:: CHAPTER 5 :: “พี่พราน วันนี้ออกไปไหนป่ะ”
ผมหันไปหาน้องสาวตามเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง เลยได้เห็นพลูอยู่ในชุดเสื้อลายทางกางเกงขาสั้นพร้อมสะพายกระเป๋าเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก
“อือ ไปดิ มีรับน้อง”
“โอยอิจฉา รับน้องบ่อยขนาดนี้ก็ได้เจอพี่พรตบ่อยอ่ะดิ”
เฮ้ย ผมว่านี่มันไม่ใช่เรื่องน่าอิจฉานะ แต่โอเค...ถ้ามองจากรูปลักษณ์ภายนอกคงเป็นเรื่องน่าอิจฉาสำหรับผู้หญิง ถ้ามองจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมคงน่าหลีกเลี่ยงมากกว่า
“แล้วพี่พรานออกกี่โมง พลูนัดเพื่อนไว้จะได้ไปด้วยกัน”
“รับน้องช่วงบ่าย คงกินข้าวเสร็จแล้วออกมั้ง”
ผมตอบส่งๆ ระหว่างเดินไปนั่งเก้าอี้ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเช็คไลน์ฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ โดยมีพลูตามมายืนอยู่ข้างๆ และเหมือนจะส่งสายตาอ้อนวอนมาที่ผม
“ไปหาอะไรกินกับพลูก่อนดิ พลูจะดูหนังรอบเที่ยงอ่ะ”
ผมเงยหน้ามองน้องแล้วถอนหายใจเบาๆ ถ้าจะไปกินข้าวให้ทันเที่ยงก็ต้องออกจากบ้านเร็วกว่าเดิมสองชั่วโมงและผมขี้เกียจมาก ถึงความจริงมันจะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่เลวก็เหอะ เพราะปิดเทอมแบบนี้ก็ชักจะเบื่ออาหารที่บ้านอยู่เหมือนกัน
“โอเคๆๆ ออกเลยก็ได้ ขอเปลี่ยนชุดก่อน”
ผมใช้เวลาตัดสินใจไม่ถึงนาที กดปิดหน้าจอมือถือแล้วรีบหยิบเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงกีฬามาใส่ตามระเบียบชุดรับน้องที่พี่ตั้งไว้ตั้งแต่วันแรกๆ ก่อนจะหยิบรองเท้าผ้าใบคู่โปรดออกไปใส่ที่ประตูหน้าบ้านซึ่งมีใบพลูยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“นั่นถุงอะไร”
เมื่อใส่รองเท้าเสร็จผมก็ชี้ไปที่ถุงกระดาษสีสวยที่ใบพลูถือมาด้วยเพราะปกติไม่ค่อยเห็นพลูถือของอะไรเยอะแยะ แต่เจ้าตัวกลับยิ้มแล้วให้คำตอบในแบบที่ทำให้ผมไม่อยากถามอะไรต่ออีก
“เดี๋ยวพี่พรานก็รู้”
เราไปถึงห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากมหาลัยและโรงหนังเท่าไหร่เพื่อจะได้ออกทันเวลากันทั้งคู่ แต่ก่อนจะได้ไปเลือกร้านอาหารกัน พลูก็แวะเข้าห้องน้ำแล้วให้ผมยืนรอข้างนอกอยู่สักพักใหญ่ๆ ผมเลยได้เห็นเพื่อนร่วมรุ่นเดินผ่านบ้างประปราย คิดว่าคงจะหาข้าวกินแถวนี้เหมือนกัน เห็นแล้วก็อยากทักอยู่นะแต่ยังไม่รู้ชื่อดีพอจะทักได้
ระหว่างที่ยืนมองคนนู้นคนนี้ไปเรื่อย จู่ๆ ใบพลูก็รีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำพร้อมทำหน้าเหมือนหนีแมลงสาบทั้งฝูงมาแล้วตรงเข้ามาดึงแขนผมให้วิ่งตามไปทันที
“เฮ้ย เดี๋ยว เกิดไรขึ้น”
“พี่พรานอย่าเพิ่งถามน่า ตามพลูมาด่วนเลย”
ผมที่กำลังตกใจอยู่เลยรีบวิ่งตามแรงกระชากของพลูไปเรื่อยๆ ส่วนน้องสาวผมก็วิ่งสุดชีวิตจนไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างเลยสักนิด เดี๋ยวก็เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเหมือนชำนาญทางทั้งๆ ที่พลูก็ไม่ได้มากินข้าวที่นี่บ่อย ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ...
“ถึง...แล้ว”
สุดท้ายพลูก็ชะงักฝีเท้าหยุดลงโดยไม่ได้ตั้งตัว ทำเอาผมแทบเบรคไม่ทัน จากนั้นเราก็ยืนก้มหน้าหอบกันอยู่หลายนาทีจนพอจะตั้งสติได้ และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมองเท่านั้นแหละ ผมก็เจอร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง
...เดี๋ยวนะ
“จะกินข้าวทำไมต้องรีบขนาดนี้”
แต่คิดเหรอครับว่าพลูจะยอมตอบ น้องสาวผมชะเง้อเข้าไปในร้านแวบหนึ่งเหมือนไม่ได้ยินคำถามของผมแล้วหันไปพูดกับพนักงานที่เข้ามาต้อนรับทันที
“สองคนค่ะ พี่คะ...ขอที่ริมด้านในสุด”
เมื่อพนักงานพาเข้ามานั่งที่แล้วผมก็เปิดเมนูสั่งอาหารตามปกติ ในขณะที่ใบพลูซึ่งทุกครั้งจะเลือกมากและเรื่องมากกลับชิงสั่งอาหารก่อนผมจะเลือกเสร็จเสียอีก ผมรอให้พนักงานจดรายการอยู่สักพักจนเดินกลับออกไปถึงถามน้องสาวอีกรอบ
“ทำไมต้องรีบด้วย”
สายตาของพลูไม่ได้อยู่ที่ผม แต่กลับมองผ่านผมไปทางด้านหลัง
“พี่พรานๆๆๆ ดูนั่น!”
ผมหันหลังกลับไปมองตามสายตาของพลูแล้วก็ได้พบกับผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่เหมือนจะกินข้าวเสร็จแล้วแต่ยังนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะ ผมพยายามเพ่งมองหน้าคนกลุ่มนั้นซึ่งให้ความรู้สึกคุ้นตาอย่างหน้าประหลาด และแล้วก็ต้องอุทานออกมา
“เชี่ย นั่นรุ่นพี่”
“ไม่ใช่ นั่นพี่พรต”
พลูพยายามแก้คำพูดให้ผมพร้อมหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข แต่ผมไม่มีความสุขด้วยเลยสักนิด ก่อนจะรีบหันหน้ากลับไม่ให้พี่กลุ่มนั้นเห็น แต่มันเหมือนจะช้าไปหน่อยเพราะดันมีพี่คนหนึ่งหันมาสบตากับผมเข้า
...ชิบหาย
ใบพลูเหมือนไม่พยายามเข้าใจหรือสนใจสถานการณ์ที่ผมกำลังเผชิญอยู่ ซ้ำยังยกมือถือขึ้นมาเตรียมถ่ายรูป ผมเลยต้องรีบเอื้อมมือไปกดมือถือน้องสาวลงกับโต๊ะ ก่อนพลูจะแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“พี่พรานเป็นระ...”
“เฮ้ย ‘นาย’มากินข้าวเหรอ”
...
ผมมองใบหน้าที่คุ้ยเคยเป็นอย่างดีซึ่งถือวิสาสะเข้ามายืนข้างๆ โดยไม่สนใจเลยสักนิดว่าผมจะนั่งกินข้าวอยู่กับใคร ส่วนคำถามของพี่พรตจะให้ตอบยังไงวะ เออ...เห็นนั่งอยู่ในร้านอาหารนี่คงมาซักผ้ามั้ง
“เออ กูก็ไม่น่าถาม”
“นั่นดิ”
ไม่รู้อะไรทำให้ผมเริ่มอยากจะเลิกเกรงใจคนๆ นี้ถึงจะเป็นรุ่นพี่ก็เหอะ รู้แค่ผมว่าอยากตอบโต้อะไรบ้างและรู้สึกว่าชักเจอหน้ากันบ่อยไปแล้ว เมื่อวานตอนเย็นก็กินข้าวด้วยกันแล้ววันนี้มากินข้าวเที่ยงกับน้องสาวยังจะเจออีก
แต่เมื่อผมหันไปเห็นสีหน้าแฮปปี้สุดๆ และเขินเหมือนตัวจะแตกของน้องสาวที่ยังนั่งอึ้งเหมือนพูดอะไรไม่ออกก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ไม่ยาก
...กูก็ว่าทำไมรีบจังวะ
“แฟนน่ารักว่ะ”
คราวนี้ล่ะครับ ไม่ต้องหันไปมองหน้าพลูก็เดาอกแล้วล่ะว่าจะยิ้มหน้าบานขนาดไหน ส่วนผมก็ได้แต่จำใจต้องตอบไป แอบหวังนิดหน่อยนะว่าพี่พรตจะไม่สนใจอะไร
“ไม่ใช่ นี่น้องสาว”
“ชื่อใบพลูค่ะ หนูติดตามพี่พรตมานานแล้ว อยากเจอตัวจริงมาก...”
แทนที่จะได้ยินคำตอบของพี่พรต กลายเป็นน้องสาวตัวดีที่แทบจะร่ายสาแหรกของตระกูลให้มันฟัง นี่ถ้ามีเวลาเพิ่มสักชั่วโมงสองชั่วโมง พี่พรตแม่งคงมีความรู้พอๆ กับลูกเขยลูกสะใภ้ในอนาคต แต่ดูท่าพลูมันคงอยากอยู่แล้วล่ะ
“พลูหยุดน่า”
“เฮ้ยๆๆ นายมึงอ่ะหยุด น้องพลู เรามาแลกเปลี่ยนกันไหม”
พอได้ยินแบบนี้ผมนี่ยืนขึ้นเลยครับ เอ้ย! ผมนี่นั่งหลังตรงเลยครับ นอกจากพลูจะได้แนวร่วมแล้วผมยังเหมือนโดนแสกหน้าเต็มๆ ตกลงกูผิดอยู่คนเดียวใช่ป่ะ ดูจากสายตากรุ้มกริ่มของไอ้พี่พรตตอนนี้แล้วแม่งความหน้าไว้ใจเป็นศูนย์
“ได้ค่ะ”
...เฮ้ย! ตกลงก่อนฟังเงื่อนไขได้ไง
“งั้น ถ้าพลูอยากรู้อะไรเกี่ยวกับพี่ พี่จะบอกให้หมด แต่...”
อยู่ๆ ไอ้พี่พรตก็เหลือบตามามองผมแวบหนึ่งพร้อมรอยยิ้มที่ดูยังไงก็ชั่วร้าย ก่อนจะหันกลับไปคุยกันเหมือนเดิม เส่นเอาผมเสียวขึ้นมาโดยไม่จ้องพึ่งหนังเอวีเลยครับ ถ้าจะให้คำนิยามของผู้ชายที่นั่งข้างๆ ตอนนี้แล้วคงมีคำว่า ‘ชั่วร้าย’ คำเดียว
“...ถ้าพี่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับนายพราน ต้องบอกพี่นะ”
ถ้าถามว่าตกใจไหม ก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของผมเท่าไหร่หรอก คนที่มีความสุขจากการแกล้งคนแบบนี้ถ้าชี้โพรงแล้วจะยังไงมันก็คงเข้า แต่หมั่นไส้ครับ เล่นพูดด้วยน้ำเสียงชวนเคลิ้มขนาดนี้ บอกให้ลงไปนอนกลิ้งกับพื้นตอนนี้น้องผมก็คงทำ
“โอเคพี่พรต บอกแอคเคาท์มาเดี๋ยวพลูแอดไป”
...เออ น้องกูก็ร้ายไม่ใช่เล่น ผมถอนหายใจอย่างปลงๆ กับหน้าตาที่บ่งบอกชัดเจนว่า ‘ฟิน’ ของน้องสาว นี่เรียกได้ว่าระดับพอๆ กับตอนพลูมันไปคอนเสิร์ตเกาหลีเมื่อปีที่แล้วแล้วได้จับมือเลยครับ ผมมองพลูก้มหน้าจิ้มมือถืออย่างตื่นเต้นแล้วหันไปมองคนข้างๆ ที่ยิ้มด้วยท่าทีเหมือนทำภารกิจสำเร็จ และเมื่อเห็นผมมองมามันก็ยักคิ้วให้ด้วยสีหน้าที่เห็นแล้วน่ายกตีนขึ้นมาถีบ
“อยากรู้อะไรเกี่ยวกับพี่พรานอ่ะ”
“ทุกอย่าง”
ไอ้พี่พรตตอบโดยไม่ต้องคิด ส่วนน้องสาวนี่ก็ขายพี่ชายจัง
“ชื่อนามสกุลรู้แล้วมั้ง ก็เกิดวันที่...”
“ยังๆๆ ไลน์มาดีกว่า เดี๋ยวพี่ต้องพานายพรานไปคณะ”
“เฮ้ย ผมไปเองได้”
ผมสวนกลับแทบจะทันที แต่ไอ้พี่พรตกลับลากแขนให้ลุกออกไปด้วยกันจนผมต้องจำใจลุกตาม วันนี้มันวันอะไรกันครับ โดนทุกคนลากไปลากมา คราวแรกก็พอเข้าใจพลูได้อยู่นะ แต่คราวนี้ไม่เข้าใจว่ะ มหาลัยใครๆ ก็ไปเองได้ จะไปพร้มอกันทำไม
“เอ้อ! พี่พรตรอแปปนึงค่ะ”
แต่ก่อนที่มันจะลากผมไปไกลกว่านี้ พลูก็ท้วงขึ้นแล้วรีบหันไปหยิบถุงกระดาษที่ถือมาด้วยเมื่อเช้าก่อนจะยื่นให้พี่พรตที่มองถุงแบบงงๆ
“พลูซื้อมาให้ ไม่รู้จะเผ็ดพอรึเปล่า”
“อะไรน่ะ”
“ก็พี่พรานบอกว่าพี่พรตชอบกินเส้นเล็กต้มยำน้ำข้น ‘เผ็ดมาก’ ”
ผมแทบจะหลุดหัวเราะกับประโยคนี้ ขำตรงที่พลูมันดันเชื่อที่ผมไลน์ไปให้จริงๆ แล้วยังบ้าจี้ซื้อมาฝากอีก ส่วนไอ้พี่พรตนี่อึ้งไปเลยครับ สงสัยยังปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรไม่ถูก แต่ก็ดีแล้วล่ะ ค่อยไปเข้าใจตอนกินละกัน
“นายพรานบอกเหรอ”
“อ้าว พี่พรานหลอกพลูป่ะเนี่ย”
แทนที่จะตอบพี่พรต ใบพลูกลับหันมาถามผมแทน ส่วนผมถ้าตอบก็โง่แล้วครับ ปล่อยให้งงแบบนี้สะใจกว่า อย่างน้อยพอเห็นท่าทางเหมือนทำตัวไม่ถูกของพี่พรตก็รู้สึกเหมือนได้แกล้งอะไรคืนบ้าง แต่ความสะใจของผมมันไม่ยั่งยืน เพราะก่อนพี่พรตจะรับถุงนั้นไป รุ่นพี่อีกคนที่เพิ่งเดินมาถึงก็ตัดหน้ารับของไปดื้อๆ
“น้องพลูครับ อย่าแย่งพี่ตัวเองดิ”
“ใครแย่งไรวะ...”
พี่พรตขมวดคิ้วไม่เข้าใจก่อนพูดด้วยน้ำเสียงแกมหงุดหงิดแล้วหันมามองผมเหมือนจะถามอะไรสักอย่างซึ่งผมก็ไม่เข้าใจพอกัน เลยแค่มองกลับไปนิ่งๆ แต่แล้วพอได้มองสบกับดวงตาคมสีดำสนิทแวบหนึ่งก็ต้องรีบละสายตาออกมาทันที เชี่ย...กูเข้าใจแล้วว่ะ
“เฮ้ยพี่ ผมไม่เอา! / ไอ้เชี่ยเป้ จะให้กูได้กับมันเลยป่ะ”
พี่พรตก็เหมือนจะเข้าใจได้พร้อมๆ ผมเลยกลายเป็นว่าเราโพล่งออกมาพร้อมกันพอดี อะไรวะ นอกจากโดนแกล้งแล้วถ้ายังโดนจับคู่กับไอ้พี่พรตอีกนี่พูดได้คำเดียวว่า ‘ซวยหมา’ ผมก็ไม่ใช่จะหาแฟนไม่ได้นะครับ แค่ช่วงนี้ยังไม่มีใครเท่านั้นแหละ
“โห นี่ขนาดตอบยังพร้อมกัน”
“ไม่ให้เรียกว่าเนื้อคู่ได้ไง”
“ฮิ้วววววว”
“...”
ระหว่างที่พี่เป้แซวเล่นอยู่นั้น พี่ในกลุ่มที่เหลือเข้ามาสมทบด้วยและดูเหมือนเขาจะฟังอยู่สักพักแล้วล่ะ ตามด้วยเสียงโฮ่แซวอย่างพร้อมเพรียงของเพื่อนอีกหลายคน ผมเหลือบมองใบพลูที่ทำหน้าเหวอแล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างปลงตกอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อหันไปหาคู่กรณีผมก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาเรียบนิ่งผิดปกติไม่พูดไม่จาหรือรับมุกเพื่อนอย่างที่เคย
“พี่พราน...คบกับพี่พรตเหรอ”
“เปล่า!”
“ใช่ดิน้อง ดูทีท่าก็รู้แล้ว ฮ่าๆๆ”
ใบพลูเหมือนจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งทั้งที่พี่ชายตัวเองก็ได้ปฏิเสธสุดความสามารถไปแล้ว ว่าแต่พวกเพื่อนกลุ่มพี่พรตนี่กลายเป็นรวมหัวกันแกล้งผมแล้วใช่ไหม
“พอเหอะ”
อยู่ๆ น้ำเสียงราบเรียบแฝงด้วยความไม่พอใจก็ดังขึ้นจากด้านข้าง ทำเอาผมสะดุ้งเล็กน้อยจนต้องรีบหันกลับไปมองพี่พรตและได้เห็นสายตาที่เหมือนจะสื่อว่าเรื่องนี้จริงจังขนาดไหน
“เอาหน่อยดิวะมึง”
“ถ้าเป็นน้องพรานพวกกูรับได้นะ”
เพื่อนในกลุ่มคนอื่นยังเล่นไม่เลิกในขณะที่ผมกลับรู้สึกได้ชัดเจนว่าคนข้างๆ เริ่มไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนอยากจะเตือนทุกคนให้เปลี่ยนประเด็นก่อนบรรยากาศจะแย่ไปกว่านี้
“กูเคยบอกว่าอย่าเล่นก็อย่าเล่น”
“...”
“ไอ้พรต..”
“มันไม่ใช่เรื่องที่พวกมึงจะเอามาเล่นได้”
น้ำเสียงเย็นเยียบน่าขนลุกดังขึ้น และมันน่ากลัวจนผมไม่กล้าที่จะหันไปมองเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งพี่พรตเป็นฝ่ายเดินเลี่ยงออกจากวงสนทนาไปเงียบๆ ทิ้งให้คนอื่นยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่ต้องพูดถึงใบพลูที่กลายเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์แบบไม่ทันตั้งตัวเลยว่าจะช็อคขนาดไหน เพราะขนาดเพื่อนสนิทของพี่พรตยังดูตกใจไม่น้อยไปกว่ากัน
ผมยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมพี่จู่ๆ พี่พรตที่เป็นคนขี้แกล้งยิ่งกว่าใครกลับอารมณ์เสียได้เพราะเรื่องที่แซวเล่นๆ กันในกลุ่ม หรือมันอาจเป็นเรื่องที่พี่พรตจริงจังโดยที่ผมไม่ทันคิดพอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกผิดยังไงไม่รู้ครับเพราะผมก็เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้เหมือนกัน ถึงจะไม่ได้เป็นคนก่อให้เกิดเองก็เถอะ
“...ใกล้ถึงเวลารับน้องแล้ว ปะ ไปเถอะ”
พี่เป้คงเห็นบรรยากาศไม่ชอบมาพากลเลยเดินเข้ามาตบไหล่ผมเบาๆ แล้วเดินนำออกไปจากร้านตามด้วยเพื่อนอีกหลายคนที่เหมือนเพิ่งรู้สึกตัวแล้วทยอยเดินตามกันไป ในขณะที่ผมและพลูยังมองหน้ากันทำตัวไม่ค่อยถูก
ผมมักจะรู้สึกไม่ดีเวลาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกหรือทำให้ใครต้องเสียความรู้สึก ถึงจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจแต่ก็ถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่ง ยิ่งกับคนที่ปกติจะกวนตีนไปวันๆ ดูไม่คิดอะไรมาก พออารมณ์เสียขึ้นมาทีนึงนี่จะน่ากลัวมาก
“เฮ้ย น้องอย่าคิดมากดิ”
อยู่ๆ เพื่อนกลุ่มพี่พรตที่ยังยืนอยู่ที่เดิมเข้ามาคุยกับผมพลางยิ้มให้น้อยๆ
“ไอ้พรตน่ะ ถึงเห็นแบบนี้แต่แม่งบูชาความรักชิบหาย”
ผมได้แต่คิดตามอย่างเงียบๆ ในชีวิตนี้ผมเคยรู้จักคนที่พร่ำบอกว่าตนเองบูชาความรักอยู่มากซึ่งผมมองว่าไม่ต่างจากคนมีความรักทั่วไปแต่คราวนี้ผมได้มีโอกาสสัมผัสโดยตรงและนี่คงเป็นสาเหตุที่ผมได้เห็นพี่พรตในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“กูเป็นเพื่อนกับมันตั้งแต่ม.ห้า”
“...”
“และตลอดสี่ปีนี้ มันไม่เคยเลิกคบกับแฟนเลย”------------------------------------------------------------------------------------
โฮ่วววววว ในที่สุดก็ได้อัพ
ดูวันที่ที่อัพครั้งสุดท้ายแล้วต้องกราบขออภัยงามๆ เลยค่ะ
ทั้งโปรเจกต์ ทั้งไฟนอล ต่อด้วยอะไรเยอะแยะ ทำให้เวลาเป็นของหายากไปเลย
ขอบคุณที่รอกันอยู่นะคะ ยังเสียวอยู่ว่านานแบบนี้นิยายจะโดนลบออกไปรึเปล่า
แต่พอเปิดมาเห็นคอมเม้นแล้วซึ้งใจมากค่ะ รักทุกคนจัง