{ :: พยศรัก :: } + END | *เปลี่ยนชื่อเรื่อง (เดิม : เล่ห์รัก)*
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { :: พยศรัก :: } + END | *เปลี่ยนชื่อเรื่อง (เดิม : เล่ห์รัก)*  (อ่าน 195707 ครั้ง)

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
เลวได้ใจจริงๆๆ


สงสารนาวา

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ ๖


พันเอกอุ้มร่างขาวของนาวาเข้ามาภายในบ้านและตรงดิ่งไปยังห้องทำงานที่ตั้งอยู่ทางปีกซ้ายของบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่มีเวลามากพอจะเดินขึ้นบันไดไปจนถึงห้องนอน เมื่อเปิดประตูและเข้ามาภายในได้ก็ดันนาวาให้แนบติดกับผนังพลางตรึงแขนเล็กเอาไว้กับห้องอย่างแน่นหนา

“อ๊ะ! คุณเอก…” เสียงครางหวีดหวิวดังลอดผ่านริมฝีปากคู่สวยเมื่อต้นคอถูกจู่โจมด้วยริมฝีปากของอีกคน ร่างสูงดูดเม้มเนื้อเนียนอย่างรุนแรงด้วยความกรุ่นโกรธ นาวาตัวสั่นระริกด้วยความกลัว  ดวงตากลมฉายแววตื่นตระหนกขณะจ้องพันเอกที่กำลังปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนเองให้มีสภาพกายทัดเทียมกับเขา

“ทำไมถึงต้องไปช่วยมัน อยากลองดีนักใช่ไหม!” พันเอกกดเสียงต่ำดุดัน นาวาส่ายหน้าหวือพลางยันอกแกร่งของอีกคนเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายเคลื่อนกายเข้าหา แต่ก็ถูกคนตรงหน้าปัดมือออก

“คุณเอกอย่า ผมยอมทุกอย่างแล้ว ผมสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับคุณรามอีก ได้โปรด อย่าทำแบบนี้เลย” คนเสียเปรียบเอ่ยเสียงสั่นเมื่อรับรู้ถึงการคุกคามของอีกคน พันเอกกระชากเส้นผมของนาวาจนอีกคนหน้าหงายก่อนจะก้มหน้าลงไปกระซิบชิดริมฝีปากของนาวาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“คนอย่างนายบอกแล้วเตือนแล้วไม่เคยคิดจำหรอก มันต้องโดนสั่งสอนให้เข็ดให้หลาบถึงจะไม่กล้าอีก!!!”

“อื้อ!”

ร่างขาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อพันเอกโฉบใบหน้าลงมาขยี้ริมฝีปากของเขาหลังจากพูดจบ ร่างเปลือยเปล่าของชายหนุ่มแนบกับร่างโปร่งบางของนาวาจนแทบจะไม่เหลือช่องว่างใดๆ สองมือรัดร่างขาวซีดเอาไว้แน่นในขณะที่กลีบปากบดเบียดริมฝีปากอิ่มของนาวาอย่างไม่ปราณีเพื่อเป็นการลงโทษ

นาวาส่งเสียงอื้ออึงผ่านลำคอพลางหอบสะท้าน ยกมือขึ้นทุบอกแกร่งของพันเอกแรงๆ จนอีกฝ่ายยอมผละออกห่าง

“แฮ่กๆ อ๊ะ!”

ปึ่ก!

“อื้อ คุณ…อ่ะ คุณเอก” นาวาเรียกชื่ออีกคนเสียงแหบระโหยหลังจากที่ถูกร่างสูงเหวี่ยงให้ไปนอนราบอยู่บนโต๊ะทำงาน เรียวขาขาวถูกแยกออกกว้างพร้อมกับการแทรกร่างเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงกลางระหว่างขาของนาวาอย่างรวดเร็ว พันเอกเท้ามือลงกับโต๊ะพลางจ้องใบหน้าหวาดหวั่นของนาวาด้วยดวงตาวาวโรจน์ แขนแกร่งรั้งเอวของนาวาให้ขยับเข้ามาแนบชิดกับสะโพกหนั่นแน่น แกนกายร้อนระอุถูไถไปตามบั้นท้ายกลมกลึงของคนตัวขาวพาให้รู้สึกสั่นสะท้าน

พันเอกลูบไล้เรียวขาขาวเนียนอย่างหยาบโลน ก่อนจะตวัดมันขึ้นมาพาดไว้ที่บ่าแกร่งพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างชอบใจ แตะนิ้วลงบนช่องทางสีสดของนาวาแผ่วเบาพลางเค้นคลึงมันอย่างช้าๆ มืออีกข้างก็เลื่อนไปแตะกลางกายของนาวาและบีบเบาๆ อย่างยั่วยุ

“อึ่ก!” คนตัวเล็กกว่าเกร็งสะท้าน ความรู้สึกเสียวซ่านราวกับมีประจุไฟฟ้าแล่นผ่านปลายนิ้วของพันเอกเข้าสู่ร่างกายของเขา นาวาหอบหายใจผะแผ่ว ขาที่พาดอยู่บนบ่าแกร่งสั่นระริก ร่างโปร่งปรือดวงตาหวานฉ่ำจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของพันเอกด้วยอารมณ์ความใคร่ที่ถูกปลุกขึ้นมาทีละนิดๆ

“อื้ออ…คุณเอก” นาวาเรียกชื่อคนที่กำลังรูดรั้งกลางกายให้ตนด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ร่างโปร่งเกร็งสะท้านยามที่อุ้งมือของพันเอกบีบเค้นร่างของเขาและรูดขึ้นลงแรงๆ มืออีกข้างก็ออกแรงบีบก้อนเนื้อหนั่นแน่นอย่างเร้าอารมณ์

พันเอกผละมือออกจากบั้นท้ายของนาวามาแตะลงบนกลางกายของตัวเองและรูดขึ้นลงบ้าง ใบหน้าคมเข้มแหงนขึ้นพลางสูดปากด้วยความเสียวซ่าน สองมือปรนเปรอให้กับนาวาและตนเองถี่กระชั้น ร่างขาวบิดกายเร่าเข้ากับจังหวะมือของคนตรงหน้าพลางกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือด

“อ๊า คุณเอก!” ร้องเรียกชื่ออีกคนเสียงดังเมื่อมือของพันเอกเพิ่มความเร็วจนร่างของนาวาสั่นระริก ขาทั้งสองข้างตกจากบ่าแกร่งลงมาแนบอยู่ที่เอวสอบ สองแขนจิกไหล่ของพันเอกเอาไว้แน่นเพื่อระบายอารมณ์ ก่อนจะหวีดร้องสุดเสียงเมื่อถึงจุดหมายพลางปลดปล่อยน้ำกามออกมาจนเปรอะไปทั่วหน้าท้องแกร่ง พันเอกยกยิ้ม หยุดมือที่ปรนเปรอตัวเองก่อนจะแตะน้ำสีขาวขุ่นของนาวาขึ้นมาและนวดคลึงบริเวณช่องทางสีสด ร่างโปร่งสะดุ้งตัวสั่นระริก ดวงตากลมมีน้ำตาคลอขึ้นเล็กน้อย หัวใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างรุนแรงเมื่อรับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้

“อื้อ อ๊ะ” ร้องเสียงผะแผ่วทว่าหวานหูดังขึ้นเมื่อร่างสูงถูไถส่วนปลายหยอกเย้ากับปากทาง นาวาหอบหายใจถี่กระชั้นพลางหลับตาลงยอมรับชะตากรรมและสิ่งที่ร่างสูงกำลังจะทำกับเขา

พันเอกไม่ยอมปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ชายหนุ่มจดจ่อความเป็นชายของตนพลางดันเข้าไปในโพรงอุ่นร้อนของนาวาทันทีเรียกเสียงหวีดหวานให้ดังกึกก้องทั่วห้องทำงานกว้าง

ปึ่ก!

“อื้อ อ๊าาาา!”

“ซี๊ดดดดด”

“ฮึก พอก่อน ผมอึดอัด คุณเอก! ผมเจ็บ!!! หยุดก่อน ได้โปรด มันลึกไป อื้อ ลึกปะ…อ๊าาาาาาา” นาวาครางเสียงหลงเมื่อถูกอีกคนตอกกายเข้าหาครั้งเดียวจนสุดความยาว ร่างโปร่งจุกเสียดจนพูดไม่ออกในขณะที่ผนังนุ่มรัดตัวบีบอัดกลางกายแข็งขืนของพันเอกถี่ๆ จนร่างสูงต้องกัดฟันข่มความต้องการณ์ดิบเถื่อนของตัวเองเอาไว้ สะโพกสอบเริ่มขยับกายสาวเข้าออกช้าๆ ทว่าหนักแน่น ยามกดร่างลงลึกเข้าไปด้านในก็ลงแรงเต็มกำลัง ตอกย้ำให้นาวารับรู้ว่าตอนนี้กำลังร่วมรักอยู่กับเขา ไม่ใช่ใคร

“อื้อ ฮ่ะ อา อ๊ะ” นาวาครางเสียงแหบพร่า ร่างกายบิดเร่าบนโต๊ะทำงานด้วยความเจ็บระคนกระสันซ่าน บ้างก็หวีดร้องเสียงหลงเมื่อพันเอกเพิ่มแรงกระทั้นกายเข้ามาลึกล้ำและถี่ยิบ ควบกายเข้าออกและขับขย่มจนร่างโปร่งบางขยับไปมา เสียงเนื้อบริเวณบั้นท้ายกระทบหน้าขาดังกึกก้อง แรงโยกไหวของร่างสูงกำยำบวกกับความใหญ่โตที่เสียดสีกับผนังภายในช่องทางสีสดขับกล่อมให้นาวาแหงนหน้าสูดปากระบายความกระสันจนกลายเป็นเสียงครางหวานหู

“คุณเอก คุณเอก อ๊าาาา” ร้องเรียกชื่ออีกคนไม่ขาดปากขณะโดนกระแทกเข้าหาไม่ยั้งแรง สองขาขาวเกี่ยวเอวแกร่งของพันเอกเอาไว้ มือเล็กทั้งบีบทั้งจิกไหล่กว้างจนเป็นรอย พันเอกโน้มตัวลงมาซ้อนแผ่นหลังบางขึ้นมาก่อนจะอุ้มนาวาเอาไว้และกระทั้นกายเข้าหาในท่ายืนกลางห้องทำงาน ร่างโปร่งขยับขึ้นลงอย่างรุนแรง นาวาใช้มือคล้องคอของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น สองขาเกาะเกี่ยวเอวสอบของอีกคนเพราะกลัวตก

“…อ๊ะ อ๊า อื้อ คุณเอ…อึ่ก” นาวาครางเสียงหวีดหวิว ช่องทางด้านหลังบีบรัดสิ่งที่กำลังเสียดสีเข้าออกลึกล้ำจนแน่น พันเอกกัดริมฝีปากเมื่อความต้องการของตนพุ่งสูง ชายหนุ่มเดินไปยังประตูห้องทำงานพลางดันร่างของนาวาให้แนบติดกับบานประตู ก่อนจะจับขาเรียวเอาไว้แน่นด้วยอุ้งมือหนาของตนเอง

“อาาาา”

ปึ่ก! ปึ่ก! ปึ่ก!

ชายหนุ่มสาวร่างเข้าออกถี่ยิบทำเอานาวาแทบหยุดหายใจ ร่างโปร่งถูกพันเอกกระแทกกายสวนลึกเข้าออกอย่างหนักหน่วงลึกล้ำ รุนแรงเสียจนนาวาทั้งเสียวกระสันและเจ็บหน่วงไปทั่วร่าง กลีบปากอิ่มเผยออ้าเปล่งเสียงหวีดร้องออกมาเป็นระยะๆ

พันเอกจ้องดวงหน้าของอีกคนด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะโฉบใบหน้าลงมากดจูบเร่าร้อนขณะโยกกายเข้าออกในช่องทางของอีกคน ลิ้นหนารุกคืบเข้าไปกวาดต้อนลิ้นเล็กในโพรงปากหวาน ส่งลิ้นของตนเข้าไปรัดรึงเกี่ยวกระหวัดหยอกเย้าอย่างยั่วยุสะใจ เสียงครางอื้ออึงดังคละเคล้าไปกับเสียงสองกายที่กำลังสอดประสาน พันเอกโรมรันร่างโปร่งด้วยความเร่าร้อนระคนกรุ่นโกรธ ทุกครั้งที่กระแทกกายเข้าหาก็มักจะเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น นาวาได้แต่หวีดร้องสลับกับครางแผ่ว ปล่อยให้พันเอกตักตวงทุกอย่างไปตามอำเภอใจ

“…อีกนิดวา อีกนิด” เสียงทุ้มต่ำผ่อนออกจากกลีบปากได้รูปขณะควบกายเร่งจังหวะเป็นครั้งสุดท้าย นาวาสอดมือเข้าไปขย้ำเส้นผมของพันเอกเต็มแรงพลางเกร็งตัวบีบรัดความแข็งขืนที่กำลังเสียดสีถี่กระชั้นบริเวณช่วงล่าง สองร่างเร่งจังหวะสอดประสานร่างกายสุดกำลังเมื่อใกล้จะถึงจุดหมาย ร่างสูงครางระงมในขณะที่นาวาหอบหนัก เสียงกระทบกันของร่างกายทวีระดับความดังขึ้นและดังขึ้น บรรยากาศภายในห้องทำงานลุกเป็นไฟ เหงื่อกาฬของคนทั้งคู่ผุดซึมขึ้นไปทั่วกาย ประมุขของบ้านบีบเอวบางของนาวาแน่นและกระชับร่างโปร่งเอาไว้ขณะสอดใส่เข้าไปภายในเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อปลดปล่อย

แต่ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะได้ไปถึงจุดหมาย เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงอันคุ้นเคยของจักรที่ดังขึ้นอีกฝั่งของบานประตู

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ชิท!!!”

“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ” จักรเอ่ยเสียงสงบไร้อารมณ์ พันเอกกัดฟันกรอด ร่างกำยำขยับตัวหอบหนักจากการออกกำลังก่อนหน้า ชายหนุ่มสบถในลำคอพลางก้มลงมองร่างของนาวาที่สั่นระริก ช่องทางอุ่นร้อนรัดรึงโอบอ้อนราวกับต้องการให้เขาเร่งพาไปให้ถึงฝัน ประมุขของบ้านก้มลงดูดดึงกลีบปากของนาวาแรงๆ อย่างรวดเร็วก่อนจะตอบลูกน้องเสียงราบเรียบ

“อีกสิบนาทีฉันจะออกไป”

“ครับ” ลูกน้องคนสนิทรับคำก่อนจะเงียบไป พันเอกหันกลับมาสนใจร่างโปร่งตรงหน้าอีกครั้ง กลางกายยังคงแข็งขืนและแช่ตัวนิ่งอยู่ในช่องทางคับแคบของนาวา ชายหนุ่มก้มลงมองคนในอ้อมอกที่กำลังปรือตาหวานมองเขาก่อนจะสอดแขนเข้าไปใต้ข้อพับขาข้างหนึ่งของนาวาพลางเริ่มกระแทกกายเข้าออกอีกครั้ง

“อ๊ะ อื้อ!” นาวาครางหวีดขึ้นเมื่อความเสียวซ่านเล่นงานอีกครา ประมุขของบ้านเลื่อนใบหน้าลงไปดูดเม้มลำคอขาวแรงๆ จนเกิดเสียง ก่อนจะกระซิบชิดริมฝีปากสีสดด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า

“รอบนี้แรงหน่อย เราไม่มีเวลาแล้ว” จบประโยคพร้อมกับส่งแรงทั้งหมดที่มีกระหน่ำร่างเข้าหานาวาจนร่างโปร่งสั่นสะท้าน อ้าปากครางไม่ได้ศัพท์พร้อมกับเกาะเกี่ยวร่างของพันเอกเอาไว้อย่างแนบแน่น

“อ๊าาาาาาา!!!”

...



เกือบยี่สิบกว่านาทีให้หลังร่างสูงของพันเอกก็ปรากฏขึ้นให้บรรดาลูกน้องที่กำลังยืนรอกันอยู่บริเวณโรงจอดรถได้เห็น พายุมองใบหน้าราบเรียบของผู้เป็นเจ้านายแล้วก็ได้แต่หลบตาวูบ ก่อนจะมองเลยไปที่ร่างโปร่งที่ถูกลากตามมาด้วยแววตาเป็นห่วง

“สายไปสิบนาทีนะครับ” จักรเอ่ยแซวด้วยใบหน้าราบเรียบตามแบบฉบับของเจ้าตัว ฝ่ายคนโดนแซวก็ทำเพียงตวัดสายตาไปมองด้วยความโมโหเล็กๆ

“ไอ้รามล่ะ”

“อยู่ท้ายรถแล้วครับ ก่อนหน้านี้ลูกน้องมันอีกสองคนตามมาที่นี่ แต่ผมก็ให้คนของเราจัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มัดรวมกันอยู่ที่ท้ายรถครับคุณเอก”

“อืม ไปประจำที่กันได้แล้วไป ส่วนนายพายุ อย่าเสนอหน้ามาขึ้นรถคันนี้ ไม่งั้นฉันจับลูกปืนกรอกปากแน่!” พันเอกหันไปคาดโทษลูกน้องคนสนิทอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ จักร ทำเอาพายุถึงกับพยักหน้าอย่างจำยอม

“ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะผละออกไปจากบริเวณ

เมื่อลับร่างของลูกน้องคนสนิท ร่างสูงของพันเอกจึงหันหลังกลับมาหานาวาพลางกระชากร่างโปร่งให้ขึ้นไปนั่งบนรถคันหรูอย่างไม่ปราณี คนถูกกระชากเม้มริมฝีปากแน่น ยอมก้าวตามแรงฉุดของพันเอกโดยไม่ปริปากบ่นหรือพยศอะไรอีก

หลังจากเหตุการณ์ในห้องทำงานจบลง นาวาก็แทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย เขาอยากจะขึ้นไปนอนกอดนะโมและหลับตาลงหนีเรื่องทุกๆ อย่างที่เจอในวันนี้ อยากจะปิดกั้นทุกเรื่องราวและหลับตา ปิดหัวใจและร่างกายของตัวเองให้พ้นความทุกข์ทรมานที่ได้พบเจอ แต่พันเอกกลับไม่ปล่อยให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการเลยแม้แต่น้อย

แน่ล่ะ คนอย่างพันเอกน่ะหรือจะมาสนใจอะไรคนอย่างเขา…ผู้ชายคนนั้นก็คงถนัดแต่การทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการจนไม่สนคนอื่นนั่นแหละ

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปมากน้อยแค่ไหน หากแต่พอนาวารู้สึกตัวอีกที ขบวนรถยนต์ของพันเอกก็มาจอดอยู่ริมสะพานข้ามแม่น้ำที่เงียบสงัดเสียแล้ว นาวามองบรรยากาศโดยรอบและแสงไฟสีนวลตาด้วยความไม่เข้าใจว่าเหตุใดพันเอกจึงต้องมาหยุดรถอยู่กลางสะพานในเวลาเช่นนี้

“ลง”

เท่านั้นยังไม่พอ ประมุขของบ้านกฤตภาสยังเปิดปากไล่นาวาลงจากรถทันทีที่รถหยุดอีกด้วย ร่างโปร่งหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความไม่เข้าใจ พันเอกจ้องดวงหน้าซีดเซียวของนาวานิ่งๆ ก่อนจะเปิดประตูและก้าวลงจากรถพลางหันไปมองนาวาที่นั่งนิ่งและเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแต่ทว่าดุดัน

“ลงจากรถเดี๋ยวนี้นาวา อย่าให้พูดซ้ำ”

“คุณมาทำอะไรที่นี่” นาวาสวนกลับด้วยความหวั่นใจ พันเอกไม่ตอบแต่กลับมองไปยังรถอีกคันที่จอดอยู่ข้างๆ กันแทน นาวาขมวดคิ้วมองตามสายตาของคนตัวสูงก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นลูกน้องของพันเอกลากร่างไร้สติของรามและร่างของคนอีกสองคนลงมาจากท้ายรถ

“คุณราม! ทำไม…คุณจะทำอะไร นี่มันจะมากไปแล้วนะคุณเอก!”

คราวนี้ร่างโปร่งผวาลงจากรถอย่างรวดเร็วและกำลังจะวิ่งเข้าไปหาอีกคน แต่กลับถูกมือแกร่งฉวยต้นแขนเอาไว้และบีบจนแน่น พันเอกจ้องใบหน้าขาวด้วยดวงตาวาวโรจน์พลางแสยะยิ้ม

“นายมีหน้าที่แค่ยืนดู อย่าคิดเสนอหน้าถ้าไม่อยากเป็นผีเฝ้าสะพานตามไอ้เลวนั่นไปอีกคน” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะใจขณะมองร่างไร้สติของรามที่ถูกลูกน้องเคลื่อนเข้าใกล้ริมสะพานเต็มที นาวามองตามอีกคนด้วยสายตาเป็นห่วง ร่างโปร่งพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่ไม่ต่างจากเหล็กกล้า แบบนี้มันผิด การที่พันเอกทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว เกินไปแล้วจริงๆ

“คุณมันบ้าไปแล้ว นั่นชีวิตคนนะ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ปล่อยเขา!” นาวาตวาดใส่หน้าอีกคนเสียงแข็งกร้าว พันเอกไม่ใส่ใจกับท่าทีพยศของอีกคน ก่อนจะลากร่างของนาวาตรงดิ่งไปยืนบริเวณริมสะพาน มือแกร่งขยุ้มเส้นผมสีดำของร่างโปร่งเอาไว้ ออกแรงจิกศีรษะจนนาวาร้องเสียงหลง

ชายหนุ่มบังคับให้นาวายืนมองลูกน้องของเขาโยนร่างที่ไม่มีสติของรามและลูกน้องอีกสองคนลงจากสะพาน นาวาอุทานลั่นด้วยความตกใจ ตั้งตัวไม่ทันกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า รู้ตัวอีกทีก็สะบัดกายออกจากพันธนาการของพันเอกและวิ่งไปเกาะราวสะพานเสียแล้ว

“คุณราม…”

กลีบปากอิ่มเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่ว ขอบตาทั้งสองข้างร้อนผ่าว ดวงตาสีเข้มจ้องมองผืนน้ำเบื้องล่างที่ลับร่างของรามไปแล้วด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวและความปวดหน่วงราวกับมีหินมาถ่วงกายของเขาเอาไว้ตีตื้นขึ้นมาจุกอก แม้จะเจอกับรามเพียงแค่วันเดียว แต่สิ่งที่นาวาสัมผัสได้จากตัวของรามนั้นให้ความรู้สึกดีกว่าการอยู่กับพันเอกหลายเท่าตัวนัก

“หึ! ถึงกับยืนตัวสั่นไปไม่เป็นเลยหรือไง อยากจะตามมันลงไปอยู่ในนรกไหมล่ะ ฉันจะได้สงเคราะห์ให้สาแก่ใจ!!!”

“สักวันเถอะพันเอก สักวันกรรมมันจะตามสนองคุณ คุณจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้” นาวาเค้นเสียงพูดพลางหันกลับไปมองคนที่ยืนพิงรถสองมือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทีไม่ยี่หระต่อสิ่งรอบข้าง น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากดูอ่อนแอในสายตาของอีกคนหยดแหมะลงสัมผัสผิวแก้ม

“คนอย่างรามไม่น่ามาพลาดท่าเพราะผู้ชายอย่างนายเลยจริงๆ ว่ะนาวา ทั้งๆ ที่นายมันไม่มีคุณค่าอะไรให้มันอุทิศชีวิตให้เลยแท้ๆ” พันเอกเอ่ยเสียงราบเรียบในขณะที่นาวาได้แต่หันหลังให้ มองผืนน้ำเบื้องล่างที่ยังคงขยับเคลื่อนอย่างเงียบสงบ สองมือกำราวสะพานจนแน่น นึกโทษความโง่เขลาและความอยากของตัวเองที่กระหายเงินตราเสียงจนต้องพาตัวเองและน้องชายเข้ามายุ่งเกี่ยวพบเจอกับความเลือดเย็นเช่นนี้ หนำซ้ำยังเป็นเหตุให้รามต้องมาจบชีวิตลงโดยง่ายดายแบบนี้อีก เขามันตัวซวย…นาวามันตัวซวยจริงๆ

“อืม ไหนเมื่อกี๊นายว่ายังไงนะ...กรรมตามสนองงั้นเหรอ เหอะ ระหว่างรอให้กรรมมันตามสนองฉัน ฉันทำกรรมกับนายเพิ่มฆ่าเวลาหน่อยดีกว่า มานี่!!!!”

“โอ๊ย!!!!” อุทานเสียงดังเมื่อถูกพันเอกกระชากแขนและจับยัดใส่รถอีกครั้ง แต่คราวนี้นาวาไม่ยอม ชายหนุ่มออกแรงต่อต้านสุดกำลังจนพันเอกถึงกับสบถออกมาเสียงดัง และก็เป็นอีกครั้งที่ร่างโปร่งต้องเจ็บตัวเพราะอีกฝ่ายปราบพยศของนาวาด้วยการคว้าลำคอขาวเอาไว้และบีบจนแน่นก่อนจะตวาดกร้าว

“ถ้าทำให้ฉันโมโหหรือดื้อด้านจนน่ายิงทิ้งอีกครั้งเดียว ฉันจะไปปลุกเด็กนะโมนั่นขึ้นมาข่มขืนจนยับคาเตียงแน่นาวา ยังจะกล้าลองดีอีกไหม และฉันจะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ครั้งหน้าฉันจะทำโดยที่นายยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ!!!!”

“ผมเกลียดคุณ!” นาวากรีดร้องอย่างเจ็บใจเมื่อเจอคำขู่ของอีกคน ร่างโปร่งยอมผ่อนแรงต่อต้านและขึ้นรถตามคำสั่ง ดวงหน้าหวานเปรอะไปด้วยคราบน้ำตา พันเอกไม่เหลือเวลาให้เขาได้ตั้งตัวหรือทำใจเลยแม้แต่น้อย พอโยนรามทิ้งลงจากสะพานก็หันมาเล่นงานเขาต่อโดยไม่ปราณีแทบจะทันที ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบนโลกใบนี้ยังหลงเหลือคนที่จิตใจอำมหิตเลือดเย็นเช่นนี้อยู่ ทำไมพันเอกถึงไม่ตายไปให้พ้นๆ เสีย

“ในเมื่อคุณได้ฆ่าคุณรามสมใจอยากคุณแล้วก็ควรปล่อยผมไปสิ ผมหมดประโยชน์แล้วนี่ ปล่อยผมไปตามทางของผมสักที” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขึ้นขณะขยับกายให้ห่างพันเอกมากที่สุด เกลียดเหลือเกินที่จะต้องเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้ นาวาสะอิดสะเอียดและเกลียดพันเอกจนอยากจะฆ่าให้ตายเสียด้วยซ้ำ

ทางด้านพันเอกเอง หลังจากได้ยินสิ่งที่คนตัวขาวพูดเขาก็ได้แต่แค่นยิ้ม มือแกร่งเอื้อมไปคว้าคางเล็กมาไว้อุ้งมือหนาและบีบจนแน่น กระซิบชิดริมฝีปากสีสดของอีกคนด้วยน้ำเสียงชวนให้นึกหวาดหวั่น

“เรื่องไอ้รามจบ แต่ฉันดันติดใจนายแล้วไงนาวา ร่องนายมันทำฉันกระสันอยากดันเข้าครั้งแล้วครั้งเล่า อีกอย่างฉันเสียเงินให้น้องชายนายไปก็ไม่น้อย ถือว่านอนให้ฉันเอาแลกเงินกับอนาคตน้องก็แล้วกัน” ประมุขของบ้านกฤตภาสพูดพลางยกยิ้มทำเอาดวงตาของนาวาไหวระริก คำดูถูกของพันเอกบาดลึกลงมาในใจของเขา นาวาไม่คิดเลยว่าคนที่ภายนอกดูดีทุกระเบียดนิ้วอย่างพันเอกจะมีจิตใจภายในชั่วช้าสามาลย์เกินทนเช่นนี้

“ผมไม่เอา คุณเสียไปเท่าไหร่ผมจะหามาคืนให้หมด แต่อย่ามายุ่งกับชีวิตของผมกับน้องอีก พรุ่งนี้ผมจะออกไปจากบ้านของคุณ!” นาวาเถียงเสียงแข็ง พันเอกฟังจบแล้วก็ทำเพียงแสยะยิ้มอย่างมาดร้ายก่อนจะเย้ยหยันเสียงสูง

“คิดว่าเข้ามาที่นี่แล้วจะได้หลุดออกไปง่ายๆ งั้นเหรอ หึ คิดอะไรตื้นๆ”

“แล้วคุณจะเอายังไง ผมจนหนทางแล้วนะคุณเอก คุณจะมาเผด็จการบังคับผมแบบนี้ไม่ได้! ผมไม่มีอะไรให้คุณอีกแล้ว คุณเอาทุกอย่างไปจากผมจนหมดแล้ว” พูดเสียงแหบแห้งพลางจ้องอีกคนไม่วางตา พันเอกยังต้องการอะไรจากเขาอีกงั้นหรือ รามเองเจ้าตัวก็โยนร่างลงน้ำไปแล้ว สิ่งที่นาวามีเขาก็เสียให้พันเอกไปแล้ว ทั้งศักดิ์ศรี ร่างกาย ความภาคภูมิใจทั้งหมด มันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

“มีแน่นาวา มันยังมีอีกอย่างที่นายยังไม่ได้ให้ฉัน” ร่างสูงพูดเสียงเย็น ดวงตาสีเข้มจ้องลึกลงไปยังตากลมของคนตัวเล็กกว่า พันเอกออกแรงบีบคางของนาวาให้แรงขึ้นจนอีกคนนิ่วหน้า ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างใบหูขาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทว่าเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก ทำเอานาวาถึงกับตัวแข็งทื่อมองมัจจุราชในคราบเทพบุตรตรงหน้าด้วยความสิ้นหวัง

รับรู้แล้วว่าเขาไม่มีทางหนีพันเอกไปไหนพ้นจนกว่าผู้ชายคนนี้จะได้ในสิ่งที่ต้องการ

“หัวใจของนายไงนาวา ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อเอาหัวใจของนายมาขยี้ให้แหลกคาเท้าฉันให้ได้เลยล่ะ...ที่รัก”



...



แม่น้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืนเคลื่อนไหวไปมาตามกระแสท่ามกลางความเงียบงันโดยรอบ คล้อยหลังรถของพันเอกไปเพียงไม่กี่นาที ร่างของผู้ชายสามคนก็โผล่พ้นขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ตะเกียกตะกายว่ายกลับขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล กระทั่งเกาะเกี่ยวพากันกลับขึ้นมานอนแผ่อยู่ริมน้ำได้ในที่สุด

“รุ่ง ไปตามคนมาช่วย”

ร่างกำยำของคนที่ดูจะมีสติมากที่สุดเอ่ยขึ้น ดวงตาคมเป็นประกายจ้องรามที่สิ้นสติด้วยความเป็นห่วง ส่วนคนถูกสั่งงานที่นั่งหอบแฮ่กก็รีบพยักหน้า พยุงร่างอ่อนแรงของตัวเองให้ยืนขึ้นก่อนจะรีบออกไปตามคนมาช่วย

“นายหัว นายครับ บ้าเอ๊ย!” ร่างสูงสบถเมื่อพบว่าผู้เป็นนายอาการร่อแร่ สองมือทาบลงบนอก จัดการปฐมพยาบาลเบื้องต้นทุกวิถีทาง นายหัวสำลักน้ำไปไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าตอนนี้ในร่างกายของคนที่นอนแน่นิ่งนั้นจะเป็นยังไงบ้าง

“นายหัวครับ ได้ยินผมไหม นายครับ นาย...”

“พี่สิงห์!”

“รุ่ง เราต้องพานายหัวไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!” สิงห์เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีร้อนรนเมื่อรามไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกับการช่วยเหลือของเขา รุ่งฟ้าที่วิ่งหอบกลับมาหน้าซีดเผือด ก่อนจะหันไปออกปากขอความช่วยเหลือคนพลเมืองดีสี่ห้าคนที่วิ่งตามเขาลงมาริมแม่น้ำ

“รถผมจอดอยู่ไม่ไกล มาครับเดี๋ยวผมช่วย” ชายวัยเกือบสี่สิบปลายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ไม่รอช้า พวกเขาทั้งหมดก็รีบแบกร่างกำยำสะบักสะบอมของรามออกไปจากบริเวณ ตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่รามถึงมือหมอ นายหัวหนุ่มแห่งเกาะนาคาอาการหนักถึงขนาดต้องผ่าตัดฉุกเฉิน สิงห์และรุ่งฟ้าเดินไปมาราวกับหนูติดจั่นอยู่หน้าห้องผ่าตัด เฝ้ารอและภาวนาขอให้รามปลอดภัย

ทั้งคู่ถูกตามตัวขึ้นมาจากภูเก็ต รามเรียกพวกเขามาเพื่อประจันหน้ากับคนในตระกูลกฤตภาส ทว่าพวกเขาก็มาช้าเกินไป กว่าจะไปถึงบ้านหลังนั้นเจ้านายของพวกเขาก็ถูกเล่นงานจนทรุด และพวกเขาเองก็โดนไม่ต่างกัน

“เราต้องแจ้งตำรวจ นี่มันพยายามฆ่ากันชัดๆ!!” สิงห์เอ่ยเสียงแข็งกร้าว แต่รุ่งฟ้ากับส่ายหน้าไปมาก่อนจะถอนหายใจ

“ยังก่อนพี่สิงห์ ผมว่าเรารอนายหัวจัดการดีกว่า”

“แต่รุ่ง...รุ่งก็เห็นที่มันทำกับเราวันนี้ นายหัวจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้”

“นายต้องรอด ผมเชื่อแบบนั้น” รุ่งฟ้ายืนยันเสียงหนักแน่น ดวงตาคู่สวยจ้องประตูห้องฉุกเฉินด้วยแววตาแนวแน่ก่อนจะยืนยันอีกครั้ง “นายหัวต้องรอด ต้องฟื้นขึ้นมาจบเรื่องนี้ด้วยตัวของนายเอง ผมเชื่อแบบนั้น...”

“...”

“สักวันเรื่องนี้ต้องจบลง สักวัน”

ต้องมีสักวัน

รุ่งฟ้าเชื่อแบบนั้น เชื่อมาตลอด

และจะยังเชื่อต่อไป...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2016 14:12:54 โดย March. Marcia »

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ ๗


“สันต์”

“ครับ”

“ให้คนเอารถของมันไปทุบทิ้งซะ แล้วอย่าให้สาวมาถึงฉันได้” พันเอกสั่งลูกน้องเสียงเรียบทันทีที่พวกเขาทั้งหมดกลับมาถึงบ้าน นาวายังคงยืนน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆ ร่างโปร่งตวัดสายตาชิงชังไปมองร่างสูงหลังจากอีกฝ่ายพูดจบ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทางพลางกัดริมฝีปากจนห้อเลือด

“ทำหน้าจะเป็นจะตาย แค่ได้อมไอ้แท่งเฮงซวยนั่นไปครั้งเดียวทำสะอึกสะอื้น” ประมุขของบ้านอดไม่ได้ที่จะแขวะเมื่อเห็นท่าทีของคนข้างกาย เขาหงุดหงิด หงุดหงิดที่นาวาเอาแต่ร้องไห้เงียบๆ มาตลอดทาง

ทำไมถึงได้ทำเหมือนชีวิตของไอ้คนสารเลวนั่นมันมีค่านัก ทำไมถึงได้แสดงท่าทีสะเทือนใจที่เขาฆ่ามันออกมาชัดเจนเสียขนาดนั้น

หงุดหงิด ยิ่งมองก็ยิ่งหงุดหงิด

“ทำอย่างกับผัวตายห่าตายโหง ผัวตัวจริงยืนอยู่ทนโท่ยังบีบน้ำตาให้ผู้ชายคนอื่น มันน่าจับกดให้ฟ้าเหลือง” พันเอกเย้ยเสียงห้วนจนนาวาหันขวับ เปิดปากต่อกรอย่างเหลืออด

“สักวันกรรมมันจะตามสนองคุณ ผมขอสาปแช่ง!”

“เวรกรรมหน้าตาเป็นยังไงเหรอ ตอนนี้ไม่เห็นแม่งจะมาสนองอะไรเลยสักอย่าง มีแต่น้ำหน้าอย่างนายนี่แหละที่อ้าขาสนองให้ฉันน่ะ นับเป็นเวรเป็นกรรมด้วยไหม ถ้านับฉันก็ยอมให้มันสนองนะ”

พลั่ก!

“ทุเรศ!” นาวาบริภาษอย่างเหลืออด ออกแรงผลักพันเอกด้วยความโมโหก่อนจะหมุนตัวเพื่อจะเดินหนี ทว่าร่างโปร่งกลับถูกอีกฝ่ายคว้าแขนเอาไว้และดึงเข้าหาตัวเต็มแรง

“อย่าเยอะให้มันมากนักถ้าไม่อยากลงไปนอนเล่นก้นแม่น้ำเหมือนไอ้เวรนั่น” ร่างสูงกระซิบด้วยน้ำเสียงโมโหดุดัน ก่อนจะปล่อยให้คนตัวเล็กกว่าเดินหนีขึ้นไปบนห้อง

นาวากำหมัดแน่น สะกดกลั้นอารมณ์อึดอัดชิงชังเอาไว้ในอก และทันทีที่เข้ามาอยู่ในห้อง ทันทีที่เห็นร่างของน้องชายหลับสนิทสะดวกสบายอยู่บนเตียง นาวาก็รีบเดินก้าวขึ้นไปกอดน้องแนบอกอย่างหาที่พึ่ง ปล่อยน้ำตาให้ไหลเงียบๆ ท่ามกลางความมืดมิด บอกตัวเองว่าต้องอดทน บอกซ้ำๆ และย้ำให้ตัวเองอดทนก่อนจะผล็อยหลับไป




รุ่งขึ้น

ร่างโปร่งของนาวาเริ่มต้นเช้าวันใหม่ได้ไม่ดีนัก เขาตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้ ศีรษะปวดตุ้บเหมือนมีอะไรบางอย่างวิ่งวนอยู่ในนั้น ดวงตาเรียวแดงก่ำ ถุงใต้ตาบวมขึ้นประท้วงบอกว่าเจ้าตัวผ่านการร้องไห้มาก่อนหน้านี้ ร่างกายอ่อนแรงและแทบจะทรุดวูบอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังฝืนสังขารที่ร่อแร่ของตัวเองขึ้นมาเพราะไม่อยากให้นะโมสงสัย

ชายหนุ่มยกยิ้มบางเบาเมื่อเห็นร่างของน้องปรากฏตัวขึ้น นัยน์ตาของนะโมยังมีแววง่วงงุน ร่างเล็กสะลึมสะลือเดินลงมาจากห้องพลางยิ้มให้เขาที่กำลังยืนตั้งหม้อซุปก่อนจะเดินเข้ามากอดแล้วออดอ้อนเหมือนลูกแมว นะโมสดใสเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน และความสดในนั้นก็เหมือนแสงสว่างให้นาวารู้ว่าเขาต้องเข้มแข็งในวันที่ทุกอย่างรอบตัวมืดมน

ตอนนี้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว ปกติราวกับว่าก่อนหน้านี้ที่บ้านหลังนี้ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น นาวานึกโล่งใจอยู่ไม่น้อยที่คนของพันเอกแอบผสมยานอนหลับให้น้องของเขา ถือว่าพันเอกยังรักษาสัญญาเอาไว้ที่ว่าจะไม่ให้นะโมเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้

พูดถึงพันเอก จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นผู้ชายใจร้ายคนนั้นซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี เขายังไม่พร้อมจะรับมืออะไรกับผู้ชายคนนั้นอีก ภาพของรามยังคงติดตา ภาพที่ลูกน้องของพันเอกโยนร่างไร้สติของรามลงจากสะพานและจมหายไปกับสายน้ำ นาวาได้แต่ภาวนาอย่างมีความหวัง หวังเพียงให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เห็นใจเขาสักนิดและช่วยให้รามมีชีวิตรอด แม้ความหวังนั้นจะริบหรี่มากก็ตามที

พอคิดมาถึงตรงนี้เขาก็ไม่เข้าใจ คนคนหนึ่งจะมีอิทธิพลได้มากขนาดพรากลมหายใจของคนด้วยกันอย่างเลือดเย็นโดยไม่แคร์ไม่สนใจกฎหมายของบ้านเมืองเลยอย่างนั้นหรือ พันเอกทำทุกอย่างราวกับตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย และหากให้นาวาเดา ก็คงไม่พ้นอำนาจเงินที่ผู้ชายคนนั้นใช้ซื้อทุกอย่างที่ตนต้องการ ไม่ปฏิเสธหรอกว่าเงินน่ะซื้อได้ทุกอย่าง ใครๆ ก็ต้องการมันทั้งนั้น

ไม่เว้นแม้แต่เขา…

ไม่รู้ว่าจมอยู่กับตัวเองนานเท่าไหร่ แต่รู้ตัวอีกทีก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงทักทายของเอื้องคำที่ดังขึ้นด้านหลังเสียแล้ว

“อ้าวคุณวา คุณนะ ตื่นแต่เช้าเชียวนะคะ แล้วนั่นทำอะไรคะ หอมเชียว”

“อ๋อ ผมว่าจะทำแกงฟักกระดูกหมูน่ะครับ พอดีมีนเขาบอกว่าคุณพระพายชอบ” นาวาตอบเสียงสุภาพพลางยกยิ้ม เอื้องคำเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ ครอบครัวของเธอทำงานให้กับคนตระกูลกฤตภาสมาหลายรุ่นหลายสมัย นาวารู้สึกผ่อนคลายคล้ายกับเวลาอยู่กับแม่วรรณที่บ้านเด็กกำพร้า อย่างน้อยการใช้เวลาอยู่กับเอื้องคำก็ทำให้เขาลดความตึงเครียดลงได้บ้าง แม้จะเล็กน้อยก็ตามที

“ป้าเอื้องนั่งพักก่อนก็ได้นะครับ อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

“จ้ะ”

เอื้องคำยิ้มรับ พอลอบมองใบหน้าอิดโรยของคนตรงหน้าแล้วก็สะท้อนใจ ธอมองไปยังร่างของนะโมที่ยืนหลับกอดหลังพี่ชายเอาไว้อย่างเอ็นดู น่ารักเสียก็ขนาดนี้ ใยพันเอกถึงได้กล้าหักหาญน้ำใจนาวาอย่างโหดร้ายเช่นนั้นกันหนอ

“เอ้อ...ผมก็ลืมไปเลย คือ ขอโทษนะครับที่มาใช้ครัวโดยพลการแบบนี้”

“โถ ไม่เป็นไรค่ะคุณวา ป้าไม่ว่าหรอกค่ะ ดีเสียอีกป้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาทำเอง ขอบคุณคุณวามากนะคะที่ช่วยงานป้า”

“ครับ งั้นเดี๋ยวอาหารเช้าผมกับนะโมทำเองก็แล้วกันครับ นี่นะ ทำไมเงียบไปเลยล่ะ” ท้ายประโยคเอ่ยถามคนที่กอดเขาอยู่ด้านหลังไม่พูดไม่จาพลางพยายามเอี้ยวตัวไปหา เอื้องคำหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเอ็นดู

“ยืนหลับได้สักพักแล้วค่ะรายนั้น สงสัยจะยังไม่ตื่นดี”

“อ้าว...นะ นะตื่น มายืนหลับแบบนี้ได้ยังไง นะๆ”

“อืออออ”

“นะ ขึ้นไปนอนต่อก็ได้ อย่ามายืนหลับตรงนี้เชียว มันเกะกะพี่”

นาวาพูดกับน้อง นะโมงัวเงียครางอืออาพลางถูหน้าไปมากับแผ่นหลังของพี่ชาย ร่างโปร่งถอนหายใจพลางบอกให้น้องขึ้นไปนอนต่อเสียแล้วก็หันกลับไปสนใจอาหารเช้าในหม้อต่อ

“คุณวาดูท่าจะรักน้องมากเลยนะคะ” ป้าเอื้องที่กำลังจะลงมือชงกาแฟให้เจ้านายเอ่ยขึ้น นาวาชะงักมือที่กำลังคนต้มกระดูกหมูก่อนจะยิ้มน้อยๆ

“ครับ นะเป็นครอบครัวคนเดียวที่ผมเหลืออยู่แล้ว ถ้าไม่มีเขาผมก็ไม่เหลือใครแล้ว” ประโยคที่นาวาพูดฟังดูหงอยเหงา หญิงสูงวัยรู้สึกสงสารคนตรงหน้าจับใจ คนที่ต้องสูญเสียครอบครัวอีกทั้งยังต้องมีชีวิตที่ตกระกำลำบาก แน่นอนว่าในแต่ละวันคงหาความสุขแทบไม่ได้ แล้วยิ่งต้องมาเจอสิ่งที่เจ้านายของเธอกระทำมันก็ยิ่งหนักหนาเสียจนเกินกว่าที่คนคนหนึ่งจะรับได้ไหว

“มองคุณวากับคุณนะตอนนี้แล้วก็นึกถึงคุณเอกกับคุณพายเมื่อก่อน” เอื้องคำเอ่ยขึ้น มือที่เริ่มมีรอยเหี่ยวตามกาลเวลากดน้ำร้อนใส่แก้วกาแฟทีละแก้วพลางเริ่มเล่าเรื่องในอดีต

“เมื่อก่อนคุณเอกแกก็รักและหวงคุณพายมาก ตั้งแต่คุณท่านทั้งสองเสียคุณเอกก็ไม่ต่างจากพ่อแม่อีกคน ยิ่งต้องไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง อยู่กับญาติห่างๆ ยิ่งลำบาก แกเลี้ยงคุณพายด้วยตัวเอง ไม่ยอมติดต่อมา ไม่ยอมให้พวกป้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือได้รู้ข่าวคราวอะไรเลย เพิ่งจะยอมติดต่อกลับมาหาเมื่อไม่กี่ปีมานี้เองค่ะ”

นาวาเงียบกริบ ทำทีคนน้ำซุปในหม้อด้วยใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ หากทว่าในใจกลับร่ำร้องว่าเหตุใดเอื้องคำถึงต้องเล่าเรื่องของผู้ชายคนนั้นให้เขาฟัง ไม่อยากรับรู้ นาวาไม่ต้องการรู้เรื่องราวอะไรที่เกี่ยวข้องกับพันเอกทั้งนั้น และดูเหมือนหญิงสูงวัยจะมองอาการเหล่านั้นของนาวาออก เธอยิ้มบางๆ พลางทอดถอนใจก่อนจะเอ่ยขอโทษขอโพยกลายๆ

“ป้าขอโทษนะคะที่บ่นอะไรก็ไม่รู้ให้คุณวาฟัง คนแก่ก็แบบนี้แหละค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ อ้อ...ซุปเดือดเเล้ว แต่เดี๋ยวผมจะตั้งเตาให้เปื่อยกว่านี้อีกนิดนะครับจะได้อร่อย ยังไงผมวานป้าให้ขึ้นไปตามคุณๆ เขาลงมาทานอาหารเช้าทีได้ไหมครับ” นาวาพูดขึ้น แต่ยังไม่ทันที่หญิงอาวุโสจะได้รับคำเสียงทรงอำนาจของคนที่นาวาไม่อยากเจอมากที่สุดก็ดังขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ตื่นกันหมดแล้ว” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบพลางก้าวเข้ามายืนกอดอกพิงผนังห้องครัวเอาไว้ ดวงตาคมจ้องแผ่นหลังของนาวานิ่งๆ ในขณะที่คนถูกมองได้แต่ยืนเม้มปากแน่นทำทีคนซุปในหม้อต่อ ไม่กล้าหันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงที่ดังอยู่ด้านหลัง ไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับคนเลวทรามแบบนั้นในเวลานี้

“ป้าเอื้องไปตั้งโต๊ะได้เเล้วครับ พระพายร้องอยากกินข้าวร่ำๆ แล้วล่ะ” พันเอกหันไปบอกหัวหน้าแม่บ้านที่เขาให้ความเคารพ หญิงสูงวัยพยักหน้ารับเบาๆ พลางปรายตาไปมองร่างโปร่งของนาวาอย่างเห็นใจ เธอเดินไปแตะลำแขนแกร่งกำยำสมส่วนเป็นเชิงเตือนเพราะรู้ดีว่าพันเอกกำลังไม่พอใจอีกคนอยู่ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากครัวไป

เมื่อพ้นร่างของผู้อาวุโสกว่า ความเงียบงันและบรรยากาศอึดอัดก็โรยตัวเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ นาวายังคงยืนจ้องมองอาหารเช้าที่ตนถือวิสาสะตื่นขึ้นมาทำโดยพละการก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเอวคอดกิ่วถูกมือแกร่งคว้าหมับเอาไว้แน่นเเละหมุนร่างของเขาให้หันไปเผชิญหน้ากับใครอีกคน

“อ๊ะ!...นี่คุณ!...ปล่อยนะ” นาวาร้องประท้วง ร่างกายเครียดเกร็งขึ้นจนพันเอกรู้สึกได้ ร่างสูงหัวเราะเยาะกับอาการแตกตื่นของคนตรงหน้าก่อนจะเชยคางให้นาวาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา จริงๆ นาวาไม่ใช่คนตัวเตี้ย ส่วนสูงของพวกเขาห่างกันไม่ถึงสิบเซ็นเสียด้วยซ้ำแต่เพราะนาวาผอมมากเกินไปเลยทำให้คนตรงหน้าดูตัวเล็กบอบบางลงไปถนัดตา และเพราะลักษณะทางกายภาพข้อนี้นั่นเองที่ทำให้นาวาพ่ายแพ้ให้แก่พันเอกอยู่ร่ำไป

ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

“ทำบ้าอะไรของคุณ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น!” นาวาเอ็ดพลางใช้สองมือยันอกแกร่งเอาไว้เมื่อรับรู้ว่าอีกคนกำลังออกแรงดึงร่างของเขาให้เข้าไปแนบชิด แต่คนที่แรงน้อยอย่างนาวาหรือจะไปต่อกรอะไรกับพันเอกได้ สุดท้ายก็ถูกอีกคนดึงเข้าไปกอดจนแน่นพร้อมกับถูกชิงจูบไปหน้าตาเฉย

“อ๊ะ อื้อ...”

เสียงผะแผ่วดังขึ้นลอดริมฝีปากสีสด นาวายืนนิ่งไร้การต่อต้านทันทีที่อีกคนก้มหน้าลงมาบดจูบลงบนปากของเขา สองมือที่เคยผลักไสวางนิ่งอยู่บนอกแกร่ง สติสัมปชัญญะทั้งหมดทั้งมวลหลุดลอยไปจนสิ้นและถูกแทนที่ด้วยภาพเหตุการณ์ที่เขาและพันเอกร่วมรักกัน ครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันเตรียมใจเพราะฤทธิ์ยา เกิดขึ้นและจบลงในเวลาไม่นาน ไม่ตราตรึง ไม่สุขสม แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกน่ารังเกียจ

ครั้งที่สองที่ริมสระว่ายน้ำและในห้องทำงาน ครั้งนั้นแม้ร่างกายจะเต็มใจถูกอีกคนสอดใส่ แม้นาวาจะยินยอมพร้อมใจและส่งเสียงครวญครางยามถูกครอบครอง หากแต่ภายในใจกลับเอาแต่ร่ำบอกว่าทุกการกระทำ ทุกท่วงท่า ทุกจังหวะ และทุกสุ้มเสียงนั้นมันช่างน่ากลัวและน่าขยะแขยงเสียเหลือเกิน สิ่งเหล่านั้น ความทรงจำที่แสนเลวร้ายนั่นหล่อหลอมให้นาวาขลาดกลัวสัมผัสของคนตรงหน้าจนตัวสั่นเทิ้ม ก้อนบางอย่างรวมตัวกันขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ ร่างโปร่งผลักพันเอกที่ยังเพลิดเพลินกับการดูดดึงกลีบปากนุ่มหยุ่นของเขาให้พ้นกาย ก่อนจะปรี่ไปเกาะขอบอ่างล้างจานและอาเจียนออกมาเสียจนหมดไส้หมดพุง ยิ่งยามที่ภาพความเป็นชายที่ขยายขนาดของพันเอกพร้อมกับภาพการสอดใส่อย่างบ้าคลั่งฉายชัดขึ้น นาวาก็ยิ่งรู้สึกพะอืดพะอมจนต้องอาเจียนซ้ำในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน เสียงอาเจียนของร่างโปร่งดึงความสนใจของบรรดาสาวใช้และพระพายให้รีบปรี่มายังห้องครัว ก่อนจะต้องยืนนิ่งมองนาวาที่ยืนตัวสั่นอยู่หน้าอ่างล้างจานในขณะที่พันเอกเองก็ยืนแสยะยิ้มอยู่ไม่ไกล

พระพายรีบปรี่เข้าไปลูบหลังให้นาวาด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเงยหน้ามองพี่ชายด้วยแววตาเครียดเขม็ง

“คุณวาเป็นอะไร นี่พี่เอกทำอะไรเขา” กฤตภาสคนน้องเค้นเสียงถาม พันเอกยักไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะพลางแสยะยิ้ม ตอบคำถามของคนเป็นน้องด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์

“จูบ”

“ห๊ะ จูบ!?!?” พระพายอ้าปากค้างกับคำตอบตรงไปตรงมานั้น นาวาเปิดน้ำล้างปากและล้างอาเจียนของตนก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับประมุขของบ้านโดยไม่สนใจคนอื่นๆ พันเอกยกยิ้มเย้ยหยันไปให้คนที่หูตาแดงก่ำก่อนจะพูดต่อโดยไม่สนใจความรู้สึกของคนฟังเลยแม้แต่น้อย

“ใช่ จูบกัน และก็กำลังคิดจะจับมันแก้ผ้าแล้วหันบั้นท้ายมาให้สอดใส่อยู่แล้วเชียวถ้-”

“คุณเอกคะ ป้าว่าคุณพูดเกินไปแล้วนะคะ” เป็นเอื้องคำที่ขัดขึ้นเพราะทนฟังไม่ไหว พันเอกยังไม่สนใจกับคำห้ามปรามของคนที่เขาเคารพ มิหนำซ้ำยังพูดถากถางให้นาวาได้อายเล่น

“ต้องสนด้วยหรือไง อีกอย่างทุกคนก็น่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะ และก็ควรรู้ด้วยว่า ‘ใคร’ เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ในฐานะ ‘อะไร’ กันบ้าง”

ร่างสูงพูดขึ้นทำเอาบรรยากาศรอบข้างเงียบกริบ เอื้องคำและมินตรามองนาวาอย่างเห็นใจในขณะที่พระพายเองก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากบีบแขนนาวาเบาๆเป็นเชิงขอโทษ ประโยคของพันเอกสะกิดหัวใจของนาวาจนรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา ร่างโปร่งกล้ำกลืนก้อนสะอื้นและความอ่อนแอลงไปก่อนจะเงยหน้าจ้องตากับคนตัวสูงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ครับ ผมทราบดีว่าผมมาอยู่ที่นี่ในฐานะเครื่องมือแก้แค้นและระบายความใคร่ความสะใจของคุณ นอกจากคุณแล้วคุณยังต้องการให้ผมไปนอนอ้าขาให้ใครสอดใส่เข้ามาในตัวอีกหรือเปล่า ผมจะทำตามความต้องการของคุณทุกอย่างเพื่อแลกกับเศษเงินที่แสนล้ำค่าพวกนั้น” นาวาประชดแกมท้าทายทำเอาคนรอบข้างถึงกับครางเสียงหลง ด้วยรู้ดีว่าพันเอกเกลียดการประชดประชันขนาดไหน

“หึ! ดี! งั้นนายก็ช่วยสงเคาระห์พวกลูกน้องฉันหน่อยก็แล้วกัน ให้มันสมสู่ด้วยคืนละคนจนครบ เริ่มด้วยคืนนี้กับไอ้จักรเลยเป็นไง” พันเอกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน ประโยคดังกล่าวของร่างสูงส่งผลให้เกิดเสียงอุทานขึ้นโดยรอบในขณะที่นาวายังคงยืนนิ่ง

“พี่เอก! จะบ้าหรือไง ผมไม่ยอมนะ!”

“คุณเอกขา อย่าใจร้ายกับคุณวาเลยนะคะ ถือว่าป้าขอ”

เอื้องคำและพระพายต่างก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน พันเอกไม่ฟังคำขอร้องของคนเหล่านั้น หนำซ้ำยังจ้องใบหน้าขาวซีดด้วยแววตาท้าทาย นาวาสูดลมหายใจเพื่อเรียกกำลังใจของตัวเองให้กลับคืนมาก่อนจะแค่นยิ้ม

“ได้ครับ ถ้านั่นเป็นสิ่งที่คุณต้องการ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นแล้วก็เดินผ่านทุกคนไปอย่างไม่ใยดี หมดสิ้นแล้ว ทุกสิ่งของเขามันหมดไปตั้งแต่วันที่เขาเลือกจะรับข้อตกลงของพันเอกแล้ว

อุตส่าห์หลงนึกว่าคนคนนี้จะเป็นเทวดาที่มาฉุดมือของเขาออกจากขุมนรก อุตส่าห์หลงคิดว่าพันเอกคือคนที่จะมาสร้างแสงสว่างและชีวิตใหม่ให้กับเขา แต่ไม่ใช่ ไม่ใช่เลย พันเอกทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขาจนราบเป็นหน้ากลอง ไม่เหลือแม้กระทั่งความเป็นคน

เขาจะทนกับนรกขุมนี้ได้นานแค่ไหน จะอยู่ปกป้องนะโมได้อีกนานเท่าใด ถ้ายังเจออะไรแบบนี้นาวาเชื่อว่าสักวันหนึ่งเขาคงต้องทนไม่ได้และชิงปลิดชีวิตตัวเองเป็นแน่ แค่นี้มันก็หนักหนามากแล้วสำหรับเขา แล้วในอนาคตล่ะ นาวายังต้องเจอกับความเลวร้ายรูปแบบใดอีก เขายังจะทนมันได้อีกไหม

ไม่รู้ ไม่รู้เลย

-(มีต่อด้านล่างค่ะ)-
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2016 14:16:49 โดย March. Marcia »

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
2 อาทิตย์ต่อมา

โรงพยาบาลประจำจังหวัดภูเก็ต

เสียงสัญญาณชีพจรของเครื่องวัดที่ตั้งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอบ่งบอกถึงอาการของคนที่กำลังหลับใหลว่ายังคงที่ ‘นารายณ์ พรหมพิริยะ’ ยืนมองร่างของเพื่อนสนิทผ่านกระจกด้วยความเป็นห่วง คุณหมอหนุ่มหยิบชาร์จระบุอาการที่เสียบอยู่หน้าห้องขึ้นมาอ่านแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่อยากยอมรับความจริงเลยว่าอาการของคนตรงหน้าในตอนนี้มีโอกาสรอดไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์เสียด้วยซ้ำ

น้ำท่วมปอด ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานผิดปกติจนส่งผลกระทบต่อระบบอื่นๆ ภายในร่างกาย ยังไม่รวมอาการติดเชื้อจากบาดแผลภายนอกตามร่างกายนี่อีก

ยากจะทำใจ แต่ก็ต้องยอมรับความจริง

“อย่ามาด่วนจากพวกกูไปแบบนี้นะเว้ย ถ้ามึงตายกูจะตามไปลากคอมึงถึงนรกเลยคอยดู” นารายณ์พึมพำบอกกับอีกคนที่ยังนอนหลับตาพริ้มโดยมีเครื่องช่วยหายใจครอบปากและจมูกเอาไว้ อีกทั้งสายระโยงรยางค์รอบกายนั่นก็ยิ่งทำให้อาการของรามดูน่าหวั่นวิตกมากขึ้นไปอีก

เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาได้รับข่าวจากรุ่งฟ้าและสิงห์ว่ารามถูกทำร้ายอาการสาหัส ในตอนนั้นหมอที่กรุงเทพขับน้ำออกจากร่างกายให้จนเจ้าตัวพ้นขีดอันตรายไปแล้ว ไม่นานเขาก็ทำเรื่องย้ายรามลงมาอยู่ที่ภูเก็ตตามคำขอของรุ่งฟ้า แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน อยู่ๆ รามก็ทรุดตัวลงจนบรรดาแพทย์ต้องคอยสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ครั้นจะย้ายเพื่อนกลับไปรักษาที่กรุงเทพก็ไม่ไว้ใจ ด้วยระยะทางและอะไรหลายๆ อย่าง กรุงเทพไม่ใช่ที่ปลอดภัยของรามในตอนนี้ ในตอนที่ไร้สติและไม่สามารถป้องกันตัวเองได้

เขารู้ว่าบนเตียงนั่น เพื่อนของเขากำลังต่อสู้อยู่

นารายณ์รู้ดีว่ารามกำลังพยายามอย่างมากเพื่อที่จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง

กลับมาแก้แค้นคนที่มันทำให้เจ้าตัวต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้

เขารู้ดีว่าคนที่ทำแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนในตระกูลกฤตภาส แต่ที่สงสัยคือรามพลาดท่าถูกเล่นงานจนสาหัสขนาดนี้ได้อย่างไร ถึงขนาดโดนรุมซ้อมและจับโยนลงแม่น้ำขนาดนี้ หากไม่ใช่เพราะมีรุ่งฟ้ากับสิงห์ตามไปด้วยป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง

“คุณนายครับ คุณสิบต้องการเรียนสายด้วยครับ” ร่างสูงกำยำสมส่วนของลูกน้องที่นารายณ์จ้างให้ดูแลรามในยามที่เขาไม่อยู่เอ่ยขึ้น ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ ชายหนุ่มรับมาถือเอาไว้ในมือก่อนจะยกขึ้นมาแนบหูและกรอกเสียงลงไปเสียงราบเรียบ

“ว่าไง”

[มันเป็นยังไงบ้าง] ปลายสายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่คุณหมอหนุ่มก็จับน้ำเสียงเป็นกังวลได้ในนั้น นารายณ์ถอนหายใจออกมาเสียงดังพลางมองคนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยสายตาเป็นกังวล

“ก็ยังไม่ฟื้นเหมือนเดิม กูเพิ่งมาทำแผลแล้วก็ให้ยาฆ่าเชื้อไป ส่วนปอด...ยังทำงานร่อแร่ว่ะ เนี่ยก็พยายามให้ยาไป กูไม่รู้ว่ามันจะรอดไหม” คุณหมอหนุ่มพูดไปตามความจริง

[ต้องรอด มันต้องลุกขึ้นมาลากคอกฤตภาสด้วยตัวเอง ตอนนี้คนที่มันรักกำลังแย่ ให้แม่งตื่นขึ้นมาชิงตัวคุณวาเอง กูไม่ช่วย] ปลายสายพูดเสียงเย็นแต่นารายณ์จับความรู้สึกได้ดี

“ฟังนะไอ้สิบ กูอยากให้มึงยอมรับความจริง การที่ไอ้รามมันรอดมาได้ขนาดนี้ก็โชคช่วยมากแล้ว กูจะไม่พูดหรอกนะว่ายังไงมันก็ต้องฟื้นทั้งๆ ที่ความจริงคือยังไงแม่งก็ตายอยู่ดี แค่จะช้าหรือเร็วแค่นั้น”

[...]

“ทำใจเถอะว่ะ หมดหวังแล้ว แค่รอเวลานับถอยหลังแค่นั้นแหละ”

[ต่อให้ความหวังเหลือน้อยแค่ไหน แต่ถ้ามันยังมี กูก็อยากจะหวัง มันไม่ควรจะไปง่ายแบบนี้ มันง่ายเกินไป มึงเข้าใจใช่ไหม ไอ้รามมันไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ กูเชื่อแบบนั้น] ปลายสายตอบกลับมาทำเอานารายณ์ถึงกับพูดไม่ออก ไม่บ่อยนักหรอกที่คนอย่าง ‘สิบตรี อัศม์เดช’ จะพูดประโยคยาวๆ เพื่อเตือนสติเขา เดิมทีนารายณ์เป็นคนที่ไม่ยอมแพ้แก่อะไรง่ายๆ เขาจะสู้และยังมีความหวังจนถึงที่สุด รอคอยจนกว่าผลของสิ่งนั้นจะออกมาอย่างชัดเจน ผิดกับครั้งนี้ ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนสนิทของพวกเขา นารายณ์กลับท้อและยอมแพ้ทั้งๆ ที่รามก็ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่ตรงหน้า

เขาถอดใจ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยังคงมีลมหายใจ

“ขอโทษว่ะ กูคงฟุ้งซ่านมากเกินไป แม่ง...กลัวห่าอะไรไปหมดทุกอย่าง”

[กูเข้าใจ รามมันไม่เคยโดนหนักขนาดนี้ พลาดท่าเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ] สิบตรีพูดขึ้นพลางถอนหายใจ

[ยังไงก็ฝากดูมันด้วยก็แล้วกัน กูกลัวว่าไอ้เอกมันจะส่งคนมาย้ำให้แม่งตายชิบหาย เหี้ยนั่นยิ่งระยำอยู่ด้วย ถ้ามันรู้ว่าไอ้รามรอดมันคงไม่อยู่เฉยแน่] สิบตรีบ่นด้วยความกังวลมาตามสาย นายรายณ์แค่นหัวเราะ กำโทรศัพท์แน่นก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น

“ก็ลองมันส่งคนมาสิ กูนี่แหละจะเป็นฝ่ายยำมันคืนให้จมคาตีนกูเอง”

...



1 เดือนต่อมา

ประตูห้องนอนของนาวาถูกเปิดออกช้าๆ ในเวลาตีสองย่างตีสาม ร่างสูงกำยำสมส่วนของหนึ่งในบรรดาลูกน้องของพันเอกเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทีเหนื่อยล้า เสื้อเชิ้ตสีขาวเปิดออกเผยให้เห็นอกแกร่งเพราะร่างสูงไม่ยอมติดกระดุม รอยข่วนเป็นทางยาวปรากฏขึ้นทั่วแผ่นอกในขณะที่ลำคอเองก็มีรอยแดงจ้ำประปราย ชายหนุ่มก้าวเดินออกมายืนด้านนอกก่อนจะหันไปมองร่างโปร่งของนาวาที่นอนหลับอย่างคนหมดแรงอยู่บนเตียงด้วยแววตาสงสาร แผ่นหลังบอบบางขาวซีดมีรอยช้ำจ้ำแดงอยู่หลายจุด บางรอยห้อเลือด บางรอยก็เป็นสีแดงออกม่วงคล้ำ บางรอยกลายเป็นสีเขียวอ่อนๆ แล้วก็ยังมี

และแน่นอน มันไม่ใช่ร่องรอยที่เขาทำเอาไว้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

แต่เป็นของลูกน้องคนอื่นๆ ที่เข้ามาหานาวาในคืนก่อนๆ ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนนั่นต่างหาก

ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของพันเอกทุกอย่าง และนาวาเองก็ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นอย่างเคร่งครัด หนึ่งเดือน สามสิบวัน กับผู้ชายสามสิบคนไม่ซ้ำหน้ากันในแต่ละคืน

นาวายังเข้มแข็งและหยัดยืนอยู่ได้อย่างไรกัน…ผู้คนรอบข้างได้แต่ตั้งคำถามอยู่ในใจ ถึงแม้มันจะไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดนั้น แต่เพียงแค่นี้หากเป็นคนอื่นมันก็คงหนักหนาเกินทนแล้วจริงๆ

“คุณวาหลับไปแล้วเหรอ” เดินออกมาจากเรือนคนใช้ได้ไม่เท่าไหร่เสียงของคุณหนูคนเล็กของบ้านก็ดังขึ้น พระพายผุดลุกจากม้านั่งพลางปรี่เข้ามาหาลูกน้องของพี่ชายด้วยใบหน้าทรุดโทรม ดูก็รู้ว่าอดหลับอดนอนขนาดไหน

“ครับ คงเพลียจัดจริงๆ แล้วทำไมคุณหนูยังไม่นอนอีกละครับ นี่มันจวนจะเช้าอยู่แล้วนะ” ร่างสูงถามขึ้น พระพายถอนหายใจหลังจากที่ได้ยินประโยคดังกล่าวก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

“ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกที่นอนไม่หลับ นอนไม่หลับกันทั้งบ้านนั่นแหละ ไม่มีใครหลับลงหรอกนะพี่สันต์ จะมีก็แต่พี่เอกนั่นแหละที่หายใจหายคอคล่องอยู่คนเดียว ฮึ่ย! คิดแล้วโมโห” พระพายบ่นออกมายาวเหยียดทำเอาสันต์ถึงกับหลุดขำออกมาเบาๆ

“จริงๆ คุณพายไม่จำเป็นต้องอดหลับอดนอนคุมพวกผมหรอกครับ ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งคุณสักคนหรอก” ร่างสูงเอ่ยขึ้นยิ้มๆ พระพายฟังจบแล้วก็ได้แต่ย่นจมูกด้วยความไม่พอใจ

“ว่าไม่ได้หรอกไอ้เรื่องแบบนี้น่ะ คนเราพอถึงเวลาหน้ามืดขึ้นมาจริงๆ ให้ตายยังไงก็ห้ามไม่หยุดฉุดไม่อยู่หรอก ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ต้องรอบคอบเอาไว้ก่อน แค่นี้ผมก็สงสารเขามากแล้ว”

“ผมเข้าใจครับ คุณวาเองก็ดูท่าจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ถ้ายังเป็นแบบนี้ผมเกรงว่าคุณเขาจะต้องล้มหมอนนอนเสื่อได้หามส่งโรงพยาบาลกันจ้าละหวั่นแน่” สันต์ออกความคิดเห็นขึ้นพลางนึกย้อนไปถึงสภาพของนาวาภายในห้องนอนแห่งนั้น พระพายหน้าเครียดลงถนัดตาเมื่อคนเป็นลูกน้องพูดจบ ก่อนที่ดวงตาเรียวจะเบิกกว้างขึ้นพลางร้องเสียงหลง

“นอนโรงพยาบาล ใช่! ต้องให้พี่วานอนโรงพยาบาล!!!”

“ครับ?” สันต์เอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ พระพายยิ้มแฉ่งขึ้นทันทีก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ทำให้พี่วานอนโรงพยาบาลให้ได้ ไอ้คำสั่งบ้าๆ นี่จะได้ถูกยกเลิกไปไง โธ่ ทำไมเพิ่งมาคิดได้เอาป่านนี้วะเนี่ย” ท้ายประโยคก่นด่าตัวเองพลางใช้มือตบหน้าขาตัวเองฉาดใหญ่ สันต์คิดตามคำพูดของพระพายแล้วก็พยักหน้าเบาๆ

จริงสินะ หากนาวาป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาล พันเอกก็คงทำอะไรไม่ได้

“พี่สันต์ไปปลุกพี่จักร บอกให้เตรียมรถเลย ผมจะพาคุณวาไปโรงพยาบาล” พระพายพูดขึ้นปุบปับทำเอาอีกคนหน้าเหรอหราด้วยความงุนงง เห็นแบบนั้นคุณหนูคนเล็กของบ้านจึงสบถออกมาเสียยกใหญ่ ก่อนจะดุนหลังร่างสูงให้ตรงไปยังเรือนพักบอดี้การ์ดที่อยู่อีกฝั่งทันทีพร้อมกับเอ็ดเสียงดุ

“มายืนทำหน้างงทำไมล่ะครับ ไปปลุกพี่จักรแล้วเรียกพี่ไม้ให้มาหาผมด้วย อ้อ อย่าเอะอะโวยวายนะเดี๋ยวพี่เอกตื่น” พระพายกำชับพลางทำหน้าจริงจัง เห็นแบบนั้นสันต์จึงต้องทำตามคำสั่งของคนที่เป็นเหมือนเจ้านายอีกคนอย่างรวดเร็ว

“ครับคุณหนู” ร่างสูงรับคำก่อนจะเดินจากไป ด้านพระพายเองก็รีบสาวเท้าไปหานาวาที่ห้อง ก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เคาะประตู ชายหนุ่มตรงดิ่งไปหาคนที่กำลังเปลือยท่อนบนนอนคว่ำหน้า ก่อนจะแตะมือลงไปบนต้นแขนขาวซีดแผ่วเบา

“คุณวาครับ คุณวา” พระพายเรียกอีกเสียงเบา นิ้วมือที่สัมผัสผิวของนาวารับรู้ถึงอุณหภูมิที่ผิดปกติทำเอาคนตัวเล็กกว่าถึงกับหลุดสบถออกมา

นาวากำลังไม่สบายจริงๆ

“คุณวาครับ ลืมตาหน่อย ไปโรงพยาบาลกัน” กฤตภาสคนน้องเอ่ยขึ้นพลางเดินไปหาเสื้อที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้ามาสวมใส่ให้กับอีกคน นาวาปรือตาขึ้นเล็กน้อย ด้วยเพราะคิดว่าเป็นพันเอกที่มักจะมาเยาะเย้ยถากถางเขาทุกเช้า แต่พอเห็นว่าเป็นพระพายร่างโปร่งจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“คุณพาย…ผม อือ…ผมยังไม่ได้ช่วยตัวเองเลย” นาวาเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรง พระพายกำลังจะพูดสวนกลับไปแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอหนึ่งในบอดี้การ์ดของพันเอกมายืนอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าราบเรียบ

“มาพอดี พี่ไม้ช่วยอุ้มคุณวาไปขึ้นรถหน่อย ตัวร้อนจี๋เลย ผมจะพาคุณเขาไปหาหมอ” คนตัวเล็กเอ่ย ร่างสูงของไม้ทำตามอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเดินเข้ามาช้อนตัวนาวาขึ้นแนบอกก่อนจะเดินนำพระพายออกไปเงียบๆ ตอนนี้บ้านทั้งบ้านเริ่มเปิดไฟแล้ว คาดว่าลูกน้องและแม่บ้านบางส่วนคงจะตื่นขึ้นมาทำงานของตัวเอง ส่วนเจ้าของบ้านอย่างพันเอกน่ะหรือ

ก็คงหลับฝันดีอยู่บนเตียงอย่างสบายอกสบายใจอยู่นั่นแหละ

พอพานาวาขึ้นรถได้พระพายก็รีบกระโจนขึ้นไปนั่งขนาบข้างทันที อีกฝั่งเป็นมินตราที่คอยประคองหัวนาวาเอาไว้ให้ซบไหล่เล็ก ส่วนด้านหน้าเป็นจักรที่นั่งประจำที่คนขับกับพายุที่ทำหน้าสะลึมสะลืออยู่ข้างๆ กัน

“ให้ผมเรียนคุณเอกว่ายังไงดีครับ” ไม้ถามขึ้น พระพายมองใบหน้าซูบซีดของนาวาก่อนจะตอบเสียงนิ่ง

“บอกว่าคุณวาป่วย ไข้ขึ้นคงเพราะพักผ่อนน้อย ผมจะพาไปให้น้ำเกลือ แค่นั้นแหละพี่”

“ครับคุณหนู”

“อืม ยังไงผมฝากด้วยนะ” คนตัวเล็กเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะปิดประตูรถและสั่งให้จักรออกรถทันที ตลอดทางบรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความเงียบงัน จักรทำหน้าที่คนขับจ้องมองหนทางข้างหน้าในขณะที่พายุสัปหงกจนหัวแทบจะเขกกระจก มินตราคอยมองข้างทางสลับกับนาวาที่ซบไหล่ของเธออยู่ ในขณะที่พระพายเอาแต่สำรวจรอยช้ำที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาด้วยความรู้สึกสงสารเห็นใจ

ยอมรับว่านาวาเข้มแข็งมากจริงๆ ที่ยังทนอยู่กับคนใจร้ายอย่างพี่ชายเขาได้ แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อพันเอกไม่ยอมปล่อยสองพี่น้องนี้ไปไหน แล้วพวกเขาจะหนีไปไหนได้ ขนาดรามที่ว่าแน่ตอนนี้พระพายกลับไม่ได้ยินข่าวของผู้ชายคนนั้นอีกเลย พอถามพันเอกว่าเรื่องจบยังไงก็ถูกบ่ายเบี่ยง พี่ชายของเขาบอกแค่ว่ารามแพ้แล้ว ไม่ต้องกังวลอะไรอีก ต่อจากนี้แค่รอเวลาฮุบกิจการของกลทีบ์มาเป็นของตัวเองให้ได้ก็เท่านั้น

บ่อยครั้งที่เขาได้แต่ตั้งคำถาม ในเมื่อพันเอกแก้แค้นรามสมใจแล้วทำไมถึงยังทำร้ายนาวาอยู่อีกเล่า ทำไมไม่ให้ทุกอย่างมันจบไป พระพายได้แต่ถามพี่ชายซ้ำๆแต่ก็ไม่เคยได้คำตอบที่ต้องการเลยแม้แต่น้อย แต่จะยังไงก็เถอะ สำหรับเขาในเมื่อมันจบ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกันก็ควรจะจบด้วย ในเมื่อพันเอกบอกว่ารามแพ้แล้ว นั่นแสดงว่านาวาไม่ใช่เครื่องมือที่พันเอกต้องการอีกต่อไป เพราะงั้นพระพายจะทำทุกวิถีทางให้ชีวิตของนาวาไม่ย่ำแย่ไปมากกว่านี้จากน้ำมือของพี่ชายเขา

ไม่ว่าจะยังไง ไม่ว่าพันเอกจ้องจะทำร้ายนาวาอย่างไร้เหตุผลด้วยวิธีใดก็ตาม พระพายจะขอขัดใจคนที่รักสักครั้ง และกางปีกปกป้องนาวาจนกว่าสองพี่น้องของตระกูลชนกันต์จะเป็นอิสระ

เขาจะปกป้องดูแลนาวาต่อไปในอนาคต เหมือนที่ทำมาตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ให้ได้


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2016 14:17:20 โดย March. Marcia »

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ ๘


“แน่ใจใช่ไหมว่าเป็นมันจริงๆ” ร่างสูงของพันเอกเอนกายพิงกับพนักเก้าอี้ทำงานด้วยท่าทีเคร่งเครียด ริมฝีปากขยับถามปลายสายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะถอนหายใจเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาเพียงประโยคสั้นๆ

[ครับคุณเอก]

หึ ว่าแล้วเชียว

“เดี๋ยวฉันจัดการเอง งานของนายเสร็จแล้ว ฉันให้พักผ่อนสองอาทิตย์แล้วหลังจากนั้นค่อยเข้ามาหาที่บ้าน”

[ขอบคุณครับ] ปลายสายพูดขึ้นก่อนที่ต่างคนต่างวางหู ร่างสูงวางโทรศัพท์เอาไว้บนโต๊ะพลางนั่งนิ่งอย่างใช้ความคิด สักพักชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงาน ตรงไปยังห้องนอนที่เขาเพิ่งจะไล่ให้นาวาไปนอนเมื่อเดือนก่อน แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวออกไปไหนเสียงเล็กๆ ของนะโมก็ดังขึ้นด้านหลังดึงความสนใจของเขาเอาไว้

“คุณเอกครับ ขอคุยอะไรสักอย่างได้ไหม” ร่างเล็กของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีพูดขึ้น พันเอกหันไปทำหน้าดุดันพลางเดินเข้าไปหานะโมพร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบ

“บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าอย่าเรียกว่าคุณ” ประมุขของบ้านเอ่ยพลางจ้องหน้านะโมด้วยท่าทีทรงอำนาจ คนถูกมองเม้มปากแน่นด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะเรียกพันเอกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“พี่เอก…”

“อืม นายนี่ชอบลืมเรื่อย ถ้าคราวหน้าเรียกฉันว่าคุณอีกจะทำโทษ ตกลงไหม” ร่างสูงเอ่ยขึ้น นะโมพยักหน้ารับรู้พลางก้มหน้างุด พันเอกแสยะยิ้มมองคนตัวเล็กกว่าก่อนจะปรับสีหน้าให้ราบเรียบเมื่ออีกคนเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยท่าทีเลิกลั่ก

“ไหนล่ะ มีเรื่องอะไร”

“เอ่อ…คือ ผมอยากจะถามว่าอีกนานไหมงานของพี่วาจะเสร็จน่ะครับ คือนี่มันก็เดือนนึงแล้วที่พี่วาย้ายลงไปนอนเรือนเล็ก ถ้านานกว่านี้ผมจะขอลงไปนอนกับพี่วาได้ไหมครับ” นะโมพูดขึ้น พันเอกเลิกคิ้วพลางส่งเสียงหัวเราะในลำคอกับคำถามของอีกคน เกือบลืมไปเสียสนิทว่านะโมยังไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ชายของตัวเองเจอกับอะไรบ้าง เพราะนาวาบอกกับน้องว่าที่ต้องไปนอนเรือนเล็กด้านหลังนั่นก็เพราะต้องทำงานให้พันเอกกับพวกบอดี้การ์ดคนอื่นๆ การลงไปพักเรือนด้านหลังซึ่งใกล้กับห้องพักของเหล่าลูกน้องของพันเอกมันจึงสะดวกมากกว่า และเด็กนะโมนี่ก็เชื่อพี่ชายเสียสนิทใจ

จะว่าไปแล้วนี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่นาวาไม่ได้ขึ้นมาเหยียบบ้านใหญ่เลยสักครั้ง จะมีก็แต่เขาที่ต้องเป็นฝ่ายเดินไปหาอีกคนทุกเช้าเพื่อดูว่าคนอวดเก่งอย่างนาวามีสภาพเป็นยังไง คนที่รามรักนักหนานอนหลับสนิททุกครั้งที่พันเอกเข้าไปหา ท่อนบนเปลือยเปล่า ลำตัวใต้ร่มผ้าพร่างพรายไปด้วยรอยจูบเก่าใหม่คละกันไป บนผ้าปูที่นอนและผ้าห่มมีคราบสีขาวขุ่นเปื้อนเป็นวง บางวันก็มีเสื้อผ้าของบรรดาลูกน้องของเขาที่ลืมทิ้งเอาไว้วางอยู่บนพื้นให้เห็น

มันทำให้พันเอกทั้งหงุดหงิดและสะใจปะปนกันไปหมด

สะใจที่เห็นนาวานอนหมดสภาพอยู่บนที่นอน แต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้ที่อีกฝ่ายยังคงอวดเก่ง ไม่แม้แต่จะปริปากอ้อนวอน คนแบบนี้มันน่าจะสั่งสอนเสียให้เข็ด ยิ่งเห็นสภาพร่อแร่ของนาวาในทุกๆ วันก็ยิ่งสมเพช ตัวเองจะไม่ไหวแล้วยังปากแข็ง อวดดีไม่เข้าเรื่อง

“คิดถึงพี่เหรอไง” แสร้งพูดหยอกล้อพลางยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มของคนตัวเล็กกว่า ทว่าในใจกลับเยาะเย้ย นะโมคนนี้ช่างโง่เง่านัก อ่อนเดียงสาและใสซื่อ ไม่เคยรับรู้เลยแม้แต่น้อยว่าผู้เป็นพี่ชายต้องเจอกับอะไรบ้างเพื่อให้เจ้าตัวได้หายใจอย่างสุขสบายในบ้านของเขา

“ครับ ผมคิดถึงพี่วา” นะโมสารภาพไปตามความจริงก่อนจะมองหน้าผู้มีพระคุณด้วยแววตาเว้าวอน

“ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ จะลงไปนอนเรือนเล็กให้มันวุ่นวายอีกคนทำไม บ้านนี้ห้องหับเยอะแยะ อีกอย่างนาวาเองก็ฝากฝังนายไว้ให้ฉันดูแล ถ้านายขอไปนอนกับพี่ นาวาเขาจะไม่มองว่าฉันดูนายไม่ดีจนนายอึดอัดไม่อยากอยู่บ้านใหญ่หรอกเหรอ” พันเอกยกเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาอ้างพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงกดดันกลายๆ

“เปล่านะครับ ผมแค่คิดถึงพี่ชายผมก็แค่นั้นเอง” นะโมรีบแก้ตัว คนอายุมากกว่าแค่นหัวเราะ แสร้งโยกศีรษะเล็กของคนตรงหน้าพลางเอ่ยเสียงเรียบทว่าดุดันจนคนฟังไม่กล้าโต้แย้ง

“ถ้าเปล่าก็เลิกพูดเรื่องนี้สักที พี่นายไปทำงานให้ฉัน นายมีหน้าที่ตั้งใจเรียนหนังสืออย่างเดียวเข้าใจไหม อย่าให้เงินของฉันมันสูญเปล่า”

“ค…ครับ ผมขอโทษครับคุ- ...พี่เอก” ร่างเล็กเอ่ยเสียงเบาเมื่อคิดได้ ดูเหมือนว่าเขาจะหลงลืมตัวเองไปชั่วขณะว่าสิ่งที่มีตอนนี้ไม่ใช่ของของเขา เงินทุกบาททุกสตางค์ก็ล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของพันเอกแทบทั้งสิ้น เขากับพี่ชายต้องทำตัวให้สมกับที่พันเอกปราณีให้โอกาสคนที่ไม่เหลืออะไรเลยเช่นนี้ ยังจำคำพูดของนาวาที่บอกเขาให้รู้ตัวและมีสติอยู่เสมอว่าเราเป็นใคร มาที่นี่เพื่ออะไร และใครคือผู้มีพระคุณที่จะต้องเทิดทูนเท่าชีวิตได้ดี

ก่อนหน้านี้นาวาบอกกับนะโมเสมอว่าพันเอกก็เปรียบเสมือนเทวดา ชายคนนี้ถูกส่งมาเพื่อเป็นแสงสว่างของพวกเขา และก็ต้องพึงระลึกเอาไว้อยู่เสมอว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พันเอกสั่ง ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องทำตาม เพียงเพราะเหตุผลหนึ่งเดียว

เพราะพันเอกคือผู้ต่อลมหายใจให้กับพวกเขา

“ถ้าเข้าใจแล้วก็ขึ้นไปท่องหนังสือบนห้องได้แล้ว ฉันจะไปดูงานของพี่ชายนายเสียหน่อย” พันเอกเอ่ยแกมบังคับ นะโมพยักหน้ารับก่อนจะเดินหงอยขึ้นชั้นบนไป ร่างสูงมองตามแผ่นหลังเล็กจนลับสายตา แล้วจึงเดินออกจากบ้านใหญ่ไปยังเรือนเล็กด้านหลังด้วยท่าทีสงบนิ่ง

พอไปถึงก็เห็นมินตรากับเอื้องคำยืนคุยกันหน้าเครียดอยู่ไม่ไกล โดยไม่ทันสังเกตว่าเขาเดินเข้าไปใกล้แล้ว

“คุณวาเป็นยังไงบ้างน่ะป้า” คำถามของมินตราที่ดังขึ้นทำเอาร่างสูงที่กำลังจะเอ่ยทักคนทั้งคู่ชะงักกึก พันเอกขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น หยุดยืนอยู่กับที่เพื่อรอฟังคำตอบของเอื้องคำที่ยืนกดโทรศัพท์ยุกยิกด้วยใบหน้าเป็นกังวล

“หมอให้นอนโรงพยาบาลน่ะสิ เห็นว่าอาหารเป็นพิษแล้วก็พักผ่อนไม่เพียงพอด้วย เมื่อกี๊ก็ได้ยินเสียงโอ้กอ้ากดังลอดมา สงสัยจะอาเจียน” หญิงสูงวัยตอบสาวใช้ด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด พันเอกได้ยินคำตอบดังกล่าวก็ขมวดคิ้วหนักก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“นาวาเป็นอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยถามทำเอาหญิงทั้งสองคนสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ มินตราหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นใบหน้าของพันเอก ในขณะที่เอื้องคำได้แต่ยืนเม้มปากแน่น

“คุณเอกมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ หิวแล้วหรือยังป้าจะได้ตั้งโต๊ะให้” หญิงสูงวัยเลี่ยงไม่ยอมตอบคำถามพลางเบี่ยงประเด็น แต่มีหรือพันเอกจะสนใจ ชายหนุ่มหน้าขรึมกว่าเดิมพลางกดเสียงต่ำถามสองชีวิตตรงหน้าด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ป้าเอื้อง ผมถามว่านาวาเป็นอะไร”

“คือ…”

“จะตอบผมหรือจะเก็บของกลับบ้านครับ ผมไม่ได้จ้างให้พวกป้ามายืนอ้ำๆ อึ้งๆ และปิดบังผมแบบนี้” พันเอกขู่ทำเอาหญิงทั้งสองได้แต่ถอนหายใจ มินตราก้มหน้างุด รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจในขณะที่อีกคนยอมตอบคำถามของประมุขของบ้านด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“คุณวาป่วยค่ะ คุณพายเลยพาไปโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”

“ป่วย? แล้วทำไมไม่มีใครไปบอกผม” พันเอกกอดอกพลางตำหนิ

“คือ…คุณพายสั่งไว้น่ะค่ะว่าไม่ให้ป้าบอกคุณเอก เห็นว่ามันดึกมากแล้ว อ๊ะ!!!คุณเอกจะไปไหนคะ” ท้ายประโยคเอื้องคำอุทานเสียงหลงเมื่อเห็นร่างสูงเดินตรงดิ่งไปยังโรงจอดรถ คนถูกถามตวัดสายตากลับมามองหญิงทั้งสองก่อนจะเอ่ยเสียงดุดัน

“ไปบอกนะโมว่าพี่ชายเขาเข้าโรงพยาบาล แล้วก็ให้คนพานะโมตามไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลในตอนเย็นด้วย” ร่างสูงทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก็ล้วงเอากุญแจรถขึ้นมาและก้าวขึ้นพาหนะคันหรูก่อนจะออกรถด้วยความรวดเร็วในทันที




โรงพยาบาล

“คุณพระพายเรียกผมมาที่นี่ทำไมเหรอครับ”

“ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย พี่เป็นยังไงบ้าง” คุณหนูคนเล็กเอ่ยถามร่างเล็กในชุดกาวน์ที่เขาเพิ่งโทรเรียกให้มาพบพลางสำรวจใบหน้าขาวที่ติดจะโทรมลงไปมากด้วยความเป็นห่วง คนถูกถามเลิกคิ้วเข้มขึ้นน้อยๆ ก่อนจะยกยิ้มบางๆ ส่งไปให้ พลางตอบกลับไปด้วยท่าทีนอบน้อม

“ก็เหนื่อยตามประสาหมอนั่นแหละครับ แล้วคุณพายล่ะ เป็นยังไงบ้าง ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้ไปรับที่สนามบิน วันนั้นผมมีเคสฉุกเฉินพอดี”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ จะว่ายังไงดีล่ะ...คิดถึงพี่เทียนจัง” พระพายพูดพลางยกยิ้ม อีกคนทำได้แค่หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะคลอนหัวไปมา ไม่นานบทสนทนาระหว่างพวกเขาก็หมดลง ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบโอบล้อมรอบบริเวณจนน่าอึดอัดแต่ถึงกระนั้นต่างฝ่ายต่างก็ยังคงเงียบและเสมองออกไปด้านข้างราวกับผนังสีขาวของโรงพยาบาลนั้นน่าชื่นชมเสียเต็มประดา

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ความรู้สึกอึดอัดเหล่านี้แทรกแซงเข้ามาในความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่

“ว่าแต่คุณพายมีอะไรรึเปล่าครับ แล้วมาทำอะไรที่นี่” เทียนหรือ ‘ส่องแสง สิงหราช’ เอ่ยถามทำลายความเงียบขึ้นมา พระพายสะดุ้งเล็กน้อยและกำลังจะอ้าปากตอบ แต่กลับมีเสียงทรงอำนาจของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาแทน

“น้องชายฉันจะมาทำอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายงั้นเหรอ”

“พี่เอก/คุณเอก”

“ก็ยังดีที่ยังจำชื่อกันได้ นึกว่าความอกตัญญูมันกินพื้นที่ในสมองเสียจนเลอะเลือนไปแล้วว่าใครเคยมีบุญคุณกับนายบ้าง” ร่างสูงเอ่ยขึ้นเสียงเย็นเยียบ ดวงตาคมดุจ้องมองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยแววตาดุดัน พันเอกแสยะยิ้มเมื่อไม่ได้เจอร่างเล็กตรงหน้าเนิ่นนาน ก่อนจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับเชยคางเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา

“ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ ไอ้หน้าตาอวดดีจองหองแบบนี้เนี่ย” ชายหนุ่มกดเสียงต่ำในขณะที่อีกคนเริ่มตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความหวาดกลัว พันเอกจ้องใบหน้าหวานเกินชายของคนตรงหน้าแล้วก็นึกขยะแขยง ก่อนจะยอมผละกายออกห่างจากอีกคนราวกับเป็นของร้อนพร้อมกับเอ่ยวาจาเชือดเฉือนหัวใจคนฟังเสียจนพระพายหน้าเสีย

“หน้าตาของลูกเมียน้อย เมื่อก่อนน่าขยะแขยงยังไง ตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างเลยจริงๆ” ชายหนุ่มทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นก็เดินกระแทกไหล่เล็กๆ ของส่องแสงเต็มแรง ฝ่ายคนตัวเล็กได้แต่ยืนกำหมัดแน่น ขอบตาร้อนผ่าวก่อนจะแค่นหัวเราะอย่างนึกสมเพชในโชคชะตาของตัวเอง พระพายยกมือขึ้นแตะลำแขนขาวเบาๆ เป็นเชิงขอโทษก่อนจะถูกอีกคนเบี่ยงแขนหลบพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“วันนี้ผมไม่สะดวก ยังไงไว้ค่อยนัดเจอกันใหม่นะครับคุณพาย ผมขอตัว” เอ่ยพร้อมกับเดินหนีออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ทิ้งพระพายให้ยืนนิ่งมองตามแผ่นหลังของคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก

พระพายได้แต่ขอโทษขอโพยอีกฝ่ายในใจพลางเม้มปากแน่น รู้ดีว่าแม้จะเอ่ยคำขอโทษสักกี่ร้อยกี่พันครั้งก็คงไม่เพียงพอที่จะชดใช้ในสิ่งที่พันเอกทำลงไปได้ พอหวนคิดไปถึงผู้เป็นพี่ชายของตนแล้วก็ได้แต่ยืนนิ่ง ดวงตากลมทอดมองพื้นทางเดินของโรงพยาบาลพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า

เมื่อไหร่พี่ชายของเขาจะเลิกทำลายชีวิตของคนอื่นเสียที เขาจะต้องทนมองพันเอกทารุณทั้งร่างกายและจิตใจของผู้บริสุทธิ์อีกนานแค่ไหน

พระพายต้องยืนมองความโหดร้ายของผู้เป็นพี่ชายอีกนานเท่าใดพันเอกจึงจะหยุด

หรือมันจะไม่มีวันนั้นกันแน่?



เปลือกตาสีขาวซีดขยับไปมาชั่วครู่ก่อนที่คนบนเตียงคนไข้จะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ความมึนงงและความอ่อนล้าแล่นปราดไปทั่วร่าง นาวาครางแหบพร่าในลำคอพลางกลอกตาไปมาเพื่อปรับโฟกัสภาพ ดวงตากลมกวาดมองไปทั่วผนังห้องสีขาวสะอาดตา ก่อนจะสะดุดลงที่ร่างสูงของคนที่เขาไม่อยากจะเจอมากที่สุดในเวลานี้

“คุณ!!” นาวาเบิกตากว้าง พยายามเคลื่อนกายหนีอีกคนอัตโนมัติ หากแต่พอใช้สองมือยันกายขึ้นมาแล้วก็ต้องทรุดตัวลงนอนแหมะกับเตียงอีกครั้งอย่างหมดแรง พันเอกเห็นท่าทีราวกับกระต่ายตื่นตูมของอีกฝ่ายแล้วก็ได้แต่ยิ้มเยาะ ชายหนุ่มเคลื่อนกายเข้าหาร่างโปร่งบนเตียงด้วยท่าทีไม่ยี่หระก่อนจะคว้าข้อมือของนาวาเอาไว้และกดร่างขาวลงกับเตียง

ฟุ่บ!~

“สังขารไม่เที่ยงแล้วยังไม่เจียมตัวอีกนะ” ร่างสูงใหญ่พูดขึ้นเสียงเรียบ นาวาเม้มปากแน่นพยายามจะขยับหนี พันเอกแสยะยิ้มมองร่างโปร่งด้านใต้ก่อนจะผละมืออีกข้างลงมาปลดชุดโรงพยาบาลของอีกคนอย่างนึกสนุก

“ค…คุณเอก! ปล่อยผมนะ!! นี่…อ๊ะ อื้อ” ท้ายประโยคถูกกลีบปากของอีกคนดูดเอาสุ้มเสียงด่าทอต่อว่าเข้าไปจนหมด ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงแต้มริมฝีปากลงบนกลีบปากสีซีดของนาวาเต็มแรง บดจูบอยู่เนิ่นนานจนอีกคนแทบจะขาดอากาศหายใจจึงยอมผละออกไป นาวาหอบหนักจ้องเครื่องหน้าได้รูปของอีกคน พันเอกยกยิ้มเย้ยคนใต้ร่างก่อนจะก้มลงมองรอยแดงจ้ำทั่วลำคอขาวพลางกระซิบข้างหูของร่างโปร่งเสียงแหบพร่า

“ลูกน้องของฉันได้สอนอะไรเด็ดๆ ให้นายบ้างรึเปล่าล่ะ”

“!!!”

“หึ อยากจะรู้เหมือนกันว่าเชี่ยวซักแค่ไหน” ร่างสูงเอ่ยขึ้นพลางยกยิ้ม นาวาสะบัดหน้าหนีคำพูดของอีกฝ่ายพร้อมกับเม้มปากจนเป็นเส้นตรง พันเอกหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างสะใจที่เห็นอีกคนทุกข์ทรมานก่อนจะยอมผละกายออกมาแต่ก็ยังเท้าแขนกักร่างโปร่งเอาไว้

“ฉันมีข่าวดีมาบอก เผื่อฟังแล้วอาการจะดีขึ้น”

“…”

“ดูเหมือนว่าสุดที่รักของนายมันจะดวงแข็งเสียเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ถูกโยนลงสะพานไปขนาดนั้นยังอุตส่าห์รอดมาได้อีก” ร่างสูงพูดต่อ นาวายังคงเงียบไม่ยอมปริปาก ทว่าดวงตาที่ฉายแววตกใจระคนดีใจชั่วครู่นั้นก็ไม่อาจรอดพ้นสายตายตาของพันเอกไปได้ ชายหนุ่มมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนใต้ร่างแล้วก็ได้แต่แสยะยิ้ม ก้มลงไปกดจมูกลงบนสันกรามของนาวาเบาๆ พลางลากไล้ขึ้นไปที่หลังใบหูขาวทำเอาอีกคนร้องประท้วงเสียงสั่น กฤตภาสคนพี่ยกยิ้มกับท่าทีของอีกคนพลางเคลื่อนใบหน้ามาอีกฝั่งหวังจะช่วงชิงกลีบปากของนาวาอีกครั้ง หากแต่เขาก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยเมื่อประตูห้องพักถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับพระพายที่เบิกตากว้างทันทีที่เห็นท่วงท่าล่อแหลมของคนทั้งคู่

“พี่เอก!! นี่มันโรงพยาบาลนะ!” คนเป็นน้องร้องขึ้นลั่นห้องพลางตรงไปกระชากร่างของพันเอกให้ผละออกมา นาวารวบสาบเสื้อของตัวเองเอาไว้แน่นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พระพายก้าวเข้ามาคว้าตัวเขาเข้าไปกอด กฤตภาสคนน้องตวัดสายตามองพี่ชายด้วยความไม่พอใจ ยิ่งเห็นใบหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึกใดๆ ของคนตรงหน้ายิ่งเรียกโทสะของพระพายให้ปะทุขึ้นเต็มที่

-(มีต่อด้านล่างค่ะ)-
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2016 14:21:38 โดย March. Marcia »

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
“ถ้ามาแล้วมาทำแบบนี้ก็กลับไปเลยนะ แล้วก็เลิกซะทีเถอะ เลิกทำแบบนี้ได้แล้ว เมื่อไหร่จะหยุด สนุกมากไหม” คนเป็นน้องเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิด พันเอกแค่นหัวเราะกับคำถามโง่เง่าน่าหัวเราะเยาะนั่น ก่อนจะหันไปจ้องคนบนเตียงที่ไม่ยอมมองหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย

“ครั้งก่อนไม่ตาย แต่ครั้งต่อไปมันไม่รอดแน่” พันเอกทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นก็เลือกที่จะเดินจากไป พระพายมองตามจนลับแผ่นหลังของพี่ชายแล้วก็หันมาถามนาวาด้วยความเป็นห่วง

“คุณวาเป็นอะไรไหมครับ แล้ว…ที่พี่เอกพูดนั่นหมายความว่ายังไง”

“เปล่าหรอกครับ คุณพายอย่าคิดมากเลย…ว่าแต่ทำไมผมถึงได้มาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ล่ะ” ร่างโปร่งเบี่ยงประเด็นทำเอาอีกคนหรี่ตามอง แต่จะไปคาดคั้นอะไรแน่นอนว่านาวาก็คงไม่มีทางบอกเป็นแน่ สุดท้ายจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะยอมตอบคำถามของอีกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พี่สันต์บอกว่าคุณอาการไม่ค่อยดีผมเลยเข้าไปหา เห็นตัวร้อนเลยพาส่งโรงพยาบาล”

“แค่ตัวร้อน...ไม่เห็นต้องลำบากคุณพายเลยครับ”

“ไม่ลำบากหรอกครับ ถึงคุณวาไม่ป่วยผมก็จะหาข้ออ้างพาคุณเข้ามานอนโรงพยาบาลอยู่ดี” พระพายพูดขึ้น นาวาขมวดคิ้วด้วยความงุนงงก่อนจะต้องร้องอ๋อออกมาเมื่อได้ยินอีกคนขยายความ

“คุณจะได้ไม่ต้องทำตามคำสั่งบ้าๆ แบบนั้นอีกไง ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปอีกหน่อยพี่เอกได้รู้ความจริงแน่ๆ ถึงตอนนั้นผมกลัวคุณจะโดนข่มขืนจริงๆ” พระพายพูดขึ้นเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน นาวาถอนหายใจเมื่อคิดตามคำพูดของคนข้างกายแล้วก็หน้าสลด

นั่นสินะ พวกเขาจะหลอกพันเอกได้อีกนานแค่ไหน

จะตบตาประมุขของกฤตภาสไปได้ถึงเมื่อไหร่ว่าจริงๆ แล้วนาวาไม่ได้มีอะไรกับลูกน้องของพันเอกเลยแม้แต่คนเดียว ใช่ ร่องรอยตามตัวและคราบน้ำกามสีขาวที่พันเอกเห็นนั่นก็เป็นเพียงการจัดฉาก ตลอดหนึ่งเดือนที่ลูกน้องของพันเอกเข้ามาในห้องของเขาสิ่งที่คนเหล่านั้นต้องทำคือถอดเสื้อผ้าและสร้างรอยทั่วแผ่นหลังและลำคอของนาวาก่อนจะนอนหลับกันไปทั้งคู่ บางคนก็ชวนเขาคุยบ้างเพราะยังไม่ง่วง บางคนก็ชวนเขาเล่นจนเหนื่อยก่อนจะนอนหลับไป พอใกล้เช้าทุกคนก็จะหยิบเสื้อผ้ามาใส่ตามเดิมและเดินออกจากห้อง หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่เขาที่จะต้องลุกขึ้นมาช่วยตัวเองและนำเอาคราบน้ำกามสีขาวมาป้ายที่นอนก่อนจะหลับต่อ

สามสิบวันของเขาก็มีเพียงเท่านี้ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเกินเลยมากกว่าประทับรอยจูบทั่วแผ่นหลังของเขา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคำสั่งของนายน้อยอย่างพระพายที่ว่าห้ามแตะนาวาจนเกินจำเป็น นอกจากนี้น้องชายของพันเอกยังลงทุนมานั่งเฝ้าหน้าห้องในบางคืนเสียด้วยซ้ำ

และเพราะการช่วยเหลือนี้เองที่ทำให้นาวามองพระพายต่างออกไปจากคนเป็นพี่ เด็กคนนี้มีความคิดเป็นของตัวเองและบริสุทธิ์ พระพายยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกและไม่ลังเลที่จะทำในสิ่งที่ควรทำ อีกทั้งเจ้าตัวยังเป็นคนใจอ่อน เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพันเอกถึงได้รักและหวงแหนน้องชายอย่างพระพายนัก

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับคุณพาย ถ้าไม่มีคุณ ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นยังไง” นาวาเอ่ยขอบคุณจากใจจริงพร้อมกับส่งยิ้มไปให้คนตรงหน้า พระพายยิ้มรับกลับมาพร้อมกับพูดขึ้นเสียงเบา

“ผมไม่อยากให้คุณวาต้องทุกข์ทรมาน คุณไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมผิดเองที่ห้ามพี่เอกไม่ได้ ผมเป็นน้องที่แย่จริงๆ ที่เอาแต่ปล่อยให้พี่ชายของตัวทำร้ายคนบริสุทธิ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” พระพายระบายความอัดอั้นออกมาในขณะที่นาวานั่งเงียบ

“ผมขอโทษ ผมสัญญาว่าจะหาทางทำให้พี่ผมเลิกทำร้ายคุณให้เร็วที่สุด” พระพายพูดเสียงจริงจัง นาวาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“คุณพายไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ เพื่อแลกกับอนาคตของนะโม แค่นี้ผมทนไหว ที่ผมห่วงคือคุณรามมากกว่า” ท้ายประโยคนาวาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล พระพายขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม

“ราม? จริงสิ ผมว่าจะถามมานานแล้ว ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ไม่มีใครยอมตอบผมเลยว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น แล้วอยู่ๆ ทำไมฝ่ายนั้นยอมรามือไป” คนอายุน้อยกว่าพูดขึ้นทำเอานาวากัดปากแน่นเมื่อเผลอพูดสิ่งที่ไม่สมควรออกไป พระพายจ้องใบหน้าของอีกคนเขม็งอย่างรอคำตอบ นาวาหลบตาของอีกคนวูบใหญ่ทำเอาร่างแน่งน้อยยิ่งทวีความอยากรู้มากขึ้นไปอีก

“คุณวา เกิดอะไรขึ้นครับ บอกผมได้ไหม” น้องถามเสียงอ่อนพลางเอื้อมมือมากุมมือของนาวาเอาไว้แล้วบีบเบาๆ เพียงเท่านั้นความเข้มแข็งของร่างโปร่งก็พังทลาย

“คุณราม…ถูกโยนลงจากสะพาน …เขาถูกซ้อมและถูกโยนลงน้ำทั้งๆ ที่ยังหมดสติ”

“อะไรนะ!!!!” พระพายอุทานเสียงหลง หัวใจดวงน้อยสั่นไหว แกว่งไกววูบโหวงขึ้นมาในอกจนขอบตาร้อนผะผ่าว

พี่ชายของเขาทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ

“แต่คุณเอกบอกว่าคุณรามยังไม่ตาย คุณพาย เขาจะทำอะไรคุณรามอีกไหม ผมกลัว” นาวาพูดเสียงเครือ พระพายขมวดคิ้วด้วยความกังวลก่อนจะปลอบคนที่กำลังปริ่มจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ ชายหนุ่มให้คนป่วยนอนพักผ่อนพร้อมกับกำชับว่าไม่ต้องคิดมาก เพียงไม่นานนาวาก็ผล็อยหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันทีหลังจากนั้น ร่างขาวของพระพายนั่งจ้องใบหน้าซีดของนาวาก่อนจะถอนหายใจ

ถ้าหากสิ่งที่นาวาพูดเป็นความจริง นั่นเท่ากับว่าพันเอกต้องการให้เรื่องระหว่างกฤตภาสกับกลทีบ์รุนแรงมากขึ้นไปอีก

พระพายรู้ดีว่าตอนนี้นอกจากการแก้แค้นให้กับการตายของพ่อแม่แล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่พันเอกทำแบบนี้ก็คงเพราะความสนุกสะใจของเจ้าตัวเอง พี่ชายของเขาเป็นคนร้ายกาจมาตั้งแต่เด็กๆ หากพันเอกได้จงเกลียดจงชังใครแล้วย่อมทำทุกวิถีทางให้คนคนนั้นจมแผ่นดินและยอมสยบใต้เท้าเพื่อแสดงถึงอำนาจ

พันเอกไม่ใช่คนดี ไม่เคยเป็นคนดี ข้อนี้พระพายรู้อยู่เสมอ และเขาเองก็ไม่เคยห้าม ตรงข้ามกลับยืนนิ่งให้พี่ชายทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พี่ชายเขาทำร้ายคนบริสุทธิ์มากมายเพียงเพราะอคติของตัวเอง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาทำได้แค่เฝ้ามองผู้คนเหล่านั้นถูกทำร้ายต่างๆนานา

เขาเองก็คงไม่ต่างกัน พระพายเองก็เป็นปีศาจไม่ต่างจากพันเอกเลยสักนิด

ไม่ต่างกันเลย




บ่ายวันรุ่งขึ้นร่างเล็กของส่องแสงก้าวเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของผู้เป็นพี่ชายด้วยท่าทีสงบนิ่ง นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศภายในบ้านของตระกูล ‘กฤตภาส’ แม้ว่าสายเลือดครึ่งหนึ่งของเขาจะมีเลือดของกฤตภาสไหลเวียนอยู่ในตัวก็ตาม

ก็เด็กที่เกิดจากลูกคนใช้อย่างเขาน่ะ ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะใช้นามสกุลของผู้เป็นพ่อหรอก

“คุณพันเอกมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ” เอ่ยถามพี่ชายต่างมารดาด้วยท่าทีนอบน้อมเมื่อเห็นร่างแกร่งของอีกคนกำลังนั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ดวงตาคู่กลมหลบแววตาดุดันของพันเอกพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย อีกฝ่ายโบกมือไล่บรรดาลูกน้องที่ยืนขนาบข้างของร่างเล็กให้ออกไปให้พ้นก่อนจะเอ่ยถามส่องแสงเสียงราบเรียบ

“ได้ข่าวว่ากำลังหาโรงพยาบาลประจำอยู่ใช่ไหม ใช้ทุนหมดแล้วนี่”

“ครับ” ตอบตามความจริงกลับไปเรียกร้อยยิ้มมุ่งร้ายจากพันเอกขึ้นทันที ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินเข้ามาประชิดร่างของน้องชายต่างมารดาพลางยกมือไล้แผ่วเบาไปตามโครงหน้าสวยได้รูป

ส่องแสงสวยมาก สวยเหมือนแม่

สวยมากจนเกินไป

และความสวยนี่แหละที่น่ากลัว

“อยากกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ไหมล่ะ” เอ่ยถามเสียงนุ่มพลางหยุดปลายนิ้วลงที่คางมนพร้อมกับออกแรงเชิดใบหน้าของอีกคนให้เงยขึ้นมาสบตากับเขา คนถูกถามขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ดวงตากลมวูบไหวยามเมื่อจ้องโครงหน้าหล่อเหลาได้รูปของอีกคนก่อนจะถามเสียงแหบ

“คุณหมายถึงอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ” ใช่ เขาไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละ พันเอกต้องการอะไร หลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่พันเอกรู้ว่าส่องแสงเป็นเด็กที่เกิดจากคุณชายของบ้านกับสาวใช้เขาก็ถูกผลักไสมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่โหยหาอ้อมกอดของครอบครัว แต่ส่องแสงก็เจียมตัวเองอยู่เสมอว่าเขานั้นไม่ใช่

ไม่ใช่กฤตภาส ไม่ควรเรียกตัวเองว่าเป็นหนึ่งในทายาทของตระกูลนี้

ทว่าวันนี้สิ่งที่พันเอกบอกกับเขานั่นมันคืออะไร

“อยากพาแม่นายกลับมาอยู่ที่นี่ไหมเทียน” พันเอกถามพลางไล้นิ้วโป้งไปตามแก้มนุ่ม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนคนนี้อันตราย ส่องแสงอันตรายต่อคนรอบข้างนัก รูปลักษณ์ของคนคนนี้อันตรายต่อหัวใจคนรอบข้างมากจริงๆ

ไม่เว้นแม้กระทั่งกับคนที่มีสายเลือดเดียวกันอย่างเขา

“ไม่หรอกครับ ตอนนี้ผมมีความสุขดีอยู่แล้ว” เอ่ยเสียงแผ่วเบาออกมาในขณะที่ขอบตาร้อนผ่าว พันเอกยกยิ้มหยัน ก่อนจะไล้นิ้วลงไปสัมผัสกับดวงตาสวยได้รูป

“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะหืม...นายไม่อยากได้สมบัติที่เหลืออยู่ของพ่อหรือไง ในเมื่อนายเองก็เป็นลูกพ่อ เป็นกฤตภาสคนหนึ่ง เป็นน้องฉัน เป็นพี่ของพระพาย” พันเอกเอ่ยขึ้น

“คุณเอก”

“ถ้าอยากให้แม่สบาย นายต้องเชื่อฟังฉันสิ” พันเอกพูดขึ้นทำเอาอีกคนชะงักกึก ส่องแสงเงยหน้าขึ้นมองอีกคนด้วยความไม่เข้าใจ ร่างสูงยกยิ้มจางๆ ก่อนจะผละกายออกไปหยิบเอกสารในซองสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานออกมาและยื่นให้กับคนตัวเล็ก

“ฉันจะส่งนายไปที่ภูเก็ต ที่นั่นจะมีคนไข้ห้องไอซียูที่ชื่อ ‘ราม กลทีบ์’ อยู่ด้วย” สิ้นประโยคร่างของส่องแสงก็แข็งทื่อ หัวกลมส่ายไปมาแรงๆ พลางก้าวถอยหลังเมื่อรู้จุดประสงค์ของคนตรงหน้าชัดเจน ส่องแสงรู้ดี รู้เรื่องราวเลวร้ายในอดีตดี เรื่องราวความบาดหมางระหว่างพันเอกกับอดีตเพื่อนสนิทอย่างราม เขารับรู้และคอยเฝ้ามองความเป็นไปของพันเอกและรามอยู่ห่างๆ มาโดยตลอด

แต่ก็ไม่คิดจะเอาตัวเองเข้ามาพัวพันกับวังวนเหล่านี้...ทว่าความปรารถนาของเขากลับไร้ผล

“ไม่ ผมไม่ทำ ผมไม่ทำเด็ดขาด”

นึกอยู่แล้วเชียว นึกอยู่แล้วว่าพันเอกไม่มีทางที่จะยอมรับลูกคนใช้อย่างเขาง่ายๆ คนคนนี้ไม่ได้นับญาติกับเขามาตั้งแต่แรก ในสายตาของคนที่นี่ ส่องแสงก็แค่หมารับใช้ตัวหนึ่งเท่านั้น

“พอไปถึงที่นั่น หาทางฆ่ามันให้ได้ แล้วนายจะได้เป็นคุณหนูเทียนของตระกูลกฤตภาสเต็มตัว” คนเป็นพี่ชายยังคงพูดต่อ ไม่สนใจอาการต่อต้านจากร่างเล็กเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มจ้องมองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังยืนมองเขาอย่างตัดพ้อ เมื่อเห็นท่าทีปฏิเสธทั้งที่เจ้าตัวไม่มีสิทธิ์โทสะในกายก็พุ่งสูง เอื้อมมือไปกระชากเส้นผมของน้องชายเต็มแรงพร้อมกับเค้นเสียงออกคำสั่งอย่างดุดัน

“ฆ่ามันซะเทียน ไม่อย่างนั้นนายกับแม่นายจะถูกฉันฆ่าแทน เลือกเอา งานสุดท้ายกับชีวิตที่จะสบายไปทั้งชาติ”

“ไม่เอา ผมไม่เอาอะไรทั้งนั้น ผมไม่ฆ่าใคร ไม่ฆ่าพี่ราม ได้โปรด” ส่องแสงร้องเสียงหลง ทว่ากลับถูกอีกคนดึงรั้งเส้นผมสุดแรงจนหน้าแหงน ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน น้ำเสียงทุ้มนุ่มกลับกลายเป็นกรุ่นโกรธชิงชัง

“ถ้านายไม่ทำ แม่กับพี่ชายนายก็ตายเทียน แล้วนายเองก็จะเป็นเมียฉันเหมือนที่นาวาคนของไอ้รามมันเป็น นายก็น่าจะรู้ว่าฉันเลวมากพอที่จะเอาน้องตัวเองลง!” ชายหนุ่มขู่พลางกระแทกร่างเล็กเข้ากับบานประตูเต็มแรงก่อนจะจ้องใบหน้าสวยหวานของอีกคนด้วยแววตาดุดัน

“ฆ่าไอ้รามซะ แล้วนายจะได้ทุกอย่างที่นายต้องการ” ชายหนุ่มทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นก็เหวี่ยงร่างเล็กลงไปกองกับพื้น ส่องแสงถอยกรูดไปชิดโซฟาที่ตั้งอยู่มุมห้องพลางกอดเข่าแน่น หัวใจดวงน้อยบีบรัดจนเจ็บไปทั่วทั้งแผ่นอก ทั้งๆ ที่รักอีกคนไม่ต่างจากคนในครอบครัว แต่ใยพันเอกถึงมองเขาเป็นเพียงหมารับใช้ไร้ค่าเช่นนี้

สำหรับพันเอกแล้ว เขาก็เหมือนเทียนไขที่รอให้ใช้จนหมดเล่มหมดประโยชน์สมกับชื่อของเขาเท่านั้นนั่นแหละ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2016 14:22:14 โดย March. Marcia »

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ ๙


นาวานอนโรงพยาบาลมาเกือบจะครบอาทิตย์ ทุกๆ เย็นทั้งนะโมและพระพายจะผลัดกันมานอนเป็นเพื่อน ตอนนี้น้องชายของเขาเปิดเทอมแล้ว เห็นบ่นๆ ว่ายังไม่ค่อยชินเรื่องภาษาแต่ก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง นะโมเป็นเด็กฉลาดและปรับตัวได้เร็ว ไม่นานคงมีเพื่อนและสนุกกับการได้กลับไปเรียนหนังสืออีกครั้ง พอน้องไม่ค่อยได้อยู่บ้านช่วงกลางวันนาวาก็คอยโล่งใจไปได้บ้าง อย่างน้อยความเสี่ยงที่จะถูกพันเอกทำอะไรก็ลดลง พระพายเองก็รับปากว่าจะช่วยดูให้ ทั้งยังบอกว่าช่วงนี้พันเอกหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงานตลอด

ช่วงกลางวันเอื้องคำและมินตราจะผลัดกันเข้ามาคุยเล่นแก้เหงา แต่ก็แค่ไม่นานเพราะมีงานต้องทำ อย่างวันนี้เขาเองก็ต้องนั่งแกร่วอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความเบื่อหน่าย มือขาวกดรีโมตทีวีให้มันเปลี่ยนช่องไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย

เมื่อไหร่จะได้ออกจากโรงพยาบาลสักที

ได้แต่บ่นในใจพลางตีสีหน้างอง้ำเล็กๆ นั่งเฉยๆ ฟังเสียงทีวีอยู่นานก็ทนไม่ไหว ตัดสินใจล้มตัวลงนอนเพื่อตัดปัญหา ไม่นานก็ผล็อยหลับไป

คล้อยหลังช่วงเวลาที่นาวาเข้าสู่ห้วงนิทราได้ไม่นานนัก ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกพร้อมด้วยการมาถึงของใครคนหนึ่ง ดวงตาคมดุดันจ้องมองร่างสูงระหงบนเตียงกว้างพลางแสยะยิ้ม มือแกร่งกดล็อคประตูห้องก่อนจะก้าวเดินไปยังเตียงคนไข้ตรงหน้าอย่างใจเย็น

พันเอกหยุดยืนอยู่ข้างเตียง ดวงตาจ้องคนที่กำลังนอนหลับผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอพลางค่อยๆ นั่งลงตรงพื้นที่ว่างที่เหลืออยู่บนเตียงนั้น นาวาดูสดใสขึ้นนิดหน่อยจนเขาเองก็ยังสังเกตได้ ริมฝีปากอวบอิ่มไม่ซีดเหมือนก่อนหน้านี้ กลับกันมันแปรเปลี่ยนเป็นสีเชอรี่สดใสดูเย้ายวนใจให้โน้มกายลงไปแนบชิม ไม่รอช้า ร่างแกร่งเท้าแขนลงกับเตียง คร่อมร่างของคนที่กำลังหลับใหลพลางก้มลงแต้มริมฝีปากของนาวาด้วยกลีบปากของตนเอง

สัมผัสหนักๆ ที่รบกวนการนอนพร้อมกับความอุ่นร้อนของลมหายใจส่งผลให้คนที่ตื่นง่ายแบบนาวาขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลืมตา พอเห็นว่าเป็นพันเอกที่กำลังจ้องหน้าเขาด้วยสายตาราบเรียบแล้วก็ผวา ถดกายหนีเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ต้องนอนนิ่งภายใต้พันธนาการของอีกคน

“คุณ...” เอ่ยเรียกคนตรงหน้าเสียงแผ่ว แก้วตาคู่ใสสั่นระริกด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว สองมือยกขึ้นมาขยุ้มเสื้อตรงหน้าอกจนแน่น กริยาราวกับลูกกระต่ายน้อยที่นอนสั่นเทิ้มภายใต้ร่างของราชสีห์ พันเอกยกยิ้มกับท่าทีหวาดกลัวพลางนึกชอบใจ มือข้างหนึ่งผละมาลูบไล้ปรางค์แก้มที่บัดนี้เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นแผ่วเบาทำเอานาวาสะดุ้ง

“วันนี้ฉันมาดี อย่าทำให้โมโหนักจะได้ไหม” เอ่ยกับคนใต้ร่างด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้าคมนิ่งเฉย ขัดกับสัมผัสมือที่บางเบาจนน่าใจหาย นาวาเม้มปากแน่น ตามอารมณ์ของคนใจร้ายไม่ทันแต่ก็เลือกที่จะเงียบ ปล่อยให้ร่างสูงลูบแก้มของเขาไปมาอยู่อย่างนั้น เมื่อเวลาผ่านไปอาการเกร็งก็ลดลงก่อนจะกลายเป็นนอนนิ่งให้พันเอกจ้องมองไม่วางตา

“ออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่” ร่างสูงเอ่ยถามหลังจากทิ้งให้ความเงียบโรยตัวโดยรอบอยู่เนิ่นนาน นาวาส่ายหน้าไปมาด้วยความไม่รู้จนอีกคนถอนหายใจ

“พอออกจากที่นี่ไปแล้วก็ย้ายกลับขึ้นไปนอนบนบ้านซะ นะโมบ่นคิดถึงจนชักจะรำคาญ” เอ่ยบอกคนตรงหน้าพลางผละกายขึ้นมานั่งหลังตรง

“ครับ” นาวาตอบรับ พันเอกปรายตามองคนที่นอนนิ่งหลบตาเขาก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

“อยากรู้ข่าวของสุดที่รักหน่อยไหมว่าตอนนี้มันมีสภาพเป็นยังไง”

“ไม่ครับ ผมไม่อยากรู้” ไม่อยากรับรู้อะไรที่มันจะทำให้เขารู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นไปมากกว่านี้ แค่เขาเป็นสาเหตุหนึ่งที่รามพลาดท่าไปแบบนั้นมันก็ทำให้นาวารู้สึกแย่กับตัวเองมากแล้ว ไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้ทั้งรามและพันเอกฟาดฟันต่อสู้กันด้วยวิธีไหน แต่ที่รามโดนเล่นงานแบบนั้นก็เพราะนาวาทั้งนั้น

“ทำหน้าจะเป็นจะตาย น่าสมเพชสิ้นดี” พันเอกเย้ยหยัน พอมองกริยาเงียบงันของนาวาแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดในใจ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเหมือนกัน ท่าทางนิ่งเฉยแต่ในแววตากลับฉายแววเป็นห่วงเป็นใยทายาทของกลทีบ์คนนั้นทำเอาพันเอกรู้สึกไม่พอใจ

ทำไมถึงได้ขยันทำให้หงุดหงิดนัก

“ไอ้เวรนั่นไม่ตายก็เหมือนตาย อีกไม่นานฉันก็จะช่วยสงเคราะห์ให้มันไปสบายเร็วๆ ไม่ต้องห่วงหรอกนาวา เบื่อนายเมื่อไหร่ฉันก็จะส่งนายลงนรกตามมันไปด้วยแน่นอน” ชายหนุ่มพูดขึ้น นาวาเบือนหน้าหนีพยายามไม่ตอบโต้อะไรกลับไป แต่ก็เป็นพันเอกเองที่ยั่วยุให้เขาต้องเปิดปากร้องทุกครั้ง

“แล้วหลังจากนั้นนะโมก็จะกลายเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของฉัน นายว่าดีไหม”

“คุณเอกครับ ขอเถอะ อย่าทำอะไรน้องผมเลย เว้นแกไว้สักคน” นาวาหันหน้ามาพลางจับแขนแกร่งภายใต้เสื้อสูทสีดำของอีกคนเอาไว้ พันเอกยิ้มร่าเมื่อเห็นท่าทีกระวนกระวายใจที่คนใต้ร่างแสดงออกมา ชายหนุ่มถอดสูทออกจากลำตัวพลางโยนมันไปไว้ปลายเตียง ก่อนจะเคลื่อนตัวขึ้นทาบทับกายแกร่งเหนือร่างโปร่งของอีกคน มือข้างหนึ่งรูดเนกไทด์ของตนออกพลางเหวี่ยงทิ้งสะเปะสะปะ นาวาเบิกตากว้าง ใจเต้นระรัวเมื่อรับรู้ว่าอีกคนต้องการอะไร

“ทำให้ฉันพอใจสินาวา อ้อนฉัน เอาใจฉัน นอนกับฉัน ไม่ใช่มาพยศใส่ฉันที่เป็นเจ้าชีวิตของนายแบบนี้” ชายหนุ่มพูดเสียงนุ่มขณะกรีดนิ้วไปตามปมเชือกของชุดโรงพยาบาล นาวาน้ำตาคลอพลางเม้มปาก ยากที่จะปฏิเสธเพราะทุกวันนี้หน้าที่เขาคือทำให้อีกฝ่ายพอใจ

“คุณเอก นี่มันโรงพยาบาล...รอให้ผมกลับบ้านก่อนได้ไหมครับ” คนตัวเล็กกว่าต่อรอง หากแต่คนที่ร้างราเรื่องอย่างวามานานแบบพันเอกมีหรือจะสนใจ ชานหนุ่มคลายปมเชือกออกจนเผยให้เห็นแผ่นอกขาวของคนตรงหน้า นาวายกมือขึ้นมาจับมือของอีกคนเพื่อห้ามเมื่อเห็นว่าจุดหมายต่อไปคือกางเกงของเขา

“อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดนักเลยน่า” ร่างสูงพูดเสียงขุ่นแต่ทว่าอีกคนกลับเอาแต่ส่งสายตาอ้อนวอนกลับมา

“อยากให้ฉันไปลากตัวน้องนายมาระบายอารมณ์แทนนักใช่ไหม” ขู่ขึ้นเสียงเฉียบอย่างทุกที และก็ได้ผลเมื่อนาวายอมปล่อยมือให้ชายหนุ่มได้รูดเอาอาภรณ์ท่อนล่างให้ลงไปกองรวมกันอยู่ที่ข้อเท้าเล็ก พันเอกไม่รอช้า แยกเรียวขาขาวออกจากกันก่อนจะเบียดความต้องการเข้ากับบั้นท้ายของคนป่วย แม้จะมีเนื้อผ้าของกางเกงขวางกั้นทว่านาวากลับรู้สึกถึงตัวตนของอีกคนที่พองโตคับกางเกงได้เป็นอย่างดี

“คุณ...อ๊ะ!” เรียกอีกคนเสียงแผ่วก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อถูกพันเอกบดจูบลงมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว กลีบปากสีชาดเคล้าคลึงกับริมฝีปากนุ่มหยุ่นของคนใต้ร่าง ลิ้นร้อนแทรกตัวเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่มของนาวาอย่างโหยหา พันเอกครางต่ำในลำคอขณะใช้สองมือปลดเข็มขัดและเลื่อนกางเกงที่สวมใส่อยู่ลงเล็กน้อย ริมฝีปากยังคงบดจูบอยู่กับกลีบปากหวานล้ำของอีกคน ชายหนุ่มผละใบหน้าออกเล็กน้อยขณะจับความแข็งแกร่งบดเบียดเข้าหาช่องทางอุ่นร้อนของอีกคนโดยไม่รีรอ

“อึ่ก คุณเอก อื้อ” นาวาร้องเสียงหลง ครางหวีดหวิวด้วยความเสียด เสียววูบวาบในช่องท้องเมื่ออีกคนดันกายเข้ามาภายในร่างโดยไม่มีการหล่อลื่นใดๆ พันเอกกดกายเข้าหาอย่างรวดเร็วราวกับโหยหาช่องทางของเขามาเนิ่นนาน ความฝืดเคืองนำพาความเจ็บแสบแล่นริ้วจนสองมือต้องยกขึ้นมาจิกไหล่ของคนด้านบนจนแน่น

“อืมมมม” ร่างสูงครางเสียงทุ้มต่ำยามดันกายเข้าจนสุดความยาว นาวาขาสั่นระริก ความอึดอัดถาโถมมากกว่าความเสียวซ่าน พันเอกมองคนที่นอนหอบน้ำตาคลอด้วยความชอบใจ ก่อนจะค่อยๆ ขยับกายเข้าออกช้าๆ เพิ่มระดับความเร็วขึ้นเมื่อช่องทางด้านหลังของคนตัวขาวเริ่มคุ้นชินกับความต้องการของเขา ริมฝีปากของร่างสูงดูดดึงขบเม้มทั่วลำคอระหงขณะหยัดกายโถมความต้องการใส่ร่างของนาวาเต็มแรง เตียงของโรงพยาบาลเริ่มขยับไปมาเนื่องจากแรงขยับกายของพันเอกที่มากขึ้น มือข้างที่ถูกใส่น้ำเกลือของนาวาเริ่มรู้สึกเจ็บและมีเลือดไหลย้อนแต่กลับไม่มีใครสนใจ ร่างขาวผวากอดคนตัวสูงแน่นเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกหวามไหว หัวใจเต้นระส่ำกับจังหวะของร่างกายที่ขยับสอดประสาน ชายหนุ่มปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์และยอมให้พันเอกทำในสิ่งที่เจ้าตัวต้องการ ปฏิเสธไปก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายจึงได้แต่ส่งเสียงครางหวานและปลดเปลื้องทุกความรู้สึก จมจ่อมอยู่ในวังวนของความต้องการทางด้านร่างกายที่ธรรมชาติสรรค์สร้างอย่างยอมจำนน

ทางด้านพันเอกเองก็ยังคงตักตวงความหอมหวานจากนาวาโดยไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อย ร่างสูงสอดกายประสานแน่นหนักเรียกเสียงครางสั่นเครือจากคนใต้ร่าง นาวาน้ำตาคลอหน่วยขณะเรียกชื่อคนที่ขยับโยกเข้าออกเหนือร่างของเขาไม่ขาดปาก พันเอกจ้องใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงก่ำพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากของตนเอง เอวสอบควบทะยานเข้าออกสุดแรงกำลังขณะจับขาข้างหนึ่งของนาวาขึ้นมาวางพาดที่ลาดไหล่แกร่ง หอมหวาน เย้ายวนจนควบคุมสติแทบไม่อยู่

“คุณเอก อ๊ะ อ๊า”

“วา...อาาา” ต่างฝ่ายต่างครางเรียกชื่อของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแหบพร่า กิริยาของนาวาในยามนี้ดูน่ารักน่าใคร่จนคนมองหยุดความต้องการของตัวเองไม่ได้ พันเอกกัดฟันกรอด ก้มลงบดเบียดจูบซับริมฝีปากอวบอิ่มของคนใต้ร่างอย่างเร่าร้อน กลิ่นกายหอมอ่อนๆ มอมเมาให้หัวใจของคนทั้งคู่เต้นระส่ำด้วยความหวามไหว กลิ่นน้ำหอมของพันเอก กลิ่นเหงื่อจางๆ ที่ปะปนไปกับเสน่ห์ของร่างหนั่นแน่นพาให้คนใต้ร่างร้องหวีดหวิวเมื่อรับรู้ถึงแรงขับเคลื่อนโยกไหวเหนือกาย นาวาแหงนหน้าครางฮือ ในขณะที่พันเอกเองก็เร่งจังหวะสอดสวนกระแทกความแข็งขืนเข้าเสียดสีเนื้อร้อนอ่อนนุ่มของร่างหอมละมุนด้านใต้อย่างเร่าร้อนและรุนแรง

ไม่นานร่างของทั้งคู่ก็กระตุกเล็กน้อย ปลดปล่อยความต้องการออกมาจนเปรอะ เสื้อเชิ้ตของพันเอกปรากฏคราบน้ำขาวขุ่นของนาวาในขณะที่ช่องทางด้านหลังของคนตัวเล็กกว่าเองก็ถูกความสุขสมของร่างสูงอัดฉีดจนล้นทะลัก นาวาหอบหายใจถี่ยิบ สองมือยังจิกเกร็งอยู่บนร่างของคนด้านบน ไม่นานเขาก็ถูกจัดแจงให้นอนคว่ำ ก่อนที่ความแข็งขืนของอีกคนจะกระแทกกายเข้าแนบชิดกับร่างของเขาอีกครา แผ่นหลังบางของนาวาแนบติดกับแผ่นอกแกร่งของพันเอกจนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ ร่างสูงก้มลงคลอดเคลียสันกรามของคนตัวขาว ไล้ลิ้นร้อนไปทั่วหลังใบหูของนาวาก่อนจะกระซิบเสียงสั่นสะท้านพร้อมกับขยับร่างกระแทกเข้าออกในกายบางอีกครั้ง

“คิดว่าฉันไม่รู้งั้นเหรอว่านายกับพระพายกำลังโกหกอะไรฉันอยู่”

นาวาตัวชาวาบหลังจากที่อีกคนพูดจบ พันเอกแสยะยิ้มยามอัดกายเข้าออกแรงขึ้นพลางกัดใบหูเล็กของอีกคนอย่างยั่วเย้า

เขารู้ รู้มาตลอดว่านาวายังคงเป็นของเขา

นาวายังเป็นของเขามาตลอดตั้งแต่ครั้งแรกที่เจ้าตัวยอมมอบกายให้แก่กัน

“ต่อไปนี้หน้าที่นายคือคอยนอนให้ฉันระบายอารมณ์ทุกคืน ฉันปล่อยนายร้างเรื่องอย่างว่ามาเดือนนึงเต็มๆ แล้วนาวา หลังจากนี้อย่ามาอ้อนให้ฉันหยุดอีกถ้าไม่อยากให้น้องเจ็บตัว เข้าใจไหม”

“ฮึก อ๊ะ อ๊า” ร่างขาวครางเสียงสั่นหลังจากถูกอีกคนตอกร่างเข้าหารุนแรง นาวากัดฟันกับสิ่งที่ได้รับรู้ก่อนจะเอาแต่ส่งเสียงครางเรียกชื่อของพันเอกซ้ำอีกครั้งและอีกครั้ง

หลังจากวันนี้ สิ่งเดียวที่นาวาได้รู้ คือการที่พันเอกมักจะเดินนำเขาหนึ่งก้าวเสมอ

...

เสียงหอบหายใจหนักๆ ของนาวาดังขึ้นหลังจากที่เซ็กซ์ระหว่างเขาและพันเอกจบลง ร่างโปร่งทอดกายนอนหงายบนเตียงกว้าง เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มตัวดูเย้ายวน สองขาอ้ากว้างในขณะที่สะโพกกลมกลึงยังแนบชิดกับร่างกายแข็งแกร่งของอีกคน ความเป็นชายของพันเอกยังคงฝังตัวแน่นในช่องทางด้านหลัง ร่างสูงเท้าแขนลงข้างใบหน้าขาวซีดจ้องมองคนที่นอนอ่อนระทวยใต้ร่างไม่วางตา

อยู่ๆ ก็รู้สึกว่านาวาน่ารักน่าใคร่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ทั้งปากสีสดนี้ แผ่นอกขาวนี้ เอวคอดพอดีมือนี้ ผิวเนื้อนุ่มนิ่มขาวนวลตาเหล่านี้ ไหนจะบั้นท้ายกลมกลึงนุ่มหยุ่นกับโพรงอุ่นร้อนที่แสนจะรัดรึงนั่น

ทำไมทุกๆ อย่างที่เป็นนาวาดูน่ารักนัก

ทำไมทุกๆ อย่างที่เป็นของของเขาดูน่าเสน่หาเสียเหลือเกิน...

“ออกไปได้แล้วครับ” นาวาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกคนยังแช่ร่างอยู่อย่างนั้น พันเอกหัวเราะในลำคอก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปดูดดึงกลีบปากนุ่มของอีกคนพลางกระสิบเสียงพร่า

“ออกได้ยังไง ยังแข็งอยู่เลย” ไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มยังแกล้งอีกฝ่ายด้วยการดึงร่างออกเล็กน้อยและดันกลับเข้ามาใหม่ คนถูกแกล้งครางฮือพร้อมกับเสียงเสียดสีของท่อนเนื้อใหญ่โตแข็งขืนกับโพรงอุ่นร้อนที่เฉาะแฉะไปด้วยน้ำกามขาวขุ่นที่พันเอกปล่อยออกมา ร่างสูงยกยิ้มชอบใจในขณะที่นาวาได้แต่หลับตาแน่น สองแก้มแดงปลั่งด้วยความเขินปะปนไปกับความอับอาย

“สภาพนายตอนนี้เหมือนพวกขายน้ำข้างถนนชะมัด” พันเอกอดไม่ได้ที่จะพ่นวาจาถากถางออกมาอย่างลืมตัว ด้วยหวังว่าจะได้เห็นอาการดื้อดึงแสนน่ารักของอีกฝ่าย และเขาก็ไม่ผิดหวัง

“ผมไม่เคยรู้หรอกจนกระทั่งคุณบอก แสดงว่าคลุกคลีกับคนประเภทนี้บ่อยสินะครับ” อารมณ์กรุ่นโกรธผลักดันให้นาวาเผลอพูดสวนกลับไปอย่างเจ็บแสบ คนถูกย้อนแค่นหัวเราะอย่างนึกชอบใจ ก่อนจะคว้าคางมนของอีกฝ่ายเอาไว้ ออกแรงดึงให้ใบหน้าขาวหันมาประจันหน้ากัน

“ไอ้ปากกับเสียงหวานๆ ของนายมันมีประโยชน์แค่ตอนโดนฉันปล้ำจริงๆ สินะ ตอนปกติมันถึงได้ขยันยั่วโมโหเก่งนัก”

“อึ่ก...”

“อย่าพยศอย่าจองหองให้มันมากนักนาวา ฉันไม่ได้อารมณ์ดีบ่อยๆ หรอกนะ”

“อื้อ!” กลีบปากอิ่มร้องเสียงหลงเมื่อพันเอกกระแทกกายแรงๆ เข้าหาครั้งหนึ่งก่อนจะถอนร่างออกไป นาวาขยับกายลุกขึ้นนั่งทันทีที่อีกคนปล่อยให้เขาเป็นอิสระ สองมือสั่นระริกเอื้อมไปหยิบชุดคนไข้ที่ถูกทึ้งออกจากร่างมาใส่อย่างรวดเร็ว หัวใจดวงน้อยเต้นแรงบีบอัดจนเจ็บหน่วงไปทั่ว นาวาก้มหน้ากอดตัวเองแน่น ไม่สนใจร่างสูงที่กำลังแต่งตัวอย่างเงียบๆ อยู่ข้างเตียง พันเอกมองร่างขาวที่ดูจะมีสีสันขึ้นกว่าตอนเจอกันครั้งแรกแม้จะแค่เล็กน้อยพลางยกมือไปเกลี่ยแก้มขาวของอีกคนเบาๆ

“กลับไปก็ทำหน้าที่ตัวบำเรอให้ฉันคนเดียว อย่ามาประชดว่าอยากจะอ้าขาให้ลูกน้องฉันอีก เพราะถ้ามีครั้งที่สองนายโดนลูกน้องฉันจับทำเมียจริงๆแน่ แม้แต่พระพายก็ช่วยนายไม่ได้”

“...”

“และถ้านายฉลาดพอก็อย่าคิดหนี ทำให้ฉันพอใจแล้วนายจะมีชีวิตที่ดี เข้าใจไหม”

“...”

“ฉันถามว่าเข้าใจไหม” พันเอกกดเสียงต่ำเมื่ออีกคนไม่ตอบ นาวาพยักหน้าเร็วๆ พลางรับคำเสียงเบาเมื่อจับน้ำเสียงได้ว่าอีกคนกำลังเริ่มหงุดหงิด

“ครับ”

“หึ...ดี” ร่างสูงโฉบใบหน้าลงสูดดมความอ่อนนุ่มของแก้มขาว ก่อนจะเดินออกจากห้องไป เมื่อลับร่างของคนใจร้ายนาวาก็ได้แต่ร่ำไห้เงียบๆ มองคราบขาวกลิ่นคาวคลุ้งที่เปรอะบนเตียงกว้างด้วยดวงตาพร่ามัว น้ำตาสีใสแข่งกันคลอหน่วยขึ้นมาบดบังทัศนียภาพ ในใจสิ้นหวัง มองไม่เห็นความสุขในอนาคตข้างหน้าแม้แต่น้อย จะอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างไร ในเมื่อเขาต้องหายใจภายใต้ร่มเงาของตระกูลกฤตภาส จะมีความสุขได้อย่างไร ตราบใดที่ยังต้องอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกับพันเอก เขามองไม่เห็นหนทางใดเลยนอกจากชิงตายเสียให้พ้นๆ

สุดท้ายเมื่อพบว่าหนทางแห่งอนาคตมืดมน สิ่งเดียวที่ทำได้คือการร้องไห้ให้กับความอัปยศของโชคชะตา

-(มีต่อค่ะ)-
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2016 14:27:48 โดย March. Marcia »

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
เจอเรื่องนี้ที่ธัญวลัย เวลาอ่านก็เลยติดที่จะอ่านที่นั่น  :laugh: มาให้กำลังใจที่นี่ด้วยค่ะ ฝากจัดการ   :beat:   :z6:  อิพันด้วยนะคะ

ออฟไลน์ diszalove_

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ก็หวังว่า นาวาจะไม่รักพันเอกง่ายๆ นะ โดนทำอะไรขนาดนี้แล้ว โดนข่มขืน บลาๆ
ถ้ายอมง่ายๆ มันก็แปลกๆ ล่ะนะ อีกอย่าง ลองคิดดู เราจะรักคนที่ทำร้ายเราได้งั้นเหรอ?
ถ้ารักได้ ก็ต้องใช้เวลาใช่มั้ยล่ะ? อีกอย่าง อย่าหวั่นไหวอะไรง่ายๆ นะ อย่าน้ำเพิ่งน้ำเน่าเลย ขอร้องนะ

ออฟไลน์ matame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 707
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
เชียร์รามเป็นพระเอก จำได้ว่าอ่านในเว็บธัลเหมือนกันสนุกเหมือนเดิม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
บอกได้คำเดียวว่าหน่วง  :o12:

ออฟไลน์ Fuzz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เป็นอะไรที่ปวดใจเหลือ  :o12:

ออฟไลน์ Lovecartoon1996

  • ชอบกินมาม่า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
    • -
มีใครเลวกว่านี้อีกไหม...
ในโลกจริงจะมีอะไรแบบนี้หรือเปล่า...คำถามมันอยู่ในหัว การสั่งฆ่า ใช้เงินปิด มีจริงๆไหม
อ่านนิยายที่ไรต้องเอาไปคิดกับเรื่องจริงทุกที

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
เจอแบบนี้เข้าไป จะรักกันลงได้ยังไงเนี่ยะ
คือนาวาโดนหนักมาก มากจน เฮ้ย ถ้าคนปกตินี่ชิ่งตายไปแล้ว
ในขณะที่พันเอก เลวมาก เลวจนไม่น่าเป็นพระเอกเลย
และเลวมากจนไม่น่าจะให้นาวาหลงรักได้
ที่สุดของที่สุด คือกลัวรามจะแก้แค้นโดยใช้พายเป็นเครื่องมือ
คราวนี้เรื่องจะบานปลาย เฮ้อ
อ่านแล้วแอบเครียด แต่ก็ยังอยากอ่านอยู่ดี
รอตอนต่อไปนะคะ ขอให้นาวาพ้นทุกข์เร็วๆ

ออฟไลน์ minyjae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสัยมากว่าเรื่องนี้พระเอกนายเอกจะรักกันยังไง :z3:

NC ครั้งแรกของนาวา อ่านแล้วสงสารนางมากเลย อินสุดๆ

ชอบมากเลยค่เรื่องนี้

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
อ่านจบปุ๊บต้องรีบมาเม้นท์เพราะทนกับความเลวของพันเอกไม่ไหว 555
ทั้งๆที่จริงๆแล้วชอบอ่านะที่พระเอกโหดๆ ซาดิสม์ ๆ (เข้าใจว่าเรื่องพันเอกน่าจะเป็นพระเอกเพราะคนแต่งบอกว่าพระเอกเลวมากกกก)
แต่เรื่องนี้เกินไปอ่าา คือนาวาต้องนอนกับผู้ชายกี่คนต่อกี่คน เป็นเดือนอ่ะ ตูดพรุนพอดีินายเอกเรา

เพราะฉะนั้น. ขอมโน ฟินนะเร่ว่าพระเอกคือรามละกัน ไม่ว่าท้ายที่สุด รามมันจะไปคู่กะใคร
โดนใจเราอ่ะ จริงๆรามมันก็เลววว แต่เลวแบบที่เราพอรับได้
และยังมีใจที่ยังรักมั่นคงดี

ถ้าเราเป็นนาวาตอนที่เกาะสะพานดูรามโดนโยนลงแม่น้ำ เราคงกระโดดตามลงไปชัวร์
นาวาที่เป็นเราคงตายไปตั้งแต่ตอนนั้นละ น้องก็น้อง ไม่สนละ ตัวใครตัวมัน  :laugh:

คนเขียนแต่งเก่งอ่ะ.  เราอินเลยเห็นมะ 555


ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
มันส์อ่ะ
สุดยอด มีอะไรๆๆมาตลอด
รออ่านน่ะ

ออฟไลน์ earntaetae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พระเอกกับนายเอกจะรักกันได้ไหมเนี่ย พันเอกเลวมากกก ยังมีความเป็นพระเอกหลงเหลืออยู่มั้ย :m31: รามเป็นพระเอกได้ป่าวววว สงสารนาวา ทนอยู่ได้ไง
คนเขียนเก่งมากที่ทำให้เราเดือดปุดๆกับพันเอกได้ เป็นกำลังใจให้จ้า  o13

ออฟไลน์ sowza3366

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เลวไม่เหมือนคนเลยพระเอก ขอ Bad end ได้ไหม  เกลียดพระเอก  ให้ลูกน้องข่มขืนเขานี้  แลจะไม่รู้สึกรู้สา เลวไปทั่วเกะกะระรานมาก   :hao7:

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
ช่างเป็นบุคคลที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการซะจริงนะ  :mew5:
ทำลงไปโดนไม่รับรู้เลยว่าสิ่งนั้นมันสารเลวขนาดไหนอ่ะ  :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:ตูสงสารวาที่สุดเลยยยยยยยยย :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เลวขนาดนี้จะรักกันยังไงนะ

ออฟไลน์ youuue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
นะ  นะ  นี่มัน  สุดยอดของ ดาร์กไวโลเลนซ์ :a5: :jul1: :ling3:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เลวจริงๆ :angry2:

ออฟไลน์ tomybsl

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
เข้ามาอ่าน อึ๊อฮึออออออออออ พระเอกหรอเนี่ยะทำไมมันเลวยิ่งกว่า***เสียอีก
ขอภาวนา สุดท้ายขอให้มันไม่เหลืออะไรสักอย่างในชีวิต ขอให้ทุรนทุรายปวดใจไปตลอกกาล ส๊าธุ!!!!!!! :call: :call:

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เข้ามาอ่าน โห พระเอกนี่เลวอย่างจริงจังเลยนะคะ  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ chanzx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
พระเอกนี่มันน่า  :beat:  :angry2:

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
คุณพันเอกคะ แบบว่าตกลงคุณคือพระเอกจริงๆใช่ป่ะ
มาครบสูตรจริงๆ สงสารน้องวาจัง ต้องทรมารไปจนถึงเมื่อไร
แต่ก็ยังดีนะที่มีพระพายมาคอยช่วยเหลือ ถึงแม้ว่าจะสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้างก็เถอะ
ส่วนคุณราม ยังจะรอดมั้ย คงต้องติดตามกันต่อไป
prให้เสร็จสับ มาต่ออีกน้า

ออฟไลน์ เกลียวคลื่น

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
แม่งโคตรบ้าอ่ะ พระเอก
หวังว่าตอนจบมันจะเจ็บเจียนตายเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
สงสารวา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด