::CHAPTER 6:: “พราน มึงจะแต่งตัวไงวะ”
ผมยกมือถือขี้นมาแนบหูไว้ในขณะที่กำลังเปิดคอมพ์หาภาพตัวอย่างของเสื้อผ้าใน ‘ธีม’ ที่พี่ปีสามกำหนดให้ใส่มาในวันรับน้องวันสุดท้ายก่อนเปิดเทอม ใช่ครับ...ฟังไม่ผิดหรอก พรุ่งนี้จะเป็นการรับน้องครั้งสุดท้ายระหว่างปิดเทอม และหลังจากเปิดเทอมแล้วการรับน้องจะมีช่วงเย็นหลังเลิกเรียนทุกวันแทน
“ไม่รู้ดิ กำลังหาข้อมูลอยู่”
แค่ผมไล่สายตาดูคร่าวๆ ยังรู้สึกได้ถึงความยากเลยครับ แต่ยังไงก็คงต้องเอาสักแบบล่ะ ยิ่งพี่รีเควสกันมาว่าขอเด็ดๆ เพราะเป็นวันเดียวที่เปิดให้ ‘จัดต็ม’ มาคณะด้วยแล้ว ยิ่งสร้างภาระอันหนักหน่วงให้จิตใจของรุ่นน้องยิ่งนัก
“ทำไมมันดูแกรนด์จังวะ”
ธีมของพรุ่งนี้คือ ‘Gatsby’ เป็นสไตล์การแต่งตัวในยุคสมัยที่เศรษฐกิจในอเมริการุ่งเรืองถึงขีดสุด จึงจะเน้นความหรูหราโอ่อ่า และความโทนสีที่เห็นมากๆ คือ ครีม ดำ ขาว ทอง ถ้าเป็นผู้หญิงอาจประดับด้วยขนนก หรือลูกไม้ ส่วนผู้ชายนั้นที่ผมเปิดเจอคือชุดสูทที่ดูอลังการกว่าที่เห็นทั่วไป
ผมคิดว่าตัวเองเลือกรูปที่รู้สึกว่าพอเข้าท่าไว้บางส่วนแล้วนะ แต่เมื่อเปิดดูทีละรูปอีกรอบก็อดถอนหายใจเป็นรอบที่ล้านไม่ได้
“ไอ้โอมมึงแต่งเต็มป่ะ”
“โห ตอนแรกกูว่าจะเต็มนะ แต่ดูรูปแล้วกูพอใจแค่เสื้อเชิ้ตกางเกง”
ผมเห็นด้วยกับไอ้โอมนะ คือชุดอลังการขนาดนี้ถ้าแต่งตัวตั้งแต่ก่อนจากบ้านเขาคงมองว่าจะไปเป็นเจ้าบ่าวที่ไหน ซึ่งผมไม่เอาแน่ถ้ายังหาเมียไม่ได้
“โอเค งั้นกูก็คงไม่เยอะหรอก”
ผมเช็คสภาพตัวเอาในกระจกอีกครั้งเป็นครั้งที่ห้าก็ว่าได้ มองเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแลคสีเทาเข้มของตัวเอง ปกติผมไม่ค่อยใส่ใจกับการแต่งตัวมากนักแต่คราวนี้เริ่มไม่มั่นใจแล้วล่ะครับ กลัวแต่น้อยไปแล้วจะโดนพี่หาว่าไม่ตั้งใจรึเปล่า คิดไปคิดมาสุดท้ายผมก็หันกลับไปรื้อตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อกั๊กสีกรมท่าที่มีกระดุมผ่าหน้ามาสวนทับเชิ้ตอีกครั้ง ซึ่งมันก็ทำให้ดูเป็นแกสท์บี้มากขึ้นนิดหน่อย
ผมหันไปมองกระจกอีกครั้งแล้วก็ต้องหันกลับไปที่ตู้เสื้อผ้าอีก คราวนี้ครับ สิ่งสุดท้ายที่จะทำให้มันดูเข้าธีมที่สุดคือโบว์หูกระต่าย ผมเลยจัดการรื้อลิ้นชักล่างสุดของตู้ซึ่งเก็บพวกชุดออกงานสมัยประถมเอาไว้ โชคดีครับที่ตอนนั้นแม่ให้ผมไปกล่าวอะไรสักอย่างในงานเลี้ยงของญาติโดยตอนนั้นเป็นวัยที่ยังใส่หูกระต่ายได้โดยไม่น่าเกลียด
ค้นอยู่ไม่ถึงนาทีผมก็พบกับโบว์หูกระต่ายสีแดงเลือดนกที่ดูจะเล็กไปถ้าเทียบกับคอผมในตอนนี้ แต่ช่างมันเถอะ ผมหยิบมันใส่กระเป๋าไว้ไปติดที่คณะ ก่อนจะตรงไปหน้าบ้านใส่รองเท้าหนังสีดำที่เตรียมไว้ แต่งตัวขนาดนี้ก็คงพอจะโอเคแล้วล่ะมั้ง แค่นี้ผมก็ว่าเยอะกว่าปกติมากแล้วนะ
ทว่าเมื่อผมไปถึงคณะ ความคิดที่ว่า ‘เยอะ’ ของผมก็เป็นอันต้องพับเก็บไปเพราะเพื่อนร่วมรุ่น ‘เยอะ’ กว่าผมเยอะ มันก็มีแหละที่ใส่เชิ้ตกับกางเกงธรรมดาแบบไอ้โอมแต่ถือว่าส่วนน้อย ส่วนผมถึงจะพอไปวัดไปวาแต่คนใส่สูทจัดเต็มนี่มีมากกว่าครึ่ง และไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงเลยครับ ขนนกนี่ฟูฟ่อง บางคนก็ใส่เดรสปักเลื่อมแววาวทั้งตัวจนแทบจะเป็นกระจกส่องหน้าได้
“รวมครับ!”
เสียงพี่นำกิจกรรมดังขึ้นทำให้ทุกคนเริ่มทยอยไปนั่งอยู่ที่ลาน วันนี้เหมือนปีสามจะเล่นด้วยครับ ส่วนใหญ่ถึงจะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ปกติเหมือนทุกวันแต่วันนี้บางคนก็ใส่สูทคลุมไว้ ไม่ก็ติดโบว์ตรงคอ ส่วนพี่ผู้หญิงบางคนก็ใส่เดรสสีเรียบๆหรือไม่ก็ที่คาดผมบ้างพอเป็นพิธี
“วันนี้รู้ไหมครับว่าเราจะทำอะไรกัน”
“เอ้อ!/เอ้อ!”
พอพี่สองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเริ่มพูดทุกคนก็เงียบเสียงลงทันทีเหมือนกำลังลุ้นว่าที่ลงทุนแต่งตัวมาวันนี้จะได้ทำอะไร มันก็น่าลุ้นอยู่หรอก ดูแต่ละคนลงทุนกับชุดไม่ต่ำกว่าสองพันแน่ๆ
“เดี๋ยวพี่จะแบ่งน้องออกเป็นห้ากลุ่มก่อนแล้วค่อยอธิบายกิจกรรมวันนี้ให้น้องฟัง แต่ละกลุ่มจะทำไม่เหมือนกันนะ...ขอพี่ไลน์น้องด้วยครับ”
จบคำก็มีพี่มานำแต่ละแถวให้ลุกไปอยู่แยกกันเป็นกลุ่ม ซึ่งจำนวนคนที่มารับน้องวันนี้ก็นั่งกันประมาณสิบแถวเลยจัดให้สองแถวไปรวมเป็นกลุ่มเดียว โดยแถวของผมโดนไลน์ไปอยู่ด้านหนึ่งของลานกิจกรรม ก่อนจะมีพี่อีกสองคนเดินตามมาพร้อมถือถังพลาสติกสองใบมาวางเรียงกันไว้
คราวนี้ผมไม่ได้อยู่กับไอ้โอมเพราะมันดันมาสายเลยไปนั่งอยู่แถวหลัง เลยจงใจนั่งใกล้เพื่อนที่หน้าตาดูน่าไว้วางใจได้หน่อยเผื่อมีเหตุการณ์จะต้องคุยอะไรกันขึ้นมา
“ขอผ้าขนหนูด้วย”
พี่กลุ่มซึ่งเป็นผู้หญิงท่าทางทะมัดทะแมงหันไปบอกพี่ที่เพิ่งถือถังเข้ามาเมื่อกี้ และไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมผ้าคนหนูผืนเล็กแพ็คหนึ่ง ซึ่งพี่กลุ่มก็รับมาเปิดห่ออย่างรวดเร็วแล้วสั่งเพื่อนอีกรอบ
“ให้น้องคนละผืน”
ผมรับผ้าขนหนูที่ส่งต่อๆ กันมาแล้วส่งต่อจนปลายแถวได้แล้วเลยค่อยหยิบของตัวเองไว้ และเชื่อว่าผมไม่ใช่คนเดียวที่นึกสงสัยอยู่ตอนนี้ว่าจะเอาผ้าขนหนูไปทำอะไร
“ได้ผ้าขนหนูกันแล้วให้ทุกคนเดินกันมาชุบน้ำในถังแบบนี้นะ”
พี่กลุ่มหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาจุ่มลงบนน้ำแล้วบิดให้ดูเป็นตัวอย่าง
“แล้วเอาไปเช็ดขี้ฝุ่น ผนังก็เช็ดด้วย ตามซอกก็ต้องเช็ด”
...ฮะ?!?
“กิจกรรมของวันนี้คือ ‘ทำความสะอาด’”
...เฮ้ย เดี๋ยวนะ แล้วเสื้อผ้าที่แต่งกันมาเต็มที่นี่คือแต่งมาเพื่อมาเช็ดขี้ฝุ่นเนี่ยนะ เล่นเอาอึ้งกันทั้งบางครับ ทุกคนยังคงนั่งนิ่งเหมือนตัดสินใจทำอะไรไม่ถูกจนพี่กลุ่มต้องกระตุ้น
“รออะไรอยู่ รีบลุกขึ้นมาได้แล้วน่า”
ระหว่างที่ผมกับเพื่อนกลุ่มในชุดอันหรูหรากำลังเช็ดขี้ฝุ่นที่มีเยอะไม่ใช่เล่น คนที่สนุกที่สุดเหมือนจะเป็นรุ่นพี่ครับ เพราะเห็นหลายคนถือกล้องมาถ่ายน้องกันไม่ได้ขาด ผมนั่งยองๆ เช็ดเกล็ดหน้าต่างของประตูห้องประชุมไปเรื่อยๆ ก่อนจะหันมาเห็นว่าน้ำในถังกลายเป็นสีดำไปเรียบร้อยแล้ว เล่นเอาไม่กล้าจุ่มมือลงไปเลยครับ มันดูน่าขยะแขยงเสียจนผมถึงกับยอมอาสาเอาน้ำไปเปลี่ยนให้เพื่อนเลยล่ะ
“ทุกคน เดี๋ยวกูเอาน้ำไปเทนะ”
ผมพูดขึ้นมาลอยๆ แล้วหิ้วถังน้ำเดินไปถึงห้องน้ำ ระหว่างทางเดินนั้นผมก็ได้เห็นเพื่อนกลุ่มอื่นกำลังทำความสะอาดกันอย่างขะมักเขม้น บางกลุ่มนี่ขนาดผมเป็นหนึ่งในเหยื่อที่โดนหลอกด้วยผมยังฮาเลยครับ อย่างกลุ่มขัดพื้นนี่ผมเห็นเพื่อนใส่เดรสสีทองอย่างหรูกับพี่คาดผมขนนกฟูฟ่องกำลังก้มหน้านั่งขัดพื้นเอาเป็นเอาตาย โดยมีพี่ปีสามที่ถ่ายรูปไปหัวเราะไปอยู่แถวนั้น
“เฮ้ยๆๆ มึง เหมือนซินเดอเรลล่าเลยว่ะ”
“เออ เต็มสัด ฮ่าๆๆๆ”
ผมเดินถือถังไปพลางหันไปมองรุ่นพี่ยืนคุยกันอยู่แล้วก็ต้องหัวเราะตาม ใครจะไปคิดว่าจะโดนหลอกกันยกรุ่นแบบนี้ พี่ปีสามแม่งก็แกล้งน้องกันได้ทั้งรุ่น
‘ปึก!’ “เฮ้ย เอ่อ...ขอโทษครับ”
ผมหันกลับมาตามแรงสะเทือนของน้ำในถังที่เหมือนจะไปชนกับผู้หญิงที่เดินสวนมาพอดีอย่างไม่ได้ตั้งใจ ความผิดของผมเองแหละที่เดินไม่มองทาง แต่พอผมหันไปขอโทษไปกลับได้สายตาที่แสงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจพร้อมน้ำเสียงห้วนปนจิกกัดเล็กน้อย
“เวลาจะเดินก็ช่วยมองทางด้วยนะ”
เขาไม่รอให้ผมได้แก้ตัวหรือตอบโต้อะไรต่อแล้วเดินผ่านไปด้วยท่าทางที่ให้นิยามว่า ‘มั่น’ ก็ได้ เล่นเอาผมถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ เขาใส่ชุดเดรสสีพื้นเรียบๆ ซึ่งเหมือนที่พี่ปีสามผู้หญิงส่วนใหญ่ใส่ในวันนี้ ที่แน่ๆ คือคงไม่ใช่รุ่นผมหรอกเพราะดูไม่ได้จัดเต็มอะไร คือผมก็ไม่ได้อยากจะนินทารุ่นพี่อะไรหรอกนะแต่...ผู้หญิงอะไรวะโหดชิบหาย
ผมส่ายหน้ากับตัวเองเบาๆ ก่อนยกถังน้ำเดินไปห้องน้ำตามเดิมโดยไม่คิดถือสาอะไรอีก จนถึงห้องน้ำชายเลยเลี้ยวเข้าไปปกติ แต่ดันมีคนลักษณะเหมือนรุ่นพี่อีกคนยืนอยู่หน้าประตู
“ขอโทษครับ ขอทางหน่อย”
พี่เขาเบี่ยงตัวหลบตามคำพูด แต่เมื่อเดินผ่านไปแล้วผมก็ต้องชะงัก ก่อนจะหันกลับไปอีกรอบ
“เอ่อ...ห้องน้ำหญิงอยู่ทางนั้นครับ”
ผมว่าพลางชี้ไปทางซ้าย ที่คณะห้องน้ำหญิงกับชายมันแยกที่กันน่ะครับ ของผู้หญิงจะต้องเดินเลยไปอีกหน่อย เลยไม่ค่อยแปลกใจที่มีผู้หญิงหลายคนจะมาหยุดงงอยู่หน้าห้องน้ำชาย
ผมเดินไปถึงอ่างแล้วยกถังขึ้นเทพรวดเดียว แอบย่นจมูกนิดหน่อยเพราะกลิ่นมันไม่โสภาเอาซะเลย ผมรีบเปิดน้ำล้างถังสองสามรอบก่อนจะเติมน้ำใหม่แล้วถือเดินออกจากห้องน้ำ และในขณะเดียวกันนั้นก็มีคนเดินสวนเข้าห้องน้ำมาพอดี
...เพื่อนพี่พรต
“อ้าวพี่ หวัดดีครับ”
“วันนี้เป็นไงบ้าง จัดเต็มมาอ่ะดิ”
“ก็ไม่ขนาดนั้น”
ผมตอบพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนวางถังน้ำลง
“นี่จำชื่อพี่ได้ป่ะเนี่ย”
มีเรื่องนึงอยากจะบอก คือผมพยายามแล้วครับ ผมพยายามแล้ว แต่...
“ไม่ได้ครับ”
“โห่ ไรวะ จำได้แต่ไอ้พรต”
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงจะเถียงไปแล้วล่ะ แต่พอคิดถึงชื่อนี้แล้วก็อดคิดถึงเรื่องเมื่อวานไม่ได้ ผมไม่เคยเห็นพี่พรตในแบบนั้นมาก่อน ถึงยังไงผมก็ไม่อยากเป็นตัวการทำให้รุ่นพี่โกรธเลยว่ะ แล้วนี่ไม่รู้หายโกรธหรือยัง
“แล้วพี่พรต...”
“อ้อ เรื่องเมื่อวานน่ะเหรอ”
พี่เขาขัดขึ้นพร้อมหัวเราะเบาๆ ซึ่งผมไม่เห็นว่ามันจะขำตรงไหน
“เฮ้ยอย่าเครียด ไอ้พรตมันแค่อารมณ์เสีย...เออ แล้ววันนี้หลังเลิกซ้อมกลองก็ไปกินข้าวด้วยกันอีกดิ”
“...”
“แต่ไม่พาไปร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วนะ ไอ้พรตมันรีบ”
เมื่อจบกิจกรรมรับน้องและซ้อมกลองแล้วผมเลยบอกให้ไอ้โอมมันกลับไปก่อนได้เลยเพราะรุ่นพี่เอ่ยปากนัดขึ้นมาเอง เสร็จแล้วก็ไปนั่งรอตรงโต๊ะกินข้าวซึ่งผมว่ามันกลายเป็นโต๊ะอเนกประสงค์แล้วล่ะ เพราะนอกจากจะนั่งกินข้าวแล้วบางโต๊ะก็ยังมีเศษโมเดลวางกองอยู่แม้จะเพิ่งผ่านการทำความสะอาดไปเมื่อตอนกลางวัน แต่ผมก็พอเข้าใจนะว่าเศษพวกนี้กำจัดยังไงก็ไม่หมดหรอกเพราะมันมีมาเรื่อยๆ
รอไปได้สักพักกลุ่มพี่พรตก็เดินคุยกันเข้ามาในบริเวณที่ผมนั่งอยู่ และเหมือนพี่คนนั้นจะจำได้เลยเดินนำทั้งกลุ่มเข้ามาหาผมทันที
“เฮ้ย พาน้องไอ้พรตไปแดกไรหน่อยดิ”
ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินคำเรียก...ชิบหายแล้วไง เรื่องเมื่อวานยังไม่หาย ยังจะลากให้ผมไปมีประเด็นอะไรกับพี่พรตอีกเหรอวะ แต่ระหว่างที่ผมกำลังจะอ้าปากเถียอยู่นั้น ก็ได้หันไปสบตากับพี่พรตที่มองตรงมาด้วยสายตาขำๆ และผมเองก็ต้องเป็นฝ่ายชะงักไป
วันนี้พี่พรตใส่เสื้อยืดสีขาวทับด้วยสูทสีน้ำตาลเข้มที่ขับให้ผิวที่ขาวอยู่แล้วให้สว่างกว่าเดิม และเมื่อรวมกับกางเกงยีนส์สีเข้มก็ยิ่งทำให้ดูเท่แบบเซอร์ๆ ส่วนที่ทำให้รู้สึกแปลกตากว่าทุกครั้งคือทรงผมที่จัดมาอย่างดี ผมบางส่วนที่ปกติเคยปล่อยให้ลงมาปรกใบหน้าถูกเซ็ตเสยขึ้นเผยให้เห็นโครงหน้าคมได้รูป ขนาดผมที่โดนแกล้งบ่อยๆ และมีความหมั่นไส้เป็นทุนเดิมยังยอมรับเลยครับว่าวันนี้พี่พรตดูดีขึ้นมากจริงๆ
“แขนจะเป็นขาแบบนี้ยังต้องแดกอีกเหรอวะ”
...เอาแล้ว ให้ผมอยู่ในภวังค์สักสามนาทีได้มั้ยวะ
“นี่มึงเอาตีนดูป่ะวะ น้องเค้าอ้วนตรงไหน”
“ทุกตรง”
พี่พรตพูดพลางยักคิ้วให้ทางผม เล่นเอาปรับอารมณ์ไม่ทันเลยครับ เขาดูเป็นคนละคนกับเมื่อวานนี้โดยสิ้นเชิงเหมือนเรื่องราวทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
“เฮ้ย ไปกันได้ยังวะ วันนี้กูรีบ”
ร้านอาหารที่เราไปฝากท้องไว้เป็นร้านข้าวแกงข้างถนนธรรมดา เนื่องจากพี่พรตจะไปไหนต่อสักที่เลยขอให้ไปร้านที่อยู่ใกล้ๆ มหาลัย แต่กลายเป็นว่าตัวคนรีเควสเองกลับไม่สั่งอาหารเลยสักอย่างนอกจากน้ำดื่มแก้วเดียวจนผมอดสงสัยไม่ได้
“พี่พรตไม่สั่งข้าวเหรอ”
“พอดีไดเอ็ตว่ะ ‘นาย’ก็ไดเอ็ตได้แล้วนะ”
โห...ผมนี่แทบสำลักข้าวเลยครับ จะไม่กินก็บอกไม่กินดิวะ ไม่ใช่ไม่กินแล้วบอกว่าตัวเองไดเอ็ต จะยัดเยียดให้ผมบอกว่าตัวเองอ้วนให้ได้เลยใช่ป่ะ
“แหย่น้องอีกละไอ้พรต”
“มีน้องให้แกล้งก็แกล้งดิวะ”
ไอ้พี่พรตแม่งตอบได้หน้าตาเฉยมากครับ สงสัยจะถือคตินี้ตั้งแต่ผมก้าวเท้าเหยียบเข้าคณะมาเลยด้วยซ้ำ
“อ่าวไอ้เชี่ย น้องพรานเล่นมันกลับหนักๆ เลยครับ”
...ก็อยากจะเล่นหนักๆ อยู่หรอกนะ แต่รอให้สนิทกว่านี้อีกหน่อยก่อนผมถึงจะจัดการให้สมกับที่โดนแกล้งมาตลอดได้อย่างสบายใจ อย่างน้อยก็ให้สนิทจนอ่านอารมณ์คนๆ นี้ออกบ้างก็พอ
“ไม่ต้องเล่นตัวก็หนักอยู่แล้วล่ะ”
“ไอ้เลวพรต”
“ทำไม เรียกกูนี่คิดถึงเหรอ”
“มึงแม่ง...”
ผมแทบจะด่าแล้วล่ะถ้าไม่ติดว่ายังกังวลเรื่องเดิมอยู่นิดหน่อย ไม่รู้ว่าที่พี่พรตกลับมาแกล้งกลับมากวนตีนอย่างนี้จริงๆ แล้วเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ ลึกๆ อาจยังโกรธแต่ทำเป็นพูดดีอะไรทำนองนั้น กำลังคิดว่าหลังกินข้าวเสร็จคงต้องหาทางไปคุยให้มันไม่ค้างคาใจสักหน่อย
“เฮ้ย ทุ่มนึงแล้ว กูไปละ”
แต่แล้วจู่ๆ พี่พรตกลับพูดตัดบทสนทนาหน้าตาเฉย ก่อนจะยกแก้วกระดกน้ำรวดเดียวแล้วเก็บมือถือลงกระเป๋าทำท่าจะลุกขึ้นจากโต๊ะ...เวรแล้วไง อย่างนี้ผมจะไปเคลียร์ตอนไหนวะ และผมก็มีเวลาบ่นไม่มากหรอกครับเพราะไอ้พี่พรตเลื่อนเก้าอี้แล้ว
“เดี๋ยวครับพี่พรต!”
พอพี่พรตหยุดหันมาทางผม ผมก็หลบสายตาหันกลับไปมองหน้ารุ่นพี่ทั้งกลุ่มก่อนจะตัดสินใจ เอาก็เอาวะ ตอนนี้ก็ตอนนี้วะ
“มีไร”
“เมื่อวานผมทำให้พี่โกรธป่ะ”
นี่เป็นคำถามที่คาใจผมมาตั้งแต่ตอนเที่ยงของเมื่อวานและคิดอยู่นานมากว่าจะควรถามให้ฟังดูดีรึเปล่า แล้วจะถามยังไงให้ดูน่าเห็นใจที่สุด แต่พอลงสนามจริงกลับโดนสถานการณ์บีบให้ถามอย่างไม่ทันตั้งตัว...เอาเป็นว่าช่างแม่งเหอะ ถามตรงๆ ไปเลย
พอเจอคำถามแบบนี้ พี่พรตเลยกลายเป็นฝ่ายชะงักไปพลางมองผมด้วยสายตาที่เหมือนไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวอะไรเท่าไหร่
“ไม่นิ มึงทำอะไรวะ”
...เฮ้ย นี่คือผมคิดมากอยู่คนเดียวหรือยังไง ทั้งที่เมื่อวานตัวเองเป็นคนแผ่จิตสังหารออกมาจนบรรยากาศมาคุกันไปทั้งกลุ่ม วันนี้กลับทำตัวเหมือนลืมทุกอย่างไปแล้วงั้นแหละ
“เออๆๆ กูต้องไปละ ไว้ค่อยคุยกันใหม่”
และแล้วพี่พรตก็รีบเดินออกไปจากโต๊ะ ทิ้งให้ผมกับรุ่นพี่คนอื่นมองตามแบบงงๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อกันเงียบๆ เหมือนไม่สนใจอะไร และพฤติกรรมแบบนี้มันทำให้รู้สึกค้างคาใจจนในที่สุดผมก็ทนไม่ได้เอง
“นี่พี่พรตลืมจริงป่ะ”
คำถามของผมทำเอาทุกคนหันมาให้ความสนใจกันอย่างพร้อมเพรียงจนเหมือนลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองถือช้อนส้อมอยู่ในมือ แต่ที่หันมานี่ก็ใช่ว่าจะให้ความสนใจคำถามของผมหรอกครับ หันมาคุยกันเองเสียมากกว่า
“สังเกตป่ะว่าวันนี้ไอ้พรตมันอารมณ์ดี”
“ใช่ๆๆ แม่งพอแฟนมานี่ลืมทุกอย่าง”
“แล้วแม่งบอกว่าไดเอ็ตอีกนะ คงจะไปกินข้าวกันต่อชัวร์”
“โห ตอนกลางวันก็ทั้งวันแล้วนะ ต่อเย็นอีกเหรอ”
“หมั่นไส้โว้ย”
ผมเหมือนหลุดมาอยู่ในวงนินทาพี่พรตไปซะงั้น ทั้งที่ผมเป็นคนเริ่มถามคนแรกยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นวันนี้เลยสักนิด กลับกลายเป็นว่ามานั่งฟังพี่เขานินทากันเองอีก ผมเลยยื่นมือไปกลางวงเพื่อเบรคบทสนทนาเอาไว้ก่อนจะเลยเถิดไปกว่านี้
“เดี๋ยวๆ พี่ เล่าให้ผมรู้เรื่องหน่อยดิ”
พวกพี่คงพอจะเมตตาผมอยู่บ้าง เพราะในที่สุดพี่ที่เจอในห้องน้ำก็หันกลับมาคุยกับผม
“วันนี้แฟนไอ้พรตมาที่คณะเว้ย”
“...”
“แต่พรานน่าจะได้เจอดิ”
“...”
“เห็นเค้าพูดถึงคนถือถังน้ำ”
-------------------------------------------------------------------------------
เมื่อคืนแต่งถึงตีสามครึ่ง! เพราะความระทึกกับเกรดที่เพิ่งออก แรงกระตุ้นจากคอมเม้นท์ และความอยากรู้ส่วนตัว(เหมือนเขียนเองอยากรู้เอง 55555) ถือว่าเป็นตอนที่คิดยากมากค่ะว่าจะคุมอารมณ์พี่พรตไปในแนวไหนดี
...ก็ไม่รู้ว่าเผลอวางกับดักอะไรไว้อีกมั้ย แต่เราไม่ได้ตั้งใจน้าาา
ปล.เห็นเงียบๆ งานสตูเหลือเพียบนะคะ ถถถถถถถถถ
ปล2. หลังวันที่30 จะไม่อยู่อีกแล้วว ถ้าอัพอีกตอนไม่ทันก็สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ! ขอให้2558เป็นปีที่ดีของทุกคน ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะคะ ><