ตอนที่ 13 อ้อน... 24/02/2557
22/05/2557
บรรยากาศหลังสงครามบอกได้คำเดียวว่าเละเกินคำบรรยาย หากไม่ได้มาเห็นด้วยตาเขาคงบรรยายหรือนึกภาพได้ยากเพราะจากที่เคยผ่านงานมาไม่ว่าจะงานฆ่าหรืองานยิงถล่มกันกลางเมืองก็ไม่มีงานไหนเละได้ขนาดนี้
มาเฟียคืองานใต้ดินที่ต้องทำเงียบๆ กลบกลิ่นให้มิดแม้จะมีบ้างที่ยิงกันเปรี้ยงปร้างกลางเมืองแต่ก็ต้องทำแบบหลบๆหรือไม่ก็ทำในเมืองหรือสถานที่ที่สามารถโบยไปว่าพวกนักเลงเจ้าถิ่นตีกันเองหรือไม่ก็เมืองที่ยัดใต้โต๊ะปิดปากกันได้แต่แบบที่เล่นขนาดนี้เขาก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกัน
ไม่มีกฎหมาย ไม่มีการปิดปาก ไม่ต้องยัดใต้โต๊ะ ไม่ต้องเก็บศพทำลายหลักฐานแค่ฆ่าเพื่อเอาตัวรอด ฆ่าเพื่อความอยู่รอดของครอบครัวและเพื่อนพ้อง บอกไม่ถูกว่าแบบไหนดีกว่ากันระหว่างการฆ่าแบบมาเฟียและการฆ่าแบบสัตว์ป่าเพราะสำหรับเขาแล้วจุดลงเอยสุดท้ายก็เหมือนกัน เก่งกว่าก็รอด อ่อนแอกว่าก็ตาย
เหมือนอย่างที่ริมแม่น้ำคีอานูฟที่ตอนนี้ฝั่งด้านหนึ่งเต็มไปด้วยเศษชิ้นเนื้อจากศพ เสียงร้องโอดครวญจากพวกที่ยังมีลมหายใจและเลือดแดงฉานที่ยังไหลรินลงแม่น้ำ พวกปีศาจหมาเป็นฝ่ายชนะแต่ก็บอบช้ำไม่น้อย พวกที่ยังพอยืนไหวก็ออกแรงงับแล้วลากเพื่อนพ้องที่บาดเจ็บหนักเข้าป่าตรงกลับกลุ่ม บางตัวที่เจ็บไม่มากก็พยายามคืนร่างเป็นมนุษย์แล้วขี่หลังเพื่อนไป พวกสาวๆเองก็ถูกลากเข้าฝั่งด้วยหมาอาสาสมัครที่ว่ายท่าลูกหมาตกน้ำไปลากขึ้นมา
“เละได้ถึงที่สุดจริงๆนะ”ดวงตาสีเทากวาดมองริมแม่น้ำก่อนเท้าในรองเท้าสานจะก้าวพรวดไปตรงกองซากมนุษย์ข้ามชิ้นส่วนช่วงเอวที่ถูกขย้ำจนขาด มองเห็นลำไส้สีขาวๆกองเกะกะรวมอยู่กับแอ่งเลือด
“ฟันคมดีจริงๆแหะ”ริมฝีปากสีส้มสดยกยิ้มก่อนจะล่วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงลงทุนค้นตัวเพราะอาจเจอสิ่งที่มีประโยชน์
กรร!!
เสียงขู่คำรามดังขึ้นข้างตัว คาเซอริโอทำเพียงปลายตามองก่อนจะหยิบเอากิ่งไม้เปื้อนเลือดแถวนั้นขึ้นมาเขี่ยไส้ยาวๆนั้นให้พ้นทางแล้วฉวยเอาด้ามปืนสีดำขึ้นมา
“ฉันขอแล้วกัน พวกแกคงไม่ได้ใช้ประโยชน์เท่าไหร่”ปากว่าไปมือก็เช็คสภาพปืนในมือที่อาบด้วยเลือดไปพลาง
“เจ้าเป็นมนุษย์แบบที่ข้าไม่เคยเจอมาก่อน”เสียงพูดจากด้านหลังเรียกให้ดวงตาสีเทาหันไปมองก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง
“แก..”คนตรงหน้าเขาคือผู้ชายหุ่นดีที่มีเพียงแผ่นหนังปิดของสงวนเอาไว้ เส้นผมสีดำยาวๆนั้นคงเงาสลวยดูดีถ้าไม่มีคราบเลือดเกาะกรัง ดวงตาสีแดงแบบนั้นเจ้าหัวหน้าสินะ
“มีอะไร”คาเซอริโอถามเรียบๆก้าวข้ามส่วนของแขนที่ขาดรุ่งริ่งตั้งแต่ส่วนของไหล่ย่อตัวลงค้นตัวเจ้าคนที่นอนร้องโอดโอย จับมือที่คว้าจับข้อเท้าด้วยแรงแค้นดึงออกจนได้ยินเสียงดังกึกและเสียงร้องโอดโอยที่สนั่นกว่าเดิมแต่ไม่มีมือมาคว้าจับให้รำคาญอีก
“ข้าอยากคุยกับเจ้า”ดวงตาสีเทาเหลือบมองคนพูดก่อนจะเหลือบมองหมาสีน้ำตาลขาวเจ้าของเสียงขู่ที่ตอนนี้ถอยออกไปรวมกลุ่มกับพวกที่กำลังจะเดินทางกลับ
“อืม”
“เดินไปคุยไปแล้วกัน เดี๋ยวจะยุ่งถ้าพวกนั้นมา”คาเซอริโอถอนหายใจออกมาเมื่อเดินรื้อค้นจนครบก่อนจะเดินลงไปล้างมือที่แม่น้ำแล้วตามเจ้าคนที่ยืนรออยู่ไปช้าๆ ใจจริงเขาก็อยากรีบกลับหรอกนะแต่เหมือนสถานการณ์จะไม่เอื้ออำนวยซะแล้ว
“เจ้าคงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาสินะ”ดวงตาสีเทาทำเพียงเหลือบมองคนพูดที่เปิดประเด็นได้ชวนหัวเราะเป็นที่สุด
“ฉันก็แค่คนธรรมดามีสองมือสองขาเหมือนพวกแกในร่างมนุษย์นั้นหละ”
“ไม่มีมนุษย์เดินดินทั่วไปทำแบบเจ้าได้ ข้าว่าเจ้ารู้ดีว่าข้าหมายถึงอะไร”ดวงตาสีแดงนั้นมองสบเขาก่อนจะยกเศษผ้าจากไหนไม่รู้ขึ้นมาซับเลือดที่หัว คงจะเป็นแผลจากการต่อสู้นั้นแหละ
“หึ”คาเซอริโอทำเพียงเปล่งเสียงในลำคอ เดินไปเรื่อยๆรอดูว่าเจ้าหมาตรงหน้าจะพูดอะไร
“ในฐานะหัวหน้ากลุ่มข้าอยากถามว่าเจ้ายังยืนยันคำเดิมเมื่อเราพบกันครั้งแรกหรือไม่”ขายาวๆหยุดชะงักก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาช้าๆแล้วก้าวต่อไป
“ฉันยังยืนยันคำเดิม ฉันต้องการออกไป”คนฟังยกยิ้มที่มุมปาก ดวงตาสีแดงคู่นั้นยังคงมองตรงไปข้างหน้า
“เช่นนั้นก็คงดีไม่น้อย หากเจ้าได้จากไปดีๆ”คิ้วสีทองขมวดลงเล็กน้อย จากไปดีๆงั้นเหรอ
“แล้วคิดว่ายังไงหละ จะยอมปล่อยฉันไปดีๆหรือจะหาเรื่องกันสักยกก่อนดี”
“หากข้าอยากรั้งเจ้าไว้ เจ้าคงไม่อยู่สินะ”คนฟังชะงัก มองสบแผ่นหลังของคนพูดที่ตอนนี้หยุดเดินและหันมายิ้มให้เขาด้วยแววตาที่มั่นคงคู่นั้น
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่แกต้องรั้งฉันไว้”คาเซอริโอออกเดินอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าป่ารอบๆเริ่มมีเสียงดังสวบสาบ สงสัยพวกกินซากจะเริ่มเคลื่อนไปที่ริมน้ำแล้วแน่ๆ
“หึ ตัวข้านั้นมีเหตุผลของข้าเอง แต่ก็คงจะไม่มีใครในกลุ่มที่สามารถรั้งเจ้าเอาได้สินะ ชายผู้มุ่งมั่น”คนฟังหมุนคิ้วด้วยความหงุดหงิดเมื่อคนพูดชักเริ่มจะตีรวนทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาดื้อๆ
“ฉันยังยืนยันคำเดิม”
“นั้นสินะ ถ้าเช่นนั้นช่วยจากไปเพียงแค่เจ้าได้หรือไม่”คาเซอริโอทำเสียงในลำคอด้วยความหงุดหงิดเมื่อคำพูดมันชักจะลากเรื่อยโยกไปโยกมาแบบที่คนถนัดฝ่ายบู๊แบบเขาเริ่มไม่ชอบ
“ฉันก็ไม่ไม่คิดจะเอาอะไรติดไปอยู่แล้ว เรื่องของพวกแกก็เป็นเรื่องของพวกแกไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“เช่นนั้นข้าสมควรดีใจที่เรื่องของพวกข้ายังคงเป็นความลับ”คาเซอริโอเริ่มคลายหัวคิ้วได้บ้างเมื่อเรื่องที่คุยดูจะเป็นอะไรที่เข้าท่าสมกับที่หัวหน้ากลุ่มสมควรพูด คงกลัวว่าเขาจะเอาความลับของกลุ่มไปเปิดเผยสินะ จากที่คุยกันในครั้งแรกก็พอรู้แล้วว่าเจ้าพวกบ้านั้นไม่อยากเก็บเขาเอาไว้แต่ก็ต้องยั้งมือเอาไว้ก่อนเพราะมีเรื่องยุ่งๆในกลุ่มกับเรื่องที่เขาช่วยชินอูเอาไว้จึงได้แต่จับตาอยู่ห่างๆ พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาคงทำให้เจ้าพวกนั้นต้องคิดกันใหม่เพราะจะจัดการเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาคงไม่ยอมเป็นหมูในอวยให้พวกมันจัดการง่ายๆหรอก
“ความลับของพวกแกไม่มีค่าอะไรกับฉัน ฉันไม่นิยมชมชอบล่าหมาอย่างพวกมัน ล่าหัวคนซะยังจะสนุกกว่า”
“ได้ยินแบบนั้นข้าก็ดีใจ พูดถึงเรื่องล่าคน ข้าควรขอบใจเจ้าเรื่องแผนที่แต่ดูเหมือนเราจะประมาทไปไม่น้อย”
“ก็คงจะแบบนั้น ไม่งั้นพวกมันคงไม่ยกโขยงเข้าไปถึงกลุ่มแกได้หรอก”คาเซอริโอพูดเรื่อยๆ
“กากบาทบนแผนที่นั้นพวกแกคงไปตรวจสอบมาแล้วสินะ”
“เราตรวจสอบกันเป็นประจำนั้นแหละ”ลมหายใจของคนฟังสะดุดไปชั่วครู่ก่อนจะปรับให้เป็นปกติสีหน้ายังคงเรียบเรื่อยแต่สมองกับแล่นฉิว ตรวจสอบกันเป็นประจำหมายความว่ากากบาทพวกนั้นไม่ใช่จุดนัดพบของหนอนแต่เป็นจุดลาดตระเวนของพวกหมา คิดมาถึงตรงนี้ก็ทำให้นึกกรุ่นโกรธในใจ ข้างหนึ่งคือโกรธเจ้าหมาในถ้ำที่ไม่ยอมพูดอะไรให้กระจ่างแต่จะไปว่ามันก็ไม่ได้เพราะว่ามันเป็นเรื่องภายในเขาเป็นคนนอก อีกส่วนที่โกรธคือโกรธตัวเขาเองที่หลงกลไปกับแผนที่ นั้นสินะใครมันจะเขียนจุดนัดพบพวกนั้นไว้โต่งๆกันหละแต่คิดอีกแง่หากพวกมันรู้จุดลาดตระเวนพวกนั้นก็หมายความว่าเจ้าหนอนคนนั้นได้ข้อมูลมาจากพวกหมาที่ไปลาดตระเวนหรือไม่ก็หนอนมีมากกว่า 1 ตัว
“รู้แบบนั้นแล้วทำไมพวกแกถึงยังออกไป”
“พวกนั้นรู้จุดลาดตระเวนก็เท่ากับรู้จุดที่หละหลวมนั้นแหละ”พูดแบบนี้ก็แสดงว่าเจ้าหัวหน้ามันก็ฉลาดไม่เบา มันออกไปลาดตระเวนทั้งในจุดที่เคยลาดตระเวนและในจุดบอดที่พวกนั้นสามารถหลบเลี่ยงเข้ามาได้
“แต่ก็ไม่ดีพองั้นสินะ”คาเซอริโอเปรย แม้เจ้าหัวหน้าจะสามารถลาดตระเวนได้ถูกจุดแต่ก็ช้าเกินไปไม่ทันการณ์ พื้นที่มันกว้างเกินไปและอีกฝ่ายรู้ความเคลื่อนไหวเร็วเกินไป แน่หละมันไม่ใช่แผนที่ดีที่สุดแต่ก็เป็นแผนป้องกันที่ดีแผนหนึ่ง หากหาพวกมันเจอก่อนย่อมเป็นผลดี แต่ข้อเสียของมันก็คือฝ่ายศัตรูเปลี่ยนแผนทันทีเช่นกันเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลง นั้นเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่าในกลุ่มพวกนี้มีหนอน
“ในกลุ่มคงมีคนทรยศจริงดังที่เจ้าพูด”คาเซอริโอขมวดคิ้วฉับเมื่อรู้สึกว่าเจ้าหมาในถ้ำมันจะเปิดปากเล่าเรื่องที่เขาคุยกับมันให้หัวหน้ามันรู้เกือบหมดไม่สิอาจจะบอกไปหมดเลยด้วยซ้ำ
“หึ แล้วรู้ตัวรึยังหละ”คาเซอริโอถามหยั่งเชิงแต่คนถูกถามก็ทำเพียงเงียบและก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆเท่านั้น แปลไม่ได้ว่ารู้หรือไม่รู้ แต่สำหรับเขาแล้วการที่พวกมันไม่รู้จะเป็นเรื่องที่ดีกว่า
“ข้าคงต้องคอยจับตาเจ้าอย่างใกล้ชิดเสียแล้วสิ”คำพูดที่วกกลับมาเหมือนเงื่อนที่รัดตัวทำให้คนฟังอดทำหน้าเบื่อไม่ได้ นั้นหมายความว่าเขากำลังจะโดนจับตามองเพิ่มขึ้นเพราะดันรู้อะไรมากไปนั้นเอง
“คงต้องขอให้เจ้าย้ายไปอยู่กับซาเวียร์”
“ห๊ะ”คาเซอริโอแทบยกมือขึ้นกุมขมับแค่อยู่กับมันวันเดียวก็แทบจะเส้นเลือดในสมองแตกและมือก็ร่ำๆจะยกปืนขึ้นยิงเปรี้ยงปร้างแทบจะทุกๆ 5 นาที
“ข้าเองก็อยากให้เจ้ามาอยู่กับข้าหรอกนะแต่ซาเวียร์คงไม่ยอม ข้ายังไม่อยากมีเรื่องกับมือดีคนนี้ซะด้วยสิ”คาเซอริโอหมุนคิ้ว ให้เขาไปอยู่กับเจ้าหัวหน้าเนี่ยนะหึ แต่ให้ไปอยู่กับเจ้าหมานั้นมันก็เข้าทางพอดี เสี่ยงหน่อยแต่คุ้มค่าพอสมควรถ้าเขาไม่บ้าจนเป่าสมองมันไปซะก่อน
“ฉันจะไปอยู่กับเจ้าหมานั้นแต่จะดีมากหากช่วยบอกมันให้อยู่นิ่งๆซะบ้างก่อนที่ฉันจะยิงมันทิ้ง”
“ข้าเชื่อว่าซาเวียร์คงทนกับเจ้าได้ แต่หากเจ้าเปลี่ยนใจจะมาอยู่กับข้าก็ได้นะ”
“แก..”คาเซอริโอคำรามในลำคอ ทนกับเขางั้นเหรอเขามากกว่าหละมั้งที่ต้องทนกับนิสัยหมาๆของมันนะ
“ทีเบอริส”เสียงเรียกดังมาจากพุ่มไม้ก่อนคนพูดจะโผล่หัวออกมา หน้ากวนๆยียวนแบบนี้มีตัวเดียวเจ้าวูฟเทอรีน
“หืม ข้ากำลังจะไปเดี๋ยวนี้หละ อ๋อคาโลข้าขอบอกเจ้าไว้อย่าง สำหรับชาวปีศาจอย่างพวกเราการเลือกคู่ครองไม่ได้จำเป็นจะต้องเลือกเพียงเพศตรงข้าม หากพึงใจที่จะชอบ ที่จะรัก ไม่ว่าใครชาวเราก็พร้อมที่จะมอบใจให้ หากเจ้าคิดจะไปแต่ตัวอย่างที่ปากพูดจริงโปรดระวังตัวไว้บ้างเพราะเสน่ห์ของเจ้าถูกใจใครมากมายกว่าที่เจ้าคิด”เจ้าหมาตาแดงนั้นยกยิ้มก่อนจะเดินจากไปโดยมีเจ้าวูฟเทอรีนที่มองเหมือนเขาไปยิงญาติมันตายเดินตามไป
“ให้มันได้อย่างนี้สิไอ้หมาปากบัดซบ”คาเซอริโอเตะหินแถวนั้นระบายความหงุดหงิดเมื่อพบว่าความหมายของคำว่าไปแค่ตัวของมันนอกจากเรื่องความลับบ้าบอคอแตกแล้วยังหมายรวมถึงเรื่องงี่เง่าพวกนี้ด้วย เหอะ เสน่ห์เหรอเสน่ห์ของลูกปืนกับลำแข้งเขาก็ไม่คิดว่าจะมีเจ้าหน้าโง่ตัวไหนมันมาตกหลุม คิดไปถึงตรงนี้ก็เหมือนหน้าเจ้าหมาบ้านั้นจะลอยขึ้นมา นรกเอ่ย งี่เง่าดีแท้
เขาทำได้เพียงยกนิ้วขึ้นเสยผมตัวเองด้วยความหงุดหงิดก่อนจะผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติแล้วบ่ายหน้าเข้ากลุ่มไปทำตามสิ่งที่ตั้งใจไว้แต่แรก
=============================
บ้านพักของหมอฮิโตะตอนนี้เหมือนสถานพยาบาลขนาดย่อมที่เต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บจากสงครามที่ผ่านมา เสียงร้องโอดโอยดังไปทั่วแต่ดูจากสภาพโดยรวมแล้วเหมือนจะเจ็บกันไม่มากเท่าไหร่ที่หนักๆก็มีบ้างแต่เทียบแล้วก็น้อยนับว่าอึดกันไม่เลวทีเดียว
ดวงตาสีเทากวาดมองไปรอบๆก่อนขายาวจะก้าวเข้าไปในกระโจมสีขาวที่สร้างขึ้นมาลวกๆ พวกสาวๆที่ถูกลักพาตัวไปมารวมตัวกันอยู่ในกระโจมถูกจัดให้นอนบนพื้นโดยมีผ้าสีน้ำตาลตุ่นๆปูรองไว้
“เป็นยังไงบ้าง”ขายาวๆทรุดลงนั่งข้างหญิงสาวก่อนจะถือโอกาสมองสำรวจใบหน้าหน้าเกลี้ยงเกลาที่บัดนี้เปรอะด้วยคราบฝุ่นและดูอิดโรย
“ข้าไม่เป็นแล้วคะ”
“ขอโทษนะ”ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยที่ข้างขมับตรงจุดที่ถูกปืนจี้มีคราบเขม่าและรอยไหม้ขึ้นชัด
“อ๊ะข้าไม่เป็นไรจริงๆคะ ขอบคุณท่านมากนะคะที่ช่วยข้าไม่งั้นข้าคง”หญิงสาวปฏิเสธเร็วๆพร้อมหน้าที่เหมือนจะซับสีเลือดขึ้นมาบ้าง
“หึ เพราะฉันต่างหากเธอถึงเจ็บตัวชินริ”วินาทีที่เจ้านั้นเอาปืนจี้หัวชินริไว้เขาเองก็ตกใจไม่น้อยหากเป็นคนอื่นเขาคงไม่ไยดีแต่นี้เป็นเธอที่คอยช่วยเขาเอาไว้ เขาไม่มีทางจะใจดำทิ้งได้ลงคอ แม้จะตอบว่าไม่สนใจที่ชินริถูกจับแต่นั้นมันก็แค่คำโกหกเพราะหากมันรู้ว่าเธอมีความสำคัญกับเขาแผนต่างๆคงไม่สำเร็จ แผนที่เขาเอาเธอเข้ามาเสี่ยง
เขาจงใจยั่วให้มันโมโหให้มันโกรธและวินาทีที่มันเบี่ยงปืนจากหัวชินริมาเป็นหัวเขาก็เป็นวินาทีที่เขายิงเจาะกะโหลกมัน มันเป็นแผนที่เสี่ยงและเขาก็ไม่คิดจะบอกเพราะบางที่หากชินริรู้ว่าเขาเอาไปล่อลูกปืนมีหวังเขาอาจโดนตบสักฉาดหรืออาจมากกว่านั้นเพราะหากมันไม่โกรธแล้วหันปืนมาทางเขาแต่ยิงชินริแทนเธอนั้นแหละที่จะตายเพราะแผนบ้าๆของเขา
“เจ็บตัวเล็กน้อย แต่เทียบกับที่ท่านคาโลช่วยทุกคนไว้ข้าก็คิดว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยงคะ”หญิงสาวยิ้มกว้าง รอยยิ้มกว้างที่ทำให้โลกสดใสเหมือนวันแรกที่เราเจอกันและเหมือนตอนที่ทำให้เขาคิดแผนสุดระห้ำนี้ขึ้นมา แต่ความคิดที่ว่าเขาคือผู้ช่วยชีวิตทุกคนไว้มันออกจะดูยกย่องเกินไปหน่อย เขาแค่คิดจะช่วยเจ้าหล่อนไม่ได้คิดจะช่วยคนอื่น ที่ทำมันก็แค่สถานการณ์พาไปกับผลพลอยได้ทั้งนั้น
“ยังมึนหัวอยู่ไหม”
“เหลือนิดหน่อยคะ แต่ยาของท่านริวจิช่วยได้มากทีเดียว”
“งั้นเหรอ แล้วยังต้องกินยาอีกรึเปล่า”
“กินคะช่วงนี้คงต้องกินยาเรื่อยๆนี้ก็ได้เวลากินยาแล้วแต่เหมือนท่านริวจิจะกำลังยุ่งๆ”
“งั้นเหรอ รออยู่นี้นะเดียวฉันไปเอายามาให้”คาเซอริโอลุกขึ้นก่อนจะบ่ายหน้าออกจากกระโจมสาวเท้าเข้าหาแผ่นหลังที่ก้มๆเงยๆอยู่กับกองไฟและกลุ่มสมุนไพรขนาดย่อม มือคว้าหมับเข้าที่แขนซึ่งพันผ้าที่ขาวไว้แล้วออกแรงบีบ
“โอ๊ยท่าน ข้าเจ็บนะ”ใบหน้าเรียวเล็กหันมามองก่อนดวงตาสีดำคู่นั้นจะเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
“โทษทีฉันไม่นึกว่าจะได้แผลกับเขาด้วย ไปทำอะไรมาหละ”คาเซอริโอปล่อยมือออกจากแขนนั้นก่อนจะถามเรียบๆ
“ข้าหกล้มนะขอรับ ท่านต้องการอะไรรึเปล่าขอรับ”
“อ๋อ พอดีมาเอายาให้ชินรินะ”
“อ๊ะ รอสักครู่นะครับ”คนตัวเล็กหันกลับไปที่หม้อยาอีกครั้งเปิดโอกาสให้นิ่งคิด หกล้มงั้นเหรอเป็นคำโกหกที่ไม่น่าฟังเอาซะเลยนะ
“ได้แล้วขอรับ”
“ขอบใจ”คาเซอริโอรับถ้วยสีน้ำตาลไหม้ในมือมาถือไว้กลิ่นเหม็นของน้ำยาในถ้วยทำให้คนฟังหน้าเบ้นึกดีใจที่เขาไม่ได้เป็นคนกินยานี้เอง
“เฮ้ย ชินอู”เจ้าของชื่อหยุดชะงักขาที่กำลังก้าวเข้าไปในกระโจมเมื่อโดนเรียก ดวงตาสีน้ำตาคู่คมหันมามองคนเรียกก่อนจะตีหน้ามุ่ยแบบที่ชอบทำเป็นประจำเมื่อเจอหน้าเขา เจ้าเด็กโข่งที่เขาแทบไม่เจอหน้าอายุก็ไม่เท่าไหร่แต่ทำเก่งออกไปทำงานกับพวกรุ่นๆเป็นประจำ
“นี้ยาพี่สาวแกเอาไปให้ทีฉันจะไปดูเจ้าหมาซาเวียร์สักหน่อย รู้ไหมว่ามันอยู่ไหน”
“ท่านชาเวียร์อยู่ในบ้านหมอฮิโตะ กำลังจะผ่าตัดแต่คราวหลังจะเรียกชื่อใคร..”
“เฮ้ยๆ เอาน่าบ่นเป็นคนแก่ไปได้เจ้าเด็กนี้”มือขาวขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาสั้นจนยุ่งแล้วเดินจากไป ไม่สนใจเสียงบ่นโวยวายของหมาเด็กที่สูงไม่ถึงคอเขา ผ่าตัดเลยงั้นเหรออาการมันหนักขนาดนั้นเชียว
ขายาวๆก้าวฉับไปที่บ้านหมอฮิโตะเหลือบมองบานประตูที่วางเอียงพิงพนังอยู่ในสภาพเดิมกับที่เขามาก่อนหน้านี้ สงสัยจะพังเพราะแรงถีบของเขาหละมั้ง ช่างมันก่อนแล้วกันเดี๋ยวค่อยหาเวลามาดูให้
“เป็นไงบ้างหมอ”ใบหน้าของหมอหน้าขาวหันมามองคนเรียกด้วยใบหน้าที่พราวด้วยเหงื่อ เสื้อคลุมสีขาวๆที่เหมือนเสื้อกราวหมอถูกถอดออกวางไว้ด้านข้างเพื่อความคล่องตัว
“คาโล”เสียงเรียกคุ้นหูดังแทรกคำตอบของหมอหน้าขาว ดวงตาสีเทาตวัดมองเจ้าของเสียงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงโดยมีผ้าคลุมปิดช่วงล่างไว้หมิ่นเหม่และบาดแผลประปรายตามแผ่นอกและแผ่นหลัง ที่หนักสุดคงจะเป็นแผลที่ต้นขาซ้ายซึ่งมีเลือดไหลซึมออกมาคงเป็นแผลเดียวกับที่เขาเห็นมันถูกยิง ส่วนอีกทีคือแผลที่ไหล่ด้านขวายังคงมีเลือดซึมออกมาแต่น้อยกว่า
“ว่าไงหมอ”
“อ๊ะครับ แผลอื่นๆไม่เท่าไหร่แค่แผลถากๆแต่แผลที่ต้นขาซ้ายถูกยิงทะลุครับ ถ้าห้ามเลือดได้ไม่น่าจะมีปัญหาแต่แผลที่ไหล่ด้านขวากระสุนฝังครับคงต้องผ่าออก”หมอหน้าขาวหันมาตอบเร็วๆก่อนจะหันไปสาละวนกับโต๊ะตัวเตี้ยที่เต็มไปด้วยมีดและผ้าพันแผลโดยมีเจ้าคน(หมา)ตัวยักษ์อย่างเจ้าเยอร์เซ็พ ยืนเฝ้าอยู่ใกล้ๆเหมือนหมาเฝ้าเจ้าของ
“ไง”
“เจ้าปลอดภัยใช่ไหม”เจ้าหมาถามเสียงจะติดกังวล
“เออ สบายดี”คาเซอริโอตอบปัดๆหากเทียบกันแล้วมันเจ็บกว่าเขาเยอะ ตอนที่เห็นมันเอาตัวเข้าบังกระสุนให้เขา เขาคิดไม่ถึงว่ามันจะบ้าระห้ำได้ขนาดนั้น อดวูบในอกไม่ได้เมื่อเห็นร่างใหญ่นั้นล้มตรงหน้าแต่พอเห็นว่ามันยังหายใจดีอยู่เขาจึงได้ผละไปไม่ได้มาดูมันแต่แรก มันตอบได้ฉะฉานแบบนี้น่าจะไม่เป็นไรแล้วหละมั้ง
“ดีแล้ว ข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นอะไรไป”
“หึ ก่อนจะห่วงฉันห่วงตัวเองก่อนดีกว่าไหม เดี๋ยวจะโดนผ่าแล้วนี้โชคดีนะ”คาเซอริโอตบไหล่เจ้าหมาโข่งแรงๆก่อนจะหมุนตัวเตรียมออกจากห้องเพื่อหลีกทางให้หมอถ้าไม่ติดว่ามือร้อนๆเอื้อมมาคว้ามือเขาเอาไว้ก่อน
“อะไร”ดวงตาสีเทาเหลือบมองมือใหญ่ที่คว้ามือเขาเอาไว้ด้วยแขนข้างที่ไม่เจ็บเรื่อยยาวไปจนเจอเข้ากลับดวงตาสีน้ำตาใสที่ตอนนี้ทอประกายออดอ้อนเหมือนหมาอ้อนเจ้าของ
“อย่าเพิ่งไปได้ไหม”
“อยู่ทำไม อยู่ไปก็เกะกะหมอเปล่าๆ”
“อยู่เป็นกำลังใจให้ข้าไง”เหมือนคนฟังสำลักน้ำลายกะทันหัน มือที่ถูกจับไว้สะบัดออกราวกับถูกของร้อน ดวงตาสีเทาตวัดมองอีก 2 ชีวิตที่ยังทำหน้าที่ของตัวเองเงียบๆ
“เหอะแกประสาทกลับรึไง อยากได้กำลังใจก็ไม่ขอจากคนอื่นโว๊ยไม่ต้องมาขอกับฉัน”
“แต่ข้าอยากได้กำลังใจจากเจ้าคนเดียวนี่”
“แก”คนฟังถลาเข้าหาคนเจ็บคิดจะต่อยปากมอมๆนั้นสักหมัด
“อย่าครับคุณคาโลคุณซาเวียร์เจ็บอยู่นะครับ”หมอฮิโตะรีบถลาเข้ามาห้ามเมื่อคนหน้าขาวถลาจะวิ่งเข้าไปวางมวยกับคนเจ็บ
“อึ่ย ฝากไว้ก่อนเถอะแก”คาเซอริโอถอยออกมา 1 ก้าวยืนสูดหายใจเข้าออกลึกๆให้ใจเย็นลง
“ถ้าไม่เหลือบากกว่าแรงคุณคาโลช่วยอยู่ข้างในได้ไหมครับผมจะผ่าตัดเอากระสุนออก ที่นี่ไม่มียาชาเหมือนที่โลกเราคงต้องผ่าสด ถ้าได้คุณอยู่ด้วยคุณซาเวียร์คงดีไม่น้อย”ดวงตาสีเทามองสบคนพูดก่อนจะเรื่อยไปถึงเจ้าหมาที่ยังนั่งทำหน้าอ้อนๆอยู่บนเตียง
“เออ ก็ได้”คาเซอริโอถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดตัวเองที่เผลอใจอ่อน
“ขอบคุณมากนะครับเดี๋ยวผมจะรีบทำรีบเสร็จนะครับ”
“อืม”
“เข้ามาใกล้ๆได้ไหม”
“อะไรของแก”ดวงตาสีเทาดุตวัดมองคนพูดที่ได้คืบจะเอาศอก
“ข้าแค่อยากให้เจ้าอยู่ใกล้”
“โวย อยู่ตรงไหนมันก็เหมือนกันนั้นแหละ”
“เจ้านี้ใจร้ายเป็นบ้า ทั้งๆที่ข้าดูแลเจ้าเป็นอย่างดีตอนที่เจ้าบาดเจ็บทั้งคอยเช็ดตัว คอยป้อน..”
“พอๆแค่เข้าไปใกล้ก็พอใช่ไหม”คาเซอริโอรีบก้าวเท้าไปประชิดข้างเตียงทันควันก่อนที่ปากหมาๆนั้นจะปูดเรื่องที่ไม่ควรปูดออกมามากกว่านี้
“หึหึ เจ้านี้ใจดีจังนะ”
“เออ เฮ้ย”มาเฟียหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าหมาที่นั่งอยู่บนเตียงเอี้ยวตัวมากอดเอวเขาหมับ
“ปล่อยเว้ย”มือขาวๆพยายามงัดเอาหมามือกาวที่เกาะหนึบที่เอวออก
“อยู่อย่างนี้ก่อนไม่ได้เหรอ อย่างน้อยข้าจะได้เจ็บน้อยลง เห็นแก่ที่ข้าคอยช่วยดูแลเจ้า”ใบหน้าคมเงยขึ้นจากช่วงเอวมองสบดวงตาสีเทาที่แทบจะมีไฟลุกพรึ่บด้วยแววตาออดอ้อน
“แบบนี้ได้ไหมหมอ”ไม่ทันที่เขาจะได้ตอบรับเจ้าหมานั้นก็หันไปถามหมอเสร็จสรรพแถมยังเนียนกอดเขาไม่ปล่อย
“อะ เอ่อก็ได้ครับ”หมอหน้าขาวที่ตอนนี้หน้าแดงระเรื่อพยักหน้าหงึกๆพยายามหลบตาของทั้งคู่
“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”คาเซิอริโอบอกเสียงเบาตาจ้องกลุ่มผมสีน้ำตาลที่ตอนนี้กำลังซุกอยู่กับช่วงท้อง เขาใจอ่อนอีกจนได้สินะ
“งั้นผมเริ่มนะครับ”เสียงหมอฮิโตะดังมาพร้อมกับตัวที่ขยับเข้ามาด้านหลังในมือคือมีดที่ดูเหมือนมีดผ่าตัด อ้อมแขนที่เอวรัดแน่นรู้สึกได้ถึงแรงจับที่เสื้อด้านหลัง
“อึ่ก”เสียงร้องดังออกมาจากลำคอเมื่อมีดกรีดลงที่แผลเพื่อเปิดปากแผลให้กว้างขึ้น
“ทนเจ็บหน่อยนะครับ”เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นที่หน้าหมอเมื่อมีดกดลึกลงพร้อมกับเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาตามรอยกรีดโดยมีผู้ช่วยหมออย่างเยอร์เซ็พที่คอยยื่นเปลี่ยนผ้าซับเลือดให้
“ผมจะเอากระสุนออกแล้วนะครับ”
“หือ”เสียงครางหนักๆในลำคอดังขึ้นพร้อมแรงรัดที่แน่นจนเขารู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่ปริปากบ่นอะไรออกไปทำเพียงยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบผมสีน้ำตาลเบาๆเหมือนปลอมประโลมเมื่อมีดปลายแหลมคว้านลงไปในแผลเพื่องัดเอากระสุนออกท่ามกลางเลือดสีสดที่ไหลออกมาเป็นระยะ
“อีกนิดเดียวครับ”เสียงดังกริกเบาๆเมื่อปลายมีดกระทบกับกระสุนก่อนหมอหนุ่มจะออกแรงงัดให้กระสุนหลุดออกมาด้านนอก
“เรียบร้อยแล้วครับ”ใบหน้าขาวยิ้มกว้างรีบวางกระสุนปืนเลือดลงแล้วหันไปคว้าผ้ามาห้ามเลือด ไม่มีเสียงตอบรับจากคนเจ็บที่คงสลบไปตั้งแต่เริ่มคว้านกระสุนออกแต่ถึงจะสลบไปแล้วมือสองข้างก็ยังเกาะเขาไม่ปล่อย เจ้าหมาโง่แกกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ
มาส่งตอนใหม่ตามกำหนด ในเวลาของวันใหม่ที่ตาคนเขียนใกล้จะปิดคะ
นี้ถือว่าเป็นตอนที่ชื่อตอนสั้นมากๆที่สุด หวานน่ารักสุดๆตอนหนึ่งของเรื่องคะ เริ่มมีกลิ่นอายหวานๆกันมาบ้างแล้วหลังจากที่บู๊กันสนั่นเลือดสาดไปกันหลายตอน หวังว่าสีชมพูจางๆในตอนนี้จะช่วยลบรอยเลือดในตอนก่อนๆหน้าได้บ้างนะคะ
ตอนหน้าความหวานลดลงเล็กน้อยแต่ความหื่นเพิ่มขึ้นหน่อยหนึ่ง ฮ่าๆ อยากรู้ว่าจะเป็นแบบไหนติดตามกันได้ในตอนหน้าคะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านและคอมเม้นให้กำลังใจนางมารคะ