ตอนพิเศษ
13 กบฏ และดอกไอริส สีน้ำเงิน
“โอ๊ย!”ผมร้องขึ้นพรางสะดุ้งนิดหน่อย เมื่อเจ้าเด็กเต็มสิบ จับหมับเข้าที่แผลของผม ซึ่งยังไม่หายดี จากการถูกยิงพร้อมถ่วงน้ำคราวนั้น ช่วงนี้เหมือนดวงจะตก หรือเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เจ้ากรรมนายเวรถามหา โชคชะตาเล่นตลก ตกที่นั่งลำบาก ดวงถึงฆาต เออ พอเหอะ เอาเป็นว่า ซวย
“ยังไม่หายเจ็บอีกเหรอครับ?”ถามพร้อมกับส่งสายตาเหมือนลูกหมาน้อยมาให้ ผมชอบตาของเต็มสิบนะ กลมๆโตๆน่ารักดี แล้วเป็นแววตาที่แสดงความสงสัย อยากจะรู้อยู่ตลอดเวลา เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะบอกทุกอย่าง
“ฉันอยากจะบอกว่า มันพึ่งผ่านไปสองวันเอง มันจะหายเจ็บไหมละ?”ผมถามขึ้น เต็มสิบยู่หน้านิดหน่อย
“ยังไม่ทันหายวันนี้ก็จับปืนยิงคนซะละ”
“...”ผมนิ่งเงียบไป ต้องยอมรับเลยว่า มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมฆ่าคน การเหนี่ยวไกปืนทุกครั้งของผม มันมักจะแลกมาด้วยกับหนึ่งชีวิต
แต่ก่อน ผมท่องจำไว้เสมอว่า ถ้าเราไม่ฆ่าเขา เขาก็ฆ่าเรา จนถึงวันนี้ผมก็ยังยึดคตินั้น ทั้งๆที่เรื่องหลายๆอย่างอาจจะหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้
อย่างเช่นวันนี้ แค่ผมเห็นมันเอามีดจ่อคอเต็มสิบ มือของผมมันก็ไปโดยอัตโนมัติ
ทั้งๆที่อาจจะเลือกยิงที่อื่นก็ได้
ผมอาจจะอ้างว่าเพราะช่วยตัวประกัน ป้องกันตัว หรือเพราะคนที่ผมยิงเป็นผู้ร้าย แต่คนที่ฆ่าคน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็เป็นฆาตกรหรือคนที่ขึ้นชื่อว่าพรากชีวิตคนอื่นอยู่ดี เพียงแต่คนรอบข้างหรือแม้กระทั่งตัวเองจะรับได้แค่ไหนเท่านั้น กับเหตุผลสวยหรูที่ยกขึ้นมากล่าวอ้าง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าความจริงที่ได้ลงมือสังหารชีวิตคนอื่นลงไปมันจะไม่เคยเกิดขึ้น และไม่ใช่ความจริง
ผมยังยอมรับตัวเองเลยว่าเป็นฆาตกรโดยชอบธรรม
“เอ่อ ผมขอโทษครับ...ที่พูด...”ผมลูบหัวเต็มสิบเบาๆ เด็กนี่ ชอบรู้สึก ชอบคิดไปเอง ชะมัด
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร...”
“พี่ครับ...”ในระหว่างที่จะเดินไปเอารถ ที่หน้าสลัม ผมก็ถูกสะกิดจากเด็กน้อยหน้าตามอมแมม ก็คงจะเป็นเด็กแถวนี้ละ
“ว่าไง...”ผมถามขึ้น ส่วนเจ้าเต็มสิบก็ทำหน้าสงสัยไปตามประสา
“มีคนฝากนี่มาให้ครับ”เด็กนั่นว่า พร้อมกับยื่นดอกไม้ชนิดหนึ่ง สีน้ำเงินมาให้
“เอ๊ะ ดอกไอริสนี่”เต็มสิบโผล่งขึ้น ผมรับไว้ พร้อมกับลูบหัวเด็กน้อย แล้วกล่าวขอบใจ ก่อนเด็กนั่นจะวิ่งหนีหายไป
“รู้จักด้วยเหรอ”ผมหันมาถามเต็มสิบ เจ้าตัวทำท่าคิดนิดหน่อย ก่อนจะตอบ
“ผมเห็นมันมาจาก ที่ห้องๆหนึ่งในตึกของกรมการปกครองครับ แล้วทนายเพชรบอกว่า มันคือดอกไอริส และก็...สีน้ำเงิน...เหมือนดอกนี้เลย”เต็มสิบเอาแขนกอดอก มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าคาง พร้อมกับทำหน้าทำตาใช้ความคิด
“มันก็แค่ดอกไม้น่า หาซื้อตามร้านดอกไม้ที่ไหนก็ได้”
“แล้วทำไม มีคนฝากมาให้ท่าน?”
“เด็กช่างสงสัยเอ๊ย!”ผมว่าพรางพร้อมหยิกแก้ม ยุ้ยๆน่าหมั่นเขี้ยวนั่น “นี่ใคร ฉันอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า แฟนคลับฉันเยอะจะตาย ดอกไม้ฉันได้ประจำไม่ใช่เรื่องแปลก อาจมีสาวๆสวยๆในสลัมแอบปลื้มฉันก็ได้ ก็คนมัน Hot”
“โอ๊ย! เจ็บT^T ไม่สงสัยแล้วก็ได้ ว่าแต่...”ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แล้วอยู่ดีๆก็ยิ้มมุมปาก ทำหน้าเจ้าเล่ห์ “ท่านชอบสีน้ำเงินใช่ม๊า?”
“ก็ใช่”
“แต่ก็ไม่ยักรู้ว่าท่านชอบดอกไม้”
“อะไรที่เป็นสีน้ำเงิน ฉันชอบหมดละ”
“งั้นผมต้องไปหาสีมาทาตัวเป็นสีน้ำเงินแล้วละ”
“อยากเปลี่ยนตัวเองเป็นมนุษย์ต่างดาวที่อาศัยอยู่ที่ดาวแพนดอร่า ในเรื่องอวตารหรือไง?”
“ก็เท่ ดีนะ ท่าน”
ผมหัวเราะ ฮึ นิดหน่อย ก่อนจะมองไปทางอื่น
.
.
.
ดอกไอริสสีน้ำเงิน...ถ้าโดยความหมายของมัน ก็คือ มีบางอย่างที่อยากจะบอกให้ผู้รับได้รู้...
ผมเดินเอามาปักไว้ที่แจกัน เพราะด้วยในแจกัน มีดอกกุหลาบสีขาวจำนวนหนึ่งปักไว้อยู่ พอผมเอาดอกไอริสสีน้ำเงินปักลงไป สีของมันก็ดูโดดออกมา จะว่าสวยก็สวย จะดูตลกก็ตลกดี
“ชอบดอกไอริสเหรอ?”ร่างสูงของกาฝากประจำคอนโดผมเอ่ยถามขึ้น มือก็เช็ดหัวที่เปียก “คราวหน้าจะได้เปลี่ยนเอาดอกไอริสมาไว้ให้แทนกุหลาบ”
“เปล่า ไม่ได้ชอบหรอก”ผมว่าพรางพร้อมกับเดินไปดึงมือร่างสูงให้มานั่งที่ขอบเตียง ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเตียงแล้วคุกเข่าลงด้านหลังของผู้ชายที่ผมว่าผมสูงแล้วยังสูงกว่าผมอีก แล้วเอาผ้าเช็ดหัวให้
กาฝากประจำคอนโด คอนโดของตัวเองก็มี แต่ไม่ยอมกลับ
“นี่ฟ้า พี่ว่า มันดูตลกอะ ที่พี่เลือกดอกกุหลาบสีขาว กับแจกันสีขาวมาให้เพราะมันจะตัดกับผนังห้องสีน้ำเงินพอดี แต่นี่พอเอาดอกไม้สีน้ำเงินเข้าไปเสียบ มันแปลกๆอะ”กาฝากบังอาจกล้าวิจารณ์ดอกไม้ในแจกัน
“สวยดี...”
.
.
.
“ฟ้า...” อยู่ดีๆ ก็ทำเป็นเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน
“หืม...?”
“เมื่อไหร่จะยอมพี่สักทีอ่ะ”
ตึ้ง!
“โอ๊ย!”เสียงแรงกระแทกกับพื้น พร้อมด้วยร่างสูงใหญ่ของกาฝาก กระเด็นตกเตียง ด้วยแรงถีบของผมไป
“ยอม ยอมเรื่องอะไรกันครับ?”
“พี่ว่าฟ้าควรจะถามคำถามพี่ก่อนถีบพี่นะ”
“แล้วยอมเรื่องอะไรละ”
“ก็มีอยู่เรื่องเดียวนั่นแหละ”
“งั้นลงไปกองที่พื้นก็สมควรละ” ร่างหนา ของเพชรทำหน้าบึ้ง แบบที่ตัวเองคิดว่าเป็นเด็กสิบขวด ก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินสาวเท้าเข้ามาหาผม ผมนี่รีบยืนขึ้นแล้วถอยหลังทันทีเลย ไม่ได้กลัวนะ แต่พ่อสอนไว้ว่าอย่าใช้ความรุนแรง ยิ่งเป็นอัยการ มีตำแหน่ง ยิ่งต้องรักษาภาพพจน์ ให้ดูมุ้งมิ้ง น่ารัก น่าเชื่อถือ อ่อนน้อม ถ่อมตน เข้าไว้
พอเหอะ...ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่าตัวเอง ตอแหล
“จะถอยหนีพี่ทำไมละ”
“แล้วพี่เพชรจะเดินเข้ามาทำไมละ”
“ก็พี่จะนอนแล้ว”
“แน่นะ”
“ไม่เชื่อพี่แล้วจะเชื่อใคร”
“ผมยอมเชื่อคนอื่นมากกว่าเชื่อพี่อะ”
“อยู่ดีๆก็รู้สึกเจ็บ”
“อย่างพี่อะเกินจะเจ็บแล้ว หนาเกินคน”
“ปากคอร้ายกาจ สิ้นฟ้าเด็กดีของพี่หายไปไหน?”
“มันเคยมีด้วยเหรอ?”
“อ้อนพี่เหมือนแต่ก่อนก็ดีนะ”
“ไม่เคยเหอะ”
“บ่อยจะตายไป”
“พี่เพชร!”
“ครับ?”
รู้สึกปวดหัว ถ้าไปบอกคนอื่นคงอายเขาตาย ว่าไอ้สองคนที่คุยที่เถียงกันอยู่นี่ คนหนึ่งคือทนาย ส่วนอีกคนเป็นถึงอัยการ แต่ยังไงก็ช่างมันเหอะผมต้องดูท่าที ไว้ก่อน ขึ้นชื่อว่าทนายเพชร ร้อยละเก้าสิบ วางใจไม่ได้
เจ้าตัวเขากระโดด ขึ้นเตียง พร้อมกับเอาผ้าห่ม ห่มแล้วหลับตาพริ้มทันที แขนยาวๆตบที่ว่างข้างๆ เสียงดัง ปุ๊...ปุ๊
“สิ้นฟ้า..มานอน...”
ผมเลยก้าวขึ้นเตียงทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ไม่นานทั้งขาและแขนก็พาดมาที่ผม อยากจะบอกว่า ช่างมันเหอะ...รู้สึกชิน
“ฟ้า...”เสียงเรียก ก่อนจะดึงให้ผมเอียงตัวหันหน้าไปหา “มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังไหม?”น้ำเสียงของกาฝากในยามจริงจัง แม้ผมที่
หล่อดูดี และเทพสราดดดด ขนาดไหน ก็ต้องเกรงๆ
นัยน์ตาสีดำนิลนั่น เหมือนมองทะลุปรุโปร่งเข้ามาในความคิดผม
“สิ้นฟ้า...”ผมเอ่ยชื่อตัวเองเบาๆ “นายรู้ที่มาของชื่อนี้ใช่ไหม?”
“ฟ้าเคยเล่าให้พี่ฟังว่า เพราะเครื่องบินตก...แล้ว…?”
“สมัยเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้วใครๆใช่จะบินได้เหมือนสมัยนี้ใช่ไหมละ ส่วนมากไม่พวกนักธุรกิจ ก็เป็นคนที่มียศ หรือบรรดาศักดิ์ ตำแหน่ง ที่จะบินข้ามประเทศกัน พ่อกับแม่ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนั้นแม่ท้องได้ประมาณ 7 -8 เดือน ก็ต้องขึ้นบิน แม่กับพ่อ เดินทางไปรอขึ้นเครื่องที่ Gate ที่จะเดินทางไปลอนดอน ส่วน Gate ข้างๆ กันมีเที่ยวบินที่กำลังจะบินไปปารีส ตอนที่เล่าให้ฉันฟังท่านบอกว่า ท่านมองออกไปนอกกระจกใส ยังจำได้ดีว่าตัวสีของเครื่องที่จะไปปารีสมีสีอะไร หมายเลขสายการบินประกอบด้วยเลขอะไรมั่ง”ผมเว้นวรรค และทบทวนความทรงจำ “มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณสามขวบมานั่งข้างๆ แม่ ท่านบอก ว่า เด็กคนนั้นสวยราวกับตุ๊กตากระเบื้องแนะ และมีแววตาที่ฉลาดมากๆ เสียงหัวเราะ พร้อมกับเสียงสดใสที่คุยกับพี่เลี้ยงน่ารัก เด็กนั่นยังหันมาถามแม่ฉันเลยว่า น้องอยู่ในท้องเหรอ ?”
“...”
“แม่ตอบว่า ใช่ ใบหน้าเล็กๆเอาแก้มใสมาแนบ พร้อมกับตั้งใจฟัง ฉันไม่รู้ว่าฉันส่งเสียงอะไรออกไปจากท้องแม่หรือเปล่า เธอถึงบอกว่า เธอขอน้องนะ ถ้าฉันรับรู้ได้จากในท้องแม่ในตอนนั้นได้ ฉันคงปฏิเสธ แต่แม่ฉันกลับตอบว่า ได้สิ...”
มือใหญ่ ลูบหัวผม
“พอวุ่นวายกับเด็กได้สักพัก สายการบินที่เดินทางไปปารีส ก็เคลื่อนตัวออกจากท่า เคลื่อนบินลำใหญ่ ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป ไม่นาน มันก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่พอบินไปสูงได้ไม่กี่ฟุตจากพื้นดิน เสียงระเบิด ก็ดังลั่นก้องสะท้อนไปทั่วบริเวณนั้น ประกายไฟบนท้องฟ้าสว่างไสว เหมือนกับดอกไม้ไฟระเบิด แต่ฉันคิดว่ามันคงเป็นดอกไม้ไฟยักษ์ ที่สามารถมีแรงอัดกระแทกรุนแรงจนกระจกของท่าอากาศยาน ตรงที่แม่และพ่อนั่งอยู่แตกกระจายออก พ่อเอาตัวบังแม่ ในตอนนั้นแม่เป็นห่วงเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วย แต่พอมองไป เห็นว่าพี่เลี้ยงเอาตัวบังอยู่จึงวางใจ พอรู้สึกตัวอีกที แม่ก็เริ่มปวดท้อง จนต้องเรียกรถพยาบาล วันนั้นทั้งสนามบินวุ่นวายไปหมด ทั้งคนท้อง คนที่ตกใจ ไหนจะเครื่องบินระเบิด”
“วันนั้นเป็นวันที่ฉันเกิด แม่มารู้ข่าวอีกที ว่าเครื่องบินระเบิดกลางอากาศ ผู้โดยสาร กัปตัน รวมถึงลูกเรือ ไม่มีใครรอด บนท้องฟ้าที่สว่างไสว มีประกายไฟร่วงโรย เสียงดังสนั่นในความรู้สึกแม่ มันคงเหมือนราวกับฟ้ากำลังจะถล่มลงมา เลยตั้งชื่อให้ฉันว่า สิ้นฟ้า”
“...”
“และเป็นวันแรกที่แผนการที่ยาวนานของ 13 กบฏได้เริ่มต้นขึ้น”
“13 นักปฏิวัติ...”เพชรเอ่ยขึ้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้
“จะเรียกชื่อนั้น ก็ไม่ผิด...เหตุการณ์เครื่องบินระเบิด เป็นการแกล้งลวงว่าคนหกคนได้เสียชีวิตลงไปแล้วจากเหตุการณ์ระเบิดนั่น ฉันไม่รู้รายละเอียดเรื่องการวางระเบิด แต่ที่ฉันรู้ ว่าคนเกือบครึ่งของ 13 กบฏแกล้งตายแล้วผันตัวไปอยู่ในเงามืด... 7 คน อยู่ในที่สว่าง อีก 6 อยู่ในที่มืด พ่อฉันเป็น 1 ใน 7 ...ในวันนั้น แม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่พ่อไปนั่งตรงนั้น ไม่ได้กะว่าจะไปลอนดอน อยู่แล้ว เพียงแค่มาทำแผนการบางอย่างให้ลุล่วงเท่านั้นเอง ขอโทษด้วยที่ตอนนั้นฉันกำลังจะเกิด ถ้าฉันรู้มากกว่านี้ก็คงดี...เรื่องนี้ฉันรู้จากคำบอกเล่าของยัยเด็กสามขวบในตอนนั้น เธอเล่าในตอนที่เธอ อายุ 20 แล้วฉัน 17”
“ดอกไอริสสีน้ำเงินนั่น...เกี่ยวกับเรื่องนี้?”
“ก็ไม่เชิง มีมือดีส่งให้ 13 กบฏ นั่น”
“แล้วทำไม มันมาอยู่กับฟ้าได้ ในเมื่อตอนนั้นฟ้ายังไม่...เกิด”
“ผลกรรมจากรุ่นพ่อ อย่าไปใส่ใจมันเลย”
“ที่ฟ้าถูกจ้องเอาชีวิตถึงสองครั้ง เพราะไอ้ดอกไม้บ้านั่นใช่ไหม!?”พูดพร้อมกับผลุดลุกขึ้นนั่ง ทำให้ผมต้องกระเด้งตัวนั่งตามไปด้วย อย่างตกใจ แล้วพูดเบาๆ
“มันไม่มีอะไรหรอกน่า”
“ฟ้าคิดว่าพี่เป็นใคร อย่าให้พี่สืบได้นะฟ้า”
“พี่เพชร...ใจเย็นน่า...”
“...”
“ใช่ว่าจะต้องรีบร้อนเสียหน่อย เชื่อเหอะว่า 13 กบฏที่เหลือก็ไม่อยู่เฉยหรอก”
“ท่านอัยการสูงสุดไม่รู้ว่าดอกไม้ถูกส่งมาให้ฟ้า ?”
“ท่านไม่อยากวุ่นวายกับเรื่องนี้แล้ว...”ถึงหนีไปอังกฤษ แต่ถ้าท่านรู้ว่าพวกมันเบนเข็มมาทางผมแทน ละแย่แน่ มิวาย ท่านคงตีตั๋วกลับมา เรื่องมันจะยิ่งเยอะไปกว่านี้ ตอนนี้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดกำลังยักย้ายตำแหน่งกันอย่างเงียบๆ คนที่จะขึ้นแทนพ่อผมก็ไม่ใช่ใคร คือรุ่นพี่คนหนึ่งของผมเอง แน่นอน ว่าเขาก็เป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดในตอนสมัยที่ผมยังเรียนมหาวิทยาลัย
ถ้าจะอธิบายให้ฟังโดยง่าย มันก็เหมือนเป็นเกมรักษาอำนาจ ซึ่งตอนนี้ฝั่ง 13 กบฏ มีหน้าที่รักษามันเอาไว้ แตกต่างกับเมื่อสมัย 30 ปีที่แล้ว นับตั้งแต่วันแผนเครื่องบินระเบิด และเป็นวันที่ผมเกิด ที่ทาง 13 กบฏ เป็นผู้ท้าชิง พอผมอายุได้ประมาณ 17 ปีก็เลยถูกจับพลัดจับผลู เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยรวมถึงได้ฟังเรื่องเล่าจากยัยเด็กสามขวบ เมื่อผมเข้ามาได้ประมาณ 2 ปีเกือบ 3 ปี ชัยชนะ ก็ตกเป็นของฝั่งที่ถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ก็เลยได้ชื่อเก๋ๆอีกชื่อหนึ่งว่า 13 นักปฏิวัติ ทั้งๆที่คนทั้งประเทศ ไม่รู้เลยว่า 13 นักปฏิวัติที่ว่า หมายถึงใครมั่ง
เมื่อโค่นพวกเก่าลงได้แล้ว คนพวกนั้นก็แทรกซึมไปทุกองค์กรไม่ว่าจะเป็นศาล หรือองค์กรอิสระอย่างอัยการ อีกทั้งยังมีตำรวจ ทหาร นักการเมือง (รวมถึงคนที่ถูกทำรัฐประหารและคนที่กระทำรัฐประหารในตอนนี้ด้วย พูดถึงเรื่องนี้ก็ตลก พอรู้ว่าฝั่งพวกตัวเองจะถูกแย่งเลยชิงลงมือทำรัฐประหารซะก่อน เพื่อคงอำนาจไว้ พวกผู้ใหญ่นี่เขี้ยวลากดินกันทุกคน)
โดยประมาณ11 ปีจากวันที่แทรกซึมไปตามองค์กรต่างๆ จนมาถึงวันนี้ อยู่ดีๆก็มีดอกไม้ปริศนาถูกส่งออกมาสู่มือ ของทั้ง 13 คนได้อย่างถูกตัวเป๊ะ มันจะไม่มีใครคิดอะไรเลย ถ้ามันไม่คล้ายกับตอน ที่ 13 กบฏเป็นผู้ท้าชิง ราวกับเดจาวู
เพราะในตอนนั้น คนที่คิดแผนดอกไม้สะท้านเมือง(ชื่อนี้ผมไม่ได้คิด ผมสาบาน) และส่งดอกไม้ให้ถึงมือคนที่จำเป็นต้องโค่นลง คือผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของดิน และ ตัวผมเอง
เหมือนกำลังถูกย้อนศร...
ช่วงนี้ ผมถูกหักหลังบ่อยเสียด้วยสิ แต่ผมก็ไม่อยากที่จะไม่เชื่อใจคนกันเอง แต่ผมคงต้องหาโอกาส ไปเยี่ยม ยัยเด็กสามขวบที่เป็นรุ่นพี่ผม ซึ่งไม่ได้เจอกันนานเสียหน่อย
“จะว่าไป ฉันก็ไม่ได้แตกต่างกับนาย”ผมพูดกับเพชร “ฉันไม่มีสิทธิโกรธนายเลยด้วยซ้ำ”
“พี่ไม่อยากให้ฟ้า...”
“ชั่ว กับ เลว ก็เหมาะสมกันดี เนอะ ว่ามั้ย?”
เพชรยิ้มน้อยๆ พร้อมกับพยักหน้านิดหน่อย ก่อนจะดึงตัวผมไปกอดเอาไว้
เรื่องทั้งหมดก็อย่างที่ผมเล่าให้ฟัง ผมไม่รู้อะไรมากกว่านี้ คุณคงอยากจะไล่ให้ผมไปถามพ่อของผมเพิ่ม ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยถาม แต่พ่อไม่เคยปริปากเล่าเรื่องแผนการก่อนที่ผมจะเกิดให้ฟัง พ่อผมกันผมออกไม่อยากให้ยุ่งกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ จนผมมาเจอยัยเด็กสามขวบ เธอเป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยผม ในตอนที่ผมเข้าปีหนึ่งเธออยู่ปีสาม ผมเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ไปสองปี ในตอนที่เข้ามหาวิทยาลัยในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันคนอื่น อายุประมาณ 17-18 ปี แต่ผม 16 ยัยเด็กสามขวบเล่าเรื่องทุกอย่างเท่าที่เธอรู้ให้ฟัง หรือตามความเข้าใจผมเธออาจจะรู้เรื่องทั้งหมดแต่เล่าไม่หมดให้ฟัง เพื่อจะดึงผมเข้าร่วม ด้วยนิสัยขี้เสือกอย่างผม แน่นอน...ผมตกลง เพราะกะจะสืบเรื่องราวเพิ่มเติม แต่ก็เหมือนตกหลุมยัยเด็กสามขวบที่เจ้าเล่ห์กว่า ทำให้ผมกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างเต็มตัว
และผมรู้ว่าพวกคุณอยากรู้ ว่ายัยเด็กสามขวบอยู่ไหน ? ออ เธอไม่ได้ไปไหนหรอก ยัยเด็กสามขวบที่ว่า ก็คือ แม่ของดิน นั่นละ
อนาคต ผมคงต้องไปนั่งวาดแผนผัง ความสัมพันธ์ให้พวกคุณดู
............................................
ตอนนี้เป็นตอนพิเศษ เรื่องของ 13 กบฏ เอาจริงไม่ต้องไปใส่ใจมันมากคะ
เพราะมันเป็นเรื่องของรุ่นพ่อที่เขาหักเหลี่ยมกันตั้งแต่สมัยสิ้นฟ้ายังเป็นวุ้น
มาจบเอาตอนที่สิ้นฟ้ามีสภาพบุคคลอายุครบบรรลุนิติภาวะ
สิ้นฟ้าก็แทบไม่รู้อะไรเลย เล่าก็เล่าเท่าที่สิ้นฟ้ารู้ นั่นละคะ

การทำรัฐประหารพวกเดียวกันเองให้นึกถึงสมัย 14 ตุลาคะ ถ้านึกภาพไม่ออก
สรุปคือรู้ที่มาของชื่อสิ้นฟ้าแล้วเนอะ 55555+
สงสัยสามารถถามได้นะคะ ผิดพลาดตรงไหนก็สะกิดกันโด้ยยยยย!
แล้วก็ขอบคุณมากๆที่ชอบเรื่องนี้แล้วติดตาม คะ
#รู้สึกฮึกเหิมและมีกำลังใจไปต่อที่มาของชื่อเจ้า โคตรอลังการอะฟ้า ไม่บ้าจริงคิดไม่ได้นะเนี่ย แอร๊ก ! (โดนสิ้นฟ้าตบหัว)
จิ้มไปคุยกับสิ้นฟ้า เต็มสิบ และคนอื่นๆได้ที่
https://www.facebook.com/pages/InLaw_By-Kissa-O/337506579784041ขอบคุณที่ติดตามอีกครั้งคะ See Ya >>>>>