~InLaw~ (คดีที่ 11 ใต้น้ำ 100% ) 30/06/59 P.7
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~InLaw~ (คดีที่ 11 ใต้น้ำ 100% ) 30/06/59 P.7  (อ่าน 53330 ครั้ง)

ออฟไลน์ |ψ|PEAT_ZA|ψ|℠

  • ~!!♥!!~
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-0
สนุกมากครับ
ปมปัญหากบฎดอกไอริชอะไรนั่นก็น่าสนใจดี
ดูยิ่งใหญ่สุดๆ สามารถพลิกประเทศเป็นว่าเล่นเหมือนพลิกฝ่ามือคนแค่13คน

แต่รับไม่ไหวเรื่องความรัก
อ่านมาแรกๆ #ทีมสิ้นฟ้าเต็มสิบ #ทีมเต็มสิบ
สงสารเต็มสิบ ไม่ว่าเต็มสิบจะนิสัยยังไงแต่ก็ปักใจเชียร์ไปแล้ว
อยู่ๆมาโดนพลิกบทเป็นตัวเล่าเรื่องซ่ะงั้น นอยด์เลย
ส่วนอีกคนที่ไม่ได้เชียร์ ก็ออกบทมาเข้าคู่กันบ่อยเกิ๊น ยิ่งอ่านยิ่งช้ำ
รับไม่ค่อยได้ เลยหยุดแค่นี้ดีกว่า

เจอกันใหม่ตอนจบแล้วกันนะครับ ^^
See ya
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2015 06:04:17 โดย |ψ|PEAT_ZA|ψ|℠ »

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ

เนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ อ่านเพลินกันเลยทีเดียว
อ่านๆไปก็สงสารเต็มสิบนะ
แต่พอมาคิดดูอีกที เพชรกะฟ้าก็แอบมีใจให้กันมาก่อน
น้องเต็มคงเข้าไปแทรกยาก ไม่เป็นไรค่ะ เชียร์เพชรก็ได้ ร้ายดี 555555

ปล.แอบอยากอ่านคู่คุณหมอกะพี่หมวด เอ๊ย!สารวัตรนะคะ  :hao3:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เพิ่งอ่านได้ไม่กี่ตอน สนุกจัง จะติดตามทุกคดีเลย

ขอแนะนำนิดหน่อยนะคะ อยากให้พิจารณาเรื่องการเว้นวรรค บางประโยคเว้นแล้วทำให้เนื้อความสะดุด ทำให้อ่านไม่ลื่นไหลหรือใจความด้อยลงไป เช่น

'ท่าน เป็นคนนิสัยขี้ลืม ครับ'  เทียบกับ
'ท่านเป็นคนขี้ลืมครับ'

คำที่เราเห็นคุณใช้ผิดหนึ่งคำ คือ พราง คำนี้แปลว่า ลวง ซ่อน ทำให้เลือน ทำให้เข้าใจเป็นอื่น > เขาพรางตัวไปในเงามืด
พลาง แปลว่า ในระยะเวลาเดียวกัน > เขาถามขึ้นพลางขมวดคิ้ว

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ นะ

ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ข้อชี้แจง
ในที่นี้ขอชี้แจงทั้งในประเด็นที่มีผู้ทักท้วงจากทั้งในเด็กดี และเล้าเป็ดครับ
วันนี้ผมขอมาชี้แจงในประเด็นต่างๆ รวมถึงจะวางแนวทางการแก้ไขของเรื่องอย่างไรบ้าง ขอชี้แจง ดังนี้ครับ

 
ประเด็นแรก กรณีนี้ได้ชี้แจงไว้ที่แฟนเพจแล้ว เลยขอยกมาอีกรอบ

ทำไมถีบเต็มสิบไปเป็นคนเล่าเรื่อง? เจ้าตัวเขาก็เป็นคนเล่าเรื่องมาตลอดนะ เต็มสิบเป็นตัวเอก ของเรื่องนะและยังคงเป็นอยู่ และจะเป็นตลอดไป เพราะชื่อเรื่องก็บอกอยู่ว่าผมรักอัยการ 555+ สิ้นฟ้าเป็นเมนเอกของเรื่อง สองคนนี้ยังอยู่ด้วยกันอีกนานเลยละ ส่วนจะได้คู่กันไหม...ผมว่าให้รอลุ้นดีกว่า หุ หุ...หลายๆคนอ่านไปแล้วอาจจะทำใจไม่ได้กับเรื่องความรัก ผมเข้าใจนะ...ในจุดนี้
เต็มสิบ กับ สิ้นฟ้า ผมเขียนไปแล้วผมยังไม่มั่นใจเลยว่า เต็มสิบรักสิ้นฟ้าในแบบของคนรักจริงๆ หรือเปล่า? หรือเป็นเพราะความปลื้ม ชอบ อารมณ์แบบ เนี่ย คนที่ฉันจะยึดถือเป็นแบบอย่างนะ ในตอนที่เขายังหาความฝันของตัวเองยังไม่เจอ อยู่ดีๆก็มีตัวอะไรไม่รู้โผล่มา?กระชากให้เต็มสิบอยากลองที่จะทำบางอย่างดู (ใช้คำว่ากระชากเลยทีเดียว =.,=) ผมถึงเปิดเรื่องมาด้วยการที่ว่า เต็มสิบ แทบจะไม่รู้ตัวว่าทำไมถึงเรียนด้านนี้ และไม่รู้ว่าตัวเองจะเอายังไงกับอนาคต แล้วมาเจอผู้ชายคนหนึ่งบนรถเมล์ แล้วนำมายึดถือเป็นตัวอย่าง ซึ่งเต็มสิบจะทำตามในอนาคตไหมนั่นอีกเรื่องหนึ่ง (หลบตีน) ผมถึงเขียนให้เด็กคนนี้ เป็นจำพวกใสๆนะ? เฉลียว ฉลาด เก็บข้อมูลทุกอย่างรอบตัว หวังแต่ว่าในอนาคตเต็มสิบ ก็จะยังคงเป็นเต็มสิบอยู่ อย่างที่สิ้นฟ้าบอกว่า “ฉันอยากให้นาย เป็น เต็มสิบเด็กฉลาด เต็มสิบที่ไม่ได้รู้อะไรเลย เต็มสิบที่ไร้เดียงสา เต็มสิบที่ยังคงเป็นเต็มสิบ เต็มสิบที่ไม่ใช่สิ้นฟ้า...”
ทนายเพชร กับ สิ้นฟ้า คู่นี้ ผมไม่ได้วางมาก่อนว่า สมัยก่อนหน้านั้นพวกเขาเป็นยังไงกัน เปิดมาก็ให้รู้แค่ว่า เฮ้ย เพชรเคยรักสิ้นฟ้านะ และตอนนี้ก็ยังรักอยู่ กี่ปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ทนายเพชรก็ยังไม่มีใครแล้วกลับมา สิ้นฟ้าก็ยังไม่มีใคร ก็น่าจะเดาได้ว่าสิ้นฟ้าก็รอเพชรอยู่... สองคนนี้ก็ยึดติดกันน่าดูในระดับหนึ่ง แต่ที่ผมเขียนให้เห็น (ไม่รู้คนอ่านเห็นไหม? ผมถือว่าเห็นนะ...ก๊ากกกกก) ผมเขียนให้ทนายเพชร เป็นจำพวกรักอุดมการณ์ของตัวเองมากกว่าที่จะมีความรักแบบคนปกติทั่วไปเพราะฉะนั้นคู่นี้ เหมือนจะกลับมา แล้วสป๊าคกันเลย แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกเชื่อผมสิ 555+
เรื่องความรักนี่ยากเนอะ? (เมิงยังมีหน้ามาเนอะ!)
จะว่าคนเขียนใจร้ายกับพวกเขาในเรื่องนี้ก็ได้ ผมอาจจะเขียนถ่ายทอดเรื่องความรักไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ต้องขออภัย (ก้มหัว)


ประเด็นที่ 2 “สิ้นฟ้า กลับแทบจะไม่ได้ทำหน้าที่สะท้อนภาพผู้ช่วยอัยการและหน้าที่อันพึงปฏิบัติของผู้ช่วยอัยการมากเท่าใดนัก ไม่ว่าการรวบรวมหลักฐานเพื่อเขียนสำนวนฟ้อง การส่งฟ้อง และการพิจารณาคดีในชั้นศาล”

ผมขอชี้แจงในส่วนนี้ว่า หน้าที่ของอัยการ มีหน้าที่อะไรบ้าง ? คือสั่งฟ้องในคดีอาญา รวมถึง อัยการยังมีหน้าที่คุ้มครองรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินในฐานะทนายแผ่นดิน และยังคุ้มครองเอื้ออำนวยผลประโยชน์ให้แก่ประชาชนและสังคม ซึ่งโดยหลักทั่วไป อัยการมีหน้าที่ในการตรวจสำนวนคดีที่ทางพนักงานสืบสวนได้ไป สืบสวนสอบสวน มาแล้ว
ในส่วนของอัยการสิ้นฟ้า เป็นการกระโดดลงมาสืบคดีเอง ซึ่งผมย้ำในเรื่องว่าอัยการส่วนมากไม่ทำ (ในไทยอัยการมีอำนาจสอบสวนเองได้ตาม ป.วิอาญา ม.๒๐ ) ปกติจะนั่งสวยๆหล่อๆ รอสำนวนจากพนักงานสอบสวนก็ได้ แต่ในเรื่องนี้ผมอิงหลักตามอัยการต่างประเทศมากกว่าอย่างเช่นในญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ ที่พนักงานอัยการลงมาสืบคดีเอง นั่น หมายถึงว่า นอกจากอัยการสิ้นฟ้า จะเขียนสำนวนสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้อง ขึ้นว่าความในชั้นศาล รวมถึงการลงมาสืบคดี นั่น หมายถึงท่านได้ทำหน้าที่อัยการแล้ว อาจจะเป็นความผิดของผมเอง ที่ไม่ได้เน้นถึงจุดในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเขียนสำนวนฟ้อง การส่งฟ้อง และการพิจารณาคดีในชั้นศาล มากเท่าไหร่ ต้องขออภัย(ก้มหัว)


ประเด็นที่ 3 Ticket one way กรณีอัยการเป็นพนักงานสอบสวนใน คดีความผิดเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร
และคดีชันสูตรพลิกศพ คดีวิสามัญฆาตกรรมฯ/ตาย อยู่ในระหว่างควบคุมของเจ้าพนักงาน (ป.วิ.อาญา ม.๒๐) เพราะฉะนั้นมีอัยการอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว ก็มีสิทธิที่จะร้องขอให้มาดำเนินคดีที่ศาลอาญา ของประเทศได้ ซึ่งในคดีนั้น ผมตัดไปที่การขึ้นศาลเลย ไม่ได้พูดถึงในชั้นสืบสวนสอบสวนเท่าไหร่ ในประเด็นนี้ มีการแก้ไข ผมจะแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องของการสืบสวนสอบสวน และจะเพิ่มบทบาทหน้าที่ ของทางตำรวจต่างประเทศครับ

ประเด็นที่ 4 พนักงานสอบสวน พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตํารวจชั้นผู้ใหญ่ ไปทําการ สอบสวนด้วยตนเอง ย่อมมีอํานาจเรียกผู้ต้องหาหรือพยานมาได้โดยไม่ต้องมีหมายเรียก
ผมก็เผลอคิดไปว่าอีหมวด มันเป็นจ่า (แอร๊ก ! โดนตบ) ในคดีนางสาวพยาบาลนั้น กลับเล่นให้พวกมันโป๊ะยาสลบเขาซะงั้น ผมพบจุดผิดพลาดนี้ มานานแล้วล่ะ แต่แอบมุบมิบไว้ =.,= กะว่า จะเอาไว้แก้ทีเดียว จึงต้องขอก้มลงแรงๆ มีคนจับได้แล้ว (ค่อนข้างดีใจ) ขอบคุณจริงๆครับ


ประเด็นที่ 5 ตำแหน่งของท่านอัยการ
ท่านอัยการสิ้นฟ้า มีตำแหน่งเป็นอัยการชั้นสองนะครับ ซึ่งประจำในสำนักงานอัยการสูงสุด จะเรียกเป็นอัยการประจำกอง นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ผมจะทำการแก้ไขตำแหน่งของท่านครั้งใหญ่

ประเด็นที่ 6 “การให้สิ้นฟ้าทำวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องหาในคดีเสพแอมเฟตามีน แม้ว่าเขาจะจับตัวประกันไว้ก็ตาม แต่ผู้ต้องหาที่มีเพียงมีดเป็นอาวุธ และตกอยู่ในวงล้อมของตำรวจ”

อันนี้ผมน้อมรับ และเห็นด้วย และผมก็คิดว่า สิ้นฟ้าทำเกินกว่าเหตุ แต่ อย่างที่สิ้นฟ้ายกเหตุผลมาอ้างอธิบาย ใน “ตอนพิเศษ 13 กบฏ และดอกไอริสสีน้ำเงิน” ซึ่งเขียนออกมาในมุมมอง ความคิดของสิ้นฟ้า ว่าตอนนั้น ที่ลั่นไกออกไปเขาคิดยังไง ซึ่งผมกะให้มันออกมาเป็นเหตุผลรองรับในการกระทำตอนนั้นของสิ้นฟ้า อาจจะยังไม่ชัดเจนพอ ผมจึงจะแก้ไขโดยการอธิบายในส่วนนี้เพิ่ม ซึ่งผมเป็นคนเขียนที่ต้องยอมรับว่าอธิบายหรือสะท้อนอารมณ์ออกมาไม่ค่อยเก่ง ผมจะพยายามแก้ไขและปรับปรุงตัวครับ

ประเด็นที่ 7 ชื่อเรื่องภาษาไทย ผมรัก...อัยการ
ซึ่งได้รับคำแนะนำว่าให้เปลี่ยนจะได้ไม่จำกัดมุมมองของการเล่าเรื่อง ในเรื่องเป็นการเล่าผ่านมุมมองของเต็มสิบ และตัวผู้เขียน ซึ่ง ในมุมมองของสิ้นฟ้าจะโผล่มาแค่ตอนเดียว คือ ตอนพิเศษ13 กบฏ และดอกไอริสสีน้ำเงิน ซึ่งผมเห็นว่า ควรเปลี่ยนชื่อเรื่องในภาษาไทยจริงๆ เพราะเล็งเห็นว่า มันเป็นการให้อิสระของผู้เขียนในการเล่าเรื่องมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ ผมขอใช้เวลาการคิดในระยะยาวสำหรับชื่อเรื่องภาษาไทยว่า จะทำการเปลี่ยนไปแนวทางใด

ส่วนประเด็นที่เหลือ ผมรับทราบแล้วครับและจะทำการแก้ไขในครั้งเดียวครับ


จะเห็นได้ว่า ถึงแม้ผมจะให้จิ้นว่า เป็นประเทศไหนในโลกก็ได้ แต่ผมอิงตามหลักกฎหมายไทยส่วนใหญ่ อีกอย่างในเรื่องนี้ยังมีช่องว่างที่ต้องปรับปรุงอีกเยอะ ต้องขอขอบคุณจริงๆครับ ที่ชี้ให้เห็นจุดบกพร่องในเรื่อง อีกทั้งคำผิดด้วยที่ยังไม่ได้ตรวจแก้ไข รวมถึงการเว้นวรรค และอีโมติคอน

ผมขอน้อมรับทุกคำติชมและคำแนะนำ ทั้งจากในเด็กดีและในเล้าเป็ด นะครับ มันจะทำให้นิยายเรื่องนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ขอบคุณจริงๆครับ (ก้มลงคำนับอีกรอบ)

มีประเด็นไหนที่อยากแนะนำเพิ่มเติม หรืออยากให้ผมจัดการแก้ไข สามารถสะกิดได้ครับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2015 01:10:46 โดย Kissa_O »

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
รับแซบคร้าบบบบบบ  :hao3:

แต่ยังรอตอนต่ออยู่นะคะ
ปล.เค้าจิ้นเพชรฟ้าได้อะ ไม่มีปัญหา
แต่ไม่ว่าจะคู่ไหนก็อย่าให้มาม่าชามโตนักนะคะ มันปวดใจจจจจจจ  :ling3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
คดีที่ 7
เด็กสาว...เก้าศพ(ปิดคดี)


“รู้ไหม? เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่างขึ้นมา สัญชาตญาณแรกของนักกฎหมายจะมองหาอะไร?”อยู่ดีๆทนายเพชรก็ถามผมขึ้น
“หลักฐาน?”ผมว่า พร้อมกับหันหน้าไปมองใบหน้าหล่อเหลานั่น อันที่จริง ผมก็พึ่งรู้ตัวว่าผมแอบชมเขาอยู่ในใจบ่อยเกินไปนะ เริ่มเกิดอาการดึงหัวตัวเอง
“วันนั้น วันที่เกิดเหตุ สิ่งแรกๆที่เธอมองเห็นคืออะไร?”
“อืม ผู้เสียชีวิต รถของคู่กรณี รถพยาบาล รถตำรวจ รถกู้ชีพ ความวุ่นวายที่อยู่โดยรอบ”
“มีอะไรอีกไหม?”
“นึกไม่ออกแล้ว”
“เธอเคยถามสิ้นฟ้าไหม ว่าเขามองเห็นอะไร?”
“ทนายเพชรถามแปลกๆ ผมจะไปรู้ได้ไงว่าวันนั้นท่านอัยการมองเห็นอะไร แต่แน่นอนที่สุด ท่านต้องมองเห็นผู้เสียชีวิต รถของคู่กรณี รถพยาบาล รถตำรวจ รถกู้ชีพ กับความวุ่นวายที่อยู่โดยรอบแน่ๆ”ผมตอบออกไปอย่างมั่นใจ ทนายเพชรยิ้มมุมปาก พร้อมกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
อ่อนใจอย่างเหรอ!? ก็คนปกติ เขาจะมองเห็นอะไรล่ะ นอกจากที่พูดมา วันนี้ไม่น่านั่งรถมาด้วยกันกับทนายเพชรเลย ชอบมีคำถามมาให้คิดอยู่เรื่อย  พอผมคิดไม่ออกนะ เจ้าตัวก็จะยิ้มมุมปาก แล้วส่ายหน้าเบาๆแสดงอาการเหมือนผมไม่ได้เรื่องตลอด

“แล้ววันนี้จะลากผมไปไหนครับ?”
“สถานีตำรวจน่ะ”
“ห๊า!?”


.

.

.



เมื่อมาถึงสถานีตำรวจเหมือนทนายเพชรได้นัดกับสารวัตรเอาไว้อยู่แล้ว เพราะเมื่อมาถึงก็ถูกเชิญให้ไปหาสารวัตรทันที
“สิ้นฟ้าบอกให้ผมมาที่นี่”ทนายเพชรเอ่ย
“ออ เราได้ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณนั้นแล้วล่ะ”ท่านสารวัตรบอก
“แสดงว่าฟ้า เข้ามาดูแล้ว”
“อันที่จริง เราก็ได้ภาพ ตั้งแต่วันแรกๆ ที่อุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้วล่ะ แล้วไอ้ฟ้ามันก็เข้ามาขอดูเป็นคนแรก เพียงแต่ ไอ้ฟ้ามัน ให้ปิดเอาไว้ก่อน จนกว่าทนายฝั่งโจทก์เขาจะเข้ามาขอภาพไป”
“นั่นแสดงว่า เจ้าตัวเขายืนยันจะให้คดีนี้จบแบบเดิม?”
“นี่แสดงว่าพี่เพชรก็รู้อยู่แล้วใช่ไหม ว่าภาพในกล้องที่บันทึกไว้ได้จะเป็นยังไง”ท่านสารวัตรถามขึ้น แสดงสีหน้าแปลกใจ
“มันก็พอที่จะเดาออก จากมุมกล้องที่เห็นวันนั้นในที่เกิดเหตุ และฟ้า ก็คงเห็นเหมือนกันถึงได้รีบเข้ามาดูเพื่อยืนยัน ความคิดของตัวเอง ว่าตัวเองคิดถูกไหม”
“ที่ทนายเพชรถามถึงสิ่งที่ผมมองเห็นในที่เกิดเหตุคืออะไร? คือสิ่งนี้ใช่ไหม?” ผมขอสารภาพเลยว่าสัญชาตญาณของผมอาจจะไม่เพียงพอ ผมไม่นึกถึงเรื่องนี้เลย ที่ว่า ในที่เกิดเหตุจะต้องมีกล้องวงจรปิด CCTV บันทึกภาพไว้ได้

แตกต่างจากทนายเพชร แล้วก็ท่านอัยการสิ้นฟ้า ที่ทั้งสองคน เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็จะมองหา พยานหลักฐานโดยรอบตัวทันที นี่สินะ ที่เรียกว่าความเก๋ามันต่างกัน ...ผมอยากจะเอาหัวโขกกับกำแพง

ทนายเพชรไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เพียงแต่พยักหน้า

“พี่สารวัตรครับ ในภาพนั้นมีอะไร?”
“งั้นเอาเป็นว่า พวกเราไปดูพร้อมกันเลยดีกว่า”
 


“เธอเห็นอะไรเต็มสิบ”หลังจากดูจบ ทนายเพชรก็ถามขึ้นมาทันที
“มันเป็นภาพที่ไม่ชัดเจนเท่าไหร่...”
“เรื่องนี้ฟ้าว่ายังไง บ้างล่ะหมวด”
“สารวัตรครับพี่...ไอ้ฟ้ามันบอกว่า ถ้าฝั่งโจทก์เขามาขอไปเป็นหลักฐานก็ให้เอาไป แล้วหลังจากนั้น มันบอกว่า พี่เพชรก็จะคิดได้เอง ว่าต้องทำยังไง”
“แล้ว...”
“ฝั่งโจทก์เขามาขอไปแล้ว ผมก็เลยให้เขาคัดลอกไฟล์ไปเรียบร้อย แต่ผมก็ขอเขานะ ว่าอย่าพึ่งเอาให้นักข่าว”
“งั้นหลังจากนี้ก็เอาให้นักข่าว ทำข่าวได้แล้วล่ะ”ทนายเพชรเอ่ยเรียบๆ  ก่อนจะหันมาถามผม “ต่อเลโก้เป็นไหม?”
“อะไรนะ?”
“สิ้นฟ้าจะต้องชดใช้ค่าเลโก้ที่จะต้องซื้อแน่นอน”

.

.

.


มือเรียวกดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปมา นั่งข่าวในจอโทรทัศน์แทบทุกช่อง นำเสนอข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าคดีของวาริธร สิ้นฟ้า ชักหัวคิ้วลงนิดหน่อย เมื่อนักข่าวพยายามวิเคราะห์อุบัติเหตุจากภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด
“กำลังเช็คเรทติ้งจากกระแสสังคมอยู่หรือยังไงครับ?”เสียงกาฝากที่ทุกวันนี้ที่เดินเข้าออกห้องเขาเสมือนเป็นห้องของตัวเอง เอ่ยขึ้น พร้อมกับมือหนาๆจับที่ไหล่
“นายให้ไอ้หมวดปล่อยภาพจากกล้องวงจรปิดให้นักข่าว?”
“พี่ว่าน่าสนุกไม่ใช่เหรอ ให้รู้บ้างไม่รู้บ้าง พี่ว่าต่อไปมันน่าสนใจดีออก ดูสิ ถึงขั้นทำแบบจำลองอุบัติเหตุกันขึ้นมา นี่พี่กำลังคิดอยู่เลยว่า จะไปขอยืมไปใช้ในชั้นศาลบ้างได้ไหม”ว่าทีเล่นทีจริง พร้อมกับเอาคางวางไว้บนหัวของคนที่นั่งจ้องโทรทัศน์ไม่วางตานั่น
“ฉันกลัวก็แต่ว่าจะมีแต่จำพวกด่าเอาไว้ก่อน ข้อเท็จจริงไม่ต้อง”เอ่ยพรางยิ้มเยาะ
 “เต็มสิบล่ะ?”
“ให้การบ้าน โดยการให้เอาเลโก้ไปต่อที่บ้านแล้ว”
“อืม...”
“จะว่าไปเด็กนั่น...”
“ฉลาดแต่ขนาดจินตนาการไปหน่อย”สิ้นฟ้าเอ่ยขัดขึ้น ทั้งที่ทนายเพชรยังพูดไม่จบ
“พี่ว่า ถ้าได้ขัดเกลาสักหน่อย ก็จะเก่งเองล่ะ” เพชรว่า
.

.

.

“หนูอยากแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตัวหนูเองไม่ได้มีเจตนาอะไรทั้งสิ้นที่จะทำให้เกิดการสูญเสียในครั้งนี้”วาริธร หรือ จำเลยในคดีได้เอ่ยขึ้น
“ในตอนที่เกิดอุบัติเหตุหนูได้ขับรถวิ่งอยู่ในเลนขวา และเห็นรถตู้วิ่งอยู่ข้างหน้าในเลนกลาง พอเห็นรถตู้ขับกินเลนเข้ามานิดหนึ่งก็เปิดไฟสูงขอทาง รถตู้ก็กลับเข้าไปในเลน แต่เมื่อขับรถเข้าไปในระยะใกล้ขึ้น และพยายามเร่งเพื่อที่จะแซงไป พอดีรถตู้โผล่มาอีกครั้ง เลยตกใจบีบแตรและหักหลบ”
“คุณกำลังจะบอกว่ารถตู้อยู่ในเลนกลาง แต่คุณอยู่ในเลนขวา รถตู้ที่อยู่ในเลนกลางนั้นขับกินเลนมาทางเลนขวาที่คุณอยู่ เมื่อคุณเปิดไฟสูงขอทาง รถตู้ก็กลับเข้าไปในเลนกลาง แต่เมื่อคุณขับเข้าไปในระยะใกล้ขึ้น และเร่งความเร็วของรถ เพื่อที่จะแซง รถตู้โผล่เข้ามาในเลนขวาที่คุณกำลังขับอยู่อีกครั้ง คุณเลยตกใจ บีบแตร หักหลบ ใช่ไหมครับ”ทนายเพชรถามย้ำ
“ใช่ค่ะ”
“หลังจากนั้นก็เกิดการกระแทก?”
“พอหักหลบ รถก็เสียหลัก  ทำให้ตัวไหลเข้าไปใต้แผงคอนโซลและก็รู้สึกว่าเกิดการกระแทก”
“คุณรู้สึกว่าถูกกระแทก นั่นหมายถึงคุณไม่ได้เห็นว่ารถของคุณกระแทกกับรถตู้ยังไง?”
“ใช่ค่ะ ไม่เห็น”
“เหตุการณ์หลังจากนั้นละครับ?”
“พอตัวไหลเข้าไปใต้แผงคอนโซล ก็ไม่เห็นเหตุการณ์ต่อจากนั้นเลยค่ะ ได้ลุกขึ้นมาอีกทีก็เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยออกมาจากรถ”
“หมดคำถามครับ”

“ทนายฝั่งโจทก์ มีอะไรจะเพิ่มเติมไหม?”ผู้พิพากษาท่านหนึ่งได้เอ่ยขึ้น

“อยากให้อธิบายเรื่องโทรศัพท์ครับ ในระหว่างที่ขับรถนั้น คุณวาได้ ใช้โทรศัพท์มือถือหรือไม่? จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ”ทนายโจทก์เอ่ยถาม
“ไม่คะ”
“คุณวาได้ทำการอัพเดทสเตตัส ลงบนโซเชี่ยล หรือการแชทระหว่างขับรถ?...”
“ในระหว่างขับรถ วาไม่ได้ใช้มือถือค่ะ”
“แล้วภาพที่ปรากฏออกมาว่าคุณวาได้ยืนพิงขอบทางด่วนโทรลล์เวย์กดโทรศัพท์มือถือ คุณมีคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้เช่นไร?...”พูดพร้อมกับกดเปิดภาพให้แสดงบนหน้าจอโปรเจคเตอร์ เป็นภาพของวาริธรที่ยืนพิงขอบของโทรลล์เวย์เหมือนกำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่
“ภาพนั่น ไม่ได้บ่งให้เห็นว่าในระหว่างที่วาริธรขับรถได้ใช้โทรศัพท์มือถือ ซะหน่อย”ทนายเพชรพูดออกมาเบาๆ โดยที่ไม่ได้เอ่ยค้านกับการซักถามของทนายฝั่งโจทก์ “พิสูจน์ไม่ได้”
“แต่มันก็อาจเล็งเห็นได้ว่า จำเลยได้มีการใช้โทรศัพท์มือถือมาตลอดตั้งแต่ขับรถ จนเกิดอุบัติเหตุ”ทนายฝ่ายโจทก์เอ่ย
“ใช้ความรู้สึกล้วน?”ทนายเพชรว่ายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“จำเลยตอบคำถามทนายโจทก์”ศาลจึงจำเป็นต้องเอ่ยขัด
“ภาพที่เห็นกดโทรศัพท์ก็คือกำลังโทรเรียกประกันและโทรหาพี่ชาย เพราะว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ยอมส่งโรงพยาบาล จนกว่าจะโทรเรียกประกันและแจ้งผู้ปกครองให้ทราบก่อนค่ะ”ทนายฝ่ายโจทก์พยักหน้าแสดงอาการเข้าใจ ก่อนจะกล่าว
“หมดคำถามครับ”

.

.

.

“ในที่นี้มีใครพิสูจน์ได้บ้างว่ารถของคุณวาไปชนรถตู้แล้วจึงทำให้รถตู้เสียหลัก?” ทนายเพชรกล่าวขึ้น ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก ผมกดเลื่อนสไลด์ภาพจำลองเหตุการณ์บนทางด่วนโทรลล์เวย์ โดยการอ้างอิงจากสถานที่จริง เพื่อให้ศาลดู แล้วเปิดภาพกล้องวงจรปิด CCTV ซึ่ง เป็นภาพจากทางฝั่งอัยการ ฝ่ายโจทก์ที่ได้รับมาเพื่อเป็นพยานหลักฐาน ซึ่งภาพในกล้อง CCTV แสดงให้เห็นถึงแสงไฟของรถตู้ และรถเก๋งที่ขับมาด้วยความเร็วทั้งคู่ ก่อนจะมีการปะทะกัน เห็นถึงแสงไฟของรถตู้สะบัด แล้วกระแทกเข้าสู่ขอบเส้นทางของทางด่วน โทรลล์เวย์
“ดูจากในบันทึกภาพ จากกล้อง CCTV มีความเป็นไปได้ถึงสองกรณี นั่นคือ รถของคุณวา ชนรถตู้จนรถตู้สะบัดกระแทกเข้าขอบโทรลล์เวย์แล้วเทกระจาดจนผู้ที่อยู่ด้านในรถกระเด็นออกมา หรืออีกทางหนึ่งรถตู้เสียหลักก่อน แล้วท้ายของรถตู้กระแทกเข้ากับรถของคุณวา แล้วรถตู้จึงเสียหลัก หลังจากนั้นจึงเทกระจาดผู้ที่อยู่ด้านในรถกระเด็นออกมา ภาพจากกล้อง CCTV มีโอกาสเป็นไปได้ถึงสองกรณีดังกล่าว”ทนายเพชรอธิบายไป ก่อนจะเลื่อนรถของเล่น และโทรลล์เวย์จำลองที่ต่อจากเลโก้ที่นำมาตั้งอยู่บนโต๊ะ แสดงให้เห็นถึงภาพจำลองเหตุการณ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
 “ทนายกำลังจะบอกว่า...”
“ผมกำลังจะบอกว่า จากคำให้การของคุณวารวมถึงภาพจากกล้องCCTVถ้าเกิดคุณวาไม่ได้เป็นฝ่ายขับชน แต่เป็นรถตู้ต่างหากที่เข้ามาชน นั่นไม่ได้หมายความว่าทางฝั่งรถตู้เป็นฝ่ายประมาท เหรอครับ?”
.

.

.

“ผลมันจะออกมาเป็นยังไงเนี่ย!”ผมเดินวนไปวนมาอย่างระทึก หลังจากการนัดสืบพยาน ตอนนี้ทนายเพชร ก็ถูกเรียกหายตัวไปไหนไม่รู้
“เป็นไร?”เสียงเนิบๆนิ่งๆเอ่ยขึ้น ผมแทบจะโผเข้าไปกอด
“ท่านครับ คิดถึงท่านมาก”
“ได้ข่าวว่าไม่ได้เจอกันยังไม่เกิน 24 ชั่วโมงเลย”ท่านว่าพร้อมยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“ท่านรู้ไหม ทนายเพชรน่ะ ทนายเพชรน่ะ” ผมเขย่าข้อมือของท่านอัยการ ท่านก็อย่ามองผมด้วยสายตาแปลกๆสิ
“กำลังจะใส่ร้ายรถตู้?”
“นั่นล่ะๆๆๆๆๆ” อะเด๊ะ? ท่านรู้ได้ไง?
“ฉันนั่งฟังอยู่ชั้นสองของห้องพิจารณาคดี”
“ออ...”ผมพยักหน้าเข้าใจ เพราะตอนไปในห้องพิจารณาคดี ผมสังเกตเห็นอยู่ว่า มีชั้นสองที่จัดไว้ให้ผู้ที่เข้ามาดูการพิจารณาคดีขึ้นไปนั่ง แต่คนส่วนมากไม่กล้าขึ้นไปครับ ไม่รู้เพราะอะไร
“ผม ถามจริงๆเถอะนะครับ ในคดีนี้ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่ สรุปใครผิดกันแน่ ทีแรกก็เหมือนน้องสาว...เอ่อ คุณวา เป็นฝ่ายผิด แต่ พอมาวันนี้ ฟังจากทนายเพชรพูด ก็เหมือน รถตู้อาจจะผิดด้วยก็ได้?”
“ฉันก็ไม่เคยบอกนะว่าวาริธร เป็นฝ่ายผิด...”
“เอ๋!?”
“ฉันแค่บอกว่า คนผิดก็ต้องได้รับโทษทางกฎหมาย”
“ถ้าคุณวาไม่ได้ผิด แล้วทำไมท่านถึงต้องไปเปลี่ยนข้อมูลของคุณวาให้วุ่นวาย ผมบอกตามตรง ผมงงไปหมดแล้ว”อยากทึ้งหัวตัวเอง แต่ท่านอัยการไม่ได้ตอบผม สายตามองไปยังทางหนึ่งที่ทนายเพชรเดินมา พร้อมกับผู้หญิงสองคน นั่นคือน้องสาวของท่านอัยการและแม่ของเธอ
“พี่ฟ้า...”เสียงเล็กๆนั่นเอ่ยเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหา คราวนี้ท่านอัยการไม่ได้ทำเป็นเมินหรืออย่างไร แต่กลับเดินเข้าไปหาเจ้าตัว ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ครั้งนี้ ฉันให้โอกาสเธอแล้ว และมันจะไม่มีครั้งที่สองที่ฉันจะให้โอกาสเธออีก ครั้งนี้เธอจะได้รับบทเรียนคือการตกเป็นจำเลยของสังคม ทั้งที่ยังไม่ได้พิสูจน์ความจริงให้เสร็จสิ้น ฉันอยากให้เธอจำ และจำไปตลอด กับสิ่งที่เกิดขึ้น...” หญิงสาวทำหน้าอึ้งไปสักพัก ก่อนจะก้มหน้าแล้วเอ่ยออกมาเบาๆ
“วาขอโทษ...”
“หลังจากคดีนี้เสร็จสิ้น ผมอยากให้คุณและวาริธร เดินทางไปต่างประเทศทันที”ท่านอัยการหันมาพูดกับคุณหญิงมุก
“อะไรนะพี่ฟ้า!”ร่างเล็กแสดงอาการตกใจ ก่อนจะหันไปมองทางแม่ของตัวเอง แล้วส่ายหัวบ่งบอกว่าปฏิเสธ “พี่ฟ้าเคยเห็นวาเป็นน้องบ้างไหม? หรือจะโกรธจะเกลียดวามากเพิ่มก็ได้ แต่อย่ากันวาออกไปจากชีวิตของพี่ฟ้าอีกได้ไหม?”น้ำตาไหลออกมาจากตาคู่สวย แต่ผมคิดว่าคงไม่ได้ทำให้จิตใจของท่านอัยการอ่อนลงเลยสักนิด เพราะนัยน์ตาคมกริบติดนิ่งเฉยยังคงหันไปเอาคำตอบจากคนที่เป็นแม่ของเด็กสาวตรงหน้า
“ได้ค่ะ คุณฟ้า หลังจากจบคดี น้ากับยัยวา จะไปต่างประเทศทันที”
“แล้วเรื่องคดี”ท่านอัยการหันมาถามทนายเพชรต่อ
“ก็อย่างที่ฟ้าคาดการณ์ไว้ ทางฝ่ายนั้น ขอให้คดีสิ้นสุดโดยเร็วเพราะกระแสสังคม ถ้าทางเราพิสูจน์ได้ว่าทางรถตู้เป็นฝ่ายผิด แล้วศาลตัดสินออกมาให้ผิดจริงจะยิ่งเป็นการทำให้มีผลกระทบแรงยิ่งขึ้น ทางนั้นเกรงว่านอกจากองค์กรศาลจะเสื่อมเสีย จิตใจของทางฝั่งโจทก์รวมถึงญาติผู้เสียชีวิตจะยิ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักมากเข้าไปอีก ทางเขาจึงขอให้เรายุติการพิสูจน์ข้อเท็จจริงแต่เพียงเท่านี้ และจะให้มีการตัดสินคดีโดยเร็ว” 
“นี่หมายความว่า ใครผิดใครถูกโดยแท้จริง เราจะไม่รู้เหรอครับ?”ผมถามขึ้น “เพราะ อย่างนี้ใช่ไหม ถึงต้องเปลี่ยนประวัติของคุณวา”
“โดยส่วนหนึ่งก็เพื่อให้แรงกดดันทางสังคมมันอ่อนลงได้บ้าง อีกทางก็เผื่อศาลจะได้มีทางลดโทษให้จำเลย”ทนายเพชรว่ายิ้มๆ ซึ่งผมเดาไม่ออกว่าเรื่องจริงหรือพูดเล่น
“และอีกอย่างหนึ่ง ผมต้องขอโทษคุณน้องวาและคุณน้าด้วย ที่ทำให้คดีไปในแนวทางนี้”ทนายเพชรก้มหัว
หญิงสาวหันไปมองท่านอัยการเล็กน้อย ทั้งน้ำตา

“ถ้าเป็นสิ่งที่พี่ฟ้าต้องการ วาก็จะยอมรับโดยดีค่ะ”เธอกล่าวทั้งน้ำตา

“ถ้าดึงดันต่อไปนอกจากต้องสู้กับกระแสสังคมแล้วยังต้องสู้กับอำนาจศาลอีก เป็นฉัน ฉันไม่สู้หรอก”ทางอัยการเอ่ยเรียบๆพลางเสมองไปทางอื่น
“วา ขอกอด พี่ได้ไหมค่ะ?”ท่านอัยการหันมามอง นิ่งคิดไปสักพัก ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ ร่างเล็กของหญิงสาว จึงเดินเข้าไปกอดพี่ชายของตัวเอง

ผมคิดว่ามันคงเป็นกอดครั้งแรก แต่ผมหวังว่า มันจะไม่เป็นกอดครั้งสุดท้ายของสองพี่น้องคู่นี้ก็พอ

.

.

.


“คดีนี้ก็จบแล้วสินะครับ”ผมเอ่ยออกมาเบาๆ พร้อมกับมองไปยังท่านอัยการที่กำลังวุ่นอยู่กับสำนวนคดีมากมายเต็มโต๊ะ “จะเรียกว่าเป็นการจบโดยการ เอาความผิดไปลงไว้ที่ผู้หญิงคนหนึ่งรึเปล่านะ? ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเป็นเด็กผู้หญิง...”
“รู้มะ ตอนนี้ฉันเห็นอะไร?”อยู่ดีๆท่านก็พูดขึ้นมา ผมเลยหันไปมองท่านด้วยความแปลกใจ นึกอยากจะพูดอะไรก็พูดขึ้นมานะ เป็นเพราะท่านไม่ได้นอนติดต่อกันมาหลายวันหรือไง?
“ท่านเห็นอะไร?”ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปหา ท่านจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม
“ฉันเห็นอนาคตนักกฎหมายที่ไม่ได้เรื่อง” ช๊ะ!? หมายถึงผมเรอะ? ผมเอานิ้วชี้ไปที่ตัวเอง “เรียนกฎหมายมายังไง ?ถึงถูกคนนู้นจับโยกไปนู่น จับโยกมานี่ ได้ง่ายนัก”
“ท่านหมายความว่ายังไงครับ?”
“คดีนั้นมันพิสูจน์ข้อเท็จจริงจนถึงที่สุดแล้วหรือไง?ถึงได้ปักใจเชื่อซะแล้ว ว่า วาริธร ไม่ได้ผิด”
“ผมแค่บ่นหงุงหงิงไปตามประสาผมน่า เอาจริงๆผมยังไม่ได้รู้เลยว่าใครผิดด้วยซ้ำไม่ว่าจะเป็นทางฝ่ายรถตู้ หรือทางตัวคุณวาเอง มันก็ดันถูกตัดจบก่อนซะงั้น เหมือน...ดูละครที่กำลังเรทติ้งดีๆเนื้อหาเสียดสีสังคม เสียดสีรัฐบาล แล้วรัฐบาลดันรับไม่ได้ มีคำสั่งฟ้าผ่าลงมาว่าห้ามให้ออกอากาศต่อ อารมณ์ประมาณนั้นเลย! อีกอย่างมันก็เป็นไปตามแผนของท่านตั้งแต่แรกนิ่ เรื่องวางแผนปั่นคนอื่นล่ะเก่งจริงเชียว”
“ฉันวางแผนปั่นคนอื่นยังไง?”
“ท่านทำเป็นเหมือนจะช่วยคุณวา แต่ท่านแค่อยากทำให้เรื่องมันจบในแบบของท่าน ถ้าท่านยืนยันที่จะให้ทนายเพชรพิสูจน์ความจริงท่านก็ทำได้ แม้นั่นจะเป็นการขัดต่อความคิดของศาล แต่ท่านเลือกที่จะให้ทนายเพชรยอมๆไป ทุกๆคนจะไม่ได้รู้ความจริงทั้งหมด ท่านให้โอกาสคุณวามีที่ยืนในสังคม แต่การยืนนั่นกลับอยู่ภายใต้การถูกครหา อยู่ใต้การตกเป็นจำเลยของสังคม”

“และฉันก็เฉดหัวเขาออกนอกประเทศ”

“นั่นเป็นการแก้แค้นของท่านหรือเปล่าครับ?”
ท่านเลี่ยงที่จะตอบคำถามนั้นของผม ก่อนจะถอนหายใจ แล้วเอ่ยบางอย่างขึ้นมาเบาๆ
“เต็มสิบ ฉันอยากให้เธอจำไว้อย่างหนึ่งนะ ความยุติธรรมเป็นยอดปรารถนาของนักกฎหมายทุกคน แต่บางครั้งก็ไม่สามารถแจกจ่ายให้ได้กับทุกคน”
“...”
“อีกอย่าง  ฉันแค่ปล่อยให้มันเดินไปตามกระแส พวกคนที่อยู่หน้าคอม หน้าโทรทัศน์ เป็นคนตัดสิน...ไปแล้ว"
"..."
"ยังไงบทสรุปของคดีนี้ก็คือ รถของวาริธร ซึ่งเป็นเยาชนได้ชนเข้ากับท้ายรถตู้อย่างแรง จนรถตู้เสียหลักไปฟาดกับขอบทางด่วน  จากนั้นประตูรถตู้ก็ได้เปิด และแรงเหวี่ยงส่งผู้โดยสารปลิวออกจากตัวรถ กระเด็นลงไปกระแทกพื้นข้างล่างของทางด่วน ทุกคนในสังคมนี้ จะได้รู้ตามนั้น”
“ครับ”
ผมว่าผมคงต้องกลับไปนั่งคิด ว่าใครกันแน่ที่ร้ายที่สุดในเรื่องนี้ อัยการ? ทนาย? ศาล? หรือกระแสของคนในสังคม…

.

.

.

เรื่องราวผ่านไปได้สักพักหนึ่ง ผมก็ต้องมายื่นท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ ของหมู่ญาติผู้เสียชีวิต ลมร้อนพัดเอื่อยๆ ทำให้ธงข้างหน้าศาลโบกสะบัด
“ฉันขอโทษแทนลูกสาวของฉันด้วยค่ะ ที่ทำเรื่องลงไป”คุณหญิงมุกคุกเข่าก้มลงกราบแทบเท้า ของแม่ผู้เสียชีวิต จนผมต้องเบือนหน้าหนี  บรรยากาศโดยรอบระคนความเศร้าผสมความกดดันจนหายใจติดขัด
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ไม่เป็นไร...คนเราทุกคนไม่ได้แกล้ง แม่เองก็ให้อภัยกัน ที่เสียใจเพราะลูกฉันเป็นคนดี ฉันไม่ได้แกล้งว่า แต่คนรอบข้างชมเขาทุกคนว่าเขาเป็นคนดีมาก”แม่ของผู้เสียชีวิตท่านหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับก้มลงไปพยุงคุณหญิงมุกให้ยืนขึ้น “รู้อะไรไหมค่ะ เราอยู่กันมาแค่สองคน ตำรวจมาถามว่าฉันอยู่กับใคร ฉันก็บอกว่าอยู่คนเดียว คุณยังมีลูกที่คอยกินข้าวด้วยกัน แต่ฉันไม่มีแล้ว...”น้ำตาของคนเป็นแม่ไหลลงอาบแก้ม
.

.

.

“ไม่มีแม่หรือพ่อคนไหน ที่อยากจะรดน้ำศพให้ลูกตัวเองหรอกค่ะ”
.

.

.

วันนี้ผมกับท่านอัยการมาเดินล่อนในห้างสรรพสินค้าครับ เพราะต้องซื้อของที่จำเป็นหลายๆอย่างในการย้ายสำมะโนครัว ? เอ่อ ผมพูดเล่นครับ แค่อยากจะบอกว่าเพื่อไปต่างจังหวัดสักพักหนึ่ง ผมพึ่งรู้ข่าวเมื่อวานนี้ วันนี้เลยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ดีศรีสังคม โดยการบุกห้องทำงานของท่านอัยการตั้งแต่เช้า งัดและแงะ ท่านอัยการให้ลุกออกจากเก้าอี้ ได้ข่าวว่าเมื่อคืน และหลายคืนก่อนหน้านั้นไม่ได้กลับคอนโด เพราะท่านต้องเคลียร์งานที่เหลือค้างให้เสร็จ ก่อนที่ท่านจะย้าย ไปสำนักงานอื่นชั่วคราว

คำว่าชั่วคราวเสมือนจะดูดี แต่ถ้าปิดคดีไม่ได้ ผมเกรงว่าคนนิสัยอย่างท่านอัยการ คงไม่ยอมกลับมาแน่ๆ

“แชมพู”
“จำเป็นด้วยเหรอ?”ถามอย่างนั้นหมายความว่ายังไง ฮะท่าน!
“ท่านไม่คิดจะสระผมเหรอ ?”
“ฉันแค่คิดว่า ที่ไหน มันก็คงมีขายหรอก”ท่านว่า พลางเกาหัว แล้ว หันมองทางอื่น
“เอาน่า เผื่อไม่มียี่ห้อที่ท่านใช้ประจำทำไง ยิ่งหายากอยู่”
“เอาตามตรง ฉันใช้สบู่สระหัวก็ได้”
“โอ้ย ผมปวดหัวกับท่านจัง”
“ร่างกายตายไปก็เน่า บำรุงอะไรมากมายนักหนา”
“บำรุง กับปล่อยตัวเองให้ซกมก มันแตกต่างกันนะครับท่านอัยการ ผมว่าท่านก็เป็นคนสะอาดนะครับ ไม่นึกว่าท่านจะมีมุมนิสัยแบบนี้”
“เป็นตัวของตัวเองมันผิดตรงไหน?”
“รู้สึกวันนี้  อารมณ์ดีๆของท่านเริ่มกลับมานะครับ พูดเก่งเชียว” อยากจะบอกว่า นอกจากจะพูดโต้ตอบทุกอย่าง ท่านยังสามารถทำหน้านิ่งๆได้อย่างกวนตีนอีกด้วย แสดงว่า ค่อนข้างอารมณ์ดีขึ้น จากหลายวันที่ผ่านมาในช่วงเดือนก่อนหน้าและเดือนนี้
“ก็มีความสุข...” ก็ ใช่ล่ะนะ ปล่อยวางจากคดีของน้องสาวตัวเองได้แล้ว เพราะที่เหลืออีกนิดหน่อยก็ให้ทนายเพชรจัดการ จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลออกมา ค่อนข้างจะไม่ค่อยมีอะไรน่าเป็นห่วง ตามความพอใจของท่านล้วนๆ “เนี่ย ฉันคิดหนักนะ คิดไม่ตกมาหลายวันเลยล่ะ จนนอนไม่ได้กินไม่หลับ”
“กินไม่ได้นอนไม่หลับครับ”
“เออ นั่นล่ะ ที่ๆฉันจะไปมันเป็นป่าใช่ไหมล่ะ”พูดพร้อมกลับที่สีหน้านิ่งๆนั่น แสดงความกังวลออกมานิดหน่อย
“ครับ ท่านกำลังห่วงเรื่องอะไร?”
“กำลังคิดว่าในป่า เขาลำเนาไพร จะมีไอศกรีมให้ฉันกินบ้างไหม รู้สึกคิดหนักมาก”
“ท่านรู้จักกระบอกไม้ไผ่ไหมครับ?”
“นายรู้วิธีที่จะเอากระบอกไม่ไผ่มา ทำไอติมงั้นเหรอ?”
“เปล่า จะเอามาฟาดหัวท่านนั่นแหละ! กระบอกไม่ไผ่ทำไอศกรีมได้ที่ไหนกันละท่าน”
“แอร๊ย กล้าหาญขึ้นนะเรา”
“เอาเป็นว่า ถ้าอยู่นั่น มีตู้เย็นก็ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจะหากระติกเก็บความเย็นเล็กๆให้ท่านเอาติดตัวไปด้วย พอลงจากสนามบินปุ๊ป ท่านก็ซื้อไอศกรีมใส่กระติกเอาไว้ พอถึงที่พักท่านก็เอาไอศกรีมของท่านใส่ตู้เย็น แค่นี้ท่านก็มีไอศกรีมทานนานๆแล้วล่ะ”พูดด้วยสีหน้าภูมิใจ ที่ตัวเองคิดได้
“เต็มสิบ ทำไมเรื่องอย่างนี้เธอฉลาดจัง”ว่าพร้อมยกนิ้วโป้งขึ้นมา ท่านยิ้มพร้อมกับดูของใช้ อันไหนไม่ชอบใจก็ส่ายหัวไปมา ส่วนอันไหนที่ผมเสนอ หรือที่ท่านสนใจก็จะหยิบมันขึ้นมาดูแล้วอ่านฉลาก แต่ถึงอย่างนั้นสุดท้าย ท่านก็หันไปหยิบยี่ห้อที่ใช้ประจำของท่าน แล้วเอาใส่ตะกร้าอยู่ดี

“ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน!”อยู่ดีๆ เสียงเอะอะ โวยวายก็ดังขึ้นโซนข้างหน้าที่เป็นเคาน์เตอร์ชำระเงิน ท่านอัยการเลิกสนใจที่จะเลือกของ แล้วเดินไปดู


ก่อนจะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากการคุมตัวของเจ้าหน้าที่


....................................................see ya................................................




จัดว่าเป็นการปิดคดีไหมนะ? เอาเป็นว่าถือว่าปิดเนอะ 555+
คำเตือน! อย่าเอาไปเชื่อมโยงกับคดีในโลกแห่งความจริงเด็ดขาด (ลูบแขนๆ)
เจอข้อผิดพลาดตรงไหนสะกิดได้ครับผม
สงกรานต์เที่ยวให่สนุก ใจเย็นๆ อย่าไปก่อคดีขึ้นมาล่ะ
แล้วเจอกันหลังสงกรานต์ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2015 00:24:09 โดย Kissa_O »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อยู่กับกลุ่มนักกฎหมายแล้วปวดหัว มานั่งกินไอศครีมแทนสิ้นฟ้าดีกว่า รอคดีต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
คดีที่ 0.5
ธงคำตอบ

“ครับ  เดี๋ยวผมจะดูแลให้ครับ” พี่สารวัตร แกพูดกับฝ่ายกฎหมายของทางห้าง ก่อนที่ทางฝ่ายกฎหมายจะเดินออกไป ทิ้งให้ชีวิตอีก สี่ชีวิต ซึ่งประกอบไปด้วย ผม ท่านอัยการสิ้นฟ้า พี่สารวัตร และแขกรับเชิญอีกหนึ่ง ในห้องต้องมองตากันปริบๆ

“หลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดมัดแน่นหนาขนาดนี้ ถ้าไม่ส่งให้อัยการฟ้อง ก็เกรงว่าตำรวจกับอัยการจะมีความผิด อะนะ”พี่สารวัตรพูดขึ้น

“แต่พวกคุณต้องช่วยฉันนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำ แต่มันจำเป็น”แขกรับเชิญ ที่เป็นหญิงหนึ่งเดียวของห้องเอ่ย

“ลักทรัพย์ เป็นคดีอาญาแผ่นดิน ถึงแม้หลังจากนี้จะเกลี่ยกล่อมให้เจ้าทุกข์ไม่เอาเรื่องได้ แต่มันก็เป็นความผิดอันยอมความไม่ได้”ท่านอัยการกล่าว

“มาพูดเรื่องกฎมง กฎหมาย กับชาวบ้านธรรมดาอย่างฉัน ฉันก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ”ผู้ต้องหาในคดีว่า ก่อนจะก้มหน้า “ฉันรู้แค่ว่าฉันมันจน ถ้าไม่ทำอย่างนี้  คนที่อยู่ที่บ้านก็จะไม่มีอะไรกิน”

“แต่แอบขโมยของในห้างก็น่าจะรู้อยู่ว่ามันมีกล้อง มีเครื่องสแกนบาร์โค้ดป้องกันการขโมยของ มียาม มีเจ้าพนักงาน ก็ไม่น่าทำหรอก อีกอย่างความจนไม่ใช่เหตุผลที่จะเอามาอ้างให้ทำผิดกฎหมายได้ จน ไม่มีเงิน ก็ต้องรู้จักทำมาหากิน...โดยสุจริต”

 “กะ ก็ พวกคุณไม่ลองมาจนมั่งนี่ค่ะ คนเรามีทางเลือกไม่มากหรอกค่ะ พวกคุณนั่งทำงานอยู่ในห้องแอร์ มีกินมีใช้ มีทุกอย่างเหนือคนอื่น ใส่เครื่องแบบ ใส่สูทเดินไปเดินมา ไม่เห็นต้องคิดมากกับชีวิต เหมือนพวกคนจนๆอย่างพวกฉันนี่ค่ะ”

“แล้วที่มีทุกอย่างในวันนี้ได้ เธอคิดว่าคนใส่สูท ใส่เครื่องแบบเดินไปเดินมา เขาพยายามมากแค่ไหน ไม่จำเป็นต้องลองจนหรอก แค่รู้เพียงว่าถ้าไม่พยายามให้มากกว่าก็จะจนเท่านั้นเอง ถ้าเกิดมาต้นทุนในชีวิตน้อย ก็ต้องพยายามให้หนักกว่าคนอื่นที่เขาเกิดมามีต้นทุนในชีวิตมากกว่า นี่คือเรื่องพื้นฐาน ไม่ใช่กฎมงกฎหมาย หวังว่าชาวบ้านธรรมดาอย่างเธอจะเข้าใจนะ”

“ท่านอัยการ...”ผมเอ่ยเรียกท่านเบาๆ ก่อนที่ท่านจะเข้าสู่โหมดเทศนายาวกว่านี้ รับรอง มีแววคนที่ทำผิดอยู่ตรงหน้าได้บรรลุทางธรรม บวกอภิมหาปรัชญาการดำเนินชีวิตยังไง ไม่ให้ผิดกฎหมายแน่นอน

“กฎหมาย ก็มีไว้เอาผิดกับพวกคนจน คุกก็มีไว้ขังแค่คนจนกับหมาเท่านั้นล่ะ”

“เฮ่! เธอ...”พี่สารวัตรทำท่าจะค้าน แต่ถูกท่านอัยการยกมือเป็นเชิงห้ามก่อน

“ต่อให้ไม่จน ฉันก็จับเข้าคุกได้ ถ้าฉันอยากจะจับ” ว่าพรางยิ้มนิ่ง ๆ



“คดีนี้ ท่านคงไม่ได้เป็นคนฟ้องเองใช่ไหมครับ?”ผมถามขึ้น หลังจากที่ขับรถออกมาจากสถานีตำรวจนครบาล

“ฉันจะย้ายไปที่อื่นแล้ว เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับฉันหรอก”

“คุกมีไว้ขังหมากับคนจนจริงเหรอครับ?”

“อื้อ เลี้ยงข้าวอย่างดีด้วย ขนสวยเชียวล่ะ”

“พูดเล่นไปเรื่อย”ผมทำปากยู่

“วันหลังพาไปทัศนะศึกษาที่คุกเอาไหม?”

“ไม่เอาหรอก ถึงจะรู้ว่าเพื่อนท่านอยู่ในนั้นเยอะแยะก็เถอะ”ผมว่า ท่านอัยการหัวเราะ เบาๆ

“ก็เห็นอยากรู้ ก็จะพาไปพิสูจน์ความจริงไง จะได้ไปบอกคนอื่นได้ ว่าไอ้วลีเด็ด ที่ว่าคุกมีไว้ขังหมากับคนจน มันจริงเท็จแค่ไหน”

“เอาไว้ให้ผมอยากมีเพื่อนเพิ่ม แล้วผมจะให้ท่านพาไปละกัน”

“นี่...ว่าแต่เต็มสิบบ้านนายนี่หายากจัง รู้สึกป้ายนี้ขับรถผ่านมาสองรอบล่ะ”ผมรีบมองออกไปข้างนอกหน้าต่างทันที เมื่อท่านอัยการเปรยออกมาอย่างนั้น


...หลงสินะ...


“หน้าตาดีอย่างนี้เอง  เต็มสิบมันพูดให้แม่ฟัง ชมนักชมหนา ไม่นึกว่าตัวจริงจะหน้าตาดีมากมายขนาดนี้”แม่ผมพูด เมื่อได้เห็นท่านอัยการ หลังจากกล่าวทักทายกันเล็กน้อย ก็ดูว่าแม่จะถูกใจท่านอัยการสิ้นฟ้าไม่น้อยเลยทีเดียว  อยากจะตีแม่ตัวเองเบาๆ

“เอ่อครับ”ท่านว่าพร้อมกับส่งยิ้มให้

“ขอบใจนะที่มาเยี่ยมแม่ เต็มสิบมันก็ชอบหมกตัวอยู่แต่กับหอ อาทิตย์หนึ่งก็มาแค่สองสามวัน ทั้งที่บ้านก็ไม่ไกลแต่ไม่รู้ทำไมถึงชอบขี้เกียจกลับบ้าน เอาเต็มสิบไปช่วยงานเป็นยังไงบ้างละลูก”

“อาจจะเป็นเพราะเต็มสิบมาอยู่ช่วยผม งานเลยสบายขึ้นหน่อย งานเสร็จเร็วขึ้น อย่างน้อยก็มีเวลาได้นอนตามเวลาปกติเหมือนคนอื่นเขาบ้างครับ”ท่านตอบพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

“ยิ้มน่ารักเชียว  เดี๋ยวแม่ไปทำอาหารก่อน จะได้ทานข้าวกัน อยู่ทานข้าวกับแม่ก่อนนะ”แม่ว่าพร้อมกับเดินเข้าครัวไป ครอบครัวผมที่อยู่บ้านก็มีแค่แม่กับผม และแม่บ้าน อีกคนหนึ่งครับ ส่วนพ่อของผมเป็นวิศวกร เปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างเล็กๆที่มีสำนักงานอยู่ในเมืองเป็นของตัวเอง แต่เจ้าของออกทำงานแทบจะทั่วราชอาณาจักร ตามงานโครงการที่เขาให้ลง บางครั้ง ก็รับงานต่างประเทศ นานๆที กลับบ้านครั้งครับ พี่มันก็ฝึกงานตามๆพ่อไป

“ท่านครับ...”ผมเรียกท่านหันมามอง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เมื่อผมจับมือของท่านขึ้นมา ก่อนจะเอาสร้อยข้อมือสีเงิน ทำมาจากเงินแท้ ออกแบบรูปทรงคล้ายเข็มขัดเปิดปิดได้ เส้นเล็ก ใส่เข้าไปที่ข้อมือข้างซ้าย คู่กับนาฬิกาที่ท่านใส่เป็นประจำ

“เอ่อ อันที่จริง ผมก็ไม่เคยให้อะไรท่านเลย กะจะเอาให้ตั้งแต่วันเกิดของท่าน แต่เรื่องมันก็วุ่นวายไปหมด นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายเดือน น่าอายชะมัดแหะ”ว่าไปก็เกาหัวแบบเขินๆไป   

“คือ มันอาจจะไม่มีราคาอะไรมากมาย แต่หวังว่าท่านจะรับไว้นะครับ”ผมพูดพร้อมกับยิ้ม ท่านอัยการสิ้นฟ้ายิ้มตอบเล็กน้อย ก่อนจะเอามือมาขยี้ หัวผม ก่อนจะยกแขนขึ้นมองดูกำไลข้อมือที่ผมใส่ให้

“ฉันชอบมันนะ”

.
.
.

“และก็ขอบใจ...เต็มสิบของฉัน”


ท่านก็เป็น อัยการสิ้นฟ้า ของผมเหมือนกัน...





“เดี๋ยวนี้นั่งเหม่อแล้วเอาปากกาเคาะโต๊ะ บ่อยเกินไปนะ พี่อยากรู้ว่าสิ้นฟ้าคิดอะไรอยู่?”เพชรถามขึ้น เมื่อสังเกต มาได้สักพัก สิ้นฟ้าชะงักเหมือนพึ่งรู้ตัว ก่อนจะหันมามองคนที่ถาม

“เสียงดัง รู้สึกรำคาญเหรอ?” เสียงเคาะปากกากับโต๊ะมันไม่ได้ดังจนน่ารำคาญอะไรเพราะมันเป็นการเคาะเบาๆเป็นจังหวะคล้ายกับเข็มบอกวินาทีของนาฬิกา ถ้าไม่สังเกตก็แทบไม่ได้ยินหรอก แต่ช่วงนี้มันบ่อยเกินไป จนอดแปลกใจไม่ได้เท่านั้นเอง

“ไม่ครับ ไม่ได้รู้สึกรำคาญ”

“อืม คิดอะไรนิดหน่อย...แล้วเผลอไปน่ะ ถ้าเสียงดังเกินไปก็บอกนะ”

“ตีสามแล้ว พี่ว่าฟ้าควรจะวางปากกาแล้วเข้านอน”

“นายก็ควรวางปากกา แล้วก็เข้านอนเหมือนกัน”

“แปลกดีนะ ขนาดนั่งตรงข้ามกันอยู่ด้วยกันตรงหน้าแท้ๆ จะพูดคุยกัน ยังนับประโยคได้เลย”ทนายเพชรว่าพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ตอนนี้โต๊ะกลางโซฟาของห้อง กลายเป็นที่ทำงานประจำของพวกเขา

“นายมีงานต้องทำ ฉันก็มีงานที่จะต้องทำ ได้นั่งทำงานใกล้ฉันขนาดนี้ น่าจะเป็นโชคดีของนาย อีกอย่าง ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนายด้วย”

“พี่ควรเจ็บปวด กับคำพูดของฟ้าไหมเนี่ย?”

“ไม่มีใครทำให้นายเจ็บปวดได้เท่าฉันแล้วล่ะ”

“เป็นคำพูดที่ไม่มีความซึ้งเอาซะเลย...ว่าแต่ กำไลนั่น ของเต็มสิบเหรอ?”ว่าพร้อมกับมองไปที่ข้อมือของคนตรงหน้า

“อืม...”

“ถ้าไม่ได้รักเขา แล้วไปให้ความหวังเขา มันไม่ดีนะ”ทนายเพชรว่า พร้อมกับยิ้มมุมปาก นัยน์ตาคมสีนิลหันมามองคนพูด

“ฉันไม่ได้ให้ความหวัง และฉันคิดว่า ตอนนี้เต็มสิบก็ไม่ได้หวังอะไรจากฉันด้วย”

“ก็ไม่แน่นะ”

“พี่เพชร!”

“ตอนนี้พี่คิดว่าฟ้ามีเรื่องที่ต้องคิดมากแล้ว เพราะฉะนั้นพี่จะไม่เอาเรื่องมาให้ฟ้าคิดเพิ่ม ไปนอนกันเถอะ” ว่าพลางวางปากกา ปิดแฟ้ม เก็บเอกสาร แล้วเดินเข้าห้องนอนไป

“คือ นี่งอน ใช่มะ!”สิ้นฟ้าตะโกนถาม

“ผมไม่ได้งอนคุณเลย จริงๆนะ”เสียงตะโกนตอบหลับมา

“...ไอ้บ้า...”ว่ากับตัวเองเบาๆก่อนที่จะรีบวางปากกา เก็บเอกสาร แล้วเดินเข้าห้องนอนไป


“เพชร!”เรียกครั้งที่หนึ่งไม่หัน เอาผ้าห่มคลุมโปง แกล้งหลับ

 สิ้นฟ้าเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของเตียง ที่มีร่างของกาฝาก ของห้องนอนอยู่

“พี่เพชร”เสียงเรียบนิ่ง เริ่มกดต่ำ มือกอดอก ยืนมองคนที่ทำเป็นไม่สนใจเขาอยู่ “เต็มสิบ ก็น้องนะ รับของจากน้องมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่”ยืนเกาหัวเล็กน้อยด้วยความ งง เขาคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรจริงๆนะ

 “อีกอย่าง ก็ไม่ได้คิดอะไรกับเต็มสิบ เกินกว่าน้องอยู่แล้ว ฉันจะไม่ถอดออก หรือเก็บไว้เฉยๆโดยไม่เอามาใส่หรอกนะ พี่เพชรก็จะมาบังคับฟ้าให้ไม่ใส่ไม่ได้ด้วย เต็มสิบเป็นน้องของฟ้านะ”

“แล้วพี่ล่ะเป็นอะไร?”อยู่ดีๆก็ลุกขึ้นนั่ง แล้วคว้าข้อมือของคนที่ยืนอยู่ เล่นเอาคนอย่างสิ้นฟ้าผงะถอยหลัง นิดหน่อย

“...”

“ฟ้าตอบได้ไหม?”

“...”

“ขอคำตอบแบบหักธงเลยก็ได้ ไม่ต้องอ้างมาตรา ฎีกา หลักกฎหมาย ไม่ต้องวินิจฉัย อะไรทั้งสิ้น ใช้ความรู้สึกแบบคนทั่วไปตอบก็พอ”

“...”

“พี่เป็นอะไรสำหรับฟ้า?”คำถามของเพชรทำให้ร่างสูงโปร่ง ตรงหน้าอ้ำอึ้งไป พร้อมกับหลบตาขมวดคิ้ว อย่างคนใช้ความคิด เพชรไม่ได้อยากเร่งรัดอะไรมากมายกับสิ้นฟ้า แต่เขาก็อยากทำอะไรให้มันชัดเจน ถ้าปล่อยให้คนตรงหน้าหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เสียที แล้วยังคงให้อิสระลอยไปลอยมาอยู่อย่างนี้  เกรงว่า เขานี่ล่ะ จะเป็นคนที่หมดความอดทนเสียก่อน และไม่อยากทดสอบความอดทนของตัวเองด้วย

“มันไม่มีธงคำตอบ สำหรับเรื่องความรักหรอกนะ”สิ้นฟ้าหันมาสบตาเพชร ก่อนจะเอ่ยออกมา เผลอกำมือของตัวเองแน่น

“...”

“แต่...”

“...?...”

“เป็นแฟนกันไหมพี่เพชร?”

เป็นคำถามของฟ้าที่ทำให้เขาต้องยิ้ม และอดแปลกใจไม่ได้ เพราะสิ้นฟ้าเป็นฝ่ายถามเขาก่อน ถึงท่าทางจะยังดูสับสน กับสิ่งที่ตัวเองได้ถามออกมา ความมั่นใจช่างดูแตกต่างกับตอนที่ถามค้านพยานในชั้นศาล แต่นั่นล่ะ เขาเข้าใจเพราะว่า คนตรงหน้าเป็นสิ้นฟ้า

 “ธงคำตอบของพี่ คือ ตกลก...แล้วฟ้าล่ะจะเป็นแฟนกับพี่ไหม?”

“อืม...ตกลง”

เพียงแค่พริบตาเดียว สิ้นฟ้าที่ยืนอยู่ก็ถูกทนายเพชรดึงเข้าไปจูบ เอาจริงๆมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่จูบกัน แต่มันก็ไม่ได้บ่อยนักที่จะได้จูบ เพราะแทบจะทุกครั้งที่เพชรจะแตะต้องตัวสิ้นฟ้าในเชิงนี้ ถ้าไม่แอบเนียน เพชรจะขออนุญาตก่อนเสมอ ไม่ได้ให้เกียรติ ไม่ได้กลัว แต่เกรงใจ แต่วันนี้ขอล้ำเส้นหน่อยเหอะ รู้ตัวอีกทีหลังของสิ้นฟ้าก็จมไปกับความนุ่มของที่นอนแล้ว ทั้งที่ริมฝีปากของทั้งสองยังไม่ได้ผละห่างออกจากกัน

“อื้อ...”เสียงประท้วงจากคนข้างล่างที่จมไปกับที่นอน พร้อมกับการทุบหลังคนที่ตัวใหญ่กว่า ทำให้ทนายเพชรผละออกและเว้นจังหวะ ให้อัยการที่ติดหอบตอนนี้ มีโอกาสได้หายใจ แต่ก็ไม่ได้เว้นระยะห่างออกไปไกลมาก เพราะปลายจมูกยังคงสัมผัสรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆของกันและกัน ท่ามกลางห้องนอนที่เปิดเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิที่เย็นจัดอยู่

นัยน์ตาคมกริบของสิ้นฟ้ามองทนายเพชรอย่างเคืองๆนิดหน่อย เพราะยังไม่ทันได้ตั้งตัว  แต่ก่อนที่จะได้อ้าปากพูดอะไร ริมฝีปากก็ถูกประกบจูบอีกรอบ ราวกับเพชรต้องการจะบ่งบอกว่า เขาต้องการสิ้นฟ้าอย่างไม่มีสิ้นสุด

รัก...รักมานานแล้ว และยังคงรักเสมอ

มันเหมือนกับฝันของเขาด้วยซ้ำ

ผละออกมาเพื่อมองหน้าสิ้นฟ้าอีกรอบ เจ้าตัวหลับตา ใบหน้าขาวๆของสิ้นฟ้าเริ่มติดจะแดงโดยเฉพาะแก้ม รวมถึงช่วงลำคอและใบหู และเขาคิดว่า ทั้งตัวขาวๆของสิ้นฟ้าก็คงจะแดงระเรื่อ อมชมพูไม่ต่างกัน

“นี่ ลืมตา ก่อนสิ”นัยน์ตาคมกริบ ค่อยๆเปิดขึ้น เพื่อมองหน้าทนายเพชร แต่ก็ต้องเอียงหน้ารีบหลบสายตาทันที เพราะทนสบตาผู้ชายตรงหน้าได้ไม่นาน มีหวังเขาอาจจะได้ระเบิดตัวเองก่อนแน่ แต่นั่นเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้คนอย่างทนายเพชร เพราะเจ้าตัวกดจมูกลงบนแก้มเพื่อสูดความหอมของคนที่หันหน้าหนีทันที ก่อนจะลากริมฝีปากและจมูกไปตามแก้ม ใบหู และกดจูบลงที่ลำคอขาว

“อ๊ะ...”สิ้นฟ้าเผลอร้องขึ้นเมื่อรู้สึกแรงดูดเม้ม และกัดที่ลำคอ และมือหนาที่เริ่มสอดเข้ามาในเสื้อของตน ค่อยๆลูบไล้ผิวเนียนละเอียดภายใต้เสื้อผ้า เจ้าตัวสะดุ้งจนต้องรีบหันหน้ากลับมามองทนายเพชร

 แต่เมื่อเห็นใบหน้านั่น...

รักมากเลยอย่างงั้นเหรอ?

สิ้นฟ้าอดที่จะถามตัวเองในใจไม่ได้ นัยน์ตานั่นแสดงออกอย่างชัดเจนกับเขา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีการโกหก หรือเล่นตุกติกอะไร

สายตาของเพชร...บอกอย่างนั้น

สิ้นฟ้ายกมือขึ้นไปวางทาบที่แก้ม ก่อนจะไล่ปลายนิ้วไปสัมผัสตามโคลงหน้า เปลือกตา สันจมูก ริมฝีปาก ราวกับกำลังเก็บรายละเอียด

“ซนจริง”ทนายเพชรว่า ก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปากของคนที่อยู่ใต้ร่าง บดเบียด นุ่มนวลแต่แฝงความร้อนแรงและลึกซึ้งอีกรอบ มือพลันลูบไล้ไปตามร่างกายของคนที่วินาทีนี้ ตกเป็นรอง ปล่อยให้เพชรสัมผัสและสำรวจร่างกายทุกสัดส่วนโดยไม่ขัดขืน
และเพียงแค่ปล่อยให้ไปตามอารมณ์ของคนสองคน



“ชีวิต ดี๊ดี มีอัยการเป็นแฟน”

“รู้สึกคึกเกินไปนะ”เต็มสิบ มองแรง! ผมถูกนัดให้มาช่วยงานทางฝั่งทนายเพชรครับ ก็คดีของน้องสาวท่านอัยการอะแหละ ซึ่งอยู่ในช่วงรอคำพิพากษาคดีอาญาของศาลชั้นต้นอยู่ แต่ก็ต้องเตรียมตัวไว้ ว่าถ้ามีคำพิพากษาออกมา ทางฝั่งโจทก์อาจจะมีการอุทธรณ์ก็ได้  ไหนจะเรื่องจัดสรรเงินเยียวยาบางส่วน ให้แก่ผู้เสียหายก่อนอีก ส่วนทางแพ่งศาลให้รอมีคำพิพากษาของคดีอาญาจนถึงที่สุดก่อนจึงจะมีการพิจารณาทางแพ่งต่อซึ่งทางโจทก์เรียกค่าสินไหมทดแทนมา 120 ล้าน ซึ่งทางแพ่ง ทนายเพชร คงจะลงเป็นแมตซ์ทนายไฝท์ สู้กับอาจารย์ของตัวเองแน่ๆ

แล้วอะไรคือการที่ผมต้องมานั่ง ฟัง คนอวดแฟน!

“ฮึ...ฮึ”

“หนูเบื่อ! หนูอยากไปหาท่านอัยการ!”

“ถามจริงตอนนี้รู้สึกยังไง?”

อืม...รู้สึกเจ็บไหมที่อยู่ดีๆทนายเพชรมาบอกว่า เขาตกลงคบกันกับท่านอัยการแล้ว  มันก็ไม่เจ็บเท่าเมื่อก่อนแล้วนะ แต่ถามว่ายังรักไหม ก็ยังรู้สึกรักเหมือนเดิม และอาจจะมากขึ้นด้วย ไม่สิ รู้สึกรักมากขึ้นจริงๆ ตลก ที่ทนายเพชรมาถามว่า รู้สึกยังไงแบบตรงๆมากกว่า

“ก็แค่รู้สึกรักมากขึ้น”

“รักไม่ได้หวังอะไร?”

“เป็นไปไม่ได้หรอกที่ไม่หวัง”

“แล้ว...?”

“แต่ถ้าเขามีความสุข เอาจริงๆก็ไม่คิดจะแย่งเขามาหรอก”

“เต็มสิบ...เธอนี่เป็นผู้ใหญ่กว่าที่ฉันคิดนะ”ทนายเพชรว่า

“วันไหนที่พวกคุณเลิกกัน ผมก็คงจะดีใจอ่ะ”

“ก็คงไม่ใช่เร็วๆนี้ และอาจจะไม่มีวันนั้น”

“ฮึ...ถ้าคุณมั่นใจ คุณคงไม่ใช้คำว่า ก็คง อาจจะ นั่นแสดงว่าคุณก็เผื่อโอกาสที่จะเลิกกัน”ผมพูดพลางยิ้มที่มุมปาก ทนายเพชรมองมาที่ผม ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ

“ฉันไม่ได้ใจกว้างเหมือนเธอเต็มสิบ แต่ฉันคือทนายเพชร ที่ฉันใช้คำว่า ก็คง หรืออาจจะ นั่นคือฉันกะทุกอย่างเผื่อพลาดเสมอ แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่มีแผนสำรอง แม้แต่เรื่องความรักก็ตาม”ว่ามา พร้อมกับส่งยิ้มให้ผม

“ทนายเพชร คนน่าหมั่นไส้” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ



เหมือนเวลาผ่านไปรวดเร็ว ผมก็ต้องมาส่งท่านอัยการขึ้นเครื่อง แม้จะเป็นการบินภายในประเทศ แต่ที่ๆท่านอัยการสิ้นฟ้ากำลังจะไปก็ไกลจากที่นี่ พอสมควร

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ เดี๋ยวค่อยตามไปก็ได้นี่”

“อีกตั้งสามอาทิตย์แน่ะ”น้ำตาจะไหลครับ ขอทำหน้าอ้อนท่านอัยการหน่อยเหอะ

“ตั้งใจเรียน ตั้งใจสอบ อีกไม่นานก็จะจบล่ะ พอถึงตอนนั้น อยากจะทำงานกับฉันเมื่อไหร่ก็ได้...ฝากเต็มสิบด้วยล่ะ”พูดกับผมเสร็จก็หันไปบอกทนายเพชร

“ฟ้าก็ดูแลตัวเองดีๆด้วย เดี๋ยวพี่โทรหา หรือถ้าถึงแล้วก็โทรมาหาพี่ด้วย”

“ตอนลงเครื่องในเขตเมือง หรืออยู่ที่สำนักงานอัยการจังหวัดก็อาจจะได้โทร แต่ไม่รู้ว่าพื้นที่ ที่จะเข้าไปตรวจสอบ จะมีสัญญาณโทรศัพท์ไหม อาจติดต่อกันลำบากหน่อย เอาเป็นว่าจะพยายามติดต่อมาแล้วกัน”

“พี่ก็จะติดต่อหาฟ้าบ่อยๆนะ”

“งั้นแล้วค่อยเจอกัน”ท่านอัยการเอามือมาขยี้หัวผม พร้อมกับยิ้มให้ ก่อนจะหันหลังเดินห่างออกไป



“เลิกทำหน้าหมาหง๋อย มองตามแฟนคนอื่นได้ล่ะ”
.
.
.
 ทนายเพชร คนน่าหมั่นไส้  ครั้งที่สอง







...


นักกฎหมายจะเรียกคำตอบว่า ธง
เรียกย่อหน้า ว่า วรรค
เรียกบทว่า บรรพ
นั่นคือที่มาของตอนนี้ และเต็มสิบก็ยังคงเป็นเต็มสิบ
อนุญาตให้เขวี้ยง หม้อ ไห กะละมัง ถ้วย ชาม มีด ปืน หรือ ระเบิดได้
กราบสวัสดีและขออภัย หลังจากที่หายไปเป็นเดือนด้วยการงานและหน้าที่มากมาย
มาต่อแล้วน้าาาา จะมีคนรออยู่ไหมน่อ?
บอกเลยที่หายไปส่วนหนึ่ง เพราะบทนี้แก้หลายรอบมาก
กว่าจะพอใจและคิดว่าลงตัวแล้วถึงเอามาลงได้ ฮา~~
มีอะไรผิดพลาดต้องขออภัย สะกิดได้ และขอบคุณที่ติดตาม นะครับผม >>>>>see ya
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2015 01:57:11 โดย Kissa_O »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
บ๊ายบายนะคะคนเขียน  เจอกันเรื่องหน้า

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
แต่งเกางอ่านเพลินมากๆ เลยค่ะ ^^

ออฟไลน์ Lunatan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เต็มสิบจะคู่กับสิ้นฟ้าได้ยังไง บทไม่ส่งเลย
เต็มสิบไม่เหมือนตัวเอกในความรู้สึกเรา เหมือนตัวปลากรอบที่คอยเล่าเรื่องมากกว่า
นึกถึงในหนัง ตัวละครที่อยู่ในเหตุการณ์มาเขียนเล่าเรื่องสิ้นฟ้ามากกว่า
ไม่เหมือนตัวละครที่เขียนเรื่องราวที่ตัวเองเป็นพระเอก(ตัวอย่างที่เล่าเรื่องตัวเองคือ บิลโบ ในเดอะฮอบบิท)
สำหรับเรา 'โลก' หมุนรอบสิ้นฟ้า แต่เต็มสิบเป็นคนบรรยาย มันแปลกๆ
เราไม่ถือเรื่องเนื้อหากฎหมายต่างๆ เพราะคนเขียนบอกเองว่าไม่ใช่ประเทศไทย
แต่เรารู้สึกว่าด้านความรักนี่ไม่ไหวเลย มันไม่สื่อถึงโอกาสของเต็มสิบอ่ะ
ยังไงๆทนายเพชรก็ทำแต้มนำไปหมดแล้ว ขณะที่เต็มสิบไม่ถูกมองในแบบนั้นเลย
เราไม่รู้สึกถึงการลุ้นพระเอกอ่ะ เราคิดว่าทนายเพชรไปแล้ว เต็มสิบไม่เรียลเลย อย่างที่บอก บทมันไม่ส่ง
เลยทำให้เราอาจไม่เข้าใจในสิ่งที่คนเขียนจะสื่อได้เต็มที่
ถ้ายังไงอยากให้บทของตัวละครทุกตัวหนักแน่นกว่านี้หน่อยอ่ะค่ะ
ที่อ่านตอนนี้มันหม่นๆ อึนๆ ในที่นี้ไม่ใช่ที่เนื้อหาหม่น แต่ว่าความรู้สึกของคนอ่านอ่ะค่ะ
มันตัดสินคู่จริง แต่มันก็ไม่อินพอที่จะมองตัวละครทุกตัวให้อยู่ในมุมมองที่เท่ากันได้น่ะค่ะ
อยากให้ลองปรับจริงๆก็แค่ที่ความแน่นของบทน่ะค่ะ
เพราะถ้าบทไม่ส่งมันจะพลอยทำให้พล็อตเบาไปเลย อ่านแล้วหงุดหงิดตัวเอง 555
ส่วนเนื้อหาโดยรวมถือว่าโอเคแล้ว เพราะเราไม่ได้เข้ามาเพื่ออ่านประมวลกฎหมาย
 มีแค่ด้านความสัมพันธ์ตัวละครนี้ล่ะที่ทำให้อ่านแล้วไม่โอ
ปล. ส่วนนึงที่มีความคิดเห็แบบนี้นเพราะชอบเต็มสิบมากๆนั่นแหละค่ะ อยากให้ดูตัวเอกกว่านี้

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ไม่เป็นไร แม้ ทนายเพชร จะเป็นแฟน ท่าย อัยการฟ้า

แต่เต็มสิบก็ มีสิทธฺรักต่อไปลูก

ทนายเพชร อยาก เป็น สามี พี่ฟ้า ก็ปล่อยเขา

ส่วนหนูเต็มสิบ นะอยากได้พี่ฟ้าเป็นสามี มันก็ เรื่องของหนู

ทนายเพชรก็ไม่มีสิทธห้าม เพราะหนูยังไม่ห้ามพี่ฟ้าไม่ให้คบกับทนายเพชรเลยโน๊ะ

เต็มสิบสู้ๆ อยากเป็นเมีย พี่ฟ้า ต้องไม่ยอมถอย ลุงเพชร ทำอะไรหนูไม่ได้หรอก หนูน่ารักขนาดนี้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ไม่เป็นไรหรอกเต็มสิบ เขาเป็นแฟนกันก็ดูเหมาะดีน่ะ

ออฟไลน์ New_Tai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
หนูสิบแมนมาก รอเสียบ พี่เพชรอย่าเผอนะ

ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: InLaw (คดีที่ 9 ลมสงบ 30/07/58 P.6)
«ตอบ #167 เมื่อ30-07-2015 23:51:12 »

คดีที่ 9
ลมสงบ

สีน้ำเงินมันเป็นสีที่สวยนะ ผมคิดว่าอย่างนั้น เวลามองมันทีไรผมก็นึกถึงท่านอัยการของผมตลอด ท่านอัยการสิ้นฟ้าเป็นคนที่จะเลือกอะไร ก็จะตั้งเอาสีน้ำเงินเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ผนังห้อง ผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม ปลอกหมอน ตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้า รองเท้าแตะ และของใช้อีกหลายอย่างส่วนมากล้วนเป็นโทนสีน้ำเงินเพียงแต่มันจะออกเป็นน้ำเงินเฉดไหนเท่านั้นเอง ตั้งแต่น้ำเงินอ่อนจนถึงน้ำเงินเข้มจนเป็นสีกรมคล้ายกับสีดำ ต้องบอกว่าท่านชอบหมดขอให้เป็นสีน้ำเงินก็พอ

และตอนนี้ผมก็กำลังมองดอกไม้

 ดอกไอริส...สีน้ำเงิน

และดูเหมือนผมจะจ้องนานจนเกินไป จนพนักงานร้านดอกไม้มองหน้า ก่อนจะเดินยิ้มเข้ามาหาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส

“ไอริสสีน้ำเงิน เป็นไอริสกลุ่มไอริสน้ำค่ะ ในประเทศเราค่อนข้างหายาก และสีน้ำเงินจัดแบบนี้ถึงแม้จะอยู่ในกลุ่มไอริสน้ำยิ่งหายากยิ่งกว่า เพราะส่วนใหญ่ไอริสกลุ่มนี้จะออกไปทางสีม่วงค่ะ”

“เป็นสีที่พิเศษจริงๆสินะครับ”ผมเอ่ยกับตัวเองเบาๆ

“คะ?”

“เปล่าไม่มีอะไรครับ”ผมพูดแค่นั้น ก่อนจะกล่าวขอบคุณแล้วเดินหนีออกมา เพราะผมไม่ได้คิดที่จะซื้อดอกไม้อยู่แล้วผมเดินเอื่อยๆ อย่างเหมือนคนไม่มีอะไรทำมาจนถึงป้ายรถเมล์หน้าสำนักงานอัยการ ตึกสีขาวแสดงความยิ่งใหญ่ยังคงตั้งตระหง่านโดดเด่นเฉกเช่นเดิม เหมือนทุกๆวัน

มันก็ยังทำให้ผมนึกถึงท่านอัยการ

ผมชอบคนแบบท่านอัยการสิ้นฟ้า ท่านไม่ใช่คนดีเลิศเลอ เพอร์เฟ็คแบบพระเอกในละคร นิยาย หรือเทวดามาจากไหน แต่ท่านทำให้ผมรู้สึกว่าท่านเป็นคนปกติทั่วไปที่มีด้านที่แย่และเข้าใจได้ยาก ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้มองท่าน ทั้งที่หลายๆครั้งผมก็ไม่รู้เลยว่าท่านกำลังคิดอะไรและกำลังจะทำอะไร แต่ความสนุกความที่อยากค้นหา ความหลงใหล ในสิ่งที่เขาทำมันกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างหยุดไม่ได้

นี่ผมมาถึงจุดนี้ได้ยังไง...จุดที่เอาแต่พร่ำเพ้อถึงท่านอัยการสิ้นฟ้า

ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ ไม่ติดต่อกลับมาเลย และถ้าถามผมว่า แล้วทำไมผมถึงไม่ติดต่อกลับไป มันเป็นคำสั่งครับและมีผลบังคับใช้กับทนายเพชรด้วย ท่านอัยการโทรมาครั้งสุดท้ายก็ตอนที่ถึงที่นั่น โทรมารายงานว่าถึงอย่างปลอดภัยดี แล้วอยู่ๆก็มีคำสั่งว่าห้ามติดต่อไป โดยไม่ให้เหตุผลอะไร แล้วก็ตัดสายไปเลย

ช่างเป็นคนที่ เอาแต่ใจสุดๆ!

แต่พี่สารวัตร ก็บอกว่า ท่านอัยการสิ้นฟ้าปลอดภัยดี เพราะพี่สารวัตรก็ติดต่อกับเพื่อนที่เป็นตำรวจทางนั้นถามถึงความคืบหน้า และความเป็นอยู่ของท่านอัยการอยู่เรื่อยๆ อย่างลับๆ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับท่านอัยการสิ้นฟ้า ทางนั้นก็จะติดต่อมาทันที ให้สบายใจได้ หายห่วง

จะว่าไปช่วงหลังๆมานี้ผมว่าท่านอัยการดูแปลกๆไป ดูเหมือนคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา หลายครั้งผมเห็นท่านเหม่อเผลอเคาะปากกากับโต๊ะ มองออกไปข้างนอกหน้าต่างมั่ง ผมล่ะอยากรู้ว่าจุดหมายที่ท่านมองอยู่มันคืออะไร บางครั้งก็น่าเป็นห่วง ถึงช่วงนี้ใบหน้าของท่านจะประดับยิ้มบ่อยๆก็เหอะ อาจจะบ่อยกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นยิ้มที่เหมือนซ่อนอะไรเอาไว้

ท่านกำลังคิดอะไรอยู่นะ...ผมล่ะอยากรู้จริงๆ

และท่านกำลังทำอะไรอยู่



.....................

“ไอ้หนู ขนของเสร็จแล้วก็อาบน้ำอาบท่า พักผ่อนนะลูก พ่อคุณเอ๋ย มาเที่ยวแท้ๆ ก็ไม่น่าจะต้องมาลำบากด้วยเลย”เสียงของชายวัยหกสิบกว่าเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเด็กหนุ่มรุ่นลูกช่วยงานตนขนผักตั้งแต่เช้าจรดเย็น หลังจากนั้นก็ช่วยเอาไปล้างเพื่อส่งขายให้กับพวกในเมืองที่เข้ามารับถึงหมู่บ้าน

“ไม่เป็นไรครับลุงอิ่ม เรื่องแค่นี้สบายมาก”เจ้าตัวเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มให้ ใบหน้าขาวติดเหงื่อไหลย้อย พร้อมกับคราบฝุ่นที่เลอะเปรอะเปื้อนหน้า อากาศที่นี่ใช่ว่าจะร้อนน้อยเสียเมื่อไหร่ อีกทั้งในช่วงหน้าแล้งนี้ก็แล้งเหลือเกิน ใบหน้าหล่อเหลาของสิ้นฟ้าติดเลอะฝุ่น เพราะตลอดช่วงทางที่ผ่านมาของหมู่บ้าน ก็ใช่ว่าจะเป็นถนนลาดยางเสียเมื่อไหร่ ฝุ่นฟุ้ง ปะทะหน้าปะทะเส้นผมดูมอมแมม ไปตามๆกัน  เมื่อช่วยลุงอิ่มเสร็จแล้ว เจ้าตัวก็บอกลาเดินไปตามทางของหมู่บ้าน เพื่อจะกลับไปยังบ้านพักของตน

หมู่บ้านที่เขามาอยู่เป็นหมู่บ้านที่ไม่ใหญ่มากนัก และค่อนข้างห่างไกลความเจริญพอสมควร แต่ที่นี่ก็มีน้ำมีไฟให้ใช้ถึงมันจะติดๆดับๆไปบ้างทั้งน้ำทั้งไฟจนบางวันต้องเดินไปอาบน้ำที่ลำธารที่ไหลมาจากแม่น้ำที่เป็นเขตกันชายแดนระหว่างประเทศ ถัดไปไม่ไกลประมาณไม่ถึง 10 กิโลเมตรเป็นเขตอนุรักษ์พันธ์พืชและสัตว์ป่าของกรมป่าไม้ จะบอกว่าหมู่บ้านที่นี่ทั้งติดเขตชายแดนทั้งติดเขาเลยก็ว่าได้ แต่ใช่ว่าอากาศจะดีเสียเมื่อไหร่ อย่างที่บอกพอเจอหน้าร้อนก็ร้อนจับใจจริงๆ ดีก็แต่มีที่ให้โดดน้ำเล่น แต่เขาก็ไม่กล้าไปเล่นบ่อยๆหรอก ยังรู้สึกเข็ดกับพวกแม่น้ำไม่หาย

“น้องฟ้าคนดีของพี่”

“...”แค่ได้ยินเสียงก็ปวดหัวล่ะ แต่ก็จำเป็นต้องยิ้มออกไป ทั้งๆใบหน้าที่เลอะฝุ่นและเหงื่อ

ร่างสูงบึกบึน ของหนุ่มหล่อประจำหมู่บ้าน ที่เจ้าตัวบอกว่าอย่างงั้น   เดินยิ้มละไม อวดใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในแบบที่คิดไปเองเดินเข้ามาหาน้องสิ้นฟ้าคนดีของตน  ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น เหมือนโดนกามเทพเอาศรมาปักที่หัวใจอะไรประมาณนั้น ซึ่งสิ้นฟ้าคิดว่า ไร้สาระสิ้นดี และไม่เคยนึกว่านอกจากเพชร จะมีผู้ชายคนไหนบ้ามาชอบเขาในเชิงชู้สาวอีก

“มีอะไรครับพี่เผือก”อัยการสิ้นฟ้าถาม

“อุ๊ย หน้าเลอะ มามา เดี๋ยวพี่เผือกเช็ดหน้าให้”ไม่ว่าเปล่า เผือกยังถอดผ้าขาวม้าที่คาดเอวของตัวเองออกมา แล้วกะจะเช็ดหน้าของคนตรงหน้า

“ไม่ต้อง ฉันเช็ดเอง!”เสียงเข้มดังขึ้น ก่อนที่ผ้าขนหนูชุบน้ำขาวสะอาด จะกระแทกเข้าหน้าของท่านอัยการสิ้นฟ้า พร้อมกับแรงถู แบบไม่ยั้งมือ ราวกับจะให้หนังหน้าลอกติดออกไปกับผ้าด้วย

“พอๆๆๆๆๆๆ เริ่ม เจ็บล่ะ”สิ้นฟ้าว่า ก่อนจะฉวยผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าเอง จากคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง

“นี่ก็ยืนให้มันเต๊าะอยู่ได้ กูละเซ็ง”เสียงเข้มว่าเบาๆ ให้สิ้นฟ้าได้ยิน

“น้องเก่งนี่ละก็ขัดขวางพี่เผือกตลอด!”

“ผมว่าพี่เผือก กลับบ้านไปก่อนดีกว่า ให้พวกผมได้พักผ่อนกันมั่งอะไรมั่ง เห็นมะไอ้ฟ้าของพี่ หมดแรงจนตามันจะหลับทั้งยืนอยู่ล่ะ”

“ตามนั้นแหละพี่เผือก ขอขึ้นบ้านก่อนนะ”สิ้นฟ้าว่า ก่อนจะเดินหันหลังขึ้นบ้านที่ตัวเองเช่าอยู่ไป โดยไม่สนใจพี่เผือก ที่กำลังทำท่าจะโวยวาย

“ถ้าไอ้พี่เผือกยังวนเวียน เทียวมาหามึงอยู่บ่อยๆ กูว่าสักวันความต้องแตกแน่ๆ”ร่างสูงโปร่งของเก่งบ่นงุบงิบ ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วยุ่ง พร้อมกับมองไปยังเพื่อนอัยการอีกคน ที่เตรียมตัวลากสังขารตัวเองไปอาบน้ำ เก่งเป็นอัยการประจำเขตจังหวัดนี้ แล้วถูกส่งให้มาร่วมทีมกับอัยการที่มาจากสำนักงานอัยการสูงสุดอย่างสิ้นฟ้า ทีแรกก็ไม่สนิทกันหรอก ตอนนี้ก็ยังไม่สนิทกันสักเท่าไหร่มั้ง รู้แต่ก็พอที่จะอยู่ด้วยกันได้ ก็แอบขึ้นกูขึ้นมึงกันไปแล้วล่ะ

“ไม่ใช่ตัวปัญหาพอที่จะทำให้ความแตกหรอก”สิ้นฟ้าเอ่ยเสียงเรียบ “แล้วผู้หมวดภูล่ะ?”

“ไปนั่งตกปลาอยู่ท้ายหมู่บ้านนู่น ทำตัวสมกับเป็นนักท่องเที่ยวดี เย็นนี้คงได้กินปลากันล่ะ”เก่งว่าอย่างไม่แยแส ส่วนเรื่องจะได้กินปลาเป็นอาหารเย็นกันไหมนั่นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะตั้งแต่หมวดภูได้งานอดิเรกตกปลา เขาก็ยังไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติของปลาที่หมวดภูตกมาสักที

“อืม...”สิ้นฟ้าว่า ก่อนจะลากสังขารตัวเองเข้าห้องน้ำไป

“ปกติเป็นคนนิ่งๆแบบนี้เหรอว่ะ?”เก่งว่ากับตัวเองเบาๆพร้อมกับเกาหัวอย่าง งงๆ “...เออ ช่างมันเหอะ” เขาก็แค่รู้สึกว่าอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ชื่อว่าสิ้นฟ้าเป็นคนที่เหมือนเป็นมิตรแต่ก็เข้าหาได้ยากพอสมควร



บรรยากาศตอนกลางคืนของที่นี่ เหมาะจะชมดาวบนท้องฟ้า ร่างสูงโปร่งของสิ้นฟ้า จึงระเห็จหนีจากเตียงที่ทำจากแคร่แล้วเอาฟูกวางเป็นที่นอนในห้อง มาเป็นเสื่อผืนหมอนใบเอามาปูนอนชมดาวที่ริมระเบียงอย่างคนนอนไม่หลับ เพราะหลังจากกลับมาจากไปช่วยลุงอิ่มเขาก็เผลอนอนไปกว่าสามชั่วโมงแล้วตื่นขึ้นมา เพราะถูกปลุกเรียกกินข้าว พอทานข้าวเสร็จขึ้นมานอนต่อตอนนี้ก็ดันนอนไม่หลับซะงั้น

ข้างๆตัวมีสโนว์บอลของขวัญจากเพชรและโทรศัพท์มือถือที่ดับและเดี้ยงไปเปิดไม่ติดมาเกือบจะอาทิตย์ทั้งที่ก็เป็นเครื่องที่พึ่งซื้อมาใหม่ แต่เขาก็เอาติดตัวไว้ตลอดเผื่อมันจะมีอารมณ์ติดขึ้นมาให้เล่นเกมมั่งอะไรมั่ง หรืออาจจะได้ติดต่อใครได้บ้าง ไอ้ครั้นจะเอาเข้าเมืองเอาไปซ่อม ก็รู้สึกขี้เกียจ และก็ชักจะติดการใช้ชีวิตที่ไร้เทคโนโลยีแบบนี้ซะแล้ว

ในระหว่างที่นอนดูดาวสิ้นฟ้ายกมือขึ้นลากเส้นกลุ่มดาวตามวิชาดาราศาสตร์ ที่เคยได้เรียนมาสมัยมัธยมต้น  ก่อนสายตาจะสบเข้ากับสร้อยข้อมือสีเงิน ทำให้นึกถึงคนที่ให้เขามา

“เต็มสิบคงมองไม่เห็นดาวแบบนี้หรอก”ใช้ว่าในเมืองหลวงจะได้เห็นดวงดาวเต็มฟ้าอย่างนี้ เพราะที่นั่นสว่างเกินไป ถ้าเต็มสิบได้มาเห็นที่นี่ เจ้าตัวคงชอบ

สิ้นฟ้าหยิบสโนว์บอลพอดีมือขึ้นมาเทียบกันกับสร้อยข้อมือที่เขาสวมอยู่ ก่อนจะยิ้มมุมปากและเอ่ยออกมาเบาๆ

“ถึงตานายที่ต้องช่วยฉันอีกครั้งแล้วล่ะ ทนายเพชร”



.......................................

“วันนี้ก็ต้องมาขนผัก”เก่งบ่นออกมาอย่างเซ็งๆ ตั้งแต่เข้ามาปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวได้จะเกือบอาทิตย์ ทุกวันก็หมดเวลาไปกับการขนผัก ช่วยชาวบ้าน

“อึ จะได้หุบปาก”สิ้นฟ้าว่า ก่อนจะเอาอมยิ้มยัดเข้าปากเพื่อนอัยการของตัวเอง มีเพื่อนอย่างอัยการเก่ง ก็ทำให้เขาอดที่จะคิดถึงไอ้หมวดเพื่อนของเขาไม่ได้ เพราะสองคนพูดมากเหมือนกัน แตกต่างกับหมวดภู หนึ่งในลูกทีมอีกคนที่ถึงจะตัวใหญ่ แต่นิสัยดูพูดน้อย เรียบร้อย น่ารัก และชื่นชอบการตกปลา นี่ก็หายไปไหนก็ไม่รู้ ถ้าไม่ไปตกปลาที่แม่น้ำหรือลำธารท้ายหมู่บ้าน ก็คงแอบไปปีนต้นไม้อยู่แถวๆนี้ล่ะ ชีวิตดี๊ดี อินดี้สุดๆ

“โอ้ย! มึงยัดมาเกรงใจฟันกูบ้าง หักไป ไม่มีเงินศัลยกรรมนะเว้ย แล้วนี่มึงอมยัง”

“อมล่ะ”

“เออ ดี อร่อยดี! กูไม่ให้คืนนะ”
สิ้นฟ้าเอาเท้าสะกิดเท้าเก่งเล็กน้อย ก่อนจะพยักเพยิดหน้าให้มองไปตามสายตาของตน ชายกลุ่มหนึ่ง เดินลงจากรถ ก่อนจะสังเกตมองไปโดยรอบของสวนผัก

ลุงอิ่ม เดินเข้าไปทักทายคนหนึ่งในนั้น ท่าทางจะรู้จักกันดี สิ้นฟ้ากระชับเข่งตะกร้าผักของตน ก่อนจะทำเป็นเดินเข้าไปหาลุงอิ่ม

“อ้าว ไอ้หนูมาพอดีเลยลูก มาๆๆ มานี่ก่อน มาทำความรู้จักกับพ่ออิฐ”ลุงอิ่มกวักมือเรียก ก่อนที่สิ้นฟ้าจะเดินไปถึง “ฟ้า นี่พ่ออิฐลูกชายกำนันเหม เป็นผู้มีพระคุณกับหมู่บ้านเรา หลายๆเรื่องในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค้าขาย ก็ได้พ่ออิฐจัดการให้เสียส่วนมาก ส่วนนี่พ่ออิฐ ไอ้หนูนี่ชื่อว่าฟ้า ส่วนนั่นก็เจ้าเก่ง มาเที่ยวที่นี่ ตอนนี้พักอยู่โฮมสเตย์ของหมู่บ้านแน่ะ”ใบหน้าคมเข้มของอิฐมองมาที่ทั้งสองคนนิดหน่อยก่อนจะยิ้มให้

“สวัสดีครับ”สิ้นฟ้าเอ่ย ก่อนที่เก่งจะเอ่ยตาม

“สวัสดี คิดยังไงอ่ะเราสองคนถึงมาเที่ยวที่นี่ได้ ?”อิฐพิจารณาทั้งสองคนตรงหน้า และคิดว่าอายุคงจะน้อยกว่าเขา น่าจะเป็นเด็กมหาวิทยาลัย จึงเลือกพูดจาเป็นกันเองมากขึ้น

“อยากมาหาความลำบากดูมั้งครับ”เก่งว่า “แล้วคุณอิฐ มารับผักเหรอครับ?”

“ออ ใช่”

“ผมมาอยู่ที่นี่ได้สักพัก ไม่เคยเห็นคุณอิฐเลย”

“ปกติให้คนอื่นมาน่ะ แต่วันนี้อยากเข้ามาเอง เพราะอยากมาดูสวนผักด้วย ไม่นึกว่าจะเจอนักท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยจะมีมาสักเท่าไหร่ ดีจัง”อิฐว่าพร้อมกับยิ้ม หันมามองสิ้นฟ้าที่เริ่มเอาอมยิ้มห่อใหม่ออกมาแกะ”แล้วพวกเราจะพักอยู่ที่นี่อีกนานไหม เผื่อพี่จะได้พาเที่ยว”

“โอ้ย อีกนานครับพี่ เผอิญปิดเทอม เบื่อๆไม่มีอะไรทำ หาเที่ยวดีกว่า”

“ดีเลย งั้นพี่จะได้มาที่นี่บ่อยๆ”

“ครับ”เก่งยิ้มดีใจ “งั้นพวกผมไปทำงานต่อก่อนดีกว่า กำลังงัดผักขึ้นมาจากดินเลย ปะฟ้า” แต่เมื่อหันหลังให้อิฐเจ้าตัวก็หุบยิ้มทันที

“บางครั้งมีคนพูดเก่งๆอยู่ใกล้มันก็สะดวกดี เพราะฉันไม่ต้องพูดอะไร”สิ้นฟ้าเปรย ในขณะที่เดินกลับไปยังแปลงผักที่ตนขุดค้างไว้

“จร้า จร้า แล้วเป็นยังไงมั่ง?”เก่งถามกลับมา

“เท่าที่ดูก็เสมือนเป็นคนดีจริงๆ”

“เสมือน?”

“ใช่เสมือน เพราะถ้าเป็นคนดีจริงๆตำรวจและพวกผู้ใหญ่ในองค์กร จะเรียกพวกเรามาช่วยจับตาดูทำไม”สิ้นฟ้าว่า

“อิฐ อิฐณัฐ ลูกชายกำนันเหม ผู้ต้องสงสัยค้าไม้เถื่อน และขนยาเสพติดข้ามชาติ อิทธิพลก็เหลือล้น เราจะสู้เขาได้เหรอวะถ้าหากเขาเป็นคนทำขึ้นมาจริงๆ พ่อฉันบอกว่าสู้กับอำนาจไม่ใช่เรื่องสนุก”

“แต่หน้านายก็กำลังสนุกอยู่นี่”



“หลังทำงานเหนื่อยๆได้จิ๊บโอเลี้ยงมองลูกสาวอาเจ็กสวยๆ ฟินอ่ะ”เก่งว่าขึ้น พลางทำสายตาม่อส่งไปให้อาหมวยประจำร้านโชห่วยที่ขายตั้งแต่กาแฟยันยารักษาโลกของหมู่บ้าน ซึ่งจะถูกหลักอนามัยไหมนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง แถมวันดีคืนดีที่นี่ก็เปิดเป็นบ่อนการพนันเล็กๆให้พวกเขาเข้ามาเล่นเสียอีก

“ลื้อนี่น๊า อาเก่ง ม่อลูกสาวอั๊วได้ทุกวัน ถ้าไม่เอาขึ้นมานี่ อั๊วงอนนะ”อาเจ๊กเจ้าของร้านว่า

“อั๊วยังเรียนไม่จบเลยเจ๊ก ชีวิตนี้ก็เกาะป๊าม๊า กินอยู่เลย จะเอาปัญญาที่ไหนมาขอลูกสาวเจ๊ก”เก่งว่าขำๆ

“นี่อั๊วก็กะว่า อีเรียนจบม.หก ก็จะให้อีแต่งงานเลย”

“มหาวิทยาลัยล่ะเจ๊ก จะไม่ให้หมวยมันเรียนต่อเหรอ”

“บ้านอั๊วค้าขาย แค่มันบวกลบคูณหารเลขเป็น อั๊วก็โอเคแล้ว เด็กที่นี่ก็เรียนจบ ม.หกเท่านั้นล่ะ บางที จบแค่ม.สาม ก็มีผัวแล้วด้วยซ้ำ ว่าแต่ลื้อเป็นเด็กจากเมืองหลวงลื้อคงไม่เข้าใจล่ะสิ”

“แต่ผมว่าให้หมวยเรียนต่อมหาวิทยาลัยก็ดีนะเจ็ก มหาวิทยาลัยในตัวจังหวัดก็ได้ อย่างน้อยมีใบปริญญาติดตัวบ้างก็ดี เพราะมันก็เป็นสิ่งที่เบิกทางต่อไปในชีวิตได้หลายอย่างเลยนะ”สิ้นฟ้าว่า พลางมองไปทางอาหมวยที่ส่งยิ้มมาให้เขา

“ลื้อจะรู้อะไร ที่นี่มันบ้านนอกคอกนาจะตาย จะเอาใบปริญญามาหุงกินแทนข้าวได้หรือไงว่ะ ที่นี่ไม่มีใครเขาสนหรอกว่าจะจบปริญญาไหมหรือยังไง ทำมาหากินได้บนพื้นที่นี้ก็พอแล้ว”

“สังคมมันต่างกันว่ะฟ้า”เก่งหันมาพูดกับเขา

“แต่ถ้าวันหนึ่งที่นี่เปลี่ยนไปล่ะ การศึกษาเป็นรากฐานที่ดีที่สุดนะเจ๊ก เพราะ มันไม่มีอะไรคงเดิมเสมอไปหรอก”

“ลื้อนี่ คำพูดคำจาเกินเด็ก”เจ็กว่า

“คุยเรื่องเครียดๆ ม่อน้องหมวยต่อดีกว่า”เก่งว่า พลางขยิบตาให้หมวย จนหมวยอายม้วนตัวเขินหน้าแดง

“ไหนใครจะม่อน้องหมวยของกูว่ะ!”เก่งทำหน้าเอือม “นี่มึงอีกแล้วเหรอ!?”

“ก็กูแล้วไง?”เก่งว่า พร้อมกับหันไปมองผู้มาเยือนลูกชายผู้ใหญ่บ้าน ชื่อเข้ม แต่นิสัยไม่เข้มเหมือนชื่อ ทำตัวนักเลงน่ารำคาญ ในสายตาเก่ง

“อยากมีเรื่องเหรอวะ!”

“ก็เอาสิวะ”

“น้องฟ้าจะมีเรื่องเหรอจ๊ะ พี่เผือกมาช่วยแล้วจร้า!”สิ้นฟ้ามองไปทางต้นเสียง ก่อนจะเห็นร่างของเผือกวิ่งมาอย่างหอบ จนสิ้นฟ้าอดส่ายหน้าแล้วยิ้มน้อยๆไม่ได้

“ไม่ใช่ผม...เก่งต่างหากที่จะมีเรื่อง”

“โว๊ะ น้องเก่งกับไอ้เข้มอีกล่ะ ทะเลาะกันบ่อยๆเดี๋ยวลูกก็ดกหรอกแล้วจะหาว่าพี่เผือกไม่เตือน”

“ไอ้เผือก!”สองเสียงเรียกประสานกันดังลั่น

“เจ็กโอเลี้ยงแก้ว”เสียงนุ่มๆแบบเอื่อยๆของคนตัวใหญ่บุคลิก ไม่สนใจโลกเอ่ยขึ้นตัดเสียงรอบข้าง

“อ้าวอาภู กลับมาจากตกปลาแล้วเหรอ?”อาเจ็กถาม ไม่สนใจเก่งและเข้มที่กำลังเขม่นเผือกอยู่

“อืม...” ภู หรือหมวดภูตอบออกไปง่ายๆ ก่อนจะเดินมานั่งข้างสิ้นฟ้าที่ทำหน้าอึนๆ ก้มหน้าก้มตาวุ่นวายอยู่กับโทรศัพท์มือถือ

“อ๊ะ”เสียงสื้นฟ้าร้องขึ้นเบาๆ ทำให้หมวดภูต้องหันสายตามามอง ก่อนจะเอ่ยถาม

“ใช้ได้แล้วเหรอ?”

“ไม่รู้สิ ตบสองสามทีอยู่ดีๆก็ติดขึ้นมา” แต่ถึงจะเปิดเครื่องติดก็เถอะ ใช่ว่าสัญญาณโทรศัพท์ในแถบนี้จะดีสักท่าไหร่ แต่ก็ยังพอมีบ้างให้ใช้งานได้

พอเปิดปุ๊ป ข้อความก็เข้ามาทันทีบ่งบอกว่าเคยมีการติดต่อเข้ามา ข้อความจากทนายเพชรเกือบร้อยข้อความ นี่ก็ว่างมากหรือไงไม่รู้ แสดงว่าผลบังคับใช้ที่บอกว่าไม่ให้ติดต่อมาจะบังคับใช้กับคนอย่างทนายเพชรไม่ได้ มีข้อความจากไอ้สารวัตรและหมอเพื่อนยากมาบ้างประปราย เขาก็ตอบกลับไป ส่วนคนที่ไม่มีข้อความมาหาหรือแม้แต่ข้อความเตือนว่าได้มีการโทรเข้า ก็คือเต็มสิบ ไม่รู้ว่าเด็กนั่นตั้งใจทำตามคำสั่งของเขาอย่างจริงจังเสียเหลือเกิน
เด็กนั่นจะเชื่อทุกอย่างที่เขาพูดมากเกินไปหน่อยแล้วมั้ง

ตืด~ ตืด~ ตืด~

‘ท่านอัยการ!’

เสียงดังรอดมาตามสายหลังจากที่สิ้นฟ้าเผลอกดเบอร์โทรออกไปหาเจ้าตัว และคนอย่างเต็มสิบก็รับโทรศัพท์ของเขาอย่างรวดเร็ว เล่นเอาลืมว่าจะพูดอะไรเป็นคำแรกที่โทรไปหา

“เอ่อ...”

‘ห๊ะ!? เอ่อ คำเดียวนี่นะ! แล้วท่านอัยการเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม ที่อยู่เป็นยังไง น้ำไฟเข้าถึงหรือเปล่า เป็นห่วงมากๆเลย ทำไมท่านไม่ติดต่อกลับมาบ้าง รู้ไหมว่าคิดถึงท่าน’

‘คิดถึงมากๆ’

นี่เขาเผลอทำเด็กร้องไห้หรือเปล่า?

“ฉันสบายดี แล้วนายล่ะ?”

‘ไม่ค่อยสบาย เพราะ รู้สึกคิดถึงท่านอัยการหนักมาก’

“ฮึ”เผลอหลุดหัวเราะและยิ้มออกไปเบาๆ

‘คอยดูเหอะ อย่าให้เจอตัวนะ จะเกาะติดหนึบท่านอัยการไม่ให้ห่างเลย!’

“ครับ”

‘นี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ กำลังนับวันรอเพื่อที่จะไปหาท่านอัยการอยู่เลย’สิ้นฟ้าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ก่อนที่เต็มสิบจะพูดต่อ ‘แต่แค่ท่านอัยการโทรมาผมก็ดีใจล่ะ’

“แค่นี้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะโทรหาใหม่ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

‘อ๊ะ!’ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ก็ถูกท่านอัยการตัดสายทันที

“อยากรู้แหะ ว่าใครกันที่คนอย่างฟ้าเลือกโทรหาเป็นคนแรกหลังจากโทรศัพท์ใช้งานได้?”เก่งหลังจากที่หมดอารมณ์ทะเลาะกับเข้มไปนานแล้วหลังจากเห็นสิ้นฟ้าคุยโทรศัพท์อมยิ้มน้อยๆ ที่มันดูน่าสนใจกว่าก็เลยหันมาแซะสิ้นฟ้าแทน ส่วนเข้มก็หันไปนั่งกระดกโอเลี้ยงชนแก้วคุยกับหมวดภูเรื่องงานอดิเรกตกปลา แล้วมีการเสนอสอนวิธีตกปลายังไงให้ได้ปลา หลังจากหมวดภูไม่เคยตกได้สักครั้ง



............................

“นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เด็กนั่นทิ้งนายหรือยังไงกันหือพ่อหนุ่ม?”สตีเฟ่นถาม หลังจากที่เข้ามาเยี่ยมทนายความเพื่อนรักในสำนักงานทนายความเล็กๆกะทัดรัดดูมุ้งมิ้ง ที่มีทนายความประจำสำนักงานแค่สามคน แต่กวดไปทั่วสำนักงานก็พบกับแฟ้มงานที่แทบจะท่วมหัวฝรั่งตัวสูงๆอย่างเขา แสดงว่าสำนักงานนี้ก็ค่อนข้างขายดีเหมือนกัน แล้วนี่ เพื่อนทนายของเขา จะได้กลับไปทำงานประจำของตนเองเมื่อไหร่ ไอ้ที่ขอพักยาว ก็ไม่เห็นจะได้พักยาวจริงๆอย่างที่ปากบอก ซึ่งเขาก็เห็นว่าเพชรยังคงทำงานอยู่เลย กลัวไม่รวยหรือยังไงกัน

“ไม่ได้ทิ้ง”

“...?”

“แต่ก็ไม่ได้สนใจ”ทนายเพชรตอบ

“หมายความว่ายังไง?”

“ก็ มันอาจจะมีอะไรผิดพลาด...ละมั้ง”

“อย่ามาพูดคำว่าผิดพลาดด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ากะเอาไว้แล้วอย่างนั้นสิ ไหนว่าตกลงคบกันแล้วไง?”

“ก็...คบกันแล้ว แต่ก็รู้อยู่ว่าคนอย่างสิ้นฟ้า เป็นคนที่เดาใจยากถ้าไม่บอก มันก็คิดยากนะว่าเขาจะทำอะไรต่อไป”

“พูดเหมือนกับว่าเด็กนั่นร้ายกาจเกินที่นายจะรับมือไหวซะอย่างนั้น”

“นายยังรู้จักสิ้นฟ้าน้อยเกินไป ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่ถอยออกมาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วหรอก”

“แล้วเด็กเต็มสิบล่ะ”

“เดินเข้ามานั่นแล้วไง”สตีเฟ่นหันไปมองข้างหลังทันที เมื่อเพชรพูดจบ


“งาย~~~หนุ่มน้อย” สตีเฟ่นทักผม เล่นเอาซะผมชะงักนิดหน่อย ก่อนจะกล่าวสวัสดีทักกลับไป พร้อมกับมองด้วยความสงสัยว่าสตีเฟ่นโผล่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วเดินเข้าไปหาทนายเพชร ถามคำถามเหมือนเช่นทุกวัน

“วันนี้มีงานอะไรมั่ง”

“ไม่มีหรอก นั่งอ่านหนังสือสอบเถอะ”ทนายเพชรว่าพร้อมกับยิ้มให้ “มีเค้กอยู่ในตู้เย็นนะ”

“อย่าเอาขนมมาล่อน่า”ถึงผมจะพูดอย่างนั้น แต่ขานี่มันก็ก้าวเดินไปทางห้องครัวเล็กๆแล้วหาตู้เย็นพร้อมเปิดมันออกทันที โว้ว เค้กครีมคาราเมลล่ะ

ผมตัดเค้กออกสามชิ้น พร้อมชงกาแฟ จัดใส่จานแล้วเอาไปเสริฟให้สตีเฟ่น ทนายเพชรด้วย ส่วนพี่ทนายอีกสองคนประจำสำนักงานสงสัยยังไม่กลับเข้ามา เพราะที่ห้องตู้กระจกที่กั้นเอาไว้ มองเข้าไปก็ไม่เห็นมีใครอยู่

“แล้วจะเอายังไงกับไอ้หนูอัยการ?”แต่พอได้ยินเสียงแว่วดังมา ทำให้ผมชะงักเท้าที่จะเดินเข้าไปหา “เรื่องดอกไอริสสีน้ำเงินกบ 13 กบฏ ที่นายให้หาข้อมูลมาให้ มันก็ดูมีอะไรแปลกๆอยู่นะ”

“ปัญหาคือ ยัยเด็กสามขวบ”ทนายเพชรเงียบเสียงไปสักพัก ร่างสูงของทนายเพชรเดินเข้าไปเขียนบนไวท์บอร์ด ลากเส้น ระหว่าง เด็กสามขวบ และ Heavens fall. ขั้นกลางด้วยเครื่องหมายคำถาม

“ตอนนี้เด็กนั่น คือใคร?”ทนายเพชรถามขึ้นมาเบาๆ

“กาแฟ กับ เค้กครีมคาราเมล มาแล้วครับ”ผมตัดสินใจเปิดประตูเดินเข้าไป พร้อมกับวางเค้กไว้บนโต๊ะ เล่นเอาคนทั้งสองชะงักไปนิดหน่อย ก่อนที่ทนายเพชรจะยิ้มบาง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว แล้วเชิญให้สตีเฟ่นและผมกินเค้ก ก่อนจะคุยไปเรื่อยเปื่อย



เค้กครีมคาราเมลนี่อร่อยดีนะครับ ผมกะว่าหลังจากนี้จะลองหัดทำดูมั่ง






.......................................................

สวัสดีนิยายรายเดือน   :katai5:
อย่าโกรธกันนะ ที่นานๆทีเรื่องนี้จะมา แอบตัดชื่อเรื่องภาษาไทยออกอีก
เพราะเคยมีคนแนะนำให้เปลี่ยนชื่อเรื่องภาษาไทย
จะได้มีขอบเขตการบรรยายที่กว้างขึ้น ไม่รู้จะใช้ชื่ออะไร เลยตัดทิ้งเลย เหลือแค่ Inlaw
ส่วนเนื้อหาตอนนี้เป็นลมสงบ ก่อนจะมีคดีเล็กๆคดีหนึ่งในตอนที่สิ้นฟ้าอยู่ในป่าในเขา
และจะตัดเข้าคดีสุดท้ายของเรื่องเลย
ซึ่งเป็นดคีที่มีเกริ่นเอาไว้แล้วด้วยดอกไม้สีน้ำเงิน
จะจัดว่าเป็นคดีปิดท้ายที่ใหญ่ที่สุดของเรื่องละมั้งนะ :hao3:
ยิ่งท้ายเรื่องรายละเอียดยิ่งเยอะครับ จึงช้าหน่อย
เพราะต้องยอมรับว่าเนื้อเรื่องมันมีออกทะเลแล้วเราต้องไปเก็บกลับมาเข้าฝั่ง :katai4:

สุดท้ายขอขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และยังคงอ่านครับ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: ~InLaw~ (คดีที่ 9 ลมสงบ 30/07/58 P.6)
«ตอบ #168 เมื่อ31-07-2015 13:41:17 »

รอคะ

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: ~InLaw~ (คดีที่ 9 ลมสงบ 30/07/58 P.6)
«ตอบ #169 เมื่อ31-07-2015 17:55:30 »

อ่านมาตั้งแต่ต้น รู้สึกนอยซ์เหมือนกัน คิดว่าเต็มสิบจะเปนนายเอก พอหลังๆกับกลายมาเป็นสิ้นฟ้า เรารู้สึกรับไม่ได้อ่ะ ต้องขอโทษผู้แต่งด้วย  ที่จะต้องขอยุติการอ่านแค่เพียงเท่านี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~InLaw~ (คดีที่ 9 ลมสงบ 30/07/58 P.6)
« ตอบ #169 เมื่อ: 31-07-2015 17:55:30 »





ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
Re: ~InLaw~ (คดีที่ 9 ลมสงบ 30/07/58 P.6)
«ตอบ #170 เมื่อ31-07-2015 22:26:40 »

สนุกมากๆ เลยค่า

มีเรื่องให้ติดตามตลอดเลย

เต็มสิบก็น่ารัก อย่างกับลูกหมาน้อย

ออฟไลน์ dumpWINNY

  • m a e w m e i n .
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ~InLaw~ (คดีที่ 9 ลมสงบ 30/07/58 P.6)
«ตอบ #171 เมื่อ01-08-2015 10:43:31 »

แงงงงง เราเพิ่งได้มาตามอ่าน ดีใจที่ตามทันแล้ว 5555 สนุกมากๆ ค่ะ คนเขียนเขียนออกมาได้ลื่นไหลมาก ผสมปมอะไรได้แบบน่าค้นหาจริงๆ มันเนียนอ่ะ แบบมันเกริ่นๆ แต่ไม่เปิดข้อมูลอะไร สนุกจริงๆ ค่ะ แถมยังหน่วงๆ ในเรื่องสามเส้าเราสามคนอีก แงง T_T ขอออกตัวว่าเราอยู่กองอวยเต็มสิบนะคะ รอวันที่อัยการฟ้าจะหันมามองหมาน้อยๆ ของเราบ้าง #สาปแช่งทนายเพชร  :katai1:

จะรอการอัพรายเดือนนะคะ  :katai5:

ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes. 2/11/58 P.6)
«ตอบ #172 เมื่อ02-11-2015 02:58:56 »

คดีที่ 10
You got me smoking cigarettes.(1)

ท่านอัยการสิ้นฟ้ายังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ตรงริมระเบียงของคอนโดห้องนอน แสงแดดอ่อนส่องเข้ามาสาดส่องใบหน้าขาวที่กำลังก้มขีดเขียนอะไรบางอย่างบนสมุดวาดภาพ มุมปากยกยิ้มขึ้นหน่อยๆนั่นทำให้ผมยิ้มตาม และ...
ใจเต้นแรง
“ท่านครับ”ผมเรียกออกไปเบาๆท่านหันหน้ามามองก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน นั่นยิ่งทำให้...
หัวใจกระตุกอย่างแรง
จนผมแทบยกมือขึ้นมากุมที่บริเวณหน้าอกแทบไม่ทัน
ผมเดินเข้าไปหา...ผมรู้สึกว่าผมกำลังก้าวเดินนะ แต่...ระยะห่างของผมกับคนที่ส่งยิ้มมาให้ทำไมมันไม่ขยับขึ้นเลย
ท่านอัยการสิ้นฟ้ายกมือขึ้นมาทางผม ราวกับกำลังเชื้อเชิญให้เดินเข้าไป ผมเริ่มขมวดคิ้วและรู้สึกเหนื่อย
“ท่านครับ”ผมเรียกอีกครั้ง แต่แล้วนัยน์ตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เมื่อที่หน้าอกของท่านเริ่มมีบางสิ่งบางอย่างซึมออกมาเปื้อนเสื้อสีขาวที่ใส่อยู่
มันมีสีแดง?
ผมเริ่มรู้สึกหายใจติดขัดและเร่งเท้าเดินเข้าไปหาท่านอัยการเร็วขึ้น จากเดินเริ่มกลายเป็นวิ่ง

แต่ไม่เลยมันไม่ใกล้ขึ้นเลย

มือขาวที่ยื่นมาทางผมนั่นเอากลับไปกุมที่หน้าอกของตัวเอง สีหน้าที่ยิ้มกลายเป็นราบเรียบก้มมองที่หน้าอกของตัวเองที่มีมือกุมอยู่ ก่อนสายตานั่นจะหันกลับมามองผม
แววตาที่แสดงความสงสัย
ผมรู้สึกว่ามือของผมจับอะไรบางอย่างไว้อยู่ ผมก้มมองดูมือของตัวเอง ลำแขนทั้งสองข้างยื่นยาวออกไปข้างหน้า วัตถุสีดำอยู่ภายใต้สองอุ้งมือที่เกาะกุมไว้ นิ้วไม่รักดีของมือข้างหนึ่งสองเข้าไปในส่วนที่เรียกว่าไกของวัตถุชิ้นนั้น ทั้งมือและแขนเริ่มสั่น และตอนนี้เริ่มสั่นไปทั้งตัว
“ท่าน”ขนาดเสียงที่เปล่งออกไปยังสั่น
ผมไม่ได้ยินเสียงแต่สามารถอ่านปากของคนที่อยู่ริมระเบียงออก “ไม่เป็นไร”
“จะไม่เป็นไรได้ไงเล่า!”ผมตะโกนกลับไป
“ไม่เป็นไร”
พยายามเดินเข้าไปหา
“ให้ผมเข้าไป ให้ผมเข้าไปหาท่านเถอะ”
ฝันผมว่าตอนนี้ผมกำลังฝันอยู่แน่ๆผมไม่มีทางทำร้ายท่านอัยการสิ้นฟ้า แต่ผมก็กลัว ถึงจะเป็นแค่ฝันแต่ผมก็กลัว เจ็บและกลัวไปหมดแล้ว
“ไม่เป็นไร...”


ผมนั่งอยู่บนเตียงยกมือขึ้นมาเสยผมตัวเอง ฝันจริงๆด้วย
แต่ใจยังสั่นไม่หาย มองมือก็เห็นว่ามือตัวเองก็กำลังสั่น
ผมหยิบบุหรี่เดินออกไปนอกระเบียง ก่อนจะจุดไฟแล้วสูบ ผมไม่เคยบอกท่านอัยการว่าผมสูบบุหรี่ เวลาอยู่กับท่านผมไม่ได้แตะต้องมันเลยเพราะกลัวว่าไอ้พวกสารเสพติดเหล่านี้มันจะส่งผลไปถึงท่านอัยการสิ้นฟ้า เพราะเท่าที่สังเกตท่านไม่สูบบุหรี่
ผมไม่ได้ติด งั้นเหรอ? โธ่...อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น
ตอนนี้ผมรู้สึกทำตัวเองขัดกับภาพลักษณ์เด็กดีที่ผมสร้างต่อหน้าท่าน
 ตอนนี้เป็นเวลา สามนาฬิกาสามนาที ผมคงนอนต่อไปไม่ได้แล้ว
พอสูบบุหรี่เสร็จผมเดินเข้าห้อง เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คโซเชี่ยลตามประสา

‘มองขึ้นข้างบนอย่างน้อยก็ยังเห็นฟ้า’

สเตตัสของคนที่คุณก็รู้ว่าใครเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว คนกดไลค์เป็นหมื่นความเห็นเป็นหลายร้อยยิ่งกว่าพวกดารา
‘เพ้อเจ้อไหม?’ผมโพสแสดงความเห็น
‘แค่คิดถึงฟ้า’เจ้าตัวเขาตอบกลับมา พร้อมแท็กชื่อผม
‘คิดถึงฟ้าไหนคะ’
‘เผอิญชื่อฟ้าค่ะคุณทนาย’
‘เขาคิดถึงเมียเขาหรือเปล่า?’
‘อย่าดับฝันค่ะ’
‘คุณทนายยังไม่แต่งงานนิ่ แต่โสดหรือเปล่า?’
‘เราก็ชื่อฟ้าเราฟินนะ’
‘คนชื่อฟ้าเยอะ ไม่แท็กไม่ระบุตัว ไม่อยากมโนแต่ก็ขอมั่วว่าเขาบอกคิดถึงเรา’
‘คนชื่อฟ้าฟินไปดิ่’
หลากหลายความคิดเห็นแสดงเข้ามาสำหรับคนที่ยังไม่หลับไม่นอนทั้งหญิงและชาย ทนายเพชรยังไม่เคยประกาศผ่านโซเชียลว่าคบกับท่านอัยการอยู่ และผมก็คิดว่าคนอย่างทนายเพชรหรือท่านอัยการคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องประกาศให้โลกรู้มากมาย
ผมทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง รู้สึกสบายใจขึ้น ผมปิดแอพพลิเคชั่นสีฟ้ารูปตัวเอฟออกก่อนจะเข้าไปยัง อัลบั้มรูปแล้วเลือกรูปที่แอบถ่ายท่านอัยการจากข้างหลัง ซึ่งเห็นแค่แผนหลังในเสื้อยืดสีน้ำเงินตัดกับผิวขาวๆ ผมสีดำสนิท และมือเรียวที่กำลังอยู่ในท่านวดลำคอดูเท่และน่าค้นหาแม้จะเห็นเพียงแค่แผ่นหลังและมือเรียว ผมกดและแชร์ไปหน้าเฟสทันทีพร้อมแท็กคนบางคน ไลค์เร็วตามประสาจากฝั่งผม และกระแสไลค์จากฝั่งคนที่ผมแท็กไป
‘เห็นฟ้าจริงๆด้วย แต่ฟ้านี้ไหม? ถามใจทนายดู ~’
ตึ้ง~ตึ้ง เสียงเตือนดังขึ้นไม่หยุด จนผมต้องปิดการแจ้งเตือน
‘แผ่นหลังของใครอ่า~’
‘แค่ข้างหลังก็รู้ว่าหน้าตาดี’
‘น้องเต็มสิบโพสมาพอจะเดาออกว่าใคร’
‘เขาคือใครเจ้าของแผ่นหลังนี้ใครรู้สปอยหน่อย’

‘แผ่นหลังคุ้นคุ้นเหมือนเคยซบและดอมดม’อันนี้จากพี่สารวัตร คือยังไม่นอน หรือทำงานดึก?
‘จะกรี้ดก็เกรงใจสาวๆไม่อยากจะบอกว่าแผ่นหลังนี้น่ะของเพ่’พี่หมอ? สรุปพวกพี่แกเข้าเวร? ทำงานหรือไม่คิดจะนอนกัน
‘เต็มสิบไปนอนได้แล้วพรุ่งนี้มีนัดไม่ใช่หรือไง?’
เสมือนโดนโกรธ ปิดๆๆๆๆดีกว่า



รู้สึกตื่นเต้น...

“วันนี้มีวิทยากรเป็นทนายรุ่นหนุ่มหล่อหน้าตาดี ชื่อดัง ในขณะนี้ จะมาให้ความรู้และประสบการณ์แก่ทุกท่าน ขอเชิญทนายเพชรครับ”
เสียงปรบมือดังลั่นห้องสโลปของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ก่อนที่ร่างสูงของทนายเพชรจะเดินออกมา ทนายเพชรได้บอกผมเอาไว้แล้วล่ะครับว่าวันนี้เขาจะมาเป็นแขกรับเชิญหรือเรียกให้ดูดีก็คือวิทยากรพิเศษ ซึ่งผมก็ได้ความอนุเคราะห์ให้ติดรถมาด้วย
“สวัสดีครับว่าที่ทนายความทุกท่าน เป็นเกียรติอย่างมากที่วันนี้ผมจะได้มาเล่าและพูดคุยกับทุกคนในฐานะวิทยากรพิเศษในการจัดการอบรมการสอบใบอนุญาติว่าความครั้งนี้ ชื่อจริงของผมเอาเป็นว่าเรียกผมว่าเพชร เฉยๆ ดีกว่า เพราะตอนนี้ไม่จำเป็นจะต้องรู้ชื่อจริงผมก็ได้ เว้นแต่พวกคุณทุกคนอยากจะจ้างผมในฐานะทนายความ เมื่อถึงเวลานั้นผมยินดีที่จะบอกชื่อจริงของผมให้พวกคุณได้ทราบ”เสียงคนในห้องหัวเราะนิดหน่อย
สงสัยล่ะสิว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน? วันนี้ผมมานั่งฟังการเรียนการสอนอบรมวิชาว่าความ ที่ทางสภาทนายความของประเทศได้จัดขึ้น ซึ่งก่อนการสอบใบอนุญาตว่าความภาคทฤษฎีจะมีการเรียนการสอนก่อนทุกปีเป็นเวลาเพียงไม่กี่วัน ก่อนที่จะให้ทุกคนลงสนามสอบครับ
ซึ่งการสอบใบอนุญาตว่าความมีอยู่ 2 แบบครับ คือตั๋วรุ่นและตั๋วปี ซึ่งผมสมัครสอบตั๋วรุ่น มีประมาณสี่ด่าน คือจะต้องสอบผ่านภาคทฤษฎี พอผ่านแล้วก็จะต้องลงทะเบียนฝึกงานตามสำนักงานทนายความเป็นเวลา 6 เดือน ครบ 6 เดือนถึงจะมีสิทธิผ่านมาสอบภาคปฏิบัติ พอสอบภาคปฏิบัติผ่านด่านสุดท้ายก็สอบปากเปล่าครับ ส่วนตั๋วปีคือต้องฝึกงานมาก่อนเป็นเวลา 1 ปีแล้วถึงจะมีสิทธิมาลงสอบภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ และปากเปล่าครับ  แต่ไม่ว่าจะตั๋วรุ่นหรือตั๋วปีถ้าสอบผ่านอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมดก็ว่าความในชั้นศาลได้เหมือนๆกันครับ ซึ่งทั้งทนายเพชรและท่านอัยการฟาดมาทั้งสองตั๋วเลยครับ
วันนี้ผมได้ลองเข้ามานั่งเรียนเป็นวันแรก และเป็นวันสุดท้ายของการจัดการเรียนการสอนพอดี ผมไม่ได้ขี้เกียจมาเรียนนะครับแต่ผมติดสอบของทางมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นรายวิชาสุดท้ายสำหรับการจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี ซึ่งทางมหาวิทยาลัยของผมดีหน่อยที่ทางสภาทนายความรับรองให้ว่านักศึกษาที่ผ่านหลักสูตรวิชาว่าความของมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่สามารถขอใบรับรองจากทางมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะมาสมัครสอบใบอนุญาตว่าความได้ แม้ว่าจะยังไม่ได้รับใบปริญญาหรือใบรับรองจบการศึกษา ซึ่งผมสอบวิชาว่าความของมหาวิทยาลัยผ่านตั้งแต่ปีสามเทอมแรกแล้วเลยเหมือนติดปีกไฮสปีดหน่อย
ทนายเพชรบอกค่อนข้างอิจฉาผม ที่ได้จบเร็วและสอบเร็ว ไม่เหมือนมหาวิทยาลัยของทนายเพชรกับท่านอัยการที่จบมา มีหลักสูตรกำหนดมาให้จบแบบสี่ปีเป๊ะๆวิชาว่าความถูกจัดเข้าไว้ในหลักสูตรปีสี่เทอมแรกกว่าเกรดจะออกก็เกือบหมดเทอมสอง แถมยังต้องรอเวลาการจัดสอบใบอนุญาตว่าความตั๋วรุ่นที่ปีหนึ่งมีสองครั้งอีก กว่าจะได้สอบก็ปิดเทอมของปีสี่เทอมสองพอดี แต่มหาวิทยาลัยของทนายเพชรกับท่านอัยการที่จบมาเป็นมหาวิทยาลัยกฎหมายอันดับหนึ่งของประเทศ ถึงจะมีสาขาวิชาอื่นให้เข้าเรียนแต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสถาบันที่สร้างนักกฎหมายโดยเฉพาะเป็นมหาวิทยาลัยกึ่งรัฐกึ่งเอกชนแห่งเดียวของประเทศ ที่ได้การรับรองจากสภาทนายความเหมือนกัน ในระหว่างรอจบพวกเขาก็ขอใบรับรองที่จะเข้าสอบใบอนุญาตว่าความได้ ผมว่าก็เจ๋งดีในอีกรูปแบบหนึ่งนะ หน่วยกิตและรายวิชาที่ต้องเก็บก็เยอะกว่ามหาวิทยาลัยที่ผมเรียนด้วย เรียนกฎหมายยิ่งได้รู้เยอะผมว่ายิ่งค่อนข้างได้เปรียบครับ เพราะกฎหมายเรียนสี่ปีไม่หมดครับ แต่จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมตลอดชีวิต เพราะกฎหมายถึงจะมีตัวบทและหลักวางไว้ แต่มันกลับไม่มีสูตรตายตัว
“มีอะไรสงสัยไหมครับ?”เสียงทนายเพชรดังเข้ามาในหัว ทำให้ผมรู้ว่าค่อนข้างเผลอเหม่อไปนานซะหน่อย จนถึงช่วงที่ทนายเพชรเปิดโอกาสให้ถาม
“เวลาเขียนข้อสอบใช้น้ำยาลบคำผิดได้ไหมครับ?”มีผู้ชายคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
“ผมแนะนำว่าถ้าเขียนผิดให้ขีดฆ่าเพียงเส้นเดียวแล้วเขียนต่อเลยครับไม่จำเป็นจะต้องใช้น้ำยาลบคำผิด”ทนายเพชรยิ้มพร้อมกับให้คำตอบ
“ขีดฆ่าแล้วต้องเซ็นลายเซ็นกำกับไหมคะ?”
“ไม่จำเป็นครับ”
“คือพอสอบผ่านภาคทฤษฎีแล้วมันต้องไปฝึกงานหกเดือนใช่ไหมครับ? บางคน และอาจจะหลายคนคือไม่ได้ไปฝึกงานจริงๆแต่เขามีทนายความที่รู้จักเซ็นให้แล้วมีสิทธิมาเข้าสอบภาคปฏิบัติ อย่างนี้คนที่ไปฝึกงานมาจริงๆจะไม่เสียเปรียบเหรอครับ?”เด็กผู้ชายใส่แว่นรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมยกมือขึ้นถาม
“แล้วเขาไม่ได้ไปฝึกงานจริงๆคิดว่าเขาจะสอบผ่านเหรอครับ? ถ้าคุณไม่ไปฝึกมาจริงๆคุณก็ต้องอ่านให้ได้มากยิ่งกว่าคนไปฝึกที่เขาได้มาจากประสบการณ์จริงในการทำงานมา แต่โดยส่วนมากอาจารย์ท่านดูออกครับว่าได้ไปฝึกมาจริงๆไหม ถ้าคิดจะไม่ไปฝึกผมอยากให้ระวังตรงนี้ไว้ด้วย อย่างเช่นถ้าคุณบอกว่าคุณได้ไปฝึกที่สำนักงาน xx ได้เดินทางไปที่ศาล ss ท่านอาจารย์อาจจะถามก็ได้ว่าขั้นบันไดขึ้นศาล ss มีกี่ขั้นหรือฝาผนังในห้องน้ำของศาลมีสีอะไร หรือในห้องน้ำศาลssมีชักโครกจำนวนเท่าไหร่ก็เป็นได้ ถ้าคุณเคยไปก็น่าพอจะตอบได้บ้างนะครับ” หวังว่าหลังจากนี้คงไม่มีใครบ้าจี้ไปนับชักโครกในศาลหรอกนะ ผมพอจะดูออกว่าทนายเพชรกำลังพูดเล่น
“คือผมสอบมาสิบกว่าครั้งแล้วครับไม่ผ่านสักที อยากให้ช่วยออกข้อสอบให้ง่ายกว่านี้หน่อยได้ไหม? หรือไม่ก็ทำแบบเป็นเก็บคะแนนไปก็ได้ เหมือนตอนเรียนมัธยมไรงี้ แบบนี้มันยากเกินไปนะครับผมว่า” ทนายเพชรนิ่งเงียบแต่ยังคงส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ก่อนจะพูดออกมา
“ผมไม่ใช่คนออกข้อสอบนะ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการออกข้อสอบด้วยผมขอบอกไว้ตรงนี้ก่อน”ทนายเพชรยิ้ม ๆก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย แล้วเอ่ยต่อ“แต่ผมเชื่อว่าสภาทนายความไม่ปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆหรอกสำหรับคนที่มีความสามารถไม่เพียงพอ  รุ่นผมก็มีโอดครวญเยอะเหมือนกันว่าข้อสอบมันยากแต่มันยากจริงเหรอ?หรือว่าเราไม่ตั้งใจเอง ใบอนุญาตว่าความมันเป็นใบประกอบวิชาชีพ ว่าความได้ทั้งในและนอกประเทศ บ่งบอกว่าคุณคือทนายความ เขาไม่ปล่อยให้คุณออกไปว่าความที่อื่นโดยไม่มีคุณภาพหรอก ไม่ว่าจะสอบกี่ครั้งใช้เวลาอีกกี่สิบปีไม่ผ่านก็คือไม่ผ่านคุณแค่ต้องไปฝึกฝนใหม่นั่นคือทางแก้ปัญหา ไม่ใช่การลดคุณภาพข้อสอบลงให้มันง่ายขึ้น นั่นมันแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ต้นเหตุคือพวกคุณต้องพยายามขึ้น...นะครับ อย่าดูถูกตัวเองโดยการร้องขอจะเอาแบบมัธยมเลย พวกคุณน่าจะมีความสามารถมากกว่านั้น”
ค่อนข้างสะอึกกับรอยยิ้มและคำพูดนิ่มๆนั่นๆ ผมว่าเอารองเท้ามาฝาดหน้าตรงๆยังดีซะกว่า
“ทุกท่านที่มานั่งอยู่ตรงนี้ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณทุกคนคิดเห็นเช่นไรเกี่ยวกับอาชีพทนายความ บางคนอาจจะมาสอบโดยไม่ได้มีใจรักในอาชีพนี้ซึ่งอาจจะมี และ...ผมเชื่อว่ามี บางคนอาจจะมาเพียงแค่สอบเพื่อเอาใบประกอบวิชาชีพไปประดับไว้ที่บ้าน เข้ามาสอบ สอบๆไปไว้เถอะเผื่อได้” ทนายเพชรพูดอมยิ้มเล็กน้อย ใช้สายตามองกวาดไปทั่วห้อง ดูน่าเชื่อถือและมันทำให้ทุกคนในห้องแห่งนี้เงียบและตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาพูด ราวกับถูกมนตร์สะกด “นักกฎหมายเป็นอาชีพที่ถูกมองว่าร้ายและเห็นแก่เงินสามารถเอาเงินปิดปาก หรือสั่งได้เสมอ อีกทั้งในละครหรือในภาพยนตร์ ซีรี่ย์ นิยายส่วนมากก็ชอบสร้างภาพลักษณ์ให้นักกฎหมายดูร้าย แต่ผมเชื่อว่านักกฎหมายหลายๆคนหรือ ทนายความหลายๆท่าน ก็มีศักดิ์ศรีในฐานะทนายความหรือนักกฎหมาย ไม่ได้เห็นแก่เงินไปทั้งหมดหรอกครับแต่มันขึ้นอยู่กับจะช่วยหรือไม่ช่วย จะเลือกทำหรือไม่ทำเสียมากกว่า ถ้าพวกท่านสอบผ่านได้ใบอนุญาตว่าความท่านก็จะมีสิทธิเลือกเหมือนกัน เลือกที่จะเป็นทนายความหรือนักกฎหมายแบบไหน สิ่งที่ท่านทำผลของมันจะดีจะร้ายก็ตกอยู่แก่ตัวท่านเอง แต่ไม่ว่าจะมาด้วยจุดมุ่งหมายอะไร ผมก็อยากให้ทุกท่านซึ่งอีกไม่กี่วันจะได้ลงสนามสอบขอให้ทำให้ดีที่สุด เต็มที่ที่สุด ผมเชื่อว่าทุกคนมีความรู้ความสามารถใช้มันให้เป็นประโยชน์และให้คำนึงไว้เสมอว่า...ค่าสมัครสอบตั๋วทนายแพงมาก...ถ้าไม่อยากเสียเงินสมัครสอบอีกรอบ รีบสอบให้ผ่านนะครับ ขอบคุณครับ”
“...”
ยิ้มหล่อๆแล้วเดินลงเวทีจากไป ก่อนที่จะมีเสียงปรบมือจากทุกคนในห้องตามมา
“ให้พักเบรก 10 นาทีนะครับ ช่วงต่อไปเราจะได้พบกับท่านวิทยากรพิเศษ ที่จะมาเล่าประสบการณ์การเป็นอัยการและให้ความรู้ในเรื่องของเทคนิคต่างๆในคดีอาญาในฐานะอัยการครับ”
หลายๆคนเริ่มเดินออกไปพักส่วนผมนั่งกับที่อยากจะพักสายตาสักหน่อย ก่อนที่จะเริ่มในช่วงต่อไป ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนมีใครมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆผม ผมหันไปมองนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับมาพักสายตาเช่นเดิม
“ทีแรกก็เสมือนจะดูดีนะ แต่อย่าเล่นมุกเลยครับทีหลังผมว่ามันไม่เหมาะกับทนายเพชร นักกฎหมายสายบันเทิงให้ผมกับท่านอัยการก็พอ”ผมพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตา
“ก็เห็นทำหน้าตาเครียดๆกันฉันเลยลองหยอดมุกไปบ้าง”ทนายเพชรตอบกลับมา “ไม่ตลกเหรอ?”
“หล่อแล้วอย่ามาตลกครับ เว้นไว้ให้พวกผมมั่ง”
“แล้วได้ความรู้อะไรมั่งไหม?”
“สาระล้วนๆ”ผมพูดพร้อมกับยื่นสมุดจดเลคเชอร์สีดำของผมไปให้ทนายเพชรเปิดดู
“ทนายเพชรแอบส่งสายตาให้ผู้หญิงที่นั่งอยู่แถวห้าเก้าอี้สามหนึ่งครั้ง แถวสองเก้าอี้เจ็ดสามครั้ง แถวเจ็ดเก้าอี้หก หลายรอบจนนับไม่ทัน ต้องฟ้องท่านอัยการ พร้อมกับมีรูปไอ้แว่นหน้าตาน่าเกลียดนี่ใคร?”ทนายเพชรอ่านเลคเชอร์ผม พร้อมกับหันมาถาม ออ ผมลืมบอกไปว่าทนายเพชรใส่แว่นครับวันนี้ ซึ่งปกติก็ใส่นะ แต่เป็นจำพวกใส่แว่นประเภทสองคือใส่แต่เฉพาะเวลาทำงาน
“อันที่มีสาระไม่อ่าน เลือกดูอะไรก็ไม่รู้!”ผมแย่งสมุดกลับมาคืน
“เห็นแล้วล่ะว่าตั้งใจจดแค่ไหน และมีเหม่อบ้างเป็นบางทีนะ เหม่อได้แต่ห้ามคิดถึงแฟนคนอื่นเขาล่ะ”
“ไม่มีกฎหมายห้ามนี่ครับ ทนายเพชรฟ้องร้องผมเรื่องนี้ไม่ได้หรอก”ผมว่าพร้อมกับหันไปยักคิ้วใส่ทนายเพชร
“เด็กบ้าเอ้ย”ว่าพร้อมหัวเราะน้อยแล้วเอามือมาดีดหน้าผากผม
“เอ่อ ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ?”มีผู้หญิงสามคนเดินเข้ามาหาทนายเพชร
“ออ ได้ครับ”ทนายเพชรยิ้มให้ก่อนที่จะไปยื่นไปหุ่นให้ถ่ายรูปด้วย คนดังก็เงี๊ยะ น่ารำคาญ!
“เอ่อ แล้วน้องคนนั้น”มีผู้หญิงคนหนึ่งสังเกตเห็นผมเลยหันมาถาม
“อ๋อ ลูกชายผมเองครับ”ทนายเพชรตอบ ผมไม่อึ้งหรอกครับเพราะไปไหนช่วงหลังๆถ้ามีผู้หญิงเข้าหา ทนายเพชรก็ใช้ผมเป็นไม้กันอย่างนี้ตลอด ทนายเพชรอายุประมาณ 32  ผม 20 นี่ไม่ได้หมายความว่าพี่ท่านมีลูกตั้งแต่อายุ 12 เหรอวะ!?
“ลูกชาย?”
“ครับ วันนี้อย่างที่เห็นผมมาเป็นวิทยากรพิเศษเลยหนีบเอาลูกชายมาด้วย เพราะลงสอบปีนี้”
“ออ มีภรรยาแล้วเหรอคะ?ลูกโตขนาดนี้เชียว คุณยังดูหนุ่มๆอยู่เลย นึกว่าโสดเสียอีก...”
“ครับ มีแล้ว น่ารักมาก เป็นอัยการครับ”
“โห งี้ลูกก็ตามพ่อกับแม่เลยสิคะ”
“ก็ประมาณนั้นครับ”ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนคุณเธอและเพื่อนๆจะขอตัวเดินจากไป สักพักก็มีคนมาขอถ่ายรูปกับทนายเพชรเรื่อยๆจนผมอดเบ้ปากไม่ได้

กว่าทนายเพชรจะยืนเป็นหุ่นให้ถ่ายรูปเสร็จก็กินเวลาไปเกือบสิบนาที จนต้องขอตัวมานั่งก่อนเพราะช่วงต่อไปของการอบรมวิชาว่าความกำลังจะเริ่มแล้ว
“วิทยากรท่านต่อไปของเราได้ชื่อว่าเป็นนางฟ้าของสำนักงานอัยการสูงสุดเลยครับ ขอเชิญท่านครับท่านอัยการวารีริน นิติธาราพัฒน์ ครับ”
เมื่อหลังจากเสียงประกาศจบผมกับทนายเพชรก็ยืดตัวตรงทันทีอย่างไม่ได้นัดหมาย แต่สะดุดหูเข้ากับตำแหน่งงานและสถานที่ทำงาน ผมไม่ได้เช็ครายชื่อวิทยากรหรืออาจารย์ที่มาให้ความรู้เสียด้วยสิและทนายเพชรก็อาจจะไม่ทราบมาก่อน
ร่างเล็กที่คาดว่าไม่น่าจะสูงเกินร้อยหกสิบอยู่ในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มสวมทับด้วยสูทสีดำสนิทขัดกับสีผิวที่ขาวราวกับกระดาษก้าวเดินขึ้นมาบนเวที ผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่ารับกับใบหน้าสะสวยได้อย่างเหมาะเจาะและเหมาะสมกับคำว่านางฟ้าของสำนักงานอัยการ โดยเฉพาะนัยน์ตาที่มันดูดึงดูดน่าค้นหา ร้อยยิ้มบางๆ และโดยรวมดูสวยราวกับตุ๊กตากระเบื้องจริงๆ แต่ความรู้สึกผมคือไม่อยากเข้าใกล้ ผมก็แปลกใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้เช่นกัน
ลางสังหรณ์มันร้องบอกว่า อันตราย
แต่ผมคิดว่ามันน่าจะปกติคนสวยแต่ร้ายมีให้เห็นถมไป ผู้หญิงคนนี้สวยมากและเป็นถึงอัยการ ผมว่าเธอคงไม่ธรรมดาสักเท่าไหร่หรอก
โดยเฉพาะในมือขวาของเธอถือดอกไอริสสีน้ำเงินเช่นเดียวกันกับสีเดรสของเธอเอง

“นั่งฟังท่านอัยการวารีรินพูดเพลินเลยนะครับ สวยล่ะสิ”ผมถามทนายเพชรที่นั่งอยู่ข้างๆผมยันจบการให้ความรู้ของท่านอัยการหญิงสาวสวย
“ฉันว่าน่ารักมากกว่า”ทนายเพชรตอบ
“มีส่วนคล้ายกันกับท่านอัยการสิ้นฟ้านะครับ ออร่ารอบตัว สีผิว การพูด แต่...ผมว่าท่านอัยการของผมดูน่าเข้าหามากกว่าเยอะ”
“ฟ้าไม่เคยพูดถึง แต่...ช่างมันเหอะ”ทนายเพชรพูดแต่หน้านิ่งเรียบแสดงว่าสมองต่องกำลังคิดอะไรอยู่
“โธ่...ใครเขาจะเล่าเรื่องที่ทำงานให้ฟังทุกอย่างกันละครับ”

เราเดินออกมาข้างนอกตัวอาคารเตรียมจะกลับกันแล้วครับตอนนี้ ผู้เข้าอบรมวิชาว่าความทุกๆท่านเริ่มทยอยออกมา เแต่ก็ยังมีบางส่วนเดินเข้ามาหาทนายเพชร และเหล่าอาจารย์เพื่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อสงสัย ผมที่ยืนอยู่ข้างทนายเพชรก็เลยได้ความรู้ไปด้วย เพราะบางทีตัวเราก็นึกไม่ออกหรอกครับว่าจะถามอะไร? แต่พอได้ฟังคำถามที่สงสัยจากหลายๆคน มันก็อาจทำให้เรารู้ละเอียดมากยิ่งขึ้น
ทำไมรู้สึกว่าช่วงนี้สาระล้วนๆ?
ติ้ง~ เสียงไลน์ผมดังน่าจะเป็นฟรังไลน์มาเพราะเจ้าตัวไม่ได้มาอบรมด้วยแต่ก็ต้องการแนวข้อสอบ ผมล้วงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาก่อนจะเดินหลบออกมานิดหน่อย แล้วก้มจิ้มโทรศัพท์ตอบไลน์ โดยไม่ได้สังเกตรอบข้าง

เพล้ง!

“เต็มสิบระวัง!”เสียงทนายเพชรตะโกนดังเข้ามา ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงอ้อมกอดและแรงกดที่หัวให้ซบกับหน้าอกแกร่ง

ตึ้ง!
กรี้ด!
เสียงกระแทกอย่างแรงตามมาไม่ไกลจากที่ผมยืนอยู่ พร้อมกับเสียงของผู้หญิงบางคนที่อยู่บริเวณโดยรอบเผลอร้องออกมา เมื่อผ่านไปสักพักทนายเพชรจึงคลายอ้อมกอดออกจากผม ผมจึงได้หันไปมองรอบๆตัว
เศษกระจกร่วงอยู่รอบตัวผมเป็นจำนวนมากทั้งมีขนาดแผ่นที่พอประมาณที่จะสร้างบาดแผลให้ได้ ของเหลวสีแดงไหลตามพื้นจนมาจรดที่ปลายเท้าผมก่อนที่ผมจะค่อยๆไล่สายตาไปมอง
ร่างของหญิงสาวในชุดเสื้อสีขาวกระโปรงดำในแบบเครื่องแบบของผู้เข้ามาฝึกอบรมวิชาว่าความนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นศรีษะส่วนหนึ่งแตกออกพร้อมกับรูปแขนและขาผิดรูปบ่งบอกถึงการตกกระแทกอย่างแรงและเสียชีวิตทันที
ความวุ่นวายโดยรอบเริ่มเกิดขึ้น ท่านอาจารย์หลายๆท่านเริ่มกันคนออกนอกพื้นที่พร้อมแจ้งกู้ภัยและตำรวจ ส่วนผมวิ่งตามทนายเพชรเข้าไปยังตัวตึกจุดมุ่งหมายคือชั้นที่หญิงสาวตกลงมา
“เต็มสิบไปที่ลิฟท์ เดี๋ยวฉันขึ้นบันไดไปเอง ส่วนพี่บันไดหนีไฟนะครับ”ทนายเพชรหันมาสั่งผมและท่านอาจารย์อีกท่านที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับทนายเพชรที่วิ่งตามเข้ามาด้วย
ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมอาคารนี้จะถูกปิดเพราะสภาทนายความขอใช้พื้นที่ในตึกนี้จึงไม่มีนักศึกษาเข้ามาวุ่นวายในส่วนนี้มาก ผมไม่มั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นถูกผลักลงมาหรือตกลงมาเอง แต่ทนายเพชรก็สั่งเผื่อกรณีแรกไว้แล้วกันบุคคลที่น่าสงสัยที่จะหนีลงมาเพื่อออกนอกอาคาร อาคารนี้เป็นอาคารสิบห้าชั้น อาคารออกแบบมาเป็นอาคารที่ใช้สำหรับการจัดการประชุมหรือการอบรมการเรียนการสอนในคลาสที่มีนักศึกษาจำนวนมาก และผู้มาอบรมทั้งอาจารย์เริ่มทยอยกลับกันแล้วจึงไม่น่าจะตรวจสอบคนที่หลงเหลืออยู่ในอาคารไม่ยากเท่าไหร่ และโดยส่วนมากก็อยู่ที่ชั้นสองซึ่งเป็นสถานที่จัดอบรมกัน แต่ผู้หญิงคนนั้นตกลงมาจากชั้นสิบห้า...
ผมกดลิฟท์และรอให้ลิฟท์เคลื่อนตัวลงมาครับ ลิฟท์มันค้างไว้อยู่ที่ชั้นสอง ก่อนจะเคลื่อนตัวลงมา
“อาจารย์”ผมร้องขึ้นมาเบาๆเมื่อลิฟท์เปิดออกแล้วเห็นท่านอัยการวารีรินอยู่ข้างใน เธอทำหน้างงๆนิดหน่อยก่อนจะยิ้มบางๆมาให้
“ไม่กลับบ้านเหรอคะ?”
“เอ่อ ผมจะไปที่ชั้นสิบห้าผมนัดพี่ไว้ที่นั่นอ่ะครับ คือเกิดเรื่องนิดหน่อย แหะแหะ”ผมว่าแอบเขิน ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟท์และเริ่มแปลกใจว่าเธอทำไมไม่เดินออกมาเพราะนี่มันชั้นหนึ่งและเธอน่าจะเดินกลับ จนกระทั่งลิฟต์ปิด
“อาจารย์ไม่กลับบ้านเหรอครับ?”
“แปลกนะทำไมเธอถึงนัดกับพี่ไว้ที่ชั้นสิบห้า พี่ของเธอเป็นอาจารย์ของที่นี่เหรอ แต่ช่วงนี้ทางสภาทนายความขอใช้สถานที่ถ้าเป็นอาจารย์ของทางมหาวิทยาลัยไม่น่าจะเข้ามาทำธุระอะไรที่นี่”
“เออ เปล่าครับเป็นทนาย”
“ทนายเพชร? ฉันเห็นเขานั่งข้างเธอตอนที่ฉันขึ้นไปบรรยาย รู้สึกว่าเขาเป็นลูกคนเดียวนะ.แล้วพี่เธอที่เป็นทนายนัดขึ้นไปทำอะไรที่ชั้นสิบห้า?”ผมชะงักนิดหน่อย “น่าจะเป็นธุระสำคัญ สีหน้าของเธอดูรีบร้อนบวกกับมีความกังวลทางสายตา”รู้สึกกดดันภายในลิฟต์ที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปเรื่อยๆ “เหงื่อที่มือเธอกำลังรู้สึกตื่นเต้นกับอะไรบางอย่างอยู่ เพราะฉันเหรอ? คิดว่าไม่น่าจะใช่ เธอน่าจะประสบพบเจออะไรบางอย่างมา รองเท้าของเธอมีรอยเลือดนะ”ผมก้มมองลงดูทันที “เสื้อของเธอมีเศษกระจกชิ้นเล็ก”ท่านอัยการวารีรินว่าพร้อมกับเอื้อมมาจับเศษกระจกชิ้นเล็กนิดเดียวแบบสังเกตได้ยากออกจากไหล่ผม
“ที่ชั้นสิบห้ามีอะไรงั้นเหรอ?”เธอปิดท้ายด้วยคำถามก่อนประตูลิฟท์จะเปิดออกที่ชั้นสิบห้า “นำไปสิ” เธอสั่ง ผมต้องยอมจำนนอย่างช่วยไม่ได้
 ผมบอกแล้วว่าท่านอัยการวารีรินมีส่วนคล้ายท่านอัยการสิ้นฟ้า ถามหน่อยเป็นญาติกันป่ะ?



 :ling3: หายไปนาน ข้อแก้ตัวคือติดงานครับ
เค้าขอโทษ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2015 06:58:16 โดย Kissa_O »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes. 2/11/58 P.6)
«ตอบ #173 เมื่อ02-11-2015 13:01:03 »

 :mew1:
มาแล้วววววววว

ดีใจที่มานะ คิดถึงเพชรเต็มฟ้า หืม?

เข้มข้นจริงๆ
ผู้หญิงคนนี้ฉลากมากเลยนะ สังเกตุถี่ถ้วนด้วย

ยังไงต่อเนี่ย ลุ้นๆ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes. 2/11/58 P.6)
«ตอบ #174 เมื่อ02-11-2015 20:24:20 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ FiZZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes. 2/11/58 P.6)
«ตอบ #175 เมื่อ29-11-2015 02:23:46 »

อย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนี้คือ ยัยเด็กสามขวบคนนั้น เปิดตัวมาแหกโค้งมากๆ  :ruready

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes. 2/11/58 P.6)
«ตอบ #176 เมื่อ30-11-2015 01:48:05 »

ความสงสัยจุกอก

ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes.(2) 7/12/58 P.6)
«ตอบ #177 เมื่อ07-12-2015 22:45:33 »

คดีที่ 10
You got me smoking cigarettes.(2)

ผมว่าคุณเบื่อพวกเรื่องสืบสวนสอบสวน กฎหมายหรือชีวิตของพวกนักกฎหมายล่ะ ใช่ ผมก็เบื่อ ใครอยากจะเอาเรื่องเครียดเข้าสู่สมองกัน นอกจากจะเครียดมาจากเรื่องเรียน เรื่องทำงาน  เครียดที่จะต้องดำเนินชีวิตในแต่ละวันแล้ว ใครอยากจะมาเสพอะไรที่มีแต่ศพ ทริก ปริศนา ความซับซ้อน พวกตัวหนังสือ หรือเรื่องราวของพวกที่ถูกขนานนามว่า พวกยุงใส่สูท แค่ได้ยิน…ผมก็นึกอยากสูบบุหรี่แล้ว

ผมแนะนำให้คุณก็แค่ทำๆเหมือนคนทั่วๆไปที่อ่านกฎหมายยังไม่ได้พอบรรพ หรือ บทหนึ่ง หรือบางครั้งอาจไม่ได้อ่านเลยสักมาตราหรือสักฎีกา  ก็ไปวิจารณ์ว่ากฎหมายแม่งอ่อน กระบวนการยุติธรรมประเทศนี้แม่งเหี้ยแม่งเลว  นักกฎหมายแม่งชั่วช้า สารเลวกันทั้งนั้น กฎหมายใช้ได้เฉพาะกับคนจน ล้าหลัง ก็แล้วแต่จะวิจารณ์กันไป พวกคุณก็ทำแค่นั้น นั่นล่ะคือสิ่งที่คนทั่วๆไปทำ

หรือถ้าอยากให้พิเศษขึ้นมาหน่อยก็ออกมารณรงค์เรียกร้อง อธิเช่น ข่มขืน=ประหาร ผมว่าการเรียกร้องถึงสิทธิที่พึงได้มันก็ดีนะแต่เรื่องบางเรื่องคุณควรต้องมีความรู้มาก่อน หรือบางคดีศาลตัดสินโทษประหารออกข่าว แต่ พวกคุณก็บอกว่ามันไม่โดนประหารจริงๆหรอก แน่จริงก็ให้ศาลกำหนดวันประหารเลยสิ! เอาตัดสินวันนี้ประหารพรุ่งนี้เลยได้ไหม? ก็อาจจะจริงของคุณ... แต่เพราะหน้าที่ของศาลสิ้นสุดก็แค่ตัดสิน ไม่ได้มีหน้าที่จำจี้จำไชว่าต้องประหารพรุ่งนี้นะวันนี้นะ หรือวันไหนๆ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเหล่าผู้พิพากษาก็คงดูกระเหี้ยนกระหือรืออยากปลิดชีวิตคนๆหนึ่งมากเกินไป ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นนักโทษก็ตาม มันเป็นภาพลักษณ์ที่แย่ว่าไหม?แถมยังต้องมานั่งคิดอีก ว่า เฮ้ย!วันนี้เป็นวันที่นักโทษที่ฉันตัดสินประหารจะถูกประหารว่ะ ไปฉลองหน่อยดีมั้ยฉลองให้แก่ความตายที่ฉันเป็นคนสั่งเอง

ยุคนี้ไม่ใช่ยุคเปาบุ้นจิ้นที่ชี้นิ้วสั่งและจะตัดคอด้วยเครื่องประหารหัวต่างๆได้อย่างง่ายดาย แต่เป็นยุคที่เราไปถึงดาวพลูโตกันแล้ว การเคารพสิทธิเสรีภาพเป็นสิ่งสำคัญและเป็นสิ่งที่นานาชาติต่างยอมรับ  ทำไมทั้งๆที่ด่าว่ากฎหมายล้าหลังแต่กลับเรียกร้องให้ประหารกันอย่างกับย้อนไปยุคสมัยท่านเปา? นั่นมันไม่ล้าหลังกว่าเหรอ?

โอกาสเป็นสิ่งน่ากลัวมีคนๆหนึ่งเคยบอกผมไว้ เมื่อให้โอกาสนักโทษสารภาพลดโทษให้ ในตอนขังคุกถ้าเป็นนักโทษชั้นดีก็มีสิทธิออกจากคุกเร็วกว่าอีก เราจึงไม่ควรให้โอกาสใคร เดี๋ยวมันมาทำความผิดซ้ำอีก ผมถามกลับไปว่าถ้า มึงทำผิดล่ะ?  มึงต้องการโอกาสที่จะแก้ตัวไหม? สีหน้ามันตอบอย่างมั่นใจว่าผิดก็ต้องยอมรับผิด มันจะยอมรับผิดกับสิ่งที่มันทำ ก็ดี...ดูแมนดี แต่ผมก็มีคำตอบของผมนะ ผมต้องการโอกาส แล้วคุณล่ะ?ต้องการไหม?
ในความคิดผมการที่ผมต้องการโอกาสแก้ตัวนั่นไม่ได้หมายความว่า ผมไม่ได้ยอมรับว่าผมไม่ได้ทำความผิด ผมยอมรับว่าทำความผิดจริงแต่ผมต้องการโอกาส เพราะผมยังคิดว่าผมสามารถทำอะไรในชีวิตได้อีกเยอะ
อย่างน้อยผมก็ไม่อยากไปนั่งฟังพระเทศ และตอบคำถามของผู้คุมว่าผมต้องการอะไรเป็นครั้งสุดท้าย
หากคุณจะบอกว่า โลกสวยเนอะ...แย้มบานเลยทีเดียว เสมือนเห็นทุ่งดอกทิวลิปมาแต่ไกล
แต่นั่นล่ะคือตัวผม
นี่ผมพ่นอะไรซะยืดยาวตั้งหลายบรรทัด ?ผมแค่อยากให้พวกคุณมองเห็นมุมมองที่หลากหลาย อยากน้อยก็มุมมองของผมคนหนึ่ง

ผมอาจจะพาคุณตัดฉากอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่เมื่อกี้ผมยังพ่นอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่เลย แต่ผมอยากให้คุณจำความรู้สึกที่ผมเวินเว่อร์จากไอ้พวกบรรทัดข้างบนที่ผ่านมาเอาไว้...แล้วตื่น!

หากจะท้าวความสักนิด เราอยู่ในตัวอาคาร มีคนโดดลงไปแล้วผมก็วิ่งเข้ามาขึ้นลิฟท์เพื่อจะไปชั้นที่สิบห้ากับสาวสวยอีกคนหนึ่ง ดูน่าอิจฉา ถ้าสาวสวยที่ว่านั่นไม่ช่างสังเกตและมีแววตาเสมือนรู้ทุกอย่าง เธอเหมือนรู้จนถึงเบื้องลึกในจิตใจของคนที่เธอมองอยู่ ซึ่งในที่นี้ก็คือผม ซึ่งความคิด การกระทำ แม้แต่ขยับกายยังรู้สึกอึดอัดจากสายตานั่น ทั้งๆที่เจ้าหล่อนก็ส่งยิ้มสวยหยาดเยิ้มมาให้

และประตูของลิฟท์ก็เปิดที่ชั้นที่สิบห้า จบด้วยคำสั่งที่เธอบอกให้ผมเดินนำไป จนผมพาท่านอัยการวารีรินมาจบที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่งที่ผมกะว่าน่าจะเป็นห้องนี้ แล้วเปิดเข้าไปเพราะมันไม่ได้ล็อค

แผ่นหลังในชุดนักศึกษาสีขาวปรากฎอยู่ต่อหน้ายื่นนิ่ง หันหลังให้ผมและท่านอัยการวารีริน เจ้าตัวมองไปทางทิศทางที่กระจกแตกเกือบทั้งแผ่น เพราะอาคารนี้ทำผนังด้วยกระจกใส ข้างกายมีเก้าอี้เหล็กล้มลงอยู่ ก่อนที่เจ้าของแผ่นหลังจะค่อยๆหันกลับมามองผมและท่านวารีริน

“เอ๋!?”ผมร้องขึ้นด้วยความตกใจปนสงสัย เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่หันกลับมา
“ดิน?”แต่คนที่เรียกชื่อออกมากลับเป็นท่านอัยการวารีริน ใช่ ผมจำคนคนนี้ได้ คนที่ผมเจอที่ห้องของท่านอัยการสิ้นฟ้า คนที่ท่านบอกว่าเป็นเพื่อน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าท่านอัยการวารีรินก็จะรู้จักด้วย

“ครับ?...แม่”

.......................
หลังจากนั้นทนายเพชรตามขึ้นมา ไม่นานเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ดินถูกควบคุมตัวไปในฐานะผู้ต้องสงสัย
ส่วนผม...กำลังนั่งงง และปะติดปะต่อความคิด เรื่องราว
“ดินเป็นเพื่อนของท่านอัยการสิ้นฟ้าและเป็นลูกชายของท่านอัยการวารีริน แล้วคนที่ตายล่ะเป็นใคร?”ผมบ่นกับตัวเองเบา
อันที่จริงเรื่องนี้มันไม่น่าจะเกี่ยวกับผมหรือทนายเพชรด้วยซ้ำ แต่มันรู้สึกค้างคาใจแปลกๆสัญชาตญาณผมดี ลางสังหรณ์ผมค่อนข้างแม่นทนายเพชรเคยเอ่ยชม แต่ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้หรอก ผมเชื่อความคิดของตัวเองและข้อมูลที่ได้มาโดยรอบมากกว่าเพราะท่านอัยการสิ้นฟ้าสอนมาอย่างนั้น
“ทางอัยการเหนียวมากเลยครับ เรื่องนี้ผู้ต้องหาเป็นถึงลูกชายของท่านอัยการวารีรินด้วย ถึงจะเป็นบุตรบุญธรรมก็เหอะ”พี่สารวัตรว่ากับทนายเพชรที่กำลังจดจ่ออยู่กับแล็ปท๊อปของตัวเองแต่ผมคิดว่าเขาก็ฟังอยู่ด้วย “รู้สึกว่าเด็กนั่นจะรู้จักกับไอ้ฟ้ามันด้วย”
“เท่าที่ดูข้อมูลเด็กคนนั้นกำลังศึกษาปริญญาตรีอยู่ ที่เดียวกับที่ฉันและฟ้าจบมา รวมถึงอัยการวารีรินด้วย”ทนายเพชรทำท่าทางคิดอะไรบางอย่าง “จำได้แล้วมิน่าหน้าตาคุ้นๆเป็นรุ่นพี่นี่เอง”ทนายเพชรพูดพร้อมกับทำหน้านิ่ง
“รุ่นพี่?”พี่สารวัตรเลิกคิ้วสงสัย พยายามนึกตาม
“หมวดพอจะเอาหลักฐานทางฝั่งนั้นที่หาได้ มาให้หน่อยได้ไหม?”
“หาเรื่องแล้วครับพี่ครับ”พี่สารวัตรทำหน้าตกใจ
“ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าหมวดคงไม่อยากข้ามเขตสักเท่าไหร่?”
“อันที่จริงผมพาเข้าไปดูให้ได้อยู่นะ แต่...เรื่องนี้มันไม่น่าจะเกี่ยวกับพวกเรานี่ ใช่มะ?”
“หมวดยังจำตอนที่ตำรวจถูกยิงแล้วใส่ตู้คอนเทนเนอร์ถ่วงน้ำได้ใช่ไหม?”
“ผมจำได้”
“ผมคิดว่าหมวดคงไม่เชื่อคำโกหกที่สิ้นฟ้าอ้างว่าวันนั้นเขาไปต่างจังหวัดแล้วกลับมาในตอนเช้าหรอกใช่ไหม? หมวดก็รู้สิ้นฟ้ามีแผลถูกยิง เลือดในที่เกิดเหตุ ผลนิติเวชที่หมอบอก บางจุดเกิดเหตุก็มีเลือดของฟ้า บางครั้งอาจจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกัน หมวดคงไม่อยากให้เกิดอันตรายอะไรกับฟ้าใช่ไหม?”ผมสะดุ้งแล้วขยับตัวนิดหน่อยเสเบือนหน้าไปมองดอกไม้ประดิษฐ์บนแจกัน เมื่อนึกถึงวันนั้น วันที่ท่านอัยการสิ้นฟ้าเข้ามาในห้อง

‘เพราะฉะนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฉัน หรือเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉัน อย่าตามหาเหตุผล แม้ว่าฉันจะตายไป หรือหายไปไหน’

พี่สารวัตรเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้าแล้วตอบออกมา
“ครับ”
“เราจะต้องรู้ข้อมูลของเด็กคนที่ตายว่าเป็นใคร?และรู้ข้อมูลของพวกเขามากยิ่งขึ้นทั้งสิ้นฟ้า วารีริน แม้แต่เด็กที่ชื่อดิน พอจะช่วยผมได้ไหม? ไม่งั้นผมจะหาทั้งหลักฐานและข้อมูลเอง ซึ่งอะไรจะเกิดผมไม่รับประกัน ต่อให้เอาสิ้นฟ้าลงจากเก้าอี้อัยการผมก็จะทำ ถ้าสิ่งนั้นมันทำให้ฟ้าตกอยู่ในอันตราย”
กลัวก็แต่เจ้าตัวเขาจะโดดลงไปในอันตรายเอง...ผมเอ่ยต่อในใจ
ท่านสารวัตรถอนหายใจออกมานิดหน่อย ทำหน้าลำบากใจ ก่อนจะตอบออกมา
“ได้...ครับ”

............

‘ทุกสิ่งบนโลกเชื่อมต่อกัน การกระทำของคนๆหนึ่งอาจจะไปกระทบต่อคนของอีกฝากหนึ่งของโลก เด็ดดอกไม้อาจสะเทือนถึงดวงดาว ผีเสื้อขยับปีก’

ผมชอบดอกไม้ไหม อ่า ไม่รู้สินอนนี้เริ่มสับสน ยิ่งโดยเฉพาะตอนนี้เริ่มมีความเกลียดดอกไม้สีน้ำเงินนิดๆ ถึงแม้ท่านอัยการสิ้นฟ้าจะชอบสีน้ำเงินก็ตาม
ผมเดินเข้ามายังห้องทำงานของท่านอัยการมองไปที่โต๊ะทำงานของท่าน มีดอกไม้สีน้ำเงินที่ชื่อว่าดอกไอริสวางเอาไว้พร้อมกับโน๊ตเล็กๆเขียนด้วยลายมือหวัดๆ กล่าวอ้างถึงทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก ซึ่งผมไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไงเพียงแต่รู้สึกไม่ดี
มันเรื่องอะไรกัน?
ผมต้องหาเหตุผลไหม?หรือปล่อยมันไปแล้วทำตามคำสั่งของท่านอัยการที่เคยบอกเอาไว้
ผมกำดอกไม้สีน้ำเงินแน่น จนมันช้ำคามือผมแน่นอน อยากจะทิ้งลงถังขยะ
ผมควรจะทำยังไงดี...

..................................
“เด็กนั่นถูกประกันตัวออกไปแล้วครับ”
ทนายเพชรพยักหน้า หลังจากที่ท่านสารวัตรบอก
“ส่วนประวัติ”พี่สารวัตรพูดพร้อมกับยื่นซองเอกสารให้ ทนายเพชรเอามาเปิดดูคร่าวๆ “พี่คิดว่ายังไง?”
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมขอคิดดูก่อน”ทนายเพชรพูดแค่นั้น ก่อนจะขอตัวออกมาซึ่งมีผมที่บอกลาท่านสารวัตรแล้วเดินตามออกมาด้วย
“พ่อแม่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดบนเครื่องบินงั้นเหรอ?”ทนายเพชรเปรยเบาๆ “วันนี้เงียบผิดปกตินะ”ก่อนจะหันมาพูดกับผม
“ก็ผมไม่รู้จะพูดอะไรนี่ครับ”ผมตอบยิ้มๆ “เรื่องนี้ดูท่าจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เห็น ผมเป็นแค่เด็กที่พึ่งจบมหาวิทยาลัยแถมยังไม่ได้รับปริญญาเลย คงไม่รู้จะพูดอะไรได้”
“ความรู้เพิ่มขึ้น แต่ความมั่นใจกลับหดหาย”
“อาจจะเป็นเพราะว่ายิ่งรู้เยอะ มันทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เลยตัดสินใจยากขึ้นเพราะเหตุผลมันมากขึ้นมั้งครับ”ผมตอบกลับไป ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยออกมาเบาๆ“แต่บางครั้งเสมือนจะรู้แต่กลับไม่รู้อะไรเลย”
ทนายเพชรยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะถาม
“สิ้นฟ้าพูดอะไรกับนายบ้าง?”
“...”
“ถ้าอยากให้สิ้นฟ้าปลอดภัยนายควรจะอยู่ข้างฉัน ส่วนถ้านายจะปล่อยเรื่องนี้ไปนายจะอยู่ข้างสิ้นฟ้าก็ได้ เพราะตอนนี้ฉันพอจะเดาออกว่าสิ้นฟ้าจะทำอะไร...อย่างที่ฉันเคยบอก ฉันเอาเขาลงจากเก้าอี้อัยการแน่ ถ้าสิ่งๆนั้นมันจะทำให้ท่านของเธอปลอดภัย”
“แล้วทนายเพชรไม่ลองเชื่อใจท่านอัยการบ้างล่ะครับ...ว่าเขาจะต้องทำสำเร็จ”
เขาชะงักไป มองตาผม แล้วเหมือนทำท่านึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะยิ้มหยัน
“เธอมันร้าย ร้ายกว่าที่ฉันคิดเยอะเลยเต็มสิบ”
ผมส่งยิ้มเบาๆกลับไปให้

.................
วันสอบใบอนุญาติว่าความหรือที่เรียกโดยทั่วๆไปว่าตั๋วทนายมาถึง เหมือนเวรกรรมเพราะคนคุมสอบห้องผมเป็นทนายเพชรกับอาจารย์อีกสองท่าน ซึ่งเจ้าตัวเขาอยู่ในชุดคลุยสีดำมีแถบสีทองเดินแจกสมุดเขียนคำตอบจำนวนหนึ่งเล่มและกระดาษคำถาม ที่บอกว่าเหมือนเวรกรรมเพราะมันรู้สึกกดดันถึงสองเท่า นี่ถ้าทำไม่ดีขึ้นมาผมคงจะซวยไม่น้อย เพราะทนายเพชรก็เปรียบเสมือนอาจารย์คนหนึ่งของผมเหมือนกัน ซึ่งไม่มีลูกศิษย์คนไหนอยากจะทำให้อาจารย์ผิดหวังหรอก...มั้ง?

ทำไมต้องมีมั้ง...ก็ผมแค่เผื่อๆเอาไว้

“เปิดกระดาษแล้วทำข้อสอบได้ครับ”เสียงทุ้มนุ่มๆบอก ผมเปิดกระดาษคำถามออกอ่าน ข้อสอบซึ่งมีคดีอยู่หนึ่งคดี แล้วมีโจทก์ว่าให้เราทำอะไรบ้าง ผมอ่านสองสามรอบจับประเด็นก่อนจะเขียนคำตอบลงไปในสมุดคำตอบ ความซับซ้อนเป็นเสน่ห์ของข้อสอบกฎหมาย ผมบอกได้เลย และถ้าไม่ได้ชอบมันจริงๆก็หลงรักมันไม่ลงหรอก เพราะบางครั้งแค่อ่านโจทก์ก็แทบอยากจะลุกขึ้นฉีกกระดาษแล้วโยนทิ้ง พร้อมตะโกน ‘คดีนี้จะเป็นยังไงก็เรื่องของมึงเหอะ!’

 เวลาผ่านไป ประมาณ 1 ชั่วโมงทนายเพชรก็เดินไปตามโต๊ะของผู้เข้าสอบทีละคนตรวจบัตรแล้วให้เซ็นลายชื่อเข้าห้องสอบ ส่วนอาจารย์อีกท่านที่เดินมาด้วยเซ็นลายเซ็นที่หน้าสมุดคำตอบในฐานะอาจารย์คุมสอบ เมื่อเดินไปตามโต๊ะครบทุกคนแล้วทนายเพชรก็ไปยืนทำหน้านิ่งหน้าห้องสอบเสมือนตัวร้ายในละครต่อไป ซึ่งทำให้ผู้เข้าสอบแทบจะไม่กล้ากระดิกตัว นอกจากก้มหน้าก้มตาเขียนแม้คนคุมสอบหน้าห้องจะหล่อและดูดีมากๆก็ตาม ผมเขียนไปเรื่อยๆรู้ตัวอีกทีมองดูนาฬิกาก็ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงแล้ว แทบอยากจะบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อย แอบบีบข้อมือตัวเองเบาๆ ก่อนจะตั้งใจเขียนต่อ

รู้สึกตัวอีกครั้งก็ได้ยินเสียงประกาศ
“ผ่านไปสามชั่วโมงครึ่งแล้วนะครับ ใครทำเสร็จแล้วอนุญาตให้ส่งข้อสอบได้”อาจารย์ท่านหนึ่งประกาศบอก ผมตรวจเช็คข้อเขียนนิดหน่อยว่าไม่หลงลืมประเด็นไหนและละเอียดมากพอ ก่อนจะหันมาลงมือทำปรนัย20ข้อ ซึ่งทนายเพชรเคยบอกไว้ว่าข้อสอบปรนัย20ข้อเอามาไว้เป็นตัวช่วยเป็นความรู้รอบตัวทั้งนั้น ง่ายมาก  ซึ่งพออ่านดูแล้ว...ครับ ช่วยจริงๆ แม่ง...มีตั้งแต่เรื่องนิติวิทยาศาสตร์ แบบไหนที่ถึงจะเรียกว่าตายแล้ว ระยะเวลาการแข็งตัวของศพ ส่วนประกอบของปืน การตรวจเขม่าดินปืนต้องทำภายในกี่ชั่วโมงอะไรอย่างงี้ ยันถึงระบบศาล ระบบการปกครองของประเทศ ช่วยครับช่วย ช่วยให้ตายเบาๆ
อยากจะเอาหัวกระแทกโต๊ะ ให้สมองอันน้อยนิดตกผลึกความรู้ออกมา
และผมก็แอบเอาหัวกระแทกโต๊ะจริงๆ ก่อนจะเดินเอาสมุดคำตอบไปส่ง ใช้เวลาคุ้มค่ามากหมดเวลาพอดี เดี๋ยวจะไปถ่ายรูปกับต้นหลิวหน้าอาคารสอบเบาๆ เช็คอินว่า กูมาสอบแล้วนะ กูไม่ได้มาเล่นๆกูมาเพื่อเป็น The Lawyer!. พอเหอะ! ยิ่งพูดยิ่งน้ำตาจะไหล
ผมนั่งรอทนายเพชรที่โต๊ะหินอ่อนข้างอาคารไม่ถึง20นาที ทนายเพชรก็โทรมาตาม
“เย็นนี้กินไรดี?”ทนายเพชรถามขึ้น
“นี่ไม่คิดจะถามผมเลยเหรอ ว่าทำข้อสอบได้ไหม?”
“ถามทำไม? ถามไปตอนนี้ก็ไม่ได้ประโยชน์ ทำได้ไม่ได้เดี๋ยวพอผลสอบออกก็รู้เองล่ะ ตอนนี้ก็ทิ้งมันไปซะ คิดมากเดี๋ยวจะกินข้าวไม่อร่อยซะมากกว่า”
“นั่นสิ...”
หลังจากนั้นผมกับทนายเพชรก็มาหาอะไรทาน ตั้งแต่ผมรู้จักทนายเพชรมา ทนายเพชรเป็นคนไม่เรื่องมากเรื่องกินทานอะไรก็ได้ ตั้งแต่ร้านข้างทางยันร้านหรูตามห้างหรือโรงแรม ท่านอัยการสิ้นฟ้าก็เหมือนกัน ทั้งสองคนรู้จักร้านอาหารอร่อยเยอะมาก โดยเฉพาะร้านอาหารสไตล์สบายๆนั่งชิลๆ
อย่างเช่นตอนนี้ทนายเพชรก็พาผมมาร้านอาหารที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่ก็ไม่ธรรมดาเพราะมันเป็นร้านที่อยู่ในเขตของทหารกองทัพอากาศ ที่ภายในร้านตกแต่งเป็นโมเดลเครื่องบินรบและเครื่องบินพาณิชย์รุ่นต่างๆ และข้างร้านมีหอบังคับการการบิน ขึ้นมาชั้นสองของร้านมองเครื่องบินของทางกองทัพบกบินขึ้นลงแบบ HD ซึ่งดูตื่นตาตื่นใจดี ผมนี่แทบจะวิ่งไปเกาะกระจกดูไม่ทัน
“ชอบไหม?”ทนายเพชรถามขึ้น ผมพยักหน้ารัวๆ “ให้ความรู้สึกเหมือนพาลูกมาเที่ยวงานวันเด็กเลยแหะ”เจ้าตัวว่าเบาๆพลางส่ายหน้า
“ถ้าทนายเพชรเป็นพ่อคงเป็นพ่อที่ดี”ผมละความสนใจจากเครื่องบินหันกลับมามองเขา “พ่อผมไม่เคยพามาเที่ยวอะไรอย่างนี้หรอก เพราะว่าท่านทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆไปทั่วประเทศ นานๆครั้งได้เจอกันที แบบจำได้ว่าเจอตอนพ่อยังดูหนุ่มๆพอเจออีกครั้งก็รู้สึกว่าพ่อแก่แล้ว อะไรประมาณนั้น”ผมว่าขำๆ
“แล้วทนายเพชร?”เขาเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยก่อนจะยิ้มอ่อนๆแล้วทำท่านึก
“ไม่รู้สิฉันจำหน้าพ่อไม่ได้แม่ก็เหมือนกัน จำความได้ก็รู้ตัวว่าเป็นเด็กกำพร้าเสียแล้วล่ะ จำได้ว่าชีวิตมีแต่งานมาตั้งแต่เด็ก ตอนประถมรับจ้างดูต้นทางตำรวจสำหรับวงไพ่ ตอนม.ต้น โชคดีหน่อยที่เข้าชมรมหมากรุกของโรงเรียนพอได้ฝึก พอมีฝีมือพอประมาณก็ไปท้าพนันแข่งกับพวกผู้ใหญ่ รายได้ดีเชียวล่ะนานเข้าเชี่ยวหน่อยก็เล่นไพ่ เล่นการพนันกินเงินบ้างรับจ้างเป็นเด็กทำงานที่บ่อน ตอนนั้นวิ่งหนีตำรวจเรื่องถนัดเลย พอม.ปลายก็เริ่มมีจุดมุ่งหมายของชีวิตอยากเรียนต่อกฎหมายทั้งๆที่ตอนนั้นทำผิดกฎหมายแทบตาย เลยเอาเงินเก็บส่วนหนึ่งที่ได้จากการพนันไปลงทุนกับหุ้นซื้อหนังสือพวกหุ้นมาอ่านศึกษาหาข้อมูล ในระหว่างนั้นก็แอบเข้าหาพวกตำรวจด้วย เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากตำรวจ เอาเงินอีกส่วนหนึ่งไปลงติวกับสถาบันติวกฎหมายโดยเฉพาะ”
ทั้งๆที่เป็นเด็กม.ปลายเนี่ยนะ?
“พอมอปลายเทอมสุดท้ายก็สอบตรงเข้ามหาวิทยาลัย ใช้เงินจากการเล่นหุ้นและทำงานพาร์ทไทม์ในการจ่ายค่าเล่าเรียน จนมาได้เจอกับสิ้นฟ้านั่นล่ะ พอเรียนจบ เรียนต่อเนติฯสอบตั๋วทนายรับว่าความรายได้ก็เข้ามาเรื่อยๆจากน้อยๆก็มากขึ้นมากขึ้น จนมีเงินไปเรียนต่อโทกฎหมายที่ต่างประเทศ กลับมาก็ได้มาเจอเธอไง”
“เล่าข้ามในส่วนที่อยากรู้เฉยเลยอ่ะ”ผมบ่น
“กับสตีเฟ่นก็ไปรู้จักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย แล้วก็ถูกชวนไปทำงานด้วย”ทนายเพชรขยายความเล่าในส่วนที่ผมคิดว่าเขาพอที่จะเล่าได้
“อืม...ชีวิตทนายเพชรก็โชกโชนเหมือนกันนะเนี่ย”ผมว่า ไม่นานอาหารที่สั่งไว้ก็มาเสริฟ ผมแอบชำเรืองมองทนายเพชร ใบหน้าคมคายที่อมยิ้มน้อยๆดูอบอุ่นนั่นกำลังตั้งใจถ่ายภาพอาหารที่สั่งมาด้วยโทรศัพท์มือถือ ในความรู้สึกนอกจากหน้าตาผมคิดว่าคนๆนี้เก่งจริงๆนั่นล่ะ เก่งจนมีอออร่าให้คนอื่นแอบหลงใหลได้อย่างไม่รู้ตัว ค่อยๆซึมซับความซับซ้อนของเขา ไม่อยากจะยอมรับก็ต้องยอมรับ จะว่าไงดีล่ะ ถึงจะไม่ชอบเขาในส่วนเรื่องของท่านอัยการสิ้นฟ้าและเรื่องเลวๆที่เขาทำ แต่การได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากเขา มันก็ทำให้ผมรู้สึกนับถือและชื่นชม
................


ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes.(2) 7/12/58 P.6)
«ตอบ #178 เมื่อ07-12-2015 22:51:09 »

‘ทางท่านอัยการวารีริน วางเงินประกันตัวลูกชายของตัวเองออกไปแล้วครับ’
“อืม”ริมฝีปากบางเอ่ยตอบกลับไปเบาๆ
‘ท่านจะให้ผมทำยังไงต่อ?’
“ยังไงซะ ยัยนั่นก็ต้องถูกกันออกจากคดี ส่วนเด็กนั่นเดี๋ยวฉันจะโทรถามมันเอง ส่วนนายก็ทำงานในส่วนของตัวเองต่อไป”
‘ครับท่าน’
มือเรียวกดตัดสาย ก่อนจะตักไอศกรีมเข้าปาก แล้วต่อสายหาอีกคนทันที
‘ครับ?’เสียงปลายสายตอบกลับมา
“ได้ข่าวว่าถูกจับยัดเข้าคุก”ว่าพรางหัวเราะ หึ
‘แค่ฝากขังครับ’
“ก็คุกไหมล่ะ?”คิ้วเรียวสวยยกขึ้นข้าวหนึ่งริมฝีปากอมยิ้ม
‘เอาไว้ผมได้เข้าคุกจริงๆแล้วท่านค่อยเยาะเย้ยเถอะครับ แล้วนี่ไม่ทำงาน?’
“ไม่ได้อู้อย่างที่เธอคิดหรอกน่าดิน วันนี้ฉันเข้ามาเคลียร์คดีที่สำนักงานอัยการจังหวัดพอเสร็จก็เลยออกมาหาอะไรกินนิดหน่อยก่อนจะกลับเข้าป่า ว่าแต่ทำยังไงเธอถึงพลาดได้?”
‘ผมไม่ได้พลาด’
“ไม่ได้พลาด?”
‘ผู้หญิงคนนั้น เอาเก้าอี้ทุบกระจกแล้วโดดลงไปเอง’
“ฉันต้องเชื่อ?”
‘ผมแค่พูดอะไรกับเธอนิดหน่อย’
นิดหน่อยที่ว่านั่น มันคือคำพูดแบบไหนกัน...ถึงทำให้คนๆหนึ่งเอาเก้าอี้ทุบกระจกแล้วโดดลงไปจากชั้นสิบห้าได้
‘ห้องนั้นมีกล้องวงจรปิด ยังไงก็เอาผิดผมไม่ได้หรอก จะเห็นก็แต่ภาพผู้หญิงคนนั้นบ้าไปเอง’ดินถอนหายใจจนปลายสายยังรู้สึก ‘คุณไปอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยนะครับ ยังไงผมก็อยากให้คุณระวังตัวไว้ด้วย อีกอย่างทางทนายเพชร แฟนของคุณก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ปล่อยไว้อย่างนี้จะดีเหรอครับ?’ คำถามที่ทำให้ชะงักมือตักไอศกรีมไปนิดหน่อย
“อืม...”ตอบรับกลับไปเบาๆพรางขมวดคิ้วนิดหน่อย มือคนไอศกรีมที่เริ่มละลาย “ปล่อยไปก่อนเถอะ เขาอยากจะทำอะไรก็ให้เขาทำ แต่...”
‘...’
“บทสรุปสุดท้าย มันจะจบเหมือนที่วางไว้อยู่ดี”

‘เข้าใจแล้วครับ’
“นายก็ไปเตรียมตัวสู้คดีต่อเถอะ”
‘ครับ ดูแลตัวเองดีๆนะครับ ผมเป็นห่วง’
“นายเองก็เหมือนกัน”
สิ้นฟ้ากดตัดสายพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อยผมของเขาอาจจะหงอกเพิ่มอีกหนึ่งเส้น เขากดโทรศัพท์ดูภาพที่ถูกถ่ายแล้วส่งมาให้เขาทางไลน์ เขาอ่านข้อความที่อยู่ในภาพซึ่งเป็นการอ่านประมาณรอบที่สิบแล้วตั้งแต่ภาพถูกส่งมา

‘ทุกสิ่งบนโลกเชื่อมต่อกัน การกระทำของคนๆหนึ่งอาจจะไปกระทบต่อคนของอีกฝากหนึ่งของโลก เด็ดดอกไม้อาจสะเทือนถึงดวงดาว ผีเสื้อขยับปีก’

สิ้นฟ้ารู้ดีว่ามันหมายความว่ายังไง


เมื่อกลับเข้ามาในหมู่บ้านสิ้นฟ้าก็เปลี่ยนเสื้อผ้า รองเท้า พร้อมกับอุปกรณ์นิดหน่อยก่อนจะสะพายเป้ขึ้นหลังแล้วเตรียมจะเดินออกไปจากบ้าน
“อ้าว เฮ้ย! จะไปไหน?”อัยการเก่งถามขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนอัยการของตัวเอง สะพายกระเป๋าเตรียมตัวราวกับจะเดินทางไปที่ไหนหลายวัน
“จะไปสำรวจอะไรนิดหน่อย”
“สำรวจ? สำรวจอะไรของมึงวะ”เก่งว่าพร้อมกับขมวดคิ้วเข้มด้วยความสงสัย
“กูจะขึ้นเขา”
“เฮ้ย อันตรายรอนี่เลยเดี๋ยวกูเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปด้วย”
“ไม่ต้อง มึงสืบคดีกับหมวดภูอยู่นี่เหอะ”
“ไม่ได้ รอกูแป๊ป”เก่งว่าพร้อมกับวิ่งเข้าบ้าน แต่สิ้นฟ้าไม่ได้รอ ร่างโปร่งเดินออกไปเลย รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้รอไม่ได้จะต้องเร่งมือ


.....
“โอ้ย กูบอกให้รอทำไมมึงไม่รอ~”เก่งบ่นน้ำตาแทบจะไหลออกมา ตอนนี้ผ่านไปเกือบหกชั่วโมงที่สิ้นฟ้าบอกเขาว่าจะขึ้นเขา
“น้องฟ้าของพี่เผือก~”เผือกร้องออกมา ไม่รู้ว่ายอดดวงใจของเขาจะเป็นตายร้ายดียังไงเพราะต้อนนี้ฟ้าก็มืดมานานพอควรละ
“อาเก่งลื้อต้องใจเย็นๆ ป่าเขาที่นี่ไม่น่ากลัวหรอก เดี๋ยวอีก็กลับมา”เจ็กว่า ตอนนี้เก่งมานั่งหัวเสียรอฟังข่าวจากหมวดภูที่เข้าไปในตัวอำเภอเพื่อขอกำลังมาช่วยค้นหา เพราะจะให้ชาวบ้านแถวนี้เข้าไปเสี่ยงก็ไม่ได้
ถ้าอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุดหายไปหนึ่งคนเป็นอันต้องซวยแน่ๆ อีกอย่างหมอนั่นถึงจะรู้จักกันได้ไม่นานมันก็เพื่อนเขา อดห่วงไม่ได้ ตอนนี้เขาก็เตรียมตัวไว้พร้อมที่จะบุกป่าฝ่าดงไปหาอยู่แล้ว


สิ้นฟ้านั่งอยู่บนกิ่งของต้นไม้นัยน์ตาจับจ้องไปยังกลุ่มแสงไฟกลางป่า ที่มันไม่ได้สว่างมากมายอะไรเพราะมันก็เป็นเพียงแสงไฟจากไฟฉายไม่กี่กระบอก สิ้นฟ้ามาไกลเกินกว่าจะถอยกลับ เจ้าตัวค่อยๆปีนลงจากต้นไม้ กระชับแว่นสายตา แล้วเดินไปยังทิศทางที่เขาเห็นแสงไฟ พยายามลดไฟฉายส่องให้ต่ำ แค่รัศมีพอมองให้เห็นพื้นที่ที่ใช้เดินไปข้างหน้า
“ตัดแล้วโยนลงน้ำให้ลอยไปเลย!”เมื่อได้ยินเสียงเลื่อยและเสียงพูดคุยบ่งบอกว่ามีคนอยู่ไม่ไกล สิ้นฟ้าปิดไฟฉายทันที
ไม้ที่ถูกตัดจะลอยน้ำลงไปแล้วไปค้างที่แถวหมู่บ้านพอดี เหตุผลของหมวดภูที่ชอบไปตกปลาแน่นอนว่าไม่ได้ไปตกปลาเล่นๆ เขาคอยสังเกตุว่าไม้มันจะไหลมาจากทิศทางไหนบ้าง พอไม้ถูกลอยมาชาวบ้านก็จะแจ้งทางการให้มาจัดการ แต่ไม้ที่ถูกทางการเอาไปก็ไม่รู้จะเอาไปทำประโยชน์อะไรอยู่ดี  ก็ต้องเอานำออกประมูล กลุ่มนายทุนก็จะเข้าร่วมประมูลแล้วได้ไม้ไป ทำเอกสารเพื่อครอบครองให้ถูกต้อง กลายเป็นไม้ถูกกฎหมาย โดยเฉพาะไม้พะยูงที่ในประเทศเริ่มหายากขึ้นทุกวันเพราะมีเนื้อแน่น คงทน ลายไม้สวยเหมาะแก่การทำเฟอร์นิเจอร์และด้วยความเชื่อที่ว่ามีไว้ในบ้านจะทำให้รุ่งเรืองต้องมีบารมีเท่านั้นถึงจะครอบครองได้ เป็นไม้ชั้นสูงเอาไว้ทำที่นั่งของกษัตริย์ อีกทั้งยังเคยถูกนำไปใช้บูรณะพระราชวังต้องห้าม จึงเป็นที่อยากได้ของมหาเศรษฐีโดยเฉพาะที่ประเทศจีน  ด้วยเพราะเหตุนี้กลุ่มนายทุนหลายๆคนจึงเลือกที่จะว่าจ้างให้ลอบตัดไม้ แกล้งให้ถูกจับได้ แล้วรอไปประมูล ไม้ที่ได้ก็จะถูกนำไปแปรรูปเพิ่มมูลค่ามหาศาลหรือเก็บของพวกนี้ไว้สะสมเป็นของตัวเอง

สิ้นฟ้าเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆก่อนจะแอบดู กล้องดิจิตอลขนาดเล็ก แต่ราคาไม่เล็กตามถูกนำขึ้นมาบันทึกภาพเป็นไฟล์วิดีโอ แบบ HD เห็นทุกความเคลื่อนไหวในความมืดเพราะเปิดโหมดกลางคืน

เมื่อได้ภาพพอใจแล้ว เจ้าตัวจึงค่อยถอยออกมา แต่พอหันกลับไป ใบหน้าราวรูปสลักเป็นอันต้องขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะกลับสู่ใบหน้าที่นิ่งเรียบเหมือนเดิม ทั้งๆที่ตอนนี้เหงื่อเริ่มไหลลงข้างๆขมับ ตั้งแต่หันกลับมาแล้วเห็นเงาร่างสีดำยืนกอดอกมองเขาอยู่

“กำลังรอให้หันกลับมาอยู่เลย”ว่าพลางแสยะยิ้มในเงามืด
“มายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”สิ้นฟ้าถามร่างสูงที่ดูน่าจะสูงกว่าเขากลับไป เพราะคนๆนี้มายืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ สิ้นฟ้าไม่รู้สึกตัวเลย

“สักพัก...ผมว่าเรามาคุยกันหน่อยดีไหม? เด็กมหาวิทยาลัยพักร้อนปิดเทอมมาทำอะไรที่นี่”อิฐ เอ่ยแสยะยิ้มน่ากลัว ก่อนจะถีบเข้าที่ท้องของสิ้นฟ้าอย่างแรงจนกระเด็นอัดเข้ากับต้นไม้
“อย่างนี้เรียกว่าคุยเหรอ?”สิ้นฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงติดจุก
“งั้นพี่ขอเชิญน้องฟ้าไปคุยที่บ้าน...นะ”อิฐว่าก่อนที่จะพยักหน้าให้ลูกน้องเข้ามาจัดการจับตัวสิ้นฟ้าเอาไว้ กระเป๋า โทรศัพท์มือถือ และกล้องถูกยึดไป
อิฐเปิดดูก่อนจะลบไฟล์วิดีโอทิ้ง
“เรารู้จักกันไม่นาน ก็ไม่น่าเสือกเรื่องนี้เลยเนอะ”เจ้าตัวว่าสีหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา “ปะกลับบ้านกัน ฟ้าต้องชอบบ้านของพี่แน่ๆ”

ถูกขัง...ใช่คนอย่างสิ้นฟ้าถูกขัง
เคยจับแต่คนอื่นยัดเข้ากรง ตอนนี้เขากลับมาโดนเสียเอง แต่ยังดีที่เขาถูกขังไว้ในห้องๆหนึ่งซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากคุกที่เขาเคยจับส่งหลายๆคนเข้าไป ในห้องนี้มีเพียงกล้องวงจรปิดและเก้าอี้ที่เขานั่งเพิ่มเติมคือเขาถูกมัดติดกับมันอยู่
“อันที่จริงเราก็ไม่รู้จักกันมากมาย ใช่...ใช่ไหม?”ร่างสูงของอิฐเดินเข้ามาในห้องแล้วถามพร้อมกับปิดประตู”อืม...เคยบอกจะพาเราเที่ยวนิ่ ยังอยากเที่ยวอยู่ไหม?”คำถามถูกยิงรัวๆแต่สิ้นฟ้าไม่คิดจะตอบ ร่างสูงของอิฐยืนพิงกำแพงเปิดอ่านเอกสารบางอย่างที่เขาได้ข้อมูลมา
“รู้สึก...แปลกใจ”อิฐว่าพร้อมกับปิดเอกสารที่อ่านเสร็จแล้วลง “ไม่นึกว่าตัวเองจะถูกจับจ้องจากทางอัยการขนาดนี้ พี่ออกจะทำบุญตักบาตรฟังธรรมมะบ่อยๆ เงินพี่ก็เอาไปบริจาคตามสถานสงเคราะห์มากมาย โดยเฉพาะสงเคราะห์พวกข้าราชการบ่อยๆ พี่ว่าพี่เป็นคนดีนะ ว่างั้นไหม ท่านอัยการสิ้นฟ้า?”
“...”
“สิ้นฟ้า สิ้นฟ้า”พูดพร้อมกับปากระดาษเอกสารใส่หน้าของคนที่นั่งผูกติดกับเก้าอี้ “อุตส่ารู้สึกเอ็นดูตั้งแต่แรกเห็น น่าเสียดาย เรามาแลกเปลี่ยนอะไรกันหน่อยไหม?”
สิ้นฟ้าเลิกคิ้วขึ้นข้าง
“อัยการนี่เงินเดือนเท่าไหร่?”
“จะเสนอเงินให้ฉันหรือไง?”
“น่าสนใจใช่ไหมล่ะ ใครๆก็ต้องการเงิน ทำเป็นปิดหูปิดตาซะ ง่ายๆเรื่องจะได้จบ”
“มีข้อเสนออะไรที่ดี ดูไม่โง่ นอกจากเงินไหม? เผอิญตอนนี้ฉันพอใจกับเงินเดือนที่ได้อยู่ แบบว่าเป็นถึงอัยการอ่ะ จะเอาตำแหน่งมาแลกกับเศษเงินก็คงไม่ได้ ถ้าจะซื้อต้องจ่ายหนักหน่อยนะ”สิ้นฟ้าว่ายิ้มๆ
“สักสิบล้านพอไหม เพิ่มเติมคือออกจากที่นี่โดยไร้รอยขีดข่วน”
“นี่ตอนฉันเป็นทนายบางครั้งทำแค่คดีเดียวก็ได้เกินสิบล้านละ ดูถูกกันจัง แล้วนายมองหน้าหล่อๆของฉันนะ บอกแล้วฉันเป็นถึงอัยการ สวัสดิการดีเหี้ยๆเลยขอบอก มีทั้งอำนาจ ทั้งได้เงิน พ่วงด้วยมีคนเคารพนับหน้าถือตาอีก นายกำลังจะเอาสิบล้านมาแลกศักดิ์ศรี และตำแหน่งของอัยการเหรอ? โธ่ว ไม่ใจว่ะ ดูละครมากไปป่ะ”คิ้วคนฟังกระตุก
“งั้นก็ตายดีมั้ย?”
“ก็เอาสิ”สิ้นฟ้าท้าทาย
ผลั๊วะ
“อย่าปากดีให้มาก”
“จะฆ่าก็ฆ่าเลยสิวะ จะมามัวเห่าทำไม?”สิ้นฟ้าแสยะยิ้ม รู้สึกตึงๆที่มุมปากพร้อมกับรสชาติของเลือดที่อยากจะบ้วนทิ้ง “หรือเพราะ ฆ่าไม่ได้”
พูดออกไปแบบโคตรมั่น
ตึ้ง!
สิ้นฟ้าถูกถีบจนเก้าอี้หงายล้มลงไปกระแทก ก่อนเท้าหนักจะตามมาเหยียบที่หน้าอก
“อย่าเปรี้ยวให้มาก กูแค่รอเวลา เมื่อถึงเวลามึงได้ตายแน่”พูดพร้อมกับบดขยี้เท้าลงไป ก่อนจะเตะซัดเข้าที่ใบหน้าอีกครั้งแล้วเดินออกไปจากห้อง
“แล้วกูจะลุกขึ้นยังไง?” อนาถชิบหาย


............
ภาพความสัมพันธ์บนกระดานไวท์บอร์ดที่เคยร่างเอาไว้เริ่มเชื่อมโยงถึงกัน ร่างสูงของทนายเพชรกอดอกจ้องมองมันนิ่งๆ

“จะต้องไปเอาสิ้นฟ้ากลับมา”ทนายเพชรเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง





.....................
สวัสดีนิยายรายเดือนสองเดือนสามเดือนตามปริมาณงานเข้า
ขอบคุณที่ยังคงติดตามกันครับ

ใครสนใจจะทวงนิยายคุยกับสิ้นฟ้า.  เต็มสิบ เพชร หรือจะเข้าไปด่าคนเขียน. คลิ๊ก
https://www.facebook.com/InLaw_By-Kissa-O-337506579784041/

ขายเพจกันดื้อๆอย่างนี้ล่ะ แล้วพบกันตอนต่อไปครับ
 

ออฟไลน์ Serioz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes.(2) 7/12/58 P.6)
«ตอบ #179 เมื่อ08-12-2015 10:11:02 »

จะรออ่านนะคะว่าเต็มสิบกับฟ้าจะมารักกันได้ยังไง
สู้ๆนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด