คดีที่ 9
ลมสงบ
สีน้ำเงินมันเป็นสีที่สวยนะ ผมคิดว่าอย่างนั้น เวลามองมันทีไรผมก็นึกถึงท่านอัยการของผมตลอด ท่านอัยการสิ้นฟ้าเป็นคนที่จะเลือกอะไร ก็จะตั้งเอาสีน้ำเงินเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ผนังห้อง ผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม ปลอกหมอน ตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้า รองเท้าแตะ และของใช้อีกหลายอย่างส่วนมากล้วนเป็นโทนสีน้ำเงินเพียงแต่มันจะออกเป็นน้ำเงินเฉดไหนเท่านั้นเอง ตั้งแต่น้ำเงินอ่อนจนถึงน้ำเงินเข้มจนเป็นสีกรมคล้ายกับสีดำ ต้องบอกว่าท่านชอบหมดขอให้เป็นสีน้ำเงินก็พอ
และตอนนี้ผมก็กำลังมองดอกไม้
ดอกไอริส...สีน้ำเงิน
และดูเหมือนผมจะจ้องนานจนเกินไป จนพนักงานร้านดอกไม้มองหน้า ก่อนจะเดินยิ้มเข้ามาหาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส
“ไอริสสีน้ำเงิน เป็นไอริสกลุ่มไอริสน้ำค่ะ ในประเทศเราค่อนข้างหายาก และสีน้ำเงินจัดแบบนี้ถึงแม้จะอยู่ในกลุ่มไอริสน้ำยิ่งหายากยิ่งกว่า เพราะส่วนใหญ่ไอริสกลุ่มนี้จะออกไปทางสีม่วงค่ะ”
“เป็นสีที่พิเศษจริงๆสินะครับ”ผมเอ่ยกับตัวเองเบาๆ
“คะ?”
“เปล่าไม่มีอะไรครับ”ผมพูดแค่นั้น ก่อนจะกล่าวขอบคุณแล้วเดินหนีออกมา เพราะผมไม่ได้คิดที่จะซื้อดอกไม้อยู่แล้วผมเดินเอื่อยๆ อย่างเหมือนคนไม่มีอะไรทำมาจนถึงป้ายรถเมล์หน้าสำนักงานอัยการ ตึกสีขาวแสดงความยิ่งใหญ่ยังคงตั้งตระหง่านโดดเด่นเฉกเช่นเดิม เหมือนทุกๆวัน
มันก็ยังทำให้ผมนึกถึงท่านอัยการ
ผมชอบคนแบบท่านอัยการสิ้นฟ้า ท่านไม่ใช่คนดีเลิศเลอ เพอร์เฟ็คแบบพระเอกในละคร นิยาย หรือเทวดามาจากไหน แต่ท่านทำให้ผมรู้สึกว่าท่านเป็นคนปกติทั่วไปที่มีด้านที่แย่และเข้าใจได้ยาก ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้มองท่าน ทั้งที่หลายๆครั้งผมก็ไม่รู้เลยว่าท่านกำลังคิดอะไรและกำลังจะทำอะไร แต่ความสนุกความที่อยากค้นหา ความหลงใหล ในสิ่งที่เขาทำมันกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างหยุดไม่ได้
นี่ผมมาถึงจุดนี้ได้ยังไง...จุดที่เอาแต่พร่ำเพ้อถึงท่านอัยการสิ้นฟ้า
ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ ไม่ติดต่อกลับมาเลย และถ้าถามผมว่า แล้วทำไมผมถึงไม่ติดต่อกลับไป มันเป็นคำสั่งครับและมีผลบังคับใช้กับทนายเพชรด้วย ท่านอัยการโทรมาครั้งสุดท้ายก็ตอนที่ถึงที่นั่น โทรมารายงานว่าถึงอย่างปลอดภัยดี แล้วอยู่ๆก็มีคำสั่งว่าห้ามติดต่อไป โดยไม่ให้เหตุผลอะไร แล้วก็ตัดสายไปเลย
ช่างเป็นคนที่ เอาแต่ใจสุดๆ!
แต่พี่สารวัตร ก็บอกว่า ท่านอัยการสิ้นฟ้าปลอดภัยดี เพราะพี่สารวัตรก็ติดต่อกับเพื่อนที่เป็นตำรวจทางนั้นถามถึงความคืบหน้า และความเป็นอยู่ของท่านอัยการอยู่เรื่อยๆ อย่างลับๆ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับท่านอัยการสิ้นฟ้า ทางนั้นก็จะติดต่อมาทันที ให้สบายใจได้ หายห่วง
จะว่าไปช่วงหลังๆมานี้ผมว่าท่านอัยการดูแปลกๆไป ดูเหมือนคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา หลายครั้งผมเห็นท่านเหม่อเผลอเคาะปากกากับโต๊ะ มองออกไปข้างนอกหน้าต่างมั่ง ผมล่ะอยากรู้ว่าจุดหมายที่ท่านมองอยู่มันคืออะไร บางครั้งก็น่าเป็นห่วง ถึงช่วงนี้ใบหน้าของท่านจะประดับยิ้มบ่อยๆก็เหอะ อาจจะบ่อยกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นยิ้มที่เหมือนซ่อนอะไรเอาไว้
ท่านกำลังคิดอะไรอยู่นะ...ผมล่ะอยากรู้จริงๆ
และท่านกำลังทำอะไรอยู่
.....................
“ไอ้หนู ขนของเสร็จแล้วก็อาบน้ำอาบท่า พักผ่อนนะลูก พ่อคุณเอ๋ย มาเที่ยวแท้ๆ ก็ไม่น่าจะต้องมาลำบากด้วยเลย”เสียงของชายวัยหกสิบกว่าเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเด็กหนุ่มรุ่นลูกช่วยงานตนขนผักตั้งแต่เช้าจรดเย็น หลังจากนั้นก็ช่วยเอาไปล้างเพื่อส่งขายให้กับพวกในเมืองที่เข้ามารับถึงหมู่บ้าน
“ไม่เป็นไรครับลุงอิ่ม เรื่องแค่นี้สบายมาก”เจ้าตัวเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มให้ ใบหน้าขาวติดเหงื่อไหลย้อย พร้อมกับคราบฝุ่นที่เลอะเปรอะเปื้อนหน้า อากาศที่นี่ใช่ว่าจะร้อนน้อยเสียเมื่อไหร่ อีกทั้งในช่วงหน้าแล้งนี้ก็แล้งเหลือเกิน ใบหน้าหล่อเหลาของสิ้นฟ้าติดเลอะฝุ่น เพราะตลอดช่วงทางที่ผ่านมาของหมู่บ้าน ก็ใช่ว่าจะเป็นถนนลาดยางเสียเมื่อไหร่ ฝุ่นฟุ้ง ปะทะหน้าปะทะเส้นผมดูมอมแมม ไปตามๆกัน เมื่อช่วยลุงอิ่มเสร็จแล้ว เจ้าตัวก็บอกลาเดินไปตามทางของหมู่บ้าน เพื่อจะกลับไปยังบ้านพักของตน
หมู่บ้านที่เขามาอยู่เป็นหมู่บ้านที่ไม่ใหญ่มากนัก และค่อนข้างห่างไกลความเจริญพอสมควร แต่ที่นี่ก็มีน้ำมีไฟให้ใช้ถึงมันจะติดๆดับๆไปบ้างทั้งน้ำทั้งไฟจนบางวันต้องเดินไปอาบน้ำที่ลำธารที่ไหลมาจากแม่น้ำที่เป็นเขตกันชายแดนระหว่างประเทศ ถัดไปไม่ไกลประมาณไม่ถึง 10 กิโลเมตรเป็นเขตอนุรักษ์พันธ์พืชและสัตว์ป่าของกรมป่าไม้ จะบอกว่าหมู่บ้านที่นี่ทั้งติดเขตชายแดนทั้งติดเขาเลยก็ว่าได้ แต่ใช่ว่าอากาศจะดีเสียเมื่อไหร่ อย่างที่บอกพอเจอหน้าร้อนก็ร้อนจับใจจริงๆ ดีก็แต่มีที่ให้โดดน้ำเล่น แต่เขาก็ไม่กล้าไปเล่นบ่อยๆหรอก ยังรู้สึกเข็ดกับพวกแม่น้ำไม่หาย
“น้องฟ้าคนดีของพี่”
“...”แค่ได้ยินเสียงก็ปวดหัวล่ะ แต่ก็จำเป็นต้องยิ้มออกไป ทั้งๆใบหน้าที่เลอะฝุ่นและเหงื่อ
ร่างสูงบึกบึน ของหนุ่มหล่อประจำหมู่บ้าน ที่เจ้าตัวบอกว่าอย่างงั้น เดินยิ้มละไม อวดใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในแบบที่คิดไปเองเดินเข้ามาหาน้องสิ้นฟ้าคนดีของตน ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น เหมือนโดนกามเทพเอาศรมาปักที่หัวใจอะไรประมาณนั้น ซึ่งสิ้นฟ้าคิดว่า ไร้สาระสิ้นดี และไม่เคยนึกว่านอกจากเพชร จะมีผู้ชายคนไหนบ้ามาชอบเขาในเชิงชู้สาวอีก
“มีอะไรครับพี่เผือก”อัยการสิ้นฟ้าถาม
“อุ๊ย หน้าเลอะ มามา เดี๋ยวพี่เผือกเช็ดหน้าให้”ไม่ว่าเปล่า เผือกยังถอดผ้าขาวม้าที่คาดเอวของตัวเองออกมา แล้วกะจะเช็ดหน้าของคนตรงหน้า
“ไม่ต้อง ฉันเช็ดเอง!”เสียงเข้มดังขึ้น ก่อนที่ผ้าขนหนูชุบน้ำขาวสะอาด จะกระแทกเข้าหน้าของท่านอัยการสิ้นฟ้า พร้อมกับแรงถู แบบไม่ยั้งมือ ราวกับจะให้หนังหน้าลอกติดออกไปกับผ้าด้วย
“พอๆๆๆๆๆๆ เริ่ม เจ็บล่ะ”สิ้นฟ้าว่า ก่อนจะฉวยผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าเอง จากคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“นี่ก็ยืนให้มันเต๊าะอยู่ได้ กูละเซ็ง”เสียงเข้มว่าเบาๆ ให้สิ้นฟ้าได้ยิน
“น้องเก่งนี่ละก็ขัดขวางพี่เผือกตลอด!”
“ผมว่าพี่เผือก กลับบ้านไปก่อนดีกว่า ให้พวกผมได้พักผ่อนกันมั่งอะไรมั่ง เห็นมะไอ้ฟ้าของพี่ หมดแรงจนตามันจะหลับทั้งยืนอยู่ล่ะ”
“ตามนั้นแหละพี่เผือก ขอขึ้นบ้านก่อนนะ”สิ้นฟ้าว่า ก่อนจะเดินหันหลังขึ้นบ้านที่ตัวเองเช่าอยู่ไป โดยไม่สนใจพี่เผือก ที่กำลังทำท่าจะโวยวาย
“ถ้าไอ้พี่เผือกยังวนเวียน เทียวมาหามึงอยู่บ่อยๆ กูว่าสักวันความต้องแตกแน่ๆ”ร่างสูงโปร่งของเก่งบ่นงุบงิบ ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วยุ่ง พร้อมกับมองไปยังเพื่อนอัยการอีกคน ที่เตรียมตัวลากสังขารตัวเองไปอาบน้ำ เก่งเป็นอัยการประจำเขตจังหวัดนี้ แล้วถูกส่งให้มาร่วมทีมกับอัยการที่มาจากสำนักงานอัยการสูงสุดอย่างสิ้นฟ้า ทีแรกก็ไม่สนิทกันหรอก ตอนนี้ก็ยังไม่สนิทกันสักเท่าไหร่มั้ง รู้แต่ก็พอที่จะอยู่ด้วยกันได้ ก็แอบขึ้นกูขึ้นมึงกันไปแล้วล่ะ
“ไม่ใช่ตัวปัญหาพอที่จะทำให้ความแตกหรอก”สิ้นฟ้าเอ่ยเสียงเรียบ “แล้วผู้หมวดภูล่ะ?”
“ไปนั่งตกปลาอยู่ท้ายหมู่บ้านนู่น ทำตัวสมกับเป็นนักท่องเที่ยวดี เย็นนี้คงได้กินปลากันล่ะ”เก่งว่าอย่างไม่แยแส ส่วนเรื่องจะได้กินปลาเป็นอาหารเย็นกันไหมนั่นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะตั้งแต่หมวดภูได้งานอดิเรกตกปลา เขาก็ยังไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติของปลาที่หมวดภูตกมาสักที
“อืม...”สิ้นฟ้าว่า ก่อนจะลากสังขารตัวเองเข้าห้องน้ำไป
“ปกติเป็นคนนิ่งๆแบบนี้เหรอว่ะ?”เก่งว่ากับตัวเองเบาๆพร้อมกับเกาหัวอย่าง งงๆ “...เออ ช่างมันเหอะ” เขาก็แค่รู้สึกว่าอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ชื่อว่าสิ้นฟ้าเป็นคนที่เหมือนเป็นมิตรแต่ก็เข้าหาได้ยากพอสมควร
บรรยากาศตอนกลางคืนของที่นี่ เหมาะจะชมดาวบนท้องฟ้า ร่างสูงโปร่งของสิ้นฟ้า จึงระเห็จหนีจากเตียงที่ทำจากแคร่แล้วเอาฟูกวางเป็นที่นอนในห้อง มาเป็นเสื่อผืนหมอนใบเอามาปูนอนชมดาวที่ริมระเบียงอย่างคนนอนไม่หลับ เพราะหลังจากกลับมาจากไปช่วยลุงอิ่มเขาก็เผลอนอนไปกว่าสามชั่วโมงแล้วตื่นขึ้นมา เพราะถูกปลุกเรียกกินข้าว พอทานข้าวเสร็จขึ้นมานอนต่อตอนนี้ก็ดันนอนไม่หลับซะงั้น
ข้างๆตัวมีสโนว์บอลของขวัญจากเพชรและโทรศัพท์มือถือที่ดับและเดี้ยงไปเปิดไม่ติดมาเกือบจะอาทิตย์ทั้งที่ก็เป็นเครื่องที่พึ่งซื้อมาใหม่ แต่เขาก็เอาติดตัวไว้ตลอดเผื่อมันจะมีอารมณ์ติดขึ้นมาให้เล่นเกมมั่งอะไรมั่ง หรืออาจจะได้ติดต่อใครได้บ้าง ไอ้ครั้นจะเอาเข้าเมืองเอาไปซ่อม ก็รู้สึกขี้เกียจ และก็ชักจะติดการใช้ชีวิตที่ไร้เทคโนโลยีแบบนี้ซะแล้ว
ในระหว่างที่นอนดูดาวสิ้นฟ้ายกมือขึ้นลากเส้นกลุ่มดาวตามวิชาดาราศาสตร์ ที่เคยได้เรียนมาสมัยมัธยมต้น ก่อนสายตาจะสบเข้ากับสร้อยข้อมือสีเงิน ทำให้นึกถึงคนที่ให้เขามา
“เต็มสิบคงมองไม่เห็นดาวแบบนี้หรอก”ใช้ว่าในเมืองหลวงจะได้เห็นดวงดาวเต็มฟ้าอย่างนี้ เพราะที่นั่นสว่างเกินไป ถ้าเต็มสิบได้มาเห็นที่นี่ เจ้าตัวคงชอบ
สิ้นฟ้าหยิบสโนว์บอลพอดีมือขึ้นมาเทียบกันกับสร้อยข้อมือที่เขาสวมอยู่ ก่อนจะยิ้มมุมปากและเอ่ยออกมาเบาๆ
“ถึงตานายที่ต้องช่วยฉันอีกครั้งแล้วล่ะ ทนายเพชร”
.......................................
“วันนี้ก็ต้องมาขนผัก”เก่งบ่นออกมาอย่างเซ็งๆ ตั้งแต่เข้ามาปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวได้จะเกือบอาทิตย์ ทุกวันก็หมดเวลาไปกับการขนผัก ช่วยชาวบ้าน
“อึ จะได้หุบปาก”สิ้นฟ้าว่า ก่อนจะเอาอมยิ้มยัดเข้าปากเพื่อนอัยการของตัวเอง มีเพื่อนอย่างอัยการเก่ง ก็ทำให้เขาอดที่จะคิดถึงไอ้หมวดเพื่อนของเขาไม่ได้ เพราะสองคนพูดมากเหมือนกัน แตกต่างกับหมวดภู หนึ่งในลูกทีมอีกคนที่ถึงจะตัวใหญ่ แต่นิสัยดูพูดน้อย เรียบร้อย น่ารัก และชื่นชอบการตกปลา นี่ก็หายไปไหนก็ไม่รู้ ถ้าไม่ไปตกปลาที่แม่น้ำหรือลำธารท้ายหมู่บ้าน ก็คงแอบไปปีนต้นไม้อยู่แถวๆนี้ล่ะ ชีวิตดี๊ดี อินดี้สุดๆ
“โอ้ย! มึงยัดมาเกรงใจฟันกูบ้าง หักไป ไม่มีเงินศัลยกรรมนะเว้ย แล้วนี่มึงอมยัง”
“อมล่ะ”
“เออ ดี อร่อยดี! กูไม่ให้คืนนะ”
สิ้นฟ้าเอาเท้าสะกิดเท้าเก่งเล็กน้อย ก่อนจะพยักเพยิดหน้าให้มองไปตามสายตาของตน ชายกลุ่มหนึ่ง เดินลงจากรถ ก่อนจะสังเกตมองไปโดยรอบของสวนผัก
ลุงอิ่ม เดินเข้าไปทักทายคนหนึ่งในนั้น ท่าทางจะรู้จักกันดี สิ้นฟ้ากระชับเข่งตะกร้าผักของตน ก่อนจะทำเป็นเดินเข้าไปหาลุงอิ่ม
“อ้าว ไอ้หนูมาพอดีเลยลูก มาๆๆ มานี่ก่อน มาทำความรู้จักกับพ่ออิฐ”ลุงอิ่มกวักมือเรียก ก่อนที่สิ้นฟ้าจะเดินไปถึง “ฟ้า นี่พ่ออิฐลูกชายกำนันเหม เป็นผู้มีพระคุณกับหมู่บ้านเรา หลายๆเรื่องในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค้าขาย ก็ได้พ่ออิฐจัดการให้เสียส่วนมาก ส่วนนี่พ่ออิฐ ไอ้หนูนี่ชื่อว่าฟ้า ส่วนนั่นก็เจ้าเก่ง มาเที่ยวที่นี่ ตอนนี้พักอยู่โฮมสเตย์ของหมู่บ้านแน่ะ”ใบหน้าคมเข้มของอิฐมองมาที่ทั้งสองคนนิดหน่อยก่อนจะยิ้มให้
“สวัสดีครับ”สิ้นฟ้าเอ่ย ก่อนที่เก่งจะเอ่ยตาม
“สวัสดี คิดยังไงอ่ะเราสองคนถึงมาเที่ยวที่นี่ได้ ?”อิฐพิจารณาทั้งสองคนตรงหน้า และคิดว่าอายุคงจะน้อยกว่าเขา น่าจะเป็นเด็กมหาวิทยาลัย จึงเลือกพูดจาเป็นกันเองมากขึ้น
“อยากมาหาความลำบากดูมั้งครับ”เก่งว่า “แล้วคุณอิฐ มารับผักเหรอครับ?”
“ออ ใช่”
“ผมมาอยู่ที่นี่ได้สักพัก ไม่เคยเห็นคุณอิฐเลย”
“ปกติให้คนอื่นมาน่ะ แต่วันนี้อยากเข้ามาเอง เพราะอยากมาดูสวนผักด้วย ไม่นึกว่าจะเจอนักท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยจะมีมาสักเท่าไหร่ ดีจัง”อิฐว่าพร้อมกับยิ้ม หันมามองสิ้นฟ้าที่เริ่มเอาอมยิ้มห่อใหม่ออกมาแกะ”แล้วพวกเราจะพักอยู่ที่นี่อีกนานไหม เผื่อพี่จะได้พาเที่ยว”
“โอ้ย อีกนานครับพี่ เผอิญปิดเทอม เบื่อๆไม่มีอะไรทำ หาเที่ยวดีกว่า”
“ดีเลย งั้นพี่จะได้มาที่นี่บ่อยๆ”
“ครับ”เก่งยิ้มดีใจ “งั้นพวกผมไปทำงานต่อก่อนดีกว่า กำลังงัดผักขึ้นมาจากดินเลย ปะฟ้า” แต่เมื่อหันหลังให้อิฐเจ้าตัวก็หุบยิ้มทันที
“บางครั้งมีคนพูดเก่งๆอยู่ใกล้มันก็สะดวกดี เพราะฉันไม่ต้องพูดอะไร”สิ้นฟ้าเปรย ในขณะที่เดินกลับไปยังแปลงผักที่ตนขุดค้างไว้
“จร้า จร้า แล้วเป็นยังไงมั่ง?”เก่งถามกลับมา
“เท่าที่ดูก็เสมือนเป็นคนดีจริงๆ”
“เสมือน?”
“ใช่เสมือน เพราะถ้าเป็นคนดีจริงๆตำรวจและพวกผู้ใหญ่ในองค์กร จะเรียกพวกเรามาช่วยจับตาดูทำไม”สิ้นฟ้าว่า
“อิฐ อิฐณัฐ ลูกชายกำนันเหม ผู้ต้องสงสัยค้าไม้เถื่อน และขนยาเสพติดข้ามชาติ อิทธิพลก็เหลือล้น เราจะสู้เขาได้เหรอวะถ้าหากเขาเป็นคนทำขึ้นมาจริงๆ พ่อฉันบอกว่าสู้กับอำนาจไม่ใช่เรื่องสนุก”
“แต่หน้านายก็กำลังสนุกอยู่นี่”
“หลังทำงานเหนื่อยๆได้จิ๊บโอเลี้ยงมองลูกสาวอาเจ็กสวยๆ ฟินอ่ะ”เก่งว่าขึ้น พลางทำสายตาม่อส่งไปให้อาหมวยประจำร้านโชห่วยที่ขายตั้งแต่กาแฟยันยารักษาโลกของหมู่บ้าน ซึ่งจะถูกหลักอนามัยไหมนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง แถมวันดีคืนดีที่นี่ก็เปิดเป็นบ่อนการพนันเล็กๆให้พวกเขาเข้ามาเล่นเสียอีก
“ลื้อนี่น๊า อาเก่ง ม่อลูกสาวอั๊วได้ทุกวัน ถ้าไม่เอาขึ้นมานี่ อั๊วงอนนะ”อาเจ๊กเจ้าของร้านว่า
“อั๊วยังเรียนไม่จบเลยเจ๊ก ชีวิตนี้ก็เกาะป๊าม๊า กินอยู่เลย จะเอาปัญญาที่ไหนมาขอลูกสาวเจ๊ก”เก่งว่าขำๆ
“นี่อั๊วก็กะว่า อีเรียนจบม.หก ก็จะให้อีแต่งงานเลย”
“มหาวิทยาลัยล่ะเจ๊ก จะไม่ให้หมวยมันเรียนต่อเหรอ”
“บ้านอั๊วค้าขาย แค่มันบวกลบคูณหารเลขเป็น อั๊วก็โอเคแล้ว เด็กที่นี่ก็เรียนจบ ม.หกเท่านั้นล่ะ บางที จบแค่ม.สาม ก็มีผัวแล้วด้วยซ้ำ ว่าแต่ลื้อเป็นเด็กจากเมืองหลวงลื้อคงไม่เข้าใจล่ะสิ”
“แต่ผมว่าให้หมวยเรียนต่อมหาวิทยาลัยก็ดีนะเจ็ก มหาวิทยาลัยในตัวจังหวัดก็ได้ อย่างน้อยมีใบปริญญาติดตัวบ้างก็ดี เพราะมันก็เป็นสิ่งที่เบิกทางต่อไปในชีวิตได้หลายอย่างเลยนะ”สิ้นฟ้าว่า พลางมองไปทางอาหมวยที่ส่งยิ้มมาให้เขา
“ลื้อจะรู้อะไร ที่นี่มันบ้านนอกคอกนาจะตาย จะเอาใบปริญญามาหุงกินแทนข้าวได้หรือไงว่ะ ที่นี่ไม่มีใครเขาสนหรอกว่าจะจบปริญญาไหมหรือยังไง ทำมาหากินได้บนพื้นที่นี้ก็พอแล้ว”
“สังคมมันต่างกันว่ะฟ้า”เก่งหันมาพูดกับเขา
“แต่ถ้าวันหนึ่งที่นี่เปลี่ยนไปล่ะ การศึกษาเป็นรากฐานที่ดีที่สุดนะเจ๊ก เพราะ มันไม่มีอะไรคงเดิมเสมอไปหรอก”
“ลื้อนี่ คำพูดคำจาเกินเด็ก”เจ็กว่า
“คุยเรื่องเครียดๆ ม่อน้องหมวยต่อดีกว่า”เก่งว่า พลางขยิบตาให้หมวย จนหมวยอายม้วนตัวเขินหน้าแดง
“ไหนใครจะม่อน้องหมวยของกูว่ะ!”เก่งทำหน้าเอือม “นี่มึงอีกแล้วเหรอ!?”
“ก็กูแล้วไง?”เก่งว่า พร้อมกับหันไปมองผู้มาเยือนลูกชายผู้ใหญ่บ้าน ชื่อเข้ม แต่นิสัยไม่เข้มเหมือนชื่อ ทำตัวนักเลงน่ารำคาญ ในสายตาเก่ง
“อยากมีเรื่องเหรอวะ!”
“ก็เอาสิวะ”
“น้องฟ้าจะมีเรื่องเหรอจ๊ะ พี่เผือกมาช่วยแล้วจร้า!”สิ้นฟ้ามองไปทางต้นเสียง ก่อนจะเห็นร่างของเผือกวิ่งมาอย่างหอบ จนสิ้นฟ้าอดส่ายหน้าแล้วยิ้มน้อยๆไม่ได้
“ไม่ใช่ผม...เก่งต่างหากที่จะมีเรื่อง”
“โว๊ะ น้องเก่งกับไอ้เข้มอีกล่ะ ทะเลาะกันบ่อยๆเดี๋ยวลูกก็ดกหรอกแล้วจะหาว่าพี่เผือกไม่เตือน”
“ไอ้เผือก!”สองเสียงเรียกประสานกันดังลั่น
“เจ็กโอเลี้ยงแก้ว”เสียงนุ่มๆแบบเอื่อยๆของคนตัวใหญ่บุคลิก ไม่สนใจโลกเอ่ยขึ้นตัดเสียงรอบข้าง
“อ้าวอาภู กลับมาจากตกปลาแล้วเหรอ?”อาเจ็กถาม ไม่สนใจเก่งและเข้มที่กำลังเขม่นเผือกอยู่
“อืม...” ภู หรือหมวดภูตอบออกไปง่ายๆ ก่อนจะเดินมานั่งข้างสิ้นฟ้าที่ทำหน้าอึนๆ ก้มหน้าก้มตาวุ่นวายอยู่กับโทรศัพท์มือถือ
“อ๊ะ”เสียงสื้นฟ้าร้องขึ้นเบาๆ ทำให้หมวดภูต้องหันสายตามามอง ก่อนจะเอ่ยถาม
“ใช้ได้แล้วเหรอ?”
“ไม่รู้สิ ตบสองสามทีอยู่ดีๆก็ติดขึ้นมา” แต่ถึงจะเปิดเครื่องติดก็เถอะ ใช่ว่าสัญญาณโทรศัพท์ในแถบนี้จะดีสักท่าไหร่ แต่ก็ยังพอมีบ้างให้ใช้งานได้
พอเปิดปุ๊ป ข้อความก็เข้ามาทันทีบ่งบอกว่าเคยมีการติดต่อเข้ามา ข้อความจากทนายเพชรเกือบร้อยข้อความ นี่ก็ว่างมากหรือไงไม่รู้ แสดงว่าผลบังคับใช้ที่บอกว่าไม่ให้ติดต่อมาจะบังคับใช้กับคนอย่างทนายเพชรไม่ได้ มีข้อความจากไอ้สารวัตรและหมอเพื่อนยากมาบ้างประปราย เขาก็ตอบกลับไป ส่วนคนที่ไม่มีข้อความมาหาหรือแม้แต่ข้อความเตือนว่าได้มีการโทรเข้า ก็คือเต็มสิบ ไม่รู้ว่าเด็กนั่นตั้งใจทำตามคำสั่งของเขาอย่างจริงจังเสียเหลือเกิน
เด็กนั่นจะเชื่อทุกอย่างที่เขาพูดมากเกินไปหน่อยแล้วมั้ง
ตืด~ ตืด~ ตืด~
‘ท่านอัยการ!’
เสียงดังรอดมาตามสายหลังจากที่สิ้นฟ้าเผลอกดเบอร์โทรออกไปหาเจ้าตัว และคนอย่างเต็มสิบก็รับโทรศัพท์ของเขาอย่างรวดเร็ว เล่นเอาลืมว่าจะพูดอะไรเป็นคำแรกที่โทรไปหา
“เอ่อ...”
‘ห๊ะ!? เอ่อ คำเดียวนี่นะ! แล้วท่านอัยการเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม ที่อยู่เป็นยังไง น้ำไฟเข้าถึงหรือเปล่า เป็นห่วงมากๆเลย ทำไมท่านไม่ติดต่อกลับมาบ้าง รู้ไหมว่าคิดถึงท่าน’
‘คิดถึงมากๆ’
นี่เขาเผลอทำเด็กร้องไห้หรือเปล่า?
“ฉันสบายดี แล้วนายล่ะ?”
‘ไม่ค่อยสบาย เพราะ รู้สึกคิดถึงท่านอัยการหนักมาก’
“ฮึ”เผลอหลุดหัวเราะและยิ้มออกไปเบาๆ
‘คอยดูเหอะ อย่าให้เจอตัวนะ จะเกาะติดหนึบท่านอัยการไม่ให้ห่างเลย!’
“ครับ”
‘นี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ กำลังนับวันรอเพื่อที่จะไปหาท่านอัยการอยู่เลย’สิ้นฟ้าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ก่อนที่เต็มสิบจะพูดต่อ ‘แต่แค่ท่านอัยการโทรมาผมก็ดีใจล่ะ’
“แค่นี้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะโทรหาใหม่ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
‘อ๊ะ!’ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ก็ถูกท่านอัยการตัดสายทันที
“อยากรู้แหะ ว่าใครกันที่คนอย่างฟ้าเลือกโทรหาเป็นคนแรกหลังจากโทรศัพท์ใช้งานได้?”เก่งหลังจากที่หมดอารมณ์ทะเลาะกับเข้มไปนานแล้วหลังจากเห็นสิ้นฟ้าคุยโทรศัพท์อมยิ้มน้อยๆ ที่มันดูน่าสนใจกว่าก็เลยหันมาแซะสิ้นฟ้าแทน ส่วนเข้มก็หันไปนั่งกระดกโอเลี้ยงชนแก้วคุยกับหมวดภูเรื่องงานอดิเรกตกปลา แล้วมีการเสนอสอนวิธีตกปลายังไงให้ได้ปลา หลังจากหมวดภูไม่เคยตกได้สักครั้ง
............................
“นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เด็กนั่นทิ้งนายหรือยังไงกันหือพ่อหนุ่ม?”สตีเฟ่นถาม หลังจากที่เข้ามาเยี่ยมทนายความเพื่อนรักในสำนักงานทนายความเล็กๆกะทัดรัดดูมุ้งมิ้ง ที่มีทนายความประจำสำนักงานแค่สามคน แต่กวดไปทั่วสำนักงานก็พบกับแฟ้มงานที่แทบจะท่วมหัวฝรั่งตัวสูงๆอย่างเขา แสดงว่าสำนักงานนี้ก็ค่อนข้างขายดีเหมือนกัน แล้วนี่ เพื่อนทนายของเขา จะได้กลับไปทำงานประจำของตนเองเมื่อไหร่ ไอ้ที่ขอพักยาว ก็ไม่เห็นจะได้พักยาวจริงๆอย่างที่ปากบอก ซึ่งเขาก็เห็นว่าเพชรยังคงทำงานอยู่เลย กลัวไม่รวยหรือยังไงกัน
“ไม่ได้ทิ้ง”
“...?”
“แต่ก็ไม่ได้สนใจ”ทนายเพชรตอบ
“หมายความว่ายังไง?”
“ก็ มันอาจจะมีอะไรผิดพลาด...ละมั้ง”
“อย่ามาพูดคำว่าผิดพลาดด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ากะเอาไว้แล้วอย่างนั้นสิ ไหนว่าตกลงคบกันแล้วไง?”
“ก็...คบกันแล้ว แต่ก็รู้อยู่ว่าคนอย่างสิ้นฟ้า เป็นคนที่เดาใจยากถ้าไม่บอก มันก็คิดยากนะว่าเขาจะทำอะไรต่อไป”
“พูดเหมือนกับว่าเด็กนั่นร้ายกาจเกินที่นายจะรับมือไหวซะอย่างนั้น”
“นายยังรู้จักสิ้นฟ้าน้อยเกินไป ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่ถอยออกมาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วหรอก”
“แล้วเด็กเต็มสิบล่ะ”
“เดินเข้ามานั่นแล้วไง”สตีเฟ่นหันไปมองข้างหลังทันที เมื่อเพชรพูดจบ
“งาย~~~หนุ่มน้อย” สตีเฟ่นทักผม เล่นเอาซะผมชะงักนิดหน่อย ก่อนจะกล่าวสวัสดีทักกลับไป พร้อมกับมองด้วยความสงสัยว่าสตีเฟ่นโผล่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วเดินเข้าไปหาทนายเพชร ถามคำถามเหมือนเช่นทุกวัน
“วันนี้มีงานอะไรมั่ง”
“ไม่มีหรอก นั่งอ่านหนังสือสอบเถอะ”ทนายเพชรว่าพร้อมกับยิ้มให้ “มีเค้กอยู่ในตู้เย็นนะ”
“อย่าเอาขนมมาล่อน่า”ถึงผมจะพูดอย่างนั้น แต่ขานี่มันก็ก้าวเดินไปทางห้องครัวเล็กๆแล้วหาตู้เย็นพร้อมเปิดมันออกทันที โว้ว เค้กครีมคาราเมลล่ะ
ผมตัดเค้กออกสามชิ้น พร้อมชงกาแฟ จัดใส่จานแล้วเอาไปเสริฟให้สตีเฟ่น ทนายเพชรด้วย ส่วนพี่ทนายอีกสองคนประจำสำนักงานสงสัยยังไม่กลับเข้ามา เพราะที่ห้องตู้กระจกที่กั้นเอาไว้ มองเข้าไปก็ไม่เห็นมีใครอยู่
“แล้วจะเอายังไงกับไอ้หนูอัยการ?”แต่พอได้ยินเสียงแว่วดังมา ทำให้ผมชะงักเท้าที่จะเดินเข้าไปหา “เรื่องดอกไอริสสีน้ำเงินกบ 13 กบฏ ที่นายให้หาข้อมูลมาให้ มันก็ดูมีอะไรแปลกๆอยู่นะ”
“ปัญหาคือ ยัยเด็กสามขวบ”ทนายเพชรเงียบเสียงไปสักพัก ร่างสูงของทนายเพชรเดินเข้าไปเขียนบนไวท์บอร์ด ลากเส้น ระหว่าง เด็กสามขวบ และ Heavens fall. ขั้นกลางด้วยเครื่องหมายคำถาม
“ตอนนี้เด็กนั่น คือใคร?”ทนายเพชรถามขึ้นมาเบาๆ
“กาแฟ กับ เค้กครีมคาราเมล มาแล้วครับ”ผมตัดสินใจเปิดประตูเดินเข้าไป พร้อมกับวางเค้กไว้บนโต๊ะ เล่นเอาคนทั้งสองชะงักไปนิดหน่อย ก่อนที่ทนายเพชรจะยิ้มบาง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว แล้วเชิญให้สตีเฟ่นและผมกินเค้ก ก่อนจะคุยไปเรื่อยเปื่อย
เค้กครีมคาราเมลนี่อร่อยดีนะครับ ผมกะว่าหลังจากนี้จะลองหัดทำดูมั่ง
.......................................................
สวัสดีนิยายรายเดือน

อย่าโกรธกันนะ ที่นานๆทีเรื่องนี้จะมา แอบตัดชื่อเรื่องภาษาไทยออกอีก
เพราะเคยมีคนแนะนำให้เปลี่ยนชื่อเรื่องภาษาไทย
จะได้มีขอบเขตการบรรยายที่กว้างขึ้น ไม่รู้จะใช้ชื่ออะไร เลยตัดทิ้งเลย เหลือแค่ Inlaw
ส่วนเนื้อหาตอนนี้เป็นลมสงบ ก่อนจะมีคดีเล็กๆคดีหนึ่งในตอนที่สิ้นฟ้าอยู่ในป่าในเขา
และจะตัดเข้าคดีสุดท้ายของเรื่องเลย
ซึ่งเป็นดคีที่มีเกริ่นเอาไว้แล้วด้วยดอกไม้สีน้ำเงิน
จะจัดว่าเป็นคดีปิดท้ายที่ใหญ่ที่สุดของเรื่องละมั้งนะ

ยิ่งท้ายเรื่องรายละเอียดยิ่งเยอะครับ จึงช้าหน่อย
เพราะต้องยอมรับว่าเนื้อเรื่องมันมีออกทะเลแล้วเราต้องไปเก็บกลับมาเข้าฝั่ง

สุดท้ายขอขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และยังคงอ่านครับ