>>Sweet Debt<<หวานใจนายลูกหนี้ ตอนที่ 22 P.5 จบแล้วจ้า 09/08/57
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >>Sweet Debt<<หวานใจนายลูกหนี้ ตอนที่ 22 P.5 จบแล้วจ้า 09/08/57  (อ่าน 83112 ครั้ง)

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
สวัสดีจ้า ขอฝากเนื้อฝากตัวก่อนเลยนะคะทุกท่านสมุนเป็ด

เราเคยแวะเวียนมาที่นี่บ้างเป็นครั้งคราว เคยอ่านนิยายที่นี่อยู่บ้าง ชอบมากๆ

เมื่ออ่านของคนอื่นแล้ว ก็อยากจะเขียนให้คนอื่นอ่านบ้าง แบ่งกันไปเนอะ

เรื่องแรกที่พยายามเขียนก็เลยเป็นรูปเป็นร่าง พล็อตเรื่องหวานๆทั่วไป เน้นความน่ารักของพระเอกกับนายเอกไปนะคะ อ่านสบายๆ

ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกทีจ้า  :call:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2014 22:14:04 โดย 9cats »

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

******************************************************************************




ตอนที่ 1
“ถ้าหากพี่ต้องการอย่างนั้นแล้ว ผมก็ไม่ขัด”  เสียงของญาติผู้น้อง ผู้มีตำแหน่งเป็นนายของชายหนุ่มไปพร้อมๆกันเอ่ยเรียบ เข้าการตัดสินใจของชายหนุ่ม

“ขอบใจ ซือม่าน” คนเป็นพี่ยิ้มบางให้น้องชาย

“พี่อี้หลิง” เสียงหวานของหญิงสาวข้างๆเขาเอ่ยอีกชื่อของเขาที่ใช้ยามอยู่ฮ่องกง น้ำเสียงเจือความกังวล

“อย่ากังวลเลยเพ่ยจือ อย่างนี้ดีแล้ว” ชายหนุ่มยืนยันหนักแน่นกับน้องสาวที่มีสายเลือดเกี่ยวดองกัน

“พ่อของพี่ทรยศตระกูล พี่ก็ไม่สมควรมีหน้าอยู่ต่อ พี่คิดทบทวนดีแล้ว เป็นการดีต่อตัวพี่เองและทางนี้ด้วย”
หลังจากพ่อของเจเดนซึ่งมีศักดิ์เป็นอาแท้ๆของประมุขตระกูลชานซึ่งได้แก่ซือม่าน ได้ถูกปลิดชีวิตข้อหาทรยศแล้ว ตัวเขาที่เป็นลูกแท้ๆจึงไม่คิดที่จะอยู่อาศัยร่มเงาเดิมอีก

 ไม่ดีนัก หากมีคนคอยกังขาในตัวเขาเพราะสายเลือดของพ่อ

แม้ตัวเขาเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับแผนการของพ่อที่ผ่านมาเลยก็ตาม เพราะตัวเขาเองอยู่ในประเทศไทยตลอดเวลา พ่อส่งเขาไปคุมสาขาในไทยเพราะความเป็นสายเลือดฮ่องกงแค่ครึ่งเดียวทำให้ไม่เป็นที่ยอมรับในตระกูลเมื่ออยู่ในกลุ่มที่นี่นัก ชายหนุ่มได้สายเลือดอีกครึ่งจากแม่ชาวรัสเซียผู้ไม่เคยแม้แต่จะได้เห็นหน้าสักครั้ง

เมื่อธุระทุกอย่างจัดการเป็นที่เรียบร้อย เจเดนเดินทางออกจากฮ่องกงทันที

ธุรกิจใต้ดินทั้งหมดของตระกูลชานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเขาอีก

ไม่มีสิ่งใดสำคัญกับเขาในผืนแผ่นดินแห่งนี้

ทิ้งอดีตไว้.....เบื้องหลัง

เมื่อได้รับการยินยอมจากนายใหญ่ ชายหนุ่มก็เหลือแค่สะสางและร่ำลาเล็กน้อยกับที่ที่เขาคุ้นเคยมาตลอดตั้งแต่ก้าวย่างเข้ามาในผืนแผ่นดินไทย

“แล้วต่อจากนี้นายจะเอาไงต่อ ยังไงก็กลับมาดื่มด้วยกันบ่อยๆแล้วกัน คนที่นี่ต้อนรับนายตลอดนะเจ”  ชายหนุ่มผู้สูงวัยกว่าเจเดนเล็กน้อยตบหลังตบไหล่ชายหนุ่มเป็นการอำลารุ่นน้องคนสนิทที่อยู่ในความดูแลมานาน

 “ขอบคุณครับพี่กริชที่คอยช่วยเหลือผมมาตลอด แล้วผมจะมาดื่มกับพี่บ่อยๆครับ” เจเดนสวมกอดร่ำลาชายหนุ่มผู้พี่ที่เหมือนพี่ชายแท้ๆ แล้วเดินกลับออกมาจากบาร์หรูที่ในอดีตนั้นแทบจะเหมือนออฟฟิศของเขา

 เจเดนหันหลังมองสถานที่คุ้นเคยรอบๆตัว ที่ๆเขาคุ้นเคยมายาวนาน คนภายนอกอาจมองว่าเป็นแหล่งอบายมุข เขาไม่เถียง แต่อีกด้านมันคือที่ๆเขาใช้ชีวิตมามากกว่าสิบปี และเขากำลังหันหลังให้กับมันจากนี้ไป

ชายหนุ่มตัดสินใจถอนตัวทันทีจากวงการมาเฟียหลังจากพ่อแท้ๆของตนที่ฮ่องกงตาย เนื่องจากพ่อทรยศหักหลังหัวหน้ากลุ่มที่เป็นหลานแท้ๆของตัวเอง ปัวเจียคิดชิงอำนาจจากซือม่านแต่ไม่สำเร็จ ผลของการทรยศจึงย้อนเข้าหาตัวอย่างไม่มีทางหนีพ้น
เจเดนไม่ได้รู้สึกเสียใจต่อการจากไปของพ่อสักนิด แน่นอน เพราะเขาผูกพันกันเพียงสายเลือดเท่านั้น พ่อไม่เคยเลี้ยงดูอุ้มชูเขาด้วยตนเอง พ่อไม่ได้ตั้งใจให้เขาเกิดด้วยซ้ำ แต่เมื่อเขาเกิดมาพ่อก็ไม่ได้รังเกียจ เพราะเหมือนได้แขนขาเพิ่มขึ้นมาด้วยเพราะลูกนั้นเป็นผู้ชาย เขาถูกเลี้ยงดูที่ฮ่องกงจนอายุสิบห้าปี และถูกส่งมาอยู่ที่ไทยเพื่อที่จะเรียนรู้การดูแลสาขาธุรกิจในไทยของกลุ่มมาเฟียจากฝั่งตะวันตกของเกาะฮ่องกงที่มีสัญลักษณ์เป็นหงษ์เพลิง

เจเดนนั้นมีสายเลือดครึ่งหนึ่งจากแม่ซึ่งเป็นผู้หญิงรัสเซีย แม่เป็นหญิงขายบริการที่อยู่ในความดูแลของมาเฟียรัสเซียที่พัทยา และถูกส่งมาเป็นของกำนัลปรนนิบัติพ่อของชายหนุ่มอยู่พักใหญ่

ไม่ทันรู้ตัวเธอก็ตั้งครรภ์ ปัวเจียรอจนรู้ว่าเด็กในท้องเป็นผู้ชาย เขาจึงไม่สั่งให้เอาเด็กออก แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อเด็กเกิดแล้ว ต้องตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาผู้เดียว ปัวเจียให้เงินก้อนหนึ่งแก่หล่อนเพื่อกลับไปตั้งตัวที่ประเทศของตนเอง ชายหนุ่มจึงไม่เคยได้พบหน้าแม่ของเขาเพียงสักครั้งเดียว



“เฮ้ย อะไรวะ ปล่อยโว้ยย!”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นหาต้นเสียงโวยวายของใครสักคนที่ดังขึ้น ภาพที่เขาเห็นคือเด็กผู้ชายตัวเล็กบางที่กำลังตั้งการ์ดจะสู้กับลูกน้องตัวโตๆสองคนของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย เจเดนรู้ว่าลูกน้องสองคนไม่ได้เอาจริงเอาจังอะไร เขาจึงไม่ได้คิดห้ามปราม เพียงแค่ยืนดูอยู่ห่างๆ


เขารู้สึกตลกดีที่เห็นร่างบางนั้นคิ้วขมวด พยายามตะแบงเสียงข่มความกลัว ตัวนิดเดียวแต่ใจสู้น่าดู ลูกน้องเขาก็คงว่างมากหรือไม่ก็ประสาทเสียที่มาแกล้งเด็กหนุ่มตัวเล็กๆเล่นแบบนี้

“เอ้าๆ พอได้แล้ว ไม่มีงานมีการทำหรือยังไง”

หลังจากคนตัวเล็กตรงหน้าเริ่มหอบเหนื่อยแถมดูจะไม่จบง่ายๆ เขาจึงปัดรำคาญยื่นมือออกไปห้ามปรามคนของเขาให้เลิกเล่นสนุกได้แล้ว เมื่อลูกน้องของเขาเลิกการละเล่นแล้วกลับไปทำหน้าที่อย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ก้าวขาออกเดิน เขาไม่ได้มีธุระอะไรกับเด็กนี่

“เดี๋ยว!” ชายหนุ่มชะงักเท้าเมื่อเสียงแหวดังขึ้นจากคนตัวเล็ก

“จำไว้นะพวกคุณน่ะ คนล้มอย่าข้ามนะโว้ย ถ้าผมไม่เดือดร้อนก็ไม่มาก้มหัวขอกู้เงินดอกเบี้ยมหาโหดขนาดนี้หรอก โถ่ ถ้ารวยเมื่อไหร่จะมากว้านซื้อที่ให้หมดเลย เอาเซ่!” คนตัวเล็กพาลพาโล ตะโกนเสร็จก็หอบร่างโยน เดินฮึดฮัดจากไป ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนงง
อะไรจะใจกล้าขนาดนี้  รู้ไซส์ตัวเองบ้างรึเปล่า เขาไม่แปลกใจเลยที่ลูกน้องเขาจะแหย่ลูกหมาตัวนี้เล่น

 ชายหนุ่มเดินผิวปากออกไปที่ลานจอดรถ แดดเปรี้ยงๆตอนบ่ายแก่ๆทำให้เขาต้องหยิบแว่นกันแดดราคาแพงขึ้นมาสวม รูปลักษณ์ของเขาตอนนี้ หากจะไปยืนอยู่บนรันเวย์เดินแบบก็ไม่ได้ขัดหูขัดตาเลย

เมื่อร่างสูงเดินพ้นมุมตึกไปทางด้านหลัง สายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มจอมโวยเมื่อกี้กำลังก้มเก็บของบางอย่างจากพื้นข้างๆรถของเขา เมื่อเพ่งมองก็เห็นว่านั่นเป็นกระเป๋าเงินของเขาเอง

“ชิบหาย เอ๊ย โชคดีจังวะ เป๋าตังใครวะ ต้องเป็นของเจ้าของรถนี่แน่ๆ แม่งเอ๊ย รถหรูขนาดสิบล้าน เงินในกระเป๋าจะมีสักเท่าไหร่เนี่ย” ร่างเล็กดีใจรีบเปิดดู แต่แล้วก็ปิดหมับทันควัน

 “ห่า นี่กุริอ่านจะเป็นขโมยแล้วหรอวะ อาม่ารู้เข้าจะเป็นไงวะเนี่ย แต่ตอนนี้ก็ต้องใช้เงินจริงๆนี่หว่า เอาไงดีวะ” เด็กหนุ่มคิดไม่ตก ก้มลงนั่งยองๆยีหัวตัวเองจนยุ่ง เดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิดกระเป๋าเงินนั้น โดยที่ก็ไม่ยอมเปิดดูจำนวนเงินข้างในสักที

ทุกอย่างอยู่ในสายตาของชายหนุ่มที่ยืนขำอยู่เงียบๆกับท่าทีสับสนนั่น และนึกแปลกใจว่าหากเป็นเขาก็คงหยิบๆเงินนั่นไปให้จบๆแล้วก็เก็บกระเป๋านั่นไปทิ้งถังขยะไกลๆหน่อยแค่นั้น ทั้งๆที่ปากบอกว่าร้อนเงินแต่ทำไมจึงดูลังเลนัก นึกอยากแกล้งคนตัวแสบสักหน่อย


“นั่นของชั้น”



 :กอด1: ขอบคุณแอดมินที่เข้ามาแนะนำกฎและก็คุณสมุนเป็ดที่มาช่วยเตือนนะคะ แหม่ เกือบผิดกฎซะแล้วนะนี่

หากทำผิดอะไรต้องขออภัยไว้ก่อนนะคะ ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวเท่าไหร่ ต้องขอคำแนะนำอีกเยอะแยะเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2014 09:16:26 โดย 9cats »

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อย่าลืมลงกฏของที่นี่ด้วยนะจ้ะ   :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
  :mc4: :mc4:

จริงๆแล้ว ตัวละครเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับอีกเรื่องที่กำลังแต่งอยู่คือ Bullet&Heart ดังนั้นอาจมีการพูดถึงตัวละครบางตัวที่ฮ่องกงบ้างนะคะ ส่วนเรื่องนี้ เขียนนำไปก่อนเยอะมากเลยขอมาลงก่อน เนื้อเรื่องสบายๆ ใครชอบอะไรน่ารักๆก็ฝากตัวด้วยค่า


ตอนที่ 2

คนตัวเล็กสะดุ้งสุดตัว เมื่ออยู่ดีๆก็มีมือคว้าหมับเข้าที่กระเป๋าเงินในมือ เมื่อเงยหน้าก็ยิ่งรู้สึกขาสั่นเมื่อคนตรงหน้าคือคนที่เขาเพิ่งจะโวยใส่ไปเมื่อครู่

ชิบหาย....แน่ๆแล้ว

“เอิ่ม......คือ......เอ่อ.......ผมไม่ได้ขโมยเงินคุณนะครับ คือแบบ.....แค่เห็นมันหล่นอยู่เฉยๆ” เด็กหนุ่มรีบแก้ข้อกล่าวหาทั้งที่ยังไม่มีใครกล่าวหาเลยสักคน แต่พลันก็นึกอะไรขึ้นได้

“เดี๋ยวนะ กระเป๋าของคุณแน่หรอ มีอะไรมายืนยัน คุณก็เป็นพวกนักเลง ผมจะไปเชื่อถือคุณได้ยังไงว่าคุณไม่คิดจะอมเงินนั่นไปเอง”
อย่างน้อยถ้ากระเป๋านั่นอยู่ในมือเขาก็ว่าจะรอคืนให้เจ้าของรถนี่ เผื่อจะได้เงินรางวัลตอบแทนบ้าง แต่ถ้าหมอนี่เอาไป นอกจากเจ้าของกระเป๋ายังไม่ได้คืนแล้ว เขาก็อดได้รางวัลที่อาจจะพอมีหวังด้วย นกสองตัวที่จะยิงด้วยกระสุนนัดเดียวอาจบินหายไปหมด

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว เยาะยิ้มด้วยมุมปากกับความใจกล้าของเด็กนี่อีกแล้ว เขาเปิดกระเป๋าหยิบสิ่งหนึ่งออกมาอย่างคล่องแคล่วด้วยความคุ้นมือ

บัตรประชาชนใบสีฟ้าถูกหยิบขึ้นมาเทียบกับใบหน้าหล่อให้เห็นชัดๆถึงหลักฐาน

ร่างบางจ้องสับไปมาระหว่างรูปในบัตรกับใบหน้าของชายหนุ่มหลังถอดแว่นกันแดด ชัดเจนว่าเป็นคนเดียวกัน แถมยังแอบอ่านชื่อเสียงเรียงนามอีกด้วย

“เจเดน ชาน”

“ศาสนาคริสต์? มาเฟียนับถือศาสนาด้วยหรอ......ครับ?” ไม่ลืมที่จะลงท้ายด้วยความสุภาพ เมื่อรู้ว่าตัวเองหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ ร่างบางยิ้มแหะๆ

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว เอียงคอเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้วใช่มั้ย?

ก่อนที่ร่างบางจะซอยเท้าจากไปด้วยความอายแทบแทรกแผ่นดิน เสียงจากชายหนุ่มก็ดังขึ้น

“จะเอาเท่าไหร่?”

“หา?”

“ชั้นถามว่านายจะเอาเงินเท่าไหร่”

เหมือนสวรรค์โปรด ร่างบางหันขวับแทบอยากจะวิ่งเข้าไปกอดขามาเฟียหน้าตาซุปตาร์นี่ แต่ต้องวางมาด ข่มใจไม่ให้หูตั้งหางกระดิก

“เอ่อ....คือผมไม่ได้นึกถึงรางวัลอะไรหรอกครับ เพียงแค่อยากจะคืนกระเป๋าให้เจ้าของเฉยๆ ไม่อยากเห็นคนเดือดร้อน” คนตัวเล็กทำเนียน เก็บอาการ

“ไม่ได้หมายถึงเงินรางวัล เงินแค่นิดเดียวคงไม่ทำให้นายบากหน้ามากู้เงินมาเฟียถึงที่นี่หรอก นายโชคดีที่มาเจอชั้น ต้องใช้เงินเท่าไหร่? รีบตอบมา ชั้นจะไม่ถามซ้ำอีก เข้าใจมั้ย” ชายหนุ่มรู้สึกว่าเริ่มเลยเถิดมากกว่าที่คิดจะแกล้งเรื่องกระเป๋าเอาสนุกๆ แต่แกล้งคนเล่นมันก็สนุกดี

ร่างบางอึกอัก กล้าๆกลัวๆ

“สะ สะ สองแสน” เด็กหนุ่มกัดฟันพูด เหงื่อชื้นฝ่ามือ

“ผมจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้จริงๆ ยายของผมกำลังจะต้องผ่าตัดทำบอลลูนเส้นเลือดหัวใจ เส้นเลือดตีบจนเข้าภาวะอันตราย หากไม่ผ่าในวันสองวันนี้ ยายอาจเป็นอันตรายได้ แต่ผมจนมาก ถึงจะมีที่ดินเล็กๆอยู่แต่คงไม่มีใครมารับซื้อภายในสองสามวันนี้แน่ ไม่ทันแน่ๆ เมื่อผมขายที่ได้ผมจะนำเงินมาใช้ให้ทันทีพร้อมดอกเบี้ย นะครับ” เด็กหนุ่มขอร้องด้วยหน้าตาวิงวอน

ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กตรงหน้า เขาไม่ได้รู้สึกสงสารอะไร คนที่มากู้เงินพวกเขาก็อ้างว่าเดือดร้อนทั้งนั้น เขาสนใจแค่ดอกเบี้ยที่เป็นผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับจากเหล่าลูกหนี้เท่านั้น แต่ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจตัวเงิน เขาสนใจคนตรงหน้ามากกว่า ได้แกล้งคนแก้เซ็ง

“ได้ แต่ดอกเบี้ยออกจะโหดสักหน่อยนะ นายน่าจะรู้ดี”

ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก จ้องตาคนตรงหน้า

“ผมขายที่ได้เงินเกินสองแสนแน่ๆครับ ผมมีดอกเบี้ยจ่ายแน่ๆ” ร่างเล็กรับรอง

“ ชั้นไม่อยากได้ดอกเบี้ยเป็นตัวเงิน”

ชายหนุ่มหรี่ตามอง

 “ขอดอกเบี้ยเป็นตัวของนายนี่แหละ”

เสียงกระซิบข้างหูทำร่างเล็กตัวชา ทุกสิ่งรอบตัวหายจากความรู้สึก

ได้ยินเสียงความคิดของตัวเองที่เถียงกันเอาเป็นเอาตายอยู่ในหัว

“ชิบหายแล้วไง เอาไงดี หรือจะไปกู้เงินที่อื่นวะ แต่ไปมาครบสองที่ที่พอจะหาข้อมูลได้แล้ว นอกจากไม่ได้เงินแล้ว ยังเสี่ยงโดนกระทืบตายอีก เงินก็ต้องใช้ภายในวันสองวันนี้  โธ่ ปล่อยไว้อาม่าไม่ไหวแน่ๆ มีที่ไหนเป็นแหล่งกู้เงินอีกมั้ยวะ”

เจเดนกอดอกมองคนตรงหน้านิ่ง คิ้วที่ขมวดมุ่น นิ้วมือที่จิกหากันเอาเป็นเอาตายเพราะคิดไม่ตก เขาอยากรู้ว่าเด็กนี่จะบ้าบิ่นไปกว่าเขามั้ย

ร่างเล็กคิดจนเหงื่อชื้นผุดซึมตามไรผม แต่เมื่อคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายคงไม่สึกหรออะไร แล้วความรีบเร่งใช้เงินก็บีบคั้นเหลือเกิน ในที่สุดก็ตัดสินใจเด็ดขาด

“ได้ ผมยอม” เหงื่อเม็ดโตผุดตามไรผมสีเข้ม

ชีวิตนี้......ไม่เคยคิดว่าต้องอยู่ในสภาพแบบนี้เลย

ชายหนุ่มตกใจกับคำตอบเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดว่าคนตรงหน้าจะตอบตกลงกับข้อเสนอบ้าๆของเขา ไม่ว่าเหตุผลที่ยกมาอ้างจะจริงหรือเท็จก็ไม่รู้ แต่ว่าคงต้องการเงินเร่งด่วนจริงๆ

“ได้ แต่บอกไว้ก่อนว่าดอกเบี้ยน่ะ ไม่ได้จ่ายกันงวดเดียวนะ” ชายหนุ่มแกล้งหยอดขู่อีกสำทับ คนตัวเล็กหลับตาแน่น ผงกหัวรับหงึกๆอย่างกลั้นใจ

“งั้นไปที่โรงพยาบาลกันเลย”

***********************************************************************

ฮัดช่าๆ มีผิดพลาดตรงไหน หรือควรเพิ่มเสริมแต่งที่ใด ขอความกรุณาแนะนำกันได้นะจ๊ะ รักคนอ่าน จุ๊บๆ 
:impress2: :impress2:

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ตอนที่ 3


เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าข้ออ้างที่คนตัวเล็กบอกเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ถึงแม้มันไม่ได้มีผลกับการให้กู้เงินก็เถอะ

ร่างบางเงยหน้ามองเขา หน้าตาดีใจสุดชีวิต รีบจับแขนเขาเตรียมพาวิ่งออกไปด้วยอารามดีใจเกินสติสัมปชัญญะ แต่ชายหนุ่มดึงรั้งไว้ พยักเพยิดไปทางรถของเขา แล้วกดรีโมทคอนโทรลปลดล็อครถ ส่ายหัวไม่เข้าใจ

เด็กนี่คิดจะพาเขาวิ่งไปถึงโรงพยาบาลเลยหรือไง

เสียงเครื่องยนต์ค่ายกระทิงดุสัญชาติอิตาลีดังกระหึ่มถนน เมื่อชายหนุ่มเร่งเครื่อง ถ้าช้ากว่านี้รถคงติด เพราะใกล้เวลาเลิกงาน
คนตัวเล็กลูบไล้เบาะและคอนโซลรถหรูไปทั่ว ชาติที่แล้วเขาคงทำบุญมาบ้างถึงได้มาสัมผัสกับของจริงแท้ๆ เพื่อนๆเขาคงอิจฉากันน่าดู

ชายหนุ่มยิ้มขำในหน้ากับความตื่นเต้นเหมือนเด็กเล็กๆของคนข้างๆ

“ชื่ออะไรน่ะเราน่ะ”

“ผมน่ะหรอ ชื่อเติม นายเติมใจ เรือนชล ชื่อนี้อาม่าก็ตั้งให้นะ” เด็กหนุ่มมีความสุขเมื่อพูดถึงยาย

“อายุ?”

“ยี่สิบ”

ชายหนุ่มพลันนึกถึงซือม่าน ญาติผู้น้องผู้กุมอำนาจสูงสุดในตระกูลเขา อายุเท่ากันกับคนข้างๆนี่แต่ว่าช่างดูแตกต่างกันคนละโลก ด้วยภาระที่ต้องแบกรับทำให้ซือม่านดูเคร่งขรึมเกินอายุ ส่วนคนข้างๆเขายังคงเป็นวัยรุ่นธรรมดาๆ มีชีวิตธรรมดาๆ

แต่ต่อจากนี้.......อาจไม่ธรรมดา

“นึกว่าสิบห้า หึหึ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเมื่อได้หยอกคนข้างๆ

ร่างเล็กคิ้วขมวด ใช่ซี้ เขามันเตี้ย

“คุณอะ?”

“สามสิบ”

“เหอะ ผมก็นึกว่าคุณอายุสามสิบห้า” เด็กหนุ่มแก้เผ็ด แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะไหน

“เอ่อ.....คือหมายถึงคุณดูมีราศีจับเหมือนคนที่วัยกำลังรุ่งโรจน์ไรงี้น่ะ”

ถ้าเขาไม่ใช่เจ้าหนี้ เด็กนี่จะแสบกับเขาขนาดไหนกัน

ไม่นานกระทิงดุคันงามก็มาหยุดอยู่ในลานจอดรถของโรงพยาบาล และตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนโดยรอบ รถราคาแพงนี้ควรจะไปจอดในเขตโรงพยาบาลอินเตอร์แพงระยับแถบสุขุมวิทมากกว่าโรงพยาบาลรัฐของประชาชนเดินดินนี่  ยิ่งเมื่อชายหนุ่มเจ้าของรถก้าวลงมาก็ยิ่งเกิดเสียงซุบซิบมากมายถึงรูปลักษณ์ที่โดดเด่น

“ทำอะไรอยู่ จะไม่ลงหรือไง ชั้นจะได้กลับ” ชายหนุ่มก้มลงถามคนตัวเล็กที่นั่งนิ่งอยู่บนรถ

ร่างบางรู้สึกกระดากอายขึ้นมาเพราะว่าสายตานับสิบๆคู่ที่จ้องมองมาที่รถนี่ เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ก่อนเปิดประตูรถและก้าวขาลงไป

ชายหนุ่มถึงกับกุมขมับ สายตาของผู้คนมากมายไม่เคยทำให้เขาอาย แต่ตอนนี้เขาอยากจะแทรกแผ่นดิน ร่างเล็กดึงคอเสื้อยืดขึ้นมาคลุมหัว เหลือไว้แต่ช่องเล็กให้ตามองเห็น ชายเสื้อลอยเห็นเอวผอมบาง แล้วรีบคว้ามือเขาวิ่งไปให้พ้นรัศมีสายตาของผู้คนตรงหน้า

“นายทำอะไรเนี่ยของนายเนี่ย” ชายหนุ่มเอ่ยถามระอาเมื่อทั้งคู่วิ่งมาพ้นลานจอดรถแล้ว ตอนนี้พวกเขามาหยุดอยู่หน้าลิฟต์

“ผมอาย คนมองเยอะ” ตอบหน้านิ่ง

“แล้วที่ทำนี่ไม่อายงั้นสิ ชั้นอายโว้ย”

“เรื่องของคุณ เขาไม่เห็นหน้าผมว่าเป็นใครหนิ ถ้าคุณอาย วันหลังก็ทำแบบผมก็ได้นะ”

ชายหนุ่มส่ายหน้าอีกรอบ ร่างเล็กตอบไม่แยแส ก้าวเข้าลิฟต์ที่มาถึงพอดี

“ไปชั้นเจ็ดฮะ” บอกพยาบาลให้ช่วยกดปุ่ม  แอบภูมิใจเล็กๆที่ได้เอาคืนคนตัวโตบ้าง


เมื่อถึงชั้นที่หมาย ทั้งคู่ออกจากลิฟต์ เจเดนเหลียวมองรอบๆ โรงพยาบาลนี้ก็ไม่ถึงกับเก่านัก คงได้รับเงินบำรุงจากรัฐบาลอยู่เป็นประจำ ถึงแม้บรรยากาศจะดูอึมครึมเล็กน้อย ข้างหน้าเป็นประตูเลื่อนบานใหญ่ มีป้ายข้างบนว่าห้องรวมผู้ป่วยในหญิง

ร่างเล็กเปิดประตูเข้าไปรีบเดินจ้ำนำหน้าเขาไปที่เตียงๆหนึ่ง ยังดีที่ห้องนี้มีเครื่องปรับอากาศ

“อาม่าครับ เติมมาแล้ว” หญิงชราหันมายิ้มรับหลานชายที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปกอด

“ลื้อกินไรมารึยังตี๋” อาม่าลูบหัวลูบหลังหลานรัก

ชายหนุ่มมองสำรวจ ขาข้างซ้ายของหญิงชราสั้นกุดเพียงข้อเท้า มีผ้าพันแผลพันไว้ แสดงว่าเพิ่งถูกตัดเท้าทิ้งไม่นาน คงจะเป็นเพราะเบาหวาน

 ทั้งที่โรครุมเร้า แต่แววตาของหญิงชรากลับสดใส เป็นแววตาของคนที่คิดบวกและรักษาอารมณ์ของตัวเองเป็นอย่างดี เขาเดินเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อให้อยู่ในระยะสายตาของหญิงชรา

หญิงชราหันมามอง สงสัย เมื่อเห็นคนมาใหม่

“เอ่อ......นี่ เจเดนครับอาม่า” เด็กหนุ่มเก้กัง ไม่รู้จะแนะนำชายหนุ่มเชื้อชาติผสมให้อาม่ารู้จักว่าอย่างไร เขาคงไม่ไปมีเพื่อนลูกครึ่งที่มีอายุขนาดนี้

“เติมกำลังจะมาทำงานกับผมครับ ผมจะให้เติมดูแลความเรียบร้อยที่พักของผม” ชายหนุ่มรีบตอบก่อนที่คนตัวเล็กจะสติแตก

“อ๋อออ เจ้านายลื้อหรอเติม ได้เจ้านายหล่อจังเลย ลื้อโชคดีๆ ฮ่าๆ” อาม่าหัวเราะยินดีที่เติมได้งานทำ

“เจ้านายหล่อเกี่ยวอะไรกับโชคดีล่ะม่า ไม่ได้ทำให้งานง่ายขึ้นสักหน่อย” เด็กหนุ่มยิ้มกับความอารมณ์ดีของหญิงชรา

“ใช่ งานไม่ง่ายเลย” ชายหนุ่มสบตามีนัยยะกับร่างบาง ทำเอาเติมร้อนไปทั้งหน้ากับความหมายลึกๆในคำพูดนั่น งานของเขาต่อจากนี้ คงต้องทำใจกันอีกยกใหญ่ เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง

“อาเติม ถอนหายใจทามมาย ลื้อดูแลบ้าน ทำงานบ้าน งานไม่ยากหรอก แก่ๆอย่างอั๊วก็ทำทุกวันนะ” อาม่าลูบหัวเอ็นดูและให้กำลังใจหลานรัก

“คุณรู้ม้าย อาเติมอีทำกับข้าวเก่ง เก่งเหมือนแม่อี ให้อีทำอาหารให้คุณทานด้วยก็ได้น้า”

“ดีจังเลยครับ ผมคงไม่ต้องจ้างแม่ครัวเพิ่ม” ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงชราจากใจ เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นแนบแน่นของความสัมพันธ์ยายหลานคู่นี้ ไม่แปลกใจเลยที่เด็กหนุ่มยอมเอาตัวเข้าแลก

“ผมขอตัวสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มผงกหัวให้หญิงชรา และบอกให้ร่างเล็กรอเขาที่นี่สักครู่

เติมปรนนิบัติอาม่าอย่างที่เคยทำอย่างคล่องแคล่ว พ้นหลังชายหนุ่ม เหล่าข้างเตียงก็เอ่ยทักทายเด็กหนุ่มกันขรม ซักถามเกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่ของเติมกันอย่างตื่นเต้น ไม่เว้นแม้แต่นางพยาบาล ทำให้รอบเตียงอาม่ามีแต่เสียงหัวเราะรื่นเริง

 ผ่านไปสักครึ่งชม.ชายหนุ่มก็เดินกลับมาพร้อมหมอโรคหัวใจที่ดูมีประสบการณ์ในอาชีพมายาวนาน ที่แท้เขาหายไปเพื่อติดต่อธุระเรื่องผ่าตัดทำบอลลูนเส้นเลือดของหญิงชรา เมื่อได้รู้รายละเอียดและค่ารักษาทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยจึงมาให้เด็กหนุ่มเซ็นรับรองการผ่าตัดเนื่องจากเป็นญาติแท้จริงของผู้ป่วย

หญิงชราดูกังวลเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มจะเป็นคนจัดการค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด แต่เมื่อเติมอธิบายให้อ่าม่าเข้าใจว่าเขาจะทำงานตอบแทนใช้หนี้ให้เจ้าของเงิน อาม่าจึงคลายกังวลลง เหลือเพียงความเป็นห่วงหลานรัก

“อั๊วทำให้ลื้อลำบากจริงๆเลยอาเติม” อาม่าลูบผมนุ่มของหลานชายที่ยาวปรกบ่า บางส่วนถูกรวบไว้ลวกๆ

“ลำบากไรเล่าครับม่า ม่าเลี้ยงผมมาแต่เด็กตัวคนเดียว ไม่ลำบากกว่าหรอ ผมยังเด็กมีกำลังเยอะแยะ งานอะไรผมก็ทำได้สบาย” เด็กหนุ่มยิ้มให้กำลังใจหญิงชรา

“ผมรักม่าที่สุดเลยนะ” สองยายหลานเอื้อมแขนเข้าโอบกอดกัน

น้ำตาเม็ดใสไหลลงที่แก้มของหญิงชรา เมื่อสัมผัสถึงอาการสั่นสะท้านจากไหลบางของหลานชายคนเดียว

“อย่าร้อง อาเติม อย่าร้องไห้” อาม่ากอดหลานรักไว้แน่น ลูบหัวปลอบใจ

สงสารเด็กหนุ่มจับใจในความอาภัพ พ่อแม่ก็ตายตั้งแต่ยังเล็ก เหลือเพียงหญิงชราแก่ๆที่ไม่สามารถหาเงินได้มากมาย ความเป็นอยู่ของหลานก็อัตคัตขัดสน อดๆอยากๆ ร่างกายผ่ายผอม

 “ร้องไห้แล้วลื้อไม่หล่อน้าอาเติม ไหนม่าดูหน้าหน่อยซิ” เด็กหนุ่มผละออกเงยหน้ามองหญิงชราด้วยความรักและห่วงหาอาทร ปลายนิ้วเหี่ยวย่นลูบแก้มใสเช็ดน้ำตาให้หลานชาย

เจเดนริ่มวางตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ในสถานการณ์ดราม่า เขากระแอมในคอ ทำให้เด็กหนุ่มหันมามอง และก็เพิ่งรู้ตัวว่ามีชายหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ ร่างบางรีบเช็ดน้ำหูน้ำตา รู้สึกเสียหน้าที่มาขี้แยต่อหน้าคนตัวโตนี่

“อาม่าดูแลสุขภาพนะครับ วันมะรืนต้องเข้าผ่าตัดแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวบริบทเพื่อจะขอตัว

 “สองทุ่มจะมารับนะ เบอร์โทรศัพท์ของนายล่ะ” ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ว่าเขาต้องติดต่อกันอีกต่อจากนี้ แต่ต้องขมวดคิ้ว เมื่อเด็กหนุ่มสั่นหัว

“ไม่มีโทรศัพท์งั้นหรอนายน่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆ แถมยังทำหน้าว่าเขาจะแปลกใจทำไม ไม่มีมือถือไม่เห็นจะแปลก

“ชั้นจะพาไปซื้อ ห้างยังไม่ปิด”

ชายหนุ่มยกนาฬิกาขึ้นดู ตอนนี้เป็นเวลาหกโมง หากไปแค่ห้างใกล้ๆนี่ถึงรถจะติดก็คงไม่เกินหนึ่งทุ่ม ยังซื้อทัน แต่เมื่อเห็นสายตาวิงวอนขอเวลาของคนตรงหน้าแล้วเขาก็ปฏิเสธไม่ลง เด็กหนุ่มอยากใช้เวลาอยู่กับหญิงชรา

ชายหนุ่มถอนหายใจและอนุญาต โดยตกลงว่าพรุ่งนี้จะไปซื้อโทรศัพท์ด้วยกัน

“อาเติม ลื้อดื้อกับเจ้านายได้ยังไงกัน คุณคะ พาอีไปเถอะ” หญิงชราเกรงอกเกรงไจล้นพ้น

“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าง เอ่อ...ช่วงนี้น่ะครับ”

เขาไม่มีอะไรต้องทำต่อจากนี้อยู่แล้ว งานทั้งหมดที่เคยทำ เขาได้ถอนตัวออกมาเรียบร้อยแล้ว อันที่จริงเขายังไม่มีแพลนอะไรในชีวิตด้วยซ้ำ

“ส่วนนาย หมดเวลาเยี่ยมแล้วลงไปหาชั้นที่ร้านกาแฟชั้นหนึ่งแล้วกัน” ชายหนุ่มขอตัว ปล่อยให้ร่างบางใช้เวลาอันมีค่ากับคนที่รัก


********************************************

 :z2: :z2: :z2: :z2: รักคนอ่าน รักคนอ่าน  :impress2:

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0


ตอนที่ 4

ร่างสูงเดินออกมาสูบบุหรี่ที่ลานจอดรถ ความคิดล่องลอย

 เพียงแค่คิดจะแหย่คนตัวเล็กเล่นๆในตอนแรก แต่ดันเลยเถิดมาซะขนาดนี้ ชายหนุ่มยิ้มจางๆ เขารู้สึกดีกับภาพตรงหน้าเมื่อสักครู่ ความอบอุ่นของยายหลาน เป็นภาพที่ดีไม่น้อย พลันนึกไปถึงในวัยเด็ก คนที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุดคงจะเป็นเพ่ยจือและซือม่าน ลูกพี่ลูกน้องของเขา แต่เมื่อมาอยู่เมืองไทยตอนอายุสิบห้า เขาก็แทบไม่ได้ติดต่อกันอีก ครั้นเมื่อเติบโตขึ้น การติดต่อนั้นก็เป็นเรื่องงานซะส่วนมาก จะมีก็แต่การถามไถ่สารทุกข์สุกดิบบ้างเป็นครั้งคราว ด้วยหน้าที่และฐานะทำให้การวางตัวนั้นลำบาก

การที่เขาขอถอนตัวจากกลุ่มนั้นทำให้เพ่ยจือและซือม่านตกใจไม่น้อย แต่ก็ยอมรับการตัดสินใจของเขาโดยดี ด้วยเป็นการดีต่อทั้งตัวเขาและทางตระกูล พ่อของเขาเป็นคนทรยศ ตัวเขาซึ่งเป็นสายเลือดควรยุติบทบาทลงด้วยเช่นกัน ยังดีแค่ไหนที่เขาไม่ต้องถูกกำจัดไปด้วย ก็ด้วยสายสัมพันธ์พี่น้องทำให้ซือม่านไม่คิดกำจัดเขา และยิ่งไปกว่านั้นคือความไว้เนื้อเชื่อใจ

เขาไม่มีวันทรยศซือม่าน

นอกจากเขาจะได้เดินจากมาโดยดีแล้ว ซือม่านยังมอบเงินแก่เขาก้อนใหญ่ มากพอที่เขาแทบซื้อคฤหาสถ์หลังงามได้สบายๆ และยังไม่ได้ตัดชื่อของเขาในหุ้นธุรกิจที่อยู่สาขาในไทย เพียงแค่ลดจำนวนหุ้นลงเหลือไม่มากเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่มีแพลนชีวิตอะไรต้องทำเลยในตอนนี้ เพราะว่าเขาอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน เขาคงจะเคว้งน่าดูหากไม่มาเจอตัวแสบนี่เมื่อบ่าย

คนค่อนโลกคงอิจฉาเขามากกับชีวิตอันสุขสบายของเขาตอนนี้ แต่หากตัวเขาเลือกได้เขาจะยอมทิ้งทุกอย่างเพียงเพื่อการเกิดมามีชีวิตในครอบครัวปกติ เป็นคนปกติที่ไม่ต้องมีชีวิตหรูหราอะไร ชีวิตของเขาที่มีแต่เงินและอันตรายรอบตัวอย่างที่ผ่านมาไม่เคยทำให้เขามีความสุข แม้ในตอนนี้เขาจะวางมือจากวงการแล้ว คงทำให้ชีวิตเขาปกติสุขขึ้น

แต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า เขาไม่รู้ว่าต้องเติมมันให้เต็มได้อย่างไร

ชายหนุ่มทิ้งก้นบุหรี่ลงกับพื้น ใช้รองเท้าหนังกลับคู่แพงบดขยี้ดับไฟให้มอด แล้วเดินเข้าไปร้านกาแฟเพื่อรอเวลา

ร่างสูงนั่งจิบกาแฟไปพลางอ่านหนังสือพิมพ์ไปพลาง เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ เด็กหนุ่มก็เดินมาหยุดยืนข้างๆเขา

“ยังไม่หมดเวลาเยี่ยมเลยไม่ใช่หรอ นี่เพิ่งสองทุ่มเอง อีกตั้งครึ่งชม.”

เด็กหนุ่มส่ายหน้า แล้วบอกว่าเกรงใจ

“เกรงใจเป็นด้วยหรอเราน่ะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ยีหัวคนตัวเล็กเอ็นดู เสื้อผ้าก็เก่าๆ กับรองเท้าแตะนั่น นี่เขาเก็บได้ลูกหมาข้างทางมาเลี้ยงแล้วซะล่ะมั้ง

“.......นะ” ชายหนุ่มเอียงคอเงี่ยหูฟัง เขาได้ยินไม่ชัด

“ขอบคุณนะ” ร่างบางพูดเสร็จก็วิ่งปรู๊ดออกไป ชายหนุ่มนึกขำ อาม่าคงฝึกลูกหมามาดี

เมื่อเดินตามไปจนถึงลานจอดรถ  ภาพตรงหน้าทำชายหนุ่มปวดประสาท

ตัวแสบกำลังปีนขึ้นไปบนกระโปรงหน้ารถเขาแล้วนอนคว่ำหน้าแผ่แขนขาเพื่อซึมซาบกับรถในฝัน ดีที่จอดรถไว้นานจนเครื่องยนต์เย็นแล้ว ไม่งั้นเขาคงได้เห็นจิ้งเหลนเผือกย่างบนกระโปรงรถหรู

ทั้งแสบทั้งเพี้ยนทำเขาปวดประสาทตงิดๆ

และเมื่อหันไปมองรอบๆพบสายตาหลายคู่ที่จับจ้องไปยังรถของเขาเพราะพฤติกรรมแปลกประหลาดนั่น เขาก็ต้องรีบควักแว่นกันแดดสีเข้มมาใส่อีกครั้งเพื่อบดบังใบหน้าแม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ตาม ก่อนที่จะต้องวิ่งไปห้ามยามที่กำลังจะลากเจ้าตัวแสบของเขาออกจากกระโปรงรถด้วยเข้าใจว่าเป็นพวกก่อกวน

“ทำบ้าอะไรของนาย ไม่อายชาวบ้านเขาเลยหรอไงเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นใส่ร่างเล็กหลังจากปิดประตูรถ

“ด้านได้ อายก็อด” ร่างบางยักไหล่ไม่สนใจ และพร่ำพรรณาว่าซาบซึ้งกับความงามของรถคันนี้ล้นเหลืออย่างไร ไม่รู้จะมีโอกาสได้สัมผัสอีกมั้ย ต้องรีบตักตวงไว้ก่อน

“ไว้จะให้ลองขับ” คนตัวเล็กหันขวับทำตาโต

“จริงหรอ จริงๆนะ จะให้จริงๆหรอ” เด็กหนุ่มดีใจเขย่าแขนคนตัวใหญ่

“จริง แต่ต้องมีอะไรตอบแทน”

ร่างบางดีใจ จะสรรหาอาหารรสเด็ดมาทำให้กินอย่างนั้นอย่างนี้ ไอนู่นก็อร่อย ไอนี่ก็อร่อย

ชายหนุ่มนึกขำ รถเขามีราคาแค่ของกินอร่อยๆงั้นหรือ แล้วยกมือกระดิกนิ้วเรียกคนตรงหน้าให้โน้มเข้ามาใกล้ คนตัวเล็กยื่นหน้าเข้ามา ทำหน้าสงสัย แขนแกร่งคว้าเข้าที่ต้นคอ ปากร้อนประกบจูบทันที ร่างเล็กดิ้นกระแด่วๆอยู่ในอ้อมแขน หันหน้าหนี ริมฝีปากร้อนที่ตามฉก ด้วยคนตัวโตรู้จังหวะโชกโชนจึงได้ชิมรสหวานจากปากบางจนหนำใจ เมื่อผละออก ร่างเล็กรีบสูดอากาศเข้าปอด รู้สึกหน้าชา ร้อนวูบไปถึงคอ

“หึหึ มัดจำไง” ชายหนุ่มหัวเราะ เหยียบคันเร่งพาเจ้ากระทิงิตาลีคันงามออกจากลานจอด อารมณ์ดีกับเสียงบ่นกระปอดกระแปดของคนข้างๆ

“บ่นมากเดี๋ยวคืนนี้ไม่ยั้งมือนะ” ชายหนุ่มแหย่ซ้ำ ผลคือร่างเล็กนั่งแข็งทื่อเป็นหุ่น เพิ่งระลึกได้ว่าเขาทำสัญญาอะไรกันเอาไว้
เจเดนไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงๆในคืนนี้หรอก เขาแค่หมั่นเขี้ยวอยากแกล้งตัวแสบเท่านั้น

“หิวแล้ว ไปเติมพลังงานก่อนแล้วกัน”

ชายหนุ่มขับตรงไปหาซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีเคาเตอร์ขายอาหารเปิดอยู่ 24 ชม. กินข้าวเสร็จแล้วจะได้ซื้อของใช้ให้คนตัวเล็กนี่อีกด้วย เพราะคืนนี้เขาคงให้ค้างที่คอนโดของเขาไปเลย

เมื่อถึงร้านอาหาร คนตัวเล็กจัดแจงสั่งอาหารไม่ยั้ง จนเขากลัวว่าจะกินไม่หมด แต่ผิดคาด ลูกหมาของเขากินเก่งจนคาดไม่ถึง ไม่มีจานไหนเหลือ เกลี้ยงจนพ่อครัวคงดีใจ

ร่างเล็กแก้เขินด้วยการแก้ตัวว่าก็นี่มันดึกแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ตอนเย็น แล้วก็เรียกให้เขาควักตังจ่ายจะได้รีบๆไปซื้อของแล้วกลับไปนอน วันนี้เหนื่อยมาก

คนตัวใหญ่ถอนหายใจ ลูกหมาของเขาคงคิดว่าตัวเองเป็นราชา

ทั้งที่ตัวเองเป็นคนบอกให้รีบแท้ๆ แต่กลับเดินดูโน่นดูนี่ ส่วนใหญ่เป็นขนมหน้าตาน่าอร่อย คนตัวเล็กหันมาส่งสายตาถามว่าซื้อได้มั้ย ชายหนุ่มเกาหัวถอนหายใจ

“นี่ชั้นบอกตอนไหนว่าจะจ่ายให้” ตัวแสบเบิกตาโตร้องอ้าว เหมือนเพิ่งนึกได้ รีบขนขนมทั้งหมดไปเก็บ หอบจนหอบไม่หมด หล่นแล้วหล่นอีกจนคนตัวใหญ่ยอมแพ้ จับขนมทั้งหมดโยนเข้ารถเข็นตามเดิม แล้วเดินไปจ่ายเงิน  เจ้าตัวแสบยิ้มร่า รีบเข็นรถตามมาไม่มีอิดออด

“พาหลานมาซื้อขนมหรอคะ น่ารักจัง” พนักงานสาวเอ่ยทักยิ้มอายๆ ทำท่าปลาบปลื้มกับความดูดีของชายหนุ่ม จึงได้รอยยิ้มกลับเป็นการตอบแทน

ร่างเล็กหัวเราะคิกคักเพราะคิดว่าพนักงานเข้าใจว่าชายหนุ่มมีอายุเกินความเป็นจริง

“แล้วนี่เรียนอยู่โรงเรียนไหนคะ” จบคำถาม ร่างเล็กหุบยิ้มทันควัน เป็นตัวเขาเองต่างหากที่ดูเด็กกว่าอายุจริงเหมือนเด็กมัธยมปลาย หันไปมองร่างสูงกำลังกลั้นยิ้มสุดกำลัง

“ผมอยู่ปีสามแล้วครับ” กระแทกเสียงตอบ รีบคว้าถุงเดินลิ่วๆ ไปรอที่รถ ชายหนุ่มเดินตาม วันนี้เขามีเรื่องให้อารมณ์ดีเยอะเหลือเกิน  เดินมาถึงจึงขยี้หัวเด็กน้อยเล่นหมั่นเขี้ยว

“กินให้เยอะๆจะได้โตไวๆนะ” ร่างเล็กแค้นใจ เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ผมไม่ใช่เด็กแล้วน่ะ” ยืนเท้าสะเอวจังก้า ตวัดเสียงตอบข้ามหลังคารถ

“เดี๋ยวก็รู้........ว่าโตจริงรึป่าว” ร่างสูงส่งสายตาพราวระยับให้ร่างบาง

เด็กหนุ่มห่อเหี่ยวทันควัน ทิ้งตัวลงบนเบาะข้างคนขับอย่างไร้เรี่ยวแรง นั่งทำใจไปตลอดทาง

***********************************************************************

   :m1: :m1: :m1: รักคนอ่าน รักคนอ่าน

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
 

ตอนที่ 5

เมื่อถึงที่หมาย ก่อนขึ้นลิฟต์ คนตัวสูงเข้าไปคุยบางอย่างกับพนักงานที่เคาเตอร์ต้อนรับของคอนโด หันมากวักมือเรียกเด็กหนุ่มให้เดินเข้าไปหา

“ชื่อเติมครับ ต่อไปนี้จะมาอยู่กับผม เป็นญาติห่างๆครับ” ชายหนุ่มแนะนำกับพนักงานสาวที่แต่งตัวภูมิฐานเรียบร้อยสมเป็นหน้าเป็นตาต้อนรับแขกให้กับคอนโดหรู หล่อนยิ้มให้พร้อมยกมือไหว้สวัสดีพร้อมเอ่ยชื่อว่าคุณเติม  เด็กหนุ่มตกใจทิ้งถุงในสองมือลงกับพื้นยกมือไหว้กลับ เรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูจากพนักงานสาวทั้งสอง

“ฝากดูแลด้วยครับ เด็กซื่อๆ มาจากต่างจังหวัด”

เด็กหนุ่มอายหน้าแดงที่ปล่อยไก่ แต่ไม่วายยังหันมาส่งยิ้มให้สาวๆ แล้วรีบเดินตามชายหนุ่มเข้าลิฟต์

“ที่นี่เขาเข้มงวด คนที่ไม่ได้เป็นผู้อาศัยเขาจะไม่ให้ขึ้นไปได้ ต่อให้ถือบัตรมาก็เถอะ ต้องแนะนำตัวไว้ให้เขาจำหน้าได้” ชายหนุ่มอธิบาย

“แล้วเขาต้องจำหน้าให้ได้หมดทุกคนเลยหรอ”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วแปลกใจว่าพนักงานที่นี่จำหน้าผู้อาศัยได้หมดทุกคนได้ยังไงกัน ตึกนี้ตั้งเบ้อเร่อ จะมีคนอยู่ตั้งมากเท่าไหร่ แต่เมื่อถึงห้องของชายหนุ่มเขาก็หมดความสงสัย เมื่อเปิดเข้าไปพบว่ามันไม่ใช่คอนโดห้องชุดอย่างที่เขาเคยเห็นตอนไปส่งพิซซ่า แต่นี่มันเหมือนบ้านเดี่ยวสองชั้นในตึกกลางเมืองหลวง มิน่าที่เห็นตึกใหญ่ๆ คงมีไม่กี่ห้องนัก อย่างนี้ก็คงจำหน้ากันได้หมด

“โหววว” เด็กหนุ่มร้องดีใจเมื่อเห็นโซฟากำมะหยี่สีดำตัวโต แล้วทิ้งตัวลงไปนอนทันที ทำท่าสบายสุดชีวิตกับความนุ่มที่แทบจะห่อตัวเขาไว้ แต่ยังไม่ทันไร มือใหญ่ก็มาคว้าต้นแขนเขาให้ลุกขึ้น

“ไปอาบน้ำก่อน ดึกแล้ว”

ร่างเล็กอิดออดแต่ก็ต้องเดินตามคนตัวสูงแต่โดยดี แต่พอเดินเข้าไปเห็นอ่างใหญ่ในห้องน้ำก็กลับกระดี๊กระด๊า แต่ก็ต้องหน้าชาเมื่อหันไปเจอชายหนุ่มที่ถอดเสื้อผ้าเตรียมพร้อมอาบน้ำ เหลือแต่บ็อกเซอร์สีดำแนบเนื้อ มองมัดกล้ามตามส่วนต่างๆของร่างกายคนตัวสูงแล้วรู้สึกอิจฉา

“ก็แล้วทำไมจะต้องอาบพร้อมกันด้วยเล่า” ตัวเล็กประท้วง แต่ไม่วายตื่นเต้นเมื่อเห็นชายหนุ่มเริ่มเปิดน้ำลงอ่างจากก็อกสี่ตัวที่อยู่ขอบอ่าง จึงเลิกสนความเป็นส่วนตัวรีบถอดเสื้อเตรียมเล่นน้ำ แต่เมื่อเงยหน้าก็ตกใจอีกรอบเมื่อตอนนี้ชายหนุ่มล่อนจ้อนของจริง
นี่เขาก็ต้องถอดหมดด้วยใช่มั้ยนี่

ตัวเล็กกลั้นใจรีบๆถอดรีบๆลงอ่างไปนั่งคุดคู้ในอ่างที่ตอนนี้มีน้ำเกือบเต็มแล้ว ชายหนุ่มกระดิกนิ้วเรียกคนตัวเล็กให้กระเถิบมาใกล้ๆ ตัวเล็กสั่นหัวทำหน้าอิดออดไม่ไว้ใจ

“เออ ไม่ได้จะทำไร จะเรียกมาสระผม”

“อ้าว สระตอนนี้ฟองก็ลงไปในน้ำหมดสิ”

ชายหนุ่มถอนหายใจในความเจ้าปัญหา ใครเป็นเจ้าของบ้านและเจ้าหนี้กันแน่

“ก็จริงๆแล้วมันก็ต้องอาบน้ำล้างตัวให้เสร็จก่อนถึงจะแช่น้ำ แต่ชั้นเห็นนายกระดี๊กระด๊าจนตัวสั่นก็เลยข้ามขั้น มานี่เร็ว เดี๋ยวแช่เสร็จค่อยอาบน้ำล้างตัวให้เรียบร้อย”

นี่เขาเปลี่ยนอาชีพเป็นพี่เลี้ยงเด็กหลังจากเลิกเป็นมาเฟียหรือไง

เด็กหนุ่มรีบกระเถิบตัวเข้าไปรับยาสระผมอย่างว่าง่าย ฟองลงไปในน้ำเยอะๆก้ดีเหมือนกัน จะได้ลอยบนผิวน้ำช่วยบัง.......อะไรๆ บ้าง

เมื่อล้างฟองออกจากผมจนหมด เด็กหนุ่มก็ผิดหวังเล็กๆเมื่อฟองนั้นไม่ได้ลอยฟ่องเหนือผิวน้ำอย่างที่ตั้งใจ เพราะว่าชนิดมันต่างกัน

“ถูหลังให้หน่อย”

ชายหนุ่มสั่งพร้อมยื่นฟองน้ำนุ่มที่เทสบู่หอมเอาไว้ เมื่อหันหลังมาให้ ร่างบางก็ตะลึง รอยสักรูปหงษ์เพลิงสีแดงตัวใหญ่สยายปีกอยู่กลางหลัง สวยจนแทบลืมหายใจ

หงษ์เพลิงตัวใหญ่อ่อนช้อยที่แทบจะโลดแล่นออกมาภายนอกจริงๆ ดวงตาคมวาวนั้นสะกดให้ผู้ที่เห็นต้องหลงใหลอยู่ใต้มนตร์ร้อนแรง

“โห สวยสุดๆ สวยโคด” มือเรียวสัมผัสไล้ไปตามลายเส้นอ่อนช้อยนั้น ชายหนุ่มหันขวับ รวบมือเล็ก สายตาพราวระยับ

“ลูบหลังชั้นแบบนั้น คิดจะทำอะไรหื๊อ?”

ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม ถึงเวลาแกล้งคนตัวเล็กนี่อีกสักรอบแล้ว

“ปะ เปล่า ผมว่ามันสวยดีแค่นั้น”

ชายหนุ่มยิ้มกริ่มดึงคนตัวเล็กเข้าหา

“จะบอกว่าไม่ตั้งใจงั้นสิ?”

เป่าลมร้อนกระทบหูบาง ปากร้อนไล้ไปมาจนร่างเล็กหลับตาแน่น สะท้านไหว ขืนตัวออก แขนแกร่งโอบเอวบางเข้าชิดตัว มือร้อนไล่ลงใต้เอวบาง คนตัวเล็กดิ้นหนี เปิดช่องว่างให้ชายหนุ่มรุกล้ำ

มือร้อนซุกซน

“หยุด....อึก.....เดี๋ยว” ร่างเล็กพูดไม่เป็นภาษา ฝ่ามือร้อนนั้นกำลังจะทำให้เขาละลาย

ไม่นานร่างบางก็สะท้านปลดปล่อยอารมณ์จนสิ้น หอบหายใจหนัก อายแทบจะซุกแผ่นดินหนี  รีบลุกจากอ่าง คว้าผ้าเช็ดตัว เดินหนีออกจากห้องน้ำ ได้ยินเสียงหัวเราะของชายหนุ่มไล่หลังออกมา

ไม่องไม่อาบมันแล้ว เอาแค่นี้แหละ

เมื่อเดินออกมานอกห้องน้ำก็คว้าง ไม่รู้จะทำยังไงต่อเพราะไม่ใช่บ้านตัวเอง จึงเช็ดหัวเช็ดตัวให้แห้งก่อน เพราะลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำขนลุกซู่ หันรีหันขวาง ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ตัดสินใจขโมยผ้าห่มบนเตียงนอนไปห่มกันหนาวนอนบนโซฟาตัวใหญ่ พยายามหลับให้เร็วที่สุด

สักพักก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มเดินผิวปากออกมาจากห้องน้ำ แล้วหยิบโทรศัพท์เรียกให้แม่บ้านมารับกางเกงของคนตัวเล็กไปซักพร้อมส่งกลับตอนเก้าโมง

ก็มีติดตัวมาแค่ชุดเดียวนี่นะ แอบนึกขอบคุณชายหนุ่มนิดๆในใจที่อุตส่าห์นึกถึงเขา ยังดีที่ซื้อชั้นในมาแล้ว ไม่ต้องส่งไปซักด้วยให้ขายหน้า

เสียงผิวปากนั้นมาหยุดอยู่ข้างโซฟา ร่างบางแกล้งนิ่งหลับ ทั้งที่ผมยังชื้นอยู่ด้วยซ้ำ สักพักก็ตกใจสะดุ้งกับเสียงไดร์เป่าผมที่ชายหนุ่มเอามาจ่อหัวเขา คนตัวเล็กลุกขึ้นแทบทันที

“นอนทั้งๆอย่างนั้นเดี๋ยวก็ไม่สบายพอดี แล้วจะไปเยี่ยมอาม่ายังไง” เสียงอ่อนโยนจากคนตรงหน้าทำให้ร่างเล็กโอนอ่อนยอมให้ชายหนุ่มใช้ไดร์เป่าผมเขาไปเรื่อยๆ

แต่รู้สึกดีได้ไม่นาน

“โอ้โห นี่เตรียมพร้อมขนาดนี้เลยหรอ ดีนะ ไม่ต้องเสียเวลาถอด” ชายหนุ่มทำหน้าล้อเลียนแล้วจับผ้านวมที่หล่นกองอยู่ที่เอวบางเปลือย จะดึงออก มือเล็กคว้าหมับทันที

“โวะ คุณนี่ ดึกดื่นป่านนี้ยังจะไม่เลิกไม่รา” ร่างบางโวยวาย ชายหนุ่มยิ้มอารมณ์ดี ขยี้ผมตัวยุ่ง

“ไม่ทำอะไรหรอก นายขโมยผ้าห่มมาอย่างนี้แล้วชั้นจะนอนยังไง?” ก็จริงอย่างว่า

ร่างเล็กจับผ้านวมพันตัวกระโดดดึ๋งๆ พาตัวเองไปล้มเผละบนเตียงแล้วจัดผ้าให้เข้าที่เข้าทางอย่างยากเย็น

“ไม่มีเสื้อนอนให้ยืมบ้างหรอ?” ร่างเล็กถามโดยโผล่ปากลอดผ้าห่มมาหน่อยนึง

“ดึกแล้ว นอนเหอะ” ชายหนุ่มไม่สนใจ สอดตัวเองเข้าใต้ผ้าห่ม ดึงเอวบางเข้ามากอด โดยไม่ฟังเสียงประท้วงใดๆ ร่างเล็กขัดขืนสักพักก็ยอมจำนนเพราะสู้แรงไม่ไหว

ไม่นานคนตัวใหญ่ก็ผล็อยหลับ ทิ้งคนตัวเล็กกระสับกระส่ายอีกสักพักนึงก็เริ่มผ่อนลมหายใจเป็นจังหวะเบาสม่ำเสมอไปจนเช้า

*********************************************

 :hao3: :hao3: บอกรักคนอ่านไปหลายรอบแล้ว ไม่รู้คนอ่านรักแมวเหมี่ยวบ้างป่าวน้ออ  :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: Sweet Debt หวานใจนายลูกหนี้ ตอน 1-5
«ตอบ #7 เมื่อ01-08-2014 10:10:03 »



ตอนที่ 6

เปลือกตาบางเผยอขึ้นอย่างช้าๆเมื่อรู้สึกถึงแสงสว่างเข้ามาแยงตา เด็กหนุ่มผงกหัวขึ้นงัวเงียและรู้สึกแปลกใจกับบรรยากาศรอบตัวๆที่ไม่คุ้นเคยเลย เมื่อหันมองรอบๆสักพักจึงนึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือคอนโดของเจ้าหนี้ตัวร้ายของเขา เมื่อหันไปมองข้างตัวก็พบเตียงว่างเปล่า คงตื่นไปสักพักแล้ว

ร่างบางยืดตัวซ้ายขวาบิดเมื่อยและนึกอยากเข้าห้องน้ำ แต่ว่าจะทำไงกับเนื้อตัวเปล่าเปลือยของตัวเองดี หันซ้านแลขวาให้มั่นใจว่าชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในบริเวณห้องนอนนี้จึงรีบลุกจากเตียงวิ่งปรี่เข้าห้องน้ำ ปิดประตูลงกลอนแน่นหนากันพลาด

เมื่อคืนเขายังทำความสะอาดร่างกายไม่เรียบร้อยดีด้วยซ้ำ เช้านี้คงต้องจัดการให้สะอาดหมดจด ร่างบางยิ้มอารมณ์ดีเห็นฟันสีมุกเรียง และจัดการธุระของตัวเอง เมื่อทุกอย่างอย่างเรียบร้อยดี ก็ตัดสินใจพันแค่ผ้าเช็ดตัวบดบังท่อนล่างกันอุจาดตา แล้วค่อยออกไปหาเสื้อผ้าเปลี่ยน ไม่รู้ว่าในตู้ของเจ้าหนี้จะมีชุดอะไรให้เขายืมบ้าง

เมื่อเขาก้าวพ้นประตูห้องน้ำออกมาก็พอดีกับที่ชายหนุ่มเปิดประตูห้องนอนชะโงกหน้าเข้ามาหาเขา สายตาคมมองสำรวจร่างบางแว๊บหนึ่ง แล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“ข้าวเช้ามั้ย?” ร่างเล็กพยักหน้าหงึกๆแทนคำตอบ พูดเรื่องของกินนี่แทบไม่ต้องถามกัน

“แป๊บนะ” ชายหนุ่มเดินหายไปแป๊บนึงแล้วเดินเข้ามาพร้อมกางเกงขาสามส่วนของเขาที่ซักรีดมาเรียบร้อยพร้อมกับเสื้อยืดสีขาวอีกตัวหนึ่งที่ไม่ใช่ตัวเมื่อวานของเขา

“ใส่นี่แล้วกัน”

ร่างเล็กรับมาเตรียมจะแต่งตัวแต่ชะงักเมื่อเห็นคนตัวโตยืนกอดอกไม่ไปไหน

“ยืนเพื่อ?” ร่างเล็กเลิกคิ้วถาม

นึกหมั่นไส้คนตัวสูงครามครัน ขนาดใส่แค่กางเกงวอร์มขายาวตัวเดียวเปลือยท่อนบน ทำไมมันถึงได้ดูบาดใจหญิงเหมือนออกมาจากนิตยสารขนาดนี้วะ

ร่างสูงยิ้มเห็นฟันขาว ก้าวขาเข้ามาพร้อมอะไรบางอย่างในมือ ร่างเล็กไม่ทันตั้งตัวเมื่อชายหนุ่มเอาของในมือครอบหัวเขาจนมิด

“ฮ่าๆๆๆ อย่าลืมด้วย กางเกงในนายไง” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง รีบวิ่งหนีออกไปนอกห้อง

“โว้ย! ขำตายห่า!” ร่างเล็กตะโกนแหวตามหลัง มือดึงกางเกงในตัวใหม่เอี่ยมจากหัวแล้วเขวี้ยงไปโดนประตูที่ปิดงับสนิทพอดี

“แก่จะตายแล้ว ทำตัวประสาทบ้าบอ”


บนโต๊ะอาหารหินอ่อนสีงาช้างมีจานอาหารวางอยู่หลายใบ ทุกใบมีของกินวางเต็ม ชายหนุ่มไม่รู้ว่าคนตัวเล็กชอบกินหรือไม่ชอบอะไรบ้าง ก็เลยหยิบๆมาไว้ก่อน และตามคาด เจ้าตัวแสบทำหน้าดีอกดีใจเมื่อมาถึงโต๊ะแล้วเห็นของกินแบบไม่อั้น ลืมความหงุดหงิดก่อนหน้าไม่เหลือ

“คุณไม่กินหรอ หูย อันนี้ก็อร่อย” คนตัวเล็กหยิบเข้าปากเคี้ยวง่ำๆอารมณ์ดี ชายหนุ่มเลยได้รู้วิธีแก้ความหงุดหงิดของร่างบางอย่างได้ผลชะงัด เรื่องกินนี่แหละเข้าท่าที่สุด

“ค่อยๆกินได้มั้ย ไม่มีใครแย่งเลย” ชายหนุ่มปรามเบาๆ กลัวคนตรงหน้าสำลักติดคอตาย

คนตัวเล็กยิ้มตาหยีให้เขาแล้วลดสปีดลง

ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว่า เช้านี้มันช่างเป็นชีวิตปกติสุขกว่าครั้งไหนๆในชีวิตเขาที่ผ่านมา เขามีหนังสือพิมพ์ในมือกับกาแฟดำหอมกรุ่นเหมือนทุกเช้า แต่เช้านี้เขาไม่มีเรื่องกังวลใดๆ เขาคงคิดไม่ผิดที่หยิบลูกหมาตัวนี้มาจากข้างทาง

“อิ่มและ” ร่างเล็กนั่งพิงพนัก ลูบท้องตัวเองป้อยๆ

“ขอบคุณนะ” พูดแล้วก็เสบิดเมื่อยไปมองทางอื่นแก้เขิน

อาม่าสอนให้ขอบคุณคนที่ทำดีกับเราเสมอ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ และตัวเล็กก็เคร่งครัดตามคำสอน ชายหนุ่มยิ้มจางๆแล้วก้มลงจิบกาแฟในมือ เมื่อเงยหน้าก็พบสายตาสำรวจของคนตัวเล็กที่เท้าคาง ถือวิสาสะมองไล่ไปทั่วใบหน้าเขา ชายหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร

“คุณเป็นลูกครึ่งอะไรบ้าง”

“รัสเซียกับจีนฮ่องกง”

“ใครเป็นรัสเซีย?”

“แม่”

“แล้วแม่กับพ่ออยู่ไหน” ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย

“แม่หย่าแล้วกลับประเทศ ไม่เคยเห็นหน้า พ่อพาชั้นไปอยู่ฮ่องกงจนอายุสิบห้า แล้วชั้นก็กลับทำงานที่ไทย แต่ตอนนี้พ่อเพิ่งตายไปเมื่อเดือนก่อน” ชายหนุ่มตอบแบบรวบรัด บิดเบือนความจริงเล็กน้อย เขาไม่จำเป็นต้องให้ใครรู้

“ทำไมคุณดูไมเศร้าสักนิดเลย?” ร่างบางตาโตขมวดคิ้วสงสัย

“เราผูกพันกันแค่สายเลือด ไม่มีอะไรนอกจากนั้น” ชายหนุ่มตอบเหมือนไม่ยี่หระ ทำเอาคนตรงหน้าอ้าปากค้าง พะงาบเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแล้วกลับคืนลงคอ นั่งก้มหน้าก้มตากินนมอุ่นในมือไปอย่างเงียบๆ

เติมนึกไม่ออกเลยว่าความรู้สึกของชายหนุ่มเป็นอย่างไร เขานึกไม่ออกจริงๆว่าหากเขากับพ่อไม่มีความผูกพันใดทางใจกันเลยสักนิดนั้นจะเป็นยังไง วันที่พ่อและแม่เขาจากไปเมื่อเกือบสิบปีก่อนนั้น โลกของเขาแทบพังทลาย หากยังดีที่มีอาม่า เขาจึงรวมเอาความรักของทั้งพ่อและแม่ไปไว้ที่อาม่าของเขาคนเดียว เป็นดวงใจดวงเดียวของเขาที่เหลืออยู่ในเวลานี้ และตัวเขาเองก็เป็นแก้วตาแก้วใจเดียวของอาม่าเช่นกัน

“เป็นอะไร อย่ามาดราม่าน่ะ ตัวชั้นเองยังไม่ได้เศร้าโศกเสียใจอะไรด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มลดหนังสือพิมพ์ในมือลง หันมาพูดดึงอารมณ์เด็กหนุ่มกลับมา

“เปล่า ก็แค่นึกถึงพ่อขึ้นมาบ้างเท่านั้นเองน่ะ” ตอบเสียงเนือยๆ

“เล่าเรื่องพ่อแม่นายบ้างสิ”

คนตัวเล็กเล่าว่าตัวเองเป็นลูกคนเดียว ครอบครัวมีอาม่าอยู่ด้วย ฐานะปานกลาง แต่เมื่อม.ต้น พ่อแม่รถคว่ำเสียชีวิต ทิ้งสองยายหลานไว้ พร้อมกับบ้านหลังเล็กๆบนที่ดินที่พ่อเพิ่งจะผ่อนหมด ชีวิตก็ขัดสนบ้างแต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนคอขาดบาดตายเท่าตอนนี้ ตอนมีชีวิตอยู่ครอบครัวของเขาสนิทรักใคร่กันมาก เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขแต่ช่างแสนสั้น เขายังจดจำทุกสิ่งทุกอย่างของพ่อแม่ได้เสมอ

“จริงๆก็เรียนอยู่ปีสามแล้ว เตรียมจะขึ้นปีสี่ เรียนศิลปกรรม แต่ตอนนี้ดร็อปก่อน อาม่าไม่สบาย ผมอยากดูแล”

ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆว่ารับรู้แล้วไม่ได้ถามอะไรต่อ

“แต่ตอนนี้เหมือนได้พ่อเพิ่มอีกคน”

ร่างสูงตวัดตาคมมองหมั่นเขี้ยวเจ้าตัวร้าย

เดี๋ยวอีกไม่นานหรอก.....เขาจะเปลี่ยนเป็นสถานะอื่นของคนตรงหน้านี่ เขาไม่ได้พูดออกไป เพียงคิดแล้วก็ยิ้มกริ่มจิบกาแฟในมืออีกครั้ง

ที่จริงชายหนุ่มยังไม่ได้คิดอะไรเลยเถิดไปกับคนตรงหน้านี้ เขาเพียงแต่สนุกที่ได้แกล้งและได้เห็นปฏิกริยาของคนตัวเล็กเท่านั้น เขาไม่ได้รู้สึกจริงจังกับพันธะสัญญาที่ทำไว้ เขาเพียงอยากมีความสุขที่จะอยู่กับร่างบางนี้ไปเรื่อยๆเพื่อสร้างสีสันให้กับวันว่างเปล่าของเขา

“ล้างจานให้เรียบร้อยซะ แล้วเก็บส่วนที่เหลือเข้าตู้เย็น ชั้นจะไปเปลี่ยนเสื้อแล้วเราจะไปซื้อโทรศัพท์กัน แล้วตอนบ่ายชั้นจะพานายไปหาอาม่า” ร่างเล็กดีใจ เขาอยากไปหาอาม่าไวๆ


****************************************************************

 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: ไปกันเรื่อยๆนะจ๊ะ ลั้นลาๆ รักคนอ่าน

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: Sweet Debt หวานใจนายลูกหนี้ ตอน 1-6
«ตอบ #8 เมื่อ01-08-2014 10:20:33 »

อ่าววว อ่านเพลินไปหมด 6 ตอนแลัวหรอ

ยังมีจุดผิดอยู่บ้าง. ลองตรวจดูนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :3123:

เติมกะเจเดน คงเติมเต็มส่วนที่ขาดซึ่งกันและกันแล้วค่ะ น่ารักดี :mew1:

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
จะรอหมาน้อยมาเติมเต็มช่องในใจเจเดนนะะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
 :katai5: :katai5: กินอิ่มแล้วกระดึ๊บๆมาอัพต่อ กั๊กไว้ เดี๋ยวคนอ่านไม่รัก ฮ่าๆ


ตอนที่ 7

ช่วงเวลาก่อนเที่ยงแบบนี้ ในห้างยังไม่มีคนขวักไขว่ เด็กหนุ่มดึงมือเขาไปซื้อไอศครีมโคนใหญ่ได้หนึ่งอันก็เดินอารมณ์ดี คนตัวสูงดึงแขนให้เจ้าตัวยุ่งเดินตามเขาเข้ามาในร้านขายโทรศัพท์เจ้าใหญ่ที่รวมโทรศัพท์มือถือหลากยี่ห้อไว้

“ใช้ไอโฟนเหมือนกันแล้วกัน ง่ายดี” แต่ตัวเล็กประท้วง เขาใช้ไม่เป็น

“เอาแบบอันเล็กๆโทรเข้าโทรออกเฉยๆได้ปะ ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องกลัวหายด้วย” สองคนเถียงกันอยู่สักพัก ชายหนุ่มยอมจำนนกับเหตุผลของคนตัวเล็กว่าของแพงคือภาระ เขาจึงให้เด็กหนุ่มเลือกโทรศัพท์เอาเอง

“อันนี้แหละ ใช้แล้วจะได้เป็นซูเปอร์ฮีโร่สมชื่อ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นโทรศัพท์ราคาไม่ถึงพันบาท มันจะใช้ไปได้นานแค่ไหนกันเชียว แต่เมื่อพนักงานรับรองว่าเป็นรุ่นที่ออกแบบมาเน้นความทนทาน เขาจึงยอมจ่ายเงิน

“สีน้ำเงินนะครับพี่” พนักงานยิ้มรับกับคนตัวเล็กแล้วเดินหายไปหลังร้านเพื่อไปจัดการให้เรียบร้อย

“เสร็จแล้วนายโทรถามอาม่าสิ ว่าอยากกินอะไรมั้ยจะได้ซื้อเข้าไปเลย”

คนตัวเล็กหันมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

นั่นสิ ขนาดหลานยังเพิ่งมีมือถือ อาม่าจะมีได้ยังไง ชายหนุ่มจึงจัดแจงเลือกโทรศัพท์ธรรมดาอีกรุ่นที่ดูเหมาะกับคนสูงอายุ หน้าจอใหญ่ ตัวหนังสือใหญ่ แล้วยื่นให้พนักงานจัดการอีกเครื่อง

“ซื้อให้อาม่าทำไม อาม่าจะโทรหาใคร?” ตัวเล็กเอ่ยเกรงใจ

“โทรหานายไง หรือไม่ก็นายไว้โทรหาอาม่า เผื่อไม่มีเวลาไปหาจะได้คุยกันได้ ไม่ต้องเอาแต่คิดถึงกันไง” ร่างเล็กเงยหน้ามองเขา แล้วเอ่ยขอบคุณเบาๆ ชายหนุ่มยิ้มจางมองดูคนตรงหน้าที่ดูอ่อนลงให้เขาพอควร

เมื่อจัดแจงเลือกเบอร์โทรศัพท์สองเบอร์ที่ถูกใจเป็นที่เรียบร้อย ร่างเล็กออกอาการดีใจจะรีบไปหาอาม่า แต่ชายหนุ่มยังคงลากเขาไปซื้อเสื้อผ้าต่ออีกสองสามชุด เพราะระอากับสภาพเสื้อยืดขาสั้น คีบรองเท้าแตะสิ้นดี กว่าจะเรียบร้อยก็ถึงเวลาเกือบบ่ายโมง แวะกินมื้อเที่ยงเล็กน้อย คนตัวเล็กดูเร่งรีบ อยากไปถึงโรงพยาบาลไวๆ

สมใจอยาก ร่างเล็กรีบเปิดประตูก้าวลงจากรถทันทีที่ถึงโรงพยาบาล เดินจ้ำอ้าวนำร่างสูงไปหาอาม่า

“โอ๊ อาเติม วันนี้ลื้อหล่อ ลื๊อดูสิหลานอั๊วหล่อมั้ยห๊า” อาม่ายกมือกุมไหล่หลานชาย มองสำรวจอย่างยินดี เรียกเพื่อนร่วมห้อง อวดหลานคนโปรด

“อ้าว อาคุณเจ้านาย ขอบคุณมากนะคะที่ดูแลอาเติม ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีจริงๆ” อาม่าหันมาจับมือชายหนุ่ม ขอบคุณแล้วขอบคุณอีกยกใหญ่

“ยังไม่หมดครับม่า เจ้านายเติมเขาใจดีกว่านั้นอีก ต่อจากนี้ถึงวันไหนเติมไม่ได้มาหาอาม่า แต่อาม่าไม่ต้องทนคิดถึงเติมแล้ว นี่ไง” เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาวางบนมือหญิงชรา

“ผมอยากให้อาม่าติดตัวเอาไว้ ให้เติมเขาโทรหาน่ะครับ” อาม่าขอบอกขอบใจชายหนุ่มอีกยกใหญ่ แสดงความเรงอกเกรงใจอีกล้นพ้น พร้อมให้ศีลให้พรเขาอีกสารพัด ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างมีความสุขจริงๆ

เติมจัดแจงสอนอาม่าให้ใช้โทรศัพท์เป็น พร้อมซักซ้อมโทรเข้าออกหลายหน จนแน่ใจว่าอาม่าใช้โทรศัพท์โทรหาเขาได้แน่นอน ชายหนุ่มมองดูกิจกรรมของสองยายหลานด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก เด็กหนุ่มดึงเขาให้ได้มาพบโลกอีกใบที่เขาไม่เคยสัมผัส โลกที่เติมเต็มความรู้สึกให้กันและกัน เขารู้สึกว่าชีวิตได้ถูกเติมอะไรบางอย่างเข้ามาเรื่อยๆอย่างสุขใจ

เจเดนขอตัวพร้อมนัดเวลามารับ เขาปล่อยให้ร่างบางได้ใช้เวลากับคนที่รักเต็มที่ ตัวเขากลับไปที่ห้างเดิมเพื่อซื้อเสื้อผ้าข้าวของต่างๆเพิ่มเติมให้เจ้าตัวยุ่ง เริ่มรู้สึกเหมือนพี่เลี้ยงเด็กเข้าไปทุกที

ชายหนุ่มยัดถุงสินค้าทั้งหมดเข้าไปไว้ในรถ กระทิงดุของเขาตัวนี้กลายเป็นรถขนของไปแล้ว

“ว้าวๆ ดูสินี่ใครเอ่ย”

 เสียงภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งๆดังขึ้นข้างหลังเขา เมื่อหันไปจึงพบกับชายหนุ่มชาวรัสเซียที่เขาคุ้นหน้าเป็นอย่างดีคีบบุหรี่โบกไปมา พร้อมกับโอบเอวสาวน้อยหน้าตาดีในชุดเว้าหน้าเว้าหลัง

“ว่าไงเจเดน สบายดีใช่มั้ย?” ประโยคทักทายที่น้ำเสียงในนั้นไม่ได้แฝงความเป็นมิตรใดๆไว้สักนิด ชายหนุ่มต่างชาติพ่นควันบุหรี่สายยาวออกมาตรงหน้าเจเดน

สายตาเข้มประสานกัน ไม่มีใครยอมใคร

“มีธุระอะไร” ชายหนุ่มตอบกลับไปด้วยภาษาเดียวกัน

“ก็ไม่มีอะไร๊ บังเอิญเจอนายก็แค่นั้น อย่างว่าแหละ กรุงเทพก็ไม่ได้กว้างขวางอะไรนัก” ท่าทางสูบบุหรี่ช่างยียวน เจเดนอยากจะจัดให้สักดอก

“ใช่ กรุงเทพไม่ใช่ที่กว้างขวาง แต่ที่ของนายมันอยู่ที่พัทยาไม่ใช่หรอไง เลฟ”

พัทยาในปัจจุบันนี้ถูกกลืนไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียซะเป็นส่วนใหญ่ และแน่นอน สถานบันเทิงมากมายสำหรับชาวรัสเซียก็ได้รับการดูแลจากมาเฟียรัสเซียที่แผ่ขยายอำนาจในแหล่งท่องเที่ยวไทยด้วยเช่นกัน

“ชั้นมาดูที่ทาง เราก็ต้องการขยายธุรกิจเข้าที่เมืองใหญ่บ้าง” ชายหนุ่มตอบมาตามจริงไม่ได้ปิดบัง

“งั้นหรอ แต่ตอนนี้ชั้นคงไม่ได้อยากรู้เรื่องธุรกิจอะไรของนายหรอก” เจเดนตัดรำคาญ

“โอ๊ะ แน่นอน นายไม่ได้อยากรู้ เพราะว่าตอนนี้นายไม่ได้เป็นนายคนเก่าแล้ว” คนยียวนแสดงตนว่ารู้ความเคลื่อนไหวในชีวิตของเจเดนดี

ชายหนุ่มไม่ได้ยี่หระว่าคนตรงหน้าจะรู้หรือไม่รู้ว่าเขาละทิ้งวงการนี้ออกมา เขาก็ไม่ได้คิดจะปิดบังใครอยู่แล้ว

“นายรู้แล้วก็ดี ขอให้ธุรกิจของนายไปได้สวยแล้วกัน ชั้นขอตัว” ชายหนุ่มสอดตัวเข้าไปในรถคันหรู เร่งเครื่องออกตัว
ทิ้งคนรัสเซียไว้เบื้องหลังกับสายตาอ่านยากนั้น

เจเดนไม่เคยนึกอยากจะเจอหน้าหมอนี่นัก เขาไม่กินเส้นกันตั้งแต่เจอกันที่พัทยา ในคราวที่กลุ่มของเขามีปัญหาพื้นที่ธุรกิจกับมาเฟียรัสเซีย เนื่องจากทางนั้นเริ่มขยายอิทธิพลขึ้นมากจนเริ่มทับซ้อนกัน ถึงแม้สุดท้ายทุกอย่างจะเคลียร์ได้ลงตัวเรียบร้อยระหว่างสองฝั่ง แต่ดูเหมือนเลฟจะไม่เรียบร้อยไปด้วย ยังไม่พอใจกับการสูญเสียลูกน้องมือขวาของตัวเองไปด้วยกระสุนจากปืนของเขา

**************************************************

 :katai3: :katai3: ตัวร้ายโผล่มาแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2014 11:14:01 โดย 9cats »

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
 :impress2: :impress2: มีสมุนเป็ดมาช่วยให้กำลังใจด้วย ขอบคุณนะค้า


ตอนที่ 8

เสียงเพลงจากมือถือดังขึ้น เป็นเจ้าตัวยุ่งที่โทรเข้ามา ชายหนุ่มกดรับสาย

“อาม่าให้กลับไปทำงานบ้านให้คุณได้แล้ว เกรงใจที่ผมมาใช้เวลาอยู่โรงพยาบาลตั้งสามสี่ชั่วโมงแล้ว” เด็กหนุ่มพูดอู้อี้เหมือนไม่เต็มใจ อาม่ายังคงเข้าใจว่าเขาสมัครมาทำงานบ้านให้ชายหนุ่ม และควรจะต้องมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง

“บอกไปสิว่าชั้นไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ชายหนุ่มยิ้มกับปลายสาย

“บอกแล้ว แต่ยังไงเดี๋ยวอาม่าก็คงจะพักผ่อน แกเหนื่อยแล้ว เม้าท์แตกกับผมตั้งหลายชั่วโมง นางพยาบาลยังมาดุเลย เพราะพรุ่งนี้อาม่าต้องผ่าตัด คุณอยู่ไหนอะ เดี๋ยวผมไปหา”

ชายหนุ่มนัดแนะที่สถานีรถไฟฟ้าแห่งหนึ่ง เขาวนรถไปรับเพื่อจะพาคนตัวเล็กไปกินข้าวเย็น

เมื่อร่างเล็กก้าวขึ้นรถเรียบร้อยปั๊บก็เอาหน้าเข้าไปจ่อแอร์เพื่อรับลมเย็น พร้อมบ่นว่าเมืองไทยร้อนตับแตก ขนาดพระอาทิตย์เริ่มจะตกดินไปแล้ว

“กินอาหารญี่ปุ่นกัน” ชายหนุ่มหันมาชวน

ร่างเล็กนึกถึงแต่ข้าวหมูทอดทงคัตสึ หรือไก่คาราเกะในโรงอาหารที่มหาลัย แล้วก็นึกไม่ออกว่ามันมีเมนูอะไรให้กินอีกบ้าง
“กินปลาดิบมั้ย” ชายหนุ่มหันมาถาม

“กินปลาสุกได้มั้ยอะ ของดิบกินเป็นแต่ผักดิบกับผลไม้ดิบ”

“เดี๋ยวไปลองดูสิ อร่อยดีนะ”

“คุณชอบหรอ ปลาดิบเนี่ย” เด็กหนุ่มเริ่มนึกถึงภาพปลาดิบในโฆษณาโทรทัศน์ สีแดงบ้าง สีส้มบ้าง ก็น่ากินดี ติดอยู่ตรงที่มันดิบ ออกจะแขยงอยู่หน่อยๆ

“อื้อ”

“เป็นปอบหรอ?”

“ห๊ะ?” คนตัวโตงงงวยกับคำถามจากคนข้างๆ

“เออ งั้นญี่ปุ่นแม่งก็เป็นประเทศปอบอะ”

ร่างบางขำพรืด นึกภาพซอมบี้เดินอยู่เต็มประเทศญี่ปุ่น ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าคงหายไปจากโลกหลายยี่ห้อ

เมื่อจบมื้อเย็นอันป็นสิ่งเลิศหรูตระการตาสำหรับร่างบางด้วยศิลปะบนอาหารตามวัฒนธรรมญี่ปุ่นแล้ว เจ้าตัวก็ขออนุญาตเจ้าหนี้ให้พาไปที่บ้านเพื่อไปเก็บของจำเป็นหลายชิ้น

เป็นเวลาค่ำมืดพอควรสำหรับย่านชานเมือง เมื่อรถหรูขับมาถึงที่หมาย ถนนหนทางก็ออกจะเงียบอยู่ ร่างบางลงไปเปิดประตูบ้านเพื่อให้ชายหนุ่มขับรถเข้ามาจอดในที่จอดรถที่ดูจะพอดีคันเสียเหลือเกิน

บ้านหลังสีฟ้าขนาดไม่ใหญ่ ตัวบ้านทั้งชั้นบนและล่างเป็นปูนตามประสาบ้านคนฐานะธรรมดาทั่วไป มีสนามหญ้าหน้าบ้านขนาดกะทัดรัด จนเรียกว่าสนามไม่ถนัดปากนัก มีต้นมะม่วงสูงใหญ่ที่ให้ร่มเงาได้ในยามแดดแผดจ้ากลางวัน ทุกอย่างดูเก่าแต่เป็นระเบียบเรียบร้อย

“พรุ่งนี้อาม่าผ่าตัดแล้วพักฟื้นในไอซียู จะเอาเพลงโปรดไปเปิดให้ฟัง” เด็กหนุ่มชูแผ่นซีดีเพลงจีนของเติ้งลี่จวิน ชายหนุ่มยีหัวคนตัวเล็กด้วยความเอ็นดู เขารู้สึกดีเวลาเห็นสองยายหลานแสดงความรักความห่วงใยกัน

“โรงบาลเขาให้เปิดได้หรอไง”

“เออ นั่นดิ” ร่างบางชะงัก

 “ไม่เป็นไรหรอก นางพยาบาลคงไม่ใจร้ายหรอก อาม่าฟังแล้วจะได้หายไวๆ ขออีกแป๊บนึงนะ” พูดเสร็จก็วิ่งขึ้นบันไดไปหยิบอะไรบางอย่าลงมาพะรุงพะรัง เป็นอุปกรณ์วาดภาพต่างๆ

“นายเรียนศิลปะอยู่นี่หน่า” ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ และเดินเข้าไปช่วยหอบของ วันนี้กระทิงเข้มของเขาเป็นรถขนของชั้นเลิศไปแล้วจริงๆ

เมื่อสำรวจตรวจตราเรียบร้อยว่าไม่ขาดเหลืออะไร รถหรูก็ออกตัวทะยานกลับสู่ที่พักหรูใจกลางเมือง

“โห คุณ ช็อปปิ้งอะไรมาเป็นบ้าเป็นหลังเนี่ย” ร่างเล็กตกใจในปริมาณถุงหลังเบาะที่ทยอยขนออกมา มากจนต้องไปวานพนักงานมาช่วยขน

ร่างสูงยิ้มบาง คนตัวเล็กคงจะประหลาดใจกว่านี้อีกถ้าเขาบอกว่าทั้งหมดนั่นเขาซื้อมาไว้ให้เจ้าตัว ร่างบางช่วยถือได้ไม่กี่ถุง เพราะลำพังอุปกรณ์ศิลปะก็พะรุงพะรังมากพอแล้ว

ชายหนุ่มทยอยขนถุงต่างๆที่มีสัญลักษณ์ของห้างดังเขาไปเก็บในห้องแต่งตัว แกะของออกมาเรียง ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าวัยรุ่นไซส์กะทัดรัดเหมาะกับร่างบาง เสื้อผ้าใส่ลงตะกร้าเตรียมส่งซัก ส่วนรองเท้าและเครื่องประดับอื่นถูกจับเรียงเป็นระเบียบ เอาไว้ให้ทุกอย่างอยู่ในที่ของมันครบเรียบร้อยแล้วเขาจะจัดเซอร์ไพรซ์

“คุณๆ อยู่ไหนอะ?” เสียงร่างเล็กตะโกนหาเขา

“แป๊บนึง เดี๋ยวออกไป” ชายหนุ่มตอบและรีบเดินออกไป ปิดประตูให้เรียบร้อย

“คุณๆ ถอดเสื้อหน่อยดิ” ร่างสูงเลิกคิ้ว หรือเจ้าตัวดีอยากจะจ่ายดอกเบี้ยเขางวดแรกคืนนี้

“ขอร้องเลย อย่าคิดลึก” ร่างบางเท้าเอวถอนหายใจใส่

“ขอผมวาดภาพรอยสักหงษ์ตัวนั้นที่อยู่บนหลังคุณได้มั้ย”

ชายหนุ่มรู้สึกว่าเป็นจังหวะได้ที วันนี้เขายังไม่ได้แกล้งคนตรงหน้าเลย

“จูบก่อน” ยื่นข้อเสนอแลกเปลี่ยน คนตัวเล็กหน้าเป็นตูด

“แปะไว้ก่อน” ต่อรอง

“งั้นไปอาบน้ำดีกว่า” คนตัวโตหันหลังออกเดิน แต่แขนถูกคว้าเอาไว้ เมื่อหันมาไม่ทันตั้งตัว คนตรงหน้าก็เขย่งเท้าขึ้นมาจูบเขาเบาๆ แต่มันถึงแค่ปลายคางเขาเท่านั้น ด้วยขนาดความสูงที่ต่างกันพอควร

“จูบแล้วนะ” แก้มใสซับสีเรื่อจางๆ คิดเล่นลิ้นเป็นศรีธนญชัย

“ใครเขาเรียกแบบนี้ว่าจูบหื๊อ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วมอง สายตาระยับ

ร่างเล็กรู้สึกว่าอันตรายเริ่มเข้าใกล้ตัว รีบหันหลังออกวิ่ง แต่ไม่ทันแขนคนช่วงตัวยาวคว้าเกี่ยวเอวบางเข้ามาหาตัว ร่างเล็กไม่หมดฤทธิ์ หันมาใช้มือยันคางคนตัวใหญ่ ออกแรงดิ้น จึงถูกยกตัวลอยพาดบ่า ไปวางแหมะลงบนโซฟานุ่ม

“ฤทธิ์เยอะจริงๆนะ” ชายหนุ่มยิ้มสนุก ล็อคตัวร่างบางแน่นหนา

ร่างสูงไม่ได้จูบ เขาใช้ไม้เด็ดกว่านั้น

กางเกงผ้าเนื้อหนาถูกดึงออกปลายขาเรียวเล็กง่ายดาย เผยเรียวขาขาวผ่องตามเชื้อสายเลือดคนจีน ร่างเล็กยิ่งดิ้นโวยวาย แต่ชายหนุ่มหัวเราะสนุก

มือใหญ่คว้าขอบชั้นในสีขาวเตรียมดึงลง แต่มือเล็กคว้าดึงไว้ติดมือ

ร่างสูงเปลี่ยนทิศสอดมือเข้าจากขอบด้านล้าง คว้าจุดสำคัญ ร่างเล็กตัวงอ อายแทบอยากหายตัว

ชายหนุ่มเร่งเร้าจนร่างเล็กตอบสนอง เสียงหอบหายใจหนัก แม้ไม่เต็มใจแต่ธรรมชาติร่างกายกลับเป็นไปอย่างง่ายดาย อารมณ์ทะยานพุ่งขึ้นสูง ชายหนุ่มถือโอกาสทาบทับริมฝีปากร้อน เย้าแหย่เรียวลิ้นเล็กเพิ่มพูนความร้อนให้ร่างในอ้อมกอด

ร่างบางเมามายกับอุณภูมิร้อนเร่า ไม่นานก็กระตุกวาบ ปล่อยความต้องการล่องลอยสิ้นสุดลง แขนขาอ่อนเปลี้ยอยู่ในอ้อมกอดคนตัวใหญ่

“รู้สึกดีใช่มั้ย” เสียงกระซิบข้างหูเรียกร่างบางจากภวังค์ ขืนตัวออกจากอ้อมกอด

“นิ่งๆก่อน” ชายหนุ่มปลอบโยนเสียงเบา เขาอยากให้ร่างเล็กอยู่ในอ้อมกอดไปสักพัก

ร่างบางโอนอ่อนลงบ้างแต่ยังรู้สึกขัดเขิน ไม่มีคำพูดใดจากปากบาง ชายหนุ่มจูบที่ขมับเบาๆแล้วกระชับอ้อมกอด รู้สึกดีอย่างประหลาด

“ไอนั่นของคุณมันทิ่มหลังผม” ร่างเล็กเอ่ยขัดบรรยากาศ คนตัวโตจิ๊ปากรู้สึกขัดใจ จะเป็นเด็กดีสักพักเลยไม่ได้หรือไงเนี่ย

แน่นอนว่าเขาต้องมีปฏิกริยาตอบสนองบ้างเมื่อได้สัมผัสอุณหภูมิร้อนจากร่างเล็ก เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากจะเร่งเร้าอะไร แต่เมื่อเจอความแก่นกะโหลก สงสัยเขาคงต้องเล่นแง่อีกสักยก

“ทำให้บ้างสิ” ชายหนุ่มหยั่งเชิง และตามคาด ร่างเล็กปฏิเสธออกเชิงโวยวายด้วยความอายจัด

“ดอกเบี้ยงวดแรกไง” ชายหนุ่มทิ้งไพ่ที่คนตรงหน้าไม่อาจปฏิเสธ

ร่างเล็กอึกอีกใช้ความคิด อยากจะปฏิเสธ แต่เขาไม่ควรผิดสัญญา ชายหนุ่มจ่ายเงินก้อนใหญ่นั้นให้โรงพยาบาลไปแล้วด้วยซ้ำ ทำให้อาม่าเขาได้มีโอกาสรักษาตัว

มือเล็กยื่นมาแกะกระดุมกางเกงของคนตรงหน้าอย่างเก้ๆกังๆ หน้าร้อนจัดลงไปถึงคอ หากร้อนไปกว่านี้เขาอาจจะเป็นลม มือสั่นเหมือนจะไม่มีแรง คนตรงหน้าก็มีอะไรๆเหมือนกับเขาแท้ๆ ทำไมจะต้องอายอะไรขนาดนี้ไม่รู้

ชายหนุ่มจับคางเล็กให้เงยขึ้นมา ตาคมจ้องมองลึกลงไปในตาเรียว โน้มประทับจูบแผ่วเบาบนเรียวปากบาง ไล่เร้าจังหวะอย่างค่อยเป็นค่อยไป มือแกร่งดึงมือเล็กเข้าสัมผัสส่วนร้อนจัด จูบร้อนเร่งจังหวะร้อนแรงตามเบื้องล่าง อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นจัด เสียงลมหอบหายใจหนักเป่ารดข้างแก้มเล็กเนียน

ร่างสูงรู้สึกได้ว่าความร้อนของร่างบางเพิ่มขึ้นตามร่างกายเขา จัดแจงปล่อยมือเล็กที่กำลังเร่งเร้าส่วนร้อนของเขาไปจัดการให้คนตรงหน้าด้วย ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย เกือบกระถดหนี

“พร้อมกันเถอะ” เสียงทุ้มพร่ากระชิบ พร้อมโอบเอวบางเข้ามาแนบชิด มือใหญ่เร่งจังหวะ ประทับจูบร้อนอีกครั้ง เสียงครางจากปากคนในอ้อมแขนเร่งเร้าอารมณ์ขึ้นไปอีก

สองคนรับรู้เพียงความร้อนของกันและกันอยู่ในห้วงแห่งอารมณ์ ลอยละลิ่วขึ้นสูงสุดแล้วทิ้งตัวลงแผ่วเบาเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง

ร่างเล็กหมดแรงสิ้นเชิง การปลดปล่อยสองรอบติดๆแทบทำให้หัวใจเขาหยุดเต้น ยอมโอนอ่อนพิงคนข้างหลังโดยดี หอบหายใจแผ่ว รับรู้สัมผัสแผ่วจากเรียวปากอุ่นที่ประทับลงบนไรผมและแก้มของเขา

...........รู้สึกดีลึกๆ

ไม่มีใครพูดอะไรใดๆ ปล่อยเวลาให้อ้อยอิ่งไปช้าๆ

สักพักใหญ่เสียงเจื้อยแจ้วของคนตัวเล็กก็กลบบรรยากาศ บ่นเหนียวตัวอยากอาบน้ำ แล้วตามด้วยเสียงโวยวายเมื่อคนตัวสูงจับพาดบ่าเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน

ร่างสูงเปลือยท่อนบนเช่นเคย สวมเพียงกางเกงผ้ายืดขายาวเนื้อดีเตรียมตัวนอน ส่วนเจ้าตัวเล็กก็อยากจะใส่แค่บ็อกเซอร์นอนเหมือนที่เคยทำ แต่พอเทียบหุ่นตัวเองกับคนตรงหน้าแล้วก็รู้สึกขายหน้า จึงหยิบเสื้อกล้ามตัวย้วยมาใส่เป็นชุดนอน แล้วรีบไดร์ผมให้แห้งตามคำสั่งคนบนเตียง

“จะไว้ยาวหรอ” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับปลายผมนุ่มที่ยาวระไหล่บาง เมื่อตัวแสบวิ่งจู๊ดมาขึ้นเตียง

“ไม่ได้ตั้งใจไว้หรอก แต่ไม่มีตังไปตัดร้านดีๆ”

“อย่างนี้ก็ดีนะ เซอร์ดี เหมาะกับพวกศิลปิน” ชายหนุ่มไม่เอ่ยเหตุผลที่แท้จริงว่าเขาชอบผมหนานุ่มของคนตรงหน้า ตัดแล้วคงเสียดาย

“จริงอะ ก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน อาม่าก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย ก็คนมันหล่อ ทำไรก็ดูดีล่ะนะ”

ร่างสูงยิ้มหมั่นเขี้ยวคนตรงหน้าที่ยักไหล่ทำเป็นหลงตัวเอง ตัวก็เท่าลูกหมา ความสูงยังไม่เลยปลายกระเดือกเขาไปด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ความสูงเฉลี่ยผู้ชายไทยปกติก็ควรจะอยู่สักปลายจมูกเขา แถมยังผอมแห้งเป็นขี้ก้าง ดีที่ท้องไม่ป่องเหมือนเด็กแอฟริกา ไม่งั้นเขาคงนึกว่าป็นโรคขาดสารอาหารดีๆนี่เอง

ชายหนุ่มมองไล่สำรวจใบหน้าคนตรงหน้า เด็กนี่ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่ ออกจะเกินแสตนดาร์ดอยู่พอสมควร แต่ออกประสาจืดตามชาวตี๋เลือดเจ๊กทั่วไป ตาเรียวชั้นเดียว จมูกรั้นเหนือริมฝีปากบางที่มักมีคำพูดแสบๆออกมาเสมอ รวมๆแล้วก็ใช้ได้น่ะ

ร่างบางเหล่หางตาเห็นคนตัวใหญ่นอนจ้องหน้าเขาก็พาลให้หน้าร้อนขึ้นอย่างประหลาด ยกมือเกานั่นนี่แก้เขิน พลิกตัวหันหลังเตรียมทิ้งหัวลงหมอน

“อาม่าเข้าห้องผ่าตัดกี่โมง” เสียงทุ้มถาม

“10 โมง"

“อืม งั้นรีบนอน พรุ่งนี้ไปให้กำลังใจอาม่าก่อนเข้าผ่าตัดกัน”

“............”

“.............”

“ขอบคุณนะ”

รอยยิ้มระบายบนหน้าคนตัวสูง เอื้อมมือไปปิดสวิตช์ไฟ แล้วหันมากอดคนตัวเล็กแทนหมอนข้าง วันนี้ไม่มีเสียงประท้วงจากในอ้อมกอด


**********************************************************

 :mc1: :mc1: :mc1: วิ่งต่อไป วิ่งต่อไป แฮ่กๆๆ

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
 :heaven :heaven  กำลังใจจากคนอ่าน ชุ่มชื่นมาก ฮ่าๆๆ


ตอนที่ 9

“คร๊าบบ เติมกำลังไปคร๊าบบ เดี๋ยวก็ถึงแล้วเนี่ย เติมก็คิดถึงม่าเหมือนกัน” เสียงเด็กหนุ่มออดอ้อนอาม่าปลายสาย

“เนี่ยรีบตื่นแต่เช้ามาส่งม่าเข้าห้องผ่าตัดเลยนะเนี่ย อาม่าจะได้ทำใจสบายๆ อีกสิบห้านาทีเจอกันนะครับม่า”

“แกอาจจะเครียดนะ เข้าห้องผ่าตัดใหญ่” ร่างสูงเอ่ย

“ก็คงงั้นแหละ เป็นผม ผมก็คงกลัว แกถึงอยากให้เราไปหาไวๆ ดีที่เป็นวันหยุด รถไม่ติด” เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าปอด อารมณ์ดี เอื้อมมือไปกดสวิตช์เปิดเพลงจากไอพอดเครื่องเท่าฝ่ามือของเจ้าของรถ

“โฮ้ย ฟังเพลงไทยบ้างมั้ยเนี่ย” ร่างเล็กบ่น

“ฟังสิ มีตั้งเยอะ หาไม่เจอเอง”

ร่างเล็กบ่นกระปอดกระแปด เพลงเป็นพัน จะหายังไง ใช้ก็ไม่ค่อยจะเป็น


เด็กหนุ่มก้าวเท้ายาวๆผ่านประตู้ห้องผู้ป่วยรวมหญิงเข้าไป มองเห็นเตียงอาม่าแต่ไกลที่กำลังมีนางพยาบาลและหมอมาตรวจเช็คร่างกายอย่างถี่ถ้วนก่อนเข้าห้องผ่าตัด เมื่อร่างบางถึงเตียงก็เป็นอันเรียบร้อยพอดี

“เรียบร้อยครับคุณยาย” คุณหมอเอ่ยพร้อมส่งยิ้มใจดีให้คนไข้

“ไม่ต้องกังวลอะไรนะครับ ทุกอย่างจะเรียบร้อย เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมง นางพยาบาลจะมาพาไปเตรียมตัวอีกทีนะครับ ผมขอตัวนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
สองยายหลานขอบคุณอย่างจริงใจ ฝากความหวังไว้กับมือหมอ

เมื่อคุณหมอหันหลังจากไป เจ้าตัวยุ่งก็ทำตัวออดอ้อนอาม่าเสียเต็มที่ เขาไม่อยากให้อาม่ากังวล

“อาเติม” หญิงชราเรียกหลายชายด้วยเสียงมั่นคง

“ลื้ออายุเท่าไหร่แล้วปีนี้”

“ยี่สิบไงม่า” เด็กหนุ่มวางหัวพาดตักให้หญิงชราลูบหัวด้วยความรัก

“ลื้อโตขึ้นมาก โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว พอที่ลื้อจะดูแลตัวเองได้”

“ไม่หรอก ผมให้ม่าดูแลไง”

“หึหึ อาเติม ลื้อนี่ อาม่าไม่ได้อยู่ค้ำฟ้านะ” หญิงชรายิ้มเอ็นดู สายตามองดูหลานด้วยรักล้น

“อาเติม ชีวิตคนเรามีผกมีผัน มีขึ้นก็มมีลง มีสุขก็มีเศร้า ของมันคู่กัน ไม่ว่าลื้อจะเจอสิ่งใดจงพึงระลึกเสมอว่ามันมีอีกด้านของมัน เกิดเป็นคนให้มีสติ แล้วชีวิตลื้อจะไปได้ดีรู้มั้ย”

“คร๊าบบ อาม่า”

อาม่ามักสอนให้เขาเข้าใจความเป็นจริงแห่งชีวิตเสมอ สิ่งที่ถูกย้ำอยู่ตลอดคือให้เขามีสติในการใช้ชีวิต ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางใดๆ เพราะเขารู้ว่าอะไรควรและไม่ควร

“คุณเจ้านายคะ” อาม่าหันมาทางเจเดนที่วันนี้ไม่ได้ขอตัวไปไหน แต่มานั่งอยู่ข้างเตียงเป็นกำลังใจให้อาม่าอีกคน

“ครับ”

“อาเติมโชคดีเหลือเกินที่ได้มาพบคนใจดีอย่างคุณ” หญิงชราส่งรอยยิ้มจริงใจ

“อีคงทำงานกับคุณไปอีกนาน ชั้นอยากขอให้คุณช่วยอบรมดูแล หนักหนาสิ่งใดขอให้ว่ากล่าวตักเตือน อย่าให้นอกลู่นอกทางไปได้ ชั้นจะได้อุ่นใจ ถือว่าสงเคราะห์คนแก่ได้มั้ยคะ” หญิงชรากล่าวด้วยรอยยิ้มจาง

“ครับ ไม่ต้องกังวลครับ เติมเป็นเด็กดีอยู่แล้วครับ ไม่มีอะไรที่อาม่าต้องกังวลครับ” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปบีบมือเหี่ยวย่นของหญิงชรา ที่เอื้อมมาแตะที่ต้นแขนเขา

“โธ่ ม่าครับ เติมไม่ทำให้ม่าขายหน้าหรอกน่า”

ร่างสูงตวัดตามอง อมยิ้มในหน้า นึกถึงแต่ละวีรกรรมที่คนข้างๆก่อ อาม่าอาจจะหัวใจวาย

ตลอดครึ่งชั่วโมง อาม่าเป็นฝ่ายฟังหลานรักเจื้อยแจ้วมากกว่า มือเหี่ยวย่นสัมผัสผมนุ่มไม่ห่าง สายตาเฝ้ามองดูใบหน้าหลานรัก

.....เนิ่นนาน

ราวจะจารจำไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ

เมื่อถึงเวลา นางพยาบาลและพนักงานหลานคนมาย้ายตัวหญิงชราพื่อเข้าเตรียมตัวผ่าตัด เติมบีบมือหญิงชราพร้อมประทับจูบบนแก้มเย็นที่มีรอยยับย่นนั้น กอดแน่นๆอีกครั้งก่อนปล่อยมือให้เตียงถูกเข็นออกไป รู้สึกใจหาย มองตามรอยยิ้มของอาม่าจนลับตา

“ไปรอที่หน้าห้องผ่าตัดมั้ย?” ร่างสูงเอ่ยถาม

ร่างบางพยักหน้า เดินตามนางพยาบาลออกไป

เขารู้สึกประหลาด จะกังวลก็ไม่เชิง

“ใจเย็น เดี๋ยวอะไรๆก็เรียบร้อย” ร่างสูงหันมาปลอบ สัมผัสได้ว่าคนข้างๆเป็นกังวล

“ไม่รู้สิ เหมือนไม่ได้กังวลเรื่องการผ่าตัด แต่ไม่สบายใจอะไรก็ไม่รู้” ร่างเล็กเอ่ยเบาๆคล้ายพูดกับตัวเอง นั่งกอดอกมองต่ำลงบนพื้นสีขาวเป็นเงาสะท้อน

ชายหนุ่มไม่ได้ปลอบอะไรอีก เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะกังวลเมื่อคนที่เรารักต้องผ่าตัดใหญ่

“เปลี่ยนบรรยากาศเถอะ เราไปนั่งรอที่ร้านกาแฟดีกว่า นายจะได้ผ่อนคลายบ้าง”

ชายหนุ่มลุกขึ้นนำ พาคนตัวเล็กเปลี่ยนที่ผ่อนคลาย


ร่างบางนั่งจิ้มหน้าจอโทรศัพท์เครื่องแพง เล่นเกมอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มใช้มันเบี่ยงเบนความสนใจของร่างบางที่ดูกังวลกับอาม่า

เวลาผ่านไปกว่าชั่วโมง เสียงเพลงจากโทรศัพท์ของร่างบางดังขึ้น เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็เป็นเบอร์ไม่คุ้นเคย

“เบอร์ใครเนี่ย ขึ้นด้วยศูนย์สอง ขายประกันแหงๆ” ร่างเล็กเดาไปเรื่อย

“ฮัลโหลครับ”

“ครับ ใช่ครับ พูดอยู่ครับ”

“.................”

“อาม่า! ผมจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้ครับ” เด็กหนุ่มหน้าซีดเผือด หันมาหาร่างสูงแวตาสั่นระริก ไม่มีคำพูดใดจากปากร่างบาง ทั้งคู่รีบกึ่งวิ่งขึ้นไปที่ห้องผ่าตัด

เมื่อถึงที่หมาย ก็เห็นคุณหมอผู้เป็นเจ้าของไข้ยืนรออยู่แล้วพร้อมสีหน้าที่เป็นกังวล เติมใจสั่น ไม่อยากเดาอะไรทั้งนั้น ขอแค่อย่ามีข่าวร้าย

แต่โลกมักจะกลั่นแกล้งเราในบางครั้ง....

สิ้นคำพูดของคุณหมอ เติมตัวชา โลกหมุนคว้าง ไม่ได้ยินเสียงใดๆรอบตัว รู้สึกได้เพียงมีแขนแกร่งโอบกอดเขาเอาไว้ เติมเกี่ยวคว้าแขนอุ่นนั้นไว้แน่นเหมือนกับว่าเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสิ่งเดียวที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้

ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ ไม่รู้ว่ามีใครพูดอะไรกับเขาบ้าง กระดาษกี่แผ่นที่ต้องเซ็น เติมจรดปากกาลงไปเหมือนหุ่นยนตร์ที่ถูกลงระบบให้ทำไปเรื่อยๆเท่านั้น

เมื่อเสร็จสิ้นธุระ มือใหญ่มือหนึ่งวางทาบทับลงบนมือของเติม ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกถึงกระแสอุ่นจากสัมผัส เรียกสติบางส่วนกลับมา

เมื่อเงยขึ้นก็พบแววตาคู่สวยที่จ้องมองเข้ามาในดวงตาเขา ราวกับจะเพิ่มความมั่นคงให้กับจิตใจของเติมในตอนนี้

“ไม่ต้องกลัว ตอนนี้นายไม่ได้อยู่คนเดียว ชั้นอยู่ตรงนี้ โอเคมั้ย ตั้งสติดีๆ”

ทันทีที่เติมรู้สึกว่ายังมีใครบางคนอยู่ข้างๆ คนตัวเล็กก็ปล่อยความรู้สึกทุกอย่างพรั่งพรู น้ำตาใสไหลเป็นสาย ร่างบางกอดไหลกว้างสะอื้นตัวโยน


*****************************************************************

 :heaven :heaven อาม่าชิ่งหนีไปสวรรค์แล้วซะงั้น 

รักคนอ่าน เชิ๊บๆ  :z2:

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
น่ารักกกกกก มาต่อไวมากเลยอิอิ :katai2-1:
สู้ๆนะคะะ

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
โอยยย น้ำตาไหล อาม่าอ่ะ  :m15:

สงสารเติม งืออ ยังดีที่มีเจเดนอยู่ข้างๆ

ออฟไลน์ vanillaaom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านรวดเดียวเลย
สนุกดีน่ะจารอติดตามตอนต่อไปน่ะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
สงสารน้องเติมอ่ะ T^T
คุณเจเดนต้องดูแลน้องให้ดีๆ นะ รักน้องให้มากๆ น้องไม่เหลือใครแล้ว

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
 :pig4: :pig4: ชื่นใจมาก สมุนเป็ดให้กำลังใจด้วย สู้ต่อๆ

 :z10:  กระดึ๊บไปทำงานมาแป๊บนึง อัพต่อเนอะ คนอ่านจะได้รักแมวเหมียว ฮ่าๆๆ

 :call: บูชาเหล่าสมุนเป็ด


อาม่าหนีหมาเติมไปแล้ว ทำยังไงต่อไปดี?

*******************************************************************


ตอนที่ 10
งานศพของอาม่าเรียบง่ายและเงียบเชียบ เด็กหนุ่มไม่ได้เชิญญาติคนไหน เพราะเมื่อตอนอาม่ามีชีวิตอยู่ก็ไม่เคยมีใครยื่นมือเข้ามาดูแลหรือแม้แต่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ แม่เป็นเพียงลูกสาวคนเดียวของอาม่า และเติมก็แทบไม่รู้จักญาติโกโหติกาคนไหนมากไปกว่านั้นอีก ญาติฝ่ายพ่อยิ่งไม่ต้องพูดถึงเข้าไปใหญ่ พ่อถูกตัดออกจากตระกูลทันทีเมื่อเลือกที่จะมาแต่งงานกับแม่มากกว่าคู่หมั้นเศรษฐีที่ปู่หาให้สมฐานะกัน

ในงานคืนที่สองมีเพียงเพื่อนสนิทของเติมสองสามคนที่เคยมาเยี่ยมเยียนที่บ้านและฝากท้องกับฝีมืออาม่าเป็นครั้งคราว จึงรู้จักสนิทสนมและได้รับความเอ็นดูจากหญิงชราเป็นอย่างดี เด็กหนุ่มทั้งสามรู้สึกใจหายและเป็นห่วงเติมกันอย่างมาก

“เติม ให้พวกกุไปค้างเป็นเพื่อนมึงป่าววะ” ทิป หนึ่งในกลุ่มเพื่อนแสดงความเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าเมื่อไม่มีอาม่า เติมก็เหลือตัวคนเดียว

“เออ ขอบใจว่ะ แต่ไม่ต้องอะ กุไปนอนที่คอนโดของเจ้านายกุ”

“เฮ้ย อาม่ามึงเสีย มึงยังต้องไปดูแลคอนโดให้เขาอีกหรอวะ เจ้านายมึงโคดเขี้ยว” เป๊ปซี่ เพื่อนจอมปากไวยังไวอยู่เสมอ ทำเอาชายหนุ่มเค้าหน้าฝรั่งที่ถูกพาดพิงตวัดตามองมาหนึ่งทีแล้วทำนิ่งเหมือนไม่ได้ยินเสียงนินทาเมื่อครู่

“เฮ้ย ไอ่ห่าเป๊ป ปากมึงนี่ ถ้าเขาลุกมาต่อยมึง กุไม่ช่วยนะ” เหวย เพื่อนแว่นที่ดูจะเรียบร้อยสุดในกลุ่มออกตัวปราม

“เออ เจ้านายกุเขาไม่ได้ใช้งานกุ เขาต่างหากที่ช่วยกุจัดการธุระทั้งหมดจนถึงตอนนี้แหละ” เติมออกตัวแทน ไม่อยากให้เพื่อนเข้าใจผิด

“หรอวะ ดีจังว่ะเจ้านายมึงนี่ ถ้ามึงเป็นผู้หญิง กุจะยุมึงจับเขาทำผัวไว้นะ ดีขนาดนี้ ” เป๊ปซี่กลับคำเป็นชื่นชมแต่ยังไม่ทิ้งลาย จึงโดนเพื่อนแว่นประเคนแพ่นกบาลไปหนึ่งดอก ลูบหัวป้อยๆ

“เออ กุแค่ไม่อยากให้ไอ่เติมมันเครียด” หนุ่มปากไวแก้ตัว เติมหันมายิ้มเชิงขอบใจ

“ถ้าพวกกุรู้ คงมาสวดกันตั้งแต่คืนแรกแล้ว ถ้ามีไรให้ช่วยก็บอกพวกกุเลยนะมึง อย่าหาว่ากุเลี่ยนเลย แต่กุห่วงมึงจริงๆนะเติม” ทิปที่ดูเหมือนน่าจะเป็นคนที่พูดจาเป็นหลักเป็นฐานที่สุดในกลุ่มแสดงความห่วงใย อีกสองคนพยักหน้าหงึกๆเป็นฝ่ายสนับสนุน

“กุนี่มีเพื่อนดีกับคนอื่นเขาด้วยว่ะ” ร่างบางหยอดกวน ระบายยิ้มแทนคำขอบคุณ

“เฮ้ยๆ พระท่านมาแล้ว ดีๆ พวกเมิงนี่” เหวยสะกิดทุกคนให้เข้าที่สำรวม

เติมหันไปมองคนตัวโตที่นั่งเก้าอี้ตัวริม จึงกวักมือเรียกให้เข้ามานั่งติดกัน

ชายหนุ่มนั่งประนมมือฟังพระสวดไปพร้อมๆกับทุกคน

เมื่อเสร็จงานและส่งพระทุกรูปออกจากศาลาเรียบร้อยแล้ว หนึ่งในสามหนุ่มจึงออกปากชวนไปหาอะไรลงท้องกัน

“เลยไปที่ถนนใหญ่ก็มีของกินเยอะนะ ไปดูแถวนั้นแล้วกัน” เติมออกความเห็น ทุกคนจึงได้อาศัยรถคันโตสีดำสนิทสัญชาติญี่ปุ่นของเจเดนออกไปหามื้อดึกกัน

“เอ่อ....ขอบคุณนะครับที่ให้พวกพผมรบกวน” เป๊ปซี่เอ่ยเอาใจชายหนุ่มหวังแก้ตัว

“ไม่เป็นไร เพราะจริงๆชั้นไม่ได้เขี้ยวหรอก” ชายหนุ่มหยอกเด็กปากไว เป๊ปซี่หัวเราะแหะๆ

เจเดนเป็นเจ้ามือข้าวต้มมื้อดึกให้เด็กๆทั้งสี่ หลังจากอิ่มท้องตึงกันแล้ว ต่างคนก็ต่างขอตัวแยกย้าย และจะมาร่วมสวดที่งานพรุ่งนี้อีกคืนที่เป็นคืนสุดท้าย

“เหนื่อยมั้ยครับ?” ร่างบางหันไปถาม

ชายหนุ่มที่เลิกคิ้วแปลกใจ ไหงวันนี้สุภาพกับเขาจัง

“นายเหนื่อยกว่า” ชายหนุ่มตอบตามความคิด เขาสงสารร่างบางที่ต้องผ่านการสูญเสียคนที่รักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ขอบคุณนะ” ร่างบางเอ่ยเบา พร้อมรอยยิ้มจางให้คนข้างๆ

ชายหนุ่มเอื้อมมือลูบหัวแผ่วเบาคล้ายเติมกำลังใจ

“เสร็จงานคืนพรุ่งนี้ชวนเพื่อนๆมาค้างที่คอนโดสิ จะได้ไม่เหงา” ชายหนุ่มเอ่ยอนุญาติ

“โหย แต่ละตัวทโมนทั้งนั้น เกรงใจคุณ อย่าเลย” ร่างบางไม่กล้า

“เอาเถอะ ชั้นใจดีแค่ช่วงนี้แหละ โทรไปนัดเพื่อนสิ” รอยยิ้มถูกส่งมาให้คนตัวเล็กยืนยันคำพูด ร่างบางจึงจัดแจงโทรศัพท์ตามที่ชายหนุ่มบอก เพื่อนทั้งสามออกตัวดีใจจะได้รวมตัวกันอีก รวมทั้งได้มาอยู่คลายเศร้าให้เพื่อนคนสนิท



“โห แม่งโรงแรมหรือคอนโดวะเติม เจ้านายมึงนี่ทำงานไรวะ มหาเศรษฐีหรอ” เป๊ปซี่ดูจะตื่นเต้นออกตัวกว่าชาวบ้าน

“เออ อย่าเอะอะมะเทิ่งนะมึง เกรงใจเขา” เหวย หนุ่มแว่นออกตัวปราม เขาเหมือนเจ้าหน้าที่ดูแลหมาเป๊ปซี่ปากเปราะเหลือเกิน

“ชั้นยกห้องกลางให้ ง่วงก็กางโซฟานอนได้เลย มีหมอนผ้าห่มเอามาเผื่อไว้ให้หมดแล้ว เบียร์ในตู้เย็นกินได้หมด แต่ขออย่างเดียว อย่าเมาอ้วกลงพื้น ห้องน้ำมี โอเคมั้ย?” ชายหนุ่มบอกกฎกติกา สี่หนุ่มรับทราบทั่วกัน

เติมอยากขอบคุณเจ้าหนี้แสนดีของเขาเหลือเกิน คืนนี้เขาคลายเศร้าลงไปมากเพราะว่ามีเพื่อนฝูงที่รู้นิสัยใจคอมาห้อมล้อม เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้มาก

เติมดร็อปเรียนไปหนึ่งปีทำให้ไม่ค่อยได้เจอหน้าเพื่อนๆ แต่ทุกคนก็ยังเหมือนเดิม และผลัดกันเล่าเรื่องความเป็นไปต่างๆในมหาวิทยาลัยให้เขาฟัง

“งั้นเดี๋ยวเทอมหน้ากุคงกลับไปเริ่มเรียนแล้วล่ะ” เมื่ออาม่าไม่อยู่ให้เด็กหนุ่มดูแลแล้ว แพลนชีวิตก็กลับเข้าที่เดิม

“เออ จารย์อดิศักดิ์เขาก็บ่นถึงมึงนะเว่ย แกว่าเป็นห่วง แต่กุไม่ได้บอกแกว่าอาม่ามึงเสีย กุบอกไปแค่ว่าเดี๋ยวเมิงน่าจะกลับมาเรียนเร็วๆนี้” เหวยเล่า

“เออ เทอมหน้ามีตัวไหนที่กุลงเรียนกับพวกมึงได้บ้างวะ เรียนตัวเดียวทุกตัว กุเฉาตายห่า” ร่างบางถาม

“กุว่าแล้วมึงต้องถาม กุเลยเอาตาราง sec มาเผื่อมึง” เป๊ปซี่เดินไปหยิบแผ่นกระดาษ A4 สองสามแผ่นมาจากกระเป๋า
แล้วตารางเรียนก็เริ่มกางอวดกันและกัน ทำให้เติมแพลนล่วงหน้าว่าจะได้ลงเรียนตัวไหนได้บ้าง

ร่างสูงที่นั่งร่วมวงกับเด็กๆนั่งมองร่างบางอยู่เงียบๆ เมื่อเติมอยู่กับเพื่อนฝูงก็เป็นอีกมุมใหม่ที่เขาเพิ่งได้เห็น ออกจะแก่นกะโหลกกว่าตอนอยู่กับเขาสองคนเสียอีก

เมื่อได้เวลาดึกดื่นพอควร ทุกคนจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน

“นอนในห้องเถอะ” ร่างสูงออกปาก เขาอยากให้ร่างบางพักผ่อนสบายๆ และมากกว่านั้นเขาอยากให้อยู่ใกล้ๆกัน

ร่างเล็กสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มอุ่นพร้อมกับคนตัวโต

“ทำไมคุณใจดีจัง” ร่างบางเอ่ยถาม สงสัยจากใจจริง

“อยากให้ใจร้ายหรอ?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น คือแบบ คุณอุตส่าห์อนุญาติให้เพื่อนๆผมเข้ามาที่คอนโดของคุณขนาดนี้ ทั้งๆที่เป็นที่ส่วนตัวมาก แล้วผมก็เป็นแค่....ลูกหนี้ของคุณเอง”

“ไม่รู้สิ” ร่างสูงยักไหล่

“อืม แต่ไงก็ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ” ร่างเล็กเอ่ยจริงใจ

ร่างสูงระบายยิ้มจางๆ ดวงตาคมมองลึกลงไปในดวงตาเรียวสวยนั่น แรงดึงดูดบางอย่างดึงเขาก้มลงไปหา

ประทับรอยอุ่นบนริมฝีปากนุ่ม....บางเบา

เมื่อผละออก ร่างบางลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า

เมื่อครู่เขาไม่ได้ปฏิเสธใดๆในการกระทำของชายหนุ่ม และความรู้สึกบนริมฝีปากเมื่อครู่

มันช่าง........อบอุ่นเหลือเกิน

“นอนเถอะ”

เช่นเดิม....แขนแกร่งโอบกอดเขาเอาไว้

อุณหภูมิอุ่นของร่างกายคนตัวโตส่งให้ร่างบางหลับลึกอย่างคลายกังวล

*******************************************************************

 :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:  รักคนอ่านเหลือหลาย จ๊วบๆ โอ๊ยๆ โทษที เลอะน้ำลายหรอ เช็ดให้นะจ๊ะ  :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
อย่าร้ายกับน้องเติมนะครับ คุณเจเดน

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
อย่ามีมาม่าเป็นพอ  :mew2: น้องเติมน่าสงสาร

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
 :a1: :a1: อัพอีก คนอ่านยังไม่เหนื่อยกันใช่มั้ย ฝากเนื้อฝากตัวเรื่องแรกนี่ขอเอาใจมิตรรักแฟนบอยเลิฟนะ อัพไม่ยั้ง

จริงๆเรื่องนี้ยังแต่งไม่จบหรอก แต่งไปแล้ว 70% ก็โพสต์ไปให้อ่านกันแบบเอาใจเยอะๆแล้วกันนะจ๊ะ

รถค่ายกระทิงดุสัญชาติอิตาลีที่เจเดนขับตอนแรกๆ ก็คือรถ Lamborghini นั่นเองนะจ๊ะ ส่วนรถสัญชาติญี่ปุ่นที่เอามาขับแทนอีกคันนั้น รูปร่างก็ประมาณ Honda CRV ไรงี้  กลัวคนดูนึกภาพไม่ออก

แมวเหมี่ยวเวิ่นเว้อเนอะ ฮ่าๆ  :o8:

*********************************************************************************

ตอนที่ 11


เจเดนลืมตาขึ้นมองดูเมื่อรู้สึกว่าไม่มีร่างเล็กอยู่ในอ้อมกอด หันมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเช้าตรู่แล้ว ฟ้าข้างนอกมีแสงสว่างรำไร ในห้องน้ำก็ไม่มีเสียงอะไร จึงลุกจากเตียงเดินหา

ที่ระเบียงมีลมพัดเย็นในยามเช้า เจ้าของผมนุ่มยาวใช้มือง้างหนังยางขึ้นมัดรวบไม่ให้เกะกะยามลมปะทะ กระดานแผ่นใหญ่วางบนตักพร้อมกระดาษสีขาวหนีบติดไว้ มีเค้ารอยร่างภาพเกือบสมบูรณ์

ร่างสูงก้าวเดินเข้าไปหาคนตรงหน้า ก้มลงมองดูภาพวาดด้วยดินสอดำเป็นรูปหญิงชราที่เขาคุ้นเคย รอยยิ้มที่ยังทิ้งรอยอบอุ่นตรึงในใจ

เด็กหนุ่มระบายความคิดถึงออกมาด้วยปลายดินสอ

“ทำไมตื่นเช้าจัง คิดถึงอาม่าหรอ”

ร่างเล็กเหลียวเงยหน้ามองผู้มาเงียบๆด้านหนัง

“คิดถึง...มากเลยแหละ” เอ่ยตอบคนข้างๆ สายตาทอดไกลไปยังเวิ้งฟ้าข้างนอก อาม่าจะกำลังอยู่บนนั้นหรือเปล่า

“สวย”  คนตัวโตก้มลงเอาคางเกยไหล่เล็ก แก้มอุ่นแนบใบหน้าเนียนเย็น เอื้อมมือไปสัมผัสภาพตรงหน้า ที่ดูมีชีวิต เหมือนอาม่ายังยิ้มอยู่ตรงนั้น

“ตื่นมาตั้งแต่กี่โมง”

“ก็.....ตีห้าได้มั้ง เห็นยังไม่สว่างดีเลย แต่อยากวาดรูป พวกนั้นยังนอนอุตุกันอยู่เลย”

ก็น่าอยู่หรอก เข็มยาวชี้เกือบเลขสองแล้วเพิ่งจะแยกย้ายไปหาที่ซุกหัวกัน

“กาแฟมั้ย”

“โอวัลตินได้ป่าว”

“มีแต่ไมโล”

“ก็ได้”

รอยจูบอุ่นประทับลงบนผมนุ่ม แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปในครัว

แก้มเย็นซับเลือดฝาดด้วยหัวใจสูบฉีด ฉงนความหมายของจูบเบา

“เป็นฝรั่งเขาจูบกันพร่ำเพรื่อหรอวะ?” รำพึงงุบงิบคนเดียว ไม่รู้จะไปพูดให้ใครฟังได้

ไม่นานแก้วอุ่นก็ถูกยื่นมาตรงหน้า ร่างบางรับไว้ จิบเบาๆเนื่องด้วยอุณหภูมิของเหลวสีเข้มที่ยังร้อนจัดนัก คนตัวโตลากเก้าอี้มานั่งติดกัน แขนยาวพาดข้ามมาพนักพิงของร่างบ่าง เหมือนกำลังโอบกอดโดยอ้อมๆ

“เอิ่ม...ไม่ต้องชิดขนาดนั้นก็ได้ม้าง”

“ทำไมอะ ชั้นแปรงฟันแล้วนะ หรือนายยัง” ร่างสูงยียวน

“ไม่ใช่อย่างนั้น คือแบบ ผม..เอิ่ม.....คืออึดอัดไง”

ร่างสูงยิ้ม มองดูใบหูเล็กที่ซับสีเข้มจัด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความอึดอัดที่ว่ามาจากความเขินมากกว่า

นอกจากไม่ได้โยกย้ายท่านั่งแล้ว คนตัวโตยังถือวิสาสะเล่นผมนุ่มตรงปลายมือด้วย ยิ่งเพิ่มรอยสีสันบนแก้มเนียนมากไปอีก
ปราศจากเสียงคำพูดใด ทั้งคู่นั่งเคียงข้างกัน จิบหอมความอุ่นจากแก้วในมือเงียบๆ จนเริ่มพร่องไปกว่าครึ่งแก้ว ร่างเล็กบ่นง่วงอีกครั้ง จึงชวนกันเข้านอนยามเช้า

“นอนเฉยๆไม่ได้หรอ ต้องกอดด้วย?” เสียงประท้วงจากคนโดนใช้เป็นหมอนข้างมาหลายคืน

“แถมนิดแถมหน่อยไม่ได้เลยหรอไง นี่ยังไม่เคยเร่งรัดเก็บดอกเบี้ยเลยนะ ใจดีขนาดนี้ โถ่” เสียงทุ้มแสร้งตัดพ้อ แต่มือเหนียวไม่ได้ปล่อยเอวบาง

“โห่ย” คนถูกบังคับถอนหายใจใหญ่ แถมไม่ทันตั้งตัวยังถูกขโมยหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ แล้วยังไล่ลงมาที่ซอกคอเนียน ร่างเล็กใจเต้นรัว

จูบร้อนยังไล่ลงมายังลาดไหล่บาง ไม่รู้จะเอ่ยปฏิเสธอย่างไร เขายังเป็นลูกหนี้ที่มีข้อตกลงผูกพัน

แขนแกร่งพลิกร่างบางหันมาเผชิญดวงตาเข้มล้ำลึก ทำใจให้เต้นไม่เป็นส่ำ ลมหายใจร้อนเป่ารดริมฝีปากก่อนทาบทับเนิบแน่น.....

ย้ำ.....ซ้ำ

ริมฝีปากสีเชอร์รี่ถูกลิ้มชิมไม่ว่างเว้น วนเวียน คลอเคลีย ทำใจเตลิดไปไกล

ลิ้นร้อนซอกซอนรสหวาน เรียกเสียงครางคลอยามหยอกเย้า

มือหนาเลื่อนเข้าสัมผัสผิวเนียนอุ่นใต้ผ้าบางเบา

“อื้ม....หยุดก่อน” ร่างบางผงะได้สติ ใจยังเต้นระรัว หายใจหอบ

การจากไปของหญิงชราเพียงไม่กี่วันทำให้ยังกระดากอายและรู้สึกไม่สมควร

“ผม.....ขอโทษ” คนตัวเล็กรู้สึกผิด แต่เขายังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนตรงหน้าได้ในเร็วๆนี้

“ไม่เป็นไร ก็เข้าใจอยู่” ยิ้มบางระบายบนใบหน้าคมเข้ม พร้อมประทับจูบบางเบาบนหน้าผากมนของคนตัวเล็กให้คลายกังวล
มือหนากระชับผ้าห่มให้ร่างบาง แล้วพลิกตัวหันหลังนอนนิ่งเงียบ

ดวงตาเรียวมองไล่แผ่นหลังใหญ่ รู้สึกผิดที่เหมือนเอาเปรียบ เจ้าหนี้แสนดีช่างระวังความรู้สึกเปราะบางของเขาเหลือเกิน
หากความใจดีของเจ้าของแผ่นหลังนี้กลับก่อเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นลึกๆในใจ เริ่มรู้สึกกลัวที่นานวันเข้า ดูมันจะเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ


*************************************************************************

ดูตาม้าตาเรือบ้างนะนายเจเดนนี่  :z6: :z6:

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
 :mc2: :mc2: เอ้า คนอัพ มีแรงก็อัพ  ส่วนคนอ่านมีแรงก็อ่านกันเข้าไป ฮ่าๆๆๆ

นิยายเรื่องแรกของชีวิตอันนี้ ไม่ขอเรียกเรตติ้งอะไร ขอแค่คำติชมให้ไปพัฒนาฝีมือกับกำลังใจเล็กๆน้อยๆนะคะ

 :call: :call:

*********************************************************************************

ตอนที่ 12


“อาเติม.......อาเติม” เสียงคุ้นเคยดังข้างหู เมื่อเด็กหนุ่มลืมตาขึ้นก็พบรอยยิ้มอบอุ่นคุ้นเคย ความรู้สึกดีใจแล่นขึ้นจุกอกบาง น้ำตาใสไหลรื้นออก มือคว้าหญิงชราตรงหน้าเข้ามากอดแน่น

“อาม่า....ฮึก เติมคิดถึงอาม่าจังเลยครับ” สะอื้นไห้กอดร่างอุ่นของหญิงชรา อุ่นเหมือนตอนยังอยู่ด้วยกัน

“อาม่าก็คิดถึงลื้อ” อาม่ายิ้ม มือเหี่ยวย่นลูบแก้มใสเช็ดน้ำตา

“อย่าห่วงอาม่าเลย อาม่ามีความสุขดีตอนนี้ แต่ยังเห็นลื้อร้องไห้.......อั๊วห่วงลื้อ”

“ขอโทษครับ เติมขี้แย” แขนบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาให้แห้งโดยไว

“ก็เติมเหงา”

“ไม่เหงาหรอก อาเติม ลื้อจะไม่เหงา” ยิ้มจากอาม่าเหมือนยืนยันคำบอก

“ลื้อจะไม่เหงาหรอก ลื้อไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป อั๊วดีใจ อาเติมของอั๊วจะไม่เหงา.....”

เด็กหนุ่มลืมตา กระพริบตาถี่ๆพบเพียงเพดานสีขาวสะอาดตา ยกมือสองข้างขึ้นดู เหมือนความอุ่นเมื่อครู่ยังติดตรึง ร่างบางถอนหายใจยาว

เขาจะไม่ขี้แย เขาจะไม่ให้อาม่าต้องเป็นห่วงอีก

เสียงหัวเราะขรมดังเล็ดลอดประตูเข้ามา ร่างเล็กหันมอง

“สู้ๆเว้ย อาม่าจะได้ไม่เป็นห่วง” ร่างเล็กกำมือยกขึ้น ทำท่าให้กำลังใจตัวเองเหมือนพระเอกการ์ตูนฮีโร่ญี่ปุ่น ลุกขึ้นบิดมื่อยไปมาแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปยิ้มกับตัวเองในกระจก

เริ่มต้นวันใหม่เป็นนายเติมใจคนเดิม

เปิดฝักบัวล้างเนื้อล้างตัวให้สดชื่น แล้วออกไปสมทบกับก๊วนเพื่อน

“เฮ้ยไรเนี่ย เล่นพ่งเล่นไพ่ กุจะแจ้งตำรวจว่ามีการพนันที่นี่” ร่างเล็กเดินออกไปยียวนคนกำลังนับแต้มเลขกันอย่างเอาจริงเอาจัง
“ไอเหวย มึงมีตองแจ็ค เดี๋ยวมึงก็กวาดเรียบ” ยังไม่เลิก

“เฮ้ยยย ไอ่ห่าเติมมม มึงนี่หายเศร้าแล้วใช่มั้ย กวนส้นตีนได้ขนาดนี้” หนุ่มแว่นประท้วงเพราะโดนขัดลาภ เขากำลังจะกินเรียบอยู่แล้วแต่กลับโดนแฉไพ่

“เออ กุจะไม่โศกเศร้าอาดูรอะไรแล้ว อาม่าบอกว่าทำอีเครียด อีไปไม่สบาย” ร่างบางยืนเกาพุงแกรกๆ

“เฮ้ย อาม่าเข้าฝันมึงหรอวะ ห่าเติม มึงขอหวยเผื่อกุเปล่า” เป๊ปซี่หันมาถามหน้าตาเอาจริงเอาจังอย่างคาดหวัง

“เออว่ะ กุลืมว่ะ” เด็กหนุ่มทำหน้าตกใจจริงจังเหมือนลืมทำเรื่องสำคัญจริงๆ

“เอ้าๆ พอๆ เลยเถิดไปใหญ่และ ครบองค์แล้ว กินข้าวๆ” ร่างสูงเจ้าของใบหน้าเค้าฝรั่งโยนไพ่ลงกลางวง ยุติเกม

“พิซซ่า!” ร่างบางตะโกนพร้อมยกแขนสองข้างขึ้นสุด

“พิซซ่าๆๆๆ!” ก๊วนแก๊งเริ่มส่งเสียงสมทบ เป็นอันว่ามื้อนี้พวกเขาจะเติมแคลลอรี่หนักๆกัน

เด็กหนุ่มกลับมาใช้ชีวิตอย่างร่าเริงเป็นปกติสุข บางวันก็ไปเตะบอล บางวันก็ไปหาอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ใช้ชีวิตอย่างที่ควรใช้ โดยมีอีกคนที่พ่วงอยู่ข้างๆตลอด




“เติม เจ้านายมึงเขาทำงานทำการไรวะ กุเห็นเขาเดินตามมึงต้อยๆ ไม่เห็นมีเวลาไปทำอย่างอื่น นี่กุนึกว่ามึงตกล่องปล่องชิ้นกันไปแล้วนะ ตัวติดกันขนาดนี้”

เติมสำลักน้ำหลังจากฟังคำถามจากเป๊ปซี่

“ไอ้เหี้ยเป๊ป กุยัง!”

“แต่อีกไม่นานใช่มั้ย?”

“ไม่ใช่โว้ยยย” ร่างบางยันโครมเพื่อนตัวแสบที่เพิ่งไปทำผมทรงแอฟโฟร่มาหมาดๆ

“ห่า กุเจ็บนะมึง” คนผมฟูลูบก้นป้อยๆ

“เจ้านายกุเป็นมาเฟีย”

“ห๊ะ แบบยากูซ่าน่ะหรอ”

ร่างบางหันตามอง มันต่างกันตรงไหนหรอ สองอาชีพนี้

“เอาจริงๆดิ เจ้านายมึงน่ะ จริงๆหรอ?”

“จริงๆ” ร่างบางย้ำคำ

“โห รู้งี้กุไม่น่าตั้งใจเรียนเลยว่ะ กุน่าไปเข้าแก๊งแว๊นแต่เด็ก โตมากุจะได้เป็นยากูซ่า ดูดิ ชีวิตแม่งสบายชิบหายเลย อย่างกับพระเอกละคร วันๆไม่ทำห่าไร มีเงินใช้ มีรถขับ ทำไมครูแนะแนวไม่บอกกุแต่แรกวะ สัสเอ๊ย”

ร่างบางปล่อยเพื่อนหัวฟูบ่นล่องลอยอยู่คนเดียว แล้ววิ่งเข้าไปวอร์มอัพ เตรียมเตะบอล




“เฮ้อออ ร้อนๆๆ” ร่างบางเอื้อมมือไปปรับทิศทางแอร์ให้วิ่งเข้าหน้าตัวเอง มือจับคอเสื้อกระพือรับลม

“ขยับ เท่ากับออกกำลังกาย” ว่าพลางกระพือคอเสื้อไปด้วย

“นี่เตะบอลเมื่อกี้ยังไม่เรียกออกกำลังกายอีกหรอ” ชายหนุ่มเอี้ยวมือควงพวงมาลัยรถเพื่อถอยออกจากซองจอด ร่างบางหันมายิ้มตาหยี

“ออกแล้วก็ออกอีก ออกแล้วก็ออกอีกๆ” พูดซ้ำวนไปมาอย่างอารมณ์ดี

ชายหนุ่มหันมองคนเริงร่าข้างๆ นึกอยากจะให้คนตัวเล็กนี่ออกกำลังกายแบบอื่นกับเขาบ้าง

เกือบสัปดาห์ที่ผ่านมาชายหนุ่มแทบไม่แตะเนื้อต้องตัวคนข้างๆ เขายังห่วงความรู้สึกเปราะบางนั้นและต้องห้ามใจตัวเอง การใกล้ชิดเกินไปอาจทำให้ห้ามใจลำบาก เพียงแค่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวันก็เพียงพอแล้ว

เขาจะรอเวลา

“เหนียวตัวโครสส” ร่างบางลากเสียงเน้น หลังจากเปิดประตูเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นในคอนโดหรูแห่งเดิมที่เขาอาศัยชายคาอยู่มาเกือบครึ่งเดือนแล้ว

“ผมอาบห้องข้างนอกแล้วกัน คุณอาบในห้องคุณเถอะ” พูดเสร็จก็วิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำ ต่างคนต่างแยกย้ายไปชำระล้างเหงื่อไคลจากการเตะบอลเมื่อค่ำ

ไม่นาน ชายหนุ่มก็จัดการตัวเองเรียบร้อย เดินถือกาแฟอุ่นไปทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่ม มือยกหนังสือนิตยสารเกี่ยวกับรถขึ้นอ่าน ปล่อยกายสบายๆไปกับแอร์เย็นฉ่ำ

“หู๊ยยย หนาวๆๆ คุณเปิดแอร์เย็นจัง”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง กลืนน้ำลายลงคอ เมื่อร่างบางก้าวออกมาจากห้องน้ำ มีเพียงผ้าเช็ดตัวขาวสะอาดพันท่อนล่าง หยดน้ำพราวตามผิวขาวซีด มือเรียวถือชุดเตะบอลเมื่อเย็นไปโยนลงตะกร้าสำหรับเตรียมส่งซัก แล้วเดินเลยเข้าไปในห้องเพื่อหาชุดนอน

ร่างสูงขมวดคิ้ว ยกมือขวาขึ้นกอดอก มือซ้ายถือหนังสือเล่มโปรดขึ้นทาบทับใบหน้า หลับตา เขาพยายามจะตั้งสติ

ร่างบางก้มเปิดเก๊ะค้นกางเกงนอนตัวนุ่มกับเสื้อกล้ามตัวโปรด ปากฮัมเพลงอารมณ์ดี

ไม่ทันตั้งตัว มือใหญ่คว้าต้นแขนดึงจนเซถลา ร่างบางอุทานตกใจ หากกลืนคำกล่าวหาลงคอเมื่อริมฝีปากร้อนก้มลงทาบทับหนักหน่วง

เร่าร้อน....เนิ่นนาน

เสียงอู้อี้ร้องหาอากาศเข้าปอด ชายหนุ่มปล่อยริมฝีปากบางเป็นอิสระ คนตัวเล็กรีบสูดอากาศเข้าปอดอย่างโหยหา

“ขอโทษ” ร่างสูงถอนหายใจอย่างหัวเสีย หันหลังเดินออกไป แต่มือเล็กคว้าข้อมือเขาไว้ ชายหนุ่มหยุด หันมองใบหน้าเจ้าของมือเรียว

“ระวังตัวหน่อย ชั้นใช้ความอดทนอยู่ เข้าใจมั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยนุ่ม แต่มือเรียวยังไม่ปล่อยมือเขา เหมือนจะพูดอะไรแต่แววตาลังเล ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง แล้วเอื้อมมือยีหัวผมนุ่มชื้น

“ไปแต่งตัวไป”

ร่างบางเงยสบตา แววตาสั่นไหว

“คุณไม่ต้องอดทนขนาดนั้นก็ได้”

ชายหนุ่มรู้สึกใจพองแว๊บหนึ่ง แต่ยังไม่มั่นใจ

“รู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา?”

ร่างบางพยักหน้า หลุบตาลงต่ำ

ไม่ใช่ว่าเขาไม่สังเกตชายหนุ่ม หลายวันที่ผ่านมาร่างสูงไม่เคยรุ่มร่ามกับเขาเหมือนเคย ซ้ำยังดูระมัดระวังเป็นพิเศษ ชายหนุ่มกำลังประคองความรู้สึกที่เปราะบางของเขา แต่ร่างบางก็เริ่มเห็นใจอีกฝ่ายมากเช่นกัน และตอนนี้เขาก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนอย่างที่ผ่านมาแล้ว เขาควรจะทำอะไรเพื่อคนตรงหน้าบ้าง

“รู้ใช่มั้ยว่าชั้นต้องการอะไร?”

พยักหน้าช้าๆอีกครั้ง

มือเรียวถูกดึงให้เดินตามหลังกว้างเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เตียงนอนนุ่มถูกใช้เป็นที่รองรับร่างบาง ชายหนุ่มขึ้นทาบทับแผ่วเบา
ดวงตาคมจ้องลึกในดวงตาใสที่ไหวระริกเหมือนย้ำในความแน่ใจ ร่างบางหลุบตาต่ำ แก้มซับสีเข้มเป็นริ้ว

เหมือนได้คำตอบ........

ริมฝีปากร้อนเร่งเร้า มือหนาป่ายปะไปทั่วผิวเนียน

ชายหนุ่มลิ้มรสหวานจากร่างบางไม่รู้คลาย เสียงครางแผ่วหูและร่างสั่นสะท้านไหวทำให้อารมณ์ทะยานแรง ร่องรอยสีเข้มถูกประทับไปทั่วผิวขาวที่ขึ้นซับสีเข้มจากอุณหภูมิที่เร่งร้อน

ร้อน.........จวนละลาย

วาบไหว.......ราวคลื่นถาโถม

ร่างสูงกัดกรามแน่นเป็นสันนูนเมื่อแทรกกายเข้าทางคับแคบ ร่างข้างใต้สะดุ้งเฮือกตกใจ กระถดหนีด้วยความเจ็บอันไม่คุ้นชิน

“เติม.....อย่าดิ้น” เสียงพร่าชายหนุ่มสั่นไหวอยู่ข้างหู

ร่างบางหยุดนิ่งแต่ยังสั่นระริกอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง หายใจหอบ

“เจ็บ....” เอ่ยเพียงเบา กลัว แต่ไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องผิดหวัง

พลันยกมือโอบรอบคอแกร่งเบื้องบน ได้ยินเสียงหัวใจระรัวจากอกหนาของคนตรงหน้า

ร่างสูงลังเล หากเมื่อแขนเรียวยกโอบรอบคอ เหมือนคำอนุญาต

“จะค่อยๆ โอเคมั้ย” ร่างบางพยักหน้าอยู่กับไหล่กว้าง เสียงทุ้มพร่านั้นทำใจเต้นระรัว ริมฝีปากอุ่นเลื่อนประทับจูบกลางผากเนียนเล็กถ่ายทอดความรู้สึกปลอบประโลม

ทุกจังหวะที่ร่างแกร่งถาโถม เหมือนถูกหอบให้ลอยละลิ่ว ความสุขสมเริ่มไหลเอ่อเข้าท่วมท้นช้าๆ ร่างบางสะท้านไหว เสียงครางหอบผลักดันความร้อนในกายชายหนุ่มลอยสูง ไม่นานความหวามไหวก็ถูกปลดปล่อย สองร่างกอดกรุ่น

หัวใจสองดวงเต้นเป็นจังหวะช้าๆ..........เคียงกัน






“เป๊ป เออ กุเอง” ร่างบางกดโทรหาเพื่อนสนิท

“วันนี้กุไม่ไปเตะบอลนะ เออ กุไม่สบาย เจ็บ.....เข่า” อึกอักเล็กน้อยเมื่อโดนซักไซ้ไล่เรียง รู้สึกว่าคงโทรหาผิดคน เขาน่าจะโทรบอกเหวยหรือไม่ก็ทิป

“เออ ไม่ต้องมาเยี่ยม กุไม่ได้เป็นไรมาก” ปฏิเสธความห่วงใยจากเพื่อนหัวฟูเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นห่วงจริงจังแต่อยากมาเที่ยวเล่นคอนโดหรูเสียมากกว่า

“โถๆ ไอ่เติม มึงไม่ต้องให้กุไปดูแลเพราะสามีมึงคอยประคบประหงมอยู่แล้วชิมิ กุรู้ววว กุล่ะว่าแล้ว แม่งตัวติดกันอย่างกับจงอางหวงไข่ เดี๋ยวมึงก็เสร็จเขา” เพื่อนตัวดีจีบปากจีบคอล้อเลียน

“ไอ่เชี่ยเป๊ป ไม่เลิกกวนส้นตีนกุจะเอาปืนเจ้านายไปยิงกรอกปากมึง คอยดู” ร่างเล็กเสทำเป็นขู่ เพราะปฏิเสธไม่ออก

“ฮืออออ เชี่ยแว่นนน ห่าเติมจะเอาปืนผัวมันมาฆ่ากู” หันไปฟ้องคนข้างๆ

“สมควรโดน ปัญญาอ่อนนักนะมึงนี่ กุจะช่วยไอ่เติมซ้ำมึง”

“เชี่ยเติม มึ....”

ร่างบางกดตัดสาย ยิ้มขำเมื่อปลายสายมีคนคอยอบรมสั่งสอนแทนแล้ว

“โหดจังเลยหื๊อ?” แก้มใสถูกขโมยหอมฟอดใหญ่จากคนตัวโตด้านหลัง ทำใบหน้าเนียนร้อนผะผ่าวขึ้นมา

“ห่าเป๊ปมันกวนตีน สมควรที่พ่อมันตั้งชื่อว่าเป๊ปซี่ ชื่อเหมือนหมา คงมาพร้อมหมาในปากมัน”

ร่างสูงหัวเราะขำในตรรกะคนตัวเล็ก

“เจ็บมากมั้ย?”

“ก็.....เดินได้แหละ แต่ไม่วิ่ง” ตอบไปก็หน้าร้อนไป เสมองทางอื่น ไม่กล้าสบตา

“ทำบ่อยๆดิ เดี๋ยวชิน” ร่างสูงยิ้มทะเล้น

ร่างบางเหล่หางตาค้อน บ่นงุบงิบๆไม่ได้ยินเสียง

วันทั้งวันเติมใช้เวลานั่งวาดรูป โดยมีคนตัวสูงเป็นแบบนั่งหันหลังให้ดูรอยสัก เพราะร่างบางทวงสัญญาเก่า จนเมื่อเวลาใกล้อับแสงจึงเริ่มเก็บข้าวของจากระเบียงเข้าห้อง

ชายหนุ่มนั่งมองผลงานที่ถอดแบบมาจากแผ่นหลังตัวเอง เพิ่งเคยได้มองชัดๆโดยไม่ผ่านกระจกเป็นครั้งแรก หงษ์ตัวนี้ไม่ได้ดูดุดันมากเท่ากับตัวต้นแบบ แต่ดูอิสระและมีชีวิตชีวาตามลักษณะอารมณ์จากปลายพู่กันเจ้าของผลงาน

“เอาไปใส่กรอบดีกว่าเนอะ” ร่างสูงชูภาพขึ้นทาบผนัง

“ชอบขนาดนั้นเลย?”

คนตัวโตพยักหน้ารับ กางหามุมประดับให้พอเหมาะพอดี

“อันนี้ก็ดูขลังดีนะ” ชายหนุ่มหยิบภาพสเก็ตช์อีกแผ่นขึ้นมา หงษ์ตัวเดิมในอากัปกิริยาเดิม แต่ว่าเป็นเพียงสีขาวดำเล่นแสงเงาจากดินสอดำวาดรูป

“ส่งไปให้คนที่ฮ่องกงดีกว่า”

“ส่งให้ใครหรอ?” ร่างบางสงสัย จะมีใครที่รู้จักหงษ์ตัวที่เขาวาดอีก

“หัวหน้ากลุ่มมาเฟียชั้นไงล่ะ ลูกพี่ลูกน้องชั้นเอง อายุเท่านายเลย”

“ห๊ะ อายุเท่ากัน แต่คุมนักเลงทั้งแก๊งเนี่ยนะ”

ชายหนุ่มพยักหน้าเรียบๆเหมือนเป็นเรื่องไม่น่าแปลกประหลาด ร่างบางนั่งนึกภาพตัวเองยืนอยู่ต่อหน้านังเลงมาดโหดเป็นร้อยคน รู้สึกพิลึก

“หายเจ็บยัง?”

“ยัง”

“โถ่” คนตัวโตส่ายหัวขัดอารมณ์ ร่างบางค้อนขวับ

...........เย็นวันที่สอง

“หายยัง?”

“ยัง”

คนตัวโตยักไหล่เดินจากไป



..........เย็นวันที่สี่

“ยังไม่หายอีกหรอ?”

“ก็........ยัง!” ร่างบางรีบตอบ พอทำท่าลังเลปุ๊บก็เดินปรี่เข้ามาหาเขาเลยเชียว

“ทำไรให้กินบำรุงดีเนี่ย” ร่างสูงบ่น

“วินนิ่งมั้ย?” ร่างเล็กเอ่ยชวน อยากเปลี่ยนหัวข้อคุย เพราะเวลาพูดเรื่องนี้ เหมือนหน้าเขาจะบางจัดขึ้นมาเฉยๆ

“มาเลย ดวลเลย” ชายหนุ่มผู้อายุแตะเลขสาม แต่พร้อมเป็นเด็กเสมอเมื่อได้เจอเกมโปรด

ร่างบางกดรัวปุ่มเกมเมื่อทีมฟ้าขาวของตัวเองเป็นฝ่ายบุก บอลลูกกลมๆในหน้าจอทีวีถูกส่งไปมา คนตัวโตรัวมือไม่แพ้กันเพื่อป้องกันประตู

“HEY!! FINALLY!” ร่างบางลุกขึ้นเฮ เมื่อเฉือนเก็บแต้มชนะไปในวินาทีเกือบสุดท้าย กระโดดหมุนตัวไปรอบ

“อ้าว ก็หายดีแล้วนี่”

ยิ้มกริ่มจากร่างสูงทำให้คนตัวเล็กชะงัก

“ชิบหายเลย” คำอุทานหลุดจากปากบาง

“มานี่เลย ตัวแสบ” มือใหญ่คว้าข้อมือคนตัวเล็ก แต่ไม่ทันความไว ร่างบางซอยเท้าหนี

ไม่รู้จะหนีไปไหน แต่หนีไว้ก่อน

ร่างบางวิ่งไปจนมุมที่ห้องแต่งตัวชั้นสอง สถานที่เดิม แขนแกร่งยกร่างเล็กตัวลอยเดินเข้าห้องนอนไปที่เตียงนุ่ม

ไม่นาน.....เสียงโวยวายก็เปลี่ยนเป็นเสียงหอบหายใจหนักหน่วง


*****************************************************************************

 :katai3: แหม่ สมใจแล้วสินะ เจเดน  :heaven

หรือสมใจคนแต่ง? หรือคนอ่าน?

win-win นะ ฮี่ๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ holefiller

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: รักคนอ่าน จ๊วบๆ

***************************************************************************************

ตอนที่ 13


“ดูหนังกันป่าว?” ร่างสูงเอ่ยชวน เมื่อใช้ไดร์เป่าผมยาวนุ่มให้คนตัวเล็ก

“ก็ได้นะ”

“ดูหนังไหวใช่มั้ย?”

ร่างเล็กมองค้อน

“ถ้าต้องดูไปวิ่งไปคงไม่ไหว แต่ถ้าไม่ต้องวิ่งก็ดูได้อะ”

ร่างสูงยิ้ม เปิดโทรศัพท์เช็ครอบหนัง หนังดังเข้าโรงมาหลายสัปดาห์แล้ว จึงเหลือรอบน้อยและเป็นโรงหนังที่อยู่เกือบนอกตัวเมือง ชายหนุ่มกดซื้อตั๋ว ได้รอบสองทุ่มครึ่ง



“ก็หนุกดีนะ มีภาคต่อแหงมๆ” ร่างบางเดินอารมณ์ดี มือหยิบป๊อปคอร์นจากถังใบโตเข้าปาก ส่วนเหลือหลังจากดูหนังเสร็จ

“ยังกินไม่หมดอีกหรอ ทิ้งก่อนขึ้นรถนะ” ร่างสูงกำชับ

วันนี้เขายังคงใช้รถคันโตสีดำสัญชาติญี่ปุ่นคันเดิมกับตอนไปงานศพอาม่า เขาไม่ได้แตะเจ้ากระทิงดุมาสักพักเพราะยังไม่ไว้ใจในสถานการณ์ความปลอดภัย ไม่อยากทำตัวเด่น มันอันตราย

รถคันใหญ่เคลื่อนตัวออกจากห้างดัง ในเวลาดึกขนาดนี้ถนนจึงโล่งมาก

“เบรคมันแปลกๆแฮะ พรุ่งนี้คงต้องเอาไปเช็ค”

“อย่าขับเร็วแล้วกัน ไม่ต้องขึ้นทางด่วนก็ได้ ขับข้างล่างนี่แหละ จะได้ไม่อันตราย” ร่างเล็กกังวลเล็กน้อย

เมื่อขับเข้าสู่ถนนใหญ่สักพัก เสียงดังเปรี้ยงก็ดังขึ้นที่ข้างท้ายรถ ชายหนุ่มมองกระจกข้างเห็นมอเตอร์ไซต์คันใหญ่บิดขึ้นเตรียมแซงมาด้านข้าง คนขี่และคนซ้อนแต่งชุดดำพร้อมคุมไอ้โม่ง ร่างสูงรู้ทันที่ว่าอันตรายถึงตัว

“อะไรอะ สะ...เสียงปืนหรอ” ร่างเล็กหน้าเสีย เสียงสั่น

“หมอบต่ำไว้ อย่าเงยขึ้นมา อันตราย” ร่างสูงสั่งเสียงเข้ม เขากลัวคนข้างๆโดนลูกหลงมากกว่า

ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งเพื่อหนีเพชรฆาตที่ตามมาติดๆ ความเร็วเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

ไม่คาดคิด มอร์เตอร์ไซค์อีกคันขับโผล่จากด้านข้าง ปาดหน้า พร้อมชักปืนขึ้นจ่อ ชายหนุ่มหักพวงมาลัยหลบเสียหลัก แตะเบรค แต่พบว่าเบรคไม่ทำงาน

รถหมุนคว้าง เสียการควบคุม

พวกมันไม่ได้คิดจะยิงเขาแต่แรก แต่หลอกให้เร่งเครื่องเร็วขึ้นต่างหาก

สายเบรคถูกตัดไว้เกือบขาดตั้งแต่จอดอยู่ในห้าง!

รถหมุนท้ายกระแทกเข้ากับเสาทางด่วนแล้วพลิกคว่ำไปอีกหลายตลบ

มอร์เตอร์ไซค์ไม่มีป้ายทะเบียนสองคันเร่งเครื่องจากไป ทิ้งรถสีดำสภาพยับเยินหงายท้องอยู่ริมถนน


***********************************************************************************

 :z13: :z13: โง้ยย ไปทำงานทำการก่อนนะ

รักคนอ่านนะจ๊ะ  :กอด1:

อย่ารักน้องเติมคนเดียวนะ รักแมวเหมียวด้วยล่ะ เมี้ยวว..........

ออฟไลน์ holefiller

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
น่ารักอ่ะ ชอบมากๆเลย แต่เศร้าตอนคุณยาย

มาต่ออีกนะๆ

ออฟไลน์ reborn23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
เล่นอย่างนี้เลยหรอ  มาอัพให้อยากแล้วจากไป   หนูเติม  จะเป็นอะไรมากไหมอะ  :katai1:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
มาต่อสั้นมากกกกก ค้างงงงง มาลงอีกกกก  :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด