คดีที่ 4
เรื่องลับ...ระดับชาติ (1)
บางครั้ง ถ้าเราไม่ได้ไปอยู่ ในจุดๆนั้น ที่เขายืนอยู่ เราอาจจะไม่เข้าใจ ว่าทำไม เขาถึงตัดสินใจ...เช่นนั้น
‘อัยการสั่งไม่ฟ้อง ผู้ต้องหาอาชญากรค้าอาวุธเถื่อน ระดับประเทศ...แม้จะจับได้คาสนามบิน ก็ตาม’
ทุกพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์เล่นประเด็นนี้อย่างหนัก รวมถึงสื่อทางโทรทัศน์ ตามช่องต่างๆด้วย
ท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า นั่งเงียบ ระหว่างผมกับเขาไม่มีใครมองหน้าใครมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ต่างนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
ทุกอย่าง มันพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ภายในชั่วข้ามคืนเดียว
.
.
.
หลายวันก่อนหน้านี้
“ทำงานกับสิ้นฟ้าเป็นยังไงบ้าง?”ผมนั่งตัวเกร็งขึ้นมานิดหน่อย เหงื่อผมเริ่มไหลย้อย ทั้งที่ในห้องนี้ ถูกเปิดแอร์ด้วยระดับความเย็นที่อุณหภูมิต่ำ แต่นั่น ไม่ได้ทำให้ใจผมเย็นลงเลย
“กะ ก็ดี...ครับ”ผมตอบกลับไป
“ก็ดี...ดียังไง?” ตอนนี้ความรู้สึกผมคือ เหมือนกับเป็นผู้ต้องหาที่กำลังถูกสอบปากคำอยู่เลยครับ แล้วไอ้คำถามที่ถามกลับมาว่า ดียังไง? ผมก็ไม่รู้จะสรรหาคำบรรยายมาบอกยังไงซะด้วยสิ...
“ท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า ก็ดูแลดี เอ่อ ดีมากๆครับ อนุญาตให้ผมติดตามไปทุกที่ บางครั้งก็พาไปทานอะไรอร่อยๆ ท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า รู้จักร้านอาหารที่ไปทานแล้วแบบลืมไม่ลงเยอะมากๆครับ”
คนฟังยกหัวคิ้วขึ้นนิดหน่อย เหมือนๆ เหมือนกันชะมัด ...
“ให้ติดตามไปทุกที่...งั้นเหรอ?”
“เอ่อ อันที่จริง ผมเป็นฝ่ายขอตามไปเองมากกว่า”
“ไม่เหนื่อยใช่ไหม?”เขาถาม พร้อมกับจ้องตาผม นัยน์ตาสีดำสนิทคมเฉี่ยวนั่น ดูดุ แต่ก็มีความอบอุ่น...ไม่ใช่สิ มันดูหลากหลาย แบบ...ต่อให้นั่งจ้องตาก็ดูไม่ออก ว่าเป็นคนยังไง
“ไม่ครับ” ผมตอบกลับออกไปอย่างมั่นใจ
“ดีแล้ว...ต่อแต่นี้ก็ฝากลูกชายฉันด้วย”พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ครับ...ท่านอัยการสูงสุด”ผมตอบรับอีกครั้ง
เราสองคนคุยกันต่ออีกไม่นาน ส่วนมากจะเป็นเรื่องเรียนของผม และท่านอัยการสูงสุดยังแนะแนวทางการศึกษาต่อให้ผมอีก ผม
กล่าวขอบคุณท่าน ก่อนที่จะออกจากห้องมา
ผมขอเรียกมันว่า ‘ห้องเย็น’ เย็นยะเยือกเลยทีเดียว T^T
เดินเอื่อยๆ กลับมายังห้องทำงานของผู้ช่วยอัยการ แต่ก็ต้องชะงักอยู่หน้าประตู เมื่อได้ยินเสียงคุยกันเล็ดลอดออกมา คนหนึ่งนำเสียงดูท่าทางหัวเสียนิดหน่อย ส่วนอีกคนหัวเราะ อย่างอารมณ์ดี ผมจำเสียงของทั้งสองคนได้ดี
คนที่มีน้ำเสียงแสดงอาการหัวเสีย คือท่านอัยการของผมเอง ส่วนอีกคน ที่หัวเราะ อย่างขบขัน คือน้ำเสียงของคนที่ช่วงนี้ ชอบมาที่นี่เป็นประจำ อย่างกับคนไม่มีการมีงานทำ
...ทนายเพชร...
คำถามคือ...ผมควรจะเข้าไปดีไหมนะ?
“อ้าว! น้องเต็มสิบ มายืนสูดกลิ่นประตู ห้องเพื่อนพี่ทำไมจ๊ะ?” พี่หมอ ที่มาจากส่วนไหนของโลกไม่รู้ ทักด้วยน้ำเสียงร่าเริง ผมไม่ได้สูดกลิ่นประตูซะหน่อย แค่เอาหน้าแนบประตูเท่านั้น เองเว้ย! เหอะ เหอะ
“นั่นสิ นั่นสิ” พี่สารวัตร ที่เดินมาด้วยกันทำหน้าสงสัย
ตึ้ง!
“แอ๊ก! เจ็บ!” อยู่ดีๆประตูห้องก็เปิดออกมา ทำให้ผมที่ยืนพิงประตูอยู่ ล้มก้นกระแทก พื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“เฮ้ย!”คนเปิดออกมาร้องด้วยน้ำเสียงแปลกใจนิดหน่อย “ได้ยินเสียงเอะอะข้างนอก แต่ก็ไม่นึกว่าจะมีใครยืนพิงประตูอยู่” ท่านอัยการว่า
ออ...เหรอ?
แล้วตอนล้มลงไป ท่านจะหลบทำไมครับ...รับผมสักนิดก็ไม่มี T^T
“แล้วพวกนายมาทำไม มีธุระอะไรกัน...”ท่านอัยการถาม
“อ้าว คุณเพื่อนครับ เพื่อนมาหาเพื่อน จำเป็นต้องมีธุระด้วยเหรอ?”พี่สารวัตรว่า
“นั่นสิ นั่นสิ” พี่หมอ เสริม...
“งั้นพี่กลับก่อนนะ”ทนายเพชร เดินออกมาจากห้อง บอกกับท่านอัยการ
“อ้าว พี่เพชร สวัสดีครับ”พี่หมอ และท่านสารวัตร สวัสดีพร้อมกัน
“สวัสดีหมวด สวัสดีน้องหมอ”
“ผมสารวัตรแล้วครับพี่”
“อ้าว งั้นเหรอ?”
“ไหนจะกลับ ก็รีบๆไปสิ”ท่านอัยการเอ่ยปากไล่
“ครับ”ทนายเพชรว่า “งั้นพี่กลับก่อนนะทุกคน” แล้วเจ้าตัวก็เดินออกไป
“พี่เพชร แกมาทำไมวะ”สารวัตรถาม
“มันก็โผล่ไปทั่วอะแหละ”ท่านอัยการก็ตอบออกไปแบบง่ายๆ
“วันนี้กูกับไอ้หมอ ว่าจะไปดูหนังเว้ย เรื่องนี้เข้าใหม่น่าดูชิบ สนม่ะ?” พี่สาวัตรว่า ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้ดูภาพตัวอย่างภาพยนตร์
“อ้อน มันหน่อยสิน้องเต็มสิบ”
เอ่อ...
“ไปนะครับ... ผมยังไม่เคยไปดูหนังกับท่าน กับพี่สารวัตร แล้วก็พี่หมอเลย”ท่านอัยการสิ้นฟ้า หันมามองหน้าผมนิดหน่อย ก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง
“งั้นขอเคลียร์งานที่เหลือก่อนแล้วกัน...มาช่วยกันเลย”
กว่าจะช่วยกันเคลียร์งานเสร็จก็เกือบทุ่ม แล้วครับ ก็เลยเลือกห้างที่ใกล้ๆ กับสำนักงานอัยการหน่อย แต่ผู้ชายเดินด้วยกันสี่คน ชวนกันไปดูหนัง นี่มันก็แปลกๆดีแหะ แถมแต่ละคนนี่บุคลิกก็แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด อย่างผมนี่แปลกสุดมาในชุดนักศึกษาถูกระเบียบ ส่วน อีกสามคนอยู่ในเสื้อเชิ้ทคนละสีตัวเดียวกับที่ใส่ทำงานกันในวันนี้ กับกางเกงยีนส์เข้ารูปที่แอบเปลี่ยนก่อนออกมานี่ เท่ สุดๆ ไม่แปลกใจเลยที่เดินผ่านใคร ใครก็มองอย่างห้ามไม่ได้
“ใครชวนไปต่อแถวซื้อตั๋วเลย ไปเลย!”พี่หมอพูดพร้อมกับดันหลังท่านสารวัตร
“จ้า...จ้า”ท่านสารวัตรรับคำ ก่อนที่เราจะเดินมานั่งรอที่ร้านไอติมใกล้ๆ เพราะเท่าที่ดูรอภาพยนตร์กว่าหนังจะฉายก็อีกตั้งครึ่งชั่วโมงก็เลย หาอะไรรองท้องกันก่อน
“เอ่อ ขอถ่ายรูป ด้วยได้ไหมคะ”มีเด็กสาววัยมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกผมที่โต๊ะ ก่อนจะขอท่านอัยการถ่ายรูป “คือพวกหนูตามข่าว เอ่อ...ของคุณจากหน้าหนังสือพิมพ์อะคะ...คุณเป็นอัยการใช่ไหมคะ”ท่านอัยการพยักหน้าน้อยๆ
“กรี๊ดดดดดด ใช่จริงด้วย ขอถ่ายรูปนะคะ”พวกเธอขอย้ำอีกรอบ ท่านอัยการจึงตอบตกลง
“เป็นไอดอลของเด็กไปแล้วนะครับท่าน”พี่หมอเอ่ย แซวๆ
“ก็ฉันหล่อ”
“ปิดประเด็นด้วยความหมั่นไส้!”
หลังจากนั้น พวกผมที่นั่งอยู่เฉยๆ ก็โดนขอถ่ายรูปด้วย รวมถึงท่านสารวัตร ที่เดินเข้ามาทีหลังก็ยังไม่รอด
“พวกหนูขอเอาไปลงเฟสนะคะ”สาวน้อยอีกนางหนึ่งเอ่ยขึ้น “เอ่อ พวกพี่ๆเล่นเฟสกันไหมคะ พวกหนูจะได้แท็กให้”
อุบ๊ะ...เด็กสมัยนี้ เนียนดีนะครับ
ท่านอัยการส่ายหน้า พี่หมอกับสารวัตรก็เหมือนกัน ช่างเหอะ พวกนี้ห่างไกลจากโลกโซเชี่ยล ผมเลยให้เฟสผมไป ซึ่งในเฟส มีแต่รูปหมาและแมว และภาพถ่ายอาร์ตๆ ตามประสา อยากเอาไปปู้ยี้ปูยำ ก็เอาไปเลย
“ขอบคุณนะคะ”
แล้วสาวๆกลุ่มนั้น ก็ขอตัวออกไป
ก็น่ารักดีครับ เด็กสมัยนี้
.
.
.
“อะไรกันเนี่ย?” ผมอุทานออกมาเบาๆ ท่านที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ เงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างสงสัย
“เอ่อ คือ แบบว่า...”ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง
“ครับ?”
“ท่านจำเด็กที่ผมให้เฟสไปเมื่อวานได้ไหมครับ” ทำหน้านึกนิดหน่อยก่อนจะส่ายหน้า ลืมง่ายจริง จูนสมองท่านด่วนครับ “คือจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ แต่ ผมพึ่งรู้ว่าเด็กคนนั้น เป็นเน็ทไอดอล และเธอเอารูปผมกับท่านไปลง แล้วแท็กมาหาผม เฟสผมที่มันไม่เคยมีอะไรตอนนี้ รู้สึกฮอท ขึ้นมาทันทีเลยครับ”พูดอธิบายให้ท่านอย่างเรียบๆ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้ดู ว่ามีคนมาขอเป็นเพื่อนผมเข้าหลักหลายพัน และมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมก็ปฏิเสธไปหมดนะ ถ้าไม่ใช่เพื่อนผมไม่รับหรอก มันเลยขึ้นว่าติดตามผมแทน
“อ่า~ ฉันนี่หล่อจริงๆ” นั่นใช่ประเด็นไหมละท่าน “แต่นายนี่หน้าตาเอ๋อชะมัด แนะนำปรับปรุงด่วน”
“คร๊าบ คร๊าบ”
‘รูปใครวะ?’ ไอ้ฟรังมันเม้นท์ถาม แท็กชื่อผม เพราะมีคนมาเม้นท์ใต้ภาพท่านอัยการเยอะมากกกกกกก เพราะเจ้าของเฟสที่แท็กมา เปิดเป็นสาธารณะ ส่วนมากก็ถามว่าเขาคือใคร
‘เจ้านายกูเอง...’ผมเม้นท์ตอบ ไม่ลืมแท็กชื่อมันด้วย
‘เชี่ย! หล่อโคตร กูเป็นผู้ชาย กูอายเลยวะ’ไอ้ฟรังมันเม้นท์กลับมาอีก
‘หล่อมากๆคะ หล่อทั้งคู่ พี่หมอ กับพี่สารวัตรก็หล่อ เดี๋ยวเอารูปลงให้ทีหลังนะคะ’เจ้าของเฟส แท็กชื่อผม แล้วก็ชื่อไอ้ฟรัง
‘ขอบคุณครับ’แท็กชื่อเจ้าของเฟสไป
อืม...ผมคิดอะไรได้อย่างหนึ่งละ
แช๊ะ!
เอามือถือแอบกดชัตเตอร์ตอนคนบางคนกำลังก้มหน้าก้มตา ทำงาน เรียบร้อย ก่อนจะอัพลงเฟสไป โพสหัวข้อภาพว่า
‘ตั้งใจมาก จนลืมทานข้าว...ไม่ดีนะครับ’
เท่านั้นละ ยอดไลค์กระหน่ำเข้ามาไม่มีหยุด
ฮึ...ฮึ ผมไม่น่าโพสเป็นสาธารณะเลย ว่างั้นไหมครับ?
“โรคจิต หรือไง ยิ้ม กับมือถือก็เป็น”ท่านว่า
.
.
.
“ก็ท่าน น่ารักนี่ครับ”^_^ พูดพร้อมกับยิ้มให้
“...”
“ขอบคุณพระเจ้าที่ให้โลกมีไอติม...”อัยการสิ้นฟ้า ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น พูดขึ้น ช้อนก็ตักไอติม ที่เจ้าตัวได้ซื้อจากเซเว่นหน้าคอนโด ขึ้นเข้าปาก “ร้อนชะมัด...” ร่างสูงบ่น เข้าเดือนธันวาคมแท้ๆ หน้าหนาว มันน่าจะอากาศดีกว่านี้บ้าง เจ้าเด็กนั่น ก็ติดสอบ ไม่มีใครมากวน เห็นหน้าดำคร่ำเครียด ทั้งๆที่ก็ติวให้แล้วไม่รู้จะเครียดอะไรนักหนา ไม่รู้ว่าไม่เชื่อฝีมือการติวของเขาหรือยังไง
ถ้าเขาได้เป็นใหญ่ เขาจะตั้งกระทรวง ไอติม
แล้วนี่ มาวกกลับเข้าเรื่องของกินได้ยังไง?
“น่าเบื่อชะมัด...”ว่าพรางหย่อนก้นลงบนเก้าอีกในสวนสาธารณะ ใกล้ๆคอนโด ที่เจ้าตัวเผลอเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงที่นี่ได้ยังไงก็ไม่รู้
แกร๊ก!
“อยู่นิ่งๆ แล้วตามฉันมาดีๆ...”เสียงเย็นๆกระซิบ เบาที่ข้างๆหูเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมกับความเย็นจากกระบอกปืนที่กดลงมายังหลังต้นคอ “ฉันมีบางอย่าง อยากให้แกช่วย”
“ฉันจะช่วยอะไรแกได้...”เขาตอบเบาๆกลับไป
“ฉันคิดว่าแกน่าจะช่วยได้...ตามมา!”ร่างใหญ่นั่น กระชากต้นแขน พร้อมกับพาเขาเดินไปยังรถเก๋งสีดำ สายพันธ์ญี่ปุ่นที่เห็นได้ทั่วไปตามท้องถนน แล้วยัดร่างของอัยการหนุ่ม เข้าไปยังตัวรถทันที
“หลับไปสักครู่นะครับ...ท่านอัยการ”
เสียงที่คุ้นเคยกระซิบ ก่อนที่สติของเขาจะลางเลือนไป
“อืม...ไม่รับโทรศัพท์”ผมบ่นกับตัวเอง เมื่อตอนนี้ ผมโทรไปหาเบอร์เดิมๆหลายสิบรอบ ทั้งที่ก็นัดกันไว้แล้วว่าผมจะมาหาที่คอนโด เพื่อจะทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่เมื่อมาถึงคอนโด ซึ่งผมเข้าไปข้างในไม่ได้ เลยต้องโทรเรียก แต่ปลายสายก็ไม่มีท่าทีที่จะรับเสียที
“อ่อ พี่สารวัตรเหรอครับ ท่านอัยการได้อยู่กับพี่ไหม?”ผมตัดสินใจโทรหาท่านสารวัตร
‘พี่อยู่กับไอ้หมอ นี่ วันหยุดของมันนิ นอนตายอยู่คอนโดมั้ง’
“ตอนนี้ผมก็อยู่ที่คอนโด ของเขาครับ นัดกันไว้ แต่โทรไปหาก็ไม่รับโทรศัพท์ผมเลย...”
‘หลับอยู่รึเปล่า?’
“ผมก็หวังให้เป็นอย่างนั้น...แต่ ผมสังหรณ์ใจไม่ดีเลยครับ”
‘เอาเป็นว่าใจเย็นๆนะน้องเต็มสิบ เดี๋ยวเอาโทรศัพท์ไปให้ยามคุยกับพี่ เขาน่าจะจำพี่ได้อยู่ เดี๋ยวให้ยามพาไปที่ห้องของไอ้ฟ้าให้’
“ครับ...ครับ”
หลังจากนั้นผมก็เดินเข้าไปหายาม ให้ยามคุยโทรศัพท์กับท่านสารวัตรคุยกันไดสักพักพี่ยามที่ท่าทางใจดี ก็พาผมไปขอกุญแจและคีย์การ์ดสำรอง ก่อนจะพาผมขึ้นมายังชั้นบนสุดของคอนโด
“ห้องนี้แหละครับ”
“ขอบคุณนะครับ”
.
.
.
ตื๊ด~~~...ตื๊ด~~~
เสียงโทรศัพท์ยังคงสั่น ผมกดวางสาย ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือ ที่วางทิ้งไว้บนหลังตู้เย็นนั่น บ่งบอกว่าเจ้าตัวต้องมาเปิดหาของกินในตู้เย็น ก่อนจะออกไปที่ไหนสักที่ ผมกดโทรศัพท์โทรหา พี่สารวัตร
“เจ้าของห้องไม่อยู่ เห็นแต่โทรศัพท์มือถือที่ลืมทิ้งไว้ครับพี่...”
‘มันไปไหนของมัน?’
“ไอติม ในตู้เย็น ไม่เหลือ แอร์และโทรทัศน์ในห้องเปิดทิ้งไว้ คงกะว่าตัวเองคงไปไหนไม่นาน อาจจะไปที่ไหนใกล้ๆ ผมคิดว่าเขาต้องลงไปซื้อของ อาจจะเป็นซื้อไอติมที่เซเว่น ข้างหน้าคอนโด”
‘เต็มสิบ...’
“แต่ถ้าเขาออกไปได้ไม่นาน...ผมก็ต้องเห็นเขาสิ”
‘เดี๋ยวพี่กับไอ้หมอ ไปหา’
“ครับ”
ไปไหน...ของเขากันนะ
.............................
ยังไม่ได้แก้ คำผิด หรือตรวจเช็คอีกรอบ
ถ้าเจอต้องขออัยด้วยนะคะ
หายไปนาน ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วคะ อาจจะไม่ได้ลงถี่ๆ
เพราะเดินสายติว ทั้งติวให้เขา และให้เขาติวให้เรา
เหนื่อยพอตัว เอาเป็นว่าจะพยายามอัพเรื่อยๆนะคะ
สิ้นฟ้า : ที่นี่ที่ไหน...ความหล่อของผมเป็นพิษสินะ ถึงต้องจับผมมา...
เต็มสิบ : เดี๋ยวสิท่าน ตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหน ส่งข่าวผมด่วน!คดีนี้ท่าจะยาว
มีคำถามที่ว่า เต็มสิบ ชอบท่านอัยการ แล้วใช่ไหม?
แล้วคิดว่ายังไงกันละคะ ตอบ!
ขอบคุณที่ติดตามคะ see u >>>