บทที่ 10
รวีกับเมฆาแวะเวียนมาเป็นแขกขาประจำของบ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว และเพราะความหล่อโดดเด่นชวนสะดุดตาเพื่อนบ้านรอบข้างของทั้งสองหนุ่ม ในระยะสองสามวันแรกนั้นจึงทำให้เกิดข่าวลือแปลก ๆ ขึ้นมา ทว่ารวีก็ใช้ความไหลลื่นในการสนทนา ทำให้เพื่อนบ้านแต่ละรายเข้าใจไปว่า ชายหนุ่มนั้นแวะเวียนมาที่นี่เพราะความเป็นญาติห่าง ๆ กับวารี และสนอกสนใจที่จะทำธุรกิจทางด้านเกษตรร่วมกับณรงค์อีกด้วย
"น้องฟ้าครับ วันพรุ่งนี้พวกเราไปเที่ยวทะเลกันไหมครับ...ไปเที่ยวพักผ่อนค้างสักคืนสองคืนที่บ้านพักตากอากาศริมทะเลของพี่กันนะครับ"
หลังมื้ออาหารเย็นภายในซุ้มนั่งนอกบ้าน รวีก็จัดแจงพูดอ้อนเด็กหนุ่มตรงหน้าตนด้วยรอยยิ้มหวาน ทำเอาเวหาชะงักไปเล็กน้อย เพราะเมื่อสองสามวันก่อน เขาเพิ่งเปรยบ่นลอย ๆ กับครอบครัวระหว่างทานข้าวกลางวันว่าอากาศร้อนแบบนี้น่าจะไปเที่ยวทะเลกัน มาวันนี้รวีก็กลับมาชวนเขาไปเที่ยวบ้านพักตากอากาศของเจ้าตัวเข้าเสียแล้ว
"ชวนพี่ฟ้าคนเดียวหรือครับ แล้วคนอื่น ๆ ในบ้านล่ะ ไม่คิดจะชวนกันเลยหรือไง"
มีนาที่นั่งอยู่ด้วยกันขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะแสร้งเปรยขัดขึ้นมาทำเอารวีหันมายิ้มน้อย ๆ ให้กับคนพูด ก่อนจะเอ่ยตอบ
"พี่ก็ต้องชวนน้องมีน แล้วก็พวกคุณน้าไปด้วยอยู่แล้วครับ เพราะบ้านพักตากอากาศหลังนี้ค่อนข้างใหญ่โต อยู่กันได้หลายคนสบาย ๆ อยู่แล้วล่ะครับ"
มีนาฟังแล้วก็ทำปากมุบมิบบ่น ส่วนเวหาขมวดคิ้วนิด ๆ ก่อนจะถามย้อนกลับไปคล้ายกับสงสัยอะไรบางอย่าง
"บ้านพักที่ว่านั่น มีมานานแล้ว หรือเพิ่งติดต่อซื้อขายมากันไม่กี่วันนี้ล่ะครับ..."
รวีสะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบทำเป็นยิ้มแย้มแล้วพูดกลบเกลื่อนตามมา
"แหม! ก็ต้องมีมานานแล้วสิครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ มีคนดูแลทำความสะอาดเป็นประจำ ไม่สกปรกแน่!"
เวหาหรี่ตามองแล้วนิ่งเงียบคล้ายกำลังจ้องจับผิดโดยไม่พูดอะไรต่อ ทำเอารวีชะงักและสุดท้ายเจ้าตัวก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามมา
"คือบ้านน่ะสร้างมาเกือบสิบปีแล้ว แต่พี่เพิ่งติดต่อซื้อไปเมื่อสองวันก่อน...ก็เห็นน้องฟ้าบ่นว่าอยากไปเที่ยวทะเล พี่ก็เลยคิดว่า ถ้ามีบ้านพักริมทะเลไว้เป็นของตัวเองสักหลัง ก็คงจะดีไม่น้อย ...ก็เลยติดต่อซื้อไปแล้วมาชวนน้องฟ้าไปเที่ยวด้วยกันนี่ล่ะครับ"
พอรวียอมบอกเล่าความจริง เด็กหนุ่มที่นิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ก็เริ่มยิ้มออก ทำให้รวีโล่งอกแล้วยิ้มตาม ส่วนเมฆามองเพื่อนด้วยความตะลึง เพราะไม่คิดว่าเพื่อนของเขาจะกลายเป็นลูกแมวเชื่อง ๆ ยามเมื่ออยู่ต่อหน้าเวหาเช่นนี้
"ผมอยากไปเที่ยวทะเลก็จริง แต่ผมก็ไม่อยากให้พี่ซันต้องมาสิ้นเปลืองไปมากมายเพราะผมแบบนี้เลย"
เวหาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ได้ฟังรวีบอกเหตุผลที่แท้จริง แต่พอรวีได้ยินดังนั้นก็รีบแย้งกลับมาทันที
"พี่ไม่เคยคิดว่าตัวเองสิ้นเปลืองเลยนะครับน้องฟ้า! สำหรับน้องฟ้าแล้ว อะไรก็ได้ ขอแค่น้องฟ้ามีความสุข พี่ก็พร้อมยินดีจะทำทุกอย่าง"
เด็กหนุ่มสั่นศีรษะค่อย ๆ คล้ายเอือมระอา ส่วนเมฆาที่เห็นว่าบรรยากาศระหว่างทั้งคู่กำลังเริ่มลงตัวเขาจึงตัดสินใจจับมือของมีนาแล้วส่งสัญญาณให้เด็กหนุ่มเงียบและเดินตามตนมา ทำเอาคนถูกวิสาสะจับมือขมวดคิ้วยุ่ง แต่พอเห็นรอยยิ้มของชายหนุ่ม เจ้าตัวก็ค้อนขวับเข้าให้ แล้วยอมเดินตามไปอีกทางแต่โดยดี
ทางด้านเวหานั้นหลังจากนิ่งเงียบมาครู่ใหญ่ เขาก็ยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยนให้กับชายตรงหน้าตน
"พี่ซันครับ...ถ้าผมจะรักใครสักคน ผมจะไม่รักเขาที่ทรัพย์สินเงินทองหรือรูปลักษณ์ภายนอกหรอกนะครับ แต่ผมจะรักเขาเพราะเขานั้นมีความรัก ความจริงใจ และมั่นคงซื่อสัตย์ต่อผม ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังก็ตาม"
รวีมองเด็กหนุ่มเบื้องหน้าตนอย่างตื้นตัน ในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้น ล้วนเจอแต่คนเข้าหาเพราะหน้าตา ฐานะ และอำนาจที่มี หากแต่เวหากำลังแสดงให้เขาได้เห็นว่า ของพวกนั้นมันไม่ใช่สิ่งสำคัญ หากแต่เป็นความจริงใจและความรักต่างหาก ที่สำคัญกับเจ้าตัวมากกว่า
"พี่ดีใจจังเลยนะครับน้องฟ้า ที่ได้มีโอกาสเจอน้องฟ้า ได้รักน้องฟ้า ต่อให้พี่จะต้องผิดหวัง แต่พี่ก็ยังดีใจ ที่ในชีวิตนี้ของพี่ มีโอกาสได้รักคนดี ๆ อย่างน้องฟ้าแบบนี้"
เวหายิ้มเขิน ๆ ให้คนตรงหน้าเขา แล้วอุบอิบพึมพำตอบแผ่วเบา
"บางทีพี่ซันอาจจะไม่ต้องผิดหวังก็ได้นะครับ..."
รวีชะงักนิ่งงันไปชั่วครู่กับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะเบิกตากว้างตามมาด้วยความตกตะลึงเป็นที่สุด
"น้องฟ้า! ที่พูดมานั่นหมายความว่ายังไงครับ! หรือว่า....!"
รวีมีสีหน้าตื่นตกใจปนคาดหวัง ทำให้คนที่เผลอหลุดปากพูดความในใจออกไปหน้าแดงยิ่งขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะตอบกลับออกไปด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างติดขัดผิดเคย
"กะ...ก็ ยังไม่แน่ใจนักหรอกครับ... เอ่อ...แต่ตอนนี้ ดูท่าทางมันจะเอนมาทางสมหวัง...มากกว่าผิดหวังอยู่มากน่ะครับ"
รวียิ้มกว้างด้วยความยินดีเป็นที่สุด เขาเผลอดึงร่างคนตรงหน้ามากอดหมับ ทำเอาเวหาสะดุ้งโหยง ทว่าสักพักคนกอดก็คืนสตินึกขึ้นได้ เจ้าตัวรีบปล่อยร่างในอ้อมกอดให้เป็นอิสระ แล้วรีบขอโทษด้วยใบหน้าที่แสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนเวหานึกขำ
"กอดแค่นี้ผมไม่โกรธอะไรหรอกครับ...แต่อย่าเผลอกอดต่อหน้าคนอื่นแล้วกันนะครับ"
รวีตาเบิกกว้างพลางพยักหน้าหงึกหงักยิ้มรับอย่างมีความสุข เสียจนคนที่มองอยู่อดยิ้มตามไปไม่ได้
อีกด้านหนึ่งนั้น มีนากับเมฆาที่กำลังแอบมองอยู่ห่าง ๆ คนหนึ่งมีใบหน้ายิ้มแย้มพึงพอใจ ส่วนอีกคนมีสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ตามมาอย่างนึกปลง ทำเอาเมฆาที่อยู่ด้วย ต้องเหลือบมองคนตัวเล็กข้างกาย ก่อนจะหวนนึกถึงคำพูดของเพื่อนสนิทที่เคยได้คุยกันเป็นการส่วนตัวก่อนหน้านั้นเมื่ออาทิตย์ก่อน
"น้าณรงค์เขาฝากมาบอกนายว่า ถ้าไม่คิดจริงจังอะไร ก็อย่าทำเหมือนไปจีบให้ความหวังลูกชายเขา...แล้วฉันก็รับปากมาแล้วว่าจะพูดเตือนให้ ก็เลยมาบอกกับนายแบบนี้นี่ล่ะ!"
เมฆาจำได้ว่าหลังจากฟังถ้อยคำตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมของเพื่อนสนิท ก็ทำให้เขานิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ๆ เลยทีเดียว เนื่องจากเขานั้นถูกใจมีนามากก็จริง แต่ก็ยังไม่มากถึงกับขนาดจะปักใจและยอมหยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มเพียงแค่คนเดียว ...แต่จะให้ตัดใจจากเด็กคนนี้ไปเลย เขาก็เกิดรู้สึกเสียดายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจทำตัวสนิทสนมไปแบบเดิม แต่พยายามพูดหยอกล้อเล่นในแง่นั้นกับเด็กหนุ่มให้น้อยลงแทน
"นี่! เมื่อไหร่จะปล่อยมือผมเสียทีนี่! จับมานานแล้วนะ!"
เสียงของมีนาที่ดังขึ้นเรียกสติชายหนุ่มให้กลับคืนมา เมฆาชะงักเล็กน้อย แล้วจึงรีบปล่อยมือก่อนจะเอ่ยขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ทำให้คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ด้วยกันต้องนิ่วหน้าอย่างนึกแปลกใจกับท่าทางเช่นนั้นของอีกฝ่าย แถมอาการขยับตัวหนีถอยทิ้งระยะห่างของเมฆาที่ตามมา ก็ทำให้มีนาชักเริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเข้าให้แล้ว
หลังจากที่รวีกับเวหาช่วยพูดกล่อมเรื่องไปเที่ยวค้างคืนริมทะเล ก็ทำให้วารีและณรงค์ยอมตอบตกลงรับคำอนุญาต ทว่าทั้งสองคนนั้นขอเลือกอยู่เฝ้าบ้านแทน และปล่อยให้ลูก ๆ ไปสนุกกันเองตามประสา ทำเอามีนากับเวหาชักรู้สึกไม่อยากไปเที่ยวขึ้นมาเสียแล้ว ร้อนถึงรวีกับเมฆาต้องช่วยกันพูดโน้มน้าวผู้ใหญ่ทั้งสองกันยกใหญ่
"นะครับ...ไปค้างแค่ไม่กี่วันเอง ส่วนเรื่องสวนก็จ้างคนดูแลก็ได้นี่ครับ หรือถ้าคุณน้ากลัวคนที่จ้างจะดูแลให้แบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เดี๋ยวผมสั่งให้คนของผมมาช่วยแบบครั้งก่อนนั่นก็ได้ รับรองเลยครับว่าสวนของคุณน้าและบ้านหลังนี้จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไม่มีขาดตกบกพร่องแน่นอน!"
ณรงค์รับฟังแล้วมองหน้าวารี ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"ก็เพราะกลัวคนจะแตกตื่นเอาแบบครั้งก่อนนั่นล่ะ น้าถึงไม่อยากทิ้งบ้านไปน่ะ"
ณรงค์ที่เริ่มหันมาพูดคุยกับพวกรวีอย่างเป็นกันเองบอกกับชายหนุ่มตามตรง ทำเอารวีและเมฆาชะงักกึก ก่อนที่ทั้งคู่จะยิ้มเจื่อนตามมา เนื่องจากเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ณรงค์หกล้มขาแพลง ทำให้ไปทำงานลำบาก ส่วนรวีเองก็ไม่อยากให้เวหาต้องรับผิดชอบงานแทนพ่อหนักจนเกินไป เลยจัดแจงออกคำสั่งให้บรรดาบอดี้การ์ดของเขาที่คอยดูแลติดตามเขาอยู่ห่าง ๆ ไม่ให้เห็นตัวเป็นที่สะดุดตาก่อนหน้านั้น ให้เปิดเผยตัวและออกมาช่วยงานสวนของณรงค์ ซึ่งก็ทำให้คนอื่นในละแวกนั้น พากันแตกตื่นตกใจที่ได้เห็นคนใส่สูทชุดดำ สวมแว่นตาดำ ท่าทางโหด ๆ เหมือนพวกตัวร้ายในหนัง ราวสามสี่คน มาลงมือช่วยกันทำสวนทำไร่ให้ได้เห็นเช่นนี้
"ไม่เป็นไรหรอกฟ้า...มีน...พ่อกับแม่ก็อายุมากแล้ว นั่งรถนาน ๆ ก็เมื่อย แถมพ่อยังเมารถอีก ไปถึงก็คงเที่ยวได้ไม่สนุกนัก สู้ให้เด็ก ๆ ไปเที่ยวกันตามประสาน่าจะดีกว่า แล้วอีกอย่างพ่อกับแม่ก็ไว้ใจว่า พวกพี่ ๆ เขาจะดูแลลูกของพ่อทั้งสองได้เป็นอย่างดีแน่ ...จริงไหม"
ณรงค์บอกกับบุตรชายแล้วหันมาทางชายหนุ่มอีกสองคน ก่อนจะส่งสายตาแฝงความนัยบางอย่างที่ทำให้คนมองทั้งคู่ชะงัก ทว่าสักพักทั้งคู่ก็พยักหน้ารับรู้ แล้วตอบกลับไปด้วยสายตาหนักแน่นจริงจังแทบจะพร้อมกัน
"ครับ! คุณน้า!"
ณรงค์กับวารียิ้มแย้มตอบรับ จากนั้นณรงค์จึงหันมาทางลูก ๆ ของพวกตนบ้าง
"ส่วนพวกลูกก็อย่าไปก่อความเดือดร้อนอะไรให้พวกพี่เขานักนะ ...อ้อ! แล้วถ้าพวกพี่เขาเกิดใช้จ่ายอะไรฟุ่มเฟือยให้พวกลูกจนเกินไป ก็ช่วยกันปราม ๆ ห้าม ๆ เขาด้วยล่ะ"
เวหากับมีนามองหน้ากัน แล้วเหลือบไปมองชายหนุ่มทั้งสองที่ต่างสะดุ้งนิด ๆ เมื่อถูกพาดพิง ท่าทางยิ้มเจื่อนของพวกรวีที่ได้เห็นทำเอาสองพี่น้องหลุดขำนิด ๆ อย่างลืมตัว แล้วจึงหันกลับไปตอบบิดาด้วยน้ำเสียงร่าเริงพร้อมกัน
"ได้เลยครับพ่อ!"
วารีจ้องมองครอบครัวของเธอที่ครึกครื้นขึ้นมามาก หลังจากที่มีพวกรวีและเมฆาเข้ามาในชีวิต หญิงสาวแย้มยิ้มน้อย ๆ อย่างมีความสุข สำหรับเรื่องบุตรชายคนโต เธอคงไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก เพราะรวีนั้นแสดงออกให้เห็นว่ารักและหลงใหลในตัวของเวหาเสียเหลือเกิน มิหนำซ้ำหลัง ๆ มานี้ยังดูเชื่อฟังลูกชายของเธอเสียจนน่าสงสารอีกด้วย
ทว่าแม้จะไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของเวหาแล้ว แต่มีนานั้นกลับดูน่าเป็นห่วงมากกว่า เพราะเธอสังเกตได้ว่าเมฆานั้นแม้จะพูดคุยสนิทสนมกับมีนาเป็นอย่างดี แต่ก็วางตัวในลักษณะแบบพี่น้องและดูจะไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าความเอ็นดู หากแต่ลูกชายคนเล็กของเธอนี่สิ ชักเริ่มมีท่าทางผิดแผกแปลกไปยามที่ได้อยู่ใกล้ชิดเมฆาเข้าให้เสียแล้ว
หากว่ามีนานั้นตกหลุมรักเมฆาเข้าให้จริง และตัวเมฆาเองก็มีใจและคิดจริงจังกับมีนาแบบรวีที่มีต่อเวหาบ้าง เธอก็คงยินดีและไม่คิดขัดขวางในความรักของทั้งคู่ แต่ถ้าไม่ใช่ แม้จะต้องเห็นลูกเสียใจก็ตาม ทว่าเห็นทีเธอคงต้องเป็นคนลงมือบอกให้มีนาเป็นฝ่ายตัดใจจากชายหนุ่มเสียก่อนที่เจ้าตัวจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้เสียแล้วล่ะนะ
หัวค่ำคืนนั้น วารีลงมือช่วยสองพี่น้องเก็บเสื้อผ้าเตรียมไปเที่ยว พอหญิงสาวสังเกตเห็นลูกชายคนเล็กของเธอทำเป็นบ่นในเรื่องนี้แต่กลับมีท่าทางกระตือรือร้นผิดเคย ก็ทำให้เธอต้องถอนหายใจเบา ๆ แล้วแสร้งเปรยขึ้นคล้ายบ่นกับตัวเอง
"...บางทีการที่เราเลิกแกล้งโกหกตัวเองและหันมามองความรู้สึกของตัวเองอย่างจริงจังสักที มันก็อาจจะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่จะตามมาในอนาคตก็เป็นได้นะลูก"
มีนาชะงักและหยุดมือที่กำลังจัดเก็บเสื้อผ้าลง ส่วนเวหานั้นมองมาที่มารดาอย่างแปลกใจ
"หมายความว่ายังไงหรือครับแม่"
วารียิ้มน้อย ๆ แล้วจึงทำเป็นเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องอื่น
"ก็ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แม่ก็แค่นึกอะไรได้ก็เลยพูดเรื่อยเปื่อย อ๊ะ! จริงสิฟ้าเอาครีมกันแดดไปหรือยังจ๊ะ แดดทะเลแรงกว่าบ้านเราเยอะนะ เดี๋ยวผิวลอกแสบเอาแย่"
"ฟ้าเตรียมไว้แล้วล่ะครับ ขืนดำมากไปกว่านี้ เดี๋ยวพอเปิดเทอม เพื่อนฟ้ามันจะจำกันไม่ได้พอดี"
เวหาพูดแล้วก็หัวเราะเบา ๆ ส่วนมีนาแสร้งทำเป็นยิ้มตามพี่ชาย แต่ก็ยังคงเหลือบมองมารดาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ใส่เขา เด็กหนุ่มเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะแสร้งทำเป็นผสมโรงชวนพี่ชายคุยเรื่องอื่นต่อ และเมื่อมารดาออกจากห้องไปแล้ว เขาก็ยังคงหวนคิดถึงถ้อยคำที่มารดาพูดเปรยขึ้นโดยไม่ระบุตัวใครนั่นอีกครั้ง
'มีนรู้ว่าแม่ตั้งใจจะเตือนมีนทางอ้อม...แต่แม่อย่าห่วงเลยนะครับ...มีนยังไม่รู้สึกอะไรกับเขาถึงขั้นนั้นหรอก....ยังไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นสักนิด...ไม่รู้สึกเลยจริง ๆ ...'
มีนาลอบถอนหายใจเบา ๆ แล้วพยายามข่มตาหลับ เขาได้ยินเสียงเวหาขยับกายปิดไฟตรงหัวนอนของเจ้าตัว จากนั้นสักพักใหญ่เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของพี่ชายก็ดังขึ้น ทว่ามีนานั้นกลับยังคงนอนไม่หลับ เจ้าตัวลืมตามองเพดานไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบตีสอง เปลือกตาของเด็กหนุ่มก็เริ่มหนักลงและผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียในที่สุด
พอถึงเวลานัดในตอนเช้าเวหาก็ต้องแปลกใจที่เห็นมีนาซึ่งมักตื่นเช้าอยู่เสมอ กลับมีท่าทางสะลึมสะลืองัวเงีย เหมือนคนอดนอน ทั้งที่เมื่อคืนเขาก็เห็นว่าน้องชายเข้านอนก่อนเขาแท้ ๆ ส่วนทางด้านวารีและณรงค์หลังจากฝากฝังลูกชายกับพวกรวีเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่ก็ขอตัวตรงไปที่สวนผลไม้ด้วยกัน เพราะวันนี้วารีนั้นตั้งใจจะตามไปเป็นลูกมือช่วยสามี แทนลูกชายคนโตที่มักจะคอยไปช่วยอยู่ทุกวันนั่นเอง
"น้องมีนตื่นเต้นจนนอนไม่หลับสินะครับ ตาเป็นหมีแพนด้าเชียว"
เมฆาเอ่ยกระเซ้าเมื่อได้เห็นสีหน้าของเด็กหนุ่ม หากแต่เขาก็ต้องแปลกใจที่เห็นมีนาชะงักแล้วทำเป็นเมินมองไปอีกทาง ไม่โวยวายต่อล้อต่อเถียงเหมือนที่เคยเป็น
"มีนไม่สบายหรือเปล่า...ถ้าไปไม่ไหวเราเลื่อนเวลาไปช้ากว่านี้สักหน่อยก็ได้นะ...ได้ไหมครับพี่ซัน"
เวหาหันไปถามชายหนุ่มเพราะความเป็นห่วงน้อง ซึ่งรวีก็รีบพยักหน้าหงึกหงักตอบรับโดยไม่มีการเกี่ยงงอน
"ได้เลยครับ! ยังไงทะเลก็ไม่หนีเราไปอยู่แล้ว ...น้องมีนอยากให้พวกพี่พาไปหาหมอก่อนไหมครับ"
มีนามองรวีและพี่ชายของเขาก่อนจะฝืนยิ้มน้อย ๆ ให้
"มีนไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ แค่ง่วงนิดหน่อย...เมื่อคืนก็คงตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวเลยทำให้นอนไม่หลับ เหมือนที่พี่เมฆบอกมานั่นล่ะครับ"
คนฟังทั้งคู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ส่วนเมฆานั้นรู้สึกติดใจกับท่าทางของเด็กหนุ่มอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แย้งอะไรขัดออกไป
"ถ้าอย่างนั้นน้องมีนก็นอนหลับไปบนรถก็ได้นะครับ เดี๋ยวถ้าถึงแล้วพี่จะปลุกเอง"
เมฆาบอกกับเด็กหนุ่ม ซึ่งมีนาก็ฝืนยิ้มรับ และพอขึ้นไปนั่งตรงหลังรถ เจ้าตัวก็หลับตาลงไม่ได้พูดคุยอะไรกับใคร หากแต่พอรถแล่นไปสักพัก เด็กหนุ่มก็ผล็อยหลับไปจริง ๆ เสียงกรนเบา ๆ อย่างคนหลับสนิททำให้คนที่นั่งข้าง ๆ อมยิ้มอย่างเอ็นดู ส่วนเวหาพอเห็นน้องชายหลับสบายเขาก็สบายใจตาม และเริ่มหันไปคุยกับรวีพลางมองโน่นนี่ข้างทางตามที่คนขับแนะนำอย่างสนอกสนใจ และยิ่งพอรวีเอาขนมหวานที่แอบไปซื้อมายื่นส่งให้ เวหาก็ยิ้มหวานตอบรับด้วยความยินดีเสียจนทำให้คนขับแทบจะลืมมองทางข้างหน้า จนเมฆาต้องคอยกระแอมเตือนถี่อยู่บ่อยครั้ง เพราะพอเผลอ ๆ คนขับก็เหลือบชำเลืองมองคนนั่งข้าง ๆ อยู่เรื่อยจนน่าเป็นห่วง
ขับรถมาได้เกือบสองชั่วโมงพวกรวีก็ตัดสินใจจอดรถพักในปั๊มใหญ่ เพื่อเข้าห้องน้ำและยืดเส้นยืดสาย รวมถึงซื้อของกินของใช้ที่ขาดเหลือติดรถไปต่อด้วย
"อืม...ถึงแล้วหรือครับ"
มีนาที่ถูกปลุกขึ้นถามพี่ชายของตน ซึ่งเวหาก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วบอกว่ารถแวะจอดพักชั่วครู่ จากนั้นเด็กหนุ่มก็สอบถามอาการของน้องชาย ซึ่งมีนาก็ยิ้มแล้วตอบไปตามตรง
"ดีขึ้นมากเลยครับ คงเพราะนอนไม่พอจริง ๆ นั่นล่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นน้องมีนไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นดีไหมครับ เดี๋ยวพี่จะไปซื้อเครื่องดื่มเย็น ๆ มาให้ อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ"
เมฆาถามคนข้างกายอย่างเอาใจ ทำเอามีนาสะดุ้งและขยับห่างอย่างลืมตัว แต่พอเห็นสีหน้าแปลกใจของอีกฝ่ายก็ทำให้เด็กหนุ่มพยายามตั้งสติ แล้วแสร้งยิ้มน้อย ๆ พร้อมตอบกลับไป
"ผมขอพวกโคล่าเย็น ๆ ซ่า ๆ ก็ได้ครับ ...ขอบคุณนะครับพี่เมฆ"
เมฆายิ้มรับพร้อมพยักหน้า แม้จะยิ่งสงสัยต่อพฤติกรรมที่แปลกไปของเด็กหนุ่มยิ่งขึ้นไปอีก
จากนั้นเวหากับมีนาก็แยกย้ายไปล้างหน้าล้างตาและทำธุระส่วนตัว ส่วนพวกรวีกับเมฆาก็แยกไปซื้อเครื่องดื่ม ขนมของขบเคี้ยวเพิ่มเติม เมฆามองเพื่อนสนิทจ้องช็อกโกแลตแล้วต้องรีบปรามเสียก่อนที่อีกฝ่ายจะเหมามาหมดชั้น
"ขืนกินหมด น้องฟ้าคงได้อิ่มก่อนกินข้าวกลางวันกันแน่ ...มันคงไม่ดีใช่ไหมล่ะ ถ้าพวกเรากินข้าวกัน แล้วต้องให้น้องเขานั่งมองเพราะกินขนมจนอิ่มเกินไปน่ะ"
รวีนิ่วหน้า ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามมา
"ช่วยไม่ได้นี่นะ แต่หน้าน้องฟ้าตอนได้รับขนมแล้วก็ตอนกินขนมน่ะน่ารักมากเลยนะ เหมือนตอนเด็กไม่มีผิด"
เมฆามองหน้าเพื่อนตอนกำลังเคลิ้มฝันถึงอดีตด้วยสีหน้าค่อนข้างขยาด เพราะนึกยังไงรวีในวัยสิบสองที่ตกหลุมรักกับเวหาตอนสามขวบ มันก็ดูไม่ค่อยจะปกตินักอยู่ดีนั่นเอง
และเมื่อทั้งหมดมารวมกันที่รถ เมฆาก็เสนอตัวเป็นคนขับรถแทนเพื่อนสนิทที่สมาธิไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอยนัก ทำให้เวหากับมีนานั้นจำต้องย้ายที่สลับกัน โดยมีนาตอนนี้มานั่งเป็นเพื่อนข้างคนขับแทนที่พี่ชาย ซึ่งเด็กหนุ่มก็กลับมาพูดคุยกับเขาสนิทตามเดิม ทำให้เมฆาบอกตัวเองว่า บางทีเขาอาจจะคิดมากไปเอง เรื่องที่ว่าอีกฝ่ายนั้นดูค่อนข้างผิดปกติไปเมื่อตอนเช้านี้
ส่วนทางด้านมีนาค่อนข้างโล่งอกเล็กน้อย ที่เขาสามารถพูดคุยกับเมฆาได้เหมือนก่อนหน้านั้น เนื่องจากระหว่างไปเข้าห้องน้ำ เด็กหนุ่มพยายามบอกตัวเองว่า หากเขายังคงทำตัวผิดปกติต่อหน้าเมฆาออกไปมากกว่านี้ ก็เท่ากับเขายอมรับว่าเขาแอบมีใจให้กับเมฆาจริง ๆ ซึ่งนั่นทำให้ มีนาทนไม่ได้ ที่จะกลายเป็นว่าตัวเขาเองอาจจะเป็นฝ่ายตกหลุมรักข้างเดียวเช่นนี้
'เราไม่ได้คิดอะไรกับผู้ชายคนนี้สักหน่อย....ไม่ได้คิดสักนิด...ใช่แล้ว! เพราะอย่างนั้นก็ทำตัวตามปกติไปเหมือนเดิมสิ มีนา!'
เด็กหนุ่มเฝ้าบอกตัวเอง แล้วทำเป็นค้อนใส่เมื่ออีกฝ่ายพูดแหย่ตน ซึ่งนั่นก็สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับคนขับรถได้เป็นอย่างดี และนั่นจึงทำให้คนที่แอบลอบชำเลืองมองยามที่อีกฝ่ายเผลอ ต้องหลุดยิ้มเศร้า ๆ ออกมา แต่แล้วเพียงครู่เดียวก็กลับเป็นปกติ และหันไปหาเรื่องแซวสลับขัดคอคู่หวานด้านเบาะหลังแทน จนกระทั่งถึงที่พักส่วนตัวของรวีในที่สุด
.... TBC .....
ใครจะรอดราม่า คาดว่าอาจจะรอเก้อค่ะ เพราะคนแต่งไม่ค่อยชอบอะไรบีบคั้นเท่าไหร่ มาแป๊บ ๆ ก็ผ่านไปละ เน้นสุขสันต์หรรษามากกว่า หุ ๆ 