- The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าว P.15 : 02/06/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าว P.15 : 02/06/61]  (อ่าน 115025 ครั้ง)

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เจย์เดนกำลังปกป้องใครอยู่นะ  :hao4:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
เดาไม่ถูกเลยอ่ะว่าใครพระเอก

logic.pt

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเรื่องนี้มากกกก


ติดตามเลย55555555 พระเอกดูน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 3 : “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ”


เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ

“คุณเวอแกน”

ผมซึ่งนั่งหลับตาเอนกับเก้าอี้ด้วยท่าพาดขาบนโต๊ะทำงานลืมตาข้างหนึ่ง พบว่าข้างกายถูกจับจองด้วยไอ้เด็กเวรที่คิดว่าคงจะหนีหายไปสักสามสี่วันเป็นอย่างต่ำ หรือว่าไอ้เด็กนี่จะความอดทนน้อย วิ่งโร่ไปฟ้องพ่อให้ไล่ผมออกแล้วกันนะ

“มีอะไร” ผมถามอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งวันนี้คิดแต่เรื่องคาร์เรย์ เขารักผม เขาทำเพื่อผม แต่ผมกลับไม่สามารถอยู่กับเขาอย่างบริสุทธิ์ใจได้เหมือนเคย ทั้งที่สุขเหลือเกิน แต่อึดอัด ทั้งที่อบอุ่นนัก แต่กลับอดสงสัยไม่ได้

คงเป็นเพราะผม ‘ไม่ได้’ รักเขา

ความรักมันยังไงกันแน่นะ สามารถทำให้คนคนหนึ่งทุ่มเทขนาดนี้เลยหรือ สามารถทำให้ช่วงเวลาเจ็ดปีนั้นเป็นเพียงสะพานเพื่อพบหน้า สามารถทำให้ชีวิตของคนอื่นเป็นเพียงเครื่องบรรณาการหรืออย่างไร

ให้ตายเถอะ พอนึกเรื่องนี้ใจผมก็เจ็บปลาบ

เพราะผมเองก็เคยมีความรักที่หน้ามืดตามัวเช่นนั้นเหมือนกัน!

“เย็นนี้คุณว่างมั้ย”

คำถามสุภาพไม่ยักจะใส่อารมณ์ทำให้ผมลืมตาขึ้นอีกข้างเพื่อมองเลียมชัดๆ พบว่าวันนี้มันมาแปลก หน้าตาจริงจังขึงขัง ไม่ยักหาเรื่องหรือพยายามเข้าหาผมแบบยัดเยียดเหมือนเคย

“ว่าง”

ผมตอบตามจริง เย็นนี้คาร์เรย์ต้องสะสางงานที่บริษัท เพราะเขาใกล้จะได้ขึ้นตำแหน่งประธานในเร็วๆ นี้ อีกทั้งด้วยความเอาแต่ใจของชายหนุ่ม ที่เลือกจะมาบริหารงานจากบริษัทสาขาย่อยในเมืองเล็กๆ จึงต้องยิ่งขยันกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เพื่อให้แม่บุญธรรมเห็นชอบว่าสามารถยกภาระหน้าที่ให้ทั้งหมดได้อย่างวางใจ

คาร์เรย์หงอยแทบตายที่ไม่ได้กินข้าวกับผม ถึงขนาดบอกว่าจะส่งคนมารับไปกินด้วยกันที่บริษัท แน่นอนว่าผมไม่หน้าหนาขนาดนั้น จึงปฏิเสธไปโดยอ้างว่าจะมาเก็บของที่ห้องพักของตัวเอง เพื่อจะได้ย้ายไปอยู่กับเด็กหนุ่มแบบเต็มตัวสักที

คนอะไรใจง่ายชิบเป๋ง!

ผมแอบด่าตัวเอง แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เพราะยังไงซะคาร์เรย์ก็เตรียมทุกอย่างให้ผมย้ายไปอยู่แล้ว และผมเองก็พอใจกับการนอนในอ้อมกอดอุ่นๆ นั่นด้วย การได้รับความรักจากคนที่รักที่สุดย่อมเป็นการเยียวยาใจที่ดี แม้สาเหตุแท้จริงคือการเห็นคาร์เรย์ในสายตา จะทำให้ผมวางใจว่าเขาจะไม่ลงมือทำอะไรอีกต่างหาก!

คาร์เรย์คิดว่าจัดการทุกอย่างหมดแล้ว...แต่ยังหรอก ผมจึงต้องอยู่เคียงข้างเขา เพื่อให้เขามอบความรักจนไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่น!

แล้วสักวัน...ผมอาจจะรักเขาตอบบ้าง

แค่นั้นก็คงมีความสุขมากแล้ว

“ถ้าจะชวนกินข้าวก็พอไหว แต่ต้องเลี้ยงฉันนะ”

เลียมเบิกตากว้าง อ้าปากค้างมองหน้าผมเหมือนถูกตัดหน้าอย่างแรงจนเสียเซลฟ์ ก่อนอีกฝ่ายจะอึกๆ อักๆ รีบพยักหน้าตอบผมรัวๆ ด้วยหน้าแดงก่ำ

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดกับเขาเป็นเชิงให้ท่าขนาดนี้

เฮ้อ...ไอ้เด็กเวรเลียม นายคิดบ้าอะไร ก็บอกอยู่ว่ามีคนรักแล้ว คงจะบ้าชวนนายคบซ้อนหรอก ไอ้เด็กบื้อเอ๊ย!

“ผมจะรอคุณหลังเลิกงาน”

ไอ้เด็กนี่ดูซีรี่ย์มากรึไง

“เลิกพร้อมกัน งั้นก็ออกไปพร้อมกันสิ”

เลียมอ้าปากค้างอีกครั้ง ร้อยวันพันปีเขาเคยแต่เดินด่าไล่หลังผมที่รีบออกจากงานตรงเวลาเพราะไม่มีงานทำ แต่ไม่เคยเดินออกจากกรมพร้อมกันเลยสักครั้ง

“คุณ...ต้องการอะไรจากผมรึเปล่า”

ในที่สุดก็ฉลาดสักที ต่อให้เลียมมันชอบผม ก็คงไม่โง่ถึงขนาดดูไม่ออกว่านี่ไม่ใช่การชวนไปดินเนอร์อย่างเดียว

“แหงอยู่แล้ว” ผมตอบชัดถ้อยชัดคำ พ่อของเลียมเป็นตำรวจผู้ใหญ่ของเมืองนี้ จากที่ผมหาข้อมูลเมื่อคืน พบว่าเขาเองก็ไปร่วมงานศพของเพื่อนรักพ่อ คาดว่าคงรู้จักกัน เกริ่นมาแค่นี้ก็คงรู้แล้วว่าผมกำลังใช้ประโยชน์จากเส้นสายของเลียมนั่นแหละ

ไอ้เด็กเวรทำหน้าปลงตก ถอนหายใจดังเฮ้อออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ”

ไอ้เด็กเวรนี่!

“แต่การตัดใจไม่ได้มันแย่ยิ่งกว่า...เลิกงานแล้วผมจะเดินมาหา รอที่นี่แล้วเดินออกไปด้วยกันนะครับ...เจย์เดน”

ใครอนุญาตให้เรียกชื่อจริงกันวะ!

ไม่ทันพูดไอ้เด็กเวรก็เดินหายไปแล้ว นับวันยิ่งอวดดี ถึงขนาดสารภาพรักออกมาเป็นครั้งแรก แต่ไม่ยักรู้สึกว่าโรแมนติกตรงไหนเลยสิน่า สงสัยทำงานเยอะจนเพี้ยน ถึงได้หน้าแก่ขึ้นทุกวันๆ แบบนั้น!




‘คุณอยู่กับใคร’

ข้อความในโทรศัพท์จากคาร์เรย์ทำให้ผมกำลังนั่งทานข้าวเย็นกับไอ้เด็กเวรอย่างไร้ซึ่งความโรแมนติกขมวดคิ้วน้อยๆ

ไม่ใช่ ‘กำลังทำอะไรอยู่’ หรือ ‘กินอะไรหรือยัง’ แต่เป็น...’คุณอยู่กับใคร’ งั้นเหรอ

ถ้ารู้ขนาดนี้คงไม่ต้องแนะนำตัวมั้งว่าเป็นใคร

‘กลับมาเร็วๆ ล่ะ’

ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง หวังว่าคาร์เรย์จะไม่หึงจนฆ่าไอ้เด็กเวรนี่หรอกนะ จริงอยู่ว่าเขาทำเพื่อผม...จนอดีตอันเลวร้ายแทบกลายเป็นเรื่องไร้ค่าไปเลย แต่เขาคงไม่บ้าขนาดแยกแยะไม่ออกว่า ‘ศัตรู’ กับ ‘มิตร’ น่ะต่างกันแค่ไหน

‘ผมรักคุณ รัก...จนแทบคลั่ง!’

พลันประโยคบอกรักจากเมื่อวานทำให้ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะตัดสินใจส่งข้อความไปอีกครั้งเพื่อไม่ความประมาทจนเกินไป ถึงจะไม่ชอบขี้หน้าเลียมเท่าไหร่ แต่ถ้าเด็กนี่โดนเก็บผมคงรู้สึกผิดแย่ มาชอบผมก็น่าสงสารพอแล้ว อย่ามาซวยเพราะผมเลย

‘พรุ่งนี้เช้าฉันจะทำอาหารให้กิน ไม่อร่อยอย่าว่ากันล่ะ’

ผ่านไปไม่กี่นาทีคาร์เรย์ก็ส่งข้อความตอบกลับ

‘ถ้าเป็นฝีมือคุณ ต่อให้เป็นดินเป็นทรายผมก็กิน’

หากเป็นคนอื่นก็ว่าไปอย่าง...แต่พอเป็นคาร์เรย์ผมกลับรู้สึกเขาพูดจริงทำจริง

ก่อนข้อความจะถูกส่งกลับมาอีกครั้ง

‘หวังว่าคุณจะไม่สนิทกับเลียม คอร์แนลมากไปนะครับ’

...ผมมองข้อความนั้นด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก เขารักผม แต่หวงผม แสดงความเป็นเจ้าของผม ถ้าหวังแค่ว่ามอบความรักให้กันคงเป็นเรื่องเพ้อฝันที่มีอยู่แต่ในนิยายสินะ

‘ฉันกินข้าวกับเลียม แต่ทำอาหารให้นาย เข้าใจรึเปล่า’

ผ่านไปนานทีเดียวก่อนคาร์เรย์จะส่งข้อความกลับมา

‘ผมรักคุณ’

แล้วสรุปเข้าใจรึเปล่าล่ะเนี่ย!

ผมนวดขมับ การเจอคาร์เรย์ทำให้ชีวิตอันน่าเบื่อของผมมีสีสันขึ้นเยอะ แม้จะเป็นไปในทางทั้งสุขทั้งทุกข์ก็เถอะ แต่ถ้าจะให้ย้อนกลับไปตอนที่ไม่เจอเขา ผมก็ไม่เอาเด็ดขาด เด็กชายตัวน้อยที่ผมอุ้มจากกองเพลิงเมื่อเจ็ดปีก่อนเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจที่สำคัญกับผมมาก เป็นเหมือนเครื่องยืนยันว่ายังมีคนที่จริงใจกับผม และไม่มีวันทรยศหักหลังเด็ดขาด

“เอ้า ข้อมูลที่นายต้องการ”

ผมเงยหน้าเมื่อเลียมเดินกลับเข้ามาในร้านหลังขอตัวไปเอาเอกสารจากคนสนิทของพ่อ ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะง่ายดายแบบนี้หรอก เพราะด้วยนิสัยแล้วหมอนี่ดื้อดึงจะตายไป แต่พอออกปากขอ เลียมก็รีบโทรศัพท์สายตรงถึงใครสักคน จากนั้นข้อมูลที่ผมต้องการก็ถูกจัดส่งภายในสิบนาที

เขาไม่ถามเหตุผลซะด้วยซ้ำ

“ขอบใจ”

ผมรับเอกสารมาเปิดดู ในนั้นคือรายละเอียดการตายของเพื่อนรักพ่อ เป็นไปตามข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าถูกจับมัดและเผาทั้งเป็น แต่ที่นอกเหนือจากนั้นคือข้อมูลการสืบถึงผู้ต้องสงสัย ในหนังสือพิมพ์ระบุแค่อาจเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดรายใหญ่ แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่...

และสิ่งที่อยู่ในมือผมก็คือข้อมูลการสืบสวนเพื่อตามจับฆาตกร!

อย่างที่บอก ผมไม่ใช่คนดีอะไร นึกขอบคุณคาร์เรย์ซะด้วยซ้ำที่ช่วยกำจัดคนเลวๆ อย่างนี้ไปได้ ไม่อย่างนั้นจะต้องมีอีกสักกี่คนที่โดนแบบพ่อของผม แต่เพราะตำแหน่งคนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ทางตำรวจต้องพยายามสืบสาวให้ถึงที่สุดแน่ ผมจึงอยากรู้ว่าคาร์เรย์ทำงานหมดจดแค่ไหน อย่างน้อยก็ไม่ต้องผวาว่าสักวันคนรักตัวเองจะถูกจับเข้าคุก

และหากข้อมูลนี้เป็นความจริง...นับว่าคาร์เรย์เก่งเหลือเชื่อ

ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ กล้องวงจรปิดจับภาพไม่ได้ หลักฐานทุกอย่างถูกเผา ยากแก่การสืบสาวให้ถึงที่สุด

“คุณ...”

ผมเหลือบตามองไอ้เด็กเวรที่พูดออกมาแล้วเงียบซะเฉยๆ เหมือนลังเลใจ

“คุณจะตามจับฆาตกรรายนี้เหรอ เจย์เดน”

“เวอแกน” ผมเอ่ยแก้ แสดงความเหินห่าง ก่อนจะส่งเอกสารคืนให้เลียม เพราะยังไงซะนี่ก็ถือเป็นเอกสารราชการ ถึงจะก็อปปี้ออกมาก็ตาม “และฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องตามจับฆาตกรรายนี้ด้วย เข้าใจผิดแล้วเลียม”

“แต่คนๆ นี้เป็นเพื่อนรักของพ่อคุณ”

ผมคิ้วกระตุก เป็นครั้งแรกที่ต้องมองหน้าเด็กเวรชัดๆ

“เอ่อ...” เลียมขยับตัวอย่างอึดอัด ยกมือปรามไม่ให้ผมจ้องเขม็งจนเกินไป “คุณก็รู้ว่าพ่อผมเป็นเพื่อนกับเขา ฉะนั้นตอนคุณย้ายมาประจำที่นี่เขาจึงกำชับให้พ่อผมช่วยดูแลคุณด้วย และพ่อก็วานผมมาอีกที...เข้าใจรึยังว่าทำไมตอนแรกผมถึงได้เกาะติดคุณขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าตกหลุมรักคุณแรกพบหรอกนะ”

เป็นความจริงที่ผมไม่อยากเชื่อ คนพรรคนั้นที่ทำให้ชีวิตผมเละเทะไม่มีที่อยู่...ไม่มีกระทั่งครอบครัวน่ะหรือจะวานให้คนอื่นช่วยดูแล เหอะ ช่วยจับตาน่ะสิไม่ว่า! เขากลัวผมจะเปิดเผยความลับแทบตาย ถึงขนาดเคยขู่ฆ่าซะด้วยซ้ำ ยังดีที่มีจิตสำนึก เพราะแค่ขู่...แต่ยังไม่ถึงขั้นฆ่า!

แต่แค่นั้นก็ทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งหวาดกลัวจนแทบตาย เปรียบดั่งคนฝันสลายที่ถูกเปิดตาว่าแท้จริงเขาสามารถหายไปได้ทุกเวลาโดยไม่มีใครรู้เห็นสักคนเดียว

อ้างว้าง โดดเดี่ยว ไร้ที่พึ่งพิง

เปรียบดังภาพฝันแสนสุขพังทลายในพริบตา

“สรุปว่านี่นัดออกมาสารภาพรักสินะ” ผมเอามือเท้าคาง พอดีกับสเต็กจานร้อนถูกนำมาเสิร์ฟ “ฉันมีคนรักแล้ว ขอโทษด้วย”

ผมวาดมีดและส้อมในมือเตรียมกิน เพราะเลียมรับปากว่าจะเลี้ยง ผมจึงสั่งสเต็กเนื้ออย่างดีแบบไม่เกรงใจ

“...อย่างน้อยก็ให้ผมได้สารภาพออกมาดีๆ ไม่ได้รึไง” ไอ้เด็กเวรทำหน้าทดท้อ เริ่มลงมือกินบ้าง อันที่จริงพูดจาแบบนี้ก็น่ารักอยู่หรอกนะ เพราะปกติชอบหาเรื่องผมอยู่เรื่อยจนโดนตอกกลับไปหลายรอบ ทำให้ผมชอบคิดว่าหมอนี่น่ารำคาญชะมัด

แต่เอาจริงๆ คงเป็นเพราะไม่รู้จะเข้าหายังไงมากกว่า

อืม...ก็น่ารักดี

“จะสารภาพดีๆ หรือไม่ดี คำตอบก็เหมือนเดิมล่ะน่า” ผมว่าอย่างใจดำ ต่อให้น่ารักยังไงก็ไม่รัก ผมเห็นเขาเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกวนประสาท วันใดวันหนึ่งอาจจะทิ้งผมเพื่อผลประโยชน์ก็ได้ ทำงานที่ต้องแบกรับหน้าตาและชื่อเสียงก็แย่แบบนี้ ยิ่งกับพ่อเขาย่อมไม่ยอมรับแน่ เห็นสัญญาณวินาศสันตะโรมาแต่ไกล แต่กับคาร์เรย์...ผมไม่ต้องห่วงเรื่องพวกนั้นเลย

เขาจัดการทุกอย่าง...ทุกอย่างจริงๆ

“คุณไม่มีวันสนใจผมสินะ”

“ใช่”

ตั้งแต่พ่อผมตาย หัวใจผมก็ตายด้านไปด้วย จนกระทั่งเจอ ‘เขาคนนั้น’ คนที่เข้ามาในช่วงที่ผมตกต่ำที่สุด ก่อนจะผลักผมให้ตกเหวลึกกว่าเดิมด้วยสองมือที่เคยโอบกอดอย่างอ่อนโยน นับแต่นั้นผมก็สาบานกับตัวเองว่าจะไม่เชื่อใจใครอีก แม้จะบอกว่า ‘รัก’ กันมากแค่ไหนก็ตาม

“แต่คุณเพิ่งพบคนรักของคุณเมื่อไม่กี่วันเองนี่”

ไอ้เด็กเวรเริ่มแสดงนิสัยน่ารำคาญออกมา ผมเกลียดการเซ้าซี้จากคนไม่สนิทที่สุด

“ฉันรู้จักเขามาเจ็ดปีต่างหาก”

ผมไม่เชื่อใจใครอีก แต่กับคนที่ช่วยชีวิตด้วยสองมือนี้ กับคนที่ช่วยดูแลจนกระทั่งแย้มยิ้มได้อีกครั้งในช่วงชีวิตที่เคยมีความสุขที่สุด แถมยังเป็นคนที่ตามหาผมมาตลอดเจ็ดปี คำสาบานนั้นก็ไม่อาจใช้ได้อีกต่อไป

คาร์เรย์คือข้อยกเว้นทุกสิ่งอย่าง

ยกเว้นแม้กระทั่งการกระทำที่สังคมประณาม แต่ผมกลับยอมรับง่ายดาย

ทั้งหมดเป็นเพราะเขาทำ ‘เพื่อ’ ผม

เป็นการแสดงความรักที่ชัดเจนอย่างไม่ต้องหาข้อพิสูจน์ เพราะมันช่างบ้าคลั่ง ครั้งแรกที่ได้ยินผมยอมรับว่ารู้สึกกลัว ก่อนจะแทนที่ด้วยความวาบหวาม ราวความเจ็บปวดในใจถูกบั่นทอนออกไป...ผมคงเพี้ยนไปแล้ว แต่อย่างน้อยที่ทุกอย่างมันผิดเพี้ยนไปขนาดนี้ ก็เพราะความรักในอดีตของผมนั้นถูกทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้ค่าเหลือเกิน

ถูกขว้างทิ้งอย่างไม่ไยดี!

เทียบกันแล้ว...ความกลัวที่จะต้องถูกทิ้งอีกครั้ง จะต้องกลับไปโดดเดี่ยวและสิ้นหวังขนาดนั้น...มันเทียบไม่ได้สักนิด!

แต่กระนั้น...

“ขอบคุณสำหรับอาหาร ฉันไปล่ะ”

ลึกๆ ในใจก็ยังคงมีบางสิ่งขัดแย้งปรากฏอย่างเงียบงัน

“เดี๋ยวสิ”

ผมรีบหยิบน้ำมาดื่มปิดท้ายก่อนจะเดินออกจากร้านทันที ไม่แม้แต่จะหันไปมองเลียมซึ่งยึกยักทำอะไรไม่ถูก ที่หมายคือห้องพักเก่าของผม เพื่อจะได้เก็บข้าวของส่วนตัวไปห้องคาร์เรย์ แต่ถึงจะพูดแบบนั้น...ผมยังต้องเก็บอะไรไปอีกนะ แปรงสีฟันก็มีแล้ว เสื้อผ้าก็มีแล้ว แถมยังมีเยอะกว่าเดิมอีก พวกเครื่องใช้อะไรก็แทบไม่จำเป็น ในเมื่อคาร์เรย์มีคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ ทั้งแบบตั้งโต๊ะและโน้ตบุ้คอย่างละเครื่อง อนุญาตให้ผมใช้ตามใจชอบ ถ้าอย่างนั้นผมจะกลับไปทำไมล่ะเนี่ย...

อ้อ ต้องไปบอกสัญญาเลิกเช่า

ผมโคลงศีรษะอย่างย้ำเตือนตัวเอง ก่อนจะเดินข้ามถนนเพื่อขึ้นรถไฟใต้ดิน แต่ที่ตรงนั้นกลับมีคนคนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว
และนั่นคงเป็นสาเหตุที่ไอ้เด็กเวรไม่ไล่ตามหลังผมเหมือนที่เคยทำ

“ผมมารับคุณ ที่รัก”

คาร์เรย์ยื่นมือมาด้านหน้า ข้างตัวคือรถหรูสีดำคันหนึ่ง ไม่รู้ว่ามารอนานแค่ไหนแล้ว หรืออาจจะเป็นตั้งแต่แรกที่ส่งข้อความมาเลยก็ได้ เพราะไอเย็นเกาะหน้าตารถจนฝ้าขึ้นไปหมด แสดงว่าเขาสะสางงานได้เร็วกว่าที่คิด หรือไม่ก็ทิ้งงานมาเมื่อรู้ว่าผมแอบนัดพบกับชายอื่น

ผมมองเขานิ่งๆ เฝ้ารอคำถามอย่าง ‘คุณคุยอะไรกับเขา’ หรือ ‘คุณนอกใจผมใช่มั้ย’ แต่ก็ไม่มีคำใดออกมานอกจากมือที่ยังยกค้างด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนไม่แปรเปลี่ยน

‘ที่รัก’ งั้นเหรอ...

ผมยื่นมือไปจับตอบ ทันใดนั้นเขาก็ดึงตัวผมจนถลาไปข้างหน้า รู้ตัวอีกทีก็ยืนกอดกันอยู่ตรงข้ามร้านอาหารสุดหรูซะแล้ว
ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเลียมคงเห็นทุกอย่าง

แต่ว่า...

ผมยืนให้คาร์เรย์กอดแทบไม่ขยับ สองมือยังคงกอบกุมแน่น แม้จะรู้ว่าเขากำลังแสดงความเป็นเจ้าของอีกครั้ง แต่ในใจอดรู้สึกไม่ได้ว่า...

ถูกเรียกแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกัน


---------------------------
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากๆ นะคะ ดีใจมากเลยที่ชอบหนุ่มๆ เรื่องนี้ สำหรับคนที่เจย์เดนคิดเอาไว้ อีกพักใหญ่เลยค่ะกว่าจะออก ตอนนี้คาดเดาก่อนนะคะว่าถ้าคาร์เรย์รู้จะเป็นยังไง...หึหึหึ  :z10:

ตอบคุณ Homepage - เรื่องนี้คิดไว้เกิดขึ้นในรัฐหนึ่งในประเทศอเมริกาค่ะ ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำนะคะ และขอบคุณสำหรับคำผิดมากๆ ด้วยค่ะ ส่วนคำถามที่ว่าทำไมเจย์เดนยอมคาร์เรย์ง่ายจัง คิดว่าคงหาคำตอบได้จากในตอนนี้แน่นอนค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่อ่านและทุกคอมเม้นท์นะคะ   :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-07-2014 20:01:57 โดย ชมพูพาล »

ออฟไลน์ may5658

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
 :z1: ชอบๆ แนวจิตๆแบบนี้แหละหามานาน แต่อยากให้โหดมากไปน๊าาา
สงสารนายเอก T^T จะรอน๊า มาต่อเร็วๆเด้อ ชอบๆ ><

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
ถ้าคาเรย์รู้ คิดว่าหมอนั่น ต้องตายแบบสยดสยอง และสุดแสนทรมานแน่ๆเลย

เพราะเคยเป็นอดีตซะด้วย หึ หึ

ออฟไลน์ Homepage

  • 520 - 我爱你
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-1
คือ แบบ ณ จุดนี้สงสารเลียมอ่ะ T^T
ผมเป็นคนชอบผู้ชายช่างตื้อ น่ารัก ไม่ก้าวก่ายกันเยอะเกินไปแบบเลียม
เท่าที่อ่าน ผมคิดว่าเลียมยังไม่แสดงความรู้สึกที่มีต่อเจย์เดนมากขนาดนั้น ทำให้ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอีกไหม?
ส่วนคาเรย์ =_=^ ผมกลัวอ่ะ ดูโรคจิตยังไงไม่รู้อ่ะ
เรื่องนี้จะมีหักมุมแบบ เลียมเป็นฆาตกร ส่วนคาเรย์เป็นบุคคลที่ถูกจ้างวานงี้ป่ะ 555555
รอตอนต่อไปอยู่นะครับ เก็บรายละเอียดสถาณการณ์ในแต่ละตอนได้ดี
แต่ตอนนี้...สั้นไปหน่อยนะครับ ยังไม่จุใจอย่างที่คิด


คำผิดนะครับ

ผมเงยหน้าเมื่อเลียมเดินกลับเข้ามาในร้านหลังข้อตัวไปเอาเอกสารจากคนสนิทของพ่อ


+1 เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ  :3123:

ออฟไลน์ บ๊ายบายโพ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
คาร์เรย์ฆ่าแล้วก็เผาครอบครัวตัวเองรึเปล่า ดูเป็นไปได้มากน้องดูจิตๆ 5555 แต่โหดดี ขี้หึงอีกต่างหาก  :-[

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ชอบคาเรย์ รู้สึกถึงความรักมหาศาลเลย  :-[ :-[

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ra poo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
สีเรื่องนี้คือสีเทาปนน้ำตาลแก่ๆ

เหมาะกับรักที่บิดเบี้ยว

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12

ออฟไลน์ Zliezen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
กลัวแทนเลียมจริงๆ ว่าสักวันจะโดนลอบฆ่าเพราะลมเพชรหึง

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ทำไมคาร์เรย์ดูน่ารัก 55
หรือว่าเราโรคจิต   :katai5:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Chompooiriza

  • ~ Good Morning Sunshine ~
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0
อืม~ ฉันรักคุณจนแทบคลั่ง บ่งบอกทุกความรู้สึกเลยแหะ~

คารมฆาตกรชั่งคมคาย อารมณ์ฆาตกรชั่งคล้ายนักกวี

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
อุตะ คาเรย์ปากหวานอ่ะ

ออกแนวสตอร์กเกอร์นะเนี่ย

สงสัยว่าแอบตามนายเอกเรามากี่ปีแล้ว

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0

ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 4 : “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก”

“แล้วงานนายล่ะ”

ผมถามหลังขึ้นมานั่งบนรถ คาร์เรย์รู้ใจผมดีพอที่จะขับไปห้องพักเก่า ไม่ใช่ที่บ้านพักสุดหรูในโครงการพันล้านของตัวเอง

“คุณแม่ช่วยทำแทนแล้วล่ะครับ เพราะผมบอกว่าติดธุระด่วนกะทันหัน” ชายหนุ่มตอบสุภาพ ถ้าจำไม่ผิด คาร์เรย์เล่าว่าแม่ของเขาอยู่ที่สาขาใหญ่ในเมืองหลวง ซึ่งเด็กหนุ่มก็อยู่ที่นั่นมาตลอดจนกระทั่งเรียนจบ ตามข้อตกลงที่ให้กับแม่บุญธรรมว่าจะคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาครอง แล้วสืบสานกิจการต่อ โดยแลกกับที่เขาสามารถทำตามใจชอบอย่างตอนนี้

 “เมื่อกี้เลียมสารภาพรักกับฉัน”

คาร์เรย์กำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดปูน

“แต่ฉันปฏิเสธอย่างเป็นทางการแล้ว”

คาร์เรย์เผลอถอนหายใจ ท่าทางนั้นน่ารักจนอีกฝ่ายได้แต่ยิ้มเขินๆ เมื่อถูกผมจ้องอย่างหยอกล้อ

“อันที่จริงไอ้เด็กเวรนี่ก็เทียวมาเทียวไปมานาน พยายามสนิทสนมกับฉันมาหนึ่งปีเต็ม แต่ฉันก็ไม่เคยเล่นด้วย ทำให้ความสัมพันธ์คลุมเครือมาตลอด แต่ในเมื่อฉันตัดสินใจคบกับนายแล้ว จะปล่อยไว้แบบนี้ก็คงไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ”

คาร์เรย์พยักหน้ารับด้วยท่าทางเหมือนเด็กได้ของขวัญ

“ก็นั่นแหละ ฉันเลยนัดออกมากินข้าว เพื่อจะได้ปฏิเสธให้มันจบไปสักทีไง ไม่ดีเหรอคาร์เรย์”

“ดีสิครับ” คนรักยืนยันตั้งแต่ผมยังพูดไม่จบประโยคดีซะด้วยซ้ำ “ผมดีใจมากเลย”

ผมเอานิ้วจิ้มแก้มที่กำลังบานเป็นจานเชิงเพราะคาร์เรย์ยิ้มไม่หุบ ช่างน่ารักน่าเอ็นดูชะมัด ยิ่งเขากุมนิ้วผมแล้วจรดริมฝีปากจนดังจุ๊บก็ยิ่งทำให้ใจเต้นโครมคราม ไม่อยากเชื่อว่าคนสุภาพแบบนี้จะทำเพื่อผมจนลงมือโหดเหี้ยมขนาดนั้นได้

“ให้ผมลงไปด้วยมั้ย”

คาร์เรย์ถามเมื่อรถหรูเลี้ยวเข้าสู่ที่คุ้นตา หอพักขนาดสามชั้นแสนโทรมไร้มาตรฐานจนราคาถูกเรี่ย หากหมอนี่เดินลงไปมีหวังเป็นที่ฮือฮาแย่ เพราะแค่จอดรถข้างหน้า ก็มีหลายคนชะเง้อออกมาดูว่าห้องไหนถูกรางวัลรึเปล่า

“ไม่ต้องหรอก ฉันคุยกับเจ้าของแป็ปเดียวแล้วว่าจะแวะไปดูห้องสักหน่อย ไม่เกินสิบห้านาทีแน่ๆ”

“ไม่ต้องรีบหรอกครับ ผมรอได้” คาร์เรย์ยิ้มหวาน อาจเพราะเขากำลังอารมณ์ดีจึงยอมฟังอย่างว่าง่าย ผมเลยให้รางวัลเป็นการหอมแก้มหนึ่งที ก่อนจะรีบเดินลงจากรถเพราะกลัวคนที่ชะเง้อหน้าคอแทบหลุดนั้นจะเห็น แม้ว่ารถของคาร์เรย์จะติดฟิลม์ดำอย่างดีก็ตาม

“อ่ะ คุณเวอแกน”

โชคดีที่เจ้าของหอพักเป็นหนึ่งในบรรดาคนมุงด้วย ผมจึงไม่ต้องเดินไปหาที่ห้อง

“สายันต์สวัสดิ์ครับ ผมจะมาขอยกเลิกสัญญา แต่ไม่ต้องห่วง ค่าเช่าของเดือนนี้จะจ่ายเต็มเดือนแน่นอน”

เจ้าของหอพักเป็นหญิงแม่ม่ายที่อายุเกือบห้าสิบปี เธอให้ความเอ็นดูผมมากทีเดียว แต่ก็แค่นั้น เพราะวันหนึ่งผมไข้ขึ้นจะเป็นจะตาย ขอร้องให้เธอพาส่งโรงพยาบาล กลับถูกปฏิเสธเพราะกลัวว่าผมจะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา ทำให้เธอที่เป็นคนพาไปพลอยซวยไปด้วย

และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมโคตรดีใจที่มีเบอร์เลียม

แต่ไอ้เด็กเวรก็เป็นไอ้เด็กเวร หลังจากวันนั้นมันก็จู้จี้ผมจนน่ารำคาญกว่าเก่า และทำให้ผมที่ชอบออกไปเดินเล่นกลางดึกกลายเป็นพวกเก็บตัวกับห้องของจริง เล่นเอากำลังวังชาเหือดหายไปเกือบหมดเพราะเอาแต่นอนทั้งวัน

จบการย้อนความก่อน เพราะเจ้าของหอพักที่มักมีปัญหาเรื่องการผ่อนจ่ายค่าเช่ากำลังส่ายหน้าบอกผมด้วยรอยยิ้มเป็นเชิงไร้ปัญหา แถมยังมองกึ่งๆ อิจฉาอีกต่างหาก เธอคงเห็นตอนผมเปิดประตูลงจากรถว่ายังมีผู้ชายอีกคนหนึ่งรูปร่างหล่อเหลาส่งยิ้มให้ เป็นอันหาข้อสรุปได้ว่าผมไม่ได้ไปถูกรางวัลที่ไหน แต่โดนเด็กจับกินจนตกถังข้าวสารต่างหาก

“แหมๆ คุณเวอแกน เสน่ห์แรงไม่เบานะคะเนี่ย แล้วเด็กอีกคนเอาไปไว้ไหนซะแล้วล่ะ”

อย่างที่บอกว่าผมเคยโทรเรียกเลียมมาที่นี่ เจ้าของหอจึงรู้จักเขาด้วย

“เขาอยู่ไหนก็อยู่ตรงนั้นนั่นแหละครับ” ผมตอบกึ่งยียวน ยั่วให้เธอลอบมองอย่างอิจฉา ในใจคงคิดว่ารูปร่างเหมือนคนติดยาอย่างผมเอาอะไรไปจับผู้ชายได้ เอาเถอะ...เสน่ห์ของผมมันจำกัดอายุผู้ถูกดึงดูดด้วยน่ะครับ ย่อมใช้กับเธอไม่ได้ผลอยู่แล้ว ยิ่งสภาพแบบอดนอนอย่างนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

“ผมจะขึ้นไปดูของสักหน่อย แล้วจะลงมาคืนกุญแจนะครับ ของที่เหลือคุณสามารถจัดการได้ตามใจชอบ ผมไม่เอาแล้ว”
เจ้าของพอตาวาวทันที ถึงจะเป็นข้าวของเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็นับว่าสามารถทำกำไรได้ในสภาพหอพักที่ทรุดโทรมลงทุกวันๆ

“อ้อ จริงสิคุณเวอแกน”

“ครับ?”

เจ้าของหอเอ่ยทักก่อนที่ผมจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสาม

“มีคนมาขอพบคุณเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แถมยังเป็นตำรวจยศสูงอีกต่างหาก ฉันก็เลยถือวิสาสะเปิดห้องด้วยกุญแจสำรองให้เขาเข้าไปรออยู่ก่อนแล้ว”

นายตำรวจยศสูง?

ผมคิ้วขมวด นึกในใจว่าคงไม่ใช่เลียม เพราะเธอรู้จักดี และคงไม่ใช่เพื่อมร่วมงานคนไหนด้วย เพราะหากมีคดีอะไรเลียมมักจะฉวยโอกาสในการเข้าหาผมก่อนอยู่เสมอ ถ้าอย่างนั้น...ก็ต้องเป็นตำรวจต่างถิ่น!

วูบหนึ่งผมเผลอนึกถึง ‘เขาคนนั้น’ ก่อนจะปฏิเสธในใจว่าคงเป็นไปไม่ได้

“ขอบคุณที่บอกครับ”

เพราะนึกไม่ออก สุดท้ายผมเลยได้แต่บอกขอบคุณก่อนไปเผชิญหน้าด้วยตัวเอง ไม่ต้องกลัวหรอกน่าเจย์เดน นายเจออะไรมาเยอะแล้ว คาร์เรย์เองก็รออยู่ข้างล่าง ยังไงนายก็มีคนหนุนหลัง ต่อให้เป็นเขาคนนั้นมาเองก็ไม่เห็นต้องกลัว!

แต่ไม่รู้ทำไมมือของผมถึงสั่นอย่างนี้...

ห้องพักของผมอยู่ชั้นสาม ห้องที่สองจากบันได เมื่อลองเปิดประตูก็พบว่าห้องไม่ได้ล็อค

เป็นไงเป็นกันล่ะวะ

ผมกลั้นใจเปิดประตูพรวด เพราะเป็นห้องพักราคาถูก ขนาดเล็กกะทัดรัด จึงไม่แปลกหากผมเปิดประตูแล้วจะเผชิญหน้ากับแขกผู้มาเยือนพอดิบพอดี

คนคนนั้นนั่งกับพื้น ถอดเสื้อโค้ทกันลมพับเรียบร้อย ใบหน้าเคร่งขรึมสูงวัย เผยให้เห็นเครื่องแบบและยศซึ่งผมรู้จักดี

เขาคือพ่อของเลียม!

“สะ....สายันต์สวัสดิ์ครับ”

กว่าจะกลั่นกรองเสียงออกมาเป็นประโยคทักทายได้ผมแทบยืนขาแข็งหน้าห้อง ก่อนจะได้สติรีบปิดประตูด้วยความสงสัยสุดๆ ชายเบื้องหน้าต้องการอะไรจากผมกันแน่ หรือว่าสิ่งที่ผมให้เลียมทำไปเมื่อตอนเย็นจะความแตก...

ไอ้เด็กเวร ไร้ฝีมือชะมัดเลย!

ผมเคยเจอหน้าพ่อเลียมแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ทุกครั้งมักจะเป็นการนั่งจ้องหน้าจากการเรียกตัวเพื่อตักเตือนความประพฤติ ซึ่งผมก็ได้แต่เออออขอไปที ขนาดเลียมไปช่วยพูดก็ยังถูกเตือนอย่างน้อยสองเดือนครั้งอยู่ดี และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ไอ้เด็กเวรเริ่มจะให้ผมสร้างผลงานเพื่อไม่ให้พ่อของมันหงุดหงิดไปกว่าเดิม เนื่องจากการกระทำของผมส่งผลกระทบต่อเชื่อเสียงและหน้าที่ของเขาด้วยเมื่อมีคนร้องเรียน

ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่าเขาใจดีกว่าที่เห็น ไม่งั้นจะมีใครยอมขนาดนี้เพื่อลูกชายบ้าง แต่พอได้ฟังความจริงจากเลียม...ผมก็รู้ว่าเขาทำเพราะไปรับปากกับอีกคนหนึ่งไว้ต่างหาก

การแต่งกายสวมชุดสูทสีดำสนิท แสดงว่าเพิ่งกลับจากงานศพ

หรือว่าพอคนตาย เขาก็จะไล่ผมออกกันนะ

   “เจย์แดน เวอแกน” พ่อของเลียมเรียกชื่อผมเสียงเรียบ พอเห็นผมเดินเข้ามาในห้อง เขาก็หยิบเสื้อโค้ทสวม และเดินสวนออกมาทันที อ้าวเฮ้ย? นี่แค่มานั่งพักรึไง

พลันชายแก่หยิบซองสีน้ำตาลสำหรับใส่เอกสารให้ผม

“ครับ?”

ผมรับมางงๆ ไม่เข้าใจอะไรสักนิดเดียว

“เพื่อนของฉันพูดเสมอว่าถ้าเป็นอะไรไปให้นำของสิ่งนี้มาให้เธอ โชคดีที่เขาเก็บของสิ่งนี้ในตู้เซฟอย่างดี จึงไม่ถูกเผาไปด้วย ฉันไม่รู้หรอกนะว่าข้างในเป็นอะไร แต่แค่ทำความตั้งใจของเพื่อนที่เสียให้สำเร็จก็เท่านั้น”

ไม่บอกก็รู้ว่าเพื่อนคนนั้นคือคนไหน

“ขะ...ขอบคุณครับ”

ผมรับซองเอกสารมาถือด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก เพื่อนรักของพ่อยังต้องการอะไรจากผมอีก เขาเคยขู่ฆ่าผมด้วยการบีบคอจนแทบขาดอากาศหายใจ ก่อนจะปล่อยมือเมื่อสติแทบจางหาย แม้ผ่านไปหลายปีผมก็ยังจำสีหน้าและท่าทางของเขาได้ คล้ายจะเจ็บปวด และจำยอม แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไร ความรู้สึกของแรงที่กดหลอดลมจนได้แต่ดิ้นทุรนทุรายนั้นไม่ต่างจากมือของมัจจุราช ถ้าแค่ครั้งเดียวก็ว่าไปอย่าง แต่เขาทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าผมจะรับปากและยอมเก็บข้าวของหนีออกไปจากเมือง
แน่นอนว่าหลังถูกบีบคอเป็นครั้งที่ห้า ผมที่เคยอวดดีก็ขวัญกระเจิง ถึงขนาดร้องไห้อ้อนวอนให้เขายอมปล่อยซะด้วยซ้ำ

และนั่นก็เป็นการพบกันครั้งสุดท้าย...

“เธอคบกับเลียมรึ”

ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ การระลึกถึงอดีตถูกแทรกด้วยสีหน้าจริงจังยิ่งกว่าตอนส่งเอกสารให้ซะอีก

“เปล่าครับ” ผมตอบสุภาพ ก่อนจะรีบตีหน้าไม่สนใจเมื่อนึกได้ว่าต้องทำตัวให้คนอื่นเกลียดเข้าไว้ การเจอคาร์เรย์ทำให้ผมหวนเป็นตัวเองในอดีต มันช่างดีและไม่ดีในคราวเดียวกัน เพราะหากพ่อของเลียมให้ความเอ็นดูผมในฐานะที่ลูกชายเขาพึงใจขึ้นมา ผมจะถูกประจบจนน่ารำคาญทันที ขณะเดียวกัน ลับหลังก็จะถูกนินทายิ่งกว่าที่โดนเป็นประจำ

เป็นวัฐจักรที่น่าเบื่อ...

“ไม่ต้องตีหน้าแบบนั้นหรอก ฉันรู้ว่าเธอเป็นเด็กดี เขาเล่าไว้มาก บอกว่าเมื่อก่อนเธอเป็นคนขยัน เก่งกล้า ไม่กลัวใคร ทำให้สร้างผลงานใหญ่ๆ ได้เยอะ ถ้าไม่เพราะเขาอวดสรรพคุณอย่างดี ฉันก็คงไม่ทนเธอมาได้ถึงขนาดนี้”

‘เขา’ ที่ว่าคงไม่พ้นเจ้าของเอกสารที่ตายไปแล้ว...

เช่นเดียวกับตัวผมผู้เก่งกล้าสามารถที่ตายไปแล้ว วัยคะนองก็คือวัยคะนอง ตอนนี้ผมเป็นแค่ไอ้ขี้ขลาด หวาดกลัวซะทุกสิ่งแม้กระทั่งชายเบื้องหน้า สงสัยนักว่าเขาต้องการอะไรกันแน่

“เลียมถูกเลี้ยงดูอย่างเข้มงวด แต่ก็มีน้ำใจดี ฉันไม่เคยยุ่งเรื่องความรักของเขา แต่เห็นได้ชัดว่าฉันประมาทความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ การที่เด็กนั่นยอมลงให้กับใครสักคน ถึงขนาดยอมทำผิดทั้งที่รู้ว่าผิด มันทำให้ฉันกังวลว่าเลียมอาจหลงจนหน้ามืดตามัว”

“...เหรอครับ” ผมตอบอย่างขอไปที บอกตรงๆ ว่าไม่ได้อยากรู้เรื่องไอ้เด็กเวรเลยสักนิด แม้จะแอบสะดุ้งที่ว่าหมอนั่นทำงานไม่ได้เรื่อง ถูกพ่อตัวเองจับได้ทั้งที่ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงก็เถอะ

“ฉันเลยคิดจะย้ายเธอไปทำงานอีกที่หนึ่ง และเลื่อนยศให้ เธอคิดว่าไงล่ะเจย์เดน เวอแกน”

หึ พวกตำแหน่งใหญ่ก็แบบนี้ นึกอยากทำอะไรก็ทำ ราวกับควบคุมทุกอย่างที่ด้อยค่ากว่าตัวเองได้เพียงพลิกฝ่ามือ

“ไม่ต้องกังวลเรื่องผมหรอกครับ เพราะผมมีคนรักแล้ว และผมเองก็เพิ่งบอกปฏิเสธเลียมอย่างจริงจังในวันนี้” ผมตอบตามจริง “ฉะนั้นปัญหาไม่ใช่ตัวผม แต่เป็นตัวลูกชายของท่านต่างหาก ถ้าเป็นห่วงลูกชายตัวเอง ก็ไปเตือนเขา ไม่ใช่มาพูดกับผมด้วยท่าทางเป็นคนดีแบบนั้นหรอกครับ”

เพราะมันน่าสะอิดสะเอียน!

ผมเดินสวนออกจากห้อง หมดอารมณ์จะเช็คของโดนสิ้นเชิง เฮ้อ...ยกให้เจ้าของหอพักไปให้หมดก็แล้วกัน!

นึกแล้วก็น่าโมโห ตอนแรกนึกว่าจะมีอะไร ที่แท้ก็อ้างคำสั่งเสียของเพื่อนเพื่อกีดกันลูกชายตัวเองต่างหาก ผมรีบเดินลงบันไดไปคืนกุญแจ ก่อนจะเดินขึ้นรถที่คาร์เรย์รออยู่แล้วด้วยรอยยิ้มเปี่ยมรักไม่เสื่อมคลาย

“มีอะไรรึเปล่าครับ”

รอยยิ้มน่ารักเปลี่ยนความเป็นห่วงทันทีเมื่อเห็นสีหน้าผมไม่สู้ดีนัก คาร์เรย์ยื่นมือทาบหน้าผาก ก่อนจะไล่มาข้างแก้ม และลำคอด้วยความกังวลนักหนา

“มีปัญหานิดหน่อยน่ะ” ผมพยายามฉีกยิ้ม พอดีกับพ่อของเลียมเดินลงมา คาร์เรย์เหลือบมองร่างนั้นอย่างนิ่งงัน วูบหนึ่ง ผมเห็นดวงตาแสนสวยนั้นประกายวาบ ราวกับสัตว์ป่าที่เล็งเหยื่อพร้อมขย้ำ

“ผมจัดการให้มั้ยครับ...”

น้ำเสียงอบอุ่นของคาร์เรย์คล้ายจะกดต่ำหลายจุด ผมเพิ่งเคยเห็นเขาแบบนี้เป็นครั้งแรก และนั่นก็เป็นการยืนยันอย่างดีว่าเขาคือคนที่จัดการทุกอย่างจริงๆ

“ไม่ต้องหรอก” ผมแตะมือของเขา พลางประสานนิ้วแน่นและบีบเบาๆ “เขาไม่เกี่ยว แค่เป็นผู้ส่งสารเท่านั้น คนที่เป็นปัญหานายช่วยจัดการให้ฉันแล้วไม่ใช่รึไง”

ผมถามลองเชิง บอกใบ้กลายๆ

“คุณรู้แล้วเหรอครับ” ผิดคาด คาร์เรย์ไม่แม้แต่จะปิดบัง แต่กลับดูดีใจซะด้วยซ้ำ แถมยังกุมมือผมกลับแนบแน่น ราวตื่นเต้นดีใจที่จะได้รับคำชมก็ไม่ปาน “คุณชอบมั้ย...”

ชอบอะไร?

ชอบนาย ชอบการกระทำของนาย หรือว่า...

ชอบที่นายฆ่าคน

ผมไม่ตอบคำ แต่ก็บีบมือตอบอย่างไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นชอบอย่างไหน คาร์เรย์ฉีกยิ้มกว้าง พลิกมือจูบเบาๆ บนหลังมือของผม ก่อนจะยื่นหน้ามาประทับริมฝีปากอย่างนุ่มนวล

“ผมรักคุณ”

คาร์เรย์บอกรักอย่างไม่รู้เบื่อ

“ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก”




คาร์เรย์ไม่เคยโกหกผม

ทุกคำพูดของเขาล้วนจริงใจ มาจากหัวใจ และพร้อมทำเช่นนั้นจริงๆ

ผมเชื่อตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเขา เพราะคงไม่มีคนบ้าที่ไหนตามหาคนเป็นเจ็ดปีเพื่อความรักแค่ผิวเผิน ผมจึงเชื่อ...และเชื่อมาตลอด เช่นเดียวกับที่เชื่อว่าเพื่อนรักของพ่อทรยศอย่างเลือดเย็น พ่อผมไม่อาจทนรับไหวจึงฆ่าตัวตายโดยไม่แม้แต่จะคิดถึงลูกชายที่เหลืออยู่

ผมเชื่ออย่างนั้น

แต่ว่า...ของในซองเอกสารสีน้ำตาลกลับทำให้ความเชื่อของผมพลิกกลับ!

เพราะมันคือบันทึกคำสนทนามากมายของพ่อ ที่เขียนโต้ตอบกับเพื่อนรักสมัยเมื่อมีชีวิต แม้จะเป็นเพียงตัวพิมพ์ที่ถูกปริ้นออกมาหลายต่อหลายแผ่น แต่ผมก็เชื่อว่านั่นคือพ่อของผม...พ่อที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เด็ก คนที่เคยบอกรักผมหมดใจ

แต่เขาคนนั้นกลับบอกรักอีกคนที่รักยิ่งกว่า!

‘ฉันรักนาย’

‘ถึงนายจะแต่งงาน ฉันก็ยังรักนาย’

นั่นเป็นข้อความของสิบห้าปีก่อน ผมอายุแค่สิบสามปี จำได้ว่าวันนั้นพ่อยังจับผมแต่งตัวใส่ชุดสูทเกินวัย พาไปงานแต่งงานของเพื่อนด้วยสีหน้าแสดงความยินดีซะด้วยซ้ำ แต่ว่า...ทั้งหมดเป็นแค่การแสดง

จากที่อ่าน พบว่าสองคนนี้แอบรักกันอย่างลับๆ มานานแล้ว แต่ไม่กล้าบอกใครเพราะอีกฝ่ายมีตำแหน่งสูงกว่า อีกทั้งครอบครัวยังไม่ยอมรับ พ่อจึงยอมเก็บงำมาตลอด แม้กระทั่งผมก็จับสังเกตไม่ได้ ไม่สิ...ตอนนั้นผมมัวแต่โหมงานหนัก ถูกคำชื่นชมหลอกตา ทำให้ลืมมองไปว่าพ่อกำลังมีปัญหา เพราะในช่วงหลายเดือนก่อนที่พ่อจะฆ่าตัวตาย ทั้งสองคนเริ่มระหองระแหง ทะเลาะกันหลายครั้ง ก่อนจะมีปากเสียงหนักมากเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะมีลูก

-ไหนนายบอกว่ารักฉัน-

-ไหนกันคำบอกรัก แล้ว ‘เจย์เดน’ ล่ะ เจย์เดนเป็นอะไรสำหรับนาย!-

ผมชะงัก...ทำไมถึงมีชื่อผมในบทสนทนานี้กันล่ะ

แต่เมื่ออ่านของบันทึกในวันถัดไป ชื่อของผมก็เหมือนถูกลืม เพราะเพื่อนรักพ่อกำลังถูกจับได้ว่าแอบค้ายา ดูเหมือนพ่อเองก็รู้มาตลอด หรือไม่...เงินที่ส่งเสียผมเรียนจนจบอาจมาจากการร่วมมือกันของสองคนนี้ในเรื่องผิดกฎหมาย

ผมเคยสงสัยมานานแล้วว่าพ่อที่ใช้เงินอย่างประหยัดทำไมถึงมีค่าเล่าเรียนโรงเรียนชื่อดังเพื่อเตรียมเป็นตำรวจให้ผมได้ แต่เพราะถูกบอกว่าเป็นเงินเก็บสมัยยังหนุ่ม จึงปัดความคิดนั้นตกไป

บันทึกสนทนาช่วงท้ายๆ เริ่มเป็นการตกลงว่าจะทำยังไงหากถูกจับได้ เพื่อนรักพ่อบอกว่าจะหาคนอื่นเป็นแพะรับบาป โดยเสนอชื่อคนที่ผมรู้จักขึ้นมา แต่พ่อไม่ยอม

-ไหนเมื่อนายไม่รักฉันแล้ว ก็บอกมาตรงๆ เถอะ ฉันจะแบกรับความผิดทั้งหมดเอง จะได้ไปให้พ้นๆ จากชีวิตนายสักที!-

อีกฝ่ายพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ไม่ว่าพูดยังไงพ่อก็มีเพียงคำตัดพ้อ แถมยังหนักถึงขั้นบอกว่าจะฆ่าตัวตาย

และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ชื่อของผมถูกกล่าวถึง

-เจย์เดนล่ะ นายจะทิ้งเจย์เดนได้ลงคอรึไง-

เพื่อนรักพ่อทักท้วง ราวกับว่าชื่อของผมจะช่วยเปลี่ยนความคิดที่คล้ายสิ้นหวังนั้น

แต่นั่นเปรียบเสมือนคำยืนยัน...ว่าเขาไม่เหลือรักให้พ่ออีกแล้ว

-ถ้านายหมดรักฉัน เจย์เดนก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป-

และนั่นเป็นประโยคสุดท้าย เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยอะไร พ่อก็ไม่ตอบอีก

วันต่อมาพ่อฆ่าตัวตาย...

ผมยืนนิ่ง พิงกับขอบระเบียงชั้นสองที่ปลีกตัวออกมาระหว่างคาร์เรย์อาบน้ำ อากาศตอนกลางคืนหนาวจัด แต่ที่หนาวเหน็บกว่านั้นคือหัวใจของผมที่แทบแบกรักความจริงไม่ได้

ในซองนั้นไม่มีเพียงบันทึกการสนทนา เพราะยังมีบัญชีธนาคารในชื่อของผม...ที่คาดว่าเพื่อนรักของพ่อคงตั้งใจเก็บเอาไว้เป็นการชดเชย

และ...สำเนาเอกสารใบหนึ่ง

มันคือใบยินยอมเลี้ยงเด็กบุญธรรม!

ชื่อของเด็กคือเจย์เดน ชื่อผู้รับอุปการะคือชื่อของพ่อ

แต่ไม่มีเพียงแค่นั้น

เพราะถัดมายังมีชื่ออุปการะร่วมอีกด้วย และนั่นคือชื่อของเพื่อนรักพ่อ

‘ถ้านายหมดรักฉัน เจย์เดนก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป’

ผมเคยได้ยินว่าคู่รักร่วมเพศนั้นมักแก้ปัญหาการมีลูกโดยรับเด็กมาเป็นลูกบุญธรรม...ลงชื่อเพื่อให้เป็นผู้ปกครองร่วม ไม่ต่างจากพยานรักทดแทนที่ไม่อาจอุ้มท้องได้เหมือนคู่รักอื่น

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อถึงได้ทอดทิ้งไม่แม้แต่คำลา จดหมายที่ทิ้งไว้นั้นก็เหมือนไม่ได้บอกกับผม

เพราะผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขา!

อ่า...มิน่าล่ะพ่อถึงไม่เคยเล่าเรื่องแม่ ตอนเด็กๆ เองเพื่อนรักพ่อก็ชอบมาเยี่ยมเยือนบ่อยๆ แถมยังบังคับให้เรียกพ่อทูนหัวอีกต่างหาก ถ้าอย่างนั้นการที่ฝากฝังให้พ่อของเลียมดูแลผมคือการชดเชยในฐานะพ่อบุญธรรมอีกคนงั้นหรือ!? ที่ขู่ผมไม่ให้เปิดเผยความจริง แต่ไม่กล้าฆ่าทิ้งทั้งที่เด็ดขาดขนาดนั้น ก็เพราะยังเห็นใจว่าผม ‘เคย’ เป็นพยานรักของพวกเขางั้นเหรอ!?

ผมมองสมุดบัญชีที่เหมือนแสดงสิทธิ์ในการรับผิดชอบด้วยสายตาเกลียดชัง

มันช่าง...

“ที่รัก”

คาร์เรย์ที่อาบน้ำเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้โอบกอดผมจากข้างหลัง จูบบนขมับแผ่วเบา แถมยังโยกตัวผมน้อยๆ ราวปลอบโยน เพราะตอนนี้ผมกำลังร้องไห้...ร้องไห้อย่างเงียบงันและปัดมืออย่างลนลานพยายามจุดไฟเผาทุกสิ่งทุกอย่างทิ้ง

“ผมจัดการเอง”

คาร์เรย์แย่งไฟแชคในมือผมก่อนจะจุดไฟใส่ตัวเอง เขาไม่แม้แต่จะอ่าน เพราะแค่เห็นสำเนารับรองการเลี้ยงบุตรบุญธรรมก็พอเข้าใจแล้วว่าผมกำลังเสียใจแทบตายเพราะอะไร

เพียงพริบตาเอกสารทั้งหมดก็ถูกเพลิงสีส้มแสดลุกไหม้ คาร์เรย์เดินเข้าไปหยิบถังขยะมารองกันไม่ให้ไฟลาม ก่อนจะกอดผมแนบแน่นพร้อมบอกรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ผมรักคุณ”

เขากดจูบบนแผลไฟไหม้ที่ต้นแขนผม

“ผมรักคุณ...รักทุกอย่างของคุณ”

ผมไม่เคยเสียใจกับรอยแผลเกียรติยศเลยสักครั้ง แม้มันจะน่าเกลียด หยาบกร้าน แต่กลับเป็นความภาคภูมิใจที่สุด และในตอนนี้ ผมก็รู้สึกเช่นนั้นจากใจ

ดีเหลือเกินที่คาร์เรย์อยู่กับผมตอนนี้

อย่างน้อย...ผมก็ได้รู้ว่ายังมีคนคนหนึ่งรักผมหมดหัวใจจริงๆ!


---------------

ยังแค่เริ่มต้นความดราม่าของเจย์เดนค่ะ และในตอนหน้าเลียมจะมีบทบาทมากขึ้น เราจะพยายามมาอัพให้สม่ำเสมอ หวังว่าทุกคนจะติดตามและร่วมลุ้นไปกับหนุ่มๆ นะคะ  :monkeysad:

ปล.ปุจฉา...พ่อของเลียมจะรอดหรือไม่


ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :a5: :a5: :a5:  หักมุม
ชอบคาร์เรย์ ความรักที่ทำได้ทุกอย่าง ดูอบอุ่น  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ชอบอ่า ดูจิตๆดี คือคนอ่านน่ะจิต :laugh:
มันขัดแย้งกันดีนะคะ การบรรยายเป็นไปอย่างนุ่มนวล แต่พระเอกเรานี่(คาดว่าเป็น)ฆาตกรตัวเอ้เลยนะ :katai1:
ทำเอาลุ้นตลอดเลยว่าจะมีใครตายอีกไหม :z3:

ออฟไลน์ Fellina

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
เพราะนี่เป็นนิยาย เลยอยากบอกว่า
ฆาตกรก็ช่างสิ! คาเรย์ >///////<

แต่ถ้าเป็นชีวิตจริง....
เรากังคงสติลเลือกคาเรย์ต่อไป
กับคนที่มอบทุกสิ่งทุกอยากให้เรา
รักในทุกอย่างที่เป็นเรา
คอยเฝ้ามอง เฝ้าตามหา เฝ้าดูแล
จะหาใครอย่างนี้ได้บ้างไหมนะ

หวังว่าเจย์เดนจะทำให้คาเรย์ฆ่าน้อยลงนะคะ
ไม่ได้หวังให้คาเรย์เลิกฆ่าคน
เพราะไม่งั้นเรื่องนี้คงไม่เกิด555

แต่เอาเป็นว่า เราหลงในความจิต ความรัก ความลึกลับ และความโหดขอฮี
เราจึงยังคงปักป้ายโบกธง คาเรย์เอฟซี ต่อไป อิอิ

ออฟไลน์ hikikomori

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-4
อร้างงงงง ชอบพระเอกโรคจิตแบบนี้ละค่า
มันช่างได้ฟีลจริงๆเลย

อยากให้แสดงความรู้สึกด้านคาเรย์บ้าง
ขอแบบหนุ่มสองบุคลิคโรคจิตเบาๆเลยยิ่งดี อิอิอิอิ

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ห้ะ ช็อคแปป  :a5:

โอ๋ๆเจย์เดนอย่าเสียใจไปเลยลูกไปซบอกคาร์เรย์ซะนะ  :hao7: :hao6:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
คนเขียนอย่าเขียนให้นายเอก ทรยศหรือระแวงคาเรย์

เลยนะถ้าเขียนจิงๆเราคงสงสารคาเรย์

หรือเรื่องนี้มีหักมุม

Viper_Wa

  • บุคคลทั่วไป
รักมากจนขนลุกเลยคับคาร์เรย์อ่ะ  o22 น่ากลัวนะแต่ชอบแนวนี้ 555   :hao7: รอติดตามตอนต่อไปนะคับเปนกำลังใจให้  o13  :mew1:

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
โอ้ คดีพลิก เจย์เดนโครตน่าสงสาร

ดีนะ ที่มีคาเรย์อยู่ด้วยตอนนี้

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
พ่อก็น่าสงสารมากนะ กดดันจากทุกๆอย่าง ทุกทาง :monkeysad:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด