็นคนที่อ่านแล้วจะอินมาก เรื่องนี้นี่อ่านไปปวดหัวไป ปวดหัวใจไป รู้สึกซึมเศร้าตามพี่วันไป
กว่าจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ก็นั่งอึนผูกเรื่องในใจต่ออีกยาว รู้สึกยิ่งอ่านยิ่งถลำลงไปลึกยังไงไม่รู้..
ปล.อิมเมจในใจของซานกับพี่วันนี่ทำไมคิดถึงงานPuchitto HajiketaของKanda Nekoยังไงไม่รู้..
ปล.2 ซานนี่ใช่ที่แปลว่าภูเขามั้ยคะ.. อ่านๆไปแล้วรู้สึกเหมือนชื่อให้ฟีลเดียวกับพี่ดิน..

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ  :pig4:

ออฟไลน์ SecondaryTrauma

  • Today is a gift, that is why call ... "The Present"
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

เป็นเสมือนไอหมอกยามเช้าที่เฝ้าตื่นมามองหา ขมุกขมัว เลือนลาง เห็นไม่ชัดเจน ทว่าเย็นสบาย ถวิลหาอยู่ในที


ออฟไลน์ felin_kkr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วให้อารมณสีเทาจางๆ ชอบมากกก  :o12:

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Tamz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอสเปอีกได้มั้ยค่ะ  :hao5: ชอบเวลาวันสุขอยู่กับซานมากๆ ถึงบรรยากาศในเรื่องจะอึมครึมแต่มันก็อบอุ่น บอกได้คำเดียวว่า ชอบ มากกกกกกกกกกกกกกกกกก

ต้องอ่านตั้งพักนึงแนะกว่าจะรู้ว่าคุณอาเป็นผู้ชาย แล้วก็เพิ่งรู้ว่า วันสุข และซาน หล่อมาก-_-;?

ปล.แอบสงสารเวย์อ่ะY_Y

ออฟไลน์ มาโซซายตี้

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-2
เพิ่งมาอ่านจนจบ (ตามมาอ่าน เพราะลิ้งจาก หมีแสบแสนสวย Zitraphat
โทนเรื่องหม่นๆ อึนๆ หน่วง และมีปม ร้าวๆ ลึกๆ อย่างนี้ เป็นอีกแบบที่ชอบอ่านค่ะ
และเรื่องนี้ ทำออกมาได้น่าติดตามมาก
ถึงจะจบแบบแฮปปี้ ผิดไปจากที่คิดไว้ ก็อ่านได้สนุก (ปกติจะชอบให้จบแบบ ตายกระจาย อุอุ)

วันสุข ที่มีเรื่องราวเจ็บปวดมากมาย สงสัยอยู่ว่าอาการทางอารมณ์นี้ มันถ่ายทอดทางพันธุกรรมรึเปล่า
ดูเหมือนพ่อก็จะมีอาการป่วย คล้ายๆกัน ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แม่ก็แปลกๆ
แต่ยังดี ที่วันสุขมีคุณอา (ที่ตลอดทั้งเรื่องเราก็ยังไม่รู้ชื่อ 555 ) อยู่คอยดูแล รัก และเข้าใจ ในอาการของหลาน
มีบทคุณอาทีไร คนอ่านยิ้มตลอดเลย

ขอบคุณนิยายดีๆ ที่มาลงให้อ่านค่ะ เดี๋ยวจะตามไปอ่านอีกเรื่อง



iamsiachun

  • บุคคลทั่วไป
สนุกสนุกสนุกมาก เป็นเรื่องเรื่อยๆที่อ่านจนหยุดไม่ได้
และน่าเสียดายที่พอเปิดมาหน้าที่ 4 ก็พบว่ามันได้จบลงแล้ว..
คนคุณคนเขียนมากนะครับที่ได้เขียนเรื่องสนุกๆแบบนี้ขึ้นมา
เป็นกำลังใจให้เขียนเรื่องอื่นๆต่อไปนะครับ ♥

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
อ่านจบเมื่อกี้สดๆร้อนร้อน เป็นนิยายสีเทาที่สนุกมากๆ แรกๆเหมือนจะไม่ค่อยมีปม แต่ก็ค่อยๆมีมาเรื่อยๆ ชอบค่ะ สนุก  o13
เราชอบบทส่งท้ายมาก มันดูเป็นตอนที่วันมีความสุขแบบจริงๆอ่ะ ส่วนตัวในเรื่องชอบผู้ชายแบบพี่ดิน รักผู้ชายอบอุ่นค่ะ  :o8:
แรกๆแอบไม่ชอบซานเพราะเหมือนมาแบบไม่บริสุทธิ์ใจ แต่พออ่านสเปแล้วแบบ โอ๊ยยยย เรารักนายยยยย แล้วก็ชอบตอนซานหึงด้วย เหมือนแมวหวงเจ้าของ 55555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด