
คำเตือน....นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาจากมโนครับผม
มโนที่สองจุดสอง.... T25 (ต่อ)
เมื่อตรวจร่างกายประจำปีกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลการตรวจเป็นอย่างไรกันบ้าง มาดูกันครับ
ไอ้หน่อย..... เลือดจางนิดหน่อยครับผม
ประมาณมีเม็ดเลือดแดงในเลือดน้อยกว่าค่ามาตรฐานน่ะครับ
ทำให้ออกซิเจนในเลือดน้อย ส่งผลให้มีภาวะซีด มีอาการใจสั่น
การรักษาเบื้องต้นที่ผมได้รับ คือ การได้ธาตุเหล็กมากินหนึ่งถุง และคำแนะนำ
ให้กินอาหารประเภทที่มีธาตุเหล็กและวิตามินบีในปริมาณสูง งดอาหารที่ยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก ได้แก่ ชา กาแฟ
กินยาพอไหว กินอาหารตามคำแนะนำพอได้ แต่งดชา กาแฟ...
โห...ไอ้หน่อยมันขายกาแฟ แล้วงี้จะลดละเลิกได้เหรอเนี่ย
“เลิกไม่ได้ใช่ไหมครับ..งั้นก็ปิดร้าน เลิกกิจการไปเลย”
เฮียมี่หน้าตาจริงจังมากอ่ะ จริงๆเฮียแกก็อยากให้ผมช่วยงานแม่เฮียกับเจ๊อ๋องแบบเต็มตัวมากกว่า
เพราะร้านกาแฟของผมที่มีเฮียเป็นนายทุนหนุนหลัง ก็ไม่ได้ทำกำรี้กำไรอะไรมากนัก
แต่ผมไม่ยอมครับ ขืนอยู่แต่ที่ร้านแม่เฮียกับบ้านทรายทอง ผมคงตัดขาดจากโลกภายนอก
อาหารตาอาหารใจก็คงจะไม่มีมาให้เสพย์
ก็ที่ร้านมีแต่คนงาน คนรถ เซลส์ และพวกอาแปะอาอึ้ม ไอ้หน่อยเฉาตาย

“เลิกได้ครับ เลิกเด็ดขาด ผมจะไม่แตะชา กาแฟ เลยด้วย”
แอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง..แหะๆ
“ได้...อย่าผิดคำพูดล่ะ เฮียจะให้เด็กๆคอยดู”
เฮียไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่า”คบเด็กสร้างบ้าน”รึไง...คริคริ
“อย่าลืมนะครับ....ว่ามีกล้องวงจรปิด”
“แป่ว...”
ไอ้กล้องวงจรปิดเปิดเนี่ยมันเป็นของแถมที่เซลส์เอามาแจกอ่ะครับ
ให้ซะหลายตัว จนเหลือใช้เฮียเลยเอามาติดให้ที่ร้าน
โจรกระจอกที่ไหนจะมาขโมยเครื่องต้มกาแฟเนอะ...บ้าบอ

ส่วนผลการตรวจของเฮียก็ปกติ มีเพียงระดับไขมันในเลือดที่สูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย
ซึ่งไม่ต้องกินยา เพียงแต่ต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกาย
สรุป...ผมกับเฮีย นอกจากต้องดูแลเรื่องอาหารให้สมวัย “หลักสี่” ก็เป็นการออกกำลังกาย
หลักของการออกกำลังกายตามหลักทางการแพทย์ คือ
ต้องได้เหงื่อ หัวใจเต้นแรง และออกกำลังกายครั้งละ20-30นาที สัปดาห์ละสามวัน
“เฮียๆ ที่เราออกกำลังวิ่งรอบเตียงกันมันก็น่าจะได้แล้วนะครับ”

ผมเสนอแนะเฮียเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดที่คาดว่าจะมาถึงตัว
“ยังไงครับ”
เฮียนั่งพิงพนักโซฟา และยกแขนกอดอก นิ่งฟังอย่างตั้งใจ
ไอ้หน่อยรีบคว้ารีโมททีวีมาปิด นาทีชีวิตต่อไปนี้จะชี้ชะตาไอ้หน่อย
หากผิดพลาดนั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันไอ้หน่อยอย่างแน่นอน
“ข้อแรก....วิ่งรอบเตียง ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว”
ผมชูนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วยิ้มประจบเฮียที่ทำหน้าเฉยชาแกมระอาระคนเอ็นดู(มั๊ง)
ชูนิ้วกลางไม่ได้นะครับ...เดี๋ยวหัวแบนๆของผมจะหลุดจากบ่า
“เห็นด้วยใช่มั๊ยอ่ะ...”
ผมคาดคั้นจนเฮียจำใจพยักหน้าเล็กน้อยเกือบดูไม่ออก
“ข้อสอง...เวลาที่ใช้...มากกว่าสามสิบนาที...เนอะ”
อายปากวุ๊ย แต่คุ้มค่า
คราวนี้เฮียยิ้มกว้างแถมยืดอกอย่างภาคภูมิใจในประสิทธิภาพและสมรรถนะ
“ข้อสุดท้าย...สัปดาห์นึงไม่ต่ำกว่าสาม...เย้ย...”
เฮียดึงผมเข้าไปกอดโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
เลยถลาไปนั่งคร่อมบนตักแก(สาบานป่ะ)...มี่หน่อยโพสิชั่น

“ร้ายนักนะครับ...ขี้เกียจออกกำลังกายใช่มั๊ย”
ว่าเฉยๆดิ..บีบก้นเค้ามัยเนี่ย
ผมกับเฮียเริ่มออกกำลังกายเบาๆด้วยการตีปิงปองที่บ้าน
ยังจำโต๊ะปิงปองที่บ้านเฮียได้มั๊ยครับ อยู่มานานนับสิบปี ได้ฤกษ์เอาออกมาปัดฝุ่น
“เคร้ง”
“เฮ่ยยย...ไม่เล่นแล้ว...เหนื่อย”
วันแรกเล่นได้ไม่ถึงสิบนาทีผมจะหน้ามืดเอา
“อะไรกันไม่เท่าไหร่เหนื่อยแล้ว..หึ..หึ”
เฮียมี่เดินไปเก็บลูกปิงปองที่แกตีมาทางผม แล้วผมไม่รับ(รับไม่ได้) แถมยังทิ้งไม้เฉยเลย
“เฮียลองมาวิ่งเก็บลูกดิ...เวียนหัวไปหมดแล้วเนี่ย”
ไม่ได้ออเซาะนะครับ คุณลองมาตามเก็บดูบ้างสิ หมุนไปหมุนมา ก้มๆเงยๆจนบ้านหมุน
“ตีไม่ได้เอง ขนาดยังไม่ใช้ลูกตบนะครับ...หึหึ”
“รู้สึกจะสนุกมากนะเฮีย...เชอะ”
ผมสะบัดหน้าแล้วรีบชิ่งเข้าบ้าน..ฮะ..ฮะ...รอดแล้วไอ้หน่อย

วันต่อมา...
“ไปแต่งตัวไป...จะพาไปวิ่ง”
“ห๋า..ไรอ่ะ...หิวข้าวแล้วเนี่ย”
ช่วงนี้เฮียเลิกงานปุ๊บตรงดิ่งมาที่ร้านกาแฟปั๊บ ไม่ถึงสี่โมงครึ่งเป็นได้เห็นหน้าเฮีย
“สี่โมงครึ่ง...ยังไม่หิวหรอกครับ”
เฮียดูนาฬิกาที่ข้อมือ
ที่บ้านทรายทองเราจะดินเนอร์กันในช่วงหกโมงครึ่งถึงทุ่มครับ
“เฮีย..เอาจริงอ่ะ”
ผมเกาะแขนเฮียอย่างประจบ แต่ไม่ได้ผล

“ยิ้มหน่อยสิครับ ออกกำลังกายจิตใจต้องแจ่มใส”
เฮียมี่วิ่งน๊อครอบผ่านมา คือแกวิ่งนำผมไปจนวิ่งวนมาทันอีกครั้ง
หนึ่งรอบเล็กของสนามกีฬาก็ประมาณ สี่ร้อยเมตร
เฮียแกวิ่งเหยาะบ้างเร็วบ้างสักแปดถึงสิบรอบ
ไอ้หน่อยเดินบ้างวิ่งเหยาะๆบ้าง...ทุ่มสุดตัวสุดกำลังได้สี่ถึงห้ารอบ
ก็ต้องหายใจทางปาก ลงนอนแผ่ข้างสนาม

“เฮีย...ทำไมดาวบนฟ้ามันขึ้นเร็วจัง”
ผมลืมตามองท้องฟ้าที่ยังสว่างจ้า
ดาวที่บ้านผมมันทำไมขยันจังวุ๊ย เฉิดฉายกันเต็มฟ้า
“ปุ๊บ”
ผ้าเย็นผืนไม่เล็กนักถูกวางโปะที่หน้าหล่อๆของผม
“ลุกได้แล้วครับ...อายเด็กๆมั่ง”
เฮียทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
ผมหยิบผ้าออกจากหน้า
“โลกเราหมุนรอบตัวผมแล้วเฮีย หมุนไม่หยุดเลยอ่ะ”
ผมต้องหลับตาลงจะตายเอา
“นี่แหละ...นั่งอยู่แต่หน้าคอม”
เฮียแย่งผ้าเย็นในมือของผมมาเช็ดหน้าให้ผม
“โห...ถ้าจะแรงขนาดนี้ไม่ต้องเลยป่ะ”
ผมปัดมือเฮียออก แล้วลุกขึ้นนั่ง
อารมณ์นี้อะไรรอบตัวมันก็ดูน่าหงุดหงิดทั้งนั้นล่ะครับ
โดยเฉพาะคนข้างตัวที่บังคับจิตใจผม

“เฮ้อ….”
เฮียมี่ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนค้ำหัวผม เสียวๆแกจะกระทืบเหมือนกัน(กล้าเหรอ..เฮีย)
แล้วเฮียมี่ก็...วิ่งเหยาะๆออกไป
ผมนั่งกอดเข่าดูแผ่นหลังของเฮียที่ห่างออกไป อืมมมม...มุ่งมั่นดีจัง
“ผมจะเป็นกำลังใจให้นะครับ...ที่รักของไอ้หน่อย”
เมื่อเฮียวิ่งหายลับตาไปแล้ว
ไอ้หน่อยก็คว้าเป้ใกล้มือหยิบมือถือออกมา อ่านนิยายดีกว่า...อิอิ

ไปวิ่งกันได้ไม่กี่ครั้งผมก็ถอดใจ ทั้งร้อนทั้งเหนื่อยทั้งเหนียวตัว (ได้ข่าวว่าออกกำลังกายนะแก)
“เฮีย...ผมไม่อยากไปวิ่งแล้วอ่ะ น่องปูดหมดแล้วเนี่ย”
ผมไม่ชอบน่องปูดๆเลยครับมันดูน่ากลัวสำหรับผม คิดภาพขาลีบๆแต่น่องโป่งๆสิครับ..
“นั่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา”
เฮียมี่ทำหน้าขบคิด
“งั้นไปฟิตเนสกัน”
คราวนี้ไอ้หน่อยแต่งตัวเตรียมพร้อมตั้งแต่กลางวัน โดยที่เฮียไม่ต้องเคี่ยวเข็ญเลยครับ

ในฟิตเนสคลาคล่ำไปด้วยหนุ่มน้อยนักกีฬา พวกผู้หญิงกะวัยผู้ใหญ่มีไม่กี่คนครับ
ไปทางไหนก็มีแต่คนหันมามองและทักทาย เค้า..."HOT"อ่ะ
“หวัดดีครับหมอ...มาออกกำลังเหรอครับ”
“หวัดดีครับหมอ...ไม่คิดว่าจะเจอหมอที่นี่เลยครับ”
“หวัดดีครับหมอ...จะใช้เครื่องนี้มั๊ยครับ เพิ่งมาใหม่”
“หวัดดีครับหมอ...บลาๆๆๆๆ”
เชอะ...ที่แท้ก็ด้วยบารมีเฮียอีกตามเคย

แต่ก็โออ่ะนะ อาหารตามากมาย
ถ้าเลือดกำเดาผมไหล...เลือดมันจะจางจะน้อยกว่าเดิมมั๊ยเนี่ย
“หน่อย...หน่อย....อย่าหยุด”
“หน่อย...หน่อย...อย่าเหม่อ”
“หน่อย...หน่อย...มาลองเครื่องนี้สิ”

“เฮ้อ...ขอความสงบหน่อยได้มั๊ยเฮีย”

ผมถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญใจ เฮียทำลายสมาธิผมตลอด...ให้ตายสิ
“มองโน่นมองนี่ ทำไมไม่ตั้งใจล่ะครับ”
น้ำเสียงและสีหน้าบึ้งตึงทำให้ไอ้หน่อยต้องตัดใจกับอาหารตารอบข้าง
ไม่ดูก็ได้...สูดกลิ่นเอาก็ได้
อืมมมม...ในฟิตเนสที่ติดแอร์ทำให้กลิ่นเหงื่อกระจายไปทั่วในอากาศ
กลิ่นของความแมน กลิ่นของกล้ามเนื้อแน่นๆ กลิ่นของลมหายใจ กลิ่นเหงื่อ...อ๊ากกกก
“เฮียๆ....เลือดกำเดาผมไหลอ่ะ”

ไปฟิตเนสแค่วันเดียว...ครั้งเดียว(เสียดายจุง)

วันต่อมา..
“อ้าว...ไม่ออกกำลังอ่ะ”
รถที่ผมนั่งวิ่งไปในเส้นทางเข้าสู่ตัวจังหวัด ทำให้ผมต้องหันไปถามพลขับ
“ไปบิ๊กซีกันครับ”
เฮียตอบนิ่งๆ

“เครื่องนี้นะครับ..บลาๆ......”
น้องพนักงานผู้ชายแผนกเครื่องกีฬาสองสามคนมะรุมมะตุ้มเฮีย
แฟนเค้าหล่ออ่ะดิ
แหะๆ...เปล่าหรอกครับ น้องมันสาธยายคุณสมบัติของเครื่องออกกำลังกาย
เฮียไม่พูดกับผมสักคำ ไม่คิดจะถามความเห็นผมบ้างเลย
ก่อนที่เฮียจะยื่นบัตรเครดิตไปให้น้องมัน ผมรีบสกัดกั้น
“เฮียๆ...เอาแค่แป้นยืนหมุนๆหรือห่วงฮูลาฮูปก็พอนะเฮีย เปลืองตังค์เปล่าๆ”
คนเราต้องรู้คุณค่าของเงินใช่มั๊ยล่ะครับ เครื่องออกกำลังกายตัวนึงหมื่นต้นๆ...แพงไป๊
“กลัวไม่คุ้มก็ต้องขยันใช้ครับ”
เฮียแกะมือผมออกอย่างไม่ลังเล
แล้วยื่นบัตรเครดิตให้น้องพนักงานที่ยืนยิ้มที่ขายของได้

“เมื่อยอ่ะ...ทำไมไม่ซื้อแบบลู่วิ่งล่ะเฮีย”
ไอ้เครื่องที่เฮียซื้อมามันต้องทั้งดึงแขนยกขา
ต้านกับน้ำหนักของตุ้มถ่วงน้ำหนัก
“ทำไป...อย่าอู้ครับ”

เฮียมี่ยืนคุมอย่างเข้มงวด
“ผมไม่อยากมีกล้ามนี่นาเฮีย...เฮ้อ...”

เครื่องตัวนี้มันคงเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมั๊งครับ
เฮียจะมาคาดคั้นเอาอะไรกับผมนักก็ไม่รู้
“อ้าว...เห็นเรามองกล้ามเด็กในฟิตเนสจนน้ำลายยืดเลือดกำเดาไหล เฮียก็คิดว่าอยากมีกล้ามน่ะสิ”
โห...แกหึงข้ามวันเลยวุ๊ย หึงโดยที่ผมไมรู้ตัว
“มันใช่เรื่องมั๊ยเฮีย หึงหน้ามืด หึงเสียตังค์”

ผมได้จังหวะ...ชิ่งหนี
โดยแกล้งทำ....โมโหฉุนเฉียว
แล้วรีบลุกออกจาก.....เครื่องออกกำลังกาย...คริคริ

******************************************************************************
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และการติดตามครับผม
จีสตริง...เป็นของสะสมของผมที่ใช้ได้จริง...ก๊ากๆๆๆ
ตอนหน้าพบกับ....Shaun T ครับผม
