*มาต่อแล้วค่ะ เกือบลืมแปะ แหะ ๆ

*
บทที่ 9
พอกลับมาถึงบ้าน เมฆาและรวีต่างเสนอให้ปิดเรื่องวัยรุ่นที่มาหาเรื่องในวันนี้ เพื่อไม่ให้วารีและณรงค์ไม่สบายใจ โดยที่เวหากับมีนาเองนั้นก็เห็นดีด้วย
"กลับมาแล้วหรือจ๊ะ ไหนดูซิ ว่าซื้ออะไรกันมาบ้าง..."
วารีที่ออกมาต้อนรับยืนนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เมื่อได้เห็นจำนวนข้าวของที่ทั้งสี่คนซื้อมา เจ้าหล่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเหลือบไปมองลูกชายทั้งสองด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อย ทำเอาเวหากับมีนาหน้าสลดจนสองหนุ่มต้องรีบช่วยแก้ตัว
"น้องมีนกับน้องฟ้าช่วยกันบอกแล้วล่ะครับ แต่พวกผมกลัวว่าถ้าซื้อน้อยจะไม่พอ ก็เลยซื้อมาตุนไว้ จะได้ไม่ต้องไปซื้อหลาย ๆ รอบยังไงล่ะครับ"
วารีฟังที่รวีบอกแล้วหันไปทางลูกชายของเธอ ซึ่งทั้งสองก็พยักหน้าหงึกหงักเป็นการยืนยันคำพูดนั้น ทำให้หญิงสาวต้องถอนหายใจอีกครั้ง
"เฮ้อ! เอาเถอะ น้าก็คิดไว้บ้างแล้วว่าคงจะออกมาราว ๆ นี้ เอ้า! ช่วยกันขนของเข้าบ้านกันเถอะจ้ะ เดี๋ยวสักพักข้าวกลางวันก็เสร็จแล้วล่ะ"
วารีสรุปตัดบท ทำให้หนุ่ม ๆ ต่างลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วจึงช่วยกันขนของเข้าที่พักกันอย่างขยันขันแข็ง จนหญิงสาวที่มองอยู่อดยิ้มไม่ได้
หลังจากนั่งพักคุยกันรออาหารกลางวันอยู่ครู่ใหญ่ ณรงค์ก็กลับมาจากสวน ซึ่งรวีกับเมฆาก็ไหว้ทักทายอีกฝ่ายตามมารยาท ณรงค์นั้นยกมือรับไหว้ หากแต่มีสีหน้าที่ขรึมกว่าปกติจนคนอื่น ๆ ประหลาดใจ ยกเว้นก็แต่วารีที่พอจะรู้ดีอยู่แล้วว่า เป็นเพราะเหตุใดสามีของเธอจึงมีท่าทางผิดปกติให้เห็นเช่นนี้
"คุณรวี พอจะมีเวลาพูดคุยกับผมตามลำพังสักครู่ไหมครับ"
ณรงค์หันไปทางรวีแล้วเอ่ยขึ้น ทำให้คนฟังชะงัก ก่อนจะบังเอิญเหลือบไปเห็นวารีถอนหายใจเบา ๆ เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็พอจะคาดเดาสถานการณ์ในยามนี้ขึ้นมาได้
"ได้ครับคุณน้า"
รวีพยักหน้าพร้อมตอบรับด้วยท่าทางจริงจังไม่แพ้กัน จากนั้นพวกเขาจึงเดินกันไปทางหลังบ้าน ทำให้เวหาที่มองตามไปนึกแปลกใจในท่าทางของบิดา และนึกสงสัยว่าทั้งคู่จะสนทนากันเรื่องใด
"แม่บอกเรื่องที่พี่ซันเขามาตามจีบลูกให้พ่อรู้ไปแล้วล่ะ"
เสียงมารดาที่ขัดขึ้นเบา ๆ ทำเอาเวหา มีนา รวมไปถึงเมฆาที่ยืนมองตามไล่หลังของชายสองคนนั้นไปสะดุ้งโหยง แล้วต่างหันกลับมามองคนพูดด้วยสีหน้าตกตะลึง
"ยังไงสักวันก็ต้องรู้อยู่ดีใช่ไหมล่ะ อีกอย่างดูจากท่าทางของตาซันก็ไม่คิดจะปิดบังอะไรด้วย แม่เลยชิงบอกพ่อเขาก่อน ขืนปล่อยให้รู้เองทีหลังมีหวังโกรธแย่"
เมฆามองหญิงสาวตรงหน้าเขาพลางกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเอ่ยถามกลับไปบ้าง
"แล้วคุณน้าณรงค์ว่ายังไงครับ โกรธที่เจ้าซันมาจีบน้องฟ้าหรือเปล่าครับ"
เวหาที่ถูกเอ่ยถึงชะงักเล็กน้อย เจ้าตัวมองไปยังทิศที่คนทั้งคู่เดินหายไป ก่อนจะหันกลับมารอฟังคำตอบของมารดาอย่างเป็นกังวล
"ก็ไม่โกรธอะไรหรอกจ้ะ แต่ก็ขรึม ๆ ไป...บางทีพ่อเค้าอาจจะทำใจลำบากนิดหน่อย เพราะถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่พ่อเค้าก็รักหนูเหมือนลูกในไส้คนหนึ่งเลยนะจ๊ะฟ้า"
เวหาเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ด้วยความตื้นตัน ส่วนเมฆาถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงเปรยขึ้นบ้าง
"ถ้าไม่มีเรื่องราวอะไรใหญ่โตก็ดีนะครับ...ผมเข้าใจว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่คงจะทำใจยากในเรื่องนี้ ขนาดพ่อแม่ของเจ้าซันยังช็อกและไม่ยอมรับเรื่องนี้เลย ไม่สิ...จะว่าไปที่ฟังมาก็แค่ฝ่ายพ่อนั่นล่ะครับ...เจ้าซันเล่าให้ฟังว่าทะเลาะกับพ่อมาตั้งหลายปี จนแทบจะตัดพ่อตัดลูกกันด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเจ้าซันก็ทำให้พ่อเขายอมรับเรื่องความรักที่เขามีต่อน้องฟ้าได้ และยอมปล่อยให้มาเมืองไทยนี่ล่ะครับ"
คำบอกเล่าของเมฆาทำให้วารีและสองพี่น้องถึงกับตกตะลึงและนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ โดยเฉพาะเวหา เขาไม่คิดว่านอกจากเรื่องความรู้สึกที่มั่นคงต่อเขามาตลอดแล้ว รวียังถึงกับต้องทะเลาะกับบิดาเพื่อเขาอีกด้วย
"ผม...ไม่เข้าใจเลย...ทำไมเขาถึงได้มั่นคงกับผมถึงขนาดนี้ล่ะครับ"
"เรื่องนี้น้องฟ้าคงต้องไปถามกับเจ้าซันมันเองแล้วล่ะครับ ว่าเพราะอะไร"
เมฆาตอบคำถามนั้นพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ส่วนทางด้านมีนาเองก็จ้องมองพี่ชายนิ่ง เขามั่นใจว่าเวหาเริ่มใจอ่อนและสงสารรวีเพิ่มมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นเขากลับไม่กล้าแย้งอะไรออกไป เพราะตัวเขาเองพอได้ยินเช่นนี้ ก็เริ่มชักจะใจอ่อนต่อความรักที่รวีมีให้กับพี่ชายของเขาบ้างแล้วเหมือนกัน
ส่วนทางด้านเวหานั้น เด็กหนุ่มกำลังนิ่งเงียบครุ่นคิดถึงวันแรกที่ตนได้พบกับรวี แม้เขาจะจำอีกฝ่ายไม่ได้สักนิด ทว่าเวลาที่สายตาอ่อนโยนแน่วแน่จริงใจคู่นั้นจ้องมองมายังเขาทีไร เวหาก็อดรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกขึ้นมาทุกที
เด็กหนุ่มไม่คิดหรอก ว่าสิ่งนั้นจะเป็นความรัก เพราะว่ามันยังคงเร็วเกินไปสำหรับเขา หากแต่เวหาก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่า เขานั้นรู้สึกดีทุกครั้งเวลาที่ได้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของรวีที่มีให้กับเขา และรู้สึกพึงพอใจที่อีกฝ่ายแสดงออกให้เห็นว่าเขานั้นสำคัญมากกับตนเองเพียงใด
...มันอาจจะยังไม่ถูกเรียกว่ารัก แต่เขาก็เริ่มจะคิดว่า มันคงจะดีไม่น้อย หากเขาได้อยู่เคียงข้างกับรวีตลอดไปเรื่อย ๆ เช่นนี้...
อีกด้านหนึ่ง ณรงค์กับรวีกำลังยืนอยู่ด้านหลังบ้าน ชายหนุ่มสูงวัยมองเหม่อสายตาไปยังลำคลองเบื้องหน้า ก่อนจะเปรยขึ้นหลังจากเงียบมาสักครู่
"คุณรวี ...คุณน่ะชอบเวหาลูกชายของผมใช่ไหม"
รวีแม้จะพอคาดเดาได้ แต่ก็ยังคงสะดุ้งนิด ๆ ทว่าพออีกฝ่ายหันมาสบตาเขา ชายหนุ่มก็มีสายตาจริงจังพร้อมเอ่ยตอบกลับ
"ครับ! ผมชอบน้องฟ้า...ชอบมานานแล้วตั้งแต่เมื่อสิบห้าปีก่อน"
พอได้เห็นแววตาแน่วแน่ของอีกฝ่าย ณรงค์ก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยตามมาแผ่วเบา
"แต่ตอนนั้นฟ้าก็เพิ่งแค่สามขวบนะ..."
"ครับ...แค่สามขวบ แต่ผมก็ชอบเขา"
ณรงค์มีสีหน้าอึ้ง ๆ ปนลำบากใจที่จะพูดต่อ ทำให้รวีนึกขำแล้วจึงเป็นฝ่ายพูดเสียเอง
"ผมเข้าใจนะครับ ว่ามันอาจจะดูไม่ปกตินัก แต่ความรู้สึกของผมตอนนั้นเป็นของจริง และมันก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อน ...ไม่สิ...อาจจะเปลี่ยนไปตรงที่ว่า ผมตอนนี้เริ่มชอบเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ขึ้นทุกครั้งที่ได้เจอกันนั่นล่ะครับ"
ณรงค์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะมองอย่างไรก็ไม่เห็นว่ารวีนั้นมีวี่แววโกหกหลอกลวงหรือล้อเล่นแต่อย่างใด
"แล้วถ้าฟ้าไม่รู้สึกแบบเดียวกับคุณล่ะ คุณจะทำอย่างไร จะออกจากชีวิตของเขาไปจริง ๆ อย่างที่เคยบอกแน่น่ะหรือ"
คำถามถัดมา ทำให้รวีชะงัก เขายิ้มกับตัวเองน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบออกไปตามตรงโดยไม่คิดปิดบัง
"บอกตามตรงนะครับ ผมไม่คิดว่าจะตื๊อแค่ครั้งสองครั้งแล้วยอมแพ้หรอกครับ ...ผมตั้งใจจะตื๊อจีบไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้องฟ้าจะเห็นใจและยอมรับรักผมจนได้ ...แต่คุณน้าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไม่มีวันทำร้ายหรือบีบบังคับใจน้องฟ้าเด็ดขาด และถ้าเกิดสุดท้ายแล้ว น้องฟ้าก็ให้ผมได้แค่พี่ชาย ผมก็จะตัดใจและยอมรับผลที่เกิดขึ้น และจะไปจากชีวิตของน้องฟ้าอย่างที่เคยสัญญาเอาไว้จริง ๆ"
ณรงค์นิ่งพิจารณาชายผู้อ่อนวัยกว่าตนอยู่สักพัก แล้วจึงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
"เฮ้อ...เอาเถอะ เรื่องของความรัก ยังไงมันก็เป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าคุณสัญญาว่าจะให้เกียรติลูกชายผมและไม่บังคับจิตใจเขา ผมก็คงไม่คิดจะไปขัดขวางอะไรเรื่องความรักของคุณหรอกนะ"
รวีชะงัก ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความยินดี ที่อีกฝ่ายนั้นยอมรับเรื่องความรักของเขาง่ายดายกว่าที่เขาเคยคิดเอาไว้ก่อนหน้านั้นเสียอีก
"ขอบคุณครับคุณน้า...ขอบคุณจริง ๆ ครับ"
ณรงค์มองชายผู้อ่อนวัยกว่าตนที่โค้งศีรษะให้เขา แล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะแสร้งถามหยอกออกไป
"แล้วก่อนหน้านั้น ที่เห็นว่าสนใจเรื่องลงทุนเกี่ยวกับการเกษตรนั่น พูดเพื่อเอาใจผม หรือคิดจะทำจริง ๆ ล่ะ"
รวีชะงักแล้วจึงเงยหน้ามองคนพูด ก่อนจะยิ้มแย้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้ายิ้มกระเซ้าของอีกฝ่าย
"เรื่องนั้นผมพูดจริงนะครับ ...ผมคิดว่าจะมาทำธุรกิจลงทุนในไทยนี่ล่ะครับ ผมไม่ชอบงานของพ่อผมเท่าไหร่ นอกจากเรื่องน้องฟ้าแล้ว ที่ผมตื๊อมาไทยให้ได้ ก็เพราะอยากจะพิสูจน์ฝีมือตัวเองให้พ่อผมได้เห็นว่า ไม่ต้องพึ่งพาอิทธิพลของเขา ผมก็ทำมาหากินเหมือนชาวบ้านได้เช่นกัน"
ณรงค์นิ่วหน้าเล็กน้อย เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาเช่นนั้น
"คุณไม่ค่อยจะถูกกับพ่อของคุณนักหรอกหรือ"
รวียิ้มน้อย ๆ แล้วตอบกลับไปตามตรง
"ก็มีกระทบกระทั่งกันบ้างล่ะนะครับ...แม่เคยบอกว่าผมกับพ่อนิสัยคล้ายกัน ก็เลยทะเลาะกันง่าย ...แต่จริง ๆ แล้วผมว่าตัวผมนิสัยดีกว่าพ่อนิดหน่อยล่ะนะครับ"
ท้ายประโยครวีบอกแล้วยิ้มน้อย ๆ ให้คนมองถอนหายใจเบา ๆ จากนั้นชายหนุ่มจึงเล่าเรื่องของบิดาตนให้อีกฝ่ายได้ฟังต่อ
"เรื่องของเรื่องก็คือ พ่อไม่เห็นด้วยที่ผมชอบผู้ชายด้วยกัน และพ่อก็อยากให้ผมรับช่วงงานที่เขาทำอยู่ต่อ...แต่ผมก็ปฏิเสธเขาทั้งสองเรื่องนั่นล่ะครับ ...สำหรับเรื่องงานที่ผมจะเลือกทำเองพ่อก็พอยอมรับได้ แต่เรื่องน้องฟ้านี่ผมต้องใช้ความพยายามทั้งตื๊อทั้งใช้เล่ห์กลอยู่หลายปี กว่าพ่อจะยอมรับได้ล่ะนะครับ ก็ลำบากอยู่เหมือนกัน ...แต่ก็คุ้มค่านะครับ เพราะน้องฟ้าที่ผมชอบ เติบโตขึ้นมาอย่างที่ผมคาดฝันไว้...เขายังคงโตมาเป็นเด็กน่ารัก นิสัยดี และรักครอบครัวมากอีกด้วย... คนแบบนี้ล่ะครับ ที่ผมอยากให้มาอยู่เคียงข้างและเป็นคู่ชีวิตกันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายจากกันไป"
ณรงค์มองชายหนุ่มที่พูดถึงลูกชายของเขาด้วยสีหน้าอ่อนโยน แล้วจึงลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นตามมา
"ผมดีใจนะที่ได้ยินว่าคุณยอมทำทุกอย่างเพื่อฟ้าแบบนั้น...ถึงฟ้าจะไม่ใช่ลูกชายแท้ ๆ ของผม แต่ผมก็รักเขาเหมือนเขาเป็นสายเลือดของผมคนหนึ่ง...ถ้าเกิดอนาคตข้างหน้าพวกคุณใจตรงกันแล้ว ผมก็คงวางใจฝากลูกชายของผมไว้กับคุณได้ใช่ไหม"
รวีนิ่งเงียบไปพัก แล้วจึงโค้งศีรษะให้คนตรงหน้าอย่างสุภาพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาประสานสายตากับอีกฝ่ายนิ่ง
"ถ้าเวลานั้นมาถึง ผมขอสัญญากับคุณน้าว่า ผมจะดูแลน้องฟ้าให้เป็นอย่างดี และจะใช้ทั้งชีวิตนี้ปกป้องเขาให้เขามีรอยยิ้มได้ตลอดไปครับ"
"อืม...ผมเชื่อว่าคุณจะรักษาสัญญา"
ณรงค์รับคำก่อนจะนิ่งเงียบไปอีกสักพัก แล้วเอ่ยถามบางสิ่งที่ทำให้รวีสะดุ้ง
"แล้วเพื่อนคุณล่ะ...คงไม่ได้คิดมาจีบมีนาอีกคนใช่ไหม"
รวียิ้มเจื่อนไม่กล้าตอบรับหรือปฏิเสธออกไป เพราะเท่าที่สังเกตดูเขาก็เห็นว่าเพื่อนของเขาเริ่มจะสนใจมีนาเข้าบ้างให้แล้ว
"เอ่อ...เรื่องนี้ผมไม่แน่ใจนักครับ"
ชายหนุ่มเลี่ยงตอบ ทำให้คนสูงวัยกว่าขมวดคิ้วนิด ๆ
"ถ้าแค่หยอกล้อเล่น ๆ ผมก็ไม่ว่าอะไร ...แต่ถ้าไม่จริงจังก็อย่ามาให้ความหวังกัน มีนายังเด็กบางครั้งก็แยกแยะไม่ออกระหว่างจริงจังกับล้อเล่น ผมไม่อยากให้ลูกชายผมกลายเป็นของเล่นใคร คุณเข้าใจนะ"
รวีเม้มปากน้อย ๆ เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วจึงพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ
"ครับ...ผมจะพูดคุยกับเมฆเรื่องนี้เอง ถ้าเขาไม่คิดจริงจังกับน้องมีน ผมจะเตือนไม่ให้เขาเข้าใกล้น้องมีนมากเกินไปอย่างที่เป็นอยู่....แต่ถ้าเขาเกิดจริงจัง ผมเองก็อยากให้คุณน้าให้โอกาสกับเพื่อนของผมเหมือนที่ให้กับผมบ้าง... เมฆเขาอาจจะดูเหมือนเพลย์บอยทำตัวล่องลอยไปสักหน่อย แต่เขาก็เป็นคนดีและน่าคบหาคนหนึ่ง บางทีถ้าเขาเจอคนที่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันตลอดไป เขาก็คงพร้อมจะทำทุกอย่างให้คนที่เขารักมีความสุข...ผมเชื่อเช่นนั้นครับ"
ณรงค์รับฟังแล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ตามมาค่อย ๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้รวียิ้มออก
"ขอบคุณคุณน้ามากเลยครับ...ผมอยากให้พ่อจอมเอาแต่ใจของผม ได้มาเจอคุณน้าสักครั้งจังเลย เผื่อกลับไปจะได้นิสัยดีขึ้นกว่านี้บ้าง"
รวีบอกพร้อมยิ้มแย้มจริงใจเสียจนคนฟังไม่กล้าพูดอะไรแย้งออกไป นอกจากยิ้มเจื่อนตอบรับเท่านั้น พวกเขาคุยกันถึงเรื่องเวหาอยู่อีกสักพัก ทั้งคู่จึงพากันเดินตรงกลับเข้าบ้าน แล้วก็ได้พบว่าสมาชิกคนอื่นกำลังนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก และจ้องมองมายังพวกเขาทันทีด้วยสายตากังวลแกมสงสัย
"ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า...พ่อก็แค่อยากคุยกับคุณรวีเขา ตามประสาว่าที่พ่อตาในอนาคตก็เท่านั้นเอง"
ณรงค์แกล้งหยอก ทำเอาเวหาหน้าแดงวาบ ส่วนมีนาสะดุ้งโหยง
"แม้แต่พ่อก็ยอมรับหรือครับ!"
"พ่อน่ะก็แล้วแต่พี่ของลูกต่างหาก...แต่ดูจากท่าทางของพี่ชายลูกที่เห็น บางทีที่พ่อพูดออกไป ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องจริงตามมาในไม่ช้านี้ก็ได้มั้ง"
ณรงค์เปรยยิ้ม ๆ ซึ่งก็ทำให้เวหาก้มหน้างุด ๆ ไม่กล้าพูดอะไร มีนามองพ่อทีพี่ชายที แล้วจึงโพล่งออกมาอย่างหงุดหงิด
"ลูกชายทั้งคน ทำไมยกกันให้ง่ายแบบนี้! แล้วนี่ถ้ามีผู้ชายมาขอมีนบ้าง หวังว่าพ่อแม่คงจะไม่ยกให้ง่าย ๆ แบบพี่ฟ้าอีกคนนะนั่น!"
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังประสานขึ้นหลังจากมีนาพูดจบ จากนั้นวารีจึงเอ่ยขึ้นมาก่อนอย่างอารมณ์ดี
"ถ้ามีนโอเค แม่กับพ่อก็คงไม่คิดขัดล่ะนะ แม่ถือหลักว่า เรื่องความรักก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคนสองคน พ่อกับแม่ทำได้ก็เพียงมองดูอยู่ห่าง ๆ และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ก็เท่านั้น ส่วนเรื่องการตัดสินใจก็เป็นหน้าที่ของลูก ที่จะเป็นคนตัดสินใจเลือก พ่อแม่ไม่เข้าไปก้าวก่ายหรอกจ้ะ"
มีนานิ่งอึ้ง แล้วจึงแสร้งทำเสียงในลำคออย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่พอคนอื่นเผลอเขาก็แอบชำเลืองมองเมฆาที่กำลังนั่งคุยแสดงความยินดีกับรวีแทน ก่อนจะรีบตวัดสายตากลับเมื่อคนที่ถูกมองเหมือนจะรู้สึกตัว ทางด้านเมฆานั้นอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นคนตัวเล็กกำลังแสร้งทำเป็นมองไปทางอื่นแต่ใบหน้ากับใบหูขาวเนียนนั่นดูแดงระเรื่อนิด ๆ พอจะให้จับผิดได้อยู่ดี
"เอาล่ะจ้ะ ในเมื่อเคลียร์กันเรียบร้อย ก็ไปยกกับข้าวมาตั้งโต๊ะดีกว่าอ้อ! ซัน ถ้าเกิดฟ้ายอมตกลงคบด้วยจริง ๆ ล่ะก็ น้าขออะไรจากเธอสักอย่างจะได้ไหมจ๊ะ"
วารีหันไปถามรวีที่มีสีหน้าประหลาดใจแกมสงสัย เช่นเดียวกับคนอื่นในห้อง ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงพยักหน้ารับรู้ตอบกลับไป
"ได้ครับ คุณน้าอยากขออะไรหรือครับ"
วารียิ้มหวาน แล้วจึงบอกในสิ่งที่ทำให้หนุ่ม ๆ ในห้องพากันนิ่งเงียบไปตาม ๆ กัน
"ถ้าซันอยากได้น้องไปเป็นเจ้าสาว น้าก็อยากขอให้ฟ้าเขาเรียนให้จบ ป.ตรีเสียก่อน แล้วระหว่างนั้นก็อยากให้ซันหักห้ามใจ ไม่ชิงสุกก่อนห่ามกับน้องเขา ซันจะให้สัญญากับน้าเรื่องนี้ได้ไหมล่ะจ๊ะ"
"คุณแม่! ขออะไรออกไปน่ะครับ!"
มีนาโพล่งออกไปด้วยความอายแทนพี่ชาย ทว่าวารีนั้นกลับหันมามองลูกชายคนเล็กของเธอแล้วย้อนกลับหน้าตาเฉย
"อ้าว! ก็ขอเรื่องปกติตามประสาคนเป็นแม่น่ะสิจ๊ะ หรือมีนอยากให้พี่ของมีนเสียตัวก่อนแต่ง"
หนุ่ม ๆ แต่ละคนทำหน้ากันแทบไม่ถูก ทางด้านณรงค์ทำเป็นเปรยบอกพึมพำขอตัวไปเตรียมยกกับข้าวมาขึ้นโต๊ะในครัวแทน ส่วนเมฆาแสร้งทำเป็นมองไปทางอื่น และเวหานั้นยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่ตามเดิม หากแต่ที่จริงแล้วนั้นเด็กหนุ่มกำลังรู้สึกอับอายจนแทบไม่อยากนั่งอยู่แถวนี้ด้วยซ้ำ
"เอ้า! ว่าไงจ๊ะตาซัน ให้สัญญากับน้าเรื่องนี้ได้ไหม"
รวีกลืนน้ำลายลงคอ พอหันไปมองเวหาที่นั่งก้มหน้าก้มตาแต่ใบหูแดงก่ำนั่น ก็ทำให้เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหันมาตอบหญิงสาวอย่างไม่เต็มเสียงนัก
"ได้ครับ...ผมจะพยายามรักษาสัญญา เอ่อ...แต่ถ้าเกิดเผลอตัวกอดไปบ้าง จูบไปบ้าง จะเป็นอะไรไหมครับ"
มีนาหันขวับไปมองคนพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่ารวีจะกล้าพูดออกมาแบบนี้ ส่วนเวหาเริ่มทนไม่ไหว เจ้าตัวลุกพรวด แล้วบอกมารดาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
"ผมว่าผมไปช่วยพ่อยกกับข้าวด้วยดีกว่า ขอตัวนะครับ!"
บอกจบเจ้าตัวก็วิ่งพรวดพราดหายไปในครัวอย่างรวดเร็ว ทำให้แต่ละคนมองไปตาปริบ ๆ จากนั้นวารีจึงหันมาทางรวีอีกครั้งก่อนจะสนทนากันต่อถึงเรื่องเมื่อครู่
"อืม...สำหรับคำตอบของซันเมื่อสักครู่ ถ้าพวกเธอเป็นคู่รักกันแล้ว เรื่องสัมผัสแตะเนื้อต้องตัวกันบ้าง ก็คงจะเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ...แต่ที่น้าต้องยื่นข้อเสนอเช่นนี้ให้กับซัน ก็เพราะน้าอยากจะพิสูจน์ดูว่า ซันจะรักฟ้ามากพอที่จะหักห้ามใจตัวเองในเรื่องนี้ได้ไหม ...ถึงฟ้าจะไม่ใช่ลูกสาว แต่ในเมื่อซันอยากขอเขาไปเป็นเจ้าสาว ซันก็ควรจะทำตามประเพณีที่ดีงามของไทย จริงไหมล่ะจ๊ะ... แต่ถ้าเรื่องแค่นี้ซันยังทำไม่ได้ ถ้าปล่อยให้ไปอยู่ด้วยกัน น้าก็ชักจะไม่มั่นใจเสียแล้วล่ะว่าซันจะดูแลลูกชายของน้าได้เป็นอย่างดีไหมล่ะนะ"
เมฆาเหลือบมองว่าที่แม่ยายของเพื่อนสนิทแล้วกลืนน้ำลายลงคอ เพราะที่ผ่านมาเห็นว่าวารียอมไฟเขียวเรื่องจีบลูกชายง่าย ๆ แต่เอาจริง ๆ แล้วก็ใช่ว่าหญิงสาวจะยอมให้เพื่อนของเขาคบหากับลูกของเธอได้ง่ายดายอย่างที่พวกเขาเคยคาดคิดไว้ก่อนหน้านั้น
"ครับ...ผมจะพยายามอดทนอดกลั้น ไม่ชิงสุกก่อนห่ามก่อนที่น้องฟ้าจะเรียนจบให้ได้ครับ"
รวีรับคำกลับไปอย่างนึกปลง เพราะแค่รู้ว่าเวหาเองก็ดูไม่รังเกียจและเริ่มแสดงว่าเจ้าตัวก็มีใจกับเขาให้ได้เห็น แค่นี้เขาก็แทบจะโผเข้าไปกอดเด็กหนุ่มเข้าให้แล้ว แต่ขืนเขาลืมตัวทำเกินเลยไปกับเวหาอย่างที่ต้องการ มีหวังวารีหรือแม้แต่เวหาเองก็อาจจะผิดหวังในตัวเขาก็เป็นได้ ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้รวีพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้กลับมาหาคนที่เขารัก ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ความต้องการทางร่างกายเพียงชั่ววูบ มาทำให้ความรักของเขาต้องพังทลายลงได้เป็นแน่
ทางด้านวารีพอเธอสังเกตเห็นแววตาที่ดูหนักแน่นจริงจังขึ้นของรวี เธอก็ยิ้มออกมานิด ๆ อย่างพึงพอใจ จากนั้นเธอจึงชักชวนหนุ่ม ๆ ให้ไปร่วมโต๊ะอาหาร ซึ่งป่านนี้น่าจะถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วโดยทั้งสามคนก็ต่างพยักหน้าหงึกหงักตอบรับ แล้วเดินตามหญิงสาวไปอย่างเงียบเชียบเรียบร้อย จนวารีที่เหลือบมองดูถึงกับอมยิ้มอย่างนึกขำแกมเอ็นดูเลยทีเดียว
หลังจากพวกรวีกลับไปบ้านพักของพวกเจ้าตัวแล้ว มีนาก็ลงมือถามบิดากับมารดาของตนอย่างสงสัย ว่าเหตุใดจึงยอมรับเรื่องที่รวีมาตามจีบเวหาได้ง่ายนัก ซึ่งณรงค์ก็หันไปมองภรรยาแล้วยิ้มน้อย ๆ โดยวารีเองก็ยิ้มตอบ ก่อนจะหันมาชวนลูกชายทั้งสองไปยังห้องรับแขก เพื่อนั่งฟังในสิ่งที่เธอกำลังจะเล่าให้ฟังดังต่อไปนี้
"ลูกรู้ไหมว่า ก่อนที่แม่จะแต่งงานกับพ่อเจตรินของลูกน่ะ แม่กับพ่อณรงค์คนนี้เคยคบกันมาก่อน"
วารีหันไปถามเวหา ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งแล้วหันมามองบิดาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เช่นเดียวกับมีนาที่มองทั้งคู่สลับไปมาอย่างตกใจเช่นกัน
"ไม่แปลกหรอกที่พวกลูกไม่รู้เรื่องนี้ เพราะแม่ไม่คิดจะเล่าให้ฟัง จนกว่าจะถึงวันที่พวกลูกเติบโต และมีความรักเช่นกันน่ะจ้ะ"
วารีอมยิ้มเมื่อเห็นลูกชายทั้งสองทำหน้าตาประหลาดใจปนสงสัย เห็นดังนั้นเธอจึงเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตให้บุตรชายฟังต่อ
"แม่กับพ่อณรงค์เคยคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน พอเราเรียนจบ พ่อณรงค์เค้าก็ไปสู่ขอแม่กับคุณตาแล้วก็คุณยาย แต่ตอนนั้นพ่อณรงค์เค้าฐานะการเงินไม่ค่อยดีนัก คุณตากับคุณยายก็เลยรังเกียจและไม่ยอมยกแม่ให้ แถมยังบังคับจับแม่ให้ไปแต่งงานกับลูกชายเพื่อนของพวกเขาอีก ทำให้พ่อณรงค์ต้องยอมตัดใจและไปจากชีวิตของแม่ในที่สุด..."
ณรงค์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยตามมาเมื่อเห็นวารีดูมีสีหน้าเศร้านิด ๆ ยามเมื่อหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต
"ก็เพราะพ่อเจตรินของฟ้าเขาเป็นคนดี แล้วก็มีฐานะการงานมั่นคง...ที่สำคัญพ่อเพิ่งจะได้รู้ตอนที่พ่อแอบไปพบเขาเพื่อจะคุยตกลงเรื่องแม่ของลูก คุณเจตรินเขาบอกพ่อว่าที่จริงเขาน่ะแอบชอบแม่ของลูกมานานแล้ว แต่แม่ของลูกคิดกับเขาแค่พี่ชายคนหนึ่ง จึงทำให้เขาไม่กล้าเผยตัว จนกระทั่งถูกพ่อแม่บังคับให้จับแต่งงานเช่นนี้ ...เขาขอโทษพ่อและบอกพ่อว่าจะพยายามพูดเรื่องนี้ให้พ่อแม่ของตนเข้าใจ และยกเลิกการแต่งงานให้ได้ เพราะเขาไม่อยากให้วารีเสียใจ....พอพ่อเห็นดังนั้น พ่อจึงได้ตัดสินใจออกไปจากชีวิตแม่ของลูก โดยเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้วารีได้อ่าน ...ในเนื้อความนั้น พ่อเขียนต่อว่าตัวเองว่าเป็นคนไร้ค่า ไม่คู่ควรกับแม่ของลูก....พ่อรู้ดีว่าแม่ของลูกไม่ชอบคนที่ท้อแท้ง่าย มองโลกในแง่ร้าย ไม่สู้คน ...พ่อจึงทำเป็นว่าพ่อกำลังกลายเป็นคนเช่นนั้น ...แล้วก็ได้ผล แม่ของลูกโกรธพ่อและเสียใจมาก สุดท้ายเขาจึงตอบตกลงและยอมแต่งงานกับคุณเจตรินแทนในที่สุด"
มีนากับเวหานิ่งอึ้งรับฟังในสิ่งที่พวกตนไม่เคยรู้มาก่อน โดยเฉพาะเวหานั้นเขากำพร้าบิดาตั้งแต่เกิดเพราะอุบัติเหตุ ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้สัมผัสถึงความอบอุ่นหรือมีความทรงจำเกี่ยวกับบิดาแท้ ๆ ของตนมาก่อน
"พี่เจตรินเป็นคนดีมาก...แต่น่าเสียดายที่อายุสั้น เขาตายก่อนที่ฟ้าจะคลอดเพราะอุบัติเหตุ แถมคุณพ่อของพี่เจตริน ก็มาหัวใจวายตายตามลูกชายไปอีก แถมเรื่องสมบัติของฝ่ายพ่อลูกก็มาถูกพวกญาติพี่น้องที่เหลือโกงไป ตอนนั้นแม่ไม่มีกระจิตกระใจจะไปสู้รบปรบมือกับพวกญาติของพ่อลูกสักนิด แม่ได้แต่เคว้งคว้างไม่รู้จะทำยังไง แม่ร้องไห้ทุกวัน ข้าวปลาก็แทบไม่ได้กิน จนคุณตาและคุณยายของลูกก็เครียดตาม และสุดท้ายพอพ่อณรงค์รู้ข่าว เขาก็รีบกลับมาหาแม่ มาช่วยดูแล ปลอบโยนให้แม่คลายเศร้า...ตอนแรกแม่ก็โมโหและไม่ต้องการให้เขาเข้าใกล้ แต่พ่อณรงค์เขาเตือนสติแม่เรื่องลูก ทำให้แม่กลับมาคิดได้ และกลับมาดูแลตัวเองอีกครั้ง ส่วนคุณตาคุณยายเห็นว่าพ่อณรงค์ทำเพื่อแม่ ก็เลยไม่ต่อต้านหรือขับไล่รังเกียจเขาอีก..."
เวหาหันกลับไปมองคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาต่างสายเลือด แล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะลุกไปนั่งคุกเข่าข้างอีกฝ่าย พลางไหว้ที่ตักขอบคุณที่ณรงค์มีส่วนทำให้เขาเกิดมาดูโลกใบนี้อย่างปลอดภัยได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้ณรงค์ลูบศีรษะเด็กหนุ่มอย่างตื้นตัน ส่วนวารียิ้มอ่อนโยนให้ทั้งคู่ และมีนาก็มีรอยยิ้มยินดีและปลื้มปีติที่ได้รู้ว่าณรงค์ซึ่งเป็นบิดาแท้ ๆ ของตนเป็นคนดีถึงเพียงนี้
"จากนั้นพ่อก็ใช้เวลาเกือบห้าปี เทียวไปเทียวมาเยี่ยมเยียนฟ้ากับแม่ และสร้างเนื้อสร้างตัวจนพอมีพอกิน ก่อนจะมาขอแม่ของลูกแต่งงาน ซึ่งคราวนี้คุณตาคุณยายของพวกลูกต่างก็ยอมรับให้พ่อเป็นลูกเขยของพวกท่านได้สักทีล่ะนะ"
ณรงค์เล่าเสริมเรื่องราวของภรรยา พร้อมกับขยิบตาให้ในท้ายประโยค ซึ่งก็ทำให้ลูกชายทั้งสองอมยิ้มน้อย ๆ ส่วนวารีหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงบอกกับลูกชายที่รักทั้งสองคนของเธอต่อ
"ก็เพราะว่าพ่อและแม่เคยมีความรักที่ไม่สมหวังเพราะถูกกีดกันจากผู้ให้กำเนิด ดังนั้นพ่อกับแม่จึงตัดสินใจแล้วว่า หากวันใดพวกเรามีลูก และลูก ของเรามีความรัก ...เราจะขอแค่คอยดูแลพวกเขาอยู่ห่าง ๆ และให้คำแนะนำในฐานะคนในครอบครัว ให้เขาได้ตัดสินใจเลือกเส้นทางความรักของเขาเอง ...ไม่ว่าจะออกมาสุขหรือทุกข์ พวกเราในฐานะพ่อและแม่ ก็จะคอยอยู่เคียงข้างลูก ๆ ของเราเสมอ... ทีนี้ลูกเข้าใจหรือยังล่ะจ๊ะ ว่าทำไมพ่อและแม่ถึงไม่คิดจะเข้าไปขัดขวางในเรื่องนี้"
มีนากับเวหานิ่งอึ้งไปสักพักใหญ่ จากนั้นสองพี่น้องจึงตรงเข้าไปสวมกอดมารดาและบิดาสลับกันอย่างตื้นตัน ทั้งคู่ต่างให้สัญญาว่า จะพยายามใช้สติไตร่ตรองอย่างมีเหตุผลในเรื่องของความรักในอนาคตข้างหน้านี้ และจะไม่ประพฤติเสื่อมเสียอะไรให้พ่อแม่ต้องผิดหวังในตัวพวกเขาอย่างเด็ดขาด ซึ่งก็ทำให้วารีและณรงค์นั้นมีรอยยิ้มอย่างชื่นชมและพึงพอใจในบุตรทั้งสองของพวกเขาเป็นยิ่งนัก
... TBC ...