ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว  (อ่าน 196902 ครั้ง)

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4

สวัสดีค่ะ ^^ กลับมาแปะต่อแล้วนะคะ พอดีท้องเสียไปสองวัน เลยต้องพักผ่อนยาว น้ำหนักลดไปตั้ง 2 โลแน่ะ  ...ตอนนี้กลับมาแข็งแรงหิวโหย(?) เหมือนเดิมแล้วค่ะ ^^  เลยเอาตอน 12 มาแปะให้อ่านกันนี่ล่ะค่ะ



ตอนที่ 12



   ทางเดินที่ค่อนข้างลื่นทำให้แต่ละคนพากันเดินด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ทว่าธรรมชาติและความร่มเย็นของผืนป่า ก็ทำให้พวกเขารู้สึกสดชื่นและไม่รู้สึกลำบากในการเดินทางครั้งนี้เกินไปนัก  ใช้เวลากว่าชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงน้ำตกขนาดกลางแห่งหนึ่ง แม้จะมีเพียงสามชั้น แต่แอ่งน้ำก็กว้าง แถมน้ำยังใส น่าเล่นเป็นอย่างมาก

   “น้ำตกที่ฟ้าพาไปเที่ยวก็ว่าสวยแล้วนะ แต่ที่นี่ก็สวยไม่แพ้กันเลยล่ะ”

   เจตต์เอ่ยชมหลังจากที่พวกเขามาถึงจุดหมายแรกของการเดินทางในวันนี้

   “น้ำตกตรงจุดนี้ เดินเข้าลำบากสักหน่อยน่ะครับ พวกที่มากันแบบครอบครัวก็เลยไม่ค่อยสนใจ มีแต่พวกวัยรุ่นกับพวกที่ตั้งใจมาเดินป่า ถึงจะมาเที่ยวกัน”

   เจ้าหน้าที่ซึ่งนำทางทุกคนมายังที่นี่อธิบายให้ฟัง ซึ่งพวกหนุ่ม ๆ ก็พยักหน้ารับรู้ และต่างพากันหาที่เหมาะ ๆ เพื่อวางของและเล่นน้ำตามกำหนดการที่ตั้งใจไว้

   “งวดนี้มีนเตรียมมาพร้อม ไม่ว่าจะเป็นกล่องปฐมพยาบาล ยาสามัญประจำบ้าน พวกพี่บาดเจ็บกันได้ไม่ต้องห่วงเลยนะ!”   

   มีนาที่รับหน้าที่เฝ้าของตามเดิมบอกกับทุกคนเสียงใส ทำให้แต่ละคนยิ้มเจื่อนบ้าง ทำตาปริบ ๆ บ้าง เห็นดังนั้นเด็กหนุ่มจึงหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดตามมา

   “มีนล้อเล่นน่ะ เล่นน้ำกันให้ระวังแล้วกันนะครับ”

   จากนั้นมีนาก็นำขนมและอาหารออกมาวาง และชวนเจ้าหน้าที่ให้มานั่งพักกินขนมด้วยกัน เพราะกว่าพวกพี่ชายของเขาจะเล่นน้ำกันจนหนำใจก็น่าจะใช้เวลาเป็นชั่วโมงแน่

   

   ทางด้านเอริคนั้นทีแรกชายหนุ่มก็จะไม่ลงเล่นน้ำกับคนอื่น ๆ ทว่าพอเจตต์ลองอ้อนขอร้อง ชายหนุ่มจึงยอมใจอ่อนลงเล่นกับอีกฝ่าย โดยเขาตัดสินใจถอดเสื้อลงเล่น เพราะไม่ได้นำเสื้อมาเปลี่ยนเช่นคนอื่น ทว่ากล้ามอกที่เพิ่งเคยได้เห็นก็ทำให้เจตต์ถึงกับหน้าแดงวาบด้วยความเขิน ทั้งที่มองผู้ชายคนอื่นเปลือยเขายังรู้สึกเฉย ๆ แถมบางทียังแหยง ๆ ด้วยซ้ำไป

   “เห...จ้องซิคแพคคุณเอริคเขาใหญ่เชียวนะนาย...ชอบล่ะสิ”

   เวทิตเดินมากระซิบแซว ทำเอาเจตต์สะดุ้งโหยง แล้วหันมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อนอย่างฉุนปนเขิน

   “ไอ้บ้า! พูดซะยังกับฉันเป็นพวกโรคจิตไปได้!”

   “ฮะ ๆ ไม่ได้ว่านายโรคจิตสักหน่อย ...คนเป็นแฟนกันก็อยากจะดูร่างเปลือยของกันและกัน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาล่ะนะ เอาเถอะ...ฉันเข้าใจ”

   เวทิตพูดพลางพยักหน้าหงึกหงักไปพลาง ทำให้เจตต์ยิ่งฉุนที่ถูกแซวเลยแกล้งผลักอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ริมตลิ่งตกน้ำลงไปโครมใหญ่

   “หนอย! ลอบโจมตีรึไงไอ้เพื่อนบ้า!”

   เวทิตที่โผล่พรวดมาจากน้ำโวยวาย ทางด้านเจตต์นั้นหัวเราะอย่างสะใจ ก่อนจะร้องอุทานลั่นเมื่อเขาถูกอีกฝ่ายดึงขาและลากตกน้ำโครมกันไปด้วยกัน

   “หึ ๆ พอเห็นแบบนี้ แล้วยังเด็กกันจริงเลยนะพวกนั้น”

   รวีที่มองอยู่ห่าง ๆ เอ่ยขึ้นอย่างนึกขำ ทว่าเอริคกลับขมวดคิ้วยุ่งเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะหึงหวง หากแต่เมื่อครู่นั้นถ้าทั้งสองคนเล่นกันแรงไปกว่านี้ ไม่ใครก็ใครคงเกิดอุบัติเหตุเข้าให้ไปแล้ว

   “ไม่เอาน่าเอริค เด็กผู้ชายก็แบบนี้ล่ะ เมื่อก่อนทั้งนายและฉันก็เล่นอะไรกันแผลง ๆ กว่านี้ตั้งเยอะไม่ใช่หรือไง!”

   รวีที่อ่านสีหน้านั้นออกตบบ่าอีกฝ่าย ทว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นเวหากำลังจ้องที่แผ่นหลังของเอริคนิ่ง

   “น้องฟ้าจ้องหมอนี่ทำไมกันครับ หรือว่าจะสนใจหมอนี่มากกว่าพี่”

   รวีเริ่มถามอย่างหึงหวงทำให้เวหาถอนหายใจแล้วเขม็งตาดุใส่ จนรวีต้องเปลี่ยนเป็นยิ้มเจื่อน แล้วเงียบไม่กล้าถามอะไรอีก เด็กหนุ่มจึงหันไปทางเอริคแล้วเอ่ยถาม

   “...นั่นใช่แผลเป็นที่เคยเล่าหรือครับ”

   แผลรอยของมีคมกรีดลากยาวแลดูน่ากลัว แต่ก็ดูเด่นสะดุดตาเมื่อประดับอยู่บนแผ่นหลังของอีกฝ่าย เอริคมองคนถาม แล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนตอบ

   “ใช่...แผลใหญ่มากใช่ไหมล่ะ”

   เวหาพยักหน้าหงึกหงัก เขาแทบไม่อยากจะจินตนาการถึงตอนได้รับแผลใหม่ ๆ เลยว่า เอริคนั้นจะเจ็บมากเพียงใด แล้วจึงหันไปมองรวี ก่อนจะพึมพำบอกกับคนรักตน

   “ถ้ามีอะไรอันตรายเกิดขึ้นกับฟ้า พี่ซันต้องอย่ามัวแต่ปกป้องฟ้า จนลืมดูแลตัวเองนะครับ...เพราะถ้าพี่ซันต้องเป็นอะไรไป ต่อให้ฟ้าปลอดภัย ฟ้าก็ไม่ดีใจหรอกนะครับ”

   คำพูดของเวหาทำให้ทั้งรวีกับเอริคนิ่งอึ้ง รวีนั้นยิ้มอ่อนโยนให้คนรักแล้วจึงเอ่ยตามมาแผ่วเบา

   “พี่สัญญาครับ พี่จะดูแลทั้งตัวเองและน้องฟ้า จะไม่ยอมให้น้องฟ้าต้องเสียใจเพราะพี่เด็ดขาด”

   พอได้ยินดังนั้น เวหาก็ยิ้มตอบคนรักด้วยความยินดี ส่วนทางด้านเอริคเขาเหลือบไปมองทางเจตต์ที่กำลังคุยกับเวทิตอยู่ในน้ำ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ตามมา

    ก่อนหน้าที่จะมาเจอเจตต์นั้น เอริคได้มอบความรักและปกป้องดูแลอดีตแฟนของเขาราวไข่ในหิน ไม่ยอมให้อีกฝ่ายต้องพบกับความเจ็บปวดหรือลำบากใด ๆ ทั้งสิ้น  แต่มาวันนี้เขากลับเริ่มได้คิดแล้วว่า บางทีการที่เขาเลือกทำแบบนั้น มันอาจจะทำให้อดีตแฟนของเขาอึดอัดและโหยหาอิสระ โดยเลือกที่จะทรยศไปคบกับคนอื่นที่ทำให้เจ้าตัวได้ใช้ชีวิตตามใจอย่างที่อยากเป็นแทนก็ได้

   

   อีกด้านหนึ่งระหว่างที่พวกรวีคุยกันอยู่ เจตต์ที่กำลังเล่นน้ำกับเวทิตแล้วหันมาเห็นด้านหลังของเอริคเข้าให้พอดี เจ้าตัวก็ถึงกับชะงักนิ่ง ทำให้เวทิตแปลกใจแล้วหันไปมองตามเพื่อน ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ เมื่อหันกลับมาเห็นสีหน้าเศร้า ๆ ของเพื่อนสนิท

   “ไม่เอาน่า...อดีตก็คืออดีต ยังไงเราก็ย้อนไปเปลี่ยนไม่ได้อยู่แล้ว”

   “ฉันไม่เข้าใจ...ทั้งที่คุณเอริครักเขากระทั่งยอมเสี่ยงชีวิตปกป้องเขาถึงขนาดนี้ เขายังทรยศคุณเอริคได้”

   เจตต์บอกอย่างนึกเจ็บใจอดีตแฟนของคนรัก ทว่าเวทิตก็ตบบ่าเพื่อนสนิทเบา ๆ

   “ถ้ามันไม่เกิดเรื่องพวกนั้น ป่านนี้นายกับเขาก็คงไม่มาเจอกันได้หรอก...คิดเสียว่ามันเป็นเรื่องของพรหมลิขิตก็แล้วกันนะ อีกอย่างถ้านายคิดว่าแฟนเก่าคุณเอริคเขาทำไม่ดี นายก็อย่าไปเจริญรอยตามเขาก็แล้วกัน”

   เจตต์เม้มปากน้อย ๆ แล้วจึงมีรอยยิ้มให้ ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ

   “อืม! ฉันจะไม่มีวันหักหลังหรือทรยศเขาแบบนั้นแน่ ...ขอบใจมากนะต้น”

   ท้ายประโยคเด็กหนุ่มเอ่ยขอบคุณเพื่อนสนิท ที่มักจะคอยช่วยพูดเตือนสติ และปลอบยามเขามีเรื่องทุกข์ใจเสมอ

   

   เสียงคนลงน้ำทำให้เวทิตกับเจตต์ที่กำลังคุยติดพันหันกลับไปมอง แล้วก็เป็นเจตต์ที่ยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นเอริคลงว่ายน้ำแล้วตรงเข้ามาหาเขา

   “อ้าว! คุณเอริค กำลังคุยกับเจอยู่เลยครับว่า คุณไม่ยอมลงน้ำมาสักที สงสัยจะกลัวว่ายน้ำสู้พวกผมไม่ไหว!”

   เวทิตแสร้งทักออกไปทำเอาเจตต์สะดุ้งโหยง พลางหันขวับมามองเพื่อนสนิทอย่างนึกฉุน

   “หือ...ฉันนี่นะ จะสู้พวกเธอไม่ไหว  ลองว่ายแข่งกันสักหน่อยไหมล่ะ”

   คนพูดถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ใบหน้านั้นไม่ได้ดูดุหรือขุ่นเคืองอะไร ตรงกันข้ามนัยน์ตาคมเข้มนั้นมีประกายสนุกอย่างที่ยากจะได้เห็นอีกด้วยซ้ำ   

   “เอ๋! เอางั้นหรือครับ ...งั้นผมเป็นกรรมการเองแล้วกัน เจ! นายลุยเลย ใครแพ้ต้องยอมทำตามที่คนชนะสั่ง 1 อย่างนะครับ!”

   เวทิตนั้นตัดบทสรุปเอาเองจนคนอื่น ๆ เงียบกริบ ก่อนที่จะมีรอยยิ้มถูกใจน้อย ๆ ประดับบนใบหน้าของเอริค ส่วนเจตต์นั้นอ้าปากเหวอเพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะหาเรื่องมาโยนให้เขาแบบนี้

   “พร้อมหรือยังล่ะเจ ...ฉันรออยู่นะ”

   เอริคหันไปถามคนรักที่ยังมีสีหน้าตื่นตระหนกอยู่เช่นนั้น ทางด้านเจตต์พอได้ยินเจ้าตัวก็หันไปยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะถึงจะปฏิเสธตอนนี้ก็คงโดนเวทิตหาเรื่องอื่นแกล้งเข้าให้อีกแน่

   “ก็ได้ครับ...”

   เอริคอมยิ้ม เขามองดูก็รู้แล้วว่าเจตต์นั้นไม่เต็มใจ แต่เงื่อนไขของเวทิตก็ทำให้เขานึกสนุกขึ้นมาแล้วเหมือนกัน

   “เอาล่ะ! ว่ายจากจุดนี้ไปแตะก้อนหินตรงโน้นนะครับ! ฟ้ากับพี่ซันช่วยดูตรงจุดเส้นชัยให้ด้วยนะครับ!”

   เวทิตตะโกนบอกอีกสองคนที่ยืนอยู่บนฝั่ง ทางด้านเวหาและรวีโบกมือและตอบรับเป็นอย่างดี เมื่อเห็นเช่นนั้นเวทิตจึงให้เอริคและเจตต์ประจำที่ให้เรียบร้อย

   “ห้ามออมมือกันนะเจ ว่ายให้เต็มที่เลยล่ะ”

   เอริคหันไปบอกคนรัก ซึ่งเจตต์ก็สะดุ้งนิด ๆ ทว่าสักพักเด็กหนุ่มก็มีรอยยิ้มให้อีกฝ่าย

   “ครับ! ผมจะว่ายให้สุดฝีมือเลย!”

   เอริคยิ้มน้อย ๆ ตอบ และหันไปด้านหน้ารอสัญญาณปล่อยตัว ท่าทางเตรียมพร้อมของชายหนุ่มทำให้ แต่ละคนยกเว้นรวีถึงกับต้องขมวดคิ้ว เพราะดูมีรูปแบบและบ่งบอกให้เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นน่าจะเคยฝึกว่ายน้ำแบบมาตรฐานมาก่อน

   “หมอนั่นก็นี่นะ...จะบอกน้องเจก่อนสักนิดก็ไม่ได้ว่า ตัวเองเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของมหาลัย”

   คำพูดของรวีทำให้เวหาที่อยู่ข้าง ๆ ตกใจ ก่อนจะหันมามองเพื่อนแล้วลอบถอนหายใจเบา ๆ

   “เอาล่ะ! ระวัง ...เตรียมตัว...ไป!”

   เสียงของเวทิตให้สัญญาณการแข่งขัน เอริคโผนำไปก่อน เขาว่ายท่าฟรีสไตล์นำไปอย่างไม่รีบเร่งนัก ส่วนเจตต์นั้นรีบจ้วงมือตีขาว่ายตามอย่างรีบร้อน และก็เป็นตามคาดเอริคเป็นฝ่ายถึงฝั่งก่อนเป็นช่วงตัว ทำให้เจตต์ที่เพิ่งมาถึงบ่นปนหอบ

   “คุณเอริคเก่งจัง...ไม่รู้ว่าเก่งขนาดนี้นี่ครับ...รู้งี้ไม่แข่งด้วยก็ดีหรอก”

   เอริคมองคนที่ทั้งชมทั้งบ่นเขาอย่างนึกขำ เจ้าตัวชะโงกหน้าไปหอมแก้มเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู ทำเอาเจตต์ตัวแข็งทื่ออย่างตกใจ ส่วนคนอื่นพากันยิ้มแห้งแล้วสั่นศีรษะไปมา ยกเว้นก็แต่รวีที่รู้สึกอิจฉาญาติของตน ที่สามารถแสดงความรักได้ตลอดแบบนี้ เพราะถ้าเป็นเขาขืนลองทำบ้าง คงจะโดนเวหางอนเข้าให้เป็นแน่

    “ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่ารางวัลของคนชนะเป็นโมฆะดีไหมล่ะ”

   เอริคบอกกับเจตต์ ซึ่งเด็กหนุ่มก็สะดุ้งโหยงเพราะเพิ่งนึกถึงเรื่องของรางวัลก่อนหน้านั้นได้

   “ง่า...คือ...”

   เจตต์นิ่งคิดหนักอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจตามมา

   “ไม่เป็นไรครับ กฎก็ต้องเป็นกฎ ...เพียงแต่...”

   เด็กหนุ่มเว้นวรรค แล้วมีสีหน้าแดงระเรื่อให้เห็น

   “เอ่อ...แค่อย่าขออะไรที่ทำยากเกินไปก็พอครับ”

   เอริคนิ่งอึ้ง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วจับโยกศีรษะของเด็กหนุ่มไปมาอย่างเอ็นดู ภาพที่เห็นทำให้รวีซึ่งมองอยู่อมยิ้ม และคิดในใจว่า ถ้าพ่อของเขาและครอบครัวของเอริคมาอยู่ที่นี่ด้วย ก็คงจะมีความสุขที่ได้เห็นชายหนุ่มมีรอยยิ้มกลับคืนมาอีกครั้ง

   “เอ๋...พี่ซันทำอะไรน่ะครับ”

   เวหาหันไปถามเมื่อเห็นคนรักหยิบมือถือมาถ่ายคลิปคนที่ตอนนี้กำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ด้านล่าง ซึ่งรวีพอได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มให้กับอีกฝ่าย พร้อมกับตอบออกไปตามตรง

   “พี่จะส่งคลิปให้คนทางบ้านหมอนั่นน่ะครับ ...แล้วก็จะแถมคำพูดไปอีกหน่อยว่า ตอนนี้หมอนั่นเหลือแค่เรื่องเข้าหาทางครอบครัวของน้องเจ...ถ้าทำสำเร็จ สองคนนี้ก็คงคบหากันได้อย่างไร้อุปสรรค...ซึ่งพี่เชื่อว่าถ้าทางบ้านหมอนั่นเห็นคลิปนี้เข้า พวกเขาคงจะรู้กันเองว่าจะทำอย่างไรต่อไปน่ะครับ”

   รวีบอกโดยเก็บประเด็นสำคัญที่ว่า ถ้าเอริคกับเจตต์คบหากันอย่างเป็นทางการได้เมื่อไหร่ ก็เท่ากับเขากำจัดคู่แข่งไปได้ถึงสองคนเลยทีเดียว

   ส่วนทางด้านเวหา พอได้ยินเช่นนั้นเจ้าตัวก็ขมวดคิ้วนิด ๆ เพราะไม่ค่อยแน่ใจว่าทางครอบครัวของเอริคคิดจะทำอะไร  แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่า ทางนั้นคงจะไม่ทำให้คนรักและครอบครัวของลูกชายต้องพบกับความลำบากใจเป็นแน่



   หลังจากเล่นน้ำกันสักพัก ทั้งหมดก็นั่งแวะทานอาหารที่เตรียมมา และเมื่ออิ่มหนำสำราญดี พวกเขาก็ช่วยกันเก็บเศษอาหารใส่ถุงดำที่เตรียมไว้ แล้วออกเดินทางกันต่อ เพื่อที่จะไปเที่ยวถ้ำซึ่งเดินห่างไปอีกไม่ไกลมากนัก ทว่าเพราะทางเดินในป่าที่ค่อนข้างลำบากก็ทำให้เสียเวลาเดินทางกันเป็นชั่วโมงอยู่ดี

   “เฮ้อ...ถึงสักที เหนื่อยชะมัด”

    เจตต์บ่นพร้อมหอบ ระหว่างทางเขาก็เหนื่อยจนเผลอเดินเซออกเส้นทางไป ทำเอาโดนกิ่งไม้เกี่ยวขูดขีดตามตัวหลายแห่ง จนเอริคที่เดินตามห่าง ๆ ต้องคอยประกบติดอีกฝ่ายตลอดในช่วงหลัง ด้วยความเป็นห่วง

   “เห็นไหมล่ะ เวลาชวนออกกำลังกายก็ไม่ค่อยจะสน”

   เวทิตเปรยแหย่เพื่อนสนิท ซึ่งเจตต์ก็ทำปากหมุบหมิบใส่อีกฝ่ายแทน ทั้งนี้เพราะเขาเห็นมีนาที่อายุน้อยและยังตัวเล็กสุดในกลุ่มยังเดินมาได้สบาย ๆ โดยไม่บ่นอะไร จึงทำให้เจตต์ไม่กล้าโวยวายให้เสียหน้าไปกว่านี้

   “ไว้กลับไป เดี๋ยวจะพาเข้าฟิสเนตบ่อย ๆ ดีไหม”

   เอริคบอกกับเด็กหนุ่มซึ่งเจตต์ก็ชะงัก ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักค่อย ๆ เพราะแม้จะไม่ชอบออกกำลังกายนัก แต่ถ้ามีเอริคออกกำลังกายเป็นเพื่อนก็คงจะดี

   “จะพักกันก่อนไหมล่ะครับ ทางเดินเข้าถ้ำช่วงแรกจะค่อนข้างยาว เดินยาก แล้วก็อากาศไม่ถ่ายเทเท่าไหร่ด้วย”

    เจ้าหน้าที่นำเที่ยวเสนอความเห็นเพราะเป็นห่วง เนื่องจากดูสภาพของเจตต์แล้ว คงจะเดินกันต่อเลยลำบากแน่

   “ง่า...ไม่เป็นไรครับ ผมยังไหวอยู่”

   เจตต์ที่ไม่อยากให้เขาเป็นตัวถ่วงการเดินทางรีบบอก เพราะลำพังแค่ต้องชะลอฝีเท้าการเดินเพื่อรอเขาที่รั้งท้าย ก็เสียเวลาการเดินทางมาที่นี่มากแล้ว

    “ไม่เป็นไรหรอกเจ พักสักครึ่งชั่วโมงก็คงไม่มีปัญหาอะไร อย่างดีก็แค่กลับช้าไปหน่อยเท่านั้น”

    เอริคให้เหตุผลซึ่งแต่ละคนก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย ยกเว้นคนเดียวที่รู้นิสัยคนขี้เกรงใจตรงหน้าเป็นอย่างดี

    “พักน่ะดีแล้ว ดีกว่าฝืนเดินแล้วไปหมดแรงข้างในถ้ำ มันจะลำบากคนอื่นเขาด้วยนะ”

   เวทิตบอกเสริม ทำให้เจตต์กลืนน้ำลายลงคอ แล้วจึงพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี ทำให้คนอื่นพากันโล่งอกแล้วจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัยกันชั่วคราว



   “เข้าใจพูดดีนะต้น กำลังคิดอยู่เลยว่าเจคงจะไม่ยอมฟังง่าย ๆ แน่”

   เวหาคุยกับเวทิตที่แยกมานั่งกับตน ส่วนเจตต์นั้นกำลังนั่งคุยกับเอริคห่างออกไป  ทางด้านเวทิตพอได้ยินคำพูดของเพื่อนเขาก็หัวเราะเบา ๆ แล้วยักคิ้วส่งให้

   “ให้มันรู้เสียบ้าง ว่าใครเป็นใคร ตำแหน่งเพื่อนสนิทของทั้งนายและเจน่ะ ไม่ได้มาเพราะคบกันนานเฉย ๆ นา”

   “เออ! รู้แล้วน่า คุณเพื่อนสนิทสุดเลิฟ!”

    เวหาบอกตอบอย่างนึกขำ จนลืมไปว่าคนรักขี้หึงนั้นนั่งอยู่ข้าง ๆ ตน และอีกฝ่ายก็เริ่มคิดได้แล้วว่า ศัตรูหัวใจที่ควรจะกำจัดโดยการหาคู่ให้อย่างเร่งด่วนตอนนี้ ไม่ใช่แค่พวกเอริคเสียแล้ว

   

   หลังจากพักมาได้สักระยะ เจตต์ก็รู้สึกดีขึ้น และพอเริ่มเดินทางเข้าถ้ำ เด็กหนุ่มก็คิดว่าดีแล้วที่เลือกพักก่อนหน้านั้น เพราะทางเดินเข้าด้านในแม้จะกว้างพอประมาณและเดินไม่ยากนัก แต่อากาศก็ค่อนข้างเบาบางและร้อนอบอยู่ไม่น้อย

   “ไหวไหมเจ...ถ้าไม่ไหว เราออกไปก่อนก็ได้นะ”

   เอริคที่เดินรั้งท้ายเด็กหนุ่มถามอย่างเป็นห่วง ทว่าเจตต์นั้นสั่นศีรษะแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย

   “ไม่เป็นไรครับ พอได้พักเมื่อครู่ก็เลยมีแรงเดินได้สบาย ๆ เลยครับ”

   “อดทนเดินร้อน ๆ กันไปอีกสักพักนะครับ ด้านในถ้ำจะกว้างกว่านี้ แถมยังมีลมพัดผ่าน อากาศโปร่งสบายด้วยครับ”

   เจ้าหน้าที่นำเที่ยวหันมาบอกกับทุกคน ทำให้แต่ละคนที่ได้ยินล้วนยิ้มออก และยังเร่งฝีเท้าเดินกันไวขึ้นอย่างไม่รู้ตัวอีกต่างหาก



   ห้องโถงใหญ่ของถ้ำที่เจ้าหน้าที่บอกนั้น นอกจากจะมีอากาศปลอดโปร่ง ลมพัดสบายแล้ว ยังมีหินงอกหินย้อยสวยงามสมบูรณ์มากมาย ทั้งนี้เพราะเจ้าหน้าที่อธิบายว่าทางเดินมายังถ้ำนั้นค่อนข้างลำบาก จึงมีคนเข้ามาเที่ยวที่นี่น้อย หาไม่แล้วก็อาจจะมีพวกมือบอนเข้ามาสร้างความเสียหายให้กับสถานที่แห่งนี้เข้าก็ได้

   “เดี๋ยวถ่ายรูปกันอีกสักพัก ค่อยเดินย้อนออกไปทางหน้าถ้ำนะครับ จริง ๆ ผมอยากพาไปทางออกอีกทาง แต่ทางนั้นมันค่อนข้างสมบุกสมบัน และมีปีนป่ายกันมากสักหน่อย ซึ่งมันจะเหมาะกับพวกที่ค่อนข้างชอบผจญภัยและเตรียมตัวกันมาพร้อมมากกว่าน่ะครับ”

   เจตต์พอได้ฟังก็ทำหน้าเจื่อน เขาภาวนาว่าไม่ให้มีใครในกลุ่มคิดอยากจะผจญภัยขึ้นมา ซึ่งก็เป็นที่โชคดีที่บรรดาหนุ่ม ๆ แต่ละคนนั้นก็ล้วนเป็นพวกห่วงใยดูแลคนรักเป็นพิเศษ รายการผจญภัยนอกโปรแกรมที่เวทิตกับเวหาแอบสนใจจึงถูกเมินเฉยไปโดยปริยายนั่นเอง...



... TBC ...

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :pig4:   :L1:

ขอบคุณค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ อากาศแปรปรวนมากๆเลย แถมอาหารเสียง่ายมาก

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
 o13 o13 o13 ฮั่นแน่..ซันจะหาคู่ให้ต้นละ.. o13 o13 o13

ออฟไลน์ ployspy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ขอบคุณคับบบบบบบ
อยากอ่านต่อแย้วววววววววววววว

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


ตอนที่ 13


   ขากลับออกมาจากถ้ำ มีเรื่องให้ต้องตื่นเต้นตกใจกันเล็กน้อย เมื่อเจตต์ที่เดินรั้งท้ายกับเอริคเกิดร้องโวยวายขึ้นมาเพราะคิดว่ามีใครดึงเสื้อเอาไว้ ทำเอาเวทิตที่กลัวผีอยู่แล้วสะดุ้งโหยงและเผลอหันไปกอดเวหาที่อยู่ใกล้เสียแน่น จนรวีต้องมาจับทั้งคู่แยกจากกันด้วยความหึง ลงท้ายรวีก็เลยกลายเป็นฝ่ายโดนเด็กหนุ่มกอดหมับไม่ยอมปล่อยแทน เพราะเวหานั้นไม่คิดจะช่วยแยกหรือปลอบให้เพื่อนใจเย็นลงแต่อย่างใด เพื่อเป็นการแก้เผ็ดคนรักที่ชอบขี้หึงเสมอนั่นเอง

   ส่วนทางด้านเจตต์ จริง ๆ แล้วไม่ได้มีใครมาดึงเสื้ออะไรทั้งสิ้น เพราะเด็กหนุ่มนั้นเหนื่อยจึงยืนพิงผนังถ้ำชั่วครู่ แต่พอจะเดินต่อคอเสื้อของเขาก็ดันไปเกี่ยวติดแง่งหินแถวนั้น เลยกลายเป็นเด็กหนุ่มคิดว่ามีคนมาดึงคอเสื้อเขาเอาไว้นั่นเอง

   และกว่าจะแก้ไขการเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น ก็เป็นเวลาชั่วครู่ใหญ่เลยทีเดียว ซึ่งโชคดีของพวกเขาที่เจ้าหน้าที่นำทางนั้นเป็นคนใจเย็น อารมณ์ดี จึงไม่ได้มีอาการฉุนเฉียวอะไร มิหนำซ้ำยังเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านั้นลูกทัวร์ที่เข้ามาเที่ยวถ้ำ ยังเคยมีคนร้องว่าถูกผีจับขา ทั้งที่จริง ๆ แล้วแค่ถูกรากไม้เกี่ยวเอาเท่านั้นเอง

   

   “วู้! ในที่สุดก็ได้เจอแสงสว่างสักที!”

   เจตต์ที่ออกมารั้งท้ายพร้อมเอริค ตะโกนขึ้นอย่างยินดี ทำให้คนอื่น ๆ หันมามองเขาอย่างนึกขำ ยกเว้นเวทิตที่เขม่นใส่เพื่อนสนิท เพราะเจ้าตัวนั้นรู้สึกเสียหน้าหนักที่เผลอไปกอดทั้งเวหาและรวีเข้า จนตั้งใจว่าคราวหน้าถ้าจะมาถ้ำ จะไม่เข้าพร้อมกับเจตต์อีกแล้ว

   “เหนื่อยแต่ก็สนุกดีนะครับงานนี้”

   เวหาบอกพร้อมยิ้มกว้างส่งให้รวี ซึ่งอีกฝ่ายนั้นยิ้มเจื่อน ๆ เพราะรู้ดีว่าคนรักนั้นตั้งใจพูดถึงเรื่องราวในถ้ำ ที่เขาดันเผลอหลุดอาการหึงหวงออกไปนั่นเอง

   “ถ้าใครยังไม่เหนื่อยมาก เลยตรงนี้ไปไม่ไกลจะมีพวกกล้วยไม้ป่ากำลังบานสวยเลยครับ ถ้าสนใจอยากถ่ายรูปเดี๋ยวผมจะพาไป”

   เจ้าหน้าที่นำเที่ยวเสนอความเห็น ทำเอาแต่ละคนหันไปมอง แล้วพากันพยักหน้าหงึกหงักตามมา โดยเฉพาะมีนาที่ชอบพวกดอกไม้และของสวยงามอยู่แล้ว รีบดึงแขนเสื้อเมฆาให้รีบเก็บข้าวของที่วางไว้ จนชายหนุ่มต้องอมยิ้มเลยทีเดียว

   

   ระหว่างการเดินทางไปชมกล้วยไม้ป่าที่อยู่ไม่ห่างจากทางเข้าถ้ำเท่าใดนัก เจตต์ก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเขาเผลอลูบสร้อยที่หน้าอกตามปกติ ทว่ากลับไม่พบมันห้อยอยู่ที่เดิม

   ‘บ้าน่า! หายไปไหนกัน!’

   เจตต์คิดในใจอย่างตื่นตระหนก ทีแรกเขาตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับเอริค ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อดันคิดไปเองว่า ชายหนุ่มอาจจะไม่พอใจที่เขาดันทำของสำคัญตกหายเช่นนี้

   ‘คิดดี ๆ เข้าสิเจ! ก่อนจะเข้าถ้ำก็ยังอยู่เลยไม่ใช่หรือไง!’

   เจตต์คิดในใจอย่างร้อนรน แล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้างอย่างนึกขึ้นได้ เมื่อหวนถึงเหตุการณ์บางอย่างก่อนหน้านั้น

   ‘ต้องใช่ตอนนั้นแน่ ๆ ...เอาไงดี...แอบไปเอาเงียบ ๆ ดีไหมหว่า...ถ้ำก็อยู่แค่ตรงนี้เองด้วย’

   เด็กหนุ่มนิ่งคิด เขาเดินก้มหน้าไปเงียบ ๆ จนเอริคแปลกใจ ทว่าชายหนุ่มนั้นคิดว่าบางทีเจตต์คงจะเหนื่อยนั่นเอง

   “ไหวไหม...ถ้าไม่อยากเดินเราก็นั่งพักกันอยู่แถวนี้รอพวกเขาก็ได้”

   เจตต์ชะงัก ก่อนจะฝืนยิ้มแล้วสั่นหน้าปฏิเสธ เพราะถ้าเขาขอพัก เอริคก็คงเสนอตัวอยู่เป็นเพื่อน และเขาก็คงจะหาเรื่องปลีกตัวกลับไปหาสร้อยได้ยากเป็นแน่

   “อืม...งั้นเธอก็เดินช้า ๆ ไม่ต้องรีบร้อนนักตามพวกนั้นไปหรอก เห็นเจ้าหน้าที่เขาบอกว่าไม่ไกลเท่าไหร่นี่”

   เอริคบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ยิ่งทำให้เจตต์รู้สึกผิด และตั้งใจปิดเป็นความลับไม่คิดจะให้เอริครู้เรื่องสร้อยเด็ดขาด

   

   เดินกันไปอีกไม่ถึงห้านาที พวกเขาก็พบเจอดอกกล้วยไม้ป่ามากมายที่เกาะเกี่ยวต้นไม้ใหญ่บริเวณนั้นอาศัยออกดอกบานสวยสะพรั่ง และมีสีสันสดใสแตกต่างกันออกไปตามชนิดพันธุ์  ภาพที่เห็นล้วนสร้างความประทับใจและตื่นตะลึงให้กับคณะเดินป่าในครั้งนี้นัก

   “สวยจริง ๆ แม่ผมชอบกล้วยไม้มาก เลี้ยงเอาไว้หลายต้น ...แต่กล้วยไม้ป่าพวกนี้สวยกว่ากล้วยไม้เลี้ยงที่เคยได้เห็นหลายเท่า ...คงเป็นเพราะมันสามารถเติบโตในธรรมชาติ อย่างที่ควรจะเป็นล่ะนะครับ”

   เวทิตพึมพำแผ่วเบา เขาอยากเอื้อมมือไปสัมผัสกลีบดอกสดใสตรงหน้า แต่รู้ดีว่ามันมีค่าและบอบบางสักเพียงใด เด็กหนุ่มจึงได้แต่หยิบมือถือมาซูมถ่ายรูปเก็บไว้ดูแทน คนอื่น ๆ เห็นเช่นนั้นจึงพากันแยกย้ายไปถ่ายรูปเก็บคนละมุมอย่างเพลิดเพลิน จนไม่ทันสังเกตว่า หนึ่งในพวกเขาได้หายตัวไปจากบริเวณนั้นเรียบร้อย

   

     เมื่อได้ถ่ายรูปเก็บจนพอใจ แต่ละคนก็หันกลับมาพูดคุยแลกเปลี่ยนรูปภาพที่ตนได้ถ่ายกันให้คนอื่นดู และนั่นจึงทำให้ทุกคนเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น

   “เจหายไปไหน...”

   เอริคถามคนอื่น ๆ อย่างร้อนรน ซึ่งแต่ละคนก็สั่นศีรษะและเริ่มหน้าซีด ทางเจ้าหน้าที่นำเที่ยวรีบบอกให้ทุกคนใจเย็น ๆ และย้อนถามไปก่อนหน้านั้นว่ามีใครได้เห็นเจตต์ครั้งสุดท้ายเมื่อใด

   “พอมาถึงที่นี่ตอนแรก เจก็ยังอยู่ด้วยกัน แต่พอเริ่มแยกย้ายกันถ่ายรูป ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่”

   เวทิตบอกเจ้าหน้าที่นำเที่ยว ซึ่งอีกฝ่ายก็ถอนหายใจแผ่วเบา เพราะเขาเองก็ดันประมาท มัวแต่อธิบายถึงเรื่องชนิดพันธุ์ของกล้วยไม้ให้กับพวกมีนาที่สนใจฟัง จึงทำให้ไม่ทันได้สังเกตคนรอบตัวเช่นนี้

   “ผมว่าคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับ ...อา จริงสิ ลองโทรหาน้องเจดูสิครับ ว่าอยู่ไหนกัน”

   รวีรีบพูดขึ้นเพื่อให้ทุกคนคลายกังวลและมีสติ ซึ่งพอได้ยินรวีพูด เวทิตก็รีบโทรศัพท์หาเพื่อนสนิททันที ทว่าปลายสายกลับไม่มีสัญญาณตอบรับ ทำให้เด็กหนุ่มต้องนิ่วหน้า แล้วพึมพำไปมาอย่างร้อนใจ

   “แปลกจัง ตอนเดินมาก่อนหน้านั้นผมเช็คสัญญาณมือถือ ก็ยังเห็นมีขึ้นอยู่เลย...แล้วหมอนั่นไปอยู่ที่ไหนกัน ...หรือจะไปอยู่ในจุดอับสัญญาณกันแน่”

   ทุกคนนิ่งคิด ทางด้านเอริคนั้นแทบอยากจะรื้อป่าหาเด็กหนุ่มเสียเดี๋ยวนั้น เพราะกลัวว่าเจตต์จะพลัดหลงทางไป ทว่าเขาก็ต้องสงบสติอารมณ์ช่วยทุกคนคิด เพื่อที่จะได้ค้นหาเจตต์ให้ได้ไวขึ้น

   “อับสัญญาณ...อ๊ะ หรือว่าจะเป็นแถวถ้ำกันครับ?”

   เจ้าหน้าที่นำเที่ยวเอ่ยขึ้นบ้าง ทำให้แต่ละคนเริ่มเห็นด้วย และมีบางคนสงสัยว่าเจตต์จะกลับเข้าไปในถ้ำทำไม

   “น้องเจอาจจะมีเหตุผลของเขาก็ได้ แต่ทางที่ดีเราตามไปที่ถ้ำกันดีกว่า”

   รวีสรุปตัดบท ทว่าเจ้าหน้าที่นำเที่ยวกลับแย้งขึ้นมาเสียก่อน

   “เดี๋ยวครับ ถ้าเกิดเราตามไปที่ถ้ำทั้งหมด แล้วน้องเขาเดินย้อนมารวมตัวกับเราจากทางอื่นแทนล่ะครับ จะกลายเป็นคลาดกันเสียเปล่า ๆ นะครับ”

   แต่ละคนต่างชะงัก และเริ่มเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย

   “จริงอย่างที่คุณเจ้าหน้าที่บอก ถ้าอย่างนั้นน้องมีนกับเมฆ น้องฟ้าแล้วก็น้องต้นอยู่รอแถวนี้ ฉัน เอริค แล้วก็คุณเจ้าหน้าที่ จะไปตามหาน้องเจที่ถ้ำเอง”

   รวีสรุปและแบ่งกลุ่มให้โดยไม่ต้องรอให้ใครเสนอ จากนั้นเขาก็บอกทุกคนว่า ใครที่เจอเจตต์ก่อนก็ให้โทรหากันได้เลย หรือถ้าโทรไม่ติดก็ให้เคลื่อนพลมารวมกันหน้าปากถ้ำรอไว้อย่าได้แยกย้ายกันไปค้นหาโดยเด็ดขาด

   

   อีกด้านหนึ่งภายในถ้ำ เจตต์ที่รีบเร่งฝีเท้าวิ่งมาหาของ และตั้งใจว่าจะกลับไปรวมตัวให้ทันกับเพื่อน ๆ ในภายหลัง ก็ต้องพบกับอุบัติเหตุสะดุดลื่นล้มจนข้อเท้าพลิก แม้จะโชคดีเจอสร้อยไม้กางเขนหล่นอยู่บริเวณที่เขาถูกแง่งหินเกี่ยวเสื้อก็ตาม แต่แผนที่ตั้งใจไว้ว่าจะรีบกลับออกไปแล้วอ้างว่าเดินหลงถ่ายรูปเพลินก็มีอันต้องล้มเหลว และกลายเป็นว่าต้องรอจนกว่าจะมีคนมาช่วยแทน เพราะนอกจากจะไม่มีสัญญาณมือถือแล้ว ตอนนี้ขนาดจะคลานออกไป เขายังเจ็บจนขยับแทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

   “คุณเอริค...ถ้าผมบอกคุณไปตรง ๆ แต่แรกก็คงดี...ป่านนี้คุณคงจะโมโหผมแย่แล้วสินะ”

   เจตต์พึมพำกับตัวเอง นึกอยากจะร้องไห้ที่ดันคิดตื้น ๆ แอบมาคนเดียวเช่นนี้ เด็กหนุ่มมั่นใจว่า ป่านนี้ทุกคนคงจะเป็นห่วงเขาและเริ่มออกตามหาเขากันแล้วก็ได้

   “เจ! อยู่ไหน ได้ยินฉันไหม เจ!”

   เสียงตะโกนแว่ว ๆ ที่ดังขึ้น ทำให้เจตต์นั้นชะงัก และพยายามเงี่ยหูฟังว่าเขาหูฝาดไปหรือเปล่า

   “วู้! น้องเจครับ! อยู่ในนี้หรือเปล่าครับ!”

   เสียงคุ้นเคยที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้เจตต์เบิกตากว้าง แล้วรีบตะโกนร้องตอบ

   “ผมอยู่ในนี้ครับ! อยู่ทางนี้!”

   เสียงตะโกนเงียบไป สักพักเสียงของเอริคก็ดังขึ้นมาบ้าง

   “อยู่นิ่ง ๆ แถวนั้นอย่าขยับไปไหนนะเจ! เดี๋ยวพวกฉันเข้าไป!”

   เจตต์ชะงักก่อนจะตะโกนตอบรับคำแล้วนั่งรอลุ้นด้วยความระทึก และเมื่อเสียงฝีเท้าเริ่มใกล้เข้ามาพร้อมแสงไฟฉาย เจตต์ก็รีบโพล่งออกไปด้วยความยินดี

   “คุณเอริคครับ! ผมอยู่ทางนี้!”

   เอริคชะงักกึก เขาฉายไฟหาต้นเสียง และก็ได้เห็นเด็กหนุ่มนั่งอยู่กับพื้นพิงผนังถ้ำ  เอริคเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ นั่งคุกเข่าลงประสานสายตายินดีของอีกฝ่าย แล้วสะบัดฝ่ามือลงบนใบหน้านั้นทันที

   “คะ...คุณเอริค”

   เจตต์อุทานเรียกชื่อของอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อ หน้าของเขาหันไปตามแรงตบของชายหนุ่ม ที่แม้จะลงมือไม่รุนแรงนัก แต่ก็ยังคงเจ็บจนน่าจะขึ้นรอยปื้นแดงในภายหลังอยู่ดี

   “เด็กบ้า...เธอทำให้ฉันเกือบจะคลั่งตายแล้วรู้ไหม...ทำไมถึงแยกออกมาตามลำพังแบบนี้...ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตรายมากแค่ไหน”

   เอริคบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแล้วโอบกอดร่างของอีกฝ่ายไว้แน่น ทางด้านเจตต์พอได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ทำให้ชายหนุ่มเป็นห่วง เด็กหนุ่มโอบกอดตอบคนรักแน่นไม่แพ้กัน พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างลืมตัว

   “ขอโทษครับ...คุณเอริค...ผมขอโทษ...ฮึก...”

   ทางด้านรวีที่เดินตามมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่นำเที่ยว พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นรวีจึงเสนอให้ทางเจ้าหน้าที่ย้อนออกไปแจ้งพวกที่อยู่ข้างนอกให้มารวมตัวรอกันที่ปากถ้ำ ส่วนเขาจะรอทางนี้เอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เห็นดีด้วยและแยกไปก่อน  ทางรวียืนรออยู่สักพัก จนเอริคได้สติและเริ่มสอบถามว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงได้แยกมาลำพังเช่นนี้

   “กะ...ก็ผมทำสร้อยของคุณตกไว้...ผมก็เลยย้อนมาหาน่ะครับ”

   เอริคนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยิน และเริ่มฉุนเฉียวกับการตัดสินใจของเด็กหนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง

   “แล้วทำไมไม่บอกฉัน ไม่บอกกับทุกคน! แยกมาคนเดียวแบบนี้ก็น่าจะรู้ว่ามันจะทำให้ทุกคนเป็นห่วงไม่ใช่หรือไง!”

   เจตต์สะดุ้งโหยง เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัวกับท่าทางโมโหที่เขาไม่เคยเห็นจากอีกฝ่าย ร้อนถึงรวีต้องรีบมาเป็นตัวกลางสอบถามกับเจตต์แทนญาติของตน

   “เฮ้...ใจเย็น ๆ น่ะเอริค ...น้องเจครับ...แล้วทำไมน้องเจถึงไม่บอกพวกเราล่ะครับ ถ้าพวกเรารู้จะได้มาช่วยกันหาแต่แรกยังไงล่ะครับ”

   เจตต์เม้มปากน้อย ๆ เขาก้มหน้าลงมองพื้น ก่อนจะอุบอิบตอบไม่เต็มเสียงนัก

   “กะ...ก็ผมเพิ่งให้สัญญากับคุณเอริคว่าจะดูแลรักษาสร้อยนี่อย่างดี ...แต่ยังไม่ทันข้ามวัน ผมก็มาทำหล่นหาย ...ผมกลัวคุณเอริคจะโกรธ แล้วก็ผิดหวังในตัวผมน่ะสิครับ”

   เจตต์บอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นึกอยากร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ แต่ก็พยายามอดกลั้นเอาไว้ เนื่องจากไม่อยากให้เอริคหัวเสียมากไปกว่านี้

   ทางด้านเอริคที่แยกไปยืนสงบสติอารมณ์ พอได้ยินสิ่งที่เด็กหนุ่มบอก ก็ทำให้เขาถึงกับสบถบางอย่างกับตัวเองเบา ๆ ทำให้รวีที่หันไปมองต้องถอนหายใจออกมา  ชายหนุ่มนั้นรู้ดีว่าที่เอริคโมโหเป็นเพราะห่วงเจตต์เป็นอย่างมาก และก็ยังหงุดหงิดตัวเองที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เจตต์ต้องตัดสินใจทำเรื่องอันตรายเช่นนี้ด้วย

   “เอาล่ะครับ พี่ว่าเราออกไปหาทุกคนข้างนอกดีกว่า ป่านนี้คงเป็นห่วงแย่แล้ว”

   รวียื่นมือส่งให้เจตต์แทนญาติของเขาที่กำลังสงบสติอารมณ์ ทว่าพอเห็นเจตต์พยายามจะยันกายแล้วนิ่วหน้า เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติแล้วฉายไฟไปที่ข้อเท้าของอีกฝ่ายทันที

   “แย่จริง...น้องเจข้อเท้าบวมมากเลยนะครับ หกล้มมาหรือครับ”

   คำถามของรวีทำให้เอริคที่ได้ยินถึงกับชะงัก แล้วรีบพรวดพราดเข้ามาดูอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง

   “ให้ตายสิ...เจ็บหนักขนาดนี้ ทำไมไม่รีบบอกกัน”

   เอริคดุแบบไม่หนักแน่นนัก เขาสัมผัสที่ข้อเท้าของอีกฝ่ายแผ่วเบา ทว่านั่นก็ยังทำให้คนเจ็บสะดุ้งแล้วเม้มปากพยายามกลั้นเสียงไม่ให้หลุดร้องออกไป จนคนมองสงสาร

   “เดี๋ยวฉันอุ้มเขาไปเอง นายฉายไฟนำทางให้ด้วยแล้วกัน”

   เอริคหันไปบอกกับรวี แล้วช้อนร่างของเด็กหนุ่มขึ้นแนบอก ส่วนรวีก็ช่วยถือกระเป๋าของเด็กหนุ่มที่วางอยู่แล้วฉายไฟนำทางไป ระหว่างทางทั้งเอริคกับเจตต์แทบไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงรวีที่นาน ๆ ก็ชวนคนนั้นคนนี้สนทนากันสักทีเพื่อลดความเครียดที่เกิดขึ้น

   

   เมื่อออกมาถึงปากถ้ำ แต่ละคนก็เตรียมจะมารุมซักถามเจตต์ให้หายสงสัย ทว่าพอเห็นใบหน้าขรึม ๆ ของเอริค กับใบหน้าซีด ๆ ของเจตต์แล้ว แต่ละคนก็ระงับท่าทางเอาไว้ แล้วมารุมซักถามรวีแทน ซึ่งพอได้รับคำตอบแต่ละคนก็ลอบถอนหายใจไปตาม ๆ กัน

   “เฮ้อ... ผมว่าเราเดินทางกลับไปที่พักกันเถอะครับ เดี๋ยวจะเย็นค่ำเสียก่อน”

   เวทิตตัดบทหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเงียบกันได้สักพัก ซึ่งทุกคนเองก็เห็นด้วยและเริ่มต้นเดินทางกลับ โดยเจตต์นั้นเปลี่ยนเป็นขี่หลังเอริคไปแทน เนื่องจากสะดวกในการเดินมากกว่าแบบอุ้มข้างหน้านั่นเอง

   

   การท่องเที่ยวภายในวันแรก ถ้าไม่นับเหตุการณ์วุ่นวายในช่วงหลัง ทุกคนก็ล้วนลงความเห็นว่ามันประทับใจและคุ้มค่าอยู่ไม่น้อย และเพราะอาการบาดเจ็บของเจตต์ จึงทำให้โปรแกรมท่องเที่ยววันที่เหลือของเด็กหนุ่ม ต้องกลายเป็นพักผ่อนอยู่ที่รีสอร์ทกับเอริคตามลำพังแทน เนื่องจากคนอื่นต่างลงมติเห็นพ้องต้องกันตามที่รวีเสนอว่า ทิ้งทั้งสองคนให้ปรับความเข้าใจกันโดยไม่มีมือที่สามเกี่ยวข้องด้วยน่าจะดีที่สุด

   “เบื่อหรือไง ...ต้องมานั่งเฝ้าบ้านอยู่กับฉันสองคนน่ะ”

   เอริคถามคนที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนเหม่ออยู่บนเตียง แม้อาการข้อเท้าเคล็ดของเด็กหนุ่มจะดีขึ้นแล้ว แต่ทุกคนลงมติว่าอีกฝ่ายเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุดน่าจะดีกว่า

   “ปะ...เปล่าหรอกครับ”

   เจตต์ตอบคำถามตะกุกตะกักแล้วก้มหน้าหลบตา เด็กหนุ่มเริ่มกลับมาแสดงท่าทางเหมือนตอนที่เจอกันใหม่ ๆ จนเอริครู้สึกแย่ เขามั่นใจว่าเรื่องที่เขาดันเผลอแสดงท่าทางโมโหออกไปมากมาย ต้องทำให้เจตต์หวาดกลัวเขาขึ้นมากกว่าเดิมแน่  แถมเมื่อวานพอตอนขากลับแม้จะให้เจตต์ขี่หลังมาตลอดทาง แต่เขากลับไม่ชวนอีกฝ่ายคุยเลยแม้แต่น้อย เพราะยังคงรู้สึกหงุดหงิดตัวเองไม่หายนั่นเอง

   “กลัวฉันหรือเจ”

   คำถามถัดมาทำให้ร่างบนเตียงสะดุ้งโหยง แล้วรีบเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะชะงักนิ่งเมื่อสบกับแววตาอมทุกข์คู่นั้นที่จ้องมองมา

   “...คุณเอริค”

   เอริคขยับมานั่งบนเตียงข้างอีกฝ่าย เขาเอื้อมมือมาลูบใบหน้าที่เป็นรอยปื้นแดงเพราะฝ่ามือของเขาแผ่วเบา คิ้วเรียวขมวดอย่างรู้สึกผิด

   “ขอโทษนะ...คงเจ็บมากใช่ไหม”

   เจตต์หัวใจกระตุกวูบ รู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ขอบตา ก่อนจะสะอื้นออกมาเบา ๆ

   “เจ...ที่รัก อย่าร้องไห้สิ ...ฉันขอโทษนะ ฉันผิดเอง ฉันจะไม่ทำรุนแรงกับเธออีกแล้ว ฉันสัญญา”

   เอริคโอบร่างของเด็กหนุ่มมาปลอบ ทว่ายิ่งเอริคอ่อนโยนมากเท่าไร เจตต์ก็ยิ่งร้องไห้หนักมากขึ้นเท่านั้น ชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูก เขาได้แต่ขอโทษและกอดร่างนั้นอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเสียงสะอื้นนั้นเริ่มสงบลง

   “เจ...หายโกรธฉันหรือยัง...หืม”

   เอริคลูบศีรษะของคนรัก พร้อมกับจูบซับน้ำตาอีกฝ่าย ทางด้านเจตต์เม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะตอบออกมาเสียงแผ่วเจือสะอื้น

   “ผมไม่ได้โกรธคุณ...แต่ผมกลัวคุณจะเกลียดผม...เรื่องที่ผมทำอะไรโง่ ๆ ...จนทำให้คุณโมโห...ทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปหมด”

   เอริคนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะแย้งกลับไป

   “เกลียด? ฉันจะเกลียดเธอได้ยังไง ในเมื่อฉันรักเธอมาก เธอก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือ”

   เจตต์เงยหน้ามาสบตาคนพูดแล้วบอกเสียงสั่นกลับ

   “แต่เมื่อวาน...คุณโมโหผมมาก...ขนาดตอนขากลับ...คุณยังไม่ยอมพูดอะไรกับผมเลย...ผะ...ผม ก็เลยคิดว่า...คุณจะเกลียดผม...จะเลิกรักผมแล้ว”

   พอได้ฟังคำตอบเอริคก็หลุดถอนหายใจออกมาแผ่วเบา เขาชะโงกหน้าไปจูบหน้าผากและแก้มของอีกฝ่าย ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ส่งให้เด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน

   “เธอเข้าใจผิดแล้วล่ะเจ...ที่ฉันไม่พูดไม่จาเมื่อวาน เป็นเพราะฉันกำลังโมโหตัวเองอยู่ต่างหาก”

   เจตต์จ้องอีกฝ่าย พร้อมกับถามอย่างแปลกใจ

   “โมโหตัวเอง... ทำไมล่ะครับ”

   เอริคถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกับยื่นมือไปลูบไล้แก้มข้างที่เป็นผื่นแดงของเด็กหนุ่มแผ่วเบา

   “ก็เพราะฉันโมโหจนเผลอรุนแรงกับเธอ...ทั้งที่เธอทำไปก็เพื่อฉันน่ะสิ”

   “มะ...ไม่ใช่ความผิดของคุณเอริคเลยครับ ...ระ...เรื่องนั้น...เป็นเพราะผมแยกออกมา โดยไม่บอกคนอื่นเองต่างหาก...คุณเป็นห่วงผม ก็เลยโกรธ...มันก็เป็นเรื่องธรรมดานี่ครับ”

   เจตต์แก้ตัวแทนอีกฝ่าย ซึ่งเอริคก็ยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับหอมแก้มเด็กหนุ่มอีกครั้ง

   “ใช่...เธอผิดที่แยกออกมาโดยไม่บอกใครก็จริง...แต่ถึงฉันจะเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน ก็ไม่ควรจะเผลอลงมือไปขนาดนั้น...”

   เอริคเงียบไปสักพัก แล้วจึงมองคนตรงหน้าด้วยสายตารักใคร่และหวงแหนอย่างไม่คิดจะปิดบัง

    “รู้ไหมเจ...เมื่อคืนนี้ฉันนอนไม่หลับเอาเสียเลย ...ฉันกลัวว่าเธอจะโกรธ จะเกลียด จะหวาดกลัวฉัน...จะเลิกรักฉัน...และหนีฉันไป”

   เจตต์ที่เพิ่งได้รู้ความในใจของอีกฝ่ายและรู้สาเหตุของการเมินเฉยเมื่อวานถึงกับเงียบกริบพูดอะไรไม่ออก น้ำตาที่เหือดแห้งไปเมื่อครู่ก็เริ่มกลับมารินไหลอีกครั้ง

   “ผมไม่มีวันจะเกลียดหรือเลิกรักคุณง่าย ๆ หรอกครับ...ผมรักคุณนะครับ...คุณเอริค...ยิ่งนับวัน ก็ยิ่งรักคุณมากขึ้น...รัก...จนกลัวจะเสียคุณไป เพราะความงี่เง่าของตัวเอง เหมือนเรื่องเมื่อวานนี้”

   เอริครั้งร่างของเด็กหนุ่มมากอดแนบอก ความกังวลใจที่เคยมีก่อนหน้าเริ่มสลายหายไปจนหมดสิ้น

   “เจ...ที่รัก...ฉันดีใจนะ ที่เรายังรักกันอยู่เหมือนเดิมแบบนี้”

   “ผมก็เหมือนกันครับ...คุณเอริค”

   เจตต์กระซิบพร้อมโอบกอดตอบคนรัก และแม้เขาจะกำลังร้องไห้ แต่ใบหน้ายามนี้กลับมีรอยยิ้มอย่างเป็นสุขไม่แพ้กัน


… TBC …


เป็นไงคะ ใกล้จบแล้วค่ะ ที่ตั้งใจไว้คือตอนหน้าค่ะ เป็นบทสรุปน้อย ๆ หวาน ๆ ปนวุ่นวายทิ้งท้ายของเรื่องนี้

ส่วนตอนพิเศษ....คาดว่าหลายคนคงอยากจะอ่านเรื่องคู่ของนายต้นเป็นแน่ ก็รอลุ้นกันนะคะ ว่าจะได้อ่านไหม หุ ๆ


ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :-[  น่ารักมากๆเลยเจ
คุณเอริคก็จำเอาวันนี้เอาไว้ให้ขึ้นใจนะคะ วันหน้าวันหลังอย่าให้น้องเจ็บตัวอีก  :mew1:

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
 :katai1: :katai1: :katai1: นึกว่าจะแย่ซะแล้ว..ดีนะที่เจไม่เป็นไรมาก..

ออฟไลน์ ทิวลิปสีส้ม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-0
อิคุณเอริค ตบหน้าน้องได้ไง !!! อ่านตอนแรกนี่คิดแบบนี้เลย
ดีนะว่าเฮียแกคิดเองได้ 55555 ไม่งั้นสวย  :fire:
แม่ยกน้องเจตต์  :กอด1: ฮา เข้าใจว่าห่วงแต่ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงค่า
เราอนุญาตให้รุนแรงกันได้แค่บนเตียงเท่านั้น แต่คู่นี้คงไม่รุนแรงแต่จะหวานแทนสินะ
อร๊ายยย แค่คิดก็เขิน  :-[ (เขายังไม่ได้ทำอะไรกันเลยนังนี่!! #ว่าตัวเอง  :laugh:)

บทล่าสุดนี่ฮาน้องต้น น้องซัน กับพี่ฟ้ามาก เรานี่ฮากร๊ากกกๆๆๆ เลยค่ะ
คลิปที่ส่งไปนี่จะเป็นชนวนในเรื่องของตาต้นรึเปล่าน้า
ก็ลุ้นกันต่อไป
ขอบคุณคนแต่งค่า รักษาสุขภาพด้วยนะคะ  :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ployspy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ๊ายยยยยยยยยยยยยย
เขินนนนนนนนนนนนน
ชอบๆ 
รอตอนต่อไปปปปปปปปปปปปป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sweetyswtcou

  • R.Chek SwtCou
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ต่างคนต่างห่วงล่ะนะ
โล่งใจที่เจไม่เป็นอะไรมาก
ดีที่ได้คุยความในใจกันออกมา :hao5:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
14 (จบ)


    หลังจากกอดกันมาได้สักพัก เจตต์ก็เริ่มรู้สึกเขินขึ้นมาแล้วเริ่มขยับตัวยุกยิกในอ้อมกอดจนเอริครู้สึกตัว พลางอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะจับบ่าอีกฝ่ายดันออก แล้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอเมื่อเห็นว่าหน้าตาของเด็กหนุ่มนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาเต็มไปหมด

   “ร้องไห้เหมือนเด็กเลยนะเธอน่ะ”

   พอได้ยินดังนั้นเจตต์ก็สะดุ้งแล้วรีบใช้แขนเช็ดน้ำตาทำให้เอริคอมยิ้ม ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมาเพื่อตั้งใจจะเช็ดหน้าให้อีกฝ่าย ทว่าผ้าเช็ดหน้าที่เขาเก็บไว้คู่กันกลับติดมาด้วย ทำให้ชายหนุ่มชะงักมือ เช่นเดียวกับเจตต์ที่จดจำผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นได้ดี

   “ผ้าเช็ดหน้านั่นมัน...”

   เอริคถอนหายใจเบา ๆ เขาเก็บผ้าเช็ดหน้าของเด็กหนุ่มเข้ากระเป๋า และเตรียมจะใช้ผ้าเช็ดหน้าอีกผืนเช็ดหน้าอีกฝ่าย ทว่าเจตต์ที่หายตะลึงแล้วกลับรีบถามออกไปด้วยความตกใจทันที

   “คุณเอริค นี่คุณเก็บผ้าเช็ดหน้าของผมไว้เองหรือครับ!”

   เอริคชะงักมือที่เตรียมจะเช็ดหน้าของเด็กหนุ่ม แล้วตอบคำถามของคนที่กำลังจ้องรอคำตอบจากเขาเขม็ง

   “ใช่...ก็มันเป็นของแทนตัวเธอเพียงชิ้นเดียวในตอนนั้นนี่นะ”

   เจตต์หน้าแดงวาบ ทำให้คนมองอมยิ้มอย่างเอ็นดู เขาบรรจงเช็ดหน้าเช็ดตาของเด็กหนุ่มอยู่สักพัก ก่อนจะพูดต่อ

   “ตอนนั้นที่เราเจอกัน ฉันเองก็ตกใจนะ ที่จู่ ๆ เธอหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดรองเท้าให้ฉัน แถมพอฉันกำลังจะบอกเธอว่าไม่เป็นไร เธอก็ดันกลัวจนวิ่งหนีฉันไปอีก...เฮ้อ”

   เอริคแสร้งถอนหายใจเบา ๆ แล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับคนตรงหน้า ทำเอาเจตต์นั้นยิ่งใจเต้นแรงหน้าแดงหนัก ทั้งเขินทั้งอายจนพูดอะไรไม่ถูก ใบหน้านั้นของเด็กหนุ่มช่างดูน่ารักเสียจนเอริคเองก็เริ่มห้ามใจตัวเองเอาไว้ไม่ไหว

   “เจ...ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วสิ ขอฉันสัมผัสตัวเธอจะได้ไหม”

   เจตต์หน้าแดงก่ำ ลามไปกระทั่งถึงลำคอ คำพูดนั้นทำเอาเด็กหนุ่มอายจนพูดแทบไม่ออก

   “สะ...สัมผัส...หรือครับ...ตะ...แต่”

   “ไม่ต้องห่วงนะ... ฉันแค่อยากสัมผัสเธอเฉย ๆ และจะพยายามไม่ล่วงเกินไปมากกว่านี้”

   เอริคพึมพำพร้อมกับพลิกกายขยับเป็นขึ้นคร่อมร่างของเด็กหนุ่ม ทำเอาเจตต์สติเตลิดคิดอะไรไม่ออก ได้แต่หลับตาปี๋ยามที่ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาหาตน ก่อนจะเกิดอาการสะดุ้งโหยงทั้งเขาและเอริค เมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นมาจากด้านนอกบ้านพัก เอริคนั้นยันกายขึ้นนั่งบนเตียงด้วยสีหน้าหงุดหงิด  สักพักเสียงฝีเท้าหลายคู่ก็เข้ามาใกล้ ก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดเข้ามาโดยคนเปิดไม่คิดจะเคาะขออนุญาตแต่อย่างใด

   “กลับมาแล้ว! ...อ้าว ไม่ได้ทำอะไรกันอยู่หรอกหรือเนี่ย...”

   รวีบ่นพึมพำอย่างผิดหวัง ทำเอาเวหาที่เดินตามมาตีเผียะเบา ๆ เข้าที่แขนของคนรักด้วยสีหน้าเขิน ๆ

   “ฟ้าบอกแล้วใช่ไหมครับ ว่าคุณเอริคเขาไม่ใช่คนหื่นเหมือนที่พี่ซันบอกสักหน่อย”

   “เห...แต่พี่ว่าพี่มั่นใจนะครับ ว่าหลังจากง้องอนกันแล้ว หมอนี่ต้องจัดหนักแน่ ...ไม่น่าเดาพลาดเลยแฮะ”

   รวีพึมพำก่อนจะเหลือบมองเอริคที่ตอนนี้ทำเป็นตีสีหน้าขรึมเฉยชา ทว่าเจตต์นั้นกลับกลบเกลื่อนอาการได้ไม่เก่งเท่าคนรัก เจ้าตัวยังคงหน้าแดงก่ำไม่หาย จนรวีเอะใจ ก่อนจะทำเสียงฮึมฮัมในลำคอตามมา

   “อืม...แบบนี้นี่เอง รู้งี้ย่องมาเบา ๆ ดีกว่า... หึ ๆ”

   เอริคเขม่นมองญาติของเขา ก่อนจะถามออกไปเสียงเข้ม

   “แล้วนี่ทำไมกลับไว ไหนบอกว่าจะไปเที่ยวไร่แถวนี้ไม่ใช่หรือไง!”

   รวียักไหล่พร้อมอมยิ้มวางท่า ทำให้เวหานึกหมั่นไส้ จึงเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นแทน ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็ทยอยเข้ามาในห้องแล้วจับจองหาที่ยืนที่นั่งกันตามอัธยาศัย โดยไม่ต้องรอให้เจ้าของห้องอนุญาต

   “พอดีพวกเราสงสารเจที่ต้องเฝ้าบ้านน่ะครับ...แล้วอีกอย่างก็เป็นห่วงด้วยว่า พวกคุณจะคืนดีกันหรือยัง ...เอ่อ...แล้วนี่คืนดีกันแล้วใช่ไหมครับ”

   เวหาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงดังเช่นคำพูด ซึ่งก็ทำให้เอริคถอนหายใจแล้วมีรอยยิ้มน้อย ๆ ให้อีกฝ่าย

   “ใช่...ฉันกับเพื่อนเธอคืนดีกันแล้ว...หรือจริง ๆ ก็คือ เราไม่ได้โกรธกันหรอก แค่แต่ละคนต่างกังวลและคิดไปเองว่าอีกฝ่ายจะโกรธตัวเองก็เท่านั้น”

   เอริคบอกแล้วหันไปลูบศีรษะของเด็กหนุ่มคนรักอย่างอ่อนโยน ทำให้เจตต์รู้สึกเขินมากขึ้น จนถึงกับเอาผ้าห่มคลุมโปงปิดหน้าตาเอาไว้ ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในห้องกันได้ทั้งหมด และหลังจากที่เสียงหัวเราะเริ่มเบาลง รวีก็เดินไปโอบบ่าของเวหา แล้วบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส 

   “เห็นไหมครับน้องฟ้า พี่ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องห่วง ยังไงหมอนี่ก็ไม่ปล่อยให้เกิดบรรยากาศอึมครึมระหว่างตัวเองกับน้องเจนานนักหรอกครับ ขืนเป็นแบบนั้นมีหวังน้องเจได้กลัวจนแผ่นแน่บหนีกลับบ้านไปแน่”

   เจตต์กับเอริคที่ถูกพาดพิงสะดุ้งเล็กน้อย ทางด้านเอริคนั้นเก๊กหน้าเคร่งขรึมทำเป็นไม่ใส่ใจ ส่วนเจตต์ที่โผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มก็หน้าแดงระเรื่อและมุดลงไปหลบในผ้าห่มอีกรอบ คนอื่นก็เริ่มหัวเราะกันอีกครั้ง ทางด้านเวทิตอมยิ้มมองคนอื่นที่อยู่กันเป็นคู่ ๆ ก่อนจะแสร้งทำเป็นถอนหายใจออกมาแรง ๆ แล้วเอ่ยแซวขึ้นบ้าง

    “เฮ้อ...ใคร ๆ เขาก็มีคู่หวานจี๋จ๋ากันหมด เหลือผมเหงาอยู่คนเดียว น่าอิจฉาจังเลยน้อ!”

   ทางด้านเวหา มีนา และเจตต์ รู้สึกเขินที่ถูกอีกฝ่ายแซว โดยเฉพาะเจตต์นั้นทำปากบ่นหมุบหมิบว่าเพื่อน ทั้งที่ตัวเองก็ยังคลุมโปงอยู่

   “แหม ๆ น้องต้นครับ ไม่ต้องอิจฉาไปหรอกครับ ...อีกหน่อยเดี๋ยวน้องต้นก็จะวุ่นวาย เอ๊ย จะมีคนมาคอยดูแลให้หายเหงาเองนั่นล่ะครับ”

   รวีพูดขัดขึ้น ทำเอาแต่ละคนหันมามองคนพูดอย่างสงสัย โดยเฉพาะเวทิตนั้นจ้องชายหนุ่มเขม็งอย่างไม่ไว้ใจนัก

   “หมายความว่ายังไงครับ พี่ซัน”

   ทางด้านรวีนั้นส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบ ก่อนจะอธิบายให้ทั้งเวทิตและคนอื่นได้รับฟัง

   “พอดีคลิปที่พี่ถ่ายตอนน้องเจกับเอริคเล่นน้ำกัน ดันมีน้องต้นติดไปด้วย แล้วทางหนึ่งในพี่น้องของหมอนี่ก็เกิดสนใจถามไถ่ถึงน้องต้นมายังไงล่ะครับ...เห็นว่าจะแวะมาดูตัวกันถึงที่เมืองไทยเลยด้วยนะครับเนี่ย!”

    คำตอบของรวีทำเอาเวทิตนิ่งอึ้ง และพอตั้งสติได้เจ้าตัวก็รีบย้ำถามไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

   “นี่พี่ซันพูดจริงหรือครับ!”

   “แน่นอนครับ พี่พูดจริงเสมอ”

   รวียิ้มหวานรับ ขณะที่คนอื่น ๆ พากันเงียบกริบ พูดอะไรไม่ออกไปตาม ๆ กัน ยกเว้นเอริคที่มีสีหน้าครุ่นคิดแล้วย้อนถามกลับไปเสียงเรียบ

   “ซัน...พี่น้องของฉันที่ว่าน่ะ เป็นพี่คนไหนกันแน่”

    รวีหันมายักคิ้วให้อีกฝ่าย ก่อนจะย้อนกลับไป

   “นายลองเดาดูเองสิ...แต่ฉันว่าเดาได้ไม่ยากเท่าไรหรอกมั้ง”

   เอริคขมวดคิ้วยุ่ง เอาจริง ๆ แล้วนอกจากพี่ชายคนโตของเขา พี่ชายคนรองกับพี่ชายคนที่สามนั้นค่อนข้างจะมีรสนิยมทางเพศปกติ และมีสเป็คตายตัวที่ค่อนข้างห่างไกลกับเวทิตอยู่มาก

   “พี่อีธานน่ะหรือ  อืม...ไม่น่าจะใช่นะ...”

    “แล้วทำไมถึงคิดว่าไม่น่าจะใช่พี่อีธานล่ะ”

   รวีย้อนถามพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้เอริคยิ่งสงสัยมากขึ้น แต่ก็ยังคงตอบกลับไปตามที่ตนรับรู้มา

    “ก็จริงอยู่ที่พี่อีธานเขาชอบทั้งผู้ชายและผู้หญิง และไม่จำกัดรูปร่างหน้าตาตายตัว ...เพียงแต่พี่เขาเป็นพวกชอบคนโดยดูจากนิสัย... ยิ่งดื้อรั้นปราบยาก นี่ยิ่งชอบมาก...แต่เขาก็ไม่เคยรู้จักต้นมาก่อน ...จะว่าแค่เห็นภาพแล้วชอบก็ไม่น่าจะใช่”

   เอริคพึมพำก่อนจะชะงัก แล้วจ้องมองลูกพี่ลูกน้องของตนด้วยแววตาจับผิด

   “หรือว่านายจะ...”

    เอริคพูดแล้วเงียบไป ทว่าแววตารู้ทันที่มองมาก็ทำให้รวีหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พลางยักไหล่นิด ๆ ก่อนจะตอบพร้อมรอยยิ้มกวนอารมณ์

   “หึ...ฉันก็แค่ช่วยโปรโมทน้องต้นให้พี่ชายนายรู้จักนิดหน่อยแค่นั้นเอง...ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของพรหมลิขิตบันดาลชักพา ...กามเทพผู้แสนดีอย่างฉัน ก็ขอยืนมองอยู่ห่าง ๆ หลังจากนี้ก็พอแล้วล่ะ”

    ขาดคำของรวีก็เรียกทั้งสีหน้าตกตะลึง และเสียงถอนหายใจคละเคล้ากันไป ทางด้านเจตต์ที่เลิกเขินแล้วโผล่หน้ามาจากผ้าห่มถึงกับเหลือบมองเพื่อนสนิทอย่างนึกเห็นใจ ส่วนเวทิตนั้นตอนนี้กำลังจ้องมองต้นเหตุที่ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวเขม็ง

   “พี่ซัน...พี่นี่นะ...”

   เวหาเรียกคนรักแล้วจ้องมองด้วยสายตาเอือมระอาแกมดุ ทำให้คนถูกมองสะดุ้งโหยง แล้วรีบแก้ตัวเสียงอ่อย

   “พี่ก็แค่พูดเล่าเรื่องน้องต้นไปตามความจริงเองนี่ครับ...ใครจะรู้ว่าพี่ชายของหมอนี่เขาจะสนใจขึ้นมาง่าย ๆ ล่ะครับ...อีกอย่างพี่ก็สงสารที่น้องต้นไร้คู่อยู่คนเดียว ก็เลยคิดจะช่วยจับคู่ให้ก็เท่านั้นเอง แล้วพี่อีธานก็ยังนิสัยดีมาก ๆ เลยนะครับ”

   “ใช่...นิสัยดี แต่โคตรเจ้าชู้ตัวพ่อเลย”

   เมฆาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ทว่ามีนาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นั้นดันได้ยินไปด้วย จึงย้อนถามเสียงใสอย่างสนใจ

   “เจ้าชู้? พี่ชายคุณเอริคน่ะหรือครับ!”

   เมฆาสะดุ้งโหยงพอ ๆ กับรวี ส่วนเวหา เจตต์ และเวทิต ต่างหันมามองทางเมฆา ก่อนจะหันไปมองรวีและไล่มองไปยังเอริคเป็นคนสุดท้าย ชายหนุ่มหน้าขรึมถอนหายใจ แล้วจึงพยักหน้ายอมรับตามมา

   “ใช่...พี่ชายฉันถ้าพูดถึงเรื่องนิสัย เขาเป็นคนดีไว้ใจได้คนหนึ่ง แต่เรื่องเจ้าชู้นี่เป็นข้อเสียใหญ่ของเขา ...เพราะฉะนั้นถ้าดูจากนิสัยของต้นแล้ว ฉันว่ายังไงพี่อีธานก็คงไม่น่าจะผ่านการยอมรับจากต้นได้หรอก เพียงแต่...”

   เอริคหยุดพูดแล้วหันไปมองทางเวทิตก่อนจะเอ่ยตามมาอย่างจริงจังกว่าเดิม

   “ถ้าเธอไม่อยากให้เขามาวอแวหรือตามตื๊อเธอไม่เลิกล่ะก็...เวลาเขามาจีบ เธอก็อย่าไปปฏิเสธเขาตรง ๆ แบบไร้เยื่อใยนักก็แล้วกัน ...ไม่อย่างนั้นหากเขาเกิดติดใจเธอจริง ๆ ถึงเป็นฉันก็คงช่วยพูดให้ไม่ได้แล้วล่ะนะ”

   เวทิตฟังแล้วก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก เขาเหลือบไปมองรวีอีกครั้งก็เห็นอีกฝ่ายยิ้มหวานให้เสียจนน่าหมั่นไส้ แต่พอไล่มองไปทางเพื่อนของเขาบ้าง เวหาก็พึมพำขอโทษอุบอิบ จนเวทิตโมโหรวีไม่ลง ทางด้านมีนากับเมฆานั้นยิ้มเจื่อน ๆ คล้ายจะให้กำลังใจ ส่วนเอริคตอนนี้ก็หันไปให้ความสนใจกับเจตต์แทน โดยที่เด็กหนุ่มหน้าตี๋ก็เอาแต่เขินหน้าแดงไม่เลิก จนเวทิตต้องหลุดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

   ‘ช่วยไม่ได้แฮะ ...ถ้าเป็นเนื้อคู่กันจริง ต่อให้หนียังไง มันก็หนีไม่พ้น...แต่ถ้าไม่ใช่ ดึงดันยังไงมันก็ไม่ใช่อยู่ดีล่ะนะ’

    และแล้วเด็กหนุ่มที่ไม่อยากคิดมากก็ยักไหล่กับตัวเองน้อย ๆ พลางเอ่ยขอตัวกับเจ้าของห้องที่ตอนนี้เริ่มออกอาการจ้องตากันหวานซึ้งกับคนบนเตียง ชนิดไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับคนอื่น  เห็นดังนั้นพวกรวีเองก็ต่างพยักหน้าส่งสัญญาณให้กัน แล้วทยอยเดินออกมาจากห้อง ก่อนจะช่วยปิดประตูห้องให้เรียบร้อย พร้อมกับนัดแนะกันออกไปเดินเล่นนอกบ้านพัก ปล่อยให้คนในห้องได้สานสัมพันธ์หวานซึ้งต่อจากก่อนหน้านั้น โดยไม่มีใครที่คิดจะเข้าไปขัดขวางเลยสักคนเดียว...


... END …


จบแล้วจ้าาา สำหรับคู่นี้ มาเรื่อย ๆ แล้วก็จบแบบหวาน ๆ ^^ ตามสไตล์ของเรื่องนี้ตั้งแต่ภาคแรก
สำหรับตอนพิเศษก็รออ่านกันจ้ะ เดี๋ยวลงให้อ่านแน่นอน

สำหรับเรื่องนี้ไม่ได้แยกออกตั้งเรื่องใหม่ บางคนก็เพิ่งจะเห็นว่ามีภาคต่อ แต่ที่ลงแบบนี้ก็เพราะอยากเก็บให้มันอยู่ในกระทู้เดียว เนื่องจากเป็นนิยายที่ไม่ยาวนักด้วยน่ะค่ะ

แต่ถึงยังไงปัดก็ต้องขอขอบคุณนักอ่านที่ยังตามมาคอมเมนต์ให้ปัดเสมอนะคะ อ่านคอมเมนต์ยาวบ้าง สั้นบ้าง แล้วมีความสุขมากเลยค่ะ ทำให้เกิดกำลังใจในการจะแต่งนิยายต่อไปได้เรื่อย ๆ

ขอบคุณมากเลยค่ะ
:pig4:


ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :กอด1:  ขอขอบคุณสำหรับนิยายหวานๆน่ารักนะคะ จะกี่คู่ก็น่ารักเสมอ
น้องต้นเตรียมตัวเลยนะ  ถ้าคู่กันแล้วล่ะก็หนียังไงก็ไม่พ้น ใช่ไหมน้องเจ

ว่าแต่คุณเอริคจะทำอะไรต่อนะ แหมน้องเจขี้เขินขนาดนี้ค่อยๆตะล่อมไปเน้อ อย่าใจร้อนอีกล่ะ   :mew1:

ออฟไลน์ ทิวลิปสีส้ม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-0
เอาแล้วไง ต้นจะทำยังไงล่ะทีนี้ ปฏิเสธตรงๆ ก็ไม่ได้
เค้าลางความวุ่นวายเริ่มมา :laugh:

พี่ซันทำหน้าที่ดีมาก  o13
แต่ แต่ แต่...พี่จะเข้ามาขวางทำมายยยย หา ตอบค่ะ!!
ไม่ใช่ว่าอิจฉาคู่ของเอริคกับเจหรอกนะ (ก็ของเฮียแกต้องรอน้องเรียนจบนี่หว่า ฮ่าๆ)
ตอนแรกก็นึกสงสารเฮียนะแต่ รอไปเถอะ กร๊าก
จะว่าไปร้ายกว่าใครต้องยกให้เฮียซันเจ้าค่ะ  o18 แต่ร้ายแบบน่ารักนะ

ฉากในห้องหลังจากที่ไม่มีใครขวางแล้วคือ.... อร๊าย จิ้นค่ะจิ้น  :-[

เอริคเก็บผ้าเช็ดหน้าน้องไว้ด้วย อารมณ์ซินเดอเรลล่าเลย
คุณเอริคทำดีมากค่า นั่นน่ะผ้าผืนโปรดของน้องนะ
อร๊าย คิดดีๆ เหมือนของหมั้นเลย ผ้าเช็ดหน้ากับสร้อย ว้ายๆ  :heaven ฟินสลบ

ขอบคุณคนแต่งมากมาย อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขมากเลยค่ะ
บรรยากาศเต็มไปด้วยความรักและผองเพื่อน คือ feel good มากๆ ขอบคุณค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4:

รอติดตามตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ Aumy8059yaoi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ขอบคุณคนแต่งมากๆเหมือนกันนะค่ะ ที่ให้กำเนิดตัวละครมากมาย o13
ชอบทุกคู่เลยค่ะ แร้วจะรอลุ้นคู่ต้นนะค่ะ :-[

 :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พี่ซันขี้หึงเวอร์ งานเข้านายต้นเลย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ ployspy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
กรี๊ดดดดดดดดด
ชอบคุณมากๆค่ะ
อยากอ่านคู่ต่อไปแล้ว
งานนี้คงสนุกแน่ๆ
มาต่อไวๆน๊า

ออฟไลน์ sweetyswtcou

  • R.Chek SwtCou
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เรื่องใหม่น่าลุ้นมากอ่ะ
รอติดตามนะคะ
เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆให้ได้อ่านค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
 **มาต่อแล้วนะคะ ขอบคุณที่รออ่านกันค่ะ **



ตอนพิเศษ
รักวุ่นวายของนายต้น


    เวทิตไม่คิดเลยว่าตนจะต้องมาถูกผู้ชายตามตื๊อจีบเช่นนี้ แถมคนจีบเขายังเป็นหนุ่มมาดเพลย์บอย ที่ถูกการันตีโดยคนรู้จักกันว่าเป็นจอมเจ้าชู้ของจริงอีกต่างหาก

   เหตุการณ์เริ่มต้นของเคราะห์ร้ายสำหรับเด็กหนุ่มก็ต้องเริ่มมาจากเจ้าคลิปวิดีโอที่คนรักของเพื่อนส่งไปให้ครอบครัวของญาติสนิทเจ้าตัวนั่นล่ะ...


   ชายหนุ่มผมทองยาวปรกคอ นัยน์ตาสีเขียว ผู้มีใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มชวนสะดุดตาและมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าอยู่เสมอ ขณะนี้เจ้าตัวกำลังนั่งดูคลิปที่ญาติผู้น้องส่งมาให้ซ้ำอีกครั้ง และเน้นดูเด็กหนุ่มผิวเข้มอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ คนรักของน้องชายเป็นพิเศษ

   “หือ...ดูอะไรน่ะ อีธาน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”

   ชายหนุ่มไว้ผมสั้นเกรียนคล้ายนักกีฬาซึ่งโผล่มาทีหลังเอ่ยทักทาย เจ้าตัวมีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับอีกฝ่าย แต่อายุอ่อนกว่ากันแค่สองปี เขาแขวนเสื้อคลุมบนไม้แขวนในห้องนั้น แล้วเดินไปยังโซฟาของห้องนั่งเล่นที่พี่ชายคนโตกำลังเอนกายพักผ่อนอยู่ ก่อนจะชะโงกหน้าไปมองมือถือของชายหนุ่มอย่างสนอกสนใจ

    “เห...นี่มันคลิปของเอริคกับแฟนนี่นา หือ...อย่าบอกนะ ว่านายคิดจะแย่งแฟนน้องชายตัวเองน่ะ”

   “เหอะ! อย่าหาเรื่องให้เอริคมาตีหัวฉันเลยน่า ...ที่ฉันสนน่ะอีกคนที่อยู่ในคลิปนี่ต่างหาก”

   อดัมน้องชายคนรองจ้องมองภาพเด็กหนุ่มชาวไทยผิวสีเข้มที่อยู่ในคลิป เขาเองก็รับรู้ข้อมูลมาพอ ๆ กับอีกฝ่าย เพราะตอนที่รวีส่งคลิปและข้อความมา เขาก็กำลังนั่งดื่มกับพี่ชายคนโตอยู่พอดี 

   “เอาจริงหรืออีธาน...บางทีซันอาจจะแกล้งพูดให้นายสนใจเด็กนี่ก็ได้นะ นายก็รู้อยู่ว่าหมอนั่นขี้หึงขนาดไหน แถมเท่าที่รู้มาเด็กคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกับคนรักของเขาด้วย หมอนั่นอาจจะหลอกใช้นายไปจีบเด็กนั่นก็ได้นา”

   ชายหนุ่มบอกอย่างรู้นิสัยของญาติผู้น้องดี ซึ่งพอได้ฟังดังนั้นอีธานก็หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะเอ่ยตามมา

   “ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร...ไหน ๆ ฉันก็คิดจะไปเยี่ยมเอริคกับคนรักของเขาที่เมืองไทยอยู่แล้ว ...ถึงจะใช่สเป็คหรือไม่ แต่ก็ดีกว่าไปแล้วเสียเที่ยวเปล่าจริงไหมล่ะ”

   “ระวังเหอะ ถ้าล้ำเส้นเกินไป จะโดนเอริคโมโหเข้าให้ ก็รู้อยู่ว่านั่นเป็นเพื่อนสนิทแฟนเขา”

   อดัมเอ่ยย้อนเตือนอย่างเอือมระอา ซึ่งอีธานก็ยักไหล่นิด ๆ แล้วยิ้มตอบติดเจ้าเล่ห์

   “ฉันรู้ดีน่า ว่าจะเล่นด้วยแค่ไหน ...แต่ถ้าเด็กมันยอมเอง อันนี้ก็ช่วยไม่ได้นา”

   “อีธาน...นายนี่มันนิสัยแย่จริง ๆ เลยนะ”

   อดัมบ่นแล้วถอนหายใจอย่างเอือมระอา ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

   “อ้อ! จริงสิ เจค็อบ ฝากมาบอกว่า อย่ามาเจ๊าะแจ๊ะกับแฟนของเขาให้มากนัก ไม่งั้นเขาอาจจะแกล้งขอหมายจับนายแล้วยัดยาเสพติดเข้าให้สักวันก็ได้”

   อีธานพอได้ยินก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างนึกขำ คงเป็นเพราะช่วงนี้เขาต้องคอยดูแลบริษัทให้น้องชาย ทำให้เผลอไปคอยตอดเล็กตอดน้อย ตามประสาคนเจ้าชู้กับเลขาคนเก่งของน้องชายเข้าให้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าตัวนั้นมีแฟนเป็นตำรวจประจำหน่วยปราบปรามยาเสพติดชื่อดังของนิวยอร์ก ที่คอยกวาดล้างพวกค้ายารายน้อยใหญ่มามากมาย แต่ถึงจะเป็นตำรวจที่ค่อนข้างจะตงฉินอยู่ไม่น้อย แต่อีกฝ่ายก็ยังมีเส้นสายกันในหมู่พวกมาเฟีย และเป็นเพื่อนสนิทกับคนในครอบครัวของเขาเป็นอย่างดี

   “หึ ๆ ลองดูสิ จะได้ฟ้องกลับเข้าให้ พวกเราเคยค้ายาเมื่อไหร่ ใครก็รู้ อ้อ...แต่ถ้ายัดอาวุธสงครามมาให้ นี่คงคิดหนักเหมือนกัน...”

    อดัมสั่นหน้ากับคำพูดทีเล่นทีจริงของพี่ชาย ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินคำถามถัดมา

     “อืม...จริงสิ แล้วนี่ เอียนไม่ได้มาพร้อมนายหรอกหรือ แมนชั่นผีสิงของหมอนั่น มันทางผ่านของนายนี่นา”

   อีธานเอ่ยถามถึงน้องชายคนที่สาม เพราะในทุกวันอาทิตย์พวกเขาทั้งครอบครัวจะนัดกันมากินข้าวกลางวันร่วมกันที่บ้านของบิดาเสมอ และวันนี้พวกเขาก็มีเรื่องต้องปรึกษากัน เกี่ยวกับการช่วยเหลือเรื่องความรักของเอริคน้องชายคนสุดท้องของบ้านด้วย

   ทางด้านอดัมขมวดคิ้วนิด ๆ ที่พี่ชายคนโตเรียกที่พักของน้องชายคนที่สามของพวกเขาว่าแมนชั่นผีสิง แต่ก็ยังคงตอบออกไปตามปกติ

   “ก็แวะไปรับอยู่หรอก แต่เจ้าตัวขอนอนพักต่ออีกชั่วโมงถึงจะตามมาสมทบ เห็นบอกว่าเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบตีสี่ ...เพราะห้องข้าง ๆ ตอนประมาณตีสองตีสาม อยู่ดี ๆ คนในห้องก็ร้องกรี๊ด ๆ โวยวาย แล้วก็วิ่งชนกระจกตกระเบียงห้องลงมา ...ดีนะ ด้านล่างเป็นสระว่ายน้ำ ไม่งั้นคงได้ตายสยอง ตกมาจากชั้น 4 เสียด้วยสิ ...ทางตำรวจก็เข้ามาตรวจสอบจนวุ่นวายกันไปหมดทั้งแมนชั่น”

   อีธานยักไหล่ แล้วเปรยบ่นอย่างเอือมระอา

   “ฉันก็บอกหมอนั่นแล้วให้ย้ายบ้าน คนอื่นอยู่แล้วเจอแต่ผีหลอก มีหมอนั่นล่ะที่ประสาทแข็ง เลยไม่เจอผีกับเขา ...ขนาดฉันเข้าห้องหมอนั่นไปไม่ถึงชั่วโมง ยังหนาว ๆ ร้อน ๆ ขนลุกซู่ตลอด”

   “เอิ่ม...มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า ...ก็แค่แมนชั่นเก่าเคยไฟไหม้แล้วมีคนโดนไฟคลอกตายในชั้นที่หมอนั่นอยู่ก็เท่านั้นเอง...แต่เขาก็ปรับปรุงใหม่จนหรูกว่าของเดิมด้วยซ้ำนา”

   อดัมแก้ตัวแทนน้องชายคนที่สาม ถึงแม้ว่าเขาเองจะรู้สึกไม่ค่อยชอบบรรยากาศอึมครึมในทุกครั้งที่เข้าไปในห้องอีกฝ่ายก็ตามที

   “เหอะ ๆ นายจะคิดแบบนั้นก็ตามใจ ...แต่ถ้าเกิดหมอนั่นมีปัญหาหรือเจออันตรายขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็  ผีก็ผีเถอะ...ฉันจะเล่นงานพวกมันจนไร้ที่อยู่ให้ดู!”

   อีธานบอกเสียงเข้มในท้ายประโยค ทำเอาคนฟังลอบถอนหายใจ เพราะรู้ดีว่าอีธานนั้นเป็นพวกรักครอบครัวมาก โดยเฉพาะน้องชายทั้งสองที่อายุห่างกันอยู่หลายปี

   “เออ...ฉันว่าพวกผีนั่นคงไม่คิดร้ายอะไรกับเขาหรอก ไม่อย่างนั้นเอียนก็คงอยู่ไม่ทนมากว่าปีแบบนั้น ทั้งที่ข้างห้องย้ายเข้าออกเป็นว่าเล่นหรอกนะ...อ้อ...ว่าแต่ที่นายว่าจะไปไทยนี่มันวันไหนกันล่ะ”

   อดัมเปรยบ่น ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องสนทนา ซึ่งพอได้ยินคำถาม อีธานก็ยักไหล่พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ

   “ไปพรุ่งนี้... พอวันนี้สรุปเรื่องจัดการครอบครัวของเด็กเจตต์นั่นเสร็จ ฉันก็จะเดินทางไปไทย ตั้งใจจะไปดูว่าที่น้องสะใภ้ของฉันสักหน่อย ...ส่วนพวกนายกับพ่อก็จัดการเรื่องครอบครัวของเขาไป เพราะตอนนี้ได้ข่าวว่าอยู่ที่อเมริกานี่ไม่ใช่หรือ”

   อดัมกะพริบตาปริบ ๆ ที่พี่ชายคนโตของเขาตัดสินใจเอาเองเสร็จสรรพโดยไม่คิดจะฟังความเห็นคนอื่น แต่ถึงเขาจะขัดใจยังไง ก็ไม่คิดจะแย้งออกไป เพราะคนอย่างอีธานลองตัดสินใจแล้วก็ยากจะเปลี่ยนได้ ขนาดบิดากับมารดายังต้องเบื่อหน่ายและระอาที่จะค้าน แล้วกับเขาที่เป็นน้องชายคงยากที่ชายหนุ่มจะยอมรับฟังล่ะนะ

   

   หลังจากที่ทุกคนมาพร้อมหน้า การประชุมหารือภายในครอบครัวก็ได้เริ่มต้นขึ้น ทางอีธานและพี่น้องอีกสองคนต่างเห็นพ้องต้องกันในการยกหน้าที่นี้ให้ทางบิดาและมารดา เป็นฝ่ายเข้าไปเจรจาทำความรู้จักมักคุ้นกับครอบครัวของเจตต์ ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะพี่เขยของเด็กหนุ่มก็ทำงานในบริษัทที่เป็นคู่ค้าสำคัญกับทางเครือบริษัทของตระกูลเขาอยู่แล้ว

   และด้วยความที่เป็นคนใจร้อน ไม่ชอบรออะไรนาน วันถัดมาอีธานก็ออกเดินทางทันที และพอเครื่องบินไปถึงเมืองไทย ชายหนุ่มก็มุ่งตรงไปที่บ้านของรวี โดยไม่คิดจะหยุดพัก หรือบอกกล่าวคนที่เมืองไทยสักคนล่วงหน้าเลยว่าตนกำลังจะมาหา…

..
..
.

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
..
..   

 เวทิตนิ่งอึ้งหลังจากที่โทรศัพท์ไปบอกมารดาว่าตนจะกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น แต่กลับถูกขอร้องแกมบังคับให้เขาพักอยู่กับเวหาต่ออีกสักสองสามวัน เนื่องจากบิดาของชายหนุ่มนั้นถูกแจกพ็อตรางวัลใหญ่จากการส่งชิงโชคเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง และขณะนี้ครอบครัวของเขารวมไปถึงญาติพี่น้องที่พร้อมใจว่างตรงกัน ก็ย้ายสถานที่พักอาศัยไปนอนค้างอ้างแรมฉลองกันที่ริมทะเลเรียบร้อย

   “แล้วทำไมแม่ถึงไม่รอต้นกลับไปก่อน แล้วค่อยไปเที่ยวล่ะ!”

    เวทิตโวยวายผ่านโทรศัพท์ ซึ่งปลายสายก็ตอบกลับมาง่าย ๆ

   “ทีแรกพวกเราก็คิดว่าจะรอแกกลับมาก่อนหรอก แต่พ่อแกเขาเริ่มลังเลแสดงความงกให้ญาติ ๆ เห็นว่าจะเก็บเงินใส่ธนาคารไว้แทนไปเที่ยวดีไหม อาของแกมันก็เลยจัดการมัดมือชก จองบ้านพัก จ่ายมัดจำ นัดญาติพี่น้องเสร็จสรรพ แล้วตอนนี้พวกแม่ก็อยู่ทะเลกันแล้วด้วย ส่วนพ่อกับญาติพี่น้องแกก็กินเหล้าเมาแอ๋กันตั้งแต่หัววันไปเรียบร้อยแล้วล่ะ!”

   เวทิตขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนจะตอบกลับไป

   “งั้นต้นตามไปสมทบทีหลังก็ได้ ยังไงก็อยู่นั่นกันหลายวันไม่ใช่หรือครับ”

   “จะตามมา? รู้หรือเปล่าว่าพวกแม่อยู่ไหนกัน”

   “อ้าว แล้วไม่ใช่ทะเลใกล้ ๆ แถวพวกชะอำ หัวหิน ระยองอะไรแบบนั้นหรอกหรือครับ”

   เวทิตย้อนถาม แล้วก็ต้องแอบอึ้งนิด ๆ เมื่อแม่ของเขาบอกกลับมา

   “พวกแม่อยู่ชุมพรกันต่างหาก แล้วก็อยู่นี่แค่วันนี้ พรุ่งนี้ก็จะยกโขยงไปเที่ยวกันต่ออีกแล้ว แม่ก็เลยจะให้แกรอที่บ้านหนูฟ้าเขาก่อนแล้วค่อยกลับไงล่ะ อีกอย่างหนูเจเองก็ยังกลับบ้านไม่ได้เหมือนกันใช่ไหม เพราะงั้นแกก็อยู่เป็นเพื่อนเขาไปอีกสักหน่อยก็แล้วกัน”

     มารดาของเด็กหนุ่มสรุปตัดบทแล้ววางสายไปโดยไม่คิดจะฟังคำคัดค้านของลูกชายเลยสักนิดเดียว

    “แม่! เดี๋ยวสิ! อย่าเพิ่งวาง…. โธ่เว้ย!”

   เวทิตสบถอย่างหงุดหงิด ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหันมามองเพื่อนสนิทที่นั่งมองตนอยู่ และได้ยินบทสนทนานั้นชัดเจนดี

   “ขอโทษนะฟ้า สงสัยต้องรบกวนฟ้ากับที่บ้านอีกสักสองสามวันแล้วล่ะ”

   “บ้าน่า รบกงรบกวนอะไร อย่าคิดมากเลยน่าต้น!”

   เวหารีบบอก ซึ่งคนอื่นที่นั่งเล่นอยู่ในซุ้มของสวนหน้าบ้านเด็กหนุ่มต่างก็ช่วยกันพูดปลอบและชักชวนเวทิตพูดเล่นคุยเรื่องอื่นเพื่อให้อีกฝ่ายหายวิตกและเลิกกังวลเรื่องนี้สักที



   “ว่าแต่ฉันอยู่ต่อแบบนี้ นายก็อดนอนบ้านพักเดียวกับคุณเอริคอย่างที่ตั้งใจไว้เลยน่ะสิ โทษทีว่ะเจ เพื่อนลำบากใจจริง ๆ นะเนี่ย”

   พอหายกังวลใจแล้ว เวทิตก็แหย่เพื่อนสนิทต่อ ทำเอาเจตต์สะดุ้งโหยง หน้าแดงระเรื่อ ยิ่งพอถูกเอริคจ้องเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตาแกมยินดี เด็กหนุ่มก็ยิ่งหน้าแดงเข้มมากขึ้นเสียจนคนแซวนึกขำ

   “มะ...ไม่ใช่นะครับ...หนอย! เจ้าเพื่อนตัวแสบ!”

   เจตต์รีบแก้ตัวเมื่อตั้งสติได้ ก่อนจะเตรียมเหวี่ยงหมัดใส่เพื่อนรักด้วยความเขินปนฉุน ทำให้เวทิตต้องรีบวิ่งหนี ก่อนจะชะงักกึกเมื่อเห็นรถยนต์คันหรูชะลอจอดอยู่หน้าบ้านทรงไทยของรวี และมีชาวต่างชาติสวมแว่นตาดำลงมาจากรถ 

   “จับได้แล้ว! หือ...ใครน่ะ ญาติพี่ซันหรือไง”

   เจตต์ที่วิ่งตามมาทันกอดเพื่อนสนิทหมับก่อนจะแปลกใจที่เวทิตไม่หนีและพอมองตามเขาก็เห็นดังเช่นที่อีกฝ่ายเห็น

   “ไม่รู้สิ...ไปตามพี่ซันมาดีกว่า”

   เวทิตบอกกับเพื่อนแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อชายคนนั้นหันมาทางเขา เจ้าตัวถอดแว่นดำเผยให้เห็นนัยน์ตาสีเขียวคู่สวย ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพยักหน้านิด ๆ ให้

   “หน้าคุ้น ๆ ว่ะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนไม่รู้สิ”

   เจตต์พึมพำ ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อชายคนนั้นหันมามองเขาแล้วส่งยิ้มหวานมีเสน่ห์มาให้บ้าง รอยยิ้มที่เห็นทำให้เจตต์ต้องส่งยิ้มเจื่อนตอบ พอจะคาดเดาได้ไปกว่าครึ่งว่าคนที่มานั้นเกี่ยวข้องอะไรกับคนรักของตน

   “นายคิดเหมือนฉันไหมวะเจ ว่าคนนี้น่ะเกี่ยวข้องกับคุณเอริคไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่”

   เวทิตกระซิบถามเพื่อนพลางฉีกยิ้มตอบรับแขกผู้มาเยือนที่ตอนนี้กำลังเดินตรงมาหาพวกเขา

   “ฉันก็คิดเหมือนกันว่ะ สายเลือดนี่น่ากลัวแท้ ขนาดยิ้มยังคล้ายกันเลย”

   เจตต์พึมพำบอก เด็กหนุ่มเองก็ทำเหมือนเพื่อนก็คือ ยิ้มรับสู้เอาไว้ก่อน

   

   “พี่อีธาน! มาได้ยังไงกันครับ แล้วทำไมไม่บอกกันก่อนล่วงหน้าว่าจะมา ผมจะได้ขับรถไปรับ!”

   เอริคที่เดินตามคนรักของตนมา พอเห็นหน้าแขกผู้มาเยือนเจ้าตัวก็ต้องตกใจแล้วเอ่ยทักขึ้น ทำให้อีธานหันไปมองแล้วก้าวเท้าฉับ ๆ ผ่านพวกเวทิตกับเจตต์เดินไปกอดน้องชายคนเล็กของตนอย่างคิดถึง

   “ไง! น้องรัก ไม่ได้เจอกันพักใหญ่ ๆ นายดูดีขึ้นเยอะเชียวนา กำลังมีความสุขอยู่ล่ะสิ!”

   “ครับ...ผมมีความสุขดี”

   เอริคบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเหลือบมามองเด็กหนุ่มคนรัก แล้วพยักหน้าเรียกเจตต์ที่สบตาตนให้เดินมาหา

   “พี่อีธานครับ ...นี่เจ คนรักของผมครับ เจ...นี่พี่อีธาน พี่ชายคนโตของฉันเอง”

   เจตต์ที่เดินมาหายกมือไหว้ชายหนุ่ม หากแต่อีธานนั้นรั้งร่างของอีกฝ่ายเข้าไปกอด หอมแก้มซ้ายขวา แล้วบอกตามมาด้วยภาษาไทยอย่างร่าเริง

   “สวัสดีเจ ฉันอยากเจอเธอมานานแล้วรู้ไหม...หึ ๆ ไม่เอาน่าเอริค อย่าทำหน้าดุแบบนั้นสิ ฉันไม่คิดจะแย่งแฟนนายหรอกน่า!”

   อีธานบอกกับน้องชายอย่างนึกขำ ทว่าเอริคกลับหรี่ตามองพี่ชายแล้วดึงคนรักไปโอบกอดไม่ยอมปล่อย เห็นดังนั้นอีธานจึงยักไหล่นิด ๆ ก่อนจะเหลือบมองเวทิตที่ก็สะดุ้งโหยงทันที

   “ฉันให้ทางโน้นจัดการเรื่องพูดคุยกับทางครอบครัวของเจให้แล้ว ส่วนฉันก็ขอลาพักร้อนมาอยู่ที่ไทยนี่เป็นเพื่อนนายในช่วงนี้...”

   ท้ายประโยคอีธานหันมาจับจ้องที่เวทิตเต็มตา นัยน์ตาสีเขียววาววับ ริมฝีปากก็ยกยิ้มติดเจ้าเล่ห์นิด ๆ จนคนถูกมองต้องกลืนน้ำลายลงคอ จากนั้นอีธานก็หันกลับมาพูดกับเอริคด้วยภาษาอังกฤษแทน

   “อ้อ! ส่วนเรื่องบริษัทของนายไม่ต้องห่วงหรอกนะ อดัมกับเอียนจะผลัดกันมาดูแลให้...แต่พูดก็พูดเถอะ แค่เลขาคนสวยของนายคนเดียว ก็ดูแลในส่วนต่าง ๆ ของบริษัทได้หมดแล้ว  ฉันมีหน้าที่อย่างดีก็อ่านตรวจทานแล้วเซ็นเอกสารให้เฉย ๆ ก็เท่านั้นเองล่ะนะ”

   จากนั้นไม่นานพวกรวีที่ได้ยินเสียงสนทนาแว่ว ๆ ก็ตามมาสมทบ ทางอีธานนั้นเดินตามญาติของเขาไป และได้แนะนำตัวกับบิดามารดาของเวหาและมีนา ก่อนจะฝากเนื้อฝากตัวขออาศัยด้วยท่าทางที่เป็นมิตร ซึ่งทางวารีและณรงค์ก็รู้สึกนิยมชมชอบในความเป็นกันเองและมีสัมมาคารวะของชายหนุ่ม แม้ว่าเจ้าตัวจะเป็นชาวต่างชาติก็ตาม

     “พวกญาติ ๆ ของพี่ซันนี่พูดภาษาไทยได้ทุกคนเลยหรือครับ”

   เวหาที่เฝ้ามองอีธานสนทนากับบิดาและมารดาของตัวเองเอ่ยถามคนรัก เพราะไม่ว่าจะเป็นเอริค หรือแม้แต่อีธานเอง ก็สามารถพูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว แม้สำเนียงจะยังคงแปร่งอยู่นิดหน่อย แต่ก็ถือว่าชัดมากสำหรับคนต่างชาติอยู่ดี

   “เฉพาะที่สนิทกันจริง ๆ ส่วนใหญ่ก็จะพูดได้หมดน่ะครับ”

พอเห็นเวหาทำหน้างุนงงนิด ๆ รวีจึงอธิบายให้คนรักฟังต่อ

“คือพวกพี่ถือคติว่า เราต้องพูดภาษาถิ่นของคนในครอบครัวและญาติพี่น้องที่สนิทกันให้ได้ทั้งหมด อย่างคุณแม่ของพี่เป็นคนไทย ทางครอบครัวของพวกพี่อีธานที่สนิทกับเราเป็นพิเศษ ก็จะเรียนรู้ และเลือกใช้ภาษาไทยเวลาที่มาเยี่ยมบ้านพี่  ส่วนคุณแม่ของพี่เวลาไปเยี่ยมบ้านนั้นก็จะพูดภาษาอังกฤษสนทนาแทน ประมาณนั้นล่ะครับ”

   เวหานั่งฟังอย่างนึกทึ่ง ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับคนรัก

   “ครอบครัวกับญาติของพี่ซันนี่น่ารักจังเลยนะครับ อย่างนี้ฟ้าก็คงต้องหัดภาษาอังกฤษให้คล่อง ๆ กว่านี้แล้วล่ะสิครับ”

   รวียิ้มตอบ พลางกุมมือเด็กหนุ่มมาจูบเบา ๆ อย่างชื่นใจ เรียกเสียงกระแอมจากมีนาที่นั่งอยู่แถวนั้น เพราะรวีดันเผลอลืมเข้าโลกส่วนตัวที่มีแต่ชายหนุ่มกับพี่ชายของเขาเข้าให้อีกแล้ว

   

   อีกด้านหนึ่งเวทิตที่เลือกนั่งข้างเจตต์และเอริคก็กำลังขมวดคิ้วยุ่งระหว่างแอบลอบจ้องมองอีธานเป็นระยะ ทำให้เจตต์ที่สังเกตเห็นเอ่ยทัก

   “ทำหน้ายุ่งแบบนั้นทำไมวะต้น ...หรือเกี่ยวกับคุณอีธาน”

   “เออสิ! ฉันล่ะกลัวพี่ชายคุณเอริคจะบ้าจี้มาจีบฉันบ้าง เพราะคลิปและคำโฆษณาบ้า ๆ ของพี่ซันนั่นน่ะสิ!”

   เวทิตบอกเสียงที่พยายามกระซิบ หากแต่เอริคก็ยังคงได้ยินอยู่ดี

   “เดี๋ยวไว้ฉันถามเขาเอง ...และถ้าเขามาจีบเธอจริง แล้วเธอไม่สน ก็ทำอย่างที่บอกไว้นั่นล่ะ ปฏิเสธไปแบบถนอมน้ำใจเขาหน่อย อย่าเล่นลูกตรงมากนัก”

   เอริคเปรยเบา ๆ ทำให้เวทิตสะดุ้งแล้วส่งยิ้มเจื่อนให้อีกฝ่าย ก่อนจะลอบถอนหายใจตามมา อาการของเด็กหนุ่มทำให้เจตต์ที่เห็นเริ่มรู้สึกสนุกขึ้นมาบ้าง

   “เอ...แต่ผมว่า เชียร์ให้พี่ชายคุณจีบหมอนี่ติดดีกว่าครับ พอเขาเป็นแฟนกันแล้ว จะได้มีแต่คนคุ้นเคยกันเองอยู่ในกลุ่มเดียวกันยังไงล่ะครับ”

   เวทิตสะดุ้งโหยงพลางทำปากด่าเพื่อนขมุบขมิบ ส่วนเอริคนั้นหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เพราะรู้ดีว่าเจตต์นั้นกำลังหาเรื่องล้างแค้นที่เคยโดนอีกฝ่ายแกล้งแหย่แกล้งแซวอยู่เสมอก่อนหน้านั้น

   “อืม...ที่เธอพูดมาก็มีเหตุผลดีนะเจ...ว่าไงล่ะต้น สนใจไหม”

   เอริคแกล้งทำเป็นเห็นดีด้วยกับคนรัก ทำเอาเวทิตหัวเราะแห้ง ๆ แล้วขยับหนีไปนั่งกับพวกเมฆาและมีนาแทน ทำให้คู่รักทั้งสองหัวเราะเบา ๆ ไล่มองตามไปอย่างถูกใจ

   

   พอสนทนาทักทายกันได้สักพัก รวีก็แนะนำให้อีธานไปพักที่บ้านเรือนไทยของเขา เพราะกว้างขวางมีห้องว่างเหลือ และเอริคเองก็ยังพักอยู่ที่เดียวกันอีกด้วย

   “ขอบใจมากนะซัน”

   “ไม่เป็นไรครับพี่อีธาน เรื่องแค่นี้เอง”

   รวีบอกกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็พยายามกันท่าโดยให้อีธานอยู่ห่างจากคนรักของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่ดี เพราะแม้จะมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่คิดแย่งคนรักของตน แต่เรื่องคอยตอดเล็กตอดน้อยหยอดคำหวานคนอื่นไปเรื่อยของอีธานนั้น มักจะไม่แยกแยะว่าอีกฝ่ายมีคนรักแล้วหรือไม่นั่นเอง

    “ว่าแต่คนรักของนายไปไหนเสียล่ะ เมื่อครู่ยังเห็นนั่งอยู่แถวนี้เลยไม่ใช่หรือไง”

   อีธานแกล้งถามอีกฝ่าย ซึ่งรวีก็ชะงักก่อนจะแสร้งยิ้มตอบ

   “อ๋อ! น้องฟ้า เขาไม่ค่อยสบายน่ะครับ ผมเลยให้ไปพักผ่อนที่ห้องของเขาก่อน”

   “อ้อ...อย่างนั้นหรือ”

   อีธานรับคำด้วยสีหน้ารู้ทัน ก่อนจะหันไปมองทางเวทิตด้วยความสนอกสนใจอย่างไม่คิดจะปิดบัง

   “นั่นสินะ เด็กคนที่นายแนะนำฉันน่ะ”

   รวีชะงักก่อนจะส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ เมื่อถูกเวทิตที่กำลังมองมาทางพวกเขาจ้องเขม็ง

   “ก็ประมาณนั้นล่ะครับ...”

   “หือ...ดูเหมือนนายไม่ค่อยมั่นใจเลยนะซัน วันก่อนยังบอกฉันอยู่เลยว่า เด็กคนนี้ตรงสเป็คฉันแน่น่ะ”

   รวีหัวเราะแห้ง ๆ ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็โดนเวหาดุเรื่องนี้ ขืนเขาเข้าไปยุ่งอีกคงจะโดนคนรักงอนเข้าให้เป็นแน่

   “หึ ๆ ไม่ตอบหรือ...ไม่เป็นไร ของแบบนี้เดี๋ยวทดสอบเองก็รู้”

   อีธานบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก จากนั้นจึงเดินตรงไปยังที่เวทิตนั่งอยู่ ชายหนุ่มยกยิ้มหว่านเสน่ห์ พร้อมกับยื่นมือไปตรงหน้าอีกฝ่าย

   “สวัสดี...เธอชื่อเวทิตสินะ ฉันชื่ออีธานยินดีที่รู้จัก”

   เวทิตยิ้มเจื่อนให้ เขาลอบถอนหายใจ ก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสกับมืออีกฝ่ายอย่างไม่เกี่ยงงอน

   “สวัสดีครับคุณอีธาน เรียกผมว่าต้นก็ได้ครับ”

   “โอเค...งั้นฉันก็ไม่เกรงใจล่ะนะ”   

   อีธานบอกพร้อมรอยยิ้มเขาบีบมือของอีกฝ่ายแรงขึ้นอีกนิด ก่อนจะปล่อยออก พร้อมกับคำถามตามมาที่ทำให้คนฟังสะดุ้งโหยง

   “เธอสนใจจะรับผู้ชายเป็นแฟนบ้างไหมล่ะต้น”

   เวทิตพอได้ยินดังนั้นก็ตั้งสติให้มั่นคง ทีแรกเขาตั้งใจจะปฏิเสธไปตรง ๆ เลยว่าไม่สน แต่พอลองคิดถึงคำเตือนของเอริค เขาจึงส่งยิ้มเจื่อน แล้วอ้อมแอ้มตอบออกไป

   “ง่า...พอดีผมเคยคบแต่ผู้หญิงน่ะครับ...ก็เลยไม่ถนัดจะคบผู้ชาย...ง่า แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร...เพียงแต่เอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่สนดีกว่าครับ”

   อีธานเลิกคิ้วนิด ๆ ที่อีกฝ่ายเลือกตอบกึ่งรับกึ่งสู้ แทนที่จะตัดบทห้วนอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่พอเขาเหลือบไปเห็นน้องชายของตนที่ลอบถอนหายใจหลังจากเวทิตพูดจบ อีธานก็พอจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้ทันที

   “อ้อ...อย่างนั้นเองหรือ...อืม...แต่ไม่รังเกียจแบบนี้ แสดงว่าจริง ๆ แล้วก็แอบสนอยู่ไม่มากก็น้อยใช่ไหมล่ะ...ว่าไง จะลองคบกันดูไหม ถ้าไม่ใช่จริง ๆ ก็ค่อยแยกย้ายกันไปก็ได้”

   อีธานตามตื๊อต่อทำให้คนฟังสะดุ้งโหยง แล้วเหลือบมองเอริคอย่างขอความช่วยเหลือ ซึ่งอีกฝ่ายก็ขมวดคิ้วยุ่งทว่าพอได้เห็นพี่ชายหันมามองแล้วยักคิ้วให้ เขาก็ทราบทันทีว่าอีธานนั้นคงรู้แล้วว่า เป็นเขาที่เสนอให้เด็กหนุ่มเลือกตอบไปเช่นนั้น

   “ว่าไง...ของพวกนี้ไม่ลองไม่รู้...ถ้าได้ลองแล้วอาจจะติดใจก็ได้”

   ชายหนุ่มนั้นรุกคืบต่อแถมยังขยับเข้าไปใกล้ จนเวทิตต้องขยับหนีก่อนจะชะงักเมื่อหลังของตนติดกำแพงห้องเข้าให้แล้ว

   “ง่า...พี่อีธาน ผมว่าพี่เอาของไปเก็บที่ห้องพักก่อนดีไหมครับ แล้วค่อยคุยกันต่อ”

   รวีที่เห็นอีธานรุกเร็วเกินคาดรีบห้าม หากแต่อีธานกลับไม่สนใจ  เจ้าตัวขยับเดินเข้าหาแล้วเอามือเชยคางของเด็กหนุ่ม ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไป ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของแต่ละคนที่มองมา และมีบางคนเตรียมจะอ้าปากห้าม ทว่า...

   ปึก!

   เสียงบางอย่างดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่ทรุดกายนั่งลงด้วยความจุก เพราะเวทิตนั้นยกเข่ากระแทกเอาที่ตรงท้องน้อยของอีกฝ่ายด้วยความตกใจปนฉุน

   “ผมไม่ผิดนะ! ผมทำไปเพราะป้องกันตัวต่างหาก ใครใช้ให้พี่ชายของพวกคุณหื่นเองเล่า!”

   เวทิตโพล่งลั่นใส่รวีกับเอริคที่จ้ำพรวดมาดูคนเจ็บ แล้วรีบวิ่งหนีกลับบ้านพักไป โดยมีเจตต์ที่วิ่งตามเพื่อนไปหลังจากหายตกใจ ส่วนเวหาที่ถูกรวีกึ่งบังคับกึ่งขอร้องให้กลับไปที่ห้อง ก็รีบลงมาดูด้านล่างเพราะได้ยินเสียงตะโกนของเพื่อนแว่ว ๆ ซึ่งเด็กหนุ่มก็ได้มีนาและเมฆาที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟัง เขาจึงตัดสินใจตามเวทิตไปอีกคน เพราะกลัวเพื่อนจะโมโหจนหนีกลับบ้านไปเสียก่อน

   

   ทางด้านของอีธานพอหายจากอาการจุกแล้ว เจ้าตัวก็หัวเราะเบา ๆ ในลำคอด้วยท่าทางที่ทำให้เอริคนึกเสียวสันหลังวาบแทนเวทิตขึ้นมาทันที

   “ฮะ ๆ ถูกใจฉันจริง ๆ ด้วยแฮะ...ยิ่งกว่าที่คิดไว้เสียอีกนะ”

   “พี่อีธาน พี่เป็นมาโซหรือไงน่ะ ถ้าเด็กนั่นเล่นงานต่ำกว่านี้ พี่มีสิทธิ์เสื่อมสมรรถภาพได้เลยนะ”

   รวีสั่นศีรษะไปมาอย่างเอือมระอา ทีแรกเขาคิดว่าอย่างดีอีกฝ่ายก็น่าจะชกหรือตบ แต่เล่นใช้เข่าในตำแหน่งใกล้จุดหวาดเสียวแบบนั้น ก็ทำเอาเขาชักจะหวาด ๆ แทนอีธานในอนาคตเข้าให้แล้ว

   “ฉันชอบปราบพวกพยศ ...ยิ่งแรง ๆ แบบนี้ยิ่งดี...ขืนยอมง่ายเกินมันก็น่าเบื่อไป”

    อีธานบอกก่อนจะยันกายลุกขึ้นยืนโดยปัดมือน้องชายที่เตรียมจะช่วยพยุงเขาลุก

   “ไม่เป็นไร ...ฉันยืนเองได้”

   บอกจบเจ้าตัวก็ยืดตัวขึ้นยืนตรงด้วยท่วงท่าสง่างาม จนทำให้ลืมสภาพก่อนหน้านั้นเสียสนิท

   “แล้วเด็กนั่นล่ะ...อย่าบอกนะว่าหนีไปแล้ว”

   รวีถอนหายใจเบา ๆ ส่วนทางเอริคก็เปรยบอกอย่างเอือมระอา

   “ก็คงหนีกลับห้องของเขานั่นล่ะ คงกลัวไม่ผมก็พี่จะเอาเรื่องเขาล่ะมั้ง ...แต่ผมก็หวังว่าพี่คงจะไม่ไปเอาเรื่องเขาหรอกนะ เพราะกรณีนี้ดูยังไงพี่ก็ผิดเต็ม ๆ อยู่ดี”

   อีธานหัวเราะเบา ๆ หลังจากที่ฟังน้องชายคนสุดท้องบ่นจบ เขาเดินไปตบบ่าอีกฝ่ายแล้วบอกตามมาอย่างอารมณ์ดี

   “ไม่ต้องห่วงน่า พี่ไม่ได้คิดเอาเรื่องเขาหรอก...อีกอย่างเมื่อครู่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะจูบจริงสักหน่อย ก็แค่อยากดูปฏิกิริยาจริง ๆ ของเขาแบบที่ไม่ต้องให้ใครมาคอยสอนให้ทำต่างหาก”

    เอริคชะงักเล็กน้อย แต่ก็แสร้งทำเป็นนิ่งเฉยไม่ใส่ใจ เห็นดังนั้นอีธานจึงอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะหันไปทางรวีแทน

   “งั้นนายพาฉันไปที่ห้องพักสิซัน ฉันจะได้เอาของไปเก็บ...แล้วจะได้ตามไปขอโทษเด็กนั่นสักหน่อย เพราะฉันเองก็ไม่อยากให้เขาหนีหน้าตั้งแต่วันแรกแบบนี้หรอกนะ”

   “ง่า...ก็ได้ครับพี่”

   รวีรับคำ ชายหนุ่มชักจะเริ่มรู้สึกผิดต่อเวทิตที่แนะนำอีธานให้ เพราะทีแรกเขาไม่คิดว่าอีธานจะจริงจังแบบนี้ อย่างดีอีกฝ่ายก็น่าจะแค่มาหยอกแล้วกันท่าไม่ให้เวทิตได้เข้าใกล้กับคนรักของเขาเกินจำเป็น  หากแต่ใครจะรู้ว่าเวทิตจะดันไปจี้จุดให้อีธานสนใจตัวเองมากขนาดนี้ขึ้นมาได้

   ‘เอาเหอะ! ถ้าคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันล่ะนะ!’

   รวีคิดในใจ เพราะไม่อยากจะคิดมากให้วุ่นวาย ดูอย่างเจตต์กับเอริคที่ตอนแรกเด็กหนุ่มทั้งหนีทั้งกลัว ตอนนี้ก็ยังมารักหวานแหววกันจนนำหน้าคู่เขาไปด้วยซ้ำ ไม่แน่บางทีเวทิตอาจจะทำให้จอมเจ้าชู้อย่างอีธาน กลายเป็นคนรักเดียวใจเดียวในอนาคตข้างหน้านี้ก็เป็นได้



END(?)

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านทั้งภาคหลัก และตอนพิเศษกันจนจบนะคะ

สำหรับคู่นี้ เปิดตัวการพบกัน และตัดจบแบบให้คิดเอาเอง ไปก่อนว่าจะแซบขนาดไหน 555 เพราะจริง ๆ ถ้าแต่งต่อก็คงไม่ได้กลายเป็นตอนพิเศษ แต่จะงอกกลายเป็นภาคใหม่อีกคู่แน่ค่ะ เลยตัดแค่นี้ให้ไปจิ้นเอาเอง เอาไว้ คนแต่งว่างอยากหยิบมาขยายต่อ ก็คงได้อ่านกันยาว ๆ จุใจสำหรับคู่นี้อีกครั้งค่ะ   แต่ตอนนี้คงต้องขอตัวไปปั่นนิยายใหม่ แนวแฟนตาซีก่อนล่ะค่ะ ไว้ค่อยเจอกันใหม่นะคะ ^^


ป.ล. ถ้าสามารถปั่นตอนพิเศษงอกเพิ่ม ก็อาจจะมีรวมเล่ม แต่ถ้าไม่งอก ก็อาจจะทำอีบุคแจกให้เก็บไว้เหมือนภาคแรกค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2015 22:20:28 โดย Xenon »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ว้า อยากอ่านอีกจัง แต่ถ้าคนเขียนยังไม่อยาก(เขียน)ก็ไม่เป็นไรจ๊ะ ยังไงก็รออยู่นะ
รู้สึกสนใจแมนชั่นผีสิงของเอียนซะแล้วสิ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

 :pig4:   :pig4:   :pig4:     :pig4:    :pig4:

ออฟไลน์ ployspy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ๊ายยยยยยยยยยยยยย มาต่อเถอะค่ะ
แบบนี้มันค้างน๊า

ออฟไลน์ ทิวลิปสีส้ม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-0
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ก็คอยต่อไปอย่างมีความหวังว่าจะเปลี่ยนจาก end เป็น tbc ซักวัน
อิอิ แบบว่าแซ่บมาก น่าติดตาม
เจอเข่าเข้าให้เป็นไงคะอีธาน :laugh: หลงเลย
ต้นเอ้ย นายพลาดดดดดดดแล้ว  :hao7:

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
 :call: :call: :call: สาธุ..ให้นักเขียนมาแต่งต่อทีเถอะ..อิอิ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ต้นเอ๋ย. เข่านี้แหละจุกจี้ดโดนใจพี่อีธานเข้าเต็มๆเลยจ้า. โถ่น้อง. หนีไม่พ้นแล้ว. พยศอีกๆพี่ๆชอบ
ขอบคุณมากมายค่ะ. เอาใจช่วยสำหรับโปรเจคใหม่แนวแฟนตาซีนะคะ
จะรอติดตามเช่นเคยค่ะ.  :mew1:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
คู่ของ เอริคกับน้องเจ หวานจนน้ำตาลขึ้นเต็มเลยนะ

ตอนพิเศษของ น้อวต้น ก็น่ารัก อยากอ่านต่อเพราะอยากรู้ส่า พี่อีธาน จะจีบ น้องต้น แบบไหนกันน้า

ปล. ขอบคุณ นักเขียน มากค่ะ สำหรับเรื่องนี้ แล้วจะรอเรื่องใหม่นะค่ะ

ออฟไลน์ karashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
    • นิยาย นิยายแจ่มใส นิยายมือสอง
ตามอ่านจนจบแล้ว เรื่องน่ารักมากๆทั้งสองภาคเลย ขอบคุณที่นำมาลงให้้อ่านนะค้าา  จะรอติดตามคู่ของพี่อีธานต่อนะค้าาาาาาาา   

ออฟไลน์ sweetyswtcou

  • R.Chek SwtCou
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ไม่รอดแล้วล่ะต้นเอ๊ย :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
เอริค กับ เจ น่ารักมากเลยครับ ..... อยากอ่านคู่ต้นกับอีธานเขียนต่อก็ดีนะครับ

ขอบคุณครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด