บทที่ 7
อีกด้านหนึ่งยูคิซึ่งแวะมาที่ห้องเรียนของเขา ก็กำลังถูกรุมล้อมด้วยเพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่ เพราะเวลานี้ก็ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วนั่นเอง
"ไม่จริงอะ! ทำไมทานากะคุงต้องย้ายโรงเรียนด้วยล่ะ!"
"ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ผู้ปกครองคนใหม่ของฉันเขาต้องการแบบนั้นนี่"
ยูคิแก้ตัวเมื่อเพื่อนสาวคนหนึ่งโวยวายใส่ อีกฝ่ายพอได้ยินก็เริ่มสะอื้นจนยูคิพูดไม่ออก
"อย่าร้องไห้น่ามินามิ ทานากะคุงเขาจำเป็นนี่นา"
เพื่อนอีกคนปลอบเด็กสาว แต่พอได้ยินดังนั้นแทนที่เธอจะหยุดเธอกลับร้องไห้โฮลั่นแทน
"ก็คนหน้าตาดีหายไปทั้งคน ใครมันจะทนได้ล่ะ! แล้วดูที่เหลือนี่สิ หน้าตาก็งั้น ๆ มองแล้วห่อเหี่ยว แล้วทีนี้ฉันจะเอากำลังใจที่ไหนมาโรงเรียนกัน!"
เพื่อนผู้ชายในห้องมองตากันเองปริบ ๆ ก่อนจะเลิกสนใจเด็กสาว และลากแขนยูคิให้ไปคุยกันห่าง ๆ
"ช่างยัยมินามินั่นเหอะ ว่าแต่นายจะย้ายไปที่ไหนล่ะ ใกล้แถวนี้ไหม เผื่อพวกฉันจะได้แวะไปหาบ้าง"
ยูคิชะงักกึกกับคำถามนั้น และดูเหมือนว่าแต่ละคนก็พากันสนใจโรงเรียนแห่งใหม่ของอีกฝ่ายกันยกใหญ่
"เอ่อ...ไม่รู้สิ ยังไงฉันก็แล้วแต่ผู้ปกครองคนใหม่เขาจะให้ย้ายไป...สำหรับฉันไม่ว่าที่ไหนก็เรียนได้ทั้งนั้น"
ยูคิตัดสินใจโกหกเพื่อน ๆ แทน เพราะขืนบอกไปตามตรงว่าเขาต้องไปเรียนที่โรงเรียนเอกชนยามิคุระ มีหวังเขาจะต้องถูกซักไซ้ยิ่งกว่าเดิมแน่
"ว้า...อย่างนั้นรึ! ไม่เป็นไร ไว้รู้โรงเรียนที่ย้ายแล้ว อย่าลืมโทรมาบอกกันล่ะ"
เด็กหนุ่มที่ชื่อโกและสนิทกับยูคิเป็นพิเศษบอกพร้อมรอยยิ้ม และเพราะอย่างนั้นจึงทำให้คนอื่นที่ไม่มีเบอร์มือถือของเด็กหนุ่ม ต่างพากันรุมขอและแลกเบอร์กันยกใหญ่ จนยูคิต้องเมมเบอร์ของเพื่อนเสียจนมือเป็นระวิงเลยทีเดียว
"อ๊ะ! สายเข้า...เบอร์คุณริวยะนี่นา...เอ่อ ทุกคน ผู้ปกครองฉันโทรตามแล้วล่ะ ฉันขอตัวก่อนนะ"
"อื้อ! ไว้ว่าง ๆ จะโทรไปหานะยูคิ!"
"โชคดีนะ ทานากะ!"
"คิดถึงฉันบ้างนะ ทานากะคุง! โฮ!"
เสียงแหลมของหญิงสาวพร้อมเสียงร้องไห้โฮปิดท้าย ทำให้เพื่อน ๆ พากันสั่นศีรษะ ส่วนยูคิทั้งลำบากใจทั้งระอา เด็กหนุ่มเอ่ยปลอบโยนให้อีกฝ่ายใจเย็น ก่อนจะโบกมืออำลาเพื่อนฝูง แล้วจึงออกจากห้องพร้อมกับกดรับโทรศัพท์ที่สัญญาณเรียกเข้ายังคงดังอยู่
"ทำไมรับช้า...ทำอะไรอยู่"
เสียงเข้มจากปลายสายทำเอายูคิสะดุ้งนิด ๆ เจ้าตัวลอบถอนหายใจแล้วจึงตอบออกไปตามตรง
"ขอโทษนะครับ พอดีกำลังคุยกับเพื่อนติดพันอยู่น่ะครับ แต่ตอนนี้ออกจากห้องมาแล้ว"
ปลายสายเงียบไปสักพัก แล้วจึงเอ่ยต่อ
"ทางนี้ฉันธุระจัดการเสร็จแล้ว ไปเจอกันที่รถได้เลย...อย่าช้านักล่ะ"
ท้ายประโยคเน้นย้ำชัด ๆ เสียจนคนฟังต้องกลืนน้ำลายลงคอ ยูคิตอบรับคำเสียงแผ่วกลับไป แล้วจึงจ้องมองโทรศัพท์ที่อีกฝ่ายกดวางสายไปแล้วด้วยสายตาเหนื่อยล้า
"หรือว่าเราจะคิดผิด ที่เลือกมาอยู่กับเขากันนะ"
ยูคิพึมพำ ก่อนจะชะงักแล้วสลัดความรู้สึกเหล่านั้นออกไป
'ไม่ได้! เขาอุตส่าห์ทำเพื่อเราขนาดนี้...เราต่างหากที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับเขาให้ได้... ใช่! เราไม่เหลือใครแล้ว...เราต้องพยายามอดทน...ใช่ อดทนให้ถึงที่สุด'
เด็กหนุ่มเฝ้าบอกกับตัวเองในใจ และเมื่อเดินออกมาทางด้านหน้าประตูเขาก็เห็นว่าริวยะกำลังยืนคุยอยู่กับผู้อำนวยการโรงเรียนที่ลงทุนออกมาส่งอีกฝ่ายถึงหน้าทางเข้าโรงเรียนเลยทีเดียว
"อ้าว! ทานากะ มาแล้วหรือ มา ๆ ยินดีด้วยนะที่จะได้ศึกษาในโรงเรียนชั้นนำอย่างยามิคุระน่ะ!"
เสียงของผู้อำนวยการโรงเรียนนั้นไม่เบาเลย และยูคิมั่นใจว่า หลังจากที่เขากลับไป เพื่อนของเขาคงจะได้รู้ข่าวเรื่องนี้กันในไม่ช้าเป็นแน่
"ยังไงผมก็ขอบคุณ ผอ.อีกครั้งนะครับ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องเอกสารให้รวดเร็วเช่นนี้"
"เรื่องเล็กน้อยน่ะครับ แค่คุณมุราคามิมาเยือนที่นี่ก็เป็นเกียรติมากแล้วครับ"
ผู้อำนวยการโรงเรียนรีบตอบกลับ จากนั้นริวยะจึงขอตัวแล้วโอบบ่าพายูคิเดินไปขึ้นรถด้วยกัน เรียกสายตาชื่นชมจากคนที่มองตามไปโดยถ้วนหน้า
"ถ้าเด็กคนนั้นเป็นผู้หญิง คงดูเป็นคู่ที่น่าอิจฉาทีเดียวเลยล่ะ"
เสียงซุบซิบพึมพำดังขึ้นไล่หลัง และก็แว่วมาเข้าหูยูคิเข้าให้ เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเหลือบมองคนที่โอบไหล่ตนอยู่ ซึ่งริวยะก็หันมาสบตาเข้าให้พอดี
"มีอะไร"
"มะ...ไม่มีครับ"
ยูคิรีบบอกแล้วก้มหน้างุด ๆ จึงไม่ทันได้มีโอกาสเห็นสีหน้าระบายยิ้มของคนที่มองอยู่ สักพักริวยะจึงเหลือบไปมองยังตำแหน่งห้องเรียนของเด็กหนุ่ม และก็เห็นว่ามีเพื่อนฝูงของยูคิกำลังยืนออกันจ้องมองพวกเขาอย่างสนอกสนใจเต็มไปหมด
"ป็อบปูล่าจังนะ..."
น้ำเสียงพึมพำกึ่งบ่นทำให้คนที่ก้มหน้าอยู่แปลกใจ แต่พอเหลือบมองอีกฝ่ายก็ได้เห็นสีหน้าเคร่งขรึมกึ่งบึ้งตึง ทำเอายูคิต้องรีบก้มหน้าหลบอีกครั้งด้วยความหวาดหวั่นแกมงุนงง
อีกด้านหนึ่งทาคุที่มองอยู่พอเห็นปฏิกิริยาของผู้เป็นเจ้านาย เขาก็ต้องลอบถอนหายใจ เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความหึงหวงและแสดงความเป็นเจ้าของเด็กหนุ่มอย่างชัดเจน เนื่องจากก่อนหน้านั้นพวกเขาเดินออกมานอกอาคารพร้อมผู้อำนวยการโรงเรียน แล้วริวยะกับเขาก็บังเอิญได้เห็นยูคิกำลังถูกรุมล้อมด้วยเพื่อนฝูงมากมายจากห้องบนตึกชั้นสอง แถมยังถูกหลายคนในนั้นโอบกอดใกล้ชิดสนิทสนมอีกด้วย
"เชิญครับ ท่านริวยะ"
ทาคุเปิดประตูรถด้านหลังให้ทั้งคู่ ซึ่งริวยะก็ดันร่างเล็กให้เข้าไปก่อน ส่วนเขาก็ก้าวตามไปนั่งข้าง ๆ และเมื่อทาคุขึ้นประจำตำแหน่งคนขับ ยังไม่ทันที่รถจะเคลื่อนออกไป เสียงโทรศัพท์ของยูคิก็ดังขึ้นเสียก่อน
"...ทำไมไม่รับล่ะ เพื่อนโทรมาไม่ใช่หรือ"
ริวยะเปรยเสียงเรียบติดห้วน เมื่อเห็นยูคิจ้องรายชื่อตรงหน้าจออย่างลังเล
"เอ่อ...ครับ ...สวัสดี.."
ยังไม่ทันที่ยูคิจะพูดทักปลายสายเสียงจากทางนั้นก็ดังขึ้นมาก่อน จนเด็กหนุ่มตกใจ
"เฮ้ย! ยูคิ! ไหงไม่เห็นนายบอกเลยว่าผู้ปกครองใหม่ของนายเป็นหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวขนาดนั้น! นี่ยัยมินามิกำลังคลุ้มคลั่ง อยากรู้จักว่าเขาเป็นใครอยู่ใกล้ ๆ ฉันเนี่ย!"
"เอ่อ...เบา ๆ หน่อยโก ...ฉันนั่งอยู่ในรถน่ะ"
ยูคิพยายามจะสื่อว่าคนที่เพื่อนของเขาถามถึงนั้นนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา และอยากให้อีกฝ่ายลดเสียงลงหน่อยนั่นเอง
"เออ! ฉันรู้ ก็เห็นเดินขึ้นไปบนรถแล้วไง ถึงได้โทรไป...ก็ไหงนายเคยบอกฉันว่าไม่มีญาติฝั่งไหนของพ่อแล้วก็แม่เหลืออีกแล้วนี่ ...ทีแรกฉันก็คิดว่าผู้ปกครองคนใหม่นั่นจะเป็นญาติห่าง ๆ ของฝั่งตาหรือยายนาย แต่นี่มองยังไงก็ไม่ใช่คนต่างจังหวัดชัด ๆ เลยนะ!"
เพื่อนที่สนิทคุ้นเคยกันดีโพล่งตามมา ทำเอายูคิรู้สึกอึดอัด ยิ่งมองไปทางริวยะก็เห็นอีกฝ่ายนั่งนิ่งเฉย เมินไม่มองเขา แต่บรรยากาศกลับดูเย็นชาผิดเคยเสียจนยูคิต้องอุบอิบบอกเพื่อนไป
"ไว้จะเล่าให้ฟังทีหลังนะโก...แค่นี้นะ เดี๋ยวฉันขอปิดเครื่องก่อน"
"เอ๋? คุยไม่ได้หรือ ผู้ปกครองคนใหม่ของนายเขาเคร่งมารยาทขนาดนั้นเลยหรือไง"
ยูคิไม่รู้จะตอบออกไปยังไง ทางปลายสายพอเห็นเพื่อนเงียบก็เลยหันไปทำสัญลักษณ์ให้คนอื่นที่ตะโกนถามโน่นนี่อยู่ด้านหลังตนเงียบบ้าง ก่อนจะหันไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทต่อ
"โอเค...งั้นฉันจะรอนายติดต่อมาเองแล้วกัน ยังไงก็ฝากขอโทษผู้ปกครองคนใหม่นายด้วยนะ ถ้าฉันโทรมารบกวนเขาน่ะ แค่นี้นะ โชคดีล่ะยูคิ...ยังไงนายก็ยังมีเพื่อนที่ห่วงนายอยู่อย่างพวกฉันนะ อย่าลืมล่ะ"
"อืม...ขอบใจ นายก็เหมือนกัน ตั้งใจเรียนบ้างนะ อย่าเอาแต่โหมเรื่องกิจกรรมชมรมนักล่ะ"
ยูคิเอ่ยตอบไปพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน แต่นั่นกลับทำให้คนที่เหลือบมองมาเห็นพอดีไม่สบอารมณ์ เจ้าตัวมองไปที่กระจกหน้ารถและสบสายตากับคนขับที่กำลังจ้องมองมา
"ทาคุ...กลับบ้านเลย ไม่ต้องไปต่อแล้ว"
"...ครับท่านริวยะ"
ทาคุขานรับคำสั่ง ก่อนจะเหลือบมองเด็กหนุ่มอย่างนึกสงสาร เพราะดูเหมือนว่ายูคิจะกำลังเป็นกังวลที่จู่ ๆ คนนั่งข้างก็เริ่มอารมณ์เสียขึ้นมา ซึ่งทาคุมั่นใจว่ายูคิคงไม่รู้หรอกว่า แท้จริงแล้วริวยะนั้นอารมณ์เสียเพราะสาเหตุใดกันแน่
เมื่อมาถึงบ้านพักริวยะก็ลงจากรถแล้วเดินลิ่วเข้าบ้านไปโดยไม่สนใจอีกคนที่ลงมาด้วยกัน ทำให้ยูคิมีสีหน้าสลด เพราะเกรงว่าริวยะนั้นจะโกรธเรื่องที่เขากับเพื่อนคุยกันในรถนั่นเอง
"ท่านริวยะไม่ได้โกรธคุณหรอกครับ...ท่านแค่หงุดหงิดบางอย่างเล็กน้อยก็แค่นั้น"
ทาคุเอ่ยขึ้นข้าง ๆ ทำเอาคนซึ่งกำลังยืนมองไล่หลังคนที่เดินจากไปถึงกับสะดุ้งโหยง แล้วจึงหันกลับมามองด้วยสีหน้าคาดหวัง
"จริง ๆ หรือครับ"
"ครับ...ผมอยู่กับท่านมานานจนพอจะรู้ดีว่าท่านคิดอะไรอยู่ เพราะฉะนั้นคุณก็อย่าวิตกไปเลยครับ"
ทาคุบอกพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ทำให้ยูคิยิ้มตอบ และรู้สึกโล่งอกตามมา
"ดีจัง...ผมคิดว่าคุณริวยะเขาจะโกรธเรื่องที่เพื่อนของผมพูดเสียอีก...โก เขาเป็นคนโผงผางพูดจาตรงไปตรงมาแบบนั้นล่ะครับ แต่ก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร"
"ท่านริวยะเองถึงภายนอกจะดูเงียบขรึม แต่ท่านก็ไม่ใช่คนดุร้ายหรือคบยากอะไรนักหรอกครับ ผมว่าคุณลองพูดคุยกับท่านบ่อย ๆ ก็จะสามารถทำความเข้าใจในตัวท่านริวยะได้เองล่ะครับ"
ยูคิพยักหน้ารับฟังในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด จากนั้นทาคุก็ขอตัวเอารถยนต์ไปเก็บ เด็กหนุ่มจึงเดินเข้ามาในบ้านเพียงลำพัง ทว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นริวยะกำลังยืนรออยู่หน้าห้องรับแขก ซึ่งเป็นทางผ่านไปยังห้องส่วนตัวของเขานั่นเอง
"ทำไมถึงตามเข้ามาช้านัก...หรือว่ามัวแต่โทรคุยอยู่กับเพื่อนสนิทของเธอกัน"
คำถามติดค่อนขอดทำให้คนฟังขมวดคิ้วยุ่ง พลางหวนคิดถึงคำพูดของทาคุที่ผ่านมา แล้วลอบถอนหายใจแผ่วเบา
'ไหนว่าไม่โกรธเรื่องนี้ไง ...แล้วทำไมถึงยกมาพูดแถมทำหน้าดุใส่เราด้วยล่ะ'
"เอ่อ...คือคุยกับคุณทาคุอยู่น่ะครับ เลยเข้ามาช้าไปหน่อย"
คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้คนฟังขมวดคิ้ว ก่อนจะย้อนถามกลับไปด้วยน้ำเสียงห้วนอย่างลืมตัว
"คุยเรื่องอะไร?"
ยูคิชะงัก เขาจ้องมองอีกฝ่ายแล้วนึกลังเลขึ้นมา แต่พอหวนคิดถึงคำพูดของทาคุก่อนหน้านั้น ก็ทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจตอบออกไปตามตรง
"ผมกลัวว่าคุณจะโกรธเรื่องที่เพื่อนผมพูดตอนอยู่ในรถ...แต่คุณทาคุบอกว่า คุณไม่ได้โกรธเรื่องนั้น...แล้วคุณทาคุก็ยังบอกอีกว่า...เอ่อ..."
ยูคิจ้องมองอีกฝ่ายที่ตอนนี้กำลังจับจ้องมองมาที่เขานิ่ง เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอแล้วเอ่ยต่อในสิ่งที่ได้รับฟังก่อนหน้านั้น
"คุณทาคุบอกว่า...คุณริวยะถึงจะดูเงียบขรึม แต่ไม่ใช่คนคบยากอะไร และให้ผมลองชวนคุณพูดคุยบ่อย ๆ ก็จะสามารถทำความเข้าใจในตัวคุณได้เองน่ะครับ"
ริวยะพอได้ฟังดังนั้น เขาก็นิ่งอึ้งไปสักพัก แล้วจึงหลุดรอยยิ้มอ่อนโยนน้อย ๆ ที่ทำให้ยูคิถึงกับตกตะลึงเมื่อได้เห็น
"หมอนั่น...จริง ๆ เลยนะ"
ชายหนุ่มพึมพำถึงลูกน้องคนสนิท ก่อนจะชะงักเมื่อได้เห็นดวงตากลมโตของคนตรงหน้าจ้องมองเขานิ่งคล้ายกำลังตกใจบางอย่าง
"มีอะไร...ทำไมทำหน้าแบบนั้น"
แม้จะเป็นคำถามห้วน ๆ แต่น้ำเสียงก็ฟังดูอ่อนลงกว่าก่อนหน้านั้น และนั่นก็ทำให้คนฟังสะดุ้ง พลางหน้าแดงระเรื่อตามมาอย่างห้ามไม่อยู่
"มะ...ไม่มีอะไรครับ...ผมแค่ตกใจ ที่เห็นคุณ...เอ่อ...ยิ้มแบบนั้น"
ริวยะเลิกคิ้ว แต่เขาก็รู้สึกดีที่ได้เห็นปฏิกิริยาเขินอายที่เด็กหนุ่มมีต่อเขาเช่นนี้
"ถ้าอยากเห็นฉันยิ้มบ่อย ๆ ก็อย่าพยายามขัดใจฉันนักก็แล้วกัน"
ริวยะเปรยบอก แต่นั่นกลับทำให้คนฟังนิ่งอึ้ง แล้วขมวดคิ้วนิด ๆ อย่างลืมตัวแทน ภาพสีหน้าเช่นนั้นทำให้คนมองนึกขำแกมเอ็นดูขึ้นมาทันที
"หึ...ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราถึงจะไปที่โรงเรียนเอกชนยามิคุระเพื่อจัดการเรื่องย้ายโรงเรียนของเธอให้เรียบร้อย"
"อ๊ะ...ครับ"
ยูคิรีบขานตอบ แล้วมองตามคนที่เดินกลับห้องพักตนเองไปด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นในหัวใจของตน
"...ผมอยากรู้จักคุณให้มากขึ้นกว่านี้จัง...คุณริวยะ...ถ้าเรารู้จักกันมากขึ้นแล้ว คุณจะยิ้มให้ผมแบบนั้นบ่อย ๆ ใช่ไหม..."
ยูคิพึมพำกับตนเอง ก่อนจะเดินเหม่อ ๆ ตรงกลับห้องพักไปเช่นเดียวกัน
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ริวยะกลับมาถึงห้อง เจ้าตัวก็ถอดเสื้อสูทแขวนไว้กับที่แขวน แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงนอนคิงไซส์กลางห้อง พลางหวนนึกถึงใบหน้าหวานแดงระเรื่อที่แสนน่ารักของคนที่เขาเพิ่งจากมา
"ยูคิ...เธอมีสีหน้าแบบนั้น แสดงว่าฉันยังคงมีความหวังใช่ไหม"
ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองแล้วนิ่งเงียบไปชั่วครู่ สักพักใบหน้าหล่อเหลาจึงแย้มยิ้มน้อย ๆ ทว่านัยน์ตาคมกริบกลับเป็นประกายวาววับอย่างมุ่งมั่น
"ไม่สิ...ถึงเธอจะคิดกับฉันยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ...เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะต้องทำให้เธอเป็นของฉัน ทั้งร่างกายและหัวใจให้ได้...ยูคิ"
ทางด้านยูคิ เมื่อกลับมาถึงห้องเขาก็นั่งเล่นอยู่ในห้องครู่ใหญ่ แต่แล้วก็รู้สึกเบื่อ จึงเดินออกมาจากห้องส่วนตัว และเข้ามาห้องข้าง ๆ เปิดประตูนั่งชมวิวตรงระเบียงอยู่สักพัก ทว่าจู่ ๆ เสียงมือถือที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตก็ดังขึ้น จนยูคิต้องรีบหยิบออกมาเปิดรับ
"โก...โทรมาได้ยังไงน่ะ นี่นายน่าจะกำลังเรียนอยู่ไม่ใช่หรือไง"
ยูคิถามปลายสายไปอย่างแปลกใจ ซึ่งอีกฝ่ายก็หัวเราะร่าเริงตอบกลับ
"ก็แกล้งทำเป็นปวดท้องแล้วขออนุญาตอาจารย์มาห้องน้ำแทนยังไงล่ะ ...อ๊ะ ว่าแต่นายตอนนี้อยู่คนเดียวหรืออยู่กับใครเนี่ย สะดวกคุยไหม"
"อือ...ฉันอยู่คนเดียวน่ะ คุยได้"
ยูคิรับคำ เขาได้ยินเสียงปลายสายถอนหายใจเฮือก ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดตรงถามเข้าประเด็นทันที
"นี่! เล่ามาเลยนะ ทำไมผู้ปกครองของนายถึงได้กลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มหล่อเฟี้ยวมาดเท่แถมยังท่าทางจะมีชื่อเสียงมาก ขนาดผอ.เรายังเกรงใจได้ อ้อ! ที่สำคัญ เขากับนายมีความสัมพันธ์แบบไหน ทำไมเขาถึงย้ายนายไปเรียนที่ยามิคุระ โรงเรียนค่าเทอมแพงแบบนั้นได้กัน!"
ยูคิกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เพราะเรื่องการย้ายโรงเรียนใหม่ของเขานั้นล่วงรู้ไปถึงหูของเพื่อนสนิทเร็วกว่าที่คาดไว้เสียอีก
"ง่า...ฉันเองก็ไม่รู้จักเขาดีสักเท่าไหร่นักหรอก ...รู้แต่ว่า เขารับส่งเสียเลี้ยงดูฉัน เพราะทำตามคำสั่งเสียของพ่อก่อนตายเท่านั้นนั่นล่ะ"
ปลายสายนิ่งอึ้งไปเมื่อได้รับฟัง แต่ถึงอย่างนั้นโกเองก็ยังคงรู้สึกสงสัยอยู่ดี
"ก็พอจะเข้าใจในเรื่องคำสั่งเสียอะไรนั่นหรอก...แต่พ่อนายมีบุญคุณอะไรกับเขานักหนา เขาถึงยอมทุ่มทุนย้ายนายไปอยู่ที่โรงเรียนหรูหราขนาดนั้นเลยน่ะ"
ยูคิเงียบกริบไปชั่วครู่ เขาคิดว่าคนที่มีบุญคุณน่าจะไม่ใช่พ่อแต่เป็นเขามากกว่า แม้ว่าจนป่านนี้เขายังประหลาดใจว่า ทำไมอีกฝ่ายต้องทำเพื่อเขาขนาดนี้ ทั้งที่เขาช่วยเหลือเจ้าตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"ก็ไม่เชิงหรอก...เห็นเขาว่าสนใจอยากให้ฉันทำงานด้วยตอนเรียนจบ ก็เลยจัดแจงให้ไปเรียนโรงเรียนที่มีการสอนเข้มข้นเป็นพิเศษแทนน่ะ"
เพราะเคยสัญญากับริวยะว่าจะไม่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับชายหนุ่ม ยูคิจึงเลี่ยงบอกความจริงเพื่อนไปเพียงบางอย่าง ซึ่งพอได้ยินดังนั้นเสียงร้องอ๋อของโกจึงดังขึ้นตามมา
"อ๋อ! แบบนี้นี่เอง ถ้างั้นก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะ เพราะนายเก่งจริงอยู่แล้วนี่นา...แต่สงสัยคงจะเตรียมใช้งานนายหนักแหงม เล่นส่งให้เรียนโรงเรียนหรูขนาดนั้น ...ระวังเรียนจบไปจะต้องทำงานแบบไม่ได้รับเงินเดือนแทนนะเพื่อน!"
ปลายสายล้อเลียนตามมา ซึ่งยูคิก็หัวเราะเบา ๆ แต่ในใจคิดว่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริง บางทีเค้าอาจจะสบายใจมากกว่า ที่จะให้ริวยะทำอะไรเพื่อเขามากเกินไป โดยไม่ยอมเรียกร้องสิ่งตอบแทน ดังเช่นทุกวันนี้
"อ๊ะ! งั้นฉันขอตัวก่อนล่ะ ออกมานานเกินไป เดี๋ยวอาจารย์จะสงสัยเอาเข้า"
โกที่เหลือบดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ รีบบอกเพื่อน ซึ่งยูคิก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับ
"เออ! รีบกลับไปเรียนเถอะ"
"แล้วไปเรียนที่ใหม่ก็อย่านอกใจกันนะที่รัก ไม่งั้นเค้าจะงอนตัวเองด้วยล่ะ!
โกแกล้งบอกตามมา ทำให้ยูคิหลุดหัวเราะเสียงใส จนใครบางคนที่กำลังเดินมาใกล้ห้องชะงักฝีเท้า
"รู้แล้วน่าที่รัก จะไม่นอกใจนายหรอก ไปเข้าเรียนได้แล้วน่า เดี๋ยวก็โดนอาจารย์เล่นงานพอดี!"
ปลายสายหัวเราะเบา ๆ ตอบ ก่อนตัดสายไป ทางด้านยูคิเก็บมือถือเข้ากระเป๋าเสื้อ แล้วสั่นศีรษะอย่างระอา ทว่ายังมีรอยยิ้มปรากฏให้คนที่ก้าวเข้ามาได้ทันเห็น
"มิน่า...ถึงแสดงออกว่าไม่อยากจะย้ายโรงเรียนนัก ถ้าอาลัยอาวรณ์กันขนาดนั้น จะให้ฉันช่วยย้ายคู่รักของเธอไปเรียนด้วยกันสักอีกคนไหมล่ะ"
น้ำเสียงห้วนฟังประชดประชันดังขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ และนั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ชะงัก ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าของเสียงอย่างตกใจ
"คุณริวยะ!"
"ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังเธอคุยกับคู่รักของเธอหรอก...ก็แค่ว่าจะแวะมาพูดถึงเรื่องที่ต้องเตรียมพรุ่งนี้ก็แค่นั้น...แต่ดูเหมือนตอนนี้เธอคงอยากจะอยู่นั่งคิดถึงคู่รักเธอตามลำพังมากกว่าล่ะสินะ"
ยูคิขมวดคิ้วยุ่ง ทีแรกเขาตั้งใจจะแก้ตัวว่าริวยะนั้นเข้าใจผิด แต่ถ้อยคำประชดประชันและแววตาที่คล้ายกับว่าเขาทำผิดหนักหนาเสียเต็มประดานั่น ก็ทำให้เด็กหนุ่มเลือกที่จะเงียบแทน และนั่นจึงทำให้ริวยะเม้มปากน้อย ๆ ด้วยความหงุดหงิด เพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะรีบแก้ตัวว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นเพียงเรื่องที่เขาเข้าใจผิดไปเอง
"...ฉันกลับล่ะ ถ้าอยากรู้เรื่องอะไรก็ไปถามทาคุเอาแทนแล้วกัน"
ชายหนุ่มบอกเสียงห้วน แล้วเดินออกไปจากห้องด้วยสีหน้าหงุดหงิด ส่วนยูคินั้นพอลับร่างสูงไปแล้ว เด็กหนุ่มก็ทิ้งกายลงนอนหงายบนผืนเสื่อในห้อง พลางพึมพำแผ่วเบากับตนเองอย่างเหนื่อยล้า
"เป็นอะไรของเขาอีกกันนะ...ผมไม่เข้าใจคุณเลย คุณริวยะ...ไม่เข้าใจจริง ๆ"
... TBC ...